ก
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) นี้ จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบกำรสอนในรำยวิชำ 6-312-
208 สัมมนำวิชำชีพคหกรรมศำสตร์ (Seminar in Home Economics) ผู้จัดทำได้รวบรวม
เอกสำรประกอบกำรสอนโดยแบ่งเนื้อหำในกำรเรียนกำรสอนไว้ 6 หน่วย ได้แก่ ควำมรู้เกี่ยวกับ
กำรสัมมนำ องค์ประกอบของกำรจัดสัมมนำ บทบำท หน้ำที่ของบุคคลทีเ่ กี่ยวข้องกับกำรสัมมนำ
และจรรยำทำงอำชพี ของผู้เขำ้ ร่วมสมั มนำ กำรจัดสถำนทีส่ มั มนำ กำรดำเนินกำรสัมมนำ และกำร
ประเมินโครงกำรสัมมนำ ในแต่ละหน่วยประกอบด้วย แบบทดสอบกอ่ นเรียน เนื้อหำ แบบฝึกหัด
ทำ้ ยบท แบบทดสอบหลงั เรียน โดยกำรเรยี นกำรสอนในแต่ละครั้งผู้สอนจะใชว้ ธิ ีิกำรบรรยำย กำร
นำเสนอ กำรอภิปรำยแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นและกำรลงมือปฏิบัติควบคู่กันไปด้วย ซึ่งผู้สอนได้
รวบรวมขึ้นมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้เรียนสำมำรถเรียนรู้พัฒนำศักยภำพของตนเองอย่ำงเต็มที่ เพื่อ
เพิ่มพูลควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับกำรจัดสัมมนำ เป็นกำรเสริมให้นักศึกษำมกี ำรเสริมให้ผู้เรียนมี
กำรเรียนรู้ ควำมเข้ำใจในเนื้อหำมำกย่ิงขึ้น นำเสนอในรูปแบบที่น่ำสนใจ ให้ผู้เรียนอย่ำงมี
ประสิทธิภำพ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เรื่องสัมมนำวิชำชีพค
หกรรมศำสตร์เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนและผู้สนใจได้ไม่มำกก็น้อย และสำมำรถนำไป
ประยุกต์ใช้ได้ในกำรเรียนกำรสอนทำงด้ำนวิชำชีพคหกรรมศำสตร์ตำมควำมเหมำะสมของ
วัตถปุ ระสงค์กำรเรียนกำรสอนตอ่ ไป
นางลัดดาวลั ย์ สุขศาลา
ผ้จู ดั ทา
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)
ข
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)
6-312-208
เรอื่ ง หน้า
บทท่ี 1 ความรู้ทัว่ ไปเก่ียวกับการสัมมนา
ควำมหมำยของกำรสมั มนำ 1
ควำมสำคัญของกำรสัมมนำ 2
ประเภทของกำรสัมมนำ 4
วัตถปุ ระสงค์ของกำรจัดสัมมนำ 6
ประโยชน์ของกำรสัมมนนำ 8
กำรสอนสัมมนำ 12
แบบฝกึ หดั 16
แบบทดสอบก่อนเรยี น 17
แบบทดสอบหลังเรียน 19
บทท่ี 2 องคป์ ระกอบของการสัมมนา
องคป์ ระกอบดำ้ นเนื้อหำ 22
องคป์ ระกอบดำ้ นบุคลำกร 24
องค์ประกอบดำ้ นสถำนท่ี เคร่ืองมือและอปุ กรณต์ ำ่ ง ๆ 26
องค์ประกอบดำ้ นเวลำ
องค์ประกอบด้ำนงบประมำณ 27
แบบฝึกหัด 28
แบบทดสอบก่อนเรยี น 29
แบบทดสอบหลงั เรียน 31
บทท่ี 3 บทบาท หน้าทีข่ องบุคคลที่เก่ยี วข้องกบั การสัมมนาและจรรยาทางอาชพี
ของผเู้ ข้ารว่ มสัมมนา
ผู้จดั สัมมนำ 34
วทิ ยำกร 38
ผเู้ ขำ้ รว่ มสมั มนำ
จรรยำทำงอำชีพของผเู้ ข้ำรว่ มสัมมนำ 39
แบบฝกึ หดั 40
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 41
แบบทดสอบหลงั เรยี น 43
ค
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)
เรื่อง หน้า
บทท่ี 4 การเตรยี มสถานท่จี ัดสมั มนา
47
กำรจดั เตรียมสถำนท่ี 48
รปู แบบกำรจดั ห้องสัมมนำ 53
กำรจัดเวที 57
แบบฝกึ หดั 58
แบบทดสอบก่อนเรียน 60
แบบทดสอบหลงั เรียน
บทท่ี 5 การดาเนนิ การจดั สัมมนา 63
ข้นั ตอนกำรจัดสัมมนำ
ระยะกำรเตรียมงำน 69
ระยะดำเนนิ กำร 70
ระยะหลงั กำรจดั สมั มนำ 71
แบบฝึกหัด 72
แบบทดสอบก่อนเรียน 74
แบบทดสอบหลังเรยี น
บทท่ี 6 การประเมนิ ผลโครงการสมั มนา 77
ควำมหมำยของกำรประเมนิ ผล 78
ประโยชนแ์ ละควำมสำคัญของกำรประเมินผล 80
ประเภทของกำรประเมินผล 82
ขน้ั ตอนกำรประเมินผล 85
แบบฝกึ หัด 86
แบบทดสอบก่อนเรียน 88
แบบทดสอบหลังเรียน 90
บรรณานกุ รม
ง
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)
ภาพ เรื่อง หนา้
บทที่ 4 การเตรยี มสถานทจ่ี ัดสัมมนา
49
4.1 หอ้ งสมั มนำแบบโรงพยำบำล
4.2 หอ้ งสัมมนำห้องเรยี น 50
4.3 หอ้ งสมั มนำรปู ตวั ยู 51
4.4 หอ้ งสมั มนำรปู ตัวโอ
4.5 ห้องสัมมนำแบบโตะ๊ กลม 52
4.6 ห้องสมั มนำแบบกระจำยกลมุ่
4.7 หอ้ งสมั มนำแบบอำนวยกำร 53
4.8 โต๊ะหม่บู ชู ำบนเวที 54
4.9 โต๊ะวทิ ยำกร 55
4.10 โพเดยี มสำหรบั ประธำนเปดิ 56
4.11 ห้องรับประทำนอำหำร
บทที่ 5 การดาเนินการจดั สัมมนา 68
5.1 กำรจดั หอ้ งสมั มนำ 69
5.2 กำรจัดสัมมนำ
1
บทที่ 1
ความร้ทู ว่ั ไปเกยี่ วกบั การสัมมนา
ความหมายของสัมมนา
นิรันดร์ จุลทรัพย์ (2550, หน้า 270) การสัมมนา เป็นทั้งรูปแบบของการประชุมร่วมกันของ
คณะบุคคล เป็นกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบหน่ึง ในการจัดการศึกษาระดับสูง
เปน็ กระบวนการเรยี นรูห้ รือแก้ปญั หาโดยอาศยั กระบวนการกลุ่ม (Group Process) เป็นสาคัญ
สมคิด บางโม (2551, หน้า 92) การสัมมนา เป็นการประชุมของผู้ปฏิบัติงานอยางเดียวกัน
หรือ คล้ายกันแล้วพบปัญหาท่ีเหมือนๆ กัน เพ่ือร่วมกันแสดงความคิดเห็นหาแนวทางปฏิบัติในการ
แก้ปัญหาทกุ คนที่เข้าร่วมการสัมมนาต้องช่วยกนพดู ช่วยกันแสดงความคิดเห็นโดยปกติจะบรรยาย ให้
ความรู้พน้ื ฐานกอ่ นแล้วแบ่งกลุ่มยอย จากน้นั นาผลการอภปิ รายของกลุ่มเสนอทีป่ ระชมุ ใหญ่
สมิตร สัชฌุกร (2552, หน้า 21) สัมมนา คือการท่ีบุคคลกลุ่มหนึ่งมาร่วมประชุม โดยการนา
ของผู้ชานาญในลักษณะท่ีแต่ละคนหันหน้าเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกั นในเรื่องท่ีมุ่งจ ะ
พจิ ารณาโดยเฉพาะ (Particular Topic) โดยนาเอาประสบการณ์เดิมมาสรา้ งแนวปฏิบัตใิ หม่
ผล ยาวชิ ัย (2553, หน้า 3) การสัมมนา คอื สถานการณ์การประชุมกลุ่มบุคคลที่มีพ้ืนความรู้
ความสามารถความสนใจ ประสบการณ์ในงานสาขาวิชาชีพเดียวกัน มีเง่ือนไขจุดมุ่งหมาย หรือ
วัตถุประสงค์เดียวกัน เพ่ือการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกันสารวจ เรียนรู้ แลกเปลี่ยนความ
คิดเห็นซึ่งกันและกัน วิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่อย่างเป็นระบบ โดย
คานงึ ถงึ บทบาทของการมีสว่ นรว่ มจากทุกสว่ นตามหลักการประชาธปิ ไตยภายใต้เวลาทเี่ หมาะสม
สุรศักดิ์ วงศ์สันติ (2553, หน้า 9) การประชุมสัมมนา คือ การที่บุคคลตั้งแต่ 2 คนข้ึนไปมา
แลกเปล่ียนความรู้ ความคิดเห็นประสบการณ์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปและแนวทางท่ีถูกต้องในการพัฒนา
องคก์ ร
ไพโรจน์ เนียมนาค (2554, หน้า 2) การสัมมนา “Seminar” หมายถึง การประชุมเพื่อ
แลกเปลี่ยนความรู้ และความคิดเห็นเพ่ือหาข้อสรุปในเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง ผลของการสัมมนาถือว่า เป็น
เพียงข้อเสนอแนะผู้ท่ีเก่ียวข้องจะนาไปปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่ออบรม ฝึกฝน
ช้ีแจง แนะนา สงั่ สอน ปลกู ฝังทศั นะคตแิ ละให้คาปรกึ ษา ในเรอื่ งทเ่ี ก่ียวข้องหรือแสวงหาข้อตกลงด้วย
วิธกี ารอภิปราย
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรู้ท่วั ไปเกี่ยวกับการสมั มนา
2
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเสรี ซักถาม ถกเถียง ปรึกษาหารือ ภายในหัวข้อที่กาหนด ซ่ึงผลจาก
การสมั มนา จะชว่ ยใหร้ ะบบและวธิ กี ารทางานมีประสทิ ธภิ าพสงู ข้ึน
จาก ความหมายข้างต้นสรุปได้ว่า การสัมมนา หมายถึง การท่ีบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงประชุม
ปรึกษาหารือเพ่ือหาข้อสรุปร่วมกันเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะคติ ความรู้ ความ
คิดเห็นซึ่งกันและกัน โดยใช้เหตุผล หลักการ ประสบการณ์ความรู้ต่าง ๆ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ ใน
การแก้ปัญหาบางประการให้ลุล่วง และหาข้อสรุปร่วมกัน เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมร่วมกัน
โดยอาศยั กระบวนการกล่มุ เปน็ สาคญั ผลจากการสัมมนา จะช่วยใหเ้ กิดความเข้าใจ ความชัดเจน และ
ความถูกต้อง ส่งผลให้เกิดแนวทางในการปฏิบัติงานเรื่องนั้นให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน นอกจากนี้การ
สอนวิชาสัมมนา เป็นกระบวนการหน่ึงของกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผเู้ รยี นศึกษา ค้นคว้า
โดยผ่านวิธีการต่าง ๆ เป็นการฝึกทักษะกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ มีการวิเคราะห์ปัญหา และ
การนาเสนอแนวทางในการแก้ไข ผู้เรียนสามารถแสดงออกโดยการพูด การสนทนา ระดมความ
คิดเห็น การอภิปรายเก่ียวกับเน้ือหาที่กาหนด เพื่อร่วมกันหาข้อสรุปของแนวทางท่ีมีความเป็นไปได้
(ความร้ทู ่ัวไปเกย่ี วกบั การสมั มนา, ออนไลน,์ ม.ป.ป.)
