The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรวิทยาศาสตร์64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanitnicha.som, 2022-09-13 23:36:16

หลักสูตรวิทยาศาสตร์64

หลักสูตรวิทยาศาสตร์64

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 47

น่ ย ช่ือ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ จำน น นำ้ นกั
ที่ )ชั่ โมง( คะแนน

ลักฐานเชิงประจัก ์

4 ินและทอ้ งฟ้า 3.1 ป.1/1 ระบดุ า ที่ - ด งดา ทปี่ รากฏบน (12) (15)
45
ปรากฏบนท้องฟ้าในเ ลา ทอ้ งฟา้ ในเ ลากลาง นั

กลาง นั และกลางคนื จาก และกลางคืน

ขอ้ มลู ทรี่ บร มได้

3.1 ป.1/2 อธบิ าย าเ ตทุ ี่ - าเ ตทุ มี่ องไม่เ น็ ดา 45

มองไม่เ ็นดา ่ นใ ญ่ใน ่ นใ ญ่ในเ ลากลาง ัน

เ ลากลาง ันจาก ลกั ฐานเชิง

ประจัก ์

3.2 ป.1/1 อธบิ ายลัก ณะ - ลัก ณะภายนอก 45
ภายนอกของ ิน จาก
เฉพาะตั ของ ิน (14) (17)
ลกั ณะ เฉพาะตั ท่ี ังเกตได้ 79

5 การใช้งานเทคโนโลยี 4.2 ป. 1/4 ใช้เทคโนโลยี - การใช้งานแป้นพมิ พแ์ ละ
เบือ้ งตน้ ในการ รา้ ง จัดเกบ็ เรยี กใช้ การดูแลรัก าอปุ กรณ์

ข้อมูลตาม ตั ถุประ งค์ เทคโนโลยีเบ้อื งต้น

- แปน้ พิมพแ์ ละอุปกรณ์

เทคโนโลยี

- ใชง้ านโปรแกรม

Microsoft word ,

PowerPoint, Paint

- การเปรียบเทียบค าม

เ มอื นและค ามแตกตา่ ง

ของ ่ิงต่างๆ

4.2 ป. 1/5 ใชเ้ ทคโนโลยี - การใชง้ านและการดแู ล 78
าร นเท อย่างปลอดภัย
รัก าอุปกรณเ์ ทคโนโลยี (14) (17)
ปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงในการใช้ เบือ้ งตน้ 78
คอมพิ เตอรร์ ่ มกนั ดูแล - การใชง้ านและดูแลรัก า
รกั าอุปกรณ์เบือ้ งต้น ใช้งาน อปุ กรณค์ อมพิ เตอร์ใน
อยา่ งเ มาะ ม
ชี ติ ประจำ ัน

6 การแก้ปัญ าอย่าง 4.2 ป.1/1 แก้ปัญ าอยา่ ง - การแก้ปญั าโดยใชก้ าร
เป็นขัน้ ตอน ง่ายโดยใช้การลองผดิ ลองถกู ลองผิดลองถกู
การเปรยี บเทยี บ
- การเปรียบเทยี บโดยการ

งั เกต ั ดทุ มี่ ีค าม

แตกต่าง

- การยกตั อยา่ ง ิธีการ

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 48

น่ ย ชอ่ื น่ ยการเรียนรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ จำน น น้ำ นัก
ท่ี )ชั่ โมง( คะแนน

แก้ปัญ าในชี ิต 9
(16)
ประจำ ัน
100
4.2 ป.1/2 แ ดงลำดับ - ิธีการแก้ปัญ าอย่างงา่ ย 7

ขนั้ ตอนการทำงาน รือการ โดยใช้ภาพ ัญลัก ณ์
แกป้ ัญ าอย่างง่ายโดยใช้ภาพ รอื ขอ้ ค าม
ัญลกั ณ์ รือข้อค าม
- เขียนขอ้ ค าม าดภาพ

รือ ัญลัก ณ์แ ดงลำดับ

ขั้นตอนการแกป้ ัญ า

7 การเขยี นโปรแกรม 4.2 ป. 1/3 เขยี น - ลกั การเขียนโปรแกรม (12)

เบื้องตน้ โปรแกรมอยา่ งง่ายโดยใช้ เบือ้ งต้น

ซอฟต์แ ร์ รือ อ่ื - การเขยี นโปรแกรมอย่าง

ง่ายโดยใชบ้ ตั รคำ ่ัง

- ลักการเขียนโปรแกรม

เบอ้ื งต้นโดยใช้ ่ือใน

เ ็บไซต์ Code.org

- เขียนโปรแกรมอย่างง่าย

โดยใช้ ือ่ ในเ ็บไซต์

Code.org

- ขั้นตอนการย่อขยายขนาด

โดยใช้โปรแกรม Scratch

- ขั้นตอนการเปล่ยี นแปลง

รปู ร่างโดยใชโ้ ปรแกรม

Scratch

- เขยี นโปรแกรมเพอ่ื งั่ ตั

ละครย่อและขยายขนาด

ในโปรแกรม Scratch

ร ม 15 80

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 49

โครง ร้างราย ชิ าพน้ื ฐาน

12101 ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี 2 กลุ่ม าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ชนั้ ประถม กึ าปที ่ี 2 เ ลา 120 ช่ั โมง

น่ ยท่ี ช่อื น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั จำน น น้ำ นัก
)ช่ั โมง( คะแนน
1 ัฏจักรชี ติ ของพืช 1.2 ป .2/1 ร ะ บุ ่ า พื ช - ปจั จยั ที่เก่ีย ข้องกบั การ (11)
ดอก ต้องการแ งและน้ำเพื่อการ เจรญิ เตบิ โตของพืช (9)
เจริญ เติบโต โดยใช้ข้อมูลจาก 3 4
3 3
ลกั ฐานเชงิ ประจัก ์
3 4
1.2 ป.2/2 ตระ นักถึงค าม - ค ามจำเป็นทพี่ ืชตอ้ งไดร้ บั น้ำ (3) (4)
จำเป็นที่พืชต้องได้รับน้ำและ และแ งเพือ่ การเจรญิ เติบโต
แ งเพ่ือการเจริญเติบโต โดย (10) (13)
4 4
ดูแลพืชใ ้ได้ รับ ่ิงดังกล่า
2 3
อย่างเ มาะ ม
2 3
1.2 ป.2/3 รา้ งแบบจำลอง - ฏั จกั รชี ติ ของพืชดอก
ที่บรรยาย ฏั จักรชี ติ ของพชื

ดอก

2 ิ่งมีชี ิตและ 1.3 ป.2/1 . เปรยี บเทยี บ - ลัก ณะของ ง่ิ มชี ี ิตและ

ง่ิ ไม่มชี ี ิต ลกั ณะของ งิ่ มชี ี ิตและ ิ่งไมม่ ชี ี ิต

่ิงไมม่ ชี ี ิต จากข้อมลู ท่ี

ร บร มได้

3 ธรรมชาตขิ อง าร 2.1 ป.2/1 เปรยี บเทยี บ - มบัตขิ อง ั ดุ
มบัตกิ ารดดู ซบั นำ้ ของ ั ดุ - การนำ มบัตขิ อง ั ดุไป
โดยใช้ ลกั ฐานเชงิ ประจัก ์
ประยกุ ต์ใช้ในชี ติ ประจำ ัน
และระบกุ ารนำ มบัตกิ ารดดู

ซับน้ำของ ั ดุไปประยุกต์ใช้

ในการทำ ัตถใุ นชี ติ ประจำ ัน

2.1 ป.2/2 อธิบาย มบัติท่ี - มบตั ขิ อง ั ดทุ เี่ กดิ จากการนำ
ังเกตไดข้ อง ั ดทุ ี่เกดิ จากการ ั ดุมาผ มกัน
นำ ั ดุมาผ มกัน โดยใช้

ลกั ฐานเชงิ ประจัก ์ ัตถใุ น

ชี ติ ประจำ ัน

2.1 ป.2/3 เปรียบเทยี บ - เปรียบเทยี บ มบัตทิ ่ี ังเกตได้
มบตั ทิ ี่ ังเกตไดข้ อง ั ดุ เพือ่ ของ ั ดุ
นำมาทำเป็น ตั ถุในการใช้งาน - การนำ ั ดุกลับมาใช้ใ ม่
ตาม ตั ถปุ ระ งค์ และอธิบาย

การนำ ั ดทุ ีใ่ ช้แล้ กลับมาใช้

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 50

น่ ยที่ ชอ่ื น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ จำน น น้ำ นัก
)ช่ั โมง( คะแนน
ใ มโ่ ดยใช้ ลักฐานเชงิ - ประโยชน์ของการนำ ั ดุทใ่ี ช้
ประจกั ์ แล้ กลับมาใช้ใ ม่ 23

2.1 ป.2/4 ตระ นักถงึ
ประโยชนข์ องการนำ ั ดุทใ่ี ช้
แล้ กลับมาใช้ใ ม่ โดยการนำ
ั ดุทีใ่ ช้แล้ กลับมาใช้ใ ม่

4 แมเ่ ล็กไฟฟ้า แ ง 2.2 ป.2/1 ทดลองและ - แรงท่เี กดิ จากแม่เ ลก็ (13) (16)
3
และการเคล่ือนท่ี อธิบายแรงทีเ่ กิดจากแม่เ ล็ก 3 3
3
2.2 ป.2/2 อธบิ ายการนำ - การนำแมเ่ ล็กมาใช้ประโยชน์ 2
3
แม่เ ลก็ มาใชป้ ระโยชน์
4
2.2 ป.2/3 ทดลองและ - แรงไฟฟา้ ทเี่ กดิ จากการถู ัตถุ 3

อธิบายแรงไฟฟ้าท่เี กิดจากการ บางชนดิ
ถู ตั ถุบางชนดิ

2.3 ป.2/1 บรรยายแน การ - แน การเคลื่อนทข่ี องแ งจาก 2

เคลื่อนทข่ี องแ งจาก แ ลง่ กำเนิดแ ง

แ ลง่ กำเนิดแ ง และอธบิ าย - การมองเ น็ ตั ถุ
การมองเ น็ ัตถจุ าก ลกั ฐาน

เชิงประจกั ์

2.3 ป.2/2 ตระ นักใน - ค าม ำคญั ของการมองเ น็ 3

คุณค่าของค ามรูข้ องการ - แน ทางปอ้ งกนั อันตรายจาก

มองเ ็นโดยเ นอแนะแน การมอง ัตถุที่อย่ใู นบริเ ณทม่ี ี

ทางการป้องกันอนั ตราย จาก แ ง ่างไม่เ มาะ ม
การมอง ตั ถทุ ี่อยู่ในบรเิ ณท่มี ี

แ ง ่าง ไม่เ มาะ ม

5 ดนิ 3.2 ป.2/1 ระบ ่ น - ่ นประกอบของดนิ (5) (6)

ประกอบของดิน และจำแนก - การจำแนกชนิดของดินโดยใช้ 3 3

ชนิดของดินโดยใช้ลกั ณะเนื้อ ลัก ณะเนื้อดินและการจบั ตั
ดนิ และการจับตั เปน็ เกณฑ์
เปน็ เกณฑ์

3.2 ป.2/2 อธบิ ายการใช้ - การใช้ประโยชน์จากดิน 23

ประโยชนจ์ ากดิน จากข้อมูลที่

ร บร มไดและการจับตั เป็น

เกณฑ์

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 51

น่ ยที่ ชอื่ น่ ยการเรียนรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ จำน น นำ้ นัก
)ช่ั โมง( คะแนน
6 การแก้ปัญ าอย่าง 4.2 ป. 2/5 ใชเ้ ทคโนโลยี - การใช้งานและการดแู ลรกั า
เป็นขัน้ ตอน าร นเท อยา่ งปลอดภัย (14) (14)
อปุ กรณเ์ ทคโนโลยเี บือ้ งตน้ 7 7

ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลงในการใช้ - การใช้งานและดแู ลรกั า
คอมพิ เตอรร์ ่ มกัน ดูแลรกั า อปุ กรณ์คอมพิ เตอรใ์ น
อปุ กรณเ์ บื้องตน้ ใช้งานอย่าง ชี ิตประจำ ัน
เ มาะ ม

4.2 ป. 2/1 - การเขียนข้ันตอนการแก้ปญั า 7 7
(9)
แ ดงลำดบั ข้ันตอนการทำงาน เบือ้ งต้น
รือการแก้ปัญ าอยา่ งง่ายโดย - ธิ ีการแ ดงขั้นตอนในการ (14)
ใชภ้ าพ ญั ลกั ณ์ รอื
แก้ปญั าแตล่ ะแบบ
ข้อค าม
- การเขยี นบอกเล่าแ ดงข้ันตอน

การแกป้ ญั า

- การ าดภาพแ ดงขัน้ ตอนการ

แกป้ ญั า

- เขยี นผงั งานอย่างงา่ ยแ ดง

ขั้นตอนการแกป้ ญั า

7 การตร จ า 4.2 ป. 2/2 - ขัน้ ตอนในการเขยี นโปรแกรม (4)

ขอ้ ผดิ พลาดของ เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โดยใช้ และการเขียนโปรแกรมแบบ น
โปรแกรม ซอฟต์แ ร์ รือ ่อื และตร จ า ซ้ำ
ข้อผดิ พลาดของโปรแกรม - ค าม ำคัญและประโยชน์ของ

การเขียนโปรแกรมแบบ นซ้ำ

- การบอกปัญ าทเี่ กิดข้ึนจาก

ข้อผิดพลาดในชี ติ ประจำ ัน

- ิธีการตร จ าข้อผิดพลาดของ

โปรแกรม

- การตร จ อบข้อผิดพลาด

- การแกไ้ ขขอ้ ผดิ พลาดจากการ

เขียนโปรแกรม

- นำค ามรแู้ ละประโยชน์ท่ไี ดร้ ับ

จากการเรียนมาประยกุ ต์ใชใ้ น

ชี ติ ประจำ ัน

- การเขียนโปรแกรมคำ ั่งโดยใช้

Code.org

8 การจดั การไฟลอ์ ย่าง 4.2 ป. 1/3 เขียนโปรแกรม - ค าม มายของซอฟต์แ ร์ (12)

มีระบบ อยา่ งง่ายโดยใช้ซอฟต์แ ร์ รือ - การใชโ้ ปรแกรมกราฟิก

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 52

น่ ยที่ ชอื่ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ จำน น นำ้ นกั
)ชั่ โมง( คะแนน
ื่อ - การแ ดงขั้นตอนการ รา้ งและ
(10) (13)
จดั เก็บไฟล์ด้ ยโปรแกรม

กราฟิก

- ค าม ำคัญของการใชง้ าน

ซอฟตแ์ ร์

- ธิ ีใชโ้ ปรแกรมประม ลคำ

- ธิ ีการใช้โปรแกรมนำเ นอ

- การคดั ลอกไฟล์และการยา้ ย

ไฟล์

- ค าม ำคัญและประโยชนข์ อง

การจัดการกับไฟล์อย่างเปน็

ระบบ

9 การใชเ้ ทคโนโลยี 4.2 ป. 2/4 ใช้เทคโนโลยีใน - การใชง้ านแป้นพมิ พ์และการ
าร นเท อย่าง การ ร้าง จัดเก็บ เรยี กใช้ข้อมูล ดแู ลรัก าอปุ กรณเ์ ทคโนโลยี
ปลอดภัย ตาม ัตถุประ งค์
เบอ้ื งตน้

- แปน้ พมิ พ์และอุปกรณ์

เทคโนโลยี

- ใชง้ านโปรแกรม Microsoft

word , PowerPoint, Paint

- การเปรียบเทียบค ามเ มือน

และค ามแตกต่างของ งิ่ ตา่ งๆ

- ค าม มายของข้อมูล ่ นตั

- การจำแนกขอ้ มูล ่ นตั

- การเขยี น ธิ ีการขอค าม

ช่ ยเ ลือเม่ือพบปญั าจาก

การเผยแพรข่ ้อมูล ่ นตั

- ค าม ำคัญของขอ้ มูล ่ นตั

และการเกบ็ รัก าข้อมูล ่ นตั

- อันตรายจากการเผยแพร่ข้อมูล

่ นตั

- ิธีการใช้อินเทอร์เน็ตอยา่ ง

ปลอดภัย

- เขยี นแน ทางการปฏบิ ัติเมอ่ื

พบอันตรายจากการเผยแพร่

ขอ้ มลู

- ค าม ำคญั ของอันตรายจาก

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 53

น่ ยท่ี ช่อื น่ ยการเรียนรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ จำน น นำ้ นกั
รม 16 การเผยแพรข่ อ้ มูล ่ นตั )ช่ั โมง( คะแนน

120 100

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 54

โครง รา้ งราย ชิ าพ้ืนฐาน

13101 ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี 3 กลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ชัน้ ประถม กึ าปที ่ี 3 เ ลา 120 ช่ั โมง

น่ ยท่ี ชื่อ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ/เรื่อง จำน น นำ้ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน
1 เรยี นรู้ ิทยา า ตร์ - - ทัก ะกระบ นการทาง ทิ ยา า ตร์
(2) -
คือ ิธีการ รือทัก ะท่ี ำคัญในการ 2
(8)
เรยี นรู้ ทิ ยา า ตรเ์ พราะช่ ยใ ้ (4) 2
1 2
ามารถ าคำตอบในเร่อื งที่ นใจได้ 1
2
อยา่ งถูกต้อง ซง่ึ ทัก ะกระบ นการทาง 1
2
ทิ ยา า ตร์ท่ีเรียนในช้นั เรียนนีเ้ ปน็ 1

ทัก ะกระบ นการทาง ิทยา า ตร์ข้นั

พน้ื ฐานและขั้น งู ไดแ้ ก่ ทกั ะการจดั

กระทำและ อ่ื ค าม มายข้อมูล ทัก ะ

การ าค าม ัมพนั ธข์ อง เปซกับเ ลา

ทัก ะการกำ นดนยิ ามเชิงปฏิบัติการ

ทัก ะการกำ นดและค บคุมตั แปร

และทกั ะการ ร้างแบบจำลอง

2 ชี ิตของมนุ ย์ 1.2 ป.3/1 บรรยาย ่ิงท่ี - มนุ ย์และ ตั ์ต้องการอา าร น้ำ

และ ัต ์ จำเป็นต่อการดำรงชี ิต และ และอากา เพอ่ื การดำรงชี ิตและการ

การ เจริญเติบโตของมนุ ย์ เจริญเตบิ โต

และ ตั ์โดยใชข้ ้อมูล ท่ี

ร บร มได้

1.2 ป.3/2 ตระ นกั ถึง - อา ารช่ ยใ ร้ า่ งกายแขง็ แรงและ

ประโยชน์ของอา าร นำ้ และ เจรญิ เตบิ โต น้ำช่ ยใ ร้ า่ งกายทำงานได้

อากา โดยการดแู ลตนเอง อยา่ งปกติอากา ใช้ในการ ายใจ

และ ัต ใ์ ไ้ ดร้ ับ ่ิงเ ลา่ น้ี

อยา่ งเ มาะ ม

1.2 ป.3/3 ร้าง - ัต แ์ ตล่ ะชนิด เช่น ผเี ือ้ กบ ไก่

แบบจำลองทบี่ รรยาย ฏั จักร มนุ ย์ จะมี ัฏจักรชี ิตทเ่ี ฉพาะและ

ชี ติ ของ ตั ์ และ แตกตา่ งกัน

เปรียบเทียบ ัฏจักรชี ิตของ

ัต ์บางชนิด

1.2 ป.3/4 ตระ นักถึง - ัต ์เมือ่ เป็นตั เตม็ ยั จะ ืบพันธุ์มีลูก

คณุ คา่ ของชี ติ ัต โ์ ดยไม่ทำ เมื่อลูก เจริญเติบโตเป็นตั เต็ม ัยก็

ใ ้ ัฏจกั รชี ติ ของ ตั ์ ืบพนั ธุ์มีลูกต่อไปได้อกี มนุ เ ยี น

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 55

น่ ยท่ี ช่อื น่ ยการเรยี นรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เรอ่ื ง จำน น นำ้ นัก
ตอ่ เนอ่ื งเป็น ฏั จักรชี ติ ของ ัต ์ )ชั่ โมง( คะแนน

เปลี่ยนแปลง (4)
2
3 ั ดุใน 2.1 ป.3/1 อธิบาย ่า ตั ถุ - ัตถอุ าจทำจากชิน้ ่ นย่อย ๆ ซ่ึงแต่ (4)
2
ชี ิตประจำ ัน ประกอบขน้ึ จากช้นิ ่ นย่อย ละชิน้ มีลัก ณะเ มือนกันมาประกอบ 2 (10)
3
ๆ ซงึ่ ามารถแยกออกจากกัน เขา้ ด้ ยกัน เม่ือ แยกช้ิน ่ นย่อย ๆ แต่
3
ไดแ้ ละประกอบกัน เปน็ ัตถุ ละชิน้ ของ ัตถอุ อกจากกัน ามารถนำ

