The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อนุธิดา' าฯ., 2022-12-08 03:15:54

โนราห์บทสอนรำ

โนราห์บทสอนรำ



เอกสารประกอบการเรยี น
โนราหบ์ ทสอนรำ

โดย
นางสาวอนธุ ิดา พลายชุม
รหัสนักศึกษา 6411120006
นางสาวศิริรัตน์ วัชรกาญจน์
รหสั นักศึกษา 6411120009

สาขาวิชานาฏศิลป์ คณะครศุ าสตร์
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏนครศรธี รรมราช ปีการศึกษา 2565



คำนำ

เอกสารประกอบการเรยี นรำโนราหบ์ ทสอนรำ ฉบับนจ้ี ัดทำขน้ึ โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เพอื่ ใช้เป็นสื่อ
การเรยี นการสอนการแสดงพนื้ บ้านโนรา ของนกั เรียน ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ตลอดทง้ั ผสู้ นใจใฝ่
เรียนรูท้ ่ีต้องการพฒั นาทกั ษะการแสดงโนรา

สาระสำคัญของเอกสารประกอบดว้ ยความหมาย ประวตั โิ นรา องคป์ ระกอบการแสดง โนราบท
ครูสอน บทรอ้ งบทครูสอน วิธีการรอ้ งบทครูสอน ทา่ รำบทสอนรำ

ขอขอบคุณผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรวฒั น์ ช่างสาน อาจารยป์ ระจำวิชาการแสดงโนรา ท่ีช้แี นะ
การพัฒนาเอกสารจนสมบรู ณเ์ ปน็ สอ่ื ที่ดีมปี ระโยชน์ ขอบคุณศิลปนิ โนราหก์ ลอยใจดาวรงุ่ ที่เสยี สละเวลา
มาเป็นวิทยากรแนะนำการแสดงโนราทถ่ี กู ต้องตามแบบฉบบั ขอบคุณเพอ่ื น ๆ พ่ๆี สาขาวชิ านาฏศิลป์ทกุ
คนทีเ่ ปน็ กำลงั ใจในการพฒั นาสร้างผลสมั ฤทธิท์ ีด่ ขี องงานเอกสารคร้งั นี้ จงึ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ผู้จัดทำ
นางสาวอนุธดิ า พลายชมุ
นางสาวศิริรตั น์ วชั รกาญจน์

9 กนั ยายน 2565



สารบญั
เรือ่ ง หนา้
คำนำ..........................................................................................................................................................2
สารบัญ..................................................................................................................................................... 3
สารบัญภาพ...............................................................................................................................................4
คำชีแ้ จงการใชเ้ อกสาร...............................................................................................................................4
สาระสำคัญ................................................................................................................................................6
วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤตกิ รรม.........................................................................................................................7
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น...............................................................................................................................8
กระดาษคำตอบ.........................................................................................................................................9
หวั ขอ้ เน้อื หาประจำบท.............................................................................................................................10
คำถามทบทวน........................................................................................................................................40

แบบทดสอบหลังเรยี น.............................................................................................................................42
กระดาษคำตอบ.......................................................................................................................................43
บรรณานกุ รม...........................................................................................................................................55
ภาคผนวก............................................................................................................................................... 56



สารบญั ภาพ
ภาพท่ี หน้า
ภาพท่ี 1 เทริด………………………………….………………………………………………………..………………………..16
ภาพท่ี 2 บ่า……………………………………………………………………………..………………………………….………17
ภาพท่ี 3 ปิง้ คอ………………………………………..………………….…………….…………………………………………17
ภาพที่ 4รอบอก……………………………………………….......……………………..…………………….………..………18
ภาพที่ 5 ปีกนกแอน…………………………………………..…………………………………………………………………18
ภาพท่ี 6สรอ้ ยคอ…………………………………………….……………………………………………………………………19
ภาพท่ี 7หางหงส์……………………..……………………………………………………………………………………………19
ภาพที่ 8ผ้านงุ่ …………………………………………………..……………………….……………………………….…………20
ภาพที่ 9หนา้ เพลา……………………………………………………….…………………….………………………….………20
ภาพท่ี 10ผา้ หอ้ ย……………………………………………..………….………………………………………………….…….20
ภาพท่ึ 11กำไลแขน........................................……………………………………………………………………..…….20
ภาพที่ 12เล็บ.......................................................................................................................................21
ภาพท่ี 13ท่ารำนาฏศัพย.์ .....................................................................................................................24
ภาพท่ิ 14ทา่ รำ.....................................................................................................................................25

คำชี้แจงการใช้เอกสารประกอบการเรียน
เรื่อง โนราบทครสู อน สำหรบั นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท4่ี

1. เอกสารเร่ืองโนราบทสอนรำ เป็นเอกสารที่มีความสมบรู ณ์ในเลม่ นักเรียนต้องทำความเข้าใจกับ
คำชแี้ จง ตรวจสอบวตั ถปุ ระสงค์ ตรวจสอบสาระสำคัญ ทำแบบฝกึ หดั ก่อนเรียน แลว้ จงึ ศกึ ษาสาระในเล่ม
ทั้งหมด อา่ นสรปุ และทำคำถามทบทวนที่มใี นเลม่ ทกุ คร้ัง ทำแบบทดสอบหลงั เรยี นอยา่ งมสี มาธิและเข้าใจ

2. นกั เรยี นตอ้ งอ่านหนงั สอื ทุกหน้าเพ่ือทำความเขา้ ใจ หากมขี ้อสงสยั ใหถ้ ามครู
3. นักเรียนปฏิบัตติ ามกิจกรรมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบทดสอบกอ่ นเรียน/หลังเรยี น
นกั เรยี นจะต้องมีความซอ่ื สัตยโ์ ดยจะต้องทำดว้ ยตนเองอยา่ งเครง่ ครดั
4.เมือ่ นกั เรยี นเรียนและทำกิจกรรมในเล่มเสร็จ จะตอ้ งเกบ็ เอกสารประกอบการเรียนส่งครูเพ่ือจะได้
บนั ทกึ คะแนน
5. หากนกั เรียนอ่านคำถามในกจิ กรรมไมเ่ ข้าใจจะต้องตรวจสอบกับคุณครเู ทา่ นนั้ โดยไม่ถามเพอ่ื น

1

กระดาษคำตอบ

โรงเรยี น......................................................................ปกี ารศึกษา...........................
ชือ่ ..........................................................................ชน้ั ...................เลขท่.ี ...............
กล่มุ สาระการเรยี นร้.ู ....................วนั ท่ี..............เดอื น...................พ.ศ..................

ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง
16
27
38
49
5 10

ประเมินผล
เตม็

ได้

2

มาตรฐานการเรียนรู้
ศ 3.2 เขา้ ใจความสมั พันธร์ ะหวา่ งนาฏศิลปป์ ระวตั ิศาสตรแ์ ละวัฒนธรรม เห็นคณุ คา่ ของนาฏศลิ ป์

ทีเ่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรมภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล
ตวั ชี้วัด

ม.4/3 บรรยายวิวฒั นาการของนาฏศิลป์และการละครไทย ตัง้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จุบนั

สาระการเรยี นรู้
1. บทร้อง
2. วิธกี ารร้อง
3. ท่ารำโนราบทปฐม

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. นักศึกษาบอกความหมายของบทรอ้ งโนราบทปฐมได้ถกู ตอ้ ง
2. นักศกึ ษาสามารถรอ้ ง และรับบทร้องโนราบทปฐมไดถ้ กู ตอ้ ง
3. นักศึกษาบอกท่ารำโนราบทปฐมได้ถกู ต้อง
4. รักและช่ืนชมการแสดงนาฏศลิ ปพ์ ้นื บ้านไทยโนราในเชิงอนรุ ักษ์

วิธสี อนและกจิ กรรมการเรียนการสอน

1. วิธีสอน
วธิ ีสอนมีการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนโดยใช้วิธกี ารสอนทีห่ ลากหลายมกี ารจดั การเรียน

การสอนแบบอธบิ าย อภิปรายและการฝึกปฏบิ ตั ิ การทำงานกล่มุ ทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน / หลังเรียน
และการทำแบบฝึกหัดท้ายบท

2. กิจกรรมการเรยี นการสอน
การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนประจำบทนี้ผสู้ อนตอ้ งใชป้ ระกอบแผนการจัดการเรียนรู้ที่

1-2 จากคมู่ อื การใช้นวตั กรรมเอกสารประกอบการเรยี นรำโนราบทครสู อน

สอ่ื การเรยี นการสอน

1. คู่มอื การใชเ้ อกสารประกอบการ
2. เอกสารประกอบการเรยี น

3

การวดั ผลและประเมินผล

กระบวนการวัดผลประเมนิ ผล
1. วธิ ีการ

1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล
1.2 สงั เกตพฤตกิ รรมรายกลุม่
1.3 ตรวจแบบฝกึ หดั
1.4 ทดสอบก่อนเรียน / หลังเรยี น
2. เครอ่ื งมือ
2.1 แบบประเมินพฤตกิ รรมรายบุคคล
2.2 แบบประเมนิ พฤตกิ รรมรายกลุ่ม
2.3 แบบเฉลยแบบฝึกหัดทา้ ยบทที่ 1
2.4 แบบ
ทดสอบกอ่ นเรียน / หลงั เรียน
2.5 แบบเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน / หลงั เรยี น
3. เกณฑ์การวัดผลประเมนิ ผล
3.1 ทำแบบทดสอบผ่านเกณฑร์ ้อยละ 80
3.2 ทำแบบฝึกหัดผ่านเกณฑร์ ้อยละ 80

4

แบบทดสอบก่อนเรยี น

กล่มุ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ สาระนาฏศลิ ป์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4

