ยารตั นเศรษฐีลงวันเสารเ์ ดือน ๔ ขึน้ ๑๒ ค่ำ ปชี วดอัฐศกฉบบั ๑ ประทับตรากรมการ ๑๑
รายชื่อ ใจความว่าพวกจีนยังกำเริบอยู่ขอให้เรือรบกลับไปเมืองระนองอีกสักครั้งหน่ึงก่อน
ในเวลานั้นที่เมืองภเู กต็ พวกจนี โจรยังลอบเผาบ้านเรือนของราษฎรฆา่ ฟันกัน แต่ยงั ไมท่ ราบ
ว่าไทยจีนจะตายสักเท่าใดพวกจีนหัวหน้าพวกจีนต้นแซ่รวม ๕๐ นาย พากันเข้ามาท่ี
ออฟฟิศปรึกษาพร้อมกันทำหนังสือสัญญาไว้ต่อข้าพระพุทธเจ้าและพระยาวิชิตสงคราม
จางวางใจความวา่ พวกจีนหัวหนา้ ซงึ่ เปน็ ต้นแซ่จะกำชับพวกจีนตามแซ่มใิ ห้เท่ียวปลน้ ชิงเผา
บ้านเรือนทำอันตรายแก่คนฝ่ายไทย และจะห้ามพวกจีนมิให้ถือเครื่องศัสตราวุธเข้ามาใน
เมืองจีนผู้ใดไม่ฟังจะเอาปืนยิง ถ้าถูกตายจะตรวจดูว่าคนที่ตายนั้นเป็นแซ่ไหนแน่แล้วจะ
ปรบั ไหมจนี หวั หน้าตน้ แซ่น้นั ใหก้ ับผู้ตาย ณ วนั องั คาร เดอื น ๔ ขน้ึ ๑๕ ค่ำ ข้าพระพทุ ธเจา้
ให้กัปตันไตเกลอพาเรือมรุธาวสิทธิสวัสดิ์ถือหนังสือไปถึงเจ้าพระยาไทรบุรี ขอคนมาช่วย
รักษาเมืองภูเก็ตและได้เขยี นหนังสอื ถึงกรแนนแอนเซนแลบเตอแนล เกาวนาปนี งั ความว่า
พวกจนี เมอื งระนอง เมืองภเู ก็ต เกิดวิวาทกนั ขน้ึ กบั พวกคนไทย ขอใหแ้ ลบเตอแนลเกาวนา
ห้ามปืนกะสุนดินดำ อย่าให้ลูกค้าบรรทุกเข้ามาขายในเมอื งไทยแล้วได้สัง่ ใหก้ ัปตนั ไตเกลอ
ซื้อกศั รสิ ปสั ตันปืน
๔๑. สไนเดอเขา้ มาใชส้ ำหรับเมืองภเู กต็ ดว้ ย ร่งุ ขึ้น ณ วนั พฤหสั บดีเดือน ๔ แรมคำ่
๑ พระพลสงครามเมืองถลางให้ขุนหมืน่ ลงมาแจ้งแก่ข้าพระพทุ ธเจ้าว่า พระยาถลางเกณฑ์
ไพร่ ๘๕ คน ให้พระพลสงครามคุมมาแต่วันจันทร์ เดือน ๔ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ครั้นมาถึงท่าเรือ
ทราบว่าพวกจีนตั้งกองกักด่านทางไม่ให้คนไทยไปมาได้ พระพลสงครามจะพาไพร่ฝ่าพวก
จีนมาเกรงจะเกิดความวิวาทขึ้น พระพลสงครามจึงรออยู่ที่บ้านริพร ข้าพระพุทธเจ้ากับ
พระยาวิชิตสงครามจงึ ใหจ้ นี ลิมเถขึ้นไปรับพระพลสงครามคุมไพรล่ งมาถึงเมอื งภเู ก็ต ณ วัน
พฤหัสบดี เดือน ๔ แรม ๒ ค่ำ พระบริสุทธิโลหภูมินทรผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วทุ่งคุมขุน
หมื่นนายไพร่ รวม ๑๐๐ คน มาถึงเมืองภูเก็ต ณ วันศุกร์อาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๓ ค่ำ พระ
ยาณรงค์เรืองฤทธิ์ประสิทธิสงดงามผู้ว่าราชการเมืองถาง คุมขุนหมื่นนายไพร่ รวม ๒๐๐
คน ในมาถึงเมืองภูเก็ต ณ วันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๕ ค่ำ เมืองพังงาพระยาบริรักษ์ภูธร
ผู้วา่ ราชการเมืองพังงา แต่งใหพ้ ระณรงคช์ ลธี หลวงสัสดี คุมขุนหม่ืนนายไพรร่ วม ๑๐๐ คน
มาถึงเมืองภูเก็ต ณ วนั จันทร์ เดอื น ๔ แรม ๖ ค่ำ เมืองไทร เจ้าพระยาไทรบุรี แต่งให้ตนกู
สะมาแอ ตนกมู ุสา หวนั อาหวงั คุมแขกไพร่ ๓๓๕ คน มาด้วยเรือมุรธาวสิทธ์สวสั ด์ิ ถงึ เมอื ง
ภูเก็ต ณ วันอังคารเดือน ๔ แรม ๗ ค่ำ เจ้าพระยาไทรบรุ ีมีหนังสือไปถึงข้าพระพุทธเจา้ ว่า
เจ้าพระยาไทรบุรียัง กวาดหาคนให้เรือสติมลอนบรรทุกเพิ่มเติมมาครั้งหลังอีก ๑๖๕ คน
คนหัวเมอื งยกมาถึงเมืองภเู ก็ตแล้ว ๘๑๕ คน
๔๒. เมืองภูเก็ต ๓๗๓ คน ทหารเรือรบ ๑๒๐ คน รวม ๑,๓๐๘ คน และกับตันไต
เกลอแจ้งว่ากัศริสปัสตันปนี สไนเดอจดั ซอท่เี มืองเกาะหมากไม่ไดก้ รแนนแอนเสลยอมให้ยืม
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๐
ของคอเวอแมนต์มาใช้พลางก่อน ๔,๐๐๐ ปัสตัน และที่อำเภอฉลองแขวงเมืองภูเก็ต พวก
ไทยพวกแขกแตกหนีเข้าป่าพาครอบครัวประชุมกันอยู่ ชายฉกรรจ์ประมาณ ๑๕๐ คน
พวกจีนคุมกัน ๒๐๐ - ๓๐๐ คนจะไปปล้นเผาบ้านเรือนไทยแขกต่อไปอีก พวกไทยพวก
แขกสู้รบกับพวกจีนแตกถอยมา พวกไทยพวกแขกเอาไฟเผาทับโรงจีนที่อำเภอฉลอง
ประมาณ ๔๐ - ๕๐ โรง พวกจีนกับพวกไทยแขกสรู้ บกันมาถึง ณ วันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๓
คำ่ (๑) ขา้ พระพุทธเจ้า และพระยาวิชิตสงครามใหก้ รมการจนี หวั หน้าขึน้ ไปห้ามปรามพวก
ไทยจีนทั้งสองฝ่ายค่อยหยุดลง แต่พวกไทยจีนซึ่งผูกใจเจ็บแค้นแกก่ ันยังคมุ พวกละ ๔ - ๕
คน ลอบกระทำร้ายแก่กันตามดงป่าแขวงอำเภออยู่บ้าง พวกจีนคนร้ายเห็นกองทัพมา
พร้อมกันก็มีความกลัวพากันหนีออกจากบ้านเมืองบ้าง การเหมืองแร่ดีบุกได้ลงมือทำการ
เปน็ ปกติแล้วบ้างก็มี ทีย่ ังหวาดหวน่ั อย่มู ไิ ด้ลงทำการเหมืองแรก่ ็มี ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วย
เกล้าฯ ว่า การที่เมืองภูเก็ตถ้าไม่จัดเสียให้เรียบร้อยพวกพ่อค้า ซึ่งตั้งทำมาค้าขายและ
ราษฎรไทยแขกเห็นไม่อาจอยู่คงจะพากันอพยพออกจากบ้า นเมืองไปอยู่เมืองอื่นเสีย
โดยมากและหนงั สือพระยา
(๑) การที่ชาวเมืองสู้รบจีนที่อำเภอฉลองครั้งนั้น ด้วยได้เจ้าอธิการวัดฉลองซึ่งนับ
ถือกันว่าเป็นผู้มีวิทยาคมขลังคุ้มครอง เมื่อเสร็จการปราบจีนแล้ว โปรดฯให้ตั้งพระอธิการ
นน้ั เปน็ พระครวู สิ ุทธิวงศาจารย์
๔๓. รัตนเศรษฐีซึ่งมีมาถึงข้าพระพุทธเจ้า ว่าด้วยจีนที่เมืองระนองกำเริบน้ัน
ข้าพระพุทธเจ้าได้คัดสำเนาหนังสือฉบับที่ ๑ ฉบับที่ ๒ ฉบับที่ ๓ ใส่มาในซองนี้ด้วยแล้ว
ควรมคิ วรสดุ แล้วแต่จะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ บอกมาณวันพฤหัสบดี เดอื น ๔ แรม ๙
ค่ำ ปีชวดอัฐศก การปราบปรามพวกจีนกุลีที่เมืองภูเก็ตถงึ ต้องเกณฑ์กำลังตา่ งเมืองไปช่วย