ความสาคญั ของการสัมมนา
ความสาคัญของการประชุมสัมมนาจาแนกได้ดังนี้
1. เพ่อื การตดิ ต่อส่ือสารท่ีความรวดเรว็ เม่อื บคุ ลากรได้มาพบปะพดู คุยทจี่ ะทาให้ได้ขอ้ ตกลง
หรอื ทาความเข้าใจกันได้ในเวลาอนั สัน้ โดยไมต่ ้องเสียเวลาในการสอ่ื สารมาก
2. เพอ่ื เป็นการระดมความคดิ เห็น ปรกึ ษาหารือ และแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ซง่ึ กันและกัน
อนั จะทาใหเ้ กดิ การตัดสินใจ แกป้ ญั หา หาข้อสรุป เพ่ือใหบ้ รรลตุ ามวตั ถุประสงค์ที่ตง้ั ไว้เปน็ อย่างดี
3. เพื่อเป็นส่ือกลางในการพบปะ พูดคยุ แลกเปลีย่ นข่าวสาร ความรู้ ฯลฯ ซ่งึ ผูเ้ กยี่ วขอ้ งจะมี
โอกาสช้ีแจงข้อซกั ถามข้อสงสัยได้ ก่อให้เกิดความรู้สกึ ร่วมแรงรว่ มใจ ความเป็นอันหนง่ึ อันเดียวกัน มี
ความรู้สึกเป็นส่วนหน่ึงของหน่วยงานนั้น ๆ เปิดโอกาสให้บุคคลได้พูดคุยกันโดยตรง ทาให้เกิดการ
เรียนรู้ถึงวิธีการปรับตัวให้เข้ากับผู้อ่ืนในการทางานร่วมกันและทราบข่าวสารเร่ืองราว ความ
เคลอ่ื นไหวในกจิ การตา่ งๆ ในสังคมทีเ่ ก่ียวขอ้ ง
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรูท้ ่วั ไปเก่ียวกับการสมั มนา
3
4. เพ่ือเป็นการใช้เทคนิคของการให้ได้มาซึ่งความรู้ ทัศนะคติ แนวคิดและประสบการณ์ใหม่ๆท่ี
ทันสมัย นอกจากน้ียังเป็นแนวทางของการหาข้อสรุปและนาไปใช้ในการแก้ไขหรือพัฒนาการทางาน
ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพย่ิงขน้ึ
5. เพ่ือเป็นเคร่ืองมือสาคัญในการเอ้ืออานวยในการถ่ายทอดความรู้ การปฏิบัติงาน หรือ
ข่าวสารเรื่องต่างๆ ที่ทาให้คนในองค์กรเข้าใจตรงกันและลดความขัดแย้ง (อภิญญา กีรติสุวคนธ์,
2546, หนา้ 4-5)
ประวตั คิ วามเปน็ มา
Seminar มาจากคาว่า Seminarium ซึ่งมีความหมายว่า Seed-ded (แปลงต้นกล้า) ตาม
ความหมายของ Seminar โดยอรรถแล้ว หมายถึง สถาบันการศึกษาและเป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่ง
สอนและสร้างนกั บวช (พระ) ในศาสนาคริสต์ ใชก้ ันในสมัยศตวรรษที่ 17 เป็นตน้ มา เปน็ โรงเรียนทาง
ศาสนาโดยเฉพาะของพวกลัทธินิยมมาร์ติน ลูเธอร์ และใช้เรียกโรงเรียนการฝึกหัดครุเยอรมันใน
ระหว่างคริสต์ศตวรรษท่ี 17 ระยะแรกๆสถาบันการฝึกหัดครูที่ว่านี้มักจะผลิตแต่ครูศาสนาเท่านั้น
ต่อมา Seminar ได้เป็นช่ือของวิธีการสอน เห็นจะสันนิษฐานได้ทางเดียวเท่านั้น คือสถาบันท่ีเรียกว่า
Seminar, Seminary หรือ Seminarium ก็ได้จัดวิธีการสอนในลักษณะแตกต่างจากการสอนแบบ
ก่อน คือ การตีความหนังสือมาตรฐาน หรือสอนให้ยอมรับความจริง มาเป็นการสอนที่ให้อิสระแก่
ผู้เรยี นได้คิด คน้ คว้าดว้ ยตนเองมากขนึ้ อย่างท่เี รียกวา่ Seminar การปรบั ปรงุ การสอนครั้งใหญ่ ท้งั ยัง
เป็นจุดเร่ิมต้นของการสัมมนา เกิดข้ึนในเยอรมัน เม่ือ คศ. 1694 ต่อมาในศตวรรษท่ี 18 คศ. 1869
Charles Kendal Adam ซ่ึงเป็นศาสตราจารย์หัวหน้าแผนกวิชาประวัติศาสตร์อยู่ที่ University of
Michigan (สหรัฐอเมริกา) ได้รับการศึกษาระดับสูงจากเยอรมัน ก็ได้ทดลองใช้วิธีการสัมมนา กับ
นักศกึ ษาของตนทีม่ หาวิทยาลยั มชิ แิ กนนนั่ เอง และกไ็ ดแ้ พร่ไปทว่ั โดยเฉพาะจุดแหง่ การขยายตัวอยู่ที่
มหาวิทยาลัย John Hopkins ในปี 1875 ผู้ท่ีไปเย่ียม มหาวิทยาลัยในสมัยน้ันกล่าวว่าได้เล็งเห็น
ลักษณะและบรรยากาศของการสมั มนา มีอยทู่ ั่วไปอย่างกวา้ งขวาง ทง้ั ในชน้ั เรยี นและนอกชั้นเรยี น
ปัจจุบันนี้วิธีการสัมมนาได้แตกแขนงวิธีการออกไปจนยา กท่ีจะรวบรวมเข้าเป็นหมวดหมู่
ดว้ ยกนั ใหช้ ดั เจน แต่ก็ไดม้ ีพฒั นาการปรับไปใชก้ ับการเรียนการสอนในวิชาตา่ งๆสง่ ผลให้การเรียนการ
สอนมปี ระสิทธิภาพย่ิงขนึ้
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ วั่ ไปเกี่ยวกับการสัมมนา
4
ประเภทของการประชมุ สมั มนา
ในการจัดประชุมสัมมนาแต่ละคร้ังผู้จัดควรมีวัตถุประสงค์ของการประชุม เพื่อที่จะได้เลือก
ประเภทของการประชุมให้เหมาะสมตามลักษณะของงาน การประชุมจะได้เกิดประโยชน์และคุ้มค่า
6-312-208 สัมมนาวชิ าซดชึ่งังนจพี ะี้ คตห้อกงรศรึกมษศาาหสาตขร้อ์ (มSูลeเmปรinียaบrเทinียบHขo้อmดีขe้อEเสcoียเnพoื่อmคiวcาsม)เหมาะสม โดยมีผู้ให้แนคววคาิดมไรวทู้ ้หั่วลไาปยเกท่ีย่านวกับการสมั มนา
ไพพรรณ เกียรตโิ ชติชัย (2546, หน้า 5-10) ไดแ้ บง่ ประเภทของการประชมุ ตามวตั ถุประสงค์
ไว้ 8 ประเภท ประกอบด้วย 1) การอภิปราย 2) การประชุมปรึกษาหารอื 3) การประชมุ ระดบั หวั หน้า
4) การประชุมซินดิเคต 5) การประชุมเชิงปฏิบัติการ 6) การอภิปรายแบบมีส่วนร่วม 7) การประชุม
ทางไกล 8) การประชุมสมั มนา
เกษม วัฒนชัย (2551, หน้า 11-15) ได้แบ่งการประชุมตามวัตถุประสงค์ไว้ 4 ประเภท
ประกอบด้วย 1) การประชุมเพ่ือแจ้งให้ทราบ 2) การประชุมเพื่อขอความคิดเห็น 3) การประชุมเพื่อ
หาขอ้ ตกลงรว่ มกน และ 4) การประชมุ เพือ่ หาข้อยตุ ปิ ญั หาหรือแก้ไขปัญหา
สมิตร สัชฌุกร (2552, หน้า 19-20) ได้แบ่งประเภทของการประชุมตามลักษณะหรือ
วัตถุประสงค์หรือกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุมไว้ 5 ประเภท ประกอบด้วย การประชุมเพ่ือการข่าวสาร
(Information Conference) การประชุมเพื่อแก้ปัญหา (Problem - solving Conference) การ
ประชุมเพื่อตัดสินใจ (Decision - making Conference) การประชุมเพื่อการฝึกอบรม (Training
Conference) การประชมุ เพอ่ื ระดมความคดิ (Brainstorming Conference)
จากแนวคดิ ท่ีกลา่ วมาขา้ งต้นสามารถสรปุ ใหเ้ ห็นไดว้ ่าประเภทของการประชุมสามารถแบ่งได้
เป็น 10 ประเภท ดังน้ี
1. การประชุมท่ัวไป คือ การประชุมที่พบปะ ปรึกษาหารือ ช้ีแจ้ง สร้างความเข้าใจอันดีงาม
ต่อเพ่ือนร่วมงาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจ หรือการประชุมท่ีมีผู้ท่ีมีประสบการณ์และมีความรู้
หรือสนใจในเรอื่ งเดยี วกนั เข้ารว่ มประชมุ
2. การประชุมแบบเป็นทางการ คือ การประชุมที่เป็นแบบเป็นแผน เป็นทางการหรือแบบ
เป็นพิธีการ จะมีการเตรียมการประชุมล่วงหน้า มีการกาหนดวาระการประชุม รายละเอียด ข้อมูล
เร่ืองต่าง ๆ หรือประเด็นการพิจารณา เพื่อขอมติท่ีประชุม หรือข้อตกลงในการประชุมเร่ืองใดเรื่อง
หนง่ึ ทช่ี ดั เจน
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับการสัมมนา
5
3. การประชมุ ทางวิชาการ คอื การประชมุ ท่ีประกอบดว้ ยนักวิชาการ นักวชิ าชพี ผเู้ ช่ียวชาญ
ต่าง ๆ เป็นจานวนมากอย่างเป็นทางการ มาร่วมบรรยาย นาเสนอผลงานหรือผลการค้นคว้า ภายใต้
หัวข้อเร่อื งเดยี วกนั ต โดยมผี ู้ดาเนินการประชมุ และเปดิ โอกาสให้ผู้ฟงั รว่ มซกั ถามปัญหาและร่วมแสดง
ความคดิ เห็น ปฏบิ ัตกิ าร หรอื ดว้ ยวธิ ีการอื่นๆ
4. การประชุมเชงิ ปฏิบัตกิ าร คือ การประชุมร่วมกันเป็นกลุ่ม ๆ เป็นระยะเวลาหลายวนั โดย
เน้นการร่วมกันทางานเพ่ือฝึกแก้ปัญหาหรือปฏิบัติการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยมีวิทยากรให้ความรู้ก่อน
ปฏบิ ัตกิ าร ผเู้ ข้าร่วมประชุมทกุ คนตอ้ งมีส่วนรว่ มลงมือปฏบิ ัติจริง
5. การประชุมเพื่อการแก้ปัญหา คือ การประชุมระดมความคิดเห็น อภิปรายกลุ่ม ถกเถียง
ปญั หา การเสนอขอ้ มูล หาแนวทางแกป้ ญั หา หรอื ข้อสรุปในการแก้ปญั หา
6. การประชุมระดมความคิดเห็น คือ การประชุมที่เปิดโอกาสให้บุคคลได้มาพบปะพูดคุยกัน
โดยตรง การระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อให้บรรลุตาม
วัตถปุ ระสงค์
7. การประชุมอภิปรายเป็นคณะ คือ การประชุมที่นากลุ่มบุคคลจานวนหน่ึงท่ีมีความรู้
ความสามารถ และประสบการณ์เก่ียวข้องกับหัวข้อในการประชุม มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น
อภิปราย โดยมีผู้ดาเนินการอภิปรายเป็นผู้รวบรวมข้อมูล เชื่อมโยงความคิดเห็น แยกประเด็นสรุป
โดยใชเ้ วลาอนั รวดเร็ว
8. การประชมุ สัมมนา คือ การประชุมทเี่ น้นการถา่ ยทอดความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์
โดยมีวิทยากรผู้เช่ียวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับมอบหมายงานให้ศึกษาค้นคว้า
ขอ้ มลู ระดมความคดิ เหน็ หรือฝึกปฏิบตั ิ เพอ่ื นาเสนอผลการค้นควา้ หรอื ผลงานในท่ปี ระชุม
9. การประชุมประชุมซินดิเคต คือ การประชุมท่ีแบ่งผู้เข้าร่วมประชุมเป็นกลุ่มย่อย เพื่อ
ร่วมกันพิจารณาประเด็นปัญหาต่าง ๆ โดยมีกระบวนการกลุ่มอย่างมีข้ันตอน คือ สารวจสภาพปัญหา
ค้นหาสาเหตุของปัญหา เสนอแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมเหตุผลสนับสนุน และนาผลการประชุม
รายงานให้ทีป่ ระชุมใหญ่พจิ ารณารว่ มกนั
10. การประชุมทางไกล คือ การประชุมที่ประกอบด้วยเสียง ภาพน่ิง และภาพเคล่ือนไหว
หรือการประชุมผ่านสื่อเทคโนโลยีต่างๆ การประชุมประเภทน้ีให้ความรู้สึกเสมือนมีผู้เข้าร่วมประชุม
จริงๆ มดี ว้ ยกนั 2 รปู แบบ คือ การประชุมแบบสื่อสารสองทาง และการประชุมแบบส่ือสารทางเดียว
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกับการสมั มนา
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ ่วั ไปเก่ียวกับการสมั มนา
6
วัตถุประสงค์ของการสมั มนา
กำรจัดประชุมสัมมนำถือเป็นส่วนหนึ่งในกำรเพิ่มพูนควำมรู้ กำรแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์
กำรพัฒนำ ถ่ำยทอดควำมรู้ให้กับบุคลำกรในหน่วยงำนนั้นๆ เพื่อให้บรรลุตำมวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ มี
นักวิชำกำรไดก้ ลำ่ วถงึ วัตถปุ ระสงค์ของกำรจัดสัมมนำไว้ ดังนี้
นิรันดร์ จุลทรัพย์ (2550, หน้า 270) ได้กล่าวว่า การสัมมนาโดยทั่วไปมีวัตถุประสงค์ท่ี
สาคัญดังนี้
1. เพ่ือเพิ่มพูนและเติมเต็มความรู้ความสามารถ และทักษะประสบการณ์ท้ังด้าน
วิชาการหรอื ด้านวิชาชีพแก่ผ้เู ขา้ รว่ มสัมมนาโดยตรง
2. เพอื่ แลกเปลี่ยนความคดิ เห็นซ่ึงกนั และกันระหว่างผู้เข้าสัมมนาดว้ ยกัน และผเู้ ข้า
สมั มนากบั วทิ ยากรหรอื ผู้เชี่ยวชาญในเรอื่ งหรอื สาขาวชิ าเฉพาะทางน้นั ๆ
3. เพ่ือค้นหาคาตอบ วิธีการแก้ปัญหาหรือแนวทางการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงาน
รว่ มกนั
