The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือวิทยากร ฝึกอบรมแบบออนไลน์ โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ปี 2565
กิจกรรมที่ 1 "ฝึกอบรมทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ“โคก หนอง นา โมเดล”
สถาบันการพัฒนาชุมชน
2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kmcddt1, 2022-06-09 06:37:28

คู่มือฝึกอบรมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบฯ“โคก หนอง นา โมเดล”(แบบออนไลน์)

คู่มือวิทยากร ฝึกอบรมแบบออนไลน์ โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ปี 2565
กิจกรรมที่ 1 "ฝึกอบรมทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ“โคก หนอง นา โมเดล”
สถาบันการพัฒนาชุมชน
2565

คานา

กรมการพัฒนาชุมชน ได้ดาเนินโครงการพัฒนาพน้ื ท่ีต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ติ
ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” และมอบหมายให้สถาบันการพัฒนาชุมชน ได้
ดาเนินการกิจกรรมที่ 1"ฝกึ อบรมทกั ษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ
“โคก หนอง นา โมเดล” เพ่ือสรา้ งความรู้ ความเข้าใจ ศาสตรพ์ ระราชา ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง และการสรา้ งความเขา้ ใจพื้นฐาน ในการปรบั เปลีย่ นวถิ ีชวี ติ ให้สามารถพ่ึงตนเองได้ตามหลัก
กสิกรรมธรรมชาติ มาแล้วนั้น

จากสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบันต้องเผชญิ กับผลกระทบจากวกิ ฤตการ
แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ซงึ่ ส่งผลกระทบไปถึงวกิ ฤตทางด้าน
เศรษฐกิจ ด้านการสาธารณสุขด้านการคมนาคมและอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดวกิ ฤตทางสังคมขนาดหนักไป
ทวั่ จงึ ทาให้ต้องปรบั เปล่ยี นวธิ กี ารฝกึ อบรมโดยใชว้ ธิ กี ารฝกึ อบรมแบบทางไกล (online) ผา่ นระบบ
Zoom หรอื ระบบอ่ืน เพอ่ื ลดการรวมกล่มุ ตามมาตรการของรฐั บาล

เพ่ือให้การดาเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป็นไปได้ในทิศทางเดียวกัน
สถาบันการพัฒนาชุมชน ได้จดั ทาหลักสูตรฝึกอบรมการพัฒนากสิกรรมธรรมชาติสู่ระบบเศรษฐกิจ
พอเพียง รปู แบบ “โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อให้ทมี วทิ ยากรได้ใชเ้ ปน็ แนวทางในการอบรมต่อไป

สถาบันการพฒั นาชุมชน

สารบัญ

ความเปน็ มา หน้า

๑. ตารางกิจกรรม ๑

๒. แผนการสอน ๒
๓. สังเขปวชิ า ๗

4. เนื้อหาวชิ า ๒๑

หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ ๒๑

หลักกสิกรรมธรรมชาติ ๖๐

ทฤษฎีบันได ๙ ขัน้ สู่ความพอเพยี ง ๘๓

สุขภาพพง่ึ ตน พฒั นา ๓ ขุมพลัง “พลังกาย พลงั ใจ พลงั ปญั ญา” ๘๖

ยุทธศาสตรก์ ารขับเคล่ือนปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งสู่การปฏิบัติ ๘๗

เรยี นรจู้ ากการฝกึ ปฏิบัติ “9 ฐานการเรยี นรู้ สู่เศรษฐกิจพอเพียง” ๘๙

หลกั การออกแบบเชงิ ภูมิสงั คมและการออกแบบโคก หนอง นาฯ เบ้ืองต้น ๑๒๙

Work shop การจดั การพ้ืนทต่ี ามหลกั ทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นาโมเดล” ๑๓๕

ถอดรหัส “พระมหาชนก” ๑๓๗

ถอดบทเรยี นผา่ นสื่อแผ่นดินไทย ตอน “แผ่นดินวกิ ฤต” ๑๔๑

ถอดบทเรยี นประสบการณ์จากปราชญ์ชาวบ้าน “วถิ ีภูมิปญั ญาไทยกับการพ่ึงตนเอง” ๑๔๒

ถอดบทเรยี น “เอาม้ือสามัคคี” ๑๔๓

ภาคผนวก
- กิจกรรมหน้าเสาธง บทคากล่าวปฏิญาณตนหน้าเสาธง , บทพิจารณาอาหาร, คาถาเลีย้ งดิน
- QR Code วชิ าเรยี น และ เพลงอบรมโคกหนองนาฯ
- สื่อเรยี นรจู้ ากภาพยนตร์

ความเปน็ มา
“โครงการพฒั นาพ้ืนทต่ี ้นแบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ตามหลักทฤษฎีใหม่

ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นาโมเดล”

1. หลักการและเหตุผล

สถานการณ์ของประเทศไทยในปจั จุบันต้องเผชญิ กับผลกระทบจากวกิ ฤตการแพรร่ ะบาดของ
โรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ซงึ่ ส่งผลกระทบไปถึงวกิ ฤตทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการ
สาธารณสุขด้านการคมนาคมและอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดวกิ ฤตทางสังคมขนาดหนักไปทว่ั ท้ังโลก จากการ
รายงานของ McKinsey & Company (March 26, 2020) จะส่งผลให้โลกมีผลผลิต(Productivity)
ลดลงถึง 30% น่ันหมายถึง โลกจะขาดอาหารและเศรษฐกิจจะมีการเติบโตลดลง -1.5% ของ World
GDP อีกทั้งวกิ ฤตด้านการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท้ังเรอ่ ื งภัยแล้งและน้าท่วม ท่ีคาดว่าจะมี
ความรุนแรงข้นึ ทง้ั ในเชงิ ความผันผวน ความถี่และขอบเขตทกี่ ว้างมากข้นึ ซงึ่ จะสรา้ งความเสียหายต่อ
ชวี ติ และโครงสรา้ งพ้ืนฐานทจี่ าเปน็ ทาให้เศรษฐกิจฐานราก (Local economy) ของประเทศเกิดความ
เสียหาย เพ่ิมปญั หาความยากจนลดความเหล่ือมล้าทางสังคม ตลอดจนระบบการผลิตทางการเกษตร
ที่มีความสัมพันธต์ ่อเน่ืองกับความม่ันคงด้านอาหารและน้า ขณะทรี่ ะบบนิเวศต่าง ๆ มีแนวโน้มเสื่อม
โทรมลง และมีแนวโน้มที่จะสูญเสียความสามารถในการรองรบั ความต้องการมนุษยชาติ อย่างมี
ประสิทธภิ าพ

ทางออกของประเทศไทยในการรอดพ้นวกิ ฤตและเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้ถูกกาหนดไว้ใน
ยุทธศาสตร์ ชาติ พ.ศ. 2561 – 2580 และนโยบายรฐั บาลที่จะสืบสาน รกั ษา ต่อยอด และพัฒนา
ประเทศ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระชนกาธเิ บศร มหาภูมิพล
อดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนา
หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการส่งเสรมิ กระบวนการเรยี นรูแ้ ละการมีส่วนรว่ ม
ของประชาชน เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยการพัฒนาคนให้พ่ึงตนเอง มีความเป็นเจา้ ของและ
บรหิ ารจัดการโดยชุมชน พัฒนาหมู่บ้านหรอื ชุมชนให้มีวถิ ีชวี ติ เศรษฐกิจพอเพียง และเป็นสังคม
“อยู่เย็น เป็นสุข” ทงั้ น้ี กรมการพัฒนาชุมชน รว่ มกับมูลนิธกิ สิกรรมธรรมชาติ สถาบันเทคโนโลยีพระ
จอมเกลา้ เจา้ คุณทหารลาดกระบัง และภาคีเครอื ข่ายภาคส่วนต่างๆ ทัง้ 7 ภาคี ได้น้อมนาปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงลงสู่การปฏิบัติอย่างเปน็ ข้ันตอน ตามกลไกการขับเคลื่อนสืบสานศาสตรพ์ ระราชา
เพื่อการปฏิรปู ประเทศ โดยใชห้ มู่บ้านเป็นฐานของการพัฒนา มุ่งสรา้ งภูมิคุ้มกันให้ทุกครวั เรอื น และ
พัฒนาคนให้มีความรูแ้ ละปรบั ตัวให้สามารถดาเนินชีวติ อย่างมีความสุข มีอาชีพ สรา้ งรายได้
ทา่ มกลางวกิ ฤตโลกทมี่ กี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเรว็ ด้วยการจดั ทาโครงการทป่ี ระยุกต์การใชศ้ าสตร์
พระราชาและน้อมนาเอาแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดารกิ ว่า 40 ทฤษฎี ท่ี
ทรงพระราชทานไว้ให้ในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมมาประยุกต์กับแนวคิด
การพัฒนาพ้ืนทแี่ ละการออกแบบเชงิ ภมู สิ ังคมไทยเพ่อื การพงึ่ ตนเอง และรองรบั ภัยพิบตั ิ

ในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล”สรา้ งการพัฒนาคุณภาพชวี ติ ให้เหมาะสมกับหมู่บ้านในภูมิสังคม
ต่าง ๆ ผ่านการทางานในรูปแบบการจา้ งงานและการรว่ มกันลงแรงด้วยการสนับสนนุ วสั ดุพ้ืนฐานและ
งบประมาณและบูรณาการการทางานจากภาคีภาคส่วนต่างๆ เพื่อสรา้ งงานสรา้ งรายได้ให้กับครวั เรอื น
และชุมชนท่ีเข้ารว่ มโครงการในระดับพื้นฐาน ดาเนินการสรา้ ง (1) พ้ืนท่ีเรยี นรูช้ ุมชนต้นแบบการ
พัฒนาคุณภาพชีวติ (Community Lab Model for quality of life : CLM) ระดับตาบล จานวน
337 ตาบล แยกเป็น ขนาดพ้ืนที่ 10 ไร่ จานวน 23 พื้นที่ และพ้ืนที่ 15 ไร่ จานวน 314 พ้ืนที่ รวม
พื้นท่ีไม่น้อยกว่า 4,940 ไร่ และให้การสนับสนุนเพื่อพัฒนา (2) พื้นท่ีครวั เรอื นต้นแบบการพัฒนา
คุณภาพชวี ติ (Household Lab Model for quality of life : HLM) ระดับครวั เรอื น จานวนท้ังส้ิน
24,842 ครวั เรอื น ขนาดพ้ืนทไ่ี ม่เกิน 3 ไร/่ ครวั เรอื น รวมพ้ืนทไี่ ม่เกิน 54,676 ไร่ และ (3) บูรณาการ
รว่ มพัฒนาพ้ืนที่ระดับตาบล เพ่ือการบรหิ ารจัดการน้าข้ันพ้ืนฐานที่เหมาะสมกับภูมิสังคมตามแนว
พระราชดาร ิ10 วธิ ี เชอ่ื มโยงกับพ้ืนท่ีปฏิบัติการโครงการฯ จากน้ันพัฒนาสู่ระดับก้าวหน้าโดยการ
ดาเนินการส่งเสรมิ การสรา้ งมาตรฐานผลผลิต การแปรรูปและการตลาดตามมาตรฐานอินทรยี ์วถิ ีไทย
และยกระดับชุมชนทั้ง 337 ตาบล ให้สามารถ (1) แก้ไขวกิ ฤตด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ของประเทศ (2) เสรมิ สรา้ งความสามัคคีและสรา้ งเสรมิ สุขภาพให้แขง็ แรงผ่านการทากิจกรรมพัฒนา
พื้นที่รว่ มกัน (3) สรา้ งระบบเกษตรกรรมย่ังยืนทผ่ี ลิตอาหารปลอดภัยจากสารเคมีและผลิตสมุนไพร
ต่าง ๆ เพื่อยกระดับอาหารให้เปน็ ยาทสี่ ามารถสรา้ งเสรมิ ภูมิต้านทานโรคต่าง ๆ อีกทง้ั ยัง (4) เพ่ิมการ
จดั การให้กักเก็บน้าฝนท่ีตกในพ้ืนท่ีได้เพียงพอต่อการเพาะปลูกและการดารงชวี ติ ชว่ ยแก้ปัญหาภัย
แล้งและน้าท่วม (5) เพ่ิมพื้นที่ป่าที่ช่วยฟอกอากาศที่บรสิ ุทธ์ิและช่วยกักเก็บคารบ์ อนในชั้น
บรรยากาศ ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 (6) เก็บรกั ษาและฟ้ ืนฟูหน้าดินด้วยการเก็บ
ตะกอนดินในพื้นที่ ชว่ ยสรา้ งความสมดุลของระบบนิเวศใน ดิน น้า และป่า (7) เพิ่มความหลากหลาย
ให้กับพันธกุ รรมของสิ่งมชี วี ติ ทง้ั พืชและสัตว์ ทสี่ าคัญยงั ชว่ ยให้ชุมชนได้

ทั้งน้ี การดาเนินการพัฒนาสู่ระดับก้าวหน้า ในระยะท่ี 2 มีแผนดาเนินการส่งเสรมิ ในระดับ
ชุมชนให้รวมตัวกันจดั ต้ังกลุ่มเป็นกลุ่มอาชพี เพ่ือสรา้ งวสิ าหกิจชุมชน ซง่ึ จะส่งผลให้เกิดการสรา้ ง
ความม่ันคงทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนกระบวนการผลิต ด้วยการส่งเสรมิ และสนับสนุนให้วสิ าหกิจ
ชุมชนสามารถพัฒนายกระดับมุ่งไปสู่การจดั ตั้งบรษิ ัทวสิ าหกิจเพื่อสังคมในระดับตาบล เพื่อพัฒนา
ศักยภาพการเพ่ิมผลผลิตต่าง ๆ ท่ีได้จากในพื้นท่ีดาเนินการ เพ่ิมมูลค่าด้วยการแปรรูป ขยายตลาด
การท่องเท่ียวชุมชน ฯลฯ และสรา้ งงานวจิ ยั ชุมชนเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์หรอื ค้นหาอัตลักษณ์ของ
ชุมชน การสรา้ งนวัตกรรมที่เหมาะสมกับภูมิสังคมของชุมชน สรา้ งการจัดการความรูใ้ นมิติการ
พึ่งตนเองด้านครู คลัง ชา่ ง หมอ ของชุมชน รว่ มกับสถาบันการศึกษาในพ้ืนที่ชุมชนท่ัวประเทศ ให้
ได้ผลการดาเนินงานที่สามารถนาไปต่อยอดให้กับวสิ าหกิจชุมชนในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว
ชุมชน การเพ่ิมมูลค่าผลผลิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน รวมทง้ั สรา้ งการส่ือสารสังคม
ให้เกิดกระบวนการเรยี นรูแ้ ละการมีส่วนรว่ มในระดับชุมชน ระดับตาบล ระดับอาเภอ ระดับจงั หวัด
ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ เรอ่ ื งการน้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง (Sufficiency

Economy Philosophy: SEP) ในรูปแบบการทางานตามศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏิบตั ิจนเปน็ วถิ ีชวี ติ
ของประชาชนให้บรรลุตามเป้าหมายเพ่ือการพัฒนาท่ียั่งยืน (Sustainable Development Goals:
SDGs) (SEP for SDGs) ในรูปแบบและวธิ กี ารต่าง ๆ ที่เข้าถึงคนได้ทุกระดับและทุกวัย ผ่านการ
ดาเนินงานโครงการในทุกพ้ืนท่ีเพื่อสื่อสารวธิ ีการแก้ไขวกิ ฤตตามแนวทางปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงด้วยการสรา้ งตัวอย่างความสาเรจ็ ที่เรม่ ิ ต้นจากการพัฒนาคนให้โลกได้รบั รูอ้ ย่างแพรห่ ลาย
ซึ่งการขับเคล่ือนตามกระบวนการทั้ง 2 ระยะ จะเป็นการ (8) เตรยี มความพรอ้ มให้ ชุมชนมี
ความสามารถในการพ่ึงตนเองในเรอ่ ื งของน้า อาหาร และพลังงานทดแทนสรา้ งภูมิคุ้มกันชุมชนต่อ
สภาพปัจจุบันที่โลกกาลังเผชิญกับวกิ ฤต ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ
ธรรมชาติอย่างรุนแรง วกิ ฤตทางด้านโรคระบาดวกิ ฤตทางด้านความอดอยากและวกิ ฤตความขัดแย้ง
ของสงครามเศรษฐกิจหรอื สงครามรูปแบบต่าง ๆ ในอนาคต

2. วัตถุประสงค์
2.1 เพ่ือส่งเสรมิ การเรยี นรูก้ ารน้อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การ

ปฏิบัติ ในรปู แบบ โคก หนอง นา โมเดล
2.2 เพื่อพัฒนาพื้นทเ่ี รยี นรูช้ ุมชนต้นแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ตามหลักปรชั ญาของ

เศรษฐกิจพอเพยี งระดับตาบล และระดับครวั เรอื น
2.3 เพ่ือฟ้ ืนฟูเศรษฐกิจทอ้ งถิ่นและชุมชนผ่านการสรา้ งงานสรา้ งรายได้ ให้แก่เกษตรกร

แรงงานและบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน ที่ได้รบั ผลกระทบจาก
สถานการณ์ในชว่ งวกิ ฤตการแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19)

3. ผลท่คี าดว่าจะได้รบั
3.1 ผลผลติ ของโครงการและตัวชว้ี ัด
ผลผลิตของโครงการ
1) กลุ่มเปา้ หมายสามารถเปน็ แกนนาขับเคล่ือน การน้อมนาหลกั ปรชั ญาของ

เศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหมป่ ระยุกต์สู่การปฏิบตั ิในรูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล ในพน้ื ที่
เปา้ หมายได้ จานวน 34,367 คน

2) เกิดพ้ืนทีเ่ รยี นรูช้ ุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชวี ติ (Community Lab
Model for quality of life : CLM) จานวน 337 ตาบล ขนาดพื้นทไี่ ม่น้อยกว่า 4,940 ไร่

3) เกิดพ้ืนที่ครวั เรอื นต้นแบบการพฒั นาคุณภาพชวี ติ (Household Lab
Model for quality of life : HLM) ขนาดพื้นทไ่ี มเ่ กิน 3 ไร่ จานวน 24,842 ครวั เรอื น ขนาดพ้นื ทไ่ี ม่
น้อยกวา่ 54,676 ไร่

4) เกิดการสรา้ งงานสรา้ งรายได้ แก่ เกษตรกร บณั ฑิตจบใหม่ กล่มุ แรงงาน
อพยพกลับทอ้ งถิ่นทไี่ ด้รบั ผลกระทบจากวกิ ฤตโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID - 19) ในพื้นท่ี
3,246 ตาบล รวมจานวน 9,188 คน

