การพัฒนาหมูบานตนแบบสันติสุข
ตามหลักคำสอนของศาสนา
ในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต
ผศ.ดร.กมลาศ ภูวชนาธิพงศ และคณะ
สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
1
ที่ปรึกษา พระสธุ ีรตั นบัณฑติ รศ.ดร.
ผู้อำนวยกำรสถำบนั วจิ ัยพุทธศำสตร์
มหำวทิ ยำลัยมหำจฬุ ำลงกรณรำชวทิ ยำลยั
คณะทางาน ผศ.ดร.กมลำศ ภวู ชนำธิพงศ์
รศ.ดร.อำนำจ บวั ศริ ิ
พระมหำนันทวิทย์ ธีรภทโฺ ท,ดร. (แกว้ บุตรด)ี
ดร.อุดม จันทมิ ำ
ดร.ภัทธิดำ แรงทน
นำยรังสรรค์ วฒั นำชัยวณชิ
นำงสำวทพิ ย์ธิดำ ณ นคร
ปีทพี่ ิมพ์ มนี ำคม 2564
จานวนทพี่ มิ พ์ พิมพ์คร้ังท่ี 1 จำนวน 500 เล่ม
ปกและรูปเลม่ นำงสำวทิพยธ์ ิดำ ณ นคร
นำงสำวสปุ ระวีณ์ วฒั นชยั พงษ์
จดั พิมพโ์ ดย โรงพิมพ์ไวท้ เ์ ฮ้ำส์ปร้นิ ต้งิ
โทร. 081 447 4692
คานา
หนังสือเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของโครงกำรวิจัย “กำรพัฒนำหมู่บ้ำน
ต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนทำงศำสนำในพ้ืนที่ภำคกลำงและภำคใต้ ”
สนับสนุนโดยสถำบันวิจัยพุทธศำสตร์ มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำช
วิทยำลัย ใช้วิธีในกำรศึกษำโดยกำรเก็บข้อมูลภำคสนำมที่เช่ือมโยงควำมรู้
เก่ียวกับแนวคิดและหลักกำรทำงศำสนำในกำรอยู่ร่วมกันของชุมชนสันติสุข
ตน้ แบบ วิถีปฏิบตั ิและกิจกรรมเชิงสร้ำงสรรค์เสริมสรำ้ งเครือข่ำยชุมชนสันติ
สุขในสังคมไทย ศึกษำกระบวนกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลัก
คำสอนทำงศำสนำ รวมทั้งกำรวิเครำะห์กระบวนทัศน์และควำมเข้ำใจทำง
พหุวัฒนธรรมกับกำรอยู่รว่ มกันอย่ำงสนั ติ เป็นวิธีวิจัยแบบผสำนวิธี เป็นกำร
วิจัยเชิงคุณภำพในลักษณะเชิงปฏิบัติกำร และใช้วิธีเชิงปรมิ ำณขยำยผลวจิ ัย
เชิงคุณภำพ โดยรวบรวมข้อมูล เรียบเรียง และสังเครำะห์ผลงำนวิจัย มี
วัตถุประสงค์ 3 ประกำร คือ 1) เพ่ือส่งเสริมกิจกรรมกำรพัฒนำหมู่บ้ำน
ตน้ แบบสนั ติสุขตำมหลกั คำสอนของศำสนำ ในพืน้ ทภ่ี ำคกลำงและภำคใต้ 2)
เพื่อพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของศำสนำในพื้นที่ภำค
กลำงและภำคใต้ และ 3) เพ่ือเสนอผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุข
ตำมหลกั คำสอนของศำสนำ จำกผลกำรวเิ ครำะห์แสดงขอ้ มูลดังตอ่ ไปนี้
คณะผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะศึกษำพ้ืนท่ีใน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด
นครศรีธรรมรำช ได้แก่ ชุมชนบ้ำนตลำดแขก และ ชุมชนสำเภำล่ม จังหวัด
พระนครศรอี ยธุ ยา
2
งำนวจิ ัยนไี้ ดน้ ำมุ่งสง่ เสริมกิจกรรมและนำเสนอรูปแบบกำรพัฒนำ
หมู่บ้ำนต้นแบบท่ีมีลักษณะกำรอยู่ร่วมกันท่ีไม่มีควำมขัดแย้ง ชุมชนอยู่
ร่วมกันอย่ำงสันติสุข ส่งเสรมิ กจิ กรรมพหวุ ฒั นธรรมท่ีมีควำมเชือ่ วฒั นธรรมที่
แตกต่ำง แต่คนในชุมชนหรือคนในหมู่บ้ำนอยู่ร่วมกันอย่ำงมีควำมสุขตำม
หลักคำสอนของศำสนำ จำกผลกำรวิจัยได้พบว่ำ ประชำชนและผู้นำชุมชน
ในพน้ื ท่ีมคี วำมต้องกำรส่งเสริมกิจกรรมกำรอยู่ร่วมกนั อยำ่ งสันตสิ ุขตำมหลัก
คำสอนทำงศำสนำ ทำให้เกิดควำมร่วมมือทุกภำคส่วนในพื้นที่ เช่น ผู้นำ
ชุมชน ประชำชน หน่วยงำนท้องถ่ิน และหน่วยงำนภำครัฐในพื้นท่ี เป็นกำร
จุดประกำยควำมคิดใหเ้ กิดควำมร่วมมือในกำรสร้ำงเครือข่ำยต้นแบบกำรอยู่
ร่วมกันสันติสุขผ่ำนกระบวนกำรปลูกจิตสำนึกรักชุมชนของเยำวชน ใน
รูปแบบกิจกรรมสื่อสร้ำงสรรค์สันติสุขอย่ำงต่อเนื่อง เพ่ือสืบทอดวัฒนธรรม
กำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข เชื่อมโยงเครือข่ำยในชุมชนและเครือข่ำย
ภำยนอกชุมชน เพอ่ื เป็นแนวทำงในกำรสร้ำงอัตลักษณ์ชมุ ชนต้นแบบกำรอยู่
ร่วมกันสนั ตสิ ขุ ตำมหลักคำสอนของศำสนำในสงั คมต่อไป
คณะผวู้ จิ ัย
19 มนี ำคม 2564
3
สารบญั หน้า
เรื่อง
คานาทย ............................................................................................... 1
สารบญั ...............................................................................................3
บทคัดย่อภาษาไทย ............................................................................... 5
บทคัดย่อภาษาองั กฤษ..........................................................................9
กติ ตกิ รรมประกาศ..............................................................................14
ส่วนท่ี 1 บทนา...................................................................................17
ควำมเปน็ มำและควำมสำคัญของปัญหำ...................................18
วตั ถปุ ระสงค์ของโครงกำร ........................................................27
ขอบเขตกำรวจิ ยั ......................................................................27
ส่วนท่ี 2 กระบวนการดาเนินการวิจัย .................................................31
กรอบแนวคิดกำรวิจัย...............................................................32
ขน้ั ตอนดำเนินกำรวิจัย.............................................................33
ส่วนที่ 3 สรปุ ผลการวิจยั ...................................................................36
ผลสรุปกำรสง่ เสริมกจิ กรรมกำรพฒั นำหมบู่ ำ้ นตน้ แบบสนั ติสุข
ตำมหลักคำสอนของศำสนำ ในพืน้ ทภี่ ำคกลำงและภำคใต้ .......37
ผลกระบวนกำรพฒั นำหมู่บ้ำนตน้ แบบสันตสิ ขุ ตำมหลักคำสอน
ของศำสนำในพน้ื ท่ภี ำคกลำงและภำคใต้ ..................................43
4
สารบญั (ต่อ)
เรื่อง หน้า
ผลกำรพฒั นำหมู่บำ้ นต้นแบบสันตสิ ขุ ตำมหลักคำสอนของศำสนำ
ในพื้นท่ีภำคกลำงและภำคใต้ ...................................................47
ผลสรปุ องคป์ ระกอบกำรพัฒนำหมู่บำ้ นตน้ แบบตำมหลกั คำสอน
ทำงศำสนำในพ้นื ที่ภำคกลำงและภำคใต้ ..................................57
สรปุ องคค์ วำมรู้ในกำรวิจัย........................................................72
ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................76
บรรณานกุ รม .....................................................................................79
ภาคผนวก ..........................................................................................81
คณะผวู้ จิ ัย..........................................................................................88
5
บทคดั ยอ่
กำรวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือส่งเสริมกิจกรรมกำรพัฒนำ
หมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของศำสนำในพ้ืนท่ีภำคกลำงและ
ภำคใต้ 2) เพ่ือพัฒนำหมูบ่ ้ำนต้นแบบสันตสิ ขุ ตำมหลักคำสอนของศำสนำ ใน
พื้นท่ีภำคกลำงและภำคใต้ 3) เพ่ือเสนอรูปแบบกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบ
สันติสุขตำมหลักคำสอนของศำสนำ เป็นกำรวิจัยแบบผสำนวธิ ี โดยใช้วิธีเชิง
คุณภำพ ลักษณะกำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำรด้วยกระบวนมีส่วนร่วม และวิธีวิจัย
เชิงปริมำณขยำยผลวิธีวิจัยเชิงคุณภำพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญและกลุ่มตัวอย่ำง
ได้แก่ 1) ผู้นำชุมชน 2) ผู้นำทำงศำสนำ 3 ศำสนำ 3) หน่วยงำนภำครัฐใน
พื้นที่ 4) เยำวชนในพ้ืนท่ี จำนวน 55 คน เคร่ืองมือท่ีใช้ในกำรวิจัย ได้แก่ 1)
แบบสำรวจกำรรับรู้ชุมชนสันติสุข 2) แบบประเมินควำมพึงพอใจกำรเข้ำ
ร่วมโครงกำร 3) กำรสัมภำษณ์เชิงลึก 4) กิจกรรมเสวนำ 5) กำรสังเกตแบบ
มีส่วนร่วม 6) กำรจัดกิจกรรมสื่อสร้ำงสรรค์สันติสุข วิเครำะห์ข้อมูลเชิง
ปริมำณด้วยค่ำเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน และวิเครำะห์
ข้อมลู เชงิ คุณภำพดว้ ยกำรวเิ ครำะห์เนอื้ หำ
ผลกำรวจิ ยั พบว่ำ
1) ผลกำรวิเครำะห์กำรส่งเสริมกิจกรรมกำรพัฒนำหมู่บ้ำน
ต้นแบบสนั ตสิ ุขตำมหลักคำสอนของศำสนำในพื้นทีภ่ ำคกลำงและภำคใต้ ผล
วิจัยพบว่ำ พื้นที่ตำบลสำเภำล่ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ และพื้นท่ีชุมชน
6
บ้ำนตลำดแขก จังหวัดนครศรีธรรมรำช เป็นหมู่บ้ำนต้นแบบกำรอยู่ร่วมกัน
อย่ำงสันติสุขมำยำวนำน โดยมีจุดร่วมที่ทำให้คนในชุมชนอยู่ร่วมกันอย่ำงมี
ควำมสุข คือ คุณลักษณะหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขประเมินตำมกรอบหลัก
ภำวนำ 4 ดังนี้ 1) ควำมสัมพันธ์ของคนในชมุ ชนอยู่รว่ มกันอย่ำงสันติสุข บน
พื้นฐำนกำรดำเนินชีวติ แบบพหวุ ัฒนธรรม 2) กำรยดึ หลักคำสอนทำงศำสนำ
กำรปฏบิ ตั ิตำมคณุ ธรรมของกำรอยูร่ ่วมกนั ตำมหลักศำสนำท่ีตนเองนับถือ 3)
แนวทำงกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข อยู่บนพ้ืนฐำนกำรปฏิบัติที่ดีต่อกัน
ไดแ้ ก่ (1) กำรใหค้ วำมรกั และควำมผกู พันท่มี ตี อ่ กนั (2) กำรเคำรพใหเ้ กียรติ
ซ่ึงกันและกัน (3) กำรให้ควำมเมตตำ ช่วยเหลือเก้ือกูลกัน (4) กำรสร้ำง
ควำมสำมคั คี เอือ้ เฟอื้ เผอื่ แผช่ ว่ ยเหลือกัน และมีกำรทำกิจกรรมร่วมกนั และ
4) กำรรักษำวิถีชุมชน ด้วยกำรปลูกจิตสำนึกในกำรอยู่ร่วมกันผ่ำนกลุ่ม
เยำวชน เพื่อสืบสำนรักษำมรดกทำงวัฒนธรรมกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข
ใหย้ งั่ ยนื
2) ผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของ
ศำสนำ 1) ในพ้ืนที่ตำบลสำเภำล่ม ได้มีกระบวนกำรในกำรปฏิบัติกำรผ่ำน
กจิ กรรม ไดแ้ ก่ (1) กำรวำงแผนกิจกรรม (2) กำรสำรวจพ้นื ที่ชุมชน (3) กำร
สร้ำงควำมร่วมมือควำมรับผิดชอบเพื่อสังคม (4) กำรเตรียมงำนส่ือ
ประชำสัมพันธ์ (5) กำรเสวนำ และ (6) กิจกรรมส่ือสร้ำงสรรค์สันติสุข ใน
หัวข้อ “สำเภำล่มรำลึก ชุมชนพหุวัฒนธรรมสันติสุข” เพ่ือบันทึกเรื่องรำว
ของชุมชน กำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข และถ่ำยทอดมรดกทำงวัฒนธรรม
ชุมชน ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เป็นกำรสร้ำงเครือข่ำยชมุ ชนและควำมร่วมมือซึ่งกนั
7