4. เพือ่ ให้ไดแ้ นวทางสรปุ ประกอบการตัดสนิ ใจ หรือหาแนวทางการแกป้ ญั หา หรอื
กาหนดนโยบายของหน่วยงาน องคก์ รบางประการ
5. เพื่อสร้างความตะหนักหรือกระตุ้นให้ผ้รู ่วมเข้าสัมมนา นาหลักวิธีการท่ีได้เรยี นรู้
ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อหน้าที่และภาระงานท่ีปกบิ ัตหิ รอื รับผดิ ชอบต่อไป
สมคดิ บางโม (2551, หนา้ 159) ใหว้ ัตถปุ ระสงคข์ องการประชุมไว้ 7 ประการ ดังนี้
1) เพ่ือให้คาแนะนาแกส่ มาชกิ โดยผบู้ รหิ ารหรือหวั หนา้ กล่มุ หรอื ผ้เู ช่ียวชาญ
2) เพื่อตัดสนิ ใจหรอื เจรจาตกลงใจโดยใช้ข้อมูลจากสมาชิก
3) เพื่อประสานงานระหวางบคุ คลหรอื ฝา่ ยต่าง ๆ
4) เพอื่ ระดมความคิดเห็นการสรา้ งสรรค์
5) เพอื่ ประหยดั เวลาในการตดั สนิ ใจส่ังการ
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรู้ทว่ั ไปเกี่ยวกับการสมั มนา
7
6) เพือ่ กาหนดแนวทางในการปฏิบตั งิ าน
7) เพื่อแลกเปล่ียนความรู้ ประสบการณ์ ตลอดจนข้อมูลข่าวสาร
8) เพอ่ื เสรมิ สร้างความสามัคคีของบุคลากรในหน่วยงาน
สมิตร สชั ฌกุ ร (2552, หน้า 23) ใหว้ ัตถุประสงค์ของการประชุมไว้ 6 ประการ ดังน้ี
1) เพอื่ ความเข้าใจปัญหา
2) เพื่อสารวจปัญหา
3) เพื่ออภปิ รายหรอื วางโครงรา่ งการวจิ ัยท่ีจาเป็นเกย่ี วกับการแก้ปัญหา
4) เพอ่ื แลกเปลี่ยนสงิ่ ทค่ี ้นพบกบคนอน่ื ๆ ในกลมุ่
5) เพื่อใหบ้ รรลขุ ้อสรุปผลวจิ ยั
6) เพ่ือเสนอสาระน่ารู้
จากแนวคดิ ท่ีกล่าวมาข้างต้นสรุปใหเ้ ห็นไดว้ ่าวตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมายของการสมั มนา
มีดังน้ี
1. เพื่อเสนอสาระความร้ทู ี่ทนั สมัยเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะน้ัน
2. เพ่อื อบรม ช้แี จ้ง แนะนาให้คาปรึกษาในเรื่องที่กาหนด
3. เพื่อแสวงหาขอ้ ตกลงและแลกเปลยี่ นความคิดเห็นอย่างเสรใี นประเดน็ หัวข้อท่ีกาหนด
4. เพอื่ การตดั สินใจ หาแนวทางสาหรบั นาไปปฏบิ ัติร่วมกันในองคก์ ร
5. เพือ่ แจง้ ข้อมูลขา่ วสาร ความรู้ ประสบการณ์ ให้เกิดความเขา้ ใจทด่ี ีต่อกัน
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ ว่ั ไปเก่ียวกับการสัมมนา
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความร้ทู ัว่ ไปเกี่ยวกับการสัมมนา
8
6. เพ่ือเป็นการระดมความคดิ เห็นทเ่ี กิดข้นึ และการตดั สินใจเร่ืองใดเรื่องหนึง่ ในการ
แก้ปญั หา
7. เพื่อประสานงานระหวา่ งบุคคลฝ่ายต่างๆในการทางานรว่ มกนั
8. เพอื่ ค้นหาวิธกี ารแก้ปัญหาในรปู แบบต่างๆ สรา้ งความสามคั คีของบุคคลในองค์กร
9. เพื่อกระตุน้ ให้ผ้เู ข้ารว่ มสมั มนานาความร้ปู ระสบการณ์ท่ีไดร้ ับจากการสัมมนาไปใช้
ประโยชน์
10. เพอ่ื เปน็ การสรา้ งความสัมพนั ธ์ท่ีดงี ามระหวา่ งบุคคลในองค์กร ให้เกิดความรว่ มมือ
กัน
ประโยชน์ของการจดั สัมมนา
การจัดสัมมนาหรือการจดั การเรยี นการสอนสมั มนา ก่อให้เกดิ ความก้าวหนา้ ทางดา้ นวชิ าการ
โดยนาเสนอในรปู แบบของเอกสารประกอบการสอนการสมั มนาทส่ี ามารถนาไปเปน็ แนวทางในการ
แกป้ ยั หาไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ การประชุมสมั มนาเป็นการทางานเป็นทีม ทาให้บุคคลในองค์กรหรอื
หนว่ ยงานไดพ้ บปะพูดคุย ปรึกษาหารือ แลกเปล่ียนเรยี นรูใ้ นดา้ นต่าง ๆ ทั้งยังกอ่ ให้เกิดประโยชน์
หลายประการ ดังนี้
ไพพรรณ เกียรตโิ ชตชิ ัย (2546, หนา้ 13) กลา่ วถึงประโยชนข์ องการสมั มนาไว้ 6 ประการ
คือ
1. เป็นการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารระหวางผู้เข้าสัมมนา
2. เป็นการร่วมกันแกป้ ญั หาโดยผนึกความคิดความรแู้ ละประสบการณ์ของหลายคนเข้าด้วย
กน
3. กอ่ ให้เกิดความรูส้ กึ รว่ มแรงร่วมใจเป็นสว่ นหนงึ่ ของกิจกรรมนนั้ ๆ
4. เปน็ การช่วยผ่อนผันหรอื ทุเลาปญั หาท่ยี งั ไม่สามารถแก้ไขได้
5. เป็นการชว่ ยให้ผู้เข้าสัมมนาไดฟ้ ังความคิดเหน็ ของผอู้ ื่น
6. ช่วยในการประสานงานได้ดี
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ วั่ ไปเกี่ยวกับการสมั มนา
9
สมิต สัชฌกุ ร (2552, หน้า 13-14) กลา่ วถึงประโยชนข์ องการประชุมไว้ 11 ประการ คือ
1. ชว่ ยใหม้ กี ารทางานทางความคดิ รว่ มกันทปี่ ระชมุ ได้พิจารณาท้ังผลดแี ละผลเสยี ไดอ้ ย่าง
รอบคอบ รอบด้าน
2. ชว่ ยใหเ้ กดิ ความรับผิดชอบผกู พันระหวางผู้เข้าร่วมประชุม และแบ่งเบาภาระรับผดิ ชอบได้
ดี
3. ช่วยใหม้ ีความรอบคอบในการตัดสนิ ใจมีความรัดกุมมากยิงข้ึน
4. ช่วยใหก้ ารรวบรวมขอ้ มลู และความคิดเหน็ ได้ขอ้ มูลที่กวา้ งและครอบคลุม
5. ชว่ ยในการกระจายขา่ วสารเรื่องราวต่างๆ ถา่ ยทอดไปถึงผเู้ ก่ียวข้องได้อยางรวดเรว็
6. ช่วยในการประสานงาน ประสานความคิดและความเขา้ ใจได้ง่ายและสะดวกมากย่ิงข้ึน
7. ชว่ ยใหม้ คี วามคดิ เห็นใหม่ๆ ในวิธีการต่าง ๆ และมีโอกาสพจิ ารณาเลือกใช้ไดห้ ลากหลาย
8. ชว่ ยให้ไม่ดว่ นตดั สนิ ใจโดยลาพงั คนเดียว อยางรวดเรว็ จนอาจเกดิ พลาดพลั้งได้งา่ ย
9. ชว่ ยใหเ้ กดิ ความรู้สกึ เป็นเจ้าของความคิด มตขิ องเสยี งส่วนใหญ่
10. ช่วยใหต้ ิดตามความกาวหนา้ ในการปฏิบตั งิ าน กรณีมปี ัญหาอุปสรรคสามารถพจิ ารณา
แกไ้ ขได้ทนั ที
11. ชว่ ยให้มีมุมมองในปญั หาตา่ ง ๆ ได้อยางกวา้ งขวาง
นอกจากนยี้ งั มปี ระโยชน์ของการประชุม 9 ประการ ดังน้ี
1. ผจู้ ดั สัมมนาหรอื ผูเ้ รียนสามารถจัดสัมมนาได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
2. ผ้เู ขา้ ร่วมสมั มนา ได้รบั ความรู้ แนวคิดจากการสมั มนา สามารถนาไปปรับใช้ในการทางาน
และชีวิตส่วนตวั ได้
3. ผลจากการท่ผี เู้ ข้ารว่ มสัมมนาไดร้ บั ความรู้และความสามารถมากข้ึนจากการสัมมนา ชว่ ย
ทาให้ระบบและวธิ ีการทางานมปี ระสทิ ธภิ าพสงู ขึ้น
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ ่ัวไปเก่ียวกับการสมั มนา
10
4. การจัดสมั มนาจะชว่ ยแบ่งเบาภาระการปฏบิ ตั งิ านของผบู้ งั คับบญั ชา เพราะผู้ได้บงั คบั
บญั ชาไดร้ บั การสมั มนา ทาให้เข้าใจถงึ วิธกี ารปฏิบตั งิ านตลอดจนปญั หาต่างๆ และวธิ ีการแกไ้ ข
ปรบั ปรุงและพัฒนางานให้ได้ผลดี
5. เปน็ การพฒั นาผ้ปู ฏบิ ัติงานใหพ้ ร้อมอยูเ่ สมอ ท่จี ะก้าวไปรับตาแหน่งที่สูงกว่าเดมิ หรืองาน
ที่จาเป็นตอ้ งอาศยั ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซง่ึ ผ้ปู ฏบิ ัติงานจะไม่รู้สกึ ลาบากในการปรบั ตวั
เพราะได้รับความรู้ใหม่ ๆ ตลอดเวลา
6. เปน็ การส่งเสรมิ ความก้าวหน้าของผู้ปฏิบัตงิ าน เพราะโดยปกติแลว้ การพิจารณาเลื่อน
ตาแหน่ง ผูท้ ีไ่ ดร้ บั การสมั มนายอ่ มมีโอกาสได้รับการพิจารณาก่อน
7. เกิดความคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ เป็นผลใหเ้ กดิ แรงบนั ดาลใจม่งุ กระทากจิ กรรมอันดงี ามให้
สังคม
8. สามารถสร้างความเข้าใจอันดีงามต่อเพื่อนรว่ มงาน มีมนุษยส์ มั พันธ์ เกิดความรว่ มมือร่วม
ใจในการทางาน สามารทางานเปน็ ทีมได้เปน็ อยา่ งดี
9. เกดิ ความกระตือรอื ร้น กล้าคิด กลา้ ทา กลา้ ตัดสินใจ มีความรบั ผิดชอบ รจู้ กั ยอมรบั ความ
คิดเหน็ ของผู้อ่ืน รู้จกั ใช้ดุลยพินจิ วิเคราะห์ปญั หา สามารถแก้ปัญหาในการทางานและเกิดภาวะผู้นา
จากแนวคดิ ทีกล่าวมาขา้ งต้นสรปุ ให้เห็นไดว้ ่าประโยชนข์ องการประชมุ สมั มนาทสี าคญั ได้
ดังนี้
1. ผูจ้ ดั สมั มนาสามารถจัดสัมมนาได้อย่างมปี ระสิทธิภาพสอดคล้องกับจุดประสงค์ทตี่ ั้งไว้
2. ผเู้ ขา้ ร่วมสมั มนาได้รับความรู้ แนวคดิ จากการสมั มนา เพอ่ื นาไปปรับใชใ้ นการทางาน
3. เป็นการร่วมกนั แกป้ ญั หา โดยใช้ความรแู้ ละประสบการณจ์ ากบุคคลหลายคนเข้าด้วยกัน
เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีสว่ นร่วมในการรับผิดชอบ
4. เป็นการแลกเปลย่ี นข่าวสารขอ้ มูลตา่ งๆใหก้ ับผ้เู ขา้ สัมมนาทาใหเ้ กดิ ความเข้าใจตรงกันเกิด
ความร่วมมอื เพื่อความสาเร็จลลุ ่วง
5. เกิดความกระตือรอื รน้ มุง่ ม่นั ในการทางาน กล้าแสดงความคิดเหน็ ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ่อ
องค์กร
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรู้ทวั่ ไปเก่ียวกับการสมั มนา
11
6. ไดน้ าความร้จู ากการสัมมนาไปพัฒนาระบบและวธิ ีการทางาน ตลอดจนการแก้ปญั หา
ตา่ งๆ
7. เปน็ การพฒั นาผู้ปฏบิ ตั งิ านใหไ้ ดร้ ับความรู้ ความเข้าใจเทคโนโลยีทที่ นั สมัย เรียนรูเ้ ทคนิค
การทางานใหมๆ่ ตลอดเวลา
8. ช่วยเสรมิ สรา้ งทศั นะคตทิ ี่ดีในการปฏิบัติงานต่อเพือ่ นรว่ มงาน สร้างขวัญกาลังใจ สร้าง
ความเขา้ ใจอนั ดีในการทางานแกผ่ ้ปู ฏบิ ตั งิ าน
9. เกิดความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ เกดิ ความสามคั คีในหน่วยงาน รว่ มแรงรว่ มใจในการทางาน
เพิ่มคุณภาพของผูป้ ฏิบัติงาน
10. ช่วยให้ผูเ้ ขา้ สมั มนาได้ศึกษาเรียนรตู้ ลอดชวี ติ เปน็ บคุ คลทม่ี ีคุณค่าแก้องคก์ รและ
ประเทศชาติ
คุณลักษณะตา่ ง ๆ ของการสมั มนาท่ีดี
ลักษณะของกำรสัมมนำที่ดีนั้น ผู้เข้ำร่วมสัมมนำทุกคนจะต้องทรำบถึงวัตถุประสงค์ของกำร
สมั มนำอยำ่ งละเอียดและผู้จดั สัมมนำจะต้องพยำยำมจัดให้ผู้เข้ำร่วมสัมมนำได้มีควำมรู้ ประสบกำรณ์
ในกำรเรียนรู้และแกป้ ัญหำร่วมกนั อย่ำงมรี ะบบระเบยี บ มีกำรแลกเปลยี่ นควำมคดิ เห็นและข้อเท็จจริง
ระหว่ำงบุคคลในเชิงสร้ำงสรรค์ ผู้เข้ำร่วมสัมมนำจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อปัญหำและจริงใจต่อกำร
ทำงำนตำมที่ได้รับมอบหมำย อีกทั้งมีเทคนิคในกำรระดมควำมคิดเห็นเพื่อแก้ปัญหำอย่ำงมี
ประสิทธิภำพนอกจำกนี้ในกำรจัดสัมมนำแต่ละครั้งจะต้องมีผู้นำและผู้ตำมที่ดี มีผู้ฟังและผู้พูดที่ดี
ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุตำมวัตถุประสงค์ของกำรสัมมนำที่ตั้งไว้ กำรจัดสัมมนำที่ดีต้องมีคุณลักษณะต่ำง ๆ
ดังนี้ (รำยงำนผลกำรดำเนินงำนโครงกำรสัมมนำเชิงปฏิบัติกำร เรื่องกำรพัฒนำบุคลิกภำพและ
คณุ ลกั ษณะควำมเป็นครู สำหรับนักศึกษำหลกั สตู รครุศำสตรบณั ฑติ , 2557 หนำ้ 5)
1. ผเู้ ข้ำรว่ มสมั มนำทกุ คนทรำบวตั ถุประสงค์ของกำรประชุมสัมมนำ
2. จดั ให้ผเู้ ข้ำรว่ มสัมมนำมีควำมรู้ ควำมสำมำรถ ประสบกำรณ์ในกำรแกป้ ัญหำและหำแนว
