Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 1
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 2 ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำ นักหอสมุดแห่งชาติ สารานุกรมโคราชศึกษา 5 มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล Vongchavalitkul University นครราชสีมา : มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล นครราชสีมา, 2566. 108 หน้า 1.วัฒนธรรมท้องถิ่ น 2.วัฒนธรรมท้องถิ่ นโคราช 3.ชื่ อเรื่ อง ISBN 978-974-630-197-8 พิมพ์ครั้ งที่ 1 : มิถุนายน 2566 มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล นครราชสีมา เลขที่ 84 หมู่4 ถนนมิตรภาพ-หนองคาย ตำ บลบ้านเกาะ อำ เภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000 โทร 044-009-711 โทรสาร 044-009-712 ฝ่ ายศิลปกรรม : นายปรเมศวร์ มะละสาร นายเชาว์ฤทธิ์ ศิลาดำ ออกแบบปก : อาจารย์หทัยกนก กวีกิจสุภัค พิสูจน์อักษร : อาจารย์บุษบาบรรณ ไชยศิริ อาจารย์หทัยกนก กวีกิจสุภัค นางสาวมินทร์ธาดา เขียวทะเล
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 3 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จังหวัดนครราชสีมา ผลงานนิพนธ์ถือเป็ นคุณูปการและความรับผิดชอบส่วนบุคคลของผู้นิพนธ์ ไม่ถือเป็ นทัศนะ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการดำ เนินการ
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 4
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 5 สารบัญ คำ ปรารภ คำ นำ การปกครองโคราช : จากจนาศะปุระถึงนครราชสีมา ผู้นิพนธ์ อาจารย์บุญชณัฎฐา สุขเสมอ กาลครั้ งหนึ่ งในโคราชกับแสงอัสดงของโรงหนังเก่า ผู้นิพนธ์ อาจารย์วีระยุทธ ทรัพย์ประเสริฐ เข่าแพะ...รักษ์สุขภาพ ผู้นิพนธ์ อาจารย์ศุลีกร ศิวเสน อาจารย์ ดร.สายสุนีย์ เลิศกระโทก โบสถ์กลางน้ำ 300 ปี วัดหมื่ นไวย ผู้นิพนธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วลัญช์ชยา เขตบำ รุง อาจารย์จิราภรณ์ ประธรรมโย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มะลิ โพธิพิมพ์ อำ ไพ วิทยากุล และ พระครูอัครธรรมรังษี ผ้าเงี่ ยงนางดำ ของชาวอำ เภอสูงเนิน ผู้นิพนธ์ อาจารย์ธวัชชัย ชาญสูงเนิน ภูมิปั ญญาชาวบ้าน “หมอรักษากระดูกและหมอนำ ้มัน” หมู่ 7 บ้านหนองนาลุ่ม ตำ บลหมืนไวย อำ่เภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ผู้นิพนธ์ อาจารย์สายสวาท ศศิวิมล เปี ยหมืนไวย่ อาจารย์กิตติศักดิ์ กลินหมื่นไวย่ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล : มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรก ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้นิพนธ์ อาจารย์ศุภฤกษ์ กอบัว อาจารย์สุขุม พระเดชพงษ์ หลุมหลบภัย ผู้นิพนธ์ อาจารย์ ดร.ศิริวัฒน์ สาระเขตต์ อาจารย์เปาลิน เวชกามา ก ข 08 26 40 50 58 70 80 96
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 6 คำ ปรารภ ก มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลเป็ นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกในภาคตะวันออก เฉียงเหนือ สถาปนาขึ้ น เมื่ อวันที่ 2 มีนาคม 2527 โดยมี นายมุข วงษ์ชวลิตกุลเป็ นผู้ ได้รับใบอนุญาต และอาจารย์ปราณี วงษ์ชวลิตกุล เป็ นอธิการบดี เปิ ดดำ เนินการบริหาร จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาตามวิสัยทัศน์และพันธกิจอย่างมุ่งมั่ นเข้มแข็งเสมอมา ยังความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ามาจนถึงปั จจุบัน นอกจากการบริหารจัดการศึกษาอันเป็ นภารกิจสำ คัญแล้ว มหาวิทยาลัย วงษ์ชวลิตกุลยังตระหนักถึงการทำ นุบำ รุงศิลปวัฒนธรรม สืบสาน สนับสนุน และอนุรักษ์ มรดกภูมิปั ญญาท้องถินอย่างกว้างขวาง หนึ ่ งในผลงานซึ่ งเป็ นที ่ประจักษ์โดยเผยแพร่สู่่ สาธารณชนมาอย่างต่อเนื่ อง คือ สารานุกรมโคราชศึกษา (Encyclopedia of Korat Study) เอกสารที่ รวบรวมความรู้เกี่ ยวกับความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ ยวกับธรรมชาติ และจักรวาล แนวปฏิบัติทางสังคม ภูมิปั ญญาไทย ภาษา วรรณกรรมพื้ นบ้าน ศิลปะการ แสดง และงานช่างฝี มือดังเดิม เนื้อหาครอบคลุมพื้ ้ นที่ 32 อำ เภอ ในจังหวัดนครราชสีมา ปั จจุบัน สารานุกรมโคราชศึกษา ดำ เนินงานมาจนถึงฉบับที่ 5 สร้างสรรค์ องค์ความรู้ทีมีประโยชน์ ทั่งยังได้ปรับปรุงเนื้อหา และรูปแบบการนำ้เสนอให้มีความหลาก หลายมากขึ้ น โดยจัดทำ เป็ นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E - Book) เปิ ดกว้างให้ผู้นิพนธ์ ที่ มี ความรู้ความสามารถจากหลากหลายสาขาได้ร่วมนิพนธ์ผลงานอย่างมีสี สั น ตามความถนัดของตนบนฐานวิชาการรับใช้ชุมชนสู่สังคมวงกว้าง มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลเต็มใจอย่างยิ่ งที่ จะธำ รงศิลปวัฒนธรรมตลอดจน ภูมิปั ญญาท้องถิ่ นให้เป็ นมรดกของสังคมที่ ทรงคุณค่าผ่านผลงานนิพนธ์สารานุกรม โคราชศึกษา อย่างยังยืนสืบไป ่ อาจารย์ ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (อาจารย์ ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล) อธิการบดีมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 7 คำ นำ ข สารานุกรมโคราชศึกษา (Encyclopedia of Korat Study) เป็ นเอกสารที่ รวบรวมความรู้เกี่ ยวกับ ความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ ยวกับธรรมชาติและจักรวาล แนวปฏิบัติทางสังคม ภูมิปั ญญาไทย ภาษา วรรณกรรมพื้ นบ้าน ศิลปะการแสดง และงานช่างฝี มือดังเดิม เนื้อหาครอบคลุมพื้นที้ ่ 32 อำ เภอ ในจังหวัดนครราชสีมา ซึงดำ่เนินการ มาอย่างต่อเนื่ องด้วยแรงสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล โดยเฉพาะอย่างยิ่ ง จากอาจารย์ปราณี วงษ์ชวลิตกุล อธิการบดีกิตติคุณ ผู้เล็งเห็นความสำ คัญของการ ทำ นุบำ รุงศิลปวัฒนธรรม และอนุรักษ์มรดกภูมิปั ญญาท้องถิ่ นอย่างจริงจัง ดังเป็ นที่ ทราบกันโดยทัวไป กอปรกับปั จจุบัน ่อาจารย์ ดร.ณัฐวัฒม์ วงษ์ชวลิตกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้สืบสานต่อยอดและส่งเสริมให้สารานุกรมโคราชศึกษา ได้รับการเผยแพร่เป็ นที่ ประจักษ์ต่อสาธารณชนอีกคำ รบหนึ่ ง การจัดทำ สารานุกรมโคราชศึกษาฉบับนี้ ถือเป็ นฉบับสีสันสาระเพราะมี ความหลากหลายทังในด้านรูปแบบและผู้นิพนธ์ ซึ้งได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง่จากทุกคณะ วิชาถือเป็ นคุณูปการและความรับผิดชอบส่วนบุคคลของผู้นิพนธ์ สะท้อนให้เห็นถึง ความสามัคคี การมีเป้ าหมายมุ่งความสำ เร็จร่วมกันของสมาชิกในองค์กรจึงขอแสดง ความคารวะแด่ผู้ที่ มีส่วนเกี่ ยวข้องทุกฝ่ าย อาทิ อาจารย์ ดร.อรรถพงษ์ โภชน์เกาะ รองอธิการบดีฝ่ ายพัฒนานักศึกษาและชุมชนสัมพันธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นัฐยา บุญกองแสน คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ ที่ เปิ ดโอกาสให้คณะทำ งานสามารถดำ เนินงาน จนสำ เร็จลุล่วงไปด้วยดี อนึ่ ง ขอกล่าวถึงโดยเฉพาะแด่ รองศาสตราจารย์ ดร.จำ เริญ รัตน์ จิตต์จิรจรรย์ ปูชนียาจารย์ผู้วางรากฐานการดำ เนินงานสารานุกรมโคราชศึกษา ไว้อย่างเข้มแข็งมันคง นายปรเมศวร์ มะละสาร นายเชาว์ฤทธิ่ ์ ศิลาดำ และคณะฝ่ายงานศิลปกรรม ตลอดจนนายกีรติ วงษ์ขุนเณร ผู้ประสานงานและรวบรวมร่างต้นฉบับนิพนธ์ครังนี้ ้ ไว้ ณ โอกาสนี้ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชวลิต เกตุกระทุ่ม) ประธานคณะกรรมการดำ เนินงาน
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 8 การปกครองโคราช : จาก จนาศะปุระ ถึง นครราชสีมา อาจารย์บุญชณัฎฐา สุขเสมอ E-mail : [email protected]
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 9 การปกครองโคราช : จาก จนาศะปุระ ถึง นครราชสีมา อาจารย์บุญชณัฎฐา สุขเสมอ E-mail : [email protected] บทนำ การตังคำ้ถามว่าจังหวัดนครราชสีมาเกิดขึ้ นเมื่ อไร มีการเมืองการปกครอง อย่างไร คำ ถามนี้ อาจอธิบายได้หลากหลายนัย เพราะอาจมองการถามนี้ได้ว่า การรวม ตัวกันของมนุษย์ก่อตัวขึ้ นเป็ นสังคมในพื้ นที่ ราบสูงและอาณาบริเวณรายรอบที่ มีพลวัต ของสังคมสู่การเป็ นจังหวัดนครราชสีมานี้ เริมต้นเมื่ อไร หรืออาจเป็ นคำ ่ถามว่า การก่อตัง ้ จังหวัดนครราชสีมาอย่างเป็ นทางการ โดยมีกฎหมายจัดตั้ ง หรือมีการออกคำ สั่ ง อย่างเป็ นทางการของรัฐ หรือผู้ปกครองรัฐนันเกิดขึ้ นในช่วงเวลาใดก็ได้เช่นกัน ซึ ้งจนถึง่ ปั จจุบัน ยังคงเป็ นข้อถกเถียงที่ ยังไม่เป็ นที่ ยุติว่าแท้จริงแล้วจังหวัดนครราชสีมามีอายุ การก่อตังมาแล้วกี้ปี ทั่งนี้ ้ เนืองจากเป็ นเหตุผลในการวิเคราะห์ สังเคราะห์เกี ่ยวกับพลวัต่ ทางประวัติศาสตร์ที่ ยังคงต้องได้รับการศึกษาค้นคว้าทางมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ต่อไป อย่างไรก็ตามเป็ นข้อน่าพิจารณาว่า หากถือเอาเขตพื้ นทีทางภูมิศาสตร์เป็ นหลักและ ่ นำ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มาเป็ นฐานในการ ศึกษาเกี่ ยวกับระบบการเมืองการปกครองที่ ปรากฏในอาณาบริเวณจังหวัดนครราชสีมา และใกล้เคียงตังแต่อดีตจวบจนปั จจุบัน โดยอาศัยช่วงของอาณาจักรเป็ นสำ ้คัญ ได้แก่ ช่วงแรกคือ อาณาจักรศรีจนาศะ หรือ จนาศะปุระ ช่วงต่อมา คือ อาณาจักรอยุธยาถึง รัตนโกสินทร์ ก่อนปฏิรูประบบราชการในสมัยรัชกาลที่ 5 และช่วงทีสามกรุงรัตนโกสินทร์ ่ ตังแต่ช่วงการปฏิรูประบบราชการในสมัยรัชกาลที้ ่ 5 ถึง ปั จจุบัน ดังต่อไปนี้
