๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๙๔ อัันว่่าทานอัันใดบ่่มีีมาก อัันบุุคคลบริิจาคเป็็นตัังวาย ถวายแก่่องค์์ สมเด็็จ พระสรรเพชญพุุทธองค์์ใด ท่่านนั้้นก็็ให้้ผลมหิิมา ข้้าแต่่ สมเด็็จอธิิกโลกาบรํํมนารถ ข้้าพระบาทแห่่งพระพุุทธองค์์ ก็็ชราบ ในบััดนี้้ซึ่่งสมเด็็จโลกยโมลีีพระองค์์นั้้น เป็็นมหาบุุคคลอััน พิิเศษ เป็็นบุุญญเขตรอัันลำำเลิิศ ว่่าประเสริิฐแต่่กาลบััดนี้้ไป แล ข้้าแต่่สมเด็็จทศพลธรวรญาณ จำำเดิิมแต่่กาลบััดนี้้ไปพหน้้า อัันว่่าข้้าพระพุุทธองค์์ ก็็ปลงชีพิี ิตรจิิตรสัันดาน ถวายแต่่สมเด็็จ ศาษดาจารย์์โลกยนาถ ข้้าก็็บ่่มิิอาจเพื่่อจะละเสีียได้้ ซึ่่งพระไตรสรณา คมนบวร พระญานาคก็ถึ็ึงซึ่่งพระไตรสรณไตรสถาน เมื่่อนมััสการ สำำเร็็จกิิตย พระญานาคก็็สถิิตย์์อยู่่ในพระไตรสรณาคมเจ้้าแล ๏ อถ สตฺถา ปาตลปโยธรปตลปริิโยนทฺธกนกาจลนิิตมฺพรุุหหาตกปฺจกุุณฑลํํปุุปฺผ มกุุลปติิมปฺจางคุลีุีหิิวิิราชิิตํํ อนปฺปกปปููปชนิิตสุุจฺจริิตผลสฺชตํํสุุภลกขสจิิตํํสํํสารสาคร
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๙๕ มโหฆนิิมมุุคฺคชนตาตารณสมตถํํสุุฏลลิิตํํ ภมรทกขิิณหตถํํ ปสาเรตฺวา อมิิตฺตสมฺภาราภินิิพฺพตตํํสํํสาร ทุุกขกณฺณสุุลาทิิปริิตา ปิิตสกลโลกกณฺณวิิวรามตรสปริสิิฺจมานมิิว อติิมธุุรตรํํ อฏงฺคสมนฺนาค ตํํ พฺรหฺมโฆสํํ โฆสิิตฺวา ปาณาติิปาตาทิิปฺจวิิธเวรรหิิตานิสิิกขาปทานิิ อนุุสาสติิ ๏ ในกาล นั้้น อัันว่่าสมเด็็จพระโลกยโมลีีศบวร ก็็บัังพระกรยัังพระหััถต์์เบื้้อง ขวา อัันโสภนาประเสริิฐนััก อาจที่่จะข้้ามพัักพวกสััตว์ทั้้ ์งหลาย อัันจมแลว่่ายอยู่่ในสมุุทรคััมภีีระ สิ่่งนี้้คืือสงสารทุุกข์์อนัันต์์ สมเด็็จ พระทสพลบพิิตร พระลัักษณภิรัิัญชิิตประสััษฐ อัันนฤรรพััดดิินฤ มล ได้้ด้้วยผลแห่่งสุุจริิตธรรม อัันบัังเกิิดในกััลป์์อเนก อดิิเรกด้้วย พระหััษถวรางค์์ เบญจางคุุลยงค์์ยิ่่งกลึึง ประดุุจผกาพละพลึึงเทศอััน ตุุม ประชุุมทั้้งห้้าดอกบริิสุุทธิ์์อัันผุุดขึ้้นเหนืือพ่่างพื้้นเศษสุุพรรณ แลมีีตรบอกเมฆัันดรเมฆา อัันคลุ้้มให้้พรรษาพรรษดีี สมเด็็จพระ มหาธีีรบวร ก็็เปล่่งพระพุุทธสรสำำเนีียง ไกรกว่่าเสีียงกมเลนทรา
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๙๖ มีีองค์์อััษฎาประการ อัันอุบัุัติิด้้วยพุุทธสมภารอนัันต์์ อัันจะนัับกััลป์์ บ่่มิิได้้ แลไพเราะเสนาะยิ่่งนััก ประดุุจอรรคอมฤตยสฤตชะลา รดใน ช่่องกรรณาสััตว์์โลกย อัันเดืือดร้้อนโศกอนัันต์์ เป็็นต้้นว่่าไม้้แทงกรรณ อัันกล่่าวคืือสงสารวััฏร พระองค์ก็์ ็ตรััสโอวาท ซึ่่งพระญานาคราชด้้วย สิิกษาบท อัันจะพึึงอดพึึงเว้้น จากเบญจาวิิธเวรอาฆาฎ มีีปราณาติิ บาตเป็็นเดิิมแล ๏ นาคราชา สกลเทวมนุุสฺสหิิตาหิิตกุุสเลน สตฺตหิิตปฏิิตนาย เกน นิิยฺยานิิกสาสเนน อนุุสิิฏโ สาธุุ ภนฺเต ตถา ปริิจฺจชชิิสฺสามิิ ยถา มํํ ภควา อนุุสาสสีีติิ วตฺวา สพฺพฺตาณรุุจิิรรํํสิิปฺปภาหิิ วิิกสิิตรตฺตปงฺกชปตฺตพฺภนฺตเร ถิตํํ ินิิลวณฺณภมรฏนิิภนยนมกราชิิตํํ อเนกโกฏิิปฺุุปฺปภาวปาปิิยา สมปุุณณํํ ภควโต วรวทนวิิกสิตํํ ิสุุวณฺณกุุเล สยํํ โอโลเกตฺวา อฏาสิิ ๏ อัันว่่าพระญาอุุรคาธิิบดิิสสร อัันสมเด็็จมุนิุิวรนิิกรโลกยนาถ พระพุุทธองค์์ฉลาดในประโยชน์ก็์ ็ดีี บ่มี่ ีเป็็นประโยชน์์ก็็แจ้้ง แห่่งนิิกร เทพามานุุษย์์ อัันอุุบััติิในไตรภพ ผู้้ใดอัันปรารภปรารถนา พุุทธ
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๙๗ องค์์ก็็นำำ มาหาประโยชน์์ พระพุุทธองค์์ก็็โปรดให้้โอวาท แก่่สชนชาติิทั้้งปวง เสร็็จ ด้้วยโอวาทแห่่งสมเด็็จภูริูิเบญญา พระสััทธรรมเทศนาวรำำอััน จะนำำสััตว์์อัันมาก ให้้ออกจากวััฏรสงสาร พระญาบดีีบาดาลกกราบทููลแก่่ สมเด็็จ พระสรรเพชญพุุทธเจ้้าดั่่งนี้้ข้้าแต่่สมเด็็จพระพุุทธภาคย วรงค สมเด็็จพระพุุทธองค์์โอวาท ข้้าพระพุุทธบาทด้้วยประการใด ก็ดี็ ี ข้้าพระองค์์จะละตรีีพิิธทุุจริิต ด้้วยดำำรงจิิตรอัันดีี ก็มี็ ีด้้วยประการ ดั่่งนั้้นอัันว่่าพระญาทฤรรฆปฤษฎางคกายิินทร ก็็ทฤษฎิินซึ่่งพระพุุทธ ภัักตร อัันมีีบวรลัักษณอะมะลงค ประดุุจสุุพรรณบงกชสมุุชลิิต อััน พิิกษิิตรจิิตรุุจีี ด้้วยพุุทธศิริิรัังษีีฉััพพิิธวรรณ คืือพระสพพััญญุุต ญาณพิิเศษ โสภนาพระเนตรยุุคคล กฤษณพรรณมลตระการ ปาน ปัักษภมรมฤธุุกรยุุคคล อัันดำำกลกรลาปทุุมาพรรณรััตดางค แลพุุทธ ทวยางคเนตรล้ำำเลิิศ อัันประเสริิฐสำำริิทธิิ ด้้วยพระริิทธานุุภาพ
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๙๘ บุุญญา อัันคณนาด้้วยโกฏิอัิันมาก พระญานาคก็็กราบนมััสการ แล้้ว ก็็ประดิิษฐานอยู่่ในที่่นั้้นแล ๏ อถ ภควา ภิิกขุุสํํฆปริิวุุตฺโต อนาถปิิณฺฑิิกสฺส นิิเวสนํํ อคฺคมาสิิ ๏ ในกาลนั้้น อัันว่่าสมเด็็จบรํํมโมลีีตรีีโลกากรสรณรรค มีนิีิกรอร หัันตสะพรั่่งพร้้อม นมััสการล้้อมเป็็นบริิพาร ก็็เสด็็จไปสู่่สถานคฤ หาสน์์ แห่่งอนาถบิิณฑิิกคฤหบดีี มหาเศรษฐีีอัันนิิมนต์์ สมเด็็จ พระอนนตญาณเจ้้านั้้นแล ๏ อถ อนาถปิิณฺฑิิโก กึึ ภนฺเต อติทิิวา อาคตตฺถาติิ อาห ๏ อัันว่่าอนาถบิิณฑิิกเศรษฐีี กราบทููลถามคดีีจะเดีียงอรรถ แต่่สม เด็็จพระสรรพััชญดั่่งนี้้ข้้าแต่่พระองค์์ผู้้มีีพระภาคย์์อุุดมา แลสมเด็็จ อนัันตญาณจารย์์เจ้้า เสด็็จมาบ่่มีีเช้้าสายยิ่่งนััก เหตุุการณ์์ลัักษณดั่่ง ฤา ๏ อชฺชปิิ เสฏิิ โมคฺคลฺลานสฺส นนฺโทปนนฺทสฺส สงฺคาโม อโหสีติีิ ๏ อัันว่่าสมเด็็จ บรํํมมา นาวรนรญาณาวิิสารััท ก็ดำ็ ำรััสซึ่่งพระพุุทธฎีีกา แก่่อนาถบิิณ ฑิิกะดั่่งนี้้ดููรามหาคฤหบดีี วัันนี้้มีีสงครามมหิิมา แห่่งแสดงโมค
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๙๙ คััลลา แลนาคราชานัันโทปนนท มีด้ี้วยประการกลดั่่งนี้้เสร็็จ พระ ตถาคตจึ่่งเสด็็จมา สู่่คฤหาแห่่งท่่าน เวลากาลดัังนี้้ แล ๏ กสฺส ภนฺเต ช โย กสฺส ปราชโยติิ อาห ๏ อัันว่่าอนาถบิิณฑิิกะเศรษฐีี ก็็กราบทููลถาม คดีีซึ่่งสมเด็็จ พระสรรเพชญ์์ดัังนี้้ข้้าแต่่สมเด็็จพระผู้้มีีพุุทธภาคย บวรา อัันว่่าความวิิชยามีีแก่ผู้้ ่ ใด อัันว่่าความอปราไชยมีีแก่ผู้้ดั่ ังฤา ๏ กิิฺจาปิิ โส มหานุุภาโว อาสิวิิโส ทุุทฺธมิิตฺโต โมคฺคลฺลาเนน ทมิิโต คณฑุุปาโท วิิย นิิพพิิสตฺตํํฺ ปตฺโต นิิยฺยานิิกสาสเนสกตฺตานํํ ปติิฏฺฺิโต ตถาคตสฺส อตฺตานํํ โอรสปุุตฺตภาวอุุปนฺเนตีติีิ อาห ๏ อัันว่่าสมเด็็จพระบรํํมนารถศาสดา แห่่งกมเลนทรามรนรคณ สกลโลกยกรุุณา อัันเป็็นภาณุุพัันธุุสรรพััชญ์์ ก็็ตรััสอรรถดั่่งนี้้ชี้้ลัักษณ ประกาศ แก่่อนาถบิิณฑิิกะคฤหบดีี มหาเศรษฐีพุีุทธบาสกุุตตมา อัันว่่าพระญานัันโทปนัันท อัันเป็็นอาเศีียรพิิศ อัันมีริีิทธิิพล พหลพหะลา มหิิมาอานุุภาพนััก อัันจัักทวรมานกำำรอแลมาน
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๐ แลแสดงโมคคััลลานทรมานได้้ ด้้วยกำำ ไรพลพหลมหิิทธิ์์ พระญา นาคนั้้นก็็หาพิิษบ่่มิิได้้ ประดุุจงููไซแลไส้้เดืือน อัันเกลื่่อนอยู่่ในแผ่่น ธรณีี แลราชาบดีีภุุชัังค ก็ตั้้ ็งซึ่่งอาตมภาพไว้้ ในพระไตรสรณา คมนะ อัันอุุดดมในพระศาสนา ก็็เว้้นในเบญจาวิิธเวร อัันจะนำำเจญ แห่่งอาตมา ออกจากภวไตรยาสงสารวััฏร ก็น้็ ้อมมาซึ่่งกะรััชอาตมา แห่่งนาคว่่าเป็็นพุุทธกููล อัันกำำเนิิดในอุุรธรา แห่่งพระตถาคตนี้้ แล ๏ ตํํสุุตฺวา เสฏฐีี เอวรููปํํ มหานุุภาวํํนิิยฺยานิิกสาสนํํ อติิปสีีทิิตฺวา สตฺตาหํํพุุทฺธปฺปมุขาุ นํํ ปฺจนนํํภิิกขุุสตานํํ มหาสกฺการสมานํํ กตฺวา เอวํํ มหานุุภาวสฺส เถรสฺส สตฺตาหํํ สกฺการํํ อกาสิิ ๏ อัันว่่ามหาเศรษฐีี ได้้สดัับซึ่่งพระพุุทธฎีีกาบวร แห่่งสมเด็็จนร วรพากยา ก็็จำำเริิญศรััทธาเลื่่อมใส ในบรมพุุทธศาสนา แล เป็็นนิิยยานิิกะธรรม อัันจะนำำสรรพสััตวอัันมากให้้เจญจากวััฎรทุุกขา แลมีีพหะวานุุภาพทั้้งมวล มีีสวภาพ บัังควรดั่่งนี้้ แล้้วเศรษฐีี