เรื่อง โนราห์บทสอนรำ รหสั วชิ า ศ31204 เวลา 10 นาที 10 คะแนน

**********************************************************************************

คำช้แี จง : ให้นักเรยี นเลอื กคำตอบทถ่ี ูกทส่ี ุดแล้วทำเครื่องหมาย (×) ลงในกระดาษคำตอบ

1. เบญจดรุ ิยางค์ คอื อะไร

ก. บทร้อง

ข. ดนตรี

ค. ผู้แสดง

ง. เครื่องแต่งกาย

2. วธิ รี ้องของบทนมี้ ผี รู้ อ้ งกฝี่ ่าย
ก. 2ฝ่าย
ข. 3ฝา่ ย
ค. 4ฝ่าย
ง. 5ฝา่ ย

3. ตวั เอกของการรำมโนราห์มีชอ่ื เรียกว่าอย่างไร
ก. ตวั ตลก
ข. ตวั นางรำ
ค. กีนรี
ง. ตวั นายโรง

4. ผูแ้ สดงที่มหี นา้ ทที่ ำใหผ้ ู้ชมขบขนั เรยี กว่าอย่างไร
ก. ตัวตลก
ข. ตวั นางรำ
ค. กีนรี
ง. ตัวนายโรง

5

5. เครอ่ื งประดบั ศรีษะของตัวนายโรงมชี าอเรียกวา่
ก. มงกุฎ
ข. ชฏา
ค. เทรดิ
ง. เครือ่ งหัว

6. ศรมี าลาเปน็ อะไรกบั เดก็ ชายนอ้ ย
ก. แม่
ข. ย่า
ค. ยาย
ง. ภรรยา

7. นางนวลทองสำลโี ดนลอยแพไปพร้อมกับนางกำนัลจำนวนกค่ี น
ก. 5 คน
ข. 7 คน
ค. 15 คน
ง. 30 คน

8. ในขณะทเี่ ดก็ ชายน้อยอายุ 9 ขวบ เทพยดาทรงใหน้ ามว่าอะไร
ก. พระเทพสงิ หร
ข. เจา้ พระยาสายฟ้าฝาด
ค. พ่อขุนรามคำแหง
ง. เจ้าเมืองพทั ลงุ

6

9. นางนวลทองสำลสี บุ นิ วา่ อยา่ งไร
ก. เทพยดาทรงรา่ ยรำ 12 ท่า
ข. ทรงเสวยดอกบัว
ค. ทรงเห็นชา้ งเผือก
ง. ไมม่ ีขอ้ ถูก

10. เหตใุ ดนางนวลทองสำลที รงตงั้ ครรภ์
ก. ทรงเสวยไหลบวั
ข. ทรงเสวยเม็ดบัว
ค. ทรงเสวยแกงสม้ รากบัว
ง. ทรงเสวยเกสรดอกบวั

7

รำโนราบทสอนรำ

เป็นทา่ รำสำหรับฝกึ หัดในทา่ ยืนรำของการรำโนรา สาระของทา่ รำอธบิ ายรปู แบบการสอนมกี าร
ผสมทา่ รำมากขน้ึ บทร้องจะมที ัง้ หมด 40 วรรค ทุกวรรคจะมกี ารรอ้ งและการรบั จงั หวะของตัวตน้ เสียง
และมลี กู ค่รู อ้ งรบั ของน่าฟ้ง ในทำนองเพลงทับเพลงโทน ท่ารำเปน็ การแนะนำให้รำในลกั ษณะตา่ ง ๆ เชน่
รำระดบั หัวไหล่ รำระดับชายพก การหมนุ ตัวในทา่ รำ บางทา่ รำสอนเรือ่ งพุทธศาสนา บางท่ารำนำเอา
พฤตกิ รรมการทำงานในชีวิตประจำวัน บางทา่ รำนำเสนอตัวละครในวรรณคดี เช่น พระราม หนมุ าน ซึ่ง
ใหร้ ายละเอยี ดที่เพม่ิ ข้ึนตามลำดบั

ประวตั ิชุดการแสดง

ตำนานที่เลา่ โดยขนุ อุปถมั ภ์นรากร (โนราพุ่มเทวา) อำเภอควนขนุน จงั หวัดพัทลุงความว่าพระ
ยาสายฟ้าฟาดเป็นกษัตริย์ครองเมืองๆ หนึ่ง มีชายาชื่อนางศรีมาลา มีธิดาชื่อนางนวลทองสำลี วั นหน่ึง
นางนวลทองสำลีสุบนิ ว่ามีเทพธิดามาร่ายรำใหด้ ู ท่ารำมี 12 ท่า มีดนตรีประโคม ได้แก่ กลอง ทับ โหมง่
ฉงิ่ ปี่ และแตระ นางใหท้ ำเครื่องดนตรีและหดั รำตามทีส่ ุบินเป็นทคี่ รกึ คร้ืนในปราสาท
อยมู่ าวนั หน่ึง นางอยากเสวยเกสรบวั ในสนะหนา้ วงั ครน้ั นางกำนลั เกบ็ ถวายใหเ้ สวย นางกท็ รงครรภ์ แต่
ยังคงเล่นรำอยู่ตามปกติ วันหนึ่งพระยาสายฟ้าฟาดเสด็จมาทอดพระเนตรการรำของธิดา เห็นนางทรง
ครรภท์ รงซกั ไซเ้ อาความจริง ได้ความเหตุเพราะเสวยเกสรบวั พระยาสายฟ้าฟาดทรงไม่เชอ่ื และทรงเห็น
ว่านางทรงทำใหอ้ ปั ยศ จงึ รบั สงั่ ใหเ้ อานางลอยแพ พร้อมด้วยสนมกำนัล 30 คน แพไปติดเกาะกะชัง นาง
จึงเอาเกาะนั้นเป็นทีอ่ าศัย ต่อมาได้ประสูติโอรส ทรงสอนให้โอรสรำโนราได้ชำนาญ แล้วเล่าเรื่องแต่หน
หลงั ใหท้ ราบ
ต่อมากมุ ารนอ้ ยซง่ึ เปน็ โอรสของนางนวลทองสำลีไดโ้ ดยสารเรอื พ่อค้าไปเท่ียวรำโนราไปยังเมืองพระอัยกา
เรอื่ งเล่าลอื ไปถงึ พระยาสายฟ้าฟาด ๆ ทรงปลอมพระองคไ์ ปดโู นรา เห็นกมุ ารน้อยมีหนา้ ตาคลา้ ยพระธิดา
จงึ ทรงสอบถามจนได้ความจริงว่าเปน็ พระราชนดั ดา จึงรบั สั่งใหเ้ ข้าวัง และให้อำมาตยไ์ ปรบั นางนวลทอง
สำลีจากเกาะกะชัง แต่นางไม่ยอมกลบั พระยาสายฟ้าฟาดจึงกำชับให้จับมดั ขึ้นเรือพามา ครั้นเรือมาถึง
ปากน้ำ จะเข้าเมืองก็มีจระเข้ลอยขวางทางไว้ ลูกเรือจึงต้องปราบจระเข้ ครั้งนางเข้าเมืองแล้ว พระยา
สายฟ้าฟาดได้ทรงจดั พิธรี ับขวัญขึน้ และให้มีการรำโนราในงานนโ้ี ดยประทานเครอื่ งต้น อันมีเทริด กำไล
แขน ปั้นเหนง่ สังวาลพาดเฉยี ง 2 ข้าง ปกี นกแอน่ หางหงส์ สนบั เพลา ฯลฯ ซงึ่ เปน็ เครื่องทรงของกษตั ริย์
ให้เปน็ เครือ่ งแต่งตวั โนรา และพระราชทานบรรดาศักดใ์ิ ห้แก่กุมารน้อยราชนัดดาเป็นขุนศรศี รัทธา
อีกตำนานท่ีเป็นตำนานละครชาตรีกรมศลิ ปากรปรากฎในหนังสือการเล่นของไทย สรุปความวา่ ท้าวทศ
มาศ นางสุวรรณดารา ครองกรงุ ศรีอยุธยา มพี ระธดิ า ช่อื นางนวลสำลี คร้นั นางนวลสำลเี จริญวัย เทพยดา
ได้มาปฏิสนธิในครรภ์โดยที่นางมิได้มีสวามี ความทราบถึงท้าวทศวงศ์ จึงทรงให้โหรทำนายได้ความวา่

8

ชะตาบ้านเมอื งจะบงั เกดิ นกั เลงชาตรี ทา้ วทศวงศเ์ กรงจะอบั อายแก่ชาวเมือง จึงให้เอานางลอยแพไปเสีย
เทพยดาบันดาลใหแ้ พไปติดเกาะสีชังแลว้ เนรมติ ศาลาให้นางอย่อู าศัย
เมื่อครรภ์ครบทศมาสก็ประสูติพระโอรส เพพยดานำดอกมณฑาสวรรค์มาชุบเป็นนางนมชื่อแม่ศรมี าลา
แล้วชุบแมเ่ พยี น แมเ่ ภา เปน็ พเ่ี ล้ียง ตอ่ มานางศรมี าลาและพ่เี ล้ียงกมุ ารไปเทีย่ งปา่ ไดเ้ หน็ กินนรร่ายรำใน
สระอโนตัดนทีก็จำได้ เมื่อกุมารชันษาได้ 9 ปี เทพยดาให้นามวา่ พระเทพสิงหร แล้วเทพยดาเอาศลิ ามา
ชุบเปน็ พรานบุญ พร้อมกับชบุ หนา้ กากพรานใหด้ ้วย พรานบญุ เล่นรำอยูก่ บั พระเทพสงิ หรได้ขวบปีก็ชวน
กนั ไปเที่ยวป่า
ขณะนอนหลับใต้ต้นรังในปา่ เทพยดาลงมาบอกท่ารำให้ 12 ท่า ทั้งเนรมติ ทับให้ 2 ใบ เนรมิตกลองให้ใบ
หนึ่ง แล้วชุบขุนศรัทธาขึ้นให้เป็นโนราเมื่อพระเทพสิงหลและพรานบุญตื่นขึ้นเห็นขุน ศรัทธา ทับ และ
กลอง ก็ยินดี ชวนกนั กลับศาลาทพ่ี ัก จากนั้นเทพยดาก็เนรมิตเรอื ให้ลำหนง่ึ บคุ คลทั้งหมดจึงได้อาศัยเรือ
กลับอยุธยา เที่ยวเล่นรำจนลือกันทั่วว่า ชาตรีรำดีนัก ท้าวทศวงศ์จึงรับสั่งให้เข้าเฝ้า ทอดพระเนตรเหน็
นางนวลสำลีก็ทรงจำได้ ตรัสถามความหนหลังแล้วโปรดปรานประทานเครื่องต้นใหพ้ ระเทพสิงหรใช้เลน่
ชาตรีด้วย

