คณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์
รสวรรณคดี
พโิ รธวาทงั
คอื กำรแสดงควำมโกธรแค้นผ่ำนกำรใช้คำตัดพ้อต่อว่ำให้สำใจ แสดง
ควำมโกรธกรว้ิ ตัดพอ้ และประชดประเทียดเสยี ดสี ดังตัวอยำ่ ง
๏ บัดนั้น นนทกน้ำใจแกล้วกล้ำ
กรวิ้ โกรธรอ้ งประกำศตวำดมำ อนิจจำข่มเหงเล่นทุกวนั
จนหัวไมม่ ผี มติด สุดคิดท่ีเรำจะอดกลั้น
วนั นี้จะได้เห็นกัน ขบฟันแล้วชี้นิ้วไป
คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
รสวรรณคดี
สัลลาปังคพสิ ัย
คือ อำกำรโศกเศรำ้ กำรโอดคร่ำครวญ หรอื บทโศกอันว่ำด้วยกำร
จำกพรำกส่งิ อันเป็นทีร่ กั ดงั ตัวอยำ่ ง
พระองค์ผทู้ รงศักดำเดช ไมโ่ ปรดเกศแก่ข้ำบทศรี
กรรมเวรสง่ิ ใดดั่งน้ี ทูลพลำงโศกีรำพัน ฯ
พระอิศวรบรมรงั สรรค์
เมือ่ น้ัน พระทรงธรรม์ให้คิดเมตตำ
เห็นนนทกโศกำจำบัลย์
คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์
รสวรรณคดี
โวหารภาพพจน์
การใชถ้ อ้ ยคา
คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
โวหารภาพพจน์
ภาพพจน์อปุ มา
เปน็ กำรเปรยี บเทียบสิง่ หน่ึงเหมือนอีกสิ่งหน่ึง เพ่ือให้เกิดจินตนำกำร
เห็นภำพชดั เจนมำกขนึ้ โดยมีคำวำ่ ด่งั เพียง เปรยี บ เหมือน เปน็ ต้น ดงั บทประพนั ธ์
ต้องสบุ รรณเทวำนำคี ดั่งพิษอสุนีไมท่ นได้
ล้มฟำดกลำดเกล่ือนลงทันใด บรรลัยไมท่ ันพรบิ ตำ
ตัวกกู ็คิดเมตตำ แต่จะไว้ชีวำมงึ ไมไ่ ด้
ตรสั แล้วแกวง่ ตรเี กรยี งไกร แสงกระจำยพรำยไปด่ังไฟกำล
คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์
รสวรรณคดี
โวหารภาพพจน์
การใชถ้ อ้ ยคา
คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
การใชถ้ ้อยคา
การหลากคา (ไวพจน)์
เพือ่ ใหเ้ กิดควำมไพเรำะและเลือกใช้ถ้อยคำให้ลงสัมผัสได้ ตัวอย่ำงเช่น กำร
เรยี กช่ือ พระอิศวรว่ำ พระสยมภูวญำณ พระอิศรำธบิ ดี พระศลุ ี เป็นต้น
หรอื เมื่อจะกล่ำวถึงเหลำ่ เทวดำ ก็ใชค้ ำต่ำง ๆ เช่น สุรำฤทธิ์ สรุ ำรกั ษ์ สรุ ำลยั เปน็ ต้น
๏ เม่ือนั้น หัสนัยน์เจ้ำตรยั ตรงึ ศำ
เห็นนนทกน้ันทำฤทธำ ชี้หมูเ่ ทวำวำยปรำณ
คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์
การใช้ถ้อยคา
ใช้คาแสดงอารมณ์
เพ่ือให้ผู้อ่ำนมีอำรมณ์คลอ้ ยตำมรว่ มกับตัวละครในเรอ่ื ง เชน่
๏ จนผมโกรน๋ โล้นเกล้ียงถึงเพียงหู ดูเงำในนำ้ แล้วรอ้ งไห้
ฮึดฮัดขัดแค้นแน่นใจ ตำแดงด่ังแสงไฟฟำ้
เปน็ ชำยดูดู๋มำหม่ินชำย มติ ำยจะได้มำเห็นหน้ำ
คิดแล้วก็รบี เดินมำ เฝำ้ พระอิศรำธิบดี
คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์
การใชถ้ อ้ ยคา
ใชค้ านอ้ ยกินความมาก
สำมำรถเลำ่ เรอ่ื งโดยใชบ้ ทกลอนสัน้ ๆ แต่ไดใ้ จควำมครบถ้วนและมคี วำมไพเรำะ เชน่
๏ ชำติน้ีมึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบตั ิเอำชำติใหม่
ให้สิบเศียรสบิ พักตรเ์ กรยี งไกร เหำะเหินเดินได้ในอัมพร
มมี อื ยส่ี บิ ซ้ำยขวำ ถือคทำอำวธุ ธนูศร
กจู ะเปน็ มนุษย์แต่สองกร ตำมไปรำญรอนชีวี
คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์
การใชถ้ อ้ ยคา
ใชก้ ลบทและการซา้ คา
กำรซำ้ คำและกลบทบุษบงแยม้ ผกำ เพ่อื ใหเ้ กิดควำมไพเรำะและเปน็ กำรเน้นควำม
เหลือบเห็นสตรวี ิไลลักษณ์ พิศพักตรผ์ อ่ งเพียงแขไข
งำมโอษฐง์ ำมแก้มงำมจุไร งำมนัยน์เนตรงำมกร
งำมถันงำมกรรณงำมขนง งำมองค์ยงิ่ เทพอัปสร
งำมจรติ กิรยิ ำงำมงอน งำมเอวงำมอ่อนท้ังกำยำ
คณุ คา่ ด้านสงั คม
คณุ คา่ ดา้ นสังคม
สะท้อนค่านิยมของคนไทย
◆ สะท้อนค่ำนิยม ทำดีไดด้ ี ทำชว่ั ไดช้ ว่ั
๏ เมอ่ื นั้น พระสยมภวู ญำณเรอื งศรี
ได้ฟังนนทกพำที ภูมนี ่ิงนึกตรกึ ไป
อ้ำยนี่มีชอบมำช้ำนำน จำเปน็ จำจะประทำนพรให้
คิดแล้วก็ประสทิ ธิพ์ รชัย จงได้สำเรจ็ มโนรถ
คุณคา่ ด้านสังคม
สะทอ้ นความเชือ่ ของคนไทย
◆ สะทอ้ นควำมเชอื่ กำรกลับชำติมำเกิด ดังคำประพันธ์
๏ เม่อื นั้น ฝำ่ ยนำงรชั ดำมเหสี
องค์ท้ำวลัสเตียนธบิ ดี เทวีมีรำชบุตรำ
คือว่ำนนทกมำกำเนิด เกิดเปน็ พระโอรสำ
ชื่อทศกัณฐก์ มุ ำรำ สบิ เศียรสิบหน้ำย่ีสิบกร
คุณค่าดา้ นสังคม
สะท้อนวัฒนธรรมดา้ นนาฏศลิ ป์ไทย
◆ สะทอ้ นวัฒนธรรมไทยทมี่ ีกำรประดิษฐท์ ่ำรำท่ีงดงำม และกำหนดชื่อให้
สอดคล้องกับทำ่ รำแต่ละทำ่ อย่ำงคล้องจองกัน
๏ เทพนมปฐมพรหมส่หี น้ำ สอดสรอ้ ยมำลำเฉดิ ฉนิ
ทงั้ กวำงเดนิ ดงหงสบ์ นิ กินรนิ เลียบถำ้ อำไพ
อีกช้ำนำงนอนภมรเคลำ้ ท้งั แขกเต้ำผำลำเพยี งไหล่
เมฆลำโยนแก้วแววไว มยเุ รศฟอ้ นในอัมพร
ลมพัดยอดตองพรหมนิมิต ท้ังพสิ มยั เรยี งหมอน
ยำ้ ยทำ่ มจั ฉำชมสำคร พระสี่กรควำ้ จักรฤทธริ งค์
ฝ่ำยวำ่ นนทกก็รำตำม ด้วยควำมพิสมยั ไหลหลง
ถึงท่ำนำคำม้วนหำงวง ชีต้ รงถกู เพลำทันใด
คณุ คา่ ด้านขอ้ คดิ
จงบอกฉันสองภาพนี้เหมอื นกนั อยา่ งไร ?
คณุ คา่ ดา้ นข้อคิด
๑. ความอาฆาต พยาบาท จองเวร นามาซ่ึงความเดือดร้อน
◆ มนุษย์มีควำมรูส้ ึกรกั โลภ โกรธ หลง เมื่อเกิดควำมไม่พอใจก็เกิด
ควำมอำฆำตพยำบำท และเป็นกำรทำลำยชีวิตตนเอง ดังนั้นต้องรูจ้ ัก
กำรปลงใจ กำรให้อภัยไมผ่ ูกใจเจ็บแค้น ก็จะนำควำมสุขมำสตู่ นได้
๒. การใชอ้ านาจในทางท่ีผดิ ย่อมนามาซงึ่ ความเดือดร้อน
◆ อำนำจเมือ่ ตกอยู่ในมือของผูท้ ี่ขำดสติไตรต่ รอง ยอ่ มถูกใช้ในทำงที่ผิด
อำจสร้ำงควำมเดือดร้อนให้แก่บุคคลอื่นได้ ดังน้ันผู้ให้อำนำจควร
พิจำรณำไตรต่ รองก่อน และผทู้ ไี่ ด้รบั อำนำจก็ควรใช้ไปในทำงทถ่ี กู ต้อง
คณุ ค่าด้านข้อคดิ
๓. อย่ารงั แกผู้ทดี่ อ้ ยกวา่ ตน
◆ กำรที่มนุษย์จะอำศัยอยู่รว่ มกันในสังคมได้อย่ำงมีควำมสุขน้ัน
ต้องไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ควรรงั แกผู้ที่อ่อนแอกว่ำตน
เพรำะภำยหลังอำจนำควำมเดือดรอ้ นมำสู่ตนเองได้
๔. ความลมุ่ หลงมวั เมาจะทาใหภ้ ยั มาถึงตวั
◆ ควำมลุ่มหลงในรูป รส กล่ิน เสยี ง สัมผัส ทำใหม้ นุษยข์ ำดสติในกำรใช้ชวี ิต กลำย
มำเปน็ ควำมต้องกำรทท่ี ำให้มนุษย์ยอมทำทกุ อยำ่ งเพื่อจะได้มำครอบครอง โดยไม่
ทันไดพ้ ิจำรณำถึงผลรำ้ ยท่จี ะเกิดตำมมำ