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 10 ภาพประกอบ 1 : จารึกบ่ออีกา ที่ มา : ศานติ ภักดีคำ . เมืองเสมา คือ “ศรีจนาศะ”?. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก https://www.matichonacademy.com/tour-story/เมืองเสมา-คือ-ศรีจนาศะ อาณาจักรศรีจนาศะ หรือ จนาศะปุระ การปกครองที่ เกิดขึ้ นในเขต พื้ นที่ เชิงภูมิศาสตร์ของโคราช เมื่ อ ย้อนกลับไปในยุคทวารวดีปรากฏมี อาณาจักรศรีจนาศะ หรือ “จนาศะปุระ” ขึ้ นซึ่ งสันนิษฐานว่ามีศูนย์กลางอยู่ที่ เมืองโบราณเสมา ในตำ บลเสมา อำ เภอ สูงเนินในปั จจุบันพบหลักฐานเกี่ ยวกับ อาณาจักรศรีจนาศะจากจารึกสองชิ้ น ได้แก่ จารึกบ่ออีกาพบที่ บ้านอีกา อำ เภอ สูงเนิน อยู่ทางทิศใต้ของพื้ นที่ เมืองราชสีมา เก่า กำ หนดอายุที่ พ.ศ. 1411 ใช้อักษรหลัง ปั ลลวะและจารึกด้วยภาษาสันสกฤต และ ภาษาเขมร ในศิลานี้ได้กล่าวถึงพระราชาแห่ง ศรีจนาศะประทานสัตว์และทาสแก่พระสงฆ์ และสรรเสริญอังศเทพผู้สร้างศิวลึงค์ และ หลักฐานอีกชินหนึ ้ งคือ “จารึกศรีจนาศะ” ซึ่ง่ พบที่ อยุธยาเป็ นอักษรขอมโบราณในภาษา สันกฤต และภาษาเขมร กล่าวถึงรายพระนาม กษัตริย์แห่งศรีจนาศะ จารึกขึ้ นเมื่ อ ปี พ.ศ. 1480 (เซเดส์ ยอร์ช, 2510) กล่าวกันว่า เมือง เสมาเป็ นเมืองมีคูน้ำ คันดินล้อมรอบ เป็ นรูป วงกลมรีพบโบราณสถานจำ นวนเก้าแห่ง ขณะเดียวกัน ได้ปรากฏพระนอนหินทราย ทีวัดธรรมจักรเสมารามซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างขึ่น้ ในยุคศรีจนาศะ หลักฐานที่ พบแสดงถึง พระพุทธศาสนาในศรีจนาศะ ซึงได้รับอิทธิพล่ จากทวารวดีอยู่คู่กับศาสนาพราหมณ์ ไศวนิกาย และทวารวด ีเป็ นร ูปแบบว ัฒนธรรม ที่ นักวิชาการเชื่ อว่าได้รับอิทธิพลทางศาสนา มาจากอินเดีย โดยอาจมาจากนักบวช และ พ่อค้าที่ เดินทางจากอินเดียเข้ามาค้าขายใน แถบชายฝั่ งทะเล และที่ ราบภาคกลางของ ประเทศไทยและแพร่กระจายเข้ามาทางภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ มีศาสนาพุ ทธ นิกาย หินยานหรือเถรวาทเป็ นศาสนาหลักในรูปแบบ วัฒนธรรมนี้ เมื่ อเข้ามาในภาคตะวันออก เฉียงเหนือได้เข้ามาผสมผสานกับความเชือเดิม่ ในการปั กหินขนาดใหญ่เป็ นเครื่ องหมาย แสดงพื้ นทีศักดิ่สิทธิ์ ์ กลายมาเป็ นการปั กหิน เป็ นใบเสมาขนาดใหญ่ ล้อมรอบพื้นที่ สำ หรับทำ พิธีกรรมในพุทธศาสนา หรืออาคาร ทางศาสนา เช่น โบสถ์และเจดีย์ บางแห่ง ได้สลัก เป็ นภาพพุ ทธประวัติ หรือชาดก (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย, 2564)
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 11 ภาพประกอบ 2 : พระนอนหินทรายที่ วัดธรรมจักรเสมาราม ที่ มา : ศานติ ภักดีคำ . เมืองเสมา คือ “ศรีจนาศะ”?. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก https://www.matichonacademy.com/tour-story/เมืองเสมา-คือ-ศรีจนาศะ จะเห็นว่า รูปแบบการปกครอง ในอาณาจักรศรีจนาศะ หรือจนาศะปุระ เป็ นการปกครองที่ ผสมผสานระหว่าง ความเชือกับอำ่นาจ กล่าวคือ ศาสนาและลัทธิ ซึง่ สันนิษฐานว่าเป็ นอิทธิพลของพุทธศาสนา กับศาสนาพราหมณ์ไศวนิกาย มีอิทธิพล เหนือต่อผู้ปกครองรัฐซึ่ งเป็ นกษัตริย์ โดยที่ กษั ตริย์ให้ความเชื่ อถือศรัทธา ต่อศาสนาเป็ นอย่างยิ่ ง ดังปรากฏในศิลา จารึกบ่ออีกา ที่ ได้อธิบายความถึงพระราชา แห่งอาณาจักรศรีจนาศะทรงอุทิศปศุสัตว์ และทาสทั้ งหญิงชายถวายแด่พระ ภิกษุสงฆ์ แต่อย่างไรก็ตามกษัตริย์ยังอยู่ใน ฐานะองค์ประมุขสูงสุดของอาณาจักร จึงเป็ นผู้มีความสามารถที่ จะอุปถัมภ์ ศาสนาต่าง ๆ ไว้ได้ กระทังจักรวรรดิเขมร หรือขอม่ โบราณได้แผ่ขยายอำ นาจมาในพื้ นที่ เมื่ อประมาณพุ ทธศตวรรษที่ 15 ทำ ให้ อาณาจักรศรีจนาศะสิ้ นสุดลง ดังปรากฏ ข้อมูล ในจารึกเมืองเสมา พ.ศ. 1514 ซึ่ งจารึก เมืองเสมานี้ ถูกพบบริเวณเมืองเสมา อำ เภอ สูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา จารด้วยอักษร ขอมโบราณซึงทั่งภาษาสันสกฤต และเขมร้ โบราณ ระบุมหาศักราช 893 เทียบเท่า พ.ศ. 1514 อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะ เชิงโบราณคดี ที่ อธิบายคำ แปลช่วงเวลา ซึ่ งปรากฏในจารึกเมืองเสมานี้ มีข้อความ ว่า “มุนิเวทาทฺริศาเกนฺทฺร” ควรแปลว่า ในปี มหาศักราช 747 หรือ พ.ศ. 1368 และ “ศศิโกศาทฺริศาเกนฺทฺร” ควรแปลว่า ในปี มหาศักราช 751 หรือ พ.ศ. 1372 (พระมหา กวีศั กดิ์ วาปี กุลเศรษฐ์, 2565) ทั้ งนี ้ ยังคงยืนยันได้ว่า เป็ นช่วงเวลาคาบเกียวกัน่ ของทั้ งสองอาณาจักร คือ อาณาจักร ศรีจนาศะหรือจนาศะปุระ กับจักรวรรดิเขมร หรืออาณาจักรขอมโบราณ
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 12 ภาพประกอบ 3 : จารึกเมืองเสมา สถานทีพบ เมืองเสมา ่ ตำ บลเสมา อำ เภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ที่ มา : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. จารึกเมืองเสมา. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก https://db.sac.or.th/ inscriptions/inscribe/detail/353 ภายในจารึกเมืองเสมาได้เริ่ มต้น ด้วยการกล่าวคำ นมัสการเทพเจ้าในศาสนา พราหมณ์ ได้แก่พระศิ วะ พระวิษณุ พระพรหม พระอุมา และพระสรัสวดี จากนัน้ ได้กล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 หรือพระบรม วีรโลกว่าทรงเป็ นโอรสของพระเจ้า ราเชนทรวรมันที่ 2 และทรงสืบเชื้ อสาย มาจากจันทรวงศ์ (โสมานฺวย) กล่าวถึง พระราชกรณียกิจของพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ว่าที่ ได้ทรงบำ เพ็ญไว้หลายประการ และสุดท้าย ก็ได้กล่าวถึงข้าราชการ เจ้าขุนมูลนาย และ ผู้ใหญ่ที่ ได้สร้างเทวรูป และพระพุ ทธรูป ไว้หลายองค์ พร้อมทังถวายทาส และสิ้งของ่ ต่าง ๆ แด่ศาสนสถานไว้อีกด้วย (ศู นย์มานุษยวิทยาสิ รินธร, 2550) กล่าวได้ว่า ในช่วงเวลาของ อาณาจักรขอมโบราณ หรือจักรวรรดิ เขมรนี้ เป็ นช่วงเวลาที่ ผู้ปกครองซึ่ งเป็ น กษัตริย์ยังคงเป็ นผู้ปกครองหลัก ซึ่ งให้ การอุปถัมภ์ศาสนาเช่นเดียวกับอาณาจักร ศรีจนาศะหรือจนาศะปุระ ทังนี้หากพิจารณา้ ในเชิงสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา พบว่า อิทธิพลของศาสนามีผลต่อการดำ รงอยู่ ของผู้ปกครอง คติชนรวมถึงคำ สอน ทางศาสนาทียกฐานะของกษัตริย์เป็นสมมติ เทพ ่ ให้มีสถานะเป็ นเจ้าแห่งชีวิต อันเป็ น คติของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู หยังรากลึก่ ลงในวิถีประชาของผู้คนในอาณาเขต ปกครองด้วยเช่นกัน
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 13 ภาพประกอบ 4 : ปราสาทหินพิมาย ที่ มา : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ. อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก http://virtualhistoricalpark.finearts.go.th/phimai/index.php/th อีกแหล่งหนึ่งที่ยืนยัน ความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับผู้ปกครอง อาณาจักรในขณะนั้ นได้เป็ นอย่างดีคือ ปราสาทหินพิมาย ซึงสันนิษฐานว่าปราสาท่ หินพิมายถูกสร้างขึ้ นในสมัยของพระเจ้า สุริยวรมันที่ 1 (ธิดา สาระยา, 2535) เนื่ องจากรูปแบบศิลปะของซุ้ม และมุขหน้าปราสาทประธานเป็ นศิ ลปะ แบบบาปวน ซึงเป็ นศิลปะในสมัยของพระเจ้า ่ สุริยวรมันที่ 1 การสร้างปราสาทดังกล่าว มุ่งหมายที่ จะสร้างขึ้ นไว้ เนื่ องในศาสน พิ ธีของศาสนาพุ ทธลัทธิมหายาน และ ศาสนาพราหมณ์ทังสามนิกาย ในราวพุทธ้ ศตวรรษที่ 16 – 17 ทังนี้ ้ ปราสาทดังกล่าว มีบทบาทต่อการเป็ นศูนย์รวมของมหาชน ในสมัยโบราณเพื่ อประกอบศาสนกิจ ได้แก่ พิธีสังวัจฉรปุณณมี (พิธีครบรอบปี ) พิธี สรงน้ำ รูปเคารพในลัทธิศาสนา จึงเป็ น ทั้ งเทวสถาน และพุ ทธสถานรวมกัน มิใช่ ปราสาทราชวังสำ หรับประทับของ เสนาบดี หรือเจ้าบ้านผ่านเมือง (ปูรณา, 2519) ในด้านนี้เป็ นข้อพิ จารณาได้ว่า คติความคิดของศาสนาจึงมีบทบาท ต่อการเมืองการปกครองของอาณาจักร ทังการใช้อำ้นาจบริหาร อำ นาจนิติบัญญัติ และอำ นาจตุลาการ การจัดโครงสร้าง ทางสังคมทีกำ่หนดชนชัน ฐานันดรในสังคม้ ของยุคสมัย ข้อพิจารณาอย่างสำคัญประการหนึง่ ในช่วงเวลาที่ อาณาจักรขอมโบราณ หรือจักรวรรดิเขมร ดำ รงอยู่ประมาณ พุ ทธศตวรรษที่ 11 - 19 เมื่ อเทียบเคียง พื้ นที่ ทางภูมิศาสตร์จะพบว่า บางส่วนของ พื้ นที่ อาณาจักรดังกล่าวอยู่ในดินแดน ประเทศไทยปั จจุบัน โดยสั นนิษฐาน ว่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 (พ.ศ. 1100 – 1200) อารยธรรมขอมโบราณเผยแผ่เข้ามา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ของประเทศไทย ซึ่ งตั้ งอยู่ใกล้ชิด ติดกัน ซึ่ งจากการพบหลักฐานทางอารยธรรม ขอมโบราณเป็ นจำ นวนมาก ทังที้ ่ เป็ นศิลา จารึก โบราณสถาน และโบราณวัตถุ กระทัง่ ราวพุ ทธศตวรรษที่ 16 – 18 (ช่วง พ.ศ. 1500 – 1750) เป็ นช่วงที่ รุ่งเรืองที่ สุด การปกครองของอาณาจักรขอมโบราณ และ ต่อมาเมื่ ออาณาจักรขอมโบราณ เสื่ อม อำ นาจลง พื้ นที่ ของจังหวัดนครราชสีมา ได้อยู่ภายใต้อำ นาจการปกครอง ของ อาณาจักรอยุธยาซึงเรืองอำ่นาจขึนในช่วง ้ พ.ศ. 1893 - 2310