ช้นิ ใ ม่ได้โดยใช้ ลกั ฐานเชิง ชนิ้ ่ นเ ลา่ น้ันมาประกอบเปน็ ตั ถุช้นิ

ประจกั ์ ใ ม่ไดเ้ ชน่ กำแพงบ้านมีก้อนอิฐ ลาย

ๆ กอ้ นประกอบเขา้ ด้ ยกัน และ

ามารถนำก้อนอิฐจากกำแพงบ้านมา

ประกอบเป็นพน้ื ทางเดนิ ได้

2.1 ป.3/2 อธบิ ายการ - เมื่อใ ค้ ามรอ้ น รือทำใ ้ ั ดรุ อ้ น 2

เปลีย่ นแปลงของ ั ดุเม่ือทำ ขึ้น และเมื่อลดค ามร้อน รอื ทำใ ้ ั ดุ

ใ ้ ร้อนข้ึน รอื ทำใ เ้ ย็นลง เย็นลง ั ดจุ ะเกิดการเปลย่ี นแปลงได้

โดยใช้ ลกั ฐาน เชิงประจัก ์ เชน่ เี ปลี่ยน รปู ร่างเปลี่ยน

4 แรงและการ 2.2 ป.3/1 ระบผุ ลของแรง - การดึง รอื การผลักเป็นการออกแรง (8)

เปลี่ยนแปลงการ ทมี่ ีตอ่ การเปลยี่ นแปลง การ กระทำตอ่ ัตถแุ รงมีผลต่อการเคล่ือนที่ 2

เคลอ่ื นท่ีของ ัตถุ เคล่ือนที่ของ ตั ถุจาก ลักฐาน ของ ัตถุแรง อาจทำใ ้ ัตถุเกิดการ

เชิงประจกั ์ เคล่อื นทีโ่ ดยเปล่ยี นตำแ นง่ จากที่ นึ่ง

ไปยังอีกที่ น่งึ

- การเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนที่ของ

ัตถุ ได้แก่ ตั ถุทอ่ี ยู่นิ่งเปลีย่ นเปน็

เคลอ่ื นที่ ัตถุท่ีกำลัง เคล่ือนท่ีเปล่ียน

เปน็ เคล่ือนทเี่ ร็ ข้นึ รือชา้ ลง รือ ยดุ

น่ิง รือเปลย่ี นทิ ทางการเคลื่อนท่ี

2.2 ป 3/2 เปรียบเทียบ - การดึง รอื การผลักเป็นการออกแรงที่ 2

และยกตั อย่างแรง มั ผั และ เกดิ จาก ัตถุ นงึ่ กระทำกบั อีก ัตถุ น่ึง

แรงไม่ ัมผั ทมี่ ผี ลต่อการ โดย ตั ถุทงั้ องอาจ ัมผั รือไม่ต้อง

เคลอื่ นทีข่ อง ตั ถุ โดยใช้ ัมผั กนั เชน่ การออกแรงโดยใชม้ ือดึง

ลักฐานเชิงประจัก ์ รือการผลักโตะ๊ ใ เ้ คลอ่ื นท่ีเป็นการ

ออกแรงท่ี ัตถุตอ้ ง ัมผั กัน แรงนี้จงึ

เป็นแรง ัมผั ่ นการทแี่ มเ่ ล็กดึงดูด

รือผลักระ ่างแมเ่ ล็กเปน็ แรงที่

เกิดข้นึ โดยแมเ่ ล็กไม่จำเป็นตอ้ ง ัมผั

กนั แรงแม่เ ล็กนจ้ี ึงเป็นแรงไม่ ัมผั

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 56

น่ ยท่ี ชื่อ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคญั /เรอ่ื ง จำน น น้ำ นัก
)ช่ั โมง( คะแนน

2.2 ป.3/3 จำแนก ัตถโุ ดย - แรงแมเ่ ล็กเปน็ แรงท่ีเกิดขนึ้ ระ า่ ง 2 2

ใชก้ ารดึงดดู กับแมเ่ ล็ก เป็น แม่เ ลก็ กับ ารแม่เ ลก็ รือแมเ่ ล็ก 2

เกณฑจ์ าก ลักฐานเชงิ กบั แม่เ ลก็ (10)
3
ประจกั ์
3
2.2 ป.3/4 ระบุขั้ แมเ่ ลก็ - แม่เ ลก็ มี 2 ข้ั คือ ขั้ เ นือและข้ั 2
2
และพยากรณ์ผลท่ีเกดิ ข้ึน ใต้ ข้ั แมเ่ ล็กชนิดเดยี กนั จะผลักกัน
2
ระ ่างขั้ แม่เ ล็กเมื่อนำมา ตา่ งชนดิ กันจะดึงดูดกัน
(10)
เขา้ ใกล้กันจาก ลกั ฐานเชิง 4

ประจกั ์

5 อากา รอบตั เรา 3.2 ป.3/1 ระบุ - อากา โดยทั่ ไปไมม่ ี ี ไม่มกี ล่ิน (8)

่ นประกอบของอากา ประกอบด้ ยแก๊ ไนโตรเจน แก๊ 2

บรรยายค าม ำคญั ของ ออกซิเจน แก๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ แก๊

อากา และผลกระทบของ อื่น ๆ ร มทั้งไอน้ำ และฝนุ่ ละออง

มลพิ ทาง อากา ต่อ ิ่งมีชี ติ อากา มีค าม ำคญั ตอ่ ่ิงมชี ี ติ

จากข้อมูลทีร่ บร มได้

3.2 ป.3/2 ตระ นกั ถงึ - ่ นประกอบของอากา ไมเ่ มาะ ม 2

ค าม ำคัญของอากา โดย เนอ่ื งจากมแี ก๊ บางชนิด รอื ฝุน่ ละออง

นำเ นอ แน ทางการปฏิบัติ ในปริมาณมาก อาจเปน็ อนั ตรายต่อ

ตนในการลดการเกดิ มลพิ ่ิงมีชี ติ ชนดิ ตา่ ง ๆ จดั เปน็ มลพิ ทาง

ทางอากา อากา

3.2 ป.3/3 อธิบายการเกิด - ลม คอื อากา ทเี่ คล่ือนท่ี เกิดจาก 2

ลมจาก ลักฐานเชิงประจกั ์ ค ามแตกต่างกัน ของอุณ ภูมอิ ากา

บรเิ ณทอี่ ยูใ่ กล้กนั โดยอากา บรเิ ณที่

มอี ุณ ภูมิ ูงจะลอยตั ูงขึ้น และ

อากา บริเ ณที่มีอุณ ภมู ิต่ำก ่าจะ

เคลื่อนเข้าไปแทนท่ี

3.2 ป.3/4 บรรยาย - ลม ามารถนำมาใช้เป็นแ ลง่ พลังงาน 2

ประโยชน์และโท ของลม ทดแทน ในการผลติ ไฟฟา้ และนำไปใช้

จากข้อมูล ทรี่ บร มได้ ประโยชนใ์ นการ ทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ของ

มนุ ย์ ากลมเคลอื่ นท่ี ด้ ยค ามเร็ งู

อาจทำใ ้เกิดอันตรายและ ค าม

เ ยี ายต่อชี ิตและทรัพย์ ินได้

6 พลังงานบนโลกเรา 2.3 ป.3/1 ยกตั อย่างการ - พลังงานเปน็ ปริมาณทแี่ ดงถึง (8)

เปล่ียนพลังงาน น่งึ ไปเป็นอกี ค าม ามารถ ในการทำงาน พลงั งานมี 3

พลงั งาน นึง่ จาก ลักฐานเชงิ ลายแบบ เช่น พลงั งานกล พลังงาน

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 57

น่ ยที่ ชื่อ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เร่อื ง จำน น น้ำ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน
ประจัก ์ ไฟฟา้ พลังงานแ ง พลงั งานเ ียง และ
พลังงานค ามรอ้ น โดย พลงั งาน 3 4
2.3 ป.3/2 บรรยายการ ามารถเปล่ียนจากพลังงาน น่ึงไปเป็น
ทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า อกี พลังงาน น่งึ ได้
และ ระบุแ ลง่ พลงั งานในการ
ผลิตไฟฟ้า จากข้อมูล ที่ - ไฟฟา้ ผลติ จากเครอ่ื งกำเนิดไฟฟา้ ซึ่ง
ร บร มได้ ใช้พลังงานจาก แ ล่งพลงั งานธรรมชาติ
ลายแ ลง่ เชน่ พลงั งาน จากลม
พลังงานจากน้ำ พลังงานจากแก๊
ธรรมชาติ

2.3 ป.3/3 ตระ นักใน - พลังงานไฟฟ้ามีค าม ำคัญต่อ 2 2
(8)
ประโยชนแ์ ละโท ของไฟฟา้ ชี ิตประจำ ัน การใช้ไฟฟา้ นอกจากต้อง 3
3
โดย นำเ นอ ธิ ีการใช้ไฟฟ้า ใช้อยา่ งถูก ิธี ประ ยัดและคุ้มคา่ แล้
2
อย่างประ ยัด และ ปลอดภัย ยังต้องคำนึงถงึ ค ามปลอดภยั ด้ ย

7 ด งอาทิตย์กับชี ติ 3.1 ป.3/1 อธบิ ายแบบรปู - คนบนโลกมองเ ็นด งอาทติ ยป์ รากฏ (6)

เ ้นทางการข้นึ และตก ของ ข้นึ ทางดา้ น นงึ่ รือตกทางอีกดา้ น นึ่ง 2

ด งอาทิตย์โดยใช้ ลกั ฐานเชิง ทุก ัน มุนเ ยี นเป็นแบบรปู ซำ้ ๆ

ประจัก ์

3.1 ป.3/2 อธิบาย าเ ตุ - โลกกลมและ มุนรอบตั เองขณะ 2

การเกิดปรากฏการณก์ ารขนึ้ โคจรรอบด งอาทิตย์ ทำใ บ้ รเิ ณของ

และตกของด งอาทติ ยก์ าร โลกได้รบั แ งอาทิตย์ไมพ่ ร้อมกัน โลก

เกิดกลาง ันกลางคืน และการ ด้านที่ได้รับแ งจากด งอาทติ ยจ์ ะเป็น

กำ นดทิ โดยใช้แบบจำลอง กลาง นั ่ นดา้ นตรงข้ามทไ่ี มไ่ ด้รับแ ง

จะเปน็ กลางคนื นอกจากน้ี คนบนโลก

จะมองเ ็นด งอาทติ ยป์ รากฏขึ้น

ทางด้าน นึง่ ซึง่ กำ นดใ เ้ ปน็ ทิ

ตะ นั ออก และมองเ ็นด งอาทติ ย์ตก

ทางอีกด้าน นง่ึ ซ่งึ กำ นดใ เ้ ป็นทิ

ตะ ันตก และเมือ่ ใ ด้ ้านข ามืออยทู่ าง

ทิ ตะ นั ออก ดา้ นซ้ายมืออยทู่ างทิ

ตะ ันตก ด้าน น้าจะเปน็ ทิ เ นือ และ

ด้าน ลงั จะเป็นทิ ใต้

3.1 ป.3/3 ตระ นักถึง - ในเ ลากลาง ันโลกจะได้รับพลังงาน 2

ค าม ำคญั ของด งอาทติ ย์ แ งและพลงั งานค ามร้อนจากด ง

โดย บรรยายประโยชน์ของ อาทติ ย์ ทำใ ้ ่ิงมีชี ิตดำรงอยู่ได้

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 58

น่ ยที่ ช่อื น่ ยการเรียนรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เร่ือง จำน น นำ้ นัก
)ชั่ โมง( คะแนน
ด งอาทิตย์ต่อ ่ิงมชี ี ติ (10)
(8)
8 อลั กอริทึมกบั 4.2 ป.3/1 แ ดง - การแกป้ ญั าโดยการแ ดงอลั กอรทิ มึ 8 10

การแก้ปัญ า อัลกอริทึมในการทำงาน รอื (Algorithm) เป็นกระบ นการแกป้ ัญ า (8) (10)
8 10
การแก้ปัญ า อยา่ งงา่ ยโดยใช้ ท่ี ามารถอธบิ ายออกมาเป็นข้ันตอนที่
(16) (20)
ภาพ ัญลัก ณ์ รือข้อค าม ชดั เจน เชน่ การนำเขา้ ข้อมูลแล้ จะได้ 8 10
8 10
ผลลัพธ์อยา่ งไร ซึ่งทำไดโ้ ดยการเขยี น
(8) (10)
บอกเล่า การ าดภาพ รือการใช้ 8 10

ญั ลกั ณ์เพื่อใ ไ้ ด้ผลลัพธ์ตามที่

ตอ้ งการ

9 การเขยี นโปรแกรม 4.2 ป.3/2 เขียนโปรแกรม - การเขยี นโปรแกรมใ ค้ อมพิ เตอร์

อยา่ งง่าย อยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟต์แ ร์ ทำงานตามข้ันตอนทไ่ี ดอ้ อกแบบไ ้นนั้

รือ ื่อ และตร จ า บางคร้ังจะเกดิ ปัญ า ซ่ึงปัญ าทเี่ กิดข้ึน

ขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม จากการเขยี นโปรแกรมในแต่ละขน้ั ตอน

ของคำ ่งั นนั้ เรยี ก า่ ข้อผิดพลาด

(Bug) ่ นการตร จ อบข้อผิดพลาด

และแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกดิ ขึ้นนั้น เรา

จะเรยี ก า่ Debugging คำ ั่งจะแจ้ง

เตอื นขอ้ ผิดพลาดท่ีเกดิ ข้ึน เพื่อใ ม้ ีการ

ทบท นแก้ไขข้อผิดพลาดน้ัน พร้อมทง้ั

แนะนำ ธิ ีการแก้ไขก่อนท่ีจะดำเนินการ

ต่อไป

10 อนิ เทอรเ์ น็ตและ 4.2 ป.3/3 ใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ - อินเทอรเ์ น็ต คอื เครอื ขา่ ย

เทคโนโลยี ค้น าค ามรู้ คอมพิ เตอรท์ ่ีเชอื่ มต่อกันครอบคลุมไป

าร นเท ท่ั โลก และเปน็ แ ล่งข้อมูลท่ีช่ ยใน

การเรียนและดำเนินชี ิต

4.2 ป.3/5 ใช้เทคโนโลยี - การใช้อินเทอรเ์ น็ตในการ ืบคน้ ข้อมลู
าร นเท อย่างปลอดภยั จากเ บ็ บรา ์เซอร์ตา่ ง ๆ โดยการใช้
ปฏิบตั ิ ตามข้อตกลงในการใช้ คำคน้ า(Keyword) ทีต่ รงประเดน็ และ
อนิ เทอร์เนต็ กระชับ เพอ่ื ใ ้ไดผ้ ลลัพธ์ที่ร ดเร็ และ

ตรงตามค ามต้องการและยงั ต้อง

คำนึงถึงข้อตกลงในการใช้อินเทอรเ์ นต็

11 4.2 ป.3/4 ร บร ม - การร บร มข้อมูล คือ การนำข้อมูลที่

ประม ลผล และนำเ นอ ามารถรับรู้ไดจ้ ากประ าท มั ผั ทงั้ 5

ข้อมูล โดยใช้ ซอฟต์แ รต์ าม และประเภทต่างๆ จากแ ล่งข้อมูลมา

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 59

น่ ยที่ ช่ือ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ/เร่ือง จำน น นำ้ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน
ร มกันไ ้ในรปู แบบที่เ มาะ มด้ ย
ตั ถปุ ระ งค์ ธิ ีการต่างๆ ตามขัน้ ตอนการร บร ม
ขอ้ มูล และนำขอ้ มลู ท่รี บร มมา
ประม ลผลจากการเปรียบเทยี บ จัด
กลมุ่ เรียงลำดับ เพือ่ ใ ไ้ ด้ าร นเท ท่ี
ต้องการ
การนำเ นอข้อมูล

ร ม 25

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 60

โครง รา้ งราย ชิ าพื้นฐาน

14101 ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี 4 กลุ่ม าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ช้นั ประถม กึ าปที ่ี 4 เ ลา 120 ช่ั โมง

น่ ยท่ี ช่ือ น่ ยการเรียนรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคญั /เร่ือง จำน น นำ้ นัก
)ช่ั โมง( คะแนน

1 ทิ ยา า ตร์น่ารู้ - - ทิ ยา า ตรเ์ ป็นการ กึ า (3) -

เกย่ี กบั ่ิงต่างๆ ที่อยรู่ อบตั 3

ิธีการและขน้ั ตอนทใี่ ชเ้ พอ่ื ตอบ

ปัญ าที่ ง ัย เรียก ่า ิธีการทาง

ิทยา า ตร์

- ในการ ืบเ าะ าค ามรู้อย่าง

เปน็ ระบบ ผู้เรียนค รฝกึ ฝนทัก ะ

กระบ นการทาง ทิ ยา า ตร์ใ ้เกิด

ค ามชำนาญ เพอ่ื ใ ้ ามารถคน้ า

คำตอบได้อย่างถกู ต้อง

- เมือ่ ทำการ กึ าและแ ง า

ค ามรโู้ ดยใช้กระบ นการทาง

ิทยา า ตรแ์ ล้ ผูเ้ รยี นจะเกิดจติ

ิทยา า ตร์

2 ค าม ลาก ลาย 1.3 ป.4/1 จำแนก - งิ่ มีชี ิตมี ลายชนิด โดยแตล่ ะ (23) (14)

ของ ่ิงมีชี ิต ่งิ มชี ี ิตโดยใชค้ ามเ มือน ชนิดจะมีลัก ณะ ำคัญบางอยา่ ง 4 3

และ ค ามแตกตา่ งของ เ มือนกนั รือแตกต่างกันไป ซ่งึ

ลกั ณะของ งิ่ มีชี ติ ามารถใช้เปน็ เกณฑ์ในการจัดกล่มุ

ออกเปน็ กลุม่ พชื กล่มุ ัต ์ ่ิงมีชี ิตออกเป็นกลมุ่ พืช กลุ่ม ัต ์

และกลุ่มท่ไี ม่ใช่พืช และ ตั ์ และกลมุ่ ที่ไม่ใช่พืชและ ตั ์

1.3 ป.4/2 จำแนกพืช - ในการจำแนกพืช ามารถใช้ 43

ออกเปน็ พชื ดอกและพืชไม่มี ลกั ณะการมดี อกของพืชเป็นเกณฑ์
ดอก โดยใช้การมดี อกเป็น และในการจำแนก ัต ์ ามารถใช้
การมีกระดกู นั ลังของ ัต เ์ ป็น
เกณฑ์โดยใช้ข้อมูลที่

ร บร มได้ เกณฑไ์ ด้ ตั ม์ ีกระดกู ัน ลงั แบ่ง

1.3 ป.4/3 จำแนก ัต ์ ออกได้ 5 กลมุ่ ซึง่ ตั ์มีกระดูก นั 4 2
ออกเปน็ ัต ์มกี ระดกู ัน ลงั แต่ละกลุ่มจะมลี กั ณะเฉพาะ
ลงั และ ัต ์ไม่มีกระดูก นั ท่ี งั เกตไดแ้ ตกตา่ งกัน

ลัง โดยใชก้ ารมี กระดูก นั

ลงั เป็นเกณฑ์โดยใช้ขอ้ มลู

ที่ร บร มได้

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 61

น่ ยท่ี ชือ่ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เรื่อง จำน น น้ำ นัก
)ชั่ โมง( คะแนน

1.3 ป.4/4 บรรยาย 42

ลกั ณะเฉพาะท่ี ังเกตได้

ของ ัต ์มกี ระดกู ัน ลงั ใน

กลมุ่ ปลา กลมุ่ ัต ์ ะเทินน้ำ

ะเทนิ บก กลุ่ม

ตั เ์ ลือ้ ยคลาน กลุ่มนก

และ กลมุ่ ตั เ์ ลย้ี งลูกด้ ย

นำ้ นม และยกตั อยา่ ง

่งิ มีชี ติ ในแตล่ ะกลุ่ม

1.2 ป.4/1 บรรยาย - พชื ดอกมี ่ นต่าง ๆ ท่ี ำคญั 74

นา้ ทีข่ องราก ลำต้น ใบ ไดแ้ ก่ ราก ลำต้น ใบ ดอก ผลและ

และดอก ของพืชดอก โดย เมลด็ ซึ่ง ่ นต่าง ๆ เ ลา่ น้ีจะทำ

ใช้ข้อมลู ท่ีร บร มได้ นา้ ท่ีต่างกันไป

3 แรงโนม้ ถ่ งของโลก 2.2 ป.4/1 ระบุผลของ - แรงโน้มถ่ งของโลก เปน็ แรง (16) (10)