คล้ายกับเป็นการสงครามจึงปราบปรามลงได้แต่นั้นรัฐบาลก็จัดวางการป้องกัน คือ ให้
เพิ่มเติมกำลังโปลิศและทหารอยู่ประจำ เป็นต้น ก็มิได้มีเหตุเช่นนั้นขึ้นอีก เมื่อก่อนที่จะ
เกิดเหตุเรื่องจีนกุลีกำเริบที่เมืองระนอง พระยารัตนเศรษฐี (คอซู้เจียง) มีใบบอกเข้ามา
กราบบังคมทูลฯ ว่ามีความแก่ชราลงมากแล้ว ขอพระราชทานกราบถวายบังคมลาไปเมอื ง
จนี เพือ่ ไปบำเพ็ญการกุศลทบี่ ้านเดิมสักครั้งหน่ึง ไดพ้ ระราชทานพระบรมราชานุญาติให้ไป
ตามประสงค์ พอพระยารัตนเศรษฐี (คอซเู้ จยี ง) กลับมาจากเมืองจนี ไมช่ ้านกั ก็เกิดเหตุพวก
จีนกุลกี ำเริบ ครัน้ เมอ่ื ปราบปรามเรยี บรอ้ ยแล้ว พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชดำริวา่ พระยารตั นเศรษฐี (คอซเู้ จยี ง) แกช่ รา จึงพระราชทานสัญญาบัตรเล่ือน
ยศพระยารัตนเศรษฐี (คอซู้เจียง) ขึ้นเป็นพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี ตำแหน่งจางวางผู้
กำกับราชการเมืองระนอง และทรงตั้งพระศรีโลหภูมิพิทักษ์ (คอซิมก๊อง) ซึ่งเป็นบุตรคน
ใหญ่และเป็นตำแหนง่ ผู้ชว่ ยราชการอยู่ในเวลาน้นั เป็นพระยารัตนเศรษฐี ผวู้ ่าราชการเมือง
ระนอง เมื่อปฉี ลู พ.ศ. ๒๔๒๐ มสี ำเนาตราพระคชสหี ์นำเมอื ง
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๑
๔๔. ตราตั้งพระยารัตนเศรษฐี (คอซู้เจียง) เป็นพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
สาตราทา่ นเจ้าพระยาอัครมหาเสนาบดี อภยั พิริยปรากรมพาหุ สมหุ พระกระลาโหม มาถึง
พระยารัตนเศรษฐีผู้ว่าราชการเมืองระนอง ด้วยพระยารัตนเศรษฐีคนเก่าเข้ามา
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลพระกรุณาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย
การที่จีนเกิดกบฏ ณ เมืองระนองตั้งแต่เกิดขึ้นจนข้าหลวงผู้มีอำนาจและทหารไปด้วยเรือ
รบกลไฟชื่อมุระธาวสิตสวัสดีพร้อมด้วยผู้ว่าราชการเมืองกรมการชำระตัดสินทำโทษตาม
โทษานุโทษเสร็จ บ้านเมืองเรียบร้อยเป็นปกติได้ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาททุก
ประการแล้ว มีพระบรมราชโองการมาณพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้าเหนือ
กระหม่อมสั่งว่า ทรงพระมหากรุณาตั้งให้พระยารัตนเศรษฐีเป็นผู้ว่าราชการเมืองระนอง
รักษาพระราชอาณาเขต ทำนุบำรุงบุตรหลานกรมการไพร่บ้านพลเมืองลูกค้าวาณิชได้ทำ
มาหากนิ อยเู่ ยน็ เปน็ สขุ พระยารตั นเศรษฐีได้รบั ทำภาษีผลประโยชน์ ซ่งึ เกดิ ขึน้ ในบา้ นเมือง
ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายก็มากถึงงวดถึงปีบอกส่งเข้ามาณกรุงเทพมหานครมิได้ตกค้าง
ทรงพระราชดำริเห็นว่าพระยารัตนเศรษฐีเป็นผู้ว่าราชการเมืองมาช้านานจนแก่เฒ่าชรา
จะว่าราชการบ้านเมืองก็เป็นความลำบากแก่ตัวพระยารัตนเศรษฐีมากได้พระราชทาน
สญั ญาบัตรตงั้ ใหพ้ ระศรีโลหภูมิ
๔๕. พิพักษ์ผู้ช่วยราชการซึ่งเป็นบุตรผู้ใหญ่ เป็นที่พระยารัตนเศรษฐีผู้ว่าราชการ
เมืองให้สืบตระกูลโดยมีความชอบในราชการแผ่นดินจะเพิม่ ยศขนให้เป็นพระยาจางวาง ก็
พอกราบถวายบังคมลาไปเมืองจีนการจึ่งได้ค้างอยู่ ครั้นนี้จึงเกิดกบฏขึ้น ณ เมืองระนอง
กรุงเทพมหานครกแ็ ต่งข้าหลวงมีอำนาจคุมทหารปืนใหญ่เลก็ และเกณฑ์กองทัพหัวเมืองมา
ช่วยระงับปราบปราม พระยารัตนเศรษฐีกลับมาแต่เมืองจีนถึงเมืองระนองทันราชการ ได้
ช่วยข้าหลวงทหารปืนใหญ่เล็กและกองทัพหัวเมืองปราบปรามทำโทษจีนคนชั่วราบคาบ
บ้านเมืองจึงเรียบร้อยได้โดยเร็ว พระยารัตนเศรษฐีมีความชอบในราชการแผ่นดินจึงโปรด
เกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานสัญญาบัตร เลื่อนยศพระยารัตนเศรษฐีขึ้นเป็นพระยา
ดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวางกำกับราชการเมืองระนอง ถือศักดินา ๓,๐๐๐ พระราชทาน
โต๊ะทองคำใหญ่ ๑ คนโททองคำ ๑ กะโถนทอง ๑ สัปทนบัศตูแดง ๑ เป็นเครื่องยศกับ
เสื้อผ้าตามบรรดาศักดิ์ ออกมาทำราชการฉลองพระเดชพระคุณพร้อมด้วยพระยารัตน
เศรษฐีผู้ว่าราชการเมืองกรมการแล้วให้พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวางเอาเครื่องยศ
เดิมสำหรับท่ีพระยารัตนเศรษฐีน้ันพระราชทานให้แก่พระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมือง
เป็นเกียรติยศสืบไปให้พระยารัตนเศรษฐีผู้ว่าราชการเมืองกรมการฟังบังคับบัญชาพระยา
ดำรงสุจรติ มหิศรภักดจี างวางถ้ามรี าชการเกิดข้ึนแก่บา้ นเมือง
๔๖. ประการใดใหพ้ ระยารัตนเศรษฐีผวู้ ่าราชการเมืองกรมการปรึกษาหารือพระยา
ดำรงสุจรติ มหศิ รภักดจี างวางตามซง่ึ เห็นพร้อมชอบด้วยราชการ อยา่ ถอื เปรยี บแก่งแย่งให้
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๒
เสียราชการไปแต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ อนึ่งถ้าถึงกำหนดงวดกำหนดปสี ่งเงินภาษีอากร ณ เมือง
ระนองเมื่อใด ก็ให้พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวาง พร้อมด้วยพระยารัตนเศรษฐีผู้ว่า
ราชการเมืองกรมการ รวบรวมเงินภาษีอากรเข้าหีบปดิ ตราประจำคร่ัง แต่งกรมการคุมเขา้
มาส่ง ณ กรุงเทพมหานคร อย่าให้เงินภาษีอากรค้างล่วงงวดล่วงปีไปได้ อนึ่งถ้าถึงเทศกาล
พระราชพิธีตรุษสารท ก็ให้พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวาง ไปพร้อมด้วยพระยารัตน