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 14 อาณาจักรอยุธยา ถึง รัตนโกสินทร์ ก่อนปฏิรูป ระบบราชการในสมัยรัชกาลที่ 5 เขตแดนจังหวัดนครราชสีมา ในช่วง เวลาของอาณาจักรอยุธยา มีข้อสันนิษฐานว่า อาณาจักรอยุธยาแผ่ขยายอำ นาจเข้ามาในเขต ลุ่มแม่น้ำ มูลตอนบน และที่ ราบสูงโคราชด้าน ตะวันตกในรัชสมัยของสมเด็จ พระบรมราชาธิราชเจ้า สามพระยา ดังปรากฏใน พระราชพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยาฉบับปลีก กล่าวถึง สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ความว่า “อยู่ปี หนึ่ ง ท่านให้ก็ตกแต่งช้างม้ารี้ พลทังปวงจะยก้ ไปเมืองพิมายพนมรุ้งไซร้ พอเจ้าเมือง ทั้ งหลายถวายบังคมพระบาทผู้เป็ นเจ้าๆ ก็ให้พระราชทานรางวัล แล้วคืนไปอยู่ตาม ภูมิลำ เนา” ซึ่ งตรงกับศิลาจารึกขุนศรีไชย ราชมงคลเทพซึ่ งจารึกขึ้ นเมื่ อพ.ศ. 1974 และพบที่ อำ เภอลำ สนธิ จังหวัดลพบุรี กล่าวถึงสมเด็จพระอินทราบรมจักรพรรดิ ธรรมิกราช โปรดฯให้ขุนศรีไชยราชมงคล เทพ “เอาจตุรงค์ช้างม้ารี้ พลไปโจมจับ พระนครพิมายพนมรุ้ง” (ศานติ ภักดีคำ , 2554) มีหลักฐานปรากฏเกี่ ยวกับ ชือเมืองโคราชว่า “นครราชสีมา” มีมาตั่งแต่้ ในสมัยอยุธยา ซึ่ งในบันทึกสมัยสมเด็จ พระบรมไตรโลกนาถ กล่าวถึงกฎมณเฑียรบาล เรื่ องประกาศพระราชบัญญัติว่า เมือง นครราชสีมาเป็ นเมืองหนึ่ งในเมืองพญา มหานครที่ ได้ถือน้ำ พระพัฒน์ 8 เมือง คือ เมืองพิษณุโลก เมืองสัชนาลัย เมืองศุโขไท เมืองกําแพงเพชร เมืองนครศรีธรรมราช เมืองนครราชสี มา เมืองตนาวศรี และ เมืองทวาย (รังสิมา กุลพัฒน์และคณะ, 2562) ทั้ งนี้ มีข้อเสนอของนักประวัติศาสตร์ เกียวกับชื่อเมืองนครราชสีมา ที่สอดคล้อง่ กับข้อเท็จจริงของการตั้ งชื่ อเมืองของ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อธิบายว่า เมืองนครราชสีมา ปรากฏชื่ อครังแรกใน้ กฎมณเฑียรบาล ชื่ อนี้ มาจากคําว่า “นคร + ราช + สีมา” หมายถึง นครที่ เป็ นชายขอบ ของราชอาณาจักร (สยาม) แต่ปากชาวบ้าน เรียกสั้ น ๆ ว่า ครราช (อ่านว่า คอน - ราด) แล้วเพี้ ยนเป็ น โคราช ที่ มาของชื่ อ เมืองนครราชสีมาจึงไม่เกี่ ยวกับตํานาน เมืองเสมากับเมืองโฆราคปุระที่ ผูกนิทาน ขึ้ นมาภายหลัง (สุจิตต์ วงษ์เทศ, 2565) อย่างไรก็ตาม ประเด็นชื่ อ “นครราชสีมา” และ “โคราช” ยังมีข้อมูล และข้อเท็จจริง ให้ พิจารณาอีกเป็ นจำ นวนมาก
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 15 เมืองนครราชสีมา ได้ถูกสถาปนา ขึนให้มีฐานะเป็ นเมืองชั ้นโท ซึ้ งเป็ นเมืองที ่มี่ ความสำ คัญรองลงมาจากราชธานี และ หัวเมืองชันเอก (เมืองที้พื่นที้ติดกับราชธานี) ่ อย่างไรก็ตาม เมืองนครราชสีมายังคง เป็ นหัวเมืองที่ มีความสำ คัญทางการทหาร และความมั่ นคง โดยผู้จะมารั้ งตำ แหน่ง เป็ นเจ้าเมืองได้จะต้องดำ รงตำ แหน่งเป็ น ระดับเจ้าพระยา (บุญยเกียรติ การะเวกพันธุ์ และคณะ, ม.ป.ป.) และเมืองนครราชสีมามี สถานะเป็ น 1 ใน 6 เมืองที่ มีสถานะเป็ นเมือง ชั้ นโท ซึ่ งมีบทบาทสำ คัญในการเป็ น เมืองหน้าด่านสำ หรับป้ องกันการรุกราน ของขแมร์ (เขมร) ลาว ญวน และเป็ น หัวเมืองใหญ่ควบคุมเขมรป่ าดงที่ ขึ้ นต่อ อาณาจักรอยุธยา ในพ.ศ. 2205 รัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ สร้างเมืองสำคัญทีอยู่บริเวณ่ ชายแดนให้มีป้ อมปราการ เพื่ อป้ องกัน ราชอาณาจักรทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และให้ย้ายเมืองโคราชเดิมที่ อำ เภอสูงเนิน มาสร้างใหม่ สร้างเมืองใหม่ห่างจากเมือง โคราชเดิม 800 เส้น หรือประมาณ 32 กิโลเมตร ซึ่ งระยะทาง 1 เส้นไทย เท่ากับ 40 เมตร (สำ นักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา, มปป.) และมีบันทึกในจดหมายเหตุ ลาลูแบร์ ได้กล่าวถึงเมืองนครราชสีมา เรียกว่า เมือง โคราชสีมา (Corazema) เป็ นหัวเมืองใหญ่ 1 ใน 7 มณฑล ตั้ งอยู่ติดชายแดน ของราชอาณาจักรสยามกับเมืองลาว มีเมืองบริวาร 5 เมืองได้แก่ เมืองนครจันทึก (อำ เภอสี คิ้ ว) เมืองชัยภูมิ เมืองพิ มาย เมืองบุรีรัมย์ และเมืองนางรอง ภาพประกอบ 5 : แผนที่ “ราชอาณาจักรสยาม” โดย เมอซิเออร์ เดอ ลามาร์ และ ซิมง เดอ ลาลูแบร์ ที่ มา : พิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา. ห้องสมัยอยุธยา. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จากhttp://www.koratmuseum.com/images-room/ayutthaya/map_lalubare.jpg
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 16 แม้ว่าการปกครองนครราชสีมา ในช่วงอาณาจักรอยุธยา ยังเป็ นลักษณะ หัวเมืองภายใต้การบังคับบัญชาทีรวมศูนย์่ อำ นาจการปกครองอยู่กับอยุธยา หากแต่ ยังเกิดเหตุกระด้างกระเดื่ องกับอยุธยา ในฐานะเจ้าราชธานีอยู่ในหลายเหตุการณ์ ดังเช่นปรากฏในช่วงสมเด็จพระเพทราชา ขึ้ นครองราชย์ ยังมีเหตุแข็งเมืองของ เจ้าเมืองนครราชสีมา คือ เจ้าพระยายมราช (สังข์) ที่ มิยอมเดินทางไปถือน้ำ พิพัฒน์ สัตยาเมื่ อผลัดแผ่นดิน ใน พ.ศ. 2232 หรือ กรณีกบฏบุญกว้างใน พ.ศ. 2241 ซึ่ งเป็ น ชาวบ้านในเมืองนครราชสีมาชือ “บุญกว้าง” ่ พร้อมพรรคพวกอีก 28 คน สามารถ ยึดอำ นาจในเมืองนครราชสีมา จากเจ้า เมืองคนใหม่ได้ (จิตรสิงห์ ปิ ยะชาติ, 2551) และภายหลังจากนัน สมเด็จพระเพทราชา ้ ได้ยกกองทัพล้อมเมืองเข้าตียึดเมือง นครราชสีมากลับคืนมาได้ดังเดิม เ มื่ อ ผ ลั ด แ ผ่ น ดิ น ม า ถึ ง ช่ ว ง อาณาจักรธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงมีพระราชดำ ริตังเจ้าเมืองจากบุคคล้ ในท้องถิ่ นสืบทอดอำ นาจปกครอง เมือง นครราชสีมา เปลี่ ยนแปลงจากเดิมที่ ส่ง ขุนนางผู้ใหญ่ในราชธานีระดับเจ้าพระยา มาเป็ นผู้ปกครอง ดังปรากฏว่า ได้ทรง แต่งตัง นายด่านจอหอ มีนามว่า “ขุนชนะ” ้ ผู้นำ ในท้องถิ่ นของเมืองนครราชสีมา ขึ้ นเป็ นเจ้าเมืองรั้ งตำ แหน่งเจ้าพระยา นครราชสีมา รูปแบบการปกครองและ ส ถ า น ะ ค ว า ม เ ป็ น หั ว เ มื อ ง ข อ ง เ มื อ ง นครราชสีมา ดำ รงสถานะ และรูปแบบ เฉก เช่นเดียวกันเรือยมาตลอดรัชกาล (รังสิมา ่ กุลพัฒน์ และคณะ, 2562) ขณะเดียวกัน สถานะของความไม่เป็ นเอกภาพของเมือง นครราชสีมากับราชธานี ตั้ งแต่อยุธยา ธนบุรี หรือรัตนโกสินทร์ในช่วงต้น มีความ คล้ายคลึงกัน กล่าวคือ ยังคงมีเจ้าเมืองผู้ ปกครองที่ คิดแข็งเมืองต่อราชธานี อยู่เป็นระยะ เฉกเช่นเมืองนครราชสีมา ในช่วง ของการเปลี่ ยนผลัดแผ่นดินแต่ละ ช่วง รัชสมัยของพระมหากษัตริย์ ทังจากอยุธยา้ มาถึงธนบุรี และธนบุรีมาถึงรัตนโกสินทร์ ย่อมจำ เป็ นต้องเปลี่ ยนแปลงเจ้าเมือง ผู้ปกครองเช่นกัน เนืองจากเจ้าเมืองซึ่งได้่ รับแต่งตังจากพระมหากษัตริย์พระองค์ใด ้ ย่อมมีความจงรักภักดีต่อพระองค์นัน ้ เป็ น อย่างยิ่ ง หากมีการผลัดแผ่นดิน โดยเฉพาะ การผลัดแผ่นดินจากการปราบดาภิเษก ย่อมจะต้องเปลี่ ยนแปลงเจ้าผู้ปกครอง เมืองให้เป็ นบุคคลที่ พระมหากษั ตริย์ พระองค์ใหม่ไว้วางพระราชหฤทัยได้ อันส่งผลต่อความมันคงในอำ่นาจทางการ ปกครองนันเอง่ เมือครั่งสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ้ เมืองนครราชสี มาได้รับการยกฐานะ เป็ นเมืองชันเอก เนื้ ่ องจากสยามมีอำ นาจ เหนือหัวเมืองประเทศราชลาวล้านช้าง ทำ ให้เมืองนครราชสี มามีความสำ คัญ ในฐานะเป็ นช่องทาง และสื่ อกลางระหว่าง ส่วนกลางทีกรุงเทพฯ และประเทศราชลาว่ เ จ ้ า เ ม ื อ ง น ค ร ร า ช สี ม า ม ี อ ำ นาจ ในการสอดส่องดูแลประเทศราช 3 เมือง คือ เวียงจันทน์ นครพนม จำ ปาศั กดิ์ และหัวเมืองเขมรป่ าดง ขณะเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลก ทรงลดทอนอำ นาจ และอิทธิพลในช่วง ผลัดแผ่นดินจากสมเด็จพระเจ้าตากสิน ในพื้ นที่ เมืองนครราชสีมา จึงทรงโยก ย้ายขุนชนะผู้เป็ นเจ้าพระยานครราชสีมา ปกครองเมืองนครราชสีมาในยุคสมเด็จ พระเจ้าตากสิ นออกจากตำ แหน่ง และ ต ั้ งข ุนนางสายตระก ูล ณ ราชสี มา ขึ้ นเป็ นเจ้าเมืองนครราชสีมา ในตำ แหน่ง เจ้าพระยานครราชสีมา สืบต่อแทน ตังแต่ ้ พ.ศ. 2325 – 2388 เริ่ มจาก เจ้าพระยา นครราชสี มา (ปิ่ น ณ ราชสี มา) ผู้เป็ น ต้นตระกูล ณ ราชสีมา