และตั กลางของแ ง แรงโนม้ ถ่ งท่ีมีตอ่ ัตถุจาก ดงึ ดดู ท่โี ลกกระทำต่อม ลของ ตั ถุ 4 3

ลักฐาน เชงิ ประจกั ์ ทุกชนดิ ท่ีอยูบ่ นโลกและที่อย่ใู กล้

2.2 ป.4/2 ใชเ้ ครอ่ื งชง่ั โลก ซ่ึงมที ิ ทางเขา้ ู่ ูนยก์ ลางของ 4 2
ปริงในการ ดั น้ำ นักของ โลก ทำใ ้ ตั ถมุ ีน้ำ นักและตกลง ู่

ัตถุ พืน้ โลก เรา ามารถ ดั น้ำ นักของ
ตั ถุไดโ้ ดยใชเ้ ครื่องช่งั ปริง

2.2 ป.4/3 บรรยายม ล - ม ลของ ัตถุต่างๆ มผี ลตอ่ การ 4 2

ของ ัตถทุ ี่มีผลตอ่ การ เปลี่ยนแปลงการเคล่อื นทีข่ อง ตั ถุ

เปลยี่ นแปลง การเคลื่อนท่ี ตั ถทุ ่มี มี ลมากจะเปล่ียนแปลงการ

ของ ตั ถุจาก ลักฐานเชงิ เคล่อื นที่ได้ยากก า่ ตั ถทุ มี่ ีม ลนอ้ ย

ประจัก ์

2.3 ป.4/1 จำแนก ัตถุ - เม่ือมอง ่ิงตา่ ง ๆ โดยมี ตั ถุตา่ ง 4 3

เปน็ ตั กลางโปร่งใ ชนดิ มากนั้ แ ง จะทำใ ้มองเ น็ ่ิง

ตั กลางโปร่งแ ง และ ัตถุ นัน้ ๆ ชัดเจนแตกต่างกันไป

ทบึ แ ง จากลัก ณะการ จึงจำแนก ัตถทุ น่ี ำมากั้นแ งไดเ้ ปน็

มองเ ็น ิ่งต่าง ๆ ผา่ น ตั ถุ ตั กลางโปร่งใ ตั กลางโปรง่ แ ง

นน้ั เปน็ เกณฑ์ โดยใช้ และ ตั ถุทึบแ ง

ลักฐานเชงิ ประจัก ์

4 ั ดุและ าร 2.1 ป.4/1 เปรยี บเทยี บ - ั ดุต่าง ๆ มี มบัตทิ างกายภาพท่ี (28) (18)

มบัตทิ างกายภาพด้าน ามารถ ังเกตและทด อบได้ 75

ค ามแขง็ ภาพยืด ยุน่ แตกต่างกันไป เชน่ มีค ามแข็ง

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 62

น่ ยท่ี ชื่อ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เรอื่ ง จำน น น้ำ นกั
)ชั่ โมง( คะแนน

การนำค ามรอ้ น และการ มี ภาพยดื ยุน่ นำค ามร้อน

นำไฟฟ้า ของ ั ดุโดยใช้ นำไฟฟ้า เป็นตน้ ซ่ึงเรา ามารถนำ

ลักฐานเชิงประจัก ์จาก ั ดทุ ม่ี ี มบัติทางกายภาพด้าน

การทดลองและระบกุ ารนำ ตา่ ง ๆ มาใช้ประโยชนไ์ ดต้ า่ งกัน

มบัตเิ รื่องค ามแข็ง ภาพ

ยดื ยุ่น การนำค ามร้อน

และการนำไฟฟ้า ของ ั ดุ

ไปใช้ใน ชี ติ ประจำ ันผา่ น

กระบ นการ ออกแบบ

ช้นิ งาน

2.1 ป.4/2 แลกเปลีย่ น 74

ค ามคดิ กบั ผูอ้ ื่นโดยการ

อภปิ ราย เกยี่ กบั มบตั ทิ าง

กายภาพของ ั ดุอย่างมี

เ ตผุ ลจากการทดลอง

2.1 ป.4/3 เปรียบเทยี บ - ารในชี ติ ประจำ ันมี ลาย 7 5

มบตั ขิ อง ารทัง้ ๓ ชนิด แต่ละชนิดอาจอยูใ่ น ถานะ

ถานะ จาก ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ าก ของแข็ง ของเ ล รอื แก๊ ซ่ึง

การ งั เกตม ล การต้องการ ารแตล่ ะ ถานะอาจมี มบัติบาง

ทอี่ ยู่ รปู รา่ งและปริมาตร ประการเ มอื นกนั รือต่างกนั โดย

ของ าร ังเกตได้จากการมมี ล การตอ้ งการ

2.1 ป.4/4 ใชเ้ ครอื่ งมือ ที่อยู่ การมีรปู ร่างและปรมิ าตรของ 7 4
าร ซ่ึงเรา ามารถใชเ้ ครื่องมือใน
เพือ่ ดั ม ล และปรมิ าตร

ของ ารท้งั ๓ ถานะ การ ดั ม ลและปรมิ าตรของ ารได้

5 ด งจนั ทร์และระบบ 3.1 ป.4/1 อธิบายแบบ - ด งจนั ทร์โคจรรอบโลกพร้อมกับ (10) (8)

รุ ยิ ะของเรา รูปเ น้ ทางการข้นึ และตก มุนรอบตั เอง ในขณะท่ีโลก 32

ของด งจันทร์โดยใช้ มุนรอบตั เองจะทำใ ้เรามองเ ็น

ลกั ฐานเชิงประจัก ์ ด งจันทรป์ รากฏข้ึนทางดา้ นทิ

ตะ นั ออกและตกทางด้านทิ

ตะ ันตก ซึง่ มุนเ ยี นเปน็ แบบรปู

ซำ้ ๆ

3.1 ป.4/2 รา้ ง - ด งจันทร์นั้นเป็นทรงกลม แต่ 3 2

แบบจำลองทอ่ี ธบิ ายแบบรปู รปู รา่ งของด งจันทร์ทีป่ รากฏในแต่

การเปลี่ยนแปลงรูปรา่ ง ละ นั จะแตกต่างกัน ด งจันทรจ์ ะมี

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 63

น่ ยที่ ชื่อ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ/เรอ่ื ง จำน น นำ้ นกั
)ชั่ โมง( คะแนน

ปรากฏของด งจันทร์ และ รปู รา่ งปรากฏเป็นเ ี้ย โดยจะมี

พยากรณ์รูปร่างปรากฏของ ขนาดเพ่ิมขึ้นในแตล่ ะ นั จนเต็มด ง

ด งจันทร์ และมขี นาดลดลงจนมองไม่เ ็น

ด งจันทร์ จากน้นั รปู ร่างปรากฏของ

ด งจันทร์จะเป็นเ ี้ย ใ ญข่ ้ึนจน

่างเต็มด งอีกคร้งั และเกิดการ

เปล่ยี นแปลงเชน่ นีเ้ ปน็ แบบรูปซำ้ ๆ

ทุกเดือน

3.1 ป.4/3 รา้ ง - ระบบ รุ ยิ ะนัน้ เป็นระบบทมี่ ี ด ง 4 4

แบบจำลองแ ดง อาทติ ย์เป็น ูนย์กลาง และมีดา

องคป์ ระกอบของระบบ บริ ารตา่ งๆ โคจรอยูโ่ ดยรอบ

ุริยะ และอธบิ าย ประกอบด้ ยดา เคราะ ์8 ด ง

เปรยี บเทยี บคาบการโคจร ร มท้ังด งจนั ทร์บริ ารของดา

ของดา เคราะ ์ต่าง ๆ จาก เคราะ ์ตา่ ง ๆ ดา เคราะ ์แคระ

แบบจำลอง ดา เคราะ น์ ้อย ดา าง และ ตั ถุ

ขนาดเลก็ อื่น ๆ โคจรอยรู่ อบ

ด งอาทิตย์

- ดา เคราะ ท์ ่โี คจรรอบ

ด งอาทิตย์แต่ละด งจะมีขนาดของ

ดา ระยะ า่ งจากด งอาทิตยแ์ ละ

คาบการโคจรรอบด งอาทิตย์

แตกตา่ งกันไป

6 ข้ันตอน ิธีในการ 4.2 ป. 4/1 ใชเ้ ตุผล - ข้ันตอน ิธี รืออัลกอริทึม คือ (8) (10)

แก้ปญั า เชิงตรรกะในการแกป้ ญั า กระบ นการแก้ปัญ าทีม่ ีลำดบั 8 10

การอธบิ าย การทำงาน การ ชัดเจน ามารถคาดคะเนผลลัพธไ์ ด้

คาดการณ์ผลลัพธ์จาก - การอธิบายอัลกอรทิ มึ แบง่ ได้เปน็

ปญั าอยา่ งงา่ ย การแ ดงอัลกอรทิ มึ ด้ ยข้อค าม

การแ ดงอัลกอริทมึ ด้ ยร ั จำลอง

และการแ ดงอัลกอรทิ ึมด้ ยผังงาน

7 การเขียนโปรแกรม 4.2 ป. 4/2 ออกแบบ - โปรแกรม Scratch ามารถ (10) (12)

อย่างง่าย และเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย นำมาใช้พฒั นาซอฟต์แ ร์เชิง 10 12

โดยใช้ ซอฟตแ์ ร์ รอื ่ือ รา้ ง รรค์ เช่น การ ร้างนทิ าน การ

และตร จ าข้อผิดพลาด ร้างเกม เป็นต้น

และแก้ไข - การเขียนโปรแกรมเปน็ การ รา้ ง

ลำดบั ของคำ ่งั ใ ค้ อมพิ เตอร์

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 64

น่ ยท่ี ชอ่ื น่ ยการเรยี นรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เร่อื ง จำน น น้ำ นัก
)ช่ั โมง( คะแนน

ทำงาน เพ่อื ใ ไ้ ด้ผลลัพธ์ตามค าม

ตอ้ งการ ากมขี ้อผิดพลาดใ ้

ตร จ อบ การทำงานทลี ะคำ ัง่

เมอ่ื พบจุดทีท่ ำใ ้ผลลัพธ์ ไมถ่ ูกต้อง

ใ ้ทำการแก้ไขจนก ่าจะได้ผลลพั ธ์

ท่ถี ูกต้อง

- การฝึกตร จ าข้อผดิ พลาดจาก

โปรแกรมของผู้อนื่ จะช่ ยพฒั นา

ทัก ะการ า าเ ตขุ องปัญ าได้ดี

ยิง่ ขนึ้

8 การใช้งาน 4.2 ป. 4/3 ใช้ - อินเตอร์เนต็ คอื เครือข่าย (6) (8)

อินเตอร์เน็ต อนิ เทอร์เนต็ คน้ าค ามรู้ คอมพิ เตอร์ทเ่ี ช่อื มต่อกันจำน น 6 8

และประเมนิ ค าม มากและครอบคลุมไปท่ั โลก

นา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มูล - การค้น าขอ้ มูลค ามรู้จาก

อนิ เตอรเ์ นต็ ค รใชค้ ำคน้ ท่ตี รง

ประเด็น กระชับ จะทำใ ไ้ ด้ผลลพั ธ์

ทีร่ ดเร็ และตรงตามค ามต้องการ

การประเมินค ามนา่ เช่ือถือของ

ขอ้ มลู เชน่ พจิ ารณาประเภทของ

เ บ็ ไซต์ ( น่ ยงานราชการ ำนัก

ขา่ องค์กร) ผเู้ ขียน นั ที่เผยแพร่

ขอ้ มลู การอา้ งองิ

9 การนำเ นอข้อมลู 4.2 ป. 4/4 ร บร ม - การร บร มข้อมูลท่ีต้องการจาก (10) (12)

ด้ ยซอฟตแ์ ร์ ประเมนิ นำเ นอขอ้ มลู และ แ ล่งต่าง ๆ ทำได้โดยกำ นด ั ขอ้ 10 12

าร นเท โดยใช้ซอฟต์แ ร์ ทต่ี อ้ งการ เตรยี มอปุ กรณใ์ นการจด

ท่ี ลาก ลาย เพ่อื แก้ปญั า บนั ทกึ

ในชี ิตประจำ ัน - การประม ลผลอย่างงา่ ย เชน่

เปรียบเทยี บ จัดกล่มุ เรยี งลำดบั

การ าผลร ม การ ิเคราะ ์ผล

การ รา้ งทางเลือกท่ีเป็นไปได้ และ

การประเมนิ ทางเลือก

- การนำเ นอขอ้ มูลโดยใช้

โปรแกรมต่างๆ เชน่ ไมโครซอฟต์

เ ิร์ด ไมโครซอฟต์เอ็กเซล

ไมโครซอฟต์เพาเ อรพ์ อยด์

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 65

น่ ยท่ี ชอ่ื น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เรือ่ ง จำน น น้ำ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน

การใชซ้ อฟตแ์ รใ์ นการทำงาน เช่น

ใชพ้ ิมพเ์ อก าร ใชค้ ำน ณ ใช้ ร้าง

กราฟ ใชอ้ อกแบบ และนำเ นอ

งาน

10 การใชเ้ ทคโนโลยี 4.2 ป.4/5 ใชเ้ ทคโนโลยี - การใช้เทคโนโลยี าร นเท ในยุค (6) (8)

อย่างปลอดภัย าร นเท อย่างปลอดภยั ดิจิทลั อยา่ งปลอดภัย เข้าใจ ิทธิและ 6 8

เขา้ ใจ ิทธิและ น้าท่ขี อง น้าทข่ี องตน เคารพใน ิทธขิ อง

ตน เคารพใน ิทธขิ องผู้อนื่ ผู้อ่ืน เช่น ไม่ รา้ งข้อค ามเท็จและ

แจง้ ผู้เกีย่ ขอ้ งเม่ือพบข้อมูล ่งใ ้ผู้อ่ืน ไม่ ร้างค ามเดอื ดรอ้ น

รอื บคุ คลท่ี ไม่เ มาะ ม ต่อผู้อื่นโดยการ ่ง แปม ขอ้ ค าม

ลกู โซ่ ง่ ต่อโพ ตท์ ่ีมขี ้อมลู ่ นตั

ของผู้อ่ืน ่งคำเชิญเลน่ เกม ไม่

เข้าถึงข้อมูล ่ นตั รือการบ้าน

ของบุคคลอื่นโดยไมไ่ ดร้ ับอนญุ าต

ไม่ใชเ้ คร่อื งคอมพิ เตอร์/ชื่อบญั ชี

ของผู้อนื่

- การปกป้องขอ้ มลู ่ นตั เช่น

การออกจากระบบเม่อื เลิกใช้งาน ไม่

บอกร ั ผ่าน ไมบ่ อกเลขประจำตั

ประชาชน

ร ม 21 120 100

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 66

โครง รา้ งราย ิชาพนื้ ฐาน

15101 ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี 5 กลุ่ม าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี

ชั้นประถม กึ าปที ี่ 5 เ ลา 120 ช่ั โมง

น่ ยที่ ชอ่ื น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เร่ือง จำน น นำ้ นัก
)ช่ั โมง( คะแนน

1 เรยี นรู้แบบ - - ิธีการทาง ิทยา า ตร์ คอื (3) -

นัก ทิ ยา า ตร์ ขัน้ ตอนการทำงานอย่างเปน็ ระบบท่ี 3

นัก ทิ ยา า ตร์ใชใ้ นการคน้ ค า้ า

ค ามรู้ทาง ิทยา า ตร์ ซง่ึ มี 5

ขัน้ ตอน ได้แก่ การต้ังคำถาม การ

คาดคะเนคำตอบ รือตงั้ มมติฐาน

การร บร มข้อมลู รือการทดลอง

การ เิ คราะ ข์ ้อมูล และการ รุปผล

- ทกั ะกระบ นการทาง

ิทยา า ตร์ทัก ะกระบ นการทาง

ทิ ยา า ตร์ คอื ทกั ะท่ีเปน็ ค าม

ชำนาญและค าม ามารถในการ

บื เ าะเพอื่ ค้น าคำตอบ และการ

แก้ไขปัญ าต่างๆ ไดอ้ ย่างถกู ต้อง

และเ มาะ ม

2 ง่ิ มีชี ิตกบั 1.1 ป.5/1 บรรยาย - ง่ิ มีชี ิตท้ังพืชและ ัต ์มี (12) (6)

งิ่ แ ดลอ้ ม โครง รา้ งและลกั ณะของ โครง ร้างและลัก ณะทเ่ี มาะ ม 2 1

ิ่งมีชี ติ ทีเ่ มาะ มกบั การ ในแต่ละแ ลง่ ทอี่ ยู่ ซึง่ เป็นผลมา

ดำรงชี ิต ซง่ึ เป็นผลมาจาก จากการปรบั ตั ของ ่งิ มีชี ติ เพ่ือ

การปรบั ตั ของ ง่ิ มชี ี ิตใน ดำรงชี ิตและอยู่รอดไดใ้ นแตล่ ะ

แตล่ ะแ ลง่ ท่ีอยู่ แ ลง่ ที่อยู่

1.1 ป.5/2 อธบิ าย - ิ่งมีชี ิตจะมคี าม มั พันธ์ซึง่ กัน 2 1

ค าม ัมพนั ธร์ ะ า่ ง และกัน เพื่อประโยชน์ตอ่ การ

่งิ มชี ี ติ กบั งิ่ มีชี ิต และ ดำรงชี ติ เช่น ค าม มั พันธ์กันดา้ น

ค าม ัมพนั ธ์ระ ่าง การกินกันเป็นอา าร เป็นแ ล่งท่ี

ิ่งมชี ี ติ กบั ่ิงไมม่ ชี ี ิต เพ่ือ อยูอ่ า ัยและ ลบภัย

ประโยชนต์ ่อการดำรงชี ติ - ง่ิ มีชี ติ จะมีค าม ัมพันธ์กบั

ิ่งไมม่ ชี ี ิตเพ่อื ประโยชนต์ ่อการ

ดำรงชี ติ เช่น อากา ที่ใช้ในการ

ายใจ ใชด้ ินและ นิ เป็นท่อี ยู่อา ยั

รอื แ ล่ง ลบภยั

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 67

น่ ยที่ ช่อื น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เรื่อง จำน น น้ำ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน

1.1 ป.5/3 เขียนโซ่ - ิ่งมีชี ติ ต่าง ๆ ตอ้ งการพลังงาน 2 1

อา ารและระบบุ ทบาท เพอ่ื การดำรงชี ติ และการทำ

นา้ ทีข่ อง งิ่ มีชี ติ ท่เี ปน็ กิจกรรมต่าง ๆ ซง่ึ พลังงานนี้

ผู้ผลติ และผู้บริโภคในโซ่ ่ิงมชี ี ติ จะได้จากการกินอา าร

อา าร โดยในแต่ละแ ล่งทีอ่ ยู่ ง่ิ มีชี ิตตา่ ง

ๆ ท่อี า ัยอยูร่ มกันจะมีค าม

เก่ีย ขอ้ ง มั พันธ์กันในด้านการกนิ

อา าร และมีการถา่ ยทอดพลังงาน

ตอ่ กนั เป็นทอด ๆ ในรูปแบบของโซ่

อา าร

1.1 ป.5/4 ตระ นักใน - ิ่งมชี ี ติ และ ิ่งแ ดล้อมใน 21

คุณค่าของ ง่ิ แ ดลอ้ มท่ีมีตอ่ ธรรมชาติล้ นมคี ามเก่ยี ข้อง

การดำรงชี ิตของ ่ิงมชี ี ติ มั พนั ธ์กัน จึงทำใ ้เกิดค าม มดุล

โดยมี ่ นร่ มในการดแู ล ของธรรมชาติ เม่อื มนุ ยท์ ำลาย

รกั า ่ิงแ ดล้อม ิ่งแ ดล้อมจึงก่อใ ้เกิดผลกระทบ

ต่อ ง่ิ มีชี ิตและ ิง่ แ ดลอ้ ม ดังน้ัน

จึงค รมีการรัก า ่ิงแ ดล้อมและ

ทรพั ยากรธรรมชาติด้ ย ิธกี าร

ต่าง ๆ เพื่อใ ้ธรรมชาติเกิดค าม

มดลุ

1.3 ป.5/1 อธิบาย - ง่ิ มีชี ิตท้ังพชื ัต ์ และมนุ ย์ 2 1

ลัก ณะทางพันธุกรรมท่ีมี เมือ่ โตเต็มท่จี ะมีการ บื พนั ธ์เุ พอ่ื เพิ่ม

การถา่ ยทอดจากพ่อแม่ ลู่ ูก จำน นและดำรงพันธุ์ โดยลกู ท่ีเกิด

ของพืช ัต ์ และมนุ ย์ มาจะได้รบั การถ่ายทอดลกั ณะทาง

พันธุกรรมจากพอ่ แม่ ทำใ ้มี

ลัก ณะทางพันธุกรรมทีเ่ ฉพาะ

แตกตา่ งจาก ิ่งมชี ี ติ ชนดิ อ่ืน โดย

ลกั ณะทางพันธุกรรมของ ง่ิ มีชี ิต

จะอยูใ่ นยีน ซงึ่ ยนี คอื น่ ย

พันธุกรรมที่ทำ น้าทคี่ บคุมและ

ถ่ายทอดลัก ณะทางพันธุกรรมของ

่ิงมชี ี ิต

1.3 ป.5/2 แ ดงค าม - งิ่ มชี ี ติ ท้ังพืช ตั ์ และมนุ ย์ 2 1

อยากรู้อยากเ ็น โดยการ เม่อื โตเต็มที่จะมกี าร บื พันธเุ์ พอ่ื

ถามคำถามเกีย่ กับลัก ณะ เพิม่ จำน นและดำรงพนั ธ์ุ โดยลูกที่

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 68

น่ ยท่ี ช่อื น่ ยการเรียนรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เรอ่ื ง จำน น น้ำ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน

ท่ีคล้ายคลงึ กันของตนเอง เกิดมาจะไดร้ ับการถา่ ยทอดลกั ณะ

กับพ่อแม่ ทางพันธกุ รรมจากพอ่ แม่ทำใ ม้ ี

ลัก ณะทางพันธกุ รรมทีเ่ ฉพาะ

แตกตา่ งจาก ิง่ มีชี ิตชนดิ อื่น โดย

คนเราจะมลี ัก ณะคล้ายคลึงกับคน

ในครอบครั ของเรา ลกั ณะต่าง ๆ

ทีค่ ลา้ ยคลงึ กันนี้เป็นการถา่ ยทอด

ลกั ณะบางลัก ณะจากบรรพบุรุ

ูล่ กู ลาน เรยี ก ่า การถา่ ยทอด

ลัก ณะทางพันธกุ รรม

2.2 ป.5/1 อธิบาย ิธีการ - แรงลพั ธ์เป็นผลร มของแรงตงั้ แต่ (10) (7)

าแรงลพั ธ์ของแรง ลาย 2 แรงข้ึนไป ทรี่ ่ มกันกระทำต่อ ตั ถุ 2 1

แรงในแน เดยี กันทีก่ ระทำ เดยี กันจึงมผี ลทำใ ้ ัตถุนนั้

ต่อ ตั ถใุ นกรณที ่ี ตั ถอุ ยู่นงิ่ เปลีย่ นแปลงการเคลือ่ นทไ่ี ปตามผล

จาก ลักฐานเชิงประจัก ์ ของแรงลัพธ์ ซึง่ จะมีค่าเท่ากบั การ

2.2 ป.5/2 เขยี น ร มแรง ลายแรงเปน็ แรงเดีย 22

แผนภาพแ ดงแรงที่กระทำ

ต่อ ตั ถทุ ี่อยู่ในแน เดยี กัน

และแรงลัพธท์ ่ีกระทำต่อ

ตั ถุ

2.2 ป.5/3 ใชเ้ ครือ่ งช่ัง 21

ปริงในการ ัดแรงทกี่ ระทำ

ตอ่ ัตถุ

2.2 ป.5/4 ระบุผลของ - แรงเ ยี ดทานเป็นแรงท่เี กดิ ขึ้น 2 1

แรงเ ยี ดทานที่มีตอ่ การ ระ า่ งผิ มั ผั ของ ัตถุ องชน้ิ

เปล่ียนแปลงการเคลอื่ นที่ โดยผิ ัตถุ นึ่งต้านทานการ

ของ ัตถุจาก ลกั ฐานเชงิ เคล่อื นทข่ี องผิ ัตถุอกี ผิ นง่ึ ซึ่ง

ประจกั ์ แรงเ ียดทานจะมีทิ ตรงขา้ มกบั

2.2 ป.5/5 เขยี น การเคลือ่ นทขี่ อง ัตถนุ ั้น ๆ แรง 22

แผนภาพแ ดงแรงเ ียดทาน เ ียดทานมีผลทำใ ้ ัตถทุ กี่ ำลัง

และแรงท่อี ยู่ในแน เดีย กนั เคลือ่ นท่ีเกดิ การเคลื่อนท่ชี ้าลง รือ
ยดุ น่ิง
ทกี่ ระทำต่อ ตั ถุ

- แรงเ ียดทานมปี ระโยชนใ์ น

ชี ติ ประจำ ัน ลายกจิ กรรม ในการ

ใช้ประโยชนจ์ ากแรงเ ียดทานบาง

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 69

น่ ยที่ ชอื่ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ/เรื่อง จำน น น้ำ นกั
)ชั่ โมง( คะแนน

กจิ กรรมต้องลดแรงเ ียดทาน และ

ในบางกิจกรรมตอ้ งเพ่มิ แรงเ ยี ด

ทาน

3 แรงในชี ิตประจำ ัน 2.2 ป.6/1 อธบิ ายการ - เม่อื นำ ัตถุ 2 ชนิด มาขัดถูกัน (14) (10)

เกิดและผลของแรงไฟฟา้ ซ่งึ แล้ นำเข้ามาใกล้กันจะทำใ ้เกดิ 2 2

เกิดจาก ัตถุที่ผ่านการขัดถู แรงไฟฟ้า ซงึ่ อาจดงึ ดดู รอื ผลกั กนั

โดยใช้ ลกั ฐานเชงิ ประจัก ์ ากขัดถู ัตถุชนิดเดีย กันโดยใช้ ิง่

เดยี กัน จะทำใ ้เกดิ ประจุไฟฟ้า

ชนดิ เดยี กัน ซ่ึงมีแรงระ ่างประจุ

ไฟฟ้า เมือ่ นำ ตั ถุเข้าใกลก้ ันจะเกิด

แรงผลกั กัน ่ นการขัดถู ตั ถุชนิด

เดีย กันโดยใช้ ่งิ ต่างกัน จะทำใ ้

เกดิ ประจไุ ฟฟ้าตา่ งชนิดกัน ซงึ่ มแี รง

ระ ่างประจไุ ฟฟ้า เม่ือนำ ัตถุเขา้

ใกล้กันจะเกดิ แรงดึงดดู

2.3 ป.6/1 ระบุ - งจรไฟฟ้าอย่างงา่ ยประกอบด้ ย 2 1

่ นประกอบและบรรยาย 3 ่ น ำคัญ คือ แ ลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า

นา้ ทีข่ องแต่ละ เช่น ถา่ ยไฟฉาย มี น้าทใี่ พ้ ลงั งาน

่ นประกอบของ งจรไฟฟ้า ไฟฟา้ ายไฟฟ้า เป็นตั นำไฟฟ้า มี

อยา่ งง่ายจาก ลกั ฐานเชิง น้าที่เชอ่ื มตอ่ ระ ่างแ ลง่ กำเนิด

ประจัก ์ ไฟฟ้าและเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ เขา้ ด้ ยกัน

2.3 ป.6/2 เขยี น และเครื่องใชไ้ ฟฟ้า รืออปุ กรณ์ 22

แผนภาพและตอ่ งจรไฟฟา้ ไฟฟ้า มี น้าที่เปลีย่ นพลงั งานไฟฟา้

อยา่ งง่าย เปน็ พลังงานอ่ืน

2.3 ป.6/3 ออกแบบการ - การตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนุกรม 2 2

ทดลองและทดลองด้ ย ิธีที่ เปน็ การนำเซลล์ไฟฟา้ ลาย ๆ เซลล์

เ มาะ มในการอธิบาย มาเรยี งต่อกันเพียงแถ เดยี ทำใ ้

ิธีการและผลของการต่อ กระแ ไฟฟา้ เดินไปทิ ทางเดีย โดย

เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรม ใ ข้ ้ั บ กของเซลลไ์ ฟฟ้าเซลล์ นึ่ง

2.3 ป.6/4 ตระ นกั ถงึ ตอ่ กับข้ั ลบของอกี เซลล์ น่ึง เรียง 2 1

ประโยชน์ของค ามรูข้ อง กนั ไปเรอื่ ยๆ ทำใ ้มีพลังงานไฟฟา้
การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบ ใน งจรเพิ่มมากขึ้น ซ่งึ การต่อ

อนุกรมโดยบอกประโยชน์ เซลลไ์ ฟฟ้า ลายเซลลจ์ ะทำใ ้มี

และการประยุกต์ใชใ้ น พลังงานไฟฟ้าใน งจรมากก ่าการ

ชี ิตประจำ ัน ต่อเซลล์ไฟฟ้าเพยี งเซลลเ์ ดีย ซงึ่

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 70

น่ ยท่ี ชื่อ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เรอื่ ง จำน น น้ำ นกั
)ชั่ โมง( คะแนน

การต่อเซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รม

นำไปใชป้ ระโยชน์ในชี ิตประจำ ัน

ได้เช่น การต่อเซลล์ไฟฟ้าในไฟฉาย

2.3 ป.6/5 ออกแบบการ - การต่อ ลอดไฟฟา้ แบบอนุกรม 2 1

ทดลองและทดลองด้ ย ิธีที่ คอื การตอ่ ลอดไฟฟา้ แบบเรยี งตอ่

เ มาะ มในการอธบิ ายการ กนั โดยกระแ ไฟฟา้ ที่ผ่าน ลอด

ต่อ ลอดไฟฟ้าแบบอนุกรม ไฟฟ้าแตล่ ะด งจะมีปริมาณเดยี กัน

และแบบขนาน เม่อื ถอด ลอดไฟฟา้ ด งใดด ง น่ึง

2.3 ป.6/6 ตระ นกั ถงึ ออกทำใ ้ ลอดไฟฟา้ ท่ีเ ลือดบั 2 1

ประโยชนข์ องค ามรูข้ อง ท้งั มด ่ นการต่อ ลอดไฟฟ้า

การต่อ ลอดไฟฟา้ แบบ แบบขนาน คอื การตอ่ ลอดไฟฟ้า
อนุกรมและแบบขนาน โดย แต่ละด งคร่อมกัน ทำใ ้มี

บอกประโยชนข์ ้อจำกัด และ กระแ ไฟฟ้าไ ลแยกผ่านแต่ละ

การประยุกตใ์ ช้ใน เ ้นทาง ตาม ายไฟฟ้าทีผ่ า่ น ลอด

ชี ิตประจำ ัน ไฟฟา้ แต่ละด ง เม่อื ถอด ลอด

ไฟฟา้ ด งใดด ง นึ่งออก ลอด

ไฟฟา้ ทเ่ี ลือก็ยงั า่ งได้ การตอ่

ลอดไฟฟา้ แต่ละแบบ ามารถ

นำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น การต่อ

ลอดไฟฟา้ ลายด งในบา้ นจงึ ต้อง

ตอ่ ลอดไฟฟ้าแบบขนาน เพื่อ

เลอื กใช้ ลอดไฟฟ้าด งใดด ง นงึ่

ไดต้ ามต้องการ

4 เ ียงรอบตั เรา 2.3 ป.5/1 อธิบายการได้ - เ ียงเกิดจากการ ่ันของ (10) (7)

ยนิ เ ยี งผา่ นตั กลางจาก แ ล่งกำเนดิ เ ียงและอา ัยตั กลาง 2 2

ลักฐานเชงิ ประจัก ์ ในการเคล่อื นท่ี ซ่ึงตั กลางของเ ียง

จะมดี ้ ยกัน 3 ประเภท คอื ของแข็ง

ของเ ล และแก๊ โดยเ ยี งจะเดนิ

ทางผา่ นตั กลางทม่ี ี ถานะของแขง็

ได้ดกี า่ ตั กลางที่มี ถานะของเ ล

และ ถานะแก๊

- เู ปน็ อ ยั ะรบั เ ยี งประกอบด้ ย

3 ่ น คือ ูช้ันนอก ชู นั้ กลาง

และ ชู ัน้ ใน เม่ือเ ียงเดินทางผ่าน

ตั กลางของเ ียงเข้ามาถึงรู ู จะทำ

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 71

น่ ยท่ี ชื่อ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เรอ่ื ง จำน น น้ำ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน

ใ ้ ่ นประกอบภายใน ูเกิดการ

น่ั ะเทอื น จงึ ทำใ ้เราได้ยินเ ยี ง

2.3 ป.5/2 ระบตุ ั แปร - เ ยี ง งู เ ยี งตำ่ เป็นลัก ณะของ 2 1

ทดลอง และอธบิ ายลัก ณะ เ ียงทม่ี คี าม มั พันธ์กบั

และการเกิดเ ียง งู เ ียงต่ำ แ ลง่ กำเนิดเ ยี ง ากแ ลง่ กำเนิด

เ ยี ง นั่ ด้ ยค ามถ่ีต่ำจะเกดิ เ ียง

ต่ำ รือทุ้ม รอื ถ้า ่ันด้ ยค ามถี่ งู

จะเกิดเ ยี ง งู รือแ ลม

2.3 ป.5/3 ออกแบบการ - เ ียงดัง เ ียงค่อย เปน็ มบตั ิของ 2 2

ทดลองและอธิบายลัก ณะ เ ยี งทเ่ี รยี ก า่ ค ามดังของเ ียง

และการเกิดเ ยี งดงั เ ยี ง ขน้ึ อยกู่ ับปริมาณพลงั งานของเ ยี ง

คอ่ ย จากแ ล่งกำเนดิ เ ียงทเ่ี ดนิ ทาง

2.3 ป.5/4 ดั ระดับเ ียง มาถึง ูของผู้รบั เ ยี ง ถ้า 21

โดยใช้เคร่อื งมือ ัดระดับ แ ลง่ กำเนิดเ ยี ง ัน่ ด้ ยพลงั งาน
เ ยี ง มากจะทำใ เ้ กิดเ ียงดงั แตถ่ า้

แ ล่งกำเนดิ เ ียง ่ันด้ ยพลงั งาน

นอ้ ยจะเกดิ เ ียงค่อย

2.3 ป.5/5 ตระ นักใน - การรบั ฟงั เ ยี งทีด่ ังมาก ๆ เป็น 2 1

คณุ ค่าของค ามรเู้ รอ่ื งระดบั เ ลานาน ๆ ทำใ เ้ กิดอันตรายต่อ

เ ียงโดยเ นอแนะแน ทาง เยอ่ื แก้ ูได้ เ ยี งบางเ ียงแม้ ่าจะ

ในการ ลีกเลีย่ งและลด ดงั ไม่มากจนมีอันตรายต่อเยื่อแก้ ู

มลพิ ทางเ ยี ง แตก่ ่อใ เ้ กิดค ามรู้ ึก งดุ งิดและ

รำคาญ โดยเ ียงทม่ี ีลกั ณะเช่นน้ี

เรยี ก า่ มลพิ ทางเ ยี ง ซึ่งการ

ปอ้ งกันและ ลกี เล่ยี งมลพิ ทาง

เ ียง ามารถทำได้ ลาก ลาย ธิ ี

5 การเปลี่ยนแปลง 2.1 ป.5/1 อธิบายการ - ารทอี่ ยูร่ อบตั เรามี ลายชนดิ (12) (8)

ของ าร เปลย่ี น ถานะของ าร เมือ่ ารแตล่ ะชนิดท่พี บใน 32

ทำใ ้ ารร้อนขึ้น รอื เย็น ชี ิตประจำ ันอาจมี ถานะเปน็

ลง โดยใช้ ลักฐานเชงิ ของแข็ง ของเ ล รอื แก๊ ซึ่ง

ประจกั ์ ารอาจเปลยี่ นจาก ถานะ น่งึ ไป

เปน็ อีก ถานะ นึ่งได้ โดยอา ยั การ

เพิ่ม รอื ลดค ามร้อนใ ้แก่ ารไป

จนถึงระดับ นงึ่ เรียก ่า การเปลี่ยน

ถานะ

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 72

น่ ยที่ ช่ือ น่ ยการเรียนรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคญั /เรือ่ ง จำน น น้ำ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน

2.1 ป.5/2 อธบิ ายการ - เมือ่ ใ ่ ารลงในนำ้ แล้ ารนนั้ 3 2

ละลายของ ารในนำ้ โดยใช้ ร มเปน็ เน้ือเดีย กันกบั นำ้ ท่ั ทุก

ลกั ฐานเชิงประจกั ์ ่ น แ ดง ่า ารเกิดการละลาย

เรียก ารผ มท่ีได้ า่ ารละลาย

2.1 ป.5/3 ิเคราะ ์การ - เมือ่ ผ ม าร ๒ ชนดิ ขึน้ ไปแล้ มี 3 2

เปลย่ี นแปลงของ ารเมื่อ ารใ มเ่ กิดข้ึนซึ่งมี มบตั ิต่างจาก

เกดิ การเปล่ยี นแปลงทางเคมี ารเดิม รอื เมือ่ ารชนิดเดีย เกดิ

โดยใช้ ลกั ฐานเชงิ ประจัก ์ การเปลย่ี นแปลงแล้ มี ารใ ม่

เกดิ ขนึ้ การเปลี่ยนแปลงน้ีเรียก ่า

การเปล่ียนแปลงทางเคมี ซึง่ งั เกต

ไดจ้ ากมี ี รอื กลน่ิ ต่างจาก ารเดิม

รอื มีฟองแก๊ รือมีตะกอนเกดิ ขน้ึ

รือมกี ารเพม่ิ ข้ึน รือลดลงของ

อุณ ภมู ิ

2.1 ป.5/4 เิ คราะ ์และ - เม่ือ ารเกิดการเปลยี่ นแปลงแล้ 3 2

ระบุการเปลี่ยนแปลงทีผ่ ัน ามารถเปลย่ี นกลบั เป็น าร

กลบั ไดแ้ ละการเปลย่ี นแปลง เดมิ ได้ เรียก ่า การเปลี่ยนแปลงท่ี

ที่ผันกลับไมไ่ ด้ ผันกลบั ได้ เช่น การ ลอมเ ล การ

กลายเปน็ ไอ การแขง็ ตั การละลาย

เปน็ ตน้ ่ น ารท่เี กิดการ

เปลย่ี นแปลงแล้ ไม่ ามารถเปลย่ี น

กลบั เป็น ารเดมิ ได้ เรยี ก ่า การ

เปล่ยี นแปลงทผ่ี ันกลบั ไมไ่ ด้ เชน่

การเผาไ ม้ การ ุกของผลไม้ การ

เกดิ นิม เปน็ ตน้

6 แ ลง่ นำ้ 3.2 ป.5/1 เปรยี บเทยี บ - โลกของเรามนี ้ำปกคลมุ เป็น ่ น (13) (8)

และลมฟา้ อากา ปรมิ าณนำ้ ในแตล่ ะแ ลง่ ใ ญ่ของพ้ืนผิ โลกทงั้ มด โดยมที ง้ั 3 2

และระบุปริมาณน้ำท่มี นุ ย์ แ ลง่ น้ำเค็มและแ ล่งน้ำจดื ซงึ่ มี

ามารถนำมาใชป้ ระโยชน์ ค าม ำคญั ตอ่ การดำรงชี ิตของ

ไดจ้ ากข้อมูลท่ีร บร มได้ ง่ิ มีชี ิต น้ำจืดท่มี นุ ย์นำมาใช้ได้มี

3.2 ป.5/2 ตระ นกั ถึง ปริมาณนอ้ ยมาก เราจึงตอ้ งใช้นำ้ 2 1
คุณค่าของน้ำโดยน้ำเ นอ อย่างประ ยัดและร่ มกันอนุรกั ์น้ำ

แน ทางการใชน้ ้ำอย่าง

ประ ยดั และการอนรุ ัก ์น้ำ

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 73

น่ ยท่ี ชือ่ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เรอื่ ง จำน น นำ้ นกั
)ชั่ โมง( คะแนน

3.2 ป.5/3 ร้าง - เมฆ เกดิ จากไอน้ำในอากา จะ 3 2

แบบจำลองทอ่ี ธบิ ายการ ค บแนน่ เป็นละอองนำ้ เล็ก ๆ โดยมี

มุนเ ียนของนำ้ ใน ัฏจกั ร ละอองลอย เช่น เกลือ ฝนุ่ ละออง

นำ้ ละอองเรณขู องดอกไม้ เป็นอนภุ าค

3.2 ป.5/4 เปรยี บเทยี บ แกนกลาง เมื่อละอองน้ำจำน นมาก 2 1
กระบ นการเกดิ เมฆ มอก เกาะกลุ่มร มกันลอยอยู่ งู จาก

นำ้ ค้าง และน้ำค้างแข็ง จาก พน้ื ดินมาก แตล่ ะอองน้ำทเี่ กาะกลุ่ม

แบบจำลอง ร มกันลอยอยใู่ กล้พนื้ ดิน เรยี ก ่า

3.2 ป.5/5 เปรยี บเทียบ มอก 32
- ไอนำ้ ทีค่ บแน่นเป็นละอองน้ำ
กระบ นการเกิดฝน
ิมะ และลูกเ ็บ จากข้อมลู เกาะอยบู่ นพน้ื ผิ ตั ถุใกล้พ้ืนดิน
เรยี ก ่า น้ำค้าง ถา้ อณุ ภูมิใกล้
ทร่ี บร มได้
พื้นดนิ ตำ่ ก ่าจุดเยือกแข็งน้ำคา้ งก็

