The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรท้องถิ่น63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หลักสูตรท้องถิ่น63

หลักสูตรท้องถิ่น63

96

แหล่งนำ้ แร่รอ้ นรกั ษะวาริน

ฝนแปดแดดสี่
จังหวัดระนอง เป็นจังหวัดที่ได้ช่ือว่า เมืองฝนแปดแดดสี่ ที่มาของคำกล่าวนี้มาจากสภาพ
ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดระนอง ซึ่งเป็นจังหวัดแรกที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ฝั่งตะวันตกของประเทศไทย
มีอาณาเขตติดต่อกับชายฝ่ังทะเลอันดามัน และมหาสมุทรอินเดีย สภาพภูมิประเทศเป็นป่าเขาตาม
แนวเหนือใต้ของจังหวัด ทิศเหนือติดกับจังหวัดชุมพร ทิศใต้ติดกับจังหวัดพังงา โดยท่ีจังหวัดระนอง
เปน็ จังหวัดทีต่ ้งั อยู่บนคาบสมทุ รบรเิ วณส่วนท่ีแคบที่สดุ ของแหลมมลายู และมีสภาพป่าเขาท่คี ่อนข้าง
อดุ มสมบูรณ์จึงเปน็ ปัจจัยสำคัญในการทำให้เกิดปรากฏการณฝ์ นแปดแดดสี่ โดยไดร้ ับอิทธิพลจากลม
มรสุมทั้งสองทาง คือ ลมมรสุมตะวนั ตกเฉียงใต้ (ระหว่างเดือนพฤษภาคม - ธนั วาคม) ซึ่งเป็นช่วงฤดู
ฝน จงั หวดั ระนองจะมาฝนตกมากทุกฤดู และลมมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนือ (ระหวา่ งเดือนกุมภาพนั ธ์
- เมษายน ซ่ึงโดยทั่วไปอากาศจะรอ้ นและไม่มฝี นตก แตเ่ น่ืองจากจังหวัดระนองตง้ั อยู่ในเสน้ ทางท่ลี ม
มรสุมดังกล่าวพัดผ่านโดยตรง ลมท่ีพัดมาในเดือนมกราคมนี้จึงเป็นลมหนาว พื้นที่ฝ่ังตะวันตกของ
จังหวัดระนองมีอาณาเขตติดต่อกับทะเลอันดามัน และฝ่ังตะวันออกติดกับอำเภอสวี จังหวัดชุมพร
โดยทะเลท้ังสองด้านมีระยะห่างกันเพียง 50 กิโลเมตร ซึ่งก็คือส่วนท่ีแคบที่สุดของแหลมมลายู
ระหว่างอำเภอกระบุรี จังหวดั ระนอง กับ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ลมร้อนท่พี ัดผา่ นจากอ่าวไทยมาฝ่ัง
ตะวันตกน้ี จะทำให้เกิดฝนตก คนทั่วไปจึงรู้จักจังหวัดระนองดีว่าเป็นจังหวัดท่ีมีฝนตกชุกมากท่ีสุด
อนั เปน็ ทม่ี าของคำว่า เมืองฝนแปดแดดสี่ โดยเฉล่ียฝนจะตกประมาณ 8 เดอื น ใน 1 ปี
ปเู จา้ ฟา้
ความเป็นมาของปูเจ้าฟ้า หรือ ปูสิรินธร หรือ ปูน้ำตก เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๙
ศาสตราจารย์ไพบูลย์ นัยเนตร และกลุ่มนิสิตปริญญาโทภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ได้คน้ พบปพู นั ธใ์ุ หม่ของโลก จำนวน 2 ตัว บริเวณลำธารนำ้ ตกหงาว อำเภอ
เมือง จังหวัดระนอง เป็นปูน้ำตกที่มีสีสันสวยงาม กระดองและก้ามเป็นสีขาว ขา ตา และปากเป็น
สมี ่วงดำ เรียกได้ว่า เปน็ ปูที่มีลักษณะโดดเดน่ แตกต่างจากปนู ้ำจืดชนิดอนื่ ๆ เมื่อได้นำมาตรวจสอบ
แล้ว ไม่ปรากฎในอนุกรมวิธานของสัตว์จำพวกกุ้ง กั้งและปูมาก่อน จึงจัดได้ว่าเป็นปูน้ำตกชนิดใหม่
ของโลกที่พบในประเทศไทยเปน็ คร้งั แรก เนื่องในวโรกาสท่สี มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรม
ราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา ณ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย

97

เม่ือวันท่ี 25 พฤศจิกายน 2530 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูล
อัญเชิญพระนามาภไิ ธยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นชอื่ วิทยาศาสตร์
ของปูชนิดใหม่นี้ เพ่ือเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้
ทรงใส่พระทัยในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่วงการอนุกรมวิธาน
ทางด้านสัตว์น้ำของประเทศไทยและของโลก ซ่ึงก็ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ในปี พ.ศ.
2530 ตั้งแต่นั้นมา ปูชนิดใหม่นี้จึงมีช่ือว่า Phricotelphusa sirindhorn โดยเรียกชื่อภาษาไทย
วา่ ปเู จ้าฟ้า