ทำงกำรปฏบิ ตั ริ ่วมกัน
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ ว่ั ไปเก่ียวกับการสมั มนา
12
3. จดั ให้มกี ำรแลกเปลยี่ นควำมคิดเหน็ ซ่ึงกันและกนั กำรหำขอ้ เท็จจรงิ ระหวำ่ งผู้เขำ้ รว่ ม
สมั มนำในทำงสร้ำงสรรค์
4. ผเู้ ข้ำร่วมสมั มนำมีเจตคติที่ดีตอ่ ปัญหำ ข้อเทจ็ จริง หม่สู มำชกิ และตนเอง
5. ผูเ้ ข้ำรว่ มสัมมนำตอ้ งใช้ควำมคิดอย่ำงสรำ้ งสรรค์ในกำรแกป้ ญั หำอย่ำงมีประสทิ ธิภำพ
6. ผเู้ ข้ำร่วมสัมมนำจำเปน็ ต้องทรำบและปฏบิ ัติตำมข้อตกลง และข้ันตอนของกำรจดั สมั มนำ
เป็นอยำ่ งดี
7. ผู้เข้ำร่วมสัมมนำทุกคนต้องมีสว่ นรว่ มในกำรแสดงควำมคดิ เห็น เสนอข้อเสนอแนะ และ
ไดร้ ับประโยชน์โดยตรงจำกกำรจัดสมั มนำ
8. ผู้เขำ้ รว่ มสมั มนำควรนำหลักกำรและวิธีกำรเรียนรู้หรือแนวทำงปฏบิ ัติไปใชใ้ ห้เกิด
ประโยชน์ต่อองค์กรและตนเองตอ่ ไป
การสอนสัมมนา
สาหรับการสอนสัมมนา โดยท่ัวไปแล้วผู้เรียนจาเป็นต้องทาความเข้าใจเก่ียวกับหลักสูตร
รายวชิ าสัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตรเ์ สียกอ่ น ท้ังน้ีเพ่อื จะได้ทราบแนวทางการจัดการเรยี นการสอน
วตั ถุประสงค์รายวิชา การวัดและประเมินผล ตลอดจนกาหนดการสอน และการมีส่วนร่วมของผู้เรียน
เกี่ยวกับวิธีการเรียนการสอนท่ีหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุดในการเรียน (เกษ
กานดา สุภาพจน,์ 2543)
ผู้เรียนจาเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับความรู้ทั่วไปเก่ียวกับการสัมมนา องค์ประกอบ
ของการสัมมนา บทบาทหน้าที่ของบุคคลที่เก่ียวข้องกับการสัมมนาและจรรยาทางอาชีพของผเู้ ข้าร่วม
สัมมนา การจัดสถานท่ีสัมมนา การดาเนินการจัดสัมมนา การประเมินผลโครงการสัมมนา การจัดทา
เอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับการสัมมนา โดยอาจแบ่งช่ัวโมงสอน 4 คาบ ทฤษฎี 1 คาบ ปฏิบัติ 3 คาบ
ผู้สอนจาเป็นที่จะให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในเน้ือหาวิชาสัมมนาอย่างถ่องแท้เสียก่อนท่ีจะจัด
โครงการประชุมสัมมนา ควรยืดหยุ่นตามสถานการณ์และหัวเรื่องที่ผู้เรียนกาหนด หลังจากนั้นจะเร่ิม
เน้นเร่อื งการจัดประชุมสมั มนาให้มากขนึ้ โดยจัดลาดับการประชุมสมั มนา มีรายละเอยี ดดังน้ี
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรู้ทว่ั ไปเก่ียวกับการสัมมนา
13
1. มีการเลือกตั้งคณะกรรมการดาเนินงานจัดสัมมนา โดยเลือกตั้งผู้ดาเนินการเพียงชุดเดียวที่
แบง่ แยกหนา้ ท่ตี ามท่ีตนเองสนใจและสมคั รใจ
2. รวบรวมปัญหาหรือเลือกหัวข้อเรื่อง โดยจัดประเด็นของปัญหาท่ีต้องการศึกษา มีการ
วางแผนร่วมกัน เลอื กหัวขอ้ เรื่องจบั ประเด็นปญั หา ดงั นี้ (ไพฑูรย์ สนิ ลารตั น,์ 2544)
2.1 เลือกเรื่องท่ใี ชป้ ระชมุ สมั มนาเพียงเรอ่ื งเดียว
2.2 กาหนดตารางกจิ กรรมสัมมนา
2.3 เปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รียนเลือกใช้วิธีการสมั มนาตามลักษณะของปัญหาที่ตนเองสนใจ จดั ใหม้ ี
การสัมมนากลมุ่ ย่อย โดยใชว้ ธิ กี ารแกป้ ัญหา 6 ขนั้ คอื
1) ใหผ้ เู้ รยี นรวบรวมและเสนอประเดน็ ปญั หา
2) ให้ผู้เรยี นร่วมกันปรกึ ษาหารอื ระดมความคดิ เหน็ หาสาเหตุของปญั หา
3) ให้ผูเ้ รียนร่วมกันวิเคราะหป์ ญั หา
4) ให้ผเู้ รยี นร่วมกันระดมความคดิ หาแนวทางหาข้อสรปุ วธิ ีการแก้ปัญหา ทคี่ าดวา่ น่าจะ
ใช้ไดผ้ ลดีและมีประสิทธิภาพ
5) รวบรวมแนวทางการแก้ปัญหาและข้อเสนอแนะของกลุ่ม เพื่อจัดทารายงานสรุปต่อ
ท่ีประชุมใหญ่ หลังจากที่ได้เรื่องสัมมนาเรียบร้อยแล้ว จึงนาเรื่องท่ีได้มากาหนดวันเวลา สถานที่ที่จะ
ใช้ในการสมั มนา สามารถจัดเรยี งตามลาดับความสาคัญของปัญหานนั้ ๆ (ไพฑูรย์ สินลารตั น์. 2544)
3. ศึกษาปัญหาหรือเร่อื งทจ่ี ะแก้ปญั หา
ใหผ้ ูเ้ รยี นรวบรวมวธิ ีการศึกษาหาความรตู้ ่างๆ เช่น การศกึ ษาค้นคว้า คดิ วิเคราะห์ ทดลอง
วิจัย ฯลฯ โดยเลือกวิธีการศึกษาตามความถนัดและความสามารถของตนเอง เพื่อให้ผู้เรียนฝึกทักษะ
ตา่ งๆในการศกึ ษาค้นควา้ ซ่งึ จาเปน็ สาหรับผู้เรียนสมั มนา
4. นาข้อมลู ที่ได้ศกึ ษาเรียบร้อยแล้วมาสัมมนาในหอ้ งเรียน
หลังจากทผ่ี ู้เรียนแยกกันไปศึกษาหาข้อมลู และกลับมาพบกันในห้องเรียน โดยนาเร่อื งท่ีจะ
สัมมนามาอภิปรายร่วมกัน จากนั้นผู้เรียนได้แบ่งกลุ่มแสดงบทบาทหน้าท่ีของผู้ดาเนินการจัดสัมมนา
โดยเปดิ โอกาสให้ผ้เู รียนไดห้ มุนเวยี นกนั ปฏิบัติหนา้ ทต่ี ามตารางทก่ี าหนดในแตล่ ะครั้งท่ีมีการสมั มนา
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ ่วั ไปเก่ียวกับการสัมมนา
14
การจัดสัมมนาในห้องเรียน เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกพูด สนทนา ซักถาม ถกเถียง
ปรึกษาหารือ อภิปราย ในหัวข้อที่กาหนดมาสัมมนาโดยอาศัยความรู้จากการท่ีได้แยกกันไปศึกษา
มาร่วมกันสัมมนาน้ัน ผู้เรียนจาเป็นต้องอาศัยทักษะอ่ืนๆเป็นส่วนประกอบในการแสดงออกกับกลุ่ม
ในเร่ืองของบทบาทหน้าท่ีของผู้เข้าร่วมสัมมนา ความกระตือรือร้น ความรับผิดชอบ การควบคุม
อารมณ์ การแสดงความคิดเห็นอย่างมีหลักการและเหตุผล การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น วิธี
กระบวนการกลุ่ม ซึ่งทักษะเหล่านี้ผู้เรียนควรได้รับความรู้และมีโอกาสฝึกฝนไปพร้อมๆกันระหว่าง
เรียนวิชาน้ี
5. ทากจิ กรรมประกอบ
ในการจัดสัมมนาอาจมีกิจกรรมเสริม เช่น เชิญวิทยากรมาบรรยายหรืออภิปราย เพื่อให้
ความรู้เสริมในห้องเรียน กิจกรรมนันทนาการ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ฯลฯ เพื่อสร้างความคุ้นเคย
ความสัมพันธ์อันดีงาม ผ่อนคลายความตรึงเครียด ความแปลกใหม่ น่าสนใจมากยิ่งข้ึน อีกทั้งเป็น
กิจกรรมที่ทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์ และสามารถนาไปใช้ในการเรียนและชีวิตประจาวันได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ การทากิจกรรมเสริม อาจแบง่ วธิ กี ารนาไปใช้ 3 วิธกี าร ดงั นี้
5.1 เชิญวทิ ยากรมาบรรยายหรืออภปิ ราย เพ่อื ใหค้ วามรเู้ สริมในห้องเรยี น แลว้ นาขอ้ มูลท่ี
ได้มาเปน็ แนวทางในการแก้ปัญหาใดปญั หาหนึ่งโดยเฉพาะ
5.2 จัดกิจกรรมในรูปแบบของการจัดสัมมนา โดยเน้นให้ผู้เรียนทุกคนจะร่วมกันคิด-
วางแผนดาเนินการจัดสัมมนา และแบง่ หนา้ ท่ีความรบั ผิดชอบในแต่ละฝ่าย เป็นการฝกึ ทางานเป็นทีม
มีการระดมความคิดเห็น ปรึกษาหารือ หาข้อสรุป เพื่อให้การจัดสัมมนาออกมาสมบูรณ์และมี
ประสิทธภิ าพ
5.3 จัดกิจกรรมนันทนาการ เน้นให้ผู้เข้าสัมมนาเกิดความสนุกสนาน ผ่อนคลาย สร้าง
ความสัมพันธ์ ความคุ้นเคยมากยง่ิ ขึ้น
6. รวบรวมสรปุ ผลรายงานการดาเนินงานประชมุ สัมมนาและเอกสารตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ ง
7. รายงานผลการประชุมสมั มนาตอ่ ทีป่ ระชุมใหญ่ เพ่อื พิจารณาหาข้อสรปุ และข้อเสนอแนะ
8. ประเมนิ ผลการสมั มนา วเิ คราะห์ข้อมลู หาข้อดี ข้อบกพร่อง เพอื่ เปน็ แนวทางปรบั ปรงุ
และพัฒนางานให้ดขี ้ึน
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความร้ทู ั่วไปเก่ียวกับการสมั มนา
15
9. จดั ทาเอกสารสรปุ ผลรายงานการสัมมนาของทกุ กลมุ่ ควรทารวมกัน เสนอแกผ่ ูส้ อน เพอ่ื
ศึกษาและจัดเก็บไว้
จะเหน็ ได้วา่ การดาเนนิ การจดั สัมมนาในองค์กรกบั การสอนสมั มนานั้น มลี ักษณะคล้ายกันแต่
จะแตกตา่ งทีว่ ัตถุประสงค์ของการสมั มนาเทา่ นั้น เพราะวัตถุประสงค์ของการสมั มนาในองคก์ ร ก็
เพื่อให้ผ้มู ุ่งเขา้ สัมมนาไดร้ ับความรู้และความสามารถมากข้ึน ช่วยทาใหร้ ะบบและวิธีการทางานมี
ประสทิ ธิภาพมากยิง่ ขนึ้ นอกจากนีย้ งั ชว่ ยพัฒนาผปู้ ฏบิ ัติงานให้มพี ร้อมอยู่เสมอ สร้างความเข้าใจอนั ดี
งามตอ่ เพ่ือนรว่ มงาน เกดิ ความสามคั คี การทางานเปน็ ทมี ส่วนการสอนสมั มนาจะมงุ่ พฒั นาศกั ยภาพ
ของผเู้ รยี นเปน็ หลกั โดยเนน้ ใหผ้ เู้ รยี นเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ และเปลีย่ นความคดิ เห็นซึ่งกัน
และกนั
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ ่วั ไปเกี่ยวกับการสัมมนา
16
แบบฝกึ หัดที่ 1
เร่ือง ความรู้ทัว่ ไปเกยี่ วกบั การสมั มนา
จงตอบคาถามต่อไปน้ี
1. สมั มนามีความหมายว่าอะไร
2. การจดั ประชมุ สมั มนามคี วามสาคัญอยา่ งไร
3. การประชุมสัมมนาเร่ิมตน้ ใชใ้ นสถานทใ่ี ด และศตวรรษที่เทา่ ไร
4. การจัดประชมุ สมั มนามีวัตถุประสงค์และเปา้ หมายอย่างไร
5. ในการประชุมสัมมนา ผเู้ รยี นจาเปน็ ต้องมีความรูแ้ ละเข้าใจเรอ่ื งใดบ้าง
6. การจดั สมั มนามปี ระโยชนอ์ ย่างไร
7. การจดั สัมมนากลมุ่ ย่อยมักใชว้ ธิ ีการแก้ปญั หาก่ีข้นั มีอะไรบ้าง
8. การจัดลาดบั ประชุมสัมมนา ในวชิ าการสอนสัมมนา มีอะไรบ้าง
9. กิจกรรมประกอบการสมั มนาทมี่ ักนยิ มใช้ มอี ะไรบ้าง
10. วิธกี ารนากจิ กรรมเสริมมาใช้ในการสมั มนา มวี ิธใี ดบ้าง
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความร้ทู ่วั ไปเก่ียวกับการสัมมนา
17
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
บทท่ี 1 เร่อื ง ความรทู้ ั่วไปเก่ียวกับการสมั มนา
คาชแ้ี จง ใหน้ ักศึกษำเลอื กคำตอบที่ถูกท่ีสดุ เพยี งคำตอบเดยี ว แล้วทำเครื่องหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. ข้อใดคือความหมายของคาวา่ “ สมั มนา”
ก. การทบี่ คุ คลนัง่ คุยกันเร่ืองใดเรื่องหน่ึง
ข. การแลกเปล่ียนความรู้ ความคดิ เหน็ และประสบการณ์
ค. การเสนอแนะเร่ืองราวต่าง ๆ เพื่อนาไปปฏิบัติ
ง. การค้นคว้าโดยมีผคู้ อยให้คาแนะนาชว่ ยเหลอื
2. ข้อใดคือความสาคัญของการสัมมนา
ก. เพือ่ ความรวดเร็วทจี่ ะทาให้ได้ข้อตกลง
ข. เพ่อื ใหเ้ กดิ ความนา่ สนใจในการเรยี นรู้
ค. เพอ่ื เป็นการประชมุ แบบพิธกี าร
ง. เพอื่ พบปะกนั ภายในองค์กร
3. ข้อใดคือการประชมุ แบบทางการ
ก. ประชุมทว่ั ไป
ข. ประชุมทางวชิ าการ
ค. ประชุมท่เี ปน็ แบบแผน
ง. ประชุมเชงิ ปฏิบตั กิ าร
4. ข้อใดคือลกั ษณะการประชุมซินดเิ คต
ก. การประชุมพบปะ ปรึกษาหารือ
ข. การประชุมท่ีแบง่ กลุ่มย่อยเพื่อพิจารณาปญั หา
