The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Vongchavalitkul, 2020-11-02 03:54:29

หนังสือกฐินวัดโนนกุ่ม

1





































































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

2





































































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

3
























มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล


จัดพิมพ์เป็นที่ระลึก


ในโอกาสเป็นเจ้าภาพ







ทอดกฐินสามัคคี


ณ วัดโนนกุ่ม ตำาบลโคกกระชาย


อำาเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา



วันที่เสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓













มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

4


































หนังสือกฐินสามัคคี
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จัดพิมพ์เป็นที่ระลึก

ในโอกาสเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี
ณ วัดโนนกุ่ม ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา

วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
ภาพหน้าปก วัดโนนกุ่ม
ภาพปกหลัง วัดโนนกุ่ม

ถ่ายภาพโดย ฝ่ายปฏิบัติการคณะนิเทศศาสตร์



จัดทำาโดย
คณะกรรมการฝ่ายจัดทำาหนังสือที่ระลึก








มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

5















กำาหนดการสมโภชและถวายผ้ากฐิน

มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างกลพณิชยการนครราชสีมา
โรงเรียนเกียรติคุณวิทยา

ประจำาปี พ.ศ. ๒๕๖๓
ถวาย ณ วัดโนนกุ่ม ตำาบลโคกกระชาย อำาเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา

วันที่ ๑๖ - ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓





วันศุกร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓
เวลา ๑๓.๐๐ น. พิธีสมโภชผ้ากฐิน

- แขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักเรียน
และนักศึกษา ทั้ง ๓ สถาบัน พร้อมกัน
ณ หอประชุมวงษ์ชวลิตกุล มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

เวลา ๑๓.๓๐ น. - ประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
- พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

- ประธานสงฆ์กล่าวสัมโมทนียกถา
- ถวายจตุปัจจัยและเครื่องไทยธรรม


- กรวดนา รับพร กราบลาพระรัตนตรัย
- ถ่ายภาพร่วมกัน
- เสร็จพิธี




มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

6

วันเสาร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ พิธีถวายผ้ากฐิน

เวลา ๐๘.๐๐ น. ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ไปยังวัดโนนกุ่ม

ตำาบลโคกกระชาย อำาเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา
เวลา ๐๙.๓๐ น. แขกผู้มีเกียรติ ผู้บริหาร ครู คณาจารย์ บุคลากร นักเรียน

นักศึกษา ทั้ง ๓ สถาบัน พร้อมกัน ณ ศาลาการเปรียญ
วัดโนนกุ่ม ตำาบลโคกกระชาย อำาเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา


เวลา ๑๐.๐๐ น. ประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
- พิธีกรดำาเนินการตามพิธีถวายผ้ากฐิน

- พระสงฆ์ทำาพิธีกฐินกรรม
- ถวายจตุปัจจัยและเครื่องไทยธรรม


- กรวดนา รับพร
เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์



หมายเหตุ การแต่งกายชุดผ้าไทย หรือชุดสุภาพ































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

7





































































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

8





































































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

9

คำานำา



การทอดกฐินเป็นประเพณีนิยมท่อย่ค่กับพุทธศาสนิกชนไทยมาช้านาน









สนนิษฐานวาเร่มมีมาตงแต่สมัยทวารวดและมีหลักฐานปรากฏชดเจนในสมย
กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ชาวพุทธในประเทศไทย ให้ความสำาคัญกับประเพณี
การทอดกฐิน โดยถือว่าเป็นงานบุญที่สำาคัญสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน จึงเชื่อ

กันว่าการทอดกฐินก่อให้เกิดพลานิสงฆ์อย่างสูงต่อพระภิกษุผ้กรานกฐินและ
พุทธศาสนิกชนผู้มีส่วนร่วม ในการทอดกฐิน เพื่อเป็นการทำานุบำารุงพระพุทธ
ศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง เป็นมรดกทางวัฒนธรรม และเสริมสร้างความสมัคร
สมานสามัคคีในหมู่พุทธบริษัท สอดคล้องกับหนึ่งในพันธกิจของมหาวิทยาลัย
คือ การทำานุบำารุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ ควบคู่กับการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ



สนับสนุนการวิจัย สงเสรม การบริการวิชาการสู่ชุมชนเข้มแข็งและเป็นที ่
ยอมรับ
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรด

กระหม่อมพระราชผ้าพระกฐินนำาไปถวาย ณ พระอารามหลวง และถวาย
ผ้ากฐิน ณ วัดต่าง ๆ รวมทั้งการจัดพิมพ์หนังสือเป็นที่ระลึก เป็นประจำาทุกปี

สำาหรับปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ นี้ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล วิทยาลัยเทคโนโลยี

ช่างกล พณิชยการนครราชสีมา และโรงเรียนเกียรติคุณวิทยาได้ขอรับเป็น
เจ้าภาพถวายผ้ากฐินเพื่อสมทบทุน สร้างศาลาการเปรียญ ทอดถวาย


ณ วัดโนนกุ่ม ตำาบลโคกกระชาย อำาเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา วดโนนกม


นามเดิมชื่อวัดกุดโคลนตั้งอยู่ที่หมู่บ้านกุดโคลน ตำาบลโคกกระชาย อำาเภอครบุรี
จังหวัดนครราชสีมา ชื่อวัดโนนกุ่มมีที่มาจากการตั้งชื่อตามหมู่บ้านที่มีป่าไม้กุ่ม

เกิดขึ้นอย่างหนาแน่น ปัจจุบันพระอธิการ ยงยุทธ ฐิตสาโร ดำารงตำาแหน่งเจ้า
อาวาส วัดโนนกุ่มองค์ปัจจุบัน








มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

10

การถวายผ้ากฐินครั้งนี้ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลได้จัดทำาหนังสือเพื่อ

เป็นที่ระลึกแก่พุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธาร่วมอนุโมทนาในการถวายผ้ากฐิน

การจัดพิมพ์สำาเร็จได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ของญาติธรรมผู้มีจิตศรัทธา
หลายฝ่ายที่ให้การสนับสนุนจัดพิมพ์หนังสือ จึงขออนุโมทนาผู้มีกุศลจิตทุกฝ่าย

ที่ร่วมบำาเพ็ญเป็นจริยา ทั้งในส่วนที่เป็นไวยาวัจมัย และบริจาควัตถุปัจจัยไทยธรรม
ร่วมในงานกฐินครั้งนี้ ขออานิสงส์ผลบุญที่ได้ร่วมกันถวายผ้ากฐินครั้งนี้

จงดลบันดาลให้ทุกท่านเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ

ตลอดกาลนานเทอญ



มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
ตุลาคม ๒๕๖๓








































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

11

สารบัญ

ประวัติวัดโนนกุ่ม ๑๒

การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในวัยสูงอายุ ๑๘
“ออมบุญ” แล้วมา “ออมเงิน” กันเถอะ ๒๔

การป้องกันตนเองจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ (Covid-๑๙) ๒๗

ความเสี่ยงเมื่อถึงวัยผู้สูงอายุ ๓๑
สถาปัตย์ฯ ม.วงษ์ฯ บูรณาการการเรียนการสอนสู่การพัฒนาชุมชน ๓๕

การขอประกันตัวในคดีอาญา ๔๒
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นทางสายกลาง

: มโนทัศน์เพื่อการดำาเนินชีวิตอันประเสริฐ ๕ ๐

แนวคิดการใช้ชั้นนำาใด้ดินประดิษฐ์ร่วมกับ
แนวพระราชดำาริเรื่อง “การใช้ประโยชน์ที่ดินตามแนวทฤษฎีใหม่” ๖๘

ประวัติมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ๗๒

หลักสูตรการเรียนการสอนมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ๗๘
รายนามคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ๗๙

รายชื่อคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ๘๐

คำาสั่งมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ๘ ๑
รายนามผู้บริจาคกฐินสามัคคี ๘๘

ท้ายเล่ม ๙๒

















มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

12





































ประวัติวัดโนนกุ่ม



ตำ�บลโคกกระช�ย อำ�เภอครบุรี จังหวัดนครร�ชสีม�


ดโนนกุ่ม นามเดิม ชื่อวัดกุดโคลน ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านกุดโคลน ตำาบลโคกกระชาย

วัอำาเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา อยู่ติดกับลำาน้ำาแชะ มีเนื้อที่ประมาณ ๓ไร่
๓งาน เหตุที่ต้องโยกย้ายไปสร้างที่ใหม่ เพราะวัดกุดโคลนเป็นที่ราบลุ่มเกิดการกัด
เซาะของสายน้ำาลำาแซะที่ไหลตัดผ่าน เมื่อฤดูฝนจะมีน้ำาป่าหลากมาอย่างมากมาย




ทาให้นาท่วมวัดและบ้านเรือนเกือบทุกหลังชาวบ้านกุดโคลนจึงได้โยกย้ายไปหาท ี ่
โนนสูง เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ชาวบ้านสมัยนั้นเห็นพร้องต้องกันว่า พื้นที่ๆเป็น
โนนป่าต้นกุ่ม เหมาะสมเป็นชัยภูมิไม่ไกลจากแหล่งน้ำา จึงได้ตั้งเป็นหมู่บ้าน เรียก
ว่าบ้านโนนกุ่ม ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๗๐ เป็นต้นมา




มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

13






























โ ดยพ้นฐานและวิถีชีวิตของชาวบ้าน




ท่มความเล่อมใสในพระพุทธศาสนาเม่อม ี

หม่บ้านก็ต้องมีวัดจึงได้หาท่สร้างวัดเพ่อ


ประกอบศาสนกิจในการบาเพ็ญบุญกุศลและ

เป็นที่อยู่จำาวัดของพระภิกษุสงฆ์ โดยได้รับ
กำาลังศรัทธาจากนายเณร รวงกระโทก
เป็นผู้ถวายที่ดินให้สร้างวัด เมื่อปีพุทธศักราช
๒๔๗๐ ได้ตั้งชื่อวัดว่า วัดโนนกุ่ม ตามชื่อ
หมู่บ้านที่มีป่าไม้กุ่มเกิดขึ้นอย่างหนาแน่น วัด