ปูเจ้าฟ้า
ซาลาเปา ทับหลี
ในปี 2495 ได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในตลาดท่าข้าม ร้านค้าของนายยกกว้างถูกไฟไหม้หมด
เนื้อหมดตัว จึงเดินทางกลับบ้านมาอาศัยอยู่กับครอบครัวดั้งเดิมและเริ่มทำซาลาเปาขายช่วยเหลือ
ครอบครัว ได้ถ่ายทอดวิธีทำซาลาเปา ให้นายไฮ้กว้าง และ นาย ฮ่อกว้าง ฮั่นบุญศรี น้องชาย ได้
ดำเนินกิจการสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบนั โดยคุณนิตยา งัน่ บุญศรี ลูกสาวของนายอยุ่ กว้าง ง่ันบุญศรี
เป็นผู้ดำเนินกิจการต่อ นับว่าเป็นภูมิปัญญาของบ้านทับหลี ที่ได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เป็นระยะเวลา
กว่า 50 ปี และได้ถ่ายทอดไปยังคนในหมู่บ้าน ทำให้ปัจจุบันสองข้างทางถนนในหมู่บ้านจะมีร้าน
จำหน่ายซาลาเปาทับหลี สองข้างถนน กว่า 1 กม. จำนวน 48 ร้าน ซึ่งแต่ละร้านมีคุณภาพ รสชาติ
ใกล้เคียงกัน ซาลาเปาทับหลี เป็นซาลาเปาข้ึนช่ือ รสชาติของซาลาเปาทับหลีนั้นข้ึนชื่อมานาน
ความนุ่ม หอมอรอ่ ย

ซาลาเปาทับหลี

98

ชุดพื้นเมืองจังหวดั ระนอง
เสอ้ื บาบ๋า เป็นเสื้อพ้นื เมอื งทีใ่ ส่กับผ้าปาเตะ๊ ทม่ี ีการผสมผสานวัฒนธรรม จีน มลายู ซ่งึ มใี ห้
พบเห็นในไทย ภูเก็ต ตรัง กระบ่ี ระนอง พังงา มาเลเซีย มะละกา และสิงค์โปร์ เป็นเส้ือท่ีทำให้ผู้
สวมใส่ ดูสวยสง่าแฝงด้วยมนต์เสน่ห์ ของการออกแบบดีไซน์ที่ไม่เคยล้าสมัย แม้จะนำชุดมาสวมใส่
ในสมัยปัจจุบัน เป็นชุดท่ีหลายท่านให้คำชื่นชม และสามารถใส่ออกงานพิธีสำคัญ งานกลางคืน
งานแต่งงาน ใส่ทำงาน ใส่เดินห้าง หรือ นุ่งซิ่นเดินห้าง เข้าวัด ตักบาตร งานบุญ งานบวช หรือคน
ร่นุ ใหม่หลายท่านไดน้ ำเสื้อบาบ๋ามาประยกุ ตใ์ ส่ไดก้ ับกางเกงยนี สเ์ ก๋ๆ ใส่ผ้าพันคอ ให้ดูมกี ิมมิค ก็ดูดมี ี
สไตล์ไปอีกแบบ เส้ือบาบา๋ ในสไตล์ TBAYA ป็นเสื้อเอวลอยนิดๆ คอตั้งข้ึนเลก็ น้อยพองาม ทำให้การ
แต่งตัวไทยๆ ดูไม่จำเจ และมีความแฟช่ันไปอีกแบบ เป็นการนำวัฒนธรรมท้องถิ่นให้เข้ากับยุคสมยั ที่
ควรส่งเสริม กระแส AEC หรือ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ช่วงนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันในไประเทศ
ไทย ทำให้ วัฒนธรรมการแต่งกายท้องถิ่นของชาวใต้ผ้าปาเต๊ะ เพราะมนต์เสน่ห์ของผ้าถุง หรือปา
เเต๊ะ ดว้ ยลวดลายที่ส่ือถึงวัฒนธรรมความเป็นอยู่ ได้ถูกพิมพ์ หรือถูกวาดลงบนผืนผ้าคอตตอนสีขาว
เผยลวดลายอันมีอัตลักษณแ์ ละกล่นิ อายของความเป็นภาคใต้ ที่สวยงาม และเป็นที่ยอมรับ โดยตอนน้ี
ผ้าปาเต๊ะ ได้กลายเป็นแฟช่ัน ที่ได้ข้ึนโชว์บนแคทวอล์กระดับโลก หรืออาจเรียกได้ว่า “ผ้าถุง
โกอินเตอร์” ไปแล้ว ปัจุบันรัฐบาลไทยได้ส่งเสริม ประชาชนชาวไทย ให้รักในประเทศไทย รักใน
ศลิ ปะวัฒนธรรมไทย โดยหนึ่งในแคมเปญ เพ่ือส่งเสรมิ การรักชาติก็คือการ แต่งกายด้วยผ้าไทย โดยมี
การนำร่องและกระแสกับหน่วยงานข้าราชการ ภาครัฐ และเอกชน โยทางหน่วยงานต่างๆ ได้
กำหนดให้วันศุกร์ หรือ พฤหัส เป็นวันแต่งกายด้วยผ้าไทย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าซ่ิน ผ้าไหม ผ้าบาติก
ผา้ ปาเต๊ะ ผ้าซิ่น ผ้าสโร่ง ผ้าขาวม้า จาก ทั่วทุกภูมิภาค กลาง เหนือ อีสาน ส่วนทางใต้ แดนสะตอ
ก็จะมีความโด่งดังของแหล่งผ้าปาเต๊ะ หรือผ้าถุงท่ีมีคุณภาพ ลายผ้างดงาม ท่ีเป็นที่ยอมรับของคน
ไทย มาชา้ นาน
เส้ือบาบ๋าสำเร็จรูป และผ้าปาเต๊ะ จึงเป็นอีกทางเลือกของการแต่งกายไทยๆ ที่สามารถใส่
ทำงาน พร้อมสรา้ งสีสันของวันทำงานที่ธรรมดา ใหเ้ ปล่ียนไปจากเดิม ด้วย ผ้าปาเต๊ะสวยๆ และเสื้อ
บาบ๋า เก๋ๆ โดยแบบเส้ือเป็นแบบคอต้ัง แขนจีบ หรือแขนเช้ิต ใส่กระดุมสีทอง มีกระเป๋าเสื้อสองใบ
ตรงด้านหน้าของเส้ือ ผ้าที่เอามาตัดใช้ผ้าคอตตอนหรือ ผ้าป่านฉลุ พร้อมการตกแต่งด้วยเข็มกลัดปิ
นตง๋ํ ใสเ่ ขา้ ค่กู ันกับผ้าปาเต๊ะ โดยสเี สอื้ สามารถ มไี ด้หลากสี โดยสเี สื้อบาบา๋ ทนี่ ยิ มคอื สขี าว