เศรษฐีผู้ว่าราชการเมืองกรมการณ์พระอารามตามเคย จำเพาะพระพักตร์พระพุทธเจ้า
พระธรรมเจา้ พรสงฆ์เจา้ ป่ายหนา้ ตอ่ กรุงเทพมหานคร กราบถวายบงั คมต่อใตฝ้ ่าละอองธุลี
พระบาท ทำสัตยานุสัตย์ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา
จุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระคุณธรรมอันมหาประเสริฐแล้วรับ
พระราชทานน้ำพระพิพัฒน์สัตยาปีละ ๒ ครั้ง อย่าให้ขาดได้ อนึ่งให้พระยาดำรงสุจริต
มหศิ รภกั ดจี างวาง กำชบั ห้ามปรามบตุ รหลานเสมียนทนายบ่าวไพร่ขา้ ทาสสมกำลงั อย่าให้
คบหากันสูบฝิ่นกินฝิ่นซื้อฝิ่นขายฝิ่น และเป็นโจรผู้ร้ายปล้นสดมภ์ลักช้างม้าโคกระบือ ตัด
พกฉกชิงว่ิงราวฉ้อตระบัตเอาพสั ดุทองเงนิ เครือ่ งอญั มณีของสมณะ
๔๗. ชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎร ไพร่บ้านพลเมืองลูกค้าวาณิชทางบกทางเรือ
ให้ได้ความเดือดรอ้ นแตส่ ิง่ ใดส่ิงหนง่ึ ได้ คร้นั ลุสารตรานี้ไซ้ให้พระยารตั นเศรษฐผี ู้ว่าราชการ
เมืองกรมการจำลองลอกเอาท้องตราตั้งนี้ไว้ แล้วประทวนส่งต้นตราตั้งและตราจำนำ
สำหรับที่บัญชีจำนวนเลขสำหรับเมือง ให้แก่พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวางเข้ารับ
ราชการตามตำแหน่งสืบไป สารตรามาณวันพฤหัสบดี เดือน ๙ แรม ๖ ค่ำ จุลศักราช
๑๒๓๙ ปฉี ลูนพศก ตรารปู มนุษยถ์ ือสมดุ ประจำครง่ั ตราพระคชสีห์น้อยประจำผนกึ
สำเนาตราตั้งพระศรีโลหภูมิพิทักษ์ (คอซิมก๊อง) เป็นพระยารัตนเศรษฐี สารตรา
ท่านเจ้าพระยาอัครมหาเสนาบดีอภัยพิริยปรากรมพาหุ สมุหพระกระลาโหม มาถึงหลวง
ปลัด หลวงมหาดไทย หลวงศักดิศรีสมบัติผู้ว่าราชการ กรมการอยู่รักษาเมืองระนอง ด้วย
พระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมืองระนอง ทำเรื่องราวให้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า
พระยารัตนเศรษฐีแก่ชราอายุ ๗๘ ปี ขอลาออกนอกราชการ กราบถวายบังคมลาไปเมือง
จีนทำบุญให้บิดามารดาญาติพี่น้องสักครั้งหนึ่ง ขอให้พระศรีโลหภูมิผู้ช่วยราชการว่า
ราชการบ้านเมอื งตอ่ ไป จงึ มีพระบรมราชโองการมาณพระบญั ฑรู สรุ สิงหนาท
๔๘. ดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมว่า พระศรโี ลหภมู ผิ ชู้ ว่ ยราชการเป็นบุตรใหญ่
(พระยารัตนเศรษฐี) ได้ทำราชการสนองพระเดชพระคุณช่วยพระยารัตนเศรษฐีรักษาบ้าง
เมืองมาช้านาน หามีระแวงในราชการแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ ใจคอมั่นคงสมควรเป็นผู้ใหญ่
รักษาบ้านเมืองได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามสัญญา
บัตรให้พระศรีโลหภูมิผู้ช่วยราชการ เป็นที่พระยารัตนเศรษฐีผู้ว่าราชการเมืองระนอง ถือ
ศักดินา ๓,๐๐๐ ไร่ พระราชทานสปั ทนคนั ๑ ลกู ประคำปล่ำทองสาย ๑ โตะ๊ ทองคำ ๑ กะ
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๓
โถนทองคำ ๑ กาทองคำ ๑ กระบี่บั้นทองคำ ๑ หมวกตุ้มปี่ทรงประพาส ๑ เสื้อทรง
ประพาสตัว ๑ เสื้อมังกร ๔ เล็บตัว ๑ เสื้อเข็มขาบริ้วดีตัว ๑ ผู้ปูมเขมรผืน ๑ ผ้าแพรขาว
ผืน ๑ เป็นเครื่องยศออกมาทำราชการฉลองพระเดชพระคุณสืบตอ่ ไป ให้หลวงปลัด หลวง
มหาดไทย หลวงศักดิศรีสมบัติผู้ช่วยราชการกรมการ นายกองบอกส่วยอากรเมืองระนอง
ฟังบังคับบัญชาพระยารัตนเศรษฐีผู้ว่าราชการเมือง แต่ซึ่งชอบด้วยราชการตามอย่างตาม
ธรรมเนียมสืบมาแต่ก่อน อย่าให้ถือเปรียบแก่งแย่งให้เสียราชการไปแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ให้
พระยารัตนเศรษฐีมีน้ำใจโอบอ้อมทำนุบำรุงญาติพี่น้องในวงศ์ตระกูลและกรมการผู้ใหญ่
ผู้น้อยไพร่บ้านพลเมืองลูกค้าวาณิชให้ได้ความสุขสบายให้บ้านเมืองเจริญบริบูรณ์ขึ้นจะได้
เป็นความชอบสืบไป อนึ่งถึงเทศกาลพระราชพิธีตรุษสารทก็ให้พระยารัตนเศรษฐีพร้อม
ด้วย
๔๙. ญาตพิ ีน่ อ้ งแลกรมการผใู้ หญ่ผนู้ ้อยไป ณ พระอารามตามเคยเฉพาะพระพักตร์
พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า บ่ายหน้าต่อกรุงเทพพระมหานครกราบถวาย
บังคมต่อใต้ฝ่าละออกธุลีพระบาท ทำสัตยานุสัตย์ทูลเกล้าทูลกระหม่ อมถวายแด่
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระ
คุณธรรมอันมหาประเสริฐแล้วรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒน์สัตยาปีละ ๒ ครั้ง ตามอย่าง
ธรรมเนียมจงทุกปีอย่าให้ขาดได้ มีพระราชโอวาทสำหรับที่ผู้ว่าราชการเมือง ประทับตรา
พระคชสีหอ์ อกมาด้วยฉะบับ ๑ ความแจง้ ทกุ ประการแล้ว สารตรามาณวนั ศุกร์ เดือนยี่ ขน้ึ
ค่ำหนึ่ง ปีระกา เบ็ญจศก ตรารูปมนษุ ย์ถือดาบประจำครัง่ ตราพระคชสีหน์ ้อยประจำผนกึ
ตั้งแต่ออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองแล้วพระยาดำรงสุจริตก็คิดจัดแบ่งการค้าขายท่ี
เคยทำให้แก่บุตร คือ ในบรรดาการที่เมืองระนองมอบให้พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง)
การที่ห้างโกหงวน ณ เมองเกาะหมากมอบแก่หลวงศรีโลหภูมิพิทักษ (คอซิมขิม) การที่
เมอื งหลังสวนมอบใหพ้ ระจรูญราชโภคคากร (คอซมิ เต๊ก) และส่งนายคอซมิ บ๋บี ุตรคนเล็กให้
ไปเล่าเรียนที่เมืองจีน ตัวเองเป็นแต่ผู้ตรวจตราดูแล นอกจากนี้คิดทำพินัยกรรมสั่งให้ผู้รับ
มฤดกรวมทรพั ยท์ ีไ่ ด้รับมฤดกนนั้ เป็นทนุ ในหา้ งโกหงวน ทำการคา้ ขายหาผลประโยชน์ไป
๕๐. ด้วยกัน ตลอดเวลานับตั้งแต่พระยาดำรงสุจริตฯ (คอซู้เจียง) ถึงอนิจกรรมไป