โนนกุ่มมีพื้นที่ ๑๒ ไร่ ๙๘ ตารางวา ได้สร้าง
กุฏิสงฆ์เรือนไม้ ได้สร้างอุโบสถ เสาไม้มะค่า
๑ หลง ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๘ ได้รับ


ใบอนุญาตวิสุงคามสีมาเม่อเดือน๔ปี
พุทธศักราช๒๔๙๙ มีเจ้าอาวาสปกครองดูแล

ตามลำาดับดังนี้




มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

14

๑ หลวงพ่อน้อย

๒ อาจารย์บุญ
๓ อาจารย์โปย
๔ อาจารย์มา

๕ อาจารย์ภู่
๖ อาจารย์สอน

๗ อาจารย์บุญ
๘ อาจารย์สวย
๙ อาจารย์ฉวี

๑๐ พระอธิการทัด ฉนทกโร
๑๑ พระอธิการยงยุทธ ฐิตสาโร

ดำารงตำาแหน่งเป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน






















เมื่อวันที่๒๒ มกราคม
๒๕๓๑ กรมศาสนารับรอง


ว่าวัดโนนก่มเป็นวัดสมบูรณ์
ตามมาตรา๓๑ ตามพระราช

บัญญัติคณะสงฆ์





มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

15





































































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

16





































































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

17





































































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

18









การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในวัยสูงอายุ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วัลภา สุนทรนัฏ


การสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรคในผู้สูงวัย
เนื่องจากสังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งร่างกาย

อารมณ์ สังคม พบกับความเสื่อมถอย เราจึงต้องสร้างเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพ
ชีวิตที่ดี มีสุขภาวะ

เชื่อว่าการเสริมพลังอำานาจให้กับผู้สูงอายุด้วยกิจกรรมการสร้าง
เสริมสุขภาพเป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุทุกช่วงวัย ทำาได้ด้วยตนเองตามกำาลังความสามารถ
ที่มีอยู่ เนื้อหาต่อไปนี้ จะกล่าวถึงการสร้างเสริมสุขภาพง่าย ๆ ที่ผู้สูงอายุทุกคน

สามารถทำาได้ ตามหลัก ๓ อ. ๒ ส. ๑ ฟ. เพื่อชีวิตสดใสในวัยสูงอายุ



อ. ที่ ๑ อาหาร
อาหารและโภชนาการสำาหรับผู้สูงอายุ ควรลดลง เนื่องจากอัตราการเผา
ผลาญและกิจกรรมในชีวิตประจำาวันลดลง แต่ได้สารอาหารครบถ้วน โดยวิตามิน

และเกลือแร่ไม่ลดลง
ปริมาณอาหารแต่ละชนิดที่ควรได้รับต่อวัน พิจารณาตามธงโภชนาการ



ของสานกโภชนาการกองโภชนาการ กระทรวงสาธารณสุข คือ
๑. ข้าว แป้ง เผือก มัน เช่น ข้าวควรรับประทานวันละ ๔-๖ ทัพพี
๒. พืชผักต่าง ๆ วันละ ๔-๖ ทัพพี ผลไม้ต่าง ๆ วันละ ๓-๔ ส่วน

๓. นมวันละ ๑-๒ แก้ว เนื้อสัตว์ วันละ ๙ ข้อนกินข้าว


๔. ไขมัน นาตาล เกลือ ปริมาณน้อย






มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

19

หลักในการบริโภคอาหารสำาหรับผู้สูงอายุ

๑. ควรบริโภคอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และครบทั้ง ๕ หมู่
๒. ควรบริโภคบ่อยครั้งแต่ปริมาณลดลงในแต่ละมื้อ
๓. ควรลดอาหารประเภทที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด เนื่องจากการย่อย

และการดูดซึมไขมันในผู้สูงอายุ ลดน้อยลง อาจทำาให้ท้องอืดแน่นอึดอัด
๔. ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม เช่น เนื้อปลา ไข่ เนื้อสัตว์ไม่

ติดมันสับละเอียด
๕. ควรงด/ลดการบริโภคอาหารรสจัด เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

๖. ควรดื่มนมพร่องมันเนยวันละ ๑-๒ แก้ว และนา ๖-๘ แก้ว (ตามสภาพ

ของโรคประจำาตัว)
๗. สำาหรับขนมหวานรับประทานได้แต่ไม่บ่อยและเลือกที่มีประโยชน์

ต่อร่างกาน เช่น เต้าส่วน
๘. ควรรับประทานอาหารตามสบายไม่เร่งรีบ เคี้ยวให้ละเอียด












แนวทางในการบรโภคอาหารสาหรบผสงอายและพลงงานทควรไดรบจาก



อาหารสำาหรับผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุควรรับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย
ได้พลังงานตามต้องการ และหมั่นดูแลน้ำาหนักตัว กองโภชนาการ กรมอนามย

กระทรวงสาธารณสุข แนะนำาให้ผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ควรรับอาหารวันละประมาณ
๑,๖๐๐ กิโลแคลอรี
สรุป
อาหาร สะอาด ครบ ๕ หมู่ ปริมาณพอเหมาะ อ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย
รสไม่จัด หวาน มัน เค็ม น้อย ๆ ใยอาหารมาก ดื่มน้ำาเพียงพอ โดยใช้สูตรอาหาร

๒:๑:๑ ใน ๑ จาน ควรมีผัก ๒ ส่วน แป้ง ๑ ส่วน และโปรตีน ๑ ส่วน และลดหวาน
มัน เค็ม






มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

20

อ. ที่ ๒ การออกกำาลังกาย

การออกกำาลังกาย คือ การเคลื่อนไหวออกแรงของร่างกาย ให้มีการยืดหด
ของกล้ามเนื้อ รวมทั้งการเคลื่อนไหวข้อ อย่างมีแบบแผน เป็นระบบต่อเนื่อง
เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย





สาหรบผสงอาย การออกกำาลังกายอย่างสม่ำาเสมอช่วยเสริมสร้างความ


สมบูรณ์ ชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
และหลอดเลือด สมอง แต่ต้องคำานึงถึงความสามารถและข้อห้ามกรณีมีโรคประจำาตัว
ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์

๒. ลักษณะการออกกำาลังกาย การออกกำาลังกาย แบ่งตามประโยชน์ที่เกิดขึ้นได้
๓ กลุ่มใหญ่ๆ คือ

๑. การออกกำาลังกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพปอดและหัวใจ โดยเป็น
กิจกรรมที่ร่างกายต้องใช้ออกซิเจนมากที่สุดในเวลาที่กำาหนดประมาณ
๑๕-45 นาที ประมาณ ๓-๕ ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งได้แก่ การเดินเร็ว การวิ่งเหยาะ

การว่ายนำา ปั่นรถจักรยาน เป็นต้น
๒. การออกกำาลังกายเพื่อความยืดหยุ่น และผ่อนคลาย ได้แก่ กายบริหาร

ในท่าต่าง ๆ โยคะ รำามวยจีน เป็นต้น
๓. การออกกำาลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของ
กล้ามเนื้อ ได้แก่ การออกแรงดึง การยกน้ำาหนัก เป็นต้น



๓. ขั้นตอนการออกกำาลังกายที่ถูกต้อง ประกอบด้วย
ขั้นตอนที่ ๑ การอบอุ่นร่างาย (Warm up)ใช้เวลาประมาณ ๕-๑๐ นาที

เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มขึ้นช้า ๆ มีการประสาน

กันของประสาทและกล้ามเนื้อ การหายใจและระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น เชน
แกว่งแขน สะบัดแขน สะบัดขา วิ่งเหยาะอยู่กับที่
ขั้นตอนที่ ๒ การออกกำาลังกายอย่างจริงจัง (Exercise) ใช้เวลาประมาณ

๑๐-๒๐ นาที เป็นการออกกำาลังกายที่มีผลให้หัวใจและปอดทำางานมากขึ้น เพิ่มการ



มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

21

สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ และร่างกายได้นำาออกซิเจนในอากาศไปใช้เป็น

พลังงาน โดยพิจารณาจากความรู้สึกขณะออกกำาลังกายว่าถ้าเหนื่อยเกินไป
แสดงว่าหนักมาก
ขั้นตอนที่ ๓ การผ่อนคลายให้ร่างกายเย็นลง (Cool down) โดยค่อย ๆ

ผ่อนและหยุด ใช้เวลาประมาณ ๕-๑๐ นาที ถ้าหยุดทันทีอาจหน้ามืด เจ็บแน่น
หน้าอก เป็นลม



๔. มีข้อควรพิจารณาในการออกกำาลังกาย ดังนี้
๑. การออกกำาลังกายที่มีความหนักพอสมควร ไม่มากเกินไป (ไม่เหนื่อย

หอบมาก) ไม่น้อยเกินไป (ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย) สังเกตว่าขณะออกกำาลังกาย
ยังสามารถพูดคุยได้จบประโยค หรือโดยการนับชีพจรดังกล่าวแล้ว

๒. ใช้เวลาในแต่ละครั้ง ประมาณครั้งละ ๒๕-๓๐ นาที ไม่เกิน ๔๐ นาที


มีความสมาเสมอ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
ประโยชน์ของการออกกำาลังกาย สำาหรับผู้สูงอายุการออกกำาลังกายเป็นยาอายุวัฒนะ
๑. ชะลอความชรา ความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ การออกกำาลังกายที่ถูก
ต้อง เหมาะสม จะช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ลดความเสื่อมโทรม

๒. ช่วยให้การทรงตัวได้ดีขึ้น การออกกำาลังกายอยู่เสมอจะช่วยให้
กระฉับกระเฉง ว่องไว
๓. สามารถควบคุมน้ำาหนักได้การออกกำาลังกายที่ถูกต้อง ช่วยเผาผลาญ

พลังงาน ช่วยลดระดับน้ำาตาลและไขมันในเลือด ลดความดันโลหิตได้
๔. สุขภาพจิตดี ลดความเครียด เพราะในการออกกำาลังกายที่เหมาะ