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 17 ตามด้วยเที่ ยง และทองอินท์ ต่อมาภายหลังที่ ทองอินท์ถึงแก่ อสัญกรรม ราชสำ นักกรุงเทพฯ ได้เข้าควบคุมอำ นาจทางการเมือง โดยการ แต่งตั้ งสายตระกูล สิงหเสนี เข้ามาดำ รง ตำ แหน่งเจ้าเมืองนครราชสี มาแทน เหตุทีตระกูล ณ ราชสีมามีบทบาทปกครอง่ เมืองนครราชสีมาในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ เพราะบทบาทของเจ้าเมืองนครราชสีมาเป็นผู้ ทีมีความสามารถทางด้านการทหาร มีความ่ สำ คัญในฐานะเป็ นฐานกำ ลังสำ คัญ ของราชสำนักกรุงเทพฯ ทังในการควบคุมดูแล้ ผลประโยชน์ทางการเมือง และเศรษฐกิจ ภายในภูมิภาคอีสาน-ลาว นอกจากนั้ น ยังเป็ นฐานกาลังในการเป็ นหน้าด่านป้ องกัน ํ เขมร เจ้าเมืองนครราชสี มามีสภาวะ เป็ นผู้ดูแลหัวเมืองอีสาน และประเทศราช เวียงจันทน ์ และจำ ปาสัก ทำ ให้ตกอยู่ในภาวะ ที่ ต้องประคองตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่ อใดที่ หัวเมืองและประเทศราชเกิดรวมตัวกัน ต่อต้านราชสำนักสยาม เจ้าเมืองนครราชสีมา จะต้องทำ หน้าทีป้ องกันภัยให้กับราชสำ่นัก แต่เมื่ อใดก็ตามที่ เจ้าเมืองนครราชสีมา ความมีสัมพันธ์อันดีกับหัวเมือง และเมือง ประเทศราช ฝ่ ายราชสำ นักย่อมแสดง ปฏิกิริยาโต้ตอบต่อเมืองนครราชสี มา ดังปรากฏว่าเมือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ่ ส่วนใหญ่อยู่ในอำ นาจของขุนนางตระกูล ณ ราชสีมา ฝ่ ายราชสำ นักจึงเข้ามาควบคุม อำ นาจปกครอง และเปลียนแปลงเจ้าเมือง่ โดยการแต่งตั้ งขุนนางจากเมืองหลวง มาเป็ นเจ้าเมืองนครราชสีมาในลำ ดับต่อมา (รังสิมา กุลพัฒน์ และคณะ, 2562) ทังนี้ ้ เพื่ อรวมศูนย์อำ นาจการปกครองสู่ราชธานี ดังเดิม
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 18 ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2369 ป ร า ก ฏ วี ร ก ร ร ม ข อ ง ท่ า น ผู้ ห ญิ ง โ ม ซึ่ งมีบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดาร รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 ท่านผู้หญิงโม ในฐานะผู้นำ เหล่าหญิงกล้าเป็ นกองทัพ หนุนเข้าต่อสู้ กองทัพลาว ครั้ งนั้ น พวกหัวเมืองนครราชสีมาฆ่าฟั นพวกลาว ตายประมาณ 2,000 คน (เจ้าพระยา ทิพากรวงศ์ , 2504) เป็ นที่ กล่าวขวัญ ของชาวโคราช หรือชาวเมืองนครราชสีมา และเชิดชูมาถึงปั จจุบัน เหตุการณ์ในขณะนัน้ เมื่ อความทราบไปถึง พระบาทสมเด็จ พระ นังเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรด่ เกล้าฯ สถาปนาท่านผู้หญิงโม ขึ้ นเป็ น “ท้าวสุรนารี” เมื่ อ วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 (สำ นักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา, มปป) โดยประการนี้ สะท้อนให้เห็นถึง การเชิดชูสตรีที่ เกิดขึนในยุคของการปกครอง้ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ และสะท้อนถึง บทบาทสตรีที่ สามารถสนับสนุนกิจการ บ้านเมืองหรือภารกิจของประเทศได้อีกด้วย ต่อมาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 เมืองนครราชสีมาได้มีโอกาสรับการ พิจารณาเป็ นราชธานีสำ รอง ด้วยเป็ น ช่วง เวลาทีมีการติดต่อกับชาติตะวันตก บรรดา่ กงสุลต่างชาติที่ เข้ามาตังอยู่ในกรุงเทพฯ ้ ถ้าเกิดเรืองโต้เถียงกันขึ่ น ก็มักขู่ว่าจะเรียก ้ เรือรบเข้ามากรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำ ริ ว่า ราชธานีอยู่ที่ กรุงเทพฯ ใกล้ทะเลนัก ถ้าหากเกิดสงครามกับต่างประเทศ ข้าศึก อาจจะเอาเรือกําปั่ นรบขึ้ นมาถึงราชธานี ได้ ซึ่ งได้มีข้อเสนอพิ จารณาระหว่าง เมืองลพบุรีกับเมืองนครรราชสีมา จากนัน้ จึงโปรดให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า เจ้าอยู่หัว พระอนุชาธิราช เสด็จขึนไปตรวจ้ สถานที่ ครันไปตรวจสอบแล้วพบว่า เมือง้ นครราชสีมาในขณะนันกันดารน้ ้ำ ไม่เหมาะ ที่ จะสร้างเมืองใหญ่ ในที่ สุดเมื่ อเสด็จกลับ มาทูลรายละเอียด จึงทรงเลือกเมืองลพบุรี เป็ นราชธานีสำ รอง หรือเมืองหลวงแห่งที่ 2 และเมืองลพบุรี เป็ นเมืองทีพระบาทสมเด็จ ่ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัย ตั้ งแต่ขึ้ นครองราชย์อยู่เดิมแล้วด้วย (ศิลปวัฒนธรรม, 2565) กรุงรัตนโกสินทร์ ตั้ งแต่ช่วงการปฏิรูประบบ ราชการในสมัยรัชกาลที่ 5 ถึง ปั จจุบัน การเปลี่ ยนแปลงครั้ งสำ คัญของ เมือง นครราชสีมา เกิดขึ้ นอีกครั้ งในสมัยรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทีทรงปฏิรูประบบการเมืองการปกครองครั่งใหญ่้ ของสยามประเทศ
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 19 หนึ่ งในนั้ นคือ การตั้ งมณฑลเทศาภิบาล โดยที่ เมืองนครราชสี มาได้เปลี่ ยน สถานะจากหัวเมืองชั้ นเอกในช่วงต้น กรุงรัตนโกสินทร์ เป็ นมณฑลนครราชสีมา หรือมณฑลลาวกลาง ก่อตั้ งขึ้ นเมื่ อปี พ.ศ. 2436 เป็ นมณฑลแรกของประเทศสยาม มีพื้นที่ ครอบคลุมเมืองนครราชสี มา เมืองชัยภูมิ เมืองบุรีรัมย ์และบริเวณตอนใต้ ของจังหวัดขอนแก่น คือ เมืองชลบถวิบูลย์ ในช่วงแรกมีเมืองเพชรบูรณ์ และ เมืองหล่มสักรวมอยู่ด้วย แต่ได้แยกออกไปเป็น มณฑลเพชรบูรณ์ในปี พ.ศ. 2442 (บัณฑิต จุลาสั ย และรัชดา โชติพานิช, 2564) โดยผลจากการปฏิรูประบบราชการดังกล่าว ก่อให้เกิดการรวมศูนย์อำ นาจรัฐกลับสู่ ส่วนกลางคือ กรุงเทพฯ ในฐานะเป็ นราชธานี เพราะนอกจากจะปรับปรุงโครงสร้าง องค์กรรัฐแล้ว ยังปรับระบบราชการ และระบบงบประมาณที่ พั ฒนาสู่ระบบ ราชการในปั จจุบันอีกด้วย กระทั่ งภายหลังการอภิวัฒน์ สยาม พ.ศ. 2475 เปลียนการปกครอง จาก่ ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่ระบอบ ประชาธิปไตย ได้ยุบเลิกมณฑลต่าง ๆ ทั่ วราชอาณาจักร เริ่ มต้นจาก พ.ศ. 2475 โดยในเบืองแรกได้เริ้มยุบเลิกมณฑลจันทบุรี ่ มณฑลนครชัยศรี มณฑลนครสวรรค์ และ มณฑลปั ตตานี (โดม ไกรปกรณ์, ม.ป.ป.) ให้มีฐานะเป็ นจังหวัดเท่าเทียมกัน ขึนตรงต่อ้ กระทรวงมหาดไทย และต่อมาได้ตรา พระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบราชการบริหาร แห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 เป็ นผลให้ยกเลิกมณฑลเทศาภิบาลที่ เหลือ อีก 9 แห่ง คือ มณฑลนครราชสีมา มณฑล นครศรีธรรมราช มณฑลปราจีน มณฑล พายัพ มณฑลพิษณุโลก มณฑลภูเก็ต มณฑลราชบุรี มณฑลกรุงเก่า (อยุธยา) มณฑลอุดร ในทีสุด (พนารัตน์ มาศฉมาดล, ่ มปป.) จากนัน จังหวัดนครราชสีมา้ จึงมีฐานะเป็นส่วนราชการหนึงในระบบราชการ่ ของรัฐไทย มีฐานะเป็ นนิติบุคคลมหาชน ในราชการส่วนภูมิภาค สังกัดกระทรวง มหาดไทย โดยปั จจุบันมีอำ เภอภายใต้ การปกครองจำ นวน 32 อำ เภอ
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 20 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจังหวัด นครราชสีมาจะเป็ นนิติบุคคลในสังกัด กระทรวงมหาดไทย แต่ในการบริหาร ราชการจังหวัดนครราชสีมามีอำ นาจ ครอบคลุมตลอดทั้ งจังหวัด บรรดา ส่วนราชการอืนที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งได้รับหน้าที่ ่ มาปฏิบัติราชการในส่ วนภูมิภาค เช่น สำ นักงานพัฒนาสังคมและความมันคงของ่ มนุษย์จังหวัด สาธารณสุขจังหวัด เป็ นต้น ในการใช้อำ นาจเพื่ อมีคำ สั่ ง ประกาศใด ยังต้องอิงอาศัยอำนาจของจังหวัดเป็ นผู้ออก คำ สั่ งด้วยเช่นกัน ทั้ งนี้ ภายใต้กฎหมาย ที่ บัญญัติให้อำ นาจไว้นันเอง่ ภาพประกอบที่ 6 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 21 ภาพประกอบที่ 7 เทศบาลนครนครราชสีมา อนึ่ ง เมื่ อพิ จารณาในด้านของ การปกครองท้องถิน เมืองนครราชสีมา เมื่ อได่้ ถูกจัดตั้ งเป็ นจังหวัดในปี พ.ศ. 2476 แล้วต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกา จัดตังเทศบาล้ เมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พุทธศักราช 2478 เป็ นองค์กรในราชการ ส่วนท้องถิ่ นมีหน้าที่ บริหารจัดการในเขต ปกครองตามพระราชกฤษฎีกานั้ น และ ในปี พ.ศ. 2538 ได้ยกฐานะเทศบาล เมืองนครราชสี มาขึ้ นเป็ นเทศบาล นครนครราชสีมา
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 22 ภาพประกอบที่ 8 : องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ขณะทีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น่ ประเภทอื่ นได้ถูกจัดตั้ งขึ้ นตามกฎหมาย ด้วยเช่นกัน ซึ่ งจังหวัดนครราชสี มา มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่ นในเขตพื้ นที่ ของจังหวัด (ข้อมูลในปี พ.ศ. 2565) ดังต่อไปนี ้ องค์การบริหารส่วนจังหวัด นครราชสีมา เกิดขึ้ นตามพระราชบัญญัติ องค์การบริหารส่วนจังหวัด จำ นวน 1 องค์การ องค์การบริหารส่วนตำ บล ตามพระราช บัญญัติองค์การบริหารส่วนตำ บล จำ นวน 243 แห่ง เทศบาลทัง 3 ระดับ คือ เทศบาล้ ตำ บล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร ตามพระราชบัญญัติเทศบาล แบ่งเป็ น เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 4 แห่ง และเทศบาลตำ บล 85 แห่ง บทสรุป จากพลวัตทางการเมือง การปกครองของโคราช ที่ เริ่ มจาก ยุคอาณาจักรศรีจนาศะ หรือจนาศะปุระ ส่ งต่อมายัง อาณาจักรอยุธยา ถึง กรุงรัตนโกสินทร์ ก่อนปฏิรูประบบราชการ ในสมัยรัชกาลที่ 5 และดำ รงอยู่ถึงช่วง กรุงรัตนโกสินทร์ ตังแต่ช่วงการปฏิรูประบบ้ ราชการในสมัยรัชกาลที่ 5 จวบจนปั จจุบัน โดยอาศัยพื้ นทีทางภูมิศาสตร์เป็ นฐาน เพื ่ ่ อ พิจารณาว่า การเมืองปกครองที่ เกิดขึ้ น ในเขตพื้ นที่ โคราช มีรูปแบบวิวัฒนาการ และการเปลี่ ยนผ่านมายังปั จจุบันอย่างไร บ้าง จะพบบทสะท้อนทางการเมือง การปกครองที่ ส่งอิทธิพลต่อ ความคิด ความเชือ คติชนวิทยา สังคมวิทยา มานุษยวิทยา่ หรือสหวิทยาการอื่ น ๆ อย่างมาก โดยการเรียบเรียงข้อมูลข้างต้น สามารถ นำ ไปสู่ การพั ฒนาทั้ งเชิงวิชาการ และ โดยเฉพาะองค์ความรู้ทางโคราช คดีศึกษา ประวัติศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ต่อไป
