The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวทางบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่สำคัญ จ.นครพนม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แนวทางบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่สำคัญ จ.นครพนม

แนวทางบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่สำคัญ จ.นครพนม

แนวทำงบริหำรจดั กำรสนิ ค้ำเกษตรที่สำคัญ
จงั หวดั นครพนม

สำนักงำนเศรษฐกจิ กำรเกษตรที่ 3 3rd RIGIONAL OFFICE OF AGRICULTURAL ECONOMICS
สำนกั งำนเศรษฐกจิ กำรเกษตร OFFICE OF AGRICULTURE ECONOMICS
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ MINISTRY OF AGRICULTURE AND COOPERATIVES
กันยำยน 2563 SEPTEMBER 2020

แนวทำงบริหำรจัดกำรสนิ ค้ำเกษตรท่ีสำคัญ
จงั หวดั นครพนม

โดย

สำนักงำนเศรษฐกจิ กำรเกษตรท่ี 3 สำนกั งำนเศรษฐกจิ กำรเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กันยำยน2563



บทสรุปสำหรับผบู้ ริหำร

การวิเคราะห์เศรษฐกิจสินคา้ เกษตรจังหวัด นครพนม มวี ตั ถุประสงค์ เพอ่ื ศกึ ษาข้อมูลด้านเศรษฐกิจ
สินค้าเกษตรทส่ี าคัญของจงั หวัด 6 สนิ ค้า ได้แก่ ข้าวเจา้ นาปี มันสาปะหลงั โรงงาน ขา้ วโพดเล้ียงสัตว์ ยางพารา
ปาล์มนา้ มนั และ สบั ปะรด และสินคา้ หรอื กจิ กรรมทางเลอื ก ในการปรับเปลีย่ นตามความเหมาะสมของพน้ื ที่
เพ่ือจัดทาแนวทาง และมาตรการจงู ใจในการผลิตสนิ คา้ เกษตรตามความเหมาะสมของพื้นท่ี ผลการศกึ ษาดงั น้ี

ตน้ ทุนและผลตอบแทนการผลิต พนื้ ทเี่ หมาะสม (S1, S2) ดังนี้ ข้าวเจา้ นาปี ต้นทุนการผลิต 4,958.53
บาทต่อไร่ ผลตอบแทนสุทธิ 2,537.68 บาทต่อไร่ มนั สาปะหลงั โรงงาน ต้นทุนการผลติ 5,210.11 บาทต่อไร่
ผลตอบแทนสุทธิ193.77 บาทตอ่ ไร่ ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ ตน้ ทนุ การผลิต 6,284.52 บาทตอ่ ไร่ ขาดทนุ สทุ ธิ 632.10
บาทต่อไร่ ยางพารา ตน้ ทนุ การผลติ 8,895.95 บาทตอ่ ไร่ ขาดทนุ สุทธิ 1,001.15 บาทตอ่ ไร่ ปาลม์ นา้ มัน ตน้ ทนุ
การผลติ 4,886.27 บาทต่อไร่ ขาดทนุ สทุ ธิ 2,149.35 บาทตอ่ ไร่ สบั ปะรด ต้นทุนการผลติ 13,823.01 บาทตอ่ ไร่
ผลตอบแทนสุทธิ 10,886.22 บาทตอ่ ไร่

ตน้ ทุนและผลตอบแทน พืน้ ที่ไม่เหมาะสม (S3, N) ดงั นี้ ขา้ วเจ้านาปี ตน้ ทุนการผลติ 4,714.13 บาท
ตอ่ ไร่ ผลตอบแทนสุทธิ 1,912.13 บาทต่อไร่ มนั สาปะหลงั โรงงาน ตน้ ทนุ การผลิต 5,572.38 บาทตอ่ ไร่ ขาดทุน
สุทธิ 1,345.12 บาทตอ่ ไร่ ขา้ วโพดเลีย้ งสตั ว์ ต้นทนุ การผลิต 7,409.23 บาทต่อไร่ ขาดทนุ สุทธิ 3,954.59 บาท
ต่อไร่ ยางพารา ตน้ ทุนการผลติ 9,016.55 บาทต่อไร่ ขาดทุนสทุ ธิ 1,816.27 บาทต่อไร่ ปาล์มนา้ มนั ต้นทุน
การผลิต 4,870.58 บาทต่อไร่ ขาดทุนสุทธิ 2,813.43 บาทตอ่ ไร่ สบั ปะรด ตน้ ทนุ การผลิต 14,032.23 บาท
ต่อไร่ ผลตอบแทนสุทธิ 6,006.83 บาทตอ่ ไร่

ผลผลิต (Supply) และความต้องการใช้ (Demand) ข้าวเจ้านาปี มี ผลผลติ 224,734 ตนั และความ
ต้องการใช้ 350,000 ตนั ผลผลติ ไมเ่ พยี งพอกบั ความต้องการ 125,266 ตนั มันสาปะหลงั โรงงาน มีผลผลผลิต
70,623 ตนั ผลผลิตมีเพยี งพอกบั ความต้อง การใช้ ขา้ วโพดเล้ยี งสัตว์ มีผลผลติ 48 ตัน ผลผลติ มีเพยี งพอกับ
ความตอ้ งการใช้ ยางพารา มผี ลผลิต 75,358 ตนั ผลผลติ มีเพียงพอกบั ความต้องการ ใช้ ปาล์มน้ามนั มผี ลผลติ
7,082 ตนั ผลผลติ มเี พียงพอกบั ความต้องการใช้ สับปะรด มีผลผลิต 21,120 ตนั ผลผลิตมเี พยี งพอกบั ความ
ตอ้ งการใช้

ต้นทนุ และผลตอบแทนสนิ ค้า พืชทางเลือก ดังน้ี ลิน้ จ่ี ตน้ ทุนการผลติ 13,452.76 บาทต่อ ไร่
ผลตอบแทนสทุ ธิ 5,478.31 บาทตอ่ ไร่ ถ่วั ลิสงต้นทุนการผลติ 8,502.19 บาทตอ่ ไร่ ผลตอบแทนสุทธิ 2,331.11
บาทต่อไร่

ขอ้ เสนอแนะการปลูกพชื ในพน้ื ท่ีเหมาะสม (S1, S2) สนิ คา้ ทค่ี วร ส่งเสรมิ การผลติ ในพื้นทเ่ี หมาะสม
ไดแ้ ก่ ข้าวเจา้ นาปี มันสาปะหลังโรงงาน ยางพารา และสับปะรด ซงึ่ แนวทางในการส่งเสริมมีดงั น้ี

ด้านการผลติ 1) สนบั สนนุ แนวทางเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยต่อยอดองค์ความรู้จากศนู ย์ เทคโนโลยี
เกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center: AIC) ของจังหวดั เพอ่ื นานวตั กรรมและเทคโนโลยี
มาประยกุ ต์ใชใ้ นการทาการเกษตร ได้แก่ การนาเทคโนโลยี การปลูกและดแู ลรักษา และการเก็บเกยี่ วท่ี
สามารถลดการใช้แรงงานในขณะเกดิ สภาวะการขาดแคลนแรงงาน 2) สนบั สนนุ เครอ่ื งจกั รกลการเกษตรให้
ครอบคลุมพน้ื ท่ีเกษตร แทนการเช่าหรอื จา้ งจากบริษัทเอกชน เชน่ เคร่อื งเกย่ี วนวดข้าว เครอื่ งปลูกและเก็บ
เกยี่ วมันสาปะหลัง เปน็ ต้น 3) พัฒนาระบบชลประทานและการบริหารจัดการน้า ใหท้ วั่ ถึงทกุ พนื้ ท่ี รวมท้งั การ
จดั ตงั้ ธนาคารนา้ ควบคกู่ บั การทาเกษตรแปลงใหญ่ในพน้ื ท่เี หมาะสม (S1, S2)

ดา้ นการตลาด 1) สนบั สนนุ ภาคเอกชนเข้ามามีสว่ นรว่ มในการผลิต เพ่อื ชว่ ยกาหนดการผลติ ให้
เหมาะสมกับความตอ้ งการของตลาดทง้ั ดา้ นปรมิ าณ และคุณภาพ 2) สร้างแรงจูงใจใหว้ สิ าหกิจชมุ ชนพัฒนา



ตนเองกา้ วไปสกู่ ารค้าเชิงพาณิชย์ เพอื่ ให้วิสาหกจิ ชุมชนมโี อกาสในการเพิ่มระดบั การพัฒนาตนเอง 3) พฒั นา
หลกั สตู รการเรยี นการสอนในโรงเรียน โดยใหล้ ูกหลานเกษตรกรได้เรยี นร้กู ารขายออนไลน์ หรือการใช้เครื่องมอื
สอื่ สารในการทาการตลาด 4) ผลกั ดันระบบเกษตรพนั ธสัญญาระหวา่ งโรงงานกับเกษตรกร

ข้อเสนอแนะ การปลกู พชื ในพื้นที่ไมเ่ หมาะสม (S3, N) แนวทางการพัฒนาพน้ื ที่ไมเ่ หมาะสมจงึ
พิจารณาเปน็ 2 กรณี ดงั น้ี 1) กรณีปรับเปลยี่ นจากพชื เดมิ เปน็ การปลกู พชื ทดแทน จากการปลกู ขา้ วเ จ้านาปี
มันสาปะหลงั โรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสตั ว์ ยางพารา ปาล์มนา้ มัน และ สบั ปะรด เปน็ การปลูก ลิ้นจ่ี และถ่วั ลสิ ง
ซ่ึงให้ผลตอบแทนทด่ี กี วา่ ทง้ั นี้ เกษตรกรอาจจะปรับเปลยี่ นพืน้ ทบี่ างส่วน เพอ่ื ลดความเสยี่ ง 2) กรณีไม่
ปรับเปลยี่ นเปน็ พชื ทดแทน จากการศกึ ษา พบว่า ข้าวเจา้ นาปี และสับปะรดถงึ แม้เกษตรกรจะปลกู ในพ้ืนทีไ่ ม่
เหมาะสม กย็ งั มีผลกาไร ในขณะเดียวกนั ขา้ วเจ้านาปีผลผลิตก็ยังไม่เพยี งพอกับความต้องการใช้ ดังนั้น ถ้า
สามารถปรับปรุงบารุงดนิ รวมทัง้ บรหิ ารจดั การเรอื่ งระบบชลประทานเพอ่ื เพิม่ ผลผลิตและลดต้นทนุ การผลติ ได้
ควรสง่ เสรมิ และสนับสนนุ ใหเ้ กษตรกรปลูก



คำนำ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จดั ทาเขตเหมาะสมสาหรบั การปลกู พืชเศรษฐกิจที่สาคญั โดวยเิ คราะห์ความ
เหมาะสมของดินกับปจั จยั ความต้องการของพชื แต่ละชนดิ ร่วมกบั ปัจจัยท่ีเกี่ยวข้องอ่ืน ๆ เช่น เขตป่าไม้ตาม
กฎหมาย เขตพน้ื ท่ีโครงการชลประทาน นอกจากนน้ั ยังไดก้ าหนดการบริหารจัดการการผลติ สินคา้ เกษตรตามแนว
ทางการบริหารจดั การพ้ืนทเี่ กษตรกรรม (Zoning) เพอื่ จดั การผลผลติ ทางการเกษตรใหส้ อดคล้องกบั ความตอ้ งการ
ของตลาด โดยเขตพื้นท่ีทเ่ี หมาะสมมากและปานกลางจะส่งเสรมิ ใหเ้ พ่มิ ประสิทธภิ าพการผลิต สาหรับเขตพื้นท่ที ่ี
เหมาะสมนอ้ ยและไมเ่ หมาะสมจะ ส่งเสริมให้ปรบั เปลี่ยนผลิตสินค้าเกษตรอื่น ๆ ท่เี หมาะสมกว่าสนิ ค้าเดิมทที่ าการ
ผลติ อยูป่ จั จุบัน

สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 3 จึงไดท้ าการศึกษาวเิ คราะหเ์ ศรษฐกิจสินคา้ เกษตรจงั หวัด นครพนม
โดยวเิ คราะห์ทางดา้ นกายภาพและ เศรษฐกจิ เพื่อเปน็ การเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการผลติ สนิ คา้ เกษตรในพื้นทเี่ หมาะสม
มากและเหมาะสมปานกลาง (S1,S2) และปรับเปล่ยี นการผลติ ในพน้ื ทเ่ี หมาะสมน้อยและไมเ่ หมาะสม(S3,N) ไปปลูกพชื
ทางเลือกชนิดอน่ื ที่ใหผ้ ลตอบแทนท่ดี ีกวา่ เพื่อนาผลการศึกษาไปใช้ประกอบการตดั สนิ ใจทาแผนการผลติ ต่อไป

สว่ นแผนพฒั นาเขตเศรษฐกิจการเกษตร
สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 3
กนั ยายน 2563

บทที่ 1

บทนา

1.1 ความสาคญั ของการศึกษา

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดาเนินการขบั เคลื่อนนโยบายการบรหิ ารจัดการเขตเกษตรเศรษฐกจิ
สาหรับสินค้าเกษตรทสี่ าคัญ (Zoning) อยา่ งตอ่ เนื่อง ถอื เป็นนโยบายสาคัญในการพัฒนาและแกไ้ ขปัญหา
ด้านการเกษตรของประเทศ ทงั้ น้ี เพ่อื ใหเ้ กดิ การใชท้ ่ีดนิ ให้มปี ระสิทธภิ าพ ปรบั สมดุลระหวา่ งอปุ สงค์
(Demand) และอปุ ทาน (Supply) ของสนิ ค้าเกษตรในพื้นท่ี ตามการประกาศเขตเหมาะสมต่อการปลกู พืช
ปศสุ ตั ว์ และประมง จานวน 20 ชนิดสนิ ค้า ประกอบดว้ ย พชื 13 ชนดิ ปศุสัตว์ 5 ชนดิ และประมง 2 ชนดิ
และเพือ่ เป็ นข้อมลู ประกอบการตัดสินใจในการทาการผลติ สนิ คา้ หรอื การส่งเสริมการผลติ ทางการเกษตรที่
เหมาะสม ซง่ึ ต้องพจิ ารณาตามความสอดคลอ้ งเชือ่ มโยงกัน ของพนื้ ท่ี (Area) ชนิดสนิ คา้ (Commodities)
เกษตรกร รวมถงึ ผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรมเกษตร และเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ (Human Resource) โดย
ใชข้ ้อมลู ด้านเศรษฐกจิ สาหรบั เป็นฐานข้อมูลเพือ่ กาหนดพ้นื ทป่ี ลกู ทีส่ าคัญ เช่น ขอ้ มลู ปริมาณการผลิต ตน้ ทนุ
ผลตอบแทน ความต้องการของอุตสาหกรรมเกษตรท้งั ในด้านปริมาณและคุณภาพมาตรฐาน เปน็ ต้น

ในรอบปี 2562 ท่ผี ่านมา สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ เนน้ จัดทาและวิเ คราะห์ขอ้ มูลพืน้ ทีป่ ลูก
ปรมิ าณผลผลติ ตน้ ทุนและผลตอบแทนการผลิตของสินคา้ ข้าว/ยางพารา รายภาคเปน็ สนิ ค้าหลกั รวมทง้ั สนิ ค้า
ทางเลือก เพ่ือ สาหรบั การปรบั เปลย่ี นในพนื้ ท่ไี ม่เหมาะสม ของข้าว /ยางพารา รายภาค เพอ่ื เปน็ ข้อมูล
ประกอบการตัดสินใจซง่ึ สอดรับกบั นโยบายการบริหารจดั การข้าวครบวงจรสาหรับการจัดทาแนวทางในการ
บริหารจดั การเขตเกษตรเศรษฐกจิ สนิ ค้าเกษตรทส่ี าคัญระดับภาค

สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตรที่ 3 ในฐานะหนว่ ยงาน ดาเนนิ การโครงการบรหิ ารจัดการ การผลติ
สนิ คา้ เกษตรตามแผนทเ่ี กษตรเพอื่ การบรหิ ารจดั การเชงิ รุก (Zoning by Agri-Map) ในระดบั พ้ืนที่ไดเ้ ลง็ เห็นวา่
แตล่ ะจังหวัดยงั มกี ารผลิตสนิ คา้ เกษตรท่สี าคัญอกี หลายชนดิ ท่ียังไมม่ ปี ระสทิ ธภิ าพเทา่ ทีค่ วร เนอื่ งจากปริมาณของ
ผลผลิตไมส่ มดุลกบั ปรมิ าณความต้องการของตลาด รวมท้ังมกี ารเพาะปลกู พชื ในพื้นที่ทมี่ ีความเหมาะสมน้อย และ
ไม่เหมาะสม สง่ ผลต่อประสิทธภิ าพการผลิต ดงั นั้นจงึ จาเปน็ ต้องสรา้ งฐานขอ้ มลู ระดบั จังหวัดด้านเศรษฐศาสตร์
สาหรับการจดั สรรพน้ื ที่ปลกู ให้เกดิ ความเหมาะสมของ สินคา้ เกษตรที่สาคัญทางเศรษฐกจิ ของจงั หวดั นครพนม
จานวน 6 ชนิดสนิ คา้ ได้แก่ ขา้ วเจ้านาปี มนั สาปะหลงั โรงงาน ขา้ วโพดเลีย้ งสตั ว์ ยางพารา ปาล์มนา้ มนั และ
สับปะรด นอกจากน้ียงั ศกึ ษาสินคา้ หรอื กจิ กรรมทางเลอื กทดแทนเพือ่ สาหรบั การปรบั เปลย่ี นสินค้าเกษตรทสี่ าคัญ
ทางเศรษฐกจิ ตามความเหมาะสมของพ้นื ทเี่ พื่อประกอบการจดั ทาแผนงาน /โครงการ ในการเสรมิ สร้างขีด
ความสามารถในการแขง่ ขนั ระดับพน้ื แทล่ี ะจัดทาขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบายแนวทางและมาตรการจงู ใจในการผลิต
สินค้าเกษตร ตามความเหมาะสมของพื้นท่ี เพอื่ การบรหิ ารจดั การพนื้ ทีข่ องสนิ ค้าเกษตรแตล่ ะชนิดใหส้ อดคลอ้ ง
เหมาะสมกับฐานทรัพยากร ต่อไป

2

1.2 วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา

1.2.1 เพ่อื ศึกษาขอ้ มลู ด้านเศรษฐกิจสินคา้ เกษตรทส่ี าคัญของจงั หวดั 6 สนิ ค้า (ข้าวเจา้ นาปี มัน
สาปะหลังโรงงาน ข้าวโพดเล้ียงสตั ว์ ยางพารา ปาล์มนา้ มัน และสบั ปะรด) และสนิ คา้ หรือกิจกรรมทางเลอื ก ใน
การปรบั เปลย่ี นตามความเหมาะสมของพื้นท่ี

1.2.2 เพื่อจัดทาแนวทาง และมาตรการจูงใจในการผลิตสินคา้ เกษตรตามความเหมาะสมของพ้นื ท่ี

1.3 ขอบเขตการศึกษา

สนิ คา้ เกษตรทสี่ าคัญของจังหวดั นครพนม จานวน 6 สินคา้ ได้แก่ ขา้ วเจา้ นาปี มนั สาปะหลงั โรงงาน
ขา้ วโพดเล้ียงสัตว์ ยางพารา ปาลม์ น้ามนั และสับปะรด รวมท้ังสนิ คา้ /กิจกรรมทางเลือก ไดแ้ ก่ ลิน้ จี่
และถั่วลสิ ง
1.4 วิธกี ารศึกษา

1.4.1 การรวบรวมข้อมลู
1) ข้อมลู ปฐมภูมิ (Primary Data) อาทิ ขอ้ มูลตน้ ทนุ การผลติ ข้อมูลอุปสงค์ อปุ ทานของสินค้า

และสนิ ค้าทางเลือกในการปรับเปล่ียน เป็นข้อมูลทไ่ี ดจ้ ากการลงพน้ื ทีส่ ัมภาษณเ์ กษตรกรใน แต่ละจงั หวดั
หนว่ ยงานต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้อง เชน่ กรมส่งเสรมิ การเกษตร กรมวชิ าการเกษตร กรมพัฒนาทีด่ ิน กรม
ชลประทาน องคก์ รส่วนทอ้ งถิน่ และภาคเอกชน เปน็ ต้น

2) ข้อมูลทุตยิ ภมู ิ (Secondary Data) อาทิ ข้อมูลการจาแนกพ้ืนทค่ี วามเหมาะสมเปน็ ขอ้ มลู ท่ี
รวบรวมจากเอกสาร รายงานการศกึ ษา นโยบาย ข่าว บทความ วารสาร งานวจิ ัยตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง และขอ้ มลู
จากแผนทเ่ี กษตร Agri-Map

1.4.2 การจดั เกบ็ ขอ้ มลู
1) การคดั เลือกสนิ คา้ ทม่ี ูลคา่ สงู จานวน 10 อับดบั (TOP10) ของจงั หวัด
สาหรบั สนิ คา้ เกษตรหลกั ที่ต้องการศึกษา ไดแ้ ก่ สิ นคา้ เกษตร ทีส่ าคัญและมีมูลคา่ สูงทาง

เศรษฐกจิ ของประเทศ 7 ชนิด ได้แก่ ขา้ ว (ข้าวเจา้ นาปี และนาปรงั ) ข้าวโพดเล้ียงสตั ว์ มนั สาปะหลงั โรงงาน
สับปะรดโรงงาน ยางพารา ปาลม์ นา้ มัน และมะพรา้ ว โดยใช้หลักเกณฑ์คดั เลือกชนิดสนิ คา้ ท่มี ู ลคา่ สูงจานวน
10 ลาดบั (TOP10) ของแต่ละจงั หวัด ซ่งึ พิจารณาเฉพาะสินคา้ พชื ไม่รวม อันดับสินคา้ ประมงและปศุสตั ว์
หากสินคา้ เกษตรหลกั ท่ีต้องการศึกษาทงั้ 7 ชนิด ติดอันดับ TOP10 ของจังหวัด ถือว่าเป็นสินคา้ เกษตรที่
สาคัญและมีมูลคา่ สงู ทางเศรษฐกจิ ของจังหวัด

2) การคดั เลือกสนิ ค้าทางเลอื กท่ีมีอนาคต พิจารณาจากข้อมลู การตลาดนาการเกษตร
ซง่ึ การจดั ทาสนิ ค้า/กจิ กรรมทางเลอื กที่มศี กั ยภาพในพนื้ ทีค่ ล้ายคลงึ กับการจดั ทาสินคา้ เกษตรสร้างมลู ค่าของ
จังหวดั เช่น พืชเศรษฐกจิ (เช่น ข้าว ยางพารา มันสาปะหลงั โรงงาน ปาลม์ นา้ มัน) ปศสุ ตั ว์ (เช่น สุกร โคนม )
และประมง เป็นการปรบั เปลย่ี นการผลิตสินคา้ ที่อยูใ่ นเขตเหมาะสมนอ้ ยหรือไม่เหมาะสม มาผลิตสนิ ค้าทม่ี ี
ศักยภาพ ใหผ้ ลตอบแทนสูงกวา่ โดยสอดคลอ้ งกบั ความต้องการของตลาด รวมถงึ การปรับเปล่ยี นกิจกรรมการ
ผลิตในพ้นื ที่เปน็ การทาการเกษตรผสมผสาน หรือการผลติ หลัง ฤดูทานา เพ่ือลดความเสี่ยงจากภยั พิบตั ิและ
เพอ่ื สร้างความม่นั คงด้านอาหาร

3) การจัดเก็บต้นทุนและผลตอบแทนและการปรับสัมประสทิ ธิ์ต้นทนุ การผลิตรายสนิ ค้า
หากเป็นสินคา้ ท่ยี งั ไม่มีการจดั เก็บตน้ ทนุ การผลติ ของจงั หวัดน้นั ให้ดาเนนิ การตามหลักกา ร
จดั ทาต้นทุนของศูนยส์ ารสนเทศ การเกษตร โดยเม่อื ไดส้ นิ คา้ เกษตรหลกั ของแต่ละจงั หวดั ท่จี ะต้องจดั เกบ็
ตน้ ทุนให้พิจารณาขอ้ มลู จากแผนท่ีเกษตร Agri-Map ซึ่งจัดทาโดยกรมพัฒนาท่ดี นิ และข้อมูลทีไ่ ดจ้ ากการ

3

สารวจเพ่ือตรวจสอบพน้ื ทีจ่ รงิ ของการผลิต จากเกษตรกร ผู้นาชุมชนภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ แต่ละจังหวดั
โดยวิธกี ารสุม่ ตัวอยา่ งจา แนกตามลักษณะความเหมาะสมทางกา ยภาพของพ้นื ทใ่ี นจังหวดั เป็นรายอา เภอ
แบง่ เป็น 2 กลุ่ม คอื 1) กล่มุ เหมาะสม (S1/S2) โดยเก็บขอ้ มูลในพื้นท่ี S1 ก่อน แตถ่ ้ามีกล่มุ ตวั อย่างไม่
เพียงพอจะจัดเกบ็ ในพืน้ ท่ี S2 (เปน็ พนื้ ทส่ี ารอง) และ 2) กลุ่มไมเ่ หมาะสม (N/S3) โดยเก็บขอ้ มลู ในพืน้ ท่ี N
กอ่ น แต่ถา้ มีกลุ่มตัวอย่างไม่เพียงพอจะจัดเกบ็ ในพน้ื ที่ S3 (เป็นพื้นที่สารอง) โดยมลี ักษณะตน้ ทนุ การผลติ
แบง่ เป็น

3.1) กลุ่มขา้ ว พชื ไร่ เปน็ การปลกู และเก็บเกยี่ วผลผลิตเสร็จสิน้ ในแต่ละรอบการผลิตหรอื รุ่น
ต้นทุนการผลิตจะมชี ุดเดียว เชน่ ข้าว (ข้าวเจา้ นาปี และนาปรัง) ข้าวโพดเลย้ี งสตั ว์ มันสาปะหลงั โรงงาน เป็น
ตน้

3.2) กลุม่ พชื ไร่มอี ายกุ ารเกบ็ เก่ียวมากกว่า 1 ครั้ง เปน็ การปลกู คร้งั เดยี ว แตส่ ามารถเกบ็
เกีย่ วผลผลติ ไดม้ ากกว่าหนงึ่ รอบ และต้นทุนการผลิตจะมีต้นทุนการผลิตปีทีป่ ลกู และตน้ ทุนถัดจากปีปลูกทุกปี
จนถงึ ส้นิ สดุ รนุ่ การผลติ (ร้ือทงิ้ ) และคานวณต้นทนุ เฉลย่ี เช่น สบั ปะรดโรงงาน เป็นตน้

3.3) กลมุ่ ไม้ผลไม้ยนื ต้น เปน็ การปลูกครั้งเดยี ว แต่สามารถยนื ต้นให้ผลผลติ ได้หลายปี ต้นทุน
การผลิต เกดิ จากต้นทุนปใี ห้ผลผลติ รวมกบั ตน้ ทนุ ก่อนใหผ้ ลผลิตทเ่ี ฉลยี่ ไปทกุ ปขี องการเกบ็ เกย่ี วตัง้ แต่ปี
เร่มิ ตน้ เก็บเกย่ี วจนหมดอายุขยั ทางเศรษฐกิจของพืชนั้น

หากมีการดาเนินการจัดทาตน้ ทุนการผลติ ของสนิ ค้าชนิดนั้น อยเู่ ดมิ แล้วให้นาโครงสรา้ งตน้ ทนุ
การผลิตปี 2561 นามาปรบั ด้วยสั มประสิทธิต์ ้นทุนการผลิต ซึ่งไดจ้ ากการจดั เก็บขอ้ มลู อัตราค่าจา้ ง แรงงาน
และปจั จยั การผลิตพชื ในช่วงปี 2562 – 2563 ของแต่ละพืชในพ้ืนทจี่ ังหวัดน้นั