จะกลายเป็นน้ำค้างแข็ง

- ฝนเกดิ ไอน้ำในอากา ค บแนน่

เป็นละอองน้ำเลก็ ๆ เมือ่ ละอองน้ำ

จำน นมากในเมฆร มตั กนั จน

อากา ไม่ ามารถพยุงไ ไ้ ดจ้ งึ ตกลง

มาเป็นฝน

- ัฏจักรนำ้ เปน็ การ มุนเ ียนของ

น้ำที่มีแบบรูปซ้ำเดมิ และตอ่ เน่ือง

ระ า่ งน้ำในบรรยากา น้ำผิ ดนิ

และนำ้ ใตด้ ิน ซ่ึงพฤติกรรมในการ

ดำรงชี ิตของพืชและ ตั ์จะ ่งผล

ต่อ ัฏจักรนำ้

7 ปรากฏของด งดา 3.1 ป.5/1 เปรียบเทียบ - ดา ที่มองเ ็นบนท้องฟ้าอยูใ่ น (6) (4)

ค ามแตกต่างของดา อ กา ซึ่งเปน็ บริเ ณทีอ่ ยู่นอก 32

เคราะ ์และดา ฤก จ์ าก บรรยากา ของโลก มีทัง้ ดา ฤก ์

แบบจำลอง และดา เคราะ ์ ดา ฤก เ์ ป็น

แ ล่งกำเนดิ แ งจงึ ามารถมองเ ็น

ได้ ่ นดา เคราะ ไ์ ม่ใช่

แ ล่งกำเนิดแ ง

- ดา ฤก ์ เป็นดา ท่ีมแี ง ่างใน

ตั เอง จัดเปน็ แ ลง่ กำเนิดแ งจงึ

ามารถมองเ ็นเปน็ จดุ า่ งและมี

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 74

น่ ยที่ ช่ือ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เรื่อง จำน น นำ้ นัก
)ชั่ โมง( คะแนน

แ งระยบิ ระยบั บนท้องฟา้ ในเ ลา

กลาง นั จะมองเ น็ ท้องฟ้าเปน็ ฟี ้า

่ นในเ ลากลางคืนจะมองเ ็นกล่มุ

ดา ฤก ์ตา่ ง ๆ ท่อี ยูบ่ นทอ้ งฟา้ มี

รูปรา่ งแตกต่างกันออกไป

3.1 ป.5/2 ใช้แผนทด่ี า - การ ังเกตตำแ น่งกล่มุ ดา ฤก ์ 3 2

ระบตุ ำแ นง่ และเ ้นทาง ามารถทำไดโ้ ดยใช้การระบมุ มุ ทิ

การขึน้ และตกของกลุ่มดา และมุมเงยทีก่ ลุ่มดา นัน้ ปรากฏ ผู้

ฤก บ์ นทอ้ งฟ้า และอธบิ าย งั เกต ามารถใช้มือในการประมาณ

แบบรูปเ ้นทางการขนึ้ และ คา่ ของมุมเงยเมื่อ งั เกตดา ใน

ตกของกล่มุ ดา ฤก ์บน ท้องฟ้า

ท้องฟ้าในรอบปี

8 เ ตผุ ลเชิงตรรกะกับ 4.2 ป.5/1 ใชเ้ ตผุ ลเชิง - การใชเ้ ตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ (6) (8)

การแกป้ ัญ า ตรรกะในการแกป้ ัญ า การ แก้ปญั าเปน็ ิธีการทีเ่ ป็นการนำ 6 8

อธบิ ายการทำงาน การ กฎเกณฑ์ รือเง่ือนไขทค่ี รอบคลุม

คาดการณผ์ ลลพั ธ์จาก ทกุ กรณีมาใช้ เพอ่ื พจิ ารณาปัญ า

ปญั าอยา่ งงา่ ย ิธีการแก้ปัญ า ทำใ ้ ามารถ

คาดการณผ์ ลลัพธท์ ีจ่ ะเกิดข้ึนได้

อยา่ งมปี ระ ิทธภิ าพ ซง่ึ ิธีการ

แกป้ ัญ าที่ได้มกั จะถูกนำมาแ ดง

ใ อ้ ยู่ในรปู แบบของลำดบั ข้นั ตอน

รือทเ่ี รยี ก ่า อัลกอริทึม เพราะจะ

ช่ ยใ ้ ามารถแก้ไขปัญ าอย่างง่าย

ไดอ้ ย่างมขี ้ันตอน

9 การเขยี นโปรแกรม 4.2 ป.5/2 ออกแบบ - การออกแบบโปรแกรมโดยการ (10) (12)

โดยใช้เ ตผุ ลเชิง และเขยี นโปรแกรมทมี่ กี าร เขียนขอ้ ค าม เปน็ การอธบิ ายการ 10 12

ใชเ้ ตุผลเชงิ ตรรกะอยา่ ง ทำงานของโปรแกรมทใ่ี ชภ้ า าพดู ท่ี

งา่ ย ตร จ าข้อผิดพลาด เขา้ ใจงา่ ย เพอ่ื อธิบายข้ันตอนการ

และแกไ้ ข เขยี นโปรแกรม ่ นการออกแบบ

โปรแกรมด้ ยการเขยี นผงั งานเปน็

การนำ ัญลัก ณม์ าใชแ้ ทนลำดับ

ขน้ั ตอนในการเขยี นโปรแกรม

จากน้ันนำมาเขยี นคำ ่ังค บคุมการ

ทำงานใ ก้ บั ตั ละครแต่ละตั ท่ี

ร้างข้ึน โดยใชค้ ำ ัง่ ทเี่ ข้าใจง่ายใน

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 75

น่ ยท่ี ช่ือ น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ/เรอ่ื ง จำน น นำ้ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน

การ ั่งใ ท้ ำงาน ำ รับข้ันตอนใน

การเขียนโปรแกรม ประกอบด้ ย

การ เิ คราะ ป์ ญั า ออกแบบ

ธิ ีการแกป้ ัญ า และการเขียน

โปรแกรม และเมอื่ เขยี นโปรแกรม

เ ร็จเรยี บรอ้ ยแล้ ผ้เู ขยี นจะต้อง

ตร จ อบ ่าผลลัพธเ์ พ่อื า

ข้อผิดพลาดของโปรแกรม

10 ขอ้ มลู าร นเท 4.2 ป.5/3 ใช้ - ขอ้ มูล คอื ขอ้ เท็จจริงทเี่ กยี่ ข้อง (12) (15)

อินเทอร์เนต็ คน้ าข้อมลู กบั ่งิ ตา่ ง ๆ ามารถแบง่ ออกเป็น 5 12 15

ติดตอ่ อื่ ารและทำงาน ประเภท คอื ขอ้ มลู ตั อกั ขระ

ร่ มกัน ประเมินค าม ขอ้ มลู ภาพ ข้อมลู ตั เลข ขอ้ มลู เ ียง

น่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู และขอ้ มูลอ่นื ๆ การคน้ าข้อมูล

เพือ่ ทำการ ิ่งใด ่ิง นึ่งต้อง

พจิ ารณาขอ้ มลู ท่ีดีท่ี ุด

- ปจั จุบันได้มีการค้น าข้อมลู ที่

ร ดเร็ โดยใชเ้ บ็ ไซต์ท่เี รียก ่า

Search Engine ในการ บื คน้ ข้อมูล

จากแ ล่งข้อมูลตา่ ง ๆ จะต้องมีการ

ประเมนิ ค ามถูกต้อง ค าม

น่าเชื่อถอื ของขอ้ มลู เพ่ือใ ไ้ ด้ข้อมูล

ทต่ี รงตามค ามต้องการ

11 การใช้อนิ เทอร์เน็ต 4.2 ป.5/4 ร บร ม - ในปจั จบุ นั การติดตอ่ ื่อ ารผา่ น (12) (15)

อย่างปลอดภัย ประเมนิ นำเ นอขอ้ มลู และ อนิ เทอรเ์ นต็ ทำได้ ลาก ลายและ 6 8

าร นเท ตาม ัตถปุ ระ งค์ ช่ ยตอบ นองค ามตอ้ งการของ

โดยใชซ้ อฟตแ์ ร์ รอื บรกิ าร มนุ ย์ ใ ม้ คี าม ะด ก บายมาก

บนอินเทอรเ์ นต็ ที่ ยิง่ ข้ึนในด้านการ ื่อ าร ดังนัน้ จึงมี

ลาก ลาย เพ่ือแกป้ ัญ า ผ้ใู ชค้ อมพิ เตอรแ์ ละเครือข่าย

ในชี ติ ประจำ ัน คอมพิ เตอร์เปน็ เคร่อื งมือในการ

4.2 ป.5/5 ใชเ้ ทคโนโลยี กระทำค ามผดิ เพอื่ ใ ้ผู้อื่นเ ยี าย 6 7

าร นเท อยา่ งปลอดภัย มี รอื เ ือ่ มเ ยี ชื่อเ ียง โดยมกั จะ
มารยาทเขา้ ใจ ิทธแิ ละ เรียก า่ อาชญากรรมทาง

นา้ ทีข่ องตน เคารพใน ิทธิ อินเทอรเ์ น็ต ดังน้ัน ผใู้ ช้
ของผู้อ่นื แจ้งผูเ้ กย่ี ข้องเม่ือ คอมพิ เตอรท์ ดี่ จี ะตอ้ งมแี น ทาง
พบขอ้ มูล รอื บคุ คลทีไ่ ม่ ป้องกันการเกิดอาชญากรรมทาง

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 76

น่ ยท่ี ชือ่ น่ ยการเรียนรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคญั /เร่ือง จำน น นำ้ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน
เ มาะ ม อนิ เทอรเ์ น็ต ร มถงึ การใช้
อินเทอรเ์ นต็ อย่างมีมารยาท เพราะ 120 100
นอกจากการตดิ ต่อ อื่ ารแล้
อนิ เทอร์เนต็ ยังถูกนำมาใช้ ำ รบั
การ ิเคราะ ์ข้อมลู การร บร ม
ข้อมูล การประม ลผลข้อมูล เพือ่
พิจารณาทางเลือกท่เี ป็นไปได้ และ
เ มาะ มมากท่ี ดุ

ร ม 32

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 77

โครง รา้ งราย ิชาพ้นื ฐาน

16101 ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี 6 กลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี

ช้นั ประถม ึก าปีท่ี 6 เ ลา 120 ช่ั โมง

น่ ยที่ ช่ือ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เรอ่ื ง จำน น นำ้ นัก
)ชั่ โมง( คะแนน

1 การ ืบเ าะ า - - กระบ นการทาง ิทยา า ตร์ คอื (5) -

ค ามรู้ทาง ิธีการและขั้นตอนท่ีนัก ิทยา า ตร์ 5

ทิ ยา า ตร์ ใชด้ ำเนนิ การเพื่อคน้ ค ้า าค ามรู้

ทาง ทิ ยา า ตร์ กระบ นการทาง

ิทยา า ตรแ์ บ่งออกเป็น 3 ประเภท

คือ 1) ิธกี ารทาง ทิ ยา า ตร์ 2)

ทกั ะกระบ นการทาง ทิ ยา า ตร์

3) จิต ิทยา า ตร์

2 รา่ งกายของเรา 1.2 ป.6/1 ระบุ - มนุ ย์มกี ารเจรญิ เติบโตและมกี าร (15) (8)

ารอา ารและบอก เปลย่ี นแปลงทางด้านร่างกายตัง้ แต่ 3 2

ประโยชนข์ อง ารอา ารแต่ แรกเกิดจนเป็นผใู้ ญ่ โดย งั เกตได้

ละประเภทจากอา ารท่ี จากม ล ค าม ูง ค ามยา แขนและ

ตนเองรบั ประทาน ขาทเี่ พ่มิ ขึ้น ซง่ึ ในแต่ละช่ ง ัยจะมี

ขนาดของร่างกายและพฒั นาการ

ทางดา้ นร่างกายที่แตกตา่ งกันไป

- ารอา ารทีอ่ ย่ใู นอา ารมี 6

ประเภท ไดแ้ ก่ คารโ์ บไฮเดรต

โปรตีน ไขมัน เกลอื แร่ ติ ามิน และ

นำ้

1.2 ป.6/2 บอกแน ทาง - การรบั ประทานอา ารเพื่อใ ้ 32

ในการเลือกรับประทาน รา่ งกายเจริญเตบิ โตมีการ

อา ารใ ้ได้ ารอา าร เปล่ียนแปลงของร่างกายตามเพ และ

ครบถ้ น ใน ดั ่ นที่ ยั และมี ุขภาพดี จำเปน็ ต้อง

เ มาะ มกบั เพ และ ยั รับประทานใ ไ้ ด้พลงั งานเพียงพอกบั

ร มทัง้ ค ามปลอดภยั ต่อ ค ามต้องการของร่างกายและใ ้ได้

ุขภาพ ารอา ารครบถ้ นใน ัด ่ นที่

เ มาะ มกบั เพ และ ัย ร มทัง้

คำนงึ ถงึ ชนดิ และปริมาณของ ตั ถุเจือ

ปนในอา ารเพ่ือค ามปลอดภัยต่อ

ุขภาพ

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 78

น่ ยท่ี ชื่อ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ/เรือ่ ง จำน น น้ำ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน

1.2 ป.6/3 ตระ นกั ถงึ - ารอา ารแต่ละประเภทมี 32

ค าม ำคญั ของ ารอา าร ประโยชน์ต่อรา่ งกายแตกต่างกัน โดย

โดยการเลือกรับประทาน คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันเป็น

อา ารท่ีมี ารอา าร ารอา ารที่ใ พ้ ลังงานแกร่ า่ งกาย

ครบถ้ นใน ดั ่ นที่ ่ นเกลอื แร่ ติ ามิน และน้ำเปน็

เ มาะ มกับเพ และ ยั ารอา ารท่ีไม่ใ ้พลังงานแก่ร่างกาย

ร มทง้ั ปลอดภัยต่อ ุขภาพ แต่ช่ ยใ ้รา่ งกายทำงานไดเ้ ป็นปกติ

อา ารแตล่ ะชนดิ ประกอบด้ ย

ารอา ารทแี่ ตกตา่ งกันอา าร

บางอย่างประกอบด้ ย ารอา าร

ประเภทเดีย อา ารบางอย่าง

ประกอบด้ ย ารอา ารมากก ่า นึง่

ประเภท

1.2 ป.6/4 ร้าง - ระบบยอ่ ยอา ารประกอบด้ ย 31

แบบจำลองระบบย่อย อ ยั ะต่าง ๆ ได้แก่ ปาก ลอด

อา าร และบรรยาย นา้ ที่ อา าร กระเพาะอา าร ลำไ ้เลก็

ของอ ัย ะในระบบยอ่ ย ลำไ ใ้ ญ่ ท าร นัก ตบั และตับอ่อน

อา าร ร มทั้งอธิบายการ ซง่ึ ทำ น้าทีร่ มกันในการย่อยและดดู

ยอ่ ยอา ารและการดดู ซึม ซมึ อา าร

ารอา าร

1.2 ป.6/5 ตระ นกั ถึง - อ ัย ะต่างๆ ในระบบย่อยอา ารมี 3 1

ค าม ำคญั ของระบบย่อย ค าม ำคญั จึงค รปฏบิ ตั ิตน ดแู ล

อา ารโดยการบอกแน ทาง รัก าอ ัย ะใ ท้ ำงานเป็นปกติ

ในการดูแลรัก าอ ยั ะใน

ระบบย่อยอา ารใ ท้ ำงาน

เปน็ ปกติ

3 แรงไฟฟ้า 2.2 ป.6/1 อธบิ ายการ - เมื่อนำ ัตถุ 2 ชนิด มาขัดถูกัน แล้ (21) (16)

และ งจรไฟฟา้ เกดิ และผลของแรงไฟฟ้าซงึ่ นำเขา้ มาใกลก้ ันจะทำใ เ้ กดิ แรงไฟฟา้ 3 2

เกดิ จาก ตั ถทุ ผี่ ่านการขดั ถู ซึง่ อาจดึงดดู รอื ผลักกัน ากขัดถู

โดยใช้ ลกั ฐานเชิงประจัก ์ ัตถชุ นดิ เดยี กันโดยใช้ ่ิงเดยี กัน จะ

ทำใ ้เกิดประจไุ ฟฟา้ ชนดิ เดีย กัน ซ่งึ

มแี รงระ า่ งประจุไฟฟ้า เมือ่ นำ ตั ถุ

เข้าใกล้กันจะเกิดแรงผลกั กนั ่ นการ

ขัดถู ตั ถุชนดิ เดีย กันโดยใช้ ง่ิ ตา่ งกัน

จะทำใ เ้ กิดประจไุ ฟฟ้าตา่ งชนดิ กัน

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 79

น่ ยท่ี ชอ่ื น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เรื่อง จำน น น้ำ นัก
)ชั่ โมง( คะแนน

ซ่ึงมีแรงระ ่างประจุไฟฟ้า เมื่อนำ

ัตถุเขา้ ใกลก้ ันจะเกิดแรงดึงดดู

2.3 ป.6/1 ระบุ - งจรไฟฟา้ อย่างง่ายประกอบด้ ย 3 3 2

่ นประกอบและบรรยาย ่ น ำคญั คอื แ ล่งกำเนิดไฟฟ้า เชน่

นา้ ท่ีของแตล่ ะ ถา่ ยไฟฉาย มี น้าท่ใี พ้ ลงั งานไฟฟ้า

่ นประกอบของ งจรไฟฟ้า ายไฟฟา้ เปน็ ตั นำไฟฟ้า มี น้าที่

อยา่ งง่ายจาก ลกั ฐานเชิง เชอ่ื มต่อระ ่างแ ลง่ กำเนิดไฟฟา้

ประจัก ์ และเครื่องใชไ้ ฟฟ้าเข้าด้ ยกัน และ

2.3 ป.6/2 เขยี น เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ รืออปุ กรณไ์ ฟฟ้า มี 3 2

แผนภาพและต่อ งจรไฟฟา้ นา้ ที่เปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าเป็น

อย่างง่าย พลังงานอื่น

2.3 ป.6/3 ออกแบบการ - การตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรม เปน็ 3 3

ทดลองและทดลองด้ ย ิธที ี่ การนำเซลล์ไฟฟา้ ลาย ๆ เซลล์ มา

เ มาะ มในการอธบิ าย เรียงตอ่ กนั เพยี งแถ เดยี ทำใ ้

ธิ ีการและผลของการต่อ กระแ ไฟฟ้าเดินไปทิ ทางเดยี โดย

เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรม ใ ้ข้ั บ กของเซลล์ไฟฟ้าเซลล์ นึ่งต่อ

2.3 ป.6/4 ตระ นักถึง กับขั้ ลบของอกี เซลล์ น่งึ เรียงกันไป 3 2
ประโยชนข์ องค ามรขู้ อง เร่อื ยๆ ทำใ ม้ พี ลังงานไฟฟ้าใน งจร

การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าแบบ เพม่ิ มากข้นึ ซงึ่ การต่อเซลลไ์ ฟฟ้า

อนุกรมโดยบอกประโยชน์ ลายเซลล์จะทำใ ม้ พี ลังงานไฟฟา้ ใน
งจรมากก ่าการตอ่ เซลล์ไฟฟา้ เพยี ง
และการประยุกต์ใช้ใน

ชี ติ ประจำ ัน เซลล์เดีย ซงึ่ การตอ่ เซลล์ไฟฟ้าแบบ

อนุกรมนำไปใช้ประโยชน์ใน

ชี ติ ประจำ ันได้เชน่ การต่อ

เซลล์ไฟฟา้ ในไฟฉาย

2.3 ป.6/5 ออกแบบการ - การตอ่ ลอดไฟฟา้ แบบอนุกรม คอื 3 2

ทดลองและทดลองด้ ย ิธที ่ี การต่อ ลอดไฟฟา้ แบบเรียงตอ่ กนั

เ มาะ มในการอธิบายการ โดยกระแ ไฟฟา้ ท่ีผ่าน ลอดไฟฟ้าแต่

ตอ่ ลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รม ละด งจะมีปริมาณเดยี กนั เมื่อถอด

และแบบขนาน ลอดไฟฟ้าด งใดด ง นึ่งออกทำใ ้

2.3 ป.6/6 ตระ นกั ถงึ ลอดไฟฟ้าท่เี ลือดับท้ัง มด ่ น 3 3
ประโยชนข์ องค ามรูข้ อง การต่อ ลอดไฟฟา้ แบบขนาน คอื การ