ตัวชว้ี ัด
1) เกิดแกนนาการพัฒนา เป็นครูกระบวนการ ครูกสิกรรม ครูประจาฐานเรยี นรู้
การพง่ึ พาตนเอง และครูพาทา จานวน 34,367 คน
2) เกิดพ้ืนที่เรยี นรูช้ ุมชนต้นแบบ ระดับตาบล จานวน 337 ตาบล และระดับ
ครวั เรอื น จานวน 24,842 ครวั เรอื น
3) เกิดการจา้ งงานในพ้ืนที่ จานวน 9,188 คน
4) กลมุ่ เปา้ หมายเขา้ รว่ มโครงการมีรายได้เฉลี่ยเพ่ิมข้ึน 3 เทา่ จากเดิมภายใน 2 ปี
5) พ้ืนทค่ี รวั เรอื นทเ่ี ข้ารว่ ม จะลดปญั หาภัยแล้งได้ 50% ของพ้ืนท่ี ภายใน 3 ปี
3.2 ผลลัพธข์ องโครงการและตัวชว้ี ัด
1. เพ่ิมรายได้ครวั เรอื นทผี่ ่านการพัฒนาพืน้ ทค่ี รวั เรอื นต้นแบบในปแี รก เปน็ การสรา้ ง
ความมั่นคงทางอาหารให้กับครวั เรอื น/ชุมชน โดยเฉพาะเรอ่ ื งการปลูกพืชผักสวนครวั เพ่ือลดรายจา่ ย
เทา่ กับเพิม่ รายได้ให้กับครวั เรอื นและพืชเศรษฐกิจ เชน่ ขา้ ว สามารถผลติ ข้าวนาปคี ิดเปน็ ผลผลิตเป็น
ข้าวสามารถเป็นแหล่งอาหาร หลักเล้ียงดูคนในชุมชน ระยะต่อมาเป็นการเพิ่มพื้นที่ป่าปลูกใหม่ตาม
แนวพระราชดาร ิปา่ 3 อย่าง เพ่อื ประโยชน์ 4 อยา่ ง ซง่ึ ผลผลิตจะสามารถสรา้ งรายได้ให้กับครวั เรอื น
2. เพ่ิมการจา้ งงานด้วยการสรา้ งงานสรา้ งรายได้ให้แก่เกษตรกร แรงงานและบัณฑิต
จบใหม่ กลุ่มแรงงานท่ีอพยพกลับท้องถ่ินและชุมชนท่ีได้รบั ผลกระทบจากสถานการณ์ในชว่ งวกิ ฤต
การแพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วยการเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เพ่ือ
เรยี นรูช้ ุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวติ (Community Lab Model for quality of life :
CLM) ระดับตาบล จานวน 337 ตาบล ๆ ละ 10 คน รวม 3,370 คน และจา้ งงานในพ้ืนท่ีครวั เรอื น
ต้ นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวติ (Household Lab Model for quality of life : HLM) ระดั บ
ครวั เรอื น จานวน 2,909 ตาบล ๆ ละ 2 คน รวม 5,818 คน รวมผไู้ ด้รบั การจา้ งงาน ทัง้ สิ้น 9,188 คน
จา้ งงานคนละ 9,000 บาท/เดือน เปน็ ระยะเวลา 12 เดือน
3. เพิ่มพ้ืนทก่ี ักเก็บนา้ ฝนในพื้นทโ่ี ครงการฯ ได้ไมน่ ้อยกว่า 145 ล้านลกู บาศก์เมตร
4. สรา้ งความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน โดยเฉพาะเรอ่ ื งข้าว สามารถผลิตข้าวนาปี
คิดเป็นผลผลิตเป็นข้าว จานวน 10,818,780 กิโลกรมั สามารถเป็นแหล่งอาหารหลักเล้ียงดูคนใน
ชุมชนได้ปลี ะไม่น้อยกว่า 108,187 คน
5. เพิ่มพ้ืนที่ป่าปลูกใหม่ตามแนวพระราชดาร ิป่า 3 อย่าง เพื่อประโยชน์ 4 อย่าง ได้
ไม่น้อยกว่า 25,759 ไร่ คิดเปน็ จานวนต้นไม้ปลกู ใหมไ่ ด้ไม่น้อยกวา่ 10,303,600 ต้น
6. ฟ้ ืนฟูทรพั ยากรดิน ได้ไม่น้อยกว่า 25,759 ไรต่ ่อปี ลดการชะล้างหน้าดินที่
ก่อให้เกิดตะกอนดิน คิดเปน็ ปรมิ าณ 2,575.9 ตันต่อปี
3.3 ผลสัมฤทธ/์ิ ผลประโยชน์และความคุ้มค่าของโครงการ
1. ครวั เรอื นทเี่ ข้ารว่ มโครงการมีรายได้ มีอาชพี ทมี่ นั่ คง มีคณุ ภาพชวี ติ และมคี วามสุข
2. ชุมชนมีศูนย์เรยี นรูต้ ้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวติ ด้ วยหลักปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง

1

2

วางแผนขนั้ ตอนการฝกึ อบรม “โคก หนอง นา” ออนไลน์ ผา่ นระบบ Zoom
วันที่ 1

เวลา หัวข้อ/วชิ า รายละเอียด อุปกรณ์ทีใ่ ช้

08.00 – ลงทะเบยี น/ วางแผนงาน แบง่ คน แบง่ งาน เจา้ หน้าที่ผู้รบั ผิดชอบ - เอกสารลงทะเบียน
09.00 น. เข้าสู่ระบบ - ลงทะเบยี นผู้อบรม บันทกึ ข้อมูลตามแบบฟอรม์ รายละเอียด - เว้นระยะห่าง
Zoom / - ถ่ายรูปรายบุคคล เพื่อยืนยันการเข้ารว่ มอบรม
ถ่ายภาพ - ซกั ซอ้ มความเข้าใจการอบรมแบบ ออนไลน์ ผ่านระบบ Zoom หรอื - ไมค์+ลาโพง
ระบบอื่น ๆ - การน่ังเว้นระยะห่าง
09.00 – เปดิ การ วางแผนการทาพิธเี ปิดการฝึกอบรม การฝกึ อบรม
10.00 น. ฝึกอบรม - ชแ้ี จงวัตถปุ ระสงค์ของการอบรมกลุ่มเปา้ หมายฯ - ไมค์+ลาโพง
- ส่ือการบรรยาย
10.00 – หลักปรชั ญา หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่ - ฟลิตชารท์ ปากกาเคมี
12.00 น. ของเศรษฐกิจ วางแผนหาผู้บรรยาย มีวชิ าการที่บรรยาย ดังน้ี - การนงั่ เว้นระยะห่าง
พอเพียง และ - ส.ค.ส. 2547 วกิ ฤตระเบิดส่ีลูก การฝกึ อบรม
ทฤษฎีใหม่ - ปรชั ญา 3 ระบบ (ทุนนิยม สังคมนิยม เศรษฐกิจพอเพียง) สถานท่ีไม่แออัด
- แนวคิด ทฤษฎี นวตั กรรม ศาสตรพ์ ระราชา ว่าด้วยดิน น้า ป่า คน
10.30 – รบั ประทาน - รบั ประทานอาหารว่าง/เครอ่ ื งดื่ม
10.45 น. อาหารว่าง - เวน้ ระยะห่างของผู้เข้าฝึกอบรม

12.00 - รบั ประทาน แยกรบั ประทานอาหารกลางวนั เว้นระยะห่างตามมาตรการลดการแพร่ สถานทอ่ี บรม ไม่แออัด
13.00 น. อาหาร ระบาด ของ โควดิ -19
กลางวัน

13.00 – หลักปรชั ญา ผู้บรรยาย : หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ (ต่อ) - ส่ือการบรรยาย
14.๓0 น. ของเศรษฐกิจ - ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ "โคก หนอง นาโมเดล" - ฟลิตชารท์ ปากกาเคมี
พอเพียง และ - วธิ ปี ฏิบัติอย่างเป็นข้ันเป็นตอน - การนง่ั เว้นระยะห่าง
ทฤษฎีใหม่ - ทาแบบคนจน ( เอาม้ือสามัคคี) ฝกึ อบรม

14.30 – รบั ประทาน - รบั ประทานผลไม้/เครอ่ ื งด่ืม สถานที่ไม่แออัด
14.45 น. อาหารวา่ ง - เว้นระยะห่างของผู้เข้าฝกึ อบรม

14.๓0- ถอดรหัส วางแผนหาผู้บรรยาย วชิ า ถอดรหัสพระมหาชนก - ส่ือการบรรยาย
- ฟลิตชารท์ ปากกาเคมี
15.30 น. พระมหาชนก - การนง่ั เว้นระยะห่าง
ฝกึ อบรม

15.30 – ชมสื่อวดิ ีทศั น์ วางแผนทีมวทิ ยากรท่เี ป็นเจา้ หน้าที่ เพื่อแบง่ คน แบง่ งานทากิจกรรม - ส่ือเรอ่ ื ง แผ่นดินวกิ ฤติ
16.30 น. เรอ่ ื ง แผ่นดิน - ถอดบทเรยี นผ่านสื่อ แผ่นดินไทย “แผ่นดินวกิ ฤต” 50 นาที
วกิ ฤต - นัดหมายกิจกรรมวันถัดไป - ฟลิตชารท์

3

วนั ท่ี 2

เวลา หัวข้อ/วชิ า รายละเอียด อุปกรณ์ทใ่ี ช้
- รวมคน แบบเว้น
08.00 - กิจกรรมหน้า วางแผนทีมวทิ ยากรทเ่ี ปน็ เจา้ หน้าท่ี เพื่อแบง่ คน แบง่ งานทากิจกรรม ระยะห่าง
08.30 น. เสาธง - กิจกรรมหน้าเสาธง (5ขั้นตอน) ดังนี้ 1. กล่าวคาปฏิญาณตนพรอ้ มกัน
2. ยืนตรงเคารพธงชาติ 3. การปฏิบตั ิศาสนกิจ 4. ยืนสงบน่ิง 1 นาที - รวมคน แบบเว้น
08.30 - กิจกรรม 5. สรา้ งอุดมการณ์ (6. ทอ่ งบทพิจารณาอาหาร (ถ้ามี)) ระยะห่าง
09.00 น. พัฒนา 3 วางแผนทมี วทิ ยากรท่ีเป็นเจา้ หน้าท่ี เพื่อแบง่ คน แบ่งงานทากิจกรรม
ขุมพลัง - กิจกรรม พัฒนา 3 ขุมพลงั "กาย ใจ ปญั ญา" - ห้องประชุม/สถานท่ี
อบรมในพื้นที่
09.00 - ฟังบรรยาย วางแผนหาผู้บรรยาย ทฤษฎีบันได 9 ขั้น พรอ้ มกับการเปดิ ส่ือ - สื่อเรอ่ ื ง ทฤษฎี 9 ขั้น
๑๒.00 น. ทฤษฎีบันได วทิ ยากร แนะนาตัว สู่ความพอเพียง
9 ขั้น/ชมส่ือ - วชิ า ทฤษฎีบนั ได 9 ข้ัน สู่ความพอเพียง สถานทไ่ี ม่แออัด

๑๐.๓0 - รบั ประทาน - รบั ประทานอาหารวา่ ง/เครอ่ ื งดื่ม - ไมค์+ลาโพง
๑๐.๔๕ น. อาหารว่าง - เว้นระยะห่าง - ส่ือการบรรยาย
- ฟลติ ชารท์ ปากกาเคมี
๑๐.๓0 - ฟังบรรยาย วางแผนหาผู้บรรยาย วชิ า หลักกสิกรรมธรรมชาติ (วทิ ยากรครูพาทา - การนง่ั เว้นระยะห่าง
๑๒.๐๐ น. -นิยาม ๕ และ ท่ีจบหลักสูตร) การฝกึ อบรม
หลักกสิกรรม - นิยาม ๕
ธรรมชาติ - สถานที่อบรม ไม่แออัด

12.00 - รบั ประทาน - ส่ิงมีชวี ติ ในดิน - ไมค์+ลาโพง
13.00 น. อาหาร แยกรบั ประทานอาหารกลางวนั เวน้ ระยะห่างตามมาตรการลดการแพร่ - สื่อการบรรยาย
กลางวนั ระบาด ของ โควดิ -19 - ฟลิตชารท์ ปากกาเคมี
- การน่ังเวน้ ระยะห่าง
13.00 - บรรยาย วทิ ยากรแนะนาตัวและบรรยาย (วทิ ยากรครูพาทาทีจ่ บหลักสูตร) การฝกึ อบรม
15.๓0 น. เรอ่ ื ง “หลักกสิ สถานท่ไี ม่แออัด
กรรม หลักกสิกรรมธรรมชาติ
14.30 - ธรรมชาติ - เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงพืช - อย่าปลอกเปลือกเปลือยดินให้ห่มดิน ห้องประชุม
14.45 น. - ปา่ 3 อย่างประโยชน์ 4 อยา่ ง / การปลกู ไม้ 5 ระดับ
รบั ประทาน - 10 ขั้นตอนการตรวจแปลง
อาหารวา่ ง - รบั ประทานผลไม้/เครอ่ ื งด่ืม
- เวน้ ระยะห่างของผู้เข้าฝกึ อบรม

1๕..๓0 - ถอดบทเรยี น/ - ถอดบทเรยี นผ่านส่ือ “วถิ ีภูมิปญั ญาไทย กับการพึ่งตนเอง” ปลดหนี้
๑๖.๓0 น. สรปุ บทเรยี น/ ด้วยศาสตรพ์ ระราชา | คนรกั ษ์ป่า “พ่อเล่ียม บุตรจนั ทา”
นาเสนอ - นัดหมายกิจกรรมวันถัดไป

4

วันท่ี 3

เวลา หัวข้อ/วชิ า รายละเอียด อุปกรณ์ที่ใช้

08.00 - กิจกรรมหน้า วางแผนทีมวทิ ยากรท่ีเป็นเจา้ หน้าท่ี เพื่อแบง่ คน แบ่งงานทากิจกรรม - รวมคน แบบเวน้
08.30 น. เสาธง - กิจกรรมหน้าเสาธง (5ขั้นตอน) ดังนี้ 1. กล่าวคาปฏิญาณตนพรอ้ มกัน ระยะห่าง
2. ยนื ตรงเคารพธงชาติ 3. การปฏิบัติศาสนกิจ 4. ยนื สงบนิ่ง 1 นาที
08.30 - กิจกรรม 5. สรา้ งอุดมการณ์ (6. ทอ่ งบทพิจารณาอาหาร (ถ้ามี)) - รวมคน แบบเวน้
09.00 น. พัฒนา 3 วางแผนทีมวทิ ยากรทเ่ี ปน็ เจา้ หน้าท่ี เพื่อแบ่งคน แบ่งงานทากิจกรรม ระยะห่าง
ขุมพลงั - กิจกรรม พัฒนา 3 ขุมพลัง "กาย ใจ ปัญญา"

0๙.๐0 - ฟังบรรยาย -วางแผนหาผู้บรรยาย โดยให้นาวทิ ยากรครพู าทาท่ีจบหลักสูตรกสิกรรม - ห้องประชุมหรอื
๑๒.00 น. หลักกสิกรรม ธรรมชาติ มาพิจารณาเปน็ วทิ ยากร สถานท่ที ่เี หมาะสม
หลักการออกแบบและการออกแบบโคก หนองนาฯ เบอ้ื งต้น - ไมค์+ลาโพง
ชมส่ือ - วทิ ยากรกระบวนการเกรน่ ิ นาเพื่อนาเข้าสู่บทเรยี น แนะนาวทิ ยากร - ส่ือการบรรยาย
บรรยาย หลักการออกแบบและการออกแบบโคก หนองนาฯ เบ้ืองต้น - ฟลิตชารท์ ปากกาเคมี
๑๐.๓0 - รบั ประทาน - หลกั การออกแบบตามหลักภูมิสังคม ดิน นา้ ลม ไฟ พชื คน - การนัง่ เวน้ ระยะห่าง
๑๐.๔๕ น. อาหารว่าง - การสารวจพื้นท่ีก่อนการออกแบบ การฝกึ อบรม
- รบั ประทานอาหารว่าง/เครอ่ ื งดื่ม สถานทีไ่ ม่แออัด
- เวน้ ระยะห่าง

12.00 - รบั ประทาน แยกรบั ประทานอาหารกลางวนั เวน้ ระยะห่างตามมาตรการลดการแพร่ สถานทอี่ บรม ไม่แออัด
13.00 น. อาหาร ระบาด ของ โควดิ -19
กลางวนั

13.00 – Work Shop - รวมพล(เวน้ ระยะห่าง) ณ ห้องประชุมหรอื สถานทท่ี ่ีกาหนด เพื่อชแี้ จง - สื่อการเรยี นรู้
1๕.๓๐ น. การจดั การ รายละเอียดกิจกรรม - กระดาษเอ 4
พื้นที่ ดิน นา้ - ทากิจกรรม Work Shop การออกแบบพื้นทต่ี ามทกี่ าหนด ถ้ามีการนา - ปากกา
ปา่ คน หลักการนาดินมาป้ นั เหนียวเปน็ โมเดลพ้ืนที่ออกแบบ เห็นควรหาสถานท่ี - ฟลิตชารท์
ท่ีเหมาสมแก่การอบรม - ใบงาน Work Shop
14.30 - รบั ประทาน - สมาชกิ ชว่ ยกันออกแบบพ้ืนทีต่ ามทีโ่ จทยก์ าหนด
14.45 น. อาหารว่าง - ออกมานาเสนอผลการออกแบบ หรอื ซกั ถาม สถานท่ีไม่แออัด
- รบั ประทานผลไม้/เครอ่ ื งด่ืม
- เวน้ ระยะห่างของผู้เข้าฝึกอบรม

1๕.๓0 - ถอดบทเรยี น/ รวมกลุ่มแบบเว้นระยะห่าง - ใบงาน/โจทย์
๑๖.๓0 น. สรุปบทเรยี น/ สรุปบทเรยี น การออกแบบพน้ื ท่ีโคก หนอง นา เบือ้ งต้น - ฟลิตชารท์ ปากกา
นาเสนอ - นัดหมายกิจกรรมวนั ถัดไป เคมี

5

วันที่ 4

เวลา หัวข้อ/วชิ า รายละเอียด อุปกรณ์ทีใ่ ช้

08.00 - กิจกรรมหน้า วางแผนทมี วทิ ยากรที่เป็นเจา้ หน้าท่ี เพ่ือแบง่ คน แบ่งงานทากิจกรรม - รวมคน แบบเวน้
08.30 น. เสาธง - กิจกรรมหน้าเสาธง (5ข้ันตอน) ดังนี้ 1. กล่าวคาปฏิญาณตนพรอ้ มกัน ระยะห่าง
2. ยืนตรงเคารพธงชาติ 3. การปฏิบตั ิศาสนกิจ 4. ยืนสงบน่งิ 1 นาที
08.30 - กิจกรรม 5. สรา้ งอุดมการณ์ (6. ทอ่ งบทพิจารณาอาหาร (ถ้ามี)) - รวมคน แบบเว้น
09.00 น. พัฒนา 3 วางแผนทมี วทิ ยากรที่เปน็ เจา้ หน้าท่ี เพื่อแบ่งคน แบ่งงานทากิจกรรม ระยะห่าง
ขุมพลงั - กิจกรรม พัฒนา 3 ขุมพลงั "กาย ใจ ปญั ญา"

