สารบัญ หนา้
สารบญั ก
บทที่ 1 บทนา 1
1.1 ความหมายของสมรรถนะ 1
1.2 ประเภทของสมรรถนะ 1
1.3 องคป์ ระกอบของสมรรถนะ 2
1.4 ประโยชนข์ องมาตรฐานอาชพี 2
1.5 ความรู้และทักษะและการพฒั นาไปสู่มาตรฐานอาชพี 3
1.6 การประเมินสมรรถนะ 3
1.7 หลกั การประเมนิ ทด่ี ี 3
1.8 แนวทางปฏิบตั ิในการประเมินให้มีความเชอ่ื ม่นั ได้ 5
1.9 ประเภทของการประเมนิ สมรรถนะ 5
1.10 แนวทางการวดั และเครื่องมือประเมนิ สมรรถนะ 7
1.11 วิธกี ารประเมนิ ระบบสมรรถนะ 7
10
บทท่ี 2 แนวทางการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 10
2.1 การพฒั นาระบบการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชพี 11
2.2 วเิ คราะห์สมรรถนะอาชีพทส่ี อดคล้องกับหลักสตู รเพ่ือใช้ประเมินสมรรถนะวิชาชพี 11
2.3 วธิ กี ารประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 11
2.4 กาหนดการประเมินสมรรถนะวิชาชพี ใหก้ ับนักเรียนทนุ 12
2.5 วธิ ีการพฒั นาระบบการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 14
2.6 วิเคราะห์มาตรฐานอาชพี หรอื มาตรฐานทส่ี ถานศึกษากาหนด
หรือสมรรถนะอาชีพจากสมาคมวชิ าชพี 17
2.7 จดั รายวิชาเลือกเพือ่ ใหต้ รงกับมาตรฐานอาชพี ทกี่ าหนดไว้ หรอื
ถ้าสถานศึกษาไม่สามารถจดั รายวิชาไดใ้ นแผนการศกึ ษา ให้สถานศกึ ษา
จัดฝกึ อบรมวิชาชพี เสรมิ ใหก้ ับนกั ศกึ ษาเพ่อื ให้มสี มรรถนะวิชาชพี ตรงกบั
มาตรฐานทีก่ าหนดไว้
คู่มือแผนการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชพี ก
สารบัญ(ต่อ) หนา้
2.8 ปรับแผนการเรียนใหส้ อดคล้องกับมาตรฐานอาชีพหรอื มาตรฐาน 19
ทีส่ ถานศึกษากาหนด เพ่อื ให้เกดิ ความเชยี่ วชาญและความเลศิ ในลกั ษณะงาน
ของสถานศึกษา 20
20
2.9 กาหนดสมรรถนะวิชาชีพรายปี และวธิ กี ารประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี รายปี
2.10 กาหนดวิธีการเสรมิ สมรรถนะวชิ าชพี เพ่ือรองรบั การประเมนิ มาตรฐาน 21
22
อาชีพตามท่ีสถานศึกษากาหนด 25
2.11 ประเมินสมรรถนะอาชีพหรอื มาตรฐานท่สี ถานศกึ ษากาหนด 25
2.12 ตัวอย่างการประเมนิ สมรรถนะรายปี 26
บทที่ 3 วธิ ีการประเมินสมรรถนะวิชาชีพ 28
3.1 เครอื่ งมือวดั ทักษะปฏบิ ตั ิ 30
3.2 การสรา้ งเคร่ืองมือวัดทกั ษะปฏบิ ตั ิ 33
3.3 การกาหนดเกณฑ์ประเมินทกั ษะการปฏิบตั ิงาน 38
3.4 การวเิ คราะหส์ มรรถนะวิชาชพี 41
3.5 แผนการประเมินสมรรถนะรายปี 43
3.6 แผนการประเมินด้านความรู้ (Knowledge Assessment Plan) 51
3.7 แผนการประเมินด้านทักษะ (Skill Assessment Plan) 55
3.8 ตารางวเิ คราะห์แบบทดสอบภาคความรู้ (Test Blueprint for Knowledge) 56
3.9 ตารางวเิ คราะห์แบบทดสอบภาคทักษะ (Test Blueprint for Skill) 59
3.10 แบบฟอรม์ ข้อสอบดา้ นความรู้
3.11 แบบฟอร์ม การประเมนิ ทักษะ
บรรณานกุ รม
คู่มอื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ ข
บทที่ 1
บทนำ
การวิเคราะห์สมรรถนะเป็นหัวใจสาคัญของการเพ่ิมศักยภาพในวิชาชีพให้แก่ผู้เรียนหรือผู้ปฏิบัติงาน
โดยสมรรถนะการปฏิบัติงาน (Practical Competence) ซ่ึงใช้ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) เป็นหลัก
สว่ นสมรรถนะทางปัญญา (Cognitive Competence) จะได้กล่าวในหวั ข้อต่อไป นอกจากน้ันยังได้แสดงวิธีการนา
ทกั ษะหลกั (Key Skills) มาบูรณาการให้เกดิ สมรรถนะได้จรงิ และยั่งยืน
1.ควำมหมำยของสมรรถนะ
สมรรถนะ หมายถึง ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่จาเป็นต่อการปฏิบัติงานให้บรรลุผลได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ ซ่ึงสะท้อนให้เห็นจากพฤติกรรมในการทางานท่ีแสดงออกมาของแต่ละบุคคลที่สามารถวัดและ
สังเกตเห็นได้
2.ประเภทของสมรรถนะ
สมรรถนะ (Competency) ในองคก์ รสว่ นใหญ่ แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท ดงั น้ี
3.1 สมรรถนะหลัก (Core Competency) หมายถึง คุณลักษณะ สมรรถนะ ความสามารถ คุณสมบัติ
ทีพ่ นักงานทกุ ระดับช้ันภายในองค์กรจะต้องมี ซึง่ จะสนับสนนุ วิสยั ทศั น์ พันธกิจ และความสามารถหลักขององค์กร
ท่ีพึงมีเพ่ือความสาเร็จในการแข่งขัน ด้านการศึก ษา Core Competency เปรียบเสมือนวิชาบังคับ
ท่ีทุกคนจะต้องเรียน โดยด้านการประกอบอาชีพ Core Competency คือ คุณลักษณะ หรือสมรรถนะ
หรือความสามารถ หรือคุณสมบัติภาคบังคับขององค์กรที่กาหนดให้พนักงานทุกคนจะต้องมี ท่ีจะช่วยให้พนักงาน
เป็นพนักงานที่สามารถปฏิบัติงานในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาหรับพนักงานที่ขาดสมรรถนะ
Core Competency จะต้องได้รบั การพฒั นาต่อไป
3.2 สมรรถนะในการบริหารจัดการ (Professional Competency) หมายถึง ความสามารถสมรรถนะ
สาหรับพนักงานระดับบริหารขึ้นไปที่ควรมี เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการงานตามตาแหน่ง และความ
รับผิดชอบของหน่วยงานที่แตกต่างกันไป ซ่ึงผู้บริหารกลุ่มนี้จะเป็นผู้ทาหน้าท่ีในการผลักดันกลยุทธ์ และการ
ปฏิบัติงานต่างๆ ให้กับพนักงานที่อยู่ใต้บังคับบัญชา ถือเป็น Competency เฉพาะส่วนที่เป็นการบริหารจัดการ
เพอ่ื ใหผ้ ู้บรหิ ารสามารถปฏบิ ัติหน้าท่ไี ดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ หรอื เรียกวา่ Management Competency
3.3 สมรรถนะในงาน (Functional Competency) หมายถึง ความสามารถในตาแหน่งหน้าที่
ถือเป็นคุณลักษณะสมรรถนะ คุณสมบัติ ซ่ึงคนท่ีทางานในตาแหน่งต่างๆ จะต้องมี เพื่อให้สามารถทางานใน
ตาแหนง่ นน้ั ๆ ไดอ้ ยา่ งประสบความสาเรจ็
คูม่ ือแผนการประเมินสมรรถนะวิชาชพี 1
3. องค์ประกอบของสมรรถนะ
หลกั ตามแนวคดิ ของแมคเคลิ แลนด์ ประกอบด้วย 5 ส่วน คือ
1) ทักษะ (Skill) เป็นความสามารถในการปฏิบัติงาน ด้วยความมุ่งมั่นจากจิตใจ และร่างกาย
โดยความสามารถนี้ จะรวมไปถึง การคิดเชิงระบบ (Analytical thinking) ที่จะต้องคิดถึงความเป็นเหตุ
เป็นผลด้วย เช่น ทักษะในการเชื่อมโลหะ ซ่ึงจะต้องเชื่อมให้โลหะติดเป็นเนื้อเดียวกันเป็นเส้นตรงสวยงาม
ไม่ทาลายพ้นื ผิวสว่ นอื่น เปน็ ต้น
2) ความรู้ (Knowledge) เป็นข้อมูลท่ีอยู่ในตัวบุคคลซึ่งจาเป็นต่อหน้าท่ีที่รับผิดชอบ เช่น ความรู้
ทางบัญชจี าเป็นต้องรูก้ ระบวนการลงบญั ชี ตลอดจนงานอ่ืนๆ ท่ีจาเป็นต่อบัญชี เปน็ ตน้
3) อุปนิสัย (Trait) เป็นคุณลักษณะที่มักจะแสดงออกเพื่อโต้ตอบต่อสถานการณ์หนึ่งๆ เช่น
การทางานของนักบริหารบางท่าน จะชอบความรวดเร็ว คิดเร็ว ทาไวในการทางาน แต่บางท่านจะค่อยๆ
คดิ ชา้ แตร่ อบคอบ อนั เนื่องมาจากปฏกิ ิริยาตอบสนองตอ่ ปัญหา หรือสถานการณ์ของแตล่ ะคน
4) แนวคิดของตน (Self-Concept) เป็นส่วนหนึ่งของค่านิยม (Value) ทัศนคติ (Attitude) และ
ภาพลกั ษณะของตน (Self-Image) ซ่ึงจะสามารถสังเกตจากพฤติกรรมทแ่ี สดงออกมาได้ เชน่ บางคนมีคา่ นยิ มเป็น
ผู้นากล่มุ เสมอ แต่บางคนชอบทจ่ี ะโตแ้ ย้ง ก็มักจะแสดงออกถึงพฤติกรรมกา้ วร้าว เป็นตน้
5) แรงขบั (Motive) เปน็ ส่ิงทซ่ี อ่ นเร้นอยู่ในความคิดหรือความต้องการท่ีจะเปน็ ต้นเหตุของการแสดงออก
เช่น บางคนชอบทางานยากๆ เพราะรู้สึกว่าเป็นงานท้าทาย ในทางตรงกนั ข้าม บางคนเป็นคนเฉื่อยชา จะชอบทางาน
ง่ายๆ สบายๆ เปน็ ต้น
กล่าวโดยสรุป Competency คือ ความสามารถ หรือ ศักยภาพ หรือสมรรถนะ ซึ่งเป็นตัวท่ีกาหนด
รายละเอียดของพฤติกรรมการแสดงออก เปน็ การตอบคาถามว่าทาอย่างไรท่ีจะทาให้งานทีไ่ ด้รับมอบหมายประสบ
ผลสาเรจ็ (How) มากกว่า การตอบคาถามวา่ อะไรเปน็ สิง่ ท่หี วั หนา้ งานคาดหวังหรือต้องการ (What)
4. ประโยชน์ของมำตรฐำนอำชพี
มาตรฐานสมรรถนะสามารถนาไปใชป้ ระโยชนไ์ ดด้ ังน้ี
4.1 เพอ่ื เป็นฐานสาหรบั การอธบิ ายลกั ษณะงาน
4.2 เพอ่ื กาหนดความต้องการการฝกึ อบรม