และกัน ผู้เข้ำร่วมกิจกรรมในโครงกำรมีทัศนคติท่ีดีและพร้อมท่ีเป็นหมู่บ้ำน
ต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนทำงศำสนำ โดยมุ่งเน้นท่ีจะพัฒนำและ
ส่งเสริมเยำวชนมีควำมเป็นผู้นำ และสืบสำนมรดกทำงวัฒนธรรมกำรอยู่
ร่วมกันในชุมชนแบบพหุวัฒนธรรม 2) ในพื้นที่ชุมชนบ้ำนตลำดแขก ได้มี
กระบวนกำรในกำรปฏิบัติกำรผ่ำนกิจกรรม ได้แก่ (1) ถอดบทเรียนชุมชน
ตลำดบ้ำนแขก (2) กำรลงพ้ืนที่สำรวจข้อมูลครอบครัวในโครงกำรวิจัย (3)
จัดประชุมกลุ่มย่อยผู้นำชุมชน เพ่ือแลกเปล่ียนควำมคิดเห็นด้ำนพหุ
วัฒนธรรม (4) สำรวจพ้ืนท่ีบริบทชุมชน (5) กำรสร้ำงเครือข่ำยและกำร
สนับสนุนจำกภำครัฐ และ (6) กิจกรรมสื่อสร้ำงสรรค์สันติสุข ในหัวข้อ
“นครบันทึก มรดกวัฒนธรรม ชุมชนบ้ำนตลำดแขกสันติสุข” เพ่ือบันทึก
เร่ืองรำวผ่ำนกำรเล่ำเรื่องรำวจำกผู้นำศำสนำ ผู้นำชุมชน วิถีกำรดำเนินชีวิต
ของคนในชุมชนที่อยู่รว่ มกันมำยำวนำนอยำ่ งสันตสิ ุข ผลลัพธ์ที่ได้ คือ คนใน
ชมุ ชนส่วนใหญส่ ำนึกรกั ถิน่ ฐำนตนเอง ปลกู ฝังวิธกี ำรอยูร่ ่วมกันอย่ำงสันติสุข
คอื 1) กำรเปน็ ผใู้ ห้มำกกว่ำผู้รับ 2) กำรร้หู น้ำทีข่ องตนเอง 3) กำรชว่ ยเหลือ
กัน กำรแสดงควำมมีน้ำใจกบั คนในชมุ ชน และคนรอบข้ำง 4) กำรเกอ้ื กูลกัน
5) กำรทำกจิ กรรมชมุ ชนร่วมกนั อย่ำงตอ่ เน่ือง
3) นำเสนอผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสนั ติสขุ ตำมหลักคำสอน
ของศำสนำ พบว่ำ บริบทพื้นท่ี 2 ชุมชน มีควำมยินดีร่วมมือร่วมใจกำรทำ
กิจกรรมในโครงกำร คือ กำรส่งเสริมให้เยำวชนร่วมทำกิจกรรมร่วมกันท้ัง 3
ศำสนำ ผลวิเครำะห์องค์ประกอบกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบตำมหลักคำ
สอนทำงศำสนำ พบว่ำ 1) ปัจจัยนำเข้ำ ได้แก่ คุณลักษณะหมู่บ้ำนต้นแบบ
8
สันติสุขตำมหลักภำวนำ 4 2) ปัจจัยกระบวนกำร กำรร่วมสร้ำงกิจกรรมเพ่ือ
สร้ำงกำรตระหนักถึงควำมสำคัญของมรดกทำงวัฒนธรรม และกำรอยู่ร่วมกัน
ผ่ำนกำรร่วมคิด สร้ำงรูปแบบและกำรพัฒนำ 3) ปัจจัยบริบท โดยควำมร่วมมือ
ของเครือข่ำยชุมชนในพ้ืนท่ี 4) ปัจจัยผลลัพธ์ ประกอบด้วย ควำมร่วมมือกันใน
กำรแสดงควำมคิดเห็น และเยำวชนให้ควำมสำคัญและสนใจในกำรทำคลิปวีดี
ทัศนส์ อ่ื สรำ้ งสรรคส์ นั ติสขุ สะทอ้ นมรดกทำงวฒั นธรรม เยำวชนเกดิ กำรตระหนกั
ถึงกำรอนุรักษ์มรดกทำงวัฒนธรรม และผลวิเครำะห์กำรรับรู้ชุมชนสันติสุขของ
เยำวชนในพนื้ ที่ชมุ ชนบำ้ นตลำดแขก จังหวดั นครศรธี รรมรำช โดยภำพรวมอยู่ใน
ระดับมำกท่ีสุด และกำรรับรู้ชุมชนสันติสุขในพื้นท่ีชุมชนสำเภำล่ม จังหวัด
พระนครศรีอยธุ ยำ โดยภำพรวมอยู่ในระดบั มำก และพบว่ำ ผู้เข้ำร่วมเสวนำกลุ่ม
ยอ่ ยมีควำมพงึ พอใจตอ่ กำรเข้ำร่วมกจิ กรรมอยู่ในระดบั มำกทส่ี ดุ
9
ABSTRACT
The objective of this research were 1) to promote
activities of the development of a village model of peace
regarding religious teachings in the central and southern region 2)
to develop a village model of peace regarding religious teachings
in the central and southern region 3) to present the development
pattern of a village model of peace regarding religious teachings
in the central and southern region. This research was a mixed
method using a qualitative method by participatory action
research and the quantitative method extends the results of
qualitative method. Key informants and samples were: 1)
community leaders 2) religious leaders of 3 religions 3)
government agencies in the areas 4) 55 youths in the areas. The
research instruments were 1) peaceful community perception
survey 2) project participation satisfaction assessment 3) in-depth
interview 4) talk activity 5) participatory observation 6) activities
of creating peace media. The quantitative data analysis was
conducted with mean and standard deviation and content
analysis was used for qualitative data analysis.
The research results were founded that:
10
1. Analysis results of activities promotion of the
development of a village model of peace regarding religious
teachings in the central and southern region found that Samphao
Lom Subdistrict in Phra Nakhon Si Ayutthaya Province and Baan
Talad Khaek community in Nakhon Si Thammarat Province were
the model village of peaceful coexistence for a long time and
the common point that makes people in the communities
coexist with happiness is characteristics of village model of
peace which were assessed in accordance with the principles of
Bhavana 4 as follows: 1) Relationships of people in a community
that live together in a peaceful manner based on multicultural
life 2) Adherence to religious teachings and following the virtue
of coexistence according to their own religious principles 3) A
peaceful coexistence approach based on good treatment to each
other, namely 1) love and bond with each other 2) respect for
each other 3) compassion and lending a hand each other 4)
building unity, generosity, helping each other and do activities
together and 5) Preserving community ways by promoting a
consciousness of coexistence through youth groups in order to
maintain the cultural heritage of a peaceful coexistence to be
sustainable.
11
2) The results of the development of a village model of
peace regarding religious teachings: 1) In Samphao Lom Sub
district, there was a process to operate through activities
including ( 1) activity planning ( 2) community area survey ( 3)
building cooperation and social responsibility ( 4) preparation of
public relations media ( 5) talk activity and ( 6) Creative media
activities for peace on the topic " Samphao Lom’ s reminiscence,
Peaceful multicultural community " in order to record the
community’ s stories, coexistence in peace and transfer the
cultural heritage of the community. The end results are a
community network and mutual cooperation, participants in the
project have a positive attitude and are ready to be a village
model of peace regarding religious teachings with a focus on
developing and promoting youth through various activities to
provide youth leadership, cultural heritage and coexistence in
multicultural communities 2) In Baan Talad Khaek community,
there was a process to operate through activities including ( 1)
lessons learned of Baan Talad Khaek community ( 2) family
information survey in the research project ( 3) organized sub-
group meeting of community leaders to exchange views on
multiculturalism ( 4) community context survey ( 5) networking
12
and government support ( 6) Creative media activities for peace
on the topic " City Cultural Heritage record, Ban Talad Khaek
Community in peace” in order to record stories telling from
religious leaders, community leaders and people’ s lifestyles in
the community that have lived together for a long time in peace.
The end results are Most people in the community are conscious
of their own home and to instill the ways of peaceful coexistence
including 1) giving more than recipients 2) knowing their duties 3)
helping and showing kindness with people in the community and
those around them 4) lending a hand 5) continuously doing
community activities together.
3) The presentation of the development of a village
model of peace regarding religious teachings found that both
communities were willing to cooperate in doing activities in the
project, which is to encourage youth from 3 religions to join in
activities together. The analysis results of the development
components of a village model regarding religious teachings were
1) Input factors including characteristics of village model of
peace according to the principles of Bhavana 4 2) Process factors
including co- creation of activities to raise awareness of cultural
heritage importance of and coexistence through collaboration,
13
pattern building and development 3) Context factors including
cooperation of local community networks 4) The importance and
interest of youth in making video clips, creating peaceful media
reflecting cultural heritage and awareness of youth cultural
heritage conservation. The overall analysis results of peaceful
communities youth’s perception in Ban Talat Khaek community,
Nakhon Si Thammarat Province were at the highest level and in
Samphao Lom Subdistrict, Phra Nakhon Si Ayutthaya Province
were at the high level and also found that the participants in
small talk group were satisfied with their participation at the
highest level.
14
กติ ตกิ รรมประกาศ
งำนวิจัยน้ีสำเร็จได้ด้วยดี ด้วยควำมกรุณำอย่ำงสูงจำกคณำจำรย์
และผทู้ ีเ่ กี่ยวข้องหลำยท่ำน จึงขออนโุ มทนำกรำบขอบพระคณุ ไว้ ณ ที่นี้
ขอกรำบขอบพระคุณ พระสุธีรัตนบัณฑิต, รศ.ดร. ผอ.สถำบัน
วิจัยพุทธศำสตร์ ท่ีปรึกษำโครงกำรวิจัย พระมหำชุติภัค อภินนฺโท
ผอู้ ำนวยกำรส่วนงำนวำงแผนและส่งเสรมิ กำรวจิ ยั พระมหำเสรีชน นรสิ สฺ โร.
ดร. ผู้อำนวยกำรส่วนงำนบริหำร และพระมหำนันทวิทย์ แก้วบุตรดี, ดร.