0๙.๐0 - ฟังบรรยาย - รวมพล(เวน้ ระยะห่าง) ณ ห้องประชุมหรอื สถานทท่ี ่ีกาหนด เพื่อชแ้ี จง - ห้องประชุมหรอื
๑๒.00 น. ๙ ฐานเรยี นรู้ รายละเอียดกิจกรรม ว่าฟังบรรยาย หรอื มีกิจกรรมแบบปฏิบัติจรงิ สถานทท่ี ีเ่ หมาะสม
สู่เศรษฐกิจ -วางแผนหาผู้บรรยาย โดยให้นาวทิ ยากรครพู าทาที่จบหลักสูตรกสิกรรม - ไมค์+ลาโพง
พอเพียง ธรรมชาติ มาเปน็ วทิ ยากร - ส่ือการบรรยาย
หรอื เรยี นรู้ 9 ฐานเรยี นรู้ สู่เศรษฐกิจพอเพียง - ฟลิตชารท์ ปากกาเคมี
ฝึกปฏิบตั ิจรงิ 1.คนติดดิน 2.คนเอาถ่าน ๓.คนมีไฟ ๔.คนรกั ษ์แม่ธรณี - การนง่ั เวน้ ระยะห่าง
๕.คนมีน้ายา ๖.รกั ษ์ป่า ๗.รกั ษ์นา้ ๘.รกั ษ์แม่โพสพ ๙.รกั ษ์สุขภาพ การฝกึ อบรม
๑๐.๓0 - รบั ประทาน - รบั ประทานอาหารวา่ ง/เครอ่ ื งดื่ม สถานท่ีไม่แออัด
๑๐.๔๕ น. อาหารว่าง - เว้นระยะห่าง

12.00 - รบั ประทาน แยกรบั ประทานอาหารกลางวนั เวน้ ระยะห่างตามมาตรการลดการแพร่ สถานที่อบรม ไม่แออัด
13.00 น. อาหาร ระบาด ของ โควดิ -19
กลางวนั

13.00 - ฝึกปฏิบัติจรงิ - รวมพล(เวน้ ระยะห่าง) ณ ห้องประชุมหรอื สถานท่ที ่ีกาหนด เพื่อชแี้ จง - ห้องประชุมหรอื
1๕.๓0 น. ในกิจกรรม รายละเอียดกิจกรรมการเอาม้ือสามัคคี มีกิจกรรมแบบปฏิบัติจรงิ สถานที่ที่เหมาะสม
เอาม้ือสามัคคี - ผู้บรรยาย โดยให้นาวทิ ยากรครูพาทาทจี่ บหลักสูตรกสิกรรมธรรมชาติ - ไมค์+ลาโพง
14.30 - มาเป็นวทิ ยากร - ส่ือการบรรยาย
14.45 น. รบั ประทาน กิจกรรมการเอามื้อสามัคคี - ฟลติ ชารท์ ปากกาเคมี
อาหารวา่ ง - กาหนดกิจกรรมการลงแปลงตามหลักกสิกรรมฯ (10 ขั้นตอน) - การนง่ั เว้นระยะห่าง
พรอ้ มกับการตรวจแปลง (ครูพาทา ดาเนินการ) การฝึกอบรม
- รบั ประทานผลไม้/เครอ่ ื งด่ืม สถานทไี่ ม่แออัด
- เว้นระยะห่างของผู้เข้าฝึกอบรม

1๕.๓0 - ถอดบทเรยี น - รวมกลมุ่ แบบเว้นระยะห่าง - ห้องประชุมหรอื
๑๖.๓0 น. การเรยี นรู้ ๙ - วทิ ยากรให้แต่ละกลุ่มถอดบทเรยี นจากการเรยี นรู้ ๙ ฐานเรยี นรู้ สู่ สถานท่ที เ่ี หมาะสม
ฐานเรยี นรสู้ ู่ เศรษฐกิจพอเพียง - ใบงาน/โจทย์
เศรษฐกิจ - วทิ ยากรให้แต่ละกล่มุ ถอดบทเรยี นจากกิจกรรมเอาม้ือสามัคคี - ฟลิตชารท์ ปากกา
พอเพียงและ เคมี
หรอื เอาม้ือฯ

6

วันท่ี 5

เวลา หัวข้อ/วชิ า รายละเอียด อุปกรณ์ทใ่ี ช้
08.00 - กิจกรรมหน้า - รวมคน แบบเว้น
08.30 น. วางแผนทีมวทิ ยากรท่ีเป็นเจา้ หน้าท่ี เพื่อแบ่งคน แบ่งงานทากิจกรรม ระยะห่าง
เสาธง - กิจกรรมหน้าเสาธง (5ข้ันตอน) ดังน้ี 1. กล่าวคาปฏิญาณตนพรอ้ มกัน
08.30 - 2. ยืนตรงเคารพธงชาติ 3. การปฏิบัติศาสนกิจ 4. ยนื สงบนงิ่ 1 นาที - รวมคน แบบเวน้
09.00 น. กิจกรรม 5. สรา้ งอุดมการณ์ (6. ทอ่ งบทพิจารณาอาหาร (ถ้ามี)) ระยะห่าง
พัฒนา 3 วางแผนทีมวทิ ยากรทเี่ ปน็ เจา้ หน้าท่ี เพ่ือแบง่ คน แบ่งงานทากิจกรรม
ขุมพลงั - กิจกรรม พัฒนา 3 ขุมพลงั "กาย ใจ ปัญญา"

๑๐.๓0 - รบั ประทาน - รบั ประทานอาหารวา่ ง/เครอ่ ื งดื่ม สถานทไี่ ม่แออัด
๑๐.๔๕ น. อาหารวา่ ง - เว้นระยะห่าง

09.00 – ฟังบรรยาย วางแผนหาผู้บรรยายเกี่ยวกับการวางแผนยุทธศาสตร์ ห้องประชุม หรอื
12.00 น. ยุทธศาสตร์ - ฟังบรรยายยุทธศาสตรก์ ารขับเคล่ือนปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การ สถานทเี่ หมาะสม
การขับเคลื่อน ปฏิบตั ิ
ปรชั ญา - ปฏิบตั ิตามทว่ี ทิ ยากรมอบหมาย
เศรษฐกิจ
พอเพียงสู่การ ยุทธศาสตรก์ ารขับเคล่ือนปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ปฏิบัติ
วางแผนขับเคล่ือนสรา้ งสังคมอุดมสุขแบบพอเพียง

จติ อาสาพัฒนาพ้ืนที่ /พฒั นาชุมชน

12.00 - รบั ประทาน แยกรบั ประทานอาหารกลางวนั เว้นระยะห่างตามมาตรการลดการแพร่ สถานที่อบรม ไม่แออัด
13.00 น. อาหาร ระบาด ของ โควดิ -19
กลางวัน

13.00 - นาเสนอ - แต่ละกลุ่มนาเสนอยุทธศาสตร์ - แบบประเมิน
1๕.๓0 น. ยุทธศาสตร์ - นาเสนอแผนยุทธศาสตรช์ ุมชน(จากพื้นทที่ ผี่ ู้อบรมเรยี นอยู)่ โครงการ
แบบเล็ก/แคบ/ชดั วางแผนจดั กิจกรรมเอาม้ือสามัคคี ในแปลง ในชุมชน - เว้นระยะห่าง
14.30 - รบั ประทาน (แบ่งกลุ่มนาเสนอแบบออนไลน์)
14.45 น. อาหารวา่ ง - ประเมินผลโครงการฝกึ อบรม (30 นาที) สถานที่ไม่แออัด
- มอบหมายภารกิจในการดาเนินการพัฒนากสิกรรมธรรมชาติ สู่
เศรษฐกิจพอเพียงต่อไป
- รบั ประทานผลไม้/เครอ่ ื งด่ืม
- เว้นระยะห่างของผู้เข้าฝึกอบรม

๑๖.๓๐ น. - เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

7

1) “ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และทฤษฎีใหม่ ”

วัตถุประสงค์
เพอ่ื ให้ผ้เู ข้ารบั การอบรมมคี วามรู้ “หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และ

ทฤษฎีใหม่” เพื่อนาไปประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พฒั นาชุมชน”

ระยะเวลา

จานวน ๔ .๓๐ ชว่ั โมง

ขอบเขตเน้ือหา

๑. ส.ค.ส. 2547 วกิ ฤตระเบิดส่ีลกู
๒. ปรชั ญา 3 ระบบ
๓. แนวคิด ทฤษฎี นวตั กรรมศาสตรพ์ ระราชา ว่าด้วยเรอ่ ื งดิน น้า ปา่ คน
๔. ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่โคก หนอง นาโมเดล
5. วธิ ปี ฏิบัติอยา่ งเปน็ ข้ันเปน็ ตอน
6. ทาแบบคนจน

- การเอาม้ือสามัคคี

เทคนิค /วธิ กี าร

วทิ ยากร ใช้ PowerPoint หรอื คลิปสื่อ ประกอบการบรรยาย โดยสรุป ดังน้ี
๑. ปรชั ญา 3 ระบบ
๒. แนวคิด ทฤษฎี นวัตกรรมศาสตรพ์ ระราชา วา่ ด้วยเรอ่ ื งดิน น้า ป่า คน
๓. ทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่โคก หนอง นาโมเดล
๔. ตัวอยา่ งความสาเรจ็ โคก หนอง นา โมเดล

วัสดุ/อุปกรณ์

๑. สื่อวดี ีทศั น์ ประกอบการบรรยาย ผ่านระบบ Zoom
๒. ส่ือ Power point

การประเมินผล
- การสงั เกตของวทิ ยากร
- การมีส่วนรว่ มของผูเ้ ข้าฝกึ อบรม

***************

8

- การถอดบทเรยี นผา่ นส่ือแผน่ ดินไทย ตอน “แผน่ ดินวกิ ฤต”

วัตถุประสงค์
๑. เพ่ือให้ผู้เรยี นได้สงั เคราะห์ความรูท้ ่ีได้รบั จากวทิ ยากรท่ีได้มาบรรยายในแต่ละวชิ า
๒. เพ่ือให้ผู้อบรมมีความรูค้ วามเข้าใจสถานการณ์โลกปจั จุบนั กับการเปลย่ี นแปลงของ

ดิน ฟ้า อากาศและตระหนักถึงวกิ ฤตปญั หาด้านดิน น้า ลม ไฟ โรคติดต่อระบาดทีอ่ าจเกิดข้ึน
ในประเทศไทยและการปอ้ งกันภัย

๓. เพอื่ ให้ผู้เข้ารบั การฝกึ อบรมตระหนักถึงความสาคัญของการน้อมนาหลักปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพยี ง ไปประยุกต์ใชใ้ นการดารงชวี ติ

ระยะเวลา
จานวน ๑ ชวั่ โมง

ขอบเขตเน้ือหา
๑. ภาวะวกิ ฤตสงั คมโลก สังคมไทย
๒. ถ้าเข้าสู่ภาวะวกิ ฤตจะเอาตัวรอดอยา่ งไร
๓. ทางออกวกิ ฤต ดิน น้า ปา่ คน ด้วย โคก หนอง นาโมเดล

เทคนิค/วธิ กี าร
๑. แบง่ กล่มุ มอบหมายงาน
๒. นาเสนอข้อมลู รายกลุ่มองค์ความรูท้ ่ีได้รบั /แนวคิดทไ่ี ด้ชมคลิปจากการบรรยาย
๓. รวบรวมองค์ความรู้ ข้อเสนอแนะ คาแนะนาจากวทิ ยากรมาสรุปรายละเอียด
๔. ชมสื่อวดี ีทศั น์
๕. ถอดบทเรยี นจากสื่อในประเด็น ได้ข้อคิด/มุมมองอะไรบ้าง และจะทาอะไรต่อไป
๖. นาเสนอ/แลกเปลีย่ นเรยี นรู้

วสั ดุ/ อุปกรณ์
๑. ส่ือวดี ีทัศน์ “แผ่นดินวกิ ฤติ”
๒. เครอ่ ื งคอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ เขา้ ระบบ Zoom

การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตจากการนาเสนอ
๒. สังเกตจากการทางานเปน็ ทมี
๓. สังเกตจากการมสี ่วนรว่ ม

***************

9

2) “ หลักกสิกรรมธรรมชาติ ”

วตั ถปุ ระสงค์
๑. เพ่ือให้ผ้รู บั การฝกึ อบรมรถู้ ึงประโยชน์ของการปลูกต้นไม้ ตามแนวคิด ปา่ ๓ อย่าง

ประโยชน์ ๔ อยา่ ง โดยการปลกู ไม้ 5 ระดับ
๒. จดั รปู แบบการปลูกให้เกิดคณุ ค่าและบูรณาการในพื้นทท่ี ากินเดิม ให้มสี ภาพ

ใกลเ้ คียงกับป่า
๓. สรา้ งมูลค่าต้นไมท้ ่ปี ลูกทาให้เปน็ ทรพั ย์ เพื่อออมทรพั ย์และใชแ้ ก้ปญั หาความ

ยากจน

ระยะเวลา
จานวน ๔.๓๐ ชว่ั โมง

ขอบเขตเน้ือหา
๑. หัวใจหลักกสิกรรมธรรมชาติ “เลีย้ งดิน ให้ดินเล้ียงพืช” ห่มดิน “แห้งชาม นา้ ชาม”
- เรยี นรู้ หลกั เกษตรกรรม กับ กสิกรรม
- เกษตรปลอดพิษ : ตัวห้าตัวเบยี น การจดั การแมลง ด้วยระบบนิเวศท่ีสมดุล
๒. นิยาม 5
๓. ปา่ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อยา่ ง
๔. การปลูกไม้ 5 ระดับ
๕. 10 ขั้นตอนการตรวจ

เทคนิค / วธิ กี าร
- วทิ ยากรผ้เู ชยี่ วชาญบรรยายเพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ หัวใจหลกั กสิกรรมธรรมชาติ

1) เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงพืช ,ห่มดิน “แห้งชาม น้าชาม” ,หลักเกษตรกรรม กับ กสิกรรม ,เกษตร
ปลอดสารพิษ : ตัวห้าตัวเบียน การจดั การแมลงด้วยระบบนิเวศท่สี มดุล 2) นิยาม 5 ประการ
๓) ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ๔) การปลูกไม้ 5 ระดับ ๕) 10 ข้ันตอนการตรวจแปลง
และเรยี นรูจ้ ากกรณีตัวอย่าง “โคกหนองนา โมเดล” โดยใชส้ ื่อ สื่อ Power point และส่ือ
วดิ ีทศั นป์ ระกอบการบรรยาย

วสั ดุ/อุปกรณ์
๑. ส่ือวดิ ีทศั น์ ประกอบการบรรยาย ผ่านระบบ Zoom
๒. สื่อ Power point

การประเมนิ ผล
- การสงั เกตของวทิ ยากร

***************

10

- การถอดบทเรยี นผ่านสื่อ “ วถิ ีภูมิปัญญาไทยกับการพงึ่ ตนเอง ”

วัตถปุ ระสงค์
1) เพ่อื ให้ผู้เขา้ อบรมได้เรยี นรจู้ ากผู้ทป่ี ฏิบัติจรงิ จนเป็นทย่ี อมรบั
2) เพื่อสรา้ งแรงบันดาลใจในการประยุกต์ศาสตรพ์ ระราชาสู่การปฏิบัติจนเปน็
ทย่ี อมรบั

ระยะเวลา
จานวน 1 ชว่ั โมง

ขอบเขตเนื้อหา
๑. ประวตั ิส่วนตัวของพอ่ เล่ียม บุตรจนั ทา หรอื ปราชญ์อนื่ ๆ
๒. การใชว้ ถิ ีภมู ิปญั ญาไทย กับการเอาตัวรอดอย่างไร
๓. ทางออกคือการพึง่ ตนเอง

เทคนิค/วธิ กี าร
๑. แบง่ กล่มุ มอบหมายงาน
๒. นาเสนอข้อมลู รายกลุ่มองค์ความรูท้ ่ไี ด้รบั /แนวคิดทไี่ ด้ชมคลิปจากการบรรยาย
๓. รวบรวมองค์ความรู้ ข้อเสนอแนะ คาแนะนาจากวทิ ยากรมาสรุปรายละเอยี ด
๔. ชมสื่อวดิ ีทศั น์
๕. ถอดบทเรยี นจากสื่อในประเด็น ได้ข้อคิด/มุมมองอะไรบ้าง และจะทาอะไรต่อไป
๖. นาเสนอ/แลกเปลย่ี นเรยี นรู้

วัสดุ/ อุปกรณ์
๑. สื่อวดิ ีทศั น์ “ปา่ เป็นบานาญชวี ติ ของพ่อเลย่ี ม บุตรจนั ทา”
๒. เครอ่ ื งคอมพิวเตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ เข้าระบบ Zoom

การประเมนิ ผล
๑. สงั เกตจากการนาเสนอ
๒. สังเกตจากการทางานเปน็ ทีม
๓. สังเกตจากการมสี ่วนรว่ ม

***************

11

3) “ ทฤษฎีบนั ได ๙ ขน้ั สู่ความพอเพยี ง ”

วตั ถุประสงค์
เพ่ือให้ผู้เข้ารบั การฝกึ อบรมมีความรู้ ความเข้าใจหลักคิดปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ทฤษฎีใหม่ การบรหิ ารจดั การตามขั้นตอนเศรษฐกิจพอเพียงมาปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน และ
สามารถนาไปปฏิบัติจนเปน็ วถิ ีชวี ติ

ระยะเวลา
จานวน ๑.๓๐ ชว่ั โมง

ขอบเขตเน้ือหา
๑. หลกั คิด “ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
๒. การประยุกต์ใชห้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงในระดับบุคคล กลุม่ องค์กร

ชุมชน และสังคม
๓. พระราชดาร ิ“ทฤษฎีใหม่” การบรหิ ารจดั การตามข้ันตอน
ทฤษฎีข้ันทห่ี น่ึง : อยู่รอด แบง่ สัดส่วนพ้ืนที่ สรา้ งผลผลิต ครวั เรอื นสามารถ

พ่งึ ตนเองได้
ทฤษฎีข้ันที่สอง : พอเพียง ชุมชนรวมกลุ่มพ่ึงตนเอง
ทฤษฎีขั้นทส่ี าม : ยง่ั ยนื การบรหิ ารจดั การ สรา้ งมลู ค่าเพิม่ พฒั นาการตลาด

๔. เศรษฐกิจพอเพยี งความเข้มแขง็ ท่ีเปน็ รปู ธรรมตามวถิ ีวัฒนธรรม ภูมปิ ญั ญา และภูมิ
สงั คม

เทคนิค / วธิ กี าร
๑. วทิ ยากรบรรยายเนื้อหา
๒. วทิ ยากรเปดิ ส่ือวดิ ีทศั น์
๓. วทิ ยากรมอบงาน โดยให้ผู้เข้าอบรมแบ่งกลุ่มพรอ้ มนาเสนอในแต่ละประเด็นเนื้อหา

วัสดุ/อุปกรณ์
- สื่อวดิ ีทศั น์
- บทความ
- PPT
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ เข้าระบบ Zoom