4) การจัดทาวถิ กี ารตลาดของสินค้าและ การจดั เก็บข้อมลู อปุ ทาน (Supply) และอปุ สงค์
(Demand) ระดับจังหวดั ใชห้ ลกั การตามแนว คิดการทาบัญชีสมดลุ สนิ ค้าเกษตรและปกี ารตลาด (National -
Marketing Year) เป็นการบนั ทกึ ปริมาณของสนิ ค้าเกษตรในระดบั จังหวดั โดยบันทึกขอ้ มลู เปน็ รายปี
การตลาดและปีการค้าสากล มีองคป์ ระกอบ 2 ดา้ น คือ ดา้ นอุปทาน (Supply) และด้านอุปสงค์ (Demand)
และหลกั การกระจายผลผลิตของวิถกี ารตลาดให้ได้ครบร้อยละ 100

1.4.3 การวเิ คราะห์และประมวลผลขอ้ มลู
1) การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เชิงคณุ ภาพ (Qualitative Analysis) เปน็ การนาข้อมูลที่เกิดจากการ

เก็บรวบรวมโดยการสา รวจและใชแ้ บบสอบถาม อาทิ การสมั ภาษณ์ การสังเกต มาวเิ คราะหแ์ ละพรรณ นาใน
รปู ขอ้ ความ หรอื ใช้สถติ ิขน้ั ต้น เชน่ ค่าเฉลย่ี รอ้ ยละ เปน็ ต้น ประกอบการพรรณนา

2) การวเิ คราะหข์ อ้ มูลเชงิ ปริมาณ (Quantities Analysis) เป็นการวเิ คราะห์ข้อมลู เชิงปรมิ าณ
เกยี่ วกบั ดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมครัวเรือนเกษตรกร มูลคา่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวดั การใช้ทดี่ นิ สัดส่วน
ครวั เรอื นเกษตร ฯลฯ มาวิเคราะห์ โดยจัดหมวดหมู่ หรอื เรียงลาดบั ดว้ ยวิธีการทางสถติ ิพรรณนา เช่น
คา่ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ เปน็ ตน้ และนาเสนอผลการวิเคราะห์ด้วยวิธีการพรรณนาโดยใชต้ ารางประกอบ

1.5 ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะได้รบั
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย มาตรการ และแนวทางในการบรหิ ารจดั การพ้นื ทแี่ ละสนิ ค้าเกษตรแตล่ ะชนดิ

ใหส้ อดคลอ้ งและเหมาะสมกบั ฐานทรพั ยากรเพอ่ื ประกอบการจดั ทาแผนงาน/โครงการในระดับจงั หวัด

บทท่ี 2
การตรวจเอกสาร แนวคดิ ทฤษฎี

2.1 การตรวจเอกสาร
ในการศกึ ษาแนวทางการบริหารจดั การเขตเศรษฐกิจการเกษตร คร้งั นี้ ไดน้ าผลการศกึ ษา ผลงานวจิ ัย

หลายฉบบั จากหลายภาคส่วน ท่ีมีประเดน็ การศึกษา สอดคล้อง กับนโยบายการบรหิ ารจดั การเชงิ พน้ื ที่
(Zoning) มาพิจารณา สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 3 (2560-2562) ได้ศึกษาวเิ คราะห์ดา้ นเศรษฐกิจ
สินค้าเกษตรทสี่ าคัญตามแผนท่ี Agri-Map จานวน 7 จังหวัด ในพน้ื ท่ีรบั ผิดชอบของสานักงานเศรษฐกิจ
การเกษตรที่ 3 ไดแ้ ก่ จังหวัดอดุ รธานี หนองคาย หนองบวั ลาภู เลย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม โดยมี
วัตถุประสงค์เพ่อื ศึกษาตน้ ทนุ และผลตอบแทนการผลิตสินค้าเศรษฐกจิ สาคัญท่มี มี ูลค่าผลิตภณั ฑ์มวลรวม
ระดับจงั หวดั 4 อันดับแรกของจงั หวัด (Top4) ศกึ ษาสภาพการผลิต การตลาด และสมดลุ สนิ ค้า (Demand
Supply) ของสินคา้ เศรษฐกจิ สาคัญทมี่ มี ลู คา่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมระดับจงั หวัด 4 อันดับแรกของจังหวัด
และสนิ คา้ ทางเลอื ก ตลอดจนเสนอแนะแนวทางการปรบั เปล่ยี นการผลติ ขา้ วในพ้นื ท่ไี ม่เหมาะสม (S3, N)
เป็นสินค้าทางเลือกทีม่ ศี กั ยภาพระดับพนื้ ที่ ซงึ่ สอดคล้องกับการศึกษาด้านนโยบาย การบริหารจดั การพื้นท่ี
เกษตรกรรม (Zoning) ของ กรรณิกา แซล่ ิว่ นาวิน โสภาภูมิ และ นวิ ตั ิ อนงคร์ ักษ์ (2560) ที่ศึกษา
ความเหมาะสมทางเศรษฐกจิ ของการกาหนดเขตเศรษฐกจิ ขา้ ว : กรณีศกึ ษาการผลิตข้าวในจงั หวดั เชียงใหม่
โดยมวี ั ตถุประสงคเ์ พ่อื ประเมนิ ความเหมาะสมทางเศรษฐกิจในการปลกู ขา้ วโดยพิจารณาแยกตาม
ความเหมาะสมทางกายภาพของพ้นื ทโ่ี ดยเลอื กเกษตรกรผปู้ ลูกขา้ ว จานวน 757 ราย ในจังหวัดเชียงใหม่
ผลการศกึ ษา พบว่า การใช้ประโยชนท์ ด่ี นิ ในการทาการเกษตรของเกษตรกร อาจเกิดจากปจั จยั ทางดา้ น
ภูมศิ าสตร์ เศรษฐกิจ สังคม ด้วย ไมใ่ ชเ่ พยี งแค่การพจิ ารณาความ เหมาะสมในการปลกู พชื ของกรมพฒั นา
ท่ีดนิ เทา่ นน้ั เนื่องจาก เกษตรกร สว่ นใหญ่ ปลกู ข้าวเพอื่ บรโิ ภค เป็นหลัก และแบ่งขายเพอื่ สรา้ งรายได้
โดยเกษตรกรสว่ นใหญ่ มีอายมุ าก และนิยมปลกู ขา้ วสันปา่ ตอ ง 1 เพราะมีผลผลิตต่อไร่สงู เกษตรกรส่วน
ใหญเ่ ลอื กทาการ เพาะปลูกข้าวในพ้นื ทีเ่ หมาะสม แต่ เกษตรกรบางรายแมว้ า่ จะ เพาะปลูกขา้ วในพืน้ ทไี่ ม่
เหมาะสม แต่ยงั คงปลกู การดาเนินการจัด Zoning การปลูกขา้ ว จึงไม่ควรมุ่งเป้า หมายเรอ่ื งการลดพ้นื ท่ี
การปลกู ขา้ วในเขตท่ีไมเ่ หมาะสมเพยี งอย่างเดียว เพราะเกษตรกรที่เคยทานามาหลายสิบปจี ะไม่ยอมรับ
โดยเฉพาะเกษตรกรสูงอายุอาจปรับตวั ไปสพู่ ชื เศรษฐกจิ ชนิดใหม่ได้ลาบาก ดังนน้ั การบรหิ ารจดั การพื้นที่
ปลูกขา้ วของเชียงใหม่ควรมุ่ง เป้าหมายดา้ นการ เพมิ่ ประสิทธิภาพก ารผลิตข้าว การลดตน้ ทุนการผลติ ข้าว
และการเพม่ิ มูลค่าข้าว ควบคู่กบั การปรับเปล่ียนพนื้ ที่ ดว้ ย นอกจากนย้ี งั สอดคลอ้ งกับการ การศึกษาความ
เป็นไปไดข้ องนโยบายบรหิ ารพน้ื ท่เี กษตรกรรม (Zoning) กรณีศกึ ษา อาเภอเมอื งกาแพงเพชร จังหวดั
กาแพงเพชร ของ พรชัย ชัยสงคราม (2558) ที่ศกึ ษาความเปน็ ไปไดข้ องนโยบายบรหิ ารพื้นที่
เกษตรกรรม (Zoning) ความต้องการ และ ความคิดเหน็ ของเกษตรกรในพืน้ ทีอ่ าเภอเมืองกาแพงเพชร
จังหวดั กาแพงเพชร โดยใช้แบบสอบถามเปน็ เคร่ืองมือในการเกบ็ รวมรวมขอ้ มลู กลุม่ ตัวอยา่ งจานวน 100
ราย วเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยใช้สถิตเิ ชิงพรรณนา ผลการศกึ ษา พบว่า เกษตรกรส่วนใหญม่ ีเนอื้ ทถี่ อื ครองเฉลย่ี
29 ไร่ โดยเป็นของตนเอง การใช้ประโยชนท์ ่ดี นิ เป็นทอี่ ยูอ่ าศัย และท่ีนามโี ฉนด เกษตรกรส่วนใหญ่ปลกู พืช
ชนิดเดมิ ร้อยละ 86 โดยอาศยั นา้ ฝน พบปัญหาด้านการขาดแหล่งนา้ เพอื่ การเกษตร เนื่องจากฝนแลง้ /ท้ิง
ชว่ ง และข าดแหลง่ นา้ ในการทาการเกษตรเป็นปัญหาท่ีมคี วามสาคญั มากที่สุดรอ้ ยละ 98 และ 96 พบ
ปญั หาด้านรายได้ไมเ่ พียงพอกบั รายจ่ายรอ้ ยละ 98 และปัญหาโจรกรรม กา รลักเลก็ ขโมยนอ้ ยร้อยละ 45

5

โดยเกษตรกร ตอ้ งการความช่วยเหลือจากรัฐ จัดสร้างแหล่งนา้ เพอ่ื การเกษตรร้อยละ 98 และความ
ชว่ ยเหลื อด้านการครองชพี จดั หาแหลง่ นา้ เพื่อการบริโภค รอ้ ยละ 97 นอกจากนไ้ี ด้สอบถามถงึ การ
ปรบั เปลยี่ นการผลิตเปน็ พชื ชนดิ อ่ืน พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ รอ้ ยละ 86 ไม่สนใจปรบั เปลี่ยน การผลิต
เนอ่ื งจากขาดแคลนเงนิ ทนุ ในการปรับเปลีย่ นการผลติ เปน็ พชื ชนดิ อ่นื โดยเฉพาะเร่ืองการปรับสภาพท่ี ดนิ
เกษตรกรอายมุ าก มพี ื้นทีป่ ลกู ไมม่ ากนกั ทาให้เสี่ยงตอ่ รายได้ทจี่ ะได้รบั หากปรับเปล่ียนการผลติ เปน็ สนิ คา้
ชนิดอ่นื สาหรับความ ตอ้ งการของเกษตรกรหากปรบั เปล่ียน พบว่า ตอ้ งการให้ภาครัฐ จดั หาแหลง่ เงนิ ทุน
อตั ราดอกเบ้ียตา่ ชดเชยรายไดท้ ีข่ าดหา ยไปจากการปรบั เปลีย่ นเปน็ สนิ คา้ ชนิดใหม่ จดั หาแหลง่ รบั ซ้ือ
ผลผลิตชนดิ ใหม่ จัดอบรมเพม่ิ พนู ความรู้เก่ียวกบั เทคนิคการ เพิ่มผลผลติ การลงทนุ หรอื การจดั หาแหลง่ น้า
ให้ เชน่ เดียวกับภาคตะวันออกเฉยี งเหนือท่มี ีการศกึ ษาในประเด็นเดยี วกัน คอื การโซนน่งิ พน้ื ทเ่ี กษตรกรรม
สาหรับการผสมผสานหาทางเลือกสาหรบั การใช้ทดี่ นิ ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนื อ โดย วาสนา พฒุ กลาง
และ ชรตั น์ มงคลสวสั ด์ิ (2556) ท่ีศกึ ษาเพื่อประเมินความเหมาะสมของท่ีดนิ สาหรบั ปลกู พืชเศรษฐกจิ
ได้แก่ ข้าว อ้อย มนั สาปะหลงั และยางพารา ด้วยระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ และทาโซนน่งิ พน้ื ที่
การเกษตรด้วยการสร้างขอบเขตหน่วยการใชท้ ่ีดนิ ท่ีเหมาะสมสาหรับการผสมผสานทางเลือกการใช้ทด่ี นิ
โดยคานงึ ถึงสภาพเศรษฐกิ จสงั คมและส่งิ แวดล้อม พืน้ ที่ศกึ ษาครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนือ้ ท่ี
ประมาณ 170,000 ตารางกโิ ลเมตร พชื เศรษฐกิจท่ีสาคัญ ได้แก่ ขา้ ว ออ้ ย โรงงาน มันสาปะหลัง และ
ยางพารา การวเิ คราะห์โซนนิ่งคร้งั นี้เพ่อื หาความเหมาะสมของท่ดี ินของพชื เศรษฐกจิ ทัง้ 4 ชนิด ซง่ึ เปน็ ไป
ตามหลักการประเมินทด่ี ินของ FAO โดยบรู ณาการคณุ ภาพท่ีดินสาหรับพชื เศรษฐกจิ หลกั แตล่ ะชนิด ไดแ้ ก่
น้า คณุ สมบัติของดิน ศักยภาพของดนิ เค็ม และสภาพภูมิประเทศ สร้างเปน็ ชัน้ ขอ้ มลู ในระบบสารสนเทศ
ภูมิศาสตร์ และทาการวเิ คราะห์แบบซ้อนทบั สรา้ งแบบจาลองแบบผลคูณ เพื่อใหไ้ ดค้ วามเหมาะสมของทด่ี นิ
ทเ่ี ปน็ ไปตามความต้องการคุณภาพทด่ี ินของพชื แตล่ ะชนิด จากน้ันทาการตรวจสอบภาคสนาม เพ่อื
วเิ คราะห์ความถกู ต้องของแบบจาลองโดยใชส้ ัมประสทิ ธ์ิ Kappa ผลท่ไี ดน้ ามาประเมนิ ด้านเศรษฐกจิ และ
การสญู เสียดนิ เมอ่ื ไดร้ ับความเหมาะสมของทด่ี นิ ของพชื แต่ละชนิดแลว้ นา ช้ันความเหมาะสมของพืชทง้ั 4
ชนดิ น้ี มาวิเคราะห์แบบซอ้ นทบั อีกคร้งั หนึ่ง และกาหนดทางเลือกเฉพาะความเหมาะสมมาก และความ
เหมาะสมปานกลาง เพ่อื เสนอทาแผนทแี่ บบบรู ณาการพืชทงั้ 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว อ้อย มันสา ปะหลงั และ
ยางพารา โดยจาแนกระดบั ความเหมาะสมออกเปน็ เหมาะสมมาก เหมาะสมปานกลาง เหมาะสมน้อย และ
ไม่เหมาะสม ซง่ึ การบูรณาการขอ้ มลู ความเหมาะสมของทีด่ ินสา หรบั พชื แตล่ ะชนดิ โดยการคัดเลือกเฉพาะ
พนื้ ที่เหมาะสมมากและเหมาะสมปานกลาง นา มาสรา้ งเป็นแผนทโ่ี ซนนง่ิ พ้นื ทก่ี ารเกษตรสา หรับการ
ผสมผสานทางเลื อกการใช้ท่ดี ิน ผลการบูรณาการสามารถสร้างหนว่ ยแผนทีไ่ ดท้ ้ังส้ิน 23 หน่วยแผนท่ี ท่ีมี
ความยืดหย่นุ ใหเ้ กษตรกรสามารถเลือกปลกู พืชและ ผสมผสานการใชท้ ดี่ นิ ได้หลายชนดิ การกา หนดหน่วย
แผนทแ่ี ละโซนนิ่งแบง่ ออกเปน็ 5 โซนนิง่ หลัก ไดแ้ ก่ โซนนงิ่ พ้ืนท่เี หมาะสมมากสา หรบั ปลกู พืชเศรษฐกจิ
โซนน่ิงพื้นท่เี หมาะสมปานกลางสา หรบั ปลกู พืชเศรษฐกจิ โซนนง่ิ พื้นท่ีปา่ ไมเ้ พื่อการอนรุ กั ษ์ โซนนิง่ พ้ืนที่
ชุมชนและที่อยูอ่ าศยั และโซนนิ่งพน้ื ที่แหล่งนา้ ตามลาดับ

สาหรบั ประเดน็ ดา้ นการ ศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกจิ โดยเฉพาะการวิเคราะหต์ ้นทนุ
ผลตอบแทนจากการผลิต สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตรท่ี 2 (2549) ได้ศกึ ษาข้อมูลพ้ืนฐานเพ่ือใชใ้ นการ
ประเมินผลโครงการส่งเสริมการแปรรูปขา้ วปลอดภัยจงั หวดั พษิ ณโุ ลก ขา้ วปลอดภัย เน่อื งจากเหน็ วา่
การผลิตข้าวปลอดภัยเปน็ อีกทางเลอื กของเกษตรกรในการปรบั เปล่ยี นการผลติ จากขา้ วทว่ั ไป เพราะ
เป็นการยกระดบั สินค้า เพ่อื เพ่มิ มูลค่า การศกึ ษานีไ้ ด้จดั เกบ็ ข้อมูลจากเกษตรกรตั วอย่างที่เข้าร่วมโครงการ

6

จานวน 345 ราย เพอ่ื ใชเ้ ป็นข้อมูลในการเปรียบเทียบกับชว่ งหลงั เข้าร่วมโครงการ โดยศกึ ษาสภาพ
ทว่ั ไปของเกษตรกร ภาวะเศรษฐกจิ ครวั เรือนเกษตรท้ังทางด้านรายได้ รายจ่าย หนี้สิน เงินออมของ
ครวั เรอื นเกษตรกร การใชท้ ่ี ดิน การกระจายผลผลิต สภาพการผลติ อนั ไดแ้ ก่พฤติกรรมการผลติ สายพนั ธุ์
ทนี่ ยิ มปลกู รวมถึงการวเิ คราะห์ต้นทนุ การผลิตข้าวในแต่ละสายพันธ์ทุ ่ีพบว่าไมแ่ ตกต่างกันมากนักหากผลติ ใน
รูปแบบเกษตรปลอดภัย ซ่งึ สว่ นใหญ่ เป็นค่าปัจจัยการผลิต เช่น เมลด็ พันธุ์ ปุ๋ย ยา และเคมีภัณฑ์ตา่ ง ๆ
แตอ่ าจจะมีความแตกต่างทางดา้ นราคารบั ซอ้ื โดยภาพรวมขา้ วเจา้ มผี ลตอบแท นการผลิตสุทธิสูงกวา่
ขา้ วเหนียว ถึงแมว้ า่ ราคารบั ซ้อื จะต่ากวา่ แต่เน่อื งจากมี ตน้ ทุนการผลติ ทค่ี ่อนข้างต่า และปรมิ าณผลผลติ
ต่อไรส่ ูงก วา่ ข้าวเหนยี ว นัน่ คอื ต้นทุนการผลิตข้าวเจ้ารวม ทกุ สายพันธเุ์ ฉลีย่ 2,775 .85 บาท /ไร่
มปี รมิ าณผลผลิต 736.74 กิโลกรมั /ไร่ ร าคาที่เกษตรกรขายไดเ้ ฉล่ยี 5.69 บาท/กิโลกรมั ทาให้ได้รับ
ผลตอบแทนสุทธิเฉล่ีย 1,149.56 บาท/ไร่ หรอื 1.53 บาท/กิโลกรัม ในขณะที่ต้นทุนการผลิตข้าวเหนียว
เฉลย่ี 3,072.41 บาท/ไร่ มปี รมิ าณผลผลิตเฉลี่ย 586.79 กิโลกรัม/ไร่ ราคาท่เี กษตรกรขายได้เฉลีย่ 6.34
บาท/กิโลกรัม ไดผ้ ลตอบแทนสุทธเิ ฉลี่ย 647.84 บาท/ไร่ หรอื 1.10 บาท/กโิ ลกรัม นอกจากนี้ไดป้ ระเมิน
ถงึ ความพงึ พอใจต่อการเขา้ รว่ มโครงการของเกษตรกร ปญั หาทีพ่ บดา้ นการผลิต อาทิ โรค แมลงศัตรูพชื
ระบาด ภยั ธรรมชาติ ฯลฯ ปัญหาทางด้านตลาด และความตอ้ งการของเกษตรกรทมี่ ตี ่อหน่วยงานภาครฐั
สาหรบั การศึกษาวิเคราะห์ตน้ ทุนและผลตอบแทนการผลิตในกลมุ่ สินคา้ ปศุสตั ว์ พบว่า สานกั งานเศรษฐกิจ
การเกษตรท่ี 2 (2549) ไดท้ าการศึกษาวิเคราะห์ต้นทนุ และผลตอบแทนการผลติ โคขนุ พันธ์ตุ าก
เปรียบเทยี บกบั โคขุนพนั ธุ์ลกู ผสมอน่ื ของเกษตรกรในจังหวัดตาก วัตถปุ ระสงคเ์ พื่อศกึ ษาถงึ สภาพ การผลติ
การตลาด และวิเคราะหต์ ้นทุนและผลตอบแทนในการผลติ โคขนุ พนั ธตุ์ ากและโคขนุ สายพันธ์อุ ื่น ๆ
โดยจดั เก็บขอ้ มลู จากเกษตรกรในแหล่งผลติ โคขนุ ในทอ้ งทอี่ าเภอบ้านตาก และอาเภอสามเงา จังหวัดตาก
ซึง่ พบว่า การตลาดโคขุนในจังหวัดตากคอ่ นขา้ งแคบอยู่ภายในจงั หวดั และจังหวดั ใกล้เคยี งเทา่ นัน้ ราคา
โคขุนมี ชวี ิตสายเลือดชารโ์ รเล่สต์ ้ังแต่ 25% ขนึ้ ไปที่เกษตรกรขายได้ สงู กวา่ ราคาโคขุนมีชีวิตพนั ธุ์ลกู ผสม
พน้ื เมอื ง-บราหม์ นั ประมาณ 10 บาท/กโิ ลกรมั โดยตน้ ทุนและผลตอบแทนจากการผลติ โคขุนพันธุ์ตาก
ระยะเวลาการขนุ 5 เดอื นใหร้ ะดับผลตอบแทนสูงทีส่ ดุ มีผลตอบแทนการผลิ ตสทุ ธิ 3,910.07 บาท/ตวั
หรอื มีกาไร 7.98 บาท/กิโลกรมั สว่ นในชว่ งระยะเวลาการขุน 8 เดอื น โคขนุ พันธ์ุลูกผสมพนื้ เมือง- ชารโ์ ร
เลส่ ์ให้ผลตอบแทนสงู ทีส่ ุด มผี ลตอบแทนสทุ ธิ 3,089.67 บาท/ตัว หรอื มกี าไร 6.18 บาท/กิโลกรมั โดยโค
ขุนพันธุ์ลูกผสมพนื้ เมือง- บราห์มนั จะใชร้ ะยะเวลาในการขนุ นานกวา่ อาจทาให้ขาดทนุ จากการผลติ
แต่เกษตรกรมีตน้ ทนุ ทไ่ี ม่เป็นเงนิ สด อนั ไดแ้ ก่ ค่าพันธโ์ุ ค ค่าแรงงาน และค่าอาหารหยาบทาให้
ผลตอบแทนที่เกษตรกรไดร้ ับจริงมากกว่าท่ีคานวณได้ ปัญหาทางด้านการผลติ พบว่า เกษต รกรขาดแคลน
โคพนั ธ์ดุ ที จี่ ะนามาผลิตลูกโคขุน ตลอดจนขาดแคลนเงินทุนเพื่อใช้จ่ายในการผลิต ส่วนดา้ นการตลาด
พบว่า มคี วามแตกตา่ งทางดา้ นราคานอ้ ยระหวา่ งโคขนุ กับโคเนือ้ ทั่วไป ส่วน ปญั หาทพี่ บจากการศึกษา คือ
อายโุ คก่อนเข้าขุน และระยะเวลาสิ้นสุดการขนุ ทแ่ี ตกต่างกัน ทาใหย้ า กในการเปรียบเทยี บ ต้นทุน
และผลตอบแทน อกี ทั้งขาดแคลนข้อมูลต่าง ๆ ทีส่ าคัญเกี่ยวกบั โคขุน ทาใหไ้ มส่ ามารถวางแผนการผลติ
และแก้ไขปญั หาต่าง ๆ ที่เกิดขนึ้ ได้

สาหรับการศึกษาด้านการตลาด สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร โดย สานั กงานเศรษฐกจิ
การเกษตรที่ 1-12 (2563) ได้ศึกษาแนวทางการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดสินคา้ เกษตรอินทรยี 6์ กลุม่
ชนิดสนิ ค้าสาคัญที่ มปี รมิ าณการผลติ อย่างแพร่หลายในพ้นื ท่ีทว่ั ประเทศในปจั จบุ นั ได้แก่ ขา้ ว ถั่วเหลือง
พชื ผกั ผลไม้ ปศุสตั ว์ และประมง โดยอาศยั ข้อมลู หลายประเด็นทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับระบบตลาดสินค้าเกษตร

7

อนิ ทรีย์ อันไดแ้ ก่ ข้อมลู สภาพการตลาดในดา้ นตา่ ง ๆ โดยใชว้ ิธกี ารวเิ คราะห์ทางสถิติอยา่ งง่าย และข้อมลู
ด้านทัศนคติและความคดิ เหน็ ของผมู้ สี ่วนเกย่ี วขอ้ งในระบบตลาด อาทิ การดาเนินนโยบายด้านเกษตร
อนิ ทรียข์ องภาครัฐ ผลการดาเนนิ งานของตลาด โดยใช้ Likert Scale ให้คา่ คะแนนทส่ี ะท้อนถึงระดับ
ความสาคัญของขอ้ มูลในแต่ละประเด็นแลว้ นา ข้อมูลทีไ่ ดม้ าวิเคราะห์ดว้ ย SWOT และ TOWS Matrix
พิจารณาครอบคลุมถึงสภาพแวดล้อมภายใน และสภาพแวดล้อมภายนอกทางด้านการตลาดสนิ ค้าเกษตร
อินทรีย์จากผทู้ ่ีมีสว่ นเกย่ี วขอ้ งในระบบตลาดสนิ คา้ เกษตรอนิ ทรียข์ องไทยจาน วน 6,276 ราย ประกอบด้วย
ผูป้ ระกอบการคา้ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรที่เกย่ี วขอ้ งกบั การจาหน่ายสนิ ค้าเกษตรอินทรียท์ ัง้ ในและ
ต่างประเทศเกษตรกรผผู้ ลติ ผู้จัดการตลาด ตลอดจนผบู้ รโิ ภคทง้ั ที่เคย และไมเ่ คยบริโภคสนิ คา้ เกษตรอินทรีย์
เจา้ หนา้ ท่ีหน่วยงานภาครฐั และภาคีเครือขา่ ยทเ่ี กย่ี วข้องกบั ระบบ ตลาดสินคา้ เกษตรอนิ ทรยี ์ ท้งั น้ี เพอ่ื ให้
เกษตรกร สถาบันเกษตรกร ผปู้ ระกอบการภาคเอกชน เครือข่ายภาคประชาสงั คม หรือผูท้ ส่ี นใจใช้เปน็
ข้อมูลประกอบการพจิ ารณาตดั สนิ ใจผลิตและลงทนุ ดา้ นการตลาด หนว่ ยงานภาครัฐที่เกีย่ วขอ้ งนาไปใชเ้ ปน็
ข้อมลู ประกอบการจดั ทาแนวทางการส่งเสริมการผลิตการตลาดตลอดหว่ งโซ่อุปทาน การจดั ทาแผนงาน /
โครงการท่เี กย่ี วขอ้ งเพ่ือขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอนิ ทรยี ์ใหบ้ รรลุผลนาไปสกู่ ารพัฒนาที่ย่งั ยนื รวมทงั้ เปน็
ขอ้ เสนอแนะที่ผ้บู รหิ ารระดบั สูงสามารถนาไปประกอบก ารพจิ ารณากาหนดนโยบาย มาตรการ แผนงาน
โครงการทีเ่ ก่ยี วขอ้ งตอ่ ไป