สถำบันวิจัยพุทธศำสตร์ สนับสนุนในกำรทำวิจัยตลอดระยะเวลำของกำร
วิจยั
ขอขอบพระคุณ นำยเจนโชค สุวนิธิ รองนำยกองค์กำรบริหำร
ส่วนตำบลสำเภำล่ม ผู้ประสำนพ้ืนท่ีจังหวัดพระนครศรีอยุธยำ และนำยวัน
พระ สืบสกุลจินดำ ผู้ประสำนงำนและผู้ช่ว ยวิจัย พ้ืน ที่จั ง ห วั ด
นครศรีธรรมรำช ช่วยประสำนงำนและอำนวยควำมสะดวกในกำรลงพื้นที่
วิจัย ขอขอบคุณนำยสุกิจจ์ บุตรเคน ช่วยประสำนงำนพื้นที่จังหวัด
พระนครศรอี ยธุ ยำ
ขอกรำบขอบพระคุณ พระมหำอภิเชษฐ มุทุจิตฺโต หัวหน้ำศูนย์
ปฏิบัตธิ รรมศนู ยพ์ ุทธศำสตร์ศกึ ษำ DCI และพระมหำวัชรพล ธมมฺ จติ โต พระ
อำจำรย์ศูนย์พุทธศำสตร์ศึกษำ DCI ได้สนับสนุนและร่วมบริจำคของขวัญ
และของที่ระลึกสำหรับจำกผู้เข้ำร่วมเสำวนำในพ้ืนที่ ขอขอบคุณและอนุโม
15
นำบญุ กับ ดร.ภทั รดิ ำ แรงทน เปน็ ผู้รว่ มกระบวนกำรเก็บขอ้ มลู ประสำนงำน
เชงิ พื้นท่กี ิจกรรมเสวนำในจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยำเปน็ อยำ่ งดี
ขอบขอบคุณ คุณบุญเกียรติ โชควัฒนำ ประธำนกรรมกำรบรหิ ำร
บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์แนช่ันแนล จำกัด (มหำชน) และคุณจำรุยศ ไพโรจน์
ถำวรวัฒนำ กรรมกำรผู้จัดกำรบริษัท ท้อปเทร็นด์ แมนูเฟอเจอร่ิง จำกัด
ร่วมสนับสนุนเจลแอลกอฮอล์ และโครงกำรซ่ือสัตย์เพ่ือชำติ โดยคุณบุญชัย
โชควัฒนำ ประธำนกรรมกำร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหำชน)
สนับสนุนหน้ำกำกอนำมัยเจลแอลกอฮอล์ แจกประชำชนและเยำวชนใน
พน้ื ท่ี
ขอขอบคุณ ผศ.ดร.พุทธชำติ แผนสมบุญ และนิสิตปริญญำโท
นิสิตปริญญำเอก สำขำวิชำพุทธจิตวิทยำ ร่วมกิจกรรมเสวนำ และกำรทำ
กจิ กรรมส่ือสร้ำงสรรคส์ ันติสุข
ขอขอบคุณผู้นำชุมชน 3 ศำสนำ ประชำชน เยำวชนทั้ง 2 พื้นที่
ได้แก่ ชุมชนสำเภำล่ม ชุมชนบ้ำนตลำดแขก ท่ีให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ตอ่
กำรวิจัย ร่วมแลกเปล่ียนเรียนรู้ประสบกำรณ์ และร่วมพัฒนำพื้นที่ร่วมกับ
คณะผูว้ จิ ยั
ขอขอบคุณผู้อำนวยกำร ผู้บริหำร ครู โรงเรียนวดั พุทไธศวรรย์ ท่ี
ร่วมปลูกฝังเยำวชนตำมรูปแบบกระบวนกำรวิจัยร่วมกันผ่ำนกิจกรรมสื่อ
สร้ำงสรรค์ และขอขอบใจนักเรียนในโครงกำร ที่ให้ควำมร่วมมือในกำรทำ
กจิ กรรมในโครงกำรจนสำเรจ็ ลุล่วงไปด้วยดี
16
ขอขอบคุณผู้ร่วมวิจัยทุกท่ำนที่ร่วมทำกระบวนกำรวิจัย และ
ติดตำมโครงกำรวิจัย และขอบคุณ ดร.เอื้ออำรีย์ วัยวัฒนะ นำงสำวสุประ
วีณ์ วัฒนชัยพงษ์ นำงอมลณัฐ กันทะสัก ท่ีช่วยรวบรวมข้อมูลและตรวจแก้
รูปแบบรำยงำนวจิ ยั
ควำมสำเร็จ และคุณค่ำของรำยงำนนี้ทั้งหมด ขอน้อมถวำยเพ่ือ
เป็นพุทธบูชำแด่องค์สมเด็จพระสัมมำสมั พุทธเจำ้ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดำ
มำรดำ ผู้มีพระคุณและคณำจำรย์ทุกท่ำนที่ได้อบรมส่ังสอน หล่อหลอมขัด
เกลำ จนคณะผู้วิจัยมีพัฒนำกำรและควำมก้ำวหน้ำทำงวิชำกำร จึงขอระลึก
ถึงพระคุณอันใหญ่หลวงนี้ และขอขอบพระคุณทุกท่ำนด้วยควำมเคำรพ
อยำ่ งสงู ไว้ ณ โอกำสน้ี
ผศ.ดร.กมลำศ ภูวชนำธพิ งศ์ และคณะ
หวั หนำ้ โครงกำรวิจยั
19 มีนำคม 2564
17
ส่วนท่ี 1 บทนา
18
ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา
รูปแบบกำรดำเนินชีวิตหรือวิธีคิดของผู้คนที่แตกต่ำงกัน สำมำรถ
เป็นชนวนที่ก่อให้เกิดควำมขัดแย้งได้ทุกเม่ือ โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงในเร่ืองของ
ศำสนำและควำมเชื่อ เพรำะมนุษย์คือส่ิงมีชีวิตที่ต้องกำรปัจจัยมำกมำยใน
กำรดำรงชีวิต และหนึ่งในน้ันคือเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อยึดถือเป็นหลัก
ดำเนินชีวิต เกิดเป็นศำสนำและลัทธิต่ำง ๆ จำกควำมหลำกหลำยทำงชำติ
พันธุ์ ถ่ินที่อยู่ และกำรดำเนินชีวิต โลกใบน้ีของเรำมีกันอยู่หลำกหลำย
ศำสนำ ซึ่งโดยแกน่ หลักแล้วทุกศำสนำมีคำสอนทคี่ ล้องกนั คือกำรสอนให้ทุก
คนเป็นคนดี และเน่ืองด้วยกำรกระจำยตัวของผู้คนทั่วทุกมุมโลกจำกกำรทีม่ ี
ผทู้ ่นี ับถอื ศำสนำท่ีแตกต่ำงกันอำศัยปะปนในพื้นท่ีเดียวกัน และจำกควำมคิด
ควำมเชื่อบำงประกำรท่ีไม่สอดคล้อง กลำยเป็นชนวนที่ส่งผลให้เกิดควำม
ขัดแย้งข้ึนได้ เพรำะเป็นเร่ืองบอบบำงมีผลต่อจิตใจ บ่อยครั้งที่ควำมขัดแย้ง
น้ันบำนปลำยจนทำให้เกิดเหตุกำรณ์ควำมรุนแรงตำมมำด้วยคำว่ำ ควำม
ศรัทธำ ที่หลำยคนยึดม่ันทำให้สำมำรถทำทุกวิถีทำงเพื่อบ่งบอกว่ำควำมคิด
ของตนนั้นถูกต้องที่สุด แม้จะเกิดควำมรุนแรงหรือแม้กระท่ังเสียเลือดเสีย
เนอ้ื กต็ ำม
ศำสนำกับสันติภำพนับว่ำเป็นประเด็นท่ีสังคมคำดหวัง ควำม
ปรำรถนำทจี่ ะให้ศำสนำเข้ำมำมบี ทบำทหรือมสี ว่ นร่วมในกำรสรำ้ งสันติภำพ
และจัดกำรควำมขัดแย้งในสังคม กำรแก้ปัญหำควำมขัดแย้ง มักนิยมเลือกที่
จะใช้ควำมรุนแรงเป็นเครื่องมือในกำรตอบโต้ควำมรุนแรง เป็นกำรใช้ควำม
19
รุนแรงที่เหนือกว่ำ ตรำบใดที่สังคมยังยอมรับว่ำ กำรใช้ควำมรุนแรง คือ วิธี
แก้ปัญหำอำชญำกรรม เป็นเหตุให้มีกำรสร้ำงและปรับปรุง กองกำลัง ทหำร
และยุทโธปกรณ์ เพื่อรักษำควำมม่ันคงของประเทศ1 สำหรับพระพทุ ธศำสนำ
ได้นำเสนอรูปแบบกำรดำเนินชีวิตตำมทำงสำยกลำง คือ มัชฌิมำปฏิปทำ
เป็นหลักในกำรดำเนินชีวิต ทำให้รู้เท่ำทันชีวิต มุ่งควำมสุข สะอำด สว่ำง
สงบ คือ ศีล สมำธิ และปัญญำ หรือ หลักไตรสิกขำ2 ท่ีจะช่วยให้มนุษย์เกิด
สันติภำพ ภำยนอกและสันติภำพภำยใน พระพุทธศำสนำเน้นให้เห็น
ควำมสำคัญของสันติภำพในระดับภำยนอกนั้น เป็นพ้ืนฐำนสำคัญท่ีจะ
นำไปสู่สันติภำยใน โดยพัฒนำในระดับศีลอันเป็นพ้ืนฐำนไปสู่ระดับสมำธิ
และปัญญำ เปน็ สันติภำพในระดบั สงู หรือเปำ้ หมำยสงู สุดในพระพทุ ธศำสนำ3
เป็นกำรสร้ำง “ควำมไว้วำงใจและควำมเช่ือม่ัน” และ “ควำมศรัทธำ” ใน
วิธีกำรแบบสนั ตภิ ำยในทำงพระพุทธศำสนำ
สำหรับศำสนำคริสต์ ควำมสงบสุขที่ถือกำเนิดจำกจิตวิญญำณ
ภำยในและกำรตระหนักรู้ถึงสัมพันธภำพของตนกับพระผู้เป็นเจ้ำและกับ
1 Easwaran, Eknath. , Nonviolent Soldier of Islam: Badsha
Khan, A Man to Math His Mountains, (California: Nilgiri Press, 2002).
2 Phra Brahmagunabhorn ( P. A. Payutto) . , Sustainable
Development, 6th ed., (Bangkok: Sahadhammigga, 2007).
3 พระมหำหรรษำ ธมฺมหำโส (นิธิบุณยำกร), “รูปแบบกำรจัดกำรควำม
ขัดแย้งโดยพุทธสันติวิธี:ศึกษำวิเครำะห์ กรณีลุ่มน้ำแม่ตำช้ำง จ.เชียงใหม่”, พุทธ
ศาสตรดุษฎีบัณฑิต, (บัณฑิตวิทยำลัย: มหำวิทยำลัยมหำจุฬำลงกรณรำชวิทยำลัย,
2547).
20
ผู้อื่น ส่วนสันติภำพทำงสังคมน้ัน เป็นกำรอยู่ร่วมกันภำยใต้กฎระเบียบทำง
สังคมอย่ำงสงบ สำหรับศำสนำอิสลำม สอนให้มีศรัทธำบริสุทธ์ิ ยอมรับใน
เอกภำพของพระศำสดำ และมีจุดมุ่งหมำยให้สร้ำงดุลยภำพของชีวิต คือ
วัตถุและจิตใจโดย ช้ีทำงให้มนุษย์ปฏิบัติตำมเพ่ือสันติสุข ท้ังด้ำนขัดเกลำ
จติ ใจและกำรดำรงสนั ติภำพระหวำ่ ง เพ่อื นมนุษย์4
หลักคำสอนของศำสนำอิสลำมที่ชำวมุสลิมนับถือน้ันมุ่งเน้นกำร
อยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข ด้วยกำรใช้ปัญญำในกำรประกอบคุณงำมควำมดี
ควำมกตัญญู กำรให้อภัย กำรให้ทำน กำรช่วยเหลือซ่ึงกันและกันโดยไม่มี
กำรแบ่งแยก มุมมองควำมแตกต่ำงระหวำ่ งศำสนำเชื่อว่ำทุกคนเปน็ พ่ีน้องกัน
ดังปรำกฏในอัลกุรอำนไดแ้ ก่ “...และในแผ่นดินมีเขตแดนติดตอ่ ใกล้เคียงกัน
และมีสวนพฤกษำ เช่น ต้นองุ่น และต้นที่มีเมล็ด แลต้นอินทผลัมท่ีมำจำก
รำกเดียวกัน แลมิใช่รำกเดียวกัน ได้รับแหล่งน้ำเดียวกัน แลเรำได้ให้บำง
ชนิดดีเด่นกว่ำอีกบำงชนิดในรสชำติ (คือต้นไม้หลำยชนิดได้รับแหล่งน้ำ
เดียวกัน และดินชนิดเดียวกัน แต่พืชผลที่ออกมำมีชนิดและรสชำติแตกต่ำง
กันออกไป) แท้จริงในกำรนั้น แน่นอนเป็นสัญญำณสำหรับหมู่ชนผู้ใช้
4 ศรีสุรำงค์ พูลทรัพย์, สุนทรียธรรม: หลักธรรมเพื่อการอยู่ร่วมโลก
เดียวกันอย่างสันติสุข คริสต์ พุทธ ยูดาห์อิสลาม ฮินดู, (กรุงเทพมหำนคร: คบไฟ,
2550).