99

10. บคุ คลสำคญั ในท้องถ่ิน

บคุ คลสำคัญในประวัตศิ าสตร์
พระยาดำรงสุจริตมหิสรภักดี (คอซ้เู จยี ง ณ ระนอง)
พระยาดำรงสุจริตมหิสรภักดี เดิมช่ือ ซู้เจียง แซ่คอ เป็นชาวจีนฮกเก้ียน เกิดที่เสียอั้นซ่ือซิน
ไต้โป้ ซ่านโหลี่ หล่องเข่ก่วน (อำเภอหล่องเข่) ฮกเก้ียนแส่ (มณฑลฮกเกี้ยน) เมื่อวันข้างข้ึนน 25 ค่ำ
เดือน 11 ปีมะเส็ง พ.ศ.2340 (จ.ศ.1159, ร.ศ. 16, ค.ศ.1797) เม่ืออายุ 25 ปี ได้เดินทางออก
จากบ้านเกดิ มาประกอบอาชีพเปน็ กรรมกรอยู่ทเ่ี กาะหมาก (เกาะปีนงั ปัจจบุ นั ) อยู่ระยะหน่ึงพอสะสม
ทุนได้บ้างก็เข้ามาค้าขายอยู่ในพระราชอาณาจักรสยามที่เมืองตะกั่วป่า ได้อยู่ในความอุปการะของ
ท้าวเทพสุนทร ครัง้ เมื่อทำมาหากิน มีทุนมากข้ึน เห็นว่าเมอื งพงั งาเปน็ ทำเลคา้ ขายดีกวา่ เมืองตะกั่ว
ป่า จงึ ย้ายไปตั้งบ้านเรอื นอยู่เป็นหลักแหลง่ ที่ตลาดเมืองพังงา และทำมาหากินจนมที ุนทรัพย์บริบรู ณ์
ข้ึนเป็นอันมาก จึงคิดต่อเรือกำป้ันใบลำหน่ึงวิ่งล่องค้าขายทางหัวเมืองตะวันตก รับซ้ือสินค้าท่ีเกาะ
หมากเท่ียวขายตามหัวเมืองชายทะเลตะวันตกไปจนถึงเมืองระนอง เมอื งตระ (เมืองกระ) และรับซ้ือ
สนิ ค้าตามหัวเมืองเท่านั้น เช่น ดีบุก พริกไทย จันทน์เทศ ไปขายยังเกาะหมาก จนชำนาญลู่ทางและ
คุน้ เคยกับหัวเมืองแถบนี้เป็นอย่างดี และเห็นว่าเมอื งระนองเป็นทำเลที่มีสายแร่ดบี ุกเป็นจำนวนมาก
อาจทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการค้าแรด่ บี ุก และขณะนน้ั ผ้ทู ำการขุดแร่ยังมีน้อย สามารถขยายกิจการให้
ใหญ่โตข้ึนได้ โดยไม่ต้องแย่งชิงกับผู้ใด ในปี พ.ศ. 2388 จึงได้ย้ายครอบครัวจากเมืองพังงามาอยู่ท่ี
ระนอง แต่ก็ไม่ท้ิงถิ่นฐานบ้านเดมิ ที่ตลาดเมืองพังงา ยังคงรกั ษาไว้เพื่อความไมป่ ระมาท หากทำอาชีพ
ที่เมืองระนองไม่ประสบผลสำเร็จก็จะกลับไปอยู่ท่ีพังงา เพียงแต่มาพำนักอยู่ท่ีเมืองระนองเป็นหลัก
ส่วนบ้านท่ีพังงาก็คงรักษาไว้เป็นที่ระลึกต่อมาจนถึงช้ันบุตรหลาน ในสมัยรัชกาลท่ี 3 ระหว่างที่
ประกอบธุรกจิ การค้าอยูท่ ีพ่ งั งา ได้สมรสกบั หญิงไทยชาวเมืองพังงา มบี ุตรชายดว้ ยกนั 5 คน และเม่ือ
ยา้ ยไปอยู่เมืองระนอง มีบุตรชายเกิดจากภรรยาใหม่ อีก 1 คน เป็นคนท่ี 6 ในบรรดาบุตรทั้ง 6 คน
ได้รบั ราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาถงึ 4 คน ดงั น้ี

 คนที่ 1 ชื่อ คอซิมเจ่ง ได้รับพระราชทานสัญญาบตั รในรัชกาลที่ 4 เปน็ หลวงศรี
โลหภมู ิ-พิทักษ์ ตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมอื งระนอง แลว้ ถึงแกก่ รรมในตำแหน่งนั้น