การประเมนิ ผล
- สงั เกตจากการนาเสนอ

***************

12

4 ) “สุขภาพพง่ึ ตน พฒั นา ๓ ขมุ พลัง” พลงั กาย พลงั ใจ พลงั ปญั ญา

วัตถุประสงค์
๑. เพื่อให้ผู้เข้ารบั การฝกึ อบรมได้ยืดเส้นยืดสาย ออกกาลังกาย ก่อนการฝกึ อบรม
๒. เพ่ือพฒั นาพลังกาย พลงั ใจ และพลังปญั ญา
๓. เพอ่ื ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีวา่ ด้วยการสรา้ งคณุ ค่าในการดาเนินชวี ติ

ระยะเวลา
จานวน 1 ชว่ั โมง ใน 1 วัน

ขอบเขตเน้ือหา
๑. การพฒั นาพลังกาย การพฒั นาพลงั ใจ การพัฒนาพลงั ปัญญา
๒. แนวคิดการพัฒนาเพ่ือพ่ึงตนเองของเปา้ หมายโคกหนองนาโมเดล
๓. การปรบั เปลี่ยนชวี ติ ตามสถานการณ์

เทคนิค / วธิ กี าร
๑. วทิ ยากรบรรยายเน้ือหา
๒. วทิ ยากรเปดิ ส่ือวดิ ีทศั น์
๓. วทิ ยากรมอบงาน โดยให้ผเู้ ขา้ อบรมแบ่งกลุ่มพรอ้ มนาเสนอในแต่ละประเด็นเนื้อหา

วสั ดุ/อุปกรณ์
- คอมพิวเตอร์ ,โปรเจค็ เตอร์ ผา่ นระบบ Zoom
- สื่อวดิ ีทศั น์
- PPT

การประเมินผล
- สงั เกตจากการมีส่วนรว่ ม
- สังเกตจากการนาเสนอ

***************

13

5 ) ยุทธศาสตรก์ ารขบั เคล่อื นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบตั ิ

วตั ถปุ ระสงค์
1. เพื่อกาหนดแนวทาง/เปา้ หมายในการขับเคลื่อนหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงที่

สอดคลอ้ งกับบรบิ ทพ้นื ทข่ี องตนเอง เล็ก แคบ ชดั ,การเอาม้ือสามัคคี ,ครูพาทา
2. เพ่ือให้ผู้เข้ารบั การฝกึ อบรมตระหนักถึงความสาคัญของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รชั กาลท่ี 9)
ทท่ี รงงานหนักเพื่อประชาชนและประเทศไทย

3. เพ่ือให้ผู้เขา้ รว่ มประชุมสามารถนาเสนอแผนยุทธศาสตรก์ ารขับเคลื่อนของหลัก
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงของตัวเองได้

ระยะเวลา
จานวน 3 ชว่ั โมง

ขอบเขตเน้ือหา
๑. การกาหนดเปา้ หมายของชวี ติ บนวถิ ีชวี ติ เศรษฐกิจพอเพียง
๒. ออกแบบพื้นทช่ี วี ติ การดารงอยู่บนพื้นฐานของการพงึ่ พาตนเอง เลก็ แคบ ชดั ,การ

เอามื้อสามัคคี ,การเปน็ ครพู าทา
3. กาหนดยุทธศาสตรก์ ารขับเคล่ือนปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติสถานทจี่ รงิ

วางแผนขับเคล่ือนสรา้ งสงั คมอุดมสุขแบบพอเพียง จติ อาสาพฒั นาพื้นท่ี /พัฒนาชุมชน

เทคนิควธิ กี าร
๑. วทิ ยากรใชส้ ื่อวดิ ีทศั น์ “เรอ่ ื งในหลวงในดวงใจ” หรอื เรอ่ ื ง “สืบสาน รกั ษา ต่อยอด

สรา้ งสุขปวงประชา” ให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรมได้ดูและสะทอ้ นความรูส้ ึกทีม่ ีต่อสถาบัน
พระมหากษัตรยิ ์

๒. ฝกึ ปฏิบัติการจดั ยุทธศาสตรอ์ ยา่ งงา่ ย
๓. นาเสนอ/แลกเปลย่ี นเรยี นรู้

วัสดุ / อุปกรณ์
- สื่อวดิ ีทศั น์ , PPT ,บทความ , กรณีศึกษา
- คอมพิวเตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ ผ่านระบบ Zoom
- บอรด์ ,ปากกา

การประเมินผล
๑. สังเกตจากการนาเสนอ
๒. สังเกตจากการมีส่วนรว่ ม

**************

14

6 ) เรยี นรจู้ ากส่ือ หรอื ฝกึ ปฏิบตั ิจรงิ “ 9 ฐานการเรยี นรู้ สู่เศรษฐกจิ พอเพียง ”

วัตถุประสงค์
๑. เพื่อให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรม รูแ้ ละเข้าใจ ถึงการน้อมนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ

พอเพียงมาปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน และสามารถปฏิบตั ิจนเปน็ วถิ ีชวี ติ
๒. เพ่ือผ้เู ขา้ อบรมมที กั ษะ ความรูใ้ นแต่ละฐานการเรยี นรู้ และนาไปปฏิบัติได้
๓. สามารถนาความรูแ้ ละเทคนิคในฐานต่าง ๆ ไปประยุกต์ใชเ้ ปน็ อาชพี เสรมิ ใน

ครวั เรอื น เพ่ือให้เกิดรายได้และพ่ึงพาตนเองได้

ระยะเวลา
จานวน ๖ ชวั่ โมง

ขอบเขตเนื้อหา
๑. เรยี นรู้ 9 ฐานเรยี นรู้ 1) ฐานคนติดดิน : ป้ นั ดินเปน็ บา้ น 2) ฐานคนเอาถ่าน : แปลง

กิ่งไม้เปน็ ถ่าน 3) ฐานคนมีไฟ : ไบโอดีเซล พลังงานทดแทน 4) ฐานคนรกั ษ์แม่ธรณี : เลี้ยง
ดิน ให้ดินเลี้ยงพืช 5) ฐานคนมีน้ายา : น้ายาอเนกประสงค์ 6) ฐานคนรกั ษ์ป่า : (ป่า 3 อย่าง
ประโยชน์ 4 อย่าง 7) ฐานคนรกั ษ์น้า : (การจดั การและอนุรกั ษ์น้า) 8) ฐานคนรกั ษ์แม่โพสพ
: นาข้าวอินทรยี ์ สู่วถิ ีชาวนาไทย 9) ฐานคนรกั ษ์สุขภาพ : วถิ ีสุขภาพแบบพอเพยี ง

2. สรปุ ผลกิจกรรมทร่ี ว่ มกันทา

เทคนิค / วธิ กี าร
๑. เครอื ข่ายครูพาทาที่ผ่านการฝึกอบรมจิตอาสาวทิ ยากร บรรยาย เพื่อให้มีความรู้

เกี่ยวกับฐานการเรยี นรู้ ฝกึ ปฏิบัติ ตอบขอ้ ซกั ถาม
2. ผู้เขา้ อบรมสรุปผลกิจกรรม เปน็ รายกลมุ่

วสั ดุ/อุปกรณ์
๑. วัสดุ/อปุ กรณ์ ประจาฐานเรยี นรู้
๒. เอกสารองค์ความรูใ้ นแต่ละฐานเรยี นรู้
๓. บอรด์ , ปากกา, กระดาษฟลปิ ชารท์
๔. อปุ กรณ์ขยายเสียง, ไมค์โครโฟน

การประเมนิ ผล
- การสังเกตของวทิ ยากร
- การวดั ความสัมฤทธผ์ิ ลของการปฏิบัติแต่ละกลุ่ม

***************

15

7 ) หลกั การออกแบบเชงิ ภูมสิ งั คมและการออกแบบโคก หนอง นาฯ เบื้องต้น

วัตถปุ ระสงค์
1. เพ่ือให้ผู้เขา้ รบั การฝกึ อบรม มคี วามรู้ ความเข้าใจในหลักการออกแบบเชงิ ภูมสิ ังคม

และการออกแบบโคก หนอง นาฯ เบ้ืองต้น
2. เพื่อเรยี นรหู้ ลกั การออกแบบตามหลักภมู ิสงั คม ดิน นา้ ลม ไฟ พืช คน
3. เพื่อเรยี นรขู้ ้ันตอนออกแบบโคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ด้วยตนเอง
4. เพ่ือให้ผู้เข้าอบรม รถู้ ึงหัวใจ คือการอยูร่ วมกับธรรมชาติ โดยไม่ฝนื ธรรมชาติ

ระยะเวลา
จานวน ๓-6 ชวั่ โมง

ขอบเขตเน้ือหา
๑. หลกั การออกแบบตามหลักภูมิสงั คม ดิน น้า ลม ไฟ พชื คน
๒. การสารวจพื้นท่กี ่อนการออกแบบ
๓. ขน้ั ตอนการออกแบบโคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ด้วยตนเอง

เทคนิค / วธิ กี าร
๑. วทิ ยากรแนะนาตัวแก่ผเู้ ข้าอบรม สรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้ ทกั ทาย ชวนคยุ เล่า

ถึงประวตั ิตัวเอง
๒. วทิ ยากรต้ังคาถาม “ทาไมต้องออกแบบพน้ื ที่ จาเป็นไหม”
๓. วทิ ยากรเลา่ ถึงสถานการณ์และวกิ ฤตของประเทศไทยพรอ้ มยกตัวอย่างเพื่อนาเขา้ สู่

เนื้อหาการออกแบบภูมิสงั คมไทยตามหลักการพัฒนาภมู ิสังคมอย่างยัง่ ยืน เพ่ือการพง่ึ ตนเอง
และรองรบั ภัยพบิ ัติ “โคก หนอง นา โมเดล”

๔. วทิ ยากรบรรยายถึงการออกแบบเชงิ ภูมสังคมไทยตามหลกั การพฒั นาภูมิสังคม
อย่างยั่งยืน (การออกแบบพืน้ ทช่ี วี ติ )

๕. วทิ ยากรยกตัวอย่างแบบจาลองการจดั การพืน้ ทก่ี สิกรรมประกอบเพ่ือให้เห็นชดั เจน
ยิ่งขึน้ พรอ้ มสรุปเติมเต็มและให้คาแนะนากับผู้เขา้ รว่ มอบรม

๖. วทิ ยากรบรรยายให้ความรูใ้ นหัวข้อ ดังน้ี
๖.๑. สถานการณ์และภาวะวกิ ฤตของโลก ประเทศ ชุมชน (นา้ อาหาร พลังงาน)
๖.๒. แนวทางการแก้ไขรองรบั ภัยพิบัติด้วยการบรหิ ารจดั การพ้ืนที่ “โคก หนอง นา”
๖.๓. กรณีศึกษาความสาเรจ็ “โคก หนอง นา”

๗. บรรยายประกอบส่ือวดี ีทศั น์ และชมส่ือวดี ีทศั น์
8. นาเสนอ/แลกเปล่ยี นเรยี นรู้

16

หลักการออกแบบเชงิ ภมู ิสงั คมและการออกแบบโคก หนอง นาฯ เบื้องต้น (ต่อ)

วัสดุ/อุปกรณ์
- ส่ือวดิ ีทศั น์
- กรณีศึกษา
- PPT
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ ผ่านระบบ Zoom
- บอรด์ ,ปากกา

การประเมนิ ผล
- สังเกตจากการมีส่วนรว่ ม
- สงั เกตจากการนาเสนอ

***************

17

7.1 การจดั การพ้นื ทตี่ ามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล

วตั ถุประสงค์
เพอื่ ให้ผู้เข้ารบั การฝึกอบรมมีความรู้ ความเข้าใจเรอ่ ื งศาสตรพ์ ระราชากับการบรหิ าร

จดั การ ดิน น้า ปา่ อย่างยงั่ ยืน ตลอดจนมคี วามเข้าใจในการจดั การพน้ื ทเี่ ชงิ ภมู สิ ังคมไทยตาม
หลักการพัฒนาภมู ิสงั คมอย่างยง่ั ยนื เพื่อการพ่ึงตนเองและรองรบั ภัยพิบัติ “โคก หนองนา
โมเดล”

ระยะเวลา
จานวน 3 ชวั่ โมง

ขอบเขตเน้ือหา
๑. ศาสตรพ์ ระราชาด้านการบรหิ ารจดั การทรพั ยากรดิน น้า ปา่
๒. คน กลไกสาคัญในการบรหิ ารจดั การพ้ืนท่ีอย่ายั่งยนื ตามศาสตรพ์ ระราชา
๓. สถานการณ์และภาวะวกิ ฤติของโลก ประเทศ ชุมชน
๔. กรณีศึกษาความสาเรจ็ “โคก หนองนา” ในการแก้ไขและรองรบั ภัยพิบัติด้วยการ

บรหิ ารจดั การพ้ืนท“ี่ โคก หนอง นา”
๕. หลกั คิดพื้นฐานการออกแบบตามหลักภมู ิสังคม (Geosocial)
๖. การคานวณการจดั การนา้ ฝนในพ้ืนที่
๗. แนวคิดการออกแบบและฝกึ ปฏิบัติการเขียนแบบตามหลกั “โคก หนอง นา”

เทคนิค / วธิ กี าร
๑. วทิ ยากรบรรยายเนื้อหา
๒. วทิ ยากรเปดิ ส่ือวดิ ีทศั น์
๓. วทิ ยากรมอบงาน โดยให้ผ้เู ขา้ อบรมแบ่งกลุ่มพรอ้ มนาเสนอในแต่ละประเด็นเน้ือหา

วัสดุ/อุปกรณ์
- ส่ือวดิ ีทศั น์
- บทความ
- กรณีศึกษา
- PPT
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ ผ่านระบบ Zoom
- บอรด์ ,ปากกา

การประเมนิ ผล
- สงั เกตการนาเสนอ

***************

18

8 ) กิจกรรม ถอดบทเรยี นจากฐานเรยี นรู้ ๙ ฐานเรยี นรสู้ ู่เศรษฐกิจพอเพยี ง

วัตถุประสงค์
1) เพื่อให้ผเู้ ข้าอบรมได้นาเสนอและถอดความรูท้ ไ่ี ด้จากการฝกึ อบรมในฐานเรยี นรู้
2) เพ่ือสรา้ งแรงบนั ดาลใจและตระหนักในการทาหลักกสิกรรมธรรมชาติ

ระยะเวลา
จานวน 1 ชว่ั โมง

ขอบเขตเน้ือหา

จากการเรยี นรู้ 9 ฐานเรยี นรู้ สู่เศรษฐกิจพอเพยี ง

1. ฐานคนติดดิน 2. ฐานคนเอาถ่าน

3. ฐานคนมีไฟ 4. ฐานคนรกั ษ์แม่ธรณี

5. ฐานคนมนี ้ายา 6. ฐานคนรกั ษ์ป่า

7. ฐานคนรกั ษ์น้า 8. ฐานคนรกั ษ์แม่โพสพ

9. ฐานเรยี นรคู้ นรกั ษ์สุขภาพ

เทคนิค / วธิ กี าร
แบง่ กลมุ่ ระดมความคิดและนาเสนอผลงาน โดยใชป้ ระเด็นดังน้ี
1. สิ่งทีไ่ ด้เรยี นรู้
- ข้นั ตอน อปุ กรณ์ และวธิ ที า
2. การนาไปใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งไร
- ได้เรยี นรขู้ ั้นตอน หลกั การ ขบวนการ
- ได้เรยี นรวู้ ัตถดุ ิบต่าง ๆ และประโยชน์

วัสดุ/อุปกรณ์
- ส่ือวดี ีทศั น์
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ ผา่ นระบบ Zoom
- บอรด์ ,ปากกา

การประเมินผล
- สงั เกตการนาเสนอ

***************

19

9 ) “ จติ อาสาพฒั นา เอามื้อสามคั คี พัฒนาพน้ื ทต่ี ามหลักทฤษฎีใหม่ ”

วัตถปุ ระสงค์
เพ่ือให้เกิดการแลกเปล่ียนแรงงาน เอามือ้ สามัคคี และเป็นการแลกเปลยี่ นองค์ความรู้

ในด้านการพัฒนาพ้ืนที่ตามหลักทฤษฎีใหม่ โดยประชาชนส่วนใหญ่มักรูจ้ กั ในชอ่ื กิจกรรมการ
“ลงแขก” หรอื “เอาแรง” ซึ่งเป็นวัฒนธรรมชุมชนท่ีอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างช้านาน โดย
ในชว่ งหลังมาน้ี นอกจากจะเป็นการแลกเปล่ียนในด้านแรงงาน แล้วยังได้เน้นให้เกิดการสรา้ ง
ความรูท้ เี่ หมาะสมกับสภาพพ้นื ที่
ระยะเวลา

จานวน 3 - ๖ ชว่ั โมง
ขอบเขตเน้ือหา

การทากิจกรรมรว่ มแรง รว่ มใจ รว่ มพลงั กันในการประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง พฒั นาพ้ืนทตี่ ามหลักทฤษฎีใหม่วทิ ยากร
เทคนิค / วธิ กี าร

๑. การสารวจพ้ืนที่
๒. วางแผนการดาเนินงาน
๓. ลงมือปฏิบตั ิโดยมีกิจกรรมทีด่ าเนินตามบรบิ ทของพ้นื ที่ เชน่ ขุดคลองไส้ไก่ ห่มดิน
ปลกู ปา่ ๓ อยา่ งประโยชน์ ๔ อย่าง
วสั ดุ/อุปกรณ์
- อปุ กรณ์และเครอ่ ื งการเกษตร จอบ เสียม บัวรดนา้
- พันธก์ ล้าไม้
- ฟางคลุมดิน,ปุย๋ หมกั ฯลฯ
การประเมนิ ผล
- สงั เกตจากการมสี ่วนรว่ ม

***************

20

9.1 กิจกรรม ถอดบทเรยี นจากการเอามือ้ สามัคคี

วตั ถปุ ระสงค์
1) เพอื่ ให้ผู้เขา้ อบรมได้นาเสนอและถอดความรูท้ ่ไี ด้จากการเอามื้อสามคั คี
2) เพ่อื สรา้ งแรงบนั ดาลใจและตระหนักในการทาหลักกสิกรรมธรรมชาติ

ระยะเวลา
จานวน 1 ชว่ั โมง

ขอบเขตเนื้อหา
1. จากการได้เรยี นรู้ “จติ อาสาพัฒนา เอามื้อสามัคคี พฒั นาพืน้ ทต่ี ามหลักทฤษฎีใหม่”
2. หลักการตรวจแปลง 10 ข้อการตรวจแปลง

เทคนิค / วธิ กี าร
แบง่ กล่มุ ระดมความคิดและนาเสนอผลงาน โดยใชป้ ระเด็นดังนี้
1. สิ่งที่ได้เรยี นรู้
2. การนาไปใชป้ ระโยชน์ได้อยา่ งไร

วัสดุ/อุปกรณ์
- ส่ือวดิ ีทศั น์
- คอมพวิ เตอร์ เครอ่ ื งฉาย และจอภาพ ผา่ นระบบ Zoom
- บอรด์ ,ปากกา

การประเมนิ ผล
- สังเกตการนาเสนอ

***************

21

เน้ือหาวชิ าการ

บทที่ 1 วชิ า การบรรยาย“หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่”