2.2 แนวคดิ ทฤษฎี
2.2.1 ทฤษฎีต้นทุนการผลิต
ตน้ ทุนการผลิต (Cost) หมายถงึ มูลค่าของทรพั ยากรทส่ี ญู เสยี ไปเพื่อใหไ้ ดส้ นิ คา้ หรอื บรกิ ารโดย

การวเิ คราะหต์ น้ ทุนสามารถแบ่งเป็น 2 ชนิด คอื ต้นทุนทางบัญชี (ต้นทนุ ทเ่ี ปน็ เงินสด ) และต้นทนุ ทาง
เศรษฐศาสตร์ (ตน้ ทนุ ทเ่ี ปน็ เงนิ สด และตน้ ทุนทไี่ มเ่ ป็นเงนิ สด ) กลา่ วคือ ต้นทุนทางบัญชีนนั้ จะสามารถวดั
ค่าใช้จ่ายท่ีเสยี ไปเปน็ ตัวเงนิ เพียงอย่างเดยี วหรอื เรียกไดว้ ่าเป็นตน้ ทุนที่เหน็ แจ้งชัด (Explicit Cost)
แตส่ าหรบั ตน้ ทนุ ทางเศรษ ฐศาสตร์ (Economic Cost) น้ัน จะรวมไปถึงคา่ ใชจ้ ่ายทเ่ี สียไปท้งั ทีส่ ามารถวดั
เป็นตัวเงนิ ไดแ้ ละวัดเปน็ ตวั เงนิ ไม่ได้ นน่ั ก็คือตน้ ทนุ ทเ่ี ห็นแจ้งชดั (Explicit Cost) และตน้ ทุนไมแ่ จ้งชัด
(Implicit Cost) ในทางเศรษฐศาสตรจ์ ะเรียกตน้ ทนุ ทมี่ องไมเ่ ห็นอีกอย่างหนึง่ ว่า “ต้นทุนคา่ เสียโอกาส ”
(Opportunity Cost) และจะเป็นตน้ ทนุ อกี ตัวหนึง่ ทตี่ อ้ งมีการประเมิน ดงั นน้ั จะเห็นไดว้ ่าตน้ ทุนทาง
เศรษฐศาสตร์ประกอบดว้ ยต้นทนุ แจง้ ชดั กับต้นทนุ ไมแ่ จ้งชัดรวมกัน ตน้ ทนุ ทางบัญชีจะมีค่าน้อยกว่าต้นทุน
ทางเศรษฐศาสตร์ และมีผลทาใหก้ าไรทางบัญชมี ีคา่ สูงกว่ ากาไรทางเศรษฐศาสตร์ (นราทิพย์ ชตุ วิ งศ์ ,
2547) ซ่งึ องคป์ ระกอบตน้ ทุนการผลติ แบ่งเปน็ 2 ประเภท คอื ต้นทุนผนั แปรรวม และต้นทุนคงทรี่ วม
(อรวรรณ ศรีโสมพันธ์, 2557)

1) ตน้ ทุนผันแปรรวม (Total Variable Cost : TVC) หมายถึง ตน้ ทุนการผลิตทเี่ ปลี่ยนแปลง
ไปตามปรมิ าณของผลผลิตซ่ึงเปน็ ค่าใชจ้ า่ ยทีเ่ กดิ จากการใชป้ จั จัยผนั แปรในการผลติ คือเปน็ ปัจจัยการผลติ
ท่ผี ผู้ ลิตสามารถเปล่ยี นแปลงปรมิ าณการใช้ได้ในชว่ งเวลาการผลติ หนง่ึ ๆ ซึ่งคา่ ใช้จ่ายสว่ นนีจ้ ะเปลย่ี นแปลง
ไปตามปริมาณการผลิต ถ้ามกี ารผลิตผลผลิตจานวนมากตน้ ทุนประเภทนีจ้ ะสูง แตถ่ า้ มีการผลติ จานวนน้อย
ต้นทุนส่วนนี้จะต่า โดยต้นทนุ การผลติ ผันแปรส่วนใหญจ่ ะเป็นค่าใช้จา่ ยเกีย่ วกบั ปจั จยั การผลิตทางตรง เช่น
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกบั เมลด็ พันธุ์ สารเคมปี ้องกันกาจดั ศตั รูพชื และน้ามนั เชอ้ื เพลงิ เปน็ ต้น โดยการวิเคราะห์
ตน้ ทนุ ผันแปรสามารถแบ่งเป็น 2 ชนิด คอื ตน้ ทุนผนั แปรทีเ่ ปน็ เงินสด และตน้ ทุนผนั แปรท่ไี ม่เปน็ เงนิ สด

8

1.1) ตน้ ทุนผันแปรทีเ่ ปน็ เงินสด หมายถึง ค่าใชจ้ ่ายผันแปรทผี่ ูผ้ ลิตจ่ายออกไปจริงเปน็ เงิน
สดในการซือ้ หรือเช่าปัจจยั การผลิตผนั แปร เช่น คา่ ใช้จ่ายท่ีเกี่ยวกบั วัสดทุ างตรงท่ีใช้เก่ียวกับการผลิต
(ค่าพนั ธ์ขุ า้ ว ค่าปุ๋ยเคมี ค่าสารเคมี คา่ นา้ มันเชื้อเพลงิ ) ค่าจา้ งเกย่ี วกับแรงงานหรือค่าเชา่ เครื่องจักร (เตรยี ม
ดิน เก็บเกี่ยว ดแู ลรักษา ค่าอาหารสาหรบั แรงงาน ) ค่าวัสดุอน่ื ๆ (รองเทา้ ยาง ถุงมอื และหน้ากากป้องกัน
สารเคมี) ค่าใช้จา่ ยอ่นื ๆ (ค่าซ่อมบารุงเคร่ืองจักรและอุปกรณ์ คา่ โสหยุ้ ) เปน็ ตน้ บางครง้ั คา่ ใช้จ่ายเหลา่ นั้น
อาจจะอย่ใู นรปู ของเงนิ เชอื่ ในชว่ งระยะเวลาหน่ึง แตก่ ็ตอ้ งชาระใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายในหนงึ่ ปหี รือหนง่ึ ฤดู
การผลติ ซ่ึงในกรณนี ้ี การคานวณต้นทุนจะคานวณเป็นต้นทุนแปรที่เป็นเงินสด

1.2) ตน้ ทุนผันแปรท่ไี มเ่ ปน็ ผลผลิต หมายถงึ ค่าใช้จ่ายท่ีผู้ผลติ ไม่ไดจ้ า่ ยออกไปจรงิ เป็นเงิน
สดในการใชป้ จั จยั การผลิตผันแปรนัน้ ๆ ซึ่งเป็นคา่ ปจั จยั การผลิตการผลติ ต่าง ๆ ทงั้ ทีเ่ ป็นของผู้ผลติ เอง
เช่น ค่าเสยี โอกาสของแรงงานเจา้ ของฟารม์ ค่าแรงงานในครวั เรือนหรือแรงงานแลกเปลย่ี น คา่ เสียโอกาส
เงนิ ลงทนุ ของเจา้ ขอ งฟารม์ ทีน่ ามาจา่ ยในการผลติ คา่ เสียโอกาสของปัจจยั การผลติ ทีฟ่ าร์มผลติ ขนึ้ เอง
และคา่ เสียหายอันเนือ่ งมาจากการเนา่ เสยี ของผลผลติ เปน็ ตน้ )ค่าพันธ์ขุ ้าว ป๋ยุ ชีวภาพ ปุ๋ยคอก ปยุ๋ พืชสด(

2) ต้นทุนคงทรี่ วม (Total Fixed Cost : TFC) หมายถึง ตน้ ทุนการผลิตทีไ่ มเ่ ปล่ยี นแปล งไป
ตามปริมาณของผลผลติ ซึ่งเปน็ ค่าใช้จา่ ยที่เกดิ ขนึ้ จากการใช้ปัจจยั คงท่ีในการผลิต หรือไม่สามารถ
เปลย่ี นแปลงปริมาณการใชไ้ ดใ้ นชว่ งระยะเวลาของการผลิต ไมว่ ่าจะผลิตใหไ้ ดผ้ ลผ ลิตเปน็ ปริมาณมากนอ้ ย
เทา่ ใด ก็ตาม ผู้ผลิตตอ้ งเสียต้นทุนในจานวนเทา่ เดิม ปจั จัยคงที่ ไดแ้ ก่ ท่ี ดิน ทรพั ย์สนิ คงท่ตี า่ ง ๆ เช่น
รถแทรกเตอร์ เครอื่ งสบู น้าโรงเรอื น เป็นตน้ ตน้ ทุนคงทจ่ี ัดเป็นคา่ ใชจ้ ่ายทมี่ ีอย่แู ลว้ ในฟาร์มแมว้ า่ ปัจจัยคงท่ี
ดังกลา่ วจะไมถ่ กู ใชใ้ นชว่ งเวลาของการผลิตนั้น ๆ

กรณไี มผ้ ลไมย้ นื ตน้ จาเปน็ ต้องคานวณตน้ ทนุ ก่อนให้ผลผลิต คดิ ในโครงสร้างต้นทนุ ไมผ้ ลไม้
ยนื ต้นเป็นต้นทุน ก่อนใหผ้ ลเฉลย่ี ต่อไร่ ทค่ี า นวณจากคา่ ใชจ้ ่ายท่เี กดิ ข้นึ ทั้งหมดตง้ั แตป่ ีแรก ถึงปีกอ่ นให้
ผลผลิต และนาไปปรบั ลดมูลคา่ ด้วยวธิ ี Discount Factor : DF แล้วนาไปกระจายเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยต่อปี
ในทุกช่วงอายทุ ี่ใหผ้ ลผลติ ด้วย วธิ ี Cost Recovery Factor : CRF หรอื คือ (ตน้ ทุนรวมต่อไร่ ปที ่ี 1 +
ผลรวม ต้นทุนรวมต่อไร่ ปีที่ 2 ถึงปีก่อนเก็บเกี่ยว) * DF * CRF

ทงั้ น้ตี น้ ทุนคงที่ สามารถแบง่ ตน้ ทุนคงท่เี ปน็ 2 ชนิด คือ ตน้ ทนุ การผลติ คงท่ีท่ีเป็นเงินสด
และต้นทนุ การผลิตคงท่ีทไ่ี มเ่ ปน็ เงนิ สด

2.1) ตน้ ทนุ การผลติ คงทท่ี เ่ี ปน็ เงนิ สด หมายถงึ คา่ ใช้จา่ ยทผี่ ู้ผลิตจะต้องจา่ ยในรปู ของเงนิ
สดเกี่ยวกับปัจจัยการผลติ คงท่ี เชน่ คา่ เชา่ ท่ีดิน ค่าดอกเบีย้ เงินก้รู ะยะยาว ค่าภาษที ีด่ ิน คา่ ประกนั ภยั ของ
ฟาร์ม ค่าภาษโี รงเรือน ค่าคน้ ควา้ วจิ ัยผลผลติ คา่ สง่ เสรมิ การขาย ค่าเงนิ เดือนของฝา่ ยบรหิ ารฟารม์ เป็นต้น

2.2) ตน้ ทุนการผลิตคงทที่ ไี่ มเ่ ปน็ เงนิ สด หมายถึง ค่าใชจ้ า่ ยจานวนคงทท่ี ี่ผูผ้ ลิตไมไ่ ด้จ่าย
ออกไปจริงในรปู ของเงินสดหรอื เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยทีป่ ระเมนิ จากค่าเสยี โอกาสของปัจจัยการผลิตคงท่ีในแต่ละ
ฤดูการผลติ เช่น คา่ สกึ หรอหรือค่าเส่อื มราคา ของอุปกรณก์ ารเกษตรท่มี อี ายกุ ารใช้งาน คา่ เสอื่ มราคาของ
โรงเรอื นหรือท่เี กบ็ ผลผลิตของฟาร์ม และค่าใชท้ ดี่ นิ กรณีเปน็ ท่ดี นิ ของตนเองแต่ประเมนิ ตามอัตรา ค่าเช่า
ทีด่ ินในทอ้ งถนิ่ นนั้ เป็นต้น

9

3) ตน้ ทุนทั้งหมด (Total Cost : TC) หมายถงึ ต้นทนุ ซงึ่ เปน็ ผลรวมของตน้ ทนุ ผันแปรและ
ต้นทนุ คงที่ท้ังหมด การคานวณหาตน้ ทุนท้ังหมดนยิ มคานวณออกมาในรปู ตน้ ทนุ การผลิตต่อหนว่ ย

ตน้ ทุนทัง้ หมด = ตน้ ทุนผันแปร + ตน้ ทนุ คงที่
TC = TFC + TVC

ตน้ ทนุ ท้ังหมด = (ต้นทนุ ผนั แปรทเี่ ปน็ เงินสด + ต้นทุนผันแปรท่ไี ม่เปน็ เงนิ สด)
+ (ต้นทุนคงท่ีทเี่ ป็นเงินสด)

2.2.2 แนวคิดผลตอบแทนการผลิต
ผลตอบแทนการผลติ (Revenue) คือ ผลประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากผลผลติ ทท่ี าการผลติ หรือ

สว่ นต่างของรายได้รวมจากการขายผลผลิตกบั ตน้ ทนุ การผลิตทงั้ หมด
ผลผลิต หมายถงึ จานวนผลผลติ ท้ังหมดทผี่ ผู้ ลิตผลติ ได้ตอ่ หนงึ่ รอบการผลติ
ผลผลิตตอ่ ไร่ หมายถึง จานวนผลผลิตทงั้ หมดทีผ่ ู้ผลิตผลิตได้ตอ่ หน่ึงรอบการผลิตคิดต่อพ้นื ทผี่ ลิต
ราคาของผลผลติ หมายถึง ราคาทีผ่ ผู้ ลติ รายไดห้ รือไดร้ บั จากการขายผลผลิตทฟ่ี ารม์
รายได้ หมายถงึ รายได้ทัง้ หมดท่ผี ู้ผลติ ได้รับจากการผลติ ตอ่ หน่งึ รอบการผลิตซ่ึงเทา่ กับจานวน

ผลผลิตทั้งหมดคนู ด้วยราคาของผลผลติ ต่อหนว่ ยท่ีเกษตรกรขายได้
รายไดต้ อ่ ไร่ หมายถงึ รายไดท้ ง้ั หมดของผูผ้ ลติ ที่ไดร้ ับจากการผลิตตอ่ หนงึ่ รอบการผลิตโดยคดิ

เฉล่ยี ตอ่ พื้นท่ีผลติ หน่ึงไร่
ผลตอบแทนสุทธิ (Net Return) หมายถงึ รายได้ท้งั หมดลบดว้ ยตน้ ทุนท้งั หมด
ผลตอบแทนเหนือตน้ ทนุ ทีเ่ ปน็ เงินสด หมายถึง ผลต่างระหวา่ งรายไดท้ ัง้ หมดกบั ต้นทนุ ท้งั หมด

ท่เี ป็นเงนิ สด
2.2.3 แนวคดิ บัญชีสมดลุ (balance sheet)
บญั ชสี มดลุ สินคา้ เกษตร มอี งค์ประกอบ 2 ดา้ นคือ ด้านผลผลิต (Production) และดา้ น

การนาไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization)
ผลผลติ รวมของจงั หวัด = การนาไปใช้ประโยชน์
ผลผลิตรวมของจังหวัด
• ปรมิ าณผลผลิตของจงั หวัดในช่วง 12 เดอื น หรือ 1 ปี
• ปรมิ าณนาเขา้ จากจงั หวัดอื่น/ตา่ งประเทศในช่วง 12 เดือน หรอื 1 ปี
ผลผลติ รวมของจังหวดั = ปริมาณการผลิต + การนาเข้าสินคา้
การใช้ประโยชน์
• การใชภ้ ายในจงั หวดั เชน่ บรโิ ภค เลย้ี งสตั ว์ แปรรูป ในชว่ ง 12 เดอื น
• การสง่ ออกไปจงั หวัดอื่นและตา่ งประเทศในชว่ ง 12 เดือน
การนาไปใช้ประโยชน์ = การใชภ้ ายในประเทศ + การส่งออกสินค้า

2.2.4 การศกึ ษาลกั ษณะของระบบตลาด (Marketing System Approach) เปน็ การวเิ คราะห์
เพ่อื ดลู กั ษณะความสัมพนั ธ์ของการดาเนนิ ธรุ กิจต่าง ๆ ในการตลาด ระหว่างผู้ผลติ ผจู้ าหนา่ ย
ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ของสินค้าหลักและสินคา้ ทางเลอื ก จาแนกออกเปน็ 3 ส่วน ดังน้ี

10

1) โครงสรา้ งการตลาด (Structure) เปน็ การพิจารณาถงึ การวิเคราะห์ส่วนประกอบของ

การตลาด ประกอบด้วย ผูผ้ ลติ พ่อค้าคนกลาง พอ่ ค้าสง่ – ปลกี ผู้ประกอบการ และผบู้ ริโภควา่

มคี วามสมั พันธอ์ ย่างไร โดยการพจิ ารณาในหลายดา้ น อาทิ ความแตกต่างของสินคา้ สามารถตอบสนอง

ความตอ้ งการของผู้บรโิ ภคได้แคไ่ หน ใครเปน็ ผู้นาตลาด มีจานวนและขนา ดธุรกจิ ลักษณะการแข่งขนั ของ

ตลาด สภาพวิถกี ารตลาดเปน็ อยา่ งไร มสี ว่ นแบง่ การตลาดระดับการผูกขาดทกี่ ระทบต่อผู้ประกอบการ

รายใหม่ที่จะเข้าส่ธู รุ กิจหรอื การออกจากธุรกจิ มากนอ้ ยเพยี งใด

2) ระบบพฤตกิ รรมการตลาด (Behavioral System) พจิ ารณาบุคคลท่ที าหนา้ ทใ่ี นการ

ตดั สินใจแก้ปัญหาต่าง ๆ ในตลาดวา่ มีระบบพฤตกิ รรมแบบใด โดยพฤติกรรมของบุคคลในระบบตลาดจะ

แสดงออกในลักษณะการตัดสินใจด้านตา่ ง ๆ อาทิ การกาหนดราคา ขนาดของธรุ กจิ การกาหนดนโยบาย

การผลิต และกลยุทธก์ ารส่งเสรมิ การขาย จาแนกได้ 4 ประเภท ไดแ้ ก่

2.1) ระบบปัจจัยผลผลิต คือ พฤติกรรมชอบตดั สนิ ใจบนพ้นื ฐานของปจั จยั ท่ีหายากแตใ่ หไ้ ด้

ผลผลิตทน่ี า่ พอใจมกี ารใช้เทคโนโลยใี หม่ ๆ มาชว่ ยลดต้นทุนดา้ นการตลาด

2.2) ระบบอานาจ คอื พฤติกรรมชอบการแขง่ ขนั เพ่ือเอาชนะธุรกิจอน่ื ๆ เพ่อื สรา้ งอานาจ

ผกู ขาดให้ตนเอง

2.3) ระบบข่าวสารธรุ กจิ คอื พฤติกรรมทบ่ี ุคคลในระบบตลาดมคี วามรวดเร็วดา้ นขอ้ มลู

ขา่ วสารการตลาด จะนยิ มทาการทดสอบประกอบการตดั สนิ ใจ

2.4) ระบบการปรบั ตัวต่อการเปลยี่ นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน คือ พฤติกรรม ทบี่ ุคคล

ในระบบตลาดมกี ารตัดสินใจที่ฉบั ไวพรอ้ มปรบั ตวั ตอ่ การเปลี่ยนแปลงของการตลาดเพ่อื การแข่งขัน

3) ผลการดาเนนิ งานของตลาด (Performance) เปน็ การวิเคราะหเ์ พ่อื ใหท้ ราบถงึ ระบบ

ตลาดทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพมากท่ีสุด สามารถศกึ ษาไดห้ ลายวิธี อาทิ การวเิ คราะหค์ ่าใช้จา่ ยในการส่งเสริม

การขาย การวเิ คราะห์ด้านตัวสนิ คา้ (การวิเคราะห์ถึงระบบหรอื รปู แบบการส่งเสริมการขายวา่ ตรงกับ

ความต้องการของผบู้ รโิ ภคมากน้อยเพียงใด แสดงถึงการประสบความสาเร็จในการดาเนนิ ธรุ กิจ )

การวิเคราะหด์ า้ นเทคโนโลยีการผลติ และการตลาด (การวเิ คราะหถ์ ึงความสามารถในการลดต้นทุน

การตลาดโดยนาเทคโนโลยีเพอ่ื การผลิต การตลาดท่มี ปี ระสทิ ธิภาพมาประยุกตใ์ ช้ ให้บรกิ ารการตลาดดขี ้ึน

แสดงถงึ การประสบความสาเร็จในการดาเนินธุรกิจ ) การวิเคราะหด์ า้ นผลกาไรและต้นทุนการตลาดของ

หน่วยธรุ กิจ (การวเิ คราะห์ถงึ อัตราผลกาไร ความคุม้ ค่าในการลงทุนดา้ นการตลาด ทจ่ี ะสง่ ผลตอ่ การสร้าง

แรงจงู ใจในการขยายธุรกจิ ซงึ่ จะเป็นผลดีต่อระบบตลาด)

2.2.5 แนวคดิ ดา้ นการวดั ทัศนคติของมนษุ ย์

ทศั นคติ หมายถึง ความรูส้ กึ ของบุคคลท่มี ีตอ่ สง่ิ ใดสิ่งหนึ่งทงั้ ทเี่ กีย่ วกับบุคคล สง่ิ ของ และ

สภาพการณ์ เม่ือเกิดความรู้สกึ นนั้ แลว้ จะมกี ารเตรยี มพรอ้ มเพือ่ สรา้ งปฏิกริ ิยาตอบโตไ้ ปในทิศทางใด ทศิ ทาง

หนง่ึ ตามความรสู้ ึกของตนเอง การศึกษาทัศนคตขิ องบุคคลสามารถทาไดโ้ ดยดจู ากการแสดงพฤติกรรมของ

ผู้น้นั โดยใชว้ ธิ ีการสังเกต สอบถาม สัมภาษณ์ และทดสอบ นักจิตวทิ ยามีความเห็นวา่ ทัศนคตเิ ป็นพื้นฐาน

อยา่ งหน่ึง ในการกาหนดพฤติกรรมของมนุษย์ อาจกล่าวไดว้ า่ ทศั นคตเิ ป็นพ้ืนฐานที่แทจ้ ริงในการแสดง

พฤตกิ รรมของแต่ละ บคุ คล และสามารถจาแนกทัศนคติออกเป็น 2 ประเภท คอื ทศั นคติทางบวก

คอื ความรูส้ กึ ทีด่ ี ท่ชี อบ ท่ีอยากมีความสัมพนั ธ์กบั ส่ิงใดสิง่ หนึ่ง และทศั นคติทางลบ คอื ความรู้สกึ ที่ไมด่ ี

ไม่ชอบ ไม่อยากมคี วา มสมั พนั ธ์กับสิง่ ใดส่งิ หนงึ่ โดยปัจจัยที่กอ่ ให้เกดิ ทศั นคติ ไดแ้ ก่ ประสบการณต์ ่าง ๆ

ในอดตี ท่ถี ูกหลอ่ หลอมมาจากความเช่อื ของแต่ละคน และการรับทศั นคติของผู้อนื่ มาเปน็ ของตน

11

2.2.6 กรอบแนวคดิ การบริหารจดั การพน้ื ท่ีเกษตรกรรมโดยใช้แผนท่ี Agri-Map (Zoning by

Agri-Map)

กรอบแนวคิดดังกลา่ ว มุ่งเนน้ การวางแผนภาคการเกษตรอย่างยัง่ ยืน โดยกาหนดยุทธศาสตร์ท่ี

สาคญั คือ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลิต ลดตน้ ทุน และเพม่ิ ขีดความสามารถในการแขง่ ขันดว้ ยการยกระดบั

มาตรฐานสินค้าเกษตรสร้างมูลค่าเพมิ่ ใหส้ ินคา้ ด้วยเทคโนโลยแี ละนวัตกรรม ร วมถึงการผลติ สิน ค้าให้มี

ความสมดุระหว่างอปุ สงคแ์ ละอปุ ทาน ซ่ึงเกิดจากการผสานของแนวคิด Zoning และห่วงโซค่ ณุ ค่า (Value

Chain) ดงั น้ี

1) แนวคิด zoning = area + commodity + Human resource

แนวคดิ zoning = area + commodity + Human resource มสี าระสาคัญ คอื

การขับเคล่อื นนโยบายการบริหารจัดการพืน้ ที่เกษตรกรรม (zoning) ในพ้นื ทีห่ นึง่ ให้ประสบความสาเรจ็

ต้องอาศัยความพรอ้ มของปจั จัยหลกั 3 ดา้ นในการขับเคลอ่ื น ประกอบดว้ ย การบริหารจดั การพน้ื ทแี่ ละ

ทรพั ยากรทเี่ หมาะสม ผลิตสินค้าไดต้ รงตามความตอ้ งการของตลาด รวมทั้งการมีบุคลา กรดา้ นการเกษตร

ทั้งเกษตรกรและเจา้ หนา้ ทที่ ่จี ะทาหน้าทบ่ี รหิ ารจดั การการผลติ ทางการเกษตรตลอดห่วงโซ่คุณค่าได้อยา่ งมี

ประสทิ ธภิ าพ แต่อยา่ งไรกต็ าม พบว่าขอ้ มลู ข้อเท็จจริงเกี่ยวกบั ปจั จัยทั้ง 3 ดา้ นที่เกิดข้นึ ในพืน้ ท่ีตา่ ง ๆ น้นั

มคี วามแตกต่างกัน โดยในบางพ้นื ท่ีมคี วาม พร้อมสาหรับการพัฒนา เชน่ พ้นื ท่ีมีความเหมาะสมและ

โครงสร้างพื้นฐานเอือ้ อานวยสนิ ค้าหลักในพ้นื ท่ีมีราคาดมี ีตลาดรองรับ มบี คุ ลากรทั้ง Smart Farmer และ

Smart Officer ที่มีความพรอ้ มในการบรหิ ารจัดการการผลติ ทางการเกษตรตลอดห่วงโซค่ ณุ คา่ ของสินคา้

เกษตรต่าง ๆ ในพนื้ ท่ีนั้ น เปน็ ต้น แตใ่ นบางพน้ื ทอี่ ยูใ่ นเขตยังขาดความพรอ้ มในบางเรอ่ื ง หรือมีปญั หาที่

ต้องเรง่ แกไ้ ขกอ่ น การพฒั นาในแต่ละพนื้ ทจ่ี ึงไมส่ ามารถใชร้ ปู แบบ วธิ กี ารเหมือนกนั ได้ หนว่ ยงานในพื้นท่ี

และคณะกรรมการระดับจงั หวดั จะตอ้ งกาหนดมาตรการ โครงการและกิจกรรมในการพฒั นาทีเ่ หมาะส ม

และสอดคล้องกบั กล่มุ เป้าหมาย พน้ื ทแี่ ละสนิ ค้าโดยคานงึ ถงึ ขอ้ มูลข้อเท็จจรงิ จากปจั จัยท้ัง 3 ดา้ น

ท่ีดาเนนิ การสารวจ รวบรวม ตรวจสอบขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวข้องมาแลว้ เปน็ สาคญั

สาหรบั ชนดิ ของข้อมูลท่เี ป็นองค์ประกอบสาคญั ในปจั จัยหลักทัง้ 3 ดา้ น ไดป้ ระมวลไว้

เปน็ ตัวอย่ างตามภาพที่ 3 ซงึ่ หนว่ ยงานทง้ั ในสว่ นกลางและจังหวดั จาเป็นต้องทราบเพ่ือนามาพจิ ารณา

กาหนดแนวทางการพฒั นาหรือตัดสินใจในการแนะนาและสง่ เสริมแกเ่ กษตรกรอยา่ งเหมาะสมพจิ ารณาไดจ้ าก