4.3 เพือ่ พฒั นาโปรแกรมหรอื แผนการฝกึ อบรม
4.4 เพ่ือเปน็ ฐานสาหรบั การประเมินและการใหร้ างวลั
4.5 เพือ่ เป็นการวดั หรอื เป็นเกณฑเ์ ปรยี บเทียบสมรรถนะสาหรบั การพฒั นา
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี 2
5. ควำมรู้และทักษะและกำรพัฒนำไปสู่มำตรฐำนอำชพี
5.1 ทักษะหลัก ได้แก่ การสื่อสาร การคิดคานวณ เทคโนโลยีสารสนเทศ การทางานร่วมกับผู้อื่นการ
แกป้ ัญหา และการปรบั ปรุงการเรียนรู้และการปฏิบตั ิงานของตนเองเปน็ แกนสาคัญในการพฒั นาความรู้และทักษะ
ในระดับสงู ขน้ึ และเพื่อการเรยี นรู้ตลอดชีวิต
5.2 ทักษะพื้นฐานและความรู้พื้นฐาน ซ่ึงบางส่วนมีความเป็นอิสระต่อกันและบางส่วนบูรณาการหรือ
ประยุกตเ์ ขา้ กันเป็นสมรรถนะในขนั้ ต้นจงึ นับเปน็ จุดเร่ิมต้นของเกณฑ์เปรยี บเทยี บสมรรถนะ (benchmark)
5.3 ทักษะเฉพาะและความรู้เฉพาะ ซึ่งประยุกต์เข้ากันเป็นการปฏิบัติงานสมรรถนะจากง่ายไปสู่ความ
ซับซอ้ นของงานน้ันๆ ทกั ษะเฉพาะสามารถสังเกตเห็นได้ในรูปของการปฏิบตั ิงาน(performance) ในขณะท่ีความรู้
เฉพาะอาจแสดงหรือไม่แสดงให้เห็นและมีระดับสูงต้ังแต่ความเข้าใจขึ้นไป เรียกว่า ความรู้ความเข้าใจงาน
(Underpinning knowledge) ซ่ึงมีความจา เป็นเป็นความรู้เกี่ยวกับ ทฤษฎี หลักการ และวิธีการ ที่ต้องมีเสมอ
เพื่อเกือ้ หนนุ การปฏิบตั งิ านน้ัน ส่วนทางดา้ นเจตคตหิ รอื กิจนสิ ยั ซง่ึ มีสว่ นสนับสนุนการปฏบิ ตั งิ านให้เกิดประสิทธิผล
หรอื ทา ใหผ้ ลงานมคี ุณภาพ อาจสังเกตเหน็ ไดใ้ นขณะปฏิบัติงาน
6. กำรประเมนิ สมรรถนะ
การประเมินสมรรถนะ (Competency Assessment) หมายถึง กระบวนการในการประเมินความรู้
ความสามารถ ทักษะ และพฤติกรรมการทางานของบุคคลในขณะนั้นเปรียบเทียบกับระดับสมรรถนะที่องค์กร
คาดหวังในตาแหน่งงานน้ันๆว่าได้ตามท่ีคาดหวังหรือมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดการประเมินสมรรถนะ
ควรมลี กั ษณะ ดงั น้ี
1. ประเมินอยา่ งเป็นระบบ (Systematic)
2. มวี ัตถปุ ระสงค์ในการประเมินอยา่ งชัดเจน (Objective)
3. เปน็ กระบวนการทสี่ ามารถวัดประเมนิ ได้ (Measurable)
4. เคร่อื งมือมีความเที่ยง (Validity) และความเช่ือถือได้ (Reliability)
7. หลักกำรประเมินท่ีดี
การประเมินเป็นหัวใจของการรับรองความสาเร็จ คุณภาพของการประเมินจึงเป็นส่ิงสาคัญสาหรับการให้
คารับรองที่เชื่อถือได้ ความเช่ือถือได้ในการประเมินเกิดจากข้ันตอนและวิธีการปฏิบัติงานประเมินท่ีทาตาม
หลักการและข้อบังคับอย่างเคร่งครัด หลักการประเมินที่ดียึดหลักการดังนี้ (The South African Qualification
Authority, 2001 : 16-19)
1. มคี วามเปน็ ธรรม และการประเมนิ จะต้องไม่ทาให้เกิดอุปสรรคหรือขัดผลประโยชน์แกผ่ ู้รับการประเมิน
ความเป็นธรรมในการประเมนิ ประกอบด้วย
ค่มู ือแผนการประเมินสมรรถนะวิชาชีพ 3
ก) อิทธิพลทก่ี อ่ ใหเ้ กิดผลกระทบจะต้องถกู ควบคมุ
ข) กระบวนการประเมนิ ชัดเจน โปรง่ ใส ให้โอกาสเทา่ เทียมกนั แก่ผรู้ ับการประเมินทกุ คน
ค) ผู้รับการประเมนิ สามารถเขา้ ถึงกลไกในการร้องขอใหท้ บทวนการประเมนิ ได้โดยสะดวก
2. มีความเที่ยงตรง การประเมินสอดคล้องกับส่ิงท่ีต้องการวัดผล เช่น วัดความรู้ ความเข้าใจ เนื้อหา
ทักษะ ข้อมูล พฤติกรรม เป็นต้น ขั้นตอนการประเมิน วิธีการประเมินเครื่องมือที่ใช้ประเมิน วัสดุท่ีใช้ประเมิน
จะต้องสอดคล้องตรงกันกับส่ิงท่ีต้องการประเมิน เพื่อผลสัมฤทธิ์ในความเท่ียงตรงของการประเมิน ผู้ประเมินควร
จะมี
ก) ความชัดเจนในผลลพั ธท์ ี่จะต้องประเมิน
ข) ใชป้ ระเภทของร่องรอยหลกั ฐานและข้อมูลท่เี หมาะสมในการประเมนิ
ค) ใชว้ ิธกี ารประเมินทีเ่ หมาะสมในการประเมนิ
ง) เลือกใช้เคร่ืองมือท่ีเหมาะสมในการประเมินในการออกแบบวิธีการประเมิน ผู้ประเมินต้อง
พิจารณาสมรรถนะ (Specific Outcomes)เกณฑ์การประเมิน (Assessment Criteria) และขอบเขต (Range)
เพ่ือกาหนดหรือระบุประเภทและปริมาณของร่องรอยหลักฐานท่ีต้องการจากผู้รับการประเมิน ในขณะท่ีประเภท
และปรมิ าณของรอ่ งรอยหลกั ฐานจะเป็นสิ่งที่กาหนดถงึ วธิ กี ารและเคร่ืองมือทเ่ี ลือกใชใ้ นการประเมิน
3. มีความเช่ือมั่น ในการประเมินต้องมีความคงท่ี ซ่ึงหมายถึง การตัดสินผลท่ีได้ผลเหมือนกันทุกคร้ังใน
ประเภทเดียวกนั ทม่ี ีการประเมนิ ผลการประเมนิ จะต้องไมเ่ กดิ จากอิทธพิ ลที่ทาใหบ้ ิดเบือน เช่น
ก) การเอนเอียงของผปู้ ระเมนิ ท่ีอาจมีผลเน่ืองจากเพศ เช้อื ชาติ ศาสนา ความนยิ มชมชอบ ความ
รงั เกยี จ ลกั ษณะการแสดงออกของผูร้ บั การประเมิน และอ่ืน ๆ
ข) ผู้ประเมนิ แตล่ ะคนแปลความหมายสมรรถนะ หรอื คุณวุฒวิ ิชาชีพที่จะประเมนิ แตกต่างกนั
ค) ผปู้ ระเมนิ แตล่ ะคนประเมินมาตรฐานแตกต่างกัน
ง) ความเครียดและความเหนอ่ื ยล้าของผปู้ ระเมิน
จ) ร่องรอยหลกั ฐานทใ่ี ชป้ ระเมินไม่เพยี งพอ
ฉ) ผปู้ ระเมนิ ใชป้ ระมาณการตดั สินจากการปฏบิ ตั งิ านเพยี งเล็กน้อยของผรู้ ับการประเมิน
4. มีความสามารถท่ีจะปฏิบัติได้ การประเมินต้องมีความม่ันใจว่าสามารถดาเนินการได้โดยการสนับสนุน
ในด้านงบประมาณ แหล่งสนับสนุน ส่ิงอานวยความสะดวก เคร่ืองมือ อุปกรณ์ และเวลา การประเมินน้ันต้องการ
การจดั การค่อนข้างละเอียดออ่ นในการใชเ้ ครื่องมือและสิง่ อานวยความสะดวก ตลอดจนการจดั คา่ ใชจ้ ่าย ส่ิงเหลา่ นี้
หากไม่ถูกตอ้ งอาจทาใหก้ ารประเมินลม้ เหลวได้
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี 4
8. แนวทำงปฏิบตั ใิ นกำรประเมินให้มคี วำมเชอ่ื มนั่ ได้
1. ผู้ประเมินควรไดร้ บั การฝกึ อบรม และมสี มรรถนะในการจัดการประเมนิ
2. ผปู้ ระเมนิ ต้องมคี วามชดั เจน คงเส้นคงวา และไม่คลุมเครอื กบั แนวทางการปฏบิ ตั ิงาน
3. ยึดมน่ั ตามเกณฑ์การประเมิน และแนวทางการประเมินทรี่ ะบุไวใ้ นหน่วยสมรรถนะของคณุ วุฒวิ ชิ าชีพ
4. ผู้ประเมินควรพบปะปรึกษาหารือกับผูเ้ กีย่ วขอ้ งในการประเมิน
5. ในโอกาสท่ีเป็นไปได้ ควรใช้ผู้ประเมินมากกว่า 1 คน เข้ามามีส่วนเก่ียวข้องในการประเมินผู้รับการ
ประเมนิ แตล่ ะคน
6. ผู้ประเมินควรใช้แบบฟอร์มตรวจสอบรายการ หรือแบบฟอร์มอ่ืน ๆ ประกอบการประเมินเพิ่มเติมจาก
เครือ่ งมอื ประเมนิ อื่น ๆ
7. การตรวจสอบขัน้ ตอนการปฏิบตั งิ านควรกระทาในสถานปฏบิ ัติงานจรงิ
8. ข้นั ตอนการรายงานผลเปน็ ระบบและชดั เจน ควรดาเนินการในสถานประกอบการ
9. ประเภทของกำรประเมินสมรรถนะ
โดยทั่วไปการประเมินบุคลากรอาจแบง่ เปน็ ประเภทไดด้ ังนี้ (Tucker, Jenny and Ollin, Ros, 2004 :
25-28)
1. กำรประเมินอิงเกณฑ์ (Criterion-Referenced Assessment) คุณวุฒิวิชาชีพเป็นระบบการ
ประเมนิ องิ เกณฑ์ ซง่ึ มาจากความคิดเห็นรว่ มกนั ว่า ทักษะเช่นใดเป็นมาตรฐานอนั เป็นท่ียอมรับในแง่หน่ึง ทุกสาขา
อาชีพต้ังอยู่ในระบบเกณฑ์อยู่แล้ว ดังตัวอย่างเช่น ในการซ่อมระบบห้ามล้อรถยนต์ เจ้าของย่อมต้องการให้กลไก
เครอ่ื งยนต์ทางานไดต้ ามมาตรฐานอนั เป็นท่ียอมรับในอตุ สาหกรรมรถยนต์ เช่นเดียวกบั ทค่ี นไขย้ อ่ มตอ้ งการให้ นาง
พยาบาลปฏิบัตหิ นา้ ท่ีตามมาตรฐานอันเป็นท่ียอมรับของโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ การสร้างระบบมาตรฐาน
ระดับชาติในสาขาอาชีพต่าง ๆ น้ัน แท้ท่ีจริงคือภาพสะท้อนที่เป็นรูปธรรมของแนวทางปฏิบัติแต่ด้ังเดิมที่เรามีอยู่
แลว้ ในสังคมนนั่ เอง การประเมินองิ เกณฑ์มีผลลัพธ์ 2 ประการ จากผูร้ ับการประเมนิ คอื มีสมรรถนะสอดคล้องตาม
เกณฑ์หรือไม่สอดคล้องตามเกณฑ์ ตัวอย่างเช่น ในการซ่อมตัวถังรถยนต์ย่อมต้องพิจารณาว่าช่างผูร้ ับการประเมิน
ได้ติดตั้งอะไหล่ตรงตามข้อกาหนดหรือแบบของผู้ผลิตรถยนต์หรือไม่ หาก ติดตั้งถูกต้องย่อมแสดงว่าผู้รับการ