21
ปัญญำ”5 ศำสนำอิสลำม มุ่งให้มุสลิมปฏิบัติอย่ำงเคร่งครัด มุสลิมทุกคนมี
ควำมรูใ้ นข้อปฏิบัติทำงศำสนำอย่ำงดี หลกั คำสอนสำคัญ 2 ประกำรคือหลัก
ศรัทธำและหลักปฏิบัติ ได้แก่ หลักศรัทธำ 6 ประกำร และหลักปฏิบัติตำม
ศรทั ธำ 5 ประกำร
สันติภำพจึงเป็นภำวะท่ีคนสำมำรถอยู่ร่วมกันได้อย่ำงสงบสุขเป็น
ภำวะที่มนษุ ย์มีควำมต้องกำร เปน็ ภำวะทีไ่ มท่ ำรำ้ ยหรอื ใช้ควำมรนุ แรงต่อกัน
เป็นเกณฑ์ในกำรให้อภัย สันติภำพยังรวมควำมถึง ควำมเป็นอันหน่ึงอัน
เดียวกนั ของมวลมนุษยชำติ ควำมรว่ มมือที่จะขจดั ควำมเห็นแก่ตวั เพอื่ เป็น
ควำมหวังในกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข” เพ่ือให้ผู้ท่ีด้อยกว่ำทั้งทำงกำลัง
อำนำจ เศรษฐกิจ และสังคม สำมำรถอยู่ร่วม กบั ผู้ทมี่ ีกำลังอำนำจเหนือกว่ำ
ได้ เป็นกำรทำให้เกิดกำรแบ่งปันและกำรใช้ทรัพยำกรอย่ำงรู้คุณค่ำ เป็น
สันติภำพในมิติควำมดี ควำมงำมและควำมจริง เป็นเป้ำหมำยแห่งชีวิต เป็น
ควำมสุขที่ได้รับสนองตอบทำง กำยภำพสมบูรณ์ด้วยปัจจัย 4 เม่ือสันติภำพ
เป็นควำมคิดสร้ำงสรรค์6 เป็นควำมจริงทำงประวัติศำสตร์ที่ยืนยันว่ำภำวะ
ของ สันติภำพเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ไม่ใช่เพียงจินตนำกำรที่เพ้อฝัน เพรำะ
5 หัจยีประยูร วทำนยกุล และสุพจน์ ด่ำนตระกูล, สู่สันติภาพถาวร “ผ่าน
พุทธ ครสิ ต์และอิสลามถงึ มาร์ซสิ ม์และเลนนิ ิสม์”, (กรุงเทพมหำนคร: โรงพิมพ์บริษทั
ตถำตำพับลเิ คชนั่ , 2548).
6 พระมหำขวัญชัย กติ ตฺ ิเมธี (เหมประไพ), ปรัชญำกำรศึกษำ: Philosophy
of Education, ในบทวิจารณ์หนังสือ, (พระมหำหรรษำ ธมฺมหำโส), วำรสำรสันติ
ศึกษำปริทรรศน์ มจร. ฉบับที่ 2, (กรุงเทพมหำนคร: แดเน็กซ์ อินเตอร์คอร์ปอเรชั่น,
2561) ): 416-429.
22
มนุษยชำติม่งุ หวังทีจ่ ะอยู่รว่ มกันอย่ำงมี ควำมสขุ เป็นเป้ำหมำยของชีวิตและ
สังคม แม้แต่สัตว์ก็ต้องกำรจะมีชีวิตที่มีควำมสุข เป็นเป้ำหมำยสำธำรณะ ที่
ชีวิตต้องกำรอยำกจับต้อง และพยำยำมแสวงหำ สันติภำพจึงเป็นยอด
ปรำรถนำของคนท้ังปวง โดยไมจ่ ำกดั เพศ วัย อำชีพ ชนชั้น เชื้อชำติ ศำสนำ
หำกไมม่ สี ันตภิ ำพก็จะทำใหเ้ กดิ ควำมรุนแรงกำรทำร้ำยเบยี นเบยี นกนั
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหำท่ีท้ำทำยอย่ำงยิ่ง เก่ียวกับ
ปัญหำวิถีชีวิตแบบด้ังเดิมของคนไทยเร่ิมจำงหำยไป ซ่ึงแต่เดิมคนไทยอำศัย
อยู่ร่วมกันแบบครอบครวั หม่บู ้ำน ชมุ ชน ทีม่ คี วำมเอื้ออำทร และถอ้ ยทีถ้อย
อำศัยพ่ึงพิงซึ่งกันและกัน มีควำมปรองดอง สมำนสำมัคคีต่อกัน แต่ทว่ำเมื่อ
สังคมไทยท้ังในเมืองและชนบท ได้แปรเปล่ียนไปเป็นสังคมบริโภคนิยมและ
กระแสของของโลกำภิวัตน์ทำให้วิถีชุมชนของคนไทยเปล่ียนแปลงไป มี
ลักษณะของต่ำงคนต่ำงอยู่ ขำดปฏิสัมพันธ์ท่ีเอ้ืออำทรต่อกัน นับวัน
สังคมไทยจึงเป็นสังคมที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้ภัยในสังคมจำกโจรผู้ร้ำย และภัย
จำกยำเสพติด มีกำรขยำยตัวเพ่ิมมำกข้ึน ทำให้สังคมชุมชนขำดสันติสุข ดัง
จะเห็นได้จำกปัญหำควำมขัดแย้งในสังคมที่มีปรำกฏให้เห็นท้ังชุมชนเมือง
และชนบทไม่เว้นแม้แต่ปัญหำระหว่ำงชุมชนกับวัด อย่ำงกรณีของชุมชน
ตลำดพำหุรัดท่ีมีปัญหำกำรเวนคืนท่ีดินของวัดมีสำเหตุจำก ควำมขัดแย้งที่
เกิดจำกองค์ประกอบด้ำนบุคคล ด้ำนกำรปฏิสัมพันธ์กัน และด้ำนสภำพ
องค์กำร ท้ังน้ีเป็นเพรำะวิถีควำมเป็นอยู่แบบชุมชนท่ีเคยเข้มแข็งจำงหำยไป
จำกสงั คมไทย ในขณะที่นโยบำยภำครัฐก็มงุ่ เน้นควำมเจรญิ ของประเทศด้ำน
เศรษฐกิจ กำรค้ำระหว่ำงประเทศ ส่งเสริมกำรใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย กำร
23
ขยำยเขตชุมชนเมืองและกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติท่ีมีจำกัด
เหล่ำนเ้ี ปน็ นโยบำยในกำรพฒั นำประเทศที่ไม่สำมำรถนำพำประเทศไทย คน
ไทยเข้ำถึงกำรพัฒนำแบบยั่งยืน (Sustainable Development) และ
โดยเฉพำะอย่ำงย่ิงสถำนกำรณ์ท่ีทรัพยำกรในโลกเริ่มมีจำกัด และนับวันย่ิง
ขำดแคลนมำกย่ิงข้ึนช่องว่ำงระหว่ำงคนจนและคนรวยที่กว้ำงข้ึน ควำมไม่
สมดุลของกำรแบ่งสรรทรัพยำกร ล้วนแล้วแต่จะนำไปสู่ควำมขัดแย้งท่ี
ยงุ่ ยำกตอ่ กำรจัดกำร และมีโอกำสท่จี ะนำไปสคู่ วำมรุนแรงมำกยิ่งขึน้ ดว้ ย
ควำมสงบสุขร่มเย็นเป็นส่ิงท่ีมนุษย์ทุกคนในสังคมปรำรถนำ
มนุษย์ไม่สำมำรถอยู่ลำพังเฉพำะตน ต้องอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มสังคม มี
ควำมสัมพันธ์ต่อกัน กำรที่มนุษย์จะอยู่รวมกันได้ต้องมีหลักควำมเชื่อหรือ
เคร่ืองยึดเหน่ียวจิตใจอย่ำงเดียวกัน เคร่ืองยึดเหน่ียวจิตใจน้ัน ก็คือ ศำสนำ
ซ่ึงเป็นศูนย์กลำง เป็นหลักควำมเชื่อท่ีแน่นและลึกซึ้งท่ีสุด ศำสนำช่วยสร้ำง
มนุษย์ให้มีควำมสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อยู่บนพ้ืนฐำนของกำรประพฤติดี เป็น
รำกฐำนของควำมปรองดองสำมัคคี และสร้ำงควำมสงบสขุ ให้กับชุมชน กำร
ปฏิบัติตำมหลักคำสอนทำงศำสนำที่ตนนับถือ จะทำให้เกิดควำมปรองดอง
สมำนฉนั ท์ และอยรู่ ่วมกันอย่ำงสนั ติสขุ
ดังนั้น กำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนทำง
ศำสนำ จึงเป็นพ้ืนท่ีท่ีสังคมทุกพ้ืนที่ต่ำงก็แสวงหำในศตวรรษที่ 21 กล่ำวคือ
ชุมชนท่ีสังคมในยุคปัจจุบันและในสังคมอนำคตต่ำงก็พึงปรำรถนำ มีกำรอยู่
ร่วมกันเป็นชุมชน หมู่บ้ำน ท่ีมีควำมเข้มแข็งสำมำรถพึงตนเองได้ และมี
ควำมสำมัคคีในชุมชนแม้ว่ำจะมีพื้นฐำนควำมเชื่อทำงศำสนำ วัฒนธรรมท่ี
24
แตกต่ำงกัน สำมำรถก้ำวข้ำมผ่ำนควำมขัดแย้งด้วยกำรใช้สันติวิธีในกำร
แก้ปัญหำและพัฒนำชุมชนทำให้ชุมชนเกิดสันติภำพและสันติสุขเป็น
แนวทำงในกำรพัฒนำเพื่อเป็นรำกฐำนท่ีสำคัญนำไปสู่กำรสร้ำง “สังคมแห่ง
สันตสิ ุข” ในสงั คมไทย
อย่ำงไรก็ตำมจำกกำรทบทวนวรรณกรรมได้พบว่ำ ชุมชนพหุ
วัฒนธรรมมีกำรอยู่ร่วมกันสันตสิ ุข 3 ศำสนำ มีลักษณะของชุมชนมีควำมรัก
สำมัคคีและมีส่วนร่วมในกำรพัฒนำชุมชนให้เข้มแข็งและสำมำรถพ่ึงตนเอง
ได้ มีกำรรักษำสืบสำนอัตลักษณ์วิถีชีวิตชุมชนให้คงอยู่ สำเหตุควำมขัดแย้ง
ในอดีตของชุมชนเป็นควำมขัดแย้งเร่ืองผลประโยชน์และข้อมูลหรือกำร
ส่ือสำรทำควำมเข้ำใจ ปัจจัยควำมสำเร็จในกำรสร้ำงสันติภำพและทำให้
ชุมชนเกิดสันติสุข เกิดจำกปัจจัยภำยใน คือ กำรมีศูนย์รวมควำมคิดหรือ
อุดมกำรณ์ที่เข้มแข็งอันมีรำกฐำนมำจำกคำสอนทำงศำสนำและวิถี
วัฒนธรรมควำมเชื่อที่สืบต่อกันมำ และพลังของผู้นำ กำรเรียนรู้บทเรียนใน
อดีตพร้อมกับหำทำงแก้ไขด้วยหลักสันติวิธีและปัจจัยภำยนอก คือ กำรมี
ส่วนร่วมขององค์กรหน่วยงำนภำยนอก7 และพบว่ำชุมชนย่ำนกะดีจีน ใน
ยำ่ นฝังธนบุรีของกรุงเทพมหำนคร เป็นแหล่งรวมของ 6 ชุมชน คือ ชมุ ชนวดั
กัลยำณ์ กะฎจี ีน กะฎขี ำว บุปผำรำม โรงครำม และวดั ประยรุ วงศ์ เปน็ แหลง่
ชุมชนที่น่ำศึกษำในด้ำนของพ้ืนที่ที่มีควำมหลำกหลำยทำงควำมเช่ือ และ
7 ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์, ชุมชนสันติสุขในพุทธศตวรรษท่ี 26 : ถอด
บทเรยี นชุมชนสันติสุขในพื้นท่ที ี่มีควำมขดั แย้ง, รายงานวจิ ัย, สำขำสันติศกึ ษำ, (บัณฑิต
วทิ ยำลยั : มหำวิทยำลยั มหำจฬุ ำลงกรณรำชวิทยำลยั , 2559).