อีก ๓๐ ปี จึงให้แบ่งทรัพย์มฤดกแยกกันไปได้ พระยาดำรงสุจริต (คอซู้เจียง) อยู่มาจนปี
มะเมีย พ.ศ. ๒๔๒๕ จึงถึงอนิจกรรม เมื่ออายุได้ ๘๖ ปี เมื่อพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
(คอซู้เจียง) ถึงอนิจกรรมแล้วนายคอซิมบิ๋ซึ่งบิดาส่งให้ไปเล่าเรียนที่เมืองจีนนั้นเสร็จ
การศึกษากลับมา พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง) ผู้พี่นำถวายตัวเป็นมหาดเล็ก
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญา
บัตรบรรดาศักดิ์เป็นหลวงบิรรักษโลหวิสัย ตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองระนองแล้ว พระ
ยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง) ผู้เป็นหวั หน้ากับบรรดาบตุ รหลานของพระยาดำรงสุจริตฯ มีใบ
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๔
บอกเข้ามายังกรุงเทพฯ ว่าได้จัดการฝังศพไว้ที่เมืองระนองตามประเพณีจีนขอรับ
พระราชทานพระบรมราชานญุ าตทำคำจารึกศิลาปักไว้ให้เป็นเกียรติยศ ณ ที่ฝังศพโปรดฯ
ให้ตรวจคำจารึกนั้นแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้
ทำตามประสงค์
สารตราพระราชทานคำจารึกป้ายปักหน้า ฮ่องซุ้ย และเครื่องขมาศพ พระยาดำรง
สุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) สารตราท่านเจ้าพระยาอัครมหาเสนาบดีอภัยพิริยปรากรม
พาหุ สมุหพระกระลาโหมมาถงึ พระยารตั นเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมอื ง พระศรีโลหภูมิพทิ ักษ
ผชู้ ่วยราชการ หลวงบรริ ักษโลหวสิ ัย ผชู้ ่วยราชการ
๕๑. พระจรูญราชโภคากร ผู้ว่าราชการเมือง หลวงสโมสรราชกิจ ปลัดและบุตร
หลานญาติพน่ี อ้ งวงศ์ตระกูลพระยาดำรงสุจรติ มหิศรภกั ดีจางวาง ณ เมอื งระนอง เมอื งหลงั
สวน ด้วยพระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมือง พระศรีโลหภูมิพิทักษผู้ช่วยราชการเมือง
ระนอง พระจรูญราชโภคากร ผู้ว่าราชการเมืองหลังสวน มีใบบอกลงวันอังคาร เดือน ๑๑
แรม ๑๑ ค่ำ ปีมะเมีย จักตวาศก ส่งจดหมายถามถ้อยคำผู้เฒ่าผู้แก่เมืองระนอง ให้หลวง
(สรร) พากรกรมการถือมามีความวา่ พระยาดำรงสจุ ริตมหิศรภกั ดี จางวางเมอื งระนองป่วย
เป็นวัณณโรคขึ้นที่สันหลัง หมอประกอบยารักษาพยาบาลอาการหาคลายไม่ ณ วัน
พฤหัสบดี เดอื น ๗ ข้นึ ๘ คำ่ ปีมะเมียจตั วาศกพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวาง ถึงแก่
อสัญญกรรม อายุได้ ๘๖ ปี ศพฝังมีฮ่องซุ้ยตามธรรมเนียมจีนที่เมืองระนองหาได้
พระราชทานเพลิงไม่ พระยารัตนเศรษฐีพ่ีน้องบุตรหลานขอรบั พระราชทานจารึกป้ายศิลา
ปักหน้าฮ่องซุ้ยศพพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวาง จะได้เป็นเกียรติยศแก่บุตรหลาน
ซึ่งรับราชการฉลองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัวสืบไป มีความในใบบอก
หลายประการได้นำขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความ
ทราบฝ่าละอองธลุ ีพระบาทแล้วมพี ระบรมราชโองการ
๕๒. มาณพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งว่า พระยา
ดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวางรับอำนาจแต่ท่านเสนาบดี ซึ่งได้บังคับหัวเมืองฝ่ายทะเล
ตะวันตกในการนั้นไปเป็นผู้ก่อสร้างเมืองระนอง ชักชวนไทยจีนและลูกค้ามาตั้งบ้านเรือน
ทำเรือกสวนไร่นาเป็นภูมิฐานบ้านเมืองขึ้น พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวางทำเหมือง
ดีบุกลงทุนให้ราษฎรขุดร่อนแร่ดีบุกมาขึ้นโรงกลวง สูบฉลุงได้เนื้อดีบุกจำหน่ายเก็บภาษี
ทำนุบำรุงบ้านเมืองเกิดภาษีผลประโยชน์แผ่นดินเจริญ พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
จางวางทำนุบำรุงบุตรชายใหญ่เล็กได้ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณสบื ตระกูลและทำนุ
บำรุงอาณาประชาราษฎรลูกค้าวาณิชได้ทำมาหากินอยู่เย็นเป็นสุข พระยาดำรงสุจริต
มหิศรภักดีจางวางมีความชอบต่อราชการแผ่นดินเป็นอันมาก ซึ่งพระยารัตนเศรษฐีผู้ว่า
ราชการเมืองระนองกับพี่น้องขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจารึกป้ายศิลาตั้งแต่
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๕
วันเดือนปีเกิดตำบลบ้านเมืองจนี แล้วทำมาหากินอยูใ่ นประเทศสยาม พระบาทสมเดจ็ พระ
เจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาชุบเลี้ยงมียศบรรดาศักดิ์ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาจนถึงแก่อสัญกรรมจะได้ปักหน้าฮ่องซุ้ยศพพระยาดำรง
สุจริตมหิศรภักดีจางวางให้เป็นเกียรติยศแก่บุตรหลานตามธรรมเนียมจีน จึงโปรดเกล้า
โปรดกระหมอ่ มให้อธิบดกี รมพระกระลาโหมซึ่งได้บงั คับหัวเมอื งฝ่ายใต้ ฝา่ ยทะเลตะวันตก
เรียบเรยี งอักษรถ้อยคำ
๕๓. จารึกป้ายนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายทรงทอดพระเนตรเห็นสมควร
ใช้ได้แล้ว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จารึกป้ายศิลาส่งออกมาพระราชทานพระ
ยารัตนเศรษฐกี บั พ่นี อ้ ง ปักหน้าฮ่องซยุ้ ศพพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวางเถิดได้โปรด
เกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าพนักงานจัดธูปเทียนดอกไม้จันทน์ประจุหีบเหมือนศิลาหน้า
เพลิงสำรับ ๑ เงินเฟื้อง ๓๐๐ เฟื้อง ผ้าไตร ๕ ไตร ผ้าขาว ๑๐ พับ ร่ม ๕๐ คัน รองเท้า