สม ร่างกายจะหลั่งสาร เอ็นดอร์ฟินหรือสารสุข ทำาให้สดชื่น เบิกบาน มีความสุข
กระชุ่มกระชวย หน้าตาอิ่มเอิบ สดใส
๕. ระบบหัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น การออกกำาลังกายที่ถูกต้องจะช่วยให้

หัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น
๖. ระบบทางเดินอาหารทำางานดีขึ้น






มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

22

สรุป การออกกำาลังกายในผู้สูงอายุ เพื่อชะลอความเสื่อมและป้องกัน

โรคมีหลายวิธี วิธีที่นิยมเป็นวิธีที่เป็นกิจกรรมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
เพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เพิ่มความสมดุล
ของร่ายกาย ป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุและเพิ่มความทนทานของหลอดเลือด

หัวใจ คือ การออกกำาลังกายแบบผสมผสาน เช่น การออกกำาลังกายด้วยไม้พลอง
ของป้าบุญมี



อ.ที่ ๓ อารมณ์

ผู้สูงอายุควรอยู่ด้วยความผาสุก ปรับตัวเข้ากับสังคม และสภาพแวดล้อม
มีกลุ่มเพื่อน กลุ่มกิจกรรม ช่วยให้คลายเหงา อยู่อย่างมีพลัง ไม่ท้อแท้

มีเครือข่ายสังคม ปรับตัว ปรับใจ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง เข้าถึงสัจธรรม
ของศาสนา มีงานอดิเรก ช่วยให้เพลิดเพลิน ช่วยเพิ่มสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ
ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่โล่ง โปร่งสบาย ไร้ฝุ่น ควัน ออกรับแสงแดดอ่อน ๆ ตอนเช้า

สูดดมหายใจอย่างมีประสิทธิภาพ คือ หายใจเข้า ... ท้องป่อง (ปอดขยาย-กระบัง
ลมถูกดันลง) หายใจออก ... ท้องแฟบ (ปอดยุบตัว-กระบังลมดันตัวขึ้น) มีเทคนิค

การผ่อนคลายหรือการจัดการกับความเครียด
๒ ส. หลีกเลี่ยง/งด สูบบุหรี่ ดื่มอัลกอฮอล์
การเลิกบุหรี่มีผลดี คือ ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ มะเร็งปอด มะเร็งปาก

มะเร็งหลอดคอ ปอดพื้นคืนปกติ เลิกบุหรี่ไม่มีคำาว่าสายเกินไป ตั้งใจ ให้สัญญา
เลิกวันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ และคนที่คุณรัก แค่ตั้งเป้าหมาย หักดิบไม่ยาก
อย่างที่คิด ก็แค่ไม่สูบ และปรึกษาผู้ให้คำาปรึกษาด้านการเลิกบุหรี่

โทษของสุราร้ายกว่าที่คิด เลิกได้แต่อย่างหยุดทันที ตั้งเป้าเลิกเหล้าได้
ตั้งใจจริง เอาชนะใจตนเอง ทำาเพื่อคนที่เรารักและรักเรา ตระหนักถึงสุขภาพของ
ตนเอง หาแรงบันดาลใจด้านบวกให้เป็นแรงบันดาลใจให้เลิกเหล้าได้ ค่อย ๆ
ลดปริมาณ ดื่มสลับกับเครื่องดื่มไม่มี Alcohol ต้องรับประทานอาหารขณะดื่ม
ทำาต่อเนื่อง ลดปริมาณลงเรื่อย ๆ จนหยุดได้ มีปัญหาปรึกษา ๑๓๒๓ สายด่วน

สุขภาพจิต




มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

23

๑ ฟ. คือ ฟันสะอาด

ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำา ปีละ ๒ ครั้ง ดูแลรักษาความสะอาดฟันทุกวัน
โดยแปรงฟันอย่างถูกวิธี อย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง งดอาหารหลังแปรงฟัน ๒ ชม.
เลือกแปรงที่ขนแปรงนิ่ม ปลายมน ใช้ไหมขัดฟันบริเวณที่แปรงเข้าไม่ถึง คนที่ใส่

ฟันปลอม ไม่ควรใส่นอน เพราะอาจเกิดเชื้อราในช่องปาก คนที่ใส่ครอบฟัน
ให้ใช้ไหมขัดฟันใช้ได้ทั้งฟันดีและฟันปลอม เพื่อสุขภาพของปากและฟันที่ดี



เอกสารอ้างอิง
กอบกุล วุฒิวงศ์. อาหารและโภชนาการสำาหรับผู้สูงอายุ. เอกสารประกอบการ

อบรม เรื่องการส่งเสริม
สุขภาพผู้สูงอายุ ศูนย์ฝึกอบรมปฐมพยาบาลและสุขภาพอนามัย

สภากาชาดไทย.
บรรลุ ศิริพานิช. ๒๕๓. สร้างกายใจให้แข็งแรง. กทม. : สถาพรบุคส์. ๒๕๕๓
สำานักโภชนาการ กองโภชนาการ การสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ด้วยหลัก ๓ อ.

๒ ส. ๑ ฟ.



สรรตน ฉัตรชัยสุชา และพรรณงาม พรรณเชษฐ์. ๒๕๕๗ การดูแลเสริม

สร้างสุขภาพผู้สูงอายุ.
NP Press Limited Partnership , กรุงเทพฯ.
























มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

24









“ออมบุญ” แล้วมา “ออมเงิน” กันเถอะ

บัลลังก์ จงวัฒนานุกูล (ผู้เขียน) ๓๐ ก.ย. ๒๕๖๓


คำากล่าวที่ว่า “ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไรก็ไม่รู้”

ผู้เขียนได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร จนมาถึงวัยกลางคน ผ่านประสบการณ์
ชีวิตมาพอสมควร เริ่มเห็นคนใกล้ตัว คนรู้จัก ญาติผู้ใหญ่ ต่างล้มหายตายจากไป

ทละคน ก็มานั่งสะท้อนใจว่าคนเราตายแล้วไปไหนกันนะ พระท่านว่าถ้าทำาดี
ก็ขึ้นสวรรค์ ทำาชั่วก็ตกนรก ฟังดูก็เข้าท่า ว่าสวรรค์ก็คงจะน่าไป แต่นรกนี่สิน่ากลัว
แต่จะไปสวรรค์ได้ก็ต้องเป็นคนดี มีบุญกุศลเป็นใบเบิกทางอยู่บ้าง ก็ยังสงสัยอยู่ว่า

พระท่านเคยเห็นสวรรค์มาอย่างไร ไปเห็นมาจริงหรือเปล่า




วันหน่งผ้เขียนมีโอกาสได้อ่านหนังสือเร่องเล่าเก่ยวกับประวัติของหลวง
พ่อชา สุภัทโท แห่งวัด หนองป่าพง อุบลราชธานี เรื่องมีอยู่ว่า แถวๆวัดมีลุง
ขี้เมาอยู่คนหนึ่ง มีนิสัยชอบท้าทายพระ แกชอบกินเหล้าเมายาอยู่เป็นประจำา เวลา
เมาก็โหวกเหวกโวยวายอยู่เป็นประจำา และก็ชอบมาหาเรื่องท้าทายพระที่วัด

มีอยู่วันนึงหลังจากที่เมาได้ที่ แกเข้ามาที่วัดก็ได้พบกับหลวงปู่พอดี หลวงปู่ก็
ตักเตือนแกถึงโทษของการดื่มเหล้า ตายไปเดี๋ยวตกนรก แกก็หันมาถามหลวงปู่ว่า
ลุงขี้เมา : นรกกับสวรรค์ มีจริงหรือเปล่าผมอยากรู้ ถ้ามีจริงผมจะได้เลิกกินเหล้า

จะได้ไม่ตกนรก
หลวงปู่ : ฉันก็ไม่รู้นะ ก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน

ลุงขี้เมา : นั่นไง ผมว่าแล้ว แล้วหลวงปู่มาบอกให้ผมเลิกเหล้า ทำาดีอยู่ทำาไม
ถ้าไม่รู้ว่านรก สวรรค์ มีจริงหรือเปล่า
หลวงปู่ : เอายังงี้โยม สมมติว่านรกกับสวรรค์มันไม่มีจริง เราทำาไว้ก็ไม่เสียเปล่านะ

แต่ถ้าเผื่อมันมีจริง อาตมาว่าเราทำาดีไว้ไม่ดีกว่าเหรอ จะได้ไม่ตกนรกไงโยม สาธุ





มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

25

ผู้เขียนอ่านถึงตรงนี้ก็คิดได้ว่าหลวงปู่ก็คงจะสอนให้เราไม่ประมาทนะ

นรกกับสวรรค์ จะมีหรือไม่มี เราทำาดีไว้ก็ไม่เสียเปล่า แต่ถ้า นรกกับสวรรค์
มีอยู่จริง แล้วเราทำาแต่ความชั่วก็คงต้องตกนรกแน่ๆ แล้วทำาไมเราไม่ทำาแต่
ความดีล่ะ คิดได้อย่างนั้น ก็ต้องสะสมความดี สะสมบุญ ด้วยการออมบุญไว้เยอะๆ

ทำาบ่อยๆ อย่างน้อยเวลาตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์กับเขานะ.................
อันนั้นก็เป็นหนทางในการออมบุญ สะสมบุญไว้ไปสวรรค์หลังจาก

ความตาย ทีนี้ตอนที่เรายังดำาเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้ล่ะ เดี๋ยวนี้ผู้คนก็มีอายุยืนยาว
กันมากขึ้นด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ กว่าจะตายไปขึ้นสวรรค์ก็ปาเข้าไป
๗-๘๐ ปี ตอนที่อยู่นี่ก็ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพกันน่าดู ยิ่งภาวะเศรษฐกิจเดี๋ยวนี้

ทั้งภาวะโรคระบาดสารพัดไปหมด ทำาให้หลายๆครอบครัว หลายๆคนต้องเดือด
ร้อน ปากกัด ตีนถีบ หากินด้วยความยากลำาบาก ดำารงชีพอย่างฝืดเคือง

หลายคนดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไรนัก เพราะเขามีเงินทองไว้ใช้จ่าย
อย่างสบาย วิเคราะห์ดูก็เห็นว่าที่เป็นอยู่สุขสบายนั้นก็เพราะเขามีเงินเก็บสะสมไว้
ใช้จ่าย แม้ตกอยู่ในสถานการณ์แย่ๆแค่ไหนก็ตาม ผู้เขียนก็นึกถึงคำาสอนเมื่อวัยเด็ก

ทันที “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ มีน้อย ใช้น้อย
ค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน” นี่ ที่โบราณกล่าวไว้เตือนใจให้เรารู้จัก

เก็บเงินไว้ อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จะได้ไม่ตกอับยากจนก็เห็นจะจริง ผู้เขียนจึงมี
ข้อแนะนำาเกี่ยวกับ “การออมเงิน” ไว้ดังนี้


เงินออมระยะสั้น เงินออมระยะกลาง เงินออมระยะยาว

สำารองใช้ยามฉุกเฉิน สร้างความมั่นคงในชีวิต ใช้ในวัยเกษียณ
ซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อคอนโด




ระยะเวลา ๑ ปี ระยะเวลา ๒ – ๑๐ ป ี ระยะเวลา ๑๐ ปขนไป
ที่มา : Balance by TMB







มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

26

แผนการออมนี้ก็น่าจะนำาไปใช้สำาหรับทุกๆคนในระหว่างที่ยังดำาเนิน

ชีวิตอยู่ เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้ไม่ต้องตกนรกบนดิน/ตายทั้งเป็น ในระหว่าง
ที่ยังมีชีวิต แต่ไร้ซึ่งปัจจัยในการดำารงชีพต่างๆ หลายคนอาจคิดว่าการออมเงินเป็น
เรื่องยากที่จะปฏิบัติ แต่เดิมเราก็จะออมกันโดยเอาเงินจากที่เหลือใช้ในแต่ละวัน

เหลือแล้วค่อยเก็บไว้ออม ซึ่งก็เก็บได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เดี๋ยวนี้เรามีเคล็ดลับง่ายๆ
ตัวอย่างเช่น สูตร ๑๐ สูตร ๒๐ วิธีการก็คือถ้าเรามีรายได้วันละ ๑๐๐ บาท

สูตรก็คือ รายได้ (๑๐๐) – เงินออม (๑๐) = เงินไว้ใช้จ่าย (๙๐) เช่นนี้เราก็จะมีเงิน
ออมเก็บไว้วันละ ๑๐ บาทละ สูตร ๒๐ ก็เช่นกัน เราก็จะมีเงินออมเก็บไว้วันละ ๒๐ บาท
ก็แล้วแต่ผู้ปฏิบัติอยากจะเก็บเงินออมไว้มากน้อยแค่ไหน มีเป้าหมายอะไร

ในการออม ก็ค่อยเพิ่มสัดส่วนการออมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นว่าวิธีนี้ผู้ปฏิบัติจะต้อง
มีวินัยในการใช้จ่ายเงินอย่างเคร่งครัด เป็นการฝึกนิสัยรักการออม อันจะทำาเรา

ก้าวไปสู่เป้าหมายของการออมตามแผนการออมข้างต้นได้โดยง่ายดาย ผู้เขียนก็คง
ฝากวลีประโยคที่ว่า “ออมก่อน รวยก่อน” ให้ท่านทั้งหลายได้เริ่มออมเงินเสีย
แต่วันนี้ ไว้เป็นข้อเตือนใจ..........ด้วยความปรารถนาดี



































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

27









การป้องกันตนเองจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ (Covid-๑๙)

ผู้เรียบเรียง: อาจารย์จุน หน่อแก้ว คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
(อ้างอิง: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข)


๑. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับเชื้อไวรัส

๑.๑ เชื้อไวรัสโคโรนา คืออะไร
ไวรัสโคโรนา เป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่สามารถก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ

ในคน ซึ่งไวรัสที่อยู่ในกลุ่มนี้มีหลายสายพันธุ์ส่วนใหญ่ทำาให้เกิดอาการไม่รุนแรง
คือ เป็นไข้หวัดธรรมดา ในขณะที่บางสายพันธุ์อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงเป็น
ปอดอักเสบได้ เช่น โรคติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) หรือ

โรคซาร์ (SARS) ซึ่งเคยมีการระบาดในอดีตที่ผ่านมา
๑.๒ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ คืออะไร

ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือ โควิด-๑๙ (COVID-๑๙) คือ ไวรัสในกลุ่มโคโรนา
ที่เพิ่งมีการค้นพบใหม่ (ไม่เคยมีการพบเชื้อนี้ในคนมาก่อน) โดยพบครั้งแรกที่
เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงปลายปี ๒๐๑๙ ซึ่งเป็น

เชื้อไวรัสที่สามารถก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ หลังติดเชื้ออาจไม่มีอาการ หรือ
อาจมีอาการตั้งแต่ไม่รุนแรงคือ คล้ายกับไข้หวัดธรรมดา หรืออาจก่อให้เกิดอาการ

รุนแรงเป็นปอดอักเสบและเสียชีวิตได้


๒. การติดต่อและอาการ
๒.๑ การติดต่อ

ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ ผ่านทางการไอ

จาม สัมผัสน้ำามูก นำาลาย ดังนั้น จึงต้องระมัดระวังไม่ให้ผู้ป่วยที่มีอาการทาง
เดินหายใจ




มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

28

สงสัยจากเชื้อไวรัส ไปสัมผัสใกล้ชิดหรือใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น เพื่อลดความเสี่ยง

ในการแพร่กระจายเชื้อ โดยมีการแยกตัวเพื่อสังเกตอาการ ณ ที่พัก ๑๔ วัน
๒.๒ อาการป่วย
ผู้ป่วยที่ต้องสงสัยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จะมีอาการไข้

ตัวร้อนร่วมกับอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอจาม มีน้ำามูก เหนื่อยหอบ ในรายที่มี
อาการรุนแรงอาจทำาให้เกิดปอดอักเสบได้

๒.๓ กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวัง หากติดเชื้ออาจมีอาการที่รุนแรง
ได้แก่ ผู้สูงอายุ ๗๐ ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
หลอดเลือดหัวใจ หรือภูมิแพ้ และเด็กเล็กอายุต่ำากว่า ๕ ปี



๓. คำาแนะนำาในการป้องกันตนเอง

๓.๑ หากมีอาการป่วย
มีอาการไข้ อุณหภูมิสูงกว่า ๓๗.๕ องศาเซลเซียส ตัวร้อน ปวดเนื้อปวดตัว
หนาวสั่น มีอาการระบบทางเดินหายใจ ไอ จาม เจ็บคอ มีน้ำามูก หายใจลำาบาก

ให้ไปพบแพทย์โดยแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หรือแจ้ง๑๖๖๙ เพื่อประสาน
การรับตัว โดยผู้ป่วยควรแจ้งรายละเอียดต่างๆ กับแพทย์ผู้ทำาการรักษา

เช่น อาการป่วย วันที่เริ่มมีอาการป่วย ข้อมูลการเดินทาง สถานที่พัก เพื่อแพทย์
จะได้วินิจฉัยได้ถูกต้องและรักษาได้ทันท่วงที แพทย์ผู้ทำาการรักษาจะรายงาน
ต่อหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่หรือสำานักงานสาธารณสุขจังหวัดและ

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำาเนินการป้องกันควบคุมโรคโดยเร็ว
๓.๒ การล้างมือ

การล้างมือทั่วไป
การล้างมือเพื่อขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ เหงื่อ ไขมัน ที่ออกมาตามธรรมชาติ
และลดจำานวนเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ชั่วคราวบนมือ การล้างมืออย่างถูกวิธี

ต้องล้างด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่เหลว ใช้เวลาในการฟอกมือนานประมาณ ๑๕ วินาที








มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

29

การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล

การล้างมือในกรณีรีบด่วน ไม่สะดวกในการล้างมือด้วยน้ำาและมือไม่
ปนเปื้อนสิ่งสกปรก หรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย ให้ทำาความสะอาดมือด้วย
แอลกอฮอล์เจล การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล ประมาณ ๑๐ มิลลิลิตร ใช้เวลา




ประมาณ ๑๕-๒๕ วินาที (ในกรณีใช้แอลกอฮอล์เจล ไม่ต้องล้างมือซาด้วยนา

และไม่ต้องเช็ดด้วยผ้าเช็ดมือ)
๓.๓ การสวมใส่หน้ากากอนามัย
วิธีการใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง ควรให้ด้านสีเข้มออกด้านนอกเสมอ
คลุมให้ปิดจมูก ปาก คาง คล้องหูขยับให้พอดีกับใบหน้า กดลวดขอบบนให้สนิท

กับสันจมูก โดยเปลี่ยนทุกวันและทิ้งลงในภาชนะที่มีฝาปิด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ทั้งจากตนเองและผู้อื่น หรืออาจใช้หน้ากากผ้าในการป้องกัน

๓.๔ การไอ จาม ที่ถูกวิธี
- เมื่อรู้สึกว่าจะไอ จาม ควรหากระดาษชำาระ หรือทิชชูมาปิดปาก
เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคกระจาย แล้วนำาไปทิ้งในถังขยะปิดให้เรียบร้อย

- เมื่อรู้สึกว่าจะไอ จาม แล้วไม่มีกระดาษชำาระ ควรใช้การไอ จามใส่
ข้อศอก โดยยกแขนข้างใดข้างหนึ่งมาจับไหล่ตัวเองฝั่งตรงข้าม และยกมุมข้อศอก

ปิดปากและจมูกตนเองก่อนจาม ไอทุกครั้งไม่ควรไอจามใส่มือ
- หลังจากไอ จามเสร็จแล้ว ควรรีบล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ด้วยสบู่หรือ
แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เพื่อกำาจัดเชื้อโรคไม่ให้แพร่กระจาย