องคป์ ระกอบชดุ การแสดง

องค์ประกอบชุดการแสดงรำบทสอนรำ จะให้รายละเอียด ประกอบด้วย ผู้แสดง เพลง
ประกอบการแสดง เครื่องแต่งกาย และท่ารำ ดังนี้

ผแู้ สดง
ผู้แสดง หมายถึง คนที่รับผิดชอบในการแสดงโนราทั้งการรอ้ ง การ รำการแสดงเป็นเรื่องราวบน

เวทีในแตล่ ะครงั้ ประกอบดว้ ย ตัวนายโรง ตัว นางรำ และตัวตลก ดงั นี้
1. ตวั นายโรง หมายถึง ตัวพระเอก เจ้าของคณะ หัวหน้าคณะผู้แสดงท่เี ปน็ ผูน้ ำของคณะโนรา ใน

อดีตใช้ผู้ชายแสดงล้วน จึงต้องมีรูปร่างที่ เป็นผู้นำมีความรอบรู้จัดเจนในกระบวนการแสดงโนราอย่าง
ชัดเจน

2. ตัวนางรำ หมายถงึ ตัวนางโนราที่เปน็ ตัวประกอบในการรำ โนราแตล่ ะครัง้ ในอดีตตวั นางรำมัก
เป็นตัวหัวจุกโนรา คอื เด็กฝึกหดั รำโนรา ท่มี ีความสนใจ มคี วามสามารถในการรำมกั เป็นตวั ประกอบในการ
รำหมู่ ของการรำบทครูสอน บทสอนรำ บทปฐม และอื่นระยะต่อมาหัวจุกโนรา เริ่มหมดไปจากสังคม
ปัจจุบันเริม่ มีโนราหญงิ เกดิ ขึน้

3. ตัวตลก หมายถึง ผู้แสดงทีท่ ำให้ผู้ชมขบขัน, โดยปริยาย หมายถึงผู้ทีค่ นอ่ืนหวั เราะเยาะการ
แสดงโนราจะมีตัวตลกท่ีใช้แสดงหลกั คู่ กบั การแสดงโนราคือ ตัวพรานเป็นตวั แสดงทส่ี ำคัญมีหลายบทบาท
ทง้ั เป็น ตัวตลกของคณะโนราและเป็นตัวบอกเรือ่ งสำหรบั ทำการแสดงในแตล่ ะครงั้ อยา่ งไรกต็ ามตวั ตลกใน

9

บทบาทการแสดงของโนรามตี วั พราน 2 ลักษณะ คือ พรานผู้ชายสวมหน้ากากสีแดง และพรานผูห้ ญงิ หรอื
พรานเมีย สวม หนา้ กากสขี าวหรอื สเี น้ือ

ดนตรแี ละเพลง
เครื่องดนตรี หมายถงึ เครือ่ งประโคมเสียงดนตรขี องคณะโนราสำหรบั ประกอบการรำ

การร้องเพ่อื เพมิ่ สีสนั ท้ังทำนองและจังหวะ เครอื่ งดนตรีโนรา
ส่วนใหญ่เปน็ เครื่องตใี หจ้ ังหวะเทยี บไดก้ บั เคร่อื ง เบญจดรุ ิยางค์ มี 6 อยา่ ง (tungsong. 2562). มดี ังนี้

2.1 ดนตรี
1. ทบั (โทน) หมายถงึ เป็นเคร่อื งตีท่สี ำคญั ทีส่ ดุ เพราะทำหน้าที่คมุ
จงั หวะและเปน็ ตวั นำในการเปลี่ยนจงั หวะทำนอง ทบั โนรา เป็นทับคเู่ สียง
ต่างกันเล็กนอ้ ยนยิ มใช้ดนตรีเพียงคนเดยี ว
2. กลอง หมายถึง เปน็ กลองทดั ขนาดเลก็ (โตกวา่ กลองของหนัง ตะลุงเล็กน้อย) 1 ใบ
ทำหน้าท่เี สรมิ เน้นจงั หวะและลอ้ เลียนเสยี งทบั
3. ป่ี หมายถึง เป็นเครือ่ งเปา่ เพยี งชิน้ เดียวของวง นยิ มใชป้ ่ีในหรอื บางคณะอาจใช้ป่นี อกใช้
เพลงประกอบการแสดง
เพียง 1 เลา
4. โหม่ง หมายถงึ ฆ้องคู่ เสยี งตา่ งกนั ท่ีเสยี งแหลมเรียกวา่ เสยี ง โหมง้ ทเี่ สียงทุ้มเรยี กวา่
เสยี งหมุ่ง
5. ฉงิ่ หมายถึง เปน็ เครอื่ งตีเสริมแตง่ และเนน้ จังหวะ
6. แตระ หรอื แกระ หมายถึง กรับมที ง้ั กรับอันเดียวทใี่ ช้ตีกระทบ กับรางโมงหรือกรับคู่และ
มที ่ีรอ้ ยเป็นพวงอย่างกรบั พวงหรือใชไ้ มเ้ รียวไม้
หรอื ลวดเหลก็ หลายๆอนั มดั เข้าดว้ ยกันตีใหป้ ลายกระทบกนั ก็เรยี กวา่ แตระ
มลี ีลาการขับร้องและรับบทกลอนอยา่ งหนง่ึ เรยี กวา่ เพลงหน้าแตระ(ใชแ้ ต่
เฉพาะแตระไม่ใชด้ นตรชี ้นิ อ่นื ประกอบ)....

10

เพลงประกอบการแสดง

เพลงประกอบการแสดงบทสอนรำ จะรอ้ งในทำนองเพลงทับ เพลงโทน ประกอบด้วยผ้รู อ้ งท่เี ป็น

ตน้ เสยี ง และลูกคู่ร้องรับ ประกอบทำนองดนตรี

บทรอ้ งสอนรำ เป็นการร้องลกั ษณะเพลงทบั เพลงโทน ซึ่งตอ้ งประกอบดว้ ย ตน้ เสียง และลกู คู่

ร้องรบั กอ่ นฝกึ การร้องควรเข้าใจเนอ้ื หาของเพลงรอ้ ง ดงั นี้

สอนเอยสอนรำ ครูให้ขา้ รำเทียมบ่า

ปลดปลงลงมาได้ ครูให้ขา้ รำเทียมพก

วาดไว้ใหฉ้ ายอก ยกหนกเป็นแผนผาหลา

รำทา่ ชูสูงเสมอหน้า เรยี กช่อระย้าพวงดอกไม้

ทา่ นีป้ ลดปลงลงมาได้ ครใู ห้ท่ารำท่ารำโคมเวยี น

รำทา่ กระหนกรปู วาด วาดไวใ้ ห้เหมอื นรปู เขียน

รำทา่ กระหนกโคมเวียน รำทา่ กระเชียรปาดตาล

ฉนั นี้น้องเอยเหวยนดุ พระพุทธเิ จา้ หา้ มมาร

ฉนั นีน้ งคราญ พระรามจะขา้ มสมทุ ร

รำเลน่ ใหส้ งู สุด เรยี กว่าญาครฑุ รอ่ นมา

ครฑุ เหลยี วเห็นนาค ครฑุ เหอมนั ราปีกถ้า

ทำรปู พระยาครฑุ ลุงยดุ เอานาคนาคา

ครุฑเฉียวเอานาคได้ พาร่อนสู่ดาวเวหา

ทำรูปหนุมาน ทะยานไปเผากรงุ ลงกา

ทำรูปทา้ วเทวา ข่ีข่แี ตม่ าชักรถ

ทำรปู ฤาษดี าบส ลลี าจะเข้าอาศรม

สี่มมุ ยอดปราสาท วาดไวใ้ หเ้ ปน็ หนา้ พรหม

ฉันนีน่ ้องเอวกลม เรียบเรียงนารายณน์ าวศร

ฉนั นี่บวร พระรามจะวางศรไป

ศรออกไปจากแหล่ง ศรไปตกเขาใหญ่

11

วิธีการรอ้ ง
วิธกี ารร้องในบทรำหมนู่ ี้ ต้องใชผ้ ู้รอ้ ง 2 ฝ่าย คอื ตน้ เสียง หมายถึงผรู้ อ้ งนำขึ้นเสียงร้อง ตามบทท่ี