การตอ่ ลอดไฟฟ้าแบบ ต่อ ลอดไฟฟ้าแตล่ ะด งครอ่ มกัน ทำ

อนุกรมและแบบขนาน โดย ใ ม้ ีกระแ ไฟฟ้าไ ลแยกผ่านแต่ละ
บอกประโยชนข์ ้อจำกดั และ เ ้นทาง ตาม ายไฟฟ้าทีผ่ า่ น ลอด

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 80

น่ ยที่ ชอื่ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคญั /เร่ือง จำน น น้ำ นกั
)ชั่ โมง( คะแนน

การประยกุ ต์ใชใ้ น ไฟฟา้ แต่ละด ง เม่อื ถอด ลอดไฟฟา้

ชี ิตประจำ ัน ด งใดด ง นึง่ ออก ลอดไฟฟา้ ที่

เ ลอื ก็ยงั า่ งได้ การต่อ ลอดไฟฟ้า

แตล่ ะแบบ ามารถนำไปใชป้ ระโยชน์

ได้ เช่น การตอ่ ลอดไฟฟา้ ลายด ง

ในบา้ นจงึ ตอ้ งต่อ ลอดไฟฟ้าแบบ

ขนาน เพ่ือเลือกใช้ ลอดไฟฟ้าด งใด

ด ง นงึ่ ไดต้ ามต้องการ

4 แ งและเงา 2.3 ป.6/7 อธบิ ายการ เมื่อนำ ตั ถุทึบแ งมากั้นแ งจะเกิด (4) (2)

เกดิ เงามืดเงามั จาก เงาบนฉากรบั แ งที่อย่ดู า้ น ลัง ัตถุ 2 1

ลักฐานเชิงประจัก ์ โดยเงามรี ปู ร่างคลา้ ย ตั ถทุ ี่ทำใ ้เกดิ

2.3 ป.6/8 เขียน เงา โดยเงาทเ่ี กิดข้ึนมี 2 ลัก ณะ 21

แผนภาพรงั ีของแ งแ ดง ได้แก่ เงามั คือ เงาของ ัตถุใน

การเกดิ เงามดื เงามั บรเิ ณทีม่ แี งบาง ่ นตกลงบนฉาก

จงึ ทำใ บ้ รเิ ณน้ันมดื ไม่ นทิ และเงา

มืด คือ เงาของ ตั ถุในบรเิ ณทไ่ี ม่มี

แ งตกลงบนฉากเลย จึงทำใ บ้ ริเ ณ

นัน้ มืด นทิ ซึง่ การเกดิ เงา ามารถ

นำไปใชป้ ระโยชน์ได้ เชน่ ใช้แ ดง

ละครเงา รือเลน่ นังตะลุง ใช้ า ิธี

ป้องกันแ งแดด

5 ารรอบตั เรา 2.1 ป.6/1 อธบิ ายและ - การแยก ารผ มแต่ละชนิดขน้ึ อยู่ (4) (2)

เปรียบเทียบการแยก าร กบั ลกั ณะและ มบัตขิ อง ารทีผ่ ม 4 2

ผ มโดยการ ยบิ ออก การ กัน เชน่ ิธกี าร ยิบออก รอื การรอ่ น

รอ่ น การใชแ้ ม่เ ลก็ ดงึ ดดู ผ่าน ั ดุทม่ี ีรู ใช้แยก ารที่

การรินออก การกรอง และ องค์ประกอบของ ารผ มเป็นของแขง็

การตกตะกอนโดยใช้ กบั ของแข็งท่ีมขี นาดแตกตา่ งกันอย่าง

ลกั ฐานเชิงประจัก ร์ มทั้ง ชัดเจน ิธีการใช้แมเ่ ล็กดึงดูดใชแ้ ยก

ระบุ ธิ แี กป้ ัญ าใน ารทีม่ ี ารใด าร นงึ่ เป็น าร

ชี ิตประจำ ันเกีย่ กบั การ แม่เ ลก็ ธิ ีการรนิ ออก การกรอง

แยก าร การตกตะกอน ใชแ้ ยก ารท่ี

องค์ประกอบเป็นของแขง็ ที่ไมล่ ะลาย

ในของเ ล ซึ่ง ิธีการแยก ารผ ม

ตา่ ง ๆ ามารถนำไปใชแ้ ยก ารผ ม

ในชี ติ ประจำ ันได้

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 81

น่ ยท่ี ชอ่ื น่ ยการเรียนรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคัญ/เรอื่ ง จำน น นำ้ นกั
)ชั่ โมง( คะแนน

6 นิ และซาก 3.2 ป.6/1 เปรยี บเทียบ - ินเปน็ ั ดแุ ขง็ เกดิ ขึ้นเองตาม (10) (7)

ดกึ ดำบรรพ์ กระบ นการเกิด นิ อัคนี ธรรมชาติ ประกอบด้ ย แรต่ ้งั แต่ น่ึง 3 2

นิ ตะกอน และ นิ แปร ชนดิ ขึ้นไป ามารถจำแนก ินตาม

และอธบิ าย ัฏจักร นิ จาก กระบ นการเกดิ ไดเ้ ปน็ 3 ประเภท

แบบจำลอง ไดแ้ ก่ ินอคั นี ินตะกอน และ ิน

แปร

- ินในธรรมชาตทิ ั้ง 3 ประเภท มี

การเปล่ียนแปลงจากประเภท น่ึงไป

เป็นอีกประเภท นึ่ง รอื ประเภทเดิม

ได้ โดยมแี บบรปู การเปลย่ี นแปลงคงท่ี

และตอ่ เนอ่ื งเป็น ฏั จักร

3.2 ป.6/2 บรรยายและ - นิ และแร่แต่ละชนิดมลี กั ณะและ 3 2

ยกตั อย่างการใชป้ ระโยชน์ มบัตแิ ตกตา่ งกนั มนุ ย์ใชป้ ระโยชน์

ของ นิ และแร่ใน จากแร่ในชี ิตประจำ ันในลัก ณะต่าง

ชี ิตประจำ ันจากข้อมลู ที่ ๆ เชน่ นำแรม่ าทำเคร่ือง ำอาง

ร บร มได้ เครือ่ งประดับ

ยา ฟี นั อปุ กรณ์ทางการแพทย์ และ

นำ นิ มาใชใ้ นงานก่อ ร้าง

3.2 ป.6/3 รา้ ง - ซากดกึ ดำบรรพ์เกิดจากการทับถม 4 3

แบบจำลองทอ่ี ธบิ ายการเกิด รือการประทับรอยของ ่ิงมีชี ิตใน

ซากดึกดำบรรพแ์ ละ อดีต จนเกิดเป็นโครง ร้างของซาก

คาดคะเน ภาพแ ดล้อมใน รือร่องรอยของ ่ิงมีชี ิตที่ปรากฏอยู่

อดตี ของซากดึกดำบรรพ์ ใน ิน ในประเท ไทยพบ ซากดึกดำ

บรรพ์ที่ ลาก ลาย เช่น พืช ปะการัง

อย ปลา เต่า ไดโนเ าร์ และรอยตีน

ตั ์

- ซากดึกดำบรรพ์ ามารถใชเ้ ป็น

ลักฐาน นึ่งท่ชี ่ ยอธบิ าย

ภาพแ ดล้อมของพน้ื ท่ใี นอดตี ขณะ

เกิด ่ิงมชี ี ิตน้นั และยงั ามารถใชร้ ะบุ

อายขุ อง นิ และเปน็ ข้อมลู ใน

การ ึก า ิ ฒั นาการของ ่งิ มีชี ติ

7 ปรากฏการณ์ 3.2 ป.6/4 เปรยี บเทยี บ ลมบก ลมทะเล และมร มุ เกดิ จาก (13) (9)

ทางธรรมชาตแิ ละ การเกิดลมบก ลมทะเล และ พน้ื ดนิ และพนื้ นำ้ รอ้ นและเย็นไม่ 22

ธรณีพบิ ัตภิ ัย มร ุมร มทั้งอธบิ ายผลที่มี เทา่ กนั ทำใ ้อุณ ภูมิอากา เ นือ

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 82

น่ ยที่ ชื่อ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ชี้ ัด าระ ำคญั /เร่อื ง จำน น นำ้ นกั
)ช่ั โมง( คะแนน

ต่อ ิ่งมีชี ติ และ ่งิ แ ดล้อม พน้ื ดนิ และพ้ืนนำ้ แตกตา่ งกัน จงึ เกิด

จากแบบจำลอง การเคลอ่ื นท่ีของอากา จากบรเิ ณที่มี

3.2 ป.6/5 อธบิ ายผลของ อุณ ภูมิตำ่ ไปยังบริเ ณทีม่ ีอุณ ภูมิ ูง 2 1

มร ุมตอ่ การเกิดฤดขู อง

ประเท ไทยจากข้อมูลท่ี

ร บร มได้

3.2 ป.6/6 บรรยาย - นำ้ ท่ ม การกดั เซาะชายฝ่ัง ดินถล่ม 2 2

ลัก ณะและผลกระทบของ แผน่ ดนิ ไ และ นึ ามิ มีผลกระทบตอ่

นำ้ ท่ มการกัดเซาะชายฝัง่ ชี ติ และ ิง่ แ ดล้อมแตกต่างกนั

ดินถลม่ แผ่นดินไ นึ ามิ

3.2 ป.6/7 ตระ นักถึง - มนุ ย์ค รเรียนรู้ ธิ ีปฏิบตั ิตนใ ้ 2 1

ผลกระทบของภัยธรรมชาติ ปลอดภัย เช่น ติดตามขา่ ารอยา่ ง

และธรณพี บิ ตั ิภัย โดย มำ่ เ มอ เตรยี มถุงยังชีพใ พ้ รอ้ มใช้

นำเ นอแน ทางในการเฝ้า ตลอดเ ลา และปฏบิ ัตติ ามคำ ่ังของ

ระ งั และปฏิบัตติ นใ ้ ผูป้ กครองและเจ้า น้าท่ีอย่าง

ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ เคร่งครดั เม่อื เกิดภยั ธรรมชาติและ

และธรณีพิบัติภยั ท่อี าจเกิด ธรณพี บิ ัตภิ ัย

ในท้องถิ่น

3.2 ป.6/8 ร้าง - ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกเกิดจาก 3 2

แบบจำลองที่อธิบายการเกดิ แก๊ เรือนกระจกในชั้นบรรยากา ของ

ปรากฏการณ์เรือนกระจก โลกกักเกบ็ ค ามรอ้ นแล้ คายค าม

และผลของปรากฏการณ์ รอ้ นบาง ่ นกลับ ่ผู ิ โลก ทำใ ้

เรือนกระจกตอ่ ง่ิ มชี ี ติ อากา บนโลกมีอุณ ภูมิเ มาะ มต่อ

การดำรงชี ิต

3.2 ป.6/9 ตระ นักถึง - ากปรากฏการณ์เรือนกระจก 21

ผลกระทบของปรากฏการณ์ รุนแรงมากขนึ้ จะมผี ลตอ่ การ

เรอื นกระจก โดยนำเ นอ เปลยี่ นแปลงภูมิอากา โลก มนุ ยจ์ ึง

แน ทางการปฏบิ ัตติ นเพ่ือ ค รร่ มกันลดกิจกรรมที่ก่อใ เ้ กิด

ลดกจิ กรรมที่ก่อใ เ้ กดิ แก๊ แก๊ เรอื นกระจก

เรือนกระจก

8 ดารา า ตรแ์ ละ 3.1 ป.6/1 ร้าง - ปรากฏการณ์ รุ ยิ ุปราคา เกิดใน (8) (6)

เทคโนโลยอี กา แบบจำลองท่ีอธิบายการเกดิ เ ลากลาง นั เกิดจากด งอาทติ ย์ ด ง 4 3

และเปรียบเทียบ จันทร์ และโลก โคจรมาอยใู่ นระนาบ

ปรากฏการณ์ รุ ยิ ุปราคา เดยี กนั โดยมีด งจันทร์อยตู่ รงกลาง

และจนั ทรุปราคา ระ ่างด งอาทติ ยก์ ับโลก

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 83

น่ ยที่ ช่อื น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เรอ่ื ง จำน น น้ำ นัก
)ช่ั โมง( คะแนน

- ปรากฏการณจ์ ันทรปุ ราคา เกดิ ใน

เ ลากลางคืน เกิดจากด งอาทิตย์

โลก และด งจันทร์ โคจรมาอย่ใู น

ระนาบเดยี กัน โดยมโี ลกอยู่ตรงกลาง

ระ ่างด งอาทติ ย์กบั ด งจันทร์

3.1 ป.6/2 อธบิ าย - เทคโนโลยีอ กา มีจุดเร่ิมตน้ จาก 4 3

พัฒนาการของเทคโนโลยี มนุ ย์มีค ามตอ้ งการ ำร จ ตั ถุ

อ กา และยกตั อยา่ งการ ทอ้ งฟ้าโดยใช้ตาเปล่า จากน้ันพัฒนา

นำเทคโนโลยีอ กา มาใช้ มาเปน็ การใช้กล้องโทรทรร น์ และได้

ประโยชน์ในชี ิตประจำ ัน มีการพัฒนาจน ามารถขน ง่ เพื่อ

จากข้อมูลท่ีร บร มได้ ำร จอ กา ด้ ยจร ดและยานขน ่ง

อ กา และยังมีการพฒั นาอยา่ ง

ต่อเน่ือง ซึ่งในปัจจบุ นั มีการนำ

เทคโนโลยอี กา บางประเภทมา

ประยุกต์ใชใ้ นชี ติ ประจำ ัน เชน่ การ

ใชด้ า เทียมเพื่อการ ่อื าร

9 การแก้ปญั าโดยใช้ 4.2 ป.6/1 ใช้เ ตุผลเชิง - เ ตุผลเชิงตรรกะกบั การแกป้ ัญ า (8) (10)

เ ตผุ ลเชิงตรรกะ ตรรกะในการอธบิ ายและ เป็นการนำ ลักการ กฎเกณฑ์ รอื 8 10

ออกแบบ ิธีการแก้ปญั าท่ี เงอื่ นไขท่ีครอบคลมุ ทุกกรณมี าใชเ้ พื่อ

พบในชี ติ ประจำ ัน ตร จ อบค าม มเ ตุ มผล รอื

พิจารณาค ามเป็นไปไดข้ องการม่งุ า

คำตอบและแก้ปญั า

10 การออกแบบและ 4.2 ป.6/2 ออกแบบ - การออกแบบโปรแกรม เป็นการ (16) (20)

เขียนโปรแกรม และเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย อธบิ ายการทำงานของโปรแกรมอย่าง 16 10

อยา่ งง่าย เพื่อแกป้ ญั าใน เป็นลำดบั ขัน้ ตอน โดยการออกแบบ

ชี ิตประจำ ัน ตร จ า โปรแกรม ามารถทำไดท้ ัง้ การเขยี น

ข้อผดิ พลาดของโปรแกรม ข้อค าม และการเขยี นผังงาน ากมี

และแก้ไข ขอ้ ผดิ พลาดเกิดขึ้น รอื โปรแกรมไม่

เป็นไปตามค ามต้องการ จะตอ้ ง

ตร จ อบข้อผดิ พลาดท่ีเกดิ ขนึ้ โดย

การตร จ อบการทำงานทีละคำ งั่

เมอื่ พบจดุ ทท่ี ำใ โ้ ปรแกรมไม่เป็นไป

ตามต้องการใ ้แก้ไขข้อผดิ พลาดนั้น

จนก ่าจะได้โปรแกรมตามทต่ี ้องการ

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 84

น่ ยท่ี ช่ือ น่ ยการเรยี นรู้ ตั ช้ี ัด าระ ำคัญ/เรอ่ื ง จำน น น้ำ นัก
)ชั่ โมง( คะแนน

11 การใชง้ าน 4.2 ป.6/3 ใช้ - อินเทอร์เนต็ เป็นเครือขา่ ย (8) (10)

อนิ เทอร์เน็ต อนิ เทอรเ์ นต็ ในการคน้ า คอมพิ เตอร์ขนาดใ ญ่ทคี่ รอบคลมุ ไป 8 10

อยา่ งมีประ ิทธิภาพ ข้อมูลอย่างมปี ระ ิทธภิ าพ ทั่ โลก เรา ามารถใช้งานอินเทอร์เนต็

เพื่อใ ไ้ ด้ขอ้ มูลทต่ี รงตามค าม

ตอ้ งการภายในระยะเ ลาอันร ดเร็

และการคน้ าขอ้ มูลในแตล่ ะครั้ง

โปรแกรมค้น าจะแ ดงข้อมูลจากคำ

ค้น าเป็นจำน นมาก

12 ค ามปลอดภัยใน 4.2 ป.6/4 ใชเ้ ทคโนโลยี - อนั ตรายจากการใชง้ านเทคโนโลยี (8) (10)

การใช้งานเทคโนโลยี าร นเท ทำงานร่ มกนั าร นเท ทเี่ ชื่อมตอ่ กับอินเตอร์เนต็ 8 10

าร นเท อย่างปลอดภยั เข้าใจ ทิ ธิ ในรปู แบบต่าง ๆ และแน ทางในการ

และ นา้ ทขี่ องตน เคารพใน ป้องกันอันตรายจากการใช้งาน

ิทธิของผอู้ ื่น แจ้ง อินเตอรเ์ น็ต ซงึ่ ร มถงึ การกำ นด

ผเู้ กย่ี ข้องเมอ่ื พบขอ้ มูล รอื ร ั ผ่าน และการกำ นด ิทธิใ์ นการ

บุคคลท่ไี มเ่ มาะ ม ใช้งาน

ร ม 30 120 100

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 85

่ นท่ี 3

คำอธบิ ายราย ชิ า

ใน ่ นของการจัดทำคำอธิบายราย ิชาของ ลัก ูตร ถาน ึก ากลุ่ม าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์
(ฉบับปรับปรุง พ. . 2560) ตาม ลัก ูตรแกนกลางการ ึก าขน้ั พื้นฐาน พุทธ ักราช 2551 น้ัน โรงเรียนได้
ดำเนนิ การกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์ของช้นั ประถม ึก าปีที่ 1 ถึง ช้นั มธั ยม ึก าปที ี่ 3 โดยเขยี น
ในลัก ณะค ามเรียงระบุองค์ค ามรู้ ทัก ะ/กระบ นการ คณุ ลกั ณะอันพึงประ งค์ตามธรรมชาตขิ อง ชิ า
เป็นการเขียนในภาพร มท่ตี อ้ งการใ ้เกิดกับผูเ้ รียนและ ะท้อนตั ชี้ ัดในราย ิชาพื้นฐาน รอื ผลการเรียนรูใ้ น
ราย ิชาเพิ่มเติม คำอธิบายราย ชิ าจึงประกอบด้ ย ่ นประกอบดังตอ่ ไปนี้

- ร ั ชิ า
- ช่อื ราย ิชา
- กลุ่ม าระการเรยี นรู้
- ชน้ั ปี
- จำน นเ ลาเรียน
- น่ ยกิต

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 86

่ นที่ 4

การ ดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้ ิทยา า ตร์

ค าม ำคญั ของการ ัดและการประเมนิ ผลการเรียนรู้
การ ัดและประเมินผลการเรียนรู้ตาม ลัก ูตรแกนกลางการ ึก าข้ันพ้ืนฐาน พุทธ ักราช 2551

เป็นกระบ นการเก็บร บร ม ตร จ อบ ตีค ามผลการเรียนรู้และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตาม
มาตรฐานการเรยี นรู้ /ตั ช้ี ัด ของ ลกั ูตร นำผลไปปรับปรุงพัฒนาการจดั การเรยี นรแู้ ละใชเ้ ปน็ ขอ้ มูล ำ รับ
การตัด ินผลการเรียน โดยมีองค์ประกอบของการ ัดผลและประเมินการเรียนรู้ท่ี ลัก ูตรแกนกลาง
การ ึก าขั้นพื้นฐาน พุทธ ักราช 2551 ได้กำ นดจุด มาย มรรถนะ ำคญั ของผู้เรียน คณุ ลัก ณะอนั พึง
ประ งค์ และมาตรฐานการเรียนรู้ไ ้เป็นเป้า มายและกรอบทิ ทางในการพัฒนาผ้เู รียนใ ้เป็นคนดี มีปญั ญา
มีคุณภาพชี ิตท่ีดีและมีขีดค าม ามารถในการแข่งขันในเ ทีระดับโลก กำ นดใ ้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตาม
มาตรฐานการเรียนรู้/ ตั ชี้ ัด ท่ีกำ นดใน าระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม าระ มีค าม ามารถด้านการอ่าน คิด
เิ คราะ ์และเขยี น มคี ณุ ลัก ณะท่ีพงึ ประ งคแ์ ละเข้าร่ มกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น

แน ทางการ ัดและประเมินผล
การ ัดและประเมินผลกลุ่ม าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์ ผู้ อน ัดและประเมินผลการเรียนรู้ผเู้ รียน