๕๐ คู่ มอบใหห้ ลวง (สรร) พากรกรมการคุมออกมาพระราชทานแก่พระยารตั นเศรษฐีผู้ว่า
ราชการเมืองระนองกับพี่น้องให้ทำบุญในการศพพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีจางวางโดย
สมควรแกย่ ศบรรดาศกั ด์ิ แตธ่ ปู เทยี นดอกไม้จันทน์น้นั เป็นของหลวงขมาศพให้พระยารัตน
เศรษฐีผู้ว่าราชการเมืองระนองเชิญหีบธูปเทียนดอกไม้จันทน์ขึน้ ต้ังบนทีห่ น้าป้ายศิลาตาม
สมควร เงินเฟื้องผ้าไตรผ้าขาวร่มรองเท้านั้นให้มีเทศนาชักบังสกุลมหาบังสกลุ และทิ้งทาน
ถา้ ทำบุญเสรจ็ แล้วเปน็ จำนวนพระสงฆ์มากน้อยเทา่ ใดให้มีใบบอกถวายพระราชกศุ ลเข้ามา
ให้แจ้ง สารตรามาณวันพฤหัสบดี เดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีมะแมเบ็ญจศก ศักราช ๑๒๔๕
(พ.ศ. ๒๔๒๖) ตรารูปมนษุ ย์ถอื สมดุ ประจำครั่งตราพระคชสีหน์ อ้ ยประจำผนกึ
๕๔. คำจารึกประวัติพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) จางวางเมืองระนอง
ประกาศไว้ ให้ท่านทั้งหลายผู้จะได้อ่านหนังสือนี้ทราบทั่วกันว่าเดิมท่านพระยาดำรงสุจรติ
มหิศรภักดีจางวางเมืองระนองนี้ท่านเป็นจีนฮกเกี้ยนเกิดในบ้านแอ่ชู่อำเภอระยองเขตต์
แขวงเมืองเจียงจิวหู ท่านเกิดนับตามวันข้างจีน เป็นวัน ๒๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะเส็ง นาม
เดิมชื่อซู้เจียงแซ่คอ ครั้นอายุครบ ๒๕ ปี ได้เข้ามาจากเมืองเจียงจิวหูมามีภรรยาตั้ง
บ้านเรือนทำมาหากินอยู่ ณ เมืองพังงาช้านาน จนค่อยเจริญขึ้นสืบมา ถึง ณ วันอังคาร
เดือน ๓ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีมะโรงฉศกศักราช ๑๒๐๖ พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอยู่หัวทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เป็นหลวงรัตนเศรษฐี นายอากรดีบุกเมืองระนองขึ้นเมือง
ชมุ พรไดท้ ำอากรดบี กุ แขวงเมอื งชุมพร เมืองกระบรุ ี เมอื งระนอง รวม ๑๐ ตำบล ทลู เกล้าฯ
ถวายเป็นอากรดีบุกปีละ ๔๓ ภารา ภายหลังโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้ว่าราชการเมืองระนอง
แต่ท่ีตำบลราดกรูด บางร้นิ พอนรัง้ ทง้ั ๓ ตำบลน้ียังไม่มบี ้านเรือน ผ้คู นตำบลเมืองระนอง
เมื่อแรกหลวงรัตนเศรษฐีมาตั้งทำภาษีอากร เมื่อปีมะเส็งสัปตศกศักรา ๑๒๐๗ นั้น ก็ยัง
เป็นป่ารกร้างว่างเปล่าอยู่มาก มีคนไทยจีนตั้งบ้านเรือนอยู่ ๑๗ ครอบครัว เหมืองคลองมี
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๖
บา้ งเลก็ นอ้ ยท่ีนั้นเป็นแขวงเมืองชุมพรยังไม่เป็นภมู ิบ้านเมือง ไม่มีเรือกสวนไร่นาทำเลท่ีทำ
มาหากนิ ครน้ั
๕๕. ณ ปีขาลฉศกศักราช ๑๒๑๖ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรด
เกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนยศหลวงรัตนเศรษฐีเป็นพระรัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการ
เมืองระนอง พระรัตนเศรษฐีมาตั้งบ้านเรือนอยู่เมืองระนองแล้วตั้งเกลี้ยกล่อมชักชวนไทย
จนี ใหม้ าตั้งทำมาหากนิ อยทู่ แี่ ขวงเมอื งระนองถึง ๙ ตำบล มีผู้คนบ้านเรือนตง้ั เปน็ ภูมิลำเนา
แนน่ หนาทำเหมืองดีบุกสร้างสวนไรน่ าปลูกพืชผลต่างๆ สมบรู ณเ์ ป็นภมู ิฐานบ้านเมืองสนุก
สำราญ ภาษอี ากรผลประโยชนแ์ ผ่นดนิ ก็เจริญมากขึน้ คร้นั วนั จนั ทร์ เดือน ๘ แรม ๑๐ ค่ำ
ปีจอ จตั วาศกศกั ราช ๑๒๒๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯเล่ือนยศ
ให้เป็นพระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมืองระนองยกเมืองระนองเป็นหัวเมืองจัตวาขึ้น
กรุงเทพฯ ครั้นบันลุถึงรัชกาลที่ ๕ ปัจจุบันนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯเลื่อนยศพระยารัตนเศรษฐีเป็นพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
จางวางเป็นอธิบดีในเมืองระนอง แล้วโปรดเกล้าฯตั้งพระศรีโลหภูมิบุตรที่ ๒ เป็นพระ
ยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมืองระนองแทนบิดาท่านพระยาดำรงสุจริตมหศิ รภักดีนี้ ได้รบั
ราชการมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๓ ตลอดมาจนถึงรัชกาลท่ี ๕ ฉลองพระเดชพระคุณโดยกตัญญู
กตเวทีซอ่ื ตรงดำรงสจุ รติ คิดใหผ้ ลประโยชนเ์ จริญขน้ึ เปน็ คุณแก่แผ่นดินโดยมาก ควรเป็นที่
สรรเสริญและเป็นแบบฉบับสำหรับข้าราชการทั้งปวง พระยาดำรงสุจรติ มหศิ รภักดีอยู่ในที่
จางวางเมืองระนองได้
๕๖. ๕ ปี ๙ เดือน ๑๖ วัน อายุ ๘๖ ปี ถึงอสัญกรรมวันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๘
ค่ำ ปีมะเมีย จัตวาศกศักราช ๑๒๔๔ มีบุตรชาย ๖ คน บุตรชายที่ ๑ (ชื่อคอซิมเจ่ง) เป็น
หลวงศรีโลหภูมิ ผู้ช่วยราชการเมืองระนองถึงแก่กรรม บุตรชายที่ ๒ (ชื่อคอซิมก๊อง) เป็น
พระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมืองระนองแทนบิดา บุตรชายที่ ๓ (ชื่อคอซิมจั๋ว) เป็น
หลวงศักดิศ์ รีสมบตั ิ ผู้ช่วยราชการเมืองระนองถึงแกก่ รรม บตุ รชายที่ ๔ (ชือ่ คอซมิ ขิม) เป็น
หลวงศรีโลหภูมิพิทักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองระนอง บุตรชายที่ ๕ (ชื่อคอซิมเต็ก) เป็นพระ
จรูญราชโภคากร ผู้ว่าราชการเมืองหลังสวน บุตรชายที่ ๖ (ชื่อคอซิมบี๋) เป็นหลวงบริรักษ์
โลหวิสัย ผู้ช่วยราชการเมืองระนอง บุตรชายทั้ง ๖ นี้ ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดีมา ควร