กำหนด และลกู คู่ หมายถงึ ผู้รอ้ งรับ ภายหลงั จากท่ผี รู้ ้องนำรอ้ งจบ ตามทำทองทีก่ ำหนด ดังน้ี
ต้นเสียง สอนเอยสอนรำ
ลกู คู่ สอนเอยสอนรำ
ต้นเสียง สอนแมน่ ะสอนรำ
ลูกคู่ สอนแม่นะสอนรำ
ต้นเสยี ง ครูให้ขวญั เหอขา้ ครใู หข้ า้ รำข้ารำเทียมบ่า
ลกู คู่ ครูใหข้ า้ รำขา้ รำเทียมบ่า ครใู ห้ขวญั เหอข้า ครใู ห้ข้ารำขา้ รำเทียมบา่ ...
ตน้ เสียง ปลดปลงลงมา
ลกู คู่ ปลดปลงลงมา
ตน้ เสยี ง *ทา่ นีป้ ลดปลงลงมาได้
ลูกคู่ ท่านี้ปลดปลงลงมาได้
ต้นเสยี ง วา่ ครใู ห้ขวัญเหอข้ารำ ครูให้ขา้ รำขา้ รำเทยี มพก
ลูกคู่ ครูใหข้ ้ารำขา้ รำเทียมพก ครูให้ขวัญเหอขา้ รำ ครใู ห้ขา้ รำขา้ รำเทยี มพก…
ตน้ เสียง วาดไว้ใหฉ้ ายอก
ลูกคู่ วาดไว้ให้ฉายอก
ต้นเสียง ท่านี้วาดไว้ใหฉ้ ายอก
ลูกคู่ ท่านว้ี าดไว้ให้ฉายอก
ต้นเสียง ว่าใหย้ กขวญั เหอเปน็ แผน ใหย้ กเปน็ แผนผาหลา
ลูกคู่ ใหย้ กเป็นแพนเปน็ แพนผาหลา ให้ยกขวญั เอย่ เปน็ แพนผาหลายกเป็นแพนผาหลา
ตน้ เสยี ง รำสูงเสมอหน้า
ลูกคู่ รำสงู เสมอหนา้
ต้นเสียง ทา่ นร้ี ำสงู เสมอหนา้
ลกู คู่ ทา่ น้รี ำเสมอหน้า
ตน้ เสยี ง เรยี กชอ่ ขวญั เหอระยา้ เรยี กชอ่ ระย้าพวงดอกไม้
ลูกคู่ เรยี กชอ่ ระย้าระยา้ ดอกไม้ เรียกชอ่ ขวญั เหอระย้าละยา้ ดอกไม้
ต้นเสยี ง ปลดปลงลงมาได้
ลกู คู่ ปลดปลงลงมาได้
ต้นเสียง ท่านี้ปลดปลงลงมาได้
ลูกคู่ ท่านป้ี ลดปลงลงมาได้
ตน้ เสยี ง ครูใหข้ วัญเหอข้ารำ ครใู หข้ า้ รำข้ารำท่าโคมเวยี น

12

ลกู คู่ ครูใหข้ า้ รำข้ารำโคมเวยี น ครใู ห้ขวญั เหอข้ารำ ครใู หข้ า้ รำทา่ โคมเวียน
ต้นเสยี ง กระหนกรปู วาด
ลกู คู่ กระหนกรปู วาด
ต้นเสียง ท่าน้ีกระหนกรูปวาด
ลกู คู่ ทา่ น้กี ระหนกรูปวาด
ตน้ เสยี ง วาดไวข้ วัญเหอใหเ้ หมอื นรปู เขยี น วาดไว้ให้เหมอื นรปู เขยี น
ลูกคู่ วาดไว้ใหเ้ หมือนใหเ้ หมือนรปู เขยี น วาดไวข้ วญั เหอให้เหมือนรปู เขียน วาดไวใ้ หเ้ หมอื น
รปู เขยี น
ต้นเสยี ง ท่ากระหนกโคมเวียน
ลกู คู่ แลว้ ท่ากระหนกโคมเวียน
ต้นเสียง ทา่ นี้กระหนกโคมเวียน
ลูกคู่ ท่านี้กระหนกโคมเวียน
ตน้ เสยี ง วา่ รำทา่ ขวัญเหอกระเชียร รำทา่ กระเชยี รปาดตาล
ลูกคู่ รำทา่ กระเชียรกระเชยี รปาดตาล ว่ารำทา่ ขวญั เหอกระเชียร รำท่ากระเชยี รปาดตาล
ต้นเสียง วา่ ฉันนนี้ อ้ งเอยเหวยนุด
ลูกคู่ ฉนั นี้นอ้ งเอยเหวยนุด
ตน้ เสยี ง ฉันนีน้ อ้ งเอยเหวยนุด พระพทุ ธเิ จ้า พุทธเิ จา้ ห้ามมาร
ลกู คู่ แล้ววา่ ฉันน้ีน้องเอ่ยเหวยนุด พระพทุ ธเิ จ้า พทุ ธเิ จ้าห้ามมาร
ตน้ เสยี ง ฉันนนี้ งคราญ
ลูกคู่ ไหนวา่
ตน้ เสยี ง ฉนั นนี้ งคราญ พระรามจะขา้ ม พระรามจะขา้ มสมทุ ร
ลูกคู่ ฉันนสี้ าวนงคราญ พระรามจะขา้ ม แล้วจะข้ามสมุทร
ตน้ เสยี ง รำเลน่ ใหส้ ูงสุด
ลูกคู่ ไหนวา่
ต้นเสียง รำเลน่ ใหส้ ูงสดุ เรยี กวา่ ญาครุฑ น้ีญาครฑุ ร่อนมา
ลกู คู่ แลตะรำเลน่ นอ้ งเหอสูงสุด เรียกว่าญาครุฑร่อนมา
ตน้ เสยี ง ครฑุ มนั เหลียวนอ้ งเหอเหน็ นาค
ลูกคู่ ไหนวา่
ต้นเสยี ง ครฑุ เหลียวเห็นนาค ครฑุ เหอมนั รา แลมันราปกี ถ้า
ลูกคู่ แลต่ะครุฑเหลยี วนอ้ งเอยเหน็ นาค ครฑุ เหอมนั รา แลมนั ราปกี ถา้
ต้นเสยี ง มาทำใหเ้ ป็นน้องเหอรปู ครุฑ
ลูกคู่ ไหนวา่

13

ต้นเสยี ง ทำเปน็ รปู ครฑุ ลงยุดลงนาคเหอเอานาคนาคา
ลูกคู่ แลตะ่ ทำเปน็ นอ้ งเหอนั้นรปู ครฑุ ลงยดุ ลงนาคเหอเอานาคนาคา
ตน้ เสียง ครุฑมันเฉียวน้องเหอนาคได้
ลกู คู่ ไหนว่า
ตน้ เสยี ง ครุฑเฉียวนาคได้ พารอ่ นสู่ดาว สดู่ าวเวหา
ลูกคู่ วา่ แลต่ะครุฑเฉยี ว สาวเหอเอานาคได้ พารอ่ นสู่ดาว สดู่ าวเวหา
ต้นเสยี ง มาทำเปน็ รปู นี้หนมุ าน
ลกู คู่ ไหนว่า
ต้นเสยี ง เปน็ รปู หนมุ าน ทะยานไปเผา ไปเผากรุงลงกา
ลูกคู่ แลต่ะเป็นรปู นอ้ งเห้อหนุมาน ทะยานไปเผา ไปเผากรงุ ลงกา
ตน้ เสียง มาทำเป็นรปู นี้ทา้ วเทวา
ลกู คู่ ไหนวา่
ต้นเสยี ง เปน็ รปู ท้าวเทวา ข่แี ต่ม้าแตม่ ้าชกั รถ
ลกู คู่ ออแลต่ะเปน็ รูปนอ้ งเอยเทวา ขแ่ี ต่ม้าแต่ม้าชักรถ
ตน้ เสียง เป็นรปู ฤาษีดาบส
ลกู คู่ ไหนวา่
ต้นเสียง เป็นรปู ฤาษดี าบส ลีลาจะเข้า แลจะเข้าอาศรม
ลูกคู่ แลถ้าเป็นรปู ฤษดี าบส ลลี าจะเข้า แลจะเข้าอาศรม
ตน้ เสยี ง ส่มี มุ น้องเหอปราสาท
ลูกคู่ ไหนวา่
ตน้ เสียง สม่ี มุ ปราสาท วาดไว้ใหเ้ ปน็ หน้าพรหม
ลกู คู่ แลตะสมี่ ุมนอ้ งเหอปราสารท วาดไวใ้ ห้เปน็ แลว้ ใหห้ นา้ พรหม
ต้นเสยี ง ฉันนี้นอ้ งเหอเอวกลม
ลกู คู่ ไหนวา่
ต้นเสียง ฉนั น้นี ้องเหอเอวกลม เรยี กองค์นารายณ์น้นี ารายณน์ ้าวศร
ลกู คู่ แลตะ่ ฉันนี้นอ้ งเหอเอวกลม เรียกองค์นารายณ์นีน้ ารายณน์ า้ วศร
ต้นเสยี ง ฉนั น้นี อ้ งเหอบวร
ลกู คู่ ไหนว่า
ตน้ เสียง ฉนั นีน้ ้องเหอบวร พระรามจะวาง จะวางศรไป
ลกู คู่ แลต่ะฉนั น้ีสาวเหอบวร พระรามจะวาง จะวางศรไป
ต้นเสียง ศรออกนอ้ งเหอจากแหล่ง
ลูกคู่ ไหนวา่

14

ตน้ เสยี ง ศรออกจากแหลง่ ศรเหอไปต้อง ไปต้องเขาใหญ่
ลกู คู่ แลตะศร ออกนอ้ งเหอจากแหล่ง ศรเหอไปต้อง ไปตอ้ งเขาใหญ่
แลว้ ว่าหยดุ กลอนร่อนรำรำไปหลา่ วสาวเหอ