ประเมินมสี มรรถนะตามเกณฑ์ หากไมถ่ ูกตอ้ งย่อมหมายถึงสมรรถนะไมส่ อดคล้องตามเกณฑ์ อนึ่งการประเมนิ แบบ
อิงเกณฑ์นั้นไม่มีการจากัดจานวนผู้ผ่านเกณฑ์ประเมิน ตราบเท่าท่ีผู้น้ันได้ปฏิบัติตามข้อกาหนดของเกณฑ์
มาตรฐานได้ครบถว้ น
2. กำรประเมินองิ กลุ่ม (Norm-Referenced Assessment) ระบบการศึกษาทวั่ ไปเปน็ ตวั อยา่ งท่ีดีของ
ระบบประเมนิ แบบอิงกลุ่ม ซ่งึ ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนคนหน่งึ ๆ ตอ้ งเปรยี บเทียบกับคนอ่ืนในกลุ่ม ตามแนวความคิด
พน้ื ฐานทวี่ ่า ในคนกลมุ่ หนง่ึ ๆ จะมีคนสว่ นนอ้ ยทาไดด้ ี คนสว่ นใหญท่ าได้พอใช้และคนบางส่วนทาได้ไมด่ ี ดงั น้ีย่อม
คู่มอื แผนการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชพี 5
คาดคะเนได้ว่า นักเรียนส่วนน้อยจะได้ A ส่วนใหญ่ได้ C และบางส่วนจะได้ E หรือไม่ก็ F หากปีใดปรากฏว่า
มีนักเรียนจานวนมากได้เกรด A ผู้บริหารระบบวัดผลย่อมพิจารณาและปรับเกณฑ์เสียใหม่ อาจปรับข้อสอบให้
ยากขึ้น หรือผู้วัดผลอาจตรวจให้คะแนนเข้มงวดมากข้ึน ดังน้ันอาจกล่าวได้ว่าไม่มีมาตรฐานคงตัวในการวัดผล
อิงกลุ่ม หากปีใดมีผู้สอบ A Level และ GCSE ผ่านมากข้ึน มักจะมีการถกเถียงว่ามาตรฐานการวัดผลตกต่าลง
หรือไม่ แม้ผลสอบที่ดีน้ันอาจมาจากวิธีการสอนท่ีดีขึ้นจึงช่วยให้มีผู้สอบผ่านมากข้ึน แต่เป็นที่คาดว่าน่าจะมีคน
จานวนหนึ่งเท่านั้นที่จะได้คะแนนสูงสุด การท่ีผู้ทาคะแนนได้ดีทวีจานวนมากข้ึน ย่อมทาให้กระบวนการ
ซึ่งเกี่ยวเนื่องกันต้องแปรปรวนไปด้วยคือทาให้การเข้ามหาวิทยาลัยยุ่งยากขึ้น เพราะนักเรียนคะแนนดีมีจานวน
มากเกินจานวนที่น่งั เรยี น ปัญหาหลักของระบบประเมินแบบอิงกลุ่ม อาจแสดงได้ชดั เจนดงั ตัวอย่างเร่ืองพยาบาล
คนไข้ย่อมไม่ได้รู้สึกดีข้ึนมาแม้พยาบาลน้ันจะจัดว่าเก่งที่สุดในประเทศ หากมาตรฐานวิชาชีพพยาบาลระดับชาติ
ไม่ดีพอ และพยาบาลผู้นั้นก็เป็นเพียงผู้ที่เก่งที่สุดของวิชาชีพที่ขาดมาตรฐานทักษะน่ันเอง การวัดผลอิงกลุ่มจึงมี
ข้อด้อยอยู่ที่ตัวระบบ เพียงแต่ระบุได้ว่าใครดีกว่าหรือด้อยกว่าคนอื่นในกลุ่ม แต่มิได้บ่งบอกถึงมาตรฐานต่าสุดท่ี
แท้จริงแต่อย่างใดอย่างไรก็ดี ยังปรากฏให้เห็นในทางปฏิบัติว่า ผู้จ้างงานและสถานศึกษาขั้นสูงคานึงถึงผลสัมฤทธ์ิ
ของการได้คะแนนสูงในการรับสมัคร และการประเมินแบบอิงกลุ่มเพียงช่วยให้ทราบถึงความเด่นและด้อยของ
ลูกจ้างและนักศึกษาแตล่ ะคนในกลุ่มเท่าน้ัน
3. กำรประเมินควำมก้ำวหน้ำ (Formative Assessment) ผู้ประเมินจะได้รับผลประเมินจากการ
ปฏิบัตงิ านอย่างตอ่ เนอื่ ง ซงึ่ สามารถชแี้ นวทางใหป้ รับเปลี่ยนและพัฒนาการปฏบิ ัตงิ านใหไ้ ด้ตามเป้าหมายทก่ี าหนด
การประเมินอาจกระทาอย่างเป็นทางการ แต่โดยส่วนใหญ่จะไม่เป็นทางการ หากผู้ประเมินเป็นผู้ท่ีต้ังใจช่วยเหลือ
และเข้าใจเห็นใจผู้รับการประเมินเป็นอย่างดี จะมีส่วนสาคัญย่ิงที่จะกระตุ้นให้ผู้รับการประเมินที่ไม่มั่นใจใน
ความสามารถของตนพัฒนาให้ดีข้ึนได้ การบันทึกผลการประเมินจะทาให้เกิดการสั่งสมสมรรถนะและความรู้ท่ี
เก่ียวข้องอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเปิดเผยให้ผู้รับการประเมินเข้าใจได้ชัดเจนว่ายังต้องพัฒนาการปฏิบัติงานใน
ดา้ นใดกรณศี ึกษาในการประเมินความก้าวหนา้
4. กำรประเมินผลสรปุ (Summative Assessment) การประเมนิ ผลสรุป คอื การสรุปอย่างเป็นรูปแบบ
ถึงผลสัมฤทธ์ิจากช้ินงานหรือเนื้องานท่ีผ้รู ับการประเมินทาเสร็จสิ้น การประเมินเช่นน้ีจะเกิดขึ้นตอนสิ้นสดุ ของแต่
ละหน่วยสมรรถนะในมาตรฐานอาชีพ หรือสมรรถนะย่อยภายหลงั จากไดใ้ ห้ผลประเมินความกา้ วหน้าแบบค่อยเป็น
ค่อยไปหลายคร้ังตลอดมา ผู้ประเมินจะสรุปผลประเมินสุดท้ายครอบคลุมทั้งหน่วย และจะเป็นคาตัดสินถึง
สมรรถนะวชิ าชีพของผู้รับการประเมนิ ตวั อย่างอ่นื ๆ ของการประเมินเชงิ สรุป ได้แก่
ก) การสอบไลป่ ลายปี หรอื สอบเมื่อจบภาคเรียน
ข) การสอบจบหน่วยของ Craft Certificates
ค) การให้คะแนนเมื่อการทาโครงงานหรืองานท่ีได้รับมอบหมายเสร็จส้ินสมบรู ณ์
คมู่ อื แผนการประเมินสมรรถนะวิชาชีพ 6
10. แนวทำงกำรวดั และเครอื่ งมอื ประเมนิ สมรรถนะ
แนวทางการวัดหรือประเมินสมรรถนะน้ัน ในแวดวงวิชาการและการบริหารพบว่ามีข้อเสนอไว้อย่าง
หลากหลาย แตกต่างกันไปบ้างตามแนวทางหรือวิธีการนาไปประยุกต์ใช้งาน ซึ่งแนวทางการวัดและประเมิน
สมรรถนะสามารถแบง่ ออกเปน็ กล่มุ ใหญ่ ๆ 3 กลุ่ม คอื
1.วิธีทดสอบผลงาน (Tests of Performance) เป็นแบบทดสอบท่ีให้ผู้รับการทดสอบทางานบางอย่าง
เชน่ การเขียนอธิบายคาตอบ การเลอื กตอบขอ้ ทถ่ี ูกทีส่ ดุ แบบทดสอบประเภทนี้ออกแบบมาเพ่ือวัดความสามารถ
ของบุคคล (can do) ทีว่ ดั ทักษะหรือความสามารถทางดา้ นร่างกาย
2. วิธีการประเมินตามพฤติกรรมท่ีได้จากการสังเกต (Behavior Observations) เป็นแบบทดสอบ
เกี่ยวข้องกับการสังเกตพฤติกรรมของผู้รับการทดสอบในบางสถานการณ์ ตัวอย่างการวัดจากการสังเกตและ
ประเมินพฤติกรรม เช่น การสังเกตพฤติกรรมการเข้าสังคม พฤติกรรมการทางาน การสัมภาษณ์ก็อาจจัดอยู่ใน
กลุ่มนี้ด้วย เน่ืองจากสมรรถนะเป็นคุณลักษณะเชิงพฤติกรรม ดังน้ัน การวัดหรือประเมินที่สอดคล้องท่ีสุด คือ
การสังเกตพฤติกรรม ในการสังเกตพฤติกรรมนั้นมีสมมุติฐาน 2 ประการท่ีจะทาให้การสังเกตพฤติกรรมมีความ
ถกู ต้องกล่าวคอื
1) ผทู้ ีส่ งั เกตและประเมินตอ้ งทาด้วยความตรงไปตรงมา
2) ผู้ท่ีสังเกตและประเมินต้องใกล้ชิดเพียงพอที่จะสังเกตพฤติกรรมของผู้ท่ีถูกประเมินได้ตาม
รูปแบบที่กาหนดไว้นั้น ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ประเมินสมรรถนะ โดยผู้บังคับบัญชาจะต้องหมั่นสังเกตและบันทึก
พฤติกรรมการทางานของผูท้ ่ถี กู ประเมนิ ไวเ้ ปน็ ระยะ ๆ
3. วิธีการประเมินตนเอง (Self Reports) เป็นแบบทดสอบที่ให้ผู้ตอบรายงานเก่ียวกับตนเอง เช่น
ความรู้สึก ทัศนคติ ความเชื่อ ความสนใจ แบบทดสอบบุคลิกภาพ แบบสอบถาม แบบสารวจความคิดเห็น
ตา่ ง ๆ
11. วิธกี ำรประเมินระบบสมรรถนะ
การประเมินระบบสมรรถนะ มีวัตถุประสงค์เพื่อนามาใช้วัดระดับความสามารถที่มีอยู่จริงของบุคลากร
เปรียบเทียบกับระดับของสมรรถนะท่ีองค์การคาดหวังในแต่ละตาแหน่งงานท้ังน้ีการประเมินของแต่ละองค์กรนั้น
อาจแตกต่างกันไปข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ในการนาระบบสมรรถนะมาใช้และความพร้อมของบุคลากร ตลอดจน
ทรัพยากรและเวลา วธิ ีการประเมนิ ระบบสมรรถนะอาจแบ่งการประเมนิ ระบบสมรรถนะ ได้หลายรปู แบบ ดงั นี้
1.กำรประเมินโดยผู้บังคับบัญชำ (Boss Assessment) เป็นเทคนิคการประเมินสมรรถนะที่ให้
ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ประเมินผู้ใต้บังคับบัญชาฝ่ายเดียวเพราะเช่ือวา่ ผู้บงั คับบัญชาจะรู้จกั ผู้ใต้บังคับบัญชามากทสี่ ุด
และต้องรับผิดชอบการทางานของผู้ใต้บังคับบัญชาข้อจากัดคือ ผู้บังคับบัญชาอาจไม่เห็นพฤติกรรมของ
ค่มู ือแผนการประเมินสมรรถนะวิชาชพี 7
ผู้ใต้บังคับบัญชาตลอดเวลาการประเมินจากผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดแต่เพียงฝ่ายเดียวอาจไม่สามารถให้คาแนะนาที่
เปน็ ประโยชนต์ อ่ การทางานและอาจมคี วาม เอนเอียงหรอื อคติกับลกู นอ้ งบางคนได้
2. กำรประเมินตนเองและผู้บังคับบัญชำ (Self & Boss Assessment) เป็นเทคนิคการประเมิน
สมรรถนะท่ีได้รับความนิยมมากท่ีสุดเพราะเปิดโอกาสให้ท้ังผู้ใต้บังคับบัญชาและ ผู้บังคับบัญชาร่วมกันประเมินมี
การพูดคุย ปรึกษาหารือและตกลงร่วมกัน วิธีนี้ทาได้ง่าย ประหยัด ค่าใช้จ่ายแต่ข้อจากัด คือบางครั้งผลการ
ประเมินที่พนักงานประเมินกับผู้บังคับบัญชาอาจมีผลประเมินไม่ตรงกัน การประเมินตนเองและผู้บังคับบัญชา
(Self & Boss Assessment) มีขัน้ ตอน ดังนี้