ภาพที่ 2.1

12

ภาพที่ 2.1 ข้อมลู และปจั จยั ท่ีควรพิจารณาในกรอบแนวคดิ
Zoning = Area + Commodity + Human Resource

การให้ไดม้ าของข้อมูลทสี่ าคญั ดังกลา่ ว กระทรวงเกษตรและสหกรณไ์ ดข้ อความรว่ มมอื ให้
หน่วยงานในและนอกสังกัดกระทรวง โดยเฉพาะหนว่ ยงานในระดบั จงั หวดั ดาเนนิ การสารวจ รวบรวม
ตรวจสอบขอ้ มลู ต่าง ๆ ท่ีเก่ยี วข้องจากในพนื้ ท่มี าเปน็ ระยะ ซ่ึงการบริหารจัดการขอ้ มลู ดงั กล่าว
มีความสาคัญและส่งผลต่อความสาเรจ็ ในการขับเคลื่อนนโยบาย Zoning เปน็ อย่างมาก ซึ่งข้อมลู ต่าง ๆ
เหล่าน้จี ะเป็นปจั จยั ในการพจิ ารณากาหนดมาตรการ โครงการ กจิ กรรม เพ่ือพัฒนาการเกษตรให้ตรงตาม
ศักยภาพและเหมาะสมกับพืน้ ท่ี ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมา ยของการพัฒนาตามกรอบแนวคิด Zoning = Area +
Commodity + Human Resource ซงึ่ ตอ้ งมกี ารบูรณาการนโยบายต่าง ๆ เขา้ ด้วยกนั โดยเฉพาะ
การพจิ ารณาความเชอ่ื มโยงของกรณที พ่ี บจากขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จรงิ พ้ืนทแี่ ละขอ้ มูลจากสว่ นกลาง ทั้งด้านพน้ื ที่
และทรพั ยากร (Area & Resource) ดา้ นสนิ ค้า (Commodity) และดา้ นทรัพยากรบุคลากร (Human
Resource: Smart Farmer & Smart officer) โดยจับคู่กรณตี า่ ง ๆ แล้วกาหนด โครงการ /กิจกรรม
แนวทางการตอบสนองตอ่ กรณี รวมท้งั ช่วงเวลาในการดาเนนิ การท่ีเหมาะสม

ดังตวั อย่างการขบั เคลอื่ นนโยบายตามกรอบแนวคดิ Zoning = Area + Commodity +
Human Resource (ภาพที่ 1) กล่าวคอื การ บริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) เปน็ การใช้
ประโยชนท์ ีด่ นิ ของประเทศให้เกดิ ประโยชน์และมีประสิทธิภาพสงู สดุ ตอ้ งอาศัยปัจจยั หลักท้ัง 3 ดา้ น ทง้ั
ด้านพืน้ ท่แี ละทรพั ยากร (Area & Resource) ดา้ นสนิ ค้า (Commodity) และดา้ นคน (Human
Resource: Smart Farmer & Smart officer) ร่วมกันขบั เคล่ือนนโยบายดังกล่าวให้ประสบความสาเรจ็ โดย
ดาเนินการขับเคลื่อนบูรณาการนโยบายต่าง ๆ ประกอบดว้ ย โครงการ One ID Card for Smart Farmer
เพ่ือตรวจสอบสทิ ธขิ องเกษตรกร และบรกิ าร e-services ด้านตา่ ง ๆ ของกระทรวง การสารวจ คดั กรอง
เกษตรกรและแบง่ เกษตรกรออกเป็น 3 กลมุ่ ประกอบดว้ ย Smart Farmer ตน้ แบบ Existing Smart
Farmer และ Developing Smart Farmer ว่าในพนื้ ท่มี แี ตล่ ะกลุ่มเทา่ ไร และนโยบาย Zoning

13

เป็นเครือ่ งมือทีส่ าคัญในการพิจารณาความเหมาะสมของการผลิต สินค้าเกษตรชนดิ ต่าง ๆ ในพนื้ ที่ รวมท้ัง
นโยบาย Commodity เพื่อเปน็ ขอ้ พจิ ารณาในการกาหนดปริมาณการผลิตสินคา้ เกษตรชนิดตา่ ง ๆ ในพื้นท่ี
เช่นกัน หลงั จากน้นั นาขอ้ มลู ทงั้ หมดนาเสนอในรูปแบบแผนท่แี ละเจา้ หน้าทีข่ อง กระทรวงเกษตรและ
สหกรณใ์ นพ้ืนท่ี ไปดาเนินการ สาหรบั ตัวอยา่ งที่ได้นาเสนอ คือ พ้นื ที่ ต .บ้านพรกิ อ.บ้านนา จ. นครนายก
จากข้อมูลพืน้ ท่ีเขตความเหมาะสมในการปลูกข้าว พบวา่ ตาบลนอี้ ยูใ่ นเขตช้ันความเหมาะสมปานกลาง และ
เหมาะสมนอ้ ย เมือ่ นาขอ้ มูลเกษตรกรแต่ละรายลงแผนทีก่ ็ทราบได้วา่ เกษตรกรแต่ละรายลงแผนท่กี ็ทราบได้
วา่ เกษตรกรท่ียงั เป็น Developing Smart Farmer เนอื่ งจากสาเหตใุ ด เช่น ปลกู พชื ในพื้นทีไ่ ม่เหมาะสม
มีกระบานการผลติ ทีไ่ ม่ดี ทาให้สามารถกาหนดโครงการและกิจกรรมเพ่ือพัฒนาและส่งเสรมิ เก ษตรกรราย
นัน้ ๆ ได้ตรงตามความต้องการ รวมท้งั การดาเนนิ งานและการตดิ ตอ่ ประสานงานของ Smart Officer ทมี่ ี
ความรคู้ วามเชย่ี วชาญในพืน้ ทแ่ี ละองคค์ วามรู้ทางด้านการเกษตรสาขาต่าง ๆ ของกรมเป็นผู้ใหค้ าแนะนา
และประสานงานกบั ทกุ ภาคส่วนที่เก่ียวข้องภายในพ้นื ท่ีท้ังภาครฐั และภา คเอกชน โดยใช้ระบบเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสอื่ สารในการชว่ ยเหลือ ให้คาปรกึ ษากบั เกษตรกรในพ้นื ท่ี รวมทง้ั การเรียนร้แู ละ
ถา่ ยทอดบทเรียนซงึ่ กันและกันระหว่าง Smart farmer ต้นแบบกบั เกษตรกรรายอ่ืน ๆ ซ่ึงจะนาไปสกู่ าร
พัฒนาเกษตรกรพ้ืนที่ และสนิ ค้าไดอ้ ย่างเหมาะสม และสามารถบริหารจัดการการผลิตทางการเกษตรตลอด
หว่ งโซ่คณุ ค่าได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ โดยใชก้ ารตลาดเป็นตัวช้ีนาในการสง่ เสริมการผลิต ซ่ึงต้ังเปา้ หมายว่า
ผลติ ออกมาแล้วตอ้ งขายไดใ้ นราคาทเ่ี กษตรกรอยู่ได้

2) แนวคดิ ห่วงโซ่คุณคา่ (value chain) การผลติ สินค้าเกษตร
หว่ งโซ่คุณคา่ (value chain) การผลิตสนิ ค้าเกษตร เปน็ อกี หลักการหนึ่งท่ที ่ีผูร้ ่วม

ดาเนนิ การจากทกุ ภาคส่วน ทัง้ หนว่ ยงานภาครฐั เอกชน และเกษตรกรในพืน้ ที่ควรทาความเข้าใจให้ตรงกัน
เนอ่ื งจากภายใต้ห่วงโซ่คุณคา่ การผลติ สนิ คา้ เกษตรมกี ระบวนการและขั้นตอนรวมท้งั ผู้ทเ่ี ก่ียวขอ้ งอย่เู ปน็
จานวนมาก และการพฒั นาการผลิตสนิ ค้าเกษตรให้มปี ระสทิ ธิภาพและมปี ระสทิ ธิผลต่อทรพั ยากรใหม้ าก
ทีส่ ุดต้องมกี ารดาเนนิ การอยา่ งสอดคลอ้ งกันต้งั แตต่ น้ น้าจนถงึ ปลายนา้ (ภาพที่ 2.2)

ภาพที่ 2.2 กรอบแนวคิดห่วงโซค่ ณุ คา่ (value chain) การผลิตสนิ ค้าเกษตร

14

จากภาพที่ 2.2 กรอบแนวคดิ ห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) การผลิตสินค้าเกษตร
อุตสาหกรรมอาหารและพลงั งาน โดยทั่วไปทศิ ทางของสนิ ค้าเกษตรจะเคลอื่ นจากตน้ นา้ สปู่ ลายนา้ โดย
ตน้ นา้ จะเปน็ ดา้ นการผลิตจากการจัดหาปัจจัยการผลติ เพอ่ื ทาการผลติ การปลูกเลีย้ งจนไดผ้ ลผลิตออกมา
สง่ ต่อไปที่ กลางน้า เปน็ ส่วนของการแปรรปู ซึ่งตอ้ งจดั หาวตั ถุดบิ ตามความตอ้ งการป้อนสกู่ ระบวนการ
แปรรปู ให้เป็นสนิ ค้าแตล่ ะชนดิ เพอ่ื เขา้ สู่กลไก ปลายนา้ ซงึ่ เป็นกระบวนการด้านการตลาดสผู่ บู้ ริโภคทัง้ ใน
และตา่ งประเทศ

สาหรบั ทศิ ทางของผลตอบแทนจะเปน็ ในทิศทางตรงขา้ ม กล่าวคอื ผูบ้ ริโภคจะเป็นต้นทาง
ของผลตอบแทนใหก้ บั ผทู้ ่เี กยี่ วข้องในหว่ งโซ่คณุ ค่าการผลิตสนิ คา้ เกษตรชนดิ นนั้ ๆ โดยจา่ ยผลตอบแทน
ให้กับพ่อค้า/นักธรุ กิจที่เป็นผ้นู าเสนอสินคา้ และบริการทต่ี รงตามความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค โดยพอ่ คา้ /
นกั ธรุ กจิ จะเลือกซื้อสินค้าทีม่ คี ุณภาพ /มาตรฐานจา กแหล่งแปรรปู ซงึ่ อยู่กลางนา้ ตามปรมิ าณท่ีผู้บรโิ ภค
ตอ้ งการซ่งึ เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งหากมีปริมาณเพมิ่ มากขนึ้ แหล่งแปรรปู ก็จะซ้ือผลผลิตทางการเกษตร
ซ่งึ เปน็ วตั ถุดิบในการแปรรูปมากขน้ึ ให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตทางการเกษตรได้เพมิ่ ขน้ึ

ทัง้ นี้ ปจั จยั สาคัญในการบรหิ ารจั ดการใหห้ ว่ งโซ่คุณค่าการผลิตสนิ คา้ เกษตรแตล่ ะชนดิ ให้
มีประสิทธภิ าพ คือ การสรา้ งสมดลุ ระหว่างอปุ สงค์และอปุ ทานของสนิ คา้ เกษตรแต่ละชนดิ ในตลาดต้ังแต่
ต้นนา้ ถงึ ปลายนา้ ในสภาพปจั จุบันประเทศไทยยงั ประสบปญั หาการผลิตที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการ
ของตลาดในสินคา้ เกษตรหลาย ๆ ชนิด ซงึ่ เป็นปัญหาสาคญั ทีส่ รา้ งความสญู เสยี โอกาสในการพัฒนาตา่ ง ๆ
สง่ ผลต่อความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศ รวมทัง้ ก่อให้เกดิ ปญั หาทางเศรษฐกจิ และสังคมตามมาใน
หลายกรณี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซงึ่ เปน็ หนว่ ยงานรบั ผดิ ชอบในการขับเคลื่อนการผลิตสนิ คา้ เกษตร
ส่วนตน้ น้าเปน็ ห ลกั และสนับสนนุ การขับเคลอ่ื นส่วนกลางน้าและปลายนา้ ใหก้ บั หน่วยงานตา่ งๆ ต้องทา
ความเขา้ ใจโจทย์สาคญั ที่ต้องเร่งดาเนินการทั้งในส่วนตน้ นา้ กลางนา้ และปลายนา้(ภาพที่ 2.3)

โจทยส์ าคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

มีข้อมู ลเชงิ พน้ื ที่ ท้ังปัจจยั การผลิต รูข้ ้อมลู ความตอ้ งการผลผลติ เกษตรแตล่ ะ มีช่องทางหรือวิธีการทจ่ี ะร้ขู อ้ มลู
เกษตรกรที่ชดั เจน เพียงพอหรอื ไม่ ชนิดที่ใชเ้ ปน็ วตั ถุดบิ ของหน่อยธรุ กจิ /โรงงาน ปริมาณและคุณภาพสินค้า ขอ้ มลู แนวโนม้
แปรรูปท้ังในเชงิ ปรมิ าณและคณุ ภาพหรือไม่ ความต้องการสนิ คา้ ที่มอี ยใู่ นตลาดหรือไม่
มีข้อมลู การผลิตและผลผลติ ท้งั อยา่ งไร
ปรมิ าณและคณุ ภาพสินคา้ การเกษตรที่ ศกั ยภาพของสหกรณ/์ วิสาหกจิ /กลุ่ม
ชดั เจนเพยี งพอหรือไม่ เกษตรกรในการแปรรปู สินคา้ และการสรา้ ง มีช่องทางหรอื วิธกี ารท่จี ะรูข้ อ้ มลู ความ
มูลคา่ เพมิ่ เปน็ อย่างไร ต้องการสนิ คา้ ทีผ่ ลติ จากผลผลติ ทาง
มีชอ่ งทางและขอ้ มูลขา่ วสาร องค์ การเกษตรทงั้ เชงิ ปริมาณและคุณภาพ
ความรเู้ พอ่ื สนบั สนุนการผลติ ท่มี ี มีการสร้างเครือขา่ ยความร่วมมอื กบั หรือไม่ อยา่ งไร
ประสทิ ธิภาพเพยี งพอหรือไม่ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบนั การศกึ ษา
ในดา้ นขอ้ มูล/เทคโนโลย/ี แนวโน้มความ มีการสร้างเครือขา่ ยความรว่ มมอื กบั
มีแนวทางการบรหิ ารจัดการและ ต้องการผลผลติ ทางการเกษตรเพื่อแปรรูปที่ หน่วยงานภาครฐั เอกชน
สง่ เสริมการผลิตใหเ้ กดิ ป ระสทิ ธิภาพ เพยี งพอหรือไม่ สถาบันการศกึ ษาในดา้ นขอ้ มูล/ความ
สงู สุดอยา่ งไร ต้องการผูโ้ ภค/ตลาดท้งั ในและต่างประเทศ
ฯลฯ ทเ่ี พยี งพอหรือไม่
ฯลฯ
ฯลฯ

ภาพท่ี 2.3 โจทย์สาคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณใ์ นการเพ่ิมประสิทธภิ าพบริหารจัดการ
ห่วงโซค่ ณุ คา่ การผลิตสนิ คา้ เกษตร

15

สาหรบั การจดั การโซ่อุปทานเป็นกระบวนการในการบูรณาการเกยี่ วกบั การจดั การ
ความสัมพนั ธ์ (Relationship)ระหว่างค่คู ้า (Supplier) และลกู คา้ ตัง้ แตต่ น้ น้าซึ่งเป็นแหล่งกาเนดิ วตั ถดุ ิบ
(Origin Upstream) จนสนิ คา้ นนั้ ได้มกี ารเคลอื่ นย้ายจดั เก็บและส่งออกในแต่ละชว่ งของโซอ่ ุปทานจนสินค้า
ไดส้ ง่ มอบไปถงึ ผู้รบั คนสดุ ทา้ ย (Customer Down Stream) ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธผิ ลท้งั ใน
เชิงต้นทุนและระยะเวลาในการส่งมอบ (ธนิต โสรตั น์, 2550)

องค์ประกอบของความหมายของการจดั การโซ่อปุ ทาน ไดแ้ ก่ 1) การจดั การความสมั พันธ์
(Relationship Management) เป็นการจัดการปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งตวั บรษิ ัท (Firm) กับคคู่ ้าที่เปน็
(Source of supplier) และลกู ค้าทีเ่ ปน็ (End Customer) โดยประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ลของการ
จัดการโซ่อุปทานอย่ทู ี่ การจัดความสม ดุลในการพง่ึ พาระหว่างหน่วยงานธุรกจิ ในโซ่อุปทานในส่วนที่
เก่ียวข้องอุปสงค์และอุปทาน การจัดการความสัมพันธท์ ีม่ ปี ระสทิ ธิภาพจะตอ้ งพฒั นาไป ส่วู ฒั นธรรมของ
องคก์ รกับองคก์ รมากกว่าการสรา้ งความสัมพนั ธ์ ในลกั ษณะที่ เป็นบคุ คลทเี่ ป็น Personal Relationship
การจดั ความสมั พันธไ์ ม่ใช่แคเ่ ป็น "Good Customer" แตต่ อ้ งพฒั นาไปสู่ระดับท่เี ป็น "Good Partnership"
ทีม่ คี วามยุติธรรมทางธุรกจิ ตอ่ กันรว่ มถงึ การไว้วางใจและเชือ่ ถือตอ่ กนั 2) การจดั การความรว่ มมือ (Chain
Collaborate Management) ระหวา่ งองค์กรหรือระหว่างหน่วยงานต่า งบรษิ ทั (Firm) เพือ่ ให้เกิด
การประสานภารกิจ (Co-Ordination) ในสว่ นทเ่ี ก่ยี วข้องกบั การไหลลื่นของข้อมลู ขา่ วสารในโซอ่ ุปทาน
เปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพโดยกิจกรรมการจัดการโลจิสตกิ ส์ ซ่งึ ประสบความล้มเหลว ปัจจัยสาคญั เกดิ
การขาดประสทิ ธภิ าพของการประสานประโยชน์และความร่ วมมือในการดาเนนิ กิจกรรม ทางโลจสิ ติกส์
รว่ มกนั ในการกระจายสนิ คา้ และสง่ มอบสินค้า ระหว่างองค์การตา่ ง ๆ ภายในโซอ่ ุปทานในลกั ษณะท่ีเปน็
บูรณาการทางธุรกิจ (Business Integration) ซ่ึงผลกระทบจากการขาดประสิทธภิ าพหน่วยงานใดหรือ
องค์กรใดในโซอ่ ุปทานจะส่งผลต่อต้นทุนรวมและ สง่ ผลตอ่ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขันของทุกธรุ กจิ ใน
โซอ่ ุปทาน 3) การจัดการความนา่ เช่ือถอื (Reliability Value Management) การเพ่ิมระดบั ของ
ความเชอื่ ถือ เชอ่ื มัน่ ท่มี ตี อ่ การสง่ มอบสนิ ค้าทีต่ รงต่อเวลา ไปสคู่ วามไวว้ างใจและความน่าเช่อื ถือ ในการท่ี
จะเพม่ิ ประสิทธภิ า พของการจดั การความไหลลน่ื ของสินคา้ ในโซอ่ ุปทาน ภายใตเ้ งื่อนไขของขอ้ จากัดของ
สถานท่ีต่อเงอื่ นไขของเวลา (Place and Time Utility) จาเป็นทีต่ า่ งฝ่ายจะตอ้ งมีการปฏิบตั กิ ารอย่าง
เป็น (Best Practice) จนนาไปสู่การเชื่อม่ันทเ่ี ปน็ (Reliability Value) ซึ่งเปน็ ปัจจัยในการลดต้นทนุ สนิ คา้
คงคลงั สว่ นเกนิ หรอื เรยี กว่า Buffer Inventory 4) การรวมพลังทางธุรกจิ (Business Synergy)
ความรว่ มมือทางธรุ กิจในกลุม่ ของ Supplier ในโซอ่ ปุ ทานทั้งทม่ี าจากกลุ่มอุตสาหกรรมสนบั สนุนทเ่ี ปน็
Support Industries เช่นผู้ผลิตกล่อง ผผู้ ลิตสลาก ผู้ผลติ วตั ถดุ ิบ วสั ดุอปุ กรณท์ ใี่ ชก้ ารผลติ บรรจุ
ผสม และประกอบรวมตลอดไปจนถึงธุรกจิ ใหบ้ รกิ าร โลจสิ ตกิ ส์ โดยบริษัทจะตอ้ งมยี ุทธศาสตร์ในการ
จัดการความสมดุลของความสมั พันธ์ของคู่ค้า (Suppliers Relationship Management : SRM)
กับความสั มพันธ์ ของคคู่ า้ ทีเ่ ปน็ ลกู ค้า (Customer Relationship Management : CRM) ทง้ั ระบบ
การสือ่ สารการประสานผลประโยชนท์ ี่เปน็ Win - Win Advantage และการใชย้ ุทธศาสตร์ร่วมกัน ภายใต้
ลกู คา้ คนสุดทา้ ยเดียวกนั

ห่วงโซอ่ ุปทานมีความแตกตา่ งของโลจิสตกิ ส์ คือ โลจสิ ตกิ สเ์ ป็นกระบวนการทีเ่ น้นกจิ กรรม
เก่ยี วกับการเคลอื่ นยา้ ย การจัดเก็บ การกระจายสินค้าและบริการ การวางแผนการผลิตและการสง่ มอบ
สนิ ค้าจากผผู้ ลติ ไปยังผบู้ รโิ ภค ในขณะทีโ่ ซ่อปุ ทานจะเปน็ กิจกรรมทเี่ ก่ยี วข้องกับการจดั การปฏสิ มั พนั ธ์ของ
กระบวนการตา่ ง ๆ ของหน่วยงานต่าง ๆ ทงั้ ภายในองค์ก รและระหว่างองค์กรต่าง ๆ ให้มคี วามสอดคลอ้ ง

16

สอดประสานในการทางานรว่ มกนั ให้เกิดประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผล ตอ่ การส่งมอบสนิ ค้าภายใต้ตน้ ทนุ
ทส่ี ามารถแข่งขันได้โดยความแตกต่างที่ชัดเจนนนั้ เหน็ ไดจ้ าก โลจสิ ตกิ สจ์ ะเน้นพันธกิจเกย่ี วกับ
การเคล่ือนยา้ ยสินคา้ และบริการรวมทัง้ ข้อมูลข่าวสาร สว่ นโซ่อุปทานจะเนน้ บทบาทเกี่ยวกับความสัมพันธ์
และความรว่ มมือระหว่างองค์กรเพ่อื ให้โซอ่ ุปทานมคี วามบรู ณาการโดยกจิ กรรมของโลจิสตกิ ส์ จะดาเนนิ
อย่ภู ายในโซ่อปุ ทาน ดังนนั้ โลจิสตกิ ส์ และโซ่อุปทาน จงึ เปน็ กจิ กรรมที่ดี ลักษณะเปน็ บูรณาการยาก
ทจี่ ะแยกแยะได้

บทท่ี 3
สภาพทว่ั ไป

3.1 ทตี่ ั้งและอาณาเขต

จังหวัดนครพนม เป็นจังหวัดชายแดน ตง้ั อยูท่ างภาคตะวันออกเฉยี งเหนือของประเทศไทย พน้ื ที่มี

ลกั ษณะเลยี บยาวตามแนวชายฝั่งขวาของแม่น้าโขง ประมาณ 174 กโิ ลเมตร อย่รู ะหว่างเส้นร้งุ ท่ี 16 -18

องศาเหนอื และระหว่างเสน้ แวงที่ 104 -105 องศาตะวันออก มรี ะยะทางห่างจากกรงุ เทพมหานครประมาณ

735 กโิ ลเมตร (ภาพที่ 3.1)

ทิศเหนือ ติดตอ่ กบั เขตอา้ เภอเซกา จงั หวดั บงึ กาฬ

ระยะทาง 158 กิโลเมตร

ทิศใต้ ติดต่อกบั เขตอ้าเภอหลวง และอา้ เภอหวา้ นใหญ่ จังหวดั มุกดาหาร

ระยะทาง 104 กโิ ลเมตร

ทศิ ตะวันออก ติดตอ่ กับแขวงค้ามว่ น และแขวงบลิคา้ ไช สาธารณรัฐประชาธปิ ไตย

ประชาชนลาวโดยมีแม่น้าโขงเปน็ เส้นก้นั พรมแดน

ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ต่อกับเขตอา้ เภอกุสมุ าลย์ และอา้ เภออากาศอ้านวย จังหวัดสกลนคร

ระยะทาง 93 กิโลเมตร

จงั หวัดนครพนม มเี น้อื ท่ีประมาณ 5,512.668 ตารางกโิ ลเมตรหรือประมาณ 3,445,418 ไร่ (คิดเป็น

รอ้ ยละ 3 ของพื้นที่ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื )

ภาพที่ 3.1 แผนที่จงั หวัดนครพนม
ท่ีมา: สา้ นักงานจงั หวดั นครพนม (2563)
3.2 ลักษณะภมู ปิ ระเทศ
จงั หวดั นครพนม มลี กั ษณะภมู ปิ ระเทศทั่วไปเปน็ ที่ราบลมุ่ มที ร่ี าบสงู และภูเขาอยบู่ ้าง มแี ม่น้าสาย
ส้นั ๆ เปน็ สาขาย่อยแยกจากแม่น้าโขงมาหลอ่ เลย้ี งความอุดมสมบรู ณ์ภายในพื้นที่ พืน้ ที่ส่วนใหญ่มีแม่น้าโขงไหล
ผา่ น นครพนมจงึ นบั วา่ เปน็ จงั หวดั ที่มีแหลง่ นา้ ทสี่ มบรู ณม์ าก ดา้ นตะวันออกมีแมน่ ้าโขงทอดยาวกัน้ พรมแดน

18

ระหวา่ งประเทศไทยกบั ลาว ความสูงของพน้ื ทโี่ ดยเฉลย่ี สูงกวา่ ระดบั นา้ ทะเลประมาณ 140 เมตร สภาพภมู ิ
ประเทศแบง่ ออกได้เปน็ 2 เขต ดังนี้

เขตตอนเหนอื สภาพพืน้ ที่สว่ นใหญเ่ ป็นเนินสูงและทีด่ อน มปี า่ ไมส้ ลบั กับพนื้ ท่รี าบทใ่ี ชท้ ้า นาทางเหนือ
สดุ ของจงั หวดั ในเขตอา้ เภอบ้านแพง มเี ทือกเขาภูลังกาทอดผ่าน นอกจากนี้ยังมแี ม่น้า สายสา้ คัญไหลผา่ น คือ
แม่น้าสงครามและแม่น้า อูน ส้าหรับอา้ เภอในเขตน้ี คือ บ้านแพง ศรสี งคราม ทา่ อุเทน นาหว้า โพนสวรรค์
และนาทม

เขตตอนใต้ พน้ื ท่ีบรเิ วณใกล้แม่น้าโขงทางทศิ ตะวันออก เปน็ ท่ีราบลุม่ ส่วนทา งทิศตะวันตก ซึง่ อยู่
ห่างจากแม่นา้ โขงออกไปมีพื้นท่ีดอนมสี ภาพเป็นปา่ เตง็ รงั พื้นดนิ สว่ นมากมีลกั ษณะเปน็ หินลูกรงั บางแห่ง
มลี กั ษณะเป็นทเี่ นนิ และทร่ี าบสลบั กนั มี แม่นา้ ก่า้ ไหลผ่านพนื้ ท่ีทางใต้สุดของจังหวดั ในเขตอา้ เภอ นาแกมี
เทือกเขา ภูพานทอดเปน็ แนวกน้ั เขตระหวา่ งจงั หวดั นครพนมกับจังหวัดมกุ ดาหาร ส้าหรับอ้าเภอทีอ่ ยู่ ในเขตน้ี
ได้แก่ เมอื งนครพนม เรณนู คร ธาตุพนม ปลาปาก นาแก และวงั ยาง

3.3 การปกครอง/ประชากร
3.3.1 ข้อมูลการปกครอง
จงั หวดั นครพนม แบงเขตการปกครองออกเปน 12 อา้ เภอ ไดแก เมอื งนครพนม ปลาปาก ทา่ อุ