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 23 รายการอ้างอิง จิตรสิงห์ ปิ ยะชาติ. (2551). กบฏกรุงศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ: ยิปซีสำ นักพิมพ์. เจ้าพระยาทิพากรวงศ์. (2504). พระราชพงศาวดารรัตน-โกสิ นทร์ รัชกาลที่ 3. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา. เซเดส์ ยอร์ช (Coedes George) (2510). ศิลาจารึกบ่ออีกา. (หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล, ผู้แปล). โบราณคดี, 1(2) 2, 55-58. โดม ไกรปกรณ์. (มปป.). มณฑลเทศาภิบาล. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=มณฑลเทศภิบาล ธิดา สาระยา. (2535). เมืองพิมาย. (พิมพ์ครังที้ ่ 2) กรุงเทพฯ: เมืองโบราณ. บัณฑิต จุลาสัย และรัชดา โชติพานิช. (2564). มณฑลแห่งสยามประเทศ. ศรีปทุม ปริทัศน์ ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 21 (2), 179 – 192. บุญยเกียรติ การะเวกพันธุ์ และคณะ. (มปป). หัวเมืองชั้ นโท. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=หัวเมืองชันโท้ ปูรณา. (2516). นำ ชมเมืองพิมาย. กรุงเทพฯ: กรุงสยามการพิมพ์. พนารัตน์ มาศฉมาดล, (มปป.) พระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบราชการบริหารแห่ง ราชอาณาจักรสยาม พุ ทธศั กราช 2476. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จากhttp://wiki.kpi.ac.th/index.php?ttle=พระราชบัญญัติว่าด้วยระเบียบ ราชการบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม_พุทธศักราช_2476 พระมหากวีศักดิ์ วาปี กุลเศรษฐ์. (2565). “มุนิเวทาทฺริศาเกนฺเทฺร” และ “ศศิโกศาทฺริศา เกนฺเทฺร”: ข้อคิดเห็นเกี่ ยวกับคำ ศัพท์บอกศักราชในจารึกเมืองเสมา ด้านที่ 2. วรรณนิทัศน์, 22(1), 29 – 53. พิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา. (มปป.). ห้องสมัยอยุธยา. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จากhttp://www.koratmuseum.com/5_ayuthaya.html พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย. (2564). เอกสารประกอบการการบรรยาย โครงการ เครือข่ายพิทักษ์วัตถุทางวัฒนธรรม ประจำ ปี 2564 วัดธรรมจักรเสมาราม. นครราชสีมา: สำ นักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา. มยุรี วีระประเสริฐ และสฤษดิ์ พงศ์ ขนทรง. (มปป). ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี อารยธรรมขอมในประเทศไทย สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก http:// www.koratmuseum.com/download/kmer-in-thailand.PDF รังสิมา กุลพั ฒน์ และคณะ. (2562). เมืองนครราชสีมา: การศึกษาเมืองเก่าผ่าน ประวัติศาสตร์การตั้ งถิ่ นฐานและมรดกทางสถาปั ตยกรรม,หน้าจั่ วว่าด้วย ประวัติศาสตร์สถาปั ตยกรรมและสถาปั ตยกรรมไทย คณะ สถาปั ตยกรรม ศาสตรมหาวิทยาลัยศิลปากร, 16(2), 62 - 101 ศานติ ภักดีคำ . (2554) เขมรรบไทย. กรุงเทพฯ: มติชน. ศิลปวัฒนธรรม. (2565) ทำไม “โคราช” ตกรอบ ไม่ได้เป็ น “ราชธานีสำรอง” สมัยรัชกาลที่ 4. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565. จาก https://www.silpa-mag.com/history/ article_52528 ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2550). จารึกเมืองเสมา. สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/353
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 24 สำ นักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา.(มปป). 195ปี เหตุการณ์พระบาทสมเด็จพระนั่ ง เกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา คุณหญิงโม เป็ นท้าวสุรนารี สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก https:// www.finearts.go.th/fad10/view/36955-195-195-ปี -เหตุการณ์พระบาท สมเด็จพระนั่ งเกล้าเจ้าอยู่หัว-แห่งกรุงรัตนโกสินทร์-ทรงพระกรุณาโปรด เกล้าฯ-สถาปนา-คุณหญิงโม-เป็ นท้าวสุรนารี สุจิตต์ วงษ์เทศ, (2565) คนโคราชไม่ใช่ “ลาว” แล้วคนโคราชเป็ นใคร? มาจากไหน? สืบค้นวันที่ 15 ธันวาคม 2565 จาก https://www.silpa-mag.com/history/ article_34499
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 25
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 26 กาลครั้ งหนึ่ งในโคราชกับแสงอัสดงของโรงหนังเก่า อาจารย์ วีระยุทธ ทรัพย์ประเสริฐ E-mail : [email protected]
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 27 กาลครั้ งหนึ่ งในโคราชกับแสงอัสดงของโรงหนังเก่า อาจารย์ วีระยุทธ ทรัพย์ประเสริฐ E-mail : [email protected] บทนำ โหมโรง นับจากอดีตมาจนถึงปั จจุบัน สถานที่ ฉายภาพยนตร์ได้เปลี่ ยนโฉมหน้าไปตาม กาลเวลา จากที่ ฉายกลางแปลงตามพื้ นที่ ว่างข้างวัดมาสู่โรงภาพยนตร์มัลติเพล็กซ์ ทีมีระบบภาพและเสียงทันสมัยเสมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่ว่ารูปโฉมของโรงภาพยนตร์่ จะเปลี่ ยนแปลงไปเท่าใดแต่สิ่ งหนึ่ งที่ ไม่เคยเปลี่ ยนคือ ศิลปะของภาพเคลื่ อนไหว ศิลปะ ของการเล่าเรื่ องที่ อยู่บนจอ เมื่ อใดก็ตามที่ ไฟดับลงผู้ชมทั้ งหมดก็จะฝั นไปพร้อมกัน (Dream Factory) คำ ว่า “ภาพยนตร์” ถือกำ เนิดขึ้ นอย่างเป็ นทางการในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2438 เมื่ อออกุสและหลุยส์ พี่ น้องตระกูลลูมิแอร์ชาวฝรังเศส (Auguste ่ Lumiere-Louis Lumiere) ได้ประดิษฐกรรมใหม่ที่ มีชื่ อว่า “ซิเนมาโตกราฟ”(Cinematographe) ที่ เป็ นทังกล้องถ่ายและเครื้ ่ องฉายภาพยนตร์ โดยได้ออกฉายแก่สาธารณะ และเก็บค่าเข้าชมเป็ นครังแรก ณ ใต้ถุนของร้าน Grand Cafe ในกรุงปารีส้
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 28 ภาพที่ 1 ออกุสและหลุยส์ พี่ น้องตระกูลลูมิแอร์ชาวฝรังเศส่ ที่ คิดค้นกล้องถ่ายและฉายภาพยนตร์ในตัวเดียวกันได้สำ เร็จ ที่ มา : https://en.wikipedia.org/wiki/File:Fratelli_Lumiere.jpg ภาพที่ 2 กล้องซิเนมาโตกราฟ (Cinematographe) ของพี่ น้องลูมิแอร์ ที่ มา : https://en.wikipedia.org/wiki/File:Institut_Lumière_ CINEMATOGRAPHE_Camera.jpg ภาพที่ 3 ภาพยนตร์เรื่ อง La sortie de l’usine Lumière à Lyon (1895) : คนงานออกจากโรงงานลูมิแอร์ เป็ นภาพยนตร์เรื่ องแรกของพี่ น้องลูมิแอร์ และกลายเป็ นภาพยนตร์เรื่ องแรกที่ ได้รับการฉายขึ้ นจอ เก็บค่าเข้าชมจากสาธารณชนอย่างเป็ นทางการ ที่ มา : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Sortieusinelumiere.jpg
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 29 ต่อมาเอส.จี.มาคอฟสกี (S.G. Marchovsky) พร้อมคณะนำ ภาพยนตร์เร่ เข้ามาฉายครั้ งแรกในสยาม เมื่ อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2440 ณ โรงละครของ หม่อมเจ้าอลังการ การฉายภาพยนตร์เร่ ได้รับความนิยมจนมาถึงปี พ.ศ.2448 นักฉายหนังเร่ชาวญีปุ่น โทโมโยริ วาตานาเบะ ่ ได้จัดตังโรงภาพยนตร์ถาวรแห่งแรกขึ้ ้ น ณ เวิ้ งวัดตึก ถนนเจริญกรุง แต่ก่อนที่ ภาพยนตร์จะเดินทางมาถึงประเทศไทย คนไทยมีมหรสพท้องถิ่ นเดิมชนิดหนึ่ ง ที่ มีลักษณะเป็ นการแสดงแบบฉายแสง ขึ้ นจอเช่นกันและเล่าเรื่ องได้เหมือนกัน ซึ่ งรู้จักกันเป็ นอย่างดีนั่ นคือ หนังตะลุง ด้วยเหตุนีจึงได้ใช้คำ้ว่า “หนัง” มาเรียกลักษณะ การแสดงแบบฉายด้วยแสงขึนจอ และ เมื้ อ ่ ภาพยนตร์เข้ามาฉายครังแรกจึงเรียกว่า ้ “หนัง” จากนั้ นก็นำ ไปผูกกับสถานที่ ฉาย อันใหญ่โตแบบโรงละครจึงถูกเรียกสั้ น ๆ ว่า “โรงหนัง” ในเวลาต่อมา และนับจากนั น ้ ธุรกิจโรงภาพยนตร์ในฐานะช่องทาง การชมภาพยนตร์ได้เกิดควบคู่ไปกับการฉายหนัง กลางแปลง จนภายหลังเปลี่ ยนแปลง การปกครองในปี พ.ศ.2475 ได้ปี กว่า การพัฒนาเรืองฉายภาพยนตร์ครั่งสำ้คัญ ได้เกิดขึนเมื้อ “ศาลาเฉลิมกรุง” เปิ ดให้บริการ ่ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2476 โรงภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมกรุง เรียกได้ว่าเป็ น Movie Palace หรือโรงภาพยนตร์ราชวังแห่งแรก ของประเทศไทย เพราะสร้างอย่างใหญ่โต สะดวกสบาย ประดับประดาตกแต่ง อย่างหรูหรา มีระบบเครืองฉายทันสมัย และเป็น ่ โรงภาพยนตร์ที่ ติดตังเครื้ ่ องปรับอากาศ แห่งแรกของไทยอีกด้วย โรงภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมกรุงเกิดจากพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้สร้างถาวรวัตถุขนาดใหญ่ ไว้เป็ นที่ ระลึกในวาระโอกาสฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ และราชวงศ์ จักรี อีกอย่างหนึ่ งคือ โรงภาพยนตร์