เป็นที่สรรเสริญว่าเป็นอนุชาตบุตรตั้งอยู่ในโอวาทบิดามารดา และมีกตัญญูกตเวทีรักษา
ชื่อเสียงของบิดามารดาเชิดชูให้ปรากฎอยู่ในแผ่นดินสยามสิ้นกาลนานได้จาฤกแผ่นศิลา
ประกาศไว้ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น ๙ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีมะแมเบญ็ จศก ศกั ราช ๑๒๔๕ แตน่ ัน้ มาบุตร
ทั้ง ๕ คน ก็ช่วยกันประกอบการต่อมาตามคำสั่งของบิดา ครั้นต่อมาเมื่อโปรดฯให้พระ
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๗
ยาอัษฎงคตทิศรักษา (ตันกิมเจ๋ง) เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นที่พระยาอนุกูลสยามกิจตำแหน่ง
กงสุลเยเนอราล
๕๗. สยามที่เมืองสิงคโปร์ จึงพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนหลวงบริรักษโลหวิสัย
(คอซิมบ)๋ี ขึ้นเป็นทพี่ ระอษั ฎงคตทิรักษา ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมอื งตระบุรตี อ่ มา
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๘
ปราชญช์ าวบา้ น และครภู มู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๐๙
ปราชญช์ าวบา้ น และครภู มู ปิ ญั ญาท้องถนิ่
นายมนู มีชยั
ความชำนาญพิเศษ/จดุ เดน่ ของศูนย์
การบริหารจดั การดิน นำ้ และป่าไมอ้ ย่างย่งั ยืน โครงการ
แก้มลิงตามเชิงเขาและการนำนำ้ มาใช้อย่างคุ้มค่า การสร้างสวน
เกษตรให้เป็นป่าคงความหลากหลายของพืชพันธุ์เพื่อการใช้
ประโยชน์อย่างยั่งยืน สวนเกษตรสุขภาพเป็นศูนย์การเรียนรู้
ทักษะชุมชนตามแนวคิดพระราชดำริ เพื่อเผยแพร่แนวคิดและ
สร้างภูมิความรู้ให้กับชุมชนกับทฤษฎีไตรนิเวศ การบริหาร
จัดการทรัพยากรธรรมชาติ (ดิน น้ำ ป่าไม้) อย่างยั่งยืน และ
แนวคิดพร้อมการปฏิบัติในการเพาะเลี้ยงด้านการประมงชายฝั่งและการจัดการระบบ
นิเวศน์ชายฝงั่ ทะเล เช่น การทำ ฟาร์มปนู ่ิม บอ่ ปลากระพง เปน็ ต้น
ประสบการณ์
ในอดีตทำเหมืองแร่ดีบุก เป็นผู้คิดค้นทำปูนิ่มคนแรกของเอเชียและธุรกิจฟาร์มปู
นิ่มเจ้าแรกของประเทศไทย ธุรกิจโรงงานน้ำแร่ขนาดกลาง “อันดาสปา” ทำฟาร์ม
ตะพาบน้ำแห่งแรกของภาคใต้ เพื่อส่งออกประเทศญี่ปุ่น ทำฟาร์มกุ้งกุลาดำ โดยใช้ระบบ
เจ็ทโอโซน และการจัดการระบบนิเวศชายฝั่งทะเล เป็นต้น แบบการทำสารไคลตินไคลโต
ซานทางภาคเกษตรเพื่อเป็นสารสร้างภูมิคุ้มกันต่อพืชพันธุ์ไม้และสัตว์น้ำ และการทำสวน
เกษตรสขุ ภาพเป็นศนู ย์การเรียนรูท้ ักษะชมุ ชนตามแนวคดิ พระราชดำริและทฤษฎีไตรนเิ วศ
ที่มีการบริหารจัดการ น้ำ ดนิ และปา่ ไม้อยา่ งยั่งยนื
รางวัลเชิดชูเกยีรตทิ ่เี คยได้รับ
- พ.ศ. ๒๕๕๐ ปราชญ์ชาวบา้ น จังหวดั ระนอง
- พ.ศ. ๒๕๕๑ รางวลั บคุ คลตน้ แบบ ๗๖ คนดแี ทนคณุ แผ่นดนิ
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๐
ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ แยกตามอำเภอตา่ งๆ ในจังหวดั ระนอง
อำเภอเมอื ง
ลำดับที่ ชอื่ ภมู ิปัญญา ช่ือเจา้ ของภูมปิ ัญญา ที่อยู่ โทรศพั ท์
๑. มุ้งจับผึ้งโพรงไทย นายอรุณ หอมหยก
๕๑ ม.๕ ต.ราชกรูด ๐๘-๑๗๔๗-๑๐๓๒
๒. มอเตอร์ไซด์ นายไมตรี สุภา อ.เมืองระนอง ๐-๗๗๘๔-๐๑๔๗
ตัดหญ้า จ.ระนอง ๘๕๐๐๐
อำเภอกระบรุ ี ๑๕/๗ ม.๕ ต.ราชกรูด
อ.เมือง จ.ระนอง
ลำดับที่ ชอ่ื ภูมปิ ัญญา ชือ่ เจา้ ของภูมิปัญญา ทีอ่ ยู่ โทรศัพท์
๑. ถุงห่อผลไม้ นางพิศมัย แก้วเกื้อ ๐๘-๗๒๖๙-๗๖๓๐
๕๔/๒ ม.๙ ต.น้ำจืด
๒. เคร่ืองคัดขนาดไข่ นายนุ้ย แจ้งประจักษ์ อ.กระบุรี จ.ระนอง ๐๘-๑๙๕๖-๓๖๕๑
๘๕๑๑๐ ๐๘-๑๑๙๖-๙๑๙๘
๓. น้ำตาลจาก นายถาวร ขวัญทอง
๓๗/๑๙ ม.๑ ต.จ.ปร. ๐๘-๙๙๐๘-๖๔๘๖
อำเภอกะเปอร์ อ.กระบุรี จ.ระนอง ๐๘-๑๐๑๐-๙๑๑๒
๘๕๑๑๐
๓ ม.๒ ต.มะมุ
อ.กระบุรี จ.ระนอง
๘๕๑๑๐
ลำดบั ท่ี ช่ือภมู ปิ ัญญา ชอ่ื เจ้าของภมู ิปัญญา ท่ีอยู่ โทรศพั ท์
๑. กะปิผง นายวิสุทธ์ิ สิทธิเดช ๐๘-๑๗๘๘-๗๐๙๖
๕/๒ ม.๔ ต.ม่วงกลวง
๒. เฟอร์นิเจอร์ นายสุนัน คำมีพา อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ๐๘-๖๐๗๔-๒๔๑๘
จากไม้กาแฟ ๘๕๑๒๐ ๐๘-๑๗๗๔-๙๑๙๘
๓. ปืนยิงปลา นายสุรศักดิ์ ส่งเสริม ๐-๗๗๘๔-๓๓๔๗
๒๘/๓ ม.๑ ต.บ้านนา
๔. กระต่ายผ่าหมาก นายสุรศักดิ์ ส่งเสริม อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ๐-๗๗๘๔-๓๓๔๗
๘๕๑๒๐
๓๑ ม.๕ ต.กะเปอร์
อ.กะเปอร์ จ.ระนอง
๘๕๑๒๐
๓๑ ม.๕ ต.กะเปอร์
อ.กะเปอร์ จ.ระนอง
๘๕๑๒๐
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๑
อำเภอละอนุ่ ชอื่ เจา้ ของภูมปิ ัญญา ท่ีอยู่ โทรศัพท์
๐-๗๗๘๙-๙๒๗๔
ลำดบั ท่ี ช่ือภูมิปัญญา นางขวัญใจ เพชรรักษ์ ๘ ม.๕ ต.บางพระใต้
๑. ไม้กวาดดอกอ้อ
ลายสอง อ.ละอุ่น จ.ระนอง
อำเภอสขุ สำราญ ชื่อเจ้าของภมู ปิ ัญญา ที่อยู่ โทรศัพท์
นายดลล้า ดำดี ๐๘-๔๐๖๑-๔๘๙๕
ลำดับท่ี ชอื่ ภมู ิปัญญา ๖๐/๒ ม.๗ ต.กำพวน
๑. ลอบหมึก นายเพิ่ม ฝอยทอง อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ๐-๗๗๘๔-๔๒๔๐
๘๕๑๒๐
๒. เข่งหวายใส่ปูดำ นายวินัย ทองพร้อม ๐๘-๙๒๘๙-๙๔๔๗
๓ ม.๔ ต.นาคา
๓. กรงดักหนู นายวินัย ทองพร้อม อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ๐๘-๙๒๘๙-๙๔๔๗
๘๕๑๒๐
๔. หมวกยาง นายวัชรินทร์ ผดุงชาติ ๐๘-๙๕๘๘-๖๗๗๑
๓๓ ม.๗ ต.นาคา
๕. บังดีดไซปู อ.สุขสำราญ จ.ระนอง
๘๕๑๒๐
๓๓ ม.๗ ต.นาคา
อ.สุขสำราญ จ.ระนอง
๘๕๑๒๐
๘๐/๑ ม.๘ ต.นาคา อ.