25
กำรเป็นชุมชนต้นแบบในกำรอยู่ร่วมกนั ได้อย่ำงสันติสขุ มำอย่ำงเนิน่ นำนเป็น
แหล่งชุมชนเก่ำแก่ของชำวบ้ำน 3 ศำสนำ 4 ควำมเช่ือ ได้แก่ พุทธเถรวำท
พุทธมหำยำน คริสต์ และอิสลำม ที่ทยอยมำตั้งรกรำกตั้งแต่ช่วงปลำยสมัย
กรุงศรีอยุธยำ และอยู่ร่วมกันได้อย่ำงกลมเกลียวไม่มีควำมขัดแย้งที่นำไปสู่
ควำมรุนแรงจนมำถึงปัจจุบัน ถือว่ำเป็นแหล่งชุมชนตัวอย่ำงในยุคท่ี
สังคมไทยมีควำมคิดแตกแยก ซ่ึงชุมชนย่ำนกะดีจีน ยังเป็นชุมชนตัวอย่ำงใน
เร่ืองของกำรท่องเที่ยวชุมชนพหุวัฒนธรรม ท่ีสำมำรถนำควำมหลำกหลำย
ทำงวฒั นธรรม ประสำนสมั พนั ธร์ ะหว่ำงชมุ ชน
สำหรับในพ้ืนที่จังหวัดอยุธยำนับเป็นพ้ืนที่ที่มีควำมโดดเด่นและ
เป็นชุมชนต้นแบบกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข แต่ยังมีกำรศึกษำน้อย
เนื่องจำกเป็นชุมชนที่กำรอยู่ร่วมกัน 3 ศำสนำมำต้ังแต่สมัยอยุธยำ และมี
ควำมเช่ือมโยงกับชุมชนย่ำนกะดีจีน ในย่ำนฝังธนบุรีของกรุงเทพมหำนคร
โดยพบว่ำ มีชุมชนท่ำกำร้อง ชุมชนภูเขำทอง ชุมชนสำเภำล่ม มีประชำชน
นับถือศำสนำแตกต่ำงกัน แต่อยู่ร่วมกันอย่ำงกลมเกลียว มีควำมเอ้ือเฟื้อใน
ชมุ ชน
นอกจำกนี้ พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมรำช ได้แก่ ชุมชนบ้ำนตลำด
แขก ถือว่ำเป็นชุมชนเก่ำ ท่ีหน่วยงำนภำครัฐเห็นควำมสำคัญเพ่ืออนุรักษ์
และฟื้นฟูย่ำนชุมชนเก่ำดังกล่ำวให้คงสภำพดั้งเดิมที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์
และอัตลักษณ์แท้จริงของชุมชน ถือว่ำเป็นดินแดนแห่งพหุสังคม สมำนฉันท์
ปรองดอง เป็นเมืองศูนย์กลำงทำงกำรศึกษำและศำสนำ มำตั้งแต่อดีตจนถึง
ปัจจุบัน ดินแดนแห่งนี้ เป็นศูนย์รวมของตักศิลำทำงกำรศึกษำช้ันนำของ
26
ภำคใต้ตอนบน ทั้งฝ่ังอ่ำวไทย และอันดำมัน เป็นแหล่งบ่มเพำะกำรอยู่
ร่วมกันแบบสังคมพหุวัฒนธรรมแบบไร้รอยต่อมำเป็นเวลำนำนหลำยร้อยปี
อีกท้ังชุมชนบ้ำนตลำดแขกหรือสี่แยกตลำดแขก ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ของคน
ไทยมสุ ลิม
ในกำรศึกษำครั้งน้ี คณะผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะศึกษำพื้นท่ีใน 2
จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมรำช ได้แก่ ชุมชนบ้ำนตลำดแขก และ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ได้แก่ ชุมชนตำบลสำเภำล่ม เนื่องจำกพ้ืนที่ทั้ง 2
แหง่ ดังกล่ำวเปน็ ชมุ ชน 3 ศำสนำ คือ ชำวมุสลมิ ชำวพุทธ ชำวคริสต์ ทอ่ี ำศัย
อยู่รว่ มกันยำวนำนมกี ำรแลกเปล่ียนกนั มีกำรแบง่ ปนั กนั ในชมุ ชน อยรู่ ่วมกัน
ไม่มีควำมขัดแย้งกันในชุมชน มีกำรหล่อหลอมควำมรัก ควำมผูกพัน ควำม
เอ้ืออำทรกันมำตลอด อยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข งำนวิจัยนี้ได้นำมุ่งส่งเสริม
กิจกรรมและนำเสนอรูปแบบกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบที่มีลักษณะกำรอยู่
ร่วมกันท่ีไม่มีควำมขัดแย้ง ชุมชนอยู่ร่วมกันอย่ำงไรให้มีควำมสุข กิจกรรมท่ี
ส่งเสริมกิจกรรมที่มีพหุวัฒนธรรมมีควำมเช่ือวัฒนธรรมท่ีแตกต่ำง แต่เรำมี
จุดร่วมกันท่ีจะส่งเสริมให้คนในชุมชน หรือคนในหมู่บ้ำนอยู่ร่วมกันอย่ำงมี
ควำมสุข เพื่อเสนอผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอน
ของศำสนำ เป็นแนวทำงในกำรสร้ำงอัตลกั ษณ์ชุมชนต้นแบบอยู่ร่วมกันสันติ
สุขตอ่ ไป
27
คาถามของการวจิ ัย
1) คุณลักษณะ และกิจกรรมกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุข
ตำมหลกั คำสอนของศำสนำ ในพนื้ ท่ภี ำคกลำงและภำคใต้มสี ภำพอย่ำงไร
2) กระบวนกำรและวิธีกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำม
หลักคำสอนของศำสนำ ในพ้นื ทีภ่ ำคกลำงและภำคใต้เปน็ อยำ่ งไร
3) ผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของ
ศำสนำ ในพ้นื ทภี่ ำคกลำงและภำคใตท้ ีเ่ หมำะสมควรเปน็ อย่ำงไร
วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการวิจยั
1) เพ่ือส่งเสริมกิจกรรมกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำม
หลกั คำสอนของศำสนำในพ้ืนท่ภี ำคกลำงและภำคใต้
2) เพ่ือพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของศำสนำ
ในพนื้ ทีภ่ ำคกลำงและภำคใต้
3) เพ่ือเสนอผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำ
สอนของศำสนำในพนื้ ท่ภี ำคกลำงและภำคใต้
ขอบเขตการวิจยั
ขอบเขตด้านเน้อื หา
กำรศึกษำวิจัยในครั้งนี้ มุ่งเน้นศึกษำเนื้อหำท่ีเกี่ยวข้องกับ 1)
กิจกรรมและกระบวนกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอน
ของศำสนำ 2) องค์ควำมรู้ด้ำนกระบวนกำรของหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำม
หลักคำสอนของศำสนำ 3) แนวทำงกำรประยุกต์ใช้รปู แบบกิจกรรมตำมหลัก
28
คำสอนทำงศำสนำให้เหมำะสม เพือ่ สง่ เสริมกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข โดย
มีขอบเขตกำรศึกษำดงั นี้
- แนวคิด ทฤษฎีเก่ียวกับกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุขของศำสนำ
พทุ ธ ครสิ ต์ อิสลำม
- แนวคดิ ทฤษฎีเกีย่ วกับกำรสรำ้ งควำมปรองดองสมำนฉันท์
- แนวคิดเกี่ยวกบั กำรอยู่ด้วยกนั อย่ำงสนั ติ
- แนวคิดทำงศำสนำกบั กำรอย่รู ่วมกนั อย่ำงสนั ติ
- แนวคดิ ทฤษฎเี กย่ี วกับศำสนสมั พนั ธ์
- แนวคดิ ทฤษฎกี ำรพฒั นำชุมชนท่ยี ่ังยืน
- แนวคดิ กระบวนกำรมีสว่ นรว่ ม
- แนวคิดเก่ียวกับทุนวัฒนธรรม ท่ีเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
และภูมปิ ัญญำท้องถนิ่
1) รูปแบบ และกระบวนกำรของหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสขุ ตำมหลัก
คำสอนของศำสนำ
2) องค์ควำมรู้ด้ำนกระบวนกำรของหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำม
หลกั คำสอนของศำสนำ
3) แนวทำงกำรประยุกต์ใช้รูปแบบกิจกรรมในมิติศำสนำท่ี
เหมำะสมของหมบู่ ้ำนตน้ แบบสนั ตสิ ขุ ตำมหลักคำสอนของศำสนำ
ขอบเขตดา้ นพ้ืนท่ี / องค์กร
ภำคใต้ - ชมุ ชนบำ้ นตลำดแขก อำเภอเมือง
จงั หวดั นครศรีธรรมรำช
29
ภำคกลำง - ตำบลสำเภำล่ม อำเภอพระนครศรีอยธุ ยำ
ขอบเขตดา้ นผู้ใหข้ ้อมลู สาคัญ
ในกำรศึกษำครงั้ น้ี ได้กำหนดผู้ใหข้ ้อมูลสำคัญจำกตัวแทนจำก
กลมุ่ ผู้นำศำสนำ นกั วิชำกำร องค์กรศำสนำ องค์กรภำครฐั องค์กรกำร
พัฒนำที่มหี น้ำที่ในกำรสง่ เสรมิ ควำมสมั พนั ธ์ของศำสนำตำ่ ง ๆ และเครือขำ่ ย
ชุมชนสันติสขุ จำนวน 2 จงั หวดั ในพืน้ ทภ่ี ำคใต้ ได้แก่ จงั หวัดนครศรี ธรรม
รำช และภำคกลำง ได้แก่ จงั หวัดพระนครศรีอยุธยำ ประกอบดว้ ย
(1) ผู้นำชุมชน (อบต กำนัน ผู้ใหญ่บ้ำน), ผู้นำทำงศำสนำ
(พระสงฆ์)
(2) ตัวแทนหน่วยงำนภำครัฐที่เก่ียวข้องกับกำรพัฒนำชุมชน ผู้นำ
ชมุ ชน 3 ศำสนำ ตวั แทนสำนกั งำนวัฒนธรรมจงั หวดั ฯ
(3) ตวั แทนสถำบันกำรศกึ ษำ
(4) ตัวแทนประชำชน
(5) เยำวชนในพนื้ ทวี่ ิจยั
ผ้ใู หข้ อ้ มูลสาคัญ/กลุ่มตวั อยา่ ง พน้ื ท่ีจังหวัดนครศรธี รรมราช
1) ตัวแทนหน่วยงำนภำครัฐที่เกี่ยวข้องกับกำรพัฒนำชุมชน ผู้นำ
ชุมชน 3 ศำสนำ และตัวแทนสำนกั งำนวฒั นธรรมจงั หวดั ฯ จำนวน 11 คน
2) ตัวแทนประชำชน 18 ครอบครัว จำนวน 18 คน
3) ผ้นู ำชุมชน ประชำชนเขำ้ รว่ มประชุมกลุม่ ย่อย 12 คน
30
4) นักศึกษำและนักเรียนท่ีเข้ำร่วมกิจกรรม “นครบันทึก มรดก
วฒั นธรรม ชมุ ชนบำ้ นตลำดแขกสนั ตสิ ขุ ” จำนวน 25 คน
ผใู้ หข้ อ้ มลู สาคญั /กลุม่ ตวั อยา่ ง พน้ื ที่จงั หวดั อยธุ ยา
1) ตัวแทนหน่วยงำนภำครัฐท่ีเก่ียวข้องกับกำรพัฒนำชุมชน ผู้นำ
ชุมชน 3 ศำสนำ ตัวแทนสำนักงำนวัฒนธรรมจังหวัดฯ สถำบันกำรศึกษำใน
พ้นื ท่ี จำนวน 15 คน
2) เยำวชนเข้ำร่วมโครงกำร ได้แก่ นักเรียนโรงเรียนวัดพุทไธ
ศวรรย์ จำนวน 30 คน
ขอบเขตด้านระยะเวลา
คณะผู้วิจัยดำเนินกำรศึกษำในช่วงระยะเวลำ ต้ังแต่ มีนำคม พ.ศ.