เทน บ้านแพง ธาตุพนม เรณูนคร นาแก ศรสี งคราม นาหวา้ โพนสวรรค์ นาทม และวงั ยาง จา้ นวนต้าบลรวม
99 ต้าบล 1,128 หมูบาน 1 องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวัด (อบจ.) 1 เทศบาลเมือง 21 เทศบาลตา้ บล และ 81
องคก์ ารบริหารสว่ นต้าบล (อบต.) (ตารางที่ 3.1)

ตารางท่ี 3.1 ข้อมูลการปกครองของจังหวดั นครพนม

อาเภอ พน้ื ท่ี ตาบล หม่บู ้าน เทศบาล เทศบาล อบต.
(ตารางกิโลเมตร) เมอื ง ตาบล
1.00 1.00 12.00
เมือง 853.31 15.00 173.00
- 1.00 8.00
นครพนม - 2.00 7.00
- 1.00 5.00
ปลาปาก 547.10 8.00 85.00 - 5.00 7.00
- 1.00 8.00
ท่าอุเทน 467.98 9.00 111.00 - 2.00 11.00
- 5.00 5.00
บ้านแพง 284.73 6.00 66.00 - 2.00 5.00
- 1.00 7.00
ธาตพุ นม 367.88 12.00 136.00 - 3.00
- - 3.00
เรณนู คร 253.95 8.00 91.00 1.00 - 81.00
21.00
นาแก 539.22 12.00 143.00

ศรีสงคราม 671.37 9.00 109.00

นาหว้า 288.45 6.00 68.00

โพนสวรรค์ 718.84 7.00 92.00

นาทม 398.13 3.00 38.00

วังยาง 137.93 4.00 27.00

รวม 5,528.88 99.00 1,139.00

ท่มี า: ส้านกั งานจังหวดั นครพนม (กนั ยายน 2562)

19

3.3.2 ข้อมลู ประชากร
จังหวดั นครพนม ประกอบดว้ ยกลุ่มชน 8 เผา่ ไดแ้ ก่ ไทยลาวเผา่ ผูไ้ ท ไทยญอ้ (ญอ้ ) ไทยโส้หรอื

ไทยกะโซ่ ไทยกะเลิง ไทยขา่ ไทแสก และไทกวน รวมไปถงึ ชาวไทยเชือ้ สายจนี และเวยี ดนาม อาศัย อยรู่ ว่ มกัน
อยา่ งสมานฉันท์ ซ่งึ ชนเผา่ ต่างๆ มคี วามหวงแหนในศิลปวฒั นธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณขี องตนเอง
เชน่ ชนเผ่าผไู้ ท อา้ เภอเรณนู คร ยงั คงรกั ษาเอกลักษณข์ องตนเองไว้เปน็ อย่างดี

จา้ นวนประชากรในจงั หวดั นครพนมมที ้ังสิน้ 718,786 คน แยกเปน็ เพศชาย 358,584 คน
เพศหญงิ 360,202 คน จ้านวนครัวเรือน 223,957 ครัวเรอื น (ตารางที่ 3.2)

ตารางท่ี 3.2 จานวนประชากรแยกเพศ รายอาเภอ/ท้องถน่ิ

อาเภอ/ทอ้ งถ่นิ ประชากร (คน) จานวนครัวเรือน
ชาย หญงิ รวม
48,960
อ้าเภอเมอื งนครพนม 72,312 72,337 144,649 17,138
17,152
อ้าเภอปลาปาก 27,200 27,141 54,341 11,233
25,360
อา้ เภอทา่ อุเทน 29,889 29,681 59,570 14,071
23,091
อ้าเภอบา้ นแพง 17,794 17,753 35,547 20,926
16,457
อา้ เภอธาตพุ นม 41,167 41,888 83,055 17,918
7,110
อ้าเภอเรณนู คร 23,087 23,126 46,213 4,541
223,957
อา้ เภอนาแก 38,115 38,836 76,951

อา้ เภอศรีสงคราม 34,750 35,072 69,822

อ้าเภอนาหวา้ 25,790 26,080 51,870

อา้ เภอโพนสวรรค์ 28,884 28,954 57,838

อ้าเภอนาทม 11,809 11,650 23,459

อ้าเภอวังยาง 7,787 7,684 15,471

รวม 358,584 360,202 718,786

ท่มี า: ส้านักงานจังหวดั นครพนม (กนั ยายน 2562)

3.4 ลักษณะภูมอิ ากาศและปริมาณนา้ ฝน
โดยท่ัวไปจังหวัดนครพนมเปน็ จังหวัดที่มีฝนตกชกุ ในฤดฝู น เนื่องจากไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากลมมรสุม

ตะวันตกเฉียงใต้ทีพ่ ดั ปกคลุม และอิทธพิ ลจากป่าไม้และเทือกเขาจากสาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว
รวมทัง้ พายจุ ากทะเลจนี ใตท้ ่ีเคลอ่ื นผ่านหรอื เคลื่อนเขา้ ใกล้ ฝนตกชกุ ตง้ั แต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือน
ตุลาคม ซึ่งในปี 2560 (เดอื นมกราคมถงึ เดือนสิงหาคม 2560) อา้ เภอเมืองนครพนม มีฝนตก 105 วัน ปรมิ าณ
ฝน 2,106.8 มลิ ลเิ มตร อุณหภมู ิสงู สดุ 38.5 องศาเซลเซยี ส เมื่อวันท่ี 14 มนี าคม 2560 และ อุณหภมู ิตา้่ ทีส่ ุด
14.0 องศาเซลเซยี ส เมอื่ วนั ท่ี 14 กุมภาพนั ธ์ 2560 สภาพดินฟ้าอากาศของจงั หวัดนครพนม แบ่งออกเปน็
3 ฤดู (ตารางที่ 3.3)

ฤดูรอ้ น เร่มิ ต้ังแตก่ ลางเดอื นกุมภาพันธ์ - กลางเดือนพฤษภาคม ของทุกปี ฤดรู ้อนจะมีอากาศร้อนอบ
อ้าว อุณหภูมเิ ฉลี่ย 25-35 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิสงู สดุ อยรู่ ะหวา่ ง 37 - 41 องศาเซลเซียส

20

ฤดูฝน เรม่ิ ตงั้ แตก่ ลางเดอื นพฤษภาคม - กลางเดอื นตลุ าคมของทกุ ปี ในบางสว่ นของจั งหวัด มฝี น
ตกชกุ โดยเฉพาะพน้ื ที่ อา้ เภอทอี่ ยรู่ ิมฝั่งแม่น้าโขงจะประสบอทุ กภยั ได้รับความเสียหายเปน็ ประจา้ ทกุ ปี เชน่
อา้ เภอเมอื ง อา้ เภอทา่ อเุ ทน และอ้าเภอบา้ นแพง เปน็ ตน้

ฤดหู นาว เร่มิ ตัง้ แต่กลางเดอื นตลุ าคม - กลางเดอื นกมุ ภาพันธข์ องทกุ ปี โดยทว่ั ไปอากาศ จะหนาวเยน็
อณุ หภูมเิ ฉล่ีย 16-25 องศาเซลเซียส และอณุ หภมู ติ ้่าสดุ อยใู่ นชว่ ง 8 - 15 องศาเซลเซยี ส แตก่ ็มีบางปีท่ี
อุณหภมู ติ า่้ สุดอาจจะต่า้ กวา่ นนั้ ได้ (ตารางที่ 3.4)

ตารางท่ี 3.3 ปรมิ าณนา้ ฝน ปี 2560 – 2562

พ.ศ.๒๕๖๐ พ.ศ.๒๕๖๑ พ.ศ.๒๕๖๒

ปี ปริมาณ จ้านวน ปรมิ าณฝน วันที่ ปรมิ าณ จ้านวน ปรมิ าณ วันท่ี ปริมาณ จ้านวน ปรมิ าณ วันท่ี
ฝน(มม.) วนั ท่ี สูงสดุ ปริมาณ ฝน (มม.) วันที่ ฝนสงู สุด ปรมิ าณ ฝน วันท่ี ฝน ปรมิ าณ
ตก ฝนสงู ตก ฝนสงู (มม.) ตก สงู สดุ ฝนสูง
ท่ีสุด 2792.10 ทสี่ ุด ทีส่ ดุ
2.30 2178.10 127 102.00
ท้ังปี 2664.70 145 165.40 234 16.60 134 184.80 24 0.00 0 0.00 24
86.60 2 1.90 20.80 3 14.90
มกราคม 0.10 1 0.10 11 3 12.80 7 43.80 5 15.50 -
142.10 7 27.30 13 43.70
กมุ ภาพนั ธ์ 23.00 2 22.20 25 195.30 12 42.10 21 117.80 22 35.10 6
471.20 12 6.40 164.50 19 55.90
มนี าคม 122.60 10 42.10 21 1112.00 20 117.10 18 440.30 18 102.00 4
471.50 29 184.80 475.20 27 52.60
เมษายน 131.60 7 86.80 12 248.60 29 76.60 14 603.80 13 79.60 1253
44.60 16 75.20 280.70 5 10.60
พฤษภาคม 377.40 14 165.40 24 2 42.50 22 23.20 2 7.60 226
1.20 1 1.20 0 0.00
มถิ นุ ายน 226.80 24 38.90 9 0.70 1 0.70 8 8.00 1917
0.00
กรกฎาคม 740.80 27 99.40 29 16 182

สิงหาคม 484.50 20 86.10 24 23 30

กนั ยายน 401.30 22 130.20 15 11 10

ตลุ าคม 150.10 14 59.20 9 16 8

พฤศจกิ ายน 2.40 3 2.00 18 27 13

ธนั วาคม 4.10 1 4.10 26 29 -

ท่ีมา : สถานีอตุ ุนยิ มวทิ ยาจงั หวัดนครพนม

ตารางท่ี 3.4 ขอ้ มลู อุณหภูมิสูงสดุ -ต่าสดุ ปี 2560-2562

ปี ระดบั ม.ค. ก.พ. ระดบั อุณหภูมิ หนว่ ย:เซลเซยี ส
อุณหภูมิ มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.

2560 สูงสุด 32.30 36.70 38.50 36.80 37.20 35.60 33.50 35.40 35.10 34.50 35.00 32.20

ตา้่ สดุ 14.20 14.20 16.80 16.60 23.40 23.50 23.40 23.70 23.50 18.90 15.00 9.50

เฉล่ยี 24.10 24.20 27.10 28.30 28.70 28.30 26.80 28.10 28.00 26.90 25.40 22.30

2561 สูงสุด 33.50 36.00 37.50 38.90 36.80 35.40 34.70 34.00 34.80 35.30 35.40 34.90

ต้่าสดุ 10.90 12.00 14.60 17.20 22.70 22.50 23.00 22.90 22.70 18.80 15.40 14.00

เฉล่ยี 23.40 23.10 26.60 28.00 28.70 28.00 26.70 26.80 28.30 28.20 26.80 25.00

2562 สูงสดุ 33.30 37.20 39.20 40.20 37.50 36.60 35.50 34.20 35.00 35.20 34.40 33.50

ต่้าสุด 12.90 17.90 21.50 22.60 22.50 23.20 22.90 23.30 21.10 19.10 17.70 10.80

เฉล่ีย 24.40 27.50 29.30 30.80 29.10 29.30 28.40 27.10 27.70 28.10 25.70 23.50

ที่มา : สถานีอุตนุ ยิ มวทิ ยาจังหวดั นครพนม

21

3.5 ทรพั ยากรธรรมชาติ และแหล่งน้า
3.5.1 ทรพั ยากรดนิ และการใช้ทด่ี นิ
จงั หวัดนครพนม ได้จา้ แนกดนิ ออกเปน็ 25 กลุ่มชุดดิน มีเน้ือทป่ี ระมาณ 3,094,328 ไร่ หรือ

ร้อยละ 89.79 ของเนอื้ ท่ีทัง้ หมด และเปน็ หนว่ ยพื้นท่เี บด็ เตลด็ 7 หนว่ ย ไดแ้ ก่ ทดี่ นิ หินพืน้ โผล่ ทีอ่ ยูอ่ าศยั
แหล่งนา้ ฯ มีเนือ้ ที่ประมาณ 351,090 ไร่ หรือร้อยละ 10.21 ของเนือ้ ทที่ ั้งหมด

1) ความเหมาะสมของดินส้าหรบั การปลกู พชื เศรษฐกจิ
ผลการจา้ แนกศกั ยภาพของดินทม่ี ีความเหมาะสมส้าหรับการปลูกพชื เศรษฐ กจิ ของจงั หวดั

นครพนม พบวา่ ดินของจังหวัดนครพนมเปน็ ดนิ ท่เี หมาะสมปานกลางสา้ หรบั ปลูกพชื ไรแ่ ละไม้ผล โดยมี
ขอ้ จา้ กดั เกีย่ วกับดินท่ีมกี รวดและหนิ พ้นื โผล่ปะปนมากที่สดุ จา้ นวน 1,013,645 ไร่ คดิ เป็นรอ้ ยละ 29.42
รองลงมา คอื ดินที่เหมาะสมดีส้าหรับปลูกพชื ไร่ ไม้ผล และไม้ยืนต้ น แตม่ ีข้อจ้ากัดเก่ียวกับดนิ จ้านวน
626,178 ไร่ คิดเปน็ รอ้ ยละ 18.17 (ตารางที่ 3.5)

ตารางที่ 3.5 ความเหมาะสมของดินสาหรับปลกู พืชเศรษฐกจิ ของจงั หวดั นครพนม

ประเภท เนือ้ ที่ (ไร่) รอ้ ยละ
6.63
ดนิ เหมาะส้าหรับปลูกขา้ ว 228,392 14.58
13.45
ดินทเ่ี หมาะสมดีส้าหรบั ปลูกข้าวแตม่ ีขอ้ จ้ากัดเกี่ยวกบั ดิน 502,250 3.26
18.17
ดินทเ่ี หมาะสมปานกลางส้าหรับปลกู ข้าว 463,270 1.01

ดนิ ทีเ่ หมาะสมดีสา้ หรับปลกู พชื ไรไ่ มผ้ ลและไมย้ ืนต้น 112,396 29.42

ดินทเ่ี หมาะสมดสี ้าหรับปลกู พชื ไรไ่ มผ้ ลและไมย้ นื ตน้ แตม่ ขี ้อจา้ กดั เกยี่ วกับดิน 626,178 3.29

ดินทเ่ี หมาะสมดสี า้ หรบั ปลกู พืชไร่บางชนิดเหมาะสมปานกลางส้าหรับไม้ผล 34,761 0.18
0.01
และไม้ยืนตน้ โดยมขี อ้ จา้ กัดเกย่ี วกับดินและเน้ือดิน 0.13
0.04
ดินท่เี หมาะสมปานกลางสา้ หรับปลกู พชื ไรแ่ ละไมผ้ ลโดยมีข้อจ้ากัดเกย่ี วกบั 1,013,645 0.34
3.47
ดินท่ีมกี รวดและหนิ พื้นทีโ่ ผล่ปะปน 6.04
100.00
ดนิ ทีไ่ ม่เหมาะสมส้าหรบั การทา้ เกษตรกรรมเน่อื งจากมีความลาดชนั 113,499

มากกว่า 35 เปอร์เซน็ ต์

สนามบิน (AP) 6,293

ท่สี าธารณประโยชน์ (CEM) 205

ทด่ี ินดัดแปลง (ML) 4,147

สระน้า (P) 1,287

ท่ีดินหนิ พน้ื โผล่ (RC) 11,584

ที่อยูอ่ าศยั (U) 119,548

พนื้ ทน่ี า้ (W) 208,026

รวมท้ังหมด 3,445,418

ท่มี า : สถานพี ฒั นาทด่ี นิ จงั หวัดนครพนม (2561)

22

2) การใชป้ ระโยชนท์ ี่ดนิ
ผลการศึกษาของกรมพฒั นาท่ดี ิน พบว่า ในปี พ .ศ. 2562 จังหวัดนครพนมมีการใช้

ประโยชน์ทีด่ ินเพ่อื การเกษตรมากทีส่ ดุ คดิ เปน็ 1,901,318 ไร่ รองลงมาคอื พนื้ ทป่ี ่า คิดเปน็ 794,516 ไร่
ซงึ่ ประกอบด้วยพ้นื ที่ปา่ สมบรู ณ์ 701,631 ไร่ และ พน้ื ท่ปี า่ ไม่สมบูรณ์ 92,885 ไร่

พ้ืนที่ท้าการเกษตรส่วนใหญ่เป็นพนื้ ทท่ี ้านาปี มี พืน้ ทเ่ี พาะปลกู ขา้ วในปีเพาะปลกู
2560/2561 จ้านวน 1,441,131 ไร่ หรือคดิ เป็น 75.80% พ้ืนทีป่ ลูกพืชไร่ 84,551 ไร่ หรอื คิดเปน็ 4.45%
พ้นื ท่ปี ลกู ไมผ้ ลไมย้ ืนต้น 216,600 ไร่ หรือคดิ เป็น 11.39% พื้นที่สวนผกั และไมด้ อก 10,407 ไร่ หรอื คดิ เปน็
0.55% และพน้ื ท่ที า้ การเกษตรอน่ื ๆ 148,629 ไร่ หรือคิดเป็น 7.10%

3.5.2 ทรพั ยากรนา้
1) แหลง่ นา้ ธรรมชาติ (ตารางท่ี 3.6)
แมน่ ้าสายหลกั ไดแ้ ก่
(1) แมน่ ้าโขง เปน็ แมน่ ้าขนาดใหญ่ เป็นเสน้ ก้ันเขตแดนระหวา่ งไทยกับประเทศสาธารณรัฐ

ประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยถือร่องนา้ ลกึ เป็นแนวเขต แม่นา้ โขงนบั ว่ามีความส้าคัญต่อเศรษฐกิจของจังหวัด
เปน็ อยา่ งยิ่ง

(2) แม่น้าสงครามตน้ น้าเกิดในทอ้ งทอ่ี า้ เภอหนองหาน จงั หวดั อุดรธานี ไหลผา่ นท้องท่ีอ้าเภอเซ
กา จงั หวัดหนองคาย อ้าเภอวานรนิวาส จงั หวดั สกลนคร ผ่านอ้าเภอศรีสงครามและไหลสู่แม่นา้ โขงที่ตา้ บลไชยบรุ ี
อ้าเภอทา่ อุเทนจงั หวัดนครพนม

(3) ล้าน้ายาม ตน้ น้าเกิดในท้องท่จี งั หวดั สกลนคร ไหลผา่ นอา้ เภอศรีสงคราม มาบรรจบลา้
น้าสงครามท่ีบ้านปากยาม ต้าบลสามผง อา้ เภอศรีสงคราม จงั หวัดนครพนม

แม่น้าสายรอง ได้แก่
(1) ล้าน้าก่้า ตน้ นา้ เกดิ ในทอ้ งทีจ่ ังหวดั สกลนคร ไหลสู่แมน่ ้าโขงทตี่ า้ บลน้ากอา่้ ้าเภอธาตุพนม
(2) ล้าน้าอนู ต้นน้าเกดิ ในทอ้ งท่จี ังหวดั สกลนคร ไหลผา่ นอ้าเภอนาหวา้ มาบรรจบกบั ลา้ น้า
สงคราม ที่บ้านปากอนู อา้ เภอศรสี งครามของจังหวดั นครพนม
คู/คลอง/ลา้ ราง ไดแ้ ก่
(1) ห้วยลงั กาตน้ ก้าเนดิ เทอื กเขาลงั กาอ้าเภอบา้ นแพง จังหวัดนครพนม ไหลผ่านอ้าเภอบ้านแพง
ไหลลงส่แู ม่นา้ โขงท่บี ้านนาเข ต้าบลนาเข อา้ เภอบ้านแพง ความยาวประม1าณ3 กิโลเมตร
(2) หว้ ยบังกอตน้ กา้ เนดิ ต้าบลกรุ ุคอุ า้ เภอเมอื งนครพนม ไหลผ่านตา้ บลโพตธา์ิ ก ต้าบลหนองญาติ
ตา้ บลทา่ ค้อ อ้าเภอเมอื งนครพนม ไหลลงสู่แม่น้างโขท่บี า้ นกดุ ขา้ วปุ้น ต้าบลขามเฒ่า อา้ เภอเมอื งนครพนม
(3) หว้ ยบงั ฮวกตน้ กา้ เนดิ อา้ เภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ไหลผ่านตา้ บลค้าเตย ตา้ บล บ้าน
กลาง อา้ เภอเมืองนครพนม ต้าบลนาถ่อน ต้าบลดอนนางหงส์ อ้าเภอธาตพุ นม ไหลลงสู่แม่นา้ โขง ที่บา้ นดงขวาง
อา้ เภอธาตุพนม
(4) ห้วยฮอ่ งฮอต้นกา้ เนิดตา้ บลอาจสามารถ อา้ เภอเมืองนครพนม ไหลผา่ นต้าบลหนองญาติ
อา้ เภอเมอื งนครพนม ไหลบรรจบห้วยบงั กอท่บี า้ นดงหมู อา้ เภอเมืองนครพนม ความยาวประม1า5ณกิโลเมตร
(5) ห้วยน้าบังต้นกา้ เนิดอา้ เภอปลาปาก จังหวัดนครพนม ไหลผา่ นอ้าเภอปลาปาก อา้ เภนอาแก
ไหลบรรจบล้าน้ากา่้ ท่บี ้านปากบงั อา้ เภอนาแก จังหวดั นครพนม
(6) ห้วยทวยตน้ ก้าเนิดอา้ เภอกสุ ุมาลย์ จังหวัดสกลนคร ไหลผ่านอา้ เภอโพนสวรรค์ อา้ เภอ
ทา่ อุเทน ไหลลงแมน่ ้าโขงทบี่ า้ นปากทวย อ้าเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ความยาวประม8า5ณกโิ ลเมตร

23

ตารางที่ 3.6 ข้อมลู สภาพแหลง่ น้าธรรมชาตใิ นพ้ืนท่จี งั หวัดนครพนม

พืน้ ท่ีลุ่มนา้ ปรมิ าณฝนทัง้ ปี ปรมิ าณนา้ ท่า (ลา้ น ลบ.ม.)

ลุ่มน้า (ตร.กม.) (มม.) ฤดูฝน ฤดแู ล้ง ท้งั ปี

1. แม่น้าโขงส่วนท่ี 7 หว้ ยลังกา, 2,350 2,580 2,150 140 2,290

ห้วยไร,่ หว้ ยเบอื ก, หว้ ยทราย 50 1,880
104 1,338
2. สงครามตอนล่าง 3,070 1,861 1,830 20 253
30 385
3. หว้ ยอูน 3,542 1,417 1,234
85 1,407
4. ห้วยทวย 782 1,877 233 10 214
443 7,767
5.แมน่ ้าโขงสว่ นท่ี 8 หว้ ยบงั กอ, 1,145 2,102 355

หว้ ยบงั ฮวก

6.น้ากา่้ 2,670 1,407 1,322

7.แมน่ ้าโขงส่วนที่ 9 ห้วยกะเบา 449 1,448 204

รวม 14,008 12,692 7,328

ทม่ี า : สา้ นกั งานทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวดั นครพนม (2559)

ภาพที่ 3.2 แสดงลมุ่ น้าในจังหวัดนครพนม
ท่มี า: ส้านักงานชลประทานที่ 7 จงั หวดั นครพนม (2560)

24

2) แหลง่ น้าชลประทาน
จังหวัดนครพนมมีปรมิ าณน้ามากสามารถพฒั นาเปน็ แหลง่ น้าและโครงการชลประทานที่

ส้าคัญ จา้ นวน 355 แห่ง ปริมาณความจุรวม 208.99 ลา้ นลูกบาศก์เมตร พนื้ ทร่ี ะบบชลประทาน 289,280 ไร่
และพืน้ ทรี่ บั ประโยชน์ 198,970 ไร่ (ตารางที่ 3.7)

ตารางท่ี 3.7 แสดงขอ้ มูลด้านโครงการชลประทานในพื้นท่จี งั หวดั นครพนม

ท่ี โครงการ ท่ีตง้ั ความจุ พื้นท่ี พน้ื ที่
ตาบล อาเภอ ล้าน ลบ.ม. ชลประทาน รบั ประโยชน์

อ่างเกบ็ น้าขนาดกลาง รวม 53.53 (ไร)่ (ไร)่
1 อา่ งเกบ็ น้าหว้ ยศรคี ุณ นาแก นาแก 2.31 34,040 48,299
2 อา่ งเกบ็ นา้ ห้วยก้านเหลอื ง กา้ นเหลอื ง นาแก 7.41 2000 6600
3 อ่างเกบ็ น้าหว้ ยสม้ โฮง บา้ นผงึ้ เมือง 3.12 7840 8700
4 อา่ งเก็บน้าหว้ ยแคน หนองฮี ปลาปาก 11.01 3200 3200
5 อา่ งเกบ็ นา้ บ้านดงน้อย พิมาน นาแก 5.20 5000 5000
6 อา่ งเกบ็ นา้ หนิ ชะแนน มหาชยั ปลาปาก 2.40 7200 7200
7 อา่ งเกบ็ น้าหว้ ยผักดอก ค้าพี้ นาแก 2.80 1800 3270
8 อา่ งเก็บน้าห้วยบุ่งหมากโมง วังตามวั เมอื ง 2.19 1200 3844
9 อ่างเกบ็ น้าหว้ ยกะเบา อมุ่ เหม้า ธาตุพนม 5.07 1200 1500
10 อ่างเกบ็ นา้ หว้ ยกกคูณ ก้านเหลอื ง นาแก 2.00 1000 2000
11 อ่างเก็บนา้ หว้ ยวงั ม่วง ค้าพี้ นาแก 1.50 1200 1985
12 อ่างเก็บนา้ ห้วยนางออ หนองบอ่ นาแก 3.30 1200 1300
13 อ่างเกบ็ นา้ ห้วยอ้วน หาดแพง ศรสี งคราม 5.22 1200 2700
อ่างเก็บน้าขนาดเลก็ 2.93 1000
1 อา่ งเกบ็ น้าหว้ ยดอนพัฒนา รวม 0.54 2,079 3,650
2 อา่ งเก็บน้าบ้านดงหมู พิมาน นาแก 0.45 100 400
3 อ่างเกบ็ นา้ หว้ ยนางยอด อุม่ เหม้า ธาตุพนม 0.85 150 300
4 อ่างเกบ็ นา้ ห้วยบงั พุ่มแก นาแก 0.28 400 800
5 อา่ งเกบ็ นา้ หว้ ยบง ปลาปาก ปลาปาก 0.10 411 400
6 อ่างเกบ็ น้าหว้ ยดงนอ้ ย มหาชัย ปลาปาก 0.37 160 200
7 อ่างเกบ็ นา้ หว้ ยเชียงยืน วังตามัว เมือง 0.34 258 250
เวนิ พระ ท่าอเุ ทน 600 1300
ประตรู ะบายนา้ บาท 51.70
1 ปตร.ห้วยลงั กา 2.20 - 32,500
2 ปตร.ห้วยทวย รวม 22.00
3 ปตร.น้าอูน นาเข บ้านแพง 7.50 - 7500
4 ปตร.หนองบวั โนนตาล ทา่ อุเทน 12.00 -
5 ปตร.หว้ ยบงั กอ ศรสี งคราม ศรีสงคราม 4.00
6 ประตูระบายหว้ ยบงั ฮวก นาหวา้ นาหว้า 4.00 16000
ท่าค้อ เมือง 5000
ดอน ธาตพุ นม 4000
นางหงส์

25

ตารางท่ี 3.7 (ตอ่ )

ท่ี โครงการ ทตี่ ั้ง ความจุ พนื้ ที่ พืน้ ที่
ลา้ น ลบ.ม. ชลประทาน รับประโยชน์
ประตรู ะบายน้า (น้าก่า) รวม
50.12 (ไร)่ (ไร)่
35.67 60,753
1.90 - 9440
1.05 4200
1 ประตรู ะบายน้าธรณิศนฤมติ น้าก้า่ ธาตุพนม 3.10 1500
6.45 12669
2 ประตูระบายนา้ หว้ ยแคน ธาตุพนม ธาตุพนม 0.73 32944

