The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phersy_loveglasses, 2022-01-17 02:28:08

เอกสารประกอบการเรียน วิชา สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์

เล่มใหญ่

43

แบบทดสอบหลังเรียน

บทที่ 3 เรื่อง บทบาท หนา้ ที่ของบคุ คลทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั การสัมมนา
คาช้ีแจง ให้นกั ศกึ ษำเลือกคำตอบที่ถกู ทีส่ ดุ เพียงคำตอบเดยี ว แลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที

1. ข้อใดคือบทบาทหนา้ ที่ของผ้เู ข้ารว่ มสมั มนา
ก. จดบันทกึ ทุกคร้ังขณะน่ังฟังบรรยาย
ข. ศึกษาเอกสารการสัมมนา เพ่อื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจ
ค. ศกึ ษาขอ้ มลู เกีย่ วกบั การสัมมนามาก่อนล่วงหนา้
ง. ทาแบบประเมนิ ผลหลงั เสร็จสิน้ การสัมมนา

2. บุคคลที่จัดเตรียมอาหารและเคร่ืองดืม่ และจดั เตรยี มภาชนะสาหรบั ใสอ่ าหารคือข้อใด
ก. ฝ่ายประชาสัมพนั ธ์
ข. ฝ่ายที่ปรกึ ษา
ค. ฝา่ ยลงทะเบียน
ง. ฝา่ ยสวสั ดกิ าร

3. บุคคลทเี่ ตรยี มการประชมุ ออกหนงั สอื เชิญ จดบันทึกการประชมุ คือข้อใด
ก. เลขานกุ าร
ข. เหรัญญกิ
ค. พธิ กี ร
ง. ฝา่ ยเอกสาร

4. บคุ คลทค่ี วบคุม ติดตาม และประสานงานกับฝ่ายตา่ งๆ เพ่ือให้การสัมมนาดาเนินไปด้วยความ
เรียบรอ้ ยคือข้อใด

ก. เหรญั ญกิ
ข. ประธาน
ค. รองประธาน
ง. เลขานกุ าร
5. บคุ คคลทีจ่ ดั โต๊ะ เกา้ อี้ เวที ดแู ลเครื่องเสียง ไมโครโฟนคือข้อใด
ก. ฝ่ายสวสั ดกิ าร
ข. ฝ่ายอาคารสถานท่ี
ค. ฝ่ายรักษาพยาบาล
ง. ฝา่ ยเอกสาร

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหนา้ ท่ีของบุคคลทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการสมั มนา

44

6. บุคคลที่ถ่ายทอดความรู้ ประสบกาณ์ แนวคดิ ทศั นคติ ที่เกดิ ประโยชน์ต่อผเู้ ข้าสัมมนาคือข้อใด
ก. ผจู้ ดั สมั มนา
ข. ผเู้ ข้ารว่ มสมั มนา
ค. วทิ ยากร
ง. พธิ กี ร

7. บุคคลท่คี วบคุมดูแลเกี่ยวกับการเงิน การบญั ชี รายรบั -รายจ่ายคือขอ้ ใด
ก. เหรัญญกิ
ข. ฝา่ ยประชาสมั พันธ์
ค. ฝ่ายทีป่ รึกษา
ง. ฝา่ ยสถานที่

8. ขอ้ ใดคือจรรยาบรรณทางอาชพี ของผู้เข้าร่วมสมั มนา
ก. เสนอความคดิ เหน็ และทัศนคติรว่ มกบั ผู้อ่ืน
ข. จดบนั ทึก สรุปสิ่งท่ไี ดจ้ ากการสัมมนา
ค. มีความกระตอื รือร้น เอาใจใส่ ฟังสัมมนาอย่างต้ังใจ
ง. ศกึ ษาข้อมลู ในเอกสารสมั มนาก่อนเข้ารว่ มสมั มนา

9. บคุ คลที่พิมพ์ โรเนียว ถา่ ยเอกสาร เขา้ เล่ม เอกสารเกยี่ วกบั การสัมมนาคือข้อใด
ก. ฝ่ายลงทะเบยี น
ข. ฝา่ ยตอ้ นรับ
ค. ฝา่ ยเอกสาร
ง. ฝา่ ยสถานที่

10. บุคคลทีช่ ว่ ยประธานในการอานวยการจัดสัมมนาคือข้อใด
ก. เลขานกุ าร
ข. รองประธาน
ค. ประธาน
ง. เหรัญญิก

แบบทดสอบหลังเรียน บทท่ี 3

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) บทบาทและหน้าทข่ี องบุคคลทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับการสัมมนา



46

บทท่ี 4

การจดั สถานท่ีสมั มนา

การจัดสถานทีส่ ัมมนานับว่าเปน็ สว่ นทีส่ าคญั อยา่ งหนงึ่ ทจ่ี ะช่วยใหก้ ารจดั สัมมนาเปน็ ไปด้วย
ความราบร่ืน มีบรรยากาศน่าสนใจ เกดิ ความกระตือรือรน้ ในการเข้ารว่ มกิจกรรมสัมมนา และ
กอ่ ใหเ้ กิดความภาคภมู ิใจในฐานะผูจ้ ดั สัมมนาและผูเ้ ข้ารว่ มสัมมนา

วัตถปุ ระสงค์ของการจัดสถานที่
1. เพอื่ ให้การสมั มนาเป็นไปดว้ ยความความราบรน่ื
2. เพื่อให้ภายในห้องสมั มนามบี รรยากาศดี นา่ สนใจ
3. เพอ่ื กอ่ ให้เกิดความภาคภูมใิ จทงั้ ผู้จดั สัมมนาและผูเ้ ขา้ รว่ มสัมมนา

ดงั น้ันเปน็ หนา้ ท่ขี องฝ่ายจัดสถานท่ีจะต้องทางานประสานไปยังฝา่ ยต่างๆทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ได้แก่
ประธาน เลขานุการ ฝ่ายลงทะเบียน ฝา่ ยสวสั ดิการ เพ่ือหาไดข้ ้อมูลประกอบการจดั สถานท่ีสัมมนา มี
ขอ้ มลู สาคัญดงั นี้

1. จานวนผเู้ ข้าร่วมสมั มนาทง้ั หมด การทต่ี ้องทราบจานวนผู้เขา้ รว่ มสัมมนาก็เพ่ือจะได้
ประมาณทน่ี ง่ั ไดถ้ ูกต้องกบั จานวนผ้เู ข้ารว่ มสมั มนา และสามารถประมาณการใช้หอ้ งสมั มนา วา่ จะใช้
ห้องสมั มนาขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ให้เหมาะสมกับจานวนผเู้ ขา้ รว่ มสัมมนา

2. จานวนและขนาดของห้องทใ่ี ช้สมั มนา ฝ่ายสถานท่ีควรจะศึกษาว่าลักษณะการสมั มนาเปน็
อย่างไร ขนาดใหญห่ รือขนาดกลาง หรือขนาดเล็ก และถ้าต้องแบง่ กลุม่ ย่อย จะมีทง้ั หมดก่ีกล่มุ ควร
จัดให้เหมาะสมกบั จานวนผู้เข้ารว่ มสัมมนา

3. สถานท่ตี ้ังของห้องสมั มนาหรอื ห้องประชมุ ผู้จัดควรวางแผนใหด้ ีวา่ จะใชส้ ถานท่ีใดเป็นท่ี
จดั สัมมนา สถานท่นี ั้นควรเดินทางสะดวก เปน็ ที่รูจ้ ัก ควรระบุอาคาร ชั้น ห้อง ให้ละเอียด ทาปา้ ยเดิน
ทางเขา้ สู่ห้องสัมมนา และมีแผนทป่ี ระกอบ

4. ความสัมพนั ธร์ ะหว่างห้องสมั มนาใหญ่-ห้องสัมมนาเล็กกลมุ่ ยอ่ ย-ห้องรบั รอง-ห้อง
รบั ประทานอาหาร-หอ้ งน้า

5. ลักษณะของห้องสมั มนาควรเป็นเอกเทศ ไมม่ ีกล่นิ อบั ช้นื แสงสว่างเพียงพอ ไมเ่ สียง
รบกวน มิใชห่ ้องท่ีผา่ นทางเดินไปมาตลอดเวลา เพราะจะทาให้เป็นการรบกวนสมาธิของผเู้ ข้ารว่ ม
สัมมนา

6. มอี ากาศถา่ ยเทสะดวก มอี ุณหภมู ิทเี่ ยน็ สบายพอดี แสงสว่างเพียงพอ สะอาด ระบบเครอ่ื ง
เสยี งดี ทคี่ วามเหมาะสม

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจัดสถานทส่ี ัมมนา

47

7. เคร่ืองอานวยความสะดวกภายในหอ้ งสัมมนาแตล่ ะห้อง ควรจดั หาอปุ กรณโ์ สตทศั นูปกรณ์
และเคร่ืองมือ เครื่องใช้ทีจ่ าเปน็ พรอ้ มผูด้ ูแล

8. จัดทาแผนท่เี ดินทางมาห้องสัมมนา ควรจดั ทาแผนทเ่ี ดินทางขนาดใหญ่ ต้งั ไวด้ า้ นหน้า
หน่วยงานที่จดั การสัมมนา เพื่อจะไดห้ าอาคาร หอ้ งสัมมนาท่ีจดั การสัมมนาได้ง่าย ส่วนแผนท่ีขนาด
เลก็ ใหแ้ จกแก่ผ้เู ขา้ รว่ มสัมมนาพรอ้ มกบั หนงั สือเชญิ เขา้ รว่ มการสมั มนา

9. จดั ทาแผนผังท่เี ดนิ ทางมาหอ้ งสัมมนาต่าง ๆ เครื่องหมาย หรอื สญั ลกั ษณ์ ควรจัดทา
แผนผงั ห้องสมั มนาต่าง ๆ ไว้ทดี่ ้านหน้าอาคารท่ีจดั การสมั มนา และทาสญั ลักษณ์เป็นลกู ศรช้เี ส้นทาง
มายงั หอ้ งสัมมนา ห้องรบั ประทานอาหาร และหอ้ งน้า

10. จดั เตรียมป้ายชอ่ื วทิ ยากร ช่อื ประธานเปดิ โครงการสมั มนา ป้ายรบั ลงทะเบียน ปา้ ย
ประชาสัมพันธ์โครงการสมั มนา ฯลฯ

11. วางแผนออกแบบเวทสี ัมมนาและจดั สถานท่ลี ว่ งหน้าอยา่ งน้อย 1 วัน

การเตรยี มสถานที่สัมมนา

เม่อื ทราบข้อมลู ข้ันต้นเกยี่ วกบั สถานท่ีแลว้ ฝา่ ยสถานที่ควรดาเนินการจดั เตรียมสถานท่ีใน
เรอ่ื งดังต่อไปน้ี (เกษกำนดำ สุภำพพจน,์ 2549)

1. ตดิ ต่อขออนุญาตใช้สถานที่ จดั ทาหนังสือขออนุญาตใช้สถานทลี่ ว่ งหนา้ ประสานงานตดิ ตอ่
ผู้ดแู ลสถานท่ีน้ัน ๆ

2. สารวจอุปกรณ์โสตทศั นปู กรณ์ ส่งิ อานวยความสะดวกต่างๆภายในห้องสัมมนาให้พร้อมใช้
งาน เช่น เครอื่ งมือโสตฯ เครื่องเสยี ง ไมโครโฟน เครื่องโปรเจค๊ เตอร์พรอ้ มจอฉาย คอมพิวเตอร์
เครอ่ื งปรับอากาศ ปล๊กั ไฟ และทดสอบการใชง้ านก่อนล่วงหน้าอยา่ งน้อย 1 วนั

3. ดูแลในเรื่องความสะอาดของห้องสัมมนา ห้องรบั รอง ห้องรบั ประทานอาหาร และห้องน้าที่
ใช้ในการสัมมนาให้เรยี บรอ้ ย

4. เตรียมการและตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานทจ่ี ดั สมั มนาก่อนล่วงหนา้ 1 วัน เชน่

1) จัดเตรยี มเวที โต๊ะหมู่บูชา ธงชาตไิ ทย พระบรมฉายาลกั ษณ์ ติดปา้ ยโครงการ ตกแตง่
บนเวทดี ว้ ยผา้ หรอื ดอกไม้

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจัดสถานทส่ี ัมมนา

48

2) จัดวางโตะ๊ ผ้าปูโต๊ะ เกา้ อ้ี สาหรับผ้เู ข้าร่วมสมั มนา โตะ๊ วทิ ยากร โต๊ะลงทะเบยี น โตะ๊
วางของทรี่ ะลึกฯลฯ

4) ตดิ ตง้ั เคร่ืองเสียง ไมโครโฟน คอมพวิ เตอร์ โปรเจคเตอร์พรอ้ มจอฉายภาพ ฯลฯ

5) จัดเตรียมปา้ ยช่อื วทิ ยากร ปา้ ยชือ่ ประธาน

6) ตดิ แผนท่ี ติดสญั ญลกั ษณ์เสน้ ทางการเขา้ ห้องสัมมนา ห้องรับรอง หอ้ งรบั ประทาน
อาหารและห้องน้า

7) จดั เตรยี มแท่นประธานเปิดงาน แท่นพิธกี ร

รปู แบบการจัดหอ้ งสัมมนา

การจัดห้องประชุมสัมมนาให้เหมาะสมกับรูปแบบกิจกรรมถือเป็นองค์ประกอบที่สาคัญ ใน
การจัดห้องประชุมสัมมนาสามารถจัดได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความนิยม ความสะดวกสบายและ
จานวนของผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นหลัก บางคร้ังอาจจัดให้มีความแปลกใหม่ออกไปจากการนั่งแบบ
ทั่วไป เพื่อให้บรรยากาศภายในห้องประชุมสัมมนามีความน่าสนใจ แปลกตา ทันสมัย ไม่น่าเบื่อ ซึ่ง
การจัดรูปแบบต่างๆน้ันมีข้อดี ข้อเสียต่างๆกัน ดังนั้นส่ิงท่ีควรคานึงถึงในการจดั ห้องประชุมสมั มนา มี
ดงั น้ี (ปำน สวัสด์ิสำลี, 2535)