4. การเพิ่มระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อป้องกันโควิด-๑๙

- ห้ามไปพื้นที่แออัดต่างๆ เช่น สถานบันเทิง โรงเรียน โรงภาพยนตร์

กจกรรมกฬา เป็นต้น เปลี่ยนเป็นการทำางานที่บ้าน สื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต และ

เรียนออนไลน์
- เปลี่ยนพฤติกรรมการแสดงความสัมพันธ์ ห้ามกอด หรือจูบ
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปในห้องที่แออัด ห้องประชุม/ชุมนุมขนาดใหญ่ เพื่อลด

โอกาสการรับและแพร่กระจายเชื้อโรค



มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

30

- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีคนเยอะ และใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าเพื่อ

ป้องกันการ
- ระวังการใช้สิ่งของสาธารณะและของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ราวบันได

ลูกบิด รีโมทคอนโทรล ปุ่มกดลิฟท์ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งของสาธารณะ
- ควรหลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนในสถานที่ที่มีคนเยอะ เช่น รถสาธารณะ
ร้านสะดวกซื้อ

- ควรอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ อย่างน้อย ๑-๒ เมตร เพื่อลดโอกาสการรับ
และแพร่กระจายเชื้อ

- ควรอยู่ในบ้านให้มากที่สุด เมื่อไม่ออกไปรับเชื้อข้างนอกบ้าน โอกาส
ติดโรคน้อยลง












































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

31










ความเสี่ยงเมื่อถึงวัยผู้สูงอายุ
ผู้เรียบเรียง: อาจารย์ดร. วิทชย เพชรเลียบ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
(อ้างอิง : หน่วยเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล)


เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุร่างกายย่อมเสื่อมลงไปตามกาลเวลา ซึ่งแต่ละคน

จะเปลี่ยนแปลงไม่เท่ากัน ด้วยปัจจัยที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ โรคหรือ
ความเจ็บป่วย ตลอดจนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งอาหาร อาชีพ ความเครียด

การนอนหลับพักผ่อน การออกกำาลังกาย เพราะฉะนั้นการรู้ความเสี่ยงที่อาจเกิด
ขึ้นจากความเสื่อมจึงเป็นเรื่องสำาคัญที่ควรใส่ใจเพื่อจะได้ดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง



๑. คำานิยามของผู้สูงอายุ
ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.๒๕๔๖ ผู้สูงอายุ หมายถึง บุคคล

ซึ่งมีอายุเกิน ๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป


๒. ความเสี่ยงที่ผู้สูงอายุควรรู้ มีดังต่อไปนี้
๒.๑ อารมณ์ซึมเศร้า

ปัญหาสุขภาพจิตคือปัญหาสำาคัญในวัยสูงอายุ โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า
มีโอกาสเป็นได้มากกว่าวัยอื่น เพราะการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายและบทบาท
ในสังคม อาทิ ผมขาว ผิวหนังเหี่ยวย่น นั่งและยืนนาน ๆ ไม่ได้ เป็นต้น หากผู้

สูงอายุรับไม่ได้กับภาวะที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ส่งผลให้
เกิดอาการเบื่อหน่าย หมดกำาลังใจ ขาดความรัก รู้สึกว่าไม่มีคุณค่าและไม่มีใคร
ต้องการ ดังนั้นควรหมั่นสังเกตผู้สูงอายุที่ใกล้ชิด หากมีภาวะแยกตัว เบื่อหน่าย
หรือทุกข์ใจ ไม่ควรละเลย รีบปรึกษาแพทย์ทันที และควรหมั่นให้กำาลังใจ

เปิดโอกาสให้ตัดสินใจ ตลอดจนมีส่วนร่วมในการทำากิจกรรมของครอบครัว เป็นต้น




มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

32

๒.๒ การล้ม

การล้มเป็นปัญหาที่พบบ่อยและอันตรายมากในวัยสูงอายุ โดยเฉพาะใน


ช่วงกลางคืนที่ไปเข้าห้องนา เนื่องจากสูญเสียการทรงตัว เพราะสมอง กล้ามเนื้อ
กระดูก ข้อเกิดความเสื่อม การได้ยินและมองเห็นลดลง ทำาให้มีโอกาสลื่นล้มได้ง่าย
ซึ่งการบาดเจ็บมีตั้งแต่เล็กน้อยไปถึงขั้นรุนแรง พิการและเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงควร
ดูแลใส่ใจและหมั่นสังเกตการทรงตัวของผู้สูงอายุ ที่สำาคัญควรมีการตรวจประเมิน

การทรงตัวสำาหรับผู้สูงอายุ เพื่อฝึกการทรงตัว การเดิน และออกกำาลังเสริมสร้าง
กล้ามเนื้ออย่างถูกต้อง
๒.๓ สมองเสื่อม





ภาวะสมองเสอม ส่งผลให้สูญเสียความสามารถในการรู้คิด เนองจาก
สมองทำาหน้าที่ผิดปกติไปจากเดิม เสื่อมลงจากการที่อายุมากขึ้น โรคต่าง ๆ อาทิ
ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ซึมเศร้า โรคทางระบบประสาท เป็นต้น
รวมถึงพันธุกรรมก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ดังนั้นการกระตุ้นการรู้คิดผ่านกิจกรรมต่าง ๆ
จึงมีประโยชน์อย่างมาก เช่น จับคู่ภาพ ทายคำา ต่อจิ๊กซอว์ วาดรูป หมากรุก

เป็นต้น เพื่อกระตุ้นการคิด อ่าน สมาธิ ความจำา โดยมุ่งเน้นขั้นตอนการทำากิจกรรม
ที่ชัดเจนเข้าใจง่ายมากกว่าผลของกิจกรรม

๒.๔ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงกล้ามเนื้ออ่อนแรง เพราะจำานวนขนาดและเส้นใย
ของกล้ามเนื้อบวกกับกำาลังการหดตัวของกล้ามเนื้อลดลง ทำาให้เคลื่อนไหวไม่

คล่องตัว ซึ่งอาการอ่อนแรงมีหลายระดับ ตั้งแต่กำามือแน่น กำามือไม่แน่น ไปจนถึง
การยกขา บางคนเมื่อเป็นแล้วอาจมีอาการช่วงสั้น ๆ แล้วหายไป แต่บางครั้งไม่มี

สัญญาณเตือนและมีอาการรุนแรงได้เช่นกัน ดังนั้นการหมั่นสังเกตและตรวจเช็ก

อาการกับแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้ได้รับคาปรึกษาท่เหมาะสมและรับมือได้ทัน

ท่วงที










มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

33

๒.๕ เดินช้า

สมรรถภาพทางกายของผู้สูงอายุจะเสื่อมลงตามวัย โดยเฉพาะการเดิน
ที่ช้าลง การก้าวเท้าที่สั้นลง เนื่องจากความเสื่อมของเนื้อเยื่อข้อกระดูกและ
กล้ามเนื้อ ดังนั้นการออกกำาลังกายด้วยการเดินวันละ ๒๐ – ๓๐ นาทีทุกวัน

โดยใส่เครื่องพยุง เช่น ข้อเท้าและข้อเข่า เลือกรองเท้าที่เหมาะกับการเดิน
ย่อมช่วยป้องกันการล้มและการบาดเจ็บของข้อต่าง ๆ ได้

๒.๖ ประสาทสัมผัส
- หู การได้ยินลดลง มีอาการหูตึงมากขึ้น การเสื่อมของอวัยวะ
ในหูชั้นในมีมากขึ้น เสียงพูดเปลี่ยนไป เพราะกล้ามเนื้อกล่องเสียงและสายเสียง

บางลง นอกจากนี้ยังอาจเกิดอาการเวียนศีรษะและเคลื่อนไหวไม่คล่อง เนื่องจาก
หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหูชั้นในมีภาวะแข็งตัว

- ตา การมองเห็นไม่ดีเหมือนเคย เนื่องจากรูม่านตาเล็กลงและ
ตอบสนองต่อแสงลดลง หนังตาตก แก้วตาเริ่มขุ่นมัว เกิดต้อกระจก ลานสายตา
แคบ กล้ามเนื้อลูกตาเสื่อม ความไวในการมองภาพลดลง สายตายาว เวลามืดหรือ

กลางคืนการมองเห็นจะไม่ดี ตาแห้งและเยื่อบุตาระคายเคืองง่าย
- จมูก การดมกลิ่นไม่ดีเหมือนเดิม เนื่องจากเยื่อบุโพรงจมูกเสื่อม

ต่อมรับรสทำาหน้าที่ลดลง การรับรสของลิ้นเสียไป อาจเกิดภาวะเบื่ออาหาร
เป็นต้น
๒.๗ ระบบขับถ่าย

- ปัสสาวะ มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะบ่อย
ผู้หญิงจะเป็นมากกว่าและรุนแรงกว่าผู้ชาย เนื่องจากหมดประจำาเดือนถาวร ทำาให้

ขาดฮอร์โมนเพศ
- อุจจาระ ไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้ ที่สำาคัญคือ ท้องผูก
เป็นประจำา เนื่องจากกระเพาะอาหารและลำาไส้ลดการบีบตัวตามอายุ เคลื่อนไหวน้อย

ไม่ออกกำาลังกาย ทานผักผลไม้น้อย ดื่มน้ำาน้อย รวมถึงอาจเป็นจากผลข้างเคียง
ของยาที่ทานเข้าไป






มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

34

๒.๘ กระดูกพรุน

ปัญหากระดูกของผู้สูงอายุ คือ แคลเซียมจะสลายออกจากกระดูกมากขึ้น
ทำาให้น้ำาหนักกระดูกลดลง เปราะ หักง่าย ความยาวกระดูกสันหลังลดลง
หมอนรองกระดูกบางลง หลังค่อมมากขึ้น ความสูงลดลง เคลื่อนไหวข้อไม่สะดวก

ตึง แข็ง อักเสบ ติดเชื้อง่ายขึ้น ดังนั้นหากออกกำาลังกายประจำาจะช่วยลด
ความเบาบางของมวลกระดูกได้ รวมทั้งการทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง ที่สำาคัญ