2563 ถงึ 30 ตุลำคม พ.ศ. 2563
31
ส่วนท่ี 2 กระบวนการดาเนนิ การวิจัย
32
กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
ผู้วิจัยขอเสนอแผนภำพกรอบแนวคิดวิจัยกำรพัฒนำหมู่บ้ำน
ต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของศำสนำในพื้นที่ภำคกลำงและภำคใต้
โดยบูรณำกำรหลักธรรมทำงพระพุทธศำสนำ ตำมกระบวนกำรดำเนิน
กิจกรรม 3 ขั้นตอน ได้แก่ ศึกษำคุณลักษณะหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุข
กระบวนกำรในกำรปฏิบัติกำรผ่ำนกิจกรรม และผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำน
ตน้ แบบสันตสิ ขุ ตำมหลกั คำสอนของศำสนำ
ศึกษำคณุ ลักษณะ กระบวนกำรในกำร ผลกำรพัฒนำหมบู่ ้ำน
หมูบ่ ้ำนต้นแบบสันติสขุ ปฏบิ ัติกำรผ่ำนกจิ กรรม ตน้ แบบสันตสิ ุขตำมหลัก
คำสอนของศำสนำ
๑) ควำมสัมพันธ์ ๑) กำรวำงแผนกิจกรรม ๑) ประเมินผลผลิต กำร
ของคนในชมุ ชน ๒) กำรสำรวจพื้นท่ชี มุ ชน ดำเนินกำรพัฒนำ
๒) กำรยึดหลกั คำ ๓) กำรสรำ้ งควำมร่วมมือ หมบู่ ้ำนต้นแบบ
สอนทำงศำสนำ ควำมรับผดิ ชอบเพอื่ สังคม ๒) เสนอองค์ควำมรู้
๓) แนวทำงกำร ๔) กำรเตรยี มงำนสือ่ และรปู แบบกำรพัฒนำ
อยรู่ ่วมกันอย่ำง ประชำสัมพันธ์ หมู่บำ้ นต้นแบบสันติสุข
สันตสิ ขุ ๕) กำรเสวนำ/กำรประชมุ ตำมหลกั คำสอนของ
๔) กำรรกั ษำวิถี กลมุ่ ย่อย ศำสนำในพนื้ ทภี่ ำค
ชมุ ชน ๖) กิจกรรมส่งเสรมิ เยำวชน กลำง และภำคใต้
เลำ่ เรอื่ งรำวด้ำนพหุวฒั นธรรม
รูปแบบการพฒั นาหมู่บา้ นตน้ แบบ
สันตสิ ขุ ตามหลักคาสอนของศาสนา
ในพน้ื ท่ีภาคกลางและภาคใต้
33
ขัน้ ตอนดาเนนิ การวจิ ัย
ในกำรศึกษำวิจัยครั้งน้ี เป็นแบบผสำนวิธี (Mixed Method) โดย
ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภำพ (Qualitative research) ลักษณะกำรวิจัยเชิง
ปฏิบัติกำร (Action Research) กระบวนกำรมีส่วนร่วม และวิธีวิจัยเชิง
ปริมำณ โครงกำรวิจัยกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอน
ทำงศำสนำในพ้ืนที่ภำคกลำงและภำคใต้” ใช้วิธีในกำรศึกษำโดยกำรเก็บ
ข้อมูลภำคสนำม (Field Research) ที่เช่ือมโยงควำมรู้เกี่ยวกับแนวคิดและ
หลักกำรทำงศำสนำในกำรอยู่ร่วมกันของชุมชนสันติสุขต้นแบบ วิถีปฏิบัติ
และกิจกรรมเชิงสร้ำงสรรค์เสริมสร้ำงเครือข่ำยชุมชนสันติสุขในสังคมไทย
ศึกษำกระบวนกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนทำง
ศำสนำ รวมทัง้ กำรวเิ ครำะห์กระบวนทัศน์และควำมเข้ำใจทำงพหวุ ฒั นธรรม
กับกำรอยรู่ ่วมกนั อยำ่ งสันติ
คณะผู้วิจัยได้ทบทวนวรรณกรรมหลักกำร แนวคิด ทฤษฎี จำก
เอกสำร วำรสำร ส่ือสิ่งพิมพ์ ข้อมูลจำกอินเตอร์เน็ตและงำนวิจัยท่ีเก่ียวข้อง
ทั้งศำสนำพุทธ คริสต์ และอิสลำม และนำข้อมูลท่ีได้จำกกำรศึกษำมำ
ประมวลเพื่อกำหนดนิยำมเป็นขอบเขตเนื้อหำ กำรสนับสนุนกำรกำหนด
สมมตฐิ ำน กำรสร้ำงกรอบแนวคดิ กำรวจิ ัยและเปน็ โครงสร้ำงของเครื่องมือที่
ใช้ในกำรวจิ ยั ใหส้ อดคลอ้ งกับประเด็นปญั หำ วตั ถุประสงค์ ตำมรปู แบบดังนี้
1) วิธีวิจัยเชิงคุณภำพ โดยกำรรวบรวมจำกกำรวิจัยเชิงเอกสำร
(Documentary Research) จำกในคัมภีร์ชั้นปฐมภูมิ ได้แก่ พระไตรปิฎก อรรถ
กถำต่ำง ๆ จำกกำรรวบรวมข้อมูลจำกกำรสมั ภำษณ์ กำรสังเกต และจำกกำรศึกษำ
34
ข้อมูลชั้นทุติยภูมิ จำกตำรำ หนังสือ บทควำม วำรสำร เอกสำร งำนวิทยำนิพนธ์
งำนวิจัย รวมทั้งสื่ออินเตอร์เน็ต ท่ีเกี่ยวข้องกับชุมชนสนั ตสิ ุข กำรอยู่ร่วมกันแบบ
พหุวัฒนธรรม 3 ศำสนำ และกำรศึกษำข้อมูลภำคสนำมในลักษณะกำรวิจัยเชิง
ปฏิบัติกำรด้วยกระบวนกำรมีส่วนร่วม โดยกำรสัมภำษณ์ กำรสังเกตแบบมีส่วน
ร่วม กำรประชุมกลุม่ ย่อย กิจกรรมเสวนำ และกิจกรรมสอ่ื สร้ำงสรรค์สนั ติสขุ โดย
คณะผู้วิจัยได้นำข้อมูลท้ังหมดมำวิเครำะห์ด้วยกำรใช้หลักวิเครำะห์เน้ือหำ
(Content Analysis)
2) วิธีวิจัยเชิงปริมำณ ได้แก่ กำรเก็บข้อมูลวิเครำะห์แบบสำรวจ
กำรรับรู้ชุมชนสันติสุข ด้วยเคร่ืองมือวิจัยที่ได้สร้ำงขึ้นมำ ได้แก่ แบบสำรวจ
กำรรับรู้ชุมชนสันติสุข และแบบประเมินควำมพึงพอใจกำรเข้ำร่วมโครงกำร
เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และวิเครำะห์ผลทำงสถิติ นำเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบตำรำง
รอ้ ยละ ควำมถ่ี สว่ นเบย่ี งเบนมำตรฐำน เปน็ ต้น
คณะผู้วิจัยได้นำเสนอข้ันตอนกำรดำเนินกำรวิจัยดังแผนภำพ
ตอ่ ไปน้ี
ภาพท่ี 1 ขั้นตอนกำรดำเนินกำรวิจัย
ระยะ กำรสัมภำษ ์ณเชิง ึลกในพื้น ่ีท ข้นั ตอนดำเนนิ กำรวจิ ยั 35
ระยะท่ี ๑ - ศึกษำแนวคดิ กำรดำเนินชีวิตใน
กำรศกึ ษำในเชิง ชุมชนพหวุ ัฒนธรรม ผลของกำรดำเนินกำร
เอกสำรและ - ศกึ ษำกำรอยูร่ ่วมกนั ในควำมต่ำง วิจัย
กำรศึกษำเชงิ ทำงศำสนำ วฒั นธรรม และพิธกี รรม
พื้นท/่ี ตำ่ ง ๆ ได้กระบวนทศั นแ์ ละควำม
กำรสมั ภำษณ์ - ถอดบทเรียน กำรอยรู่ ว่ มกนั ของคน เขำ้ ใจทำงพหุวัฒนธรรมกบั
ถอดบทเรียน ใน ๓ ศำสนำ ท่ีพง่ึ พำกนั มคี วำม กำรอยูร่ ่วมกนั อยำ่ งสนั ติ
ปรองดอง รกั ใคร่ อยู่รว่ มกันอยำ่ ง
ระยะที่ ๒ สันตสิ ขุ “คณุ ลกั ษณะหม่บู ำ้ น
กำรออกแบบ ต้นแบบสนั ตสิ ขุ ”
เคร่ืองมือ และ
กำรออกแบบกำร ิว ัจย และเค ืร่อง ืมอกำร ิว ัจย - ออกแบบกำรวิจัย สรำ้ งเครือ่ งมือเพอื่ - ได้แนวทำงกำรสง่ เสริม
วิธกี ำร ใชใ้ นเรียนรู้ กำรอยู่รว่ มกันในชมุ ชนพหุ กจิ กรรมชมุ ชนพหุ
ดำเนินกำรวิจัย วฒั นธรรม เชน่ กำรสมั ภำษณ์เชิงลึก วฒั นธรรมเพอ่ื พฒั นำ
กำรประชมุ กลุ่มยอ่ ย กำรจดั เสวนำ หมูบ่ ำ้ นต้นแบบสันตสิ ขุ
ระยะที่ ๓ - สร้ำงเครอื่ งมอื กำรวิจยั เพ่อื กำร ตำมหลกั คำสอนศำสนำ
กำรประเมินผล สง่ เสริมให้เกดิ กำรเรียนร้กู ำรอยู่ - ไดก้ ระบวนกำรส่งเสรมิ
รว่ มกันในสังคมพหุวฒั นธรรม คอื กำร ควำมสัมพนั ธ์ของศำสนำ
ทำกจิ กรรมสื่อสร้ำงสรรค์สันติสขุ โดย ต่ำง ๆ ท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อ
กล่มุ เยำวชนในพน้ื ที่ เพื่อปลูกจติ สำนกึ กำรสร้ำงควำมเขำ้ ใจทำง
คณุ ธรรมในกำรอยรู่ ว่ มกนั ในชมุ ชน พหุวฒั นธรรมกับกำรอยู่
และส่งเสริมกจิ กรรมใหเ้ ยำวชนมีสว่ น รว่ มกนั อยำ่ งสนั ติ
รว่ มในกำรเผยแผ่จดุ ดขี องชุมชนผ่ำน - ได้โครงงำน แนวทำง
สื่อสรำ้ งสรรค์
- ตรวจสอบคุณภำพเครอ่ื งมือโดย และขอบเขตกำรจัด
ผู้เชยี่ วชำญ หำควำมตรงเชิงเนื้อหำ กจิ กรรมส่อื สร้ำงสรรค์
และหำค่ำควำมเท่ยี งของแบบวดั สนั ตสิ ขุ เพ่ือเยำวชน
- ปรบั ปรงุ แก้ไขกอ่ นไปใช้จริง
กำรเ ็กบรวบรวม ้ขอ ูมล - ประเมนิ ผลกำรรบั รูช้ ุมชนสนั ติสขุ - ได้แนวทำงกำรส่งเสรมิ กำร
- ประเมนิ ผลควำมพึงพอใจ อย่รู ่วมกันแบบพหุวฒั นธรรม
- กำรสัมภำษณเ์ ชิงลึก/กำรประชุม - ไดผ้ ลพฒั นำหมูบ้ำนต้นแบบ
กลมุ่ ย่อย สันติสขุ ตำมหลักคำสอน
- กำรสังเกตแบบมีส่วนรว่ ม ศำสนำ
- กำรเข้ำร่วมเสวนำ/กำรสนทนำ - ได้สง่ ผ่ำนวฒั นธรรมกำรอยู่
กลมุ่ ย่อย รว่ มกันของชุมชนพหุ
- กำรเขำ้ รว่ มกิจกรรมของเยำวชน วัฒนธรรม กำรอนุรกั ษม์ รดก