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๑ เข้้าปฏิิบััติิ ด้้วยโสมนััสศรััทธา สรรพบููโชปกรณาดิิเรก ทัักษิิ ณาทานอเนกนานาแก่่พระสาพกเบญจสต มีีองค์์สมเด็็จพระสุุคต ชาประธาน สิ้้นสัับดวารสััมฤทธิิ ก็็ประพฤติสัิักการบููชา พระมหา โมคคััลลานะอัันอุุดม อััน ธ มีีบรมฤทธานุุภาพอัันมาก ก็็สิ้้นทิิพส ภาคสัับดวาร ก็็มีีด้้วยประการดัังนี้้แล ๏ เตน การเณน เอตทคคํํภิิกขเว มม สาวกานํํอิิทธิิมนฺตานํํ ยทิิทํํ โมคฺคลฺลาโนติิ ทุติุ ิยฐาเน เปสิิ ๏ เหตุุการณ์์ดั่่ง นั้้น อัันว่่าสมเด็็จพระมหาสุุทรรยา ก็ตั้้ ็ งพระมหาโมคคััลลานะเถระ ไว้้ ในอรรคสถานะทุติุิยา ด้้วยพระพุุทธฎีีกาบวร ว่่าดููกรสงฆ์์คณะ ศิิษยา อัันว่่าแสดงโมคคััลลานะนี้้ประเสริิฐ เลิิศกว่่านิิกรสาวกทั้้ง หลาย ยอดยิ่่งด้้วยฝ่่ายริิทธิิแล ๏ ตสฺส คุุณํํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห ๏ อัันว่่า สมเด็็จมหามุุเนศวะรา โลกาจารยบพิิตร เมื่่อจะประกาสิิตซึ่่งคุุณวะรา แห่่งพระมหาโมคคััลลานะเถร ก็็ตรััสพระคาถา แก่่พระภิิกษรุภิุิกษรุุน
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๒ นยาทิิดั่่งนี้้ ๏ ทเมตฺวา โย อทนฺตานํํ นาคาทีีนํํ มหาปเถ เปสึึ ตํํ มหาวิิรํํ นมนตุุ สิิรสาธโวติิ ๏ ดููราภิิกษุภิุิกษุุณีีทั้้งหลาย หมายอัันมีีธรรมธราธาร อัันว่่าพระมหา โมคคััลลานผู้้ใด ธ ทรมานได้้ซึ่่งสััตว์์ทั้้งหลาย หมายมีีต้้นว่่านาคราช อัันมีีริิทธิิอำำ นาจมโหฬาร อัันบุุคคลผู้้อื่่นจะทรมานบ่่มิิได้้ ธ ก็ตั้้ ็งสััตว์์ ทั้้งหลายไว้้ในมรรคา อััษฎางโคตมาประเสริิฐ อัันเลิิศล้ำำมรรคา ๏ สาธโว ดููราสาธุุสััปบุรุุษ พุุทธุุบาสกอุุบาสิิกา อัันว่่าท่่านทั้้งหลาย จงตั้้งจิิตรถวายนมััสการ ซึ่่งพระมหาโมคคััลลานเถรนั้้น อัันเธอมีี สรรพความเพีียร สดุดีุีด้้วยเศีียรแห่่งอาตมา ด้้วยใจศรััทธายิิน ดีีแห่่งท่่านทั้้งปวงเทอญ ๚ ๏ ๚ II๏II ๛ ๏ นนฺโทปนนฺทวตถุุ นิฏิิตํํ๏ อัันว่่าลัักษณสููตรอัันพรรณนา นัันโทปนัันทาเสีียร พิิศ อัันสมเด็็จพิิชิิตมารเจ้้าบัันทููล เสร็็จบริบูิูรณ์์พระธรรมเท่่านี้้แล ๏ พุุทฺธสิิริิตฺเถเรน สงคายิิตํํ นนฺโทปนนฺทวตถุุ นิิฏิิตํํ๏ เถโร อัันว่่าพระมหาเถร อััน
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๓ เป็็นพระชิิเนนโทรรสา ๏ พุุทฺธสิิริิ นาม ผู้้ชื่่อพระมหาพุุทธศิิริิก็็สำำแดง ๏ สงฺคายิิต แต่่งแต่่สิิลิิษฐพจนมคธ ๏ สิิลิิฏฺฺ ให้้เกลี้้ยงเกลาในบทพระ บาฬีี ๏ นนฺโทปนนฺทวตถุุ ๏ อัันมีีในนนโทปนนทปกรณััม ๏ นิิฏฺฺิิตํํก็็สำำเร็็จ ในตำำนานนิิทาน ๏ อิิติิ เมาะ อิิมิินา ปกาเรน ด้้วยประการดั่่งนี้้ แล II๏II ๛ ๏ อหํํสิิริิปาโล นาม เตสํํ ชนานํํ ปสาทาย นนฺโทปนนฺทวตถุุ สิลิิฏฺฺ พหุุสมฺผสฺสกํํ โสวตถิิกมาลํํ สงคายามิิ ๏ อหํํอัันว่่าข้้า ๏ สิิริิปาโล ผู้้ชื่่อพระมหาสิิริิบาลก็็ประกาศ ๏ นาวจท โดยพระนามแต่่บููรรพาทิิบรรพััชช ครั้้นนิิวััตรนิิเวศน์์ เป็็นกระษััตรเพศ วะรำำ ๏ ธมฺมธิิเปสฺสชยเชฏสุุริิยวํํส นาม ชื่่อเจ้้าฟ้้าธรรมธิิเบศร ไชยะเชษฐ สุุริิยวงษ สถิิตรััทยงศฤงฆาร วัังบวรสถานมงคล ดำำกลเป็็นฝ่่ายหน้้า แลข้้า นี้้ก็็สำำแดงบท ๏ สงฺคายามิ แิต่่งสิิลิิษฐพจนคำำสยาม ๏ สิิลิิฏ ให้้เกลี้้ยง เกลาตามในพระบาฬีี ๏ นนฺโทปนนฺทวตถุุ ซึ่่งมีีในนนโทปนนทพััศดุุ ๏พหุุ สมฺผสฺสกํํแลมีีบทสััมผััสสะอัันเจริิญ ๏ ปสาทาย เพื่่อจะให้้จำำเริิญปรีีดาภิิรมย์์
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๔ ๏ เตสํํ ชนานํํ แห่่งนิิกรสรมณพราหมณา แลเสวะกามาตยราชบััณฑิิตย ๏ โสวตถิิกมาลํํ เป็็นถนิิมรััตนภิิรััญชิิตกรรณา แห่่งเมธาในโลกยนี้้ แล ๚๛ ๏ นนโท พ่่ายสิิศยซ้้าย ภควา ปนนทะ นาเคนทรา กราบเกล้้า สููตร ทีีฆนิิกายสา ทรเลิิศ บริิบููรณ์์ธรรมพระเจ้้า เทศนะไว้้ควรยอ ๏ เจ้้าฟ้้าธรรม ท่่านแท้้พยายาม ธิิเบศร กุุมารนาม บอกแจ้้ง ไชยเชษฐ ปััญญาคาม ภีีรภาพ สูริูิยวงษ์์ธรงแต่่งแกล้้ง กล่่าวเกลี้้ยงนนโท
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๕ ๏ พระบาฬีีนนโทปนนทสููตรนี้้ พระมหาพุุทธสิิริิเถรเจ้้าแต่่งไว้้แต่่ ก่่อนบ่่มิิได้้ลงพุุทธศัักราชไว้้ ว่่าเมื่่อแรกแต่่งพระบาฬีีสำำเร็็จนั้้น พุุทธศัักราชได้้เท่่านั้้นเท่่านั้้น แลเจ้้าฟ้้าทรงพระผนวชกรมขุุนเสนา พิิทัักษ์์ มาทรงแต่่งเป็็นเนื้้อความคำำ ประดัับครั้้งนี้้ เมื่่อสำำเร็็จนั้้นพระ พุุทธศัักราชล่่วงไปแล้้วได้้ ๒๒๗๙ ปีีกัับ ๓ เดืือนใน วาร ๑๕ ๑ ๘ ๘ ทุุติิยาสาธปีีมโรงนัักสััตรอััษฐศก II๏II ๛ ๏ จุุลสัักราช ๑๐๙๘ ศก แลแต่่แต่่งพระบาฬีีมาคุุมเท้้าถึึง ทรงแต่่งเนื้้อความคำำ ประดัับในครั้้งนี้้ แลจะรู้้ว่่าว่่างอยู่่นั้้นจะไกลกััน สัักขี่่สิิบปีีนั้้นบ่่มีีได้้แจ้้ง II๏II II๏II ๛ ๏ เมื่่อแรกแต่่งพระมหาชาติคำิำหลวงนั้้นจุุลศัักราชได้้ ๘๔๔ ศก ๏ แต่่งนนโทปนนทสููตรคำำหลวงครั้้งนี้้จุุลศัักราชได้้ ๑๐๙๘ ศก II๏II II๏II ๛ ว่่างกัันอยู่่ถึึง ๒๕๔ ปีี II๏II II๏II ๛
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๖ ๏ นนโทปนนทสููตร ที่่พระบาฬีีเป็็นปรกติิอย่่างเทศนาทั้้งปวงมีีอยู่่ในพระ คััมภีีร์์ทิิฆะนิิกายะสีีละขัันธนั้้นตั้้งเอวััมเมก่่อน นนโทปนนทสููตรอัันมีีใน พระอััตถกถาแก้้พระคััมภีร์ี์อััปปทานนี้้อัันพระมหาพุุทธสิิริิเถรเจ้้า แต่่งเป็็นพระบาฬีีคำำ ประดัับนี้้บ่่มิิได้ตั้้ ้ง เอวััมเมก่่อนเลย บุุคคลผู้้มีีปััญญา อย่่าพึึงสงไสยว่่า นนโทปนนทสููตรนี้้นอกคำำพระอานนท์์แลนอกสัังคาย นาย นนโทปะนนทะสููตรนี้้มีีในสัังคายนายแท้้จริิงแล II๏II ๛ นายสััง ๏ ข้้าพระพุุทธเจ้้า ชุุบพระบาฬีี II๏II ๛ นายสา นายทองชุุบเนื้้อความ II๏II ๛
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๗ ๏ พระสมุุดขาวอย่่างนี้้โบกด้้วยฝุ่่นสามครั้้ง จึึงลงน้ำำกัันเชื่่อมครั้้ง หนึ่่ง จึ่่งเขีียนพระอัักษร แล้้วจึ่่งลงน้ำำกัันเชื่่อมอีีกสามครั้้ง แม้้นว่่า ต้องน้ำมิได้ลบเลือนเลย อย่างโบกด้วยฝุ่นแลน้ำกันเชื่อมนี้ของ หลวงโชฎึกนอกราชการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย I๏I ๛ ๏ พระสมุดนี้ชั่งได้หนัก ๒ ๑ ๒ ๒ ๛
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๐๙ ก กงจักร สิ่งที่มีรูปเป็นวงกลม มีริมเป็นแฉกๆ โดยรอบ กมลหฤไทย ใจ กมเลนทริยจิตร ดวงจิตรในร่างกายที่ยังมีกิเลส กมุท ดอกบัว กย ซื้อ กรชกาย ร่างกาย กรรดิกกาลสรัทฤดูมาศ ฤดูใบไม้ร่วง กรรดิกฤดูมาศ กัตติกมาส เดือน ๑๒ กรวิก นกการเวก กระฮอม (ข) สีแดง กรัณฑ ผอบ หรือขวด กฤษณพรรณมลตระการ มีผิวพรรณมัวหมองเหมือนไม้กฤษณา กฤษดาชลี ยกมือไหว้ กษณ ขัษณ ขณะ เวลาเดียวกัน กษานดิ กษันติการรักษาปกติภาวะของตนไว้ได้ไม่ว่าจะถูกกระทบกระทั่งด้วยสิ่งอันเป็น ที่่พึึงปรารถนา หรืือไม่่พึึงปรารถนาก็็ตาม กษิณาสรพ พระผู้สิ้นอาสวะ หรือพระอรหันต์ กอปร ประกอบ กักขฬะ หยาบคาย หยาบช้า ป่าเถื่อน ถ่อย กัลป์ อายุของโลกตั้งแต่เมื่อพระพรหมสร้างเสร็จจนถึงเวลาที่ไฟประลัยกัลป์ล้างโลก ซึ่งได้แก่ช่วงเวลากลางวัน วันหนึ่งของพระพรหม คือ ๑,๐๐๐ มหายุค (เท่ากับ ๔,๓๒๐,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์) เมื่อสิ้นกัลป์ พระอิศวรจะล้างโลกด้วยไฟประลัย กัลป์ โลกจะไร้สิ่งมีชีวิตและอยู่ในความมืดมนจนถึงรุ่งเช้าของวันใหม่ แล้วพระ พรหมก็จะสร้างโลกเป็นการขึ้นต้นกัลป์ใหม่ โลกจะถูกสร้างและถูกท�ำลายเช่นนี้ สลับกันตลอดอายุของพระพรหม ทั้งนี้ตามคติของพราหมณ์ กัลปาพินาศ ความพินาศแห่งกัป ระยะเวลาในกัปหมดลง กาจ ร้าย กล้า เก่ง กาญจน ทอง กาลานุกรม ตามล�ำดับเวลา กาสร ควาย ก�ำชราบ ซึมซาบเข้าไป ทา อาบ ชโลม ก�ำนุง เข้า ก�ำบัง ลึกลับ