สุขสำราญ จ.ระนอง
๘๕๑๒๐
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๒
หนว่ ยงาน วดั และองคก์ รท่จี ดั เกบ็ เอกสาร/หลกั ฐาน/
ขอ้ มลู สำคญั ทางประวตั ิศาสตร์
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๓
หนว่ ยงาน วดั และองคก์ รทจี่ ดั เกบ็ เอกสาร/หลกั ฐาน/ข้อมลู สำคญั
ทางประวตั ศิ าสตร์
ศูนย์วฒั นธรรมเฉลิมราช ตำบลหงาว
ตั้งอยู่วัดบ้านหงาว หมู่ที่ ๑ ตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เป็นที่ตั้งของ
พิพิธภณั ฑ์ทอ้ งถิ่นฉลองครองราชย์ ๖๐ ปี ซ่ึงได้รวบรวมส่ิงสำคัญทางพระพทุ ธศาสนา เช่น
พระธาตุ พระพุทธรูป ไว้มากมาย ภาพ และอุปกรณ์ประวัติศาสตร์การทำเหมืองแร่ และ
อุปกรณต์ กแต่ง อุปกรณส์ ำนักงานท่มี คี วามเก่าแก่ เป็นตน้
วัดบ้านหงาว จงั หวดั ระนอง
หลวงพอ่ ดีบกุ วดั บา้ นหงาว
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๔
อาคารศูนย์วัฒนธรรมเฉลมิ ราช
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๕
ลักษณะภายในศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราช ตำบลหงาว ที่ได้รวบรวมเรื่องทาง
ประวตั ิศาสตร์ของจงั หวดั ระนอง
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๖
ศนู ย์วฒั นธรรมจังหวดั ระนอง โรงเรียนพชิ ยั รตั นาคาร
โรงเรยี นพชิ ยั รตั นาคาร จงั หวดั ระนอง
ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๑ ตำบลบางริ้น อำเภอเมือง จังหวัดระนอง เป็นที่ตั้งของศูนย์
วัฒนธรรมจังหวัดระนอง โรงเรียนพิชัยรัตนาคาร ซึ่งได้รวบนวมเอกสารและหนังสือต่างๆ
เกี่ยวกับจังหวัดระนอง เช่น หนังสือของดีเมืองระนอง หนังสือชื่อบ้านนามเมือง จังหวัด
ระนอง หนังสือแหล่งโบราณคดีและโบราณสถาน จังหวัดระนอง หนังสือประชุม
พงศาวดาร ภาคท่ี ๕๐ เร่ือง ตำนานเมืองระนอง หนังสือจวนกำแพงจวนเจ้าเมืองระนอง
และหนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางปะวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัด
ระนอง ฯลฯ
ศูนย์อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2544 โดยทางโรงเรียนพิชัย
รัตนาคารได้ขอรับบริจาควัตถุสิ่งของที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นมารวบรวมไว้
เพอื่ ให้นักเรียนได้ศึกษาคน้ ควา้ ในเร่อื งท้องถิ่นของเรา การจดั แสดงภายในศูนย์ประกอบไป
ด้วย ภาพประวัติศาสตร์ของจังหวัดระนอง เครื่องมือ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และ
เครอื่ งมือทำมาหากิน
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๗
พิพิธภัณฑ์เชิงประวตั ิศาสตร์ สงครามโลกคร้งั ที่ ๒ อำเภอละอนุ่
พิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ สงครามโลกครั้งที่ ๒ จังหวัดระนอง ตั้งอยู่ที่บ้าน
เขาฝาชี หรือ กม.๓๐ หมู่ท่ี ๔ ตำบลบางแก้ว อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง
อาคารพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ สงครามโลกคร้ังท่ี ๒
ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ สงครามโลกครั้งท่ี ๒ เป็นสถานที่เก็บ
รักษาและจัดแสดงสิ่งที่หลงเหลือจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ เช่น สิ่งของเครื่องใช้ของ
ทหารญี่ปุ่น ชิ้นส่วนอาวุธ เป็นต้น เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้หลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์และเพื่อใช้เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเท่ียวและใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการ
ท่องเที่ยว
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๘
บ้านเขาฝาชี เคยเป็นฐานทัพของทหารญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยมี
การก่อสร้างทางรถไฟ ท่าเทียบเรือ ค่ายทหาร หลุมหลบภัย และป้อมปราการเพื่อต่อสู้
กับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ได้มีการทำลายและรื้อถอนสิ่งต่างๆ
เหล่านี้ออกไป ทำให้ปัจจุบันนี้ยังมีร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ ที่เป็นหลักฐาน เช่น ดาบ
ซามูไร ปลอกกระสุนปืน ลูกระเบิด หลุมเพลาะ อุโมงค์หลบภัย คันทางแนวทางรถไฟ
ซากเรือรบและเรือบรรทุก เป็นต้น
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๑๙
สถานศกึ ษา และครผู สู้ อนมีนวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้
ดา้ นประวตั ศิ าสตร์
สถานศึกษา และครผู ูส้ อนมนี วัตกรรมการจัดการเรยี นรู้
ด้านประวัติศาสตร์
หนงั สอื ส่งเสริมการอา่ นประกอบการศกึ ษาแหล่งประวตั ิศาสตร์ในท้องถน่ิ
เลม่ ท่ี ๑ โบราณสถาน
ผู้เรยี บเรยี ง นางดวงภร เสนาะเสยี ง
โรงเรยี นชาตเิ ฉลมิ สำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๐
หนงั สือสง่ เสริมการอา่ นประกอบการศกึ ษาแหล่งประวตั ิศาสตรใ์ นท้องถ่นิ
เลม่ ท่ี ๑ โบราณสถาน
ผูเ้ รยี บเรียง นางดวงภร เสนาะเสียง
โรงเรียนชาติเฉลิม สำนกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๑
หนังสอื สง่ เสรมิ การอ่านประกอบการศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์ในทอ้ งถนิ่
เลม่ ที่ ๒ แหลง่ ประวัติศาสตร์
ผู้เรยี บเรียง นางดวงภร เสนาะเสยี ง
โรงเรยี นชาตเิ ฉลมิ สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๒
หนังสอื สง่ เสรมิ การอ่านประกอบการศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์ในทอ้ งถนิ่
เลม่ ที่ ๓ สถาปัตยกรรมดเี ดน่
ผู้เรยี บเรียง นางดวงภร เสนาะเสยี ง
โรงเรยี นชาติเฉลมิ สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๓
หนงั สอื สง่ เสริมการอ่านประกอบการศึกษาแหล่งประวัตศิ าสตรใ์ นทอ้ งถิน่
เล่มท่ี ๔ สิ่งสำคญั คู่บา้ นคู่เมอื ง
ผู้เรียบเรียง นางดวงภร เสนาะเสียง
โรงเรยี นชาติเฉลมิ สำนกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๔
หนงั สือส่งเสรมิ การอา่ นประกอบการศึกษาแหลง่ ประวัตศิ าสตรใ์ นทอ้ งถิ่น
เลม่ ท่ี ๕ บุคคลสำคญั ในท้องถ่นิ
ผู้เรยี บเรียง นางดวงภร เสนาะเสียง
โรงเรียนชาติเฉลิม สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๕
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๖
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๗
กจิ กรรมการเรียนการสอน สอื่ และนวตั กรรม
การจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ิศาสตร์
กจิ กรรมการเรียนการสอน ส่อื และนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ ๑๒๘
ประวตั ศิ าสตร์
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง
การศึกษาเรียนร้ปู ระวัติศาสตร์ จวนเจ้าเมืองระนอง ซ่ึงประกอบดว้ ย จวนเจ้าเมืองระนอง
กำแพงจวนเจ้าเมืองและบอ่ น้ำท่เี ปน็ โบราณสถานในปจั จุบัน
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๒๙
คุณโกศล ณ ระนอง ผดู้ แู ลและอนรุ ักษ์กำแพงจวนเจ้าเมอื งระนอง สสุ านเจา้ เมืองระนอง
เลา่ ประวตั คิ วามเปน็ มาและบรรยายใหค้ วามรู้แกน่ ักเรียน