วฒั นธรรมแกเ่ ยำวชน
36
ส่วนท่ี 3 สรปุ ผลการวจิ ยั
37
ผลสรุปการส่งเสริมกิจกรรมการพัฒนาหมู่บ้านต้นแบบสันติสุข
ตามหลักคาสอนของศาสนา ในพื้นทภี่ าคกลางและภาคใต้
1. คุณลักษณะหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุข ตำมหลักภำวนำ 4
ประกอบด้วย 1) ควำมสัมพันธ์ของคนในชุมชน 2) กำรยึดหลักคำสอนทำง
ศำสนำ 3) แนวทำงกำรอยรู่ ว่ มกันอย่ำงงสนั ตสิ ุข และ 4) กำรรักษำวิถีชุมชน
ปจั จยั ทั้ง 4 ด้ำน เป็นรำกฐำนสำหรบั กำรอยู่รว่ มกันแบบพหุวฒั นธรรม สง่ ให้
คนในชุมชนอยรู่ ว่ มกันอยำ่ งสันติสุข มคี วำมรักใคร่ สำมัคคี ชว่ ยเหลือกนั แม้
จะมีพน้ื ฐำนควำมเช่ือทำงศำสนำและวัฒนธรรมทแี่ ตกตำ่ งกัน
1) ความสมั พนั ธ์ของคนในชุมชน แม้ท้งั 2 พนื้ ทีจ่ ะเปน็ ชุมชน
ท่มี ีควำมแตกตำ่ งกันในกำรนับถือศำสนำ แตส่ ำมำรถอย่รู ว่ มกันอย่ำงสันติสุข
บนพื้นฐำนกำรดำเนินชีวิตแบบพหุวัฒนธรรม หมำยถึงกำรท่ีมนุษย์มำอยู่
ร่วมกันเป็นสังคมสำมำรถปฏิบัติตำมกฎเกณฑ์กำรอยู่ร่วมกันในรูปของ
กฎระเบยี บหรือกฎหมำยและมคี ุณธรรมจริยธรรมในกำรช่วยเหลือเก้ือกูลกัน
ส่วนร่วมในกิจกรรมทำงสังคม และกำรปฏิบัติตำมคุณธรรมของกำรอยู่
ร่วมกันตำมหลักศำสนำท่ีตนเองนับถือประชำชนสำมำรถอยู่ร่วมกันอย่ำง
สันตสิ ขุ
2) การยึดหลกั คาสอนทางศาสนา ศำสนำ หมำยถึง ควำมเชื่อ
หลักกำรปฏิบัติและพิธีกรรม โดยมีจุดประสงค์ท่ีจะช่วยให้มนุษย์ดำเนินชีวติ
อย่ำงมีควำมสุขและมีควำมเข้มแข็งในกำรขจัดอุปสรรคต่ำง ๆ เช่น ควำม
กลัว ควำมทุกข์ ฯลฯ ทำหน้ำท่ีในด้ำนกำรควบคุมสภำพจิตใจมนุษย์ให้อยู่
38
บรรทัดฐำนและสำนึกร่วมของสังคมกำรอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ปฏิบัติตำม
กฎเกณฑ์กำรอยู่ร่วมกันในรูปของกฎระเบียบหรือกฎหมำย และมีคุณธรรม
กำรปฏิบัติตำมคุณธรรมของกำรอยู่ร่วมกันตำมหลักศำสนำท่ีตนเองนับถือ
ทำให้ประชำชนอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุข คุณธรรมของกำรอยู่ร่วมกันตำม
หลักศำสนำที่บุคคลนับถือ หลักธรรมท่ีเน้นกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติของ
ศำสนำตำ่ ง ๆ ประกอบไปด้วย
(1) หลักคำสอนของศำสนำพุทธ มหี ลกั ธรรมที่สำคญั ท่หี ล่อ
หลอมให้เป็นคนรักสันติ รักอิสระเสรี มีนิสัยโอบอ้อมอำรี มีเมตตำกรุณำต่อ
กัน ได้แก่ 1) หลักสังคหวัตถุ 4 คือ หลักธรรมสำหรับสงเครำะห์หรือเป็น
เคร่ืองยึดเหนี่ยวน้ำใจของคนในสังคมให้อยู่ร่วมกัน ประกอบด้วย (1) ทำน
คือ กำรให้ แบ่งปัน เสียสละ เผ่ือแผ่ (2) ปิยวำจำ คือ กำรกล่ำววำจำสุภำพ
อ่อนหวำน (3) อัตถจริยำ คือ กำรกระทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและ
ผู้อื่น ขวนขวำยช่วยเหลือกิจกำร บำเพ็ญสำธำรณประโยชน์แก้ไขปรับปรุง
ส่งเสริมในทำงจริยธรรม และ (4) สมำนัตตตำ คือ กำรวำงตัวเหมำะสม
เสมอต้น เสมอปลำย 2) หลักสำรำณียธรรม 6 คือหลักธรรมแห่งควำม
สำมัคคี ประกอบด้วย (1) เมตตำกำยกรรม (2) เมตตำวจีกรรม (3) เมตตำ
มโนธรรม (4) แบ่งปันผลประโยชน์ท่ีได้มำด้วยควำมชอบธรรม (5) รักษำ
ควำมประพฤติ (ศีล) เสมอกัน และ (6) มีควำมเห็นร่วมกัน 3)หลักพรหม
วิหำร 4 หมำยถึง ธรรมประจำใจที่ทำให้เป็นพรหมหรือให้เสมอด้วยพรหม
ในทำงปฏิบัติ หมำยถึงคุณธรรมของผู้ใหญ่ ซ่ึงต้องมีประจำในอยู่ตลอดเวลำ
เป็นหลกั ของกำรอยู่รว่ มกัน ท้งั ในครอบครัว ชุมชน และสงั คม ประกอบด้วย
39
4 ประกำร ได้แก่ (1) เมตตำ คือ ควำมปรำรถนำดีต่อผู้อื่น ปรำรถนำให้ผู้อื่น
มีควำมสุข (2) กรุณำ คือ ควำมสงสำร มีควำมปรำรถนำช่วยผ้อู ่ืนหรอื สัตวท์ ี่
ประสบควำมทกุ ข์ ใหพ้ น้ ทกุ ข์ (3) มทุ ติ ำ คือ ควำมยนิ ดีเมื่อผูอ้ น่ื ไดด้ ี และ (4)
อุเบกขำ คือ ควำมวำงเฉย หรือควำมรู้สึกเป็นกลำง ๆ ไม่ดีใจ ไม่เสียใจเมื่อ
เหน็ ผู้อืน่ ประสบควำมสขุ
(2) หลักคำสอนของศำสนำคริสต์ ที่หล่อหลอมให้
คริสต์ศำสนิกชนมีจิตเมตตำ มีควำมรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง
ประกอบด้วย 1) หลักบัญญัติ 10 ประกำร ได้แก่ (1) อย่ำมีพระเจ้ำอื่น
นอกจำกเรำ (2) อย่ำทำรูปเคำรพสำหรับตนหรือกรำบไว้รูปเหล่ำนั้น (3)
อย่ำเอ่ยพระนำมของพระเจ้ำโดยไม่สมเหตุ (4) จงถือวันอำทิตย์เป็นวัน
ศักดิ์สิทธิ์( 5) จงนับถือบิดำมำรดำ (6) อย่ำฆ่ำคน (7) อย่ำผิดประเวณี (8)
อย่ำลักทรัพย์ (9) อย่ำคิดมิชอบ (10) อย่ำโลภสิ่งใดของผู้อ่ืน 2) หลัก
อำณำจักรพระเจ้ำ เป็นหลักคำสอนท่ีเน้นให้มนุษย์สร้ำงศรัทธำให้เกิดขึ้นใน
จิตใจ รู้จักกำรเตรียมตัวรับฟังคำส่ังสอน เพ่ือจะได้นำไปปฏิบัติได้ถูกต้อง 3)
หลักคำสอนท่ีสำคัญอื่น ๆ ได้แก่ หลักตรีเอกำนุภำพ และหลักควำมรัก
ศำสนำคริสต์ได้ชื่อว่ำเป็นศำสนำแห่งควำมรัก พระเยซูคริสต์ทรงสอนให้รัก
เพอ่ื น มนุษยเ์ หมอื นรกั ตัวเอง ใหร้ ักแมก้ ระท่งั ศัตรู
(3) หลักคำสอนของศำสนำอิสลำม เป็นศำสนำแห่ง
ธรรมชำติ กล่ำวคือ ศำสนำท่ีไม่ฝืนต่อสภำพควำมเป็นจรงิ ตำมธรรมชำติของ
มนุษย์ พระผู้เป็นเจ้ำได้ทรงประทำนให้มนุษยชำติโดยผ่ำนศำสดำตำมยุค
ตำมสมัย ยังถือว่ำทุกๆ ประชำชำติน้ันมีศำสดำผู้เทศนำส่ังสอน ฉะนั้นกำรมี
40
หลักคำสอนว่ำมุสลิมต้องศรัทธำในบรรดำศำสดำทั้งหลำย จึงเป็นหลักท่ี
อิสลำมได้ให้ไว้อย่ำงกว้ำงขวำงท่ีสุด อิสลำมจึงเป็นศำสนำแห่งสันติภำพและ
ใฝ่หำควำมสงบสุข เพรำะตำมหลักกำรนี้เท่ำกับสอนให้ดำรงไว้ซึ่งสันติภำพ
กับทุกศำสนำในโลก โดยมีหลักคำสอนสำคัญ 3 หมวด คือ 1) หลักกำร
ศรัทธำ สติปัญญำและสำมัญสำนึก 2) หลักจริยธรรม และ 3) หลักกำร
ปฏิบัติ ในกำรปฏิบัติพิธีกรรมทำงศำสนำของ ศำสนำอิสลำม จะปฏิบัติใน
สถำนท่ีท่ีเรียกวำ่ “มัสยิด” หรือ “สุเหร่ำ” ชำวมุสลิมจะต้องปฏิบัติศำสนกิจ
ใหพ้ ร้อมทง้ั 3 ทำง คอื กำย วำจำ และใจ
3) แนวทางการอยรู่ ่วมกันอย่างสันตสิ ุข เนอ่ื งจำกชุมชนท้ัง 2
แหง่ น้ปี ระกอบดว้ ยประชำชนทน่ี ับถือศำสนำต่ำงกนั 3 กลุ่ม คือ ศำสนำพุทธ
ศำสนำคริสต์ และศำสนำอิสลำม แม้จะมีควำมแตกต่ำงกันทำงศำสนำและ
วัฒนธรรม แต่ก็อยู่ในพ้ืนฐำนท่ีมีกำรปฏิบัติที่ดีต่อกัน ได้แก่ 1) กำรให้ควำม
รัก และควำมผูกพันที่มีต่อกัน 2) กำรเคำรพให้เกียรติซึ่งกันและกัน 3) กำร
ให้ควำมเมตตำ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน 4) กำรสร้ำงควำมสำมัคคี
เอือ้ เฟ้ือเผื่อแผ่ชว่ ยเหลือกัน และมกี ำรทำกิจกรรมรว่ มกนั
4) การรักษาวิถีชุมชน กำรจัดกิจกรรมท่ีใช้หลักคำสอนทำง
ศำสนำมำถ่ำยทอดวิถีกำรปลูกจิตสำนึกในกำรอยู่ร่วมกันผ่ำนกลุ่มเยำวชน
ศรัทธำในหลักคำสอนตำมแต่ละศำสนำ เห็นคุณค่ำมรดกวัฒนธรรมของ
ชุมชน นำไปสู่กำรเสริมสร้ำงปลูกจิตสำนึก มีกำรปรับตัวให้เข้ำกับกำร
เปลี่ยนแปลงโดยยังคงรักษำวิถีชุมชนเดิมไว้ได้ และมีควำมมุ่งหวังท่ีจะส่งต่อ
ถ่ำยทอด และปลูกฝังสู่เยำวชนรุ่นต่อไป เพื่อสืบสำนรักษำมรดกทำง
41
วัฒนธรรม กำรอยรู่ ว่ มกนั อย่ำงสันตสิ ุข และรว่ มกนั พัฒนำวิถีชุมชน ตอ่ ไปให้
ย่ังยนื