3 ประตูระบายน้าบ้านนาบัว โคกหินแฮ่ เรณูนคร 1.22

4 ประตูระบายน้าบ้านนาขาม วงั ยาว นาแก 1.30
1.30
5 ประตรู ะบายน้าบา้ นนาคู่ นาแก นาแก 25.13
1.74
6 ประตูระบายน้าบ้านตับเตา่ หนองเทา ปลาปาก 17.08
5.46
ใหญ่
208.99
7 ประตูระบายน้าบ้านบา้ น ด่านมว่ งคา้ โคกศรี

หนองบงึ สพุ รรณ

ฝายนา้ ล้นขนาดกลาง รวม - 3,000
- 3,000
1 ฝายน้าล้นโพนสวรรค์ นาขมิน้ โพนสวรรค์ 34,185
246,518 1,810
อา่ งเกบ็ น้าขนาดเล็ก 86 แห่ง 289,280 6,643
8,130
โครงการพระราชด้าริขนาดเลก็ 33 แหง่
198,970
ฝายน้าล้นขนาดเล็ก 100 แหง่

แกม้ ลิง 14 แห่ง

สถานีสบู นา้ ดว้ ยไฟฟ้า 122 แห่ง

รวม

ท่ีมา: โครงการชลประทานนครพนม (2562)

บทที่ 4
ผลการศกึ ษา
4.1 ผลการศกึ ษาวิเคราะหด์ า้ นเศรษฐกจิ สนิ ค้าเกษตรท่ีสาคญั ของจังหวดั
ผลการศกึ ษาสินคา้ เกษตรดา้ นพชื ท่สี าคญั ของจงั หวัด นครพนม รวม 6 สินคา้ ประกอบดว้ ย ขา้ ว เจา้
นาปี มันสาปะหลังโรงงาน ข้าวโพดเล้ียงสตั ว์ ยางพารา ปาลม์ น้ามนั และสับปะรด มดี ังนี้
4.1.1 ข้าวเจา้ นาปี
1) ระดับความเหมาะสมของพนื้ ท่ปี ลูกข้าว
จากข้อมลู Agri-Map Online ของกรมพฒั นาท่ดี นิ พน้ื ท่ีระดับความเหมาะสมในการ
ปลูกข้าวของจงั หวัดนครพนม รวม 3,227,300 ไร่ แบ่งเปน็ พน้ื ทเ่ี หมาะสมมาก (S1) จานวน 773,376 ไร่ พืน้ ท่ี
เหมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 408,813 ไร่ พนื้ ทีเ่ หมาะสมน้อย (S3) จานวน 368,205 ไร่ และพืน้ ที่
ไม่เหมาะสม (N) จานวน 1,676,906 ไร่ โดยในปี 2561 มีพน้ื ที่ปลูกข้าวในพ้ืนที่ เหมาะสมมาก (S1) จานวน
597,616 ไร่ พื้นท่ีความเหมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 302,840 ไร่ พ้ืนท่ีความเหมาะสมน้อย (S3) จานวน
322,519 ไร่ และพ้ืนท่ไี มเ่ หมาะสม (N) จานวน 361,293 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 37.72 19.12 20.36 และ 22.81
ตามลาดับ (ตารางที่ 4.1)

ตารางที่ 4.1 พ้ืนทปี่ ลกู ขา้ วตามชั้นความเหมาะสมของดิน จังหวดั นครพนม ปี 2561

ช้ันความเหมาะสม พน้ื ท่เี หมาะสม พน้ื ทีป่ ลูกจริง

เนื้อที่ปลูก (ไร)่ รอ้ ยละ เนอื้ ท่ีปลูก (ไร)่ ร้อยละ

เหมาะสมมาก (S1) 773,376 23.96 597,616 37.72

เหมาะสมปานกลาง (S2) 408,813 12.67 302,840 19.12

เหมาะสมนอ้ ย (S3) 368,205 11.41 322,519 20.36

ไม่เหมาะสม (N) 1,676,906 51.96 361,293 22.81

รวม 3,227,300 100.00 1,584,268 100.00

ทมี่ า : กระทรวงเกษตรและสหกรณ/์ Agri-Map Online (2561)

2) การผลิตขา้ วเจ้านาปี

ในช่วง 3 ปี (ปี 2560/61– 2562/63) เนือ้ ทปี่ ลกู ขา้ ว เจา้ นาปีของจังหวดั นครพนม

เพม่ิ ข้ึนจาก 660,454 ไรใ่ นปี 2560 เปน็ 672,946 ไร่ในปี 2562 หรือเพม่ิ ขนึ้ รอ้ ยละ 0.94 สว่ นเนอื้ ที่เก็บเกย่ี ว

เพ่ิมขึน้ จาก 583,436 ไร่ ในปี 2560 เปน็ 663,525 ไร่ ในปี 2562 หรือเพ่ิมขึน้ ร้อยละ 6.64 ในขณะท่ผี ลผลิต

และผลผลติ ต่อไรล่ ดลงจาก 222,193 ตนั ผลผลติ ต่อไร่ 381 กโิ ลกรัมในปี 2560 เหลอื เพยี งผลผลิต 219,734 ตนั

ผลผลิตตอ่ ไร่ 331 กโิ ลกรมั ในปี 2562 หรอื ลดลงร้อยละ 0.55 และ 6.79 เน่อื งจากช่วงปี 2561 – 2562 สภาพ

อากาศรอ้ นจดั ในชว่ งการเจรญิ เตบิ โตของขา้ ว ประกอบกับฝนท้ิงช่วง ส่งผลใหผ้ ลผลิตและผลผลติ ต่อไร่ลดลง

ดงั กลา่ ว (ตารางที่ 4.2)

ตารางที่ 4.2 เนื้อทป่ี ลกู เนื้อทเี่ กบ็ เกยี่ ว ผลผลิต และผลผลติ ต่อไร่ ข้าวเจา้ นาปี ปเี พาะปลกู 2560/61 – 2562/63

ปี เนอ้ื ทเี่ พาะปลูก เน้อื ที่เกบ็ เกี่ยว ผลผลิต ผลผลิตตอ่ ไร่
(ไร)่ (ไร)่ (ตนั ) (กก.)

2560 660,454 583,436 222,193 381

2561 672,563 586,179 194,597 332

2562 672,946 663,525 219,734 331

อัตราเพิ่ม (%) 0.94 6.64 -0.55 -6.79

ทม่ี า : สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร

27

พนั ธุ์ข้าวที่เกษตรกรสว่ นใหญ่ ปลูก ไดแ้ ก่ ข้าวเจ้าหอมมะลิ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และข้าว
เจา้ อื่น ๆ โดยฤดกู าลเกบ็ เกีย่ วผลผลิตข้าวเจ้านาปีจะเร่มิ ตง้ั แต่ตุลาคม – พฤศจกิ ายน 2562 โดยผลผลติ ออกสู่
ตลาดมากทีส่ ุดในเดือนพฤศจิกายนประมาณร้อยละ 90 ชองผลผลติ ทงั้ หมด (ตารางท่ี 4.3)

ตารางท่ี 4.3 ชว่ งเกบ็ เกี่ยวผลผลติ ข้าวนาปี ปเี พาะปลูก 2561/62

เดอื น ก.ย.62 ต.ค.62 พ.ย.62 ธ.ค.62 ม.ค.63 ก.พ.63 รวม
ร้อยละ - 10 90 - - - 100.00
ทมี่ า: สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร (2561)

3) ตน้ ทุนและผลตอบแทน
ต้นทนุ การผลติ ขา้ วเจ้านาปี ปเี พาะปลูก 2562/63 ของจังหวัดนครพนม แยกตามความ

เหมาะสมของพืน้ ทีด่ งั น้ี (ตารางท่ี 4.4)
พืน้ ที่เหมาะสม (S1,S2) รวม 4,958 .53 บาทตอ่ ไร่ ประกอบด้วยตน้ ทุนผันแปร

3,805.95 บาทต่อไร่ หรือรอ้ ยละ 76.76 ของต้นทุนรวม และต้นทุนคงท1ี่ ,152.58 บาทตอ่ ไร่ หรอื ร้อยละ 23.24
ของตน้ ทนุ รวม

สาหรับพ้ืนทเ่ี หมาะสมเกษตรกรได้รบั ผลผลิตไร่ ละ 487.40 กโิ ลกรมั ผลตอบแทนที่
เกษตรกรได้รบั จากราคาที่เกษตรกรขายไดก้ ิโลกรัมละ 15.38 บาท เกษตรกรจะได้รับผลตอบแทน7,496.21 บาท
ตอ่ ไร่ หรอื มีผลตอบแทนสุทธิ 2,537.68 บาทตอ่ ไร่

พ้ืนที่ไม่เหมาะสม (S3, N) รวม 4,714.13 บาทตอ่ ไร่ ประกอบด้วยต้นทนุ ผันแปร
3,677.59 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ78.01 ของตน้ ทุนรวม และตน้ ทุนคงที่ 1,036.54 บาทตอ่ ไร่ หรอื ร้อยละ 21.99
ของต้นทนุ รวม

สาหรบั พนื้ ทไี่ ม่เหมาะสม เกษตรกรได้รับ ผลผลิตไรล่ ะ 430.84 กโิ ลกรัม ผลตอบแทนท่ี
เกษตรกรไดร้ ับจากราคาทเ่ี กษตรกรขายไดก้ โิ ลกรมั ละ 15.38 บาท เกษตรกรจะไดร้ บั ผลตอบแทน6,626.26 บาท
ต่อไร่ หรอื มผี ลตอบแทนสุทธิ 1,912.13 บาทต่อไร่

ตารางท่ี 4.4 ต้นทนุ การปลูกขา้ วเจา้ นาปีตามศักยภาพของพ้ืนท่ี ปีเพาะปลกู 2562/63

รายการ ตน้ ทนุ การผลติ ขา้ วนาปี (บาท/ไร่)

พ้ืนทีเ่ หมาะสม พน้ื ทีไ่ มเ่ หมาะสม

ต้นทนุ รวม 4,958.53 4,714.13

ต้นทุนผนั แปร 3,805.95 3,677.59

ต้นทุนคงท่ี 1,152.58 1,036.54

ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กิโลกรัม) 487.40 430.84

ราคาทีเ่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 15.38 15.38

ผลตอบแทนตอ่ ไร่ 7,496.21 6,626.26

ผลตอบแทนสุทธติ ่อไร่ 2,537.68 1,912.13
ทมี่ า : จากการสารวจ

28

4) การตลาดข้าวเจา้ นาปี

4.1) ราคาทเ่ี กษตรกรขายได้
ราคาขา้ วเปลือก เจา้ นาปี (ความชืน้ 15%) จังหวดั นครพนม ทเี่ กษตรกรขายได้

ปี 2560 - 2562 มีแนวโน้มเพมิ่ ขึ้นจากตนั ละ 11,025 บาทในปี 2560 เปน็ ตันละ 15,379 บาทในปี 2562

หรือเพม่ิ ข้ึนร้อยละ 18.11 (ตารางท่ี 4.5)

ตารางท่ี 4.5 ราคาข้าวเปลือกเจา้ นาปคี วามชื้น 15% ท่เี กษตรกรขายได้ ปี 2560 - 2562

ปี ราคา (บาท/ตัน)

2560 11,025

2561 16,140

2562 15,379

อัตราเพม่ิ (%) 18.11

ท่ีมา : สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร (2562)

4.2) ผลผลิตและความต้องการใช้ข้าวเจ้านาปี

การบรหิ ารจดั การข้าวเจา้ นาปี จงั หวัดนครพนม พบวา่ ดา้ นปรมิ าณผลผลติ

ข้าวเปลอื กเจา้ นาปี มาจากทัง้ ในสว่ นของผลผลติ ในจังหวดั นครพนม และการนาเข้าผลผลิตจากจังหวดั ใกล้เคยี ง
ทง้ั น้ี เม่อื เกษตรกรเกบ็ เกี่ยวเสรจ็ เกษตรกรจะทาการเก็บผลผลิตส่วนหนง่ึ ไวส้ าหรบั บริโภค และเกบ็ ไวท้ าพันธุ์
ทเี่ หลอื จะนาออกมาจาหนา่ ย โดยจะจาหน่ายให้โรงสีเป็นส่วนใหญ่ บางสว่ นขายให้สถาบันเกษตรกร และพ่ อค้า

ทอ้ งถ่นิ อย่างไรก็ตาม เมื่อใกลถ้ ึงฤดูกาลทีผ่ ลผลิตฤดใู หมจ่ ะออกสู่ตลาด เกษตรกรจะมกี ารนาขา้ วออกขายอกี

ครัง้ เพือ่ เตรียมยุง้ ฉางสาหรบั เก็บข้าวฤดูกาลใหม่

ดา้ นความต้องการใชข้ ้าวเปลือกของโรงสี พบวา่ โรงสีส่วนใหญม่ ปี รมิ าณความ
ต้องการตลอดทง้ั ปี โดยเปน็ การรับซ้อื ผลผลิตขา้ วเปลอื กจากท้ังจากเกษตรกร สถาบนั เกษตรกร พ่อค้าท้องถิน่
และทา่ ขา้ วในจงั หวัดนครพนม ทั้งน้ี ความตอ้ งการในแต่ละปีจะแตกต่างกนั ขึ้นอยูก่ ับความต้องการขอ งตลาด

ขายสง่ และขายปลกี ขา้ วสารของพอ่ คา้ ทง้ั ในพื้นทแ่ี ละนอกพ้ืนท่ี นอกจากนยี้ งั มีการ รับซอ้ื ผลผลิตขา้ วเปลือก

จากตา่ งจังหวดั โดยเฉพาะโรงสที ม่ี ีสถานทตี่ ้ังอยูใ่ นอาเภอทม่ี รี อยตอ่ กับจงั หวดั อื่น ๆ โดยข้าวจ้านาปีที่รบั ซ้อื ไว้
จะมกี ารสีแปรสภาพท้ังหมดและนาไปจาหน่ายทั้ งในรปู ของการบรรจถุ ุงจาหนา่ ยในรปู ขายสง่ ขายปลีก ท้งั ใน

จงั หวดั นครพนม และนอกจงั หวดั นครพนม และส่งออกไปตา่ งประเทศ ท่ีมชี ายแดนตดิ กนั เช่น สปป . ลาว และ

เวยี ดนาม เป็นตน้ (ตารางที่ 4.6)

ตารางที่ 4.6 ผลผลิต (Supply) และความตอ้ งการใช้ (Demand) ข้าวเปลือกเจา้ นาปี ปีเพาะปลูก 2562/63

รายการ จานวนผลผลติ (ตันข้าวเปลือก)

1. ผลผลติ (Supply) 224,734

1.1 ผลผลติ ของจงั หวดั 219,734

1.2 นาเข้าจากจงั หวดั อ่ืน 5,000

2. ความต้องการใช้ (Demand) 350,000

2.1 ปรโิ ภคในครวั เรือน 11,000

2.2 เก็บไว้ทาพันธ์ุ 50

2.3 เขา้ โรงสีภายในจังหวัด 318,950

2.4 ส่งออกนอกจงั หวัด 20,000

3. ผลผลติ ส่วนเกิน/ขาด (1-2) (125,266)

ที่มา : จากการสารวจ

29

4.3) วถิ กี ารตลาดขา้ วเจ้านาปี
สาหรบั วถิ ี การตลาดข้าวเจา้ นาปีของจังหวดั นครพนม เกษตรกรเมื่อผลติ ข้าวได้จะ

จาหน่ายใหก้ ับผ้รู ับซ้ือแหล่งต่าง ๆ ไดแ้ ก่ สถาบนั เกษตรกร พ่อค้ารวบรวมทอ้ งถิ่น ทา่ ขา้ ว โรงสใี นจังหวดั ทั้งนี้
สหกรณก์ ารเกษตรและท่าข้าว เมือ่ รับซ้ือผลผลติ จากเกษตรกรแลว้ บางส่วนจะจาหนา่ ยใหก้ ับโรงสใี นจงั หวัด และ
บางสว่ นจะส่งออกไปนอกจงั หวดั (แผนภาพที่ 4.1)
แผนภาพท่ี 4.1 วถิ กี ารตลาดขา้ วเปลอื กเจ้านาปี ปี 2562

เกษตรกร
100

3% 33% 35% 29%

สถาบันเกษตรกร พอ่ คา้ รวบรวม 10% ท่าข้าว
2% ท้องถนิ่ 39%

25% 12%
27%

โรงสใี นจงั หวัด สง่ ออกนอกจงั หวัด
87% 13%

1%

ทม่ี า : จากการสารวจ (2563)

4.1.2 มนั สาปะหลังโรงงาน

1) ระดบั ความเหมาะสมของพ้ืนทีป่ ลูกมันสาปะหลงั โรงงาน

จากข้อมลู Agri-Map Online ของกรมพฒั นาท่ีดนิ พ้ืนทีร่ ะดับความเหมาะสมในการ

ปลกู มนั สาปะหลังของจังหวัดนครพนม รวม3,227,300 ไร่ แบง่ เปน็ พ้นื ท่ีเหมาะสมมาก (S1) จานวน 33,983 ไร่

พื้นท่เี หมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 35,661 ไร่ พน้ื ทีเ่ หมาะสมนอ้ ย (S3) จานวน 1,675,451 ไร่ และพนื้ ท่ี

ไมเ่ หมาะสม (N) จานวน 1,482,206 ไร่ โดยในปี 2561 มีพืน้ ท่เี พาะปลูกมนั สาปะหลัง ตามพนื้ ทีเ่ หมาะสมมาก

(S1) จานวน 462 ไร่ พนื้ ทเ่ี หมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 414 ไร่ พนื้ ทเ่ี หมาะสมนอ้ ย (S3) จานวน 91,641ไร่

หรอื ร้อยละ 0.50 0.45 และ 99.05 ตามลาดบั (ตารางท่ี 4.7)

ตารางที่ 4.7 พ้นื ที่ปลูกมันสาปะหลงั โรงงานตามช้ันความเหมาะสมของดิน จงั หวัดนครพนม ปี 2561

ชนั้ ความเหมาะสม พืน้ ที่เหมาะสม พน้ื ทีป่ ลกู จรงิ

เน้อื ท่ปี ลกู (ไร)่ รอ้ ยละ เนื้อท่ีปลูก (ไร)่ รอ้ ยละ

เหมาะสมมาก (S1) 33,983 1.05 462 0.50

เหมาะสมปานกลาง (S2) 35,661 1.11 414 0.45

เหมาะสมน้อย (S3) 1,675,451 51.91 91,641 99.05

ไมเ่ หมาะสม (N) 1,482,205 45.93 - -

รวม 3,227,300 100.00 92,517 100.00

ทม่ี า : กระทรวงเกษตรและสหกรณ/์ Agri-Map Online (2561)

30

2) การผลติ มนั สาปะหลังโรงงาน
ใน ปี 2560 – 2562 เนอื้ ที่ เพาะ ปลกู และเน้อื ท่เี ก็บเกีย่ ว ผลผลิต และผลผลติ ต่อไร่

มันสาปะหลงั โรงงานลดลงอย่างตอ่ เนอื่ ง โดยในปี 2560 มีเนื้อทเ่ี พาะปลูก 29,611 ไร่ เนอ้ื ทเี่ กบ็ เกี่ยว 29,174 ไร่
ผลผลิต 96,670 ตนั ผลผลิตตอ่ ไร่ 3,314 กิโลกรมั แตใ่ นปี 2562 ลดลงเหลือเน้ือท่เี พาะปลกู 22,244 ไร่ เน้อื ท่ี
เก็บเก่ยี ว 21,635 ไร่ ผลผลติ 65,623 ตัน ผลผลติ ตอ่ ไร่ 3,033 กโิ ลกรมั ในปี 2562 หรอื ลดลงรอ้ ยละ 13.33
13.88 17 .61 และ 4.33 ตามลาดับ เนือ่ งจากประสบภาวะฝนแลง้ ฝนท้งิ ช่วง รวมทง้ั ราคาไม่จูงใจทาให้
เกษตรกรบางส่วนปรบั เปลีย่ นไปปลกู พืชอ่ืน เชน่ ออ้ ยโรงงาน (ตารางท่ี 4.8)

ตารางที่4.8 เน้อื ท่ปี ลูก เนื้อที่เกบ็ เก่ียวผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ของมันสาปะหลโรงั งงานปี 2559/60 – 2561/62

ปี เนือ้ ท่ีปลูก เนื้อทเี่ ก็บเกีย่ ว ผลผลติ ผลผลิตตอ่ ไร่
(ไร)่ (ไร)่ (ตัน) (กก.)

2559/2560 29,611 29,174 96,670 3,314
2560/2561 59,590 3,170
19,436 18,797

2561/2562 22,244 21,635 65,623 3,033

อตั ราเพม่ิ (%) -13.33 -13.88 -17.61 -4.33

ทม่ี า: สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร

สาหรับพันธุ์ทเ่ี หมาะสมและเกษตรกรสว่ นใหญ่ใช้ปลูกในพ้นื ท่ี ไดแ้ ก่ พันธร์ุ ะยอง 5
ระยอง 60 ระยอง 72 เกษตรศาสตร์ 50 หว้ ยบง 80 โดยผลผลิตออกสตู่ ลาดในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-เมษายน
คิดเปน็ ร้อยละ 88.13 ของผลผลิตทง้ั หมด (ตารางที่ 4.9)

ตารางท่ี 4.9 ชว่ งเกบ็ เกย่ี วผลผลติ มันสาปะหลังโรงงาน ปี 2561/62

เดอื น ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย.

ร้อยละ 1.37 1.74 1.43 3.89 35.61 37.28 15.24 2.42 1.02 - - -

ท่มี า : สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร

3) ต้นทนุ และผลตอบแทน
สาหรบั ตน้ ทุนการผลิตมนั สาปะหลัง ปี 2562 ของจงั หวดั นครพนม แยกตามความ

เหมาะสมของพืน้ ทีด่ งั นี้ (ตารางที่ 4.10)
พ้ืนทเี่ หมาะสม (S1, S2) รวม 5,210.11 บาทต่อไร่ ประกอบดว้ ย ต้นทนุ ผนั แปร

4,181.69 บาทตอ่ ไร่หรอื ร้อยละ 80.26 และตน้ ทุนคงที่1,028.42 บาทต่อไร่ หรอื รอ้ ยละ19.74 ของต้นทนุ รวม
สาหรับ พ้นื ท่ีเหมาะสม เกษตรกรไดร้ บั ผลผลติ ไรล่ ะ 2,623.24 กิโลกรัม ผลตอบแทนท่ี

เกษตรกรไดร้ ับจากราคาที่เกษตรกรขายไดเฉ้ ล่ียกโิ ลกรัมละ 2.06 บาท เกษตรกรจะได้ผลตอบแทน5,403.88 บาท
ตอ่ ไร่ หรอื มผี ลตอบแทนสุทธิ193.77 บาทต่อไร่

พน้ื ท่ีไม่เหมาะสม (S3, N) รวม 5,572.38 บาทต่อไร่ ประกอบดว้ ยต้นทนุ ผนั แปร
4,652.69 บาทตอ่ ไร่ หรือรอ้ ยละ83.50 และต้นทนุ คงท่ี919.69 บาทตอ่ ไร่ หรอื ร้อยละ 16.50 ของต้นทุนรวม

สาหรบั พน้ื ทไี่ มเ่ หมาะสมเกษตรกรได้รับผลผลติ ไร่ละ 2,052.07 กโิ ลกรมั ผลตอบแทนท่ี
เกษตรกรได้รบั จาก ราคาท่เี กษตรกรขายได้ เฉลี่ย กิโลกรัม 2.06 บาท เกษตรกรจะได้รบั ผลตอบแทน
4,227.26 บาทต่อไร่ เม่อื หกั ต้นทุนการผลิตแล้วจะขาดทุนไรล่ ะ 1,345.12 บาท

31

ตารางที่ 4.10 ตน้ ทุนการผลิตมนั สาปะหลงั โรงงานตามศกั ยภาพของพนื้ ที่ ปี 2561/2562

รายการ ต้นทุนการผลติ มนั สาปะหลงั (บาท/ไร)่

พน้ื ท่เี หมาะสม พน้ื ท่ีไม่เหมาะสม

ตน้ ทุนรวมต่อไร่ 5,210.11 5,572.38

ต้นทนุ ผันแปร 4,181.69 4,652.96

ตน้ ทนุ คงท่ี 1,028.42 919.69

ผลผลิตต่อไร่ (กโิ ลกรมั ) 2,623.24 2,052.07

ราคาท่เี กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 2.06 2.06

ผลตอบแทนตอ่ ไร่ 5,403.88 4,227.26

ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อไร่ 193.77 -1,345.12
ทมี่ า : จากการสารวจ

4) การตลาดมันสาปะหลงั โรงงาน
4.1) ราคามันท่เี กษตรกรขายได้
ในชว่ ง 3 ปี (ปี 2560 – 2562 ) ราคามันสาปะหลงั สดคละทีเ่ กษตรกรขาย ได้

เพ่ิมข้นึ รอ้ ยละ 25.40 เนอื่ งจากการลดลงของผลผลติ ในขณะที่ ความตอ้ งการใช้ในอตุ สาหกรรม อาหารสตั ว์
ภายในประเทศทดแทนข้าวโพดที่มีราคาสงู (ตารางท่ี 4.11)

ตารางท่ี 4.11 ราคาหัวมนั สาปะหลงั สด (คละ) ทีเ่ กษตรกรขายได้ ปี 2560 – 2562

ปี ราคา (บาท/กิโลกรัม)

2560 1.31

2561 2.33

2562 2.06

อตั ราเพมิ่ (%) 25.40

ทมี่ า : สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร

4.2) การผลติ และความต้องการใช้มนั สาปะหลงั โรงงาน
ผลผลติ มันสาปะหลงั ของเกษตรกรจงั หวัดนครพนม อยู่ในรูปหัวมันสดท้งั หมด โดย

เกษตรกรจะนาหัวมันสด สง่ ให้กบั ลานมนั เส้นหรือลานรวบรวมหัวมันสดรายยอ่ ย ซึง่ ลานรวบรวมหวั มันสดราย
ย่อยน้นั จะนาหัวมนั สดสง่ ให้กับลานมนั เสน้ ขนาดใหญ่อีกครงั้ หรือเกษตรกรอาจจะนาหวั มันสดส่งให้
ลานมนั เสน้ ขนาดใหญ่โดยตรง นอกจากนีย้ ังมเี กษตรกรบางส่วนนาหัวมนั สดสง่ ไปที่โรงงานแปง้ มันสาปะหลงั
ในจงั หวัดมุกดาหารโดยตรง เนื่องจากระยะทางในพ้นื ท่ี จงั หวัดนครพนม ไปยงั โรงงานแป้งมันสาปะหลงั
ในจังหวัดมุกดาหารอย่หู า่ งกนั ไมม่ าก (ตารางท่ี 4.12)

32

ตารางที่ 4.12 ผลผลิต (Supply) และความต้องการใช้ (Demand) มนั สาปะหลงั โรงงาน ปเี พาะปลกู 2562/63

รายการ จานวนผลผลติ (ตนั หัวมนั สด)

1. ผลผลติ (Supply) 70,623

1.1 ผลผลิตของจงั หวดั 65,623

1.2 นาเข้าจากจังหวดั อืน่ 5,000

4. ความตอ้ งการใช้ (Demand) 70,623

2.1 เขา้ โรงงานแปรรูป 17,600

- ลานมันเส้น (หัวมนั สด) 17,600

2.2 สง่ ออกนอกจงั หวดั 53,023

5. ผลผลิตส่วนเกิน/ขาด (1-2) -

ท่ีมา : จากการสารวจ

4.3) วิถกี ารตลาดมนั สาปะหลงั โรงงาน
(1) เกษตรกรขายหวั มันสด คละใหแ้ กล่ านรวบรวม และลานมันเส้น ในจงั หวดั