ค. การอภปิ รายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ไม่ต้องมีระเบยี บแบบแผนมากนกั
ง. การประชุมทปี่ ระกอบด้วยผู้เชยี่ วชาญ
5. ขอ้ ใดคือความหมายของคาวา่ “Seminar”
ก. โรงเรียนฝึกหัดครู
ข. สถาบนั การศกึ ษาท่มี งุ่ สอนและสรา้ งนักบวช
ค. วธิ ีการสอนที่ใหอ้ ิสระแก่ผูเ้ รยี น
ง. การบรรยายสมั มนา
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความร้ทู วั่ ไปเกี่ยวกับการสมั มนา
18
6. ข้อใดคือประเทศแรกท่ีมวี ธิ กี ารสอนแบบ Seminarium
ก. ประเทศออสเตเรีย
ข. ประเทศไทย
ค. ประเทศสหรัฐอเมริกา
ง. ประเทศเยอรมัน
7. ขอ้ ใดคือวตั ถุประสงค์ที่สาคญั ของการสัมมนา
ก. เพ่ือแสวงหาขอ้ ตกลงและแลกเปลยี่ นความคิดเห็นในประเด็นท่ีกาหนด
ข. เพอ่ื เผยแพร่วธิ ีการสอนให้เป็นทร่ี จู้ กั
ค. เพอ่ื ปิดโอกาสให้นักศึกษาเล่าประสบการณ์
ง. เพื่อใช้สอนนกั ศึกษาระดบั สงู
8. ข้อใดคือประโยชนข์ องการจดั สมั มนา
ก. ผู้เรยี นไดแ้ นวทางในการประกอบอาชีพ
ข. ผเู้ รยี นเกดิ ความน่าสนใจในการเรยี นรู้
ค. ผูเ้ รียนสามารถจัดสมั มนาไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ง. ผู้เรียนเกิดความสนุกสนาน กล้าคิด กลา้ ทา
9. ข้อใดคือคุณลกั ษณะของกำรสัมมนำท่ีดี
ก. ผเู้ ข้ำรว่ มสัมมนำมีควำมรู้ ประสบกำรณ์ในกำรแก้ปัญหำและแนวทำงปฏบิ ตั ริ ่วมกัน
ข. ผู้เขำ้ รว่ มสัมมนำพูดจำสุภำพเรยี บร้อย เหมำะสมกับกำลเทศะ
ค. ผเู้ ขำ้ รว่ มสัมมนำจดบนั ทกึ ประเดน็ สำคญั ทตี่ นเองสนใจ
ง. ผเู้ ขำ้ รว่ มสัมมนำนำควำมรู้และควำมคิดเห็นต่ำงๆไปใช้ในชีวติ จริง
10. ข้อใดคอื ลำดับขนั้ แรกในกำรประชมุ สัมมนำ ในวิชำกำรสอนสัมมนำ
ก. เปิดโอกำสให้ผเู้ รยี นเลอื กใชว้ ิธีกำรสัมมนำตำมลกั ษณะของปญั หำ
ข. ผูเ้ รยี นรว่ มกันปรกึ ษำหำรอื
ค. มกี ำรเลอื กตงั้ คณะกรรมกำรดำเนินงำนสัมมนำ
ง. รวบรวมแนวทำงกำรแก้ปัญหำและขอ้ เสนอแนะของกล่มุ
แบบทดสอบก่อนเรยี น บทท่ี 1
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรทู้ ั่วไปเก่ียวกับการสัมมนา
19
แบบทดสอบหลังเรียน
บทที่ 1 เรื่อง ความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกบั การสมั มนา
คาชี้แจง ให้นกั ศึกษำเลือกคำตอบท่ีถกู ทสี่ ดุ เพียงคำตอบเดยี ว แลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน
6-312-208 สัมมนาวชิ ากชรพี ะดคำหษกครำรตมอศบาสคตะรแ์ น(Sนeเmต็มin1a0r คinะแHนoนmเวeลEำcในoกnำoรmทำicแsบ)บทดสอบ 10 นำที คคววาามมรรทู้ ู้ท่วั ่วั ไปไปเกเกี่ยี่ยววกกับับกกาารรสสัมัมมมนนาา
1. ข้อใดคือประเทศแรกทีม่ วี ิธกี ารสอนแบบ Seminarium
ก. ประเทศออสเตเรีย
ข. ประเทศไทย
ค. ประเทศสหรฐั อเมรกิ า
ง. ประเทศเยอรมัน
2. ข้อใดคือการประชุมแบบทางการ
ก. ประชุมทั่วไป
ข. ประชมุ ทางวชิ าการ
ค. ประชมุ ท่ีเปน็ แบบแผน
ง. ประชมุ เชิงปฏิบัตกิ าร
3. ขอ้ ใดคือคุณลักษณะของกำรสมั มนำทีด่ ี
ก. ผู้เข้ำร่วมสมั มนำมคี วำมรู้ ประสบกำรณ์ในกำรแก้ปัญหำและแนวทำงปฏบิ ัติร่วมกัน
ข. ผ้เู ข้ำรว่ มสัมมนำพูดจำสุภำพเรียบร้อย เหมำะสมกับกำลเทศะ
ค. ผูเ้ ขำ้ ร่วมสัมมนำจดบันทึกประเดน็ สำคัญท่ตี นเองสนใจ
ง. ผเู้ ข้ำรว่ มสัมมนำนำควำมรแู้ ละควำมคดิ เหน็ ตำ่ งๆไปใช้ในชวี ิตจริง
4. ข้อใดคือความหมายของคาว่า “ สัมมนา”
ก. การท่ีบคุ คลน่ังคยุ กนั เร่ืองใดเรื่องหนึง่
ข. การแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นและประสบการณ์
ค. การเสนอแนะเร่ืองราวต่างๆเพ่ือนาไปปฏบิ ตั ิ
ง. การค้นคว้าโดยมีผูค้ อยให้คาแนะนาชว่ ยเหลอื
5. ขอ้ ใดคือลกั ษณะการประชุมซนิ ดเิ คต
ก. การประชุมพบปะ ปรกึ ษาหารือ
ข. การประชมุ ทแ่ี บ่งกลมุ่ ย่อยเพ่ือพิจารณาปัญหา
ค. การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น ไม่ต้องมรี ะเบยี บแบบแผนมากนัก
ง. การประชมุ ทีป่ ระกอบดว้ ยผเู้ ช่ยี วชาญ
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรู้ทัว่ ไปเก่ียวกับการสัมมนา
20
6. ข้อใดคือความสาคัญของการสัมมนา
ก. เพือ่ ความรวดเร็วทจี่ ะทาให้ได้ข้อตกลง
ข. เพ่อื ให้เกิดความน่าสนใจในการเรยี นรู้
ค. เพือ่ เป็นการประชุมแบบพธิ กี าร
ง. เพอ่ื พบปะกันภายในองค์กร
7. ขอ้ ใดคือความหมายของคาวา่ “Seminar”
ก. โรงเรยี นฝึกหดั ครู
ข. สถาบนั การศกึ ษาท่ีมุ่งสอนและสร้างนักบวช
ค. วธิ กี ารสอนทใ่ี หอ้ ิสระแก่ผเู้ รยี น
ง. การบรรยายสัมมนา
8. ข้อใดคือวตั ถปุ ระสงค์ท่ีสาคญั ของการสมั มนา
ก. เพ่ือแสวงหาข้อตกลงและแลกเปล่ยี นความคิดเหน็ ในประเดน็ ที่กาหนด
ข. เพื่อเผยแพร่วธิ ีการสอนให้เปน็ ที่รู้จัก
ค. เพอื่ ปิดโอกาสให้นักศึกษาเลา่ ประสบการณ์
ง. เพอ่ื ใชส้ อนนักศึกษาระดบั สูง
9. ขอ้ ใดคือลำดับข้ันแรกในกำรประชุมสมั มนำ ในวชิ ำกำรสอนสัมมนำ
ก. เปดิ โอกำสให้ผเู้ รียนเลือกใชว้ ธิ กี ำรสมั มนำตำมลักษณะของปัญหำ
ข. ผู้เรยี นรว่ มกนั ปรึกษำหำรอื
ค. มกี ำรเลอื กต้งั คณะกรรมกำรดำเนนิ งำนสมั มนำ
ง. รวบรวมแนวทำงกำรแก้ปญั หำและขอ้ เสนอแนะของกลุ่ม
10. ขอ้ ใดคือประโยชน์ของการจดั สัมมนา
ก. ผเู้ รียนไดแ้ นวทางในการประกอบอาชีพ
ข. ผ้เู รยี นเกิดความนา่ สนใจในการเรียนรู้
ค. ผู้เรียนสามารถจัดสัมมนาได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ง. ผเู้ รียนเกิดความสนุกสนาน กลา้ คดิ กล้าทา
แบบทดสอบหลงั เรียน บทที่ 1
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความรู้ท่วั ไปเก่ียวกับการสมั มนา
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) ความร้ทู ั่วไปเกี่ยวกับการสัมมนา
22
บทท่ี 2
องคป์ ระกอบของการสัมมนา
องคป์ ระกอบของการจดั สัมมนา
การจัดสัมมนาเป็นวิธีการประชุมและวิธีการสอนอีกรูปแบบหน่ึงท่ีเป็นท่ีนิยม โดยผู้เข้า
สัมมนาร่วมแสดงความคิดเห็น โดยใช้หลักการ และเหตุผล การคิดอย่างเป็นระบบ ให้ได้ความรู้
ประสบการณ์ นามาเสนอแนะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในการค้นหาคาตอบ วิธีการแก้ปัญหาน้ันๆ
หรือแนวทางการแก้ปัญหา หรือกาหนดนโยบายขององค์กร (เกษกานดา สุภาพพจน์, 2549, หน้า
22-41, ผล ยาวิชยั , 2553, หนา้ 7-12)
1. ดา้ นเนื้อหา ไดแ้ ก่ สาระหรือเร่ืองราวทจ่ี ะนามาจัดลาดับก่อนหลงั อย่างเป็นระบบ ซง่ึ ประกอบด้วย
รายละเอยี ด ดงั นี้
1.1 จุดมุ่งหมายของการจัดสัมมนา โดยปกตแิ ลว้ การจัดสมั มนา ก็เพ่อื ให้ผูเ้ ข้ารว่ มการสัมมนา
หรือนักศึกษาเกิดการเรียนรู้ แลกเปล่ียนความคิดเห็นอย่างเสรี ซักถาม ปรึกษาหารือ ภายใต้หัวข้อท่ี
กาหนด ทาให้เกิดการเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถประสบการณ์ ที่ได้รับแนวคิดใหม่ๆ สามารถนาไป
ปรับปรุงแก้ไขปัญหาได้อย่างสร้างสรรค์ และพัฒนาตนเอง หน่วยงาน องค์กรที่รับผิดชอบ อย่างไรก็
ตามในการจัดสัมมนาจาเป็นที่จะต้องเขียนจุดมุ่งหมายของการจัดสัมมนาไว้ให้มีความชัดเจน เพื่อให้
คณะกรรมการดาเนินการจัดสัมมนา ผู้เข้าร่วมสัมมนา วิทยากร และบุคคลอ่ืนๆที่เก่ียวข้องกับการ
สัมมนา จะได้เข้าใจบทบาท หน้าท่ีของตนเอง และสามารถดาเนินการจัดสัมมนาให้เป็นไปตาม
จุดมงุ่ หมายทว่ี างไว้ ดังนัน้ ในการเขยี นจุดมุ่งหมายจงึ มักจะกาหนดประเดน็ สาคญั ไว้ ไดแ้ ก่
1) เพ่อื อบรม ฝึกฝน ช้ีแจง้ ปลกู ฝังทัศนคติ ในเรื่องใดเรื่องหน่ึง
2) เสนอขา่ วสาร ข้อเสนอแนะทใ่ี ห้ความรู้ น่าสนใจ ทนั สมัยและเหมาะกับสถานการณ์
3) เพอ่ื สารวจปญั หา ตรวจสอบปัญหาหรอื ประเดน็ ตา่ งๆ เพือ่ ทาความเขา้ ใจในเรื่องน้ันๆ
4) เพ่อื ศกึ ษา แลกเปลีย่ น หาข้อสรปุ จากผลงานค้นคว้าวจิ ัยระหว่างบคุ คล
5) เพอ่ื แสวงหาข้อตกลง ดว้ ยวธิ ีการอภปิ รายภายใต้หัวขอ้ ทก่ี าหนด
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องคป์ ระกอบของการสมั มนา
23
1.2 เร่ืองที่จะนามาจัดสัมมนา ต้องเป็นเร่ืองมี่มีประโยชน์และคุ้มค่าในการจัดสัมมนา โดยผู้
จัดสัมมนาควรพิจารณาให้ดีก่อนว่าจะเลือกวิธีการอะไรท่ีจะนามาจัดสัมมนา จึงจาเป็นท่ีจะต้อง
เล็งเห็นถึงประโยชน์ ความคุ้มค่า นอกจากน้ีส่ิงที่ควรคานึงถึงในการพิจารณาเก่ียวกับการเลือกเรื่อง
หรือหัวข้อท่ีจะนามาจัดสมั มนา มีดังน้ี
1) เปน็ เรอ่ื งหรือหวั ขอ้ ท่ีต้องการจะศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกย่ี วข้องกับ
การปฏบิ ัติงานหรือเรื่องท่ีกาลังศึกษาอยู่
2) เป็นเรอ่ื งหรือหัวข้อมีความทันสมยั และสอดคลอ้ งกับสถานการณใ์ นปจั จบุ ัน
3) เปน็ เรื่องหรอื หวั ขอ้ ทีน่ ่าสนใจ เกิดประโยชน์ ความคุ้มค่ามากที่สดุ
4) เป็นเรื่องหรือหัวข้อท่ีมีขอบเขตเฉพาะ สามารถกาหนดปัญหา และแนวทางการ
ดาเนนิ การจดั สมั มนาได้อย่างชดั เจน
5) ช่ือเร่ืองควรกาหนดชื่อเรื่องที่มีลักษณะส้ันกระชับ เข้าใจง่าย มีความชัดเจนและตรง
ความหมาย ตวั อย่าง เช่น
- เร่อื งการประดษิ ฐข์ องใช้สรา้ งอาชีพในชมุ ชน
- เรอื่ งครบเครือ่ งเรอ่ื งการแกะสลักวจิ ติ ร
- เรอ่ื งการทากุญแจดอกทิวลปิ จากเศษผา้ เหลอื ใช้
การเลือกเร่อื งในกรณีทใ่ี ช้สาหรบั การสอนสัมมนา
ในการสอนวิชาสัมมนา โดยทั่วไปแล้วผู้เข้าร่วมสัมมนาต้องช่วยกันคิดเรื่องหรือหัวข้อในการ
สัมมนา โดยเลือกเรอื่ งท่จี ะนามาจัดสัมมนา ควรเป็นเร่ืองท่ีเปน็ ปัญหาทเ่ี กี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
หรอื เป็นเรือ่ งทต่ี ้องการศึกษาอย่าให้แคบหรือกวา้ งจนเกินไป
1) ใช้ช่ือเร่ืองเพียงเร่ืองเดียว ในการสัมมนาท้ังหมด โดยใช้วิธีการแสวงหาข้อตกลง อภิปราย
แลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ซงึ่ กันและกันอย่างเสรี ใครมีแนวคิดหรือแง่มุมของความคิดแบบใดก็นาเสนอ
เพือ่ หาข้อสรปุ ของการนาไปใช้ได้
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องค์ประกอบของการสัมมนา
24
2) เลอื กเร่อื งที่จะสัมมนาและกาหนดตารางการจัดสมั นา หมายถึง เลอื กเรอ่ื งให้ตรงกับความ
สนใจของผู้เรียนแต่ละคน จัดเตรียมเนื้อหาข้อมูลมาร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยน
กนั จดั ทากาหนดการตารางกจิ กรรมการสมั มนาอยา่ งละเอียด
3) เปดิ โอกาสให้ผเู้ รียนแตล่ ะคนหรือแตล่ ะกลุ่มเลอื กเรื่องที่ตนสนใจ และนาแตล่ ะเรอื่ งน้ันมา