1. จัดให้ประธานหรอื วิทยากรมองเห็นผูเ้ ขา้ รว่ มสัมมนาทกุ คน ในหอ้ งสมั มนาอย่างชดั เจน
2. มชี อ่ งทางเดนิ สะดวก คล่องตวั ไม่แคบจนเกินไป
3. บรรยากาศภายในห้องประชุมสัมมนาเยน็ สบาย สะอาด ไมอ่ ับช้ืน
4. มีอปุ กรณ์ เครอื่ งมือ โสตทัศนปู กรณ์ และเครื่องอานวยความสะดวกตา่ ง ๆ พร้อมใช้งาน
5. สามารถจดั หอ้ งประชมุ สัมมนาไดห้ ลายรูปแบบตามความเหมาะสม สอดคล้องกบั
วตั ถุประสงค์การจัดสัมมนา หรือปรับเปลี่ยนตามความสะดวกในการใช้งาน

6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจดั สถานทสี่ ัมมนา

49

รูปแบบการจัดห้องสัมมนามีดังนี้
หอ้ งขนาดใหญ่ เป็นหอ้ งประชุมสมั มนาทสี่ ามารถรองรบั ผ้เู ข้าร่วมสมั มนาท่ีมีปรมิ าณมากมีรปู แบบ
ของการจดั ห้องสมั มนาดังนี้

1. โรงภาพยนต์ เป็นรูปแบบของการจัดห้องประชุมสัมมนาที่ค่อนข้างนิยม สามารถจัดท่ีน่ัง
แบบไมม่ ีโตะ๊ หรอื ใชโ้ ตะ๊ แบบมีแท่นรองเขียน แนวตรงหรอื เฉียงเข้าหากนั ผู้เขา้ รว่ มสัมมนานงั่ หันหน้า
เข้าหาประธานหรือวิทยากร มีจุดโฟกัสเพยี งจดุ เดียว ทาใหค้ วามสนใจท้งั หมดจะถูกส่งไปด้านหน้าเวที
อีกทั้งยงั เป็นการใช้พืน้ ที่ห้องประชุมอยา่ งคุ้มค่า

ภาพท่ี 4.1 ห้องสมั มนำแบบโรงภำพยนต์

ท่ีมา: หอ้ งสัมมนำขนำดใหญ่, ออนไลน,์ 2564

2. หอ้ งเรยี น เป็นการจัดหอ้ งประชมุ สัมมนาทม่ี ีทนี่ งั่ แบบมโี ต๊ะและเกา้ อ้ี มีผา้ ปโู ตะ๊ เรยี บร้อย
สวยงาม จัดเรียงเป็นแถวต่อเน่อื งกนั มชี อ่ งทางเดนิ ตรงกลาง สามารถได้เดินเขา้ ออกได้สะดวก
วิทยากรยืนหรือน่ังบรรยายอยู่ดา้ นหน้า นยิ มจดั ใหส้ งู กว่าผ้เู ข้ารว่ มสัมมนา เพ่ือจะไดเ้ หน็ ได้ชัดเจน
ทั่วถงึ ผู้เขา้ รว่ มสมั มนาสามารถจนบนั ทึกสรปุ หวั ข้อตา่ ง ๆ การจดั พนื้ ที่ภายในห้องสัมมนาควรจดั ให้
เหมาะสมกบั จานวนผูเ้ ขา้ ร่วมสมั มนาไม่ควรจุจานวนคนมากเกนิ ไปจะทาใหร้ สู้ กึ อดึ อัด

ภาพที่ 4.2 ห้องสัมมนำแบบหอ้ งเรยี น การจัดสถานที่สัมมนา
ทม่ี า: ห้องสัมมนำขนำดใหญ่, ออนไลน์, 2564

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)

50

หอ้ งสมั มนาขนาดเล็ก เป็นห้องประชมุ สัมมนาท่ีสามารถรองรับผเู้ ข้ารว่ มสัมมนาได้ จานวน 10-20
คน

1. ห้องสมั มนารูปตัวยู

การจัดสัมมนาแบบวิทยากรหรือประธานนง่ั อย่หู ัวโตะ๊ เพ่ือความใกล้ชิดกับผู้เขา้ ร่วม
สัมมนา สามารถเดนิ เขา้ ไปพูดคยุ สอบถามกบั ผเู้ ข้าร่วมสัมมนาไดส้ ะดวก ใช้สาหรบั
การประชุมกลมุ่ ยอ่ ย อภปิ ราย แลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ สาธติ ทากจิ กรรมกลุ่ม
สัมพันธ์ เลน่ เกม ผ้เู ข้าร่วมสมั มนาสามารถเคล่ือนไหวไดส้ ะดวก มองเห็นกจิ กรรมได้
อย่างชดั เจน และเขา้ ร่วมกจิ กรรมได้ดี มปี ระสิทธภิ าพ

ภาพที่ 4.3 ห้องสัมมนารปู ตัวยู
ทม่ี า: หอ้ งสมั มนำขนำดเล็ก, ออนไลน,์ 2564

2. ห้องสมั มนารูปตวั ที

การจัดสัมมนาแบบวทิ ยากรหรอื ประธานน่งั อยู่หวั โตะ๊ ดา้ นหน้า
ผู้เข้าร่วมสัมมนานง่ั หันหน้าเข้าหากนั ตามแนวยาว

3. หอ้ งสมั มนารูปตัว โอ /

การจัดสมั มนาแบบวทิ ยากรหรือประธานน่งั อยู่หัวโต๊ะ เลขานุการจะนั่งอย่ตู รงหัว
โต๊ะอีกด้านหนึ่ง ผ้เู ข้ารว่ มสมั มนาน่งั รอบๆ โต๊ะ

6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจัดสถานทสี่ มั มนา

51

ภาพท่ี 4.4 ห้องสมั มนำรูปตัวโอ

ท่ีมา: ห้องสัมมนำขนำดเลก็ , ออนไลน,์ 2564

4. ห้องสมั มนารูปตวั แอล

การจดั สัมมนาแบบวทิ ยากรหรือประธานนั่งแยกตา่ งหาก หันหนา้ เขา้ ก่งึ กลางตวั แอล
ผเู้ ข้ารว่ มสมั มนานง่ั รอบตามโต๊ะเป็นรปู ตวั แอล

5. โต๊ะกลม

การจัดสมั มนาแบบวิทยากรหรือประธานนัง่ อย่หู ัวโตะ๊ ดา้ นหน้า
ผู้เข้ารว่ มสัมมนานั่งรอบ ๆ โต๊ะ เป็นการประชมุ สัมมนาที่ตอ้ งการให้ผู้เขา้ ร่วม
สัมมนาได้ workshop อภปิ ราย หรือระดมความคิดเหน็ ในการจดั โต๊ะเปน็ วงกลม
สมาชิกในแต่ละกลุ่มย่อยไม่ควรมีมากเกินไป จานวนท่เี หมาะสมอยู่ท่ี 5- 10 คน

ภาพท่ี 4.5 ห้องสมั มนำแบบโตะ๊ กลม การจัดสถานทสี่ ัมมนา
ท่ีมา: ห้องสมั มนำโตะ๊ กลม, ออนไลน์, 2564

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)

52

6. จดั แบบกระจายกลุ่ม
การจดั สมั มนาแบบวทิ ยากรหรอื ประธานนั่งอยโู่ ตะ๊ ด้านหน้า
ผ้เู ข้ารว่ มสัมมนานง่ั แยกโต๊ะ นง่ั ลอ้ มรอบโต๊ะยกเว้นดา้ นวิทยากร แต่ละคนหันหน้า
ไปทางวทิ ยากรทัง้ หมด เพื่อให้สะดวกในการฟงั บรรยายหรือทากจิ กรรมต่างๆ

ภาพท่ี 4.6 ห้องสมั มนำแบบกระจำยกลมุ่
ทม่ี า: ห้องสัมมนำขนำดเล็ก, ออนไลน,์ 2564

7. จดั อานวยการ
การจดั สมั มนาแบบง่ายๆ เน้นในเรื่องความสะดวก เพ่ือใหเ้ กิดความใกลช้ ิดสนทิ สนม
ความเป็นกันเอง ระหวา่ งวิทยากรกับผูเ้ ข้ารว่ มสัมมนา มีโต๊ะเดยี วหรอื หลายโต๊ะกไ็ ด้
วิทยากรหรอื ประธานเลอื กน่ังตามความสะดวก

ภาพท่ี 4.7 ห้องสัมมนำแบบอำนวยกำร การจัดสถานทีส่ ัมมนา
ทม่ี า: ห้องสัมมนำขนำดเลก็ , ออนไลน,์ 2564

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)

53

หอ้ งสัมมนาขนาดกลาง เป็นหอ้ งประชุมสมั มนาทรี่ องรบั ผู้เขา้ ร่วมสมั มนาได้ จานวน 30-50 คน
สามารถประยุกต์ใช้จากห้องสัมมนาขนาดใหญ่ โดยก้ันจากห้องใหญ่ให้ได้ห้องประชมุ ขนาดเลก็ หรอื
ขนาดกลางไดต้ ามความต้องการ นอกจากน้ีสามารถป้องกนั เสยี งรบกวนจากหอ้ งประชมุ อื่นไดอ้ ีกดว้ ย

การจดั เวที

การจัดเวทีนบั เปน็ เรื่องสาคัญประการหนึง่ ของการจดั สมั มนา การจดั เวทีท่สี วยงามจะชว่ ย
ดงึ ดดู ความนา่ สนใจ น่าเชื่อถือ ช่วยให้เพิ่มบรรยากาศในการนง่ั ฟงั สมั มนา ทาให้ความกระตือรือร้น
มากขนึ้ โดยปกติการจดั สมั มนาแบบพิธกี าร การจัดเวทีจะมีองคป์ ระกอบสาคัญ ดังน้ี

1. ธงชาติ โต๊ะหมบู่ ชู า พระบรมฉายาลักษณ์

- จดั วางธงชาติ โตะ๊ หมู่บชู า พระบรมฉายาลักษณด์ า้ นขวาของเวที หนั หนา้ เข้าหาผ้รู ว่ มสมั มนา

- จัดวางธงชาติให้อยดู่ า้ นซา้ ยของโต๊ะหมูบ่ ชู า
- จดั วางพระบรมฉายาลักษณใ์ ห้อยู่ด้านขวาของโต๊ะหม่บู ูชา
- การจดั โตะ๊ หมูบ่ ชู า ให้วางพระพทุ ธรูปดา้ นบนสุด วางเทียนคู่ วางกระถางธปู วางแจกันดอกไม้
จากด้านบนตามลาดบั และวางโต๊ะกราบพระ หมอนรองเข่า ดา้ นหนา้ โตะ๊ หมู่

- ธูปท่ีอย่บู นกระถางควรทานา้ มนั หรือยาหมอ่ ง เพอ่ื ชว่ ยใหต้ ดิ ไฟง่ายข้นึ
- เตรียมไม้ขดี ไฟหรือไฟแช๊ค เชิงเทียนสาหรับให้ประธานจดุ ธูปเทยี น

ภาพท่ี 4.8 การจดั โตะ๊ หมูบ่ ูชาบนเวที การจัดสถานที่สัมมนา
ที่มา: การจดั เวทีสัมมนา, ออนไลน,์ 2564

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)

54

โตะ๊ สาหรบั ประธานหรอื วิทยากร
- จดั วางโตะ๊ วิทยากร เกา้ อี้ ไวก้ ลางเวที
- ปูผ้า จับจีบผ้าบนโตะ๊ ใหส้ วยงาม จัดไมโครโฟน ขาตง้ั ไมโครโฟนตามจานวนของวทิ ยากร
- จดั แจกันดอกไม้ให้มีขนาดเหมาะสมไมบ่ งั หน้าวทิ ยากร
- มีปา้ ยชือ่ วทิ ยากรวางบนโตะ๊ เม่ือวทิ ยากรขึ้นบรรยาย
- เมื่อประธานกล่าวเปิดหรือปิดโครงการที่โตะ๊ ควรวางป้ายช่อื ประธานบนโตะ๊
- ควรจดั โต๊ะรบั แขกไว้ดา้ นซา้ ยของเวทีสาหรับประธานและวิทยากร

ภาพที่ 4.9 โตะ๊ วทิ ยากร

ท่ีมา: การจัดเวทสี ัมมนา, ออนไลน์, 2564

3. ฉากหรอื มา่ นสาหรับตดิ ตวั อกั ษรชื่อโครงการสัมมนา ประกอบด้วย
- ป้ายช่อื โครงการสมั มนา
- วนั เดอื น ปี
- สถานทีห่ รอื หน่วยงานท่จี ัดสัมมนา
- จดั ทาตัวอกั ษรที่มลี ักษณะเดน่ สวยงาม สะดุดตา มขี นาดเลก็ ใหญ่ตามลาดบั ความสาคญั

4. แท่นหรือโพเดยี มสาหรับพิธกี ร

- จดั วางแทน่ หรอื โพเดียมอยู่ด้านล่างขวามือของเวที
- หนั หน้าแท่นหรอื โพเดยี มระดบั กลางระหวา่ งโต๊ะประธานกบั ผู้เข้าร่วมสัมมนา
- จัดวางไมโครโฟนสาหรับพธิ กี าร
- จดั แจกนั ดอกไมร้ ูปทรงเต้ียไม่บงั หนา้ พิธกี ร

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจัดสถานทส่ี ัมมนา

55

5. แท่นหรือโพเดยี มสาหรับประธานเปิด

- จดั วางแทน่ หรือโพเดยี มอยดู่ ้านล่างซ้ายมือของเวที
- หันหนา้ วางแทน่ หรือโพเดยี มระดับกลางระหว่างแทน่ วิทยากรกบั ผูเ้ ขา้ รว่ มสัมมนา
- จัดวางไมโครโฟนสาหรบั ประธาน
- จดั แจกันดอกไมร้ ปู ทรงเต้ียไม่บังหนา้ ประธาน
- เมือ่ พิธเี ปดิ เสรจ็ ใหย้ กออกเกบ็ ไวด้ ้านขา้ งเวที

ภาพท่ี 4.10 โพเดียมสาหรบั ประธานเปดิ

ท่มี า: การจัดเวทีสัมมนา, ออนไลน์, 2564

การจดั หอ้ งรบั ประทานอาหาร
1. หอ้ งรับประทานของวา่ ง

- อยใู่ กล้กบั หอ้ งสัมมนา
- ใชใ้ นเวลาพักคร่ึงของการสมั มนา ครง่ึ เชา้ เวลา 10.30 น. ครึง่ บา่ ย เวลา 14.30 น.
- จดั โต๊ะวางชุดเครอื่ งดมื่ กาแฟ ขนม หรอื ผลไม้ ใส่ภาชนะหรือกล่องจัดเป็นชุดๆ
- โต๊ะสาหรบั วางกาน้าร้อน นา้ เปล่า นา้ ผลไม้ ใหผ้ ูเ้ ข้าร่วมสมั มนาสามารถเลือกรบั ประทานเองได้
- ผูเ้ ขา้ ร่วมสัมมนานงั่ หรือยืนรบั ประทานได้