 คนที่ 2 ชื่อ คอซิมก๊อง ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรในรัชกาลท่ี 4 เป็น หลวง
ศรีโลหภูมิพิทักษ์ ถึงรัชกาลท่ี 5 ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระศรีโลหภูมิพิทักษ์ และเป็นพระยารัตนเศรษฐี
ผู้ว่าราชการเมืองระนองแทนบิดา ต่อมาได้เล่ือนบรรดาศักดิ์เป็นพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
สมหุ เทศาภบิ าลมณฑลชุมพร

 คนที่ 3 ช่ือ คอซิมจั๊ว ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรในรัชกาลที่ 5 เป็นหลวงศรี
สมบัติ ผชู้ ว่ ยราชการเมอื งระนอง แลว้ ถงึ แก่กรรม

 คนท่ี 4 ช่ือ คอซิมขิม ได้รบั พระราชทานสญั ญาบัตรในรัชกาลท่ี 5 เป็น หลวงศรี
โลหภูมิพิทักษ์ แลว้ เลือ่ นขนึ้ เปน็ พระยาอษั ฎงคตทิศรักษา ผ้วู า่ ราชการเมอื งกระบรุ ี

100

 คนที่ 5 ช่ือ คอซิมเต๊ก ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรในรัชกาลที่ 5 เป็น พระ
จรูญราชโภคากร ผวู้ า่ ราชการเมอื งหลงั สวน ภายหลงั ได้เลือ่ นเป็นพระยาจรูญราชโภคากร

 คนที่ 6 ชื่อ คอซิมบี้ เกิดจากภรรยาที่เมืองระนอง ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กใน
รัชกาลท่ี 5 ตอ่ มาได้รับพระราชทานสญั ญาบัตรเป็นหลวงบริรักษ์โลหวิสัย ผู้ช่วยราชการเมืองระนอง
แล้วเล่ือนเป็นพระอัษฎงคตทิศรักษา ผู้ว่าราชการเมืองกระบุรี (เม่ือยังเป็นหัวเมืองจัตวา) ต่อมาได้
เล่ือนเป็นพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ผู้ว่าราชการเมืองตรัง แล้วเล่ือนขึ้นเป็นสมุหเทสบาล
มณฑลภูเก็ต ถึงแกอ่ นจิ กรรมในตำแหน่งน้ัน ในสมัยรัชกาลที่ 6

พระยาดำรงสจุ ริตมหิศรภักดี (คอซเู้ จียง ณ ระนอง)

พระยาดำรงสจุ ริตมหิศรภักดี (คอซมิ ก๊อง ณ ระนอง)
พระยาดำรงสุจรติ มหิศรภักดี (คอซิมก๊อง) เป็นบุตรชายคนท่ี 2 ซงึ่ เกิดจากภรรยาคนที่ 1

ของพระยาดำรงสุจรติ มหิสรภกั ดี (คอซเู้ จียง) ตน้ ตระกูล ณ ระนอง เคยมีบทบาทสำคัญในฐานะทีเ่ ป็น
เจ้าเมืองระนองคนที่ 2 ระหว่างปี พ.ศ. 2420 – 2439 และเป็นข้าหลวงเทศาภิบาล มณฑลชุมพร
คนแรก ระหวา่ งปี พ.ศ. 2439 – 2444

พระยาดำรงสุจริตมหาศรภกั ดี (คอซิมก๊อง) เกิดท่ีเมืองพังงา ในขณะท่ีบิดายงั เป็นพ่อค้า
อยู่ท่ีเมืองพังงา มีมารดาเป็นคนไทยชาวเมืองพังงา พระยาดำรงสจุ ริตมหิศรภักดี (คอซิมกอ๊ ง) เติบโต
ข้นั ที่พังงา ต่อมาได้ติดตามบิดาไปอยู่เมืองระนองตั้งแตป่ ี พ.ศ. 2397 เม่ือคร้นั บิดาไดร้ ับแตง่ ตั้งเป็น
นายอากรดีบุกและเป็นเจา้ เมืองระนอง ในสมยั รชั กาลที่ 4 ไดเ้ ล่ือนยศเป็นพระศรีโลหภูมิพิทักษ์ และ
เลอื่ นเป็นพระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมอื งระนองในปเี ดยี วกัน

101

พระยาดำรงสจุ ริตมหิศรภักดี (คอซิมก๊อง ณ ระนอง)

พ ระยารัษ ฎานุป ระดิ ษ ฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระน อง) เพ ชรน้ำหน่ึงขอ ง
กระทรวงมหาดไทย

พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ เกิดเม่ือวันพุธ เดือนเมษายน พ.ศ. 2400 เป็นบุตรชายคน
สุดท้องของพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ต้นตระกูล ณ ระนอง มารดาชื่อ กิม เป็นสตรี
ชาวระนอง มนี ามเดมิ ว่า ซมิ บี้ แซ่คอ หรือ คอซิมบ้ี เมือ่ เจริญวยั บดิ าส่งไปศึกษาในประเทศจีน ทา่ นจึง
อ่านและเขียนภาษษไทยไม่ได้เพียงแต่เซ็นชื่อได้ แต่สามารถพูดได้ถึง 9 ภาษา คือ จีน 5 ภาษา
ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาอินเดีย และภาษามลายู พระยารัษฎานุประดิษฐ์ เป็นผู้ที่มี
ประสบการณ์สูงเพราะต้องติดตามบิดาไปตามเมอื งต่างๆ ของประเทศจีน และได้เคยตามเสด็จไปยัง
มลายู อนิ โดนเี ซยี และยโุ รปด้วย

พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ เริ่มเข้ารับราชการ เม่ืออายุ 25 ปี เมื่อพระยารัตนเศรษฐี
(คอซิมก๊อง) พี่ชายคนโตของท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าเมืองระนองแทนบิดา ท่านได้รับ
พระราชทานบรรดาศักด์ิ ดังน้ี