เคร่อื งแตง่ กาย
ราชบณั ฑิตยสภา, (2545) “เครือ่ ง” คือ ส่งิ สำหรบั ประกอบกันหรอื เปน็ พวกเดียวกนั

“แต่ง” คอื จดั ใหง้ าม “กาย”คือตัว ดงั นน้ั “เคร่อื งแต่งกาย” จงึ หมายถึง
สง่ิ สำหรับประกันจดั ให้งามทเ่ี กี่ยวกบั ตวั ของนกั แสดง โนรา เช่อื กันว่าเคร่ืองแตง่ กายโนราเป็นสิ่งของที่ขุน
ศรีศรทั ธาได้รบั พระราชทาน เปน็ เครือ่ งต้น อนั มีเทรดิ กำไลแขน ปั้นเหน่ง
สงั วาลพาดเฉียง 2 ขา้ ง ปกี นกแอน่ หางหงส์ สนบั เพลา

ธีรวัฒน์ ช่างสาน. (2560). สรุปเครื่องแต่งกายโนราตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 ถึงปัจจุบันมี 3 แบบ
คือ แบบเครอื่ งตน้ แบบทรงบวั และแบบเคร่ืองลูกปัด 5 ชิน้ หรอื เคร่อื งเตม็

1.เทรดิ เป็นเคร่ืองประดบั ศีรษะของตัวนาย โรงหรอื โนราใหญห่ รอื ตัวยืนเครื่อง(โบราณไม่นยิ มในางรำใช้)
ทำเป็น รปู มงกฎุ อยา่ งเตย้ี มกี รอบหน้า มี ดา้ ยมงคลประกอบ

ภาพที่ 1 เทรดิ
ท่มี า: ศริ ริ ัตน์ วชั รกาญจน์,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

2. เครือ่ งลูกปดั หมายถึง ชุดเส้ือผ้าเครอ่ื งแต่งกายของตวั โนราโดยการนำเมด็ ลูกปดั กระดกู ต่าง ๆ
ในยคุ ก่อนนิยมใช้สเี ม็ดลูกปดั อย่างนอ้ ย 5 สี ท่ตี ัดกนั มาร้อยกบั เชอื กตามลกั ษณะของภมู ิปญั ญาของคน
ภาคใต้ ใหเ้ กิดเปน็ ลวดลายตา่ ง ๆ ทั้งลายฟนั ปลาลายขา้ วหลามตัด ลายพิมพ์พอง อย่างวิจิตรสวยงาม

นำมาห่อหมุ้ รา่ งกายนักแสดงโนราแทนเสอ้ื ประกอบ ดว้ ยช้ินส่วนสำคญั 5 ช้ินคือ

15

2.1 บ่า สำหรบั สวมทบั บนบ่าซา้ ย และขวา รวม 2 ชิน้

ภาพที่ 2 บา่
ท่ีมา: ศริ ริ ตั น์ วัชรกาญจน์,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

2.2 ปิ้งคอ 2. สำหรบั สวมหอ้ ยคอดา้ นหน้าและด้านหลงั คลา้ ยกรองละครไทยรวม 2 ช้ิน

ภาพท่ี 3 ปิง้ คอ
ทีม่ า: ศริ ริ ตั น์ วัชรกาญจน์,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

16

2.3 พานอกหรอื รอบอก เป็นเทคนคิ การร้อยลูกปดั เปน็ รปู ส่ีเหล่ยี มผืนผ้า ใช้พันรอบตวั นักแสดงเพื่อ
ปกปดิ หน้าอก เครอื่ งแตง่ กายช้ินนีบ้ างถน่ิ เรียกว่า พานโคร บางถ่ินเรียกวา่ รอบอก

ภาพที่ 3 รอบอก
ท่ีมา: ศริ ริ ัตน์ วัชรกาญจน์,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
3. ปกี นกแอ่นหรือปีกเหนง่ หมายถงึ เคร่ืองประดับทำดว้ ยแผ่นเงินเป็นรูปคล้ายนกนางแอ่นกำลงั กาง
ปกี ใช้สำหรบั โนราใหญห่ รอื ตวั ยืนเครือ่ ง สวมตดิ กบั สงั วาลอยู่ท่ีระดบั เหนอื สะเอว ด้านซา้ ยและขวา

คล้ายตาบทศิ ของละคร

ภาพท่ี 3 ปกี นกแอน
ทีม่ า: ศริ ริ ัตน์ วชั รกาญจน์,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

4. ซับทรวงหรอื ทับทรวงหรอื ตาบ หมายถงึ สร้อยคอสำหรบั สวมหอ้ ยไว้ตรงทรวงอกสว่ นทเี่ ปน็ สรอ้ ยคอ
จะรอ้ ยดว้ ยเมด็ ลกู ปัดเป็นเส้นลงมาผกู ติดไวก้ ับแผ่นเงินเปน็ รปู คลา้ ยขนมเปยี กปนู ดุนลาย และอาจฝังเพชร
พลอยเป็นดอกดวงหรอื อาจ รอ้ ยด้วยลูกปดั นิยมใช้เฉพาะตวั โนราใหญห่ รอื ตวั ยนื เครื่อง ปัจจบุ ันตวั นางรำ

ก็ใสไ่ ด้และบางครงั้ อาจรอ้ ยเป็นเม็ดลกู ปดั อยา่ งเดียวไมม่ ีแผน่ เงนิ ก็ได้

17

ภาพท่ี 4 ซับทรวง
ทม่ี า: ศริ ริ ัตน์ วัชรกาญจน์,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

5. ปกี หรอื หางหงส์ หมายถงึ เครอ่ื งแต่งร่างกายสว่ นหลังระดบั สะเอวของนักแสดงนิยมทำด้วยเขาควาย
หรือโลหะ ปัจจุบันสามารถทำด้วยแผ่นพีวีซีก็มี นำมาเกลาให้เป็นรูปคล้ายปีกนก 2 ชิ้น นำมาประกบกนั
ผูกปลายให้แน่นส่วน โคนจะแยกออกจากกันดึงไว้ด้วยผ้าที่เย็บเป็นเส้นปล่อยชายทั้ง 2 ข้างให้ยาวไว้
สำหรับผูกมัดกับสะเอว ปลายปีกเชิดงอนขึ้นและผูกรวมกันไว้ทำพู่จากไหมพรมติดไว้เหนือปลายปีก ใช้
ลูกปัดร้อยห้อยเป็นดอกดวงรายตลอดทั้งข้างซ้าย และขวาให้ดูคล้ายขนของนก ใช้สำหรับสวมคาดทับ
ผ้านุ่งตรงระดบั สะเอว ปล่อยปลายปีกยืน่ ไป ด้านหลังคล้ายหางกินรี

ภาพท่ี 5 หางหงส์
ท่ีมา: ศริ ริ ัตน์ วชั รกาญจน์,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565
6. ผ้านงุ่ หมายถึง ผา้ ยาวสเี่ หลย่ี มผนื ผา้ อาจเปน็ ผ้าลายไทยหรอื ผา้ พื้นก็ได้นำมานงุ่ ทบั สนบั เพลาให้ชาย
ร้งั ไปเหนบ็ ไวข้ า้ งหลงั ปลอ่ ยปลายชายใหห้ อ้ ยลงเช่นเดยี วกบั หางกระเบน เรยี กปลายชายที่พบั แล้ว ห้อย
ลงนว้ี า่ “หางหงส์” การนุ่งผ้ายาวเป็นหางหงส์ของโนรานถ้ี อื เปน็ ภูมปิ ญั ญาตามอตั ลักษณ์ของทางภาคใต้
เท่านัน้ มขี ั้นตอนการนุ่งทแ่ี ยบยล ไมง่ ่ายสำหรบั ผทู้ ีไ่ ม่มีประสบการณ์อย่างไรกต็ ามปัจจุบันผา้ ยาวทใ่ี ชน้ ุ่งน้ี
นำมาเยบ็ เปน็ ผ้าสำเรจ็ รปู ใหง้ า่ ยต่อการแตง่ กาย

18

ภาพท่ี 6 ผา้ นงุ่
ท่ีมา: ศริ ริ ัตน์ วัชรกาญจน์,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
7. หนา้ เพลา หรอื เหน็บเพลา หนอื หนบั เพลา หมายถงึ กางเกงยาวครง่ึ นอ่ งสำหรับสวมใสข่ องนักแสดง
โนราทั้งตวั พระและตวั นางรำนิยมทำจากผา้ ยืดเพ่อื ความยดื หยุน่ ของการเคลือ่ นไหวร่างกายส่วนขาของ
นกั แสดงปลายขาจะตกแตง่ ดว้ ยผา้ ลาย เป็นแถบสเี พอ่ื ความสวยงาม สนบั ในอดตี สามารถทำได้ 2 แบบคอื
แบบที่นงุ่ สวมเป็นกางเกง และแบบทที่ ำเฉพาะขาทง้ั สองขา้ ง โคนขาผูกเชอื กใหแ้ น่นแตป่ จั จบุ ันน้ีคงเหลือ

แบบเดียวคอื ทนี่ งุ่ เปน็ กางเกง

ภาพท่ี 7 หน้าเพลา
ทมี่ า: ศริ ริ ตั น์ วัชรกาญจน์,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565
8. ผา้ หอ้ ย หมายถงึ ผ้าสีตา่ งๆทีค่ าดใหช้ ายผา้ ห้อยลงมาดา้ นล่างความยาพอคลมุ เขา่ นักแสดง โดยปกติจะ
ใชผ้ ้าสแี ผ่นบาง ๆอาจเปน็ ผ้าชฟี อง หรอื ผา้ โทนสตี ่างๆ อัดจบี หรอื พลีส หรอื จะเปน็ ผา้ โปรง่ ผ้าบางสีสดก็ได้
หอ้ ยเคียงไวร้ ะหว่างหน้าผา้ ทงั้ ด้านซา้ ยและดา้ นขวา