2. หอ้ งรับประทานอาหาร

- ใช้รับประทานอาหารในเวลาเชา้ กลางวัน และเยน็
- อยู่ใกล้กับหอ้ งสัมมนา เดนิ ทางสะดวก
- มีโต๊ะสาหรบั น่งั รบั ประทานอาหาร ควรทาปา้ ยโต๊ะสาหรับวิทยากรน่ังรบั ประทานอาหาร

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจัดสถานที่สัมมนา

56

- อาหารทจ่ี ัดเป็นแบบบฟุ เฟ่ต์ หรอื อาหารชดุ ผู้เขา้ ร่วมสัมมนาสามารถเลอื กเอง
- อาหารเช้า เป็นอาหารเบา เช่น ขา้ วต้ม ไข่ดาว ไสก้ รอก สลัดผกั ขนมปัง นม นา้ ผลไม้ น้าด่ืม
ฯลฯ
- อาหารกลางวนั เปน็ อาหารหนกั มีรายการอาหารหลากหลายเช่น ขา้ วสวย กับขา้ ว ผกั ผลไม้
ขนมหวาน และนา้ ดื่ม ฯลฯ
- อาหารเย็น เป็นอาหารหนกั อาจมีรายการอาหารทม่ี ากหรอื น้อยตามความเหมาะสม

ภาพที่ 4.11 ห้องรบั ประทานอาหาร
ทมี่ า: หอ้ งรบั ประทานอาหาร, ออนไลน์, 2564

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจดั สถานทีส่ ัมมนา

57

แบบฝกึ หดั ท่ี 4

เร่อื ง การจดั สถานทส่ี ัมมนา

จงตอบคาถามต่อไปนี้
1. การจัดสถานที่ประชุมสัมมนามวี ัตถุประสงคเ์ พอ่ื อะไร
2. ในการจดั สถานท่ปี ระชุมสมั มนา ควรทราบข้อมูลประกอบการจัดสถานท่เี รื่องใดบ้าง
3. ในการจัดสถานทป่ี ระชมุ สัมมนา ควรมีการเตรียมการในเรอื่ งใดบา้ ง
4. รูปแบบการจัดห้องประชุมสมั มนาท่ีสามารถจุคนไดค้ รั้งละมากๆ คือการจดั รูปแบบใด
5. ยกตวั อยา่ งการจดั ห้องประชมุ สมั มนาที่มขี นาดเล็ก มา 3 แบบ พรอ้ มอธบิ าย
6. ในการสัมมนาแบบพธิ ีการ เวทคี วรมีองค์ประกอบอะไรบา้ ง
7. โต๊ะประธานหรอื โต๊ะวทิ ยากร ควรจัดวางด้านใดของเวที
8. ป้ายบนเวทีสัมมนา ควรประกอบดว้ ยขอ้ ความอะไรบา้ ง
9. ขอ้ ควรระวังในการจัดดอกไม้บนแทน่ สาหรับประธานเปดิ -ปิดการสมั มนาคืออะไร
10. หอ้ งท่ใี ชส้ าหรับรับประทานอาหารกลางวัน ควรจัดในลกั ษณะใด

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจัดสถานทส่ี ัมมนา

58

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

บทท่ี 4 เรอื่ ง การจัดสถานท่ีสัมมนา
คาชีแ้ จง ให้นกั ศกึ ษำเลือกคำตอบที่ถูกทีส่ ุดเพยี งคำตอบเดยี ว แลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. ขอ้ ใดคือข้อมูลประกอบการจัดสถานที่

ก. มีบรรยากาศน่าสนใจ
ข. ความราบรน่ื ในการสมั มนา
ค. ความกระตอื รือรน้ ของผู้จดั สมั มนา
ง. จานวนผู้เขา้ ร่วมสมั มนา
2. ขอ้ ใดคือการจดั ห้องสัมมนาที่เหมาะสม
ก. มีอากาศถ่ายเทสะดวก มอี ุณภูมิพอดี
ข. มีการจัดวางกระถางตน้ ไม้
ค. มีปา้ ยชือ่ ฝ่ายต่างๆ
ง. มสี ญั ลกั ษณเ์ สน้ ทาง
3. ขอ้ ใดคือลักษณะของห้องสัมมนาทเี่ ป็นเอกเทศ
ก. มรี ะบบเสยี งดี
ข. ไมม่ ีกลิ่น แสง เสียงรบกวน
ค. ห้องมีขนาดใหญ่
ง. มที างเดินสะดวก
4. ข้อใดคือข้อมูลสถานท่ตี ัง้ ของห้องสมั มนา
ก. ความเหมาะสมของจานวนผูเ้ ขา้ สมั มนา
ข. มีบรรยากาศนา่ สนใจ
ค. ควรเดนิ ทางสะดวก เป็นทีร่ จู้ ัก
ง. มีการจัดวางโต๊ะ เกา้ อ้ี
5. ขอ้ ใดคือการเตรยี มสถานที่สัมมนา
ก. การตดิ ตอ่ ขอใช้สถานที่
ข. การระบอุ าคาร ชนั้ ห้อง
ค. เลือกหอ้ งท่ีมีอุณภูมเิ ย็นสบาย
ง. มีความสมั พันธร์ ะหวา่ งห้องสัมมนา

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจดั สถานทส่ี ัมมนา

59

6. ขอ้ ใดคือองคป์ ระกอบสาคัญในการจัดเวทีห้องสัมมนา
ก. ธงชาติ โตะ๊ หมู่บชู า พระบรมฉายาลักษณ์
ข. กระถางต้นไม้
ค. เครื่องปรบั อากาศ
ง. โต๊ะ เก้าอผี้ เู้ ข้ารว่ มสมั มนา

7. ขอ้ ใดคือรูปแบบหอ้ งสมั มนาขนาดเล็ก
ก. แบบโรงภาพยนต์
ข. แบบหอ้ งเรียน
ค. รูปตัวย U
ง. รูปตัว C

8. ข้อใดคือการจดั วางโต๊ะหมู่บูชาทถ่ี ุกต้อง
ก. จัดวางใกลแ้ ท่นสาหรบั พิธีกร
ข. จัดวางดา้ นซ้ายของเวที
ค. จดั วางตรงกลางเวที
ง. จัดวางด้านขวาของเวที

9. ขอ้ ใดคือข้อมูลท่ีสาคัญที่ควรมีในปา้ ยโครงการ
ก. ชอื่ โครงการสมั มนา
ข. ช่ือผจู้ ัดสัมมนา
ค. จานวนผเู้ ข้าร่วมสัมมนา
ง. วตั ถุประสงคใ์ นการจัดโครงการ

10. ข้อใดคอื การจัดห้องรับประทานอาหารท่เี หมาะสม
ก. สามารถจุผเู้ ข้าร่วมสัมมนาไดจ้ านวนมาก
ข. มอี ณุ ภมู เิ ย็นสบาย
ค. อยูใ่ กล้กบั หอ้ งสมั มนา
ง. อยูใ่ กลก้ บั ห้องน้า

แบบทดสอบกอ่ นเรียน บทที่ 4

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจดั สถานทสี่ มั มนา

60

แบบทดสอบหลงั เรยี น

บทที่ 4 เร่ือง การจดั สถานท่ีสัมมนา
คาชแี้ จง ใหน้ ักศึกษำเลอื กคำตอบที่ถกู ที่สุดเพียงคำตอบเดียว แล้วทำเครอ่ื งหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. ขอ้ ใดคือการจัดหอ้ งสัมมนาท่ีเหมาะสม

ก. มอี ากาศถ่ายเทสะดวก มอี ุณภูมิพอดี
ข. มกี ารจดั วางกระถางตน้ ไม้
ค. มีปา้ ยชอ่ื ฝ่ายตา่ งๆ
ง. มสี ัญลักษณ์เสน้ ทาง
2. ข้อใดคือการเตรียมสถานท่ีสมั มนา
ก. การติดตอ่ ขอใชส้ ถานที่
ข. การระบุอาคาร ชน้ั หอ้ ง
ค. เลอื กหอ้ งท่ีมีอุณภูมเิ ย็นสบาย
ง. มคี วามสัมพนั ธ์ระหวา่ งห้องสัมมนา
3. ข้อใดคือลักษณะของห้องสัมมนาท่ีเป็นเอกเทศ
ก. มรี ะบเสียงดี
ข. ไม่มีกล่นิ แสง เสียงรบกวน
ค. หอ้ งมีขนาดใหญ่
ง. มีทางเดินสะดวก
4. ข้อใดคือข้อมูลประกอบการจัดสถานท่ี
ก. มีบรรยากาศนา่ สนใจ
ข. ความราบรื่นในการสมั มนา
ค. ความกระตือรือร้นของผู้จดั สัมมนา
ง. จานวนผู้เขา้ รว่ มสัมมนา
5. ข้อใดคือข้อมูลสถานท่ีตงั้ ของหอ้ งสมั มนา
ก. ความเหมาะสมของจานวนผูเ้ ขา้ สัมมนา
ข. มีบรรยากาศน่าสนใจ
ค. ควรเดินทางสะดวก เป็นทร่ี ้จู ัก
ง. มีการจัดวางโตะ๊ เก้าอี้

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจัดสถานที่สัมมนา

61

6. ข้อใดคือรูปแบบหอ้ งสมั มนาขนาดเล็ก
ก. รูปตัวย U
ข. แบบห้องเรียน
ค. แบบโรงภาพยนต์
ง. รปู ตัว C

7. ขอ้ ใดคือข้อมลู ท่สี าคญั ท่ีควรมีในปา้ ยโครงการ
ก. ชอื่ โครงการสัมมนา
ข. ชอ่ื ผจู้ ดั สมั มนา
ค. จานวนผูเ้ ข้าร่วมสัมมนา
ง. วัตถปุ ระสงค์ในการจัดโครงการ

8. ขอ้ ใดคือการจัดวางโต๊ะหมู่บชู าท่ีถุกต้อง
ก. จดั วางตรงกลางเวที
ข. จัดวางดา้ นซ้ายของเวที
ค. จัดวางด้านขวาของเวที
ง. จดั วางใกลแ้ ท่นสาหรับพิธีกร

9. ขอ้ ใดคือการจดั ห้องรับประทานอาหารที่เหมาะสม
ก. สามารถจุผเู้ ข้ารว่ มสัมมนาไดจ้ านวนมาก
ข. มีอณุ ภมู ิเยน็ สบาย
ค. อยใู่ กล้กับหอ้ งสัมมนา
ง. อยู่ใกลก้ ับห้องน้า

10. ขอ้ ใดคอื องคป์ ระกอบสาคัญในการจดั เวทีหอ้ งสมั มนา
ก. ธงชาติ โต๊ะหมู่บูชา พระบรมฉายาลักษณ์
ข. กระถางตน้ ไม้
ค. เครื่องปรับอากาศ
ง. โตะ๊ เก้าอี้ผเู้ ข้ารว่ มสมั มนา

แบบทดสอบหลงั เรยี น บทที่ 4

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การจัดสถานทีส่ มั มนา



63

บทท่ี 5

การดาเนินการจัดสัมมนา

ขัน้ ตอนการจัดสัมมนา
การจัดสัมมนาโดยทั่วไป เป็นกระบวนการของการทางานกลุ่ม โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ

อยา่ งต่อเนอื่ ง มีการวเิ คราะหง์ านและได้ข้อมลู ทเ่ี ป็นปัญหาสาคัญ ในหนว่ ยงาน จากนั้นขอ้ มูลทไี่ ด้จาก
การวิเคราะห์งาน จะเป็นส่วนหน่ึงของหลักการและเหตุผล และเป็นแนวทางในการกาหนด
วัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งการดาเนินการจัดประชุมสัมมนาจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังน้ี (ณิร
ดา เวชญาลักษณ์, 2551, หน้า 45)

1. การเตรียมงานก่อนการจัดประชมุ สมั มนา
2. การดาเนินการระหว่างการจดั ประชมุ สัมมนา
3. การดาเนินการหลงั การจดั ประชุมสัมมนา

1. การเตรยี มงานก่อนการจัดประชมุ สัมมนา
ในการจัดประชุมสัมมนาตอ้ งอาศัยบุคคลหลายฝ่ายทางานร่วมมือกัน ดังนั้นการเตรียมงาน

ล่วงหน้าเป็นเร่ืองที่จาเป็นสาหรับคณะกรรมการดาเนินงาน เพื่อให้ออกมาเรียบร้อยภายในเวลาท่ี
กาหนดไว้ ก่อนท่ีจะดาเนินการจัดสัมมนา หน่วยงานหรือองค์กรท่ีทาหน้าที่รับผิดชอบในด้านการ
พัฒนาองคก์ รควรศึกษา สารวจปัญหา หรือหาเหตผุ ลความจาเป็นทจ่ี ะต้องทาการประชมุ สัมมนาก่อน
เพ่ือให้ได้ข้อมูลสาคัญท่ีเป็นเหตุผล ท่ีต้องจัดสัมมนา หรือควรมีการวเิ คราะหง์ านก่อนดว้ ยวธิ กี าร ดังนี้
(เพช็ รี รูปะวิเชตร์ , 2554)

1. การสังเกต
2. การสารวจ
3. แบบสอบถาม
4. การสมั ภาษณ์
5. ศกึ ษาจากเอกสาร
การวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว อาจใช้วิธกี ารทางสถิติ ข้นึ อย่กู ับลักษณะของเคร่ืองมือ และใช้
วิธีการสัมภาษณ์ โดยการหาค่าความถี่ หรือค่าร้อยละ นอกจากนี้สามารถใช้แบบสอบถามโดยการหา
ค่าเฉลยี่
การเตรียมงาน คือ การวางแผนและเตรียมการในด้านตา่ ง ๆ เพื่อให้มคี วามพร้อมก่อนที่จะ
ดาเนินการจัดสัมมนาทางวิชาการ การเตรียมงานสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ การเตรียมงาน
ระยะแรก และการเตรยี มงานระยะทส่ี อง มีรายละเอยี ดดังน้ี

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนินการจดั สัมมนา

64

1. การเตรียมงานระยะแรก ต้องจดั ใหม้ ีการประชมุ โดยคณะกรรมการประสานการ
ดาเนนิ งาน เพ่ือทาหน้าที่

1.1 เลอื กหรือแตง่ ต้งั ผู้ดาเนนิ การจัดประชมุ สัมมนา
1.2 กาหนดวัตถุประสงค์ของการจดั ประชมุ สัมมนา
1.3 เลอื กหวั ข้อเร่ืองท่จี ะจัดประชุมสมั มนา
1.4 จดั ประเด็นของปญั หาหรอื หวั ข้อย่อย
1.5 กาหนดรปู แบบหรือวิธีการสมั มนา
1.6 กาหนดวทิ ยากร
1.7 กาหนดสถานท่ี อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ โสตทศั นปู กรณ์
1.8 กาหนด วนั เวลา และตารางกาหนดการประชุมสัมมนา
1.9 กาหนดงบประมาณทีจ่ ะใชใ้ นการจดั ประชมุ สมั มนา
1.10 กาหนดวิธกี ารประเมนิ ผล
1.11 วางแผนการประชาสมั พันธ์การสมั มนา
1.13 จัดทาแผนปฏบิ ัตงิ านทง้ั หมดและระยะการดาเนินงาน
1.14 จดั ทาโครงการสัมมนา และขออนุมัตโิ ครงการ

2. การเตรียมงานระยะท่ีสอง เม่ือโครงการสัมมนาได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้ว สามารถ
เริม่ ทางานในสว่ นทว่ี างแผนไว้ มลี ักษณะการดาเนนิ งาน คอื

2.1 ประชมุ คณะกรรมการดาเนนิ งานวางแผนร่วมกบั ฝ่ายต่างๆ
2.2 เตรียมระเบยี บวาระการประชุม และทาหนังสือเชญิ ประชมุ
2.3 ออกหนังสอื เชญิ วทิ ยากร ประธาน และแขกผมู้ เี กยี รติเขา้ รว่ มสัมมนา
2.4 ตดิ ตอ่ ทาบทาม ทาหนงั สือวทิ ยากร และขอข้อมูลประวัติวิทยากร
2.5 เขยี นหรอื พิมพ์คากลา่ วรายงาน คากลา่ วเปดิ -ปิดงาน
2.6 พมิ พก์ าหนดการตารางการสมั มนา
2.7 รวบรวม พมิ พร์ ายช่อื ผเู้ ขา้ รว่ มสัมมนา
2.8 ทาป้ายช่อื ผู้เขา้ รว่ มสมั มนา และป้ายชื่อวทิ ยากร
2.9 จัดพิมพ์ ถา่ ยเอกสาร เขา้ เล่มเอกสารประกอบการสมั มนา
2.10 ตดิ ตอ่ และทาหนงั สือขอใช้สถานที่
2.11 เตรยี มสถานที่ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ โสตทัศนูปกรณ์
2.12 จัดเตรียมค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าตอบแทนวิทยากร ค่าอาหารว่าง อาหารกลางวัน
คา่ ของทีร่ ะลกึ คา่ จดั สถานที่ ฯลฯ

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนินการจดั สัมมนา

65

ในขน้ั การเตรียมงานก่อนดาเนนิ การสมั มนา ใหด้ าเนินการ 4 ด้าน ดังนี้
1. จัดทาคาส่ังแตง่ ตง้ั คณะกรรมการ
3. ตดิ ต่อวิทยากร
4. จดั เตรยี มสถานทหี่ อ้ งสัมมนา

1. จัดทาคาส่งั แต่งต้ังคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ
1.1 คณะกรรมการอานวยการ มหี น้าท่ี ดังนี้
- วางแผน และจัดทาโครงการ
- ติดต่อ เลอื กคณะกรรมการฝ่ายตา่ ง ๆ
- เปน็ ท่ปี รึกษา ชว่ ยประสานงาน และอานวยความสะดวกให้กับคณะกรรมการทกุ

ฝ่าย
- พิจารณา ตดั สินใจ และช่วยแกไ้ ขปญั หาท่ีเกิดขึ้น
- ตดิ ตอ่ วิทยากรในเบ้ืองตน้
- ประชมุ วางแผนรว่ มกับฝา่ ยตา่ งๆ

1.2 ฝา่ ยประชาสัมพนั ธ์ ฝ่ายตอ้ นรบั หรือปฏิคม และฝ่ายสถานที่ มหี นา้ ท่ี ดังนี้
- ประชาสมั พนั ธผ์ า่ นสอื่ ตา่ ง ๆ
- ดูแล ควบคมุ เครอ่ื งเสียง โสตทศั นูปกรณ์ตา่ งๆ และบันทึกภาพ
- ตอ้ นรบั ประธาน วทิ ยากร และผเู้ ข้าร่วมสัมมนา
- จัดทาป้ายช่อื ประธาน วทิ ยากรและป้ายช่ือผูเ้ ข้ารว่ มสัมมนา
- จัดทาแผนผัง ป้ายหอ้ งประชมุ สัมมนา ห้องรบั รอง ห้องอาหาร และห้องนา้
- จัดทาปา้ ยชือ่ โครงการและตกแต่งบนเวที
- ติดตอ่ วทิ ยากรเกย่ี วกบั ทีพ่ กั และการจัดรถรบั -สง่ วทิ ยากร

1.3 ฝา่ ยพิธกี าร พธิ ีกร มีหน้าท่ี ดงั นี้
- ขอขอ้ มลู ประวัติของวิทยากร
- จดั ทาคากล่าวรายงาน คากลา่ วเปดิ และปิดการประชุมสมั มนา
- กลา่ วตอ้ นรบั ผเู้ ขา้ รว่ มสมั มนา
- เชญิ ประธานโครงการกล่าวรายงาน
- เชญิ ประธานดาเนินการในพิธเี ปดิ และปดิ
- กล่าวต้อนรบั แนะนา และขอบคุณวิทยากร
- ควบคมุ เวลาตามกาหนดการที่กาหนด และสรุปประเดน็ สาคัญ

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนนิ การจัดสมั มนา

66

1.4 ฝ่ายเอกสารและลงทะเบียน มหี น้าที่ ดงั น้ี
- รบั ลงทะเบยี นผู้เขา้ รว่ มสมั มนา
- รวบรวมและจัดทารายชอื่ ผเู้ ข้าประชุมสัมมนา
- จดั เตรยี มแฟ้มเอกสารประกอบการอบรม
- จัดทาหนงั สือเชญิ วิทยากร
- จัดทาเอกสาร รายงานสรปุ ผลของโครงการ

1.5 ฝ่ายเหรญั ญกิ /การเงนิ มหี น้าท่ี ดังนี้
- จัดเตรยี มคา่ ใช้จ่าย ตามท่ีฝา่ ยตา่ ง ๆ ไดว้ างแผนค่าใชจ้ า่ ยเสนอมา
- จดั เตรียมคา่ ตอบแทนและคา่ ของทีร่ ะลึกสาหรับวทิ ยากร
- ประสานงานเรอ่ื งคา่ ใช้จา่ ยในโครงการกับทุกฝา่ ย
- จดั ทาบญั ชรี ายรับ-รายจ่ายของการประชุมสัมมนา
- รวบรวมเอกสารสาคญั การเบิกจา่ ยเงนิ
- จัดทารายงานสรปุ ผลทางการเงนิ

1.6 ฝา่ ยอาคารสถานที่ มหี น้าท่ี ดงั น้ี
- ตดิ ตอ่ สถานทใ่ี นการจัดประชมุ สมั มนา
- สารวจสภาพห้องสมั มนา และห้องตา่ งๆท่ีตอ้ งใชส้ ัมมนา
- สารวจอปุ กรณ์ โสตทัศนปู กรณ์ ที่ใช้ในห้องสัมมนา
- จัดเตรียมสถานทแี่ ละอานวยความสะดวกในการดาเนินการสมั มนา
- จัดเตรยี มวัสดุ อุปกรณ์ และอานวยความสะดวกในการดาเนนิ การสัมมนา
- ตกแต่งสถานท่ี เวที โต๊ะหมบู่ ชู า ป้ายสัมมนา และอุปกรณ์ เครื่องใช้ในพิธเี ปิด–

ปิด
- ดแู ลสถานทแ่ี ละห้องประชมุ สัมมนาใหเ้ รียบร้อยพร้อมใช้งาน

1.7 ฝ่ายสวสั ดิการอาหารและเครอื่ งด่ืม มีหน้าท่ี ดังน้ี
- จดั เตรียมอาหารว่าง เคร่อื งดื่ม และอาหารกลางวนั สาหรบั วทิ ยากรและ

ผู้เขา้ ร่วมสัมมนา โดยประสานสอบถามจานวนผเู้ ข้าร่วมสมั มนาจากฝ่ายลงทะเบียน
- มีการสารวจประเภทของอาหารพิเศษของวิทยากรและผู้เขา้ รว่ มสัมมนา ท่เี ป็น

อาหารมงั สวิรตั ิหรอื อาหารอิสลาม เพือ่ ไม่ใหเ้ กดิ ความผิดพลาดในการจัดเตรยี มอาหาร
1.8 ฝา่ ยตอ้ นรบั /ปฏคิ ม มีหน้าท่ี ดังน้ี
- คอยดูแลต้อนรบั วทิ ยากร ประธานในพิธี แขกผู้มีเกยี รติ และผูเ้ ข้ารว่ มสัมมนา
- คอยอานวยความสะดวกในทกุ ๆเร่ือง

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนนิ การจดั สัมมนา

67

1.9 ฝ่ายยานพาหนะ มีหน้าท่ี ดงั นี้
- จดั เตรยี มและอานวยความสะดวกดา้ นรถรบั -สง่ ให้กับวิทยากร

1.10 ฝ่ายประเมินผล มหี น้าท่ี ดังนี้
- พิมพแ์ ละจดั ทาแบบประเมินผลการสัมมนา
- แจกและรวบรวมเกบ็ ข้อมลู จากผ้เู ขา้ รว่ มสมั มนาและนามาวเิ คราะห์ขอ้ มูล
- สรปุ และจัดทารายงานการประเมินผลการสมั มนา

2. ประชาสมั พันธโ์ ครงการ
การประชาสัมพันธ์โครงการ ดาเนนิ การไดด้ ังน้ี
- ประชาสมั พนั ธก์ ารสัมมนา ผา่ นสอ่ื ตา่ ง ๆ เชน่ ใบปลิว แผ่นพับ ปา้ ยโปสเตอร์ ปา้ ย

ไวนิล ผ่านชอ่ งทาง Internet Facebook LINE e-mail ประกาศเสยี งตามสาย ฯลฯ

3. ติดต่อวทิ ยากร
ดาเนนิ การติดต่อวิทยากร ดงั นี้
- ทาบทามวิทยากรเบือ้ งต้น
- สง่ หนังสือเชิญ แจง้ รายละเอยี ดการสัมมนา
- ขอประวัตวิ ทิ ยากร และเอกสารประกอบการบรรยาย
- ประสานเร่ืองวัน เวลาการสัมมนา และรถรบั -สง่ วิทยากร

4. จดั เตรยี มสถานท่ี
ดาเนินการจัดเตรียมสถานที่ ดงั นี้
- สารวจสถานที่สาหรบั การจัดการสัมมนา เช่น ห้องประชุม ห้องรับรอง และ

ห้องอาหาร
- เมือ่ สารวจสถานทเี่ รียบร้อยแล้ว จึงติดต่อประสานงานและทาหนังสือขออนุญาตใช้

สถานที่อยา่ งเป็นทางการ
- สารวจความเรยี บรอ้ ยของสถานท่ี อุปกรณ์ เครื่องมือ โสตทัศนปู กรณ์ และจัดสถานที่

ให้พรอ้ มก่อนวนั สัมมนาลว่ งหนา้ 1 วนั

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนนิ การจดั สัมมนา

68

การเตรยี มจดั หอ้ งสัมมนา
1. การจัดสถานท่ี เวทีของห้องประชุมสัมมนา ควรมีการเขียนป้ายโครงการท่ีระบุหัวข้อ

ประชุมสัมมนา วันท่ี หน่วยงาน เพ่ือให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบ ควรจัดธงชาติ โต๊ะหมู่บูชา พระบรม
ฉายาลักษณ์ในตาแหนง่ ท่ี วางพระพทุ ธรูป เทยี นคู่ กระถางธปู จากดา้ นบนตามลาดับ

2. หอ้ งประชมุ สมั มนาควรมีอุณหภมู ิพอเหมาะ ไม่มีกล่ินอับชนื้ แสงสวา่ งเพียงพอ
3. จัดโต๊ะ เก้าอ้ีท่ีนง่ั ตามจานวนผู้เขา้ ร่วมสัมมนา
4. ขนาดของหอ้ งประชุมสมั มนาพอเหมาะกับจานวนผเู้ ขา้ ร่วมสมั มนา
5. ห้องประชมุ สัมมนาควรอปุ กรณ์ เคร่ืองมือ โสตทัศนปู กรณอ์ ่ืนๆ

ภาพที่ 5.1 การจัดห้องสมั มนา

ท่ีมา: การจดั ห้องสมั มนา, ออนไลน,์ 2564

รปู แบบของการจัดโต๊ะสัมมนา
1. การจัดโต๊ะในหอ้ งประชมุ ใหญ่
1) แบบที่นั่งในโรงภาพยนตร์ (Theatre Style) เป็นทน่ี ง่ั แบบไมม่ ีโต๊ะ หรือใช้โตะ๊ แบบมี

แทน่ สาหรบั เขยี นในตัว และเหมาะสาหรับกลุ่มผูเ้ ขา้ ร่วมประชุมจานวนมากๆ เนน้ การสอ่ื สารแบบทาง
เดียวเหมาะสาหรบั การประชุมท่นี าเสนอภาพและเสยี ง รวมถงึ การบรรยายต่างๆ

2) แบบทีน่ ั่งในหอ้ งเรยี น (Schoolroom Style) เป็นทน่ี ่งั แบบมโี ต๊ะและเกา้ อ้ี เรียงเป็นแถว
เรียงกันอยา่ งต่อเนื่อง มชี ่องทางสาหรบั เดนิ ตรงกลางเพื่อความสะดวก ผ้เู ข้ารว่ มสัมมนาสามารถน่งั จด
บันทกึ คาบรรยายหรือหัวข้อท่ีตนสนใจ การจดั โต๊ะรูปแบบมาตรฐานที่ใชท้ วั่ ไป เน้นจานวนผ้เู ข้ารว่ ม
ประชุมจานวนมาก เปน็ การส่ือสารทางเดียว

2. การจัดโตะ๊ ในการประชุมยอ่ ย
1) รปู ตัว U ใช้ในการประชมุ สัมมนา โดยมปี ระธานหรอื วิทยากรนง่ั อยู่หวั โต๊ะ เป็นการ
จดั รปู แบบท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพมากในกลมุ่ ท่ีใชก้ ารประชมุ อภิปรายท่ีตอ้ งการการปฏิสัมพันธ์กนั อยา่ ง
ใกล้ชดิ สามารถนาเสนองานด้านหนา้ โตะ๊ ประชมุ และเพ่ิมท่ีนั่งได้ตามต้องการ

6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนินการจดั สมั มนา

69

2) แบบกระจายกลุ่ม ใชใ้ นการประชุมสัมมนาโดยแยกเปน็ โต๊ะๆ เพ่ือให้สะดวกในการระดม
ความคิดเห็น การทางานเปน็ กล่มุ

3) แบบโต๊ะกลม ใชใ้ นการประชุม อภิปรายกล่มุ เล็ก การสนทนาแบบโตต้ อบ เปน็ รปู แบบ
ของการจดั ทีน่ ง่ั ประชุมสาหรับวางแผนดาเนินการประชมุ สามารถใช้ในการรบั ประทานได้ดว้ ย
ระหว่างมกี ารประชมุ หรือเป็นการประชมุ ท่ีมกี ารแบ่งกลุ่มผปู้ ระชมุ ออกเปน็ กลุ่มๆ ฝา่ ยต่างๆ หรือ
สาขาวิชา ในหอ้ งเดียวกนั หรือจัดรุปแบบใหม่ๆ

4) แบบอานวยการ ใช้ในการประชุมแบบเรียบง่าย สะดวก จัดง่าย มโี ต๊ะเดียว หรือหลาย
โตะ๊ ก็ได้ ผ้เู ขา้ ร่วมประชมุ สามารถมองเห็นและได้ยินเสียงอย่างชดั เจน

5) รูปแบบอน่ื ๆ

ภาพที่ 5.2 การจดั ห้องสมั มนา
ทม่ี า: การจัดห้องสัมมนา, ออนไลน์, 2564

2. การดาเนินการระหวา่ งการจัดประชุมสัมมนา
ระยะดาเนินการจัดประชมุ สมั มนา มรี ายละเอียดดังน้ี
1. ตรวจสอบความเรียบรอ้ ยของหอ้ งประชุมสัมมนา การจัดโตะ๊ เก้าอี้ การจดั เวที โต๊ะ

วทิ ยากร ฯลฯ
2. คอยดูแลต้อนรบั วทิ ยากร ประธาน แขกผู้มเี กยี รติ และผูเ้ ขา้ ร่วมสัมมนา
3. รับลงทะเบียนผเู้ ขา้ ร่วมสัมมนาและรับเอกสารการสัมมนา
4. พิธเี ปดิ การสัมมนา
5. วทิ ยากรบรรยาย/อภปิ รายทางวิชาการในประเดน็ สาคญั ตา่ ง ๆ
6. การแบ่งกลุ่มย่อย/ประชุมกลุม่ ยอ่ ย/ฝึกปฏิบตั กิ าร/ระดมความคิดเห็น
7. ดแู ลและอานวยความสะดวกตลอดงาน

6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนินการจัดสมั มนา

70

8. มอบของท่รี ะลึกให้กบั วทิ ยากร
9. แจกและรวบรวมแบบประเมินผลโครงการ
10. พิธปี ดิ การประชุมสมั มนา

3. การดาเนินการหลังการจดั ประชมุ สัมมนา
ระยะหลังการจัดสมั มนา คือ ระยะที่การดาเนนิ การจดั สัมมนาจริงไดเ้ สร็จส้ินเปน็ ท่ี

เรยี บรอ้ ย แตย่ ังคงมีงานที่ยังต้องดาเนินการตอ่ หลงั การสัมมนา มีดงั นี้
1. จัดทาหนงั สอื ขอบคุณวทิ ยากร
2. จัดการเรอื่ งการเงิน บัญชีรายรบั -รายจา่ ย และใบสาคญั
3. วเิ คราะห์การประเมนิ ผลการสัมมนา เพื่อหาข้อดี ข้อบกพรอ่ ง เป็นแนวทางในการ

ปรับปรุงและพัฒนาโครงการ
4. รวบรวมเอกสารทเี่ กย่ี วกับการสัมมนา เช่น โครงการ หนงั สอื ขออนุมตั ิ หนงั สือเชญิ

วทิ ยากร ฯลฯ
5. ประชมุ รว่ มกนั เพ่ือสรุปผลการสมั มนา
6. จัดทาเอกสารรายงานผลการสมั มนาและเสนอเอกสารสัมมนาแก่ผู้สอน/ผู้บริหาร (“การ

ดาเนินการจดั สัมมนา”, ออนไลน์, ม.ป.ป. หนา้ 177-180)

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนินการจดั สัมมนา

71

แบบฝกึ หัดท่ี 5
เรื่อง การดาเนนิ การจัดสมั มนา

จงตอบคาถามต่อไปน้ี
1. การจัดสมั มนาโดยทวั่ ไปมขี ้ันตอนการดาเนินงานแบ่งออกเป็นกี่ระยะ
2. ระยะเตรียมงานการจัดสมั มนา หมายถงึ อะไร
3. การเตรยี มงานระยะท่ีสอง ตอ้ งดาเนนิ งานอยา่ งไร
4. คณะกรรมการอานวยการมีหนา้ ที่ความรับผิดชอบอยา่ งไรบา้ ง
5. ยกตัวอยา่ งรูปแบบการจดั โต๊ะสมั มนาในห้องประชมุ มา ๕ ขอ้
6. ฝ่ายพธิ ีกรมหี นา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบอย่างไรบา้ ง
7. การประชาสมั พนั ธ์โครงการสามารถประชาสัมพันธผ์ ่านส่ืออะไรได้บา้ ง
8. การติดตอ่ วทิ ยากรควรดาเนนิ การอย่างไร
9. ระยะดาเนนิ การการจัดสมั มนา ต้องดาเนินงานอยา่ งไร
10. ระยะหลังการจัดสมั มนาต้องดาเนินการจัดทาเอกสารอะไรบา้ ง

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนนิ การจดั สัมมนา

72

แบบทดสอบกอ่ นเรียน
บทท่ี 5 เร่ือง การดาเนนิ การจดั สมั มนา
คาชีแ้ จง ใหน้ กั ศกึ ษำเลือกคำตอบท่ีถูกที่สุดเพยี งคำตอบเดียว แลว้ ทำเคร่อื งหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. ข้อใดคือวธิ กี ารที่นยิ มนามาหาข้อมลู เกีย่ วกับปญั หาหรือความจาเป็นในการจัดสมั มนาเร่อื งนน้ั ๆ
ก. ศกึ ษาจากเอกสาร
ข. แบบสอบถาม
ค. ศกึ ษาผา่ นชอ่ งทางอินเตอรเ์ นต็
ง. การถามปากเปลา่
2. ขอ้ ใดคือข้นั ตอนกอ่ นดาเนินการสัมมนา
ก. สารวจข้อมลู ประกอบการพจิ ารณา
ข. ออกคาสัง่ แต่งต้ังคณะกรรมการ
ค. มอบของท่ีระลึก
ง. พิธีเปิดการสมั มนา
3. ข้อใดคือส่งิ ที่ควรทาในระยะหลงั การจดั สัมมนา
ก. จัดทาปา้ ยประชาสมั พนั ธ์
ข. จัดเตรียมสถานที่
ค. ตดิ ตอ่ วทิ ยากร
ง. สรปุ การประเมนิ ผล
4. ข้อใดคือข้นั ตอนสาคัญในการเชญิ วิทยากร
ก. สง่ หนังสือเชญิ วทิ ยากร
ข. ขอเอกสารประกอบการอบรม
ค. ประสานเร่อื งวนั เวลา
ง. ติดต่อทาบทามดว้ ยวาจา
5. ข้อใดคือข้ันตอนการจัดสมั มนาระยะเตรียมงาน
ก. ตรวจสอบความเรยี บรอ้ ยของห้องประชุม
ข. แตง่ ต้ังผูด้ าเนนิ การจัดสัมมนา
ค. ดูแลและอานวยความสะดวกตลอดงาน
ง. ลงทะเบยี นเขา้ รว่ มสมั มนา

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนนิ การจดั สมั มนา

73

6. ข้อใดคือขน้ั ตอนการจัดสมั มนาระยะดาเนินงานระหวา่ งการจัดสัมมนา

ก. ประชาสัมพันธ์โครงการ

ข. ติดต่อวิทยากร

ค. คอยตอ้ นรับวทิ ยากร ประธาน และผู้เข้ารว่ มสัมมนา

ง. จัดเตรียมสถานที่ห้องสัมมนา

7. ขอ้ ใดคือข้ันตอนการจดั สมั มนาระยะดาเนินงานระยะหลังการจัดสมั มนา

ก. เชิญประธานดาเนนิ การในพธิ ีเปดิ และปดิ

ข. จดั ทาหนงั สือขอบคุณวิทยากร

ค. จดั เตรยี มค่าตอบแทนวทิ ยากร

ง. แจกแบบประเมินผล

8. ข้อใดคือขน้ั ตอนแรกในการตดิ ต่อวิทยากร

ก. ขอเอกสารประกอบการบรรยาย

ข. ทาบทามวทิ ยากรเบื้องต้นอยา่ งไมเ่ ป็นทางการ

ค. ประสานงานเรื่องที่พกั และรถรบั -สง่

ง. ทาหนังสอื เชญิ วิทยากร

9. การจดั ห้องประชมุ สัมมนาทว่ี ิทยากรสามารถใกลช้ ดิ พูดคยุ สอบถามผ้เู ขา้ สัมมนาได้สะดวกคือข้อ

ใด

ก. แบบตวั U

ข. แบบโรงภาพยนต์

ค. แบบอานวยการ

ง. แบบกระจายกลุม่

10. การจดั หอ้ งประชมุ เพ่ือทากจิ กรรม workshop หรือระดมความคิดเห็น ผเู้ ขา้ ร่วม 5-10 คน

สามารถใชใ้ นการรับประทานอาหารได้คือข้อใด

ก. แบบหอ้ งเรียน

ข. แบบตัวแอล

ค. แบบโต๊ะกลม แบบทดสอบก่อนเรียน บทที่ 5
ง. แบบอานวยการ

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนินการจดั สมั มนา

74

แบบทดสอบหลังเรยี น
บทท่ี 5 เร่ือง การดาเนนิ การจัดสัมมนา
คาชแี้ จง ให้นกั ศึกษำเลอื กคำตอบท่ีถกู ทสี่ ดุ เพยี งคำตอบเดียว แลว้ ทำเครอื่ งหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที

1. ข้อใดคือวธิ กี ารทีน่ ิยมนามาหาขอ้ มูลเกีย่ วกับปยั หาหรือความจาเป็นในการจดั สมั มนาเรอ่ื งนัน้ ๆ
ก. ศกึ ษาจากเอกสาร
ข. แบบสอบถาม
ค. ศึกษาผา่ นช่องทางอินเตอร์เนต็
ง. การถามปากเปลา่

2. ข้อใดคือสง่ิ ที่ควรทาในระยะหลงั การจัดสมั มนา
ก. จดั ทาป้ายประชาสมั พันธ์
ข. จดั เตรียมสถานที่
ค. ตดิ ตอ่ วิทยากร
ง. สรปุ การประเมินผล

3. ขอ้ ใดคือขน้ั ตอนการจดั สัมมนาระยะเตรยี มงาน
ก. ตรวจสอบความเรยี บรอ้ ยของห้องประชมุ
ข. แต่งตัง้ ผู้ดาเนนิ การจดั สัมมนา
ค. ดูแลและอานวยความสะดวกตลอดงาน
ง. ลงทะเบยี นเขา้ ร่วมสัมมนา

4. การจดั หอ้ งประชุมสัมมนาทว่ี ิทยากรสามารถใกลช้ ิด พูดคยุ สอบถามผู้เขา้ สัมมนาไดส้ ะดวกคือข้อ
ใด

ก. แบบโรงภาพยนตร์ ข. แบบตวั ค. แบบอานวยการ ง. แบบกระจายกลุ่ม
5. ข้อใดคือขน้ั ตอนการจัดสมั มนาระยะดาเนนิ งานระหวา่ งการจดั สัมมนา

ก. ประชาสมั พันธโ์ ครงการ
ข. ติดตอ่ วิทยากร
ค. คอยตอ้ นรบั วิทยากร ประธาน และผู้เข้าร่วมสัมมนา
ง. จดั เตรียมสถานที่หอ้ งสัมมนา

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนนิ การจัดสมั มนา

75

6. ขอ้ ใดคือข้นั ตอนสาคญั ในการเชิญวทิ ยากร

ก. ส่งหนังสอื เชญิ วทิ ยากร

ข. ขอเอกสารประกอบการอบรม

ค. ประสานเรื่องวนั เวลา

ง. ติดต่อทาบทามดว้ ยวาจา

7. ข้อใดคือขั้นตอนการจัดสมั มนาระยะดาเนนิ งานระยะหลังการจดั สัมมนา

ก. เชญิ ประธานดาเนนิ การในพธิ ีเปดิ และปดิ

ข. จดั ทาหนงั สอื ขอบคณุ วิทยากร

ค. จดั เตรยี มค่าตอบแทนวิทยากร

ง. แจกแบบประเมินผล

8. ข้อใดคือขัน้ ตอนก่อนดาเนินการสมั มนา

ก. สารวจข้อมลู ประกอบการพจิ ารณา

ข. พธิ ีเปดิ การสมั มนา

ค. มอบของทีร่ ะลึก

ง. ออกคาสงั่ แตง่ ต้ังคณะกรรมการ

9. ข้อใดคือขัน้ ตอนแรกในการติดตอ่ วิทยากร

ก. ขอเอกสารประกอบการบรรยาย

ข. ทาบทามวทิ ยากรเบื้องต้นอยา่ งไมเ่ ป็นทางการ

ค. ประสานงานเร่อื งท่ีพกั และรถรับ-สง่

ง. ทาหนังสือเชิญวทิ ยากร

10. การจัดห้องประชุมเพ่อื ทากจิ กรรม workshop หรือระดมความคิดเหน็ ผ้เู ขา้ รว่ ม 5-10 คน

สามารถใช้ในการรับประทานอาหารได้คอื ข้อใด

ก. แบบห้องเรียน

ข. แบบตัวแอล

ค. แบบโต๊ะกลม

ง. แบบอานวยการ แบบทดสอบหลงั เรียน บทท่ี 5

6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การดาเนินการจัดสมั มนา



77

บทท่ี 6
การประเมนิ ผลโครงการ

ความหมายของการประเมนิ ผล

“การประเมิน” หรือ “การประเมินผล” มีความหมายตรงกับคาในภาษาอังกฤษว่า
“Evaluation” ซ่ึงหมายถึง กระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจดาเนินการสิ่ง
ใดส่ิงหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีความหมายเก่ียวเน่ืองกับคาอ่ืน ๆ อีกหลายคา เช่น การวิจัย (Research)
การวัดผล (Measurement) การตรวจสอบรายงานผล (Appraisal) การควบคุมดูแล (Monitoring)
การประมาณการ (Assessment) และการพิจารณาตัดสิน (Judgment) เป็นต้น ซึ่งคาดังกล่าวแล้ว
อาจสรุปเป็นความหมายหรือคาจากัดความร่วมกันได้ว่า เป็นการประมาณค่าหรือการประมาณผลท่ี
เกิดขึ้นจากการดาเนินงานโดยอาศัยข้อมูลท่ีได้เก็บรวบรวมด้วยวิธีการสอบถาม ทดสอบ สังเกต และ
วธิ กี ารอน่ื ๆ แล้วทาการวเิ คราะห์เพ่อื ตัดสินว่าการดาเนนิ งานนั้นมีคุณคา่ หรือบรรลุถงึ วัตถปุ ระสงค์ของ
การดาเนนิ งานนัน้ มากนอ้ ยเพยี งใด

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ได้ให้คาจากัดความของ “โครงการ” ว่า
หมายถึง แผนหรือเค้าโครงท่ีกาหนดไว้ โครงการเป็นศัพท์ตรงกับคาในภาษาอังกฤษว่า “Project” ซ่ึง
เปน็ ส่วนหนง่ึ หรอื ระดับหนึ่งของแผนงาน (Plan) และในบางตาราถือว่ามีความหมายเชน่ เดียวกับคาว่า
“Program” ซ่ึงหมายถึงแผนงานที่มีรายละเอียดในการปฏิบัติงานชัดเจน ฉะนั้นจึงอาจกล่าวโดย
สรุปได้ว่าโครงการ คอื Project หรอื Program ในภาษาองั กฤษน้นั เอง (รำชบณั ฑติ ยสถำน, 2555)

โดยคาว่า “การประเมิน” หรือ “การประเมินผล” รวมกับคาว่า “โครงการ” จึงเป็นคาศัพท์
ทางวิชาการโดยเฉพาะว่า การประเมนิ โครงการ (Project or Program Evaluation) ซึ่งมีความหมาย
ดงั ต่อไปน้ี

การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการท่ีก่อให้เกิดสารนิเทศในการปรับปรุงโครงการ
และสารนเิ ทศในการตัดสนิ ผลสัมฤทธ์ขิ องโครงการ (สมหวัง พิริยานุวฒั น,์ 2544)

การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการรวบรวมและวเิ คราะหข์ ้อมูลอย่างเปน็ ระบบเพื่อ
สรุปผลว่าโครงการน้ันๆได้บรรลุวัตถุประสงค์/เป้าหมาย และมีประสิทธิภาพเพียงใด (เยาวดี รางชัย
กุล วบิ ูลยศ์ รี, 2549)

การประเมินผลโครงการ. หมายถึง กระบวนการที่มุ่งแสวงหาคาตอบว่านโยบาย/แผนงาน/
โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายท่ีกาหนดไว้หรือไม่ เพียงใด โดยมีมาตรฐานและ
เครื่องมือในการวัดที่แม่นตรงและเชื่อถือได้ การประเมินผลจึงคล้ายกับการหาใครสักคนหน่ึงเอา
กระจกมาส่องให้เราเห็นหน้าตาตวั เองว่า สวยงามดีแลว้ หรือยงั มีข้อบกพรอ่ งอะไรบ้าง จะได้ปรับปรงุ
แกไ้ ขตนเอง (ศักดช์ิ ัย ภเู่ จรญิ , ออนไลน,์ ม.ป.ป.)

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมินผลโครงการ

78

จากความหมายข้างต้นสรุปได้ว่า การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการในการเก็บ
รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของการดาเนินโครงการ แล้วพิจารณาตัดสินว่าโครงการน้ันบรรลุตาม
วัตถุประสงค์ เป้าหมายท่ีกาหนดไว้หรือไม่ เพื่อให้ทราบถึงจุดเด่นหรือจุดด้อยของการจัดโครงการ
และนาข้อเสนอแนะต่างๆมาปรบั ปรุงแก้ไขโครงการน้นั

วัตถุประสงค์ของการประเมินผลสมั มนา
การประเมินผลโครงการ เป็นกิจกรรมที่จะดาเนินการเม่ือโครงการไดด้ าเนินไปเสรจ็ สิ้นเป็นที่

เรียบร้อย ท้ังนี้เพื่อให้ทราบข้อมูลต่างๆวา่ ดาเนินการไปแล้วบรรลุตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของ
โครงการหรือไหม ดงั น้นั วัตถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ ผลการประชุมสมั มนา มดี ังน้ี

1. เพอ่ื ทราบถงึ ความกา้ วหน้าของการปฏบิ ัตงิ านตามโครงการ
2. เพอ่ื ต้องการทราบสภาพปัญหาทเี่ กดิ ข้ึน
3. เพอื่ ตอ้ งการทราบประสิทธิผลของกาปฏิบัติงาน
4. เพื่อวเิ คราะหจ์ ุดเดน่ จุดดอ้ ย ในการปฏิบัติงานแต่ละฝา่ ย
5. เพอื่ ตอ้ งการปรบั ปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆในการจัดสมั มนาคร้ังต่อไป
6. เพื่อประเมินผลสรุปเม่อื สิ้นสดุ การดาเนินการประชมุ สัมมนา

ประโยชน์และความสาคญั ของการประเมินโครงการ
เกษกานดา สุภาพจน์ (2548) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการประเมินผลโครงการสัมมนา มี

ดงั ตอ่ ไปน้ี

1.ได้ขอ้ มูลทีเ่ ปน็ ประโยชนเ์ พื่อใช้ในการตัดสนิ ใจ เพ่ือพฒั นาในด้าน

-การปฏิบัติงาน
-บุคคลท่ีเกี่ยวขอ้ ง
-วสั ดอุ ปุ กรณ์ ฯลฯ

2.ได้ขอ้ มลู เชิงปรมิ าณและคณุ ภาพอนั ส่งผลถงึ ความคุม้ ค่าของโครงการสัมมนา

3.ข้อมูลท่ีได้จากการสัมมนาสามารถนามาพัฒนาแนวคิดให้มีประสิทธิภาพยิ่งข้ึนและไป
สามารถนาไปปฏิบตั ิในชีวิตการทางานและส่วนตนได้เป็นอย่างดี

สมคิด พรมจยุ้ (2550, หน้า 37) ได้กล่าวประโยชน์ของการประเมินโครงการ ซง่ึ พอจะสรุป
ได้ ดงั นี้

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมินผลโครงการ

79

1. ช่วยให้ข้อมูล และสารสนเทศต่าง ๆ เพ่ือนาไปใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผน
โครงการตรวจสอบความพร้อมของทรัพยากรต่าง ๆ ที่จาเป็นในการดาเนินโครงการ ตลอดจน
ตรวจสอบความเป็นไปได้ในการจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ

2. ช่วยทาให้การกาหนดวัตถปุ ระสงค์ของโครงการมีความชดั เจน

3. ช่วยในการจัดหาข้อมูลเก่ียวกับความก้าวหน้าปัญหาและอุปสรรคของการดาเนิน
โครงการ

4. ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสาเร็จ และความล้มเหลวของโครงการ เพื่อนาไปใช้ในการ
ตัดสินใจ และวินิจฉัยว่าจะดาเนินโครงการในช่วงต่อไปหรือไม่ จะยกเลิกหรือขยายการดาเนินงาน
โครงการต่อไป

5. ช่วยให้ได้ข้อมูลที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของการดาเนินโครงการว่าเป็นอย่างไรคุ้มค่ากบั
การลงทนุ หรอื ไม่

6. เป็นแรงจูงใจให้ผู้ปฏิบัติงานในโครงการ เพราะการประเมินโครงการด้วยตนเองจะทาให้
ผปู้ ฏิบตั ิงานไดท้ ราบผลการดาเนินงาน จุดเด่น จดุ ด้อย และนาข้อมูลไปใช้ในการปรับปรุง และพัฒนา
โครงการให้มีประสทิ ธภิ าพยิ่งขึ้น

เยาวดี รางชยั กุล วิบูลย์ศรี (2551, หน้า 93 – 95) ได้กล่าวถงึ ประโยชนข์ องการประเมิน
โครงการต่าง ๆ ไว้ดงั น้ี

1. เปน็ เครื่องมือของการรับรองคณุ ภาพในการบริการ ถงึ แมจ้ ะไมส่ ามารถประกัน
ผลสัมฤทธข์ิ ้ันสูงสดุ ของโครงการได้

2. ชว่ ยให้ผ้สู นับสนุนดา้ นเงนิ ลงทนุ ได้รบั ทราบปัญหา หรืออปุ สรรคในการดาเนินงาน

ของโครงการ โดยอาศัยหลักฐานเชงิ ประจกั ษจ์ ากสภาพการณท์ เ่ี ป็นจรงิ
3. ช่วยใหไ้ ด้ขอ้ มลู สารสนเทศทม่ี ีคุณคา่ สาหรับหน่วยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ ง
4. ช่วยชใี้ หเ้ ห็นความสาคัญของแต่ละโครงการตามลาดบั ก่อนหลงั โดยสามารถจะทราบ

ไดว้ ่า โครงการใดมีความจาเปน็ เร่งด่วนกวา่ กนั
5. ช่วยใหไ้ ด้ข้อมูลยอ้ นกลับจากผู้รบั บรกิ าร ขอ้ มลู ประเภทนที้ าให้ทราบถงึ ข้อจากัด

และปัญหาต่าง ๆ ในการปฏบิ ตั งิ าน เพ่ือนามาปรับปรงุ โครงการ

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมินผลโครงการ

80

6. ช่วยใหท้ ราบถึงผลผลิตของโครงการทั้งในด้านท่ีพงึ ประสงค์ และไม่พงึ ประสงค์

ควบคู่กันไป

จากการศึกษาประโยชน์และความสาคัญของการประเมินโครงการพอสรุปได้วา่ การประเมิน
โครงการทาใหท้ ราบข้อมูลต่าง ๆ ในการตัดสินใจ ความเปน็ ไปได้ในการจัดโครงการ ช่วยให้แผนงานที่
วางไว้บรรลุตามวัตถปุ ระสงค์ท่ีตั้งไว้หรือไม่ อีกทัง้ ช่วยในการแก้ไขปญั หาท่เี กดิ จากการจัดโครงการ ได้
ทราบถึงจุดเด่น จุดด้อย ข้อมูลการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ เพ่ือพัฒนาการปฏิบัติงานให้บรรลุ
เปา้ หมายที่กาหนดไว้ ชว่ ยสรา้ งแรงจูงใจให้กบั ผ้ปู ฏบิ ัตงิ าน รวมทั้งผลของการประเมินโครงการยังเป็น
ข้อมลู บ่งบอกถึงประสิทธิภาพการปฏบิ ตั ิงานซง่ึ สาคัญในการวางแผนจัดโครงการต่อไป

ประเภทของการประเมินผลโครงการ
การแบ่งประเภทการประเมินโครงการคงมิใช่เป็นการกาหนดเกณฑ์เด็ดขาด แต่จาเป็นต้อง

อาศัยเกณฑ์หลายชนิดมาจาแนกประเภท เช่น ใช้เวลา วัตถุประสงค์ วิธีการ และรูปแบบการ
ประเมนิ มาบง่ บอกถึงประเภทของการประเมิน ซึง่ ในที่น้อี าจจาแนกการประเมินโครงการออกเป็น 4
ประเภท ดงั น้ี

1. การประเมินโครงการก่อนดาเนินการ (Preliminary Evaluation) เป็นการศึกษา
ประเมินความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ก่อนท่ีเร่ิมโครงการใด ๆ โดยอาจทาการศึกษาถึง
ประสิทธิภาพของปัจจัยป้อน ความเหมาะสมของกระบวนการท่ีคาดว่าจะนามาใช้ในการบริหาร
จัดการโครงการ ปัญหา อุปสรรค ความเสี่ยงของโครงการ ตลอดจนผลลัพธ์ หรือประสิทธิผลที่
คาดวา่ จะไดร้ ับ ในขณะเดียวกันกอ็ าจจะศกึ ษาปลกระทบที่คาดวา่ จะเกิดขน้ึ ในด้านตา่ ง ๆ เช่น

- การประเมนิ ผลกระทบดา้ นสงั คม (Social Impact Assessment-SIA)
- การประเมนิ ผลกระทบด้านนเิ วศ (Ecological Impact Assessment-EIA)
- การประเมินผลกระทบด้านการเมือง (Political Impact Assessment-PIA)
- การประเมินผลกระทบด้านเทคโนโลยี (Technological Impact Assessment-TIA)
- การประเมินผลกระทบดา้ นประชากร (Population Impact Assessment-PIA) 81
- การประเมนิ ผลกระทบดา้ นนโยบาย (Policy Impact Assessment-POIA)
- การประเมินผลกระทบทางดา้ นเศรษฐกจิ (Economic Impact Assessment)

การประเมินโครงการก่อนการดาเนินการนี้มีประโยชน์สาหรับนักลงทุน เพื่อศึกษาดู
วา่ ก่อนลงมอื โครงการใด ๆ นัน้ จะเกิดความคุม้ คา่ แกก่ ารลงทุน (Cost effectiveness) หรอื จะเกิด
ผลกระทบตอ่ ระบบสิ่งแวดลอ้ มท้งั ดา้ นสงั คม เศรษฐกิจ การเมอื ง ประชากร เทคโนโลยี และระดบั
นโยบายหรือไม่ หากได้ทาการศึกษารอบคอบแล้วอาจจะได้ผลการคาดการณ์ล่วงหน้าว่า จะได้เกิด

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมนิ ผลโครงการ

ประโยชน์หรือโทษอย่างไร ปัญหา อุปสรรค เป็นอย่างไร เพ่ือผู้เป็นเจ้าของโครงการจะได้ตัดสิน
ล่วงหน้าว่าจะเลิกล้มโครงการหรือปรับปรุงองค์ประกอบ และกระบวนการบริหารจัดการโครงการ
เพยี งใด เพ่อื ใหเ้ กิดผลดี

2. การประเมินระหว่างดาเนินการโครงการ (Formative evaluation) เป็นการ
ประเมินผลเพือ่ การปรบั ปรุงเปน็ สาคัญซงึ่ มักจะใชป้ ระเมนิ ผลระหว่างแผนหรอื ระหวา่ งพฒั นาโครงการ
ผลท่ีได้จาก Formative evaluation น้ัน จะช่วยต้ังวัตถุประสงค์ของโครงการให้เป็นไปตาม
เป้าหมายที่แท้จริง นอกจากน้ัน Formative evaluation อาจใช้ในระหว่างดาเนินโครงการ จะ
ช่วยตรวจสอบว่า โครงการได้ดาเนินไปตามแผนของโครงการอย่างไร อาจเรียกช่ือเฉพาะว่า
Implementation evaluation หรือ Formative evaluation อาจตรวจสอบความก้าวหน้าของ
โครงการวา่ ดาเนินได้ผลเพียงไร เรียกว่า Progress evaluation

โดยทั่วไปแลว้ Formative evaluation อาจใช้ประเมินสงิ่ ต่อไปนี้
1. ทบทวนแผนของโครงการ
2. การสรา้ งแผนของโครงการ
3. การพฒั นาแบบสอบถาม (Questionnaire) หรอื รายการ (Check

list) สาหรับรวบรวมขอ้ มูลตามเรอื่ งที่ต้องการ
4. การคัดเลือกวิธีการวัดผลทเ่ี หมาะสม
5. การกาหนดตารางเวลาการประเมนิ ผลใหส้ อดคลอ้ งกบั การดาเนนิ

โครงการ
6. การเตรยี มข้อมลู ทจี่ ะเป็นข่าวสารสาหรบั การรายงานและเสนอแนะ

สาหรับการตดั สินเก่ียวกับการดาเนนิ โครงการ
7. การแนะนาแนวทางปรับปรุง การแกป้ ญั หา และการเปลีย่ นแปลงการ

ปฏิบัติของโครงการ
3. การประเมินเม่ือสิ้นสุดโครงการหรือประเมินผลผลิต (Summative Evaluation)

เป็นการประเมินผลรวมสรุป มักจะใช้ประเมินหลังสิ้นสุดโครงการ สาหรับโครงการท่ีมีการดาเนิน
ระยะยาวก็อาจใช้ Summative Evaluation ในการสรุปย่อความระยะยาวต่าง ๆ ข้อมูลที่ได้จาก
ระยะต่าง ๆ จะช่วยให้มีการประเมินสรุปรวมนั้น ส่วนใหญ่จะรวบรวมจากผลของ Formative
evaluationเปน็ Summative Evaluation ซงึ่ ผลสรุปทไี่ ด้จะนาสกู่ ารรายงายวา่ โครงการได้บรรลุ
เป้าหมาย (Goals) หรือไม่อย่างไร ตลอดจนการรายงานถึงสถานภาพของโครงการว่าประสบ
ความสาเร็จหรือล้มเหลวเพียงไร มีปัญหาหรืออุปสรรคใดท่ีต้องแก้ไขปรับปรงุ ข้อมูลเหลา่ น้ีจะช่วยให้
ผบู้ รหิ ารโครงการสามารถนาไปสู่การตัดสินวา่ โครงการน้นั ควรดาเนินการตอ่ หรอื ยกเลิก

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมินผลโครงการ

82

4. การประเมินประสิทธิภาพ การประเมินโครงการโดยทั่วไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงใน
ประเทศไทยที่ผ่านมา ยังจากัดอยู่ตาเพียงการประเมินผลผลิต โดยมุ่งท่ีจะทราบความสาเร็จหรือ
ความล้มเหลวของโครงการเท่าน้ัน ทั้งนี้เพ่ือประกอบการตัดสินใจของผู้ให้บริการหรือผู้ให้ทุนในการ
ยุติหรือขยายโครงการ แต่ในปัจจุบันนักประเมินและผู้บริหารโครงการ ได้ตระหนักถึงความสาคัญ
ของการประเมินประสิทธิภาพของโครงการด้วย โดยถือว่าเป็นประเภทของการประเมินที่จาเป็น
สาหรับโครงการบริการท่ัวไป เพราะจะช่วยเสริมให้โครงการเหล่านั้น สามารถดาเนินการอย่าง
สอดคล้องกับสภาวการณ์ของสังคม โดยเฉพาะอย่างย่ิง โครงการที่เอื้ออานวยต่อการพัฒนาท้องถิ่น
หรือโครงการท่ีเป็นตัวกาหนดเกณฑ์สาคัญสาหรับประกันโครงการขนาดใหญ่ระดับชาติ ที่จะไม่ต้อง
สูญเสียทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดโดยไม่จาเป็น การดาเนินโครงการบริการสังคมน้ัน จะไม่มุ่งแต่
เพียงความสาเร็จของโครงการเท่าน้ัน แต่จะต้องใหค้ ุ้มคา่ ในเชงิ ของประสทิ ธภิ าพดว้ ย

โดยปกติการประเมินประสทิ ธิภาพของโครงการมกั จะเริ่มจากคาถามตา่ ง ๆ กัน เช่น
1. ความสาเร็จของโครงการน้ัน ๆ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายแล้วมีความเหมาะสม

หรอื ไม่
2. ผลผลิตของโครงการเกดิ จากปัจจยั ท่ีลงทนุ ไปใชห่ รอื ไม่
3. โครงการน้ีมีผลผลิตสูงกว่าโครงการอ่ืน ๆ เมื่อลงทุนเท่ากันหรือไม่ และเพราะ

เหตใุ ด (เยาวดี รางชัยกุล วบิ ลู ยศ์ รี, 2549)

วธิ กี ารประเมินผล
1. การสังเกต
2. การประเมินโดยใชแ้ บบสอบถาม
3. การประเมินโดยการบนั ทกึ
4. การประเมนิ โดยการบนั ทึก
5. การประเมนิ ผลแบบจดั ต้ังกลมุ่ ประเมนิ
6. การประเมนิ ผลโครงการแบบ PERT

ขัน้ ตอนการประเมินผลโครงการ
การประเมินโครงการมีความสาคัญสาหรับผู้บริหารหรือผู้สนับสนุนงบประมาณ ในการ

ตัดสินใจปรับปรุงหรือล้มเลิกโครงการ การกาหนดขั้นตอนต่าง ๆ ในการวิจัยประเมินโครงการ จึงมี
ความจาเป็นและควรให้มีลักษณะท่ีเอ้ืออานวยและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ผลการประเมิ น
ผู้ใช้ผลการประเมินแต่ละระดับมีความต้องการและความสนใจท่ีแตกต่างกัน เช่น ผู้บริหารระดับสูง
สนใจข้อมูลเกี่ยวกับนโยบาย ระดับรองลงมาสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผน ระดับปฏิบัติการสนใจ

6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมนิ ผลโครงการ

83

ข้อมูลในขั้นตอนการดาเนินโครงการ การดาเนินงานประเมินโครงการตามข้ันตอนต่าง ๆ ท่ีเหมาะสม
จึงจะทาใหผ้ ลการประเมนิ มคี ณุ ภาพ

เ ย า ว ดี ร า ง ชั ย กุ ล วิ บู ล ย์ ศ รี ไ ด้ จ า แ น ก ขั้ น ต อ น ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น โ ค ร ง ก า ร
ออกเปน็ 6 ขน้ั ตอน (เยาวดี รางชัยกุล วบิ ูลย์ศรี, 2549) ดงั น้ี

ข้ันตอนท่ี 1 การศึกษาเอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับโครงการ ก่อนทาการประเมินโครงการผู้
ประเมินจะต้องศึกษาเอกสารท่ีเก่ียวข้องกับโครงการ เช่น โครงการที่เสนอขออนุมัติ ถ้าเป็นโครงการ
นาร่อง ก็ควรศึกษาเอกสารรายงานความก้าวหน้าของโครงการ หรือถ้ามีรายงานผลการประเมิน
โครงการฉบับสมบูรณ์ ก็ควรนามาศึกษา จะทาให้ผู้ประเมินได้เข้าใจความเป็นมาของโครงการ
สภาพแวดล้อม วัตถุประสงค์ ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงจะทาให้ผู้ประเมินสามารถกาหนดประเดน็
การประเมินและตัวชว้ี ัดต่อไปได้

ขั้นตอนที่ 2 การกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน ในข้ันตอนน้ีผู้ประเมินจะต้องตอบ
คาถามให้ได้ว่า จะประเมินโครงการอะไร ประเมินทาไม เพื่อใคร หรือใครเป็นผู้ใช้ผลการประเมิน
ข้อมูลที่จะตอบคาถามเหล่านี้ได้มาจากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการ สัมภาษณ์
ผู้รับผิดชอบโครงการ ผสู้ นับสนุนโครงการ

ขน้ั ตอนท่ี 3 การกาหนดขอบเขตของการประเมิน เป็นขนั้ ตอนท่สี าคัญอกี ข้ันตอนหนึ่งที่จะ
ทาให้การประเมินโครงการสามารถดาเนินการได้ และบรรลุเป้าหมายท่ีต้องการ โดยพิจารณาจาก
พ้นื ท่ีท่ีจะทาการประเมิน หน่วยงานทีต่ ้องการติดตาม บคุ คลทีผ่ ู้ประเมนิ ต้องสมั ภาษณ์ เป็นตน้

ข้ันตอนที่ 4 การพิจารณากาหนดตัวบ่งช้ีและแหล่งข้อมูล การกาหนดตัวบ่งชี้ในการ
ประเมินสามารถกาหนดได้จากวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือจากตัวแบบการประเมินเชิง
ทฤษฎี เช่น การกาหนดตัวบ่งช้ีจากรูปแบบการประเมินแบบ CIPP Model หรืออาจจะพิจารณาจาก
ความคาดหวังของผู้ใช้ผลการประเมินก็ได้ ตัวบ่งชี้มีท้ังเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ในเชิงปริมาณน้ัน
เช่น จานวนนักเรียนท่ีผ่านเกณฑ์ ร้อยละของนักศึกษาที่มีบุตร อัตราส่วนจานวนนักเรียนต่อครู เป็น
ตน้ ส่วนในเชงิ คุณภาพนน้ั เช่น ความเหมาะสม ความสอดคลอ้ ง ประสทิ ธภิ าพในการทางาน เป็นต้น

การกาหนดแหล่งข้อมูลน้ัน จะต้องสอดคล้องกับตัวบ่งช้ี เช่น นักประเมินต้องการวัด
ผลสัมฤทธิ์ของโครงการจากการวัดความรู้ของผู้เข้ารับการอบรม แต่ใช้แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือใน
การวัด ซึ่งก็ไม่เหมาะสม ข้อมูลท่ีต้องการอาจมีการบันทึกไว้แล้ว หรือต้องทาการเก็บรวบรวมข้ึนมา
ใหม่ (เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี, 2549) ได้กล่าวว่า การพิจารณาคัดเลือกกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ
โครงการ เพ่ือทาการสอบถามหรอื สัมภาษณ์ มแี นวทางพจิ ารณาได้ 2 รูปแบบ คอื

(1) รูปแบบ “จากบนสู่ล่าง” (Top Down) หมายถึง การรวบรวมและวิเคราะห์ความคิดเห็น
จากผู้รับผิดชอบในการดาเนินโครงการ และบุคลากรในเชิงนโยบายที่เก่ียวข้องกับโครงการน้ันๆ จาก
ผู้รับผดิ ชอบระดบั สูงไปส่รู ะดับตา่

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมินผลโครงการ

84

(2) รปู แบบ “จากล่างส่บู น” (Bottom Up) หมายถงึ การรวบรวมและวิเคราะห์ความคิดเห็น
ของผู้มีส่วนร่วมในการดาเนินโครงการ รวมท้ังกลุ่มบุคคลเป้าหมายของโครงการและกลุ่มบุคคลท่ี
น่าจะได้รับผลกระทบจากโครงการ โดยเร่ิมจากผู้รับผิดชอบระดับผู้น้อยหรือระดับล่างไปสู่
ผู้รับผิดชอบระดับชน้ั ผใู้ หญห่ รือระดบั บน

ข้ันตอนที่ 5 การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลทาได้ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับข้อมูลท่ีผู้ประเมินเก็บรวบรวมมา ตัวอย่างเช่น ข้อจานวนผู้เข้าร่วมอบรม ใช้ค่าร้อยละ
ความคิดเห็นต่อโครงการท่ีอยู่ในรูปมาตราส่วนประมาณค่า ใช้ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน ข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมจากเอกสาร การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม ฯลฯ ใช้เทคนิคการ
วิเคราะห์เนื้อหา

ข้ันตอนที่ 6 การสรุปผลการประเมิน การสรุปผลการประเมินโครงการ ผู้ประเมินควรเน้น
ประเด็นที่สาคัญดังนี้คือ ผลผลิตจากโครงการ ปัญหา และข้อจากัดของการดาเนินโครงการ
ขอ้ เสนอแนะเพ่ือการปรบั ปรงุ โครงการ นอกจากนัน้ ควรสรปุ ผลโครงการไปในดา้ นอ่ืน ๆ ดว้ ย (เยาวดี
รางชยั กุล วบิ ลู ยศ์ รี, 2549) เช่น

(1) การยอมรับในคุณค่าของโครงการจากกลมุ่ เป้าหมาย
(2) การขยายผลโครงการและความตอ้ งการของโครงการที่ต่อเน่ือง
(3) การก่อให้เกดิ “สง่ิ ใหม่” เชน่ เทคโนโลยีหรอื เอกสารทางวิชาการ
(4) การเปลย่ี นแปลงสภาวะแวดลอ้ มทางกายภาพหรือทางสังคม
(5) การเรยี นรู้จากการปฏิบัตโิ ครงการทีช่ ว่ ยใหเ้ กิดการพฒั นาทรพั ยากรบุคคล
(6) การแพร่กระจายผลใหเ้ ป็นสารสนเทศทีเ่ ป็นประโยชนต์ ่อผูเ้ กีย่ วข้องกบั โครงการ

6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics)

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมินผลโครงการ

85

แบบฝึกหดั ท่ี 6
เรอ่ื ง การประเมนิ ผลโครงการสมั มนา

จงตอบคาถามต่อไปนี้
1. การประเมินผลโครงการ หมายถงึ อะไร
2. การประเมินผลโครงการมีประโยชน์และความสาคัญอย่างไร
3. การประเมนิ ผลการสัมมนามวี ตั ถปุ ระสงค์เพื่ออะไร
4. การประเมนิ ผลการสัมมนาสามารถแบง่ ได้กปี่ ระเภท มีอะไรบา้ ง
5. วิธีการประเมนิ ผลการสัมมนา มวี ธิ ีใดบา้ ง
6. การประเมินผลโครงการก่อนดาเนินการมปี ระโยชน์อะไรบ้าง
7. การประเมนิ ผลระหวา่ งดาเนนิ การโครงการเปน็ การประเมินเพ่ืออะไร
8. การประเมนิ ผลเมื่อสิน้ สุดโครงการทาใหท้ ราบขอ้ มูลอะไรบา้ ง
9. การประเมินผลโครงการมีขน้ั ตอนการประเมินผลอยา่ งไร
10. การวเิ คราะห์ข้อมลู ผู้ประเมินเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ผ้เู ขา้ สมั มนา เพ่ือหาคา่ อะไรบ้าง

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมินผลโครงการ

86

แบบทดสอบก่อนเรยี น
บทที่ 6 เรอ่ื ง การประเมินผลโครงการสัมมนา
คาช้แี จง ให้นกั ศึกษำเลือกคำตอบท่ีถูกทส่ี ุดเพยี งคำตอบเดียว แล้วทำเครอื่ งหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. ข้อใดคือความหมายของคาว่า “การประเมินโครงการ”
ก. กระบวนการสมั ภาษณ์ผู้เข้ารว่ มสัมมนา
ข. กระบวนการหาคาตอบเพอ่ื แก้ปัญหา
ค. กระบวนการในการเก็บรวบรวมและวเิ คราะหข์ ้อมลู ของการดาเนนิ โครงการ
ง. กระบวนการรวบรวมขอ้ มูลเพื่อการตดั สนิ ใจ
2. ขอ้ ใดคือประโยชนแ์ ละคงามสาคญั ของการประเมินโครงการ
ก. ตัดสินใจลว่ งหนา้ ก่อนโครงการลม้ เหลว
ข. คดั เลือกโครงการทเี่ กิดประโยชน์
ค. พจิ ารณาความคุ้มคา่ ในการลงทนุ
ง. สร้างสรรค์แผน และโครงการท่มี ีคุณภาพ
3. ขอ้ ใดคือการประเมินโครงการก่อนดาเนนิ การ
ก. ประเมินความเปน็ ไปได้ ก่อนทจ่ี ะเริ่มโครงการใดๆ
ข. ประเมนิ ทบทวนแผนของโครงการ
ค. ประเมนิ เพื่อแก้ปัญหา
ง. ประเมินสรา้ งแผนของโครงการ
4. ข้อใดคือข้นั ตอนแรกของการประเมนิ ผลโครงการ
ก. ศึกษาเอกสารทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั โครงการ
ข. กาหนดขอบเขตของการประเมนิ
ค. การพจิ ารณากาหนดตัวบง่ ช้ีและแหลง่ ข้อมลู
ง. กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ของการประเมิน
5. ข้อใดคือวธิ ีการประเมินผลการสมั มนาท่ีนิยมใชก้ ัน
ก. ประเมินผลแบบจัดต้งั กลุ่มประเมิน
ข. ประเมินโดยการถามปากปล่าว
ค. ประเมนิ โดยการบันทกึ
ง. ประเมินโดยใช้แบบสอบถาม

6-312-208 สัมมนาวิชาชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมนิ ผลโครงการ

87

6. ขอ้ ใดคือวัตถุประสงค์ของการจัดประชมุ สมั มนา
ก. เพอ่ื ลดความขัดแย้งในองคก์ ร
ข. เพ่อื ต้องการทราบสภาพปัญหาที่เกิดข้ึน
ค. เพื่อให้มีส่วนรว่ มในการลงมติ
ง. เพอ่ื ประชมุ สังสรรคก์ ันในองค์กร

7. ขอ้ ใดคือประโยชนข์ องการประเมินโครงการก่อนดาเนนิ การสมั มนา
ก. เพ่ือให้เกดิ ความคุ้มคา่ แกก่ ารลงทนุ
ข. เพือ่ ตอบสนองตามนโยบายขององค์กร
ค. เพ่ือความรวดเรว็ ในการตัดสนิ ใจ
ง. เพ่อื ใหท้ ราบข้อบกพร่องในการจัดสัมมนา

8. ขอ้ ใดคือประเภทของการประเมินผลโครงการ
ก. การประเมนิ โดยใชแ้ บบสังเกต
ข. การประเมินโดยใชแ้ บบสอบถาม
ค. การประเมนิ โครงการเมื่อสิน้ สดุ โครงการ
ง. การประเมินโครงการทม่ี ีประสิทธภิ าพ

9. ข้อใดคือข้ันตอนในการประเมินโครงการสมั มนา
ก. ศกึ ษาวิธีการประเมินผลแบบต่างๆ
ข. กาหนดกลมุ่ เป้าหมายเพื่อแจกแบบประเมิน
ค. การกาหนดวตั ถุประสงค์ของการประเมิน
ง. กาหนดแนวทางแกป้ ญั หา

10. ข้อใดคือประเดน็ สาคญั ในการสรุปผลการประเมนิ ผลโครงการ
ก. ขอ้ เสนอแนะเพ่ือการปรับปรุง
ข. วธิ ีการประเมนิ ผลโครงการ
ค. วตั ถปุ ระสงคใ์ นการประเมนิ ผล
ง. การวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิงปรมิ าณและคณุ ภาพ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น บทที่ 6

6-312-208 สัมมนาวิชาชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมินผลโครงการ

88

แบบทดสอบหลงั เรยี น

บทที่ 6 เร่ือง การประเมินผลโครงการสมั มนา
คาชแ้ี จง ให้นักศกึ ษำเลอื กคำตอบท่ีถูกท่ีสุดเพียงคำตอบเดยี ว แลว้ ทำเครอ่ื งหมำย X ลงใน
กระดำษคำตอบ คะแนนเตม็ 10 คะแนน เวลำในกำรทำแบบทดสอบ 10 นำที
1. ขอ้ ใดคือข้นั ตอนในการประเมินโครงการสัมมนา

ก. ศกึ ษาวธิ กี ารประเมินผลแบบต่าง ๆ
ข. กาหนดกลมุ่ เป้าหมายเพื่อแจกแบบประเมิน
ค. การกาหนดวัตถปุ ระสงค์ของการประเมิน
ง. กาหนดแนวทางแกป้ ญั หา
2. ขอ้ ใดคือข้ันตอนแรกของการประเมินผลโครงการ
ก. ศึกษาเอกสารทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั โครงการ
ข. กาหนดขอบเขตของการประเมิน
ค. การพิจารณากาหนดตวั บ่งชี้และแหลง่ ข้อมลู
ง. กาหนดวัตถปุ ระสงค์ของการประเมนิ
3. ขอ้ ใดคือประโยชน์และคงามสาคัญของการประเมนิ โครงการ
ก. ตัดสนิ ใจล่วงหนา้ กอ่ นโครงการล้มเหลว
ข. คดั เลอื กโครงการทเ่ี กิดประโยชน์
ค. พจิ ารณาความคุ้มคา่ ในการลงทนุ
ง. สรา้ งสรรคแ์ ผน และโครงการทม่ี ีคุณภาพ
4. ข้อใดคือความหมายของคาว่า “การประเมนิ โครงการ”
ก. กระบวนการสมั ภาษณ์ผู้เขา้ ร่วมสมั มนา
ข. กระบวนการหาคาตอบเพอ่ื แกป้ ัญหา
ค. กระบวนการในการเก็บรวบรวมและวเิ คราะหข์ ้อมลู ของการดาเนนิ โครงการ
ง. กระบวนการรวบรวมขอ้ มลู เพอื่ การตดั สินใจ
5. ขอ้ ใดคือวิธกี ารประเมินผลการสมั มนาทน่ี ิยมใช้กนั
ก. ประเมินผลแบบจดั ต้ังกลุ่มประเมนิ
ข. ประเมนิ โดยการภามปากปลา่ ว
ค. ประเมินโดยการบนั ทกึ
ง. ประเมินโดยใชแ้ บบสอบถาม

6-312-208 สัมมนาวชิ าชพี คหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมนิ ผลโครงการ

89

6. ข้อใดคือวตั ถปุ ระสงค์ของการจดั ประชมุ สมั มนา
ก. เพอ่ื ลดความขัดแย้งในองคก์ ร
ข. เพ่อื ต้องการทราบสภาพปัญหาทีเ่ กิดขึ้น
ค. เพือ่ ให้มีสว่ นรว่ มในการลงมติ
ง. เพ่อื ประชมุ สังสรรค์กนั ในองค์กร

7. ข้อใดคือประเด็นสาคญั ในการสรุปผลการประเมินผลโครงการ
ก. ขอ้ เสนอแนะเพื่อการปรบั ปรุง
ข. วธิ กี ารประเมนิ ผลโครงการ
ค. วัตถุประสงค์ในการประเมินผล
ง. การวิเคราะห์ข้อมลู เชงิ ปริมาณและคุณภาพ

8. ขอ้ ใดคือประโยชนข์ องการประเมนิ โครงการก่อนดาเนนิ การสัมมนา
ก. เพอ่ื ตอบสนองตามนโยบายขององคก์ ร
ข. เพ่อื ให้เกิดความคุ้มคา่ แกก่ ารลงทุน
ค. เพอ่ื ความรวดเรว็ ในการตดั สนิ ใจ
ง. เพื่อให้ทราบข้อบกพร่องในการจดั สัมมนา

9. ขอ้ ใดคือการประเมนิ โครงการก่อนดาเนินการ
ก. ประเมนิ ความเป็นไปได้ ก่อนที่จะเรม่ิ โครงการใดๆ
ข. ประเมินทบทวนแผนของโครงการ
ค. ประเมนิ เพ่ือแกป้ ัญหา
ง. ประเมินสร้างแผนของโครงการ

10. ข้อใดคอื ประเภทของการประเมนิ ผลโครงการ
ก. การประเมนิ โดยใช้แบบสังเกต
ข. การประเมนิ โดยใชแ้ บบสอบถาม
ค. การประเมนิ โครงการเมื่อสน้ิ สุดโครงการ
ง. การประเมนิ โครงการทีม่ ีประสทิ ธิภาพ

แบบทดสอบหลังเรียน บทที่ 6

6-312-208 สัมมนาวชิ าชีพคหกรรมศาสตร์ (Seminar in Home Economics) การประเมนิ ผลโครงการ

90

บรรณานกุ รม

เกษกานดา สุภาพจน์. (2548). การจัดสมั มนา. กรงุ เทพฯ: ศูนย์สง่ เสรมิ วชิ าการ.
เกษม วฒั นชัย (2551) ความรูเ้ บอ้ื งต้นเกย่ี วกับการประชมุ กรงุ เทพมหานคร พฒั นาศึกษา
ปำน กมิ ปี และกรรณิกำร์ แย้มเกสร. (2545). “การจดั ประชุมการศึกษานอกระบบและ

เทคโนโลยีในการฝึกอบรม” ในประมวลสาระชุดวิชาหลักการเรียนรู้และเทคนิคการ
ฝึกอบรม หนว่ ยท่ี 13 (หน้ำ 581-610). นนทบรุ ี : มหำวิทยำลัยสโุ ขทัยธรรมำธิรำช สำขำวิชำ
ศกึ ษำศำสตร์
นริ นั ดร์ จุลทรพั ย์. (2547). จิตวิทยาการประชุมอบรมสมั นา. (พิมพ์ครง้ั ท่ี 3). กรงุ เทพฯ:
จฬุ ำลงกรณม์ หำวทิ ยำลยั .
ผล ยำวิชัย. (2553). สมั มนา(Seminar). กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พรน้ิ ต้ิง เฮำส์.
ผล ยำวชิ ัย. (2550). เอกสารประกอบการสอนสัมมนา. เชียงรำย: วิทยำลัยเกษตรและเทคโนโลยี
เชียงรำย.
ไพพรรณ เกยี รตโิ ชตชิ ัย. (2546). หลกั การสัมมนา. กรงุ เทพฯ: กำรศึกษำ.
ไพโรจน์ เนยี มนำค. (2554). เทคนิคการสัมมนาและการฝึกอบรม. กำแพงเพชร:
มหำวทิ ยำลัยรำชภัฏกำแพงเพชร
เยำวดี รำงชัยกุล วิบูลยศ์ รี. (2546). การประเมนิ โครงการแนวคิดและแนวปฏิบัติ. (พมิ พ์คร้งั ท่ี 3).
กรุงเทพฯ: จฬุ ำลงกรณ์มหำวทิ ยำลยั
รชพร จนั ทร์สวำง (2546). ความรู้เบื้องต้นเก่ียวกบั การจดั การธรุ กิจการจัดประชมุ . ในประมวล
สำระชุดวิชำกำรจัดกำรธรุ กิจกำรจดั ประชมุ หน่วยท่ี 1 (หน้ำ 1-45). นนทบุรี :

มหำวทิ ยำลัยสุโขทัยธรรมำธิรำช สำขำวิชำวทิ ยำกำรจดั กำร.
รำชบัณฑิตยสถำน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. กรงุ เทพฯ:

นำนมบี คุ สพ์ บั ลิเคชั่น

91

รำชบัณฑิตยสถำน. (2555).พจนานกุ รม ฉบับราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554. กรงุ เทพฯ:
นำนมีบุค๊ พบั ลเิ คช่ันส์.

รำยงำนผลกำรดำเนนิ งำนโครงกำรสมั มนำเชิงปฏิบัติกำร เร่อื ง การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพและ
คณุ ลักษณะความเป็นครู. (2557). คณะครศุ ำสตร์ มหำวทิ ยำลัยรำชภัฏสุรนิ ทร์.

สมคดิ บำงโม. (2551). เทคนคิ การฝึกอบรมและการประชมุ . กรุงเทพฯ: วทิ ยพฒั น์.
สมคดิ บำงโม. (2553). เทคนคิ การฝึกอบรมและการประชุม.กรงุ เทพฯ: วทิ ยำพฒั น.์
สมิต สัชฌกุ ร. (2552). การประชุมทเ่ี กดิ ประสทิ ธิผล กรงุ เทพฯ: สำยธำร.
สุรศกั ดิ์ วงศ์สนั ติ. มปป. การจดั ประชุมให้มีประสทิ ธิภาพ: ยากหรืองา่ ย?. (วันท่ี 26 มีนำคม 2553) ,

จำก http://www.npu.ac.th/General/pdf/r3.pdf


Click to View FlipBook Version