วทิ ยากรผู้สอน : วทิ ยากรจากภายใน /ภายนอก

วตั ถุประสงค์ : เพื่อสรา้ งความรู้ ความเขา้ ใจแก่ผู้เข้าอบรมถึงความสาคัญของ หลักปรชั ญาของ

เศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่” ตามลาดับอยา่ งเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน

เวลาสอน : จานวน 3-6 ชว่ั โมง

รูปแบบการสอน : การบรรยายให้ความรู้ และใชส้ ื่อเพอ่ื สรา้ งแรงบนั ดาลใจ

ขอบเขตเน้ือหาวชิ าทสี่ อน :

1.1 ส.ค.ส. 2547 วกิ ฤตระเบดิ ส่ีลกู

บรบิ ทการเปลยี่ นแปลงของโลกทค่ี นไทยได้เผชญิ มาแล้ว และจะรนุ แรงขึ้นในทศวรรษหน้า
ด้วยระเบิด ๔ ลูกทจ่ี ุดชนวนทว่ั โลก

ลูกที่ ๑ วกิ ฤตเศรษฐกิจ
(Economic Crisis) ว กิ ฤ ต
เศ รษ ฐกิ จ พ ลั งงา น น้ ามั น
การเงนิ ขาด แ ค ลน ปัจ จัย ส่ี
และน้าดื่มนา้ ใช้

ลูกท่ี ๒ วกิ ฤตสิ่งแวดล้อม
( Environmental Crisis)
ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง ส ภ า พ
ภูมิอากาศโลก เช่น โลกรอ้ น
น้าแข็งละลาย แ ผ่ น ดิ น ไห ว
อุทกภัย วาตภัย และภัยแล้ง
การสูญพันธขุ์ องสิ่งมีชวี ติ

ลู ก ที่ ๓ ว ิก ฤ ต สั ง ค ม
(Social Crisis) วกิ ฤตการณ์
สังคม และ โรคระบาดใหม่ ๆ

ลูกท่ี ๔ วกิ ฤตการเมื อ ง
( Political Crisis) ค ว า ม
ขั ด แ ย้ งใน ลั ท ธิ ค ว า ม เชื่อ
ศ า ส น า วั ฒ น ธ ร ร ม สี ผิ ว
ก า ร เ มื อ ง ต่ อ สู้ แ ย่ ง ชิ ง
ทรพั ยากร นาสู่สงคราม

22

ฉะนั้นแล้ว ถึงจะเกิดวกิ ฤตอะไร เกิดข้นึ อย่างไร “ความสามัคคีจงึ เปน็ พลงั คา้ จุนแผ่นดินไทย” ได้เปน็
อยา่ งดี ด้วยการใชห้ ลักการทรงงาน “เข้าใจ เขา้ ถึง พัฒนา”

1. เขา้ ใจ : เขา้ ใจศาสตรพ์ ระราชา (สงิ่ ทพ่ี ่อคิด)
: เข้าใจชวี ติ (เขา้ ใจตนเอง)
: เขา้ ใจโลก (ปญั หา)
: บรบิ ทของชุมชน (รากเหง้า)

2. เข้าถึง : ภูมิปญั ญาของบรรพบุรุษ (ความร)ู้
: หลักการทรงงาน
: กิจทพ่ี ่อทา
: ปญั หา

3. พัฒนา : มนษุ ยใ์ นระบบเศรษฐกิจพอเพียง
: ลงมือทา (ทาเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน) ทาแบบคนจน
: ปรบั ใช้ : ต่อยอด

พระมหาชนก “นับแต่อุปราช จนถึงคนรกั ษาชา้ ง รกั ษาม้า ล้วนจารกึ ในโมหภูมิ พวกน้ีขาดท้ัง
ความรูว้ ชิ าการ ทง้ั ความรูท้ ว่ั ไป คือ ความสานึกธรรมดา”

ขอบคุณ : ถอดรหัสลับ คาทานาย ในหลวง ร.9 ทรงเตือน คนไทยผ่าน ส.ค.ส. ภัยธรรมชาติ
โ-ร-ค-ระ-บ-า-ด : 15.50 นาที ชอ่ ง เผามันส์ เผาเผือก

23

1.2 ปรชั ญา ๓ ระบบ

เป็นปรชั ญาเบ้ืองหลังของการก่อเกิดและเป็นแรงผลักดันของการสถาปนาปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง เพอ่ื เปน็ มรรควธิ ี และวถิ ีในการดาเนินชวี ติ ใหม่ของมวลมนุษยชาติ เพื่อการพ้นทกุ ข์

เพ่ือให้เห็นความหมายของทฤษฎีหลักของโลก 2 ทฤษฎี ท่ีต่อสู้กันมาตลอด และเศรษฐกิจ
พอเพียง เปน็ ทฤษฎีใหม่ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ซงึ่ อาจจะมีผู้สอบถามวา่ ทาไมจงึ ไม่นา
พอเพียงไว้ด้านบน อธบิ ายได้วา่ เศรษฐกิจพอเพียง เปน็ ฐานก่อนทาการค้า หรอื กระจายรายได้เทา่ เทยี ม
เราต้องทาให้พอเพียงก่อนเป็นขึ้นพ้ืนฐาน หากจะทาการค้าในขั้นก้าวหน้า ก็ต้องแบ่งปนั สังคม ทาบุญ
ทาทานก่อน จงึ จะม่ันคงได้

สาหรบั ระบบเศรษฐกิจหลักของโลก 2 ระบบ 1) ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism)
2) ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialism)

1. ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism) ลักษณะระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เรยี กอีก
อย่างหน่ึงว่า ระบบเศรษฐกิจแบบเสรนี ิยม มีเสรภี าพในการตัดสินใจว่า จะผลิตอะไร (What) ผลิต
อย่างไร (How) ผลิตเพ่ือใคร (Who) เอกชนสามารถเลือกใชท้ รพั ย์สินทาการผลิตในส่ิงท่ตี นถนัดทส่ี ุด
และเห็นว่าจะนาผลกาไรมาให้มากทสี่ ุด รฐั บาลไม่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องหรอื ถ้ามีก็น้อยมาก โดยอยูใ่ นรูป
ของการบรกิ ารให้ความสะดวกแก่ผู้ผลิตการดาเนินการผลติ ขึน้ อยูก่ ับ กลไกราคา

2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialism) รฐั จะเข้าควบคุมและโอนกิจการธนาคารทงั้ หมด มา
เป็นของรฐั การดาเนินกิจกรรมขนาดใหญ่จะถูกควบคุมโดยรฐั เชน่ กิจการสาธารณูปโภค อาทิ ไฟฟ้า
ประปา รถไฟโทรศัพท์ และโทรคมนาคม รวมถึงอุตสาหกรรมหนักต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมป่าไม้
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมน้ามันและพลังงาน แต่ยังเปิดโอกาสให้เอกชนมีทรพั ย์สินส่วนตัว
สาหรบั ดาเนินธุรกิจขนาดย่อม มีอิสระในการประกอบอาชพี และมีเสรภี าพในการเลือกซอื้ สินค้าและ
บรกิ าร และมีกรรมสิทธใ์ิ นที่อยู่อาศัย รฐั จะเข้าไปจดั สวัสดิการให้กับประชาชน เชน่ กัน การประกันการ
วา่ งงาน การกาหนดค่าแรงข้นั ตา่ การเลี้ยงดูคนชรา

24

ระบบเศรษฐกิจ : ระบบเศรษฐกิจ หมายถึง การรวมตัวกันเปน็ กลุ่มของหน่วยเศรษฐกิจ ซง่ึ ประกอบด้วย

บุคคล หรอื สถาบันท่ีทาหน้าท่ีเฉพาะอย่างในทางเศรษฐกิจ ใชห้ ลักการแบ่งงานกันทาตามความถนัด มีการ
ปฏิบัติภายใต้ระเบียบ กฎเกณฑ์ นโยบาย และ แนวทางการปฏิบัติที่คล้ายคลึงกัน หน่วยเศรษฐกิจ คือ
หน่วยงานท่ีมีอยู่ในระบบเศรษฐกิจ จะทาหน้าที่เกี่ยวกับกิจกรรมที่สาคัญทางด้านเศรษฐกิจอันได้แก่การ
ผลติ การบรโิ ภค และ การแจกจา่ ยสินค้า และบรกิ าร

ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism) เป็นระบบเศรษฐกิจทเี่ ปิดโอกาสให้บุคคลท่ัวไปเลือกตัดสินใจ
ดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามความสามารถและโอกาสของตนโดยอาศัยตลาดและราคาในการเลือก
โดยรฐั หรอื เจา้ หน้าทจี่ ากส่วนกลางมีบทบาทเก่ียวข้องน้อยมาก

ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม : ทรพั ย์สินและปัจจัยการผลิตเป็นของเอกชน เอกชนเป็น
ผู้ดาเนินการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยผ่านกลไกราคา และ มีกาไรเปน็ แรงจูงใจ มีการแข่งขันเป็นรากฐาน
ของระบบเศรษฐกิจ รฐั ไม่เข้าแทรกแซงทางเศรษฐกิจ มีบทบาทเพียงการรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ย ความ
ยุติธรรม ประชาชนสามารถใชค้ วามรคู้ วามสามารถ โอกาส ความคิดรเิ รม่ ิ ของตนในการผลิตและบรโิ ภคเพื่อ
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนได้อย่างเต็มที่

ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม : เนื่องจากความสามารถ และ โอกาสของบุคคลท่ี
แตกต่างกัน ทาให้มีระดับรายได้แตกต่างกัน นาไปสู่ปัญหาการกระจายรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจน
การผลิตในระบบทุนนิยมเป็นท่ีมาของการแข่งขันกันผลิต นาไปสู่การทาลายทรัพยากร และ
ส่ิงแวดลอ้ มตามธรรมชาติจนกลายเปน็ ปญั หาของโลกในปจั จุบัน

ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialism) เปน็ ระบบเศรษฐกิจทรี่ ฐั เปน็ เจา้ ของปจั จยั การผลติ
วางแผนและควบคมุ การผลิตบางประเภท โดยเฉพาะการผลติ ทเ่ี ปน็ ผลประโยชน์รว่ มกันของประชาชน
เชน่ การสาธารณปู โภค ต่าง ๆ สถาบันการเงนิ ปา่ ไม้ เอกชนถกู จากัดเสรภี าพในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะส่วนทเ่ี ปน็ ผลประโยชน์ของส่วนรวม ดาเนินการได้เพยี งอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมขนาด
ยอ่ ม ทง้ั น้ีเพือ่ แก้ไขปญั หาความแตกต่างด้านฐานะระหว่างคนรวยและคนจน

ขอ้ ดีของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม : รฐั ควบคุมการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีการ
วางแผนจากส่วนกลาง ความเสมอภาคด้านฐานะทางเศรษฐกิจของบุคคลในสังคม ประชาชนได้รบั
สวัสดิการจากรฐั บาลกลางโดยเทา่ เทยี มกันและสามารถกาหนดนโยบายเปา้ หมายตามที่รฐั บาลกลาง
ต้องการได้

ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม : ประชาชนขาดแรงจูงใจในการทางาน เศรษฐกิจของ
ประเทศอาจเผชญิ วกิ ฤติหากรฐั กาหนดความต้องการผิดพลาด การไม่มีระบบแข่งขันแบบทนุ นิยมทาให้
ไม่มีการพัฒนาสินค้า และ บรกิ ารใหม่ๆ

ระบบเศรษฐกิจตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีมุ่งต่อศักยภาพของ
ประเทศท่ีมีความสมดุลเป็นพื้นฐาน โดยให้ความสาคัญกับการผลิตเพื่ออุปโภค บรโิ ภค สารอง และ
แบ่งปัน หลังจากน้ันจงึ ผลิตเพื่อการค้า ซงึ่ ประกอบด้วย 3 คุณลักษณะที่เป็นห่วงสอดรอ้ ยประสานกัน
เพ่ือนาไปสู่การปฏิบัติ ได้แก่ ความพอประมาณ (ความพอดี ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไปโดยไม่
เบยี ดเบยี นตนเองและผู้อ่ืน เชน่ การผลิตและการบรโิ ภคทอี่ ยู่ในระดับพอประมาณ) ความมีเหตุผล

25
(การตัดสินใจเก่ียวกับระดับของความพอเพียงน้ัน จะต้องเปน็ ไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุ
ปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนคานึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทานั้น ๆ อย่างรอบคอบ) การมี
ภูมิคุ้มกันท่ีดีในตัว (การเตรยี มตัวให้พรอ้ มรบั ผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้านการต่าง ๆ ท่ีจะ
เกิดข้ึนโดยคานงึ ถึงความเปน็ ไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ทีค่ าดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล)
นอกจากคุณลักษณะ 3 ห่วงดังกล่าวแล้ว ส่ิงสาคัญอีกอย่างหนึ่งคือการกาหนดเง่อื นไขไว้ 2 ประการ
เพื่อการตัดสินใจและดาเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้นต้องอาศัยทง้ั ความรูแ้ ละคุณธรรม
เป็นพื้นฐาน น่ันคือ เงอ่ ื นไขความรู้ ซงึ่ ประกอบด้วยความรอบรูเ้ ก่ียวกับวชิ าการต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องอย่าง
รอบด้านความรอบคอบท่ีจะนาความรูเ้ หล่าน้ันมาพิจารณาให้เชอ่ื มโยงกันเพื่อประกอบ การวางแผน
และความระมัดระวังในข้ันตอนปฏิบัติ และเงอ่ ื นไขคุณธรรม ท่ีจะต้องเสรมิ สรา้ ง ประกอบ ด้วยมีความ
ตระหนักในคุณธรรม มีความซอื่ สัตย์สุจรติ และมีความอดทน มีความเพียร ใชส้ ติปัญญาในการดาเนิน
ชวี ติ

ดูคลิปเพิ่มเติมระบบเศรษฐกิจ

ขอบคณุ

# คาพ่อสอน "Our loss is our gain" ขาดทนุ คอื กาไร

หลักการ "ขาดทนุ " คือ "กาไร" (Our loss is our gain) คือ การดาเนินงานทย่ี ดึ ผลสาเรจ็ แห่ง
ความ "ค้มุ ค่า" มากกว่า "คุ้มทนุ " คานงึ ถึงผลประโยชน์ของคนส่วนรวมมากกว่าผลสาเรจ็ ทเ่ี ปน็ ตัวเลขอัน
เปน็ ผลประโยชน์ของกล่มุ คนส่วนน้อย เลง็ เห็นผลทไ่ี ด้จากการลงทนุ เพ่อื ประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่ อัน
ได้แก่ ความอยูด่ ีมีสุขของประชาชนซงึ่ ตีค่าเปน็ ตัวเงนิ ไม่ได้ ซง่ึ ถ้าหากพจิ ารณาตามหลักเศรษฐศาสตร์
แลว้ อาจจะถือวา่ เปน็ การลงทนุ ทขี่ าดทนุ หรอื ไม่ค้มุ ทนุ

***********************

26

1.3 แนวคิด ทฤษฎี นวัตกรรม ศาสตรพ์ ระราชาว่าด้วย ดิน น้า ปา่ คน

ศาสตรพ์ ระราชา หมายถึง พระราชดาร ิ (King Initiate) พระราชดารสั พระบรมราโชวาท
ที่ได้มีการนาไปปฏิบัติ โดย มีการประยุกต์รว่ มกับวชิ าการด้านต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นองค์รวมนามาใช้
รวมกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ( บรรพบุรุษท่านทาไว้ดีแล้ว) และ ได้นาไปสู่การทดลองปฏิบัติหลายครงั้ จน
ได้รบั ความผลสาเรจ็ ตามพระราชประสงค์ สามารถนาไปใชแ้ ก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ได้ เชน่ โครงการ
พระราชดาร ิ และสรุปขนึ้ เป็นหลักการกรอบในการปฏิบัติงาน ( หลักการทรงงาน ) และ ทฤษฎีใหม่ด้าน
ต่าง ๆ ตลอดจนแนวทางการพัฒนาที่เกิดเป็นรูปธรรมจนเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะ ท้ังน้ี จาก
การศึกษาในเบื้องต้นพบว่า ศาสตรพ์ ระราชามีอยูด่ ้วยกัน ๓ ด้าน ด้านการพฒั นามนุษย์ ด้านการพฒั นา
และบรหิ าร ด้านการอนุรกั ษ์และฟ้ ืนฟู (ท่ีมา ;จากภาพหน้าสุดทา้ ยในหนังสือพระราชนิพนธพ์ ระมหาชนก)

๑) ศาสตรด์ ้านการพัฒนามนุษย์ เปน็ ด้านทีม่ ีความสาคัญเป็นอันดับแรก โดยเรม่ ิ ด้วยการ
พัฒนาคนให้มีคุณธรรม แล้วให้มีทาหน้าที่ในการสรา้ ง ให้เกิดความสมดุล ระหว่างการ อนุรกั ษ์ฟ้ ืนฟู
และการพัฒนาบรหิ าร โดยมีคณุ ธรรมความเพียรเปน็ พ้ืนฐาน

๒) ศาสตรด์ ้านการพัฒนาบรหิ าร เป็นทฤษฎีใหม่ด้านต่าง ๆ ได้แก่ ทฤษฎีด้านการพัฒนา
เศรษฐกิจใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง “Sufficiency Economy” ทฤษฎีใหม่ด้านการเกษตร และทฤษฎี
ใหม่ด้านอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง ภูมิสังคม การออกแบบภูมิสังคมโคก หนอง นา โมเดล กสิกรรมธรรมชาติ
การพัฒนาชุมชนแนวใหม่ การบรหิ ารจัดการแนวใหม่ การจัดการลุ่มน้าแบบมีส่วนรว่ ม มาตรฐาน
อุตสาหกรรมพอเพียง ฯลฯ

๓)ศาสตรด์ ้านการอนุรกั ษ์และฟ้ ืนฟู มีทฤษฎีใหม่ด้านการอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ ดิน
นา้ ป่า ความหลากหลายทางชวี ภาพรวมถึงความหลากหลายทางชาติพันธ์ วัฒนธรรม ความเชอ่ื ศาสนา
ภูมิปัญญา ที่แตกต่างกันไปตาม ภูมิ-สังคม เชน่ การแก้ปัญหาเรอ่ ื งดิน ใช้การห่มดิน แกล้งดิน ปลูก
แฝก อนุรกั ษ์ดินและนา้ ปา่ เก็บนา้ ไวใ้ นดิน แก้ลงิ ปลูกปา่ โดยไม่ต้องปลกู บ้านเลก็ ในปา่ ใหญ่ คนอยู่ปา่
ยงั อนุรกั ษ์พันธกุ รรมพืช ชา่ งสิบหมู่ ฯลฯ

เศรษฐกิจพอเพียง “Sufficiency Economy” เปน็ ทฤษฎีใหม่ด้านการพัฒนาและบรหิ าร
ที่มีคุณธรรมเป็นพ้ืนฐาน มีสถานะเป็นลัทธิเศรษฐกิจใหม่ของโลก “มีปรชั ญา (พอ) แนวคิดเป็นการ
พฒั นาทพ่ี ่งึ ตนเอง พงึ่ กันเองและแบง่ ปนั เป็นลทั ธเิ ศรษฐกิจใหม่ ทอ่ี ยู่ระหวา่ งทา่ มกลางลัทธแิ ละทฤษฎี
เศรษฐศาสตรแ์ บบเก่าทั้งสามลัทธิ ได้แก่ เศรษฐกิจแบบหลังเขา ลัทธสิ ังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และ
ลทั ธเิ ศรษฐกิจเสร ี(ทนุ นิยม) ซงึ่ เศรษฐกิจพอเพยี งมี สองข้นั คือ ข้ันพื้นฐาน และ ขัน้ ก้าวหน้า