19

ภาพที่ 8 ผา้ หอ้ ย
ทมี่ า: ศริ ริ ัตน์ วัชรกาญจน์,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
9. หน้าผา้ หมายถึง ผา้ เนื้อหนาปกลวดลายด้วยเลือ่ มและลกู ปดั ตามทน่ี ิยมจะเป็นผา้ สผี นกั เชน่ สดี ำ สีนำ้
เงนิ หน้าผา้ มี 3 ชิ้น หอ้ ยไวค้ รงกลางลำตัว 1 ช้ิน และขา้ งขาดา้ นซา้ ยและขวาอกี ขา้ งละชิน้

ภาพท่ี 9 หนา้ ผ้า
ที่มา: ศริ ริ ตั น์ วชั รกาญจน์,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
10. กำไลตน้ แขน หมายถึง กำไลทใ่ี ชห้ นีบไว้ท่ตี น้ แขนของผแู้ สดงทงั้ 2 ขา้ ง
เพ่อื ขบรัดกล้ามเนือ้ ใหด้ ู ทะมัดทะแมงและเพิ่มความสง่างาม ของกล้ามเนอื้ แขนขณะทร่ี ่ายรำมากขน้ึ
อย่างไรก็ตามเข้าใจว่าต้นแขนนา่ จะเปรียบได้กบั พาหรุ ดั ของเคร่อื งแตง่ กายละครไทยน่นั เอง

20

ภาพที่ 10 กำไลต้นแขน
ที่มา: ศริ ริ ตั น์ วชั รกาญจน์,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565
11. กำไล หรอื ไหมล หมายถงึ กำไลของโนรามักทำดว้ ยทองเหลือง ทำเปน็ วงแหวนใช้สวมมือทง้ั 2 ขา้ ง ๆ
ละหลายๆ วง เชน่ แขนแต่ละ ข้างอาจสวม 5-10 วงซ้อนกนั เพื่อเวลาปรบั เปลี่ยนทา่ จะได้มเี สียงดงั เป็น

จงั หวะเรา้ ใจยง่ิ ข้ึน

ภาพที่ 11 กำไล
ทม่ี า: ศริ ริ ตั น์ วชั รกาญจน์,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

21

12. เลบ็ หมายถงึ เครอ่ื งสวมน้ิวมือใหโ้ คง้ งามคลา้ ย เลบ็ กนิ นรหรอื กินรี ทำด้วยทองเหลอื งหรอื เงิน อาจ
ตอ่ ปลายด้วยหวายทมี่ ี ลูกปัดรอ้ ยสอดสีไว้พองาม นยิ มสวม มือละ 4 นวิ้ (ยกเวน้ หัวแมม่ อื )

ภาพที่ 12 เล็บ
ทมี่ า: ศริ ริ ตั น์ วชั รกาญจน์,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
13. หน้าพราน หมายถงึ เครอ่ื งสวมหน้าของนักแสดงทเี่ ปน็ ตัวพราน ซง่ึ เป็นตวั ตลกของการแสดงโนรา
ทำจากไมแ้ กะเป็นรูปใบหนา้ ไมม่ สี ่วนท่เี ปน็ คาง ทำจมูกย่นื ยาว ปลายจมูกงุ้มเลก็ นอ้ ย เจาะรตู รงส่วนท่ี

เปน็ ตาดำ ให้ผสู้ วมมองเหน็ ได้ถนัด ทาสแี ดง

ภาพที่ 13 เหน้าพราน
ที่มา: ศริ ริ ัตน์ วัชรกาญจน์,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

22

ท่ารำบทสอนรำ
ทา่ รำโนราบทครูสอนสำหรับใชป้ ระกอบการฝกึ รำในครง้ั นี้ จะใหร้ ายละเอียดทส่ี ามารถปฏบิ ตั ทิ า่

รำไดง้ า่ ยขึ้น คอื นักศึกษาตอ้ งเข้าใจและศึกษาศัพทส์ ำหรบั ใชส้ ่อื สารการปฏิบตั ิทา่ รำและค่อยฝึกทา่ รำ
ตามลำดบั ดงั นัน้ จะใหร้ ายละเอียด คือ นาฏยศัพท์สำคญั และข้นั ตอนการปฏบิ ัติท่ารำโนราบทครู
สอน ดงั นี้
นาฏยศัพทส์ าํ คญั
นาฏยศพั ท์สาํ คัญกอ่ นฝกึ รําโนราบทสอนรำ ผเู้ รียนจะต้องฝกึ เพ่อื ความเข้าใจของการปฏิบัตทิ ่ารํา มี
ดังตอ่ ไปน้ี
1. ท่องโรง หมายถงึ “ทอ่ ง” ในภาษาใต้เปน็ คำกรยิ าทอนมาจากคำวา่ “ทอ่ งเที่ยว” ดงั นน้ั คำวา่ “ท่อง
โรง” คือการเคล่ือนย้ายรา่ งกายไปด้านหน้า รอบ ๆ เวทแี สดง
วิธีปฏิบัติ คือ ซอยเท้าถี่ ๆ มอื ซ้ายตัง้ วงหน้า มือขวาจบี ควำ่ แขนตึงระดับไหล่ หน้าตรง ดงั ภาพ

ภาพที่ 1 ทอ่ งโรง
ทมี่ า:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

2. เล่ือนเท้า หมายถงึ การเคลอื่ นยา้ ยรา่ งกายโดยกิรยิ าของเท้าทไี่ มเ่ กา้ เดิน แตใ่ ช้วธิ กี ารขยบั เท้า
วิธปี ฏบิ ัติ คอื การยืนยอ่ เข่าให้เทา้ ชิดกัน จากน้ันเลอ่ื นปลายเท้าชนกนั สลับกบั สน้ เท้าชนกัน ขยบั ถ่ี ๆ จะ
ทำใหส้ ามารถเลอ่ื นตัวเองไปดา้ นขา้ งได้ ท้งั ข้างซ้ายและข้างขวา ดังภาพ

23

ภาพท่ี 2 เลอื่ นเทา้
ท่มี า:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
3. สอดสร้อย หมายถงึ ท่ารำสำหรบั การเชื่อมตอ่ จากท่าหนง่ึ ไปอกี ทา่ หนึง่
วธิ ีปฏบิ ตั ิ คือ ปฏบิ ัติตามข้ันตอน ดังน้ี

ขั้นท่ี1 ยืนพกั เท้า โดยการชดิ เทา้ ยอ่ เข่า มอื ท้งั สองวางหนา้ ขา หน้าตรง

ขน้ั ที่2 กระดกเทา้ ซา้ ย มอื ทงั้ สองจีบแขนงอเข้าหาใบหน้า หน้าตรง

24

ขัน้ ท่ี3 มอื ซา้ ยจบี ปรกหนา้ มือขวาสง่ จบี ลงระดบั สะโพก
ข้นั ท่ี4 วางเท้าซ้าย มอื ขวาตงั้ วงบน

ข้นั ที่5 กระทบจังหวะ จากน้นั หมุนตวั ทางซ้าย 1 รอบ ดงั ภาพ

25

4. ยกขา้ ง หมายถึง ลักษณะการยกเทา้ ข้างใดข้างหนึง่ ใหล้ อยจากพนื้ ไปดา้ นข้าง
วิธีปฏบิ ตั ิ คอื การยนื ดว้ ยขาข้างใดข้างหนึง่ ยืนรบั น้ำหนักยอ่ เข่า ขาขา้ งทยี่ กแบะขาไปด้านข้าง สว่ นของ
ขาพบั ต้ังแตเ่ ขา่ ถึงข้อเท้า แบะออกขา้ ง

ภาพท่ี 4 ยกขา้ ง
ท่มี า:อนุธิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
5. ยกหนา้ หมายถึง ลกั ษณะการยกเท้าขา้ งใดข้างหนง่ึ ใหล้ อยจากพน้ื ไปดา้ นหน้า
วธิ ปี ฏบิ ตั ิ คอื การยนื ดว้ ยขาขา้ งใดขา้ งหนึ่งยืนรบั น้ำหนักยอ่ เข่า ขาขา้ งท่ียกสง่ สว่ นของหวั เข่าไปด้านหนา้
ลกั ษณะเดียวกบั การยกหน้าตัวนางชองละครไทย ซง่ึ สามารถยกได้ทั้งขา้ งซ้ายและข้างขวา

ภาพที่ 5 ยกหน้า
ทม่ี า:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

26

6. พาดขา หมายถึง กริ ิยาของการยนื ด้วยขาขา้ งเดียว อกี ขา้ งยกพาดข้อเท้าไวบ้ นเข่าของขาขา้ งท่ยี นื
วิธปี ฏบิ ตั ิ คอื การยนื ด้วยขาซ้าย แลว้ ใช้ขาขวาพาดบนขา้ ซ้าย ลำตวั ตรง หน้าตรง ดงั ภาพ

ภาพที่ 6 พาดขา
ทีม่ า:อนุธิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
ท่าราํ บทสอนรำ
ทา่ ราํ บทครสู อน จะใหร้ ายละเอียดของเนื้อรอ้ ง และอธิบายท่ารำตามเนอ้ื ร้องที่นำเสนอ พรอ้ ม
ภาพประกอบ ดงั น้ี
1. เน้ือรอ้ ง สอนเอยสอนรำ
อธิบายทา่ รํา
“สอนแมเ่ อยสอนรำ” กา้ วหน้าเท้าซ้าย มอื ขวาตั้งวงหน้า มอื ซา้ ยจบี ต่อศอกขวา เอยี งซ้าย
“สอนแล้วแมน่ าสอนรำ” ก้าวหน้าเท้าขวา มือซ้ายตง้ั วงหนา้ มือขวาจบี ตอ่ ศอกซ้าย เอียงขวา