2.1 ตวั บคุ ลากรประเมินสมรรถนะของตนเอง
2.2. ผบู้ ังคับบญั ชาประเมินสมรรถนะของบุคลากรทเ่ี ปน็ ผใู้ ต้บงั คับบัญชา
2.3 ปรกึ ษาหารือและสรปุ โดยความเหน็ ร่วมของผ้บู งั คับบญั ชาและผใู้ ต้บงั คบั บญั ชา
2.4 คณะกรรมการบุคคลของแตล่ ะหน่วยงาน/องค์กร ให้ความเห็นชอบผลการประเมิน
2.5 ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายทรัพยากรบุคคลของแต่ละหน่วยงาน/องค์กรให้การดูแลพัฒนา
บุคลากรให้มสี มรรถนะตามความคาดหวงั ขององค์กร
ข้อจากัดของวิธีน้ีก็คือ การประเมินตนเองผู้ประเมินมักจะประเมินตนเองสูงกว่าความเป็นจริงหรือสูง
กว่าที่ผู้บังคับบัญชาประเมินให้และผู้บังคับบัญชาก็มักจะประเมินสมรรถนะของลูกน้องต่า กว่าความเป็นจริงและ
มกั มคี วามขดั แย้งเกิดขึ้นเม่ือมาปรึกษาหารือสรุปร่วมกบั ผู้บงั คับบญั ชา
3. กำรประเมินโดยใช้แบบทดสอบ (Test : Knowledge & Skill) เป็นเทคนิคการประเมินสมรรถนะ
โดยใช้แบบทดสอบวัดความรู้หรือทักษะตามสมรรถนะท่ีกาหนดเช่นแบบ ปรนัยเลือกตอบ แบบอัตนัยโดยให้ผู้เข้า
ทดสอบเขยี นอธิบายคาตอบแบบทดสอบประเภทนี้ ออกแบบมาเพ่ือวัดความสามารถของบุคคล (Can do) ภายใต้
เงื่อนไขของการทดสอบ ตัวอย่าง ของแบบทดสอบประเภทนี้ ได้แก่แบบทดสอบความสามารถทางสมองโดยท่ัวไป
(General Mental Ability) แบบทดสอบที่วัดความสามารถเฉพาะ เช่นSpatial Ability หรือความเข้าใจด้าน
เครื่องยนต์กลไก และแบบทดสอบท่วี ดั ทกั ษะ หรอื ความสามารถทางดา้ นร่างกายเปน็ ตน้
4. กำรประเมินพฤติกรรมจำกเหตุกำรณ์หรือสถำนกำรณ์ท่ีสำคัญๆ (Critical Incident) เป็นเทคนิค
การประเมินสมรรถนะท่ีมุ่งเน้นใหผ้ ู้ประเมินพฤติกรรมบนั ทึกพฤติกรรมหลักๆจากเหตุการณ์หรือสถานการณ์ท่ีผู้ถูก
ประเมินแสดงพฤติกรรมและนามาเปรียบเทยี บกับระดบั สมรรถนะท่ีคาดหวงั ว่าสูงหรอื ต่ากว่า
5. กำรเขียนเรียงควำม (Written Essay) เป็นวิธีการประเมินที่ง่ายที่สุด โดยให้ผู้ถูกประเมินเขียน
บรรยายผลการปฏิบัติงานในช่วงเวลาทผ่ี ่านมาว่า ตนใชค้ วามร้ทู กั ษะและพฤติกรรมอะไรบ้างหลงั จากน้ันผู้ประเมิน
จะวิเคราะห์พฤตกิ รรมจากเรยี งความว่าผ้ถู ูกประเมนิ มีสมรรถนะแต่ละตวั อย่รู ะดบั ใด
6. ประเมินโดยกำรสัมภำษณ์ (Interview) เป็นเทคนิคท่ีผู้บังคับบัญชาหรือผู้ประเมินทาการสัมภาษณ์
ผู้ใต้บังคับบัญชาตามสมรรถนะท่ีกาหนด และประเมินว่าเขามีสมรรถนะอยู่ระดับใดการใช้ เทคนิคนี้มีข้อจากัดคือ
คมู่ อื แผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี 8
ต้องใช้เวลามากในกรณีที่มีผู้ใต้บังคับบัญชามากต้องเสียเวลามาก วิธีการน้ีเหมาะสาหรับใช้ในการสัมภาษณ์เพ่ือ
เล่อื นตาแหนง่ งาน หรือสัมภาษณค์ นเขา้ ทางานเป็นตน้
7. กำรประเมินโดยใช้แบบสอบถำม (Rating Scale) เป็นเทคนิคการประเมินสมรรถนะท่ี สร้างแบบ
ประเมินโดยใช้มาตราส่วนประมาณค่าซ่ึงแบบประเมินพฤติกรรมน้ีสร้างได้หลายแบบ แบบท่ีนิยมกันแพร่หลาย
ไดแ้ ก่แบบประเมินทใ่ี ช้ความถ่หี รือปรมิ าณกาหนดระดบั (Likert Scale)
8. กำรประเมนิ จำกพฤติกรรมกำรปฏบิ ัตงิ ำน (Behaviorally Anchored Rating: BARS) เปน็ เทคนิค
การประเมินสมรรถนะท่ีมุ่งประเมินพฤติกรรมหลักท่ีคาดหวัง (Key Result Areas) ในสมรรถนะตัวนั้นๆสาหรับผู้
ประเมินอาจเป็นได้ท้ังผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือร่วมกันท้ัง 3 ฝ่ายเพื่อประเมินสมรรถนะ
ของบคุ ลากรซึ่งในงานวจิ ยั เล่มน้ี ไดเ้ ลือกใช้การประเมนิ แบบ BARS
9. ประเมินแบบสำมร้อยหกสิบองศำ (360 Evaluation) การประเมินสมรรถนะแบบ 360 นี้ เป็นการ
ประเมินโดยใช้เครื่องมือที่เป็นแบบสอบถาม (Rating Scale) หรือแบบประเมิน จากพฤติกรรม การปฏิบัติงาน
(Behaviorally Anchored Rating : BARS) โดยให้ผู้ที่เก่ียวข้องกับผู้ถูกประเมินเป็นผู้ ประเมินสมรรถนะ เช่น
ผูบ้ ังคบั บญั ชา เพือ่ นรว่ มงาน ลกู น้อง ลกู ค้า เป็นตน้
10. กำรประเมินแบบศนู ย์ทดสอบ (Assessment Center) เปน็ เทคนิคการประเมินท่ใี ช้ เทคนิคหลายๆ
วิธีร่วมกันและใช้บุคคลหลายคนร่วมกันประเมิน เช่น แบบสอบถาม การสังเกต พฤติกรรมการสัมภาษณ์ การ
ทดสอบ การใช้แบบวัดทางจติ วิทยา กรณีศึกษา เปน็ ตน้ ข้อดีของการประเมินแบบน้คี ือผลการประเมินมคี วามเที่ยง
และความเช่ือถือได้สูงเพราะใช้เทคนิคหลายวิธี ร่วมกัน ใช้คนหลายคนช่วยกันประเมินส่วนข้อจากัดก็คือต้องเสีย
คา่ ใชจ้ ่ายสูง ใช้เวลามาก เป็นต้น
คูม่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 9
บทที่ 2
แนวทางการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี
การประเมินผลสมรรถนะ เป็นการรวบรวมข้อมูลที่เก่ียวกับผลการปฏิบัติงานของผู้เรียนโดยการประเมิน
ความรู้ ความสามารถ ทักษะ และพฤติกรรมการทางานของบุคคลในขณะน้ันเปรียบเทียบกับระดับสมรรถนะท่ี
องค์กรคาดหวังในตาแหน่งงานนั้นๆว่าได้ตามท่ีคาดหวังหรือมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดการประเมิน
สมรรถนะควรมลี ักษณะ
1. การพฒั นาระบบการประเมินสมรรถนะวิชาชีพ
การประเมินสมรรถนะวชิ าชพี ของนักศึกษาทุน เริ่มต้นโดยการวิเคราะห์มาตรฐานอาชพี หรือมาตรฐานที่
สถานศึกษากาหนด หรือสมรรถนะอาชีพจากสมาคมวิชาชีพ จากน้ันพัฒนาเครื่องมือประเมินให้สอดคล้องกับ
สมรรถนะการปฏิบัติงาน โดยจะต้องสอดคล้องกับหลักสูตรในแต่ละระดับเพ่ือให้ผู้เรียนได้มีสมรรถนะตรงกับ
วชิ าชีพของแตล่ ะบคุ คล โดยมแี นวทางการประเมนิ สมรรถนะดังนี้
แนวทางการประเมินสมรรถนะ
ทุน 2 ปี ทุน 5 ปี
ชน้ั ปที ี่ 1 ชนั้ ปีท่ี 1-3
1) กาหนดสมรรถนะวิชาชีพรายปี โดยกาหนด 1) กาหนดสมรรถนะวชิ าชพี รายปี (3 ชั้นปี สาหรับ ปวช.)
สมรรถนะร่วมกันระหว่างครูผู้สอนและครูฝึกในสถาน และสมรรถนะหลกั สตู ร ในระดบั ปวช. กาหนดสมรรถนะ
ประกอบการ วิชาชีพจากสมรรถนะหลักสูตรสาขาวิชาชีพ โดย
2) การประเมินสมรรถนะวิชาชีพรายปี โดยผู้ประเมิน ครูผู้สอนในแผนกวชิ าเป็นผ้กู าหนดสมรรถนะวิชาชพี
จะตอ้ งมาจากผู้แทนในสถานประกอบการ 2) การประเมินสมรรถนะวิชาชีพรายปี โดยผู้ประเมิน
ชั้นปีที่ 2 จะต้องมาจากครูผู้สอนในสถานศึกษาร่วมกับผู้แทนใน
3) การประเมินสมรรถนะอาชีพก่อนจบการศึกษา สถานประกอบการ
ระดับ ปวส. หรือ อนุปริญญา จะต้องประเมินตาม 3) การประเมินสมรรถนะอาชีพก่อนจบการศึกษา (ช้ันปี
มาตรฐานอาชีพ จากเจา้ ของอาชีพนน้ั ๆ (ใชม้ าตรฐาน ท่ี 3) ระดับ ปวช. จะต้องประเมินสมรรถนะวิชาชีพ โดย
ของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ หรือมาตรฐานฝีมือแรงงาน ผู้ประเมนิ จะต้องมาจากผแู้ ทนในสถานประกอบการ และ
แหง่ ชาติ หรอื มาตรฐานสถานประกอบการ) ใช้ข้อสอบกลางของอาชีวศึกษา Test Blueprint (ของ
สานักมาตรฐานการอาชวี ศึกษาและวิชาชีพ)
หมายเหตุ ในปที ่ี 4 และ 5 ของทนุ 5 ปี ใช้รูปแบบการประเมนิ สมรรถนะอาชีพ ของทนุ 2 ปี
ค่มู อื แผนการประเมินสมรรถนะวิชาชพี 10
2. วิเคราะห์สมรรถนะอาชีพทส่ี อดคลอ้ งกับหลกั สตู รเพือ่ ใช้ประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี
การวิเคราะห์สมรรถนะอาชีพที่สอดคล้องกับหลักสูตรเพ่ือใช้ประเมินสมรรถนะวิชาชีพสามารถศึกษา
ข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ หรือสมาคมวิชาชีพ เช่น มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
(กพร.) หรือสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) มาใช้เป็นข้อมูลในการเลือกสมรรถนะอาชีพให้สอดคล้องกับหลักสูตร
เพ่ือใช้ในการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ
3. วิธกี ารประเมินสมรรถนะวิชาชพี
ทุน 2 ปี ทนุ 5 ปี
ชัน้ ปีท่ี 1 ช้ันปที ่ี 1-3
1) กาหนดสมรรถนะวิชาชีพรายปี โดยกาหนด 1) กาหนดสมรรถนะวชิ าชีพรายปี (3 ช้ันปี สาหรบั ปวช.)