จัดตารางวัน เวลา ว่าเป็นหัวข้อของกลุ่มใด ท่ีจะนาหัวข้อนั้นมาสัมมนา ทั้งนี้จะต้องให้ผู้เข้าร่วม
สมั มนาไดร้ บั รแู้ ละเข้าใจตรงกนั
1.3 หัวข้อประชุมสัมมนา ควรกาหนดหัวข้อเร่ืองเกี่ยวกับความรู้ หรือเร่ืองราวต่างๆท่ีมี
สัมพันธ์กับเร่ืองที่จะจัดสัมมนา เพ่ือให้สามารถกาหนดแนวทางดาเนินการจัดสัมมนาได้อย่างชัดเจน
ทั้งน้ียังมีผลต่อการจัดหา หรือเชิญวิทยากรท่ีมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์โดยเฉพาะ
เพื่อมาบรรยาย อภิปราย อบรมเชิงปฏิบัติการ ฯลฯ ให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับความรู้จากการฟัง
วทิ ยากรอยา่ งเตม็ ท่ี
1.4 กาหนดการประชุมสัมมนา ผู้จัดสัมมนาควรมีการวางแผนในการกาหนดกิจกรรมและ
จัดทากาหนดการฉบับสมบูรณ์ เพื่อจะทาให้ทราบช่วงเวลาของการดาเนินการสัมมนาแต่ละรายการ
ของการสัมมนาอยา่ งละเอียด ในการกาหนดการสมั มนาควรระบหุ ัวข้อ ดังน้ี
1) ชือ่ เรือ่ งทจ่ี ัดสมั มนา
2) ชือ่ หน่วยงานหรอื องค์กร ผ้ดู าเนินการจัดสัมมนา
3) วัน เดือน ปี เวลา และสถานท่ีประชุมสมั มนา
4) ตารางเวลา และกิจกรรมการจัดสัมมนา
1.5 ผลท่ีได้รับจากการจัดสัมมนา เป็นเรื่องที่ผู้จัดสัมมนาได้คาดหวังว่า หลังจากการจัด
สัมมนาเรยี บร้อยแล้ว ผเู้ ข้าร่วมสัมมนาจะไดร้ บั ประโยชน์อยา่ งไรบ้าง สามารถเขียนในเชิงปรมิ าณและ
คณุ ภาพ จงึ เปน็ เรื่องทผี่ ูจ้ ดั สมั มนาจะตอ้ งเขียนผลท่ีได้รบั อย่างชัดเจน
2. ดา้ นบคุ ลากร หมายถึง บุคคลท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การจัดสมั มนา
2.1 บุคลากรฝ่ายการจัดสัมมนา ไดแ้ ก่ บุคคลหรือคณะกรรมการท่ีมีบทบาทหน้าท่ใี นการจดั
สัมมนาให้สาเรจ็ ลลุ ว่ งและสอดคล้องกบั จุดมุ่งหมายทีว่ างไว้ โดยมีคณะกรรมการจดั การประชมุ สัมนา
อาจแบง่ ไดเ้ ปน็ ฝา่ ยต่างๆ ดังนี้
- ประธานและรองประธาน
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องคป์ ระกอบของการสัมมนา
25
- เลขานกุ ารและผชู้ ่วยเลขานกุ าร
- เหรัญญกิ และผชู้ ว่ ยเหรัญญิก
- ฝา่ ยลงทะเบียน
- ฝา่ ยเอกสาร
- ฝา่ ยพิธีการ
- ฝา่ ยจัดสถานที่
- ฝ่ายสวสั ดกิ าร
- ฝ่ายประชาสมั พนั ธ์
- ฝ่ายปฏิคมหรอื ฝา่ ยตอ้ นรับ
- ฝา่ ยรกั ษาพยาบาล
- ฝ่ายประเมินผล
- ฝา่ ยยานพาหนะ
- ฝ่ายท่ปี รึกษา
2.2 วิทยากร หมายถึง บุคคลท่ีทาหน้าท่ีบรรยาย อภิปราย สาธิตหรือถ่ายทอดความรู้
ประสบการณ์ โดยใช้เทคนิควิธีการต่าง ๆ ให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา และมุ่งหวังให้ผู้เข้าสัมมนาได้รับ
ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์อย่างเต็มท่ี ดังนั้นผู้ท่ีเป็นวิทยากรต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้
ความสามารถ และประสบการณ์ หรือมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือเกี่ยวข้องกับเรื่องท่ีจัดสมั มนา
นัน้ ๆ ผู้ที่เป็นวทิ ยากรทดี่ ีควรมีลกั ษณะดังนี้
- เปน็ ผทู้ ีม่ ีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในหวั ข้อทก่ี าหนด
- เปน็ ผทู้ ีม่ สี ามารถถ่ายทอดความรู้ โดยใชเ้ ทคนคิ ตา่ งๆใหก้ บั ผเู้ ขา้ รว่ มสัมมนาได้อยา่ งดี
- เปน็ ผทู้ ม่ี ีบคุ ลิภาพ มมี นุษยสัมพันธ์
- เป็นผู้ที่มคี วามคิดก้าวไกล ทันสมัย
- เปน็ ผู้ท่ีมีเหตุผล และสามารถควบคมุ อารมณ์ได้เป็นอย่างดี
- เปน็ ผูท้ ี่มีชอื่ เสยี ง เป็นทร่ี ูจ้ กั และยอมรบั ในความสามารถในเร่ืองทีก่ าหนด
2.3 ผู้เข้าร่วมสัมมนา หมายถึง บุคคลที่เข้าร่วมสัมมนาหรือผู้ท่ีสนใจปัญหา หรือผู้ท่ีแสวงหา
แนวคิดใหม่ๆ โดยมีความมุ่งหมายที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเท็จจริง ประสบการณ์ ทัศนคติ
ตลอดจนการถ่ายทอดความรู้ ความสามารถ ใชค้ วามคิดรว่ มกนั ในการแกป้ ัญหาร่วมกัน
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องค์ประกอบของการสมั มนา
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องค์ประกอบของการสมั มนา
26
3. ดา้ นสถานท่ี เคร่อื งมือ และอปุ กรณต์ ่าง ๆ
3.1 ห้องประชมุ ใหญ่ หมายถงึ หอ้ งประชุมสาหรับผเู้ ข้ารว่ มสัมมนาที่มปี ริมาณมาก ใช้ในการ
บรรยาย อภปิ รายหรอื สัมมนาที่จะตอ้ งกาหนดที่นง่ั และบรรจุจานวนคนชดั เจน
3.2 ห้องประชุมย่อย หมายถึง ห้องประชุมสาหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาท่ีมีขนาดกลางหรือขนาด
เล็ก สามารถประยกุ ต์ใช้จากห้องสมั มนาขนาดใหญ่ โดยใช้วธิ ีการกน้ั ห้องเพอื่ ปอ้ งกันเสียงรบกวน
3.3 ห้องรับรอง หมายถึง ห้องที่ใช้สาหรับรับรองวิทยากร ประธานในพิธี หรือแขกผู้มีเกียรติ
เพือ่ ให้ไดพ้ ักผอ่ นหรือเตรยี มตวั ก่อนการสมั มนา
3.4 ห้องรบั ประทานอาหารว่าง หมายถึง หอ้ งทใี่ ชส้ าหรบั ให้ผู้เขา้ ร่วมสัมมนารับประทาน
อาหารวา่ งและพักผอ่ นตามอัธยาศยั
3.5 ห้องรับประทานอาหาร หมายถึง ห้องทใ่ี ชส้ าหรับให้ผเู้ ข้าร่วมสมั มนารับประทานอาหาร
เชา้ อาหารกลางวันหรืออาหารเย็น
3.6 อุปกรณโ์ สตทัศนปู กรณ์ ได้แก่ เครื่องเสยี ง ไมโครโฟนชนิดสาย ไมโครโฟนไร้สาย เครื่อง
ฉายโปรเจกเตอร์ พร้อมจอ อุปกรณด์ า้ นแสงและสยี งต่าง ๆ ฯลฯ
3.7 อปุ กรณ์ เครอื่ งมือ ได้แก่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ โนต๊ บุ๊ค เคร่ืองปรน้ิ เตอร์ เครื่องถ่าย
เอกสาร วสั ดอุ ่ืนๆทจี่ าเป็นในการทาเอกสารประกอบการสัมมนา
3.8 อปุ กรณเ์ ครอื่ งเขียน ที่จาเปน็ ในการสัมมนา เชน่ ดินสอ ปากกา ไมบ้ รรทัด คลิปหนีบ
กระดาษ กระดาษขาว เครอื่ งเขยี นต่าง ๆ ป้ายชอื่ ติดอกผู้เข้าร่วมสมั มนา
4. ด้านเวลา การกาหนดวัน เวลาที่ใช้สาหรับการสัมมนา ว่ึงเป็นองค์ประกอบที่สาคัญ ท่ีผู้จัดสัมมนา
ควรมีการวางแผนไว้อย่างดีว่าควรใช้ วัน เวลาใดในการจัดสัมมนาจึงจะเหมาะสม เพื่อให้เกิดสะดวก
แก่ทกุ ฝ่าย ไมว่ า่ จะเปน็ ผู้จัดสัมมนา วทิ ยากร และผเู้ ข้าร่วมสัมมนาสะดวกที่จะมาสัมมนา เวลาในการ
จดั สมั มนาไมค่ วรน้อยหรอื มากเกนิ ไปเพราะจะทาให้การสัมมนานา่ เบ่ือได้ จงึ ควรคานึงถึงเร่อื ง ดังน้ี
4.1 ระยะเวลาสาหรับการเตรียมงาน ผู้จัดสัมมนาควรมีการวางแผนในการปฏิบัติงานก่อน
การสัมมนาอย่างชัดเจน เช่น มีการประชุมวางแผนจัดทาโครงการ ขออนุมัติโครงการ วางแผน
เก่ียวกับวิทยากร ผู้เข้าร่วมสัมมนา การจัดเตรียมสถานที่ห้องสัมมนา จัดสรรงบประมาณ การ
ประเมนิ ผลโครงการ เปน็ ต้น
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องค์ประกอบของการสัมมนา
27
4.2 การเชญิ วิทยากร ผู้จดั สัมมนาควรวางแผนให้ดี โดยเลอื กวนั สมั มนาทวี่ ิทยากรสะดวก รปู แบบการ
บรรยาย การปฏิบัติการ อภิปราย ผู้จัดสัมมนาควรมีการติดต่อประสานงานกับวิทยากรก่อนล่วงหน้า
เมอ่ื ทราบวนั สัมมนาทแี่ น่นอนแล้วจงึ จัดทาหนงั สือเชิญวทิ ยากร
4.3 วัน เวลาที่จัดสัมมนา ผู้จัดสัมมนาควรกาหนดวันเวลาที่แน่นอน รวมถึงจานวนวันที่
เหมาะสมกับเน้ือหาหรือหัวข้อในการสัมมนา เพ่ือไม่ให้ยุ่งยาก ส้ินเปลืองค่าใช้จ่ายและเกิดความ
ผิดพลาดตามมา
5. ด้านงบประมาณ การจัดทางบประมาณในการดาเนินงานสัมมนา ผู้จัดสัมมนาต้องมีการจัดสรร
วางแผนค่าใช้จ่ายให้ดี ด้วยความรอบคอบ เหรัญญิกมีหน้าที่จัดทาบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้การ
ประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมดของงานมีความเพียงพอ ไม่น้อยหรือมากจนเกินไป การจัดสรรงบประมาณ
ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับค่าใช้จ่ายแต่ละฝ่ายอย่างละเอียดให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความ
ผิดพลาดในภายหลัง ข้อควรคานงึ ถงึ ในการจัดสรรงบประมาณ มีดังนี้
5.1 มอบหมายใหแ้ ต่ละฝ่ายที่ทาหนา้ ท่ีรับผิดชอบการทางาน จดั ทางบประมาณท่ีต้องใชจ้ ่าย
ของฝ่ายของตนทัง้ หมด โดยเขยี นบญั ชีคา่ ใชจ้ า่ ยอยา่ งละเอียด แลว้ เสนอให้ฝา่ ยเหรัญญิกพจิ ารณาถึง
ความเหมาะสมก่อนทีจ่ ะขออนุมัติงบประมาณ
5.2 สาหรับคา่ ใช้จ่ายต่างๆที่เกย่ี วกบั ค่าวสั ดุอุปกรณ์ทจี่ าเป็นต้องจดั ซื้อ ควรจัดทารายการให้
สอดคลอ้ งกบั ราคาตามท่ตี ลาดขาย โดยใช้วธิ สี ืบราคาวสั ดอุ ปุ กรณเ์ หลา่ นั้นให้ดีเสยี ก่อน ท้ังน้เี พื่อให้
สะดวกในการประมาณค่าใชจ้ า่ ยและเกดิ ขอ้ ผิดพลาดน้อย
5.3 จัดทางบประมาณรวม เม่ือการวางแผนเกี่ยวกบั ค่าใชจ่ า่ ยของแต่ละฝ่ายเรียบร้อยแล้ว จงึ
จดั ทางบประมาณรวมทัง้ หมดทง้ั โครงการ แล้วนางบประมาณน้ันไปใสใ่ นโครงการ เพื่อเสนอ
ผรู้ ับผดิ ชอบหรอื เสนอฝ่ายบริหารอนุมัติกรณเี ปน็ การจดั สัมมนาของหน่วยงานหรือองค์การ
5.4 การสรรหางบประมาณ เพ่ือใช้จา่ ยในการดาเนินการประชุมสมั มนา เมื่อโครงการได้รับ
การอนุมัติเรียบรอ้ ยแล้ว ฝ่ายดาเนินการสมั มนาสามารถสรรหางบประมาณได้ดงั นี้
- การสรรหาไดโ้ ดยหน่วยงานหรอื องคก์ ร ที่ไดร้ บั การจัดสรรงบประมาณเพ่ือพฒั นา
บคุ ลากรของหนว่ ยงานหรือองคก์ รของตนเอง โดยวิธกี ารดาเนนิ การแตง่ ตั้งคณะกรรมการฝ่ายตา่ ง ๆ
การจดั ทาโครงการเสนอใหก้ ับฝา่ ยบรหิ ารเพือ่ ของบประมาณจากหน่วยงาน
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องค์ประกอบของการสมั มนา
28
- ขอความร่วมมือหรือขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานอื่นหรือองค์กรอื่นๆ เพ่ือให้การ
สนับสนุนด้านงบประมาณ หรือวัสดุอุปกรณ์ตามความเหมาะสม (อภิญญา กีรติสุวคนธ์, 2546, หน้า
7-11)
แบบฝกึ หัดที่ 2
เรื่อง องคป์ ระกอบของการสัมมนา
จงจบั คู่ข้อความที่มคี วามสัมพนั ธ์กนั ใหถ้ ูกตอ้ ง ฌ. อปุ กรณเ์ ครื่องมือ
ญ. โต๊ะวทิ ยากร
ก. หอ้ งประชุมเล็ก ฎ. บนเวที
ข. หอ้ งประชุมใหญ่ ฏ. โตะ๊ ลงทะเบยี น
ค. หอ้ งรับรอง ฐ. หอ้ งประชุมขนาดกลาง
ง. ห้องรับประทานอาหาร ฒ. ห้องประชุมแบบ Class room
จ. อปุ กรณด์ า้ นเคร่ืองเขียน ณ. โตะ๊ รบั ประทานอาหาร
ฉ. อปุ กรณ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์ ด. ห้องประชุมคณะกรรมการ
ช. อุปกรณ์รกั ษาพยาบาล
ซ. ฝา่ ยสวสั ดกิ าร
…………..1. ไมโครโฟน เคร่อื งขยายเสยี ง เครื่องฉายทบึ แสง โปรเจคเตอร์