คือการตรวจเช็กกับแพทย์เฉพาะทางเพ่อป้องกันและรับมือกับปัญหากระดูกพรุน
ได้ถูกวิธี

















































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

35









สถาปัตย์ฯ ม.วงษ์ฯ บูรณาการการเรียนการสอนสู่การพัฒนาชุมชน

ออกแบบศาลาไม้ไผ่ และวางผังบริเวณศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ชุมชน ริมบึงพุดซา ตำาบลพุดซา จังหวัดนครราชสีมา
ผู้เรียบเรียง: อาจารย์บุศรา สำาราญเริงจิตต์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล


อาจารย์และนักศึกษา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

ออกแบบศาลาไม้ไผ่ และวางผังบริเวณศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ชุมชน
ริมบึงพุดซา ร่วมสร้างกับวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำาบลพุดซา ใน “โครงการ
จิตอาสาร่วมปลูกป่าไม้มีค่า พัฒนาเกษตรอินทรีย์” เพื่อเชื่อมโยงผลผลิตอาหาร

ปลอดภัยสู่โรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม และร้านค้า โดยได้รับการสนับสนุนจาก
บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำากัด (มหาชน) เพื่อดำาเนินกิจกรรมนำานักศึกษาร่วมพัฒนา

ชุมชนสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

















การบริการทางวิชาการแก่สังคมเป็นหน่งในภารกิจหลักของมหาวิทยาลัย
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จึงให้บริการวิชาการแก่สังคม โดยอาศัยความถนัดและ

ความเชี่ยวชาญในการออกแบบสถาปัตยกรรม การออกแบบวางผังบริเวณ



การวางแผนปรบปรุงพนท เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการและชุมชน


โดยบูรณาการกับการเรียนการสอนในรายวิชาการวางผังบริเวณและการสำารวจ
ซึ่งเป็นการเรียนการสอนในชั้นปีที่ ๓ การให้บริการทาง วิชาการนอกจากเป็น


มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

36



การทาประโยชน์ให้สังคมแล้วมหาวิทยาลัยยังได้เพ่มพูนความร้และประสบการณ ์



ของอาจารย์อันจะนามาส่การพัฒนาหลักสูตรมีการบูรณาการเพ่อประโยชน์ทาง

ด้านการจัดการเรียนการสอนและการวิจัย สร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภายนอก
















คณะสถาปัตย์ ม.วงษ์ฯ นำาทีมโดย อาจารย์ธีระเดช จีนจะโปะ และ
อาจารย์บุศรา สำาราญเริงจิตต์ ได้จัดโครงการบริการวิชาการแก่สังคม บูรณาการ

กับรายวิชาการวางผังบริเวณและการสำารวจ นำานักศึกษาชั้นปีที่ ๓ และ ๕ รวม ๗ คน
เข้าร่วมสำารวจพื้นที่ และประเมินความต้องการของชุมชน โดยการสำารวจครั้งที่ ๑
เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ สอบถามจากคุณสงพงษ์ แสงศิริ ที่ปรึกษาเกษตร

อินทรีย์ ซึ่งสรุปความต้องการคือ ให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้การทำาเกษตรอินทรีย์ของ
ชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของชุมชน โดยมีความต้องการของชุมชน คือ

๑) ต้องการให้เป็นพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ของชุมชน และ
กลุ่มเกษตรกร ทสม.
๒) ต้องการให้ดึงเอาพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาใช้ในโครงการ

๓) ต้องการให้เป็นพื้นที่แหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนของชุมชนต่อไป
๔) ต้องการศาลาอเนกประสงค์ ไว้เป็นพื้นที่ชุมนุม ปรึกษาเรื่อง

เกษตรอินทรีย์ เก็บพืชผล และล้างผัก











มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

37












































การสำารวจเพื่อ ออกแบบครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ แบ่งนักศึกษา
ออกเป็น ๒ กลุ่ม
กลุ่มที่ ๑ คือนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ ออกแบบวางผังบริเวณศูนย์เกษตรอินทรีย์

ชุมชนพุดซา โดยกลุ่มที่ ๑ เริ่มจากการสำารวจเก็บข้อมูลความต้องการชาวบ้าน
พร้อมกับลงสำารวจพื้นที่จริงเพื่อทำาความเข้าใจสภาพแวดล้อม บริบทริมบึงพุดซา


ซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีน้ำาและไฟฟ้าเข้าถึง ทางเครือข่ายจึงเสนอเป็นการสูบนาด้วยระบบ
โซลาร์เซลล์ การวางผังบริเวณ ใช้แนวคิดป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่างเป็นหลัก
ในการออกแบบ







มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

38

การปลูกป่า ๓ อย่าง แต่ให้ประโยชน์ ๔ อย่าง ซึ่งได้ไม้ผล ไม้สร้างบ้าน และไม้ฟืน

นั้น สามารถให้ประโยชน์ได้ถึง ๔ อย่าง
“...การปลูกป่า ๓ อย่าง แต่ให้ประโยชน์ ๔ อย่าง ซึ่งได้ไม้ผล ไม้สร้างบ้าน
และไม้ฟืนนั้น สามารถให้ประโยชน์ได้ถึง ๔ อย่าง คือ นอกจากประโยชน์ในตัว

เองตามชื่อแล้ว ยังสามารถให้ประโยชน์อันที่ ๔ ซึ่งเป็นข้อสำาคัญ คือ สามารถช่วย
อนุรักษ์ดินและต้นน้ำาลำาธารด้วย...” พระราชดำารัสของพระบาทสมเด็จพระบรม

ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม
พ.ศ.๒๕๒๓ ณ โรงแรมรินคำา อ.เมือง จ.เชียงใหม่

















































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

39

กลุ่มที่ ๒ ออกแบบศาลาอเนกประสงค์ จัดทำาหุ่นจำาลอง พร้อมการ

ประมาณราคา นำาโดย นายณัฐนันท์ เถื่อนกลาง นักศึกษาชั้นปีที่ ๕ ออกแบบศาลา
อเนกประสงค์ขนาดพื้นที่ ๓๐ ตร.ม. ประกอบด้วยส่วนอบรมขนาดเล็ก และพื้นที่
ล้างผักอินทรีย์ ออกแบบด้วยหลักการนำาวัสดุธรรมชาติมาใช้ในการก่อสร้าง

ด้วยงบประมาณที่เหมาะสมกับชุมชน จึงเลือกไม้ไผ่เป็นโครงสร้าง มุงหลังคา
ด้วยหญ้าคา ปูพื้นด้วยอิฐดินเผา เพื่อให้ช่าง ชาวบ้าน จิตอาสา นักศึกษา

ร่วมกันสร้างได้โดยง่าย






























ผลงานการออกแบบวางผังสวนเกษตรอินทรีย์ริมบึงพุดซา และอาคารอเนกประสงค์ รวม ๒ ผล



















มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

40





































































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

41






































โครงการบริการวิชาการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นี้ นอกจากจะเป็น
การบูรณาการความร่วมมือกับเครือข่ายและชุมชนพุดซาแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่ให้

โอกาสนักศึกษาในการนำาความรู้ที่มีในห้องเรียนออกมาพัฒนาชุมชน ซึ่งนำา
ไปสู่การพัฒนานวัตกรรมสู่ชุมชน มีพื้นที่ให้ชุมชนเสริมสร้างศักยภาพ ปรับวิถีจาก

เกษตรเคมี เป็นเกษตรอินทรีย์ อีกทั้งยังมีโอกาสส่งเสริมการท่องเที่ยว
นำาไปสู่การกระจายรายได้ในชุมชน

















มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

42












การขอประกันตัวในคดีอาญา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติพงษ์ สุวรรณสน


การขอประกันตัวในคดีอาญาหรือการปล่อยช่วคราวเป็นมาตรการอย่าง


หน่งในคดีอาญาเป็นมาตรการผ่อนคลายการถูกจากัดเสรีภาพของผ้ต้องหาหรือ

จำาเลยตามหลักยกประโยชน์แห่งความสงสัย (in dubio pro reo) ในคดีอาญา
มีหลักกฎหมายว่าบุคคลจะยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำาความผิดจนกว่าศาล
จะพิพากษาถึงที่สุดจำาเลยเป็นผู้กระทำาความผิด กฎหมายจึงวางวิธีการ
ผ่อนคลายในเรื่องการควบคุมหรือการขัง โดยให้ผู้ต้องหาหรือจำาเลยได้รับเสรีภาพ

ไปชั่วคราวได้โดยการ “ปล่อยชั่วคราว” การปล่อยชั่วคราวไม่ว่าจะอยู่ใน
การควบคุมในชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการหรือในชั้นศาลไม่ว่าจะเป็น

ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกา ก็ใช้มาตรการ
ปล่อยชั่วคราวได้ แล้วแต่พฤติการณ์แห่งกรณี และหลักการปล่อยชั่วคราวที่ ป.วิ.อ.