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๐ ก�ำรอ เข็ญใจ กิตยอันมาน มีเกียรติ กินนร อมนุษย์ในนิยาย มี๒ ชนิด ชนิดหนึ่งท่อนบนเป็นคน ท่อนล่างเป็นนก อีกชนิด หนึ่งรูปร่างเหมือนคน เวลาไปไหนจะใส่ปีกใส่หางแล้วบินอย่างนก กุมพศ (ข) สูง กุมภัณฑ์ ยักษ์ กุมภีล์ จระเข้ กูน (ข) ขน กูรเมศ เต่า กูรรปเมศ กุรรปเมศ (ข) ขน แก้วเจ็ดประการ ประกอบด้วย จักรรัตนะ (จักรแก้ว) หัตถีรัตนะ (ช้างแก้ว) อัสสรัตนะ (ม้าแก้ว) มณีรัตนะ (มณีแก้ว) อิตถีรัตนะ (นางแก้ว) คหบดีรัตนะ (ขุนคลังแก้ว) ปรินายก รัตนะ (ขุนพลแก้ว) โกฏิ ชื่อมาตรานับเท่ากับ ๑๐ ล้าน โกฐาส ส่วน โกมล อ่อนหวาน ไพเราะ ดอกบัว โกรญจ นกกะเรียน ไกษย การสิ้นไป การหมดไป การเสื่อมไป ไกสร สิงโต ข ขนด ตัวงูที่ม้วนเป็นขดกลม ขนัด แถว แนว ขวล ขวนขวาย ใฝ่ใจ ขษานติ ความอดทน ขันทอังกูร คือหน่อขนาดเล็ก ขันธสันดาน การเวียนว่ายตายเกิด หรืออุปนิสัยที่มีมาแต่ก�ำเนิดในตัวของคน ขาทนิยเนก อาหารมากมาย เขาเพลิง นกเขาเพลิง นกเขาไฟ ค คคนานดร ท้องฟ้า คคนานต์ ฟ้า ท้องฟ้า
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๑ คคน�ำ ฟ้า คเชนทรา พญาช้าง คณนา นับ ตรวจให้รู้จ�ำนวน คนธรรพ ชาวสวรรค์พวกหนึ่งจัดเป็นเทพชั้นต�่ำ เป็นบริวารท้าวธตรฐ ช�ำนาญในด้าน ดนตรีและขับร้อง ครรภา ท้อง คฤหบดี ผู้มีฐานะ ผู้มีอันจะกิน คฤหา บ้าน เรือน เคหา ความพิริยะ ความหมั่น ความกล้า ความโรธ ความโกรธ คันไล ครรไล ไคล เดินไป ค�ำรพ เสียงร้อง เสียงดัง เสียงอื้ออึง คิชฌา แร้ง คิรินทร ภูเขาใหญ่ คุณุประการ การอุดหนุนคุณความดี คุมเท้า ตราบเท่า ตลอดเท่า เครื่องขษัตริยุประโภค เครื่องใช้สอยของกษัตริย์ เครื่องฉมคนธา เครื่องหอม เครื่องปัจฐรณ์ ปัจถรณ์ เครื่องนอน เครื่องปูลาด เครื่องยุทธ อาวุธต่างๆ เครื่องราชาปลิโพธ ปลิโพธ คือเครื่องกังวล ๑๐ อย่าง ว่าเป็นอันตราย ไม่สะดวกแก่การท�ำสมาธิคือ ๑. อาวาสปลิโพธ ความกังวลเรื่องที่อยู่อาศัย คือการติดที่ ๒. กุลปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับตระกูล คือการติดบ้านติดเรือน ติดตระกูล อุปฐาก ๓. ลาภปลิโพธ ความกังวลในลาภ ติดในลาภสักการะ จนใจฟุ้งซ่านในลาภ ไม่ เป็นการบ�ำเพ็ญสมณธรรม ๔. คณปลิโพธ ความกังวลในเรื่องหมู่คณะต้องรับผิดชอบในหมู่คณะมีการสอน และการปกครอง เป็นต้น ๕. กัมมปลิโพธ ความกังวลในเรื่องการงาน มีงานมาก ยุ่งยาก ๖. อัทธานปลิโพธ ความกังวลด้วยเรื่องการเดินทางไกล ต้องมีการเตรียมมาก ๗. ญาติปลิโพธ ความกังวลด้วยเรื่องญาติเช่น ญาติเจ็บไข้ได้ป่วยต้องเป็นภาระ ของภิกษุหรือการห่วงญาติผู้ชราภาพ เป็นเหตุให้ไม่มีเวลาและโอกาสบ�ำเพ็ญ สมณธรรม
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๒ ๘. อาพาธปลิโพธ ความกังวลในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ๙. คันธปลิโพธ ความกังวลในเรื่องการศึกษาเล่ารียน การท่องบ่นสาธยาย ๑๐. อิทธิปลิโพธ ความกังวลเกี่ยวกับเรื่องฤทธิ์ หลงใหลเพลิดเพลินในฤทธิ์ที่ตน ได้ด้วยอ�ำนาจสมาธิอันเป็นโลกิยะจึงท�ำให้ไม่สามารถส�ำเร็จมรรคผลได้ เครื่องสรรพทิพยา ทุกอย่างเป็นของทิพย์ โคเพลาะ วัวโทนเที่ยวไปโดดเดี่ยว จ จงกรม เดินไปมาในที่ที่ก�ำหนดโดยมีสติก�ำกับอย่างพระเดินเจริญกรรมฐาน จตุปาริสุทธศีล ปาริสุทธิศีล ๔ คือ ๑. ส�ำรวมในพระปาติโมกข์ ๒. ส�ำรวมตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจ ๓. เลี้ยงชีพโดยทางชอบ ๔. บริโภคปัจจัยด้วยการพิจารณา จตุราบาย ที่ที่ปราศจากความเจริญทั้ง ๔ หมายถึง อบายภูมิในไตรภูมิกถาระบุว่า อบายภูมิ ทั้ง ๔ ได้แก่ นรกภูมิ ติรัจฉานภูมิ เปรตวิสัยภูมิ อสุรกายภูมิ จตุเวสารัชชญาณ หมายถึง เวสารัชชญาณ ๔ คือ ๑. สัมมาสัมพุทธปฏิญญา ๒. ขีณาสวปฏิญญา ๓. อันตรายิกธรรมวาทะ ๔. นิยยานิกธรรมเทศนา จร ไม่ประจ�ำ จรัส แจ่มแจ้ง รุงเรือง สว่าง จล ไหว สั่น จลาจเลนทร์ แสงสว่าง ฟ้าแลบ จลาพิล การเคลื่อนไหว จักรพรรดิราชา พระราชาธิราช ประมุขของจักรวรรดิ จักรวาฬ ปริมณฑล หรือบริเวณโดยรอบ จักษุ ดวงตา จักษุญาณ ความรู้อันอาศัยทางตา จักษุญาณสะมันต จักษุโดยรอบ ได้แก่ พระสัพพัญญุตญาณ คือ ปรีชาหยั่งรู้สภาวธรรมทั้งปวง จังเอียด (ข) แน่น จันทรดาเรก จันทร์ดารา ดวงจันทร์ จาตุมหาราชิกา ชื่อสวรรค์ชั้นแรกแห่งสวรรค์๖ ชั้น มีท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ร่วมกันปกครอง จามร เครื่องสูงชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นแส้ท�ำด้วยขนจามรีมีด้ามยาว ปกติจะสอดเก็บ ไว้ในปลอกผ้าสักหลาดแบน รูปคล้ายผลน�้ำเต้า จามิกร เครื่องทอง
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๓ จ�ำเดิม แต่ต้น เริ่มแรก แรก จ�ำนง ประสงค์มุ่งหวัง หมาย ตั้งใจ จ�ำรัส แจ่มแจ้ง รุ่งเรือง สว่าง จ�ำรูญ เติบโต งอกงาม มากขึ้น สมบูรณ์ จำำเริิญ เติิบโต งอกงาม มากขึ้้น สมบููรณ์ ์ จินดา คิด นึก จุทศวาร ๑๔ วาระ จุ่มที่นีระลาขา หมึกครั่ง จูลเทา (ข) เข้าไป เจญ (ข) ออก เจตรกาลมาศ (ข) เดือน ๕ เจรอน (ข) มาก เจียร นาน ช้านาน ยืนนาน ไจ้ เนืองๆ บ่อยๆ ฉ ฉวางมรรคา ขวางหนทาง ฉ้อกามาพจร สวรรค์ ๖ ชั้น ได้แก่ ๑. จาตุมหาราช (จาตุมหาราชิกา หรือจาตุมหาราชิก) ๒. ดาวดึงส์ ๓. ยามา ๔. ดุสิต ๕. นิมมานรดี ๖. ปรนิมมิตวสวัตดี ฉ้อพรรณรังสี รัศมี๖ ประการ ที่เปล่งออกมาจากพระพุทธเจ้า และเทวดาบางจ�ำพวก คือ ๑. ฉัพพิธพรรณรังสี นีล เขียวเหมือนดอกอัญชัน ๒. ปีต เหลืองเหมือนหรดาลทอง ๓. โลหิต แดง เหมือนตะวันอ่อน ๔. โอทาต ขาวเหมือนแผ่นเงิน ๕. มัญเชฐ สีหงสบาท เหมือนดอกเซ่งหรือหงอนไก่ ๖. ประภัสสร เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก ฉันทาคดี ฉันทาคติล�ำเอียงเพราะชอบ ช ชราบ ทราบ ชลเกสรบุษบา เกสรดอกบัว ชวลิต รุ่งเรือง รุ่งโรจน์ สว่าง ช่องกรรณา รูหู
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๔ ชัชวาลย์ สว่าง รุ่งเรือง โพลงขึ้น ชา (ข) เป็น อยู่คือ ช่างเตลา ช่างน�้ำมัน ชาลัคคี เปลวเพลิง ชาลา ความรุ่งเรือง เปลวไฟ โคมไฟ แสงสว่าง ช�ำนัน คราว สมัย ชีวาตม์ ชีวิตของตน เชิง (ข) ตีน เท้า เชื่อม ท�ำให้ติดเป็นเนื้อเดียวกัน โชตนา สว่าง รุ่งเรือง โชมล ม้า ฌ ฌาน การเพ่ง พิจารณา ภาวะที่จิตสงบแน่วแน่ ญ ญาณ ปรีชาหยั่งรู้ปรีชาก�ำหนดรู้ ความสามารถหยั่งรู้หรือก�ำหนดรู้อันเกิดจากอ�ำนาจ สมาธิ ด ดล (ข) ถึง ดอกโกวิฬาร ดอกปาริชาต ดารกพรรคา หมู่ดวงดาว ดารกา ดวงดาว ดาวดึงษโลกา ดาวดึงส์ชื่อสวรรค์ชั้นที่ ๒ แห่งสวรรค์ ๖ ชั้น มีจอมเทพผู้ปกครองชื่อท้าว สักกะ แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าพระอินทร์ ด�ำกล ตั้ง, ตั้งไว้, ก่อสร้าง ด�ำเกิง ขึ้น รุ่งเรือง สูงขึ้น ด�ำรัส ค�ำพูด ดิเรก พิเศษ
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๕ ดุรค ม้า เดชา อ�ำนาจ เดโชกสิณ กรรมฐานหมวดหนึ่งที่ก�ำหนดธาตุไฟเป็นอารมณ์ เดียง (ข) รู้ เดียรฉาน สัตว์นอกเหนือจากมนุษย์เช่น หมู หมา วัว ควาย เดียรดาษ เกลื่อนกลาด เกลื่อน ดื่นดาษ มีทั่วไป เต็มไปหมด เดียรถชลที บริเวณริมฝั่งแม่น�้ำ โดยใจ ตามใจ ได (ข) มือ ต ตรกาล (ข) งาม แปลก ตรจอก (ข) กรงเล็บ ตรลอด ตลอด สิ้น ทั่ว แต่ต้นจนปลาย ตระบัด ประเดี๋ยว บัดใจ ทันใด พลันไป ตรีพิธทุจริต ทุจริต ๓ อย่าง คือ ทุจริตทางกาย ทุจริตทางวาจา และทุจริตทางใจ ตฤณโณรรฆจตุรา หมายความถึง โอฆะ ๔ ได้แก่กาม ภพ ทิฏฐิ อวิชชา ตฤณลดา ติรรณลดา เปรียบได้กับกิเลสทั้งปวง ต้อง ถูก โดน ตังวาย (ข) ให้ ถวาย ตาว ดาบ มีดยาว ตุม (ข) สุก โตมร อาวุธส�ำหรับซัด, หอกซัด, สามง่ามที่มีปลอกรูปเป็นใบโพสวมอยู่ โตรด โตรจ โดดเดี่ยว เปลี่ยวคะนอง ไตรตรึงษ ไตรตรึงษ์สวรรค์ชั้นที่ ๒ แห่งสวรรค์๖ ชั้น ไตรรัสธุดงค์ ธุดงค์วัตร ๑๓ ข้อ ไตรโลกย ไตรภพ ภพทั้งสาม คือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพ ถ้านับตามหลักไสยศาสตร์และ ไตรภพโลกย วรรณคดีหมายถึง สวรรค์ มนุษยโลก และบาดาล ไตรโลกาภิวันท์ เป็นที่ไหว้แก่โลกทั้งสาม