สมรรถนะร่วมกันระหว่างครูผู้สอนและครูฝึกในสถาน และสมรรถนะหลักสูตร ในระดับ ปวช. กาหนดสมรรถนะ
ประกอบการ วิชาชีพจากสมรรถนะหลักสูตรสาขาวิชาชีพ โดยอาจารย์
2) จัดการประเมินสมรรถนะวิชาชีพรายปี โดยผู้ ในแผนกวิชาเปน็ ผู้กาหนดสมรรถนะวิชาชีพ
ประเมินจะตอ้ งมาจากผูแ้ ทนในสถานประกอบการ 2) จัดการประเมินสมรรถนะวิชาชพี รายปี โดยผู้ประเมนิ
ชน้ั ปีที่ 2 จะต้องมาจากครูผู้สอนในสถานศึกษาร่วมกับผู้แทนใน
1) สถานศึกษาหรือแผนกวิชาจัดการสอนเสริม สถานประกอบการ
(ฝกึ อบรมเพ่ิมเตมิ ) ในหัวขอ้ ตามสมรรถนะวชิ าชีพ 3) จัดการประเมินสมรรถนะอาชีพก่อนจบการศึกษา
2) จัดการประเมินสมรรถนะอาชีพก่อนจบการศึกษา ระดับ ปวช. จะต้องประเมินสมรรถนะวิชาชีพ โดยผู้
ระดับ ปวส. หรือ อนุปริญญา จะต้องประเมินตาม ประเมนิ จะตอ้ งมาจากผู้แทนในสถานประกอบการ
มาตรฐานอาชีพ จากเจ้าของอาชีพนน้ั ๆ (ใชม้ าตรฐาน และใช้ข้อสอบกลางของอาชีวศึกษา Test Blueprint
ของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ หรือมาตรฐานฝีมือแรงงาน (ของ สานกั มาตรฐานการอาชีวศึกษาและวชิ าชพี )
แห่งชาติ หรือมาตรฐานสถานประกอบการ)
3) ส่งเสริมให้นักศึกษาทุนได้รับการทดสอบสมรรถนะ
ตามวชิ าชพี และสอบคณุ วุฒวิ ิชาชพี
หมายเหตุ ในปีท่ี 4 และ 5 ของทนุ 5 ปี ใชว้ ธิ กี ารประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ ของทนุ 2 ปี
4. กาหนดการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี ใหก้ ับนักเรียนทุน
หลังจากท่ีได้เลือกมาตรฐานอาชีพ หรือคุณวุฒวิชาชีพของหน่วยงานท่ีสอดคล้องกับหลักสูตรแล้วจึง
กาหนดการประเมินและทดสอบสมรรถนะวิชาชีพให้กับนักศึกษาทุน ซ่ึงนักศึกษาทุนทุกคนต้องได้รับการประเมิน
และทดสอบสมรรถนะวิชาชีพจากหนว่ ยงานกลาง เพอื่ รบั รองความสามารถในสมรรถนะวิชาชีพของนกั ศึกษา
คู่มือแผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 11
5. วธิ กี ารพฒั นาระบบการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ
1) วิเคราะห์มาตรฐานอาชีพ หรือมาตรฐานที่สถานศึกษากาหนด หรือสมรรถนะอาชีพจาก
สมาคมวชิ าชีพ
2) จัดรายวิชาเลือกเพื่อให้ตรงกับมาตรฐานอาชีพท่ีกาหนดไว้ หรือถ้าสถานศึกษาไม่สามารถจัด
รายวิชาได้ในแผนการศึกษา ให้สถานศึกษาจัดฝึกอบรมวิชาชีพเสริมให้กับนักศึกษาเพื่อให้มีสมรรถนะวิชาชีพตรง
กบั มาตรฐานท่ีกาหนดไว้
3) ปรับแผนการเรียนให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพหรือมาตรฐานท่ีสถานศึกษากาหนด เพอื่ ให้
เกดิ ความเช่ยี วชาญและความเลศิ ในลกั ษณะงานของสถานศึกษา
4) กาหนดสมรรถนะวิชาชพี รายปี และวิธีการประเมินสมรรถนะวิชาชีพรายปี
5) กาหนดวธิ กี ารเสริมสมรรถนะวชิ าชีพเพื่อรองรบั การประเมินมาตรฐานอาชพี ตามที่สถานศึกษา
กาหนด
6) ประเมนิ สมรรถนะอาชพี หรอื มาตรฐานท่สี ถานศึกษากาหนด
คมู่ ือแผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี 12
เริม่ ต้น
วเิ คราะหม์ าตรฐานอาชพี หรือสมรรถนะอาชีพ
จัดรายวิชาเลือกเพ่ือใหต้ รงกับมาตรฐานอาชีพที่กาหนดไว้
ปรบั แผนการเรียนใหส้ อดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ
กาหนดสมรรถนะวิชาชีพรายปี วธิ ีการประเมินสมรรถนะวชิ าชีพรายปี
กาหนดวธิ กี ารเสริมสมรรถนะวชิ าชีพเพ่ือรองรับมาตรฐานอาชพี
ประเมนิ สมรรถนะอาชพี หรือมาตรฐานทีส่ ถานศกึ ษากาหนด
สนิ้ สดุ
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชพี 13
ตวั อยา่ ง
5.1 วิเคราะห์มาตรฐานอาชีพ หรือมาตรฐานทสี่ ถานศกึ ษากาหนด หรอื สมรรถนะอาชพี จากสมาคมวิชาชพี
สาขาวชิ าชพี เกษตรกรรม สาขาเพาะปลูกพชื เศรษฐกจิ อาชีพผ้ปู ลูกอ้อย
หน่วยสมรรถนะ Competency สมรรถนะย่อย เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน
Performance Criteria
Element of Competency 1.1 ใช้งานรถแทรกเตอร์โดยคานึงถึง
ความปลอดภัย
ใช้รถแทรกเตอร์เพ่ือการ B111 ปฏิบัติงานกับรถ 1.2 อ่านสัญลักษณ์เกี่ยวกับความ
ปลอดภัย
เพาะปลูกอ้อย แทรกเตอร์ตามหลักความ 1.3 ใช้สัญญาณมือในการติดต่อสื่อสาร
ขณะปฏิบัติงาน
ปลอดภัย 2.1 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์กับเครื่องมือ
ที่ใช้งาน
เตรียมการปลูกอ้อย B112 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์กับ 2.2 ต่อเพลาอานวยกาลัง(ถ้ามี)
ปลูกอ้อย เคร่ืองมือ 1.1 สารวจและรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ
B211 วางแผนปลูกอ้อย การปลูกอ้อย
1.2 กาหนดแผนการปลูกอ้อย
B212 เตรียมเครื่องปลูกอ้อย 2.1 บารุงรักษาเครื่องปลูก
B221 จัดการท่อนพันธ์ุอ้อย 2.2 ปรับตั้งเครื่องปลูกอ้อย
1.1 จัดหาท่อนพันธุ์คุณภาพท่ีอายุ
B222 ปลูกอ้อยด้วยเคร่ืองปลูก เหมาะสม
1.2 ป้องกัน/กาจัดโรคและแมลงให้กับ
ท่อนพันธ์ุ
2.1 ปรับต้ังเครื่องปลูกอ้อยขณะ
ทางาน
2.2 ปลูกอ้อยโดยคานึงถึงความ
ปลอดภัย
คมู่ ือแผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี 14
หน่วยสมรรถนะ Competency สมรรถนะย่อย เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน
Element of Competency Performance Criteria
ซ่อมบารุงรถแทรกเตอร์ B121 บริการรถแทรกเตอร์ 1.1 ศึกษาคู่มือประจารถแทรกเตอร์
1.2 บริการรถแทรกเตอร์ตามคู่มือ
กาหนด
B122 ซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ 2.1 วิเคราะห์ปัญหาความเสียหายรถ
แทรกเตอร์
2.2 ซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ในงานท่ีไม่
ซับซ้อนและไม่ต้องการเครื่องมือพิเศษ
จัดการการผลิตหรือบริการการ B511 สารวจและวิเคราะห์ข้อมูล 1.1 สารวจข้อมูลเก่ียวกับการผลิตหรือ
เพาะปลูกอ้อย ที่จาเป็น บริการ
1.2 วิเคราะห์ข้อมูล
B512 ใช้ข้อมูลเพ่ือการตัดสินใจ 2.3 เลือกวิธีการและปัจจัยการผลิต
ตามการวิเคราะห์ข้อมูล
2.4 กาหนดแผนปฏิบัติงาน
ประเมินผลงานผลิตหรือบริการ B521 วินิจฉัยผลการปฏิบัติงาน 1.1 ประเมินผลการปฏิบัติงาน
1.2 ประเมินผลผลผลิตที่ได้รับ
B522 ประเมินต้นทุนและผลกาไร 2.1 ประเมินต้นทุนค่าใช้จ่าย
2.2 ประเมินรายรับ
2.3 ประเมินผลกาไร
ซ่อมบารุงเคร่ืองปลูกอ้อย B231 บริการเครื่องปลูกอ้อย 1.3 ศึกษาคู่มือประจาเคร่ืองปลูกอ้อย
1.4 บริการเคร่ืองปลูกอ้อยตามคู่มือ
กาหนด
B232 ซ่อมแซมเครื่องปลูกอ้อย 2.3 วิเคราะห์ปัญหาความเสียหาย
เคร่ืองปลูกอ้อย
2.4 ซ่อมแซมเคร่ืองปลูกอ้อยในงานที่
ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องการเครื่องมือ
พิเศษ
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชีพ 15
หน่วยสมรรถนะ Competency สมรรถนะย่อย เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน
Performance Criteria
Element of Competency 1.1 ศึกษาข้อมูลที่เก่ียวข้อง
1.2 สรุปประเด็นปัญหา
แก้ไขปัญหาท่ีคาดการณ์ไดใ้ นการ B661 วิเคราะห์ปัญหา 1.3 ทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล
2.1 ใช้หลักการหรือความรู้เชิงทฤษฎี
ผลติ หรือบรกิ าร ในการตัดสินใจ
2.2 บันทึกข้อมูลการดาเนินการ
B662 ตัดสินใจแก้ปัญหา 1.1 กาหนดเป้าหมายคุณภาพการผลิต
หรือบริการปลูกอ้อย
ปรับปรงุ การผลิตหรอื บริการปลูก B621 ควบคุมกระบวนการผลิต 1.2 ตรวจสอบคุณภาพการผลิตหรือ
บริการปลูกอ้อยให้เป็นไปตาม
ออ้ ยอยา่ งต่อเนื่อง หรือบริการปลูกอ้อย เป้าหมาย
1.3 กาหนดเป้าหมายปริมาณการผลิต
B622 ปรับปรุงกระบวนการผลิต หรือบริการปลูกอ้อย
หรือบริการปลูกอ้อย 1.4 ตรวจสอบปริมาณการผลิตหรือ
บริการปลูกอ้อยให้เป็นไปตาม
เป้าหมาย
2.1 ประเมินข้อมูลเพ่ือพัฒนา การ
ผลิตหรือบริการปลูกอ้อย
2.2 ดาเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพ
การผลิตหรือบริการปลูกอ้อย
คู่มอื แผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชีพ 16
5.2 จัดรายวิชาเลือกเพื่อให้ตรงกับมาตรฐานอาชีพทกี่ าหนดไว้ หรือถ้าสถานศึกษาไม่สามารถจดั รายวิชาได้ใน
แผนการศึกษา ให้สถานศึกษาจัดฝึกอบรมวิชาชีพเสริมให้กับนักศึกษาเพ่ือให้มีสมรรถนะวิชาชีพตรงกับ
มาตรฐานท่ีกาหนดไว้
30502-2101 พชื ไรเ่ ศรษฐกิจ (Economic Field Crops) 2-3-3
จุดประสงคร์ ายวชิ า เพอ่ื ให้
1. เข้าใจความสาคัญ หลักการและกระบวนการผลิตพืชไร่เศรษฐกจิ
2. สามารถวิเคราะห์ วางแผนและจัดการผลิตพืชไร่เศรษฐกิจตามหลักการและกระบวนการ โดย คานึงถึง
การอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ สิง่ แวดล้อมและหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
3. มีเจตคติท่ีดีต่องานอาชีพผลิตพืชไร่เศรษฐกิจ และมีกิจนิสัยในการทางานด้วยความรับผิดชอบมี
คุณธรรม จรยิ ธรรม ขยนั และอดทน
สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความร้เู กี่ยวกับพชื ไร่เศรษฐกิจ หลกั การและกระบวนการผลติ และจัดการผลติ ผลพชื ไร่ เศรษฐกจิ
2. วางแผนการผลิต การจดั การหลังการผลติ และจาหนา่ ยพืชไร่เศรษฐกิจตามหลักการ
3. เตรยี มพน้ื ท่ี วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละพนั ธุ์ในการผลติ พืชไร่เศรษฐกจิ ตามหลกั การและกระบวนการ