วางเอาไวเปนหลกการ คอ “ผู้ต้องหาหรือจำาเลยทุกคนพึงได้รับอนุญาตให้ปล่อย

ชั่วคราว” ดังนี้ การไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจึงเป็นข้อยกเว้น

๑. ประเภทของการปล่อยชั่วคราว
ประเภทของการปล่อยชั่วคราว การปล่อยชั่วคราวมี ๓ ประเภท คือ
(๑) การปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีประกัน

(๒) การปล่อยชั่วคราวโดยมีประกัน
(๓) การปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันและหลักประกัน








มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

43

๑.๑ การปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีประกัน

การปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีประกัน มาตรา ๑๑๑ บัญญัติไว้ว่า “เมื่อจะ
ปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีประกันเลยก่อนที่ปล่อยไป ให้ผู้ต้องหาหรือจำาเลย
สาบานหรือปฏิญาณตนว่าจะมาตามนัดหรือหมายเรียก” การปล่อยชั่วคราว

โดยไม่มีประกันนี้เป็นการปล่อยชั่วคราวที่ไม่ต้องทำาสัญญาประกันตัว เพียงแต่ให้
ผู้ต้องหาสาบานตัวหรือปฏิญาณว่าจะมาตามนัดหรือหมายเรียกเท่านั้น

เจ้าพนักงานก็ปล่อยผู้ต้องหาหรือจำาเลยได้
๑.๒ การปล่อยชั่วคราวโดยมีประกัน
การปล่อยชั่วคราวโดยไม่มีประกัน มาตรา ๑๑๒ บัญญัติว่า “เมื่อจะปล่อย

ชั่วคราวโดยมีประกัน หรือมีหลักประกัน ก่อนปล่อยไปให้ผู้ประกันหรือผู้เป็น
หลักประกันลงลายมือชื่อในสัญญาประกันนั้น..” การปล่อยชั่วคราวโดยมีประกัน

เป็นการปล่อยผู้ต้องหาหรือจำาเลยไปชั่วคราวโดยมีการทำาสัญญาประกันต่อ
เจ้าพนักงานหรือศาลว่าจะมาหรือนำาตัวผู้ต้องหามาตามนัดหรือตามหมายเรียก
๑.๓ การปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันและหลักประกัน

การปล่อยชั่วคราวโดยมีประกันและหลักประกัน มาตรา ๑๑๒ บัญญัติ
ว่า “เมื่อจะปล่อยชั่วคราวโดยมีประกัน หรือมีหลักประกัน ก่อนปล่อยไปให้ผู้

ประกันหรือผู้เป็นหลักประกันลงลายมือชื่อในสัญญาประกันนั้น” การปล่อย
ชั่วคราวโดยมีประกันและมีหลักประกัน เป็นการปล่อยชั่วคราวโดยมีการทำาสัญญา

ประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาลและได้มีหลักประกันซ่งอาจเป็นอย่างใดอย่างหน่ง

ตามที่บัญญัติไว้ตามมาตรา ๑๑๔ วรรคสอง ก็ได้ หลักประกันมี ๓ ชนิด คือ
มีเงินสดมาวาง มีหลักทรัพย์อื่นมาวาง มีบุคคลมาเป็นหลักประกัน โดยแสดงหลักทรัพย์



๒. หลักเกณฑ์การขอให้ปล่อยชั่วคราว
๒.๑ ผู้มีอำานาจยื่นคำาร้องขอปล่อยชั่วคราว

การยื่นคำาร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว ขอให้ปล่อยผู้ต้องหาหรือจำาเลย
ชั่วคราว มาตรา ๑๐๖






มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

44

วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ผู้มีอำานาจยื่นคำาร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว ได้แก่

(๑) ผู้ต้องหา
(๒) จำาเลย
(๓) ผู้ที่ประโยชน์เกี่ยวข้อง

๒.๒ ผู้มีอำานาจปล่อยชั่วคราว
ผู้มีอำานาจปล่อยชั่วคราว มาตรา ๑๐๖ วรรคสอง บัญญัติไว้

(๑) พนักงานสอบสวน เมื่อผู้ต้องหาถูกควบคุมอยู่และยังมิได้ถูกฟ้องต่อ
ศาลให้ยื่นต่อพนักงานสอบสวน มาตรา ๑๐๖ (๑) ดังนี้ เมื่อยื่นต่อพนักงานสอบสวน


เป็นอำานาจของพนักงานสอบสวนที่มีอำานาจสั่งปล่อยชั่วคราวได้ เปนการปลอย
ชั่วคราวระหว่างสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสอนได้รับคำาร้องให้ปล่อยชั่วคราว
ให้พนักงานสอบสวนสั่งอย่างรวดเร็ว มาตรา ๑๐๗ หากพนักงานสอบสวนไม่สั่ง

คำาร้องอย่างรวดเร็วหรือประวิงการสั่งคำาร้อง อาจเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗ ได้ ในการปล่อยชั่วคราวของพนักงานสอบสวนมีอำานาจ
ปล่อยชั่วได้สูงสุดไม่เกิน ๖ เดือน

(๒) พนักงานอัยการ เมื่อผู้ต้องหาถูกควบคุมอยู่และยังมิได้ถูกฟ้องต่อ
ศาลให้ยื่นต่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ มาตรา ๑๐๖ (๑) การร้องขอ

ให้ปล่อยชั่วคราวในชั้นพนักงานอัยการ เมื่อพนักงานสอบสวนได้ส่งสำานวนคดี
ไปยังพนักงานอัยการแล้ว เมื่อผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราวในชั้นพนักงาน
สอบสวน ผู้ต้องหายังต้องยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานอีก เมื่อยื่นคำาร้องต่อ

พนักงานอัยการ เมื่อพนักงานอัยการได้รับคำาร้องให้ปล่อยชั่วคราว ให้พนักงาน
อัยการสั่งอย่างรวดเร็ว มาตรา ๑๐๗ ในการปล่อยชั่วคราวของพนักงานอัยการมี

อำานาจปล่อยชั่วคราวได้สูงสุดไม่เกิน ๖ เดือน
(๓) ศาล เมื่อผู้ต้องหาถูกฟ้องแล้วก่อนศาลชั้นต้นมีคำาพิพากษา ให้ยื่น
ต่อศาลชั้นต้นที่ชำาระคดีนั้น มาตรา ๑๐๖ (๓) (๔) ศาลชั้นต้นมีอำานาจสั่งปล่อย



ชวคราวระหว่างการพิจารณาคดีได้ แต่ในกรณีศาลชั้นต้นได้มีคำาพิพากษาแล้ว
และได้ส่งสำานวนคดีไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้วแต่กรณี ศาลอุทธรณ์หรือ
ศาลฎีกาเป็นผู้มีอำานาจสั่งปล่อยชั่วคราว




มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

45

๒.๓ กำาหนดเวลาในการสั่งคำาร้อง กำาหนดเวลาในการสั่งคำาร้องขอ

ให้ปล่อยชั่วคราว มาตรา ๑๐๗ บัญญัติว่า “เมื่อได้รับคำาร้องให้ปล่อยชั่วคราว ให้
เจ้าพนักงานหรือศาลรีบสั่งอย่างรวดเร็ว และผู้ต้องหาหรือจำาเลยทุกคนพึงได้
รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว” การสั่งคำาร้องของเจ้าพนักงานหรือศาล ต้องสั่ง

คำาร้องอย่างรวดเร็ว หากประวิงการสั่งปล่อยชั่วคราวอาจะเป็นการละเว้นในการ
ปฏิบัติหน้าที่ได้ตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗

๒.๔ การวินิจฉัยคำาร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว
มาตรา ๑๐๘ ในการวินิจฉัยคำาร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว ต้องพิจารณาข้อ
เหล่านี้ประกอบ

(๑) ความหนักเบาแห่งข้อหา
(๒) พยานหลักฐานที่ปรากฏแล้วมีเพียงใด

(๓) พฤติการณ์ต่างๆ แห่งคดีเป็นอย่างไร
(๔) เชื่อถือผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันได้เพียงใด
(๕) ผู้ต้องหาหรือจำาเลยน่าจะหลบหนีหรือไม่

(๖) ภัยอันตรายหรือความเสียหาย ที่จะเกิดจากการปล่อยชั่วคราวมีเพียงใดหรือไม่
(๗) ในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจำาเลยต้องขังตามหมายศาล ถ้ามีคำาคัดค้าน

ของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ โจทก์ หรือผู้เสียหาย แล้วแต่กรณี ศาลพึง
รับประกอบการวินิจฉัยได้เพื่อประโยชน์ในการดำาเนินการตามวรรคหนึ่ง
เจ้าพนักงานซึ่งมีอำานาจสั่งให้ปล่อยชั่วคราวหรือศาลอาจรับฟังข้อเท็จจริง รายงาน













หรือความเหนของเจาพนกงานซ่งกฎหมายกาหนดใหมีอานาจหน้าททเกยวกับการ

นั้นเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคำาร้องด้วยก็ได้
ในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เจ้าพนักงานซึ่งมีอำานาจสั่งให้ปล่อย
ชั่วคราว หรือศาลจะกำาหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับที่อยู่ของผู้ที่ถูกปล่อยชั่วคราว
หรือกำาหนดเงื่อนไขอื่นใดให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติเพื่อป้องกันการหลบหนี
หรือเพื่อป้องกันภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยชั่วคราวก็ได้


มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

46

๒.๕ การสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราว

มาตรา ๑๐๘/๑ การสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราว จะกระทำาได้ต่อเมื่อมีเหตุอัน
ควรเชื่อเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑) ผู้ต้องหาหรือจำาเลยจะหลบหนี

(๒) ผู้ต้องหาหรือจำาเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
(๓) ผู้ต้องหาหรือจำาเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น

(๔) ผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันไม่น่าเชื่อถือ
(๕) การปล่อยชั่วคราวจะเป็น อุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อ
การสอบสวนของเจ้าพนักงาน หรือการดำาเนินคดีในศาล

คำาสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราวต้องแสดงเหตุผล และต้องแจ้งเหตุดังกล่าวให้
ผู้ต้องหาหรือจำาเลยและผู้ยื่นคำาร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวทราบ เป็นหนังสือโดยเร็ว

๒.๖ ระยะเวลาในการปล่อยชั่วคราว
มาตรา ๑๑๓ เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการสั่งปล่อย


ชวคราว ไม่ว่าจะมีประกันหรือมีประกันและหลักประกันหรือไม่ การ ปลอย




ช่วคราวน้นให้ใช้ได้ระหว่างการสอบสวนหรือจนกว่าผ้ต้องหาถูกศาลส่งขังระหว่าง


สอบสวนหรอจนถึงศาลประทับฟ้อง แต่มิให้เกินสามเดือนนับแต่วันแรกที่มีการ
ปล่อยชั่วคราว ไม่ว่าเป็นการปล่อยชั่วคราวโดยพนักงานสอบสวนหรือพนักงาน
อัยการ ในกรณีที่มีเหตุจำาเป็นทำาให้ไม่อาจทำาการสอบสวนได้เสร็จภายในกำาหนด
สามเดือน จะยืดเวลาการปล่อยชั่วคราวให้เกินสามเดือนก็ได้ แต่มิให้เกินหกเดือน
เมื่อการปล่อยชั่วคราวสิ้นสุดลงตามวรรคหนึ่งแล้ว ถ้ายังมีความจำาเป็น
ที่จะต้องควบคุมผู้ต้องหาไว้ต่อไป ให้ส่งผู้ต้องหามาศาลและให้นำาบทบัญญัติ