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๖ ถ ถกน ถกล ก่อสร้าง ตั้ง ตั้งขึ้น ตั้งไว้สัตว์ ถวิล คิด, คิดถึง ถ่อง แท้ จริง ชัดเจน ถัทท แน่น แข็ง กระด้าง ไถง ตะวัน วัน ท ทยา ความเอ็นดู ความกรุณา ทรอึ่ง (ข) ถือตัว ทฤรรฆ งู ทฤรรฆา มาจากค�ำว่า ทีรฆ ยาว นาน ยั่งยืน ทฤษฎินโอชาหาร อาหารอันอร่อยตามหลักทฤษฎี ทวัดดึงษาการ ทวัตดึงสาการ อาการของร่างกาย ๓๒ อย่าง มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เป็นต้น ทศพล ผู้มีก�ำลัง ทสนขะวรา ประนมมือ ทักษิณพุทธพาหา พระอัครสาวกเบื้องขวา หรือพระสารีบุตร ทักษิณาทาน การให้ของท�ำบุญท�ำทาน ทานที่อุทิศให้แก่ผู้ตาย ทานเพื่อผลอันเจริญ ทัณฑกรรม การลงโทษ ทัณฑปาณี การลงโทษสถานเบา ท่าว อีก ซ�้ำ เช่น ทวนท่าว หมายถึงทวนอีกครั้ง ทินกร พระอาทิตย์ ทิพโพยทก น�้ำทิพย์ ทิพยวโนททยาน วนอุทยานอันเป็นทิพย์ ทิพรัตนาศนบัลลังก์ บัลลังก์อันเป็นอาสนะทิพย์ ทิพส กลางวัน วัน ทิศานุทิศ ทิศน้อยทิศใหญ่ ทิศต่างๆ ทึก (ข) น�้ำ ทุกขเพทนา ทุกขเวทนา ความรู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจ ความรู้สึกเจ็บปวดทรมาน ความรู้สึกล�ำบาก
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๗ ทุกขา ความยากล�ำบาก ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ทุจริต ความประพฤติชั่ว ทุติยสราพกประเสริฐ พระโมคคัลลานะ ทุรัสสถาน สถานที่ที่ไปถึงยาก ทูร ยากล�ำบาก โหด เทพดา เทวดา เทวราชโลกา เทวโลก เทวโลกา ภูมิอันเป็นที่สถิตของเทวดา เทวะทิศ เทวโลก เทเวนทร์ จอมเทพ หมายถึงพระอินทร์ ธ ธนทาน การให้ทรัพย์ ธม (ข) หิน ธรณีดล พื้นแผ่นดิน ธรรมุบาย ธรรมอันแยบยล ธราธาร ผู้ทรงโลกไว้ ธาฒา ทาฒะ เขี้ยว ธาราตกสงโรจ รดน�้ำ ธุลี ละออง ฝุ่น ผง ธูโม ควัน ธูรรมา เปลวควัน น นมัสการ นมัสสิการ การแสดงความอ่อนน้อมด้วยการกราบไหว้ นร คน นรลักษณ์ ลักษณะเฉพาะตัว นฤทร มาจากค�ำว่า นิทรา การหลับ นฤพาน นิพพาน นฤมล นฤมลา ไม่มีมลทิน ความไม่มัวหมอง
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๘ นฤมิต สร้าง, แปลง, ท�ำ นฤรรนาท มาจากค�ำว่า นิรนาท ความกึกก้อง นฤรรพัดดิสูริยา ดวงอาทิตย์ นฤรุชฌ์ นิโรธ ความดับทุกข์ นาเนก มากมาย นาภี สะดือ นามญาณสิบประการ ทศพลญาณ ประกอบด้วย ๑.ฐานาฐานญาณ ปรีชาหยั่งรู้ฐานะและอฐานะคือรู้กฏธรรมชาติเกี่ยวกับขอบเขต และขีดขั้นของสิ่งทั้งหลายว่าอะไรเป็นไปได้อะไรเป็นไปไม่ได้และแค่ไหนเพียงไร โดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุกับผล และกฎเกณฑ์ทางจริยธรรม เกี่ยวกับสมรรถวิสัยของบุคคล ซึ่งจะได้รับผลกรรมที่ดีและชั่วต่างๆ ๒. กรรมวิปากญาณ ปรีชาหยั่งรู้ผลของกรรม คือ สามารถก�ำหนดแยกการให้ ผลอย่างสลับซับซ้อน ระหว่างกรรมดีกับกรรมชั่ว ที่สัมพันธ์กับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มองเห็นรายละเอียดและความสัมพันธ์ภายในกระบวนการก่อผลของกรรมอย่าง ชัดเจน ๓. สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ ปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะน�ำไปสู่คติทั้งปวง คือ สุคติทุคติหรือพ้นจากคติหรือปรีชาหยั่งรู้ข้อปฏิบัติที่จะน�ำไปสู่อรรถประโยชน์ ทั้งปวงกล่าวคือ ทิฏฐธัมมิกัตถะสัมปรายิกัตถะ หรือ ปรมัตถะคือรู้ว่าเมื่อปรารถนา จะเข้าถึงคติหรือประโยชน์ใดจะต้องท�ำอะไรบ้าง มีรายละเอียดวิธีปฏิบัติอย่างไร ประกอบด้วยธาตุต่างๆ เป็นเอนก คือ รู้สภาวะของธรรมชาติทั้งฝ่ายอุปาทินนก สังขารและฝ่ายอนุปาทินนกสังขาร เช่น รู้จักส่วนประกอบต่างๆของชีวิตสภาวะ ของส่วนประกอบเหล่านั้น พร้อมทั้งลักษณะและหน้าที่ของมันแต่ละอย่าง อาทิ การปฏิบัติหน้าที่ของขันธ์อายตนะ และธาตุต่างๆ ในกระบวนการรับรู้เป็นต้น และรู้เหตุแห่งความแตกต่างกันของสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ๔. นานาธาตุุญาณ ปรีีชาหยั่่งรู้้สภาวะของโลกอัันประกอบด้้วยธาตุตุ่ ่างๆเป็็นเอนก คืือ รู้้สภาวะของธรรมชาติ ทั้้ ิงฝ่่ายอุุปาทิินนกสัังขารและฝ่่ายอนุุปาทิินนกสัังขาร เช่น รู้จักส่วนประกอบต่างๆของชีวิตสภาวะของส่วนประกอบเหล่านั้น พร้อมทั้ง ลักษณะและหน้าที่ของมันแต่ละอย่าง อาทิการปฏิบัติหน้าที่ของขันธ์อายตนะ และธาตุต่างๆ ในกระบวนการรับรู้เป็นต้น และรู้เหตุแห่งความแตกต่างกันของ สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๑๙ ๕. นานาธิมุตติกญาณ ปรีชาหยั่งรู้อธิมุติคือรู้อัธยาศัยความโน้มเอียงความเชื่อ ถือ แนวความสนใจ เป็นต้น ของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นไปต่างๆ กัน ๖. อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชาหยั่งรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ ทั้งหลาย คือ รู้ว่าสัตว์นั้นๆ มีศรัทธา วิริยะ สติสมาธิปัญญา แค่ไหน เพียงใด มี กิเลสมาก กิเลสน้อย มีอินทรีย์อ่อน หรือแก่กล้า สอนง่ายหรือสอนยาก มีความ พร้อมที่จะตรัสรู้หรือไม่ ๗. ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ ปรีชาหยั่งรู้ความเศร้าหมองความผ่องแผ่วการออก แห่งฌาน วิโมกข์สมาธิและสมาบัติทั้งหลาย ๘. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ปรีชาหยั่งรู้อันท�ำให้ระลึกภพที่เคยอยู่ในหนหลังได้ ๙. จุตูปปาตญาณ ปรีชาหยั่งรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลายอันเป็นไปตามกรรม ๑๐. อาสวักขยญาณ ปรีชาหยั่งรู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย น�้ำใจถัทท ไร้น�้ำใจ นิกร หมู่ พวก นิตย เสมอไป สม�่ำเสมอ เป็นประจ�ำ นิรยาบายทั้งสี่ อบาย ๔ หมายถึง ภาวะหรือที่อันปราศจากความเจริญ ได้แก่ ๑.นิรยะ (นรก) ๒. ติรัจฉานโยนิ(ดิรัจฉาน) ๓. ปิตติวิสัย ( แดนเปรต) ๔. อสุรกาย (พวกอสูร) นิเวศ ที่อยู่,บ้าน นีระ น�้ำ นุ (ข) นั้น เนา (ข) อยู่ เนานิตย์ ทุกวันอย่างสม�่ำเสมอ เนียรมิตร นิรมิตรูป ในช่วงวิไชยบรมพฤกษ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ บ บดล ทันทีทันใด ทันใดนั้น บรรสัษย บรรสัช บรรษัท หมู่ ผู้แวดล้อม บรรหาร กล่าว เปล่งวาจา บริหาร บรโลกย ปรโลก โลกหน้า โลกอื่น บริบวรณ์ บริบูรณ์ ครบถ้วน เต็มที่ สมบูรณ์ ไม่บกพร่อง บริพาร ผู้แวดล้อม ผู้รับใช้หรือผู้ติดตาม บวนช�ำรุง (ข) สี่เหลี่ยม บวรรัตน แก้วอันประเสริฐ
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๐ บวรา ประเสริฐ ล�้ำเลิศ บังคม แสดงความเคารพพระมหากษัตริย์และพระบรมราชวงศ์ชั้นสูง บังหวน พ่น บัณฑุก�ำพลสีลาอาศน์ แท่นหินมีสีดุจผ้าก�ำพลเหลืองเป็นที่ประทับของพระอินทร์ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บัตรสาขากหิรัญญ มีใบและกิ่งสีทอง บันทูล (ข) ตรัส บันฦาเสียง เปล่งเสียงดังก้อง บาดาล พื้นที่ใต้ระดับผิวดินลงไป บาบี บาป บาย (ข) ข้าว บ�ำเพ็ญ ท�ำให้เต็มบริบูรณ์ เพิ่มพูน บิณฑา ก้อน บุญญเขตร เนื้อนาบุญ บุญญานุภาพ อ�ำนาจแห่งบุญ บุษปมาลย์ ดอกไม้ บูรเณนทุวรจรจรัส สุกสกาวเต็มดวง บูรรพ ดั้งเดิม ก่อน เบญจวิธมารทั้งห้า ในพระพุทธศาสนาได้แบ่งมารออกเป็น ๕ ประเภท ได้แก่ ๑. กิเลสมาร คือ กิเลสซึ่งท�ำให้เรามีความประพฤติและนิสัยไม่ดีต่างๆ ในแง่ ของมาร หมายถึง กิเลสที่คอยขัดขวางไม่ให้เราท�ำความดี ๒. ขันธมาร คือ ร่างกายและจิตใจของเรา ซึ่งบกพร่องแล้วเป็นมารผลาญตัวเอง ในแง่ของมารหมายถึง ขันธ์ที่คอยกีดขวางการท�ำความดีเช่น ต้องการฟังธรรมะ แต่หูหนวก ไม่สามารถฟังธรรมได้เป็นต้น ๓.อภิสังขารมารอภิสังขารคือความคิดนึกอันประกอบกับอารมณ์เป็นมารเพราะ เป็นตัวปรุงแต่กรรม ท�ำให้เกิดชาติชรา เป็นต้นขัดขวางไม่ให้หลุดพ้นจากทุกข์ใน สังสารวัฏ ๔. เทวบุตรมาร ได้แก่ เทวดาที่เป็นมาร เช่น พระยามาร รวมไปถึงคนพาลคนชั่ว ที่มาขัดขวางการท�ำความดีของเรา ๕. มัจจุมาร คือความตายที่ตัดโอกาสการท�ำความดีของเรา เบญจางคุลยงค นิ้วทั้ง ๕ เบญจาวิธเวร ข้องดเว้น ๕ อย่าง หมายถึงศีล ๕ เบญญูกฤษฎ ผู้ที่มีปัญญาล�้ำเลิศ ในที่นี้หมายถึงพระพุทธเจ้า เบญจสต ห้าร้อย โบก ฉาบ ทา