นครพนม โดยลานรวบรวมหวั มนั สดจะรับซ้อื หัวมนั สดเกรดคละ ซง่ึ ไมม่ กี ารวัดเชอ้ื แปง้ และไมม่ กี ารถอย

นา้ หนกั โดยลานรวมรวบจะนาหัวมันสดไปขายให้กบั ลานมันเส้น ซึ่งจะทาการผลิตมันเสน้ ส่ง ให้ผ้สู ่งออกนอก

จงั หวัด และมบี างส่วนลานรวบรวมจะสง่ หัวมันสดเข้าโรงแป้งมันซ่ึงอยจู่ งั หวดั ขา้ งเคียง
(2) เกษตรกรขายหวั มนั สดไปนอกจังหวัด โดยขายให้โรงแปง้ มันสาปะหลังหรือ

ลานมันเสน้ ในจังหวดั ใกล้เคียง เน่ื องจากบางพน้ื ทข่ี องจังหวัดนครพนม มีชายแดต ติดกับจังหวัดใกลเ้ คยี ง
เกษตรกรสามารถเดินทางขนสง่ หวั มนั สดไดส้ ะดวกซึง่ เปน็ การลดคา่ ใช้จ่ายในการขนสง่

(3) ลานมนั เสน้ ในจงั หวดั นครพนม หลังจากซื้อหัวมันสดจากเกษตรกรแล้ว จะ

นามาแปรรูปเป็นมันเสน้ เพ่อื ส่งขายใหผ้ ูส้ ่งออก (แผนภาพที่ 4.2)

แผนภาพที่ 4.2 วถิ กี ารตลาดมันสาปะหลังโรงงาน ปี 2562

ส่งหวั มันสดออก 8% ลานมันเส้น 7% ผูส้ ง่ ออกมนั เสน้ นอก
ไปนอกจังหวดั 10% 13% จังหวดั
(โรงแป้ง/ลานมันเส้น)
5% 6%
82%
75% 75%
75% ลานรวบรวม โรงแป้งมันนอกจังหวัด

เกษตรกร 1100%%
11000%%

5%

1110%%

ท่ีมา : จากการสารวจ (2563) 75% 75%
10% 10%

33

4.1.3 ข้าวโพดเล้ยี งสัตว์
1) ระดบั ความเหมาะสมของพื้นท่ปี ลกู ขา้ วโพด
จากขอ้ มูล Agri-Map Online ของกรมพัฒนาทด่ี นิ พนื้ ที่ระดบั ความเหมาะสมในการ

ปลูกขา้ วโพดของจังหวดั นครพนม รวม3,117,040 ไร่ แบง่ เปน็ พื้นที่เหมาะสมมาก (S1) จานวน 92,114 ไร่ พ้นื ท่ี
เหมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 742,954 ไร่ พนื้ ท่ี เหมาะสมน้อย (S3) จานวน 925,526 ไร่ และพื้นที่
ไมเ่ หมาะสม (N) จานวน 1,356,446 ไร่ โดยในปี 2561 มพี ื้นท่ีเพาะปลกู ขา้ วโพดตามพื้นที่เหมาะสมมาก (S1)
จานวน 5 ไร่ พนื้ ทเี่ หมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 95 ไร่ พนื้ ท่ีเหมาะสมน้อย (S3) จานวน 30 ไร่ และพนื้ ทไี่ ม่
เหมาะสม (N) จานวน 6 ไร่ หรือรอ้ ยละ 3.68 69.85 22.06 และ 4.41 ตามลาดบั (ตารางท่ี 4.13)

ตารางที่ 4.13 พน้ื ทีป่ ลูกข้าวโพดตามช้ันความเหมาะสมของดิน จงั หวดั นครพนม ปี 2561

ชน้ั ความเหมาะสม พ้นื ทเ่ี หมาะสม พืน้ ทป่ี ลกู จรงิ

เนอื้ ที่ปลกู (ไร)่ รอ้ ยละ เนือ้ ท่ปี ลูก (ไร)่ รอ้ ยละ

เหมาะสมมาก (S1) 92,114 2.95 5 3.68

เหมาะสมปานกลาง (S2) 742,954 23.84 95 69.85

เหมาะสมน้อย (S3) 925,526 29.69 30 22.06

ไมเ่ หมาะสม (N) 1,356,446 43.52 6 4.41

รวม 3,117,040 100.00 136 100.00

ท่มี า : กระทรวงเกษตรและสหกรณ/์ Agri-Map Online (2561)

2) การผลติ ข้าวโพดเลย้ี งสัตว์
ในปี 2561/62 – 2562/63 เนือ้ ที่เพาะปลกู เนอื้ ท่เี ก็บเก่ียว ผลผลิต และผลผลติ ตอ่ ไร่

ข้าวโพดเลยี้ งสัตว์ มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก โดยในปี 2561 มีเนือ้ ท่ีเพาะปลกู 998 ไร่ เนอ้ื ทเี่ ก็บเกี่ยว 722 ไร่
ผลผลติ 297 ตนั ผลผลติ ต่อไร่ 411 กโิ ลกรมั แต่ในปี 2562 ลดลงเหลือเนื้อท่ีเพาะปลูก 181 ไร่ เนอ้ื ท่ีเกบ็ เกี่ยว
131 ไร่ ผลผลติ 48 ตัน และผลผลติ ต่อไร่ 366 กโิ ลกรัม หรือลดลงรอ้ ยละ 81.86 81.86 83.84 และ 10.95
ตามลาดับ เนอ่ื งจากราคาที่เกษตรกรขายได้ไม่จงู ใจให้ขยายพน้ื ท่ี ปลูก การระบาดของหนอนกระทขู้ ้าวโพดที่
สรา้ งความเสียหายต่อผลผลติ รวมทง้ั ประสบภาวะฝนแลง้ ลานรบั ซอ้ื มีน้อย ทาให้เกษตรกรปรบั เปลย่ี นไปปลกู
พชื อ่นื ท่ใี หผ้ ลตอบแทนดีกว่าขา้ วโพดเลยี้ งสตั ว์ (ตารางท่ี 4.14)

ตารางท่ี 4.14 เนอ้ื ทปี่ ลกู เน้ือท่ีเกบ็ เก่ียว ผลผลิต ผลผลิตตอ่ ไรข่ า้ วโพดเลยี้ งสตั ว์ ปีเพาะปลกู 2561/62 – 2562/63

ปี เนอ้ื ที่ปลกู เนอ้ื ทีเ่ กบ็ เกยี่ ว ผลผลติ ผลผลิตตอ่ ไร่
(ไร)่ (ไร)่ (ตนั ) (กก.)

2561/62 998 722 297 411

2562/63 181 131 48 366

อตั ราเพมิ่ (%) -81.86 -81.86 -83.84 -10.95

ทีม่ า : สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร

เมลด็ พนั ธทุ์ ี่เกษตรกร นยิ มปลกู เป็นพันธลุ์ ูกผสมเอกชน ไดแ้ ก่ พนั ธ์ุ CP 888 พันธ์ุ S
7328 และพนั ธแุ์ ปซฟิ กิ 139 เป็นต้น สาหรบั การเกบ็ เก่ยี ว ขา้ วโพดเลย้ี งสัตวต์ งั้ แต่เดือน มิถนุ ายน ถงึ เดือน
กุมภาพนั ธ์ของปถี ดั ไป และเกบ็ เก่ียวมากช่วงเดือน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงของการเกบ็
เกี่ยวข้าวโพดร่นุ ที่ 2 (ตารางที่ 4.15)

34

ตารางที่ 4.15 ช่วงเกบ็ เกีย่ วผลผลิตขา้ วโพดเลย้ี งสัตว์ ปเี พาะปลกู 2562/63

2561 2562
ป/ี เดือน

ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค.
ร้อยละ 1.37 1.74 1.43 3.89 35.61 37.28 15.24 2.42 1.02 - - -

ทม่ี า : สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร

3) ตน้ ทุนและผลตอบแทน
ต้นทนุ การผลิตขา้ วโพดเล้ยี งสตั ว์ ปี 2562 ของจงั หวัดนครพนม แยกตามความเหมาะสม

ของพื้นท่ีดังน้ี (ตารางท่ี 4.16)
พืน้ ทเ่ี หมาะสม (S1,S2) ต้นทุนรวม 6,284.52 บาทตอ่ ไร่ ประกอบด้วยตน้ ทุนผนั แปร

5,093.30 บาทต่อไร่ หรือรอ้ ยละ 81.05 ของตน้ ทุนรวม และต้นทุนคงที่ 1,191.22 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ
18.95

สาหรับพ้นื ทเ่ี หมาะสมเกษตรกรได้รบั ผลผลิตไร่ ละ 651.20 กิโลกรมั ผลตอบแทนที่
เกษตรกรได้รับจากราคาทเ่ี กษตรกรขายได้กโิ ลกรัมละ 8.68 บาท เกษตรกรจะได้รบั ผลตอบแทน 5,652.42 บาท
ต่อไร่ และเมอ่ื หกั ตน้ ทุนการผลิตแลว้ จะขาดทุนไร่ละ 632.10 บาท

พื้นทไี่ ม่เหมาะสม (S3, N) มีตน้ ทนุ รวม 7,409.23 บาทต่อไร่ ประกอบดว้ ยต้นทนุ ผัน
แปร 6,229.50 บาทตอ่ ไร่ หรือร้อยละ 84.08 และต้นทุนคงที่ 1,179.73 บาทตอ่ ไร่ หรือร้อยละ 15.92 ของ
ต้นทุนรวม

สาหรับ พนื้ ทีไ่ มเ่ หมาะสมเกษตรกรได้รบั ผลผลิต 398 .00 กิโลกรมั ผลตอบแทนที่
เกษตรกรได้รับจากราคาที่เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 8.68 บาท จะได้รับผลตอบแทน 3,454.59 บาทตอ่ ไร่
เม่อื หกั ต้นทนุ การผลติ แล้วจะขาดทนุ ไร่ละ 3,954.59 บาท

ตารางท่ี 4.16 ตน้ ทนุ การผลิตขา้ วโพดเล้ยี งสตั ว์ตามศักยภาพของพื้นท่ี ปีเพาะปลกู 2562/63

ต้นทุนการผลติ ขา้ วโพดเลี้ยงสตั ว์

รายการ (บาท/ไร่)

พื้นทเ่ี หมาะสม พ้นื ทไี่ ม่เหมาะสม

ตน้ ทุนรวม 6,284.52 7,409.23

ต้นทุนผันแปร 5,093.30 6,229.50

ตน้ ทนุ คงที่ 1,191.22 1,179.73

ผลผลิตต่อไร่ (กโิ ลกรมั ) 651.20 398.00

ราคาทีเ่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 8.68 8.68

7. ผลตอบแทนตอ่ ไร่ 5,652.42 3,454.59

8. ผลตอบแทนสทุ ธิตอ่ ไร่ -632.10 -3,954.59

ทมี่ า : จากการคานวณ

35

4) การตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

4.1) ราคาท่ีเกษตรกรขายได้
จากข้อมูลการสารวจราคาท่ีเกษตรกรขายได้ในปี 2562 พบว่า ราคาเฉลย่ี กโิ ลกรัมละ

8.68 ซง่ึ ในปีทผ่ี า่ นมาไมม่ ีรายงานราคาข้าวโพดเลีย้ งสตั ว์ เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่จะปลกู ข้าวโพดฝกั สด

แต่จากการท่ีภาครัฐไดม้ ี โครงการปลูกข้าวโพดประชารฐั และกาหนดราคาขัน้ ตา่ ข้าวโพดเลีย้ ง สตั ว์ ความชนื้

14.5% ในราคาไมต่ า่ กว่ากโิ ลกรมั ละ 8 บาท ทาให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวโพดเลย้ี งสตั ว์ แต่พนื้ ทป่ี ลูก
มนี ้อยมาก เนอ่ื งจากมีข้อจากัดด้านความเหมาะสมของพนื้ ท่ี ประกอบกบั ไมม่ ีโรงงานแปรรปู ใน จงั หวดั
จงึ ไม่จงู ใจใหเ้ กษตรกรขยายพืน้ ที่

4.2) ผลผลิตและความต้องการใช้ข้าวโพดเล้ียงสัตว์

ผลผลติ ข้าวโพดเลย้ี งสตั ว์ ของเกษตรกรจงั หวดั นครพนม เม่อื พ่อค้ารับซ้อื จาก
เกษตรกรแลว้ ผลผลิตทั้งหมดจะถกู สง่ เขา้ โรงงานแปรรปู นอกจังหวดั (ตารางที่ 4.17)

ตารางที่ 4.17 ผลผลติ (Supply) และความต้องการใช้ (Demand) ข้าวโพดเลี้ยงสตั ว์ ปเี พาะปลูก 2562/63

รายการ จานวนผลผลติ (ตนั )

1. ผลผลิต (Supply) 48

1.1 ผลผลติ ของจังหวดั 48

1.2 นาเขา้ จากจงั หวดั อน่ื -

2. ความตอ้ งการใช้ (Demand) 48

2.1 เข้าโรงงานแปรรูปนอกจังหวดั 48

3. ผลผลิตส่วนเกนิ /ขาด (1-2) -

ท่มี า : จากการสารวจ

4.3) วิถกี ารตลาดขา้ วโพดเลยี้ งสตั ว์
ผลผลิตขา้ วโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรโดยส่วนใหญจ่ ะถกู รวบรวมโดยพ่อคา้ คนกลาง

หรอื ผ้รู วบรวมในพื้นท่ซี ่ึงมีไม่ก่รี าย หลงั จากนนั้ จะส่งไปจาหน่ายต่อให้กบั โรงงานอาหารสตั ว์ นอกพน้ื ท่ีท้ังหมด
(แผนภาพที่ 4.3)
แผนภาพที่ 4.3 วิถีการตลาดข้าวโพดเลยี้ งสตั ว์ ปี 2562

เกษตรกร
100%

ผ้รู วบรวม/พ่อค้าคนกลาง
100%

โรงงานอาหารสัตวน์ อกจงั หวดั
100%

ท่ีมา : จากการสารวจ (2563)

36

4.1.4 ยางพารา

1) ระดับความเหมาะสมของพ้นื ที่ปลูกยางพารา

จากขอ้ มลู Agri-Map Online ของกรมพฒั นาทด่ี นิ พน้ื ทีร่ ะดับความเหมาะสมในการ

ปลกู ยางพาราของจังหวดั นครพนม รวม 3,227,300 ไร่ แบง่ เปน็ พ้ืนท่ีเหมาะสมมาก (S1) จานวน 360,471 ไร่

พนื้ ท่ีเหมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 808,199 ไร่ พ้ืนทีเ่ หมาะสมน้อย (S3) จานวน 781,504 ไร่ และพน้ื ที่

ไมเ่ หมาะสม(N) จานวน 1,227,127 ไร่ โดยในปี 2561 มพี ื้นทเ่ี พาะปลกู ยางพาราตามพ้ืนทเ่ี หมาะสมมาก (S1)

จานวน 22,271 ไร่ พ้ืนที่เหมาะสมปานกลาง(S2) จานวน 259,753 ไร่ พืน้ ท่ีเหมาะสมน้อย(S3) จานวน 77,760 ไร่

และพื้นที่ไม่เหมาะสม(N) จานวน 2 ไร่ หรือรอ้ ยละ6.19 72.19 21.61 และ 0.01 ตามลาดับ (ตารางที่ 4.18)

ตารางที่ 4.18 พ้นื ที่ปลกู ยางพาราตามช้นั ความเหมาะสมของดิน จงั หวัดนครพนม ปี 2561

ชนั้ ความเหมาะสม พืน้ ที่เหมาะสม พื้นทปี่ ลูกจรงิ

เนื้อที่ปลกู (ไร)่ รอ้ ยละ เนื้อท่ีปลกู (ไร)่ รอ้ ยละ

เหมาะสมมาก (S1) 360,471 11.17 22,271 6.19

เหมาะสมปานกลาง (S2) 808,199 25.04 259,753 72.19

เหมาะสมนอ้ ย (S3) 781,504 24.22 77,760 21.61

ไมเ่ หมาะสม (N) 1,277,127 39.57 2 0.01

รวม 3,227,300 100.00 359,786 100.00

ที่มา : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ /Agri Map Online (2561)

2) การผลติ ยางพารา

ในปี 2560 –2562เน้อื ทย่ี นื ตน้ ลดลงร้อยละ0.08 โดยลดลงจาก313,619 ไร่ในปี 2560 เปน็

313,116 ไรใ่ นปี 2562 ส่วนเนื้อที่กรีดเพมิ่ ขน้ึ รอ้ ยละ8.06 โดยเพ่ิมจาก 261,543 ไร่ เปน็ 305,413 ไร่ ทาให้ผลผลติ

เพม่ิ ขึน้ ร้อยละ 7.88 เนื่องจากยางพารามอี ายุเปดิ กรดี เพ่ิมมากข้ึนประกอบกับตน้ ยางพาราบางส่วนอยู่ในช่วงอายุที่

ให้ผลผลิตสูงขณะท่ผี ลผลติ ต่อไร่ลดลงจาก215 กโิ ลกรมั เปน็ 213 กิโลกรมั ตอ่ ไร่หรอื ลดลงร้อยละ0.23 เน่อื งจากต้น

ยางทเี่ รมิ่ เปิดกรีดใหผ้ ลผลิตนอ้ ย รวมทงั้ ฝนแล้ง ทาใหต้ ้นยางให้น้ายางน(ตอ้ ายรางท่ี4.19)

ตารางท่ี 4.19 เนื้อท่ยี ืนต้น เนอ้ื ท่กี รีด ผลผลติ และผลผลติ ตอ่ ไร่ยางพาราปี 2560 – 2562

ปี เนอื้ ท่ียืนตน้ (ไร)่ เนือ้ ทก่ี รดี (ไร)่ ผลผลติ (ตนั ) ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กก.)

2560 313,619 261,543 56,159 215

2561 313,040 287,043 61,140 213

2562 313,116 305,413 65,358 214

อตั ราเพิ่ม (%) -0.08 8.06 7.88 0.23

ทีม่ า : สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร

ผลผลิตนา้ ยางออกสูต่ ลาดมากเริ่มตง้ั แตเ่ ดอื นกันยายนถึงเดอื นมกราคม เนื่องสภาพอากาศ

เย็น ทาให้มีปริมาณนา้ ยางมากกว่าเดอื นอ่ืนๆ สาหรับช่วงทเี่ กษตรกรหยดุ กรีดยางหรือกรีดยางน้อย เริ่มประมาณ

เดอื นกุมภาพนั ธ์ ซ่งึ เขา้ ส่ชู ่วงที่มีสภาพอากาศร้อนและแลง้ กระทง่ั ถงึ เดือนพฤษภาคม เมือ่ เข้าสู่ฤดฝู น จึงจะเปิด

กรดี ยางอกี คร้ัง(ตารางท่ี4.20)

ตารางท่ี 4.20 ช่วงการเก็บเกีย่ วผลผลิตยางพารา ปี 2562

ร้อยละผลผลิตเปน็ รายเดือน รวม
รายการ ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รอ้ ยละ

รอ้ ยละ 9.61 1.98 0.26 0.14 6.00 10.78 8.08 7.80 12.83 14.07 14.98 13.47 100.00
ทม่ี า : สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร

37

3) ต้นทนุ และผลตอบแทน

ตน้ ทุนการผลติ ยางพารา ปี 2562 ของจงั หวดั นครพนม แยกตามความเหมาะสมของ

พื้นทดี่ งั นี้ (ตารางที่ 4.21)

พ้ืนท่เี หมาะสม (S1,S2) ตน้ ทนุ รวม 8,895.95 บาทตอ่ ไร่ ประกอบด้วยตน้ ทนุ ผนั แปร

6,835.98 บาทตอ่ ไร่ หรือรอ้ ยละ 76.84 และตน้ ทุนคงท่ี2,059.97 บาทตอ่ ไร่ หรือร้อยละ23.16 ของตน้ ทนุ รวม

สาหรบั พืน้ ท่ีเหม าะสมเกษตรกรไดร้ ับผลผลิตไร่ละ 424.68 กโิ ลกรมั ผลตอบแทน

ที่เกษตรกรไดร้ บั จากราคาท่ีเกษตรกรขายไดก้ โิ ลกรัมละ18.59 บาท เกษตรกรจะไดร้ ับผลตอบแทน7,894.80 บาท

ต่อไร่ และเม่ือหักต้นทนุ การผลติ แล้วจะขาดทนุ ไร่ละ 1,001.15 บาท

พนื้ ท่ไี ม่เหมาะสม (S3, N) มตี ้นทุนรวม 9,016.55 บาทตอ่ ไร่ ประกอบด้วยต้นทุน

ผันแปร 6,678.58 บาทตอ่ ไร่ หรอื รอ้ ยละ 74.07 และต้นทนุ คงท่ี 2,337.97 บาทตอ่ ไร่ คดิ เปน็ ร้อยละ 25.93

ของตน้ ทนุ รวม

สาหรับพนื้ ทไี่ ม่เหมาะสม เกษตรกรไดร้ บั ผลผลติ ไร่ละ 387.32 กโิ ลกรัม ผลตอบแทนท่ี

เกษตรกรได้รับจากราคาทเี่ กษตรกรขายไดก้ โิ ลกรัมละ 18.59 บาท จะไดร้ ับผลตอบแทน 7,200.28 บาทตอ่ ไร่

เมอื่ หักตน้ ทนุ การผลิตแลว้ จะขาดทนุ ไร่ละ 1,816.27 บาท

ตารางท่ี 4.21 ต้นทนุ การผลิตยางพาราตามศกั ยภาพของพ้ืนท่ี ปี 2562

รายการ ตน้ ทนุ การผลิตยางพารา (บาท/ไร่)

พน้ื ทเ่ี หมาะสม พนื้ ทไ่ี มเ่ หมาะสม

ต้นทนุ รวมต่อไร่ 8,895.95 9,016.55

ตน้ ทนุ ผันแปร 6,835.98 6,678.58

ตน้ ทุนคงท่ี 2,059.97 2,337.97

ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) 424.68 387.32

ราคาทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กก.) 18.59 18.59

ผลตอบแทนต่อไร่ 7,894.80 7,200.28

ผลตอบแทนสทุ ธติ ่อไร่ -1,001.15 -1,816.27

ท่ีมา : จากการสารวจ

4) การตลาดยางพารา

4.1) ราคาท่เี กษตรกรขายได้

ราคายางก้อนถ้วยคละท่ีเกษตรกรขายได้ปรับตัวลดลงจาก กิโลกรมั ละ 24.11 บาท

ในปี 2560 เหลอื กโิ ลกรมั ละ 18.59 บาทในปี 2562 หรอื ลดลงร้อยละ 12.19 เนอ่ื งจากการเพิม่ ขนึ้ ของผลผลติ

รวมท้ังราคานา้ มันในตลาดโลกปรับตวั ลดลง (ตารางที่ 4.22)

ตารางท่ี 4.22 ราคายางกอ้ นถว้ ยคละที่เกษตรกรขายได้ ปี 2560 - 2562

หน่วย : บาท/กก.

ปี ราคา (บาท/กิโลกรัม)

2560 24.11

2561 16.01

2562 18.59

อตั ราเพ่มิ (%) -12.19

ทีม่ า : สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร

38

4.2) ผลผลติ และความต้องการใช้ยางพารา

ผลผลติ ยางพาราของจงั หวดั นครพนม ท้งั หมด 65,358 ตนั มีการนาเข้ามาจากพื้นที่

จังหวัดใกล้เคยี ง 10,000 ตัน โดยผลผลิตจะเข้าโรงงานแปรรูปเปน็ ยางแท่งในจงั หวัดเพยี ง 5,000 ตนั ซึง่ เปน็

โรงงานของการยางแหง่ ประเทศไทย สว่ นทเ่ี หลือ จะถกู รวบรวมและจาหนา่ ยไปจงั หวัดต่าง ๆ ทัง้ หมด

ในรูปแบบของยาง กอ้ นถ้วย เพ่ือเข้าโรงงาน แปรรูปเปน็ ยางวตั ถุดบิ ขนั้ ตน้ เชน่ ยางแทง่ ยางผสม เป็นต้น

(ตารางท่ี 4.23)

ตารางท่ี 4.23 ผลผลติ (Supply) และความตอ้ งการใช้ (Demand) ยางพารา ปี 2562

รายการ จานวนผลผลติ (ตนั )

1. ผลผลติ (Supply) 75,358

1.1 ผลผลิตของจังหวดั 65,358

1.2 นาเข้าจากจังหวดั อื่น 10,000

2. ความต้องการใช้ (Demand) 75,358

2.1 เขา้ โรงงานแปรรปู ในจังหวดั 5,000

2.2 สง่ โรงงานแปรรปู นอกจังหวัด 70,358

3. ผลผลิตสว่ นเกนิ /ขาด (1-2) -
ที่มา : จากการสารวจ

2.3) วิถกี ารตลาดยางพารา
วิถีการตลาด ยางพารา จะถกู สง่ ผ่านสหกรณก์ องทุนสวนยาง ในพน้ื ทรี่ อ้ ยละ 10

ขายใหโ้ รงงานแปรรปู ของการยางแห่งประเทศไทย รอ้ ยละ 10 ขายผ่านกลมุ่ ในลกั ษณะประมลู รอ้ ยละ 50
ขายใหผ้ ู้รวบรวม/พ่อค้าคนกลางในพ้นื ท่ี ร้อยละ 30 เม่อื พ่อคา้ ประมูลยางจากกล่มุ เกษตรกรไดจ้ ะจาหนา่ ยให้ผู้
รวบรวม/พอ่ คา้ คนกลางรอ้ ยละ 10 ขายใหโ้ รงงานแปรรูปนอกจังหวัดรอ้ ยละ 40 สาหรบั ผรู้ วบรวม/พอ่ ค้าคน
กลางเมอ่ื รับซื้อยางพาราจากเกษตรกรและจากพ่อคา้ ท่ปี ระมูลจากกลมุ่ เกษตรกรแล้วจะขายใหโ้ รงงานแปรรูป
นอกจงั หวดั (แผนภาพท่ี 4.4)
แผนภาพท่ี 4.4 วถิ กี ารตลาดยางพารา ปี 2562

เกษตรกร
(ยางก้อนถ้วย) 100%

10% 50% 30%

สหกรณ์กองทุน กลุ่มเกษตรกร 10% ผู้รวบรวม/
สวนยาง
(ประมูล) พอ่ คา้ คนกลาง

10% 10% 40% 40%

ทีม่ า : จากการสารวจ (2563) โรงงานแปรรปู ของ โรงงานแปรรปู
กยท. นอกจังหวัด

ในจงั หวดั 10%

39

4.1.5 ปาล์มนา้ มัน

1) ระดับความเหมาะสมของพนื้ ท่ปี ลูกปาล์มนา้ มัน

จากขอ้ มูล Agri-Map Online ของกรมพฒั นาที่ดนิ พน้ื ทรี่ ะดบั ความเหมาะสมในการ

ปลูกปาล์มน้ามันของจงั หวัดนครพนม รวม 3,227,300 ไร่ แบง่ เปน็ พนื้ ทเ่ี หมาะสมมาก (S1) จานวน 335,032 ไร่

พ้ืนทเี่ หมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 760,996 ไร่ พนื้ ทีเ่ หมาะสมน้อย (S3) จานวน 1,265,648 ไร่ และพน้ื ที่

ไมเ่ หมาะสม(N) จานวน 865,624 ไร่ โดยในปี 2561 มีพ้นื ทีเ่ พาะปลูกปาลม์ นา้ มันตามพื้นทเ่ี หมาะสมมาก (S1)

จานวน 905 ไร่ พ้นื ที่ความเหมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 1,648 ไร่ พ้ืนที่ความเหมาะสมนอ้ ย (S3) จานวน

1,543 ไร่ พืน้ ทไี่ ม่เหมาะสม (N) จานวน 1,085 ไร่ หรอื ร้อยละ 17.47 31.81 29.78 และ 20.94 ตามลาดับ

(ตารางท่ี 4.24)

ตารางที่ 4.24 พนื้ ทปี่ ลกู ปาลม์ นา้ มนั ตามชัน้ ความเหมาะสมของดิน จงั หวัดนครพนม ปี 2560

ช้ันความเหมาะสม พน้ื ทเี่ หมาะสม พ้ืนท่ีปลูกจรงิ

เนือ้ ที่ปลูก (ไร)่ ร้อยละ เนอ้ื ท่ีปลูก (ไร)่ ร้อยละ

เหมาะสมมาก (S1) 335,032 10.38 905 17.47

เหมาะสมปานกลาง (S2) 760,996 23.58 1,648 31.81

เหมาะสมนอ้ ย (S3) 1,265,648 39.22 1,543 29.78

ไมเ่ หมาะสม (N) 865,624 26.82 1,085 20.94

รวม 3,227,300 100.00 5,181 100.00

ที่มา : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ /Agri Map Online (2561)

2) การผลติ ปาลม์ นา้ มัน

ปี 2560 – 2562 เนอื้ ที่ให้ผล ผลผลิต และผลผลิตต่อไรม่ ีทิศทาง เพ่มิ ขึ้น โดยในปี 2560

มเี นอ้ื ที่ใหผ้ ล 5,596 ไร่ ผลผลิต 5,323 ตัน ผลผลติ ตอ่ ไร่ 951 กโิ ลกรัม เพ่มิ ข้นึ เปน็ เน้อื ทใี่ หผ้ ล 6,619 ไร่

ผลผลิต 7,082 ตนั และผลผลิตต่อไร่ 1,070 กิโลกรัมในปี 2562 หรือเพิม่ ข้ึนร้อยละ 8.76 15.35 และ 6.07

เนือ่ งจาก ต้นปาล์มนา้ มันมีช่วงอายุใหผ้ ลผลิตเพ่ิมมากขึ้น ประกอบกับ ประกอบกับต้นปาลม์ นา้ มนั บางสว่ นอยู่

ในชว่ งอายุท่ใี ห้ผลผลิตสูง(ตารางที่ 4.25)

ตารางที่ 4.25 เนือ้ ทยี่ ืนตน้ เน้ือท่ีให้ผล ผลผลติ และผลผลิตต่อไร่ ปาลม์ นา้ มัน ปี 2560 – 2562

ปี เนอื้ ทีย่ ืนตน้ (ไร)่ เนือ้ ทใ่ี หผ้ ล (ไร)่ ผลผลติ (ตัน) ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กก.)