4. ผลติ พืชไรเ่ ศรษฐกิจตามหลกั การและกระบวนการ
5. จัดการผลิตผลพืชไร่เศรษฐกิจตามหลกั การและกระบวนการจัดการหลงั การเก็บเก่ียว เพ่ิมมูลค่า ขนส่ง
และจาหน่าย
คาอธิบายรายวิชา
ศึกษาและปฏิบัติเก่ียวกับ ความสาคัญทางเศรษฐกิจของพืชไร่ การวิเคราะห์ตลาดพืชไร่ เศรษฐกิจ และ
ธุรกิจท่ีเก่ียวข้อง พันธุ์และการเลือกใช้พันธุ์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ปัจจัยและสภาพแวดล้อมที่ เก่ียวข้องกับ
การผลิต การวางแผนการผลิต การปลูกและปฏิบัติดูแลรักษา ศัตรูและการป้องกันกาจัด การเก็บเก่ียวและการ
จดั การหลังการเกบ็ เก่ียว การเพิม่ มูลคา่ ผลผลิต คุณภาพมาตรฐานผลผลติ และผลิตภณั ฑ์ และการจาหน่าย
30502-2104 การผลติ ออ้ ย (Sugarcane Production) 2-3-3
จดุ ประสงคร์ ายวิชา เพอ่ื ให้
1. เข้าใจความสาคญั หลกั การและกระบวนการผลติ ออ้ ย
2. สามารถวเิ คราะห์ วางแผน จดั การและแกไขปัญหาในการผลติ อ้อยโดยคานึงถงึ การอนุรักษ์ สิง่ แวดล้อม
3. มีเจตคติและกิจนิสัยท่ีดีต่อการพัฒนาอาชีพการผลิตอ้อย ด้วยความรับผิดชอบ รอบคอบ มีคุณธรรม
จริยธรรม ขยนั และอดทน
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 17
สมรรถนะรายวชิ า
1. แสดงความรู้เกี่ยวกับออ้ ย หลกั การและกระบวนการผลิตออ้ ย
2. วางแผนการผลติ การจดั การหลังการผลิตและจาหน่ายออ้ ยตามหลักการและกระบวนการ
3. เตรยี มพนื้ ท่ี วสั ดอุ ปุ กรณ์และพนั ธ์ใุ นการผลิตออ้ ยตามหลักการและกระบวนการ
4. ผลติ ออ้ ยตามหลกั การและกระบวนการ
5. จัดการผลผลิตอ้อยตามหลักการและกระบวนการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว เพิ่มมูลค่า ขนส่งและ
จาหนา่ ย
คาอธิบายรายวิชา
ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับ ความสาคัญ ประโยชน์ ชนดิ และพันธ์ุออ้ ย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ปจั จัยและ
สภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอ้อย การวิเคราะห์ตลาดและวางแผนกระบวนการผลิตอ้อย การเตรียมดิน
การปลูกและปฏิบัตดิ ูแลรักษา ศัตรูและการป้องกันกาจัด การเก็บเกี่ยวและการจดั การหลงั การ เก็บเก่ียว การเพิ่ม
มูลคา่ ผลผลติ คณุ ภาพมาตรฐานผลผลติ และผลติ ภณั ฑ์ และการจาหนา่ ย
คู่มอื แผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี 18
5.3 ปรับแผนการเรียนให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพหรือมาตรฐานท่ีสถานศึกษากาหนด เพื่อให้เกิดความ
เชีย่ วชาญและความเลิศในลักษณะงานของสถานศกึ ษา
สถานศึกษาปรับรายวิชาให้สัมพันธ์กับสมรรถนะวิชาชีพ และจัดแผนการเรียนในแต่ละภาคเรียนให้
สมั พนั ธก์ นั เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นเกิดอาชีพระหวา่ งเรียนอยา่ งแทจ้ รงิ
ปวส ชน้ั ปีท่ี 1
ภาคเรยี นที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2
หมวดวชิ าสมรรถนะวชิ าชพี (วชิ าชีพเฉพาะ) หมวดวชิ าสมรรถนะวิชาชพี (วิชาชพี เฉพาะ)
ชื่อรายวชิ า หนว่ ยกติ ชอ่ื รายวชิ า หน่วยกิต
พฤกษศาสตร์ 2-2-3 การปรบั ปรงุ พันธ์ุพชื 2-2-3
สรรี วิทยาของพืช 2-2-3 ดนิ และการจัดการดินเพื่อการเกษตร 2-2-3
การจัดการระบบนา้ เพื่อการเกษตร 2-2-3
ปวส ชั้น ปที ่ี 2
ภาคเรยี นที่ 1 ภาคเรียนท่ี 1
หมวดวิชาสมรรถนะวชิ าชพี (วชิ าชพี เฉพาะ) หมวดวิชาสมรรถนะวชิ าชพี (วิชาชพี เฉพาะ)
ชอ่ื รายวชิ า หนว่ ยกิต ชือ่ รายวชิ า หนว่ ยกิต
พชื ไรเ่ ศรษฐกจิ 2-2-3 การจดั การหลงั การเก็บเก่ียว 2-2-3
การผลติ อ้อย 2-2-3 สารป้องกันกาจดั ศัตรูพชื 2-2-3
ศัตรพู ืชและการจดั การ 2-2-3 คุณภาพและมาตรฐานผลผลติ พชื 2-2-3
คมู่ อื แผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี 19
5.4 กาหนดสมรรถนะวิชาชีพรายปี และวิธกี ารประเมินสมรรถนะวิชาชพี รายปี
แผนการประเมนิ สมรรถนะรายปี
ปกี ารศึกษา ชอ่ื รายวิชา ช่อื สมรรถนะ สมรรถนะย่อย
ปีท่ี 2 การผลติ ออ้ ย เตรียมการปลูกอ้อย B211 วางแผนปลูกอ้อย
B212 เตรียมเครื่องปลูกอ้อย
ปลูกอ้อย B221 จัดการท่อนพันธุ์อ้อย
B222 ปลูกอ้อยด้วยเครื่อง
ปลูก
5.5 กาหนดวิธกี ารเสรมิ สมรรถนะวิชาชพี เพอื่ รองรับการประเมนิ มาตรฐานอาชีพตามท่ีสถานศึกษากาหนด
การอบรมเสรมิ สมรรถนะทข่ี าด มี 1 สมรรถนะ คือการใชร้ ถแทรกเตอร์เพื่อเพาะปลกู อ้อย
ใช้รถแทรกเตอร์เพ่ือการ B111 ปฏิบัติงานกับรถ 1.1 ใช้งานรถแทรกเตอร์โดยคานึงถึง
เพาะปลูกอ้อย แทรกเตอร์ตามหลักความ ความปลอดภัย
ปลอดภัย 1.2 อ่านสัญลักษณ์เก่ียวกับความ
ปลอดภัย
B112 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์กับ 1.3 ใช้สัญญาณมือในการติดต่อสื่อสาร
เคร่ืองมือ ขณะปฏิบัติงาน
2.1 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์กับเครื่องมือ
ท่ีใช้งาน
2.2 ต่อเพลาอานวยกาลัง(ถ้ามี)
ค่มู อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 20
5.6 ประเมินสมรรถนะอาชพี หรือมาตรฐานที่สถานศึกษากาหนด
สาขาวชิ าชีพเกษตรกรรม สาขาเพาะปลูกพชื เศรษฐกจิ อาชีพผปู้ ลูกอ้อย ชัน้ 2
หน่วยสมรรถนะ Competency สมรรถนะย่อย เกณฑ์ในการปฏิบัติงาน
Performance Criteria
Element of Competency 1.1 ใช้งานรถแทรกเตอร์โดยคานึงถึง
ความปลอดภัย
ใช้รถแทรกเตอร์เพื่อการ B111 ปฏิบัติงานกับรถ 1.2 อ่านสัญลักษณ์เก่ียวกับความ
ปลอดภัย
เพาะปลูกอ้อย แทรกเตอร์ตามหลักความ 1.3 ใช้สัญญาณมือในการติดต่อสื่อสาร
ขณะปฏิบัติงาน
ปลอดภัย 2.1 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์กับเครื่องมือ
ท่ีใช้งาน
เตรียมการปลูกอ้อย B112 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์กับ 2.2 ต่อเพลาอานวยกาลัง(ถ้ามี)
ปลูกอ้อย เคร่ืองมือ 1.1 สารวจและรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับ
B211 วางแผนปลูกอ้อย การปลูกอ้อย
1.2 กาหนดแผนการปลูกอ้อย
B212 เตรียมเคร่ืองปลูกอ้อย 2.1 บารุงรักษาเครื่องปลูก
B221 จัดการท่อนพันธ์ุอ้อย 2.2 ปรับตั้งเครื่องปลูกอ้อย
1.1 จัดหาท่อนพันธุ์คุณภาพที่อายุ
B222 ปลูกอ้อยด้วยเครื่องปลูก เหมาะสม
1.2 ป้องกัน/กาจัดโรคและแมลงให้กับ
ท่อนพันธุ์
2.1 ปรับตั้งเคร่ืองปลูกอ้อยขณะ
ทางาน
2.2 ปลูกอ้อยโดยคานึงถึงความ
ปลอดภัย
คู่มือแผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 21
ตัวอยา่ งการประเมินสมรรถนะรายปี
1. กาหนดสมรรถนะรายปี
จากรปู แสดงการกาหนดสมรรถนะรายปี แบ่งเปน็ ระดบั ปวช.1 - 3 และ ปวส. 1- 2 โดยมีรายละเอยี ดการ
กาหนดสมรรถนะรายปี ดงั น้ี
ปวช.1 ทดสอบสมรรถนะงานวัดละเอียดชา่ งยนต์
ปวช.2 ทดสอบสมรรถนะงานบรกิ ารจักรยานยนต์
ปวช.3 ทดสอบสมรรถนะอาชีพ สาขาช่างบารุงรักษารถยนต์ ระดับ 1 มาตรฐานกรมพัฒนาฝีมือ
แรงงาน
ปวส.1 ทดสอบสมรรถนะงานวเิ คราะห์และแกป้ ัญหารถยนต์โดยใช้ Scan tool
ปวส.2 ทดสอบสมรรถนะอาชีพ สาขาชา่ งซ่อมบารุงรักษาทั่วไป ระดับ 2 สถาบนั คุณวฒุ ิวชิ าชพี
การกาหนดสมรรถนะรายปีสามารถนามาตรฐานอาชีพของหน่วยงานภายนอกมาใช้เป็นแนวทางใน
การทดสอบสมรรถนะรายปี หรือสถานศึกษาและสถานประกอบการรว่ มกนั กาหนดสมรรถนะรายปีของนักศึกษาก็
ได้ อย่างไรก็ดีนักศึกษาระดับ ปวส. 2 ก่อนจบการศึกษาต้องได้รับการทดสอบสมรรถนะอาชีพจากหน่วยงาน
ภายนอก เพอ่ื เปน็ การรับประกนั ความสามารถในอาชพี อยา่ งแท้จริงของนกั ศึกษา
คูม่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี 22
2. การวเิ คราะห์สมรรถนะรายปี
ปวช.1 ทดสอบสมรรถนะ งานวดั ละเอยี ดช่างยนต์
สมรรถนะหลกั (งานหลกั ) สมรรถนะย่อย (งานย่อย)
1. งานวัดวดั ละเอยี ดช่างยนต์ 1.1 งานวดั ขนาดก้านสบู ดว้ ยเวอร์เนยี ร์คาลิปเปอร์
1.2 งานวัดความสงู ของลกู เบ้ียวดว้ ยไมโครมิเตอร์
1.3 งานวัดขนาดเสน้ ผา่ นศูนย์กลางลกู สบู ด้วยไมโครมเิ ตอร์
1.4 งานวัดขนาดเสน้ ผ่านศนู ย์กลางเพลาขอ้ เหวีย่ งดว้ ย
ไมโครมิเตอร์
1.5 งานวดั ขนาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางกระบอกสบู ด้วยบอร์เกจ
1.6 งานตรวจสอบระยะหา่ งร่องแหวนดว้ ยฟิลเลอรเ์ กจ
ปวช.2 ทดสอบสมรรถนะ งานบรกิ ารรถจักรยานยนต์
สมรรถนะหลัก (งานหลัก) สมรรถนะย่อย (งานย่อย)
1. งานบรกิ ารรถจักรยานยนต์ 1.1 งานถอด-ประกอบเคร่ืองยนตร์ ถจกั รยานยนตร์ ะบบหวั ฉีด
1.2 งานตอ่ วงจรไฟฟ้ารถจักรยานยนต์ระบบหัวฉดี
1.3 งานใชม้ ัลติมิเตอรว์ ดั อุปกรณไ์ ฟฟา้ รถจักรยานยนต์ระบบหัวฉดี
1.4 งานใชเ้ ครอ่ื งวเิ คราะห์ปัญหารถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีด
1.5 งานบารงุ รกั ษารถจกั รยานยนตต์ ามค่มู ือ
ปวช.3 ทดสอบสมรรถนะอาชพี ช่างบารุงรกั ษารถยนต์ มาตรฐานกรมพฒั นาฝีมือแรงงาน
สมรรถนะหลัก (งานหลัก) สมรรถนะย่อย (งานย่อย)
1. งานบารุงรักษารถยนต์ 1.1 งานตรวจสอบสภาพรถยนต์
1.2 งานเปล่ียนถา่ ยนา้ มนั เครื่อง
1.3 งานเปลี่ยนถ่ายนา้ มนั เกยี ร์และเฟืองท้าย
1.4 งานปรับตงั้ สายพานอัลเทอเนเตอร์
1.5 งานเปลี่ยนแบตเตอรีแ่ ละแก้ไขระบบไฟฟ้า
คู่มือแผนการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชีพ 23
ปวส.1 ทดสอบสมรรถนะ งานวิเคราะห์และแก้ปัญหารถยนต์โดยใช้ Scan tool