เกษตรทฤษฎีใหม่ หรอื ทฤษฎีใหม่ในการพัฒนาการเกษตร เป็นการนาเสนอท้ังแนวคิด
ใหม่ การพัฒนาทมี่ ีระดับการพัฒนาทเี่ ปน็ ขั้นเปน็ ตอน เปน็ ระบบการผลิตเกษตรแบบผสมผสานรปู แบบ
หนงึ่ มีลกั ษณะเปน็ เกษตรกรรมทางเลือกทมี่ ีความย่ังยนื ท้ังเศรษฐกิจ สังคมวฒั นธรรมและส่ิงแวดลอ้ ม
แต่มีลกั ษณะพิเศษทแ่ี ตกต่างกับระบบเกษตรกรรมยัง่ ยืนอื่น ๆ และจดั อยู่ใน ทฤษฎีใหม่ขนั้ ท่ี ๑

สาหรบั เครอ่ ื งมือท่ีใชใ้ นการเกษตรทฤษฎีใหม่น้ัน มีทฤษฎีใหม่ที่เกี่ยวข้องเป็นจานวนมาก
เชน่ ทฤษฎีด้านอนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ ดิน น้า ป่า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ที่รวมถึงความ
หลากหลาย ทางวัฒนธรรม ชาติพันธ์ ลทั ธคิ วามเชอ่ื ศาสนา) องค์ความรูภ้ มู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน เปน็ ต้น

27

ทฤษฎีใหม่ด้านการอนุรกั ษ์และการฟ้ ืนฟูทรพั ยากรธรรมชาติ เชน่ ทฤษฎีการอนุรกั ษ์ ดิน น้า
ปา่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ รวมทัง้ ทฤษฎีการบรหิ ารจดั การแนวใหม่ด้านต่างๆ ซง่ึ เปน็ ศาสตรข์ อง
พระราชาภูมิปญั ญาของแผ่นดิน

ทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับอนุรกั ษ์ดิน

วชิ ชาท่ีว่าด้วยการ“คืนชวี ติ ให้แผ่นดิน” เชน่ หลักกสิกรรมธรรมชาติ (หยุดฆ่า ไม่ปอกเปลือก
เปลือยดิน ให้ห่มดิน ใชจ้ ุลินทรยี ์ คืนชวี ติ ให้แผ่นดิน จดั การแมลงด้วยระบบนิเวศน์ ใชส้ มุนไพรในการ
จัดการแมลงและเป็นฮอรโ์ มน ใชป้ ุ๋ยอินทรยี ์ชวี ภาพ ฯลฯ ความอุดมสมบูรณ์ของดินวัดกันที่ ฮิวมัส
(ซากพืชซากสัตว์) และอินทรยี วัตถุ ท่ีถูกย่อยสลายโดยจุลินทรยี ์ แทนการใช้ปัจจัยการผลิตจาก
ภายนอก เชน่ ปุ๋ยเคมี สารเคมีกาจดั ศัตรูพืช ตลอดจนการแก้ไขปัญหาเก่ียวกับดิน เชน่ การแกล้งดิน
และ การห่มดิน เปน็ ต้น

พระราชดารเิ รอ่ ื ง "ดิน"

"มีความเดือดรอ้ นอย่างยิ่งว่าประชาชนในเมืองไทยจะไรท้ ่ีดิน และถ้าไรท้ ่ีดินแล้วก็จะทางาน
เปน็ ทาสเขา ซง่ึ เราไม่ปรารถนาที่จะให้ประชาชนเป็นทาสคนอื่น แต่ถ้าเราสามารถทจ่ี ะขจดั ปญั หานี้ โดย
เอาทีด่ ินจาแนกจดั สรรอย่างยุติธรรม อย่างมีการจดั ตั้งจะเรยี กว่านิคม หรอื จะเรยี กว่าหมู่หรอื กลุม่ หรอื
สหกรณ์ก็ตาม ก็จะทาให้คนที่มีชวี ติ แรน้ แค้นสามารถที่จะพัฒนาตัวเองข้ึนมาได้" พระราชดารสั ไว้ ณ
สานักงาน กปร. ในปี พ.ศ. 2531

จากจุดเรม่ ิ ต้นของพระเมตตา ท่ีจะเห็นประชาชนมีที่ดินทากิน มีผลผลิตเป็นอาหารเพียงพอต่อ
การดารงชพี ก่อให้เกิดโครงการพระราชดารติ ่างๆ เพื่อแก้ไขปญั หาในมิติ "ดิน" ดังน้ี

1. การแก้ปัญหาขาดแคลนทีด่ ินทากินของเกษตรกร

ปญั หาการขาดแคลนท่ีดินทากินของเกษตรกร เป็นปัญหาสาคัญยิ่งในชว่ ง 4 ทศวรรษท่ผี ่าน
มา งานจัดและพัฒนาท่ีดินเป็นงานแรกๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสาคัญ ทรงเรม่ ิ
โครงการพัฒนาที่ดินหุบกะพง ตามพระราชประสงค์ เมื่อปี พ.ศ 2511 โดยมุ่งแก้ไขปญั หาการไม่มีทด่ี ิน
ทากินของเกษตรกรเปน็ สาคัญ

พระราชดารแิ นวทางหนึ่งในการแก้ไขปญั หาเรอ่ ื งดิน คือ ทรงนาเอาวธิ กี ารปฏิรูปที่ดินมาใชใ้ น
การจัดและพัฒนาท่ีดินที่เป็นป่าเสื่อมโทรม รกรา้ ง ว่างเปล่า นามาจัดสรรให้เกษตรกรท่ีไรท้ ี่ทากินได้
ประกอบอาชพี ในรูปของหมู่บ้านสหกรณ์ และโครงการจัดและพัฒนาท่ีดินในรูปแบบอ่ืนๆ ท้ังน้ีโดยให้
สิทธทิ ากินชวั่ ลูกชวั่ หลาน แต่ไม่ให้กรรมสิทธใ์ิ นการถือครอง พรอ้ มกับจัดบรกิ ารพ้ืนฐานให้ตามความ
เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการจัดพ้ืนท่ีทากินให้ราษฎรชาวไทยภูเขา สามารถดารงชีพอยู่ได้เป็นหลัก
แหล่ง โดยไม่ต้องทาลายปา่ อีกต่อไป

2. การอนุรกั ษ์และฟ้ ืนฟูดิน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยและให้ความสาคัญมากข้ึนในงานอนุรกั ษ์และ
ฟ้ ืนฟูดิน ที่มีสภาพธรรมชาติและปัญหาท่ีแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยเขียนไว้ในเอกสาร
พระราชทานว่า “ดินทเ่ี หมาะสมสาหรบั การเกษตรกรรม ต้องมีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้ มีแรธ่ าตุทเี่ รยี กว่า
ปุย๋ ส่วนประกอบสาคัญ คือ 1) N(nitrogen) ในรูป nitrate 2) P(phosphorus) ในรูป phosphate

28

3) K (potassium) และแรธ่ าตุ อ่ืนๆ O H Mg Fe มีระดับ เปรย้ ี ว ด่าง ใกล้เป็นกลาง (pH 7) มีความ
เค็มต่า มีจุลินทรยี ์ มีความช้ืนพอเหมาะ (ไม่แห้ง ไม่แฉะ) มีความโปรง่ พอเหมาะ (ไม่แข็ง)” จึงมี
พระราชดารใิ นการแก้ไขปัญหาท่ีดินที่เน้นเฉพาะเรอ่ ื งมากขึ้น เชน่ การศึกษาวจิ ยั เพ่ือแก้ไขปัญหาดิน
เค็ม ดินเปรย้ ี ว ดินทราย ในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาดินพรุในภาคใต้ และท่ีดิน
ชายฝ่ ังทะเล รวมถึงการแก้ไขปรบั ปรุงและฟ้ ื นฟูดินท่ีเสื่อมโทรมพังทลายจากการชะล้างหน้าดิน
ตล อ ดจ น กา รท าแ ปล งส า ธิตก ารพั ฒ นา ท่ีดิ นเพ่ื อ ก ารเกษ ต รก รรม ในพ้ื น ท่ี ที่มี ปัญ ห า ดิ น เสื่ อ ม โท ร ม
เพอื่ ให้พื้นทท่ี มี่ ีปญั หาเรอ่ ื งดินจากหลายๆ สาเหตุ กลับมาใชป้ ระโยชน์ทางการเกษตรได้อีก

ดังนั้น โครงการต่างๆ ในระยะหลัง จงึ เป็นการรวบรวมความรูท้ ั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติจาก
หลากหลายสาขา มาใชร้ ว่ มกันในการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ และท่ปี รากฏให้เห็นได้อย่างชดั เจนก็
คือ แนวคิดและตัวอย่างการจดั การทรพั ยากรดินในศูนยศ์ ึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดาร ิ6
แห่ง ที่ทรงมีพระราชดารใิ ห้จัดตั้งข้ึนเพื่อทาการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการอนุรกั ษ์ดินและน้า เป็น
ตัวอย่างในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน การขยายพันธุพ์ ืชเพ่ืออนุรกั ษ์ดินและบารุงดิน และ
สนับสนุนให้เกษตรกรเรยี นรเู้ ขา้ ใจวธิ กี ารอนุรกั ษ์ดินและน้า การปรบั ปรุงบารุงดิน สามารถนาไปปฏิบัติ
ได้เอง ทรงมีพระราชดารวิ ่า “การปรบั ปรุงที่ดินนั้นต้องอนุรกั ษ์ผิวดิน ซง่ึ มีความสมบูรณ์ไวไ้ ม่ให้ไถ หรอื
ลอกหน้าดินทงิ้ ไป สงวนไม้ยนื ต้น ทยี่ งั เหลืออยู่ เพ่อื ทจ่ี ะรกั ษาความชุม่ ชนื่ ของผืนดิน”

แนวพ ระราชดารใิ นด้ านการอนุรักษ์ แ ละฟ้ ื นฟู ดิ น ที่สาคัญ แ บ่งเป็น 4 ส่ วน คือ 1)
แบบจาลองการพฒั นาพ้ืนทท่ี ม่ี ีสภาพขาดความสมบูรณ์ ดินปนทราย และปญั หาการชะล้างพงั ทลาย 2)
การแก้ปญั หาดินเปรย้ ี ว โดยทฤษฎีแกลง้ ดิน 3) การอนรุ กั ษ์ดินโดยหญ้าแฝก 4) การห่มดิน

2.1 แบบจาลองการฟ้ ืนฟูบารุงดินที่มีสภาพขาดความสมบูรณ์ ดินปนทราย และ
ปัญหาการชะลา้ งพังทลาย

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดต้ัง ศูนย์ศึกษาการพัฒนา
อันเน่ืองมาจากพระราชดาร ิ 6 แห่งทวั่ ประเทศ รวมทง้ั พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาร ิ
เพื่อเป็นแหล่งศึกษาวจิ ัยการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพ้ืนท่ี ที่มีสภาพปัญหาต่าง กันตามภูมิสังคม
ตลอดจนเปน็ แหล่งศึกษาดูงานและนาความรไู้ ปปรบั ใชต้ ามสภาพปญั หาพ้นื ท่ี

2.2 การแก้ปญั หาดินเปรย้ ี วด้วย “ทฤษฎีแกลง้ ดิน”

ดินเปรย้ ี วหรอื ดินพรุ เป็นสภาพธรรมชาติของดินท่เี กิดจากอินทรยี วัตถุสะสมจานวนมาก
เปน็ เวลานานจนแปรสภาพเปน็ ดินอินทรยี ์ท่ีมีความเป็นกรดกามะถันสูง เมื่อดินแห้งกรดกามะถันจะทา
ปฏิกิรยิ ากับอากาศ ทาให้แปรสภาพเปน็ ดินเปรย้ ี วจดั ทาการเกษตรได้ผลน้อยไม่ค้มุ ทนุ พบมากในภาค
ตะวนั ออกและภาคใต้ และบรเิ วณทร่ี าบลุ่มชายฝ่ ังทะเล ในการแก้ปญั หาดินเปรย้ ี ว พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานแนวพระราชดาร ิ “แกล้งดิน” โดยศูนย์ศึกษาการพัฒ นาพิกุลทองฯ
ดาเนินการสนองพระราชดารโิ ครงการแกล้งดิน เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเปน็ กรดของดิน เรม่ ิ
จากวธิ กี ารแกล้งดินให้เปรย้ ี ว ด้วยการทาให้ดินแห้งและเปียกสลับกันไปเพ่ือเรง่ ปฏิกิรยิ าทางเคมีของ
ดิน ซึ่งจะไปกระตุ้นให้สารไพไรต์ (Pyrite หรอื FeS2) ทาปฏิกิรยิ ากับออกซิเจน (O2) ในอากาศ
ปลดปล่อยกรดกามะถัน (sulphuric Acid) ออกมา ทาให้ดินเปน็ กรดจดั จนถึงข้ัน “แกล้งดินให้เปรย้ ี ว
สุดขีด” จนกระท่ังถึงจุดที่พืชไม่สามารถเจรญิ งอกงามได้ จากนั้นจึงหาวธิ กี ารปรบั ปรุงดินดังกล่าวให้
สามารถปลกู พืชได้

29

วธิ กี ารแก้ไขปญั หาดินเปรย้ ี วจดั ตามแนวพระราชดาร ิ

1. ควบคุมระดับนา้ ใต้ดิน เพื่อปอ้ งกันการเกิดกรดกามะถัน จงึ ต้องควบคุมน้าใต้ดินให้อยู่เหนือช้ัน
ดินเลนทม่ี ีสารไพไรต์อยู่ เพื่อไม่ให้สารไพไรต์ทาปฏิกิรยิ ากับออกซเิ จนหรอื ถกู ออกซไิ ดซ์ (Oxidization)

2. การปรบั ปรงุ ดินมี 3 วธิ กี าร ตามสภาพของดินและความเหมาะสม ได้แก่
- ใชน้ ้าชะล้างความเป็นกรด ดินจะเปรย้ ี วจัดในชว่ งดินแห้งหรอื ในฤดูแห้ง ดังน้ันการชะล้างควร
เรม่ ิ ในฤดูฝนเพื่อลดปรมิ าณการใชน้ า้ ชลประทาน การใชน้ ้าชะลา้ งความเป็นกรดต้องกระทาต่อเน่ืองและ
ต้องหวังผลในระยะยาว มิใชก่ ระทาเพียง 1 หรอื 2 ครง้ั เท่านั้น วธิ นี ี้เป็นวธิ ที ี่ง่ายทส่ี ุด แต่จาเป็นต้ องมี
น้ามากพอทจ่ี ะใชช้ ะลา้ งดินควบค่ไู ปกับการควบคมุ ระดับน้าใต้ดิน ให้อยูเ่ หนือชนั้ ดินเลนทมี่ ีสารประกอบ
ไพไรต์มาก เม่ือดินคลายความเปรย้ ี วลงแล้วจะมีค่า pH เพิ่มขึ้น อีกท้ังสารละลายเหล็กและอลูมินัมที่
เป็นพิษก็เจอื จางลงจนทาให้พืชสามารถ เจรญิ เติบโตได้ดี ถ้าหากใชป้ ุ๋ยไนโตรเจนและฟอสเฟตชว่ ย ก็
สามารถเจรญิ เติบโตได้ดี ถ้าหากใชป้ ุย๋ ในโตรเจนและฟอสเฟตชว่ ยก็สามารถทาการเกษตรได้
- ใชป้ ูนผสมคลุกเคล้ากับหน้าดิน ปูนท่ีหาได้ง่ายในท้องที่ เชน่ ใช้ปูนมารล์ (mar) สาหรบั ภาค
กลาง หรอื ปูนฝุ่น ( lime dust ) สาหรบั ภาคใต้ หวา่ นให้ทว่ั 1-4 ตันต่อไรแ่ ลว้ ไถแปรหรอื พลิกกลบคืน
ขอ้ ควรจาคือ ไม่มีสูตรตายตัว โดยปรมิ าณของปูนทใี่ ชข้ น้ึ อยู่กับ
- การใชป้ ูนควบคู่ไปกับการใชน้ ้าชะล้างและควบคุมระดับน้าใต้ดิน เป็นวธิ กี ารทส่ี มบูรณ์ที่สุดและ
ใชไ้ ด้ผลมา ในพ้ืนท่ีซงึ่ ดินเป็นกรดจดั รุนแรงและถูกปล่อยทิ้งเปน็ เวลานาน โดยเรม่ ิ จากหว่านปูนให้ท่ัว
พืน้ ที่ ใชป้ ูน 1-2 ตันต่อไร่ แล้วไถกลบ จากนั้นใชน้ ้าชะล้างความเปน็ กรดออกจากหน้าดิน และควบคุม
น้าใต้ดินให้อยู่เหนือชนั้ ดินเลนท่ีมีสารประกอบไพไรต์มากเพื่อป้องกันไม่ให้ทาปฏิกิรยิ ากับออกซิเจน
เพราะจะทาดินกลายเปน็ กรด
3. การปรบั สภาพพื้นทมี่ ีอยู่ 2 วธิ ี ได้แก่
- การปรบั ผิวหน้าดิน โดยการทาให้ผิวหน้าดินลาดเอียงเพ่ือให้น้าไหลออกไปสู่คลองระบายน้าได้
หรอื ถ้าเป็นการทานาก็จดั ตกแต่งแปลงนาและคันนา ให้สามารถเก็บกักน้าและสามารถระบายน้าออก
ได้ถ้าต้องการ
- การยกรอ่ งปลูกพืช วธิ นี ี้ใชส้ าหรบั พ้ืนทที่ จี่ ะทาการปลูกพืชไร่ พืชผัก ไม้ผลหรอื ไม้ยืนต้น แต่วธิ นี ้ี
จาเปน็ จะต้องมีแหล่งนา้ ชลประทาน เพราะจะต้องขังน้าไวใ้ นรอ่ งเพอื่ ใชถ้ ่ายเทเปล่ยี น เม่ือนา้ ในรอ่ งเปน็
กรดจดั ในการขุดรอ่ งนี้ เกษตรกรจะต้องทราบว่าในพื้นที่นั้นมีดินชนั้ เลนซง่ึ เป็นดินท่ีมีสารประกอบไพ
ไรต์มากอยู่ลึกในระดับใด เพราะเมื่อขุดรอ่ งจะให้ลึกเพียงระดับดินเลนน้ัน โดยทั่วไปจะลึกไม่เกิน 100
เซนติเมตร