2560 6,628 5,596 5,323 951
6,301 1,091
2561 6,932 5,777 7,082 1,070
15.35 6.07
2562 na. 6,619
ทุกเดือน แต่จะออก มากในเดือน
อตั ราเพ่ิม (%) - 8.76

ท่มี า : สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร

สาหรบั การเก็บเกย่ี วผลผลติ โดยผลผลิตออกสูต่ ลาด

มถิ นุ ายนถงึ ตลุ าคม (ตารางท่ี 4.26)

ตารางท่ี 4.26 ช่วงเกบ็ เกีย่ วผลผลติ ปาล์มนา้ มนั ปี 2562

รายการ รอ้ ยละผลผลิตเปน็ รายเดอื น รวม

ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ร้อยละ

ร้อยละ 6.36 5.33 5.16 5.40 9.19 10.00 9.52 10.48 9.50 10.32 9.60 9.14 100.00

ทม่ี า : สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร

40

3) ต้นทนุ และผลตอบแทน

ต้นทนุ การผลติ ยปาล์มนา้ มันปี 2562 ของจงั หวัดนครพนม แยกตามความเหมาะสมของ
พ้นื ท่ดี งั นี้ (ตารางที่ 4.27)

พ้ืนท่เี หมาะสม (S1,S2) ตน้ ทุนรวม 4,886.27 บาทตอ่ ไร่ ประกอบด้วยตน้ ทนุ ผัน แปร

3,191.57 บาทต่อไร่ หรือรอ้ ยละ 65.32 และตน้ ทุนคงท่ี1,694.70 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ34.68 ของต้นทนุ รวม

สาหรบั พ้นื ทเี่ หมาะสมเกษตรกรได้รบั ผลผลติ ไร่ ละ 1,520.51 กิโลกรัม ผลตอบแทนท่ี
เกษตรกรไดร้ บั จากราคาท่ีเกษตรกรขายไดก้ โิ ลกรมั ละ 1.80 บาท เกษตรกรจะไดร้ ับผลตอบแทน 2,736.92 บาท
ตอ่ ไร่ และเม่อื หกั ตน้ ทนุ การผลิตแลว้ จะขาดทนุ ไร่ละ 2,149.35 บาท

พนื้ ท่ีไม่เหมาะสม (S3, N) มีตน้ ทุนรวม 4,870.58 บาทตอ่ ไร่ ประกอบดว้ ยตน้ ทุน

ผนั แปร 3,184.26 บาทต่อไร่ หรือรอ้ ยละ 65.38 และต้นทุนคงท่ี 1,686.32 บาทตอ่ ไร่ คดิ เปน็ รอ้ ยละ 34.62
ของตน้ ทุนรวม

สาหรับพ้นื ทไี่ มเ่ หมาะสมเกษตรกรไดร้ ับผลผลติ ไร่ ละ 1,142.86 กโิ ลกรัม ผลตอบแทนท่ี

เกษตรกรได้รับจากราคาทเ่ี กษตรกรขายไดก้ ิโลกรมั ละ 1.80 บาท จะได้รับผลตอบแทน 2,057.15 บาทต่อไร่

เมอ่ื หักต้นทุนการผลติ แลว้ จะขาดทุนไร่ละ 2,813.43 บาท

ตารางที่ 4.27 ตน้ ทุนการผลติ ปาล์มน้ามันตามศกั ยภาพของพน้ื ท่ี ปี 2562

รายการ พื้นทไี่ มเ่ หมาะสม (S1, S2) พนื้ ทีไ่ ม่เหมาะสม (S3, N)

(บาท/ไร่) (บาท/ไร่)

ตน้ ทนุ รวมต่อไร่ 4,886.27 4,870.58

ต้นทนุ ผนั แปร 3,191.57 3,184.26

ตน้ ทนุ คงที่ 1,694.70 1,686.32

ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรมั ) 1,520.51 1,142.86

ราคาทเี่ กษตรกรขายได้ (บาท/กิโลกรัม) 1.80 1.80

ผลตอบแทนตอ่ ไร่ 2,736.92 2,057.15

ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ -2,149.35 -2,813.43
ทีม่ า : จากการสารวจ

2) การตลาด
2.1) ราคา
ในช่วง 3 ปีทผ่ี า่ นมา (ปี 2560 – 2562) ราคาปาลม์ ท่ีเกษตรกรขายได้มแี นวโน้ม

ลดลง โดยลดลงจากกิโลกรมั ละ 2.98 บาทในปี 2560 เหลือกิโลกรัมละ 1.80 บาทในปี 2562 หรือลดลง
ร้อยละ 22.28 เนอ่ื งจากปริมาณผลผลิตมากกวา่ ความต้องการใช้ สง่ ผลใหร้ าคาปรบั ตัวลดลง ซ่งึ ราคาปาลม์
น้ามันของไทยจะข้ึนอยกู่ บั ปริมาณผลผลติ การใช้ และสต๊อกภายในประเทศ รวมทงั้ สถานการณ์ราคาน้ามัน
ปาล์มดบิ ในตลาดโลก นอกจากนีร้ าคายงั ขนึ้ อยู่กับคณุ ภาพของผลผลิตไม่เป็นไปตามความตอ้ งการของโรงงาน
(ตารางท่ี 4.28)

41

ตารางท่ี 4.28 ราคาปาล์มน้ามนั ท้ังทะลาย (นา้ หนัก >15 กก.) ท่ีเกษตรกรขายได้ ปี 2560 - 2562
หนว่ ย : บาท/กก.

ปี ราคา (บาท/กิโลกรมั )

2560 2.98

2561 2.04

2562 1.80

อัตราเพ่มิ (%) -22.28
ทม่ี า : สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร

2.3) ผลผลติ และความต้องการใช้ปาล์มน้ามัน

ผลผลิตรวมในจังหวดั (Supply) รวมทง้ั สนิ้ 7,082 ตนั ไมม่ กี ารรับซื้อจากนอกจังหวดั

เนื่องจาก นครพนม ไม่มีโรงงาน สกดั นา้ มนั ปาลม์ ดบิ (CPO) ดังนนั้ ผลผลติ ปาลม์ นา้ มันของจังหวัดนครพนม

ท้ังหมดจะถกู ส่งไปโรงงานสกดั น้ามันปาล์มต่างจงั หวัด (ตารางท่ี 4.29)

ตารางท่ี 4.29 ผลผลิต (Supply) และความต้องการใช้ (Demand) ปาล์มนา้ มนั ปี 2562

รายการ จานวนผลผลิต (ตัน)

1. ผลผลิต (Supply) 7,082

1.1 ผลผลิตของจงั หวัด 7,082

1.2 นาเขา้ จากจงั หวัดอ่ืน -

2. ความตอ้ งการใช้ (Demand) 7,082

2.1 เขา้ โรงงานแปรรปู ในจงั หวดั -

2.2 สง่ โรงงานแปรรูปนอกจงั หวดั 7,082

3. ผลผลติ ส่วนเกิน/ขาด (1-2) -

ที่มา : จากการสารวจ

2.2) วถิ ีการตลาดปาลม์ นา้ มัน

จงั หวัดนครพนมไม่โรงหบี น้ามนั ปาลม์ ดงั นนั้ เมือ่ เกษตรกรตดั ผลปาลม์ สด จะนาไป

ขายให้กับลานรบั ซ้อื ในพนื้ ที่ และลานรับซือ้ ในพนื้ ทีจ่ ะส่งผลปาล์มสดทงั้ หมดไปขายใหก้ บั โรงสกัดนา้ มันปาล์ม

นอกจังหวดั นครพนม (แผนภาพที่ 4.5)

แผนภาพที่ 4.5 วถิ ีการตลาดปาล์มนา้ มัน ปี 2562

เกษตรกร
100%

ลานรบั ซือ้ ในพน้ื ท่ี
100%

โรงสกัดฯ นอกจงั หวดั
100%

ท่มี า : จากการสารวจ (2563)

42

4.1.6 สับปะรด

1) ระดบั ความเหมาะสมของพน้ื ทป่ี ลกู สบั ปะรด

จากขอ้ มลู Agri-Map Online ของกรมพัฒนาทีด่ ิน พื้นทร่ี ะดับความเหมาะสมในการ

ปลูกสับปะรดของจังหวดั นครพนม รวม 3,227,300 ไร่ แบ่งเป็นพ้ืนที่เหมาะสมมาก (S1) จานวน 432,051 ไร่

พน้ื ที่เหมาะสมปานกลาง (S2) จานวน 1,320,386 ไร่ พนื้ ทเี่ หมาะสมนอ้ ย (S3) จานวน 17,409 ไร่ และพ้ืนท่ี

ไม่เหมาะสม (N) จานวน 1,457,454 ไร่ โดยในปี 2561 มพี น้ื ทีเ่ พาะปลูกสับปะรดตามพน้ื ทีเ่ หมาะสมมาก (S1)

จานวน 666 ไร่ พ้นื ท่ีเหมาะสมปานกลาง(S2) จานวน 1,637 ไร่ พืน้ ที่ไมเ่ หมาะสม (N) จานวน 58 ไร่ หรอื รอ้ ยละ

28.21 69.34 และ 2.45 ตามลาดบั (ตารางท่ี 4.30)

ตารางที่ 4.30 พื้นท่ีปลกู สับปะรดตามชนั้ ความเหมาะสมของดิน จงั หวัดนครพนม ปี 2560

ชัน้ ความเหมาะสม พื้นท่ีเหมาะสม พนื้ ท่ปี ลกู จริง

เนือ้ ท่ปี ลูก (ไร)่ รอ้ ยละ เน้ือท่ีปลกู (ไร)่ ร้อยละ

เหมาะสมมาก (S1) 432,051 13.39 666 28.21

เหมาะสมปานกลาง (S2) 1,320,386 40.91 1,637 69.34

เหมาะสมน้อย (S3) 17,409 0.54 - -

ไมเ่ หมาะสม (N) 1,457,454 45.16 58 2.45

รวม 3,227,300 100.00 2,361 100.00

ทีม่ า : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ /Agri Map Online (2561)

2) การผลติ สบั ปะรด

ปี 2560 – 2562 เนือ้ ท่ีปลกู เนือ้ ทเี่ ก็บเก่ียว ผลผลติ และผลผลติ ต่อไร่ ของสับปะรด มี

ทิศทางลดลง โดยในปี 2560 มเี นือ้ ที่เพาะปลูก 6,983 ไร่ เนอ้ื ทเี่ กบ็ เก่ยี ว 6,910 ไร่ ผลผลติ 27,355 กิโลกรมั

และผลผลิตตอ่ ไร่ 3,959 กโิ ลกรัม เหลอื เนอ้ื ท่ีเพาะปลกู 6,448 ไร่ เนอ้ื ที่เก็บเกย่ี ว 6,208 ไร่ ผลผลติ 21,120 ตนั

และผลผลิตตอ่ ไร่ 3,402 กโิ ลกรมั ในปี 2562 หรือลดลงร้อยละ 3.28 5.22 12.13 และ 7.30 ตามลาดับ

เนื่องจากราคาสับปะรดบริโภคในปี 2560 -2561 ตกต่า ทาให้เกษตรกรไมด่ ูแลรักษา ประกอบกบั ประสบภาวะ

ฝนแล้ง และทง้ิ ชว่ ง ส่งผลใหก้ ารผลิตมีทิศทางลดลง (ตารางที่ 4.31)

ตารางที่ 4.31 เนือ้ ทเี่ พาะปลกู เนือ้ ท่เี กบ็ เก่ยี ว ผลผลิต และผลผลติ ต่อไร่สับปะรด ปี 2560 – 2562

ปี เน้ือทเ่ี พาะปลูก เนอื้ ทเ่ี กบ็ เกีย่ ว ผลผลิต ผลผลติ ตอ่ ไร่

2560 (ไร)่ (ไร)่ (ตัน) (กก.)
2561
2562 6,983 6,910 27,355 3,959
อตั ราเพิ่ม (%) 7,383 7,332 29,121 3,972
6,448 6,208 21,120 3,402

-3.28 -5.22 -12.13 -7.30

ท่มี า : สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สาหรบั การเก็บเกีย่ วผลผลิต โดยผลผลิตออกสู่ตลาดทกุ เดือน แต่จะออกมากในเดือน

เมษายนถงึ มถิ ุนายน (ตารางที่ 4.32)

ตารางที่ 4.32 ชว่ งเก็บเกยี่ วผลผลติ สบั ปะรด ปี 2562

รายการ รอ้ ยละผลผลติ เปน็ รายเดือน รวม

ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ร้อยละ

ร้อยละ 0.94 1.74 10.11 15.25 31.92 15.85 7.82 5.82 3.63 2.62 2.31 1.99 100.00

ทม่ี า : สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร

43

3) ต้นทนุ และผลตอบแทน

ตน้ ทนุ การผลิต สบั ปะรด ปี 2562 ของจงั หวดั นครพนม แยกตามความเหมาะสมของ

พืน้ ทีด่ ังน้ี (ตารางที่ 4.33)

พน้ื ที่เหมาะสม (S1,S2) ต้นทุนรวม 13,823.01 บาทต่อไร่ ประกอบดว้ ยต้นทนุ ผัน แปร

12,605.15 บาทต่อไร่ หรือรอ้ ยละ 91.19 และตน้ ทนุ คงที่1,217.86 บาทต่อไร่ หรอื รอ้ ยละ 8.81 ของตน้ ทุนรวม

สาหรบั พน้ื ท่เี หมาะสมเกษตรกรได้รับผลผลติ ไร่ ละ 3,127.75 กโิ ลกรัม ผลตอบแทนที่

เกษตรกรไดร้ บั จากราคาที่เกษตรกรขายไดก้ ิโลกรมั ละ 7.90 บาท เกษตรกรจะได้รบั ผลตอบแทน24,709.23 บาท

ต่อไร่ หรอื มีผลตอบแทนสุทธิไรล่ ะ 10,886.22 บาท

พน้ื ทไี่ ม่เหมาะสม (S3, N) มตี น้ ทุนรวม 14,032.23 บาทตอ่ ไร่ ประกอบดว้ ยตน้ ทนุ

ผันแปร 12,691.02 บาทต่อไร่ หรือร้อยละ 90.44 และต้นทุนคงท่ี 1,341.21 บาทตอ่ ไร่ หรือร้อยละ 9.56 ของ

ต้นทุนรวม

สาหรับพื้นที่ไมเ่ หมาะสมเกษตรกรไดร้ ับผลผลิตไร่ ละ 2,536.59 กโิ ลกรมั ผลตอบแทนที่

เกษตรกรไดร้ ับจากราคาทีเ่ กษตรกรขายได้กิโลกรัมละ7.90 บาท เกษตรกรจะได้รบั ผลตอบแทน 20,039.06 บาท

ต่อไร่ หรือมีผลตอบแทนสุทธิไรล่ ะ 6,006.83 บาท

ตารางท่ี 4.33 ต้นทุนการผลติ สับปะรดตามศกั ยภาพของพน้ื ท่ี ปี 2562

รายการ พืน้ ท่ีไมเ่ หมาะสม (S1, S2) พน้ื ท่ีไม่เหมาะสม (S3, N)

(บาท/ไร่) (บาท/ไร่)

ตน้ ทนุ รวมต่อไร่ 13,823.01 14,032.23

ต้นทนุ ผนั แปร 12,605.15 12,691.02

ตน้ ทนุ คงที่ 1,217.86 1,341.21

ผลผลติ ตอ่ ไร่ (กโิ ลกรัม) 3,127.75 2,536.59

ราคาทีเ่ กษตรกรขายได้ (บาท/กิโลกรัม) 7.90 7.90

ผลตอบแทนต่อไร่ 24,709.23 20,039.06

ผลตอบแทนสุทธิตอ่ ไร่ 10,886.22 6,006.83

ที่มา : จากการสารวจ

2) การตลาด

2.1) ราคา

ในชว่ ง 3 ปที ีผ่ ่านมา (ปี 2560 – 2562) ราคาสบั ปะรดบริโภคสดพนั ธป์ุ ตั ตาเวยี คละ

ทีเ่ กษตรกรขายไดม้ แี นวโนม้ เพมิ่ ขึน้ จากกิโลกรัมละ 4.45 บาทในปี 2560 เป็นกิโลกรัมละ 7.90 บาทในปี 2562

หรือเพิ่มข้นึ ร้อยละ 33.24 เนื่องจาก ไดร้ ับผลกระทบจากฝนแล้ง และทง้ิ ช่วง ทาให้ ปรมิ าณผลผลติ ลดลง

(ตารางที่ 4.34)

ตารางที่ 4.34 ราคาสบั ปะรดบรโิ ภคพนั ธ์ปุ ัตตาเวียคละทเ่ี กษตรกรขายได้ ปี 2562

หน่วย : บาท/กก.

ปี ราคา (บาท/กิโลกรัม)

2560 4.45

2561 3.88

2562 7.90

อตั ราเพิ่ม (%) 33.24

ทม่ี า : สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร

44

2.3) ผลผลติ และความต้องการใช้สับปะรด
ผลผลิตสับปะรดรวมในจงั หวดั (Supply) รวมท้งั สนิ้ 21,120 ตนั ไมม่ กี ารนาเขา้ จาก

นอกจังหวัด จะใชบ้ รโิ ภคภายในจงั หวดั ในรูปผลสด 8,448ตัน สง่ ออกนอกจังหวัดเพ่ือบรโิ ภคสด 9,504 ตนั ที่
เหลอื 3,168 ตนั สง่ เข้าโรงงานแปรรปู เปน็ ผลติ ภัณฑ์ต่าง ๆ นอกจังหวัด (ตารางที่ 4.35)

ตารางท่ี 4.35 ผลผลิต (Supply) และความต้องการใช้ (Demand) สบั ปะรด ปี 2562

รายการ จานวนผลผลิต (ตัน)

1. ผลผลติ (Supply) 21,120

1.1 ผลผลติ ของจงั หวัด 21,120

1.2 นาเข้าจากจังหวัดอ่ืน -

2. ความต้องการใช้ (Demand) 21,120

2.1 บริโภคในจังหวดั ในรปู ผลสด 8,448

2.2 ส่งออกนอกจังหวัดเพ่ือบรโิ ภคสด 9,504

2.2 ส่งโรงงานแปรรูปนอกจังหวดั 3,168

3. ผลผลิตส่วนเกิน/ขาด (1-2) -

ที่มา : จากการสารวจ

2.2) วถิ ีการตลาดสับปะรด

เกษตรกรผูป้ ลกู สับปะรดจงั หวัดนครพนม มีช่องทาง ในการขายผลผลติ 2 รปู แบบ

ได้แก่ ขายในรูปสบั ปะรดเพือ่ บรโิ ภคสด โดยเกษตรกรจะขายผา่ นพ่อค้ารวบรวม/แผงรบั ซ้ือและขายให้ผบู้ รโิ ภค

ในจงั หวัดสดโดยตรง นอกจากนเ้ี กษตรกรบางสว่ นยงั ขายให้กบั พอ่ คา้ ต่างถิน่ ส่วนพ่ อคา้ รวบรวม/แผงรับซอ้ื จะ

ขายให้ห้างโมเดิร์นเทรดในจงั หวดั และพอ่ คา้ ปลกี ใน จังหวัด มบี างส่วนขายให้พ่อค้าต่างถ่ินเพื่อนาไปขายใหก้ ับ

ผู้บริโภคสดนอกจังหวัด และอีกรูปแบบคือการขายเป็นสับปะรดโรงงานใหก้ ับ ตัวแทนโรงงานแปรรูปท่อี ยู่นอก

จงั หวัดนครพนม (แผนภาพที่ 4.6)

แผนภาพที่ 4.6 วิถีการตลาดสบั ปะรด ปี 2562 หา้ งโมเดิรน์ เทรด ผู้บรโิ ภคสด
ในจังหวดั 5% ในจังหวดั
พ่อคา้ รวบรวม/
แผงรับซื้อ พอ่ คา้ ปลีก 30% 40%
70% 75%
เกษตรกรขายตรง 5% 75%
เกษตรกร 75% 7150% ผบู้ ริโภคสด
100% 35% นอก1จ0%ังหวดั
พอ่ ค4้า5ต%า่ งถิ่น10% 75%
ที่มา : จากการสารวจ (2563) 10% 45%
เกษตรกรขายตรง751%0% 10%
โรงงานแปรรปู
ตวั 7แ5ท%นโร1ง0ง%าน 75% นอก7จ5%ังหวดั
15%
10% 15%
10% 10%

75% 75%

10% 10%

45

4.2 ผลการวเิ คราะห์ด้านเศรษฐกจิ สินคา้ ทางเลอื กของจังหวดั

ผลการวเิ คราะหด์ ้านเศรษฐกิจสนิ คา้ ทางเลือกของจงั หวดั รวม 2 สินค้า ประกอบด้วย 1) ลิน้ จ่ี
2) ถ่วั ลสิ ง โดยผลการวเิ คราะห์มดี งั นี้

4.2.1 ลิ้นจ่ี

ลิน้ จี่ เป็นผลไม้ท่มี รี สหวานกลมกลอ่ ม มีผูน้ ิยมบรโิ ภคกนั อยา่ งแพร่หลาย การปลูกลนิ้ จ่มี ี

กระจายอยใู่ นทัว่ ทุกภาคของประเทศไทย จงั หวัดนครพนมเปน็ อกี หนง่ึ พน้ื ทีท่ ีม่ ีความเหมาะสมในการปลกู ลน้ิ จ่ี
ซึง่ นิยมปลกู เป็นลน้ิ จ่ีพนั ธุ์เบา คือ ลิ้นจ่ี นพ.1 ซงึ่ มคี วามตอ้ งการอากาศท่ีหนาวเย็นในการกระตุ้นการออกดอก
โดยมขี นาดผลใหญ่ จานวน 32 – 36 ผล ตอ่ กโิ ลกรมั รสชาติหวานอมเปรี้ยว ไมม่ รี สฝาด เนือ้ หนา 0.98

เซนติเมตร ความหวาน 18 – 20 องศาบรกิ ซ์ และให้ผลผลิต 65 – 180 กิโลกรมั ต่อตน้ เมือ่ อายุ 8 -10 ปี

ลิน้ จี่ นพ.1 จะสามารถเรม่ิ เกบ็ เกี่ยวผลผลิตได้แล้วในบางพนื้ ท่ี โดยพ้ืนที่ปลกู ส่วนใหญจ่ ะอยทู่ ่ี
บ้านขามเฒา่ และบา้ นนาโดน ตาบลขามเฒ่า อาเภอเมอื งนครพนม ซ่งึ ถอื ว่าเปน็ พน้ื ทหี่ ลักในการปลูกลิ้นจี่
พันธ์ุ นพ.1 จนได้เป็นสินคา้ เกษตร GI ตัวแรกของจงั หวดั นครพนม ทไ่ี ดร้ บั เครอื่ งหมายจาก กรมทรพั ยส์ ินทาง

ปญั ญา กระทรวงพาณชิ ย์ ใหเ้ ปน็ มาตรฐานสิ่งบง่ ช้ีทางภมู ศิ าสตร์ (GI) ตง้ั แตป่ ี 2560 เปน็ ต้นมา ลนิ้ จ่ี นพ .1 มี

ลักษณะ และรสชาตทิ ่เี ป็นเอกลักษณ์ จงึ ทาใหผ้ ้บู รโิ ภคนยิ มส่งั ซื้อลนิ้ จี่ นพ.1 ไปรับประทาน
1) การผลติ

ในปี 2560 – 2562 เนื้อที่เพาะปลกู และเนื้อท่ี ใหผ้ ลลน้ิ จีข่ องนครพนมมีทศิ ทางเพม่ิ ขนึ้

โดยมเี นอื้ ทเี่ พาะปลกู 1,732 ไร่ เนื้อที่ให้ผล 907 ไร่ ไรใ่ นปี 2560 เพ่มิ ขึน้ เป็นเนื้อที่เพาะปลกู 2,191 ไร่ เนื้อที่

ให้ผล 1,128 ไรใ่ นปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.47 และ 11.52 ส่วนผลผลิตและผลผลิตต่อไรม่ ีทศิ ทางลดลง

โดยมีผลผลติ 365 ตัน ผลผลติ ต่อไร่ 402 กิโลกรัมในปี 2560 เหลือเพยี งผลผลิต 15 ตนั ผลผลติ ต่อไร่ 14

กิโลกรัม หรอื ลดลงรอ้ ยละ 79.73 และ 81.34 เนือ่ งจากประสบปัญหาฝนแล้ง และท้งิ ช่วง สภาพภมู อิ ากาศไม่

เอ้ืออานวย อากาศหนาวไม่ต่อเนือ่ ง ส่งผลให้ผลผลติ และผลผลติ ตอ่ ไ รล่ ดลงมากดังกลา่ ว โดยพื้นท่ีปลูก

สว่ นใหญจ่ ะอย่ทู บี่ า้ นขามเฒ่า และบา้ นนาโดน ตาบลขามเฒา่ อาเภอเมืองนครพนม (ตารางที่ 4.36)

ตารางท่ี 4.36 เนื้อทเ่ี พาะปลกู เนอ้ื ทใ่ี ห้ผล ผลผลติ และผลผลิตตอ่ ไร่ลน้ิ จ่ีปี 2560 – 2562

ปี เน้ือทีเ่ พาะปลกู เนอ้ื ทใ่ี ห้ผล ผลผลติ ผลผลิตตอ่ ไร่
(ไร)่ (ไร)่ (ตนั ) (กก.)

2560 1,732 907 365 402
1,073 786 733
2561 1,751 1,128 15 14
11.52 -79.73 -81.34
2562 2,191

อัตราเพม่ิ (%) 12.47

ท่ีมา : สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร


Click to View FlipBook Version