27

ภาพท่ี 7 สอนเอยสอนรำ สอนแลว้ แม่นาสอนรำ
ทีม่ า:อนุธิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
“ ครใู หข้ ้ารำเทยี มบ่า ” ถอนเท้าขวา มือท้ังสองม้วนจีบปลอ่ ยเปน็ ตั้งวงกลาง เอยี งซา้ ย
“ รอ้ งรับ ” หมุนตัวทางขวา 1 รอบ

ภาพท่ี 8 ครใู หข้ า้ รำเทยี มบา่
ที่มา:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

28

2. เน้ือรอ้ ง ปลดปลงลงมา ครใู ห้ข้ารำเทยี มพก
อธิบายทา่ รํา
“ปลดปลงลงมา” ก้าวหน้าเท้าซ้าย ทรุดตวั ลงนัง่ ตั้งเขา่ มือซา้ ยจบี หงายงอแขนระดับสะเอว มอื ขวาตง้ั วง
ล่าง เอยี งซ้าย
“น่แี หละปลดปลงลงมา” ก้าวหน้าเทา้ ขวา ทรุดตวั ลงนัง่ ตงั้ เขา่ มอื ขวาจบี หงายงอแขนระดบั สะเอว มอื
ซ้ายต้ังวงล่าง เอียงขวา
“เขยี นหนงั สือ” นงั่ ลกั ษณะเดมิ มือซ้ายแบหงายงอแขนระดบั อก มือขวาจบี ควำ่ วนมือ (ลกั ษณะเขยี น
หนังสือ) จงั หวะสดุ ทา้ ยตวัดจบี ออก

ภาพที่ 9 ปลดปลงลงมา นแ่ี หละปลดปลงลงมา
ท่ีมา:อนุธิดา พลายชมุ ,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

“ครูใหข้ ้ารำเทยี มพก ” ถอนเทา้ ขวา มอื ทง้ั สองมว้ นจบี ปล่อยเป็นต้งั วงลา่ ง เอียงซ้าย
“ รอ้ งรับ ” หมุนตัวทางขวา 1 รอบ

29

ภาพที่ 10 ครูใหข้ า้ รำเทียมพก
ทม่ี า:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
3. เน้อื ร้อง วาดไวใ้ ห้ฉายอก ยกหนกเป็นแพนผาหลา
อธบิ ายท่าราํ
“วาดไว้” ยืนชดิ เท้า มือซา้ ยแบไปขา้ งหน้า มือขวาจบี คว่ำมว้ นมือกลางฝ่ามอื ซา้ ย
“ฉายอก” ถอนเทา้ ขวา มอื ซา้ ยแบมือแตะหนา้ อกซ้าย มอื ขวาต้ังวงหนา้ เอยี งซ้าย

วาดไว้ ฉายอก
ภาพท่ี 11 วาดไว้ ฉายอก

ทม่ี า:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

30

“ยกหนก” ยนื ชิดเทา้ มอื ท้ังสองปฏบิ ตั ลิ กั ษณะคลา้ ยทา่ พรหมสห่ี นา้ หน้าตรง
“เป็นแพนผาหลา” ตบเท้าขวา ยกข้าง มือทง้ั สองยกขึน้ เปน็ ลกั ษณะวงบัวบาน หนา้ ตรง

ยกหนก เป็นแพนผาลา

ภาพที่ 12 สอนขา้ ใหท้ รงกำไล

ทม่ี า:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

หมายเหตุ ชว่ งรอ้ งรบั ปฏบิ ัตทิ า่ เดมิ จนรอ้ งรบั หมด
4. เนอ้ื รอ้ ง รำทา่ ยกสูงเสมอหน้า เรียกชอ่ ระยา้ พวงดอกไม้
อธิบายทา่ รํา
“รำท่ายกสงู เสมอหน้า” ถอนเทา้ ขวา มอื ทง้ั สองจบี คว่ำแขนงอระดบั สะเอว จากนน้ั ม้วนมอื จบี ปลอ่ ยแบ
ปลายน้ิวไปด้นหนา้ หนา้ ตรง
“ยกสงู เสมอหน้า” ปฏบิ ัตซิ ้ำท่า

31

ยกสงู เสมอหนา้
ภาพท่ี 13 รำท่ายกสูงเสมอหนา้

ทม่ี า:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565
“เรียกชอ่ ขวัญเหอระยา้ ” ยนื ชดิ เท้า มอื ท้ังสองยกจบี ควำ่ ซอ้ นกันระดับใบหนา้ หนา้ ตรง
“เรยี กชอ่ ระย้าพวงดอกไม้” ดงึ มือทงั้ สองลงมาข้างสะโพก จากน้นั ถอนเทา้ ซา้ ย พร้อมกบั มอื ทง้ั สองจบี ไขว้
ระดับใบหนา้ เอยี งขวา

ภาพที่ 14 เรยี กชอ่ ระยา้ พวงดอกไม้
ทีม่ า:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565
หมายเหตุ ช่วงรอ้ งรบั หมุนตวั ทางซา้ ยหน่งึ รอบปฏบิ ตั ิทา่ เดมิ จนรอ้ งรบั หมด

32

5. เนือ้ ร้อง ท่านีป้ ลดปลงลงมาใต้ ครใู หข้ ้ารำโคมเวียน
อธบิ ายทา่ ราํ
“ทา่ นี้ปลดปลงลงมาใต้ ” ถอนเท้าซา้ ย มอื ซ้ายจบี ควำ่ ระดับใบหน้า มือขวาต้ังวงบน เอยี งขวา หมุนตัว
ทางซ้าย 1 รอบ

“ท่านป้ี ลดปลงลงมาใต้ ” ถอนเท้าขวา มอื ขวาจบี คว่ำระดบั ใบหนา้ มือซา้ ยตงั้ วงบน เอียงซ้าย หมุนตัว
ทางขวา 1 รอบ

ท่านป่ี ลดปลงลงมาใต้ นแ่ี หละปลดปลงลงมาใต้

ภาพท่ี 15 ท่านีป่ ลดปลงลงมาใต้

ทีม่ า:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

33

“ครใู ห้ข้ารำโคมเวยี น” ถอนเทา้ ซา้ ย มือทงั้ สองมว้ นมอื จบี แลว้ ปลอ่ ยเปน็ วงกลาง เอยี งขวา

ภาพท่ี 16 ครูใหข้ า้ รำโคมเวยี น
ท่ีมา:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

หมายเหตุ ชว่ งร้องรบั หมุนตวั ทางซา้ ยหนึ่งรอบปฏบิ ัติทา่ เดมิ จนรอ้ งรบั หมด
6. เน้อื ร้อง รำท่ากระหนกรปู วาด วาดไวใ้ ห้เหมอื นรปู เขียน
อธิบายท่ารํา
“รำท่ากระหนกรปู วาด” ยนื ชิดเท้า มอื ซา้ ยแบมอื มือขวาจบี ควำ่ กลางฝา่ มือขวา หนา้ ตรง
“น่แี หละกระหนกรูปวาด” ปฏบิ ัตซิ ำ้ ท่าเดิม

ภาพที่ 17 ราํ ท่ากระหนกรูปวาด
ที่มา:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

34

“วาดไว้ให้เหมอื นรปู เขยี น” ยืนพนมมอื ระดบั อก พอเน้ือเพลงรอ้ ง “กบั รปู เขยี น” ยืนดว้ ยเท้าซ้าย มอื ซ้าย
ต้ังวงหนา้ มอื ขวายกลกั ษณะบวั ชฝู ัก เอียงขวา

ภาพที่ 18 ทา่ วาดไวใ้ หห้ เหมือนกับรูปเขียน
ท่ีมา:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565
หมายเหตุ ช่วงรอ้ งรบั หมุนตัวทางซา้ ยหน่ึงรอบปฏบิ ตั ทิ ่าเดมิ จนรอ้ งรบั หมด
7. เนื้อรอ้ ง รำท่ากระหนกโคมเวียน รำทา่ กระเชยี รปาดตาล
อธบิ ายทา่ รํา
“รำทา่ กระหนกโคมเวียน” ถอนเท้าซ้าย มอื ทงั้ สองม้วนมือจีบแลว้ ปล่อยเปน็ วงกลาง เอียงขวา หมนุ รอบ
ตัวเองทางซา้ ย 1 รอบ
“นแ่ี หละกระหนกโคมเวยี น” ถอนเทา้ ขวา มอื ทั้งสองมว้ นมอื จีบแลว้ ปลอ่ ยเปน็ วงกลาง เอยี ง
ซ้วย หมนุ รอบตัวเองทางขวา 1 รอบ

35

ภาพท่ี 19 รำท่ากระหนกโคมเวยี น นแี่ หละกระหนกโคมเวียน
ท่ีมา:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

“รำทา่ กระเชยี รปาดตาล” ยืนชดิ เทา้ พนมมอื ระดบั อก หนา้ ตรง
“ปาดตาล” วางส้นเทา้ ขวาไปด้านหน้า มือขวาจบี คว่ำ มือซา้ ยตงั้ วงล่าง จากนน้ั สลบั เทา้ สลบั มือจนหมด
จงั หวะ

ภาพท่ี 20 ทา่ รำท่ากระเชยี รปาดตาล
ทม่ี า:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565
หมายเหตุ ชว่ งรอ้ งรบั ปฏิบัติมอื เท้า สลบั วางหนา้ หลงั จนหมดจงั หวะ