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๑ ป ปกาศิต ค�ำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ ปถวีฐาน พื้นดิน ปทุมา ดอกบัว ปรตยักษ์ ประจักษ์กระจ่างแจ้ง ปรโลกย โลกหน้า ประดิพจน์ ค�ำตอบ ประดิษฐาน ตั้งไว้ ตั้งขึ้น แต่งตั้งไว้ในต�ำแหน่งสูงสุด ประนมกร พนมมือ ประพาลรัตน์ แก้วชนิดหนึ่งสีแดงอ่อน เกิดจากหินปะการังใต้ทะเล ประภัสสร แสงเลื่อมพราย มีแสงแพรวพราวเหมือนแสงพระอาทิตย์แรกขึ้น บริสุทธิ์ผ่องใส ประไลยพิบัติ ความย่อยยับ ความฉิบหาย ความวิบัติความหายนะ ปราชัย ความพ่ายแพ้ ปรารภ กล่าวเริ่ม กล่าวถึง ตั้งต้น ปร�ำพริ เจ็ด ปร�ำมวย (ข) หก ปริตยาค บริจาค ปริวิตก กังวลหนัก นึกห่วงใย นึกเป็นทุกข์หนักใจ ปรีชญา ปรีชา ปรีดิ ความอิ่มใจ ความปลื้มใจ ความยินดี ปรียาดมา ปิติสุข ปฤชา ปรีชา ปัญญาสามารถ ความก�ำหนดรู้ความรอบรู้จัดเจน ความหยั่งรู้ ปลง ปล่อยหรือเปลื้องให้พ้นไป ปละแล่ม มาจากค�ำว่า ปะแล่ม อ่อนๆ น้อยๆ ปลาส หนีไป ปัสสันนา ปสันนาการ อาการเลื่อมใส ปักษาคณางค์ ตระกูลนก ปาฏิหาริย์ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ ท�ำสิ่งที่ไม่สามารถท�ำได้ตามปกติ ปาริกชาติยพฤกษา ต้นไม้ในสวนพระอินทร์ ปี่แก้ว ชื่อเพลงไทยท�ำนองหนึ่ง
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๒ ผ ผชุม ประชุม ผริต ผาริต แผ่ไป ซ่านไป เผด็จ ขจัด ตัด ขาด แผสง ควัน ฝ ฝ่ายเฉวียง (ข) ฝ่ายซ้าย ฝ่ายพาม ฝ่ายซ้าย ฝ่ายสด�ำ (ข) ฝ่ายขวา พ พงพนานต์ ป่า ดง พนม (ข) ภูเขา พนรุกขา ต้นไม้ในป่า พนสราปทุมเมศ สระบัว พยัคฆา เสือโคร่ง พรรณประภา ความเปล่งปลั่งของผิวพรรณ พรรษานุกรม ตามล�ำดับพรรษา พรรเษก ฝน พรหมคณา หมู่พรหม พรหมโลกาวาศ พรหมโลก พระกรรณ หู พระกาเยนทร ร่างกาย พระขนอง (ส่วนของร่างกาย) หลัง พระคนธกุฎี ชื่อกุฎีซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า เดิมหมายถึงกุฎีที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ ที่เชตวัน ส�ำหรับเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า พระจตุราริยสัจจธรรม อริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์สมุทัย นิโรธ มรรค
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๓ พระจัตตาริสติปัฎฐาน สติปัฏฐาน ที่ตั้งของสติ๔ ข้อ พระฉัททันต์ ชื่อช้างตระกูล ๑ ใน ๑๐ ตระกูล เรียกว่า ฉัททันตหัตถีกายสีขาวบริสุทธิ์ ดั่งสีเงินยวง แต่ปากและเท้าสีแดง พระญาเศลสุพรรณ ในที่หมายถึงพระพุทธเจ้า พระญาไศลบวร ภูเขา พระตถาคต พระผู้ไปเช่นนั้น พระนามหนึ่งของพระพุทธเจ้า ค�ำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียก พระองค์เอง พระไตรลักษณ์ ความเข้าใจลักษณะที่เป็นสามัญ ๓ ประการ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนันตา พระไตรสรณาคมน์ การถึงสรณะ ๓ การถึงรัตนะ ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็น ที่พึ่งที่ระลึก พระทนตเสวตร มีฟันขาว พระทศบารมี บารมี๑๐ ประการ คุณธรรม ๑๐ อย่าง ที่ผู้ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าต้อง บ�ำเพ็ญให้เต็มที่จึงจะได้ตรัสรู้คือ ๑. ทาน การให้ ๒. ศีล การรักษากาย วาจา ใจเรียบร้อยหรือความประพฤติที่ดีงามถูกต้องตาม ระเบียบวินัย ๓. เนกขัมมะ การออกบวช หรือการปลีกตัวปลีกใจจากกาม ๔. ปัญญา ความรอบรู้ ๕. วิริยะ ความเพียร ๖. ขันติความอดทน ๗. สัจจะ ความจริง ๘. อธิษฐาน ความตั้งใจมั่น ๙. เมตตา ความรัก ปรารถนาดีมีไมตรีคิดเกื้อกูลให้ผู้อื่น ๑๐. อุเบกขา ความวางใจเป็นกลาง สงบราบเรียบสม�่ำเสมอ เที่ยงธรรม ไม่ยินดี ยินร้าย พระธรรมขันธ์ หมวดธรรม, กองธรรม, ข้อธรรม (ก�ำหนดข้อธรรมในพระไตรปิฎกว่ามี๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์) พระธรรมโมชธารา หลักธรรมที่ท�ำให้เกิดความยินดีสุขใจ พระธรรมุตโรวาท โอวาทอันยอดเยี่ยมคือพระธรรม พระนาสิกะ จมูก พระบาทปัทม ฝ่าพระบาท
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๔ พระปฏิสัมภิทา ความแตกฉาน ปัญญาอันแตกฉาน มี๔ อย่าง คือ ๑. อรรถปฏิสัมภิทา ๒. ธรรมปฏิสัมภิทา ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา พระปริยัตติธรรม ธรรมที่จะต้องเล่าเรียน ได้แก่ พระไตรปิฎก พระพจนควรทยาลู พุทธพจน์ที่ควรเคารพ พระพัษตรา ผ้า พระพุทธฎีกา ถ้อยค�ำของพระพุทธเจ้า พระภัักตรวิิมะลา มีีพระพัักตร์์สดใส พระมฤธุรสราพุทธพากย พุทธพจน์อันไพเราะ พระมาลา หมวก พระรัศมีปร�ำมวย ฉัพพัธรังสี พระโลมา ขน พระวรมางษหฤไทย หัวใจ พระสติปัฏฐานเจ้าทั้งสี่ ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสติ๔ อย่างคือ กาย เวทนา จิต ธรรม พระสราพก พระสาวก พระสัทธรรม ค�ำสอนของพระพุทธเจ้า พระสัพพัญญุตญาณ พระญาณที่รู้สิ่งทั้งปวง พระญาณนี้มีแก่บุคคลทั่วไปคือมีเฉพาะบุคคลผู้เลิศผู้เดียว ในแต่ละยุค คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น พระสุเมรุบรรพต เขาพระสุเมรุ พระหัตถ์ มือ พระหัษถวรางค์ มือ พระอนันตญาณาธิคุณ พระคุณอันไม่มีที่สิ้นสุด พระอรรคพามบรมศิษย์ อัครสาวกฝ่ายซ้าย พระอริยมัคคผลญาณ ญาณที่บรรลุอริยมรรคและอริยผล พระอังคิรรศ ในที่นี้หมายถึงพระพุทธเจ้า พระอัตถกถา คัมภีร์ที่รวบรวมค�ำอธิบายความในพระไตรปิฎกภาษาบาลีเรียกว่า คัมภีร์อรรถ กถา บ้าง ปกรณ์อรรถกถา บ้างอรรถกถาจัดเป็นแหล่งความรู้ทางพระพุทธศาสนา ที่มีความส�ำคัญรองลงมาจากพระไตรปิฎก และใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างแพร่ หลายในวงการศึกษาพระพุทธศาสนา พระอัษฎางคิกมัคค มรรค ๘ ทางปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ตามหลักพระพุทธศาสนาประกอบด้วย องค์๘ คือ
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๕ ๑. สัมมาทิฐิความเห็นชอบ ๒. สัมมาสังกัปปะ ความด�ำริชอบ ๓. สัมมาวาจา การเจรจาชอบ ๔. สัมมากัมมันตะ การงานชอบ ๕. สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตชอบ ๖. สัมมาวายามะ ความพยายามชอบ ๗. สัมมาสติ ความระลึกชอบ ๘. สัมมาสมาธิ ความตั้งใจชอบ เรียกว่า อริยมรรคมีองค์๘ รวมเรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลาง พระอุทานะ เสียงที่เปล่งออกมา พระอุระ อก พระโอษฐ์ ปาก พระโอสถมลา ยารักษาโรค พระฮาม เช้าตรู่ พรูก (ข) เช้า รุ่งขึ้น พฤกษา ต้นไม้ พฤษภา วัว พสุธา แผ่นดิน พสุนธร ทรงไว้ซึ่งสมบัติ มั่งมี พั้งพาน คองูที่แผ่แบนออกท�ำท่าจะฉก แม่เบี้ยก็เรียก พัชนิ พัชนี พัด พันลือ (ข) แปลก ลึกซึ้ง พากย ถ้อยค�ำ พานร ลิง พาเหียร ภายนอก พิกษิตร วิกสิต บาน แย้ม ในที่นี้แปลว่างดงาม พิฆาฏ พิฆาต เข่นฆ่า ท�ำลายล้าง พิจล หวั่นไหว พิจิตร หลากหลาย ต่างๆ งาม น่าดู พิโดรก�ำจร กลิ่นหอมฟุ้ง พิทธยุต พร้อมรบ พินาศ ความฉิบหายย่อยยับ ความเสียหายย่อยยับ
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๖ พิิพิิธพรรณบวร มีีสีีสัันต่่างๆ พิิมาน วิิมาน ที่่อยู่่ของเทวดา พิฦกษ พิลึก ผิดปกติ แปลกไปจากเดิม ประหลาด พิสดาร กว้างขวาง ละเอียด พีตูว ปีตัว (ข) สองตัว พุทธกฤตยพิไสย ขอบเขตที่จะพึงท�ำในฐานะพระพุทธเจ้า พุทธชาลญาณ ญาณของพระพุทธเจ้า พุทธศิริรังษีฉัพพิธวรรณ รัศมี๖ ประการ ที่เปล่งออกมาจากพระพุทธเจ้าและเทวดา พุทธุปปะภาก พุทธอุปัฏฐาก เพ็งบูรณ ขึ้น ๑๕ ค�่ำ เพญชภูล (ข) เต็ม เพ็ญบูรรพ (ข) พระจันทร์เต็มดวงขึ้น ๑๕ ค�่ำ เพลิงประไลยกัลป์ เรียกไฟที่เชื่อกันว่าจะล้างโลกเมื่อสิ้นกัลป์ เพสวร�ำ ผู้ประเสริฐ โพยม ท้องฟ้า อากาศ โพยมากาศ ท้้องฟ้้า อากาศ ไพชยนตร์นครา วิมานของพระอินทร์ ไพทูรย์ ไพฑูรย์ชื่อพลอยชนิดหนึ่ง ไพบูลย์ ความเต็มเปี่ยม ความเต็มที่ ความบริบูรณ์ ไพโรจน์ รุ่งเรือง สดใส ภ ภมร ผึ้ง ภฤดดี ค่าตอบแทน สินจ้าง ภัศม ละออง เถ้า ธุลี แหลก ละเอียด ภาณุ แสงสว่าง พระอาทิตย์ ภาสกร พระอาทิตย์ ภิรัญชิต ลักษณะอันสวยงาม โภชนสุปพยัญชน์ อาหารที่มีทั้งแกงและกับข้าว