ตามตั ช้ี ัดในราย ชิ าพื้นฐาน ตามทกี่ ำ นดไ ใ้ น น่ ยการเรยี นรู้ ใช้ ิธกี าร ัดและประเมินผลท่ี ลาก ลาย
จากแ ลง่ ข้อมลู ลายๆ แ ลง่ เพ่อื ใ ไ้ ด้ผลการประเมินท่ี ะท้อนค ามรคู้ าม ามารถที่แทจ้ รงิ ของผ้เู รยี นโดย
การ ัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้อย่างต่อเน่ืองไปพร้อมกบั การจัดการเรียนการ อนโดย งั เกตพฒั นาการและ
ค ามประพฤตขิ องผู้เรียน งั เกตพฤติกรรมการเรียน การร่ มกิจกรรม การประเมินตาม ภาพจริง เช่นการ
ประเมนิ การปฏิบัติงาน การประเมนิ จากโครงงาน การประเมินจากแฟ้ม ะ มงาน เป็นต้น ค บคกู่ ับการใช้
การทด อบแบบต่างๆ อย่าง มดุลและครอบคลุมทั้งด้านค ามรู้ ด้านทัก ะ และด้านเจตคติ โดยใ ้
ค าม ำคญั กับการประเมินผลระ ่างเรยี นมากก ่าการประเมินปลายปี/ปลายภาค และใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู เพ่อื การ
ประเมนิ การเล่อื นช้นั และการจบการ กึ า

และเพ่อื ใ ้การจัดการเรยี นการ อนมีประ ิทธภิ าพผู้ อนต้องตร จ อบค ามรู้ค าม ามารถท่ีแ ดง
พฒั นาการของผู้เรียนอย่าง ม่ำเ มอและต่อเนอื่ ง และผเู้ รยี นต้องรับผิดชอบและตร จ อบค ามก้า นา้ ของ
ตนเองอยา่ ง ม่ำเ มอเชน่ กัน น่ ยการเรยี นรู้เปน็ ่ นทผ่ี ู้ อนและผู้เรยี นใช้ตร จ อบย้อนกลับ ่าผเู้ รยี นเกิด
การเรียนรู้ รือยัง การประเมินในระดับชั้นเรียนต้องอา ัยท้ังผลการประเมินย่อยเพ่ือพัฒนา และการ
ประเมนิ ผลร มเพ่ือ รุปผลการเรยี นร้เู ม่ือจบ น่ ยการเรียนรแู้ ละจบราย ชิ า

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 87

ิธีการ ดั ผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
การ ัดผลและประเมินผลการเรยี นรู้ใ ้บรรลุผลตามเป้า มายของการเรียนรู้ท่ี างไ ้ค รมีแน ทาง

ดงั ต่อไปน้ี

1. ต้อง ัดทั้งค ามรู้ ค ามคิด ค าม ามารถ ทัก ะกระบ นการ เจตคติ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม
ร มท้ังโอกา ในการเรียนของผเู้ รียน

2. ิธกี าร ัดผลและประเมนิ ผล ต้อง อดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้/ ตั ช้ี ัด/ ผลการเรยี นรูท้ ี่
กำ นดไ ้

3. ต้องเก็บข้อมูลที่ได้จากการ ัดผลและประเมินผลตามค ามเป็นจริงและต้องประเมินผลภายใต้
ขอ้ มูลที่มอี ยู่

4. ผลการ ัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องนำไป ู่การแปลผลและลงข้อ รุป
ท่ี มเ ตุ มผล

5. การ ดั ผลต้องเท่ียงตรงและเปน็ ธรรม ท้งั ดา้ นของ ธิ กี าร ัด โอกา ของการประเมนิ

การ ัดและประเมนิ ผลจาก ภาพจรงิ
กิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนมี ลาก ลาย เช่น กิจกรรม ำร จภาค นาม กิจกรรมการ ำร จ

ตร จ อบ การทดลอง กิจกรรม ึก าค้นค ้า กจิ กรรม ึก าปัญ าพิเ รือโครงงาน ทิ ยา า ตร์ ฯลฯ
อยา่ งไรกต็ าม ในการทำกจิ กรรมเ ล่าน้ีต้องคำนึง า่ ผเู้ รยี นแต่ละคนมี ักยภาพแตกตา่ งกนั ผูเ้ รยี นแตล่ ะคนจึง
อาจทำงานชิ้นเดีย กันได้เ ร็จในเ ลาที่แตกต่างกัน และผลงานที่ได้ก็อาจแตกต่างกันด้ ย เมื่อผู้เรียนทำ
กิจกรรมเ ล่าน้ีแล้ ก็จะต้องเก็บร บร มผลงาน เชน่ รายงาน ชิ้นงาน บันทึก และร มถึงทัก ะปฏบิ ัติต่างๆ
เจตคติทาง ิทยา า ตร์ เจตคติต่อ ิทยา า ตร์ ค ามรัก ค ามซาบซ้ึง กิจกรรมท่ีผู้เรียนได้ทำและผลงาน
เ ล่านี้ต้องใช้ ิธีประเมินท่ีมีค ามเ มาะ มและแตกตา่ งกันเพ่อื ช่ ยใ ้ ามารถประเมินค ามรู้ค าม ามารถ
และค ามรู้ ึกนึกคิดท่ีแท้จริงของผู้เรียนได้ การ ดั และประเมนิ ผลจาก ภาพจริงจะมีประ ทิ ธิภาพกต็ ่อเม่ือมี
การประเมิน ลายๆ ด้าน ลาก ลาย ิธี ใน ถานการณต์ ่างๆ ท่ี อดคลอ้ งกับชี ติ จรงิ และต้องประเมนิ อยา่ ง
ต่อเนอ่ื ง เพ่อื จะได้ข้อมลู ทีม่ ากพอท่ีจะ ะท้อนค าม ามารถท่แี ทจ้ ริงของผู้เรยี นได้
ลัก ณะ ำคัญของการ ดั และประเมินผลจาก ภาพจรงิ

1. การ ัดและประเมินผลจาก ภาพจริงมีลัก ณะท่ี ำคัญคือใช้ ิธีการประเมินกระบ นการคิดท่ี
ซบั ซ้อน ค าม ามารถในการปฏิบัติงาน ักยภาพของผู้เรียนในด้านของผู้ผลิตและกระบ นการที่ได้ผลผลิต
มากก า่ ท่ีจะประเมนิ า่ ผ้เู รยี น ามารถจดจำค ามรอู้ ะไรไดบ้ ้าง

2. เปน็ การประเมินค าม ามารถของผ้เู รยี น เพอ่ื นิ ิจฉยั ผู้เรียนใน ่ นที่ค ร ่งเ รมิ และ ่ นทคี่ รจะ
แกไ้ ขปรบั ปรุง เพ่อื ใ ้ผู้เรียนได้พฒั นาอย่างเต็ม กั ยภาพตามค าม ามารถ ค าม นใจและค ามต้องการของ
แต่ละบคุ คล

ลกั ตู รกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 88

3. เปน็ การประเมนิ ทเี่ ปดิ โอกา ใ ้ผเู้ รยี นไดม้ ี ่ นร่ มประเมนิ ผลงานของท้งั ตนเองและของเพ่ือนร่ ม
อ้ ง เพอื่ ง่ เ รมิ ใ ้ผ้เู รียนรู้จกั ตั เอง เชื่อมั่นในตนเอง ามารถพฒั นาตนเองได้

4. ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการประเมนิ จะ ะท้อนใ เ้ น็ ถึงกระบ นการเรยี นการ อนและการ างแผนการ อน

ของผู้ อน า่ ามารถตอบ นองค าม ามารถ ค าม นใจ และค ามตอ้ งการของผเู้ รียนแตล่ ะบุคคลได้ รอื ไม่

5. ประเมินค าม ามารถของผูเ้ รียนในการถ่ายโอนการเรยี นรู้ไป ู่ชี ิตจรงิ ได้
6. ประเมินดา้ นต่างๆ ด้ ย ธิ ีท่ี ลาก ลายใน ถานการณต์ า่ งๆ อย่างต่อเน่อื ง

ิธีการและแ ลง่ ข้อมลู ท่ใี ช้
เพอ่ื ใ ้การ ดั และประเมนิ ผลได้ ะทอ้ นค าม ามารถทแี่ ทจ้ ริงของผู้เรียน ผลการประเมนิ อาจจะไดม้ า

จากแ ลง่ ข้อมูลและ ธิ ีการต่างๆ ดังต่อไปน้ี
1. งั เกตการแ ดงออกเปน็ รายบคุ คล รอื รายกลมุ่

2. ชน้ิ งาน ผลงาน รายงาน
3. การ ัมภา ณ์
4. บนั ทกึ ของผู้เรียน
5. การประชุมปรึก า ารอื ร่ มกนั ระ ่างผู้เรียนและครู

6. การ ดั และประเมนิ ผลภาคปฏบิ ตั ิ (practical assessment)
7. การ ดั และประเมินผลดา้ นค าม ามารถ (performance assessment)
8. การ ดั และประเมนิ ผลการเรียนรโู้ ดยใช้แฟ้มผลงาน (portfolio assessment)

การ ัดและประเมนิ ผลดา้ นค าม ามารถ (performance assessment)
ค าม ามารถของผู้เรียนประเมินได้จากการแ ดงออกโดยตรงจากการทำงานต่างๆ เป็น ถานการณ์ท่ี

กำ นดใ ้ ซ่ึงเป็นของจรงิ รือใกล้เคยี งกับ ภาพจรงิ และเปิดโอกา ใ ้ผเู้ รียนไดแ้ กป้ ัญ า รือปฏบิ ัตงิ านได้จริง

โดยประเมินจากกระบ นการทำงาน กระบ นการคิด โดยเฉพาะค ามคิดขัน้ งู และผลงานทีไ่ ด้ลัก ณะ ำคัญของ

การประเมินค าม ามารถคือ กำ นด ัตถุประ งค์ของงาน ิธีการทำงานผล ำเร็จของงาน มีคำ ่ังค บคุม
ถานการณ์ในการปฏบิ ัติงาน และมเี กณฑก์ ารใ ค้ ะแนนทีช่ ัดเจน การประเมินค าม ามารถทแ่ี ดงออกของผูเ้ รยี น

ทำได้ ลายแน ทางต่างๆ กนั ขน้ึ อยกู่ บั ภาพแ ดล้อม ภา การณ์ และค าม นใจของผู้เรียน ดังตั อยา่ งตอ่ ไปน้ี

1. มอบ มายงานใ ้ทำ งานที่มอบใ ้ทำต้องมีค าม มาย มีค าม ำคัญ มีค าม ัมพันธ์กับ ลัก ูตร

เนื้อ า ิชา และชี ิตจริงของผู้เรยี น ผู้เรียนต้องใช้ค ามรู้ ลายด้านในการปฏบิ ัติงานท่ี ามารถ ะท้อนใ ้เ น็ ถึง
กระบ นการทำงาน และการใชค้ ามคดิ อย่างลกึ ซงึ้

ตั อย่างงานที่มอบ มายใ ท้ ำ เช่น

- บทค ามในเร่อื งที่กำลงั เป็นประเด็นที่นา่ นใจและมคี าม ำคญั อยูใ่ นขณะนั้น เชน่ พายุ ฝนดา ตก น้ำ
จะท่ มประเท ไทยจริง รอื การโคลนนงิ่ งิ่ มีชี ิต

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ทิ ยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 89

- รายงาน ่ิงทผี่ ้เู รียน นใจโดยเฉพาะ เชน่ การ กึ า งชี ิตของแมลง ันทอง การ ำร จค าม ลาก ลาย
ของพชื ในบริเ ณโรงเรยี น

- ่ิงประดิ ฐท์ ีไ่ ดจ้ ากการทำกจิ กรรมที่ นใจ เช่น การ รา้ งระบบนิเ จำลองในระบบปดิ อุปกรณไ์ ฟฟ้าใช้

ค บคมุ การปิดเปดิ นำ้ ชดุ อุปกรณ์ตร จ ภาพดนิ เครื่องร่อนท่ี ามารถ
ร่อนได้ไกลและอย่ใู นอากา ได้นาน

2. การกำ นดชิ้นงาน รืออุปกรณ์ รือ ่ิงประดิ ฐ์ใ ้ผู้เรียน ิเคราะ ์องค์ประกอบและกระบ นการ
ทำงาน และเ นอแน ทางเพ่ือพัฒนาใ ้มีประ ิทธิภาพดีขึ้น ใ ้นักเรียนทดลองใช้อุปกรณ์แ ดงการเกิดกระแ

อากา บันทกึ ผลการทดลอง พร้อมกบั อภปิ รายเพ่ือตอบปัญ าตอ่ ไปน้ี
2.1 ถ้านกั เรยี นจุดเทียนไขจะเกดิ อะไรขนึ้
2.2 ถา้ นักเรียนดับเทียนไขจะเกิดอะไรข้นึ
2.3 อปุ กรณ์น้ีทำงานได้อย่างไร เพราะเ ตใุ ด

2.4 ถา้ นกั เรยี นจะปรับปรงุ อุปกรณ์ชดุ นีใ้ ท้ ำงานมีประ ทิ ธภิ าพมากข้นึ จะ
ปรับปรงุ อะไรบ้าง อย่างไร เพราะเ ตใุ ด

2.5 ถ้าต้องปรับปรงุ อุปกรณใ์ ด้ ขี ้ึน จะมี ิธกี ารทำและตร จ อบได้อย่างไร
2.6 ถา้ จะนำอุปกรณท์ ปี่ รบั ปรงุ แล้ ไปใชป้ ระโยชน์ จะใช้ทำประโยชนอ์ ะไรไดบ้ า้ ง

3. กำ นดตั อย่างชิ้นงานใ ้ แล้ ใ ผ้ ู้เรียน ึก างานน้ัน และ รา้ งช้ินงานที่มลี ัก ณะของการทำงานได้
เ มอื น รือดกี า่ เดิม เช่น การประดิ ฐ์เครื่องรอ่ น การทำ ไลด์ถา ร ึก าเนื้อเย่อื พืช การทำกระดา จากพชื ใน
ทอ้ งถิน่ ฯลฯ

4. ร้าง ถานการณ์จำลองท่ี มั พนั ธก์ บั ชี ิตจริงของผู้เรียน โดยกำ นด ถานการณ์

แล้ ใ ผ้ ู้เรียนลงมือปฏบิ ตั เิ พอ่ื แก้ปญั า
ตั อย่าง ถานการณท์ ่ี 1
"มีลำไยทเี่ กบ็ มาจาก น 4 แ ่ง ตอ้ งการตร จ อบ า่ ลำไยจาก นใดมคี าม านมากที่ ดุ "

1) ใช้ ลกั การออ โมซิ
2) ใช้ ธิ กี ารอื่นใ น้ กั เรยี น
3) บอกข้นั ตอนของ ิธีการตร จ อบของแตล่ ะ ธิ ี
4) ระบุ ธิ กี ารเกบ็ ข้อมูลของแต่ละ ิธี
5) เลือก ธิ ีการทด อบจากที่กำ นดไ ใ้ น 1) รือ 2) พรอ้ มใ ้เ ตุผลที่เลือก
6) ดำเนินการตร จ อบโดยใช้ ิธกี ารออ โมซิ และ ธิ ที ีเ่ ลอื กในข้อ ๓
7. เปรียบเทยี บผลการทดลองและลงขอ้ รุป า่ ิธใี ดไดผ้ ลดกี ่ากัน
ตั อยา่ ง ถานการณท์ ่ี 2
ถา้ นักเรยี นมีเครอ่ื งใช้ไฟฟ้า ประกอบด้ ย ลอดไฟ 3 ลอด พดั ลมตดิ เพดาน ใ น้ ักเรยี นออกแบบผัง งจร
ทตี่ ิดกบั อปุ กรณ์ พร้อมกับใ เ้ ตุผลประกอบ

ลัก ตู รกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ กั ราช 2564 น้ า | 90

ตั อย่าง ถานการณท์ ี่ 3
โรงงานทำกระทะแ ง่ นงึ่ ตอ้ งการทด อบ ั ดทุ ม่ี ีผูน้ ำมาเ นอขาย จำน น 3 ชนดิ ่าชนิดใดเ มาะท่ี ุด

จงึ ใ ้พนกั งานทด อบ แล้ มารายงานใ ้ทราบ

1) นักเรียนคิด า่ ปัญ าคอื อะไร
2) ถา้ นักเรียนต้องทด อบ จะต้อง างแผนการตร จ อบและลงมือปฏิบัติอย่างไร
3) การรายงานผลการทด อบจะมีเนื้อ า าระอะไรบ้าง
ตั อยา่ ง ถานการณท์ ี่ 4

"มคี ำกลา่ า่ ไม่ ามารถชุบเ ลก็ ใ เ้ ปน็ ทองไดโ้ ดยตรง"
1) นักเรยี นจะมี ิธีการทด อบคำกล่า นี้ได้อย่างไรบ้าง
2) นกั เรียนคดิ ่า ธิ ีการทด อบใดจะไดผ้ ลดที ี่ ดุ
3) จง ิจารณ์ ่า ธิ ีการทด อบท่ีเลอื กนัน้ เปน็ ไปไดเ้ พียงใด

4) จะทำการทด อบเพอ่ื ยืนยันได้อยา่ งไร ่า ิธีทเี่ ลือกน้นั ถูกตอ้ งแผงไฟร ม
ตั อย่าง ถานการณ์ท่ี 5
"นักเรียนเชือ่ รือไม่ ่าน้ำทะเลจะไม่เป็นฟองกับ บู่"

1) นกั เรยี นจะมี ธิ ีใดบา้ งทีจ่ ะตร จ อบ า่ ขอ้ ค ามนเี้ ปน็ จรงิ รือเปน็ เท็จ

2) จงเลอื ก ธิ ที ่คี ดิ ่า ามารถทด อบไดผ้ ลดที ี่ ดุ พรอ้ มทั้งใ ้เ ตุผลประกอบ
3) จงลงมือทด อบด้ ย ิธกี ารทเี่ ลอื ก
4) จง จิ ารณ์ า่ ิธที ่ีเลือกมาทด อบแตกตา่ งกนั อย่างไร
ตั อย่าง ถานการณท์ ี่ 6

"นำ้ บาดาลทน่ี ำมาใชบ้ รโิ ภคไม่ ะอาดเพยี งพอ"
1) มี ิธที ด อบได้อยา่ งไร า่ ขอ้ ค ามดงั กลา่ เป็นจรงิ
2) ิธีการใดจะช่ ยใ ้การตร จ อบไดผ้ ลดีที่ ดุ
3) ถ้าตร จ อบแล้ พบ ่านำ้ บาดาลนน้ั ไม่ ะอาด ท่านจะมี ธิ ีแก้ไขอย่างไร
4) ิธีใดน่าจะใชท้ ำใ น้ ำ้ บาดาล ะอาดที่ ดุ เพราะเ ตใุ ดจึงเลอื ก ิธนี ี้
5) จงแ ดง ิธีการตร จ อบและทำใ น้ ้ำบาดาล ะอาดจนใช้บริโภคได้

ตั อย่าง ถานการณ์ท่ี 7
เมื่อ ยอ่ น ิง่ ของต่างๆ ลงใน ระนำ้

1) จง ิเคราะ แ์ ละอธิบาย า่ เพราะเ ตใุ ด ่ิงของบางชนิดจึงจม บางชนดิ จึงลอย
2) จง างแผนและเลอื ก ธิ ีทจ่ี ะทด อบ มมตฐิ าน อธบิ ายด้ ย า่ เ ตุใดจึงเลือก ธิ ีน้ัน
3) จะนำค ามรจู้ ากการ กึ าเรือ่ งนไ้ี ปใชป้ ระโยชน์ในชี ติ ประจำ นั ไดอ้ ยา่ งไร
ตั อย่าง ถานการณ์ท่ี 8
จง เิ คราะ แ์ รงเ ยี ดทานทีเ่ กิดขน้ึ ในการขีจ่ กั รยาน

ลัก ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 91

1) า ิธลี ดแรงเ ยี ดทานใ เ้ ลือน้อยท่ี ุดเทา่ ทจ่ี ะทำได้
2) ออกแบบจักรยานทมี่ ีแรงเ ยี ดทานนอ้ ยท่ี ุดเท่าทจี่ ะเปน็ ไปได้

การประเมนิ ตาม ภาพจริงยงั คงใชก้ ารทด อบด้ ยการเขยี นตอบ แตจ่ ะลดการทด อบที่ ดั ดา้ นค ามรคู้ ามจำ โดย

จะมุ่งเน้นประเมินด้านค ามเข้าใจ การนำไปใช้ กระบ นการทาง ิทยา า ตร์ และการคดิ ข้นั ูง แบบทด อบใน