 พ.ศ. 2425 เป็นหลวงยริรักษโ์ ลหวสิ ัย ผชู้ ่วยเจา้ เมืองระนอง
 พ.ศ. 2427 เปน็ พระอษั ฎงคตทิศรักษา เจา้ เมอื งกระบุรี
 พ.ศ.2433 เป็นพระยารัษฎานปุ ระดษิ ฐฯ์ เจา้ เมอื งตรงั
 พ.ศ. 2456 ถึงแกอ่ นจิ กรรม รวมรับราชการ 31 ปี

พระยารษั ฎานุประดษิ ฐม์ หิศรภกั ดี (คอซิมบ้ี ณ ระนอง)

102

นายจตุพจน์ ปยิ มั ปตุ ระ ผวู้ า่ ราชการจังหวัดระนอง
ประวัติ เกดิ 26 เมษายน 2503 ภมู ิลำเนา จงั หวดั นนทบุรี
การศึกษา

- ปรญิ ญาตรี รัฐศาสตรบณั ฑติ มหาวทิ ยาลัยรามคำแหง
- ปรญิ ญาโท Master of Business and Public Administration (M.B.P.A)
Southeastern University (Washington, D.C.) U.S.A
การศกึ ษาดูงาน
- นักปกครองระดบั สูง นปส.รุน่ 51 สถาบันดำรงราชานุภาพ (พ.ศ.2550)
- หลกั สูตรการจัดทำแผนที่เพื่อยุทธศาสตร์ สถาบันดำรงราชานภุ าพ (พ.ศ.2551)
- หลกั สตู รนกั บรหิ ารกจิ การยุติธรรม สำนกั กจิ การยุตธิ รรม กระทรวงยตุ ิธรรม (พ.ศ.
2551)
- หลักสตู รการบริหารจัดการความมน่ั คงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแหง่ ชาติ (พ.ศ.
2552)
- หลกั สูตร Intelligence Analysis Course สำนกั ขา่ วกรองกลาง (CIA) U.S.A
(พ.ศ.2553)
- หลักสูตร Advanced Security Corperation Course สถาบัน Asia-Pacific
Center for Security Studies U.S.A (พ.ศ.2554)
ประวัติการทำงาน
- พ.ศ. 2535-2536 เลขานกุ ารปลัดกระทรวงมหาดไทย
- พ.ศ. 2540 หวั หน้าฝ่ายอำนวยการ สำนักงานจังหวดั สงิ หบ์ ุรี
- พ.ศ.2541 หวั หน้าฝา่ ยความม่ันคง กองการข่าว สป.มท.
- พ.ศ.2551 หัวหน้ากลุม่ งานประมาณสถานการณ์ดา้ นการข่าว สป.มท.
- พ.ศ.2551 ผอ.ศูนยป์ ฏิบตั กิ ารกระทรวงมหาดไทย สป.มท.
- 10 เม.ย 55 – 30 พ.ย 57 หัวหน้าสำนักงานจงั หวัดเพชรบุรี
- 1 ธ.ค 57-30 ก.ย 58 รองผวู้ ่าราชการจงั หวดั ระนอง
- 1 ต.ค 58- 5 ม.ิ ย 59 รองผู้ว่าราชการจงั หวดั ศรีสะเกษ
- 6 ม.ิ ย – 30 ก.ย 59 รองผวู้ ่าราชการจงั หวดั ระนอง
ตำแหน่งปัจจุบนั ผูว้ ่าราชการจงั หวัดระนอง 1 ต.ค 59

นายจตุพจน์ ปิยมั ปตุ ระ

สว่ นท่ี 4

การประเมนิ คณุ ภาพผเู้ รยี นระดับท้องถ่ิน

การประเมนิ คุณภาพผ้เู รียนตามกรอบหลักสูตรระดับท้องถิน่
การประเมินคุณภาพผู้เรยี นระดับท้องถิ่น เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนและรายงานผลการศึกษา

ระดับท้องถิน่ เพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
เป้าหมายและจุดเน้นของกรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น โดยการวัดและประเมินผลด้วยวธิ กี าร และเครื่องมอื ท่ี
หลากหลาย มคี ุณภาพ เชือ่ ถอื ได้ เพอ่ื ใช้เปน็ ข้อมลู ในการพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาของทอ้ งถิน่

แนวทางการวดั และประเมินผล
1. การประเมินผลกอ่ นเรยี น การประเมนิ ผลก่อนเรียน เป็นหน้าที่ของครผู ้สู อนในแตล่ ะวิชา ทุกกลุ่ม

สาระที่ต้องประเมิน โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือตรวจสอบสารสนเทศของผู้เรียนในเบ้ืองต้น สำหรับการนำไปใชจ้ ัด
กระบวนการเรียนรู้

2. การประเมนิ ระหว่างเรียน การประเมนิ ระหวา่ งเรยี นเปน็ การประเมินเพอื่ ม่งุ ตรวจสอบพัฒนาการ
ของผู้เรียนว่าบรรลุตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังในการสอนตามแผนการสอนที่ครูไว้วางแผนไว้หรือไม่ ทั้งนี้
สารสนเทศทไี่ ดจ้ ากการประเมินนำไปสู่การปรับปรุงแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ งของผ้เู รยี น และส่งเสรมิ ผเู้ รียนท่ีมีความรู้
ความสามารถใหเ้ กดิ พัฒนาการสงู สดุ ตามศักยภาพ ได้แก่