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 30 ซึ ่ งในช่วงเวลานั้ นภาพยนตร์คือ มหรสพบันเทิงที่ เฟื่องฟู ที่ สุ ด อยู่ทัวทั่ งโลก สยามก็มีโรงภาพยนตร์ ้ อยู่ทั่ วประเทศ ชาวสยามก็ได้ชื่ อว่านิยม ดูภาพยนตร์ แต่ไม่มีโรงภาพยนตร์ ที่ ใหญ่โตงดงาม โรงภาพยนตร์ที่ มีอยู่ ในประเทศไทยเวลานัน ล้วนมีสภาพไม่ต่าง้ จากโกดังเก็บของ เป็ นโรงไม้หลังคาและ ผนังสังกะสี จึงมีพระราชประสงค์ให้สร้าง โรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่เพื่ อเป็ นศรีสง่า แก่พระนคร และโปรดให้จัดตั้ ง “บริษัท สหศีนิมา จำ กัด” เป็ นบริษัทดำ เนินกิจการ ค้าภาพยนตร์เพื่ อจัดจำ หน่าย ต่อมาในปี พ.ศ.2488 สงครามมหาเอเชียบูรพา ที่ เป็ น ส่วนหนึ่ งของสงครามโลกครังที้ ่ 2 ได้สิ้ น สุดลง ระยะเวลาในช่วงนั้ นคือ เวลาแห่ง การฟื้นฟู ความเสี ยหายหลังสงคราม การฟื้ นตัวของกิจการภาพยนตร์หลังสงคราม ตลอดจนในช่วงทศวรรษ 2490 ถือเป็ น จุดเปลียนสำ่คัญครังหนึ้งในประวัติศาสตร์่ ภาพยนตร์ไทย เกิดความนิยมลงทุน ก่อสร้างโรงภาพยนตร์จนนำ ไปสู่ การขยายตัวของกิจการฉายภาพยนตร์ ในช่วงเวลานันมีการก่อสร้างโรงภาพยนตร์้ แห่งใหม่ขึ้ นเป็ นจำ นานมากรวมไปถึง การปรับปรุงโรงภาพยนตร์เก่าที่ มีก่อน สงครามโลกครั้ งที่ 2 ให้สวยงามขึ้ นและ ออกแบบให้มีพื้ นที่ รองรับผู้ชมที่ เพิ่ มขึ้ น ในยุคนันด้วย วัฒนธรรมการชมภาพยนตร์้ ในต่างจังหวัดช่วงหลังสงครามโลกครังที้ ่ 2 เกิดการแพร่หลายของกิจการหนังเร่หรือ หนังกลางแปลง โดยใช้พื้ นที่ ว่างในชุมชน หรืองานวัดเป็ นสถานที่ ฉายภาพยนตร์ วั ฒ น ธ ร ร ม ค ว า ม บั น เ ทิ ง มี วิวัฒนาการที่ สัมพันธ์กับวิถีชีวิต ของ คนในสังคมมาตั้ งแต่อดีตจนถึงปั จจุบัน ซึงเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัยและแตก่ ต่างกันไปตามสถานะของคนในสังคม โดย เฉพาะระหว่างรัฐกับราษฎรและ การเข้ามาของต่างชาติ ต่างก็ส่งอิทธิพล ต่อกันทำ ให้วัฒนธรรมความบันเทิงมี การถ่ายทอดและสร้างสรรค์ในรูปแบบ ใหม่ ๆ มาจนถึงปั จจุบัน ซึ่ งหนึ่ งใน การส่งต่อวัฒนธรรมความบันเทิงทีมีผลต่อ่ วิธีคิดและจินตนาการของคนในชาติก็คือ “ภาพยนตร์” ภาพยนตร์ที่ ถูกบรรจุในคำ จำ กัดความว่าเป็ นความบันเทิง จนมาถึง ปั จจุบันที่ ภาพยนตร์ สามารถส่องจิตให้ เรามองเห็นมิติรอบตัวได้เป็ นรูปร่าง เพราะ ภาพยนตร์คือศิลปะ และ “โรงภาพยนตร์” คือสถานทีสำ่คัญในฐานะวิหารทางปั ญญา เป็ นสุนทรียศาสตร์เชิงสัมพันธ์ เป็ นความ สัมพันธ์ระหว่างปั จจัยต่าง ๆ ที่ อยู่รอบ ๆ โรงภาพยนตร์ ได้แก่ มิติของเวลา บริบท ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของทีตั่ง ้ กล่าวคือ โรงภาพยนตร์เป็ นสถานทีสำ่หรับ การฉายและชมภาพยนตร์ การฉายและชม ภาพยนตร์นันมิได้เป็ นปฏิสัมพันธ์เพียงแค่ ้ ผู้ชมกับโรงภาพยนตร์หรือเจ้าของกิจการ โรงภาพยนตร์เท่านัน การดำ้เนินงานของ โรงภาพยนตร์ยังให้เห็นถึงความเชื่ อมโยง ระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ที่ เกี่ ยวข้องกับ ตัวภาพยนตร์ทั้ งระบบ ไม่ว่าจะเป็ นธุรกิจ การจัดจำ หน่ายและงานสร้างภาพยนตร์ ทำ ให้โรงภาพยนตร์จึงเป็ นทังพื้ ้ นทีสำ่หรับ ชมภาพยนตร์และพื้ นที่ แลกเปลี่ ยนทาง วัฒนธรรมภาพยนตร์อีกด้วย
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 31 1. โรงหนังเฉลิมวัฒนา ตั้ งอยู่บริเวณ อนุสาวรีย์ท้าวสุ รนารี (ย่าโม) ตำ บล ในเมือง อำ เภอเมืองนครราชสีมา เจ้าของ โรงภาพยนตร์เฉลิมวัฒนาคือ นายเนย วรรณงาม ตกทอดมาสู่นางปราณีต ชาญศิลป์ มีโรงหนังในเครือเฉลิมวัฒนาทัวภาคอีสาน ่ ๑๑๖ โรง ปั จจุบันบริเวณนี้ สร้างเป็ น “เรือนโคราช - เฉลิมวัฒนา” ณ โรงภาพยนตร์ใกล้บ้านคุณ โคราชในทศวรรษ 2500 เป็ น ยุคพั ฒนาของประเทศไทย โดยมีรัฐ เข้ามามีบทบาทในการเปลียนแปลงพื่นที้ ่ ทาง กายภาพ พื้ นที่ ทางสังคม และพื้ นที่ ทาง ความคิด ในส่วนของพื้ นที่ ทางกายภาพ ที่ รัฐเปลี่ ยนสภาพแวดล้อมและภูมิทัศน์ ผ่านโครงการทางหลวงทั่ วประเทศ การศึ กษาและวางผังเมือง สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็ นตัวแทนของ “ยุคสมัยใหม่” หรือ “ยุคแห่งการพัฒนา” อีกทังการไหลผ่านของ้ วัฒนธรรมตะวันตกเริมเข้ามามีส่วนสำ ่คัญ ในด้านองค์ความรู้ ความเข้าใจโลกมากขึ้ น รวมไปถึงสื่ อบันเทิงที่ เกิดการเปลียนแปลง่ การรับรู้ต่อคนในสังคมไทยเป็ นอย่างมาก โดยมีการออกแบบโรงหนังใน รูปแบบ สถาปั ตยกรรมที่ ทันสมัยมากขึ้ นและ ยังปรับรูปแบบการบริการให้เข้ากับความ ต้องการของลูกค้าที่ เป็ นทหารอเมริกัน ที่ เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองมากขึนอีกด้วย และ้ สำ หรับ 5 โรงภาพยนตร์โคราชในอดีต ที่ โด่งดังมีโครงสร้างสถาปั ตยกรรมที่ โดดเด่น เป็ นที่ รู้จักกันดีกับประชาชนชาวโคราช ในช่วงปี 2500-2520 มีดังนี้ ภาพที่ 4 : โรงหนังเฉลิมวัฒนาโคราช เมื่ อปี พ.ศ.2508 / บริเวณสถานที่ ปั จจุบัน ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/DK4YS7 / ภาพปั จจุบัน : วีระยุทธ ทรัพย์ประเสริฐ
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 32 ภาพที่ 5 : โรงหนังลาสเวกัส / บริเวณสถานที่ ปั จจุบัน ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/eK1zzH / ภาพปั จจุบัน : วีระยุทธ ทรัพย์ประเสริฐ 2. โรงหนังลาสเวกัส ตังอยู่หัวมุมถนนราชดำ ้เนิน ตำ บลในเมือง อำ เภอเมืองนครราชสีมา เชื่ อมกับ ถนนมิตรภาพ ก่อตั้ งเมื่ อปี พ.ศ.2515 ปั จจุบัน บริเวณนี้ไม่ได้ประกอบกิจการ
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 33 ภาพที่ 6 : โรงหนังเฉลิมไทย เมื่ อปี พ.ศ.2512 / บริเวณสถานที่ ปั จจุบัน ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/WcI6eM / ภาพปั จจุบัน : วีระยุทธ ทรัพย์ประเสริฐ 3. โรงหนังเฉลิมไทย ตังอยู่ริมถนนมิตรภาพ ตรงข้าม้ โรงหนังลาสเวกัส ตำ บลในเมือง อำ เภอเมือง นครราชสีมา ปั จจุบันบริเวณนี้ สร้างเป็ น ไอทีพลาซ่า โคราช
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 34 4. โรงหนังเจริญรัตน์ ตังอยู่ปากซอยห้างคลังพลาซ่าเก่า ถนนอัษฎางค์ ตำ้บลในเมือง อำ เภอเมืองนครราชสีมา ก่อตังเมื้ ่ อปี พ.ศ.2513 ภาพที่ 7 : โรงหนังเจริญรัตน์ เมื่ อปี พ.ศ.2516 / บริเวณสถานที่ ปั จจุบัน ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/vCE5Lk / ภาพปั จจุบัน : วีระยุทธ ทรัพย์ประเสริฐ
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 35 5. โรงหนังเจ้าพระยา ตังอยู่บริเวณตรงข้าม้ วัดสะแก ถนนสุ รนารี ตำ บลในเมือง อำ เภอเมืองนครราชสีมา ปั จจุบันบริเวณ นี้ สร้างเป็ นตลาดแม่กิมเฮง ภาพที่ 8 : โรงหนังเจ้าพระยา เมื่ อปี พ.ศ.2517 / บริเวณสถานที่ ปั จจุบัน ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/69I1et / ภาพปั จจุบัน : วีระยุทธ ทรัพย์ประเสริฐ
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 36 ภาพที่ 9 : ตัวหนัง โรงหนังเฉลิมวัฒนา เมื ๋ ่ อปี พ.ศ.2518 ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/X99ew3 ภาพที่ 10 : ตัวหนัง โรงหนังลาสเวกัส เมื ๋ ่ อปี พ.ศ.2516 ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/quWHZA
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 37 ภาพที่ 11 : ตัวหนัง โรงหนังเฉลิมไทย เมื ๋ ่ อปี พ.ศ.2518 ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/ZyUiRn ภาพที่ 12 : ตัวหนัง โรงหนังเจริญรัตน์ เมื ๋ ่ อปี พ.ศ.2518 ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/doPPLb ภาพที่ 13 : ตัวหนัง โรงหนังเจ้าพระยา เมื ๋ ่ อปี พ.ศ.2518 ที่ มา : เพจโคราชในอดีต https://is.gd/vjK6WK