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๗ ม มกรา เป็นสัตว์ตามความเชื่อของพม ่า ล้านนา สยาม และเขมร เรียกอีกอย ่างว ่า ตัวส�ำรอก เนื่องจากในงานศิลปะ มกรมักจะคายหรือส�ำรอกเอาวัตถุใดๆ ออกมา ทุกครั้ง เช่น มกรคายนาค ในเทววิทยาฮินดูจัดเป็นสัตว์ประหลาดในทะเลชนิด หนึ่ง ปกติมักแสดงอยู่ในรูปของสัตว์ผสม ครึ่งหน้าอาจเป็นสัตว์บกอย่างรูปช้าง, จระเข้หรือกวางครึ่งหลังเป็นรูปสัตว์น�้ำ (มักเป็นส่วนหาง) เช่น หางเป็นปลา หรือ ท่อนหลังเป็นแมวน�้ำ บางครั้งอาจปรากฎส่วนหางเป็นรูปนกยูงก็มี มกรจัดเป็น เทพพาหนะส�ำหรับพระแม่คงคา เทพเจ้าแห่งแม่น�้ำคงคา และพระวรุณ เทพแห่ง ทะเลและสายฝน ทางความเชื่อของล้านนาจะใช้มกรในพิธีขอฝน นอกจากนี้ยัง เป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฎในธงของพระกามเทพอันมีชื่อว่าการกะธวัช อีกด้วย มคธภาษา ภาษาบาลี มณฑล วง วงรอบ มณีสรรพโสภา แก้วมณีที่งดงามกว่าแก้วมณีทุกชนิด มนสิการ มนัสสิการ การก�ำหนดไว้ในใจ มเนนทริย จิตใจ มรรค มรรคา ทาง เหตุ มรรคาธิกยาน ญาณส�ำหรับบรรลุมรรค มฤคคราช ราชสีห์ มฤคา กวาง มฤจฉา หนทางผิด มฤจฉาทฤษฎี มิจฉาทิฐิความเห็นผิด ความเห็นที่ผิดจากท�ำนองคลองธรรม มฤธุกร สิงสาราสัตว์ มล้าง ล้าง ฆ่า ผลาญ ม้าง มลาบยินดี ปลาบปลื้มยินดี มหรรณพ ทะเลใหญ่ ห้วงน�้ำใหญ่ มหันต์ ใหญ่ มาก มหาทวีปทั้งสี่ ได้แก่ ๑. อุตรกุรุทวีป อยู่ทางทิศเหนือของภูเขาพระสุเมรุ มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีลักษณะใบหน้าเป็นรูป ๔ เหลี่ยม รักษาศีล ๕ เป็นนิจ มีอายุประมาณ ๑,๐๐๐ ปีเป็นหนุ่มสาวอยู่เสมอ อาศัยอยู่ตามโพรงไม้ไม่ต้องท�ำงานใดๆ แต่งตัวสวยงาม มีกับข้าวและที่นอนเกิดขึ้นตามใจปรารถนา
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๘ ๒. บูรพวิเทหทวีป อยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาพระสุเมรุ มีใบหน้าตอนบนโค้ง ตัดลงมาเหมือนบาตร มีอายุ ประมาณ ๗๐๐ ปี ๓. อมรโคยานทวีป อยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาพระสุเมรุ มีใบหน้าวงกลม คล้ายวงพระจันทร์มีอายุประมาณ ๕๐๐ ปี ๔.ชมพูทวีป อยู่ทางทิศใต้ของภูเขาพระสุเมรุคือมนุษย์โลกนี้เองอายุขัยไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับการท�ำบุญหรือท�ำกรรม แต่ทวีปนี้ก็พิเศษกว่า ๓ ทวีปคือเป็นที่เกิดของ พระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิราชและพระอรหันต์ มหานธ มหันธการ มืดมนมาก มหาบางษุกุลพัษตรจีวะรา ผ้ามหาบังสกุล มหิทธิ์ ผู้เป็นใหญ่ยิ่ง มหิิมา ใหญ่่ โต มโหฬาร ยิ่งใหญ่ กว้างใหญ่ ใหญ่โต มัคควนะ ทางในป่า มัจฉรรย คือความตะหนี่ เป็นธรรมเครื่องเศร้าหมองของจิต หนึ่งในอุปกิเลส ๑๖ มัจฉา ปลา มาน (ข) มี มิถยา มิจฉา ผิด มิทยา ความเอ็นดู ความกรุณา มิศร เจือ ปน ประสมขึ้น มืดมหนธ์ มืดมาก มุณฑกา มุณฑก หัวโล้น มุทิล มลทิน ความมัวหมอง, ความด่างพร้อย, ความไม่บริสุทธิ์ เม (ข) แม่ เมตตรี ไมตรี เมธา ความรู้ ปัญญา ความฉลาดรอบคอบรู้รอบ เมาะ (ข) (ใช้ในการอธิบาย) คือว่า ได้แก่ โมหันธการ ความมืดมนด้วยความหลง ย ยล มอง มองดู แล ยศโยค ประกอบไปด้วยยศ ยอ ยก ยาตร เดิน เดินเป็นกระบวน
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๒๙ ยุคคล ทั้งสอง ยุคนธร ชื่อภูเขาชั้นที่ ๑ ซึ่งเป็นชั้นในสุดของหมู่เขาสัตตบริภัณฑ์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ โยคาพจร ผู้มีความเพียร ผู้ประกอบความเพียร ผู้เจริญภาวนา มักใช้แก่พระภิกษุผู้เรียน สมถกรรมฐาน โยชน์ ชื่อหน่วยวัดระยะตามมาตราวัดของไทยสมัยโบราณ ก�ำหนด ๔๐๐ เส้นเป็น ๑ โยชน์เทียบมาตราเมตริกเท่ากับ ๑๖ กิโลเมตร โยธา งานที่ต้องใชก�ำลังกาย โยเธศ ต่อสู้ ร รจนา แต่ง ตกแต่ง ประพันธ์ ร้อยกรอง สร้าง รจิตร ตกแต่ง ประดับ เรียบเรียง งดงาม รช ธุลี รชฏ เงิน รชนิิยารมณ อารมณ์์ที่่ยึึดติิดอยู่่ในกิิเลส รณรงค์ การรบ รตโนภาษ แสงสว่างแห่งรัตนะ รพีพรรณ พระอาทิตย์ รมเยศ รมย์ น่าบันเทิงใจ น่าสนุก พึงใจ งาม รลุง (ข) ช่อง รฦก ระลึก รัญชิดานุเมศะ สวยงามเหมือนรัตนะ ๗ ประการ รััดศโมภาษ แสงสว่่างแห่่งรััศมีี รัตนปร�ำพิร แก้ว ๗ ประการ รัตนานิธี ขุมทรัพย์คือรัตนะ รัทยง ด�ำรง รัศมี แสงสว่างที่พวยพุ่งออกจากจุดกลาง แสงสว่าง ราคัคคี ไฟราคะ ราคี ความมัวหมอง มลทิน ราษตรีรัษตรี ราตรี กลางคืน ร�ำงับ ระงับ ริปู ข้าศึก ศัตรู ปรปักษ์
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๐ ริษยา อาการที่ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีทนไม่ได้ที่คนอื่นได้ดี ร้อนรุ่มใจเมื่อเห็นคนอื่น ได้ดีกว่า รุจิรา งาม สว่าง รุ่งเรือง สวย รุจี แสง ความรุ่งเรือง ความงาม ไรณุไรณู ละออง ฤ ฤทธา ฤทธานุภาพ อ�ำนาจศักดิ์สิทธิ์ ฤทธิเดช แรงอ�ำนาจ การอาละวาดด้วยอารมณ์โกรธ หรือเอาแต่ใจ ล ลดา เครือเถา เครือวัลย์ ลมนาสา ลมหายใจ ลเอ่ง เต่งตึง แจ่มใส ลักษณาสรรพวรางค์ ลักษณะทั้งหมดของร่างกาย ลาขา ครั่ง ลาญ พินาศ ฉิบหาย เลอ (ข) เหนือ บน เลอถบวง (ข) อยู่หัว แล่ง มาตราตวงตามวิธีประเพณีของไทยโบราณอย่างหนึ่ง ๒ จังออน เป็น ๑ แล่ง ๒ แล่ง เป็น ๑ ทะนาน รังกระสุน โลกยตรกัตติ ที่สุดในโลก โลกุตตร เหนือโลก พ้นวิสัยของโลก โลกุตรธรรม ธรรมที่พ้นวิสัยของโลก มี๙ คือ มรรค ๔ (คือ โสดาปัตติมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตมรรค) ผล ๔ (คือ โสดาปัตติผล สกิทาคามิผล อนาคามิผล อรหันตผล) และนิพพาน ๑ ว วจีปรีภาศน์ การกล่าวถ้อยค�ำ วราห นก วัตร กลับ
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๑ วัสสันตกาล ฤดูฝน วาตา ลม วารีรสอมตโมกษนฤพาน พระนิพพาน วิกย ขาย วิชย วิชยา ชัยชนะ วิทยาธร อมนุษย์พวกหนึ่ง อยู่เชิงเขาพระสุเมรุ เป็นพวกมีวิชาอาคม จ�ำแลงตัว เหาะเหิน เดินอากาศได้ วิปลาศ คลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ ผิดปกติไปในทางเสื่อม วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้งในสังขารว่า เป็นของ ไม่เที่ยง วิมุตติ ความหลุดพ้น วิริยาอดุลย์ ความเพียรที่หาที่เปรียบมิได้ วิลาฬ แมว วิวร การเปิด การเผยแพร่ การอธิบาย การไขความ วิสารัท แกล้วกล้า ช�ำนาญ ฉลาด วิสุทธิ์ สะอาด บริสุทธิ์ใส ขาว หมดจด ไร้ต�ำหนิหมดมลทิน เวชยันตร์ ชื่อวิมาน หรือรถของพระอินทร์ เวนยชาติ เวไนยชาติ ผู้ควรแนะน�ำสั่งสอน ผู้พึงดัดได้สอนได้ เวนะไตรยราชา ราชาแห่งครุฑ เวหาศ ฟ้า อากาศ เวหาสนดรประเทศ กลางท้องฟ้า ศ ศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใส ศฤงคาร สิ่งให้เกิดความรัก ศิโรดม สิโรดม อวัยวะสูงสุด คือหัว ศิโรเพส ผ้าโพกศีรษะ ศีลาจารยวัตร การรักษาศีลและมารยาทความประพฤติทั่วไป ไศรย ที่พักพิง ที่พึ่งพิง ที่อาศัย ที่ร่มเย็น ส สกนธ์ ขันธ์ กอง ส่วนร่างกาย ร่างกาย