1. การประเมินด้วยการสื่อสารสว่ นบุคคล ได้แก่
1.1 การถามตอบระหว่างทำกจิ กรรมการเรียนรู้
1.2 การสนทนาพบปะพดู คยุ กบั ผูเ้ รยี น
1.3 การสนทนาพบปะพูดคุยกบั ผเู้ รียนกบั ผ้เู ก่ียวข้องกบั ผ้เู รียน
1.4 การสอบปากเปลา่ เพอ่ื ประเมนิ ความรู้
1.5 การอา่ นบนั ทกึ เหตุการณ์ตา่ ง ๆ ของผู้เรียน
1.6 การตรวจแบบฝึกหัดและการบา้ น พร้อมใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั แกผ่ ้เู รียน

2. การประเมนิ จากการปฏิบตั ิ (Performance Assessment)
เป็นวิธีการประเมินที่ผู้สอนมอบหมายงานหรือกิจกรรมให้ผู้เรียนทำเพื่อให้ได้ข้อมูล

สารสนเทศว่าผู้เรียนเกิดการเรียนรมู้ ากน้อยเพียงใด การประเมินการปฏิบตั ิ ผสู้ อนตอ้ งตระเตรียมสิ่งสำคัญ 2
ประการ คือ

2.1 ภาระงานหรือกจิ กรรมที่จะใหผ้ ้เู รยี นปฏบิ ัติ (Tasks)
2.2 เกณฑ์การใหค้ ะแนน (Rubrics)
3. การประเมนิ สภาพจรงิ (Authentic Assessment)
การประเมนิ สภาพจรงิ เปน็ การประเมินจากการปฏบิ ัติอย่างหนึง่ เพียงแตง่ านหรือกิจกรรม
ทีผ่ ้เู รียนได้ปฏิบัติ จะเป็นงานหรอื สถานการณ์ที่เป็นจริง (Real life) หรอื ใกลเ้ คยี งกับ ชวี ติ จริง ดังน้ันงานหรือ
สถานการณ์จึงมีสงิ่ จำเปน็ ที่ซับซ้อน (Complexity) และเปน็ องคร์ วม (Holistic) มากกว่างานปฏบิ ัติทั่วไป
วิธีการประเมินตามสภาพจริงไม่มีความแตกต่างจากการประเมินปฏิบัติ (Performance
Assessment) เพียงแต่อาจมีความยุ่งยากในการประเมินมากกว่า เนื่องจากเป็นสถานการณ์จริงหรือต้องจัด
สถานการณ์ใหใ้ กล้จริง และเกิดประโยชนก์ ับผูเ้ รียน ซึ่งจะทำให้ทราบความสามารถที่แท้จริง ว่ามีจุดเด่นและ
ขอ้ บกพร่องในเรอ่ื งใด อันจะนำไปสกู่ ารแก้ไขท่ีตรงประเด็นทสี่ ุด

104

4. การประเมนิ ดว้ ยแฟ้มสะสมงาน (Portfolio Assessment)
การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงานเป็นวิธีการประเมินที่ช่วยส่งเสริมให้การประเมินตาม

สภาพจริง มีความเป็นไปได้มากข้ึน โดยการให้ผู้เรียนได้เก็บรวบรวม (Collect) ผลงานจาก การปฏิบัติจริงมี
ความเป็นไปได้มากขึ้น โดยการใหผ้ ู้เรยี นหรอื ในชวี ติ จรงิ ท่ีเกีย่ วข้องกับการเรยี นรูต้ ามสาระการเรียนรตู้ ่าง ๆ มา
จดั แสดงอย่างเปน็ ระบบ (Organized) ทัง้ นี้ โดยมจี ุดประสงคเ์ พอื่ สะทอ้ นให้เหน็ (Reflect) ความพยายาม เจต
คติ แรงจูงใจ พฒั นาการ และความสมั ฤทธิ์ผล (Achievement)ของการเรยี นรู้ตามสิ่งท่มี ุง่ หวังจะให้แฟ้มสะสม
งานน้นั สะทอ้ นออกมา ซึ่งผู้สอนสามารถประเมนิ จากแฟม้ สะสมงานแทนการประเมินจากการปฏบิ ัตจิ รงิ กไ็ ด้

3. การประเมินหลังเรียน เป็นการประเมินเพื่อสรุปผลการเรียนเป็นการประเมินเพื่อมุ่งตรวจสอบ
ความสำเรจ็ ของผู้เรียน เม่ือผา่ นการเรียนรู้ในชว่ งเวลาหน่ึง เพื่อตรวจสอบว่า ผ้เู รียนเกิด การเรยี นรู้ตามผลการ
เรียนที่คาดหวังหรือไม่ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลการประเมินก่อนเรียนแล้วผู้เรียนเกิดพัฒนาการขึ้นมาก
น้อยเพียงใด ทำให้สามารถประเมินได้ว่าผู้เรียนมีศักยภาพในการเรียนรู้เพียงใด และกิจกรรมการเรียนรู้มี
ประสิทธิภาพในการพัฒนาผู้เรียนเพยี งใด ขอ้ มูลจากการประเมนิ ภายหลังการเรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์
ไดม้ ากมาย ไดแ้ ก่

1) ปรบั ปรงุ แก้ไขซ่อมเสริมผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวงั หรอื จุดประสงค์ของการเรียน
2) ปรับปรงุ แก้ไขวิธกี ารเรียนใหม้ ีประสทิ ธิภาพยงิ่ ข้นึ
3) ปรับปรงุ แกไ้ ขและพัฒนาการจดั กิจกรรมการเรียน
การประเมินผลการเรียน สามารถใช้วิธีการและเครื่องมือการประเมินได้อย่างหลากหลาย ให้
สอดคล้องกบั ผลการเรยี นร้ทู คี่ าดหวงั เนือ้ หาสาระ กิจกรรมและช่วงเวลาในการประเมนิ เพอ่ื ให้การประเมินผล
การเรียนดงั กล่าวมีสว่ นเกยี่ วขอ้ งสัมพันธแ์ ละสนับสนุนการเรยี นการสอน