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 38 โรงหนังมีการเปลี่ ยนแปลง ที่ สอดคล้องกับสภาพสังคมและวิถีชีวิต ของคนไทยเสมอมา ตั้ งแต่อดีตที่ มี การรับวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามา รวมถึง เทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ล้วนมีผลทำ ให้ประเทศ ของเรามีความเจริญก้าวหน้ามากขึน ด้วย้ เทคโนโลยีที่ มีการพัฒนามานั้ น ส่งผลให้ วงการโรงหนังต่างก็ก้าวหน้าตามไปด้วย ธุรกิจทีประกอบกิจการด้านโรงหนังต่างนำ่ กลยุทธ์มากมายเข้ามาแข่งขันกัน ทังด้าน้ ราคา เทคโนโลยี หรือโปรโมชั่ นต่าง ๆ เพือให้ผู้คนหันมาสนใจในโรงหนังของตนเอง ่ สิ่ งนี้เองที่ ทำ ให้ธุรกิจด้านโรงหนังได้รับ การตอบรับเป็นอย่างดี แม้ในช่วงที่ เศรษฐกิจ ซบเซา หรือการทีมีเว็บดูหนังออนไลน์ มากขึ ่น ้ แต่ก็ยังมีผู้บริโภคส่ วนมากที่ ยังสนใจ ที่ จะเข้าชมในโรงหนังมากกว่าอยู่ดี ด้วยรสนิยม และค่านิยมที่ เชือว่าการดูหนัง่ ในโรงหนังจะได้อรรถรสมากกว่าการนังดู่ หนังออนไลน์ที่ บ้าน โรงหนังจึงเป็ นสถานที่ ที่ ให้กลุ่มคนมารับชมหนังที่ หลากหลาย และเข้าถึงสื่ อวัฒนธรรมร่วมกัน ในแบบทีสถานที่อื่ นมอบให้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ่ แม้โรงหนังเก่าในโคราชทีกล่าวไปข้างต้นเหล่าน่ี ้ ล้วนถูกปิ ดไปมากกว่า ๓๐ ปี แล้ว แต่ โรงหนังเก่าในโคราชก็คือ ประวัติศาสตร์ของ โคราช เป็ นร่องรอยดังกระจกสะท้อนให้เห็น ่ ถึงความสืบเนืองและการเปลี่ยนแปลงที่ยังคง่ ดำ เนินต่อไปในโคราช เพราะมีชุมชน จึงมีโรงหนัง และโรงหนังคือ วัฒนธรรมชุมชน เป็ นแหล่งเพาะความรู้ สติปั ญญา เจริญความคิด และย้ำเตือนให้นึกถึง ความงาม ความดี ความจริง มีอยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร โดยนับจากอดีตมาจนถึงปั จจุบันสถานที่ ฉายหนังได้เปลียนโฉมหน้าไปตามกาลเวลา ่ จากโรงสังกะสีที่ ปลูกสร้างอย่างง่าย ๆ หรือฉายกลางแปลงตามทีว่างข้างวัด มาสู่่ โรงหนังมัลติเพล็กซ์ทีมีระบบเสียงทันสมัย่ เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่ว่ารูปลักษณ์ ของโรงหนังจะเปลียนแปลงไปเท่าใด สิ่งหนึ ่ง่ ที่ ไม่เคยเปลี่ ยนคือ ความอัศจรรย์ของ ภาพเคลื่ อนไหวที่ อยู่บนจอ เมื่ อใดก็ตามที่ ไฟดับลง คนดูทังหมดก็จะฝั นไปพร้อมกัน ้ The cinema will never die… รายการอ้างอิง ปฏิพัทธ์ สถาพร. (2560). โรงภาพยนตร์กับวัฒนธรรมภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ พ.ศ. 2500-2520. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา. (2542). ย้อนรอย 100 ปี โคราชวาณิช. สืบค้นจาก https://is.gd/YxjNP7
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 39
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 40 เข่าแพะ...รักษ์สุขภาพ อาจารย์ศุลีกร ศิวเสน และ อาจารย์ ดร.สายสุนีย์ เลิศกระโทก E-mail : [email protected] และ [email protected]
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 41 บทนำ เมื่ อกล่าวถึงเมืองโคราช ท่านผู้อ่านจะนึกถึงสิ่ งใด แน่นอนว่าหลายคนนึกถึง เมืองย่าโม เมืองวีรสตรีผู้กล้าหาญแห่งที่ ราบสูง หากถามถึงอาหารที่ ขึ้ นชื่ อ คงไม่พ้น ผัดหมี่ โคราชจานเด็ดที่ ปั จจุบันหารับประทานได้ง่ายมากขึ้ น อีกทังยัง มีแบบสำ้ เร็จรูป ที่ หาซือได้ง่าย และนำ้กลับไปทำ รับประทานเองทีบ้าน แต่เมื่ อเห็นชื ่อเรื่องว่า “เข่าแพะ...รักษ์่ สุขภาพ” อาจเดาว่าน่าจะเป็ นเรืองเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ แล้วคำ่ว่าเข่าแพะจะเกียวข้อง่ สุขภาพอย่างไร มีเฉลยในที่ นี้ให้ผู้อ่านได้ทราบกัน ก่อนที่ จะเริ่ มต้นเขียนเรื่ องนี้ ผู้เขียนได้สอบถามเด็กวัยรุ่นซึ่ งเป็ นคนท้องถิ่ น โคราช หลายคนทำ หน้างง และสงสัย พร้อมให้คำ ตอบว่าไม่รู้จัก แต่มีหนึ่ งในนันที้ ่ ขอย้อน ถามผู้เขียนเพิ่ มเติมเพื่ อความแน่ใจ ว่าเข่าแพะนันใช่ข้าวต้มใส่ผักเยอะ ๆ หรือไม่ เมื้อได้ยิน่ แบบนี้ แล้ว ทำ ให้รู้ว่าเรื่ องราวดี ๆ เรื่ องหนึ่ งของคนโคราชกำ ลังจะถูกลืมเลือนไป ในวันนี้ ผู้เขียนได้มีโอกาสบอกเล่าเรื่ องราวของ “ เข่าแพะ ” หรือ “ ข้าวแผะ ” ในภาษาไทยกลาง ผ่านตัวหนังสือในสารานุกรมโคราชเล่มนี้ และขอเพิ่ มเติมสาระดี ๆ ที่ มากกว่าประวัติ ความเป็ นมาให้ผู้อ่านได้มีโอกาสนำ ความรู้ไปใช้ในการดูแลสุขภาพให้สมกับชื่ อเรื่ อง “เข่าแพะ...รักษ์สุขภาพ”
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 42 “เข่าแพะ” ในสำ เนียงภาษาโคราช อาจทำ ให้คนต่างถิ่ นภาคอื่ น ๆ ของไทย ที่ ได้ยินคำ นี้ ครั้ งแรก ต้องคิดถึงหัวเข่า ของแพะอย่างแน่นอน หรืออาจจะเป็ นปั ญหา สุขภาพที่ เกียวกับหัวเข่า สำ่หรับคนจังหวัดอืน่ ในภาคอีสาน “เข่า” แปลว่า “ข้าว” มีความหมายเดียวกันกับภาษาโคราช ข้าวแผะ หรือ ทีชาวโคราชเรียกว่า ่ เข่าแพะ เป็ นอาหารท้องถิ่ นเมืองโคราชที่ สื บทอดกันมาตั้ งแต่สมัยบรรพบุรุษ จุดกำ เนิดมีในสมัยใดนันไม่มีหลักฐานชัดเจน ้ แต่จากการบอกเล่าทำ ให้รู้ว่าตั้ งแต่สมัย กรุงศรีอยุธยาก็มีชื่ อเมนูอาหารชนิดนี้ อยู่แล้ว จากข้อมูลที่ สำ นักงานวัฒนธรรม จังหวัดนครราชสีมาได้บันทึก และนำ เสนอ ผ่านเว็บไซต์เพื่ อเป็ นข้อมูลสืบทอดถึง คนรุ่นใหม่ ข้าวแผะคือข้าวต้มที่ ใช้น้ำ กะทิ ในการต้มข้าวจนสุ ก เพิ่มวัตถุดิบคือ เนื้ อสัตว์และผักพื้ นบ้านที่ หาได้ง่าย ได้แก่ เห็ด ข้าวโพดอ่อน เม็ดข้าวโพดต้ม บวบ ผักตำ ลึง ฟั กทองอ่อน ยอดฟั กทอง และ ดอกฟักทอง ปรุงรสด้วย พริกแกง น้ำปลาและ น้ำ ปลาร้า คุณประโยชน์ของข้าวแผะ จากการบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ ยัง สืบทอดการรับประทานอาหารชนิดนีคือ ช่วยให้้ ลูกหลานหรือเด็กรุ่นใหม่ได้หัดรับประทาน ผักมากขึ้ น ส่วนใหญ่อาหารชนิดนี้เป็ นเมนู ที่ ชาวบ้านทำ รับประทานกันเอง ไม่มีขาย อยู่ตามตลาดทัวไป ่ เข่าแพะ” หรือ “ข้าวแผะ”
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 43 ภาพที่ 1 : “เข่าแพะ” หรือ “ข้าวแผะ” ที่ มา : สำ นักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา ความโดดเด่นในเรื่ องคุณค่า ทางโภชนาการและความเป็ นเอกลักษณ์ ข้าวแผะเป็ นอาหารที่ เหมาะสำ หรับทุกคน ทุกวัย มีการใช้วัตถุดิบที่ หาง่ายในท้องถิ่ น ประกอบด้วยสารอาหารที่ ครบ 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรตจากข้าว โปรตีนจาก เนื้ อสั ตว์ที่ ปั จจุบันเลือกใส่ ได้ตาม ความชอบ พลังงานไขมันจากน้ำ กะทิ เกลือแร่ และวิตามินจากผักหลากหลายชนิด รวมถึงการปรุงทีปรับรสชาติได้ตามต้องการ ่ นอกเหนือจากเรืองราวที่ ่ ได้เล่ามาข้างต้นนี้ ผู้เขียนยังได้สอบถามและเสาะหาข้อมูล เพิ่ มเติมจากแหล่งต่าง ๆ ทังสื้ ่ อออนไลน์ ที่ เคยมีการนำ เสนอเรื่ องราวข้าวแผะ และ จากการสัมภาษณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนต่าง ๆ ของโคราชว่า ในแต่ละท้องถินมีความเหมือน่ หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อให้ สารานุกรมเรื่ องข้าวแผะที่ บ่งบอกถึง วัฒนธรรมการกินของคนท้องถินที่ราบสูง่ โคราชเป็ นประโยชน์และน่าสนใจในการ ติดตามแก่ผู้อ่านมากขึ้ น
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 44 สูตรข้าวแผะครบุรี อำ เภอครบุรี เป็ นอำ เภอหนึ่ งทางตอนใต้ของจังหวัด นครราชสีมา ซึ่ งพื้ นที่ ทางตอนใต้ ของ อำ เภอครบุรีอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ทับลาน ที่ ได้รับการประกาศให้เป็ น “มรดกโลก ทางธรรมชาติ” ภายใต้ชือกลุ่มดงพญาเย็น ่ -เขาใหญ่ และยังเป็ นพื้นที่ ต้นน้ำ สายสำคัญของแม่น้ำมูล มีความอุดมสมบูรณ์ เป็ นแหล่งการทำ เกษตรมากมาย หลายชนิด เช่น การปลูกข้าว ข้าวโพด และ การทำสวนผัก สูตรข้าวแผะ ผู้เขียนได้มีโอกาส สัมภาษณ์ คุณบุญค้ำ เลิศกระโทก พื้ นเพ เป็ นคนโคราช นามสกุลลงท้ายด้วย กระโทก เป็นชือที่บอกให้รู้ว่าต้นตระกูลต้องอยู่่ โคราชแน่นอน คุณบุญค้ำ ได้เล่าถึงลำ ดับ วิธีการทำ ไว้ว่า ต้องเริ่ มจากการต้มข้าว ให้สุกหรือเกือบสุกก่อน หลังจากนั้ นใส่ เนือหมู พริกแกงหรือพริกสดซอย ปริมาณ้ ตามทีชอบ ปรุงรสข้าวต้มด้วยเกลือ และน่ ้ำปลา (บางคนอาจนำ เนื้ อหมูมาผัดกับพริกก่อน แล้วค่อยใส่ลงในข้าวต้ม) จากนั้ นใส่กะทิ ลงไปเพื่ อเพิ่ มความหวาน และความมัน ให้กับข้าวต้ม จากคำ บอกเล่าของชาวบ้าน ในสมัยก่อนนั้ นเนื้ อสัตว์หายาก ชาวบ้าน อยากให้ข้าวต้มมีความมันจึงใส่กะทิลงไปด้วย ส่ วนการใส่ ผักแต่ละชนิดนั้ น เน้นใส่ ผักทีหาได้จากธรรมชาติ หรือในชุมชน ของ่ ตนเอง บางคนอาจซอยตะไคร้ใส่ ลงไป นิดหน่อย คุณบุญค้ำสรุปปิดท้าย “อยากใส่ผัก อะไรบ้าง ก็ตามใจผู้กินนั่ นล่ะ เน้นสะดวก หาง่าย และตามความชอบ” (บุญค้ำ เลิศกระโทก, การสื่อสารส่ วนบุคคล, 12 ธันวาคม 2565) สำ หรับสู ตรการปรุงข้าวแผะ ชาวบ้านถินตำ ่ บลจอหอ ซึงตั่งอยู่ในอำ้เภอ เมืองนครราชสี มา มีการใช้วัตถุดิบ ปรุงแต่งรสชาติทีต่างจากอำ่เภอครบุรี ตรงที่ ไม่ใช้กะทิแต่ใช้ปลาป่ น ปลาร้า น้ำ ปลา และ เกลือในการปรุงรส และปิ ดท้ายด้วยการ ใส่พริกแกง สูตรข้าวแผะนี้ ได้มาจากการบอกเล่า ของชาวบ้านตำ บลจอหอ ผู้ถ่ายทอด เรื่ องราวผ่านรายการเช้าสดใส ช่องข่าว ออนไลน์ไทยรัฐทีวี จากเรื่ องราวความเป็ นมา และคำบอกเล่าของคนยุคปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีการใช้วัตถุดิบ หรือเครืองปรุงในการประกอบ่ อาหารที่ แตกต่างกันในบางชนิด เพื่ อให้ได้รสชาติตามต้องการและความนิยม ในรสชาติที่ ต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่ น แต่ยังคงเอกลักษณ์อาหารชามเดียว ทีคงคุณค่าทางโภชนาการสารอาหารครบ ่ 5 หมู่ ไว้เช่นเดิม ถึงแม้ประวัติทีมาของอาหาร่ สุขภาพชามนี้ จะสั้ น แต่ความสำ คัญคือ คุณค่าที่ คู่ควรแก่การสืบทอดไว้ให้คงอยู่ ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้รู้จัก ได้รับประทานเพือให้่ มีสุขภาพที่ ดี และแข็งแรง หากเล่าสั้ น ๆ เพียงเท่านี้ ก็ดูจะไม่สมบูรณ์ หรือยังไม่ครบ องค์ประกอบของการนำ เสนอสาระ ความรู้เรืองอาหารโบราณประจำ่เมืองโคราช ผู้เขียนจึงขอโอกาสนี้ในการสอดแทรก ความรู้เรืองสารอาหารหรือสรรพคุณที่ ่ โดดเด่น ของวัตถุดิบปรุงแต่งบางชนิดให้ผู้สนใจ ทีต้องการทำ่อาหารเมนูนีรับประทานได้รับทราบ้ ไปพร้อมกัน