…………..2. มีปา้ ยลงทะเบียน รายชือ่ ผเู้ ขา้ รว่ มสมั มนา เอกสารประกอบการสัมมนา แจกันดอกไม้
…………..3. เปน็ ห้องประชุมท่ีมผี ู้เข้ารว่ มสมั มนา 10-20 คน
…………..4. มไี มโครโฟน คอมพวิ เตอร์ เคร่ืองฉายทบึ แสง ปา้ ยชื่อตั้งโต๊ะ
…………..5. เป็นห้องประชมุ ท่ีใช้ในการบรรยาย อภิปรายหรือสัมมนาที่สามารถบรรจุคนได้มาก
…………..6. คอมพวิ เตอร์ เคร่ืองพิมพ์ดีด เคร่ืองถ่ายเอกสาร
…………..7. มปี ้ายชอ่ื โครงการ โตะ๊ หมู่ ธงชาติ พระบรมฉายาลักษณ์ โพเดยี ม โต๊ะวทิ ยาการ
…………..8. กระดาษขาว ดนิ สอ ปากกา ยางลบ
…………..9. เป็นห้องท่ีใช้สาหรบั รับรองวิทยากรและแขกพิเศษ
…………..10. เปน็ ห้องทีใ่ ชส้ าหรับรับประทานอาหาร
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องคป์ ระกอบของการสัมมนา
29
แบบทดสอบกอ่ นเรียน
บทที่ 2 เร่อื ง องค์ประกอบของการสัมมนา
คาชี้แจง ให้นักศึกษำเลือกคำตอบท่ีถูกที่สุดเพยี งคำตอบเดียว แลว้ ทำเคร่ืองหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. ข้อใดคือองค์ประกอบของการจดั สัมมนา
ก. ดา้ นผจู้ ดั สมั มนา
ข. ดา้ นจัดเตรยี มเอกสาร
ค. ด้านสวสั ดกิ าร
ง. ด้านสถานท่ี เครอื่ งมือและอุปกรณ์ต่างๆ
2. ขอ้ ใดคือจุดมุ่งหมายของการจดั สัมมนา
ก. เพื่อกาหนดและสารวจปัญหาเรอื่ งใดเรอ่ื งหน่ึง
ข. เพ่อื เลอื กหวั ข้อท่ีจะนามาสมั มนา
ค. เพ่อื ศึกษาค้นควา้ วธิ ีการแก้ปัญหา
ง. เพื่อจดั ทาเอกสารรายงานการสมั มนา
3. ขอ้ ใดคือหวั ข้อทใ่ี ชป้ ระกอบดา้ นเนือ้ หา
ก. บุคคลฝา่ ยการจัดสัมมนา
ข. เรือ่ งท่ีจะนามาจดั สัมมนา
ค. การเลือกเรื่องทีผ่ ู้เรยี นสนใจ
ง. กรอบความคดิ ในเรื่องท่ีจะสมั มนา
4. ขอ้ ใดคือสง่ิ ทีค่ วรพิจารณาในการเลอื กเรอ่ื งทีใ่ ช้จดั สมั มนา
ก. เร่ืองทส่ี งั คมกาลังนยิ ม
ข. ควรเป็นเร่ืองที่ตอ้ งการจะศกึ ษาปัญหาและแนวทางแก้ไขปญั หา
ค. เรือ่ งท่ีมหี ลายหัวข้ออยู่ด้วยกัน
ง. เรือ่ งท่สี ะดวกในการแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็
5. ข้อใดคือหวั ข้อทมี่ ีในกาหนดการสมั มนา
ก. งบประมาณ
ข. เสน้ ทางการเดินทาง
ค. ชือ่ เรื่องทีจ่ ดั สัมมนา
ง. หน้าท่ขี องบุคลากร
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องค์ประกอบของการสัมมนา
30
6. ห้องประชุมท่ีมีผเู้ ข้ารว่ มสัมมนา 10-20 คน คือห้องประชุมในขอ้ ใด
ก. ห้องประชุมเลก็
ข. ห้องประชุมขนาดกลาง
ค. ห้องประชุมใหญ่
ง. ห้องประชุมรปู ตวั U
7. หอ้ งประชมุ ที่ใช้ในการบรรยาย อภปิ ราย หรือสมั มนาท่ีสามารถจคุ นไดม้ ากๆคอื ข้อใด
ก. ห้องประชมุ เล็ก
ข. ห้องประชุมใหญ่
ค. หอ้ งประชมุ แบบกระจายกลมุ่
ง. ห้องประชุมแบบโตะ๊ กลม
8. ห้องประชมุ ท่ีใชส้ าหรับใหว้ ทิ ยากรและแขกพิเศษนั่งรอหรือพักผ่อนก่อนการบรรยายคือข้อใด
ก. ห้องประชมุ กลุ่มย่อย
ข. ห้องประชุมขนาดกลาง
ค. ห้องรับรอง
ง. ห้องรับประทานอาหาร
9. ขอ้ ใดคืออปุ กรณด์ ้านโสตทัสนูปกรณ์
ก. เคร่ืองถ่ายเอกสาร, เครื่องพิมพ์ดีด
ข. เครอื่ งโปรเจคเตอร์, เครื่องเสียง
ค. ปากกา, น้ายาลบคาผดิ
ง. เครื่องปรบั อากาศ, ไมโครโฟน
10. ข้อใดคอื อุปกรณด์ า้ นเครื่องเขยี น
ก. กลอ้ งถ่ายรูป, คอมพิวเตอร์พกพา
ข. เคร่อื งเสยี ง, ไมโครโฟน
ค. กระดาษขาว, ดินสอ
ง. แฟม้ กลา่ วรายงาน, ปากกา
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทที่ 2
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องค์ประกอบของการสมั มนา
31
แบบทดสอบหลังเรยี น
บทท่ี 2 เรอื่ ง องค์ประกอบของการสมั มนา
คาชแ้ี จง ใหน้ กั ศกึ ษำเลือกคำตอบท่ีถกู ทส่ี ุดเพยี งคำตอบเดียว แล้วทำเคร่อื งหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. หอ้ งประชมุ ท่ีใชใ้ นการบรรยาย อภปิ ราย หรอื สมั มนาที่สามารถจคุ นได้มากๆคอื ขอ้ ใด
ก. หอ้ งประชุมเล็ก
ข. หอ้ งประชมุ ใหญ่
ค. ห้องประชุมแบบกระจายกลุ่ม
ง. ห้องประชุมแบบโตะ๊ กลม
2. ข้อใดคือสง่ิ ทค่ี วรพิจารณาในการเลือกเรื่องท่ใี ชจ้ ดั สัมมนา
ก. เร่ืองทส่ี ังคมกาลังนิยม
ข. ควรเป็นเรอื่ งที่ต้องการจะศกึ ษาปญั หาและแนวทางแกไ้ ขปัญหา
ค. เรื่องทีม่ หี ลายหวั ข้ออยดู่ ้วยกนั
ง. เร่ืองที่สะดวกในการแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็
3. ขอ้ ใดคือองคป์ ระกอบของการจัดสมั มนา
ก. ด้านผู้จดั สัมมนา
ข. ดา้ นจดั เตรยี มเอกสาร
ค. ด้านสวสั ดกิ าร
ง. ด้านสถานที่ เครอ่ื งมือและอปุ กรณต์ า่ งๆ
4. ข้อใดคืออุปกรณ์ดา้ นโสตทัสนูปกรณ์
ก. เครอื่ งถา่ ยเอกสาร, เครื่องพิมพด์ ีด
ข. เครือ่ งโปรเจคเตอร์, เครอ่ื งเสยี ง
ค. ปากกา, น้ายาลบคาผดิ
ง. เคร่ืองปรับอากาศ, ไมโครโฟน
5. ข้อใดคือหัวข้อทีใ่ ช้ประกอบด้านเนอ้ื หา
ก. บุคคลฝ่ายการจัดสมั มนา
ข. เรอื่ งทจี่ ะนามาจดั สัมมนา
ค. การเลือกเรอ่ื งทผี่ ู้เรยี นสนใจ
ง. กรอบความคิดในเร่ืองท่ีจะสมั มนา
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องคป์ ระกอบของการสมั มนา
32
6. ข้อใดคือหวั ข้อที่มีในกาหนดการสมั มนา
ก. งบประมาณ
ข. เส้นทางการเดินทาง
ค. ช่อื เร่อื งท่ีจัดสมั มนา
ง. หนา้ ทขี่ องบคุ ลากร
7. ขอ้ ใดคือจุดมุ่งหมายของการจัดสัมมนา
ก. เพื่อกาหนดและสารวจปญั หาเรื่องใดเรอื่ งหน่ึง
ข. เพอ่ื เลอื กหัวข้อทีจ่ ะนามาสัมมนา
ค. เพอ่ื ศกึ ษาคน้ ควา้ วิธีการแก้ปัญหา
ง. เพื่อจดั ทาเอกสารรายงานการสมั มนา
8. ข้อใดคืออปุ กรณด์ า้ นเครื่องเขยี น
ก. กลอ้ งถา่ ยรูป, คอมพวิ เตอร์พกพา
ข. เครอ่ื งเสยี ง, ไมโครโฟน
ค. กระดาษขาว, ดนิ สอ
ง. แฟ้มกลา่ วรายงาน, ปากกา
9. ห้องประชุมที่มีผูเ้ ข้าร่วมสัมมนา 10-20 คน คือหอ้ งประชมุ ในขอ้ ใด
ก. หอ้ งประชมุ เลก็
ข. หอ้ งประชุมขนาดกลาง
ค. ห้องประชมุ ใหญ่
ง. หอ้ งประชุมรปู ตัว U
10. หอ้ งประชมุ ทใ่ี ช้สาหรับให้วทิ ยากรและแขกพเิ ศษนัง่ รอหรอื พกั ผ่อนก่อนการบรรยายคือข้อใด
ก. ห้องประชมุ กล่มุ ย่อย
ข. ห้องประชุมขนาดกลาง
ค. หอ้ งรบั รอง
ง. หอ้ งรบั ประทานอาหาร
แบบทดสอบหลงั เรียน บทที่ 2
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) องค์ประกอบของการสมั มนา
34
บทที่ 3
บทบาทและหนา้ ท่ีของบคุ คลทเี่ ก่ียวข้องกบั การสัมมนา
บทบาทและหนา้ ทข่ี องบคุ คลท่เี ก่ียวข้องกบั การสัมมนา
ในการจดั สัมมนาจะมบี ุคคลท่ีเก่ียวข้องกับการสมั มนาอยู่ดว้ ยกัน 3 ฝ่าย ดังน้ี
1. ผู้จัดสัมมนา
2. วิทยากร
3. ผู้ร่วมสัมมนา
ผู้จดั สัมมนา
ผู้จัดสัมมนา ได้แก่ บุคคลหรือคณะกรรมการท่ีทาหน้าที่จัดการสัมมนา ประกอบด้วยบุคคล
หลายฝ่าย ดงั นี้
1. ประธาน คอื บุคคลทีท่ าหนา้ ท่ีอานวยการจดั สัมมนาในเร่อื งตา่ ง ๆ ดังนี้
1.1 สรรหาบุคคลเพ่ือทาหน้าท่ีเป็นคณะกรรมการในฝ่ายต่างๆ เช่น รองประธาน
เลขานุการ เหรัญญกิ ฝ่ายลงทะเบียน ฝ่ายปฏิคม ฝ่ายประชาสมั พันธ์ ฯลฯ
1.2 ควบคุม ติดตาม และประสานงานกับฝ่ายต่างๆ เพ่ือให้การจัดสัมมนาดาเนินไปด้วย
ความเรียบร้อยและบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ
1.3 วางแผนและดาเนินการจดั ทาโครงการสัมมนารว่ มกับฝ่ายต่างๆ
1.4 ให้คาปรึกษา ช่วยเหลือ สนับสนุน ตัดสินใจ แก้ปัญหาและช่วยประสานงานกับ
คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ทั้งในระยะเตรียมการก่อนจัดสัมมนา ระยะดาเนินการระหว่างการ
สมั มนา และระยะดาเนนิ การหลังการสมั มนาเสร็จสน้ิ
1.5 วิเคราะห์ปญั หาและหาแนวทางแก้ปัญหา
1.6 พจิ ารณาและตัดสนิ ใจแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดข้ึน
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหนา้ ทข่ี องบุคคลท่ีเกย่ี วข้องกบั การสมั มนา
35
1.7 ดาเนินการจัดประชุมร่วมกับคณะกรรมการแต่ละฝ่าย เพื่อดาเนินการเก่ียวกับการ
จัดสัมมนาเป็นระยะๆ จนถึงวันที่จัดสัมมนาจริง และเม่ือมีการจัดสัมมนาเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ควร
จัดให้มีการประชุมเพื่อจัดทาสรุปผลรายงานการสัมมนา และดาเนินการจัดส่งสรุปผลรายงานการ
สมั มนาให้กับผูท้ ีเ่ กย่ี วข้อง
2. รองประธาน คือบุคคลท่ีทาหน้าท่ีช่วยประธาน ในการอานวยการจัดสัมมนา ในกรณีที่
ประธานติดธุระจาเป็น รองประธานก็จะต้องทาหน้าท่ีแทนประธาน นอกจากนี้รองประธานยังต้องทา
หนา้ ทีต่ ามที่ประธานไดม้ อบหมาย
3. เลขานกุ าร คอื บคุ คลทีท่ าหน้าทเ่ี ก่ียวกบั การประชุมและการจดั สัมมนา โดยมีหน้าทด่ี งั น้ี
3.1 เตรยี มระเบยี บวาระการประชุมเพ่อื การจดั สัมมนา จดั ทาหนงั สือเชญิ ประชุม และจด
บันทึกการประชมุ พร้อมจัดทารายงานการประชมุ
3.2 ดูแลการจดั เตรยี มสถานท่ีหอ้ งประชมุ ให้เรยี บร้อย
3.3 จัดเตรียมการจัดสัมมนา ในส่วนของเอกสารต่าง ๆ ท่ีจะต้องทาให้เสร็จก่อนการ
สัมมนา ไดแ้ ก่ โครงการ หนงั สือเชิญวทิ ยากร และหนงั สอื เชิญผเู้ ขา้ รว่ มสัมมนา
3.4 จัดเตรยี มเอกสารและอปุ กรณเ์ คร่อื งมือในการจัดสัมมนา
3.5 จัดทาคาส่งั แต่งตงั้ คณะกรรมการการดาเนนิ การสมั มนา
3.6 จัดทาหนงั สอื ขออนมุ ตั ิงบประมาณโครงการ
3.7 จัดทาหนังสือเชิญประธาน เชิญวิทยากร เชิญผู้เข้าร่วมสัมมนา และผู้ให้การ
สนับสนุนการสมั มนา
3.8 จัดทาหนังสอื เพื่อขอความอนุเคราะห์ หรอื สนับสนุนการสมั มนา
3.9 จัดทาคากลา่ วรายงาน และคากลา่ วเปิดงานการสมั มนา
3.10 จดั ทาหนงั สือขออนญุ าตใช้สถานท่ี ขอยมื วัสดุ-อปุ กรณ์จากหนว่ ยงาน
4. ผู้ช่วยเลขานุการ คือ บุคคลท่ีทาหน้าท่ีในทีมงานของเลขานุการ หน้าท่ีช่วยงานของ
เลขานุการในทุกๆด้าน เช่น จัดทาหนังสือเชิญประชุม ดูแลการทารายงานของฝ่ายต่างๆ และติดต่อ
ประสานงานกับฝา่ ยเอกสาร
6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหน้าที่ของบคุ คลท่ีเกยี่ วข้องกบั การสัมมนา
36
5. ฝ่ายลงทะเบียน คือบุคคลที่ทาหน้าท่ีเตรียมเก่ียวกับผู้เข้าร่วมสัมมนาท้ังหมด ทาการ
สารวจจานวนผู้เข้าร่วมสัมมนา จัดทารายชื่อผู้เข้าร่วมสัมมนาเพ่ือลงทะเบียน จัดทาป้ายชื่อ จัดทา
แฟม้ หรือเอกสารการอบรมสัมมนา
ตัวอยา่ ง แบบฟอรม์ ใบลงทะเบยี น
รายชือ่ ผู้เข้ารว่ มโครงการสมั มนาเชงิ ปฏิบตั ิการเรอื่ ง “การประดิษฐ์กระเปา๋ ผา้ ลดโลกร้อน”
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 เวลา 08.00-16.00 น.