รูปแบบการประเมนิ คณุ ภาพ
การประเมินระดบั สถานศึกษา
1. การประเมินในชั้นเรียน การประเมินคุณภาพนักเรียนตามสาระการเรียนรู้ท้องถิ่น(จังหวัด

กำแพงเพชร) และตามจุดเนน้ คุณภาพนกั เรียนดา้ นสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของผู้เรียน
ทกุ วิชา ทุกช้ันเรียน โดยใชว้ ธิ กี าร/เครอื่ งมอื วดั และประเมินผลอย่างหลากหลายควบคไู่ ปกบั การเรียนการสอน

2. การประเมินในระดบั สถานศึกษา การประเมินคุณภาพนกั เรยี นตามสาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (จังหวัด
ระนอง) และตามจุดเน้นคุณภาพนักเรียนด้านสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
สถานศึกษาพิจารณาถึงการประเมินในภาพรวม เพื่อตัดสินผลการพัฒนาผู้เรียนเมื่อจบภาคเรียนหรือปี
การศึกษา โดยใช้เครื่องวัดและประเมินผลเป็นแบบทดสอบภาคความรู้หรือภาคปฏิบัติ ตามที่สถานศึกษ า
กำหนด

การประเมนิ ระดับเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา
“การประเมินคุณภาพระดบั เขตพื้นทกี่ ารศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผเู้ รยี นในระดับเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูล
พน้ื ฐานในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาของเขตพน้ื ท่ีการศึกษา ตามภาระความรับผดิ ชอบ สามารถดำเนินการ
โดยประเมินคุณภาพผลสัมฤทธิ์ของผเู้ รียนดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานท่ีจดั ทำและดำเนนิ การ โดยเขตพืน้ ท่ีการศึกษา
หรือด้วยความร่วมมอื กับหน่วยงานต้นสังกดั ในการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนขอ้ มูล
จากการประเมนิ ระดับสถานศึกษาในเขตพ้ืนที่การศึกษา” นอกจากนัน้ ภารกจิ สำคัญของเขตพื้นท่ีการศึกษา/

105

ท้องถิ่นในการบริหารจัดการหลักสูตรระดับท้องถิ่น ยังต้องกำหนดให้มีการประเมินคุณภาพผู้เรียนระดับ
ท้องถิน่ และรายงานผลคุณภาพของผูเ้ รียน

การประเมินคุณภาพผู้เรียนระดับท้องถิ่น เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการเรียนรู้
ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมถึงเป้าหมาย/จุดเน้นของท้องถิ่น ตามที่กำหนดไว้ในกรอบ
หลักสูตรระดับท้องถิน่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา สามารถดำเนินการโดยการ
ประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานหรือเครื่องมือที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่
การศึกษา หรือดว้ ยความรว่ มมอื กับสถานศกึ ษาในการดำเนินการจัดสอบ ได้แก่

1. กำหนดแผนงาน การวางแผนงาน และกำหนดสิ่งที่ต้องการประเมิน รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายที่จะ
ประเมนิ เครอื่ งมือทใี่ ช้ และชว่ งระยะเวลาในการประเมนิ อยา่ งชัดเจน โดยกำหนดไว้ชัดเจนในกรอบหลักสูตร
ระดบั ท้องถนิ่ เพ่ือแจ้งใหโ้ รงเรียนภายในเขตพื้นที่ทราบขอ้ มูลดงั กล่าวล่วงหน้า เพอ่ื เตรยี มพร้อมในการรับการ
ประเมนิ

2. พัฒนาคลังข้อสอบ จัดทำคลังข้อสอบมาตรฐาน เพื่อใช้ในการทดสอบ ซึ่งข้อสอบดังกล่าวควรมี
การวิจยั เพ่ือพฒั นาและปรับปรงุ เป็นระยะ เพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ สอบทมี่ ีคุณภาพ เทยี่ งตรง และเชอ่ื ถือได้

3. ใช้ผลการประเมินในการพัฒนา ผลการประเมินคุณภาพผูเ้ รียนเป็นข้อมูลพ้ืนฐานที่สำคัญสำหรบั
กำหนดนโยบาย วางแผนงาน และกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในเขตพื้นท่ี ข้อมูลดังกล่าว
เป็นประโยชน์อย่างย่ิงในการที่เขตพื้นที่จะวางแนวทางในการช่วยเหลอื ครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงเรยี นที่มี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นต่ำ

ส่วนท่ี 5

การนำกรอบหลกั สตู รระดบั ท้องถน่ิ สู่การพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระนอง จัดทำกรอบหลักสูตรท้องถิ่น เพื่อให้สถานศึกษา
นำไปใช้ในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาดงั นี้

1. ศึกษากรอบหลักสูตรระดับท้องถิ่น แล้วนำส่วนที่ 3 ไปวิเคราะห์ให้สอดคล้องกับหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เพื่อกำหนดวิสยั ทัศน์ เป้าหมายจุดเนน้ ของสถานศึกษา

2. วิเคราะห์มาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
เพ่ือจดั ทำคำอธบิ ายรายวชิ า โครงสรา้ งรายวชิ า และหนว่ ยการเรียนรู้