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๒ สกล ทั่วไป ทั้งหมด สกลบรรพต ทั่วทั้งภูเขา สกุณาค้อนหอย นกค้อนหอย เป็นนกที่มีจงอยปากยาวโค้ง ปลายแหลม หากินในน�้ำตื้นกินปลา ปูและสัตว์น�้ำเล็กๆ เป็นอาหาร สงสารวัฏร การเวียนว่ายตายเกิด สดับ ตั้งใจฟัง สดูป ถูป สถูป สิ่งก่อสร้างซึ่งก่อไว้ส�ำหรับบรรจุของควรบูชา เช่น พระสารีริกธาตุ สถานพนาทวา สถานที่ต่างๆ มีป่าไม้เป็นต้น สถิตย อยู่ ยืนอยู่ ตั้งอยู่ สถีร สถิร แข็งแรง มั่นคง สภาค ร่วมกัน เหมือนกัน เท่ากัน เสมอกัน สมดึงษ์ สามสิบบริบูรณ์ สมเด็จเทวราชมัฆวาร พระอินทร์ สมมติสงฆ์ พระสงฆ์โดยสมมติคือเป็นพระสงฆ์โดยการยอมรับกันในหมู่สงฆ์หลังจากการได้ ผ่านการคัดเลือกเฟ้นคุณสมบัติถูกต้องและผ่านพิธีกรรมที่เรียกว่าอุปสมบทกรรม ครบถ้วนตามพระวินัยแล้ว ใช้เรียกพระสงฆ์ที่ยังไม่ได้บรรลุมรรคผลเช่นพระสงฆ์ ทั่วไปในปัจจุบัน ถ้าได้บรรลุมรรคแล้ว เช ่นเป็นพระโสดาบันขึ้นไปเรียกว ่า พระอริยสงฆ์ ถ้าเป็นคฤหัสถ์ที่บรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันถึงพระสกิทาคามี แต่ไม่ได้บวช เรียกว่า อริยบุคคล สมัยปัจจาศม ยามเย็น สมาบัติ ภาวะที่จิตสงบประณีตพึงเข้าถึง การบรรลุคุณวิเศษชั้นสูงด้วยอ�ำนาจของการเข้า สมาธิมีหลายอย่าง สมุชลิต รุ่งเรือง รุ่งโรจน์สุกใส สมุทเฉท การตัดขาด สมุทรนฤรรนาท เสียงคลื่นในมหาสมุทร สรก (ข) หยดออกตามรูขุมขน สรณา ที่พึ่ง ที่ระลึก ที่ยึดเหนี่ยว ที่เหนี่ยวรั้งใจ สรมณ สมณะ ผู้สงบกิเลสแล้ว โดยเฉพาะหมายถึงภิกษุในพระพุทธศาสนา สรรพบูโชปะกรณาดิเรก อุปกรณ์หรือเครื่องส�ำหรับบูชาทุกชนิด สรรพภยานตราย ภัยทั้งปวง สรรพา ทั้งปวง สรรพาทิกิเลศ กิเลสทั้งปวง สรรพาวุธ อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งปวง
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๓ สรสรก โชก ซ่ก โซก สรเอ้ง สะเอ้ง เข็มขัด สวภาพ สภาพ ความเป็นอยู่ของตน สวัสดิโอฬาร ใหญ่โต กว้างขวาง โอ่โถง โอ่อ่า สวาณ หมา สวามินทร ผู้เป็นใหญ่ สสางกร พระจันทร์ ส้องเสพ คบหากัน สะพัก ผ้าห่มเฉียงบ่า ห่มคลุม ห่มผ้า สักการบูชา บูชา บวงสรวง สังขทักษิณาวัฏร สังข์ เป็นอาวุธหนึ่งใน ๔ ของพระนารายณ์ทรงถือสังข์หมายถึงได้รับชัยชนะ ตลอดกาล ปกติแล้วสังข์จะมีเปลือกเวียนทางซ้ายตามเข็มนาฬิกา แต่มีบางตัวที่ เวียนไปทางขวาซึ่งพบได้น้อยมาก เรียกว่าสังขทักษิณาวรรต ลักษณะนี้ตามคติ ความเชื่อของศาสนาพราหมณ์–ฮินดูจะถือเป็นมงคล หรือถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ สังขยา การนับ การค�ำนวณ สังขาร ตัวตน ร่างกาย สิ่งประกอบ และปรุงแต่งขึ้นเป็นร่างกาย และจิตใจรวมกัน สัณธาส แหนบ หรือคีม สัตตบริภัณฑ์ ค�ำเรียกหมู่ภูเขา ๗ เทือก ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุหรือสิเนรุคือ ยุคนธร อิสินธร กรวิก สุทัสสนะ เนมินธร วินตกและอัสสกัณณ์ สัตตรตนาวิวิธวรรณ มีสีดังรัตนะ ๗ ประการ สัตตรัตนบวร แก้วเจ็ดประการ สัตวคณา หมู่สัตว์ สััทธฤงพิิหาร สััทธฤงพิิหาริิก สััทธิิิวิิหาริิก ภิิกษุุสามเณรผู้้อยู่่ด้้วยกัันและได้้รัับการบรรพชา อุุปสมบทจาก พระอุุปััชฌาย์์องค์์นั้้นๆ มัักใช้้ร่่วมกัับอัันเตวาสิิก หมายถึึงลููกศิิษย์์ สับปา งู สัปดวาร เจ็ดวัน หนึ่งสัปดาห์ สัปบุรุษ คนที่เป็นสัมมาทิฐิ คฤหัสถ์ผู้มีศรัทธาในพระศาสนา คนที่มีความเห็นชอบตาม ท�ำนองคลองธรรม สัพพัญตัญญาณ ความเป็นผู้รู้หมดสิ้น สัมมาทฤษฎี สัมมาทิฐิความเห็นชอบตามท�ำนองคลองธรรม สัมฤทธิ ความส�ำเร็จ สัษดิศวราธิราช หมายถึง ท้าวสักกะ สาตรอาวุธ ของมีคม เครื่องฟัน แทง
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๔ สามเนียรพิเศษ ภพทั้ง ๓ สายสะอิ้ง สายรัดเอว เป็นเครื่องประดับส�ำหรับผู้หญิง สิกษาบท สิกขาบท ข้อศีล ข้อวินัย บทบัญญัติในพระวินัยที่พึงศึกษาปฏิบัติ สิขเรนทร ภูเขา สิเนรุราชา ชื่อหนึ่งเขาพระสุเมรุ สีหราช พญาราชสีห์ สุกษุมะ ละเอียดอ่อน สุขุมาลย์ ละเอียดอ่อน อ่อนโยน นุ่มนวล ผู้ดี ตระกูลสูง สุคนธารส กลิ่นหอม เครื่องหอม สุงสุมาร จระเข้ สุจริตธรรม ข้อธรรมส�ำหรับประพฤติดี สุนธรธรา ผู้ทรงไว้ซึ่งความดีงาม สุบรรณานุเพศ ครุฑ สุพรรณ ทองค�ำ สุพรรณบงกช ดอกบัวทอง สุราบาน น�้ำเหล้า เสท เสทา เหงื่อ เสวกามาตย ข้าราชการในราชส�ำนัก เสวตรฉัตราทิพรัตน เศวตรฉัตรอันเป็นทิพย์ เสือแผ้ว เสือปลาขนาดใหญ่ แสงสูรย์ แสงพระอาทิตย์ โสภนา โสภณา ความงดงาม โสภาพรรณศิริวิลาศ งดงามตระการตา โสภาสมันต ความงามโดยรอบ โสมนัส ความสุขใจ ความปลาบปลื้ม ความเบิกบาน ห ห่อน เคย หัตถา มือ หัทยา ความพึงพอใจ หินุบประมา อุปมาเหมือนหิน เหตุบุญญา บุญที่ได้กระท�ำไว้มากยิ่ง
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๕ อ อดิตานาคตปัจจุบัน อดีต อนาคต ปัจจุบัน อดิเรก พิเศษ อดิิศร อดิิสรณ์์ ผู้้เป็็นเจ้้าเป็็นใหญ่่ อดุลย อดูลย ไม่มีอะไรเปรียบ ไม่มีอะไรเท่า อธิบดี ผู้เป็นใหญ่ ผู้ปกครอง หัวหน้า อธึก ยิ่ง เกิน มาก เลิศ อนธการ ความมืด ความืดมน ความมัว อนันต์ ไม่มีที่สิ้นสุด มากจนนับไม่ได้ มากล้น อนุสนธิพากยา ค�ำเริ่มต้น อปราไชย ความไม่แพ้ความชนะ อภิลาศ เต็มไปด้วยกาม อภิวาท การกราบไหว้ อมร อมรา ผู้ไม่ตาย เทวดา อมรินทรา พระอินทร์ อมฤตยสฤตชะลา น�้ำอมฤตยที่รดผ่าน อมฤตยา เทวดา ผู้ไม่ตาย อมฤตยาทิพโพยทก น�้ำทิพย์อันเป็นอมฤต อย่าง วิธี แบบ อรรค เลิศ ยอด อรรคสถานะทุติยา พระอัครสาวกฝ่ายซ้าย อรรคสาวก ยอดแห่งศิษย์ของพระศาสดา อรรฒทิวา ครึ่งวัน อรรถ เนื้อความ อรหนตศรมณ พระสมณะผู้เป็นพระอรหันต์ อริยทรัพย์เจ็ดประการ คือทรัพย์อันประเสริฐ ๗ ประการ ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว ่า มนุษย์ทั้งหลายควรพึงแสวงหาทรัพย์ทั้ง ๗ ประการนี้ไว้กับตนอริยทรัพย์ ๗ ประกอบด้วย ๑. ศรัทธา หมายถึง ความเชื่อ เชื่ออย่างมีเหตุผล ๒.ศีล หมายถึงการรักษาวัตรปฏิบัติทั้งทางกาย วาจาและใจของตนให้เรียบร้อย และมีความส�ำรวม
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๖ ๓. หิริหมายถึง ความละอายต่อบาปและกรรมชั่ว ๔. โอตตัปปะ หมายถึง ความเกรงกลัวต่อบาปและกรรมชั่ว ๕. พาหุสัจจะ หมายถึงความเป็นผู้ที่ศึกษาเล่าเรียน ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาจนมีความรู้มาก ๖. จาคะ หมายถึงการบริจาคการให้ทาน ความเสียสละเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และช่วย เหลือผู้อื่น ๗. ปัญญา หมายถึงความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ลึกซึ้งในเหตุในผลเข้าใจ ความดีความชั่วเข้าใจความถูกและผิดไม่เอาใจเข้าหาอวิชชาจะเห็นว่าอริยทรัพย์ ๗ ประการนี้ไม่ใช่แก้วแหวนเงินทอง หรือของมีค่าอื่นๆในทางโลกแต่เป็นของมี ค่าในทางธรรม ทางจิตใจ ที่จะสามารถท�ำให้คนเรามีความสุขได้มากกว่าและยั่งยืน กว่าทรัพย์ในทางโลกทั้งปวง อรุโณทัย เวลาเช้าตรู่ เวลาพระอาทิตย์เพิ่งขึ้น อวิชชา ความไม่รู้แจ้ง ความไม่รู้ความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ โดยถูกต้องแจ่มแจ้ง อสงไขย มากจนนับไม่ถ้วน ชื่อมาตรานับจ�ำนวนใหญ่ที่สุด คือ โกฏิยกก�ำลัง ๒๐ อสิิตยานุุพยััญชนะวรา ลัักษณะข้้อปลีีกย่่อยของพระพุุทธเจ้้าอีีก ๘๐ อย่่าง อหังการ ความเย่อหยิ่ง ความจองหอง การถือว่าเป็นตัวเรา ความทะนงตัว อัคคชลชลา แม่น�้ำใหญ่ มหาสมุทร อัคคี ไฟ อัคนี ไฟ อัคยา ไฟ อัจฉรรย มาจากค�ำว่า อจฉริย น่าพิศวง อัจฉา หมี อัชฌัคร งูเหลือม อัญชวลี อัญชลี การประนมมือ การไหว้ บางทีใช้เป็นอัญชุลี อันตรายยุปัททรวาสรรพาพาธ ให้พ้นจากอันตราย ความอุบาทว์และความเจ็บไข้ทั้งปวง อันเตวาสิก ภิกษุสามเณรผู้มาขออยู่ร่วมส�ำนัก มักใช้ร่วมกับสัทธิวิหาริก หมายถึงลูกศิษย์ อันธพาล ผู้ที่ท�ำตัวเกะกะระราน อันธสูบวาต การท�ำภาวนาหายใจเข้า – ออก อัศจรรย์ แปลก ประหลาด น่าพิศวง อัศวะนี อัสนี สายฟ้า อัษโกส วาจาหยาบคาย อัษฎางค์ประการ มรรค ๘ อัสสุชลธารา น�้ำตา อาเกียรณ์ เกลื่อนกล่น ดาษดา เต็มไป แน่นหนา