มาตรา ๗ วรรคสี่ ถึงวรรคเก้ามาใช้บังคับ
ตามมาตรา ๑๑๓ เป็นการปล่อยชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวนหรือชั้น
พนักงานอัยการมีกำาหนดระยะเวลาไม่เกิน ๓ เดือน แต่หากมีความจำาเป็นทำาให้

การสอบสวนหรือการทำาสำานวนของพนักงานอัยการไม่แล้วเสร็จภายใน ระยะเวลา
๓ เดือนจะยึดเวลาการปล่อยชั่วคราวออกไปให้เกิน ๓ ก็ได้ แต่มิไห้เกิน ๖ เดือน






มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

47

เมื่อการปล่อยชั่วคราวครบกำาหนด ๖ เดือนแล้ว พนักงานสอบสวนหรือพนักงาน






อัยการย่อมไม่มีอานาจควบคุมผ้ต้องหาต่อไปสัญญาประกันท่ทาให้ไว้ย่อมส้นสุดลง
ทันที เจ้าพนักงานดังกล่าวจึงต้องคืนหลักประกันให้กับผู้ขอประกันไป
๒.๗ หลักประกัน
มาตรา ๑๑๔ เมื่อจะปล่อยชั่วคราวโดยให้มีประกันและหลักประกัน
ด้วยก่อนปล่อยตัวไป ให้ผู้ร้องขอ

หลักประกันมี ๓ ชนิด คือ
(๑) มีเงินสดมาวาง
(๒) มีหลักทรัพย์อื่นมาวาง

(๒) มีบุคคลมาเป็นหลักประกัน โดยแสดงหลักทรัพย์
๒.๘ การผิดสัญญาประกัน

การผิดสัญญาประกันแยกออกเป็นการผิดสัญญาประกันในชั้น
(๑) พนักงานสอบสวนหรือชั้นพนักงานอัยการ
(๒) ชั้นศาล

๒.๘.๑ การผิดสัญญาประกันในชั้นพนักงานสอบสวนหรือชั้นพนักงานอัยการ


การผิดสัญญาประกันในช้นพนักงานสอบสวนหรือในช้นพนักงานอัยการ
จะนำามาตรา ๑๑๙ มาใช้บังคับไม่ได้ หมายความว่าจะบังคับตามสัญญาประกัน
โดยไม่ต้องฟ้องไม่ได้ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการต้องฟ้องคดีผิดสัญญา
ประกันต่อศาลเป็นคดีแพ่งเม่อศาลมีคาพิพากษาหรือคาส่งจึงดาเนินการบังคับคด ี





ต่อไปตามกระบวนวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการบังคับคดี และการฟ้องคดีต่อ


ศาลพนักงานสอบสวนมีอานาจฟ้องในฐานะเป็นค่สัญญาประกันโดยไม่ต้องได้รับ
มอบอำานาจจากสำานักงานตำารวจแห่งชาติ ส่วนกรมตำารวจไม่ใช่พนักงานสอบสวน
และมิได้เป็นค่สัญญาในสัญญาประกันจึงฟ้องเองหรือมอบอานาจให้ฟ้องหาได้ไม่


และพนักงานสอบสวนเป็นคู่สัญญาประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำาเลยในฐานะพนักงาน
สอบสวน ไม่ใช่ในฐานะส่วนตัว ดังนี้ เมื่อมีการผิดสัญญาประกัน พนักงานสอบสวน
คนอื่นที่รับราชการประจำาสถานีตำารวจเดียวกันฟ้องบังคับตามสัญญาประกันได้






มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

48

โดยเหตุที่พนักงานสอสวนไม่ได้ลงชื่อเป็นคู่สัญญาในฐานส่วนตัว ถ้าพนักงาน

สอบสวนที่เป็นคู่สัญญาได้ย้ายไปรับราชการแห่งอื่นแล้วในขณะยื่นฟ้อง ก็ไม่มี
อำานาจลงชื่อเป็นพนักงานสอบสวนสถานีตำารวจเดิมฟ้องนายประกันได้
๒.๘.๒ การผิดสัญญาประกันชั้นศาล

กาผิดสัญญาประกันในชั้นศาล มาตรา ๑๑๙ บัญญัติว่า
“มาตรา ๑๑๙ ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอำานาจสั่งบังคับ

ตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง เมื่อศาลสั่งประการ

ใดแลว ฝ่ายผู้ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือ พนักงานอัยการมีอำานาจ
อุทธรณ์ได้ คำาวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้ เป็นที่สุด

เพื่อประโยชน์ในการบังคับคดี ให้ศาลชั้นต้นที่พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีนั้น





มอานาจออกหมายบงคบคดเอา แก่ทรัพย์สินของบุคคลซึ่งต้องรับผิดตามสัญญา
ประกันได้เสมือนว่าเป็นลูกหนี้ ตามคำาพิพากษาและให้ถือว่าหัวหน้าสำานักงาน
ประจำาศาลยุติธรรมเป็นเจ้า หนี้ตามคำาพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้ตามสัญญา
ประกันดังกล่าว..”
การผิดสัญญาประกันในชั้นศาล ศาลมีอำานาจบังคับให้เป็นไปตามสัญญา

ประกันได้โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีแพ่งเหมือนการผิดสัญญาประกันในช้นพนักงาน
สอบสวนหรือชั้นพนักงานอัยการ “ศาลมีอำานาจสั่งบังคับตามสัญญาประกันหรือ
ตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง” ตามมาตรา ๑๑๙ วรรคสาม บัญญัติว่า “ใน










กรณทจาเป็นตองมการบงคับคดีเพราะผดสญญาประกนตามวรรคหนงใหศาลม ี



อานาจออกหมายบังคับคดีหรือคาส่งอ่นใดเพ่อบังเอาแก่ทรัพย์สินของบุคคลซ่ง






ต้องรับผิดตามสัญญาประกันได้เสมือนว่าเป็นลูกหนี้ตามคำาพิพากษา..”
๒.๙ การอุทธรณ์คำาสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
การอุทธรณ์คำาสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มาตรา ๑๑๙ ทวิ บัญญัติว่า
มาตรา ๑๑๙ ทวิ ในกรณีที่ศาลสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ร้อง ขอมี
สิทธิยื่นคำาร้องอุทธรณ์คำาสั่งนั้นได้ ดังต่อไปนี้
(๑) คำาสั่งของศาลชั้นต้น ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

49

(๒) คำาสั่งของศาลอุทธรณ์ ให้อุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา

ให้ศาลชั้นต้นที่รับคำาร้องอุทธรณ์คำาสั่งรีบส่งคำาร้องดังกล่าว พร้อมด้วย
สำานวนความหรือสำาเนาสำานวนความเท่าที่จำาเป็น ไปยังศาลอุทธรณ์ หรือศาลฎีกา
แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาและมีคำาสั่งโดยเร็ว

คำาสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยืนตามศาล ชั้นต้นให้เป็นที่สุด
แต่ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิที่จะยื่นคำาร้องให้ปล่อยชั่วคราวใหม่


การยื่นคำาร้องอุทธรณ์คำาสั่งตามมาตรา ๑๑๙ ทว ไม่อยู่ภายใต้บังคับ
ป.วิ.อ.มาตรา ๑๙๘ ทวิ และมาตรา ๒๑๖ จึงไม่ต้องอุทธรณ์ภาในกำาหนด ๑ เดือน

















































มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

50




ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นทางสายกลาง : มโนทัศน์เพื่อการดำาเนิน
ชีวิตอันประเสริฐ

รองศาสตราจารย์ ดร.จำาเริญรัตน์ จิตต์จิรจรรย์
ผู้อำานวยการหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการศึกษา)
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
E-mail : [email protected]

บทนำา
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่มีมโนทัศน์ที่เน้นทางสาย

กลาง ที่มีเงื่อนไขความรู้และเงื่อนไขคุณธรรมจริยธรรม เป็นฐานสำาคัญ ที่เน้นวิธี
การแสวงหาความรู้ แสวงหาวิธีการที่จะนำาไปสู่การตระหนักถึงความจริงว่าทุก

คนจะดำาเนินชีวิตที่เน้นเศรษฐศาสตร์สายกลางหรือเศรษฐศาสตร์เชิงพุทธนำาไป
สู่ความพอเพียง มีเหตุผล และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเอง ปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงที่เน้นทางสายกลาง ที่มีมโนทัศน์คือมรรคมีองค์แปด เป็นองค์ประกอบ

สำาคัญซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตรที่ได้พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย แม้พระองค์ได้เสด็จสวรรคตไป

แล้ว แต่พระบรมราโชวาท พระราชดำารัสที่ได้พระราชทานไว้ในวโรกาสต่าง ๆ ย่อม
มีประโยชน์ต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่าที่ได้น้อมนำามาสู่การปฎิบัติ เพื่อความเจริญ
งอกงามแก่ตนเองและสังคมอย่างแท้จริง

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เน้นทางสายกลาง
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงป็นหลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จ
พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรที่ได้

พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะ ในขณะ

เดียวกันก็ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก์โดยทรงสนับสนุนทุกศาสนาท่มีผ้นับถือ

อยู่ในประเทศไทย พระองค์ได้พระราชทานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที ่


ทรงคิดค้นข้นมาจากหลักคาสอนของพระพุทธศาสนาท่เน้นทางสายกลางและได ้

พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยให้มีความพอเพียง มีหลักเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี


มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล


Click to View FlipBook Version