3. นำกรอบหลักสตู รระดบั ท้องถิ่นสู่การพัฒนาหลักสตู รสถานศึกษาโดยเลอื กใชแ้ นวทางดังน้ี
- สอดแทรกในรายวิชาพน้ื ฐาน
- จดั เปน็ รายวชิ าเพม่ิ เติม
- จดั เปน็ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน
- จัดกิจกรรมและบรรยากาศสง่ เสริมการเรยี นร้ตู ามกรอบหลกั สูตรระดับทอ้ งถิ่น

4. วัดและประเมนิ ผลตามระเบียบว่าดว้ ยการวัดและประเมนิ ผลของสถานศกึ ษา และให้สอดคล้องกับ
แนวทางการวัดและประเมินผลตามกรอบหลกั สตู รระดับทอ้ งถ่นิ

107

บรรณนกุ รม

กระทรวงศกึ ษาธิการ.(๒๕๕๑) หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑.กรุงเทพฯ:
โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั .

กลุม่ สง่ เสรมิ การศาสนาและวัฒนธรรม สำนักงานศกึ ษาธกิ ารจงั หวดั ระนอง. (๒๕๔๒) ชอ่ื บา้ นนามเมอื ง
วฒั นธรรม พัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์ เอกลกั ษณแ์ ละภมู ิปัญญา. จังหวัดระนอง.

สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน.(๒๕๕๑) ตวั ช้วี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕๕๑.กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ ุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั .
.(๒๕๕๑) ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นร้แู กนกลางกลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ตาม
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพช์ มุ นมุ
สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั .
.(๒๕๕๑) ตวั ช้วี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลางกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ตาม
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนุม
สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด.
.(๒๕๕๑) ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา
และวฒั นธรรม ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑.
กรงุ เทพฯ:โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด.
.(๒๕๕๑) ตัวชี้วดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลางกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาองั กฤษ ตาม
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พช์ ุมนมุ
สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั .
.(๒๕๕๑) ตัวชว้ี ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุม่ สาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ ตาม
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ชุมนมุ
สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั .
.(๒๕๕๑) ตัวชี้วดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลางกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สุขศึกษาและ
พลศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ :
โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั .
.(๒๕๕๑) ตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลางกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและ
เทคโนโลยี ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑. กรงุ เทพฯ :
โรงพิมพ์ชมุ นมุ สหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกัด.
.(๒๕๕๑) แนวทางในการจดั ทำกรอบหลักสูตรระดับทอ้ งถนิ่ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษา
ขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทีม่ า www.obec.go.th
(16 มนี าคม 2563)

ภาคผนวก

109

คณะทำงาน

1. นางสาวพนอ ทิพย์พมิ ลรตั น์ ผ้อู ำนวยการสำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาระนอง
2. นางสทุ ธริ า หงษเ์ จริญ รองผอู้ ำนวยการสำนกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศึกษาระนอง
3. นายปรีชาพล ทองพลอย ผู้อำนวยการกลุม่ นิเทศติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา

4. นางเพ็ญณี แกว้ เก้ือกูล ศึกษานเิ ทศก์
5. นายษณกร เสนาะเสยี ง ศึกษานเิ ทศก์
6. นางนนั ทน์ ภสั สกั ขาพรม ศกึ ษานิเทศก์
7. นางสาวอรวรรณ สวัสดิ์ ศึกษานเิ ทศก์
8. นางศุภศิริ ชัยวชั รินทร์ ศึกษานิเทศก์
9. นางสาวสุวรรณี คงทองจนี ศกึ ษานเิ ทศก์
10. นางสาวชอ่ เพชร พฤกษว์ รณุ ศกึ ษานเิ ทศก์
11. นางสาวอัจฉราวดี อรา่ มวทิ ยานุกูล ศกึ ษานเิ ทศก์
12. นายโกมาส รสเกดิ ผู้อำนวยการโรงเรยี นกระบรุ ี
13. นางจิราภรณ์ จันทรส์ งค์ ผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นระนองมติ รภาพที่ 60
14. นายชรณุ สนุ ทรนนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านราชกรดู
15. นางชาลี คธาเพช็ ร ผู้อำนวยการโรงเรยี นอนบุ าลบา้ นดา่ น
16. นายมนตรี สังขช์ มุ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลระนอง
17. นายจตุพร พณิ แก้ว ผ้อู ำนวยการโรงเรยี นบ้านบางปรุ
18. นายมนสั สกั ขาพรม ผอู้ ำนวยการโรงเรียนบ้านบางสกี มิ้
19. นายนพรตั น์ ศรสี กลุ ผู้อำนวยการโรงเรียนบา้ นบางขุนแพง่
20. นายอนสุ รณ์ คงเจริญเมอื ง ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นบ้านสุขสำราญ
21. นางดวงพร รอดคุ้ม ผู้อำนวยการโรงเรยี นบ้านลำเลยี ง
22. นางวลั ลดา จนั ทรว์ ฒั นเดชากุล ครูโรงเรยี นอนบุ าลระนอง
23. นางเกษศริ ิ อริยประยูร ครโู รงเรียนบ้านทงุ่ หงาว
24. นางสาวณศภิ สั ร์ อมรอกั ษรสิทธิ์ ครูโรงเรียนอนุบาลระนอง
25. นางรมั ภา สรรพกลุ ครโู รงเรียนอนุบาลระนอง
26. นางจุฬาลกั ษณ์ วีรวงศ์ววิ ัฒน์ ครูโรงเรียนอนุบาลบ้านด่าน
27. นางเยาวนิตย์ พรมเรอื ง ครโู รงเรียนนคิ มสงเคราะห์


Click to View FlipBook Version