3 การอนุรกั ษ์ดินด้วยหญ้าแฝก

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว ได้พระราชทานพระราชดารเิ ก่ียวกับการพฒั นาและรณรงค์การใช้
หญ้าแฝก ครง้ั แรกเม่ือวันที่ 22 มิถุนายน 2534 ทรงตรสั ว่าหญ้าแฝกเปน็ หญ้าของไทยสามารถใช้
อนุรกั ษ์ดินและน้าได้ดี ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน ในขณะน้ันยังไม่มีใครรูจ้ กั หญ้าแฝก สมเด็จ
พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี เป็นพระองค์แรกท่ีทาการทดลองเลี้ยงและปลูกหญ้าแฝกเปน็ จานวน 1
ล้านถุงแรกท่ีดอยตุง หลายหน่วยงานพยายามค้นหาหญ้าแฝกตามสถานทีต่ ่างๆ แต่ก็ล้มเหลว จนต้อง
เชญิ ดร.เต็ม สมิตินันท์ ปรมาจารยท์ างด้านพฤกษศาสตร์ ทา่ นก็ไปชว่ ยหาหญ้าแฝกทวั่ ประเทศ

30

ในที่สุดก็เจอหญ้าแฝกท่ีเพชรบุร ี เป็นหญ้าแฝกที่มีกอใหญ่มาก จากน้ันก็เรม่ ิ รวบรวมหญ้าแฝก กรม
พัฒนาท่ีดินเป็นหน่วยงานแรกที่ทาการรวบรวมหญ้าแฝก โดยรวบรวมมาจากหลายจังหวัด ขณะน้ี
สามารถรวบรวมสายพันธุข์ องหญ้าแฝกได้กว่า 100 สายพันธุ์ ถ้าพบทสี่ งขลาเรยี กว่าสายพันธุ์สงขลา
พบทก่ี าแพงเพชรเรยี กว่าสายพนั ธุก์ าแพงเพชร พบทอี่ ุดรก็เรยี ดวา่ สายพันธุอ์ ุดร จากการสารวจพบว่ามี
กระจายอยู่ทวั่ ประเทศ กรมพฒั นาทด่ี ินได้นาเอาหญ้าแฝกมาปอ้ งกันการชะล้างพังทลายหน้าดินตามลา
คลอง อ่างเก็บน้า หญ้าแฝกชว่ ยกรองทาให้น้าใส

ทมี่ า :จากการบรรยาย ดร.วรี ะชยั ณ นคร 27 สิงหาคม 2553 ในการเสวนา “เกษตรยัง่ ยนื ฟ้ ืนฟู
ภูมิปญั ญา พัฒนาสู่สากล” ในงาน ทกั ษิณวชิ าการ-เกษตรแฟร์ ครง้ั ที่ 6 และงานนิทรรศการปดิ ทองหลัง
พระฯ)

4. การห่มดิน

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวฯ ทรงพระราชทานแนวพระราชดารใิ นการดูแลและรกั ษาดิน
อีกทางหนึ่ง น่ันคือ “การห่มดิน” เพ่อื ให้ดินมีความชุม่ ชน้ื จุลินทรยี ์ทางานได้ดี อันจะส่งผลให้ดินบรเิ วณ
น้ันทาการเกษตรได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ปอ้ งกันการชะล้างพังทลายของดินและพัฒนาทรพั ยากรดินให้
เกิดแรธ่ าตุ ทั้งน้ีการห่มดินมีอยู่ด้วยกันหลายวธิ ีการ เชน่ ใชฟ้ างและเศษใบไม้มาห่มดินหรอื วัสดุอื่น
ตามทห่ี าได้ตามสภาพทว่ั ไปของพ้ืนที่, การใชพ้ รมใยปาลม์ (wee drop) ซงึ่ ทามาจากปาลม์ ทผี่ ่านการรดี
นา้ มันแล้ว เรม่ ิ จากการนาทะลายปาลม์ มาตะกุยให้เปน็ เส้น ๆ ก่อนจะเอาไปอัดให้เปน็ แผ่นเปน็ ผ้าห่มดิน
นอกจากประโยชน์ท่กี ล่าวไปแลว้ การห่มดินยังจะช่วยคลุมหน้าดินไม่ให้วัชพืชข้ึนรบกวนต้นไม้/พืชหลัก
อีกด้วย

ขอบคณุ https://www.youtube.com/watch?v=ntjhcCZywEs

31

ทฤษฎีการอนุรกั ษ์และฟ้ ืนฟูทรพั ยากรนา้

๑) ศาสตรด์ ้าน
การจัดการความแห้งแล้ง ด้วย
การทาฝนเทียม ซง่ึ ไม่เคยมีมา
ก่อน ในโลก

๒) เก็บรกั ษาน้า
ตามภูมิปญั ญาของแผ่นดิน

๒ .๑ ) ด้ ว ย
การสรา้ งฝาย เพื่อสรา้ งความ
ชุม่ ช้ืน เพื่ออนุรกั ษ์ ดิน น้า ป่า
เป็นลักษณะฝายขนาดเล็ก กัก
น้าและความช้ืนให้กระจายตัว
ในผืนดิน สรา้ งความชุ่มช้ืนแก่
ป่า มีความแตกต่างจากทฤษฎี
การจัดการน้าในอดีตซ่ึงใชก้ าร
ก้ั น เขื่ อ น ข น าด ให ญ่ อ่ างน้ า
แหล่งนา้ ชุมชน เปน็ หลกั

๒ .๒ ) ด้ ว ย
การทาแก้มลิง เพื่อกักเก็บน้า
ในขณ ะที่มีน้ามากป้องกันน้า
ทว่ มและเก็บนา้ ในฤดูแลง้

๒ .๓ ) ก า ร
ป ลู ก แ ฝ ก เก็ บ น้ า ไว้ ใ น ดิ น
อนุรกั ษ์ ดิน น้า และ ป่า และ
ความหลากหลายทางชวี ภาพไป
พ ร้อ ม กั น ส นั บ ส นุ น ก า ร ท า
การเกษ ตร เพื่ อป้องกันการ
พงั ทลายของดิน ฯลฯ

๒.๔) เก็บน้า
ไวใ้ นดิน ระบบนิเวศปา่ ไม้เม่ือมี
ป่ า ท่ี ส ม บู รณ์ รา ก ต้ น ไม้ ท า
หน้าท่ีคล้ายฟองน้าจะกักเก็บ
น้ าท่ี ซึม ผ่ าน ไว้ใน ดิ น แ ละจ ะ
ค่อยๆ ไหลออกมาใชไ้ ด้ตลอดปี หรอื ซมึ ลงไปเก็บไว้ในแหล่งนา้ ใต้ดิน

32
ขอบคุณ https://www.youtube.com/watch?v=FJMfFaTvrUs การจดั การนา้ 8 วธิ ี แก้ปญั หาภัยแล้ง

ขอบคุณ

การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ “จากนภา ผ่านภูผา สู่มหานที”

ฝนหลวง

เกิดขึน้ เมื่อคราวทพี่ ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว รชั กาลท่ี 9 เสด็จพระราช
ดาเนินไปทรงเย่ียมราษฎรในพน้ื ทภี่ าคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงสังเกตว่ามี
เมฆปรมิ าณมากแต่ไม่สามารถรวมตัวก่อเปน็ ฝนได้เปน็ สาเหตุของฝนทง้ิ ชว่ ง
จนเกิดความแห้งแลง้ จงึ ได้พระราชทานแนวคิดในการทาฝนหลวง และทรง
ทมุ่ เทใช้ เวลาถึง 14 ปี ในการค้นควา้ วจิ ยั และทดลอง จนเกิดความสาเรจ็
ในปี 2512 ชว่ ยให้ประเทศชาติรอดพน้ วกิ ฤติภัยแล้งมาได้จนถึงปจั จุบัน

33

• แนวพระราชดารดิ ้านปา่ ไม้
- ปลูกปา่ โดยไม่ต้องปลูก

ปล่อยพืน้ ท่ีปา่ น้ันไวต้ รงน้ัน
ไม่ต้องไปทาอะไร ปา่ จะ
เจรญิ เติบโตเปน็ ปา่ สมบูรณ์
โดยไม่ต้องปลกู

- ปลกู ปา่ ในทสี่ ูง ใชไ้ ม้
จาพวกทมี่ ีเมลด็ ขน้ึ ไปปลูก
บนยอดสูง เม่ือโตแลว้ ออก
ฝักออกเมลด็ ก็จะลอยตกลง
มาแล้วงอกเองในทต่ี า่ ต่อไป
เปน็ การขยายพันธโุ์ ดย
ธรรมชาติ

- การปลูกปา่ ทดแทน จะต้องทาอย่างมีแผนโดยการดาเนินการไปพรอ้ มกับการพฒั นาชาวเขา โดย
เจา้ หน้าทปี่ า่ ไม้ ชลประทาน และฝา่ ยเกษตร ต้องรว่ มมือกันวางแผนปรบั ปรุงต้นนา้ และพฒั นาอาชพี ได้
อยา่ งถกู ต้อง

- ปา่ 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อย่าง ปลกู ปา่ 3 อย่าง คือ ปา่ ไม้ใชส้ อย ได้แก่ ไม้โตเรว็ สาหรบั ใชใ้ น
ครวั เรอื น ปา่ ไม้กินได้ คือไม้ผล และปา่ ไม้เศรษฐกิจ คือไม้ทปี่ ลกู ไวข้ าย และได้ประโยชน์อยา่ งท่ี 4 คือ
ชว่ ยอนรุ กั ษ์ดินและนา้

- ปา่ เปยี ก ทฤษฎีการฟ้ ืนฟปู า่ ไม้โดยสรา้ งแนวส่งนา้ หรอื แนวพชื อุ้มนา้ เพ่อื ให้ดินเกิดความชุม่ ชนื้ ให้
ปา่ เขยี วสดจงึ ชว่ ยลดปญั หาไฟปา่

- ภเู ขาปา่ ทฤษฎีการฟ้ ืนฟูปา่ โดยการส่งนา้ ขึ้นไปยงั จุดทสี่ ูงทสี่ ุดและกระจายน้าให้หล่อเลี้ยงกลา้ ไม้
อ่อนทป่ี ลูกทดแทนไวใ้ ห้เติบโตเปน็ ภูเขาปา่ ท่ีสมบูรณ์

• ฝาย

ในหลวง รชั กาลที่ 9 ได้พระราชทาน
พระราชดารใิ นปี พ.ศ.2521 โดยสรา้ งฝาย
จากวสั ดุทหี่ างา่ ยในทอ้ งถิ่น เชน่ หิน กรวด
ไม้ไผ่ ขวางกั้นลาธารหรอื ทางเดินของน้าท่ี
เปน็ ต้นน้าหรอื มีความลาดชนั สูง จะชว่ ย
ชะลอการไหลของนา้ ให้ชา้ ลง เปน็ หนทาง
แห่งการฟ้ ืนฟูปา่ หยุดไฟปา่ สรา้ งความ
สมดุลให้ระบบนิเวศ และเปน็ แหลง่ นา้
สาหรบั การอุปโภค บรโิ ภค รวมถึง
การเกษตร ถือเปน็ วธิ ที ดี่ ี ง่าย และเหมาะสม ในการดูแลและฟ้ ืนฟูทรพั ยากรธรรมชาติ

34

• เขอื่ น

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงให้ความสนพระราชหฤทยั ในการชลประทาน
หรอื การพฒั นาแหล่งนา้ เปน็ อย่างมาก เพราะทรง
ตระหนักดีว่า “นา้ คือชวี ติ ”

การสรา้ งเขอ่ื นในพนื้ ทท่ี ่ี เหมาะสม ไม่เพยี งแต่
จะชว่ ยแก้ไขปญั หาการขาดแคลนนา้
ซงึ่ อานวยประโยชน์ต่อพ้นื ทเ่ี พาะปลูก ยังสามารถ
บรรเทาอุทกภัยหรอื ปญั หานา้ ทว่ มได้อีกด้วย

• อ่างเก็บน้า

อ่างเก็บน้า เปน็ แหล่งน้าผิวดินประเภทหนึง่ ที่
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว รชั กาลที่ 9
พระราชทานพระราชดารเิ พ่ือแก้ปญั หาการขาด
แคลนนา้ ในทอ้ งถ่ินทรุ กันดารและแห้งแลง้ ให้
ราษฎรได้มีน้าสาหรบั อุปโภค บรโิ ภค และเพ่ือ
ใชใ้ นการเกษตร ซง่ึ อ่างเก็บนา้ สามารถเก็บ
รกั ษานา้ ทม่ี ีตามธรรมชาติในฤดูฝนไว้
ให้เพยี งพอใชไ้ ด้ตลอดทงั้ ปี

• แฝก

ในปี 2534 พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี 9 ทรงมีพระราชดารเิ ปน็ ครงั้ แรกให้
หน่วยงานต่าง ๆ ทาการศึกษา ทดลอง และดาเนินการปลกู หญา้ แฝก ซง่ึ เปน็ ประโยชน์
อยา่ งยง่ิ แก่การอนุรกั ษ์ดินและน้า เพราะมีรากทหี่ ยัง่ ลกึ แผ่กระจายลงไปตรง ๆ ทาให้
อุ้มน้าและยดึ เหนี่ยวดินได้ม่ันคง ลดการพังทลายของ ดิน อีกท้ังมีลาต้นชดิ ติดกันแน่น
หนาจงึ ชว่ ยดักตะกอนดินและรกั ษาหน้าดินได้เปน็ อย่างดี

35

• แก้มลิง

แนวพระราชดารขิ องในหลวง รชั กาลท่ี 9 ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของน้าท่วมท่ีเกิดข้ึนใน
กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ.2538 โดยให้จัดหาสถานท่ีเก็บกักน้าตามจุดต่างๆ เพ่ือรองรบั น้าฝนไว้
ชวั่ คราว เม่ือถึงเวลาท่คี ลองพอจะระบายน้าได้จึงค่อยระบายน้าจากส่วนที่กักเก็บไว้ออกไป จงึ สามารถ
ชว่ ยลดปัญหาน้าทว่ ม โดยทรงได้แนวคิดจากการทลี่ ิงอมกล้วยไว้ในกระพุ้งแก้มคราวละมาก ๆ จากน้ัน
จะค่อย ๆ นาออกมาเค้ียวและกลนื กินภายหลัง

• กังหันนา้ ชยั พัฒนา

ส่ิงประดิษฐข์ องในหลวง รชั กาลที่ 9 เพอ่ื บาบัดน้าเสียด้วยการเติมออกซเิ จนลงไปในน้า สามารถแก้ไข
ความเสื่อมโทรมของสภาพน้าได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ และได้รบั การจดสิทธบิ ัตรในพระปรมาภิไธย ของ
พระมหากษัตรยิ ์พระองค์แรกของไทยและครงั้ แรกของโลก ปจั จุบนั กังหันนา้ ชยั พฒั นาได้มีการติดต้ัง
ไม่เฉพาะในประเทศไทยเทา่ นั้น แต่ได้มีการขอนาไปใชง้ านในประเทศเบลเยียม อินเดีย และอังกฤษ
ด้วย

36

• น้าดีไลน่ า้ เสีย

ต าม แ น ว พ ระราช ด า รขิ อ ง
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว
รัช ก า ล ที่ 9 ใ น ก า ร ใ ช้ น้ า
คุ ณ ภ า พ ดี ม าช่วย บ รร เท า น้ า
เน่าเสีย โดยให้น้าดีผลักดัน
น้าเน่าเสียออกไปและชว่ ยให้
น้าเน่าเสียมีสภาพเจือจางลง
โดยใชห้ ลักการตาม ธรรมชาติ
แ ห่ ง แ ร ง โ น้ ม ถ่ ว ง โ ล ก
(Gravity Flow) ค ว บ คู่ กั บ
การบรหิ ารจดั การ ทงั้ นี้โดยรบั
น้าจากแม่น้า เจ้าพระยาหรอื
จากแหล่งน้าภายนอกส่งไปตามคลองต่างๆ ซงึ่ กระแสน้าจะไหลแผ่กระจายขยายไป ตามคลองซอยที่
เชอื่ มกับแม่น้าเจ้าพระยาอีกด้านหนึง่ เม่ือน้าสามารถไหลเวยี นไปตามลาคลองได้ตลอด ย่อมสามารถ
เจอื จางน้าเน่าเสียและชกั พาสิ่งโสโครกออกไป เป็นวธิ กี ารชว่ ยบรรเทาน้าเน่าเสียในคลอง ต่างๆ ในชว่ ง
ฤดูแล้งได้เปน็ อย่างดี

• แกลง้ ดิน

แ นวพ ระราชดาร ิ
ของในหลวง รชั กาลที่ 9
ที่ได้ พ ระราชท าน ใน ปี
2527 ณ ศู น ย์ ศึ ก ษ า
การพัฒนาพิกุลทอง อัน
เนื่องมาจากพระราชดาร ิ
จังหวัดนราธิวาส เพ่ื อ
แก้ไขปัญหาดินเปรย้ ี ว
หรอื ดินเป็นกรด อันเกิด
จากการ ตกตะกอนของ
น้าทะเลหรอื ตะกอนน้า
กรอ่ ย ที่มีสารประกอบ
ของกามะถันซงึ่ จะถูกเปล่ียนเป็นกรด กามะถันตามกระบวนการธรรมชาติและสะสมในชน้ั หน้าดิน โดย
ดินท่ีมีความเป็นกรดสูง ความอุดม สมบูรณ์จะต่า ขาดธาตุอาหารทจี่ าเป็นต่ อการเจรญิ เติบโตของพืช
อย่างรุนแรง โดยวธิ กี ารแก้ไขคือ ให้ขังน้า ไว้ในพ้ืนท่ีที่มีปัญหา จนกระท่ังเกิดปฏิกิรยิ าเคมีทาให้ดิน
เปรย้ ี วจัดจนถึงที่สุดจึงระบายน้าออกและปรบั สภาพฟ้ ืนฟูดินด้วยปูนขาว จนกระท่ังดินมีสภาพดี
พอทจี่ ะใชใ้ นการเพาะปลูกได้

37

• ทฤษฎีใหม่

การทาการเกษตรในพ้ืนทข่ี นาดเล็ก ประมาณ 15 ไร่ ด้วยการแบ่งพื้นทอี่ อกเปน็ 4 ส่วน
ประกอบด้วย นา ข้าว 30% สระนา้ 30% พืชไรพ่ ชื สวน 30% อีก 10% สาหรบั สรา้ งบา้ น-เลยี้ งสัตว์ ซง่ึ
หากดาเนินการ ดังน้ี เกษตรกรจะสามารถเล้ยี งตัวเองได้ และมีนา้ ใชเ้ พอ่ื การเพาะปลูกตลอดทง้ั ปี โดย
พระบาทสมเด็จพระ เจา้ อยู่หัว รชั กาลท่ี 9 ทรงศึกษาและทดลองเก่ียวกับทฤษฎีใหม่ ณ โครงการ
พฒั นาพื้นทีบ่ รเิ วณวัดมงคล ชยั พฒั นาอันเน่ืองมาจากพระราชดาร ิจงั หวดั สระบุร ีซง่ึ ถือเปน็ สถานที่
เรยี นรดู้ ้าน “ทฤษฎีใหม่” แห่งแรก ของประเทศไทย

• แหลมผกั เบยี้

พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว รชั กาลท่ี 9 ได้พระราชทานพระราชดารใิ นการแก้ไขปญั หานา้ เน่าเสียของ
ชุมชนเมือง โดยทรงให้ศึกษาทดลองด้วยวธิ ธี รรมชาติ ณ โครงการศึกษาวจิ ยั และพฒั นาสิ่งแวดล้อม
แหลมผักเบย้ี อันเน่ืองมาจากพระราชดาร ิจงั หวดั เพชรบุร ีโดยดาเนินการท้งั การแก้ปญั หานา้ เน่าเสีย
และการกาจดั ขยะ ด้วย 4 ระบบ คือ ระบบบ่อบาบัดน้าเสีย ระบบพชื และหญา้ กรองน้าเสีย ระบบพ้ืนท่ี
ชุม่ นา้ เทยี ม และระบบแปลงพืชปา่ ชายเลน ซง่ึ เปน็ การแก้ไขปญั หาด้วยวธิ ธี รรมชาติชว่ ยธรรมชาติ สรา้ ง
สมดุลให้เกิดแก่ระบบนิเวศ มีการเพ่มิ ขนึ้ ของพื้นทป่ี า่ ชายเลน สัตวน์ ้า และนกนานาชนิด

38

• ปา่ ชายเลน

ทผ่ี ่านมาปา่ ชายเลนได้ถูกทาลายไปเปน็ จานวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัว รชั กาลท่ี 9 ได้
พระราชทานพระราชดารใิ ห้หาวธิ อี นรุ กั ษ์และขยายพันธโุ์ ดยเฉพาะต้นโกงกางเพื่อเพ่มิ ปรมิ าณพื้นทป่ี า่
ชายเลนให้มากขน้ึ เน่ืองจากปา่ ชายเลนมีความสาคัญต่อระบบนิเวศบรเิ วณชายฝ่ งั ถือเปน็ ถ่ินกาเนิด
และเปน็ ทเ่ี จรญิ เติบโตของพนั ธพุ์ ืชและสัตวน์ า้ นานาชนิด ปจั จุบันหลายหน่วยงานได้รว่ มมือกันเพ่อื
สรา้ งพ้นื ทปี่ า่ ชายเลนให้มีความอุดมสมบูรณ์ตามแนวพระราชดารเิ พ่อื ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

เมื่อต้องสรุปพระราชกรณียกิจของ ในหลวง ร.9 ให้ได้ในหนง่ึ หน้ากระดาษ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
เลขาธกิ ารมูลนิธชิ ยั พฒั นา เลือกใชป้ ระโยคข้างต้นน้ี แทนใจความทง้ั มวล ชายขา้ ราชบรพิ ารผู้รบั ใชเ้ บื้อง
พระยุคลบาทอยา่ งใกล้ชดิ มานาน 35 ปี กล่าวในงานปฐกถางานหนง่ึ วา่

“งานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช เรม่ ิ ต้นบนทอ้ งฟ้า ผ่านภูเขาลงทร่ี าบ ออกสู่
ทะเลขณะทเี่ ราทกุ คนเห็นเปน็ ก้อนเมฆ พระองค์ทา่ นเห็นเปน็ น้า จะทาอย่างไรให้ก้อนเมฆทเ่ี ปน็ นา้ อยู่ใน
ลกั ษณะไอลงมาเปน็ หยดน้า เกิดเปน็ ฝนหลวง ต่อด้วยการปลูกปา่ อนุรกั ษ์เสรจ็ แลว้ มาพักอยูก่ ลางภูเขา

พระองค์ทา่ นรบั ส่ังทาฝายชะลอน้า สรา้ งอ่างเก็บนา้ น้าถูกส่งไปยังพืน้ สวน ไร่ นา ถ่ายเปน็ ของเสีย
พระองค์ทา่ นใชพ้ ืชชนิดฟองน้า ส่งผ่านปา่ โกงกาง สู่วงจรทค่ี รบครนั …ผมสรปุ งานพระเจา้ อยูห่ ัวฯ ใน

กระดาษแผ่นเดียวใชห้ ัวข้อชอื่ วา่ จากนภา ผา่ นภผู า สู่มหานที”
ข้อความจากชายผ้เู คยได้เห็นแม้นหยาดเสโทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลย
เดช อย่างใกลช้ ดิ ผู้นี้ย่อมเปน็ ส่ิงยืนยนั แก่พสกนิกรชาวไทยได้อยา่ งดี ว่าส่ิงทพี่ ระองค์ทรงให้
ความสาคัญยง่ิ บนผืนแผ่นดินน้ี คือ นา้ ดังพระราชดารสั ทเ่ี คยตรสั ไว้ เม่ือ 17 มีนาคม 2529 ความวา่
“… หลกั สาคัญวา่ ต้องมีน้าบรโิ ภค นา้ ใช้ น้าเพ่ือการเพาะปลกู เพราะว่าชวี ติ อยู่ทน่ี ั่น ถ้ามีนา้ คนอยู่ได้ ถ้า
ไม่มีน้าคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยูไ่ ด้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้าคนอยู่ไม่ได้ …”
และไม่เพยี งแต่พระราชดารสั ของพระองค์ หรอื ภาพประกอบ จาก ดร.สุเมธ ในงานปฐกถาใด
แต่ส่ิงทอี่ ธบิ ายได้ดีทสี่ ุดคือ “ภาพในหัวใจคนไทย” ทพ่ี ระองค์ทรงฝากไว้ ตลอด 70 ปี

ช่อง Chaipattana Foundation

39

ทฤษฎีการปลูกป่าแนวใหม่ โดยเรม่ ิ ที่จะปลูกป่าในใจคน ทั้งเจ้าหน้าท่ีและชาวบ้านให้รกั ป่า

และปล่อยให้ปา่ เขาข้นึ เอง อย่างไปรบกวนคือ “การปลูกปา่ โดยไม่ต้องปลกู ” ในเวลาเดียวกันต้อง “รู้ รกั
สามัคคี” คนสามารถอยู่กับป่าได้ถ้ามีจติ สานึกและรูค้ ุณค่าของปา่ “คนอยู่ป่ายัง” และอยู่แบบไม่กระทบ
ปา่ โดยใชห้ ลักการ “บ้านเลก็ ในปา่ ใหญ่” เปน็ ต้น

40

ทฤษฎีการทางานใหม่ เชน่ การบูรณาการ อะลุ่มอล่วย ปรกึ ษาหารอื การมีส่วนรว่ ม “เบญจภาคี”

(ภาครฐั ภาควชิ าการ ภาคประชาชน ( บวร บ้านชุมชน วัด โรงเรยี น) ฯลฯ ซง่ึ เปน็ “ประชารฐั ” ทแ่ี ทจ้ รงิ
ไม่ใชส่ มรรู้ ว่ มคิด อยา่ งทร่ี ฐั บาลทาอยู่

ตัวอยา่ งทฤษฎีใหม่ด้านการพฒั นาและบรหิ ารด้าน อื่น ๆ เชน่
๑) ต้นแบบการบรหิ ารธุรกิจตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง (“พอ” ไม่โลภไม่เบียดเบียน แบ่งปัน ท่ี
นาไปใชก้ ับการขัดการธุรกิจโรงแรมเชน่ ชุมพรคาบาน่ารสี อรท์ อนัตตารสี อรท์ เชยี งใหม่ ที่ได้นาการ
พง่ึ พาตนเอง และศาสตรข์ องพระราชาทเี่ ก่ียวข้อง ไปใชจ้ นประสบผลสาเรจ็ สามารถลดหนี้สินทเ่ี กิดจาก
ระบบเศรษฐกิจตาโตในอดีตได้อยา่ งมีนัยสาคัญ ( มีประสิทธภิ าพ)
๒) นาไปใชก้ ับองค์กรภาคอุตสาหกรรม การจดั การองค์กรขนาดใหญ่จาเป็นต้องอบรมพนักงาน
ให้เข้าใจพ้ืนฐาน การมีคุณธรรม เพ่ือนาไปสู่การพัฒนาคนให้สานึกในคุณธรรมในทุกระดับขององค์กร
ด้านอุตสาหกรรมก็ต้องเรม่ ิ ต้นท่ีการพัฒนาพนักงานโดยใช้กระบวนการสรา้ งมาตรฐานพอเพียงด้าน
อุตสาหกรรม เป็นกุศโลบายในการดึงภาคอุตสาหกรรมเข้ามารว่ มผลักดันขบวนการเศรษฐกิจพอเพียง
โดยการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมพอเพียง มอก.๙๙๙๙ ข้ึนใชเ้ ปน็ เครอ่ ื งมือในการสรา้ งทนุ ใหญ่ทมี่ ี
หัวใจพอเพียง รจู้ กั พอ ไม่โลภ ไม่เบียดเบียน รูจ้ กั แบ่งปนั ให้เขา้ มามีส่วนในการพัฒนาชุมชนในทฤษฎี
ใหม่ขั้นทส่ี าม
๓) ทฤษฎีการศึกษาใหม่ โดยสถาปนา “สถานอบรมส่ังสอนให้เบ็ดเสรจ็ หรอื ปูทะเลย์มหาวชิ า
ลยั หรอื โพธยิ าลัยมหาวชิ ชาลัย ท่ีจาเปน็ ต้องมีการปรบั ระบบการศึกษากันใหม่ให้เปน็ ระบบการศึกษาท่ี
มี “ศีลเด่น ( วนิ ัย ) เป็นงาน ชาญวชิ ชา” การจัดทาหลักสูตรท่ีเหมาะสมกับพ้ืนที่ นาองค์ความรูภ้ ูมิ
ปญั ญาทม่ี ีอยู่กลบั นามาใชใ้ นการพฒั นาทอ้ งถ่ิน และหลกั สูตรการศึกษาใหม่ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ การนา
ศาสตรพ์ ระราชาด้านต่าง ๆ อนุรกั ษ์ พัฒนามนุษย์ พัฒนาและบรหิ าร ท่ีควรจดั ทาเป็นหลักสูตรใชส้ อน
กันในทุกระดับการศึกษา เชน่ เศรษฐกิจพอเพียง ท่ีเป็นทฤษฎีการพัฒนาเศรษฐกิจแนวใหม่ เกษตร
ทฤษฎีใหม่ และ เทคนิคการเกษตรทเี่ หมาะสม คือ“กสิกรรมธรรมชาติ”ทใี่ ชใ้ นการการส่งเสรมิ เกษตรกร
ให้พง่ึ ตนเอง ( ธรรมชาติชว่ ยธรรมชาติ ภมู ิ-สถาปตั ย์ เปน็ ต้น
๔) การวจิ ยั แนวใหม่ ทช่ี ุมชนหรอื ผู้ท่ีเปน็ เจา้ ของปญั หา เปน็ คนกาหนดหัวขอ้ วจิ ยั เพอ่ื ตอบปญั หา
ของชุมชน โดยใชศ้ าสตรพ์ ระราชาท่สี ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ได้โดยไม่ต้องผ่านระบบงานวจิ ยั แบบเก่า
ทนี่ ักวจิ ยั ทาไปเพ่ือตอบสนองวชิ าการทร่ี ่าเรยี นมา เม่ืองานวจิ ยั เสรจ็ นักส่งเสรมิ เปน็ ผู้นาไปเผยแพรซ่ งึ่
ไปไม่ค่อยถึงชาวบ้าน เพราะอธบิ ายเป็นวชิ าการชาวบ้านไม่เข้าใจ หากชาวบ้านทางานวจิ ยั โดยมีภาค
ราชการและนักวชิ าการเป็นพี่เลี้ยง หรอื การนาผลการวจิ ัยของชาวบ้านนามาสนับสนุนเชิงวชิ าการ
กาหนดเปน็ นโยบาย น่าจะเปน็ ประโยชน์มากกวา่

E-book ศาสตรพ์ ระราชา “ด้าน ดิน น้า ปา่ ไม้”
ขอบคุณ PPT อาจารย์ ศ.ดร.นพิ นธ์ ต้ังธรรม
มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์

http://online.anyflip.com/rqntj/ilxk/mobile/index.html

41
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ได้พระราชทานแนวพระราชดารแิ ละ
ทรงทาเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงความผูกพันเกื้อกูลของดิน น้า ป่าและคน มาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่
ประจกั ษ์และเป็นแนวทางให้พสกนิกรดาเนินรอยตาม เมื่อท้ังวงจรได้รบั การดูแลรกั ษา ย่อมเกิดการ
พัฒนาทยี่ ง่ั ยนื อีกนานเทา่ นาน
ขอบคุณ

ขอบคณุ

1.4 ทฤษฎีใหม่

“ทฤษฎีใหม่” คือแนวพระราชดารใิ นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรชั กาลที่ ๙ ที่ทรง
พระราชทานให้กับพสกนิกรของพระองค์ทา่ นเพื่อให้ใชเ้ ปน็ กรอบแนวคิด และแนวทางการปฏิบัติในการ
ดารงชวี ติ อยู่อย่างพอเพียง แนวทางดาเนินการดังกล่าวนาไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเองในระดับ
ต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน บนพ้นื ฐานของความพอเพียง ปรชั ญาของคาว่า “พอ” มีพ้ืนฐานจากธรรมะ
ทเ่ี รยี กวา่ ”สันโดษ”)

42

ทฤษฎีใหม่ แบง่ การพัฒนาออกเป็น ๓ ระดับ

ทฤษฎีใหม่ข้นั ที่ ๑ พ่งึ ตนเองอยา่ งน้อยหนง่ึ ในสี่ของการปฏิบัติ
ทฤษฎีใหม่ขน้ั ที่ ๒ รวมกลุ่มกันพ่งึ กันเอง
ทฤษฎีใหม่ขนั้ ท่ี ๓ ทนุ ทม่ี ีคุณธรรม สนับสนุนชุมชนและเครอื ข่าย ค้าขายกันโดยตรงไม่ผ่าน
คนกลางแบบเก่า
“ทฤษฎีใหม่”เป็นระบบความคิดเก่ียวกับกระบวนการพัฒนาท่ีไม่เคยมีผู้ใดคิดมาก่อนและ
แตกต่างจากแนวคิดทฤษฎีและวธิ กี ารที่เคยมีมาก่อนทั้งส้ิน จึงได้เรยี กว่าเป็นทฤษฎีใหม่ ซง่ึ ได้มีการ
พฒั นาข้ึนใชใ้ นการแก้ไขปญั หาด้านการเกษตร และด้านอื่น ๆ มากกว่า ๕๐ ทฤษฎี
๑) เศรษฐกิจพอเพยี ง เองก็เปน็ หนงึ่ ใน ทฤษฎีใหม่ เปน็ ทฤษฎีการพัฒนาประเทศทม่ี ี ความ
ย่ังยืนเปน็ เปา้ หมายการพัฒนา ที่ให้ความสาคัญกับความสมดุล ทัง้ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและ
วฒั นธรรม โดยเน้นไปที่การพึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเอง ตัดคนกลางแบบเก่าออก ไม่ได้มุ่งเปา้ การผลิต
เพ่ือการค้าขาย (ซ่ึงไม่ใช่ ไม่สามารถค้าขายได้ แต่ค้าขายในท่ีไม่ไกลก่อน ค้าขายกันในกลุ่ม ชุมชน
เครอื ข่ายให้ได้เสียก่อน แล้วจงึ ค่อยค้าขายในโลกเสร ี เมื่อมีความพรอ้ มแล้วเท่าน้ัน ซง่ึ ควรจะค้าขายใน
ระบบตลาดทม่ี ีคุณธรรม (Fair Trade) )
๒) มีนวัตกรรมทางสังคมใหม่ๆเกิดขึ้นจากแนวทฤษฎีใหม่นี้เชน่ ทฤษฎีใหม่ในการพัฒนา
ชุมชนเข้มแข็ง ทีเ่ รยี กว่า “บวร” (บ้าน ชุมชน วัด โรงเรยี น ราชการ) เพื่อการจดั การตนเอง หรอื “ชุมชน
จดั การตนเอง ”(One Stop Service)“สถานอบรมส่ังสอนให้เบ็ดเสรจ็ ” (จากพระราชนิพนธพ์ ระมหาชนก)
๓) กระบวนการจัดทาแผนพัฒนาชุมชน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีมีการนาหลักการ
ทรงงาน ไปประยุกต์ใช้ เชน่ “ระเบิดจากข้างใน” สู่กระบวนการ พัฒนาชนบทโดย “การบูรณาการเชงิ
พน้ื ท”ี่ ของมูลนิธปิ ดิ ทองหลงั พระ เปน็ ต้น
เกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นรูปธรรม หรอื ภาคปฏิบัติของเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพ้ืนฐาน เพื่อให้
เกษตรกรมีภูมิคุ้มกัน จากความเส่ียงท่ีต้องเผชญิ จากการเปลี่ยนแปลงของปจั จยั ต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องกับ
การกระบวนการผลิต การตลาด นโยบายทางการเกษตร อาทิ เชน่ ความผันแปรของ ธรรมชาติ สภาพ
ภมู ิอากาศ ความเสี่ยงด้านราคาปจั จยั การผลิตที่มีแนวโน้มสูงขึน้ ในชว่ ง ฤดูกาลผลิต และ ราคาผลผลิต
ทม่ี ีความผันผวนลดลงอยูต่ ลอดเวลา การเปล่ียนแปลง นโยบายการเมือง โดยพระองค์ท่านได้ทรงพระ
ราชทา นพระราชดารแิ ละสรา้ งต้นแบบ และตัวอย่าง ของ การทาเกษตรแนวใหม่ ท่ีให้ความสาคัญ
และ เคารพต่อธรรมชาติและสภาพแวดลอ้ ม เพือ่ ให้เอ้ือต่อการทาเกษตรกรรมให้ยัง่ ยืน ทไี่ ม่ใชส้ ารเคมี
สังเคราะห์ในกระบวนการผลิต ทัง้ นี้ เพื่อให้เกษตรกรรายย่อยที่มีท่ดี ินไม่มากได้ใชเ้ ป็นแนวทางใหม่ท่ี
กลับมาพ่ึงพาตนเองและระบบนิเวศท่ีสมดุล ให้สามารถมีวถิ ีชวี ติ ที่เรยี บง่ายเพ่ือเป้าหมายของทฤษฎี
ใหม่ คือ ความพออยู่ พอกิน พอใช้ พอ รม่ เยน็ ให้ได้เสียก่อน เพ่ือทจ่ี ะได้พฒั นาในระดับทสี่ ูงขน้ึ ต่อไป
เกษตรทฤษฎีใหม่ ในความหมายท่ีนาเสนอต่อไปนี้ หมายถึงทฤษฎีใหม่ด้านการเกษตรท่ี
เน้นการบรหิ ารจัดการ น้า ที่ดินและแรงงานจานวนไม่มากนัก(น้อย) ซง่ึ เป็นหน่ึงในพระราชดารขิ อง
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อการอยู่อาศัยและการดาเนินชวี ติ
อย่างมั่นคง ยั่งยืน ซง่ึ เป็นการคิดบนหลักการใหม่ ทแี่ ตกต่างจาก แนวทางการทาการเกษตรเพื่อการค้า
และอุตสาหกรรม ทมี่ ุ่งผลติ ผลผลิตในปรมิ าณมากเพ่ือการค้าขายเปน็ หลกั


Click to View FlipBook Version