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 45 ส่วนประกอบหลักอาหารอันดับแรกของเมนูนี้ ข้าวประกอบด้วยสารอาหารหลัก คือ คาร์โบไฮเดรต รองลงมาเป็ นโปรตีน ซึ่ งข้าวต้ม 2 ทัพพี ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ นอกจากนี้ในข้าวยังอุดมไปด้วยวิตามินบี และแร่ธาตุอีกหลายชนิดผสมอยู่ ผู้ปรุงสามารถ เปลี่ ยนชนิดข้าวที่ นำ มาต้มได้ เช่น ข้าวกล้อง หรือข้าวไรซ์เบอรี่ เพราะเป็ นที่ รู้กันว่า ข้าวกล้อง หรือข้าวไม่ขัดสีจะอุดมด้วยวิตามิน และคุณค่าสารอาหารทีสูงกว่าข้าวสารขัดขาว่ ทัวไป และขอยกตัวอย่างข้าว 3 ชนิดที่ ่ นิยมรับประทานมาให้ท่านได้รู้ถึงความแตกต่าง ของสารอาหารกัน ข้าว ข้าวที่ ผ่านการขัดสีหลายครั้ งจนเยื่ อหุ้ม เมล็ดข้าว และจมูกข้าวหลุดออกไปหมด ค ุ ณ ค ่ า จ ึ ง ม ี เ พี ย ง ค า ร ์ โ บ ไ ฮ เ ด ร ต อย่างเดียว โปรตีน และวิตามินน้อยมาก หรือแทบ จะไม่มีเลย ข้าวทีผ่านการขัดสีกะเทาะเพียงเปลือกข้าวแตก่ ให้หลุดไป ได้ข้าวกล้องสี น้ำ ตาลอ่อน มีจมูกข้าว และเยือหุ้มเมล็ดข้าว ซึ ่ งเป็ นส่วน ่ ทีมีโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุที่ ่ เป็ นประโยชน์ ต่อร่างกายสูง ข้าวขาว ข้าวขาวกล้อง ภาพที่ 2 : ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่ ที่ มา : https://bestreview.asia/
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 46 อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ในระบบ การย่อยกากเส้นใยนั้ นร่างกายจะใช้เวลา นาน ทำ ให้น้ำ ตาลในแป้ งของข้าวค่อย ๆ ย่อย ไม่เร็วจนเกินไป จึงทำ ให้ระดับน้ำ ตาลใน เลือดคงที่ และช่วยควบคุมไขมัน ในเส้นเลือดไม่ให้สูงจนเกินไป จากนั้ น เส้นใยจะถูกขับถ่ายออกมาเป็ นกากอุจจาระ ทำ ให้ช่วยในการขับถ่ายได้ดีขึน และช่วยลด้ อาการท้องผูกได้ ให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินซี วิตามินอี ไนอาซิน (วิตามินบี 3) แมกนีเซียม โพแทสเซียม ซีลีเนียม สังกะสี เหล็ก และวิตามินเอ ช่วยบำ รุงสายตา และ ผิวพรรณ เนือของฟักทองมีกากใยอาหารมาก้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของร่างกาย ทำ งานดีขึ้ น และที่ สำ คัญมี “เบต้าแคโรทีน ” ซึ่ งเป็ นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในเนื้ อ สีเหลืองของฟั กทอง ช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจ เป็ นอาหารที่ ให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรต ดังนั้ น อาหารชามนี้ จะให้พลังงานสู ง จึงไม่น่าแปลกใจหากรับประทานแล้วจะรู้สึก อิ่ มนาน ในทางการแพทย์ด้านโภชนาการ ฟั กทอง และข้าวโพด ถือเป็ นอาหาร แลกเปลียนในผู้ป่ วยเบาหวาน หากท่านมีโรค่ ประจำ ตัวเป็ นเบาหวาน และชอบรับประทาน ข้าวโพดต้มแทนผลไม้ หรือเป็ นอาหารว่าง พึงระลึกไว้ว่าท่านต้องลดปริมาณข้าว หรือ อาหารประเภทแป้ งในมื้ อหลักให้น้อยลง เพื่ อให้ควบคุมโรคได้ดี เป็ นอาหารทีมีกากใยสูงเช่นกัน ช่วยในเรื่อง่ การขับถ่ายได้ดี แต่เป็ นอาหารทีมีพิวรีนสูง ่ (รวมถึงผักตระกูลผักทอดยอด ผักเลื้ อย) ซึงไม่เหมาะกับผู้ที่ ่ เป็นโรคเก๊าท์ จึงควรหลีกเลียง่ หรือปรับใส่ผักชนิดอื่ นแทนได้ ข้าวไรซ์เบอรี่ ฟั กทอง ข้าวโพด ใบตำ ลึง ยอดฟั กทอง
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 47 สรรพคุณเป็ นยาขับลม ขับเหงื่ อ แก้ไอ และโรคเกี่ ยวกับลำ ไส้ ให้สารอาหารโปรตีน และไขมัน เดิมใช้เนือหมู้ หรือปลาแห้งในการทำ หากท่านมีปั ญหา เรืองระบบย่อยอาหาร ควรหลีกเลี่ยงเนื่อสัตว์้ ที่ ย่อยยาก เช่น เนื้ อหมู และเนื้ อวัว โดยเปลี่ ยนเป็ นเนื้ อปลาเป็ นวัตถุดิบแทน ใบแมงลัก เนื้ อสัตว์ เมื่ อได้ทราบเรื่ องราวที่ มา และสาระด้านโภชนาการแล้ว ก็ขอแนะนำ วิธีการ ทำ อาหารโบราณชามเด็ด เป็ นการปิ ดท้ายด้วยสูตรที่ สำ นักงานวัฒนธรรมจังหวัด นครราชสีมา ได้บันทึกไว้ให้ท่านผู้อ่านที่ สนใจได้ลองนำ ไปทำ รับประทาน วัตถุดิบและส่วนผสมข้าวแผะ ภาพที่ 3 : วัตถุดิบข้าวแผะ ที่ มา : สำ นักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา 1. ข้าวสาร 1/2 ถ้วยตวง 2. น้ำ กะทิ 6 - 7 ถ้วยตวง 3. ใบแมงลัก 1 กำ มือ 4. เนื้ อสัตว์หันชิ่ ้ นพอคำ 100 กรัม 5. พริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ 6. น้ำ ปลาร้า น้ำ ปลา เกลือป่ น 7. ผักชนิดต่าง ๆ หันรวมกัน เช่น ฟั กทอง ่ ยอดฟักทอง และดอกฟักทองเห็ด ข้าวโพดอ่อน เม็ดข้าวโพดต้ม บวบ ผักตำ ลึง ใบแมงลัก หรือสามารถใช้ผักพื้ นบ้านที่ มีอยู่แล้ว ปรุงเพิ่ มตามความต้องการ จากรายการวัตถุดิบ และเครื่ องปรุงจะเห็นได้ว่าไม่มีน้ำ ตาลเป็ นส่วนผสม เนื่ องจากข้าว และผักที่ เป็ นวัตถุดิบสำ คัญ เมื่ อผ่านการต้มจะให้รสหวานอร่อย แบบธรรมชาติ จึงไม่จำ เป็ นต้องใส่น้ำ ตาลในการปรุงรส
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 48 ขั้ นตอนการปรุงอาหาร เริ่ มต้นการทำ ส่ วนที่ เป็ นข้าวต้มก่อน โดยการนำ ข้าวสารมาต้มในน้ำ กะทิจนข้าว เริ่ มสุกและพักไว้ นำ พริกแกงผัดกับน้ำ กะทิครึ่ งถ้วยตวง ให้เข้ากัน จากนั้ นใส่เนื้ อสัตว์ลงไปผัดจน เนื้ อสัตว์สุก นำ เนือสัตว์ที้ผัดไว้ใส่หม้อข้าวต้มที่ ่ เตรียมไว้ ต้มต่อ และคนให้ส่วนประกอบเข้ากัน ใส่ผักหลากหลายชนิดที่ เตรียมไว้ลงในหม้อ ข้าวต้ม โดยเริมใส่ผักที ่สุกยากก่อน จากนั่น้ ต้มต่อจนผักสุก ระหว่างต้มสามารถเติมน้ำ เพิ่ มได้เพื่ อไม่ให้ข้าวต้มแห้งจนเกินไป ปรุงรสด้วยเกลือป่ น น้ำ ปลาร้า และน้ำ ปลา เมือข้าว และผักสุกดีแล้ว ปิ ดท้ายด้วยการใส่่ ใบตำ ลึง ใบแมงลัก คนให้เข้ากัน แล้วตัก เสิร์ฟได้เลย 1 2 3 4 5 6 เพิ่ มเติมเทคนิคการปรุงโดยนำ เนือสัตว์ไปผัดกับพริกแกง และกะทิ ้ ให้เข้ากัน และแตกมันก่อนนำ ไปต้มรวมกับข้าวที่ ต้มสุกแล้วเพื่ อเพิ่ม ความหอมของพริกแกงสีสันทีน่ารับประทานและรสชาติที ่อร่อยมากยิ ่งขึ ่น้ “ เข่าแพะ ” หรือ “ ข้าวแผะ ” อาหารชามเดียวที่ มีมาแต่โบราณ และ หน้าตาอาจดูธรรมดา แต่กลับอุดม ไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ถึงแม้ใน สมัยก่อนไม่มีข้อมูลความรู้ทางวิชาการทีจะมา่ อ้างอิง แต่สิ่ งที่ บรรพบุรุษคิดได้คือ มนุษย์ พึงรับประทานอาหารที่ มีความหลากหลาย เพื่ อให้ร่างกายแข็งแรง เพราะอาหาร การกินไม่ใช่แค่เรืองรสชาติ หรือรสนิยม แต่่ ต้องคำ นึงถึงเรื่ องสารอาหารที่ เหมาะกับ ร่างกาย เมนูดีชามเดียวมีสารอาหารครบ 5 หมู่ ได้ลองอ่านวิธีทำ ก็รู้ว่าง่าย วัตถุดิบหาได้ในท้องถิน หลายชนิดเป็นผักพื ่นบ้าน้ หรือชาวบ้านปลูกไว้เป็ นผักสวนครัว เหมาะกับ การเป็ นเมนูสุขภาพของทุกคน ผู้เขียนหวังว่าหากท่านใด ได้อ่าน เรื่ องราวนี้ แล้ว มีโอกาสลองทำ รับประทาน และบอกต่อ เพื่อให้อาหารชามนี้ ได้ สืบทอดกลายเป็ นอีกหนึ่ งเมนูเด่น ผู้ใดได้ มาเยือนเมืองย่าโมโคราช ต้องมีโอกาส ได้ รับประทาน เหมือนเช่นผัดหมี่ โคราช หากไม่ได้ รับประทานก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองย่าโม โคราชบ้านเอ็ง
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 49 รายการอ้างอิง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปกร. (2558). ข้อมูลพืชสมุนไพร. https://phar macy.su.ac.th/herbmed/herb/text/ รามาแชนแนล (Rama Channel). (2561). กินได้ กินดี ไม่มีอ้วน ตอน ข้าวขาว ข้าว กล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่ . https://www.rama.mahidol.ac.th โรงพยาบาลศิริราช ปิ ยมหาราชการุณย์. (2564). อาหารแลกเปลี่ ยนสำ หรับผู้ป่ วย เบาหวาน https://www.siphhospital.com/th/news/article/share/ food-exchange สำ นักงานพัฒนาชุมชนอำ เภอครบุรี. (ม.ป.ป.). ความเป็ นมา. https://district.cdd. go.th/khonburi สำ นักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครราชสีมา.(2558). ข้าวแผะ. https://www.m-cul ture.go.th/ nakhonratchasima/ewt_news.php?nid=17&filename=index Thairath Online. (2559). ข้าวแผะ อาหารโบราณโคราช. https://www.youtube. com/watch?v=9FFX3_CwtvE
Encyclopedia of Korat Study 5 สารานุกรมโคราชศึกษา 5 50 โบสถ์กลางน้ำ 300 ปี วัดหมื่ นไวย ผศ.ดร.วลัญช์ชยา เขตบำ รุง, จิราภรณ์ ประธรรมโย, ผศ.ดร.มะลิ โพธิพิมพ์, อำ ไพ วิทยากุล และพระครูอัครธรรมรังสี E-mail : [email protected]