สมรรถนะหลัก (งานหลกั ) สมรรถนะย่อย (งานย่อย)
1. งานใชเ้ ครื่องมอื วัดทางไฟฟ้า 1.1 งานใชเ้ คร่ืองมอื วดั ทางไฟฟา้ ระบบดิจติ อล
1.2 งานใช้เครอื่ งมือวดั ทางไฟฟ้าระบบอนาล็อก
1.3 งานใช้ Scan tool วเิ คราะหป์ ญั หาเคร่อื งยนต์
2. งานวิเคราะห์และแกป้ ัญหา 2.1 งานอ่านและลบรหสั ปญั หาของ ECU
อเิ ล็กทรอนิกสร์ ถยนต์ 2.2 งานอา่ นรหสั และวิเคราะหป์ ัญหาเครือ่ งยนต์
2.3 งานแก้ไขปญั หาเครือ่ งยนต์
ปวส.2 ทดสอบสมรรถนะอาชีพ ชา่ งซอ่ มบารงุ รกั ษาท่ัวไป ช้ัน 2 สถาบันคณุ วฒุ ิวิชาชพี
สมรรถนะหลัก (งานหลกั ) สมรรถนะย่อย (งานย่อย)
1. บารุงรักษาระบบส่งถ่ายกาลงั ขับเคล่ือน 1.1 งานตรวจสอบระบบรองรับน้าหนักตามคู่มือซ่อม
หา้ มเลย้ี ว ขบั เลี้ยว และเคร่อื งล่าง 1.2 งานตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ตามคู่มือซ่อม
1.3 งานตรวจสอบบังคับเลี้ยวตามคู่มือซ่อม
1.4 งานตรวจสอบระบบเบรกตามคู่มือซ่อม
1.5 งานบริการเปลี่ยนถ่ายนา้ มันพวงมาลัยพาวเวอร์ตามคู่มือ
ซ่อม
1.6 งานบริการเปลี่ยนถ่ายน้ามันเบรกตามคู่มือซ่อม
2. งานบารงุ รักษาระบบไฟฟา้ 2.1 งานบรกิ ารแบตเตอรี่
2.2 งานตรวจสอบระบบไฟฟ้าส่องสว่างและไฟสัญญาณ
2.3 งานบริการระบบปรับอากาศตามคู่มือซ่อม
3. งานบารงุ รักษารถยนต์ 3.1 งานบริการสายพานตามคู่มือซ่อม
3.2 งานบริการระบบจุดระเบิดเครื่องยนต์เบนซิน
3.3 งานเปลี่ยนกรองในระบบเครื่องยนต์
3.4 งานเปลี่ยนถ่ายน้ายาระบบหล่อเย็น
3.5 งานเปล่ียนถ่ายสารหล่อลื่น
คู่มอื แผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี 24
บทท่ี 3
วิธีการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ
การประเมินผลสมรรถนะการปฏิบัติงานวิชาชีพ ช่วยให้ทราบถึงความสามารถการทางานของผู้เรียน
และพฤติกรรมต่าง ๆ ของผู้เรียนในลักษณะท่ีเป็นความจริง ผู้ประเมินสามารถสังเกตและประเมินความสามารถ
ของผู้เรียนได้ ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องอาศัยความสามารถของผู้เรียน อย่างหลากหลาย เช่น วิธีการวัดและ
ประเมินผลการปฏิบัติงาน นอกจากจะใช้วิธีการสังเกต การสัมภาษณ์ผู้เรียนท้ังกระบวนการ และผลการทางาน
แลว้ ผู้สอนอาจใชว้ ธิ กี ารสอบท่ีเรียกวา่ Performance test
การตรวจสอบสมรรถนะการปฏิบัติงานน้ัน อาจกระทา ได้ด้วยการกาหนดงานให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติ
ซึ่งบางคร้ังอาจเรียกว่า Performance test ซึ่งต้องการให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติทักษะน้ัน แล้วผู้สอนก็ทา
การตรวจสอบและสงั เกตพฤติกรรมในขณะปฏิบัติงานและตรวจสอบคุณภาพของชิน้ งานสาเร็จท่ผี ู้เรียนได้กระทา
ขึ้น
1. เครือ่ งมอื วดั ทักษะปฏบิ ัติ
ในการประเมินทักษะปฏิบัติ โดยสว่ นมากผู้ตรวจต้องให้คะแนนกระบวนการหรือผลงานของผู้เรยี น หาก
ไม่มีเคร่ืองมือและเกณฑ์ในการตัดสินใจก็ยากที่จะหาความเที่ยงตรงได้ดังน้ัน จึงมีการสร้างเคร่ืองมือเพื่อช่วยให้
ผตู้ รวจใหค้ ะแนนได้สะดวกและเที่ยงตรงมากขน้ึ เครือ่ งมือในการวัดทักษะปฏบิ ตั มิ หี ลายแบบ ดังน้ี
1. แบบสารวจรายการ (Check list) แบบสารวจรายการจะเป็นรายการที่กาหนดไวเ้ ก่ียวกบั พฤติกรรมท่ี
ต้องการให้กระทาหรือวิธีการท่ีมีจุดประสงค์จะให้ทาตามน้ัน ผู้สังเกตจะตรวจสอบว่าผู้ถูกประเมินได้ทาตาม
รายการนนั้ หรือไม่ การใชแ้ บบสารวจรายการเป็นการกาหนดน้าหนักคะแนนว่าไดห้ รือไม่ ถา้ ผา่ นหรือได้แสดงว่า
ผู้ปฏิบตั ิไดท้ า ตามรายการนนั้ ถูกตอ้ ง ถ้าไมไ่ ด้แสดงว่าทาไม่ถูกต้อง
2. แบบมาตราประมาณคา่ (Rating scale) มาตราสว่ นประมาณค่าไม่ได้มคี วามแตกตา่ งจากแบบสารวจ
รายการมากนัก เพียงแต่มีการขยายลาดับคะแนนท่ีให้เพิ่มขึ้น แต่เป็นท่ีนิยมในการใช้วัดการปฏิบัติมากกว่า
เพราะมีคณุ ลกั ษณะท่ีตอ่ เนื่อง
คมู่ ือแผนการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชีพ 25
3. แบบจัดอันดับ (Ranking) การจัดอันดับเป็นวิธีท่ีจะเรียงลาดับผู้เรียนในคุณสมบัติหน่ึง ๆ ตามที่
กาหนดให้ ซึ่งสามารถใช้ในการวัดวธิ ีหรอื ผลงานได้ แต่สว่ นใหญ่ใช้ในการวดั ผลงานมากกวา่ การจดั อนั ดบั มคี วาม
เชอ่ื มัน่ สงู ขึน้ ถา้ จดั อนั ดบั ดว้ ยคณุ สมบตั ิใดคณุ สมบัติหน่งึ โดยเฉพาะ และมีนยิ ามของคณุ สมบัตนิ นั้ ชัดเจน
4. แบบบันทึก (Record) การบันทึกมักเป็นวิธีการท่ีไม่ได้กาหนดรูปแบบไว้อย่างชัดเจนเหมือนวิธีอื่น ๆ
ผู้บันทึกค่อนข้างมีอิสระในการบันทึกลงไปมากกว่าเคร่ืองมือชนิดอ่ืน การบันทึกเพียงคร้ังเดียวไม่สามารถให้
ข้อมูลที่มีความหมายนัก แต่การบันทึกต่อเนื่องหลาย ๆ คร้ัง จะทาให้ได้ข้อมูลท่ีชัดเจนขึ้น การบันทึกไม่ควรลง
ความเหน็ ของผูบ้ ันทึกลงไป ยกเวน้ ใหเ้ ขียนแยกใหช้ ดั เจน
2. การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั ทักษะปฏิบตั ิ
มีผูเ้ สนอหลกั และข้นั ตอนในการสรา้ งเคร่ืองมือวดั ทกั ษะปฏิบัติไว้หลายท่าน ดงั นี้
Tuckman (1976) ไดเ้ สนอขน้ั ตอนในการสรา้ งแบบทดสอบด้านการปฏิบตั ิ โดยท่วั ไปไว้ 4 ข้ันตอน ดังน้ี
1. กาหนดวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติงานที่ชัดเจน คาบ่งช้ีการกระทา (Action word) ท่ีใช้ประจา คือ
แสดงหรือสาธิต (Demonstrate) และสร้าง (Construct) ตัวอย่างของการกาหนดจุดประสงค์ของการปฏิบัติ
เช่น
1.1 เพือ่ แสดงวิธกี ารแบง่ มุมออกเปน็ 2 สว่ นเท่า ๆ กนั
1.2 เพื่อแสดงวิธกี ารวัดความต้านทานไฟฟา้
2. กาหนดสถานการณ์ของการทดสอบที่ชัดเจน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวนี้ จะเป็นสิ่งที่อานวยความ
สะดวกในการที่จะทาให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ได้แก่ การกาหนดวัสดุอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน การ
กาหนดคาส่งั ในการปฏบิ ัติงาน
3. กาหนดเกณฑ์ในการประเมินผลกระบวนการ (Process) และผลงาน (Product) อย่างชัดเจน ท่ีจะ
ทาใหเ้ ป็นการตดั สนิ ใจที่มีความเปน็ ปรนัยมากขน้ึ
4. สร้างแบบประเมินในการใหค้ ะแนนการปฏิบตั ิงาน ซ่ึงเป็นการนาเกณฑ์ในการประเมินงานทป่ี ฏบิ ัตทิ ่ี
ได้จัดทาขึ้นในข้อ 3 นามาเรียงลาดับก่อนหลังตามข้อคาถาม และกาหนดให้น้าหนักคะแนนเกณฑ์แล้วแต่
ความสาคัญในวิธีการปฏิบัติงาน ผู้ประเมินจะพิจารณาก่อนการปฏิบัติของผู้เข้าสอบว่าตรงตามเกณฑ์ท่ีระบุไว้
หรอื ไม่ แล้วให้คะแนนตามเกณฑ์
คมู่ ือแผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 26
Mehrens and Lehman (1984) ได้กาหนดขั้นตอนในการพัฒนาแบบทดสอบดา้ นการปฏบิ ัตดิ ังนี้
1. ทาการวิเคราะห์งาน (Job analysis) เพ่ือกา หนดว่ามีความสามารถอะไรบ้างท่ีควรทดสอบวิธหี นึง่ ที่
ดีท่ีสุดในการกาหนดคุณลักษณะเฉพาะที่จาเป็นของงานก็คือ ให้ผู้ที่ทาการทดสอบ(Examiner) เรียนรู้งานและ
ตรวจตราอย่างระมัดระวังในข้ันตอนการฝึกหัด วิธีนี้จะทาให้ผู้สร้าง แบบทดสอบเห็นภาพพจน์ได้ว่า สภาพท่ี
แทจ้ ริงทเ่ี กี่ยวขอ้ งด้วยเป็นอยา่ งไร มากกวา่ ทจี่ ะได้มาจากการสังเกตผลงานเพยี งอย่างเดียว
2. เลือกงาน ทักษะและความสามารถที่มีความสาคัญท่ีจะเก่ียวข้องในงานและการปฏิบัติหรือทักษะ
บางอย่างควรระบุไว้ด้วยในการวิเคราะห์งาน หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าความสามารถอะไรบ้างท่ีจะถูกทดสอบ
เราจะตอ้ งกาหนดว่าการปฏิบตั ินนั้ เก่ียวขอ้ งกับกระบวนการหรือผลงานหรือทัง้ สองประการร่วมกัน
3. การสร้างแบบฟอร์มการสังเกตหรือแบบฟอร์มการประเมิน ควรบอกชนิดของส่ิงที่ต้องมีการบันทึก
ประกอบการสังเกตด้วย เช่น คุณภาพของผลงานที่ทาความเร็วในการปฏิบัติงานอย่างไรก็ตาม ควรให้
ความสาคัญกับทักษะและความสามารถในการปฏิบัติ
4. สร้างรปู แบบของแผนงานตวั อยา่ ง เราทราบวา่ ไมม่ แี บบทดสอบฉบับใดทส่ี ามารถบรรจุทกุ สิง่ ทุกอย่าง
ที่เราต้องการจะวัด สาหรับแบบทดสอบวัดด้านการปฏิบัติ ผู้สร้างต้องอาศัยหลักเกณฑ์จากการวิเคราะห์งาน
แลว้ เลอื กงานท่สี าคญั ท่ีสุด
5. การสร้างแผนการดาเนินการสอบ เช่น เตรียมคาส่ัง ขอบเขตของเวลา วัสดุ คาแนะนาในการให้
คะแนน และอ่นื ๆ
6. ทดลองข้อสอบก่อนท่ีจะจัดทารูปแบบข้อสอบสรุปได้ว่า การประเมินทักษะปฏิบัติ เป็นการ
ตรวจสอบความสาเรจ็ ของผ้เู รียนทางดา้ นการปฏิบตั ิ ซง่ึ กระทา ได้ 3 ประการ คือ
1. การตรวจสอบความรู้ ความเข้าใจเนอ้ื หาทางทฤษฎี
2. การตรวจสอบความสามารถในการปฏิบัติงาน
3. การตรวจคุณภาพผลงานสาเร็จการประเมินทักษะปฏิบัติต้องครอบคลุมการทดสอบ
ความสามารถในด้านความเร็วความถูกต้อง และความแข็งแรง ซึ่งเคร่ืองมือที่ใช้ในการวัดทักษะปฏิบัติ ได้แก่
แบบสารวจรายการ (Check list) แบบมาตราประมาณค่า (Rating scale) แบบจัดอันดับ (Ranking) และแบบ
บันทกึ (Record) เปน็ ต้น
คมู่ อื แผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี 27
3. การกาหนดเกณฑป์ ระเมนิ ทกั ษะการปฏบิ ัติงาน
สุชาติ ศิริสุขไพบูลย์ (2527, หน้า 95-96) และพิสิฐ เมธาภัทร (2533, หน้า 201-204) ได้กล่าวถึงการ
กาหนดเกณฑ์การประเมินภาคปฏบิ ตั ิ สามารถทา ได้ 2 ทาง คอื