36

8. เนื้อรอ้ ง ฉันนี้น้องเอยเหวยนดุ พระพุทธิเจา้ หา้ มมาร
อธิบายทา่ ราํ
“ฉันนี้นอ้ งเอยเหวยนดุ ” กา้ วหน้าเท้าขวา มือท้ังสองชอ้ นมอื ประสานหน้าอก เอยี งขวา
“ฉนั นี้นอ้ งเอยเหวยนุด” กา้ วหน้าเทา้ ขวา มอื ท้งั สองช้อนมอื ประสานหน้าอก เอยี งขวา

ภาพท่ี 21 ฉนั น่ีนอ้ งเอยเหวยนดุ
ท่มี า:อนุธิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

“พระพทุ ธเิ จา้ ” ยนื ชิดเท้า พนมมือระดบั อก หนา้ ตรง
“พทุ ธเิ จา้ หา้ มมาร” มอื ขวาตงั้ ฝ่ามอื ขึ้นระดับสะเอว มอื ซ้ายแบมอื แตะขา้ งขา หน้าตรง

ภาพที่ 22 พระพทุ ธิเจา้ หา้ มมาร
ท่มี า:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

หมายเหตุ ชว่ งรอ้ งรบั เดินวาดมอื สลบั ซ้ายขวาตามจงั หวะเพลง

37

9. เนอ้ื ร้อง ฉนั น้ีนงคราญ พระรามจะขา้ มสมุทร
อธิบายทา่ ราํ
“ฉนั นน้ี องเอยนงคราญ” เดินวาดแขนมอื เดยี ว มือขวาจับสะเอว
“ฉันนน้ี อ้ งเอยนงคราญ” เดนิ วาดแขนมอื เดียว จนหมดจงั หวะ

ภาพท่ี 23 ฉันนี่น้องเอยนงคราญ
ท่ีมา:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565
“พระรามจะขา้ มจะขา้ มสมทุ ร” ยนื พนมมอื ระดบั อก พอเนอ้ื เพลงรอ้ ง “จะขา้ มสมุทร” ยกหน้าขาขวา มอื
ซา้ ยจบี ปรกขา้ ง มือขวาชน้ี ้วิ มอื ไปดา้ นหนา้ เอียงซ้าย

ภาพที่ 24 พระรามจะขา้ มสมุทร
ทมี่ า:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

38

หมายเหตุ ช่วงรอ้ งรบั เดินวาดมอื สลบั ซ้ายขวาตามจงั หวะเพลง
10. เนือ้ รอ้ ง รำเล่นใหส้ ูงสุด
อธบิ ายท่ารำ
“รำเล่น”เหยยี บเท้าขวา มือท้งั สองจบี แชนตึงข้างสะโพก ลกั คอซา้ ย
“ให้สงู สุด”กา้ วหนา้ เทา้ ซา้ ย มือท้ังสองปล่อยเปน็ วงบน(วงเขาควาย) ลักคอขวา

รำเล่น ให้สงู สดุ
ภาพท่ี 25 รำเลน่ ใหส้ ูงสดุ

ทม่ี า:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

“เรยี กว่าญาครุฑ” ยนื รวมเท้ามอื ท้ังสองจบี ควำ่ ข้างขา หนา้ ตรง
“ญาครุฑรอ่ นมา” ยนื รวมเทา้ มือทง้ั สองปลอ่ ยจบี เป็นวงกลาง หนา้ ตรง

39

เรียกวา่ ญาครุฑ รอ่ นมา

ภาพท่ี 26 เรยี กว่าว่าญาครฑุ รอ่ นมา

ท่มี า:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

หมายเหตุ ชว่ งรอ้ งรบั เดินวาดมอื สลบั ซา้ ยขวาตามจงั หวะเพลง
11. เนอ้ื รอ้ ง ครุฑเหลยี วเห็นนาค
อธิบายทา่ รำ
“ครุฑเหลยี ว” ยืนรวมเท้ามือทง้ั สองจบี คว่ำข้างขา หนา้ ตรง
“เห็นนาค” เดนิ มือทงั้ สองปล่อยจบี เป็นวงกลาง หน้าตรง

ครุฑเหลยี ว เหน็ นาค

ภาพที่27 ครุฑเหลียวเหน็ นาค

ท่มี า:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

40

“ครฑุ เหอมนั รา” ยนื รวมเท้ามือทง้ั สองตง้ั วงกลาง ส่นั ไหล่ หน้าตรง
“มันราปกี ถ้า” ยนื รวมเทา้ มือท้ังสองจบี ขา้ งขาแลว้ ปลอ่ ยเป็นวงกลาง หนา้ ตรง

ครฑุ เหอมนั รา

ปกี ถา้
ภาพที่ 28 ครุฑเหอมันราปีกถา้
ท่มี า:อนุธิดา พลายชมุ ,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

หมายเหตุ ช่วงรอ้ งรบั เดนิ วาดมอื สลบั ซา้ ยขวาตามจงั หวะเพลง
12. เนอื้ รอ้ ง ทำเป็นรปู ครุฑ
อธิบายท่ารำ
“ทำเปน็ ” ยืนรวมเท้ายอ่ เขา่ มือทง้ั สองจบี คว่ำขา้ งขา หนา้ ตรง
“รปู ครุฑ” จากนัน้ เดนิ มือทั้งสองปลอ่ ยจีบเปน็ วงกลาง หนา้ ตรง

41

ทำเปน็ รปู ครฑุ
ภาพท่ี 29 ทำเป็นรูปครุฑ

ที่มา:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

“ลงยุดเอานาค”
“เอานาคนาคา”

ลงยดุ เอานาค เอานาคนาคา

ภาพท่ี 30 ลงยดุ เอานาคนาคา

ทม่ี า:อนธุ ิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

หมายเหตุ ชว่ งรอ้ งรบั เดินวาดมือสลบั ซา้ ยขวาตามจงั หวะเพลง

42

13. เนือ้ รอ้ ง ครุฑเฉียวเอานาคได้
อธิบายทา่ รำ
“ครุฑเฉียว” ยืนก้าวหน้าเทา้ ขวา วาดมอื ทัง้ สองจบั จบี ควำ่ นะดบั สะเอว หน้าตรง
“เอานาคได”้ ปฏิบัติเทา้ เชน่ เดิมจากน้ันสน่ั ปลายน้ิวมอื ขึ้นมาระดบั ใบหน้า หน้าตรง

ภาพท่ี 31 ครุฑเฉียวเอานาคได้
ทีม่ า:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565
“พารอ่ นสดู่ ้าว” ก้าวหน้าเท้าขวา มือซ้ายจบี ปรกขา้ ง มอื ขวาชน้ี ้ิวไปด้านหน้า เอยี งซา้ ย
“สู่ด้าวเวหา” ยนื ลกั ษณะเดิม เคาะนวิ้ ช้ีมอื ขวาตามจงั หวะเพลง อีก 2 จังหวะ

ภาพท่ี 32 พารอ่ นสูด่ า้ วเวหา
ท่มี า:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถา่ ย 9 กันยายน 2565

43

หมายเหตุ ช่วงรอ้ งรบั ปฏบิ ัติทา่ เดินรำสองมอื โดย ย่ำเท้าขวา รำมอื ซา้ ยต้ังวงบน มอื ขวาสง่ จบี หลงั เอยี ง
ขวา ยำ่ เทา้ ซ้ายรำมือขวาตัง้ วงบน มอื ซ้ายสง่ จบี หลงั เอียงซา้ ย ตามจังหวะเพลง
14. เน้ือรอ้ ง ทำรปู หนุมาน
อธิบายทา่ รำ
“ทำรปู ” ก้าวขา้ งเทา้ ขวา มือขวากำมือหงายขอ้ มือระดบั สะเอว มือซ้ายกำมอื คว่ำข้อมอื ระดบั สะเอว ลัก
คอซา้ ย “หนมุ าน” จากน้นั ท้งิ นำ้ หนกั ตัวมาทางซา้ ย พลกิ ขอ้ มือขวาเป็นกำมอื คว่ำลักษะวงล่าง มือซ้าย
พลกิ หงายเปน็ กำขอ้ มอื หงาย ลกั คอซา้ ย

ทำรปู หนุมาน
ภาพท่ี 33 ทำรูปหนุมาน

ทม่ี า:อนุธิดา พลายชุม,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

“ทะยานไปเผา” กระทบื เทา้ ขวาแล้วเก็บเท้า มือทง้ั สองกำมอื ไว้เหนือศรี ษะ หนา้ ตรง
“ไปเผากรงุ ลงกา” กระทบื เทา้ ขวา แลว้ ยกข้าง มอื ซา้ ยกำมอื ไวเ้ หนือศีรษะ มอื ขวาชน้ี ้วิ ไปดา้ นหนา้ แขน
ตึง เอียงซ้าย

44

ทะยานไปเผา กรุงลงกา

ภาพท่ี 34 ทะยานไปเผากรุงลงกา

ท่ีมา:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565

หมายเหตุ ช่วงรอ้ งรบั ปฏบิ ตั ทิ า่ ไปเผากรงุ ลงกาจนหมดจงั หวะ
15. เนื้อรอ้ ง ทำรปู ท้าวเทวา
อธิบายทา่ รำ
“ทำรปู ” ยนื รวมเท้าพนมมือไหวร้ ะดับอก หนา้ ตรง
“ท้าวเทวา”จากนั้น ยกขาขวาพาด มอื ขวาบวั ชฝู กั มือซา้ ยลกั ษณะวงล่างวางหน้าขาซ้าย หนา้ ตรง

ทำรูป ทา้ วเทวา
ภาพที่ 35 ทำรปู ท้าวเทวา

ทม่ี า:อนธุ ิดา พลายชมุ ,ภาพถ่าย 9 กันยายน 2565


Click to View FlipBook Version