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๗ อาฆาฎ อาฆาต ผูกใจเจ็บ และคิดแก้แค้น จองเวร พยาบาท อาดม อาตม อาตม ตน ตัวตน กาย วิญญาณ อาทวาราชี มีแนวป่า และกิ่งไม้เป็นต้น อานุภาพ อ�ำนาจ ฤทธิ์เดช ความยิ่งใหญ่ พลัง อาภา แสง รัศมี ความสว่าง อายัตน อายตนะเครื่องรู้และสิ่งที่รู้เช่น หูเป็นเครื่องรู้เสียงเป็นสิ่งที่รู้ในพระพุทธศาสนา หมายถึง จักษุ โสต ฆาน ชิวหา กาย ใจ เรียกว่าอายตนะภายใน อาเศียรพิศ สัตว์มีพิษในเขี้ยว ในที่นี้หมายถึง พญานาค อาสรพ อาสวะ กิเลสที่หมักหมม นอนเนื่องทับถมอยู่ในจิต อ�ำพล น่าดู งาม งามสล้าง อิธโลกย อิธโลก โลกนี้ อินทรีย์ ร่างกาย อิศวรา ผู้เป็นใหญ่ อึงคนึงมี่ เอะอะ อื้ออึง อุณหาการ อาการร้อน อาการเร่าร้อน อุดรพาหา ในที่นี้หมายถึงพระมหาโมคคัลลานะ อุดุงคมหิมา ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ อุไทย การเกิดขึ้นแห่งความสุข การตั้งขึ้น อุบัติ การมีขึ้น การเกิดขึ้น ก�ำเนิด ต้นเหตุ รากเหง้า อุปฐาก ผู้อุปถัมภ์บ�ำรุงพระภิกษุ สามเณร อุปัชฌาจารย์ ผู้คอยดูแลเอาใจใส่คอยแนะน�ำพร�่ำเตือนแก่ลูกศิษย์ อุปัทรวา อุปัทว อุบาทว์ อัปรีย์ จัญไร ไม่เป็นมงคล โอทยาหาราภรณ เครื่องปรุงอาหาร ไอศวรรยสมบัติ สมบัติแห่งพระราชาธิบดี
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๘ ๏ บรรณานุุกรม ๏ กรมศิลปากร กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์. วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม ๑. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๒๙.. ๕๐๐ หน้า. กรมศิลปากร ส�ำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. วรรณกรรมสมัยอยุธยา เล่ม ๓. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๕. ๕๐๒ หน้า. กรมศิิลปากร สำำนัักหอสมุุดแห่่งชาติิ. แบบอัักษรโบราณ ฉบัับนัักเรีียน นัักศึึกษา. พิิมพ์์ครั้้งที่่ ๓. กรุุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๖๒. ๔๘ หน้า. ก่องแก้ว วีระประจักษ์. อักษรขอมไทย. [เอกสารอัดส�ำเนา], [ม.ป.ป.]. กุสุมารักษมณี. พระราชนิพนธ์พระนลค�ำหลวง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๑๔. ๓๑ หน้า. จันทบุรีนฤนาถ, พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระ. ปทานุกรม บาลีไทยอังกฤษ สันสกฤต ฉบับ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ. (ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ในคราวอายุครบ ๕ รอบ หม่อมหลวงบัว กิติยากร ในพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๒). พระนคร : หจก.ศิวพร, ๒๕๑๓. ๙๐๒ หน้า. จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ,ยรรยงค์สิกขะฤทธิ์. การวิเคราะห์เนื้อหาเรื่องนันโทปนันทสูตรค�ำหลวงฉบับสมุดไทย ของ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์. กรุงเทพฯ : ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศิลปากร, ๒๕๖๑. ๕๑๗ หน้า. จุไรรัตน์ ลักษณะศิริ. ฤทธานุภาพพระโมคคัลลาน์ปราบพญานันโทฯ ในหนังสือสมุดไทย เรื่องนันโทปนันทสูตร ค�ำหลวง. วารสารมนุษยศาสตร์ฉบับบัณฑิตศึกษา. ๖,๒ (กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๐) : ๑ -๑๗. ณัฐวุฒิ สุทธิสงคราม. ผู้สร้างวรรณกรรม. กรุงเทพฯ : รุ่งเรืองสาส์นการพิมพ์, ๒๕๒๐. ๔๙๙ หน้า. นิตยา แก้วคัลณา. การใช้ค�ำเขมรในนันโทปนันทสูตรค�ำหลวง. วารสารภาษาและภาษาศาสตร์. ๑๗,๒ (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๔๒) : ๑๐ – ๒๕. เปลื้อง ณ นคร. ประวัติวรรณคดีไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑๒. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๔๔. ๕๔๙ หน้า.
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๓๙ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์บริษัท สหธรรมิก จ�ำกัด, ๒๕๔๑. ๔๕๓ หน้า. ยอช เซเดส์. ต�ำนานอักษรไทย. พระนคร : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๖๘. ๑๖ หน้า. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมศัพท์วรรณคดีไทย สมัยอยุธยา มหาชาติค�ำหลวง. นนทบุรี: สหมิตรพริ้นติ้ง, ๒๕๔๙. ๗๙๒ หน้า. วิสิฎฐ์ พุฑฒิบัณฑิต. วรรณคดีวจนาภิธาน. ธนบุรี: ล้อการค้า, ๒๕๐๔. ๖๘๘ หน้า. สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์. อภิธานศัพท์มหาชาติค�ำหลวง. [เอกสารอัด ส�ำเนา], [ม.ป.ป.].
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๔๑ บรมแธรรยาจารยบพิิตร ๕๖ พระชิินะศรีีบริิตยาค ๑๗ พระตถาคตทศพล ๓๕ พระผู้้มีีพระภาคยบวรา ๗๔ พระพุุทธทิิวากรวรญาณาบพิิตร ๓๐ พระพุุทธมกุุฏโลกาจารยบพิิตร ๔๐ พระมหาวิริิยาธิิกวรงค์์๕๖ พระมุุนิินทรนารถสรรเพชญ์์๑๘ พระโลกเชษฐพิิจารณ์์ ๒๘ พระโลกิิตศวรนารถ ๑๗ พระศรีีสรรเพชญ์์ ๒๕ พระสรรเพชญ์์๖๐ พระสรรเพชญ์์พุุทธเจ้้า ๔๐ ๔๑ ๔๒ พระสรรเพชญ์์โพธิิสมภาร ๒๑ พระสิิโรนารถศาสดา ๑๗ พระสุุคตศาสดา ๒๗ พระอรหาธิิคุุโณดมบรํํมบพิิตรพุุทธเจ้้า ๕๐ ๕๑ พระอัังคิิรรศมิิเบญญา ๓๑ สมเด็็จดิิลกโลกยสาษดาจารย์์๗๐ สมเด็็จทศพลธรวรญาณ ๙๔ สมเด็็จทิิปทุุดดโมโคดํํมเจ้้า ๓๘ สมเด็็จธิิรธรวรวรา ๓๘ สมเด็็จแธรรยููกฤษฎานััคค ๙๓ สมเด็็จนรวรพากยา ๑๐๐ สมเด็็จบรํํมจัักรพรรดิิราชา ๘๙ สมเด็็จบรํมจัักษุุมาสรรเพชญ์์ ๒๐ สมเด็็จบรํมตรีีภวนะมณฑลสกลโลกยนาถา ๙๑ สมเด็็จบรํํมไตรภวนารถ ๕๙ สมเด็็จบรํํมแธรรยา ๓๓ สมเด็็จบรํํมนายกดิิลกโลกยจุุธา ๔๙ สมเด็็จบรํํมนายกดิิลกโลกยมกุุฎอุุดมวิสุิุทธชััชวาลย ๙๒ สมเด็็จบรํํมมานาวรนรญาณาวิิสารััท ๙๘ สมเด็็จบรํํมมารชิินะสาษดา ๒๖
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๔๒ สมเด็็จบรํํมโมลีีตรีีโลกากรสรณรรค ๙๘ สมเด็็จบรํํมโลกนารรถมุุนิิวงษ์์ ๔๘ สมเด็็จพระชนกาธิิราช ๕๔ สมเด็็จพระชิินมารบพิิตร ๔๙ สมเด็็จพระชิิเนนทรทศพล ๑๓ ๑๘ สมเด็็จพระชิิเนนทราจารย์์ ๒๑ สมเด็็จพระญาจัักรพรรดิิ๔๕ สมเด็็จพระญาณสมนตตระการ ๒๕ สมเด็็จพระดิิลกโลกยวิิสุุทธรููปพระพุุทธอััศจรรย์์ ๓๘ สมเด็็จพระทสพล ๒๔ สมเด็็จพระทสพลบพิิตร ๙๕ สมเด็็จพระธรรมธราสวามิินทร ๒๗ สมเด็็จพระนรสีีหมุุนิิวร ๓๘ สมเด็็จพระนรสีีหสุุคต ๓๑ สมเด็็จพระบรํํมตรีีภพนารรถ ๕๙ สมเด็็จพระบรํํมไตรโลกาจารย์์๔๘ สมเด็็จพระบรํํมไตรโลกาภิิวาท ๕๙ สมเด็็จพระบรํํมนารถศาสดาแห่่งกมเลนทรามรนรคณสกลโลกยกรุุณา ๙๙ สมเด็็จพระบรํํมโลโกดดราธิิกธิคุิุณ ๒๘ สมเด็็จพระบรํํมศาสดา ๗๓ สมเด็็จพระบรมสรรเพชญ์์๕๔ สมเด็็จพระผู้้มีีพระภาคยอุุดดมา ๘๓ สมเด็็จพระผู้้มีีพุุทธภาคย ๓๔ ๙๓ สมเด็็จพระผู้้มีีพุุทธภาคยบวรา ๙๙ สมเด็็จพระพุุทธญาณาอนัันต ๕๐ สมเด็็จพระพุุทธภาคยวรงค ๙๗ สมเด็็จพระพุุทธโลกยเชษฐ ๗๒ - ๗๓ สมเด็็จพระพุุทธองค์์อยู่่เกล้้า ๕๘ - ๕๙ ๖๐ สมเด็็จพระมหาธีีรบวร ๙๕ สมเด็็จพระมหาสุุทรรยา ๑๐๑ สมเด็็จพระโลกนารถมุนิุิวร ๑๖ สมเด็็จพระโลกยโมลีีศบวร ๙๕ สมเด็็จพระศรีีสรรพััชญ์์๑๙
๏ นัันโทปนัันทสููตรคำำ�หลวง ๏ ๑๔๓ สมเด็็จพระศรีีสรรเพชญ์์ ๙๒ สมเด็็จพระศาสดาสััพพััญญู ู๔๗ สมเด็็จพระสมณโคดะโมดดมา ๕๗ สมเด็็จพระสรมโณดดมวิสุิุทธิิมกุุฎโลกยนมััสการ ๒๓ สมเด็็จพระสรรพััชญ ๙๘ สมเด็็จพระสรรพััญญูู ๘๒ สมเด็็จพระสรรเพชญ์์๙๕ ๙๙ สมเด็็จพระสรรเพชญ์์บรํํมนารถ ๘๕ สมเด็็จพระสรรเพชญ์์บิิดุุราช ๘๒ สมเด็็จพระสรรเพชญ์์พุุทธเจ้้า ๒๓ ๔๐ ๔๑ ๔๒ ๙๒ ๙๗ สมเด็็จพระสรรเพชญ์์พุุทธทิิวากร ๙๑ สมเด็็จพระสวยมภููญาณมหิิมา ๓๗ สมเด็็จพระสิิทธารถสััพพััญญูู๕๐ สมเด็็จพระสุุคตชาประธาน ๑๐๑ สมเด็็จพระสุุคตศาสดา ๕๕ สมเด็็จพระอนนตญาณเจ้้า ๙๘ สมเด็็จพระอัังคิิรรััศมีีศาสดา ๔๕ สมเด็็จพระอัังคิิรโสตรบวรมุุนีีรพีีพงษ์์๔๕ สมเด็็จพิิชิิตมาร ๑๐๒ (สม)เด็็จภวนารถาบพิิตร ๙๒ สมเด็็จภููริิเบญญา ๙๘ สมเด็็จมหามุุเนศวะราโลกาจารยบพิิตร ๑๐๑ สมเด็็จมเหสีียสุุคตทศพลธรวรญาณอนัันต ๕๖ สมเด็็จมุุนิิวรณนิิกรโลกยนาถ ๙๖ สมเด็็จมุุเนศศวราบพิิตร ๒๐ สมเด็็จโลกคุรุุงอุดุุงคเดชมหิิมาพรํํหมมิินทรามรนรคณสกลไตรโลกยนาถา ๖๐ สมเด็็จโลกยเชษฎา ๔๗ สมเด็็จโลกยพำำนัักนิิสบสกล ๒๐ สมเด็็จโลกยโมลีี๙๔ สมเด็็จโลกยวิิทููเบญญููกฤษฎ ๙๓ สมเด็็จวิสุิุทธเทพดามุุนิิวร ๒๕ สมเด็็จศาษดาจารย์์โลกยนาถ ๙๔ สมเด็็จศิิริิสากยมุุนิินารถรวิิวงษ ๙๓