1. กาหนดโดยอาศัยความนึกคิดของผู้ตรวจ (Subjective evaluation) มาเป็นเกณฑ์จึงจาเป็นต้องใช้
คนตรวจอยา่ งน้อย 2 คน การกาหนดเกณฑด์ ว้ ยวธิ นี ี้ จะเปน็ ลกั ษณะการใหค้ ะแนนในขั้นวิธกี ารปฏิบัตงิ าน ลาดับ
ข้ันการวางแผน โดยพิจารณาจาก
1.1 การใช้และวธิ ีการระวังรกั ษาเครอื่ งมือและอุปกรณ์
1.2 ลาดับขน้ั การทางาน
1.3 การระวงั อุบตั ิเหตุขณะทางาน การใช้เครือ่ งป้องกนั
1.4 ความสะอาด ความเปน็ ระเบยี บในการจดั วางเครอื่ งมือ
1.5 ความประหยดั วัสดบุ างอย่าง เชน่ น้ามนั หลอ่ ล่ืน เป็นต้น
คะแนนทไ่ี ด้จาก ผูต้ รวจสอบ 2 คน จากนั้นนามาหาค่าเฉล่ียเปน็ คะแนนผลงานนนั้ ได้ เช่น
10 คะแนน สาหรบั ผลงานดี ลักษณะงานดี การใชง้ านดี การทางานดี
6 คะแนน สาหรับงานพอใช้ ลกั ษณะงานพอใช้ และใช้งานได้
1 คะแนน สาหรับผลงานใช้ไมไ่ ด้ ลกั ษณะงานไม่ดี และใช้งานไมไ่ ด้
0 คะแนน สาหรับกรณที ีไ่ มม่ ีผลงาน
2. กาหนดโดยพิจารณาท่ีขนาดของผลงาน (Objective evaluation) นับว่าเป็นการกาหนดที่มีความ
เทีย่ งตรง แมน่ ยา และใช้เป็นมาตรฐานได้ เพราะใชเ้ ครื่องมือในการตรวจสอบได้ พจิ ารณากาหนดได้ดงั นี้
10 คะแนน สาหรบั งานทอ่ี ย่ใู นพิกัดทก่ี าหนดให้
7 คะแนน สาหรบั งานทีม่ ีขนาดอยนู่ อกพกิ ดั ไม่เกนิ ± รอ้ ยละ 25 ของพกิ ัด
1 คะแนน สาหรบั งานทีม่ ขี นาดอยนู่ อกพกิ ดั ไมเ่ กนิ ± รอ้ ยละ 50 ของพกิ ัด
0 คะแนน สาหรับกรณที ่ีไมม่ ผี ลงาน
คะแนนท่ีไดจ้ ากขอ้ กาหนดเกณฑ์รวมทั้งหมดของวธิ กี ารปฏบิ ตั ิงานและผลงาน สามารถนามาประเมินผล
พิจารณาตดั สนิ ผลการประเมนิ ไว้ 2 แบบ คอื การคิดเกรดเปน็ เปอร์เซน็ ต์และการคิดเกรดเป็นดัชนี
1. การคิดเกรดเป็นเปอร์เซ็นต์ เป็นวิธีการคิดโดยเทียบความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนท่ีได้กับค่าคะแนน
เต็ม ตามสูตร
คูม่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชีพ 28
คะแนนรวม
เปอรเ์ ซน็ ตท์ ีไ่ ด้ = คะแนนเต็ม x 100
2. การคดิ เกรดเปน็ ดัชนี อาจกระทา ได้งา่ ยโดยใช้การเทียบคา่ เปอร์เซ็นต์ ออกมาเป็นดชั นี ดงั ตาราง
ตารางที่ การคดิ เทยี บเปอร์เซน็ ตเ์ ป็นดัชนี
เปอร์เซ็นต์ ดชั นี ผลงาน
90 ข้นึ ไป A ผลงานดเี ลิศทุกจุดคุณภาพดีมาก
ผลงานอยใู นชัน้ ใช้ได้คุณภาพดี
75 ถึง89 B
60 ถึง74 C ผลงานอยูในระดับปานกลางคุณภาพใช้ได้
30 ถงึ 59 D ผลงานอยูในข้นั ต่า คณุ ภาพของงานใช้ไม่ได้
ต่ากว่า 30 F ผลงานไม่สาเร็จหรอื ไมม่ ีผลงานออกมา
จากแนวทางการกาหนดเกณฑ์การประเมินท้ังหมดสรุปได้ว่า เกณฑ์การประเมิน หมายถึง คะแนนท่ี
กาหนด เพ่ือบอกถึงระดับพฤติกรรมของวิธกี ารปฏบิ ัติงานและผลงานท่ีได้ โดยการสงั เกตและวัดดว้ ยเคร่ืองมือวัด
มาตรฐานของผปู้ ระเมิน ซ่ึงใช้วธิ ีการกาหนดเกณฑ์โดยอาศัยความนึกคิดของผู้ตรวจ นามาพจิ ารณาตดั สินผลการ
ประเมนิ ภาคปฏบิ ัติ
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวชิ าชพี 29
1 การวิเคราะห์สมรรถนะวชิ าชีพ
สาขาวิชาชีพเกษตรกรรม สาขาเพาะปลกู พืชเศรษฐกิจ อาชีพผปู้ ลกู อ้อย
ช่ือสมรรถนะ สมรรถนะย่อย เกณฑ์การปฏบิ ตั งิ าน
ใช้รถแทรกเตอร์เพ่ือการ
เพาะปลูกอ้อย B111 ปฏิบัติงานกับรถ 1.1 ใช้งานรถแทรกเตอร์โดยคานึงถึงความ
เตรียมการปลูกอ้อย แทรกเตอร์ตามหลักความ ปลอดภัย
ปลูกอ้อย ปลอดภัย 1.2 อ่านสัญลักษณ์เก่ียวกับความปลอดภัย
1.3 ใช้สัญญาณมือในการติดต่อส่ือสาร
ขณะปฏิบัติงาน
B112 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์กับ 2.1 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์กับเคร่ืองมือที่ใช้
เคร่ืองมือ งาน
2.2 ต่อเพลาอานวยกาลัง(ถ้ามี)
B211 วางแผนปลูกอ้อย 1.1 สารวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการ
ปลูกอ้อย
1.2 กาหนดแผนการปลูกอ้อย
B212 เตรียมเคร่ืองปลูกอ้อย 2.1 บารุงรักษาเคร่ืองปลูก
2.2 ปรับตั้งเคร่ืองปลูกอ้อย
B221 จัดการท่อนพันธ์ุอ้อย 1.1 จัดหาท่อนพันธุ์คุณภาพท่ีอายุ
เหมาะสม
1.2 ป้องกัน/กาจัดโรคและแมลงให้กับ
ท่อนพันธุ์
B222 ปลูกอ้อยด้วยเครื่องปลูก 2.1 ปรับตั้งเครื่องปลูกอ้อยขณะทางาน
2.2 ปลูกอ้อยโดยคานึงถึงความปลอดภัย
ซ่อมบารุงรถแทรกเตอร์ B121 บริการรถแทรกเตอร์ 1.1 ศึกษาคู่มือประจารถแทรกเตอร์
1.2 บริการรถแทรกเตอร์ตามคู่มือกาหนด
B122 ซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ 2.1 วิเคราะห์ปัญหาความเสียหายรถ
แทรกเตอร์
คู่มือแผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี 30
ช่อื สมรรถนะ สมรรถนะย่อย เกณฑ์การปฏบิ ัตงิ าน
จัดการการผลิตหรือบริการ
การเพาะปลูกอ้อย B511 สารวจและวิเคราะห์ 2.2 ซ่อมแซมรถแทรกเตอร์ในงานที่ไม่
ข้อมูลท่ีจาเป็น ซับซ้อนและไม่ต้องการเคร่ืองมือพิเศษ
ประเมินผลงานผลิตหรือ 1.1 สารวจข้อมูลเก่ียวกับการผลิตหรือ
บริการ B512 ใช้ข้อมูลเพ่ือการ บริการ
ตัดสินใจ 1.2 วิเคราะห์ข้อมูล
ซ่อมบารุงเครื่องปลูกอ้อย 2.3 เลือกวิธีการและปัจจัยการผลิตตาม
การวิเคราะห์ข้อมูล
แก้ไขปัญหาท่ีคาดการณ์ได้ใน 2.4 กาหนดแผนปฏิบัติงาน
การผลติ หรือบริการ
B521 วินิจฉัยผลการ 1.1 ประเมินผลการปฏิบัติงาน
ปฏิบัติงาน 1.2 ประเมินผลผลผลิตท่ีได้รับ
B522 ประเมินต้นทุนและผล 2.1 ประเมินต้นทุนค่าใช้จ่าย
กาไร 2.2 ประเมินรายรับ
2.3 ประเมินผลกาไร
B231 บริการเคร่ืองปลูกอ้อย 1.3 ศึกษาคู่มือประจาเคร่ืองปลูกอ้อย
1.4 บริการเคร่ืองปลูกอ้อยตามคู่มือ
กาหนด
B232 ซ่อมแซมเครื่องปลูกอ้อย 2.3 วิเคราะห์ปัญหาความเสียหายเครื่อง
ปลูกอ้อย
2.4 ซ่อมแซมเครื่องปลูกอ้อยในงานท่ีไม่
ซับซ้อนและไม่ต้องการเคร่ืองมือพิเศษ
B661 วิเคราะห์ปัญหา 1.1 ศึกษาข้อมูลท่ีเก่ียวข้อง
1.2 สรุปประเด็นปัญหา
1.3 ทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล
B662 ตัดสินใจแก้ปัญหา 2.1 ใช้หลักการหรือความรู้เชิงทฤษฎีใน
การตัดสินใจ
2.2 บันทึกข้อมูลการดาเนินการ
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 31
ชอื่ สมรรถนะ สมรรถนะย่อย เกณฑก์ ารปฏิบัติงาน
B621 ควบคุมกระบวนการ
ปรับปรุงการผลิตหรอื บริการ ผลิตหรือบริการปลูกอ้อย 1.1 กาหนดเป้าหมายคุณภาพการผลิต
ปลูกอ้อยอย่างตอ่ เนื่อง หรือบริการปลูกอ้อย
B622 ปรับปรุงกระบวนการ 1.2 ตรวจสอบคุณภาพการผลิตหรือ
ผลิตหรือบริการปลูกอ้อย บริการปลูกอ้อยให้เป็นไปตามเป้าหมาย
1.3 กาหนดเป้าหมายปริมาณการผลิตหรือ
บริการปลูกอ้อย
1.4 ตรวจสอบปริมาณการผลิตหรือบริการ
ปลูกอ้อยให้เป็นไปตามเป้าหมาย
2.1 ประเมินข้อมูลเพื่อพัฒนา การผลิต
หรือบริการปลูกอ้อย
2.2 ดาเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพการ
ผลิตหรือบริการปลูกอ้อย
คมู่ อื แผนการประเมินสมรรถนะวิชาชพี 32
2. แผนการประเมินสมรรถนะรายปี
สมรรถนะย่อย/งาน เกณฑ์การปฏบิ ตั ิงาน ความรู้ทไ่ี ดร้ บั ทกั ษะที่ได้รบั
B111 ปฏิบัติงานกับรถ 1.1 ใช้งานรถแทรกเตอร์ 1. สัญลักษณ์เก่ียวกับ 1. ใช้รถแทรกเตอร์อย่าง
แทรกเตอร์ตามหลักความ โดยคานึงถึงความ ความปลอดภัย ปลอดภัย
ปลอดภัย ปลอดภัย 2. สัญญาณมือ 2. ติดพ่วงรถแทรกเตอร์
1.2 อ่านสัญลักษณ์ 3. การใช้คู่มือประจา กับเคร่ืองมือ
B112 ติดพ่วงรถ เก่ียวกับความปลอดภัย เครื่อง
แทรกเตอร์กับเคร่ืองมือ 1.3 ใช้สัญญาณมือในการ 4. ขนาดจุดต่อพ่วง 1. ต่อเพลาอานวยกาลัง
ติดต่อส่ือสารขณะ (Categories) ของรถ ของรถแทรกเตอร์เข้ากับ
B211 วางแผนปลูกอ้อย ปฏิบัติงาน แทรกเตอร์และ เครื่องมือติดพ่วง
เครื่องมือ
B212 เตรียมเคร่ืองปลูก 2.1 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์ 1. วิธีการติดพ่วงรถ 1. วางแผนการปลูกอ้อย
อ้อย กับเคร่ืองมือที่ใช้งาน แทรกเตอร์กับ อย่างเป็นระบบ
2.2 ต่อเพลาอานวยกาลัง เครื่องมือ
(ถ้ามี) 2. วิธีการต่อเพลา 1. บารุงรักษาเคร่ืองปลูก
อานวยกาลัง อ้อยก่อนและหลังใช้งาน
1.1 สารวจและรวบรวม 1. การวางแผนปลูก 2. ปรับตั้งเคร่ืองปลูกอ้อย
ข้อมูลเกี่ยวกับการปลูก อ้อย อย่างถูกต้อง
อ้อย 2. การสารวจและ
1.2 กาหนดแผนการปลูก รวบรวมข้อมูลการ
อ้อย ปลูกอ้อย
1. การบารุงรักษา
2.1 บารุงรักษาเคร่ือง เครื่องปลูกอ้อย
ปลูก 2. การปรับตั้งเครื่อง
2.2 ปรับตั้งเครื่องปลูก ปลูกอ้อย
อ้อย
คู่มอื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 33
สมรรถนะย่อย/งาน เกณฑ์การปฏบิ ัตงิ าน ความรู้ทไ่ี ดร้ ับ ทกั ษะท่ไี ดร้ ับ
B221 จัดการท่อนพันธุ์
อ้อย 1.1 จัดหาท่อนพันธ์ุ 1. ลักษณะของท่อน 1. เลือกท่อนพันธุ์คุณภาพ
คุณภาพที่อายุเหมาะสม พันธุ์ที่มีคุณภาพ มาปลูก
B222 ปลูกอ้อยด้วย 1.2 ป้องกัน/กาจัดโรค 2. วิธีป้องกัน/กาจัด 2. การป้องกัน/กาจัดโรค
เคร่ืองปลูก และแมลงให้กับท่อนพันธุ์ โรคและแมลงจากท่อน และแมลงในท่อนพันธุ์
B121 บริการรถ พันธ์ุ อ้อย
แทรกเตอร์
2.1 ปรับตั้งเคร่ืองปลูก 1. วิธีการปรับต้ัง 1. ปรับต้ังเคร่ืองปลูกอ้อย
อ้อยขณะทางาน เครื่องปลูกอ้อยขณะ 2. ใช้เครื่องปลูกอ้อย
2.2 ปลูกอ้อยโดยคานึงถึง ทางาน อย่างปลอดภัย
ความปลอดภัย
2. การปลูกอ้อยโดยใช้
เคร่ืองปลูก
1.1 ศึกษาคู่มือประจารถ 1. จุดตรวจและวิธี 1. บริการรถแทรกเตอร์
แทรกเตอร์ บริการรถแทรