41 3. การสร้างและการหาคุณภาพของเครื่องมือ 1. แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ผู้วิจัย ได้ดำเนินการสร้าง ดังนี้ 1.1 ศึกษาเอกสารคู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 1.2 ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรม การใช้วรรณกรรมเป็นฐาน และทำการคัดเลือกวรรณกรรมสำหรับเด็กที่เหมาะแก่การส่งเสริม ความสามารถในการแก้ปัญหาให้แก่เด็กปฐมวัย 1.3 ดำเนินการสร้างคู่มือการใช้แผน และสร้างแผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของ เด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน จำนวน 24 แผน โดยใช้วรรณกรรมสำหรับเด็ก 1 เรื่อง ต่อ การจัดกิจกรรม 1 สัปดาห์มีระยะเวลาในการจัดกิจกรรม 8 สัปดาห์สัปดาห์ละ 3 วัน ได้แก่ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ในกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน สัปดาห์ที่ วัน ชื่อวรรณกรรม รายละเอียดของวรรณกรรม 1 พุธ ศุกร์ กุ๋งกิ๋งเป็นหวัด ผู้เขียน ภาพ มลฤดี ทองกลอย นภดล กำจรไพศาล 2 พุธ ศุกร์ กากระหายกับเหยือกน้ำใสใบโต ผู้เขียน ภาพ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กาญจนาภรณ์ ชัยวิริยานนท์ 3 พุธ ศุกร์ กุ๊กไก่ปวดท้อง ผู้เขียน ภาพ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป นฤมล ตนะวรรณสมบัติ 4 พุธ ศุกร์ รองเท้าหายไปไหน ผู้เขียน ภาพ แม่หนอนแก้ว (นามแฝง) สาวิตรี พรหมพิทักษ์กุล 5 พุธ ศุกร์ ดวงดาวบนผืนดิน ผู้เขียน ภาพ ไทยพีบีเอสคิดส์ ไทยพีบีเอสคิดส์ 6 พุธ ศุกร์ เทวดากับชายตัดฟืน ผู้เขียน ภาพ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป เปรมา จาตุกัญญาประทีป 7 พุธ ศุกร์ ลูกหมูสามตัว ผู้เขียน ภาพ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป ธวัชพงศ์ ตั้งสัจจะพจน์ 8 พุธ ศุกร์ กระโดด ผู้เขียน ภาพ ไทยพีบีเอสคิดส์ ไทยพีบีเอสคิดส์
42 1.4 นำคู่มือการใช้แผนและแผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐานที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาปฐมวัยจำนวน 3 ท่าน คือ 1. นางดารา วิมลอักษร ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี 2. นางประภาพิศ ดวงคำจันทร์ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี 3. นางลักษิกา บุญโนนแต้ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมและสอดคล้องขององค์ประกอบของแผนการจัดกิจกรรม ตามจุดประสงค์ แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาลงความคิดเห็น ซึ่งมีเกณฑ์ การพิจารณาการให้คะแนน ดังนี้ ให้คะแนน +1 เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบนั้นเหมาะสมและสอดคล้อง ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าองค์ประกอบเหมาะสมและสอดคล้อง ให้คะแนน -1 เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบนั้นไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้อง 1.5 นำแผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญมาปรับปรุงแก้ไขตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 1.6 นำแผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ที่ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญไปทดลองสอนกับเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ไม่ใช่กลุ่ม ตัวอย่าง เพื่อหาข้อบกพร่องของแผนแล้วปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งให้สมบูรณ์ 1.7 นำแผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ที่แก้ไขสมบูรณ์แล้ว ไปทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างตามเนื้อหาที่กำหนดต่อไป 2. แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ผู้วิจัยได้ดำเนินการสร้าง ดังนี้ 2.1 ศึกษาเอกสารคู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 2.2 ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเอกสาร ตำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย 2.3 กำหนดจุดประสงค์และวิธีการสร้างแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา ของเด็กปฐมวัย 2.4 ดำเนินการสร้างคู่มือการใช้แบบทดสอบและสร้างแบบทดสอบความสามารถในการ แก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย โดยศึกษาแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยของ
43 สุจิตรา ขาวสำอาง (2533) ขวัญตา แต่พงษ์โสรัถ (2538) ดารา วิมลอักษร (2552) นภาปิย สิริกรกาญจนา (2553) และดวงพร ผกามาศ (2554) เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบทดสอบ ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย โดยสร้างคำถามที่เป็นสถานการณ์ปัญหาที่เด็กพบใน ชีวิตประจำวัน จำนวน 20 ข้อ และนำสถานการณ์จากปัญหาแต่ละข้อ มาสร้างเป็นภาพ จำนวน 20 ภาพ โดยครอบคลุมปัญหาทั้ง 2 ประเภท ได้แก่ ปัญหาของตนเองที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น และปัญหา ของตนเองที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น 2.5 นำแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาปฐมวัยจำนวน 3 ท่าน คือ 1. นางดารา วิมลอักษร ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี 2. นางประภาพิศ ดวงคำจันทร์ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี 3. นางลักษิกา บุญโนนแต้ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมและสอดคล้องของข้อคำถาม แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขโดยให้ผู้เชี่ยวชาญ พิจารณาลงความคิดเห็น ซึ่งมีเกณฑ์การพิจารณาการให้คะแนน ดังนี้ ให้คะแนน +1 เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบนั้นเหมาะสมและสอดคล้อง ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าองค์ประกอบเหมาะสมและสอดคล้อง ให้คะแนน -1 เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบนั้นไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้อง 2.6 นำแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ที่ผ่านการตรวจสอบ จากผู้เชี่ยวชาญมาปรับปรุงแก้ไขตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 2.7 นำแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ที่ปรับปรุงแก้ไขตาม คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญไปทดลองสอนกับเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง เพื่อหา ข้อบกพร่องของแบบทดสอบแล้วปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งให้สมบูรณ์ 2.8 นำแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่แก้ไขสมบูรณ์แล้ว ไปทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างตามเนื้อหาที่กำหนดต่อไป
44 4. แบบแผนและวิธีดำเนินการทดลอง 4.1 แบบแผนการทดลอง การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Design) ซึ่งผู้วิจัยได้ดำเนินการ ทดลองโดยอาศัยการวิจัยแบบการทดลองกลุ่มเดียว วัดผลก่อนและหลังการทดลองตามแบบแผนการ วิจัยแบบ (One Group Pretest – Posttest Design) ดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 แบบแผนการทดลอง กลุ่ม สอบก่อน ทดลอง สอบหลัง E T1 X T2 สัญลักษณ์ที่ใช้ในแบบแผนการทดลอง E แทน กลุ่มทดลอง T1 แทน การทดสอบก่อนเรียน (Pretest) X แทน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน T2 แทน การทดสอบหลังเรียน (Posttest) 4.2 วิธีการดำเนินการทดลอง การทดลองครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โดยกลุ่มทดลอง จะได้รับการจัดกิจกรรมทักษะการแก้ไขปัญหาโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ทำหนังสือขออนุญาตดำเนินการศึกษาเรื่อง ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐาน ที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย เสนอต่อผู้อำนวยการ โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 2. สร้างความคุ้นเคยกับเด็กที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในห้องเรียน เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ 3. แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานเพื่อส่งเสริม ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยให้ผู้ปกครองของกลุ่มตัวอย่างทราบถึงกระบวนการ ในการดำเนินการจัดกิจกรรม และบทบาทของผู้ปกครองในการส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ของเด็กปฐมวัยให้กับเด็กโดยการใช้วรรณกรรมเป็นฐาน 4. ก่อนทำการทดลองผู้วิจัยทำการทดสอบ (Pretest) กับกลุ่มตัวอย่าง 30 คน โดยใช้ แบบทดสอบความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยเป็นรายบุคคล จำนวน 20 ข้อ ใช้เวลา ข้อละไม่เกิน 1 นาที 5. ผู้วิจัยดำเนินการทดลองกับเด็กที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง ตามแผนการจัดกิจกรรมการแก้ไข ปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เป็นเวลา 8 สัปดาห์สัปดาห์ละ 3
45 วัน ซึ่งเป็นวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์วันละ 60 นาที ในช่วงกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เวลา 10.00 – 11.00 น 6. เมื่อครบ 8 สัปดาห์แล้ว ทำการทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาหลังการทดลอง (Posttest) ด้วยแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาฉบับเดียวกับก่อนการทดลอง 7. เมื่อสิ้นสุดการทดลองแล้ว นำข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบในข้อ 3 และข้อ 5 มา วิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติ 5. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากการทดลองไปวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติต่าง ๆ ดังนี้ 1. สถิติพื้นฐาน 1.1 คะแนนเฉลี่ยใช้สูตร (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2536: 59) X̅= ∑X N เมื่อ X̅แทน คะแนนเฉลี่ยของกลุ่ม ∑X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งกลุ่ม N แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 1.2 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานใช้สูตร ดังนี้ (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2538 : 79) S.D. = √n∑x2 – (∑x)2 n(n–1) เมื่อ S.D. แทน ความเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน N แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง ∑X แทน ผลรวมของคะแนนทั้งกลุ่ม ∑X 2 แทน ผลรวมของกำลังสองของคะแนนนักเรียนแต่ละคนในกลุ่มตัวอย่าง 2. สถิติที่ใช้ในการหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ 2.1 การแสดงหลักฐานความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบทดสอบความสามารถในการ คิดแก้ปัญหาสำหรับเด็กปฐมวัย (บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์, 2526 : 89) โดยใช้สูตร IOC ดังนี้
46 IOC = ∑R N เมื่อ IOC แทน ค่าดัชนีความสอดคล้องของข้อความนั้น ๆ ∑R แทน การรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญ 2.2 หาค่าอำนาจจำแนกเป็นรายข้อของแบบทดสอบโดยวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนรายข้อกับคะแนนรวม (Corrected item total correlation) (บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. 2545 : 84) ดังนี้ r XY = n∑XY – ∑X∑Y √ (N∑x 2 – (∑x)2 (N∑Y 2 – (∑Y) 2 N-1 เมื่อ rXY แทน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร X กับตัวแปร Y N แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่าง ∑X แทน ผลรวมของคะแนน X ∑Y แทน ผลรวมของคะแนน Y ∑XY แทน ผลรวมของผลคูณของคะแนน X และคะแนน Y ∑X 2 แทน ผลรวมของกำลังสองของคะแนน X ∑Y 2 แทน ผลรวมของกำลังสองของคะแนน Y 2.3 หาความเชื่อมั่นของแบบทดสอบการแก้ปัญหาโดยใช้สูตร สัมประสิทธิ์แอลฟ่า ( - Coefficient) ของ ครอนบาค (Cronbach) (ล้วน สายยศ ; และ อังคณา สายยศ. 2536 : 170 - 172) = N N-1 (1- ∑Si 2 ∑St 2 ) เมื่อ แทน ค่าสัมประสิทธ์ของความเชื่อมั่น N แทน จำนวนข้อสอบของแบบทดสอบ ∑Si 2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนเป็นรายข้อ ∑St 2 แทน ความแปรปรวนของคะแนนของแบบทดสอบ
47 3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน การทดสอบความแตกต่างของการแก้ปัญหาโดยใช้ การแจกแจงของที่ (t - Dependent) (ล้วน สายยศ ; และ อังคณา สายยศ. 2536 : 105) จากสูตร ดังนี้ t = ∑D √ (N∑D 2 – (∑D)2 N-1 เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่ใช้พิจารณาใน t – distribution D แทน ความแตกต่างของคะแนนแต่ละคู่ N แทน จำนวนคู่ของคะแนน ∑D แทน ผลรวมทั้งหมดของผลต่างของคะแนนระหว่างก่อน และหลังการทดลอง ∑D2 แทน ผลรวมของกำลังสองของผลต่างของคะแนน ระหว่างก่อนและหลังการทดลอง
48 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลการส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน เพื่อให้การเสนอเป็นไปตามลำดับขั้นตอน ผู้วิจัยจึงได้กำหนดสัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมล ตามลำดับ ดังนี้ 1. สัญลักษณ์และอักษรย่อที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและแปลผลความหมายการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้กำหนดสัญลักษณ์ ต่าง ๆ ที่ใช้แทนความหมายดังนี้ N แทน จำนวนเด็กกลุ่มตัวอย่าง X̅แทน คะแนนเฉลี่ย X̅diff แทน คะแนนเฉลี่ยของผลต่างคะแนนก่อนทดลองและหลังทดลอง S แทน ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน Sdiff แทน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลต่างคะแนนก่อนทดลองและหลังทดลอง t แทน ค่าสถิติที่ใช้ในการพิจารณา t – distribution ** แทน นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ผู้วิจัยเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 1. การเปรียบเทียบผลของความสามารถในการแก้ปัญหาก่อนและหลังการจัดกิจกรรมโดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐาน ดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 การเปรียบเทียบผลของความสามารถในการแก้ปัญหาก่อนและหลังการจัดกิจกรรมโดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐาน ความสามารถในการแก้ปัญหา N X̅ X̅diff S Sdiff t ก่อนการทดลอง 30 17.17 3.07 หลังการทดลอง 30 21.56 2.78 4.40 2.84 7.41**
49 จากตารางที่ 3 แสดงให้เห็นว่า เด็กปฐมวัยมีความสามารถในการแก้ปัญหา หลังการจัด กิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แสดงว่า กิจกรรมโดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐาน ทำให้เด็กปฐมวัยมีความสามารถในการแก้ปัญหาสูงขึ้น 2. การเปลี่ยนแปลงการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานทำให้เด็กปฐมวัยมีการ เปลี่ยนแปลงความสามารถในการแก้ปัญหาดังตารางที่ 4 และ 5 ตารางที่ 4 การเปลี่ยนแปลงการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานทำให้เด็กปฐมวัยมีการ เปลี่ยนแปลงความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการ แก้ปัญหา X̅ การเปลี่ยนแปลง ของคะแนน ร้อยละ ของการเปลี่ยนแปลง ก่อนการทดลอง 17.17 4.40 25.63 หลังการทดลอง 21.56 ผลการวิเคราะห์ตามตารางที่ 4 จะเห็นได้ว่าหลังการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน เด็กปฐมวัยมีความสามารถในการแก้ปัญหาเพิ่มจากพื้นฐานเดิมร้อยละ 25.63 ตารางที่ 5 การเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาโดยการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรม เป็นฐานเป็นรายบุคคล ความสามารถในการแก้ปัญหา เด็กคนที่ คะแนน ก่อนการทดลอง คะแนน หลังการทดลอง การเปลี่ยนแปลง ของคะแนน ร้อยละของการ เปลี่ยนแปลง 3 19 11 19 22 20 11 1 100 4.55 ผลการวิเคราะห์ตามตารางที่ 5 ปรากฏว่า หลังการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน เด็กปฐมวัยมีความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นรายบุคคลดังนี้ เด็กคนที่ 3 มีความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นร้อยละ 100 ของความสามารถจากพื้นฐาน เดิม เป็นลำดับที่ 1 และ เด็กคนที่ 19 มีความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นร้อยละ 4.55 ของ ความสามารถพื้นฐานเดิม เป็นลำดับสุดท้าย
50 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับ การจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์กับครูและผู้เกี่ยวข้องกับการจัด การศึกษาปฐมวัย ในการพิจารณาเลือกกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็ก ปฐมวัยได้อย่างเหมาะสม ซึ่งมีลำดับขั้นตอนของการวิจัยและผลของการศึกษาค้นคว้า โดยสรุปดังนี้ 1. วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดย ใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรม 2. เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัด กิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน 2. สมมติฐานของการวิจัย 1. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานมีความสามารถในการ แก้ปัญหาหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง 2. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานมีการเปลี่ยนแปลง ความสามารถในการแก้ปัญหาหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง 3. ขอบเขตของการวิจัย 3.1 ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กชาย – หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปีที่กำลัง ศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนอนุบาลอุดรธานีอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 3.2 กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นเด็กชาย – หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปี ที่ กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 จำนวน 30 คน จากการเลือกแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
51 3.3 ตัวแปรที่ศึกษา 1) ตัวแปรต้น คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน 2) ตัวแปรตาม คือ ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย 3.4 ระยะเวลาในการวิจัย การศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้ระยะเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 60 นาที โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 4. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัย โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ซึ่งผู้วิจัยเขียนขึ้นและผ่านการตรวจ แก้ไข ปรับปรุงจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว นำไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่มีอายุ 5 – 6 ปี จำนวน 30 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จากนั้นได้นำมาปรับปรุงการใช้ภาษาในข้อคำถามให้เหมาะสมและจัดทำเป็นฉบับสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้ กับกลุ่มทดลอง 2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหา ของเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจำนวน 20 ข้อ เป็นรูปภาพประกอบสถานการณ์จากปัญหาซึ่งเด็กพบ ในชีวิตประจำวัน หลังจากนั้นได้รับการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญตลอดจนผ่านการทดลองใช้กับ นักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 อายุ 5 – 6 ปี จำนวน 30 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แล้วนำผลการทดลองมา วิเคราะห์หาคุณภาพเพื่อคัดเลือกข้อสอบที่มีคุณภาพค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบความสามารถใน การแก้ปัญหา ซึ่งแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาที่ได้คุณภาพฉบับนี้มี 20 ข้อ 5. วิธีดำเนินการทดลอง การทดลองครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน ได้แก่ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ วันละ 60 นาที รวม 24 วัน โดยมีลำดับขั้นตอน ดังนี้ 1. ทำการทดสอบเด็กกลุ่มตัวอย่างด้วยแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นการ สอบก่อนการทดลอง (Pretest) 2. ดำเนินการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน เป็น ระยะเวลา 8 สัปดาห์ 3. เมื่อครบ 8 สัปดาห์แล้วทำการทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาหลังการทดลอง (Posttest) ด้วยแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาฉบับเดียวกับก่อนการทดลอง 4. นำข้อมูลที่ได้จากแบบทดสอบในข้อ 1 และ ข้อ 3 มาวิเคราะห์ด้วยวิธีการทางสถิติ
52 6. การวิเคราะห์ข้อมูล 1. หาค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ คะแนนเฉลี่ย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2. เปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหา ก่อนและหลังการทดลอง โดยอาศัยการ แจกแจงของ (t – test dependent - sample) 7. สรุปผลการวิจัย 1. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน มีความสามารถในการ แก้ปัญหาหลังการทดลองสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน มีความสามารถการ แก้ปัญหาเพิ่มจากพื้นฐานเดิมร้อยละ 25.63 8. อภิปรายผล การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็ก ปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมจากผลการวิจัย ทำให้ทราบว่าเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ก่อนและหลังการทดลอง มีความสามารถในการแก้ปัญหาแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และมีความสามารถ ในการแก้ปัญหาสูงขึ้น คิดเป็นร้อยละ 25.63 ของพื้นฐานเดิม ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานของงานวิจัย ครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ช่วยให้เด็กมี ความสามารถในการแก้ปัญหาสูงขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลง ผลการวิจัยดังกล่าวสามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้ การจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานนั้น ทำให้เด็กปฐมวัยพัฒนาความสามารถในการ แก้ปัญหาได้ดีขึ้น เนื่องจากวรรณกรรมที่ครูอ่านให้เด็กฟังนั้น เป็นวรรณกรรมที่มีตัวละคร และมี เนื้อหาที่ชวนน่าติดตาม เมื่อเด็กฟังแล้วสามารถจดจำเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี อีกทั้งในขณะที่ครูเล่า ครูจะสอดแทรกสถานการณ์ที่เป็นปัญหาให้เด็กได้รู้จักการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา ดังนั้นการเล่า นิทานครั้งนี้เป็นการฝึกทักษะการแก้ปัญหาให้กับเด็กปฐมวัยไปโดยไม่รู้ตัว สอดคล้องกับอภิรตี ศรีนวล (2547: 65) ที่ศึกษาความสามารถของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานฉงน พบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานฉงน หลังจากได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานฉงน เด็กจะ มีความสามารถในการแก้ปัญหาสูงขึ้นเนื่องจากเนื้อเรื่องในนิทานจะทำให้เด็กจดจำสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งนำไปสู่ความสามารถในการแก้ปัญหาของตนเอง
53 ขณะเดียวกันเมื่อครูจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ซึ่งเป็นวรรณกรรมที่มีเนื้อหา น่าติดตาม ทำให้เด็กจดจำสิ่งเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี และในขณะที่ครูจัดกิจกรรม ครูสอดแทรก สถานการณ์ที่เป็นปัญหา ดังนั้นจึงทำให้เด็กมีทักษะการแก้ปัญหาเพิ่มมากขึ้น และมีผลต่อพัฒนาการ ด้านภาษา ดังที่ ดวงเดือน แจ้งสว่าง (2542: 49) กล่าวว่า การเล่านิทานนั้นมีอิทธิผลต่อเด็กมาก โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัยการที่ผู้ใหญ่และครูใกล้ชิดกับเด็กโดยการเล่านิทานให้เด็กฟังจะเป็น เครื่องช่วยให้เข้าใจเด็ก มากขึ้น และที่สำคัญเนื้อหาของนิทานนั้น เนื้อเรื่องในการเล่าครูได้กำหนด สถานการณ์ที่เป็นปัญหาให้กับตัวละคร ดังนั้นเมื่อเด็กฟังนิทานเด็กจะคิดแก้ปัญหาจากสถานการณ์ใน นิทาน ทำให้ดำเนินเนื้อเรื่องต่อจนจบได้เช่น วรรณกรรมเรื่อง “กุ๊กไก่ปวดท้อง” กุ๊กไก่ปวดท้องเพราะ ชอบกินลูกกวาดสีฉูดฉาดอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่งวันหนึ่งกุ๊กไก่ก็ปวดท้องร้องไห้ครวญครางน่า สงสาร ซึ่งเมื่อครูเล่านิทานจนถึงตอนนี้ แล้วหยุดให้เด็กแสดงความคิดเห็นหรือแก้ปัญหาว่า เมื่อเด็ก ๆ รับประทานขนมเสร็จแล้วควรทำอย่างไร เป็นต้น ซึ่งจากเนื้อหาของนิทานจะทำให้เด็กปฐมวัยที่ฟัง นิทานต้องใช้ความสามารถในการคิดหาทางแก้ปัญหาจากสถานการณ์ในนิทานว่า ตัวละครจะทำ อย่างไรเมื่อรับประทานขนมเสร็จแล้ว จะทำอย่างไร และจำเป็นต้องใช้สิ่งของหรืออุปกรณ์ใดบ้าง เพื่อที่จะให้กุ๊กไก่หายปวดท้อง ซึ่งสอดคล้องกับเบญจา แสงมลิ (2545: 113) ที่กล่าวว่า เมื่อเด็กต้อง เผชิญปัญหาเฉพาะหน้า บางครั้งเด็กอาจต้องการให้ผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ดังนั้น เมื่อปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ผู้ใหญ่หรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดเด็กจึงควรปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการแก้ปัญหาของ เด็กปฐมวัย เช่น ผู้ใหญ่ควรบอกเด็กว่า เมื่อหนูรับประทานอาหารเสร็จแล้วเด็กควรเก็บถ้วยชามให้ เรียบร้อย หรือถ้าหากเด็กรับประทานอาหารจนหกเลอะเทอะควรหาผ้ามาเช็ดโต๊ะให้สะอาด ซึ่ง ไกรเวอร์ บรุนนิก และฟิลเบล (Grover, Bruning & Filbeck, 1983: 113 - 114 อ้างอิงจาก อภิรตี ศรีนวล, 2547: 85) กล่าวว่า เด็กจะแก้ปัญหาได้ดีถ้าเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาที่สัมพันธ์กับ กฎเกณฑ์ และหลักการที่ได้เรียนไปแล้ว นอกจากนั้นเด็ก มีแนวโน้มทางความสามารถในการแก้ปัญหา ตนเองสูง กล่าวคือในการแก้ปัญหาของตนเองนั้น เด็กมุ่งหาวิธีการที่สามารถใช้ในการแก้ไขอุปสรรค หรือสถานการณ์ที่ยุ่งยากที่เกิดขึ้นกับตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น มีจุดมุ่งหมายประการเดียวในการ แก้ปัญหาตนเอง เป็นการค้นพบองค์ความรู้ด้วยตนเองไม่มีความสับสนยุ่งยากในการคิด ด้วยเหตุผล ดังกล่าว การแก้ปัญหาจึงมีความง่ายในการคิดแก้ปัญหา ซึ่งทำให้เด็กสามารถแสดงความสามารถใน การแก้ปัญหาได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว และการคิดแก้ปัญหาที่หลากหลาย ดังนั้น การจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน จึงส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยสนใจที่จะดู ฟัง และคิดเชื่อมโยงเรื่องราวที่เป็นสถานการณ์ที่เป็นปัญหาในวรรณกรรม โดยกิจกรรมที่กำหนด ทำให้ ผู้เรียน ได้ใช้ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาแก้ปัญหา เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม โดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐาน จึงมีความสามารถในการแก้ปัญหาสูงขึ้นหลังจากการทดลอง ที่เป็นเช่นนี้ อาจเป็นเพราะการที่ครูได้เล่านิทาน โดยสอดแทรกสถานการณ์ที่เป็นปัญหานั้น จะเป็นการกระตุ้น
54 และฝึกทักษะให้เด็กคิดหาทางแก้ปัญหาโดยให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระในการสนทนา ตอบคำถามแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น ซึ่งสอดคล้องกับ ชูชีพ อ่อนโคกสูง (2528: 121 - 123) กล่าวว่า องค์ประกอบที่มีอิทธิพลต่อการแก้ปัญหา คือ สถานการณ์นั้นมีความน่าสนใจของผู้เรียน ก็จะ ทำให้เด็กเกิดแรงจูงใจที่จะเรียน หรือแก้ปัญหาได้ นอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว เด็กจะมีการเชื่อมโยง ความคิดประสบการณ์เดิมของตนที่เคยประสบมา การมีปฏิสัมพันธ์แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนที่อยู่ ในกลุ่มเดียวกัน และสอดคล้องกับอภิรตีศรีนวล (2547: บทคัดย่อ) ที่ศึกษาความสามารถของเด็ก ปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมเล่านิทานฉงน ผลการวิจัยพบว่า เด็กปฐมวัยหลังจากได้รับการจัด กิจกรรมเล่านิทานฉงน มีความสามารถในการแก้ปัญหาตนเองและความสามารถในการแก้ปัญหา ตนเองที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น ค่าสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยเกิดขึ้นได้เมื่อครูจัดกิจกรรมและประสบการณ์ที่ส่งเสริม ให้เด็กได้ฝึกคิดแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเอง ซึ่งการคิดเพื่อตัดสินใจแก้ปัญหานั้น เป็นการใช้ความคิด วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง ข้อมูลเกี่ยวกับสังคมสิ่งแวดล้อมและข้อมูลอื่น ๆ มาใช้เพื่อแสวงหา คำตอบอันนำไปสู่การตัดสินใจ (โกวิท วรพิพัฒน์, 2544: 72) ขณะเดียวกันการจัดกิจกรรมโดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐาน เป็นกิจกรรมที่ช่วยจูงใจให้เด็กปฐมวัยสนใจที่จะฟังและคิดตาม เพื่อเชื่อมโยง เรื่องราวในการนำไปสู่การแก้ปัญหาจากสถานการณ์ต่าง ๆ เพราะในขณะที่เด็กฟังนิทานนั้น เด็กจะใช้ ความคิดเพื่อตอบคำถามและใช้ความสามารถของตนเองในการแก้ไขปัญหาให้กับตัวละครในเนื้อเรื่อง เมื่อเปรียบเทียบคะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด กิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานก่อนและหลังการทดลอง พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติที่ระดับ 01 ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะการจัดกิจกรรมนิทานจะเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Child - Centered) ธรรมชาติของเด็กวัย 5 - 6 ปี จะมีความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งใหม่ ๆ ที่พบเห็นรอบตัว และเมื่อได้เข้าร่วมกิจกรรม เด็กจะสนใจและกระตือรือร้นที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรม อีกทั้งเป็น การเปิดโอกาสให้เด็กเลือกทำกิจกรรมด้วยตนเองเป็นการส่งเสริมความเป็นอิสระในการคิดและ ตัดสินใจได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เด็กกล้าคิดกล้าแสดงออก เป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น ให้กับตนเอง ดังที่ ทิศนา แขมมณีและคณะ (2535: 67) กล่าวว่า เมื่อเด็กเกิดกระบวนการคิด จากการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม เช่น การเล่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น การได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ จะทำให้เด็กมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการให้เด็กได้รับประสบการณ์ในการแก้ปัญหา เด็กก็จะ สามารถเรียนรู้การแก้ปัญหาได้ นอกจากนี้การใช้หนังสือวรรณกรรมจะทำให้เด็กเห็นภาพเรื่องราวใน วรรณกรรม ทำให้เด็กเกิดความสนใจและตั้งใจที่จะดูและฟัง และมีภาพประกอบสวยงาม ซึ่งเด็กอายุ 3- 6 ปี เป็นวัยแห่งการเพ้อฝัน สามารถสร้างจินตนาการมากมายจึงเป็นวัยอันควรที่จะเพิ่มพูน ประสบการณ์ด้านการคิดแก้ปัญหาโดยการเล่านิทาน เพื่อช่วยให้เด็กปรับตัวและเตรียมที่จะรับ สถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นหนังสือนิทานจึงมีประโยชน์สำหรับเด็กวัยนี้เป็นอย่างมาก ซึ่ง
55 เยาวพา เดชะคุปต์ (2542 : 79) ได้กล่าวถึงลักษณะของหนังสือที่เด็กชอบคือเป็นเรื่องที่เด็กนึกฝันต่อ อย่างสดใส เด็กชอบเรื่องที่จบด้วยรูปของกิน เพราะเด็กชอบกิน เด็กชอบเรื่องบันเทิง เรื่องเศร้าเด็กไม่ ชอบ และเด็กชอบดูภาพมากกว่าชอบอ่านเรื่อง เมื่อเด็กเปิดอ่านหนังสือ สิ่งแรกที่เด็กจะดูคือภาพ และเด็กจะดูทุกอย่างที่อยู่ในภาพ ดังนั้นหนังสือภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จากที่กล่าวมาแสดงให้เห็น ว่าการแก้ปัญหาของเด็กเกิดจากความสามารถของสมอง เป็นความสามารถในการคิดของสมอง ซึ่ง การจัดกิจกรรมส่งเสริมประสบการณ์อย่างหลากหลายจะช่วยให้เด็กมีความคิดในการนำมาแก้ปัญหา และปรับเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาได้ดีขึ้นตามลำดับเมื่อประสบกับปัญหาเด็กจะสามารถดึงมวล ประสบการณ์มาแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน มีความ สามารถในการแก้ปัญหาสูงขึ้น 9. ข้อสังเกตที่ได้รับจากการวิจัย 1. ในการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานครั้งแรกที่ผู้วิจัยเริ่มดำเนินการทดลองนั้น เด็กส่วนใหญ่ยังไม่กล้าแสดงออก จะนั่งนิ่งฟังนิทาน แต่เมื่อครูสร้างความคุ้นเคยและแนะนำให้เด็ก แสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างเป็นอิสระ เด็กจะเริ่มแสดงออกมากยิ่งขึ้นพอ เวลาผ่านไปได้ 2 สัปดาห์ เด็กจะเริ่มกล้าแสดงออกและมีความสามารถในการแก้ปัญหาได้เหมาะสม มากขึ้น 2. หลังจากที่ได้ทำการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน เด็กสามารถพูดแสดงความ คิดเห็นโดยคาดเดาเนื้อเรื่องของนิทาน และคาดเดาคำถามจากสถานการณ์ที่เป็นปัญหาของตัวละคร ที่ครูจะถามหลังจากเล่านิทานเสร็จสิ้น โดยสังเกตได้จากการที่เด็กยกมือตอบคำถามเพื่อขอแสดง ความคิดในการแก้ปัญหาก่อนที่ครูจะถามให้เด็กคิดแก้ปัญหา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการจัดกิจกรรม การเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานนั้น สามารถทำให้เด็กเข้าใจปัญหาได้ดี และสามารถคาดการณ์ ความน่าจะเป็นไปได้ของเนื้อเรื่องของนิทานและการแก้ปัญหา 3. การจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานมีความสอดคล้องกับพัฒนาการทางด้านสังคม และภาษาของเด็ก มีปฏิสัมพันธ์ขณะทำกิจกรรม เด็กได้ร่วมแก้ปัญหากับเพื่อน พูดคุยสนทนา โต้ตอบ ถึงการแก้ปัญหาให้กับตัวละครในนิทาน มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กันขณะทำกิจกรรม โดยเนื้อเรื่องของนิทานเป็นสิ่งท้าทายต่อการคิดแก้ปัญหาของเด็ก โดยเด็ก แต่ละคนจะพยายามแก้ปัญหาให้กับตัวละครในนิทาน ตามความคิดของตนให้ได้ ซึ่งจะทำให้เด็กเกิด ทักษะการแก้ปัญหามากยิ่งขึ้น
56 4. การจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยฝึกสมาธิให้กับเด็ก เนื่องจากเนื้อเรื่องของนิทานนั้นเป็นสถานการณ์ที่แต่งขึ้นเพื่อฝึกการแก้ปัญหาให้เด็ก เป็นผลให้เด็ก ต้องใช้สมาธิสำหรับทำความเข้าใจในเนื้อเรื่องของนิทาน กิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานจึงเป็น การสร้างประสบการณ์ในการฝึกแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย เพื่อเป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อม ในการดำเนินชีวิตในอนาคตให้กับเด็ก 5. เด็กมีความกระตือรือร้นตลอดเวลา มีความสนใจ ตั้งใจทำกิจกรรมมาก มีสมาธิในการฟัง และพยายามที่จะแก้ปัญหาเมื่อเกิดอุปสรรค ซึ่งสังเกตได้จากการที่เด็กกระทำซ้ำ ๆ เพื่อให้การ แก้ปัญหานั้นออกมาดีที่สุด รวมทั้งพยายามหาคำตอบในรูปแบบต่าง ๆ มาตอบ และเมื่อครูใช้คำถาม สนทนาโต้ตอบกับเด็กคนอื่น ๆ เด็กจะตั้งใจคอยฟังคำตอบหรือข้อซักถามของเพื่อน โดยการพยักหน้า หรือพูดสนับสนุน และพยายามคิดค้านคำตอบของเพื่อน แต่จะเสนอคำตอบของตนเองบ้าง 10. ข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการวิจัย 1. การจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยนั้น ครูต้องให้ อิสระกับเด็ก เพื่อให้เด็กได้เกิดความกล้าแสดงออกก่อน จากนั้นจึงให้เด็กได้ใช้ความคิดในการ แก้ปัญหาอย่างอิสระ 2. ครูต้องเข้าใจพัฒนาการและความพร้อมของเด็ก คอยสังเกตเด็กในระหว่างทำกิจกรรม ซึ่งหากเด็กมีสมาธิ และสนใจในกิจกรรมที่ครูทำ เด็กก็จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และหากครูใช้ ระยะเวลาในการทำกิจกรรมนานเกินไป เด็กจะหมดความสนใจ และหันไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน 3. ครูควรสร้างกำลังใจให้เด็ก กล้าคิดและกล้าแสดงออกด้วยความมั่นใจ ขณะเดียวกัน ครูต้องคอยช่วยเหลือและแนะนำวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องเหมาะสมให้เด็ก และในระยะเวลาที่ เหมาะสมด้วย 4. การจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน ควรจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแสดงออก ในการคิดแก้ปัญหา โดยคำนึงถึงความพร้อมของเด็กไม่บังคับกดดันให้เด็กเกิดความเครียด ยกย่อง ชื่นชม แสดงบุคลิกภาพของความเป็นมิตรกับเด็กให้เด็กเกิดความมั่นใจ เปิดโอกาสเต็มที่ให้เด็ก แสดงออก 5. ในการจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานนั้น เด็กจะเลือกสมาชิกกลุ่มเดิมจะไม่เปลี่ยน กลุ่มการทำกิจกรรม ครูควรใช้วิธีการอื่น ๆ ชักจูงเด็กให้สลับกลุ่มเรียนรู้กับเพื่อนกลุ่มใหม่ เพื่อให้เด็ก ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
57 11. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 1. ควรมีการศึกษาการจัดกิจกรรมโดยใช้ใช้วรรณกรรมเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมความสามารถ ของเด็กปฐมวัยในด้านอื่น ๆ เช่น ทักษะชีวิตเด็กปฐมวัย ความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์ ความสามารถในการคิดแบบโยนิโสมนสิการ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ การเรียนการสอนในระดับปฐมวัยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 2. ควรมีการศึกษาถึงความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการสอนใน รูปแบบอื่น เช่น การสอนโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์การสอนโดยใช้เทคนิคการสอนแบบ หมวก 6 ใบ การสอนโดยใช้กิจกรรมทัศนศึกษา เป็นต้น 3. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยระหว่าง ผลการจัดกิจกรรมโดยใช้ปัญหาเป็นฐานกับการจัดกิจกรรมในรูปแบบอื่นที่มีผลต่อความสามารถใน การแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย เพื่อนำผลที่ได้มาเป็นแนวทางในการพัฒนาการจัดกิจกรรมที่จะสามารถ ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย 4. ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหากับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1 ซึ่งมีระดับสติปัญญาสูงกว่าเด็กปฐมวัย ทั้งนี้เพื่อศึกษาว่าการใช้วรรณกรรมเป็นฐานจะมีผลต่อ ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กในระดับสูงขึ้นหรือไม่
58 บรรณานุกรม กล่อมจิตต์ พลายเวช. (2556). วรรณกรรมสำหรับเด็กปฐมวัย ใน เอกสารการสอนชุดวิชา วรรณกรรมและลีลาคดีระดับปฐมวัยศึกษา. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์. (2557). เอกสารคำสอนวิชา วรรณกรรมสำหรับเด็ก. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ. โกวิท วรพิพัฒน์. (2544). การเล่านิทาน. กรุงเทพฯ: ชมรมเด็ก. ขวัญตา แต่พงษ์โสรัถ. (2538). การศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยในกิจกรรม การเล่นน้ำ เล่นทราย แบบครูมีปฏิสัมพันธ์ และแบบครูไม่มีปฏิสัมพันธ์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. จรรยวรรณ เทพศรีเมือง. (2560). เอกสารประกอบการสอนรายวิชา วรรณกรรมไทยปัจจุบัน. อุดรธานี : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. จินตนา ธนวิบูลย์ชัย. (2559). การคิด การคิดแก้ปัญหา และการตัดสินใจ ใน เอกสารประกอบการ สอนชุดวิชาจิตวิทยาเพื่อการดำรงชีวิต. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. เจษฎา ศุภางคเสน. (2530). การศึกษาความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของ เด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรี- นครินทรวิโรฒ. ฉันทนา ภาคบงกช. (2528). สอนอย่างไรให้คิดเป็น. กรุงเทพฯ : เลี่ยงเชียง. _________. (2528). สอนให้เด็กคิด : โมเดลการพัฒนาทักษะการคิดเพื่อคุณภาพชีวิตและสังคม. กรุงเทพฯ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ชัยพร วิชชาวุธ และธีระพร อุวรรณโณ. (2534). พฤติกรรมจริยธรรมในสังคมไทยในปัจจุบันศึกษา ตามแนวทางจิตวิทยาสังคม (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ชูชีพ อ่อนโคกสูง. (2528). สอนอย่างไร. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: อัมรินทร์การพิมพ์. เพียงจิต ศรีสุก. (2556). ผลการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ภายใต้การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน ที่มี ต่อทักษะพื้นฐานทางวิทยาสาสตร์และความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ ค.ม. (หลักสูตรและการสอน). อุดรธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. เชิดศักดิ์ โฆวาสินธุ์. (2540). การพัฒนาคุณภาพการคิด. วารสารการวัดผลการศึกษา. 18(54), 1 – 20. ญาณี ช่อสูงเนิน. (2557). ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ที่ได้รับการจัดกิจกรรม เล่านิทานประกอบศิลปะประดิษฐ์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
59 ฐิติพร พิชญกุล. (2538). การศึกษาความสามารถในการปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัด ประสบการณ์ศิลปะประดิษฐ์แบบกลุ่ม. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ดวงเดือน แจ้งสว่าง. (2542). นิทานสำหรับเด็กปฐมวัย. สงขลา: คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏ สงขลา. ดวงเดือน พันธุมนาวิน. (2538). ทฤษฎีต้นไม้จริยธรรม: การวิจัยและการพัฒนาบุคคล. กรุงเทพฯ : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. ดวงพร ผกามาศ. (2554). ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม ประกอบอาหารประเภทขนมไทย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ดารา วิมลอักษร. (2552). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคติวิสต์ต่อความสามารถ ในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ค.ม. (หลักสูตรและการสอน). อุดรธานี : มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. ดารารัตน์ ทัพโต. (2554). การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมด้านความมีวินัยในตนเองสำหรับเด็ก ปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน. ปริญญานิพนธ์ ศษ.ม. (หลักสูตรและการสอน). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา. ทิศนา แขมมณี และคณะ. (2535). การพัฒนากระบวนการคิด ใน การประชุมวิชาการเรื่องสู่ แนวทางใหม่ของการสอนวิจัย ทางพยาบาลศาสตร์. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณี. (2548). ศาสตร์การสอน. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์. ธันยา พิทธยาพิทักษ์. (2553). การพัฒนากระบวนการเรียนการสอนโดยบูรณาการทฤษฎีสหบท และแนวการสอนอ่านโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่าน เชิงสร้างสรรค์ของเด็กอนุบาล. ปริญญานิพนธ์ ค.ด. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ธันยา พิทธยาพิทักษ์. (2561). หนังสือสำหรับเด็กปฐมวัย ใน เอกสารการสอนชุดวิชาการพัฒนา เด็กปฐมวัยด้านภาษา. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. นงลักษณ์ สินสืบผล. (2559). หลักการและขอบข่ายของปฐมวัยศึกษา. ใน เอกสารการสอนชุดวิชา พฤติกรรมการสอนปฐมวัยศึกษา. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. นภาปิย สิริกรกาญจนา. (2553). ผลของการจัดกิจกรรมนิทานคำกลอนที่มีต่อความสามารถในการ แก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
60 นิตยา วรรณกิตร์. (2559). วรรณกรรมสำหรับเด็ก. นนทบุรี : มาตาการพิมพ์. นิศารัตน์ อิสระมโนรส. (2564). เอกสารประกอบการสอนรายวิชา นิทานและวรรณกรรมสำหรับ เด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยสวนดุสิต. เนตรชนก รักกาญจนันท์. (2558). การจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานเพื่อ เสริมสร้างทักษะทางสังคมของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ ศษ.ม. (หลักสูตรและการนิเทศ). นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. (2526). การทดสอบแบบอิงเกณฑ์:แนวคิดและวิธีการ. กรุงเทพฯ : คณะ ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. เบญจา แสงมลิ. (2545). การพัฒนาเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ. ประดินันท์ อุปรมัย. (2540). มนุษย์กับการเรียนรู้ ใน เอกสารการสอนชุดวิชาพื้นฐานการศึกษา. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ. (2556). การพัฒนาการคิด. (พิมพ์ครั้งที่ 5) กรุงเทพฯ : เทคนิคพริ้นติ้ง. ประเวศ วะสี. (2538). การจัดการความรู้ : กระบวนการปลดปล่อยมนุษย์สู่ศักยภาพ เสรีภาพ และ ความสุข. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม. ปราณี เชียงทอง. (2526). วรรณกรรมสำหรับเด็ก. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. พรรณี ชูทัย เจนจิต. (2538). จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: คอมแพคท์พริ้นท์. พัชรี ผลโยธิน . (2561). การจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย ใน เอกสารการ สอนชุดวิชาการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านภาษา. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. มานิต ปวริญญานนท์. (2555). นิทานกับการพัฒนาเด็กปฐมวัย ใน เอกสารประกอบการสอน รายวิชาการพัฒนาเด็กปฐมวัย. อุดรธานี : คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. เยาวพา เดชะคุปต์. (2542). การจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรี- นครินทรวิโรฒ. _________. (2542). กิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ: แม็คเอ็ดดูเคชั่น. ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2536). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริม วิชาการ. วยุภา จิตรสิงห์. (2534). การศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ครูใช้คำถาม แบบเชื่อมโยงเนื้อหาและแบบเชื่อมโยงประสบการณ์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษา ปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วรรณภา เหล่าไพศาลพงษ์. (2554). การศึกษาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและความสนใจใน การเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่จัดการเรียนรู้แบบกระบวนการ
61 แก้ปัญหากับการจัดการเรียนรู้ตามคู่มือครู. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.(การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วัชรินทร์ กลีบกลาง. (2561). การส่งเสริมทักษะการแก้ปัญหาเด็กปฐมวัยโดยเทคนิคการสอนสตอรี่ ไลน์ในการสร้างสถานการณ์. ปริญญานิพนธ์ ค.บ. (การศึกษาปฐมวัย). กำแพงเพชร : มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. วันดี สุตสิน. (2550). ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้ รูปแบบพหุปัญญาเพื่อการเรียนรู้. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วิมล นิราพาธ. (2563). ผลการจัดประสบการณ์ทางภาษาโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานเพื่อเสริมสร้าง พฤติกรรมการอ่านสำหรับเด็กวัยอนุบาล. ปริญญานิพนธ์ ศษ.ม. (หลักสูตรและการสอน). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา. ศศิธร พงษ์โภคา. (2557). การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 โดยการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิคการแก้ปัญหาอนาคตร่วมกับแผนผังความคิด. ปริญญานิพนธ์ ศษ.ม. (หลักสูตรและการนิเทศ). นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. ศิรินาถ บัวคลี่. (2549). การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้การจัด ประสบการณ์แบบโครงงาน. ปริญญานิพนธ์ ศษ.ม. (หลักสูตรและการนิเทศ). นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. สมจิต สวธนไพบูลย์. (2541). เอกสารคำสอนวิชา กว.571 ประชุมปฏิบัติการการสอนวิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สรวงพร กุศลส่ง. (2538). ทักษะการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย 3 - 4 ปีที่ได้รับการจัดกิจกรรมใน วงกลมแบบปฏิบัติการทดลองกับการเล่นเกมการศึกษาแบบประสาทสัมผัส. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สุคนธ์ สินธพานนท์. (2551). พัฒนาทักษะการคิด...พิชิตการสอน. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : เลี่ยงเชียง. สุจิตรา ขาวสำอาง. (2533). ความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการ จัดประสบการณ์โดยเด็กเป็นผู้เล่าเรื่องประกอบภาพ และครูเป็นผู้เล่าเรื่องประกอบภาพ. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สุปรีชา วงศ์อารีย์. (2558). เอกสารคำสอนรายวิชาการคิดและการตัดสินใจ. อุดรธานี : สำนักวิชา ศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. สุวิทย์ มูลคำ. (2549). กลยุทธ์...การสอนคิดแก้ปัญหา. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.
62 แสงโสม กชกรกมุท. (2563). การคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ในเอกสารประกอบการสอนชุดวิชา การพัฒนาเด็กปฐมวัยด้านการคิด (หน่วยที่ 8). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัย - ธรรมาธิราช. หนึ่งฤทัย พาภักดี. (2564). การพัฒนาความสามารถด้านการฟังเพื่อความเข้าใจภาษาไทย โดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐานร่วมกับเทคนิคการเล่าเรื่องของนักเรียนชั้นอนุบาล 3. ปริญญานิพนธ์ ศษ.ม. (หลักสูตรและการสอน). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. อภิรตี ศรีนวล. (2547). ความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการ เล่านิทานฉงน. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรี- นครินทรวิโรฒ. อรุณี เหลืองหิรัญ. (2533). การศึกษาความพร้อมทางภาษาและการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยที่ ได้จัดประสบการณ์โดยใช้โครงสร้างระดับยอดกับการจัดประสบการณ์ตามแผนการจัด ประสบการณ์ของสำนักคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อัจฉรา ธรรมาภรณ์. (2531). จิตวิทยาการเรียนรู้. ปัตตานี: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. อารยา สุขวงศ์ และคณะ. (2561). คู่มือการใช้แผนการจัดประสบการณ์ชั้นอนุบาลปีที่ 3. กรุงเทพฯ : แสงแดด. Bandura, A. (1977). Self-efficacy: The exercise of control. New York: W.H. Freeman. Mcleod, S. (2018). Edward Thorndike: The law of effect. Retrieved from https:// www.simplypsy chology.org/edward-thorndike.html Raymond, E. (2000). Learners with mild disabilities. Massachusetts: Allyn & Bacon, A Pearson Education Company. Wood, D., Bruner, J. S., & Ross, G. (1976). The role of tutoring in problem solving. Child Psychol & Psychiatry & Allied Disciplines, 17(2), 89-100. https:// doi_org/10.1111/j.14697610.1976. tb00381.X
63 ภาคผนวก
64 ภาคผนวก ก แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย
65 คู่มือการใช้ แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย คำชี้แจง คู่มือการใช้แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงและ อธิบายรายละเอียดในการทดสอบความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย อายุ 5 - 6 ปี ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ให้ความหมายของความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย หมายถึง พฤติกรรมที่เด็กแสดงออกในการหาวิธีการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และเด็ก สามารถกระทำเพื่อให้พ้นจากปัญหานั้น ซึ่งลักษณะแบบทดสอบเป็นสถานการณ์จำนวน 20 ข้อ ประกอบด้วย 1. ปัญหาของตนเองที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น หมายถึง ปัญหาที่เกิดจากความต้องการหรือจาก การกระทำของเด็กเอง โดยไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข จำนวน 10 ข้อ 2. ปัญหาของตนเองที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น หมายถึง ปัญหาที่เกิดจากความต้องการหรือจาก การกระทำของเด็กเอง และ/หรือผู้อื่น ซึ่งมีผลเกี่ยวข้องกันโดยตรง และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข จำนวน 10 ข้อ วิธีดำเนินการทดสอบ 1. ผู้ดำเนินการทดสอบศึกษาแบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาและคู่มือให้เข้าใจ กระบวนการทั้งหมดก่อน ใช้ภาษาที่ชัดเจนเป็นธรรมชาติ เพื่อให้เด็กสนใจและตั้งใจฟังคำถามและ ก่อนการทดสอบ ผู้ดำเนินการทดสอบต้องเขียนชื่อสกุลของนักเรียนให้เรียบร้อย 2. จัดเตรียมสถานที่สอบ ควรเป็นห้องที่มีสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกห้องเรียน เอื้อต่อผู้รับการทดสอบ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ มีขนาดที่เหมาะสมกับนักเรียน มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่มี เสียงรบกวน 3. ก่อนดำเนินการทดสอบ ให้ผู้ช่วยดำเนินการทดสอบพาเด็กไปทำธุระส่วนตัว เช่น ดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ผู้ดำเนินการทดสอบสร้างความคุ้นเคยกับเด็ก โดยการชวนสนทนากับเด็ก 4. เขียนชื่อ และนามสกุลเด็กที่รับการทดสอบให้เรียบร้อย แล้วดำเนินการทดสอบเด็ก เป็นรายบุคคลแบบปากเปล่า (Oral test) โดยครูอ่านสถานการณ์คำถาม 2 ครั้ง พร้อมกับให้เด็ก ดูภาพสถานการณ์ประกอบคำถาม ถ้าภายใน 30 วินาที เด็กยังไม่ตอบคำถาม จะถามคำถามซ้ำอีก 1 ครั้ง ถ้าภายใน 1 นาที เด็กยังไม่ตอบคำถามอีก ถือว่าแก้ปัญหาไม่ได้
66 5. อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบมีดังนี้ 5.1 คู่มือผู้ดำเนินการสอบ 5.2 นาฬิกาจับเวลา 1 เรือน บทบาทของผู้ดำเนินการทดสอบ 1. ศึกษาแบบทดสอบให้เข้าใจ 2. มีความพร้อมในการดูแลเด็กนักเรียนที่ทำการทดสอบ 3. ไม่มีอคติและลำเอียงในขณะที่เด็กทำแบบทดสอบ 4. สร้างความคุ้ยเคยกับเด็กที่ทำแบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน การแก้ปัญหาที่ใช้เป็นคำถามประกอบสถานการณ์ที่ให้ความอิสระในการตอบ การตรวจให้ คะแนนพิจารณาจากคำตอบ ภายในเวลาที่กำหนด ดังนี้ 1 คะแนน แทน การแก้ปัญหาไม่ได้ หมายถึง เด็กไม่สามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ตอบ คำถามในเวลาที่กำหนด 2 คะแนน แทน การแก้ปัญหาได้ แต่ไม่เหมาะสม หมายถึง การแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง ไม่ได้ต้องให้ผู้อื่นช่วยหรือชี้แนะ 3 คะแนน แทน การแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม หมายถึง การแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง มีความสมเหตุสมผล เหมาะสมกับวัย
67 แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย สถานการณ์ที่ 1 ถ้าหนูทำน้ำในแก้วหกบนโต๊ะ หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 2 ถ้าหนูหารองเท้าตัวเองไม่พบ หนูจะทำอย่างไร
68 สถานการณ์ที่ 3 ถ้าหนูวิ่งเล่นกับเพื่อน แล้วหนูหกล้ม หัวเข่ามีเลือดไหล หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 4 ถ้าหนูดื่มนมแล้วมีรสชาติและกลิ่นเปลี่ยนไปจากเดิม หนูจะทำอย่างไร
69 สถานการณ์ที่ 5 ถ้าหนูล้างหน้า แล้วเสื้อผ้าเปียก หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 6 ถ้าหนูเดินพลัดหลงกับคุณครู และเพื่อน ๆ หนูจะทำอย่างไร
70 สถานการณ์ที่ 7 ถ้าวันนี้โรงเรียนมีอาหารกลางวันที่หนูไม่ชอบ หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 8 ถ้าหนูปวดปัสสาวะมาก แต่ไปห้องน้ำไม่ทัน จึงปัสสาวะรดกระโปรง/กางเกง หนูจะทำอย่างไร
71 สถานการณ์ที่ 9 ถ้าหนูเดินไปตามทาง แล้วพบแอ่งน้ำขังขวางทางอยู่ หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 10 ถ้าหลังเลิกเรียนแล้ว และเพื่อน ๆ กลับบ้านหมดแล้ว แต่ไม่มีใครมารับหนู หนูจะทำอย่างไร
72 สถานการณ์ที่ 11 ถ้าคุณครูให้หนูไปช่วยถือของ แล้วหนูถือมาไม่หมด หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 12 ถ้ามีคนที่หนูไม่รู้จักเลย เอาขนมมาให้หนู หนูจะทำอย่างไร
73 สถานการณ์ที่ 13 ถ้าหนูกำลังเล่นของเล่น แล้วมีเพื่อนมาแย่งของเล่นไปจากหนู หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 14 ถ้าหนูต้องการใช้สีชมพูมาระบายภาพ แต่เพื่อนกำลังใช้อยู่ หนูจะทำอย่างไร
74 สถานการณ์ที่ 15 ถ้าหนูวิ่งไปชนเพื่อนล้มลง หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 16 ถ้าหนูนั่งฟังคุณครูเล่านิทานอยู่ แต่เพื่อนมายืนบัง หนูจะทำอย่างไร
75 สถานการณ์ที่ 17 ครูให้หนูทำงานศิลปะ แต่มีเพื่อนนำสีมาขีดเขียนผลงานของหนู หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 18 ถ้าวันนี้เป็นวันจันทร์ แต่ผู้ปกครองลืมเอาถุงนอนให้หนู หนูจะทำอย่างไร
76 สถานการณ์ที่ 19 ถ้าหนูเห็นเพื่อนทิ้งขยะลงพื้น หนูจะทำอย่างไร สถานการณ์ที่ 20 ถ้าหนูกับเพื่อน ๆ ติดอยู่ในรถ หนูจะทำอย่างไร
77 ทดสอบครั้งที่ ......... แบบบันทึกการให้คะแนนความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย ชื่อเด็ก ................................................................ วันเดือนปีที่ทดสอบ................................................. อายุ ...........ปี ........... เดือน ชื่อผู้ทดสอบ ……………….…………..……………………..…………………..………… คำชี้แจง ทำเครื่องหมาย √ ในช่องบันทึกคะแนน พร้อมทั้งเขียนคำตอบของเด็ก ข้อ สถานการณ์ปัญหา คำตอบ คะแนน 3 2 1 1 ถ้าหนูทำน้ำในแก้วหกบนโต๊ะ หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 2 ถ้าหนูหารองเท้าตัวเองไม่พบ หนูจะทำ อย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 3 ถ้าหนูวิ่งเล่นกับเพื่อน แล้วหนูหกล้ม หัวเข่ามีเลือดไหล หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 4 ถ้าหนูดื่มนมแล้วมีรสชาติและกลิ่น เปลี่ยนไปจากเดิม หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 5 ถ้าหนูล้างหน้า แล้วเสื้อผ้าเปียก หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 6 ถ้าหนูเดินพลัดหลงกับคุณครู และ เพื่อน ๆ หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 7 ถ้าวันนี้โรงเรียนมีอาหารกลางวันที่หนู ไม่ชอบ หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 8 ถ้าหนูปวดปัสสาวะมาก แต่ไปห้องน้ำ ไม่ทันจึงปัสสาวะรดกระโปรง/กางเกง หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... ..........................................................
78 แบบบันทึกการให้คะแนน (ต่อ) ข้อ สถานการณ์ปัญหา คำตอบ คะแนน 3 2 1 9 ถ้าหนูเดินไปตามทาง แล้วพบแอ่งน้ำ ขังขวางทางอยู่ หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 10 ถ้าหลังเลิกเรียนแล้ว และเพื่อน ๆ กลับบ้านหมดแล้วแต่ไม่มีใครมารับหนู หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 11 ถ้าคุณครูให้หนูไปช่วยถือของ แล้วหนู ถือมาไม่หมด หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 12 ถ้ามีคนที่หนูไม่รู้จักเลย เอาขนมมา ให้หนู หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 13 ถ้าหนูกำลังเล่นของเล่น แล้วมีเพื่อน มาแย่งของเล่นไปจากหนู หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 14 ถ้าหนูต้องการใช้สีชมพูมาระบายภาพ แต่เพื่อนกำลังใช้อยู่ หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 15 ถ้าหนูวิ่งไปชนเพื่อนล้มลง หนูจะทำ อย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 16 ถ้าหนูนั่งฟังคุณครูเล่านิทานอยู่ แต่เพื่อนมายืนบัง หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 17 ครูให้หนูทำงานศิลปะ แต่มีเพื่อน นำสีมาขีดเขียนผลงานของหนู หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 18 ถ้าวันนี้เป็นวันจันทร์ แต่ผู้ปกครองลืม เอาถุงนอนให้หนู หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... ..........................................................
79 แบบบันทึกการให้คะแนน (ต่อ) ข้อ สถานการณ์ปัญหา คำตอบ คะแนน 3 2 1 19 ถ้าหนูเห็นเพื่อนทิ้งขยะลงพื้น หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... 20 ถ้าหนูกับเพื่อน ๆ ติดอยู่ในรถ หนูจะทำอย่างไร .......................................................... .......................................................... .......................................................... ลงชื่อ ................................................... ผู้ทดสอบ (....................................................) ........../........../..........
80 ภาคผนวก ข แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัย โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน
81 คู่มือการใช้ แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัย โดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน หลักการและเหตุผล ทักษะการแก้ปัญหาสามารถสอดแทรกได้ทุกกิจกรรมในการส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยเกิดทักษะ การแก้ปัญหา การจัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถส่งเสริม กระบวนการแก้ปัญหาให้กับเด็กปฐมวัย แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐานที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นนี้จะเป็นกิจกรรมที่เด็กปฐมวัยได้มีโอกาสฝึกคิดและพัฒนา ความสามารถด้านการแก้ปัญหาตามสถานการณ์ที่สร้างขึ้น เพื่อให้เด็กปฐมวัยเกิดการค้นพบการ แก้ปัญหาด้วยตนเอง จากการฟังนิทานที่ครูเล่าให้ฟัง และเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น ในการแก้สถานการณ์ที่เป็นปัญหาร่วมกันทั่วถึงทุกคน การจัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาการ แก้ปัญหายังส่งเสริมพัฒนาการทางสังคม การอยู่ร่วมกัน แก้ปัญหาร่วมกันเมื่อประสบปัญหาที่ถูก สร้างขึ้นจากนิทาน โดยครูจัดกิจกรรมและสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ของเด็ก ทั้งนี้ หลังจากฟัง นิทานแล้ว ควรมีการใช้คำถามในการกระตุ้นให้เด็กค้นคิดหาคำตอบด้วยการสร้างแรงเสริมลักษณะ นิสัยในการยอมรับในความสามารถของผู้อื่นที่มีความแตกต่างระหว่างบุคคลและให้ความช่วยเหลือ ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ จุดมุ่งหมาย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมโดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐาน เนื้อหา จัดกิจกรรมโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับเด็ก ปฐมวัยในชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 โรงเรียนอนุบาลอุดรธานี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาอุดรธานี เขต 1 หลักการจัดกิจกรรม 1. การจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐานในช่วงเวลา 10.00 – 11.00 น. จัดในวันจันทร์ พุธ และศุกร์ วันละ 60 นาทีรวมทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ รวมทั้งหมด 24 แผน
82 2. เด็กทุกคนได้รับอิสระในการแก้ปัญหากับการจัดกิจกรรมโดยใช้ปัญหาเป็นฐานโดยครู สร้างบรรยากาศให้เป็นกันเองโดยครูมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กระหว่างดำเนินการเล่านิทาน 3. สัปดาห์ที่ 1 สร้างความคุ้นเคยกับเด็ก สัปดาห์ที่ 2 ดำเนินการทดสอบ ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยก่อนการ ดำเนินการจัดกิจกรรม โดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย สัปดาห์ที่ 3 - 10 ดำเนินการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้ วรรณกรรมเป็นฐาน สัปดาห์ที่ 11 ดำเนินการทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยหลัง ดำเนินการจัดกิจกรรม โดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย บทบาทเด็ก 1. ฟังนิทานที่ครูนำมาเล่าจบเรื่องและแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกถึงเรื่องราวในนิทาน ที่ฟังจบลง และร่วมกันบอกถึงการปฏิบัติตนที่เหมาะสม 2. หลังฟังนิทานจบลงและร่วมกันสรุปเรื่องราวในนิทานถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติแล้ว ให้เด็ก วาดภาพเพื่อแก้ปัญหาตามที่ครูให้สถานการณ์ไว้ บทบาทครู ครูเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่จะทำให้เด็กเกิดการคิดแก้ปัญหาตามจุดประสงค์ดังนี้ 1. จัดเตรียมคัดเลือกนิทานที่มีเนื้อหาเรื่องราวที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ที่จะเล่าให้เด็กฟังสัปดาห์ละ 1 เรื่อง และต้องศึกษาเนื้อเรื่องนิทานที่จะเล่าล่วงหน้า 2. อธิบายข้อตกลงเบื้องต้นในการฟังนิทาน สร้างปฏิสัมพันธ์กับเด็กขณะดำเนินการ จัดกิจกรรมเล่านิทาน ให้เด็กมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น พูดคุย แสดงความรู้สึกถึงเรื่องราวและ ตัวละครอย่างมีส่วนร่วม 3. ครูกระตุ้นโดยใช้คำถามให้เด็กได้คิด แสดงความรู้สึก ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราว และ ตัวละครในนิทานที่เล่าจบลง ย้ำทวนตอนสำคัญที่บ่งบอกถึงตัวละครที่มีลักษณะนิสัยและการแสดง ความสามารถในการคิดแก้ปัญหา โดยใช้คำถาม ดังต่อไปนี้ 3.1 นิทานเรื่องนี้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง 3.2 เด็ก ๆ จะแก้ปัญหาอย่างไร 3.3 ถ้าเด็ก ๆ ต้องการช่วยเหลือตัวละครในนิทานนี้จะต้องทำอย่างไร 4. ระหว่างทำกิจกรรมครูควรให้การช่วยเหลือเด็กในรูปแบบต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและเหมาะสม ให้เด็กไดรับอิสระในการแสดงออก ให้คำชมเชยและให้กำลังใจเสริม
83 ขั้นตอนการจัดกิจกรรม 1. นำเข้าสู่กิจกรรมนิทานด้วยกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง อาทิ การท่องคำคล้องจอง และคำ กลอนที่มีสัมผัสคำและสระน่าฟัง 2.จัดกิจกรรมโดยครูเล่านิทาน ซึ่งเนื้อเรื่องเป็นสถานการณ์ที่เป็นปัญหา ประกอบด้วย ปัญหา ของตนเองที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น และปัญหาของตนเองที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น โดยจะสลับเปลี่ยน หมุนเวียนกันไปในแต่ละสัปดาห์ให้ตัวละครได้รู้จักการแก้ปัญหา ดังนั้น เมื่อเด็กฟังนิทานแล้ว เด็กจึง ต้องใช้ความสามารถของตนเองในการแก้ปัญหาจากสถานการณ์ในนิทาน เพื่อให้นิทานจบสมบูรณ์ ด้วยการวาดภาพเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากนิทาน โดยผู้วิจัยแบ่งการจัดกิจกรรมเป็น 2 วัน ดังนี้ วันที่ 1 เด็กดูหน้าปกแล้วคาดเดาเนื้อเรื่อง จากนั้นครูเล่านิทาน และให้เด็ก ดำเนินการแก้ปัญหาด้วยตนเอง วันที่ 2 ครูเล่านิทาน และให้เด็กแสดงการแก้ปัญหาภายในกลุ่ม 3. เด็กและครูร่วมกันพูดคุยสนทนา สรุปนิทานและช่วยกันแก้ปัญหาให้กับตัวละครภายใน เนื้อเรื่องของนิทาน ตลอดจนครูและเด็กพูดถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหรือพบเห็นในชีวิตประจำวัน และช่วยกันแก้ปัญหาร่วมกัน อีกทั้งครูชมเชยเด็กที่ใช้ความสามารถและพยายามแก้ปัญหาต่าง ๆ สื่ออุปกรณ์ 1. แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน 24 แผน 2. หนังสือนิทาน 8 เรื่อง การประเมินผล ตรวจผลงานเด็ก
84 ตารางการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน สัปดาห์ที่ วัน ชื่อวรรณกรรม รายละเอียดของวรรณกรรม 1 พุธ ศุกร์ กุ๋งกิ๋งเป็นหวัด ผู้เขียน ภาพ มลฤดี ทองกลอย นภดล กำจรไพศาล 2 พุธ ศุกร์ กากระหายกับเหยือกน้ำใสใบโต ผู้เขียน ภาพ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป กาญจนาภรณ์ ชัยวิริยานนท์ 3 พุธ ศุกร์ กุ๊กไก่ปวดท้อง ผู้เขียน ภาพ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป นฤมล ตนะวรรณสมบัติ 4 พุธ ศุกร์ รองเท้าหายไปไหน ผู้เขียน ภาพ แม่หนอนแก้ว (นามแฝง) สาวิตรี พรหมพิทักษ์กุล 5 พุธ ศุกร์ ดวงดาวบนผืนดิน ผู้เขียน ภาพ ไทยพีบีเอสคิดส์ ไทยพีบีเอสคิดส์ 6 พุธ ศุกร์ เทวดากับชายตัดฟืน ผู้เขียน ภาพ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป เปรมา จาตุกัญญาประทีป 7 พุธ ศุกร์ ลูกหมูสามตัว ผู้เขียน ภาพ เรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป ธวัชพงศ์ ตั้งสัจจะพจน์ 8 พุธ ศุกร์ กระโดด ผู้เขียน ภาพ ไทยพีบีเอสคิดส์ ไทยพีบีเอสคิดส์
85 แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน แผนที่ 1 เรื่อง กุ๋งกิ๋งเป็นหวัด เวลา 60 นาที ชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 วันที่ .......... เดือน ......................... พ.ศ. ............. สาระสำคัญ การคิดหาวิธีการแก้ปัญหา เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จะต้องมีการหาข้อมูลที่หลากหลาย เพื่อ พิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมอย่างรอบคอบ จุดประสงค์ 1. บอกวิธีแก้ปัญหาตามความคิดของตนเองได้ 2. วางแผนเลือกสิ่งที่ใช้ในการแก้ปัญหาได้ 3. สื่อความหมายในการแก้ปัญหาให้ผู้อื่นรับรู้ได้ สาระการเรียนรู้ 1. สาระที่ควรรู้ เมื่อกุ๋งกิ๋งเล่นซนเล่นน้ำฝนจนเป็นหวัด มีอาการทั้งปวดหัว เจ็บคอ และมีน้ำมูก กุ๋งกิ๋งจะ ทำอย่างไรจึงจะหายเป็นหวัด เพื่อน ๆ จะช่วยกุ๋งกิ๋งอย่างไรดี 2. ประสบการณ์สำคัญ 2.1 การร่วมสนทนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 2.2 การแก้ปัญหา 2.3 การฟังและพูดคำคล้องจอง 2.4 การรับรู้และแสดงความรู้สึกผ่านผลงาน การดำเนินกิจกรรม ขั้นที่ 1 ขั้นนำ 1. ครูเตรียมเด็กให้พร้อมก่อนเริ่มกิจกรรมเล่านิทาน โดยครูและเด็กร่วมกันพูดคำคล้องจอง พร้อมกับแสดงท่าทางประกอบ จากนั้นสร้างข้อตกลงกับเด็กในการร่วมกิจกรรม และอธิบายขั้นตอน ในการปฏิบัติกิจกรรมให้เด็กเข้าใจอย่างชัดเจน 2. ครูนำหนังสือนิทานให้เด็กดูหน้าปกแล้วให้เด็กบอกสิ่งที่เห็น โดยเปิดโอกาสให้เด็กแสดง ความคิดเห็นอย่างหลากหลาย แต่ครูยังไม่สรุป จากนั้นครูสนทนาโดยใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ – เด็ก ๆ เห็นภาพแล้วคิดว่า เหตุการณ์นี้เป็นอย่างไร – เมื่อสังเกตหน้าตาของตัวละครแล้ว เด็ก ๆ คิดว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร – เด็ก ๆ คิดว่าเด็กในภาพนี้มีปัญหาอะไร
86 3. ครูเปิดนิทานให้เด็กดูทีละหน้า โดยครูยังไม่เล่าเรื่องให้เด็กฟัง พร้อมให้เด็กร่วมกันบอก สิ่งที่เห็นในแต่ละหน้าว่ามีอะไรบ้างและเป็นอย่างไร เมื่อดูครบทุกหน้าแล้ว ครูใช้คำถามกระตุ้น ความคิด ดังนี้ – เด็ก ๆ คิดว่าเรื่องราวในนิทานจะเป็นอย่างไร ทำไมจึงคิดว่าเกี่ยวกับเรื่องนั้น – เด็ก ๆ คิดว่านิทานเรื่องนี้ น่าจะมีชื่อเรื่องว่าอย่างไร – เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเนื้อเรื่องของนิทานที่คาดเดาจะตรงกับเรื่องราวในนิทานจริง ขั้นที่ 2 ขั้นกิจกรรม 4. ครูเล่านิทานเรื่อง “กุ๋งกิ๋งเป็นหวัด” ให้เด็กฟัง เมื่อเล่าจบแล้วครูตั้งคำถามให้เด็ก ๆ ช่วยกันตอบเกี่ยวกับเนื้อเรื่องโดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ – เกิดเหตุการณ์ขึ้นกับกุ๋งกิ๋งอย่างไรบ้าง – เด็ก ๆ คิดว่าจะปฏิบัติตัวเหมือนกับกุ๋งกิ๋งหรือไม่ เพราะเหตุใด – ถ้าเด็ก ๆ เป็นเพื่อนของกุ๋งกิ๋ง เด็ก ๆ จะมีวิธีช่วยเหลือกุ๋งกิ๋งได้อย่างไร ขั้นที่ 3 ขั้นสรุป 5. ครูและเด็กร่วมกันสรุปเนื้อหาในนิทาน 6. จากวิธีที่เด็กเลือกช่วยเหลือกุ๋งกิ๋งในข้อ 4 ครูให้เด็กบอกถึงสิ่งจำเป็นต้องใช้ในการ ช่วยเหลือกุ๋งกิ๋งที่เป็นหวัดให้หายเป็นหวัดและไปโรงเรียนได้ โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ – วิธีที่เลือกเพื่อช่วยกุ๋งกิ๋งให้หายเป็นหวัด จำเป็นต้องใช้สิ่งของหรืออุปกรณ์ใดบ้าง 7. ครูแจกกระดาษ A4 ให้เด็กวาดภาพสิ่งของหรืออุปกรณ์ที่ต้องการช่วยเหลือกุ๋งกิ๋ง 8. ครูให้เด็กออกมานำเสนอผลงาน สนทนาแลกเปลี่ยนเหตุผลร่วมกันกับเพื่อนหน้าชั้นเรียน และนำผลงานของเด็กติดป้ายนิเทศ สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือนิทานเรื่อง กุ๋งกิ๋งเป็นหวัด 2. กระดาษ A4 3. อุปกรณ์วาดภาพระบายสี การประเมินผล 1. วิธีการสังเกตพฤติกรรม 1.1 สังเกตการบอกวิธีแก้ปัญหาตามความคิดของตนเอง 1.2 สังเกตการวางแผนเลือกสิ่งที่ใช้ในการแก้ปัญหา 1.3 สังเกตการนำเสนอความคิดจากภาพวาดและเหตุผลวิธีแก้ปัญหาโดยใช้สิ่งของที่วาด
87 2. เครื่องมือที่ใช้ 2.1 แบบสังเกตพฤติกรรม 2.2 แบบบันทึกคำพูดเด็ก 3. เกณฑ์การประเมินผล ระดับคะแนน 1 บอกวิธีการแก้ปัญหาไม่ได้แม้มีผู้ชี้แนะ ระดับคะแนน 2 บอกวิธีการแก้ปัญหาได้โดยมีผู้ชี้แนะ ระดับคะแนน 3 บอกวิธีการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
88 ภาพกิจกรรมแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน เรื่อง กุ๋งกิ๋งเป็นหวัด เด็กคาดเดาเนื้อหาจากหนังสือนิทาน ครูเริ่มเล่านิทาน เมื่อถึงเหตุการณ์ที่เป็นปัญหา ครูเริ่มสร้างสถานการณ์ปัญหาเพื่อให้เด็กแก้ไขปัญหา
89 เด็กแก้ปัญหาจากสถานการณ์ในนิทานที่ครูได้สร้างขึ้นโดยการวาดภาพแก้ปัญหาแบบเดี่ยว เด็กแก้ปัญหาจากสถานการณ์ในนิทานที่ครูได้สร้างขึ้นโดยการวาดภาพแก้ปัญหาแบบเดี่ยว
90 แผนการจัดกิจกรรมการแก้ไขปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้วรรณกรรมเป็นฐาน แผนที่ 2 เรื่อง กุ๋งกิ๋งเป็นหวัด เวลา 60 นาที ชั้นอนุบาลปีที่ 3/2 วันที่ .......... เดือน ......................... พ.ศ. ............. สาระสำคัญ การรวมกลุ่มในการหาวิธีแก้ปัญหา ทำให้ได้รับวิธีการแก้ปัญหาที่มีความสอดคล้อง เหมาะสม กับปัญหาที่พบเจอมากยิ่งขึ้น จุดประสงค์ 1. แสดงความคิดเห็นร่วมกันเป็นกลุ่มได้ 2. นำเสนอวิธีแก้ปัญหาจากเรื่องราวที่กำหนดได้ 3. สรุปวิธีการแก้ปัญหาร่วมกันเป็นกลุ่มได้ สาระการเรียนรู้ 1. สาระที่ควรรู้ เมื่อกุ๋งกิ๋งเล่นซนเล่นน้ำฝนจนเป็นหวัด มีอาการทั้งปวดหัว เจ็บคอ และมีน้ำมูก กุ๋งกิ๋งจะ ทำอย่างไรจึงจะหายเป็นหวัด เพื่อน ๆ จะช่วยกุ๋งกิ๋งอย่างไรดี 2. ประสบการณ์สำคัญ 2.1 การทำงานร่วมกับผู้อื่น 2.2 การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น 2.3 การฟังและพูดคำคล้องจอง 2.4 การถ่ายทอดความคิดรวบยอด 2.5 การรับรู้และแสดงความรู้สึกผ่านผลงาน การดำเนินกิจกรรม 1. ครูเตรียมเด็กให้พร้อมก่อนเริ่มกิจกรรมเล่านิทาน โดยครูและเด็กร่วมกันพูดคำคล้องจอง พร้อมกับแสดงท่าทางประกอบ จากนั้นสร้างข้อตกลงกับเด็กในการร่วมกิจกรรม และอธิบายขั้นตอน ในการปฏิบัติกิจกรรมให้เด็กเข้าใจอย่างชัดเจน 2. ครูทบทวนนิทานกับเด็กโดยให้ตัวแทนช่วยเปิดหนังสือทีละหน้า 3. เมื่อเล่าจบแล้วครูสนทนาเกี่ยวกับการหาวิธีช่วยเหลือกุ๋งกิ๋งที่เด็กแต่ละคนคิดไว้ 4. ครูให้เด็กแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจ กลุ่มละ 4 – 5 คน จากนั้นครูให้เด็กแต่ละกลุ่ม ช่วยกันคิด “หากเด็ก ๆ แต่ละกลุ่มเป็นเพื่อนของกุ๋งกิ๋งจะมีวิธีในการช่วยเหลือกุ๋งกิ๋งให้หายเป็นหวัด ได้อย่างไร”