ลกั ณะนจ้ี ะต้อง ร้าง ถานการณ์ ซง่ึ ่ นใ ญ่ต้อง มั พนั ธ์กับชี ิตจรงิ ของนักเรียน แล้ ใ น้ กั เรียนตอบคำถามโดย
เขยี นตอบ ลัก ณะของคำถามค รนำไป กู่ าร ัดที่ งู ก า่ ค ามรูค้ ามจำ

การประเมนิ ผลการเรียนรโู้ ดยใช้แฟ้มผลงาน (portfolio assessment)
แฟ้มผลงานคืออะไร
เมื่อผู้เรียนทำกิจกรรมต่างๆ ท่ีเกี่ย ข้องกับการเรียนการ อน ิทยา า ตร์ ทั้งใน ้องเรียน รือนอก

้องเรียนก็ตาม กจ็ ะมีผลงานทไ่ี ด้จากการทำกิจกรรมเ ล่าน้ันปรากฏอยเู่ มอ ซ่ึง ามารถจำแนกผลงานออกตาม

กิจกรรมต่างๆ ดังน้ี
1. การฟังบรรยาย เม่ือผู้เรียนฟังการบรรยายกจ็ ะมี มุดจดคำบรรยาย ซ่งึ อาจอยู่ในรูปของบันทึกอย่าง

ละเอียด รือบันทึกแบบย่อ ท้ังน้ี ขึ้นอยู่กับลัก ณะของค ามชอบและค ามเคยชินของผู้เรียนในการบันทึกคำ
บรรยาย

2. การทำการทดลอง ผลงานของผู้เรียนที่เก่ีย ข้องกับการทดลอง อาจประกอบด้ ยการ างแผนการ
ทดลองท้งั ในรปู ของบนั ทกึ อย่างเปน็ ระบบ รอื บนั ทกึ แบบยอ่ การบันทึก ิธกี ารทดลอง ผลการทดลองและปญั าท่ี
พบขณะทำการทดลอง การแปลผล รุปผลและการอภิปรายผลการทดลอง และผลงาน ดุ ทา้ ยทเ่ี กีย่ ข้องกับการ
ทดลอง คือการรายงานผลการทดลองทผี่ เู้ รียนอาจทำเปน็ กลมุ่ รอื เดี่ย ก็ได้

3. การอภิปราย ผลงานของผู้เรยี นทเ่ี กย่ี ข้องกบั การอภิปราย คอื าง ั ขอ้ และขอ้ มูลท่ีจะนำมาใช้ในการ
อภปิ ราย ผลท่ีไดจ้ ากการอภิปรายร มทงั้ ขอ้ รปุ ตา่ งๆ

4. การ กึ าค้นค ้าเพ่ิมเตมิ จัดเป็นผลงานท่ี ำคัญประการ นึ่งของผเู้ รียนทเี่ กดิ จากการไดร้ ับมอบ มาย
จากครูผู้ อนใ ้ไปคน้ ค ้า าค ามรู้ในเรื่องต่างๆ ทีเ่ กีย่ ข้องกับ ั ข้อ รือประเด็นท่ีกำลัง ึก า ผลงานที่ได้จาก
การค้นค ้าเพ่ิมเติมอาจอยู่ในรูปของรายงาน การทำ ิจัยเชิงเอก าร รือบันทึกประเด็น ำคัญซึ่งอาจนำมาใช้
ประกอบการอภิปรายในช่ั โมงเรยี นก็ได้

5. การ กึ านอก ถานท่ี การ ึก านอก ถานทีจ่ ดั เป็น ธิ ีการท่เี ปดิ โอกา ใ ้ผเู้ รยี นไดม้ ปี ระ บการณ์ตรง
กับเรอ่ื งทก่ี ำลงั ึก า ผลงานทีไ่ ดอ้ าจประกอบด้ ยการบันทึกการ ังเกต การตอบคำถาม รอื ปัญ าจากใบงาน การ
เขียนรายงาน ิง่ ทค่ี น้ พบ

6. การบันทึกราย ัน เป็นผลงานประการ น่ึงของผู้เรียนทอ่ี ยู่นอกเ นือจากผลงานทีแ่ ดงถึงการเรยี นรู้
โดยตรง แต่จะช่ ยใ ้ผู้เรียน รอื ผู้ประเมินได้เข้าใจในประเด็น รือ ่ิงที่ผู้เรียนนึกคิดเก่ยี กับการเรียนการ อน
ทิ ยา า ตร์ด้ ยนอกจากกิจกรรมท่ีไดก้ ล่า มาแล้ ยังอาจมีกิจกรรมอ่ืนๆ ท่ีเกี่ย ข้องกับการเรียนการ อน ซ่ึง
ผเู้ รียน ามารถแ ดงออกถึงค าม ามารถอื่นๆ อีกด้ ยเชน่ การ อ่ื าร ผลงานเ ล่านถี้ ้าได้รับการเกบ็ ร บร มอย่าง

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 92

มรี ะบบด้ ยตั ผ้เู รยี นเองตามช่ งเ ลา ทัง้ ก่อนและ ลงั การทำกจิ กรรมเ ล่าน้ี โดยได้รบั คำแนะนำจากผู้ อน และ
ผเู้ รียนฝึกทำจนเคยชินแล้ จะถือเป็นผลงานท่ี ำคัญยิ่งท่ีใชใ้ นการประเมินผลการเรยี นรูใ้ น ิชา ทิ ยา า ตรข์ อง
ผูเ้ รียนต่อไป

ในการ ัดและประเมินผลด้านการปฏิบัติ ครอบคลุมถึงการที่นักเรียนได้แ ดงใ ้ครูเ ็นถึงค ามรู้
ค าม ามารถที่ครูได้คาด งั า่ นักเรยี นจะมีค ามรู้เกิดขึน้ จากการเรยี นรู้นนั้ การ ัดและประเมนิ ผลในด้านนี้ จะ
ช่ ย ะทอ้ นใ ้ครแู ละนกั เรียนไดท้ ราบ ่านักเรียนมคี ามกา้ นา้ ในการเรยี นร้มู ากนอ้ ยเพียงใด มีอะไรท่ีครูค รใ ้
ค ามช่ ยเ ลอื เป็นพิเ และเรียนรไู้ ปมากนอ้ ยเพยี งใดตามจุดประ งค์ท่คี รตู ัง้ ไ ้ อาจใช้ ิธกี าร อบ ดั ผล มั ฤทธิ์

ทง้ั การ อบยอ่ ยและการ อบใ ญ่ การใ น้ ักเรียน อบปฏบิ ัตกิ ารต่างๆ เป็นต้น

แน ทางการใ ค้ ะแนนเพอ่ื การประเมนิ
จากที่กล่า มาแล้ า่ การประเมนิ จาก ภาพจริงใ ้ค าม ำคญั ต่อการประเมินโดยใช้ขอ้ อบแบบเขียน

ตอบน้อยมา แต่จะใ ้ค าม ำคัญต่อการแ ดงออกท่ีแทจ้ รงิ ของนกั เรยี นขณะทำกิจกรรม งาน รือกิจกรรมท่ี
กำ นดใ ้นักเรยี นทำจะมีแน ทางไป ูค่ าม ำเรจ็ ของงานและมี ิธีการ าคำตอบ ลายแน ทาง คำตอบที่ได้
อาจมิใช่ในแน ทางทกี่ ำ นดไ เ้ มอไป จงึ ทำใ ้การตร จใ ค้ ะแนนไม่ ามารถใ อ้ ย่างชัดเจนแนน่ อนเ มอื น
การตร จใ ้คะแนนแบบขอ้ อบเลือกตอบ ดังนนั้ การประเมนิ จาก ภาพจริง จงึ ต้องมีการกำ นดแน ทางการ
ใ ค้ ะแนนอยา่ งชัดเจน การกำ นดแน ทางอาจจัดทำโดยครู คณะครู รือครแู ละนกั เรียนกำ นดร่ มกัน แน
ทางการประเมินนั้นจะต้องมีมาตร ัด ่านักเรยี นทำอะไรได้ ำเร็จ และระดบั ค าม ำเร็จอยู่ในระดบั ใด แน
ทางการประเมินท่มี ีมาตร ัดนี้ เรียก า่ Rubric การประเมินโดยอิง Rubric น้ี โดยทั่ ไปมี 2 แบบคอื

1. การใ ค้ ะแนนภาพร ม (Holistic score)
2. การใ ้คะแนนแยกองคป์ ระกอบ (Analytic score)

แน ปฏบิ ัตใิ นการ ัดและประเมินผลการเรยี นรู้
การ ัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บน ลักการพ้ืนฐาน องประการคือ

การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัด ินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ใ ้
ประ บผล ำเร็จน้นั นักเรียนจะตอ้ งไดร้ ับการพัฒนาและประเมินตามตั ชี้ ัดเพอ่ื ใ ้บรรลตุ ามมาตรฐานการ
เรียนรู้ ะท้อน มรรถนะ ำคัญ และคุณลัก ณะอันพึงประ งค์ของนักเรียนซึ่งเป็นเป้า มาย ลักในการ ัด
และประเมินผลการเรียนรู้ในระดับช้ันเรียน ระดับ ถาน ึก า การ ัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็น

กระบ นการพัฒนาคุณภาพนักเรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและ าร นเท ท่ีแ ดงพัฒนาการ
ค ามก้า น้า และค าม ำเร็จทางการเรียนของนกั เรยี น ตลอดจนข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ ่งเ ริมใ ้
นกั เรียนเกิด การพฒั นาและเรียนรู้อย่างเต็มตาม ักยภาพ

การ ัดและประเมินผลการเรยี นรู้ แบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดบั ถาน ึก า มี
รายละเอียด ดังน้ี

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ ักราช 2564 น้ า | 93

1. การประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการ ัดและประเมินผลท่ีอยู่ในกระบ นการจัดการเรียนรู้ ครู
ผู้ อนดำเนินการเป็นปกตแิ ละ ม่ำเ มอ ในการจดั การเรียนการ อน ใช้เทคนิคการประเมินอย่าง ลาก ลาย
เช่น การซักถาม การ ังเกต การตร จการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟ้ม

ะ มงาน การใช้แบบทด อบ ฯลฯ โดยครู ผู้ อนเป็นผ้ปู ระเมนิ เอง รือเปิดโอกา ใ ้นักเรยี นประเมินตนเอง
เพ่อื นประเมนิ เพ่อื น ผู้ปกครองร่ มประเมิน ในกรณีท่ไี มผ่ ่านตั ช้ี ดั ใ ้มีการ อนซ่อมเ รมิ

การประเมินระดับชั้นเรยี นเป็นการตร จ อบ า่ นกั เรียนมีพัฒนาการค ามก้า น้าในการเรียนรู้
อันเปน็ ผลมาจากการจดั กิจกรรมการเรียนการ อน รอื ไม่ และมากนอ้ ยเพียงใด มี งิ่ ทีจ่ ะตอ้ งได้รับการพัฒนา

ปรบั ปรงุ และ ง่ เ ริมในดา้ นใด นอกจากน้ียังเป็นข้อมูลใ ผ้ ู้ อนใช้ปรบั ปรุงการเรยี นการ อนของตนด้ ย ทงั้ นี้
โดย อดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรู้และตั ช้ี ัด

2. การประเมนิ ระดบั ถาน กึ า เปน็ การประเมนิ ท่ี ถาน กึ าดำเนินการเพอ่ื ตัด นิ ผล การเรยี น
ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมนิ การอ่าน คดิ เิ คราะ ์และเขียน คุณลัก ณะอนั พึงประ งค์

และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนเี้ พื่อใ ้ไดข้ ้อมูลเก่ีย กับการจดั การ ึก าของ ถาน ึก า ่า ่งผลต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเปา้ มาย รือไม่ ผู้เรียนมีจุดพฒั นาในด้านใด ร มทั้ง ามารถนำผลการเรียนของ
ผู้เรียนใน ถาน ึก าเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับ ถาน ึก าจะเป็นข้อมูลและ
าร นเท เพื่อการปรับปรงุ นโยบาย ลัก ูตร โครงการ รือ ิธีการจดั การเรยี นการ อน ตลอดจนเพื่อการ

จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการ ึก าของ ถาน ึก าตามแน ทางการประกันคุณภาพการ ึก าและการ
รายงานผลการจัดการ ึก าต่อคณะกรรมการ ถาน ึก า ำนักงานเขตพ้ืนท่ีการ ึก า ำนักงาน
คณะกรรมการการ ึก าขนั้ พ้ืนฐาน ผปู้ กครองและชมุ ชน

ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ในการตร จ อบทบท นพัฒนาคุณภาพ

นักเรยี น ท่ีจะตอ้ งจัดระบบดูแลช่ ยเ ลือ ปรบั ปรุงแก้ไข ่งเ ริม นบั นุนเพื่อใ ้นกั เรยี นได้พัฒนาเตม็ ตาม
กั ยภาพบนพื้นฐาน ค ามแตกต่างระ า่ งบุคคลที่จำแนกตาม ภาพปัญ าและค ามต้องการ ได้แก่ กลุ่ม
นักเรียนท่ั ไป กลุ่มนักเรยี นทีม่ คี าม ามารถพเิ กลมุ่ นักเรยี นที่มผี ล มั ฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กล่มุ ผู้เรียนที่มี
ปัญ าด้าน นิ ัยและพฤตกิ รรม กลุม่ นกั เรียนที่ปฏิเ ธโรงเรียน กลมุ่ นักเรยี นท่ีมปี ัญ าทางเ ร ฐกจิ และ งั คม
กลุ่มพิการทางร่างกายและ ติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจาก การประเมินจึงเป็น ั ใจของ ถาน ึก าในการ
ดำเนินการช่ ยเ ลือผูเ้ รียนได้ทันท่ งที ปิดโอกา ใ ้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและประ บค าม ำเร็จในการ
เรยี น

ถาน กึ าในฐานะผู้รบั ผดิ ชอบจัดการ กึ า จะต้องจดั ทำระเบยี บ า่ ด้ ยการ ัดและประเมนิ ผลการ
เรียนของ ถาน ึก าใ ้ อดคล้องและเป็นไปตาม ลักเกณฑ์และแน ปฏิบัติที่เป็นข้อกำ นดของ ลัก ูตร
ถาน ึก า เพ่ือใ ้บุคลากรท่เี กย่ี ขอ้ งทุกฝ่ายถอื ปฏิบัติร่ มกัน

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตร์และเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 94

เกณฑ์การ ดั และประเมินผลการเรียน

1. การตดั ิน การใ ร้ ะดบั และการรายงานผลการเรียน
1.1 การตัด ินผลการเรียน
ในการตัด ินผลการเรียนของกลุ่ม าระการเรียนรู้ การอ่าน คิด ิเคราะ ์และเขียน

คณุ ลัก ณะอันพงึ ประ งค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นน้นั ผู้ อนต้องคำนึงถึงการพฒั นานักเรียนแต่ละคนเป็น
ลัก และต้องเกบ็ ข้อมูลของนักเรียนทุกดา้ นอย่าง ม่ำเ มอและตอ่ เน่ืองในแต่ละภาคเรยี น ร มท้ัง อนซ่อมเ ริม
ผูเ้ รียนใ พ้ ฒั นาจนเตม็ ตาม กั ยภาพ

ระดับประถม ึก า
(1) ผ้เู รียนตอ้ งมีเ ลาเรยี นไมน่ อ้ ยก า่ รอ้ ยละ 80 ของเ ลาเรยี นทงั้ มด
(2) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตั ช้ี ัด และผ่านเกณฑ์ไม่น้อยก ่าร้อยละ 80 ของ
จำน นตั ช้ี ัด
(3) ผู้เรียนต้องได้รับการตัด ินผลการเรียนทุกราย ิชา ไม่นอ้ ยก ่าระดับ “1” จึงจะถือ ่า
ผ่านเกณฑต์ ามที่ ถาน กึ ากำ นด
(4) นักเรียนต้องไดร้ ับการประเมนิ และมผี ลการประเมิน การอ่านคิด ิเคราะ ์และเขยี น ใน
ระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป มีผลการประเมินคุณลัก ณะอันพึงประ งค์ในระดับ “ผ่าน” ขึ้นไป และมีผลการ
ประเมนิ กจิ กรรมพัฒนานักเรยี น ในระดับ “ผ่าน”

1.2 การใ ้ระดบั ผลการเรยี น

ระดับประถม ึก า ในการตัด ินเพ่ือใ ้ระดับผลการเรียนราย ิชา ใ ้ระดับผลการเรียน รือระดับ

คุณภาพการปฏิบัตขิ องนักเรยี น เป็นระบบตั เลขแ ดงระดับผลการเรยี นเป็น 8 ระดบั ดังน้ี

ระดับผลการเรยี น ค าม มาย ช่ งคะแนนรอ้ ยละ

4 ผลการเรยี นดเี ยีย่ ม 80 - 100

3.5 ผลการเรยี นดมี าก 75 - 79

3 ผลการเรียนดี 70 - 74

2.5 ผลการเรยี นค่อนขา้ งดี 65 - 69

2 ผลการเรียนน่าพอใจ 60 - 64

1.5 ผลการเรียนพอใช้ 55 - 59

1 ผลการเรยี นผา่ นเกณฑข์ นั้ ต่ำ 50 - 54

0 ผลการเรยี นต่ำก า่ เกณฑ์ 0 – 49

การประเมินการอ่าน คดิ ิเคราะ ์และเขียน และคณุ ลกั ณะอันพงึ ประ งคน์ ั้น ใ ร้ ะดบั ผลการ
ประเมินเปน็ ดีเยยี่ ม ดี ผ่าน และไมผ่ า่ น

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรียนรู้ ิทยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พทุ ธ กั ราช 2564 น้ า | 95

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเ ลาการเข้าร่ มกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑท์ ่ี ถาน ึก ากำ นด และใ ผ้ ลการเข้าร่ มกจิ กรรมเป็นผา่ น และ

ไม่ผา่ น

การประเมินการอ่าน คดิ ิเคราะ ์และเขยี น และคุณลัก ณะอันพงึ ประ งค์น้ัน ใ ร้ ะดบั ผลการ
ประเมินเป็น ดเี ยยี่ ม ดี ผา่ น และไม่ผ่าน

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเ ลาการเข้าร่ มกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงานของผู้เรยี น ตามเกณฑ์ท่ี ถาน ึก ากำ นด และใ ้ผลการเข้าร่ มกจิ กรรมเป็นผา่ น และ
ไมผ่ ่าน

1.3 การรายงานผลการเรยี น
การรายงานผลการเรียนเป็นการ ื่อ ารใ ้ผู้ปกครองและนักเรียนทราบค ามก้า น้า

ในการเรียนรขู้ องนกั เรียน ต้อง รุปผลการประเมินและจัดทำเอก ารรายงานใ ้ผ้ปู กครองทราบเป็นระยะ ๆ
รืออย่างนอ้ ยภาคเรยี นละ 1 ครั้ง

การรายงานผลการเรียน ามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของนักเรียนท่ี ะท้อน
มาตรฐานการเรยี นรกู้ ลมุ่ าระการเรยี นรู้

2. เกณฑ์การจบการ ึก า
ลัก ูตร ถาน ึก า กำ นดเกณฑ์กลาง ำ รับการจบการ ึก าเป็น 2 ระดับ คือ ระดับ

ประถม กึ า และระดับมธั ยม กึ าตอนตน้
2.1 เกณฑก์ ารจบระดบั ประถม กึ า
(1) นกั เรยี นเรียนราย ิชาพ้นื ฐาน และราย ิชา/กจิ กรรมเพ่มิ เตมิ ตามโครง ร้างเ ลาเรยี น ที่
กำ นด

(2) นักเรยี นต้องมผี ลการประเมินราย ชิ าพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตามทก่ี ำ นด
(3) นักเรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิด ิเคราะ ์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การ
ประเมินตามทก่ี ำ นด
(4) นักเรียนมีผลการประเมินคุณลัก ณะอันพึงประ งค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน
ตามทีก่ ำ นด
(ถ) นักเรียนเขา้ ร่ มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นและมผี ลการประเมินผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ตามท่ี
กำ นด

ลกั ูตรกลมุ่ าระการเรยี นรู้ ทิ ยา า ตรแ์ ละเทคโนโลยี พุทธ ักราช 2564 น้ า | 96

ำ รบั การจบการ ึก า ำ รับกลุ่มเป้า มายเฉพาะ เชน่ การ ึก าเฉพาะทาง การ กึ า ำ รบั ผู้มี
ค าม ามารถพิเ การ ึก าทางเลือก การ ึก า ำ รับผู้ด้อยโอกา การ ึก าตามอัธยา ัย ใ ้
คณะกรรมการของ ถาน กึ า ดำเนินการ ัดและประเมินผลการเรยี นรตู้ าม ลักเกณฑ์ในแน ปฏิบตั ิการ ัด

และประเมินผลการเรียนรู้ของ ลัก ูตร ถาน ึก า ำ รับกลุ่มเป้า มายเฉพาะ


Click to View FlipBook Version