ณ หอ้ งประชุม คณะเทคโนโลยคี หกรรมศาสตร์
ท่ี รายชอ่ื ลงช่ือมา เวลามา ลงช่อื กลับ เวลากลับ
ส่ิงที่ฝ่ายลงทะเบียนจะแจกให้แกผ่ ้เู ข้าร่วมสัมมนา ไดแ้ ก่ แฟ้มการเขา้ ร่วมสัมมนา ซงึ่ ภายใน
แฟม้ จะประกอบดว้ ยเอกสารดังนี้
- กาหนดการจดั สัมมนา
- เอกสารประกอบการสัมมนา
- กระดาษเปลา่ ประมาณ 2-5 แผ่น
- แบบสอบถามประเมินโครงการ
- ดนิ สอหรอื ปากกา ฯลฯ
6. ฝ่ายเอกสารการพิมพ์ คือ บุคคลที่ทาหน้าที่ จัดพิมพ์ โรเนียว ถ่ายเอกสาร เข้าเล่มเอกสาร
การอบรมสัมมนา เอกสารทุกอย่างท่ีเก่ียวข้องกับการจัดสัมมนา เตรียมเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เครื่อง
เขียน กระดาษ วัสดุอปุ กรณ์ ฯลฯ
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหนา้ ทข่ี องบคุ คลท่เี กยี่ วขอ้ งกบั การสัมมนา
37
7. ฝ่ายสถานท่ี คือ บุคคลที่ทาหน้าท่ี ติดต่อสถานที่ประชุมสัมมนา สารวจสภาพห้องประชุม
และห้องต่างๆ ที่ต้องใช้สัมมนาท้ังหมด สารวจอุปกรณ์ท่ีใช้ประกอบห้องประชุม จัดสถานที่สัมมนา
ประสานงานกับทุกๆฝ่ายเกี่ยวกับรูปแบบของสถานท่ีท่ีจะจัดสัมมนา เคร่ืองเสียง ไมโครโฟน เครื่อง
โปรเจคเตอรพ์ ร้อมจอฉาย คอมพวิ เตอรห์ รอื โนต๊ บ๊คุ อุปกรณอ์ ่นื ๆ ทีจ่ าเป็น การจัดบรรยากาศภายใน
หอ้ งสัมมนา เคร่อื งปรบั อากาศ ฯลฯ พร้อมเจ้าหนา้ ทด่ี แู ลฝ่ายแสงเสยี งประจาห้องสัมมนา เพือ่ อานวย
ความสะดวกให้แก่ผเู้ ข้าร่วมสมั มนาตลอดการสัมมนา หากมขี ้อขดั ขอ้ งจะไดด้ าเนินการแก้ไขได้ทนั ที
8. ฝ่ายสวัสดิการ คือ บุคคลที่หน้าท่ี ในเรื่องจัดเตรียมรายการอาหารหรืออาหารว่างและ
เคร่ืองด่ืม ต้องจัดเตรียมภาชนะสาหรับใส่ อาหารว่าง อาหารกลางวันและเครื่องดื่มให้เรียบร้อย ท้ังน้ี
จะตอ้ งประสานงานกับฝ่ายลงทะเบียนเพ่ือจะได้ทราบจานวนผูเ้ ขา้ รว่ มสัมมนาท้ังหมด นอกจากนี้ต้อง
จัดเตรยี มของที่ระลึกสาหรบั วิทยากรและประธานในพธิ ี
9. ฝ่ายเหรัญญิก คือ บุคคลท่ีทาหน้าที่ ควบคุมดูแลเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี งบประมาณ
ค่าใช้จ่ายตามท่ีฝ่ายต่าง ๆ ได้วางแผนค่าใช้จ่ายเสนอมา ตรวจสอบเกี่ยวกับงบประมาณและเข้มงวด
เกี่ยวกับเอกสารการจ่ายเงินของแต่ละฝ่าย รวบรวมและจัดทาหลักฐานการรับและการจ่ายเงินอย่าง
ชดั เจน จดั ทาบัญชรี ายรบั -รายจา่ ย และงบดุลใหเ้ ปน็ ท่ีเรยี บร้อย
10. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คือ บุคคลท่ีทาหน้าที่ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารของการจัด
สัมมนาไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยอาศัยสื่อต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ป้ายโปสเตอร์ แผ่นพับ
Facebook , LINE ฯลฯ เพ่ือใหม้ ีบุคคลสนใจเขา้ ร่วมสมั มนามาก ๆ และสามารถนาประโยชน์ทีไ่ ด้จาก
การสมั มนาไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ จดั ทาปา้ ยตอ้ นรับวิทยากร จดั ทาป้ายหรอื แผนผังบอกสถานที่
ห้องสัมมนา และบนั ทกึ ภาพระหวา่ งการจัดสมั มนา
11. ฝ่ายต้อนรับ คือ บุคคลที่ทาหน้าที่ คอยดูแลต้อนรับวิทยากร ประธานในพิธี แขกผู้มี
เกียรติ และผเู้ ข้าร่วมสมั มนา คอยอานวยความสะดวกในทุกเรอ่ื ง
12. ฝ่ายประเมินผล คือ บุคคลที่ทาหน้าที่ จัดทาและแจกแบบประเมินผลให้แก่ผู้เข้าร่วม
สมั มนารวบรวมเก็บแบบประเมนิ ผล และวิเคราะห์ผลการประเมนิ
13. ฝ่ายพิธีการ พิธีกร คือ บุคคลที่ทาหน้าที่ ดาเนินการสัมมนาตามกาหนดการ เช่น กล่าว
ตอ้ นรบั ผู้เขา้ ร่วมสมั มนา เชญิ ประธานกลา่ วเปิด-ปิดการสัมมนา เชิญประธานมอบของท่ีระลึก เป็นตน้
(“การดาเนินการจดั สมั มนา”, ออนไลน์, ม.ป.ป. หนา้ 175-180)
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหน้าท่ขี องบุคคลทเี่ กย่ี วข้องกบั การสัมมนา
38
วิทยากร
คอื บคุ คลที่ทาหนา้ ทบี่ รรยาย อภิปราย สาธติ หรือถา่ ยทอดความรู้ ประสบการณต์ ลอดจน
เสนอแนวคดิ ท่ีกวา้ งไกล สร้างสรรค์ โดยใชเ้ ทคนิควิธีการต่าง ๆ ใหแ้ ก่ผเู้ ข้ารว่ มสัมมนา และมุง่ หวงั ให้
ผู้เข้าสัมมนาไดร้ บั ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์อยา่ งเต็มท่ี ดังนัน้ ผู้ท่เี ปน็ วทิ ยากรตอ้ งเป็น
บุคคลท่มี ีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ หรือมคี วามเชย่ี วชาญเฉพาะทาง หรือเก่ยี วข้องกบั
เรอ่ื งทจ่ี ัดสมั มนาน้ันๆ
บทบาท หนา้ ทีข่ องวิทยากร
วิทยากรมีหน้าท่ี ถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ตามหัวข้อที่กาหนด โดยจะต้องเตรียมตวั ให้
พร้อมในเรือ่ งทตี่ อ้ งบรรยาย อภปิ ราย สาธติ ฝกึ ปฏิบตั ิการ ฯลฯ รวมทัง้ จดั เตรียมวสั ดุ อุปกรณห์ รือส่ือ
ต่างๆ ที่จะช่วยอานวยความสะดวกในการบรรยาย อภิปราย สาธิต ฝึกปฏิบัติการ ฯลฯ เปิดโอกาสให้
ผูเ้ ขา้ ร่วมสมั มนาได้ถามคาถาม และใหแ้ นวคิดจากการสัมมนา สามารถปรับใชค้ วามรใู้ ห้เป็นประโยชน์
ในทางสร้างสรรคต์ ่อผูเ้ ข้าร่วมสัมมนา
ผ้เู ข้ารว่ มสัมมนา
คอื กลมุ่ บคุ คลท่ีเข้าร่วมสัมมนา โดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพอ่ื ให้ได้รับความรู้ ความสามารถ แนวคิด
ใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์จากการสัมมนา ฝึกปฏิบัติการ ฯลฯ ท่ีสามารถนาไปปรับใช้ในการทางานและ
ชวี ิตประจาวนั ได้
บทบาท หนา้ ท่ขี องผ้เู ข้าร่วมสมั มนา
1. ศึกษาเอกสารประกอบการสมั มนา เพื่อให้เกิดความเขา้ ใจและทราบแนวทางการเขา้ ร่วม
สัมมนา
2. ตงั้ ใจฟงั ขณะทีว่ ทิ ยากรบรรยาย และรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ ื่น
3. คิดและไตร่ตรองอย่างมีเหตแุ ละผล มีความรอบคอบ และมสี ติก่อนพูดทุกคร้ัง
4. นาเสนอความคิดเหน็ กระตอื รือร้น กลา้ คิด กลา้ ทา กลา้ ตัดสินใจและแลกเปลย่ี นความรู้
ร่วมกบั ผอู้ นื่
5. ในการแสดงความคดิ เห็นแตล่ ะคร้ัง ต้องอยู่บนพนื้ ฐานความเป็นจริงเสมอ
6. มีการจดบันทกึ ประเดน็ สาคญั ตา่ ง ๆ ท่ีไดจ้ ากการเข้ารว่ มสมั มนา
7. ฝึกปฏิบัติการตามคาแนะนาของวทิ ยากร
8. สรุปประเด็นความรู้ที่ได้รับจากการสัมมนา เพื่อเป็นแนวทางในการนาไปปฏิบัติงานและ
ปรบั ปรุงพฒั นางานใหเ้ กิดประโยชน์อย่างแทจ้ ริง
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหนา้ ท่ีของบุคคลทีเ่ กย่ี วข้องกบั การสมั มนา
39
จรรยาบรรณทางอาชีพของผ้เู ขา้ รว่ มสัมมนา
ผเู้ ข้ารว่ มสมั มนาควรมีจรรยาบรรณทางอาชีพในการเข้ารว่ มสัมมนา ดังนี้
1. มีความตั้งใจ กระตอื รอื ร้นในการเขา้ ร่วมสัมมนา มคี วามเอาใจใส่ สนใจในการสัมมนาอย่าง
จริงจัง โดยการต้ังใจฟังขณะท่ีวิทยากรบรรยายและฝึกปฏิบัติการ ร่วมแสดงความคิดเห็น อภิปราย
และรว่ มกจิ กรรมต่าง ๆ ดว้ ยความเต็มใจตลอดการสมั มนา
2. พดู จาดว้ ยถอ้ ยคาที่สุภาพ เหมาะสมกบั โอกาสและกาลเทศะ
3. รจู้ กั ควบคมุ อารมณใ์ หม้ ั่นคงเป็นปกติ
4. ปฏิบัติตนต่อผู้เข้าร่วมสัมมนาด้วยความเคารพให้เกียรติ เห็นคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์
เทา่ เทยี มกนั เปดิ ใจยอมรบั ฟงั ความคดิ เห็นของผูอ้ ื่น
5. ในการถา่ ยทอดความรู้ ทักษะและเจตคติ ควรมุง่ เนน้ ให้เกิดการเรียนรู้ ท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อ
ผเู้ ขา้ รว่ มสัมมนาเปน็ สาคญั
6. ตรงต่อเวลา รู้จกั บรหิ ารจดั การเวลาในการดาเนินการสมั มนา
7. นาความรู้ที่ได้รับจากการสัมมนาไปสร้างสรรค์ พัฒนาตนเอง ให้เหมาะสมกับตนเองกับ
งานในหน้าท่ีและสังคมโดยส่วนรวม
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหน้าทขี่ องบคุ คลทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การสมั มนา
40
แบบฝึกหัดที่ 3
เร่อื ง บทบาท หนา้ ที่ของบุคคลทีเ่ กี่ยวข้องกบั การสัมมนา
จงจบั คู่ข้อความท่ีมคี วามสัมพนั ธก์ นั ให้ถกู ต้อง ฌ. ฝ่ายที่ปรึกษา
ญ. ฝ่ายพิธกี าร พิธีกร
ก. ประธาน ฎ. วิทยากร
ข. เลขานกุ าร ฏ. ฝ่ายปฏคิ ม
ค. เหรญั ญกิ ฐ. ฝ่ายประเมนิ ผล
ง. ฝา่ ยลงทะเบียน ฑ. รองประธาน
จ. ฝา่ ยอาคารสถานท่ี ฒ. ผู้ชว่ ยเลขานกุ าร
ฉ. ฝ่ายประชาสมั พันธ์ ณ. ฝ่ายเอกสาร
ช. ฝา่ ยรกั ษาพยาบาล
ซ. ฝ่ายสวสั ดกิ าร
…………..1. แจกแบบประเมินผลใหแ้ กผ่ ู้เขา้ รว่ มสัมมนา รวบรวมเก็บแบบประเมินผล
…………..2. ดแู ลเร่ืองการเงนิ การบญั ชี งบประมาณค่าใชจ้ ่าย
…………..3. คอยต้อนรับวทิ ยากร ประธาน แขกผู้มเี กยี รติ และผ้เู ขา้ ร่วมสมั มนา
…………..4. ดแู ลเรอื่ งอาหารว่าง อาหารกลางวนั และเคร่ืองดื่ม
…………..5. จัดโต๊ะเก้าอี้ เวที ดูแลเครื่องเสยี ง ไมโครโฟน
…………..6. วางแผนและดาเนนิ การจดั ทาโครงการสมั มนาร่วมกบั ฝา่ ยต่าง ๆ
…………..7. พิมพ์ โรเนียว จัดทาเอกสารการอบรมสัมมนา
…………..8. เตรียมทาหนงั สือขออนมุ ัตงิ บประมาณ จดบันทกึ การประชุม
…………..9. เตรยี มรายชื่อผูเ้ ข้ารว่ มสมั มนา จดั ทาปา้ ยผู้เขา้ ร่วม
…………..10. กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกยี รติ แจง้ กาหนดการสัมมนา
6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหน้าที่ของบุคคลท่เี กยี่ วขอ้ งกบั การสัมมนา
41
แบบทดสอบก่อนเรียน
บทท่ี 3 เรอ่ื ง บทบาท หน้าที่ของบุคคลทเ่ี กย่ี วข้องกับการสัมมนา
คาชแ้ี จง ให้นักศกึ ษำเลือกคำตอบท่ีถกู ท่ีสดุ เพยี งคำตอบเดียว แล้วทำเครื่องหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. บคุ คลท่ีควบคุม ตดิ ตาม และประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ เพอื่ ให้การสัมมนาดาเนนิ ไปด้วยความ
เรยี บรอ้ ยคือข้อใด
ก. เหรัญญกิ
ข. ประธาน
ค. รองประธาน
ง. เลขานกุ าร
2. บุคคลทีจ่ ดั เตรียมอาหารและเครอื่ งดื่ม และจัดเตรยี มภาชนะสาหรับใส่อาหารคือข้อใด
ก. ฝา่ ยประชาสมั พันธ์
ข. ฝ่ายที่ปรกึ ษา
ค. ฝา่ ยลงทะเบียน
ง. ฝ่ายสวสั ดิการ
3. บคุ คลทีถ่ า่ ยทอดความรู้ ประสบกาณ์ แนวคิด ทศั นคติ ทเี่ กิดประโยชน์ตอ่ ผเู้ ข้าสัมมนาคือขอ้ ใด
ก. ผู้จัดสมั มนา
ข. ผู้เขา้ ร่วมสัมมนา
ค. วทิ ยากร
ง. พิธกี ร
4. บคุ คลที่ชว่ ยประธานในการอานวยการจดั สัมมนาคือข้อใด
ก. เลขานุการ
ข. รองประธาน
ค. ประธาน
ง. เหรญั ญิก
5. บคุ คลท่ีเตรียมการประชมุ ออกหนังสอื เชิญ จดบันทึกการประชุมคือข้อใด
ก. เลขานุการ
ข. เหรญั ญกิ
ค. พธิ ีกร
ง. ฝ่ายเอกสาร
6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหนา้ ทขี่ องบุคคลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การสมั มนา
42
6. บคุ คลทีค่ วบคุมดูแลเกี่ยวกับการเงนิ การบัญชี รายรบั -รายจ่ายคอื ขอ้ ใด
ก. เหรญั ญกิ
ข. ฝ่ายประชาสัมพันธ์
ค. ฝ่ายทีป่ รึกษา
ง. ฝา่ ยสถานท่ี
7. บุคคลทพ่ี ิมพ์ โรเนียว ถา่ ยเอกสาร เข้าเล่ม เอกสารเกย่ี วกับการสัมมนาคือข้อใด
ก. ฝ่ายลงทะเบยี น
ข. ฝา่ ยตอ้ นรบั
ค. ฝ่ายเอกสาร
ง. ฝา่ ยสถานที่
8. บคุ คคลทีจ่ ดั โต๊ะ เกา้ อ้ี เวที ดูแลเครื่องเสียง ไมโครโฟนคือข้อใด
ก. ฝา่ ยสวสั ดกิ าร
ข. ฝ่ายอาคารสถานที่
ค. ฝา่ ยรักษาพยาบาล
ง. ฝ่ายเอกสาร
9. ขอ้ ใดคือบทบาทหน้าท่ีของผเู้ ขา้ ร่วมสัมมนา
ก. จดบันทกึ ทุกครัง้ ขณะนั่งฟังบรรยาย
ข. ศึกษาเอกสารการสัมมนา เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ
ค. ศึกษาข้อมูลเกยี่ วกับการสมั มนามาก่อนล่วงหนา้
ง. ทาแบบประเมินผลหลงั เสร็จสนิ้ การสมั มนา
10. ข้อใดคือจรรยาบรรณทางอาชพี ของผูเ้ ข้ารว่ มสัมมนา
ก. เสนอความคดิ เหน็ และทศั นคติร่วมกับผ้อู ืน่
ข. จดบันทึก สรุปสงิ่ ท่ไี ดจ้ ากการสัมมนา
ค. มีความกระตอื รือร้น เอาใจใส่ ฟังสมั มนาอย่างต้ังใจ
ง. ศึกษาขอ้ มูลในเอกสารสมั มนาก่อนเขา้ ร่วมสมั มนา
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทท่ี 3
6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหน้าทีข่ องบุคคลทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การสมั มนา