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๐
คณุ โกศล ณ ระนอง ผู้ดูแลและอนุรกั ษ์กำแพงจวนเจ้าเมอื งระนอง สสุ านเจ้าเมืองระนอง
เลา่ ประวตั คิ วามเปน็ มาและบรรยายให้ความรูแ้ ก่นักเรียน ณ จวนเจ้าเมืองจงั หวัดระนอง
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๑
คณุ โกศล ณ ระนอง ผดู้ ูแลและอนุรักษ์กำแพงจวนเจา้ เมอื งระนอง สุสานเจ้าเมืองระนอง
เลา่ ประวัตคิ วามเป็นมาและบรรยายใหค้ วามรเู้ กีย่ วกับทา่ นเจ้าเมืองระนอง และประวัติ
ความเป็นมาจงั หวัดระนองแก่นกั เรียน ณ จวนเจ้าเมืองจังหวัดระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๒
คณุ โกศล ณ ระนอง ผูด้ ูแลและอนรุ กั ษ์กำแพงจวนเจ้าเมอื งระนอง สสุ านเจ้าเมอื งระนอง
อธบิ ายถึงบรรพบรุ ุษและบุคคลสำคัญในอดตี ท่ีเคยทำมาหากินจนทำให้เป็นเมืองระนอง
ร่งุ เรอื งมาจนถงึ ปจั จุบนั ณ จวนเจา้ เมืองจังหวดั ระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๓
คุณโกศล ณ ระนอง ผดู้ ูแลและอนุรกั ษ์กำแพงจวนเจ้าเมอื งระนอง สุสานเจา้ เมอื งระนอง
อธบิ ายถึงอปุ กรณ์สำคญั ในอดีต เชน่ ไปป์ ดาบ เป็นตน้ ที่เป็นอปุ กรณข์ องใช้ประจำตัว
ของท่านเจา้ เมืองระนอง ณ จวนเจา้ เมืองจงั หวดั ระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๔
คุณโกศล ณ ระนอง ผู้ดแู ลและอนรุ กั ษ์กำแพงจวนเจ้าเมืองระนอง สุสานเจ้าเมืองระนอง
อธบิ ายถึงอปุ กรณส์ ำคญั ในอดตี เช่น ไปป์ ดาบ โคมไฟ เปน็ ต้น ทเ่ี ป็นอปุ กรณ์ประจำตัว
และของใชข้ องท่านเจ้าเมืองระนอง ณ จวนเจ้าเมืองจงั หวดั ระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๕
นกั เรียนศึกษาเรยี นรบู้ รรพบรุ ษุ ตระกลู ณ ระนอง ประวัติความเป็นมา การทำเหมืองแร่
การทำศกึ สงคราม การมาเยอื นจังหวดั ระนองของรัชกาลท่ี ๕ และการใชช้ ีวติ ของคน
จังหวัดระนอง ในสมัยก่อนดว้ ยตวั เองจากภาพ ณ จวนเจ้าเมอื งระนอง
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๖
นกั เรียนเขา้ ชมและศกึ ษาเรียนรู้พพิ ธิ ภัณฑ์ จงั หวัดระนอง เชน่ บา้ นเจ้าเมอื งในอดตี
พระทนี่ ัง่ รัตนรงั สรรค์ สสุ านเจา้ เมืองระนอง ลกั ษณะภูมปิ ระเทศจงั หวัดระนอง เปน็ ต้น
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๗
นกั เรียนเขา้ ชมและศกึ ษาเรียนรู้พพิ ธิ ภัณฑ์ จงั หวัดระนอง เชน่ บา้ นเจ้าเมอื งในอดตี
พระทนี่ ัง่ รัตนรงั สรรค์ สสุ านเจา้ เมืองระนอง ลกั ษณะภูมปิ ระเทศจงั หวัดระนอง เปน็ ต้น
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๘
นกั เรยี นศกึ ษาเรียนรู้แหล่งการเรียนรทู้ างประวัตศิ าสตร์ สสุ านเจา้ เมอื งระนอง
ซึง่ เป็นสถานทฝ่ี งั ศพท่านเจ้าเมืองระนอง ซ่งึ มีรูปปน้ั ทีท่ ำจากหินตา่ งๆท่ีสื่อไปดว้ ยความเชอ่ื
และความศรทั ธาของชาวจีนในอดีต ณ สุสานเจ้าเมืองระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๓๙
เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ประวตั ศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรม
ช่อื หนังสอื ของดีเมืองระนอง
ผูเ้ รียบเรยี ง/รวบรวม ศนู ยว์ ัฒนธรรมจังหวดั ระนอง โรงเรยี นพชิ ัยรัตนาคาร จังหวัดระนอง
ปีท่ีพิมพ์ ๒๕๔๐
ชอื่ หนังสือ ช่อื บ้านนามเมือง จงั หวัดระนอง
ผู้เรยี บเรยี ง/รวบรวม กลุม่ ส่งเสรมิ การศาสนาและวัฒนธรรม
สำนกั งานศึกษาธิการจงั หวัดระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๔๐
ชอื่ หนังสือ กำแพงจวนเจา้ เมืองระนอง
ผ้เู รียบเรยี ง/รวบรวม หน่วยอนรุ ักษ์ส่งิ แวดล้อมศิลปกรรมท้องถน่ิ จังหวัดระนอง
ศูนย์วฒั นธรรมจังหวัดระนอง โรงเรียนพิชยั รัตนาคาร จังหวัดระนอง
ปที ่ีพิมพ์ ๒๕๔๑
ช่อื หนงั สือ แหลง่ โบราณคดีและโบราณสถานในจงั หวัดระนอง
ผเู้ รียบเรยี ง/รวบรวม หน่วยอนรุ ักษ์ส่งิ แวดล้อมศลิ ปกรรมทอ้ งถ่นิ จงั หวดั ระนอง
ศนู ยว์ ัฒนธรรมจงั หวัดระนอง โรงเรียนพชิ ยั รัตนาคาร จังหวัดระนอง
ปีที่พิมพ์ ๒๕๔๕
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๔๑
ช่อื หนงั สือ ประชุมพงศาวดาร ภาคท่ี ๕๐ เรอ่ื ง ตำนานเมอื งระนอง
ผู้เรยี บเรียง/รวบรวม ศูนยว์ ฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง โรงเรยี นพิชัยรัตนาคาร จังหวดั ระนอง
ปที ีพ่ ิมพ์ ๒๕๔๒
ชื่อหนงั สอื วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์ เอกลักษณแ์ ละภมู ิปัญญา
จังหวดั ระนอง
ผ้เู รยี บเรียง/รวบรวม จงั หวัดระนอง
ปที ี่พิมพ์ ๒๕๔๒
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๔๒
อา้ งอิง
กลุม่ ส่งเสรมิ การศาสนาและวัฒนธรรม สำนกั งานศกึ ษาธกิ ารจังหวดั ระนอง. ชอ่ื บา้ นนามเมือง
จังหวัดระนอง.
จังหวดั ระนอง. (๒๕๔๒.) วฒั นธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภมู ปิ ัญญา
จงั หวดั ระนอง.
ดวงภร เสนาะเสียง. หนังสือส่งเสริมการอ่านประกอบการศึกษาแหล่งประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น.
โรงเรียนชาติเฉลิม สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาระนอง.
หน่วยอนรุ ักษส์ งิ่ แวดลอ้ มศิลปกรรมท้องถ่นิ จงั หวัดระนอง โรงเรียนพชิ ัยรัตนาคาร จงั หวัดระนอง.
(๒๕๔๑). แหล่งโบราณคดแี ละโบราณสถานในจังหวดั ระนอง. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท ๒๑ เซน็ จู
รี่ จำกัด.
หนว่ ยอนรุ ักษ์สง่ิ แวดลอ้ มศิลปกรรมทอ้ งถิน่ จังหวัดระนอง โรงเรียนพิชยั รตั นาคาร จังหวดั ระนอง.
(๒๕๔๕). กำแพงจวนเจา้ เมอื งระนอง.
ศูนย์วัฒนธรรมจงั หวัดระนอง โรงเรียนพิชยั รัตนาคาร จังหวัดระนอง. (๒๕๔๐). ของดีเมอื งระนอง.
พิมพ์ครง้ั ท่ี ๒. ระนอง : โรงพิมพ์ระนองการพมิ พ.์
ศนู ย์วฒั นธรรมจังหวดั ระนอง โรงเรยี นพชิ ยั รัตนาคาร จังหวดั ระนอง. (๒๕๔๒). ประชมุ พงศาวดาร
ภาคท่ี ๕๐ เร่อื ง ตำนานเมอื งระนอง.
ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๔๓
คณะผ้จู ดั ทำ
ทป่ี รกึ ษา ผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา
๑. นางสาวพนอ ทพิ ย์พิมลรตั น์ ประถมศกึ ษาระนอง
รองผ้อู ำนวยการสำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา
๒. นางสุทธริ า หงษ์เจรญิ ประถมศกึ ษาระนอง
รองผ้อู ำนวยการสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา
๓. นายภพเดชา บญุ ศรี ประถมศึกษาระนอง
คณะทำงาน ศกึ ษานิเทศก์
๑. นายปรีชาพล ทองพลอย ศกึ ษานเิ ทศก์
๒. นางเพ็ญณี แกว้ เก้ือกลู ศึกษานเิ ทศก์
๓. นางศุภศริ ิ ชัยวัชรินทร์ ศกึ ษานเิ ทศก์
๔. นายษณกร เสนาะเสียง ศึกษานิเทศก์
๕. นางสาวสุวรรณี คงทองจนี ศกึ ษานเิ ทศก์
๖. นางสาวชอ่ เพชร พฤกษว์ รุณ ศกึ ษานเิ ทศก์
๗. นางนันทน์ ภัส สักขาพรม ศึกษานิเทศก์
๘. นางสาวอจั ฉราวดี อรา่ มวิทยานุกลู
คณะบรรณาธกิ ารกจิ
นายปรีชาพล ทองพลอย ศึกษานิเทศก์สำนกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาระนอง
ขอ้ มลู เบอื้ งตน้ ดา้ นประวตั ศิ าสตร์ สงั คม วฒั นธรรมจงั หวดั ระนอง ๑๔๔