จึงเห็นได้ว่ำท้ัง 2 พ้ืนท่ีอยู่ร่วมกันมำอย่ำงยำวนำนด้วยควำมสันติ
สุข โดยมีคุณลักษณะหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุข ทั้ง 4 ด้ำนน้ี เป็นรำกฐำน
สำหรับกำรอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรม ส่งให้คนในชุมชนอยู่ร่วมกันอย่ำง
สันติสุข มีควำมรักใคร่ สำมัคคี ช่วยเหลือกัน แม้จะมีพื้นฐำนควำมเช่ือทำง
ศำสนำและวัฒนธรรมที่แตกต่ำงกัน แต่จำกกำรลงพ้ืนที่สิ่งที่สะท้อนกลับมำ
จำกคนในชุมชน คือมีควำมห่วงใยว่ำ กำรอยู่ร่วมกันแบบสันติสุขน้ีจะหมด
หรือค่อย ๆ สูญหำยไป เนื่องจำกเยำวชนในปัจจุบันให้ควำมสนใจกับกำรอยู่
ร่วมกันหรือเห็นควำมสำคัญของมรดกวัฒนธรรมน้อยลง หรือไม่เห็น
ควำมสำคัญเลย เนื่องจำกขำดควำมใกล้ชิดกับคนในชุมชน เพรำะไปเรียน
หนังสือในเมือง ติดเกมส์ ไม่ได้เข้ำร่วมกิจกรรมทำงศำสนำ ดังน้ันควำม
ต้องกำรของท้ัง 2 พื้นท่ีจึงไม่ต่ำงกัน คือ 1) ต้องกำรให้เยำวชนรักษำวิถี
ชุมชน คงควำมสัมพันธ์ของคนในชุมชน 2) ต้องกำรให้เยำวชนพัฒนำจติ โดย
อำศัยควำมเชื่อ ควำมศรัทธำ ตำมหลักศำสนำ มีหลักคำสอนเป็นเครื่องยึด
เหน่ียวจิตใจ 3) ต้องกำรให้เยำวชนปฏิบัติท่ีดีต่อกันในชุมชน มีควำมรัก
ควำมสำมัคคี และควำมปรองดองในชุมชน 4) ให้เยำวชนเห็นคุณค่ำมรดก
วัฒนธรรมของชุมชน และรักษำวิถีชุมชนไว้ ให้อยู่ร่วมกันบนพื้นฐำนพหุ
วัฒนธรรม
42
ภาพที่ 2 แนวทำงกำรสง่ เสริมกำรพัฒนำหม่บู ำ้ นตน้ แบบสนั ตสิ ุข
ตำมหลักคำสอนของศำสนำ
43
ผลกระบวนการพัฒนาหมู่บ้านต้นแบบสันติสุขตามหลักคาสอน
ของศาสนาในพ้นื ที่ภาคกลางและภาคใต้
ผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของศำสนำ
ในพ้ืนท่ีภำคกลำง จังหวัดพระนครศรีอยุธยำ ได้มีกระบวนกำรในกำร
ปฏิบัติกำรผ่ำนกิจกรรม ได้แก่ 1) กำรวำงแผนกิจกรรม 2) กำรสำรวจพ้ืนท่ี
ชุมชน 3) กำรเตรียมงำนส่ือประชำสัมพันธ์ 4) กำรสร้ำงควำมร่วมมือควำม
รับผิดชอบเพื่อสังคม และ 5) กำรเสวนำ โดยผลจำกกำรทำกิจกรรม จะเห็น
ว่ำ ได้ผลของกำรพัฒนำ คือ เป็นกำรสร้ำงสิ่งท่ีดีในกำรสร้ำงแนวทำงให้กับ
ชุมชน มีกำรสร้ำงเครือข่ำย และต้องกำรให้ควำมร่วมมือซ่ึงกันและกัน
ผู้เข้ำร่วมกิจกรรมในโครงกำรมีทัศนคติที่ดีและพร้อมที่จะเป็นหมู่บ้ำน
ต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนทำงศำสนำ โดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนำและ
ส่งเสริมเยำวชนผ่ำนกิจกรรมต่ำงๆ เพ่ือให้เยำวชนมีควำมเป็นผู้นำ และสืบ
สำนมรดกทำงวัฒนธรรม กำรอยรู่ ่วมกนั ในชุมชนพหุวัฒนธรรม
ผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของศำสนำ
ในพ้ืนที่ภำคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมรำช ได้มีกระบวนกำรในกำรปฏิบัติกำร
ผ่ำนกิจกรรม ได้แก่ 1) ถอดบทเรียนพ้ืนท่ีภำคใต้ ชุมชนตลำดบ้ำนแขก
จังหวัดนครศรีธรรมรำช 2) กำรลงพ้ืนท่ีสำรวจข้อมูลครอบครัวใน
โครงกำรวิจยั 3) จดั ประชมุ กลุ่มย่อยผนู้ ำชมุ ชน เพอ่ื แลกเปล่ยี นควำมคิดเห็น
ด้ำนพหุวัฒนธรรมของตัวแทนชุมชนในพื้นท่ี 4) กำรสร้ำงเครือข่ำยและกำร
สนับสนุนจำกภำครัฐ 5) สำรวจพื้นท่ี ในเขตอำเภอเมือง จังหวัด
44
นครศรีธรรมรำช และ 6) กิจกรรมส่งเสริมเยำวชนเล่ำเร่ืองรำวด้ำนพหุ
วัฒนธรรม ในหัวข้อ “นครบันทึก มรดกวัฒนธรรม ชุมชนบ้ำนตลำดแขก
สันติสุข” ได้ผลของกำรพัฒนำ คือ คนในชุมชนส่วนใหญ่สำนึกรักถ่ินฐำน
ตนเอง หมั่นปลูกฝังวิธีกำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันตสิ ุขหลำยประกำรด้วยกัน คือ
1) กำรเป็นผู้ให้มำกกว่ำผู้รับ 2) กำรรู้หน้ำที่ของตนเอง 3) กำรช่วยเหลือกัน
กำรแสดงควำมมีน้ำใจกับคนในชุมชน และคนรอบข้ำง 4) กำรเก้ือกูลกัน 5)
กำรทำกิจกรรมชุมชนรว่ มกนั อย่ำงตอ่ เนอื่ ง
จำกกำรสะท้อนควำมคิดของทั้ง 2 พื้นที่ พบว่ำ มีกำรอยู่ร่วมกัน
อย่ำงสนั ตสิ ขุ ไม่มีควำมขัดแยง้ ชว่ ยเหลอื เกื้อกลู กนั มคี วำมสำมคั คี แบง่ ปัน
รักใคร่กัน ร่วมกิจกรรมของแต่ละศำสนำได้ แต่ไม่ร่วมพิธีกรรม และทั้ง 2
พื้นท่ีมีควำมคิดเห็นสอดคล้องว่ำ ขำดกำรส่งเสริมกิจกรรมชุมชนอย่ำง
ต่อเนอื่ ง ตอ้ งกำรเผยแพรจ่ ุดดขี องชมุ ชน ผำ่ นกลุ่มเยำวชน เป็นกำรถ่ำยทอด
จริยธรรมคุณธรรมท่ีดีงำมและปลูกจิตสำนึกในกำรอยู่ร่วมกันเพ่ือสร้ำงสันติ
สุขอย่ำงยั่งยนื ตำมหลักคำสอนของศำสนำสืบตอ่ ใหร้ นุ่ ตอ่ ไปได้ด้วย
กำรส่งเสริมกิจกรรมตำมหลักคำสอนทำงศำสนำ เพื่อให้เกิดกำร
ส่งผ่ำนจำกผู้ใหญ่ในชุมชนสู่เยำวชน ด้วยควำมร่วมมือกันทุกเครือข่ำย ท้ัง
ผู้นำชุมชน ผู้นำศำสนำ โรงเรียน ประชำชน ร่วมถ่ำยทอดจิตสำนึกกำรอยู่
ร่วมกันอย่ำงสันติ เห็นคุณค่ำมรดกวัฒนธรรมของชุมชน โดยมีกำรส่งเสริม
บูรณำกำรให้เข้ำใจวิถีกำรดำเนินชีวิตแบบพหุวัฒนธรรม ถ่ำยทอดวิถีกำร
ปลูกจิตสำนึกในกำรอยู่ร่วมกันผ่ำนกลุ่มเยำวชน ศรัทธำในหลักคำสอน
ตำมแต่ละศำสนำ เห็นคุณค่ำมรดกวัฒนธรรมของชุมชน นำไปสู่กำร
45
เสริมสร้ำงปลูกจิตสำนึก ส่งผ่ำนสู่เยำวชนด้วยกำรจัดกิจกรรมสื่อสร้ำงสรรค์
สันติสุขเพ่ือส่งเสริมเยำวชนเล่ำเร่ืองรำวด้ำนพหุวัฒนธรรม นำเสนอจุดดี
ชุมชน เน้นศำสนสัมพันธ์ คุณธรรมตำมหลักคำสอนของศำสนำ วัฒนธรรม
ชุมชน กำรอยู่ร่วมกันอย่ำงสันติสุขในพ้ืนที่ท้ัง 2 จะทำให้เยำวชนเกิดกำร
เรียนรู้กำรช่วยเหลือกันในกำรทำงำนของทีม กำรตระหนักถึงคุณค่ำของ
มรดกทำงวัฒนธรรม สถำนท่ีต่ำง ๆ ทรำบประวัติควำมเป็นมำ สัมภำษณ์
ผู้นำทำงศำสนำปรำชญ์ชุมชน ผู้นำทำงศำสนำ และประชำชน เพื่อได้ทรำบ
ถึงวิถีกำรอยู่ร่วมกัน กำรพึงพำอำศัยกัน และส่ิงท่ีเยำวชนได้รับคือ ควำม
ภำคภูมิใจในมรดกทำงวัฒนธรรม กำรทำงำนร่วมกันแม้ต่ำงศำสนำกัน ลง
พ้ืนท่ีในชุมชนท่ีต่ำงศำสนำ ไปโบสถ์ ไปมัสยิด และไปวัด และได้เห็นวิถีชีวิต
ชุมชนช่วงเช้ำ ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็อยู่ในพื้นท่ีมำตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยได้สัมผัส
วัฒนธรรมเช่นน้ี ทำให้เยำวชนเกิดควำมเข้ำใจวิถีกำรดำเนินชีวิตแบบพหุ
วัฒนธรรม ศรัทธำ คุณธรรมตำมหลักคำสอนของศำสนำ เห็นคุณค่ำมรดก
วัฒนธรรมของชุมชน และเกิดควำมตั้งใจท่ีจะรักษำและพัฒนำชุมชนต่อไป
อยำ่ งยงั่ ยืน
46
ภาพท่ี 3 สรปุ กระบวนกำรพัฒนำหมู่บำ้ นต้นแบบตำบลสำเภำล่ม
จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยำ
47
ภาพที่ 4 สรปุ กระบวนกำรพัฒนำหมู่บ้ำนตน้ แบบชมุ ชนบ้ำนตลำดแขก
สนั ติสุข จงั หวัดนครศรธี รรมรำช
ผลการพฒั นาหมบู่ า้ นต้นแบบสันติสขุ ตามหลกั คาสอนของศาสนา
ในพื้นท่ีภาคกลางและภาคใต้
จำกกำรท่ีคณะผู้วิจัยได้ลงพื้นท่ีวิจัยเชิงปฏิบัติกำร และส่งเสริม
กิจกรรมโครงกำร 2 พ้ืนที่ ทำให้มีกำรเก็บรวบรวมข้อมูล วิเครำะห์ข้อมูล
นำไปสู่กำรเสนอผลกำรพัฒนำหมู่บ้ำนต้นแบบสันติสุขตำมหลักคำสอนของ
ศำสนำ สรปุ ได้ดังนี้
ผลวิเครำะห์บริบทพ้ืนท่ี 2 ชุมชน พบว่ำ ในแง่ของควำมยินดี
ร่วมมือร่วมใจไม่แตกต่ำงกัน คือ คนท้ัง 2 พ้ืนท่ี เต็มใจที่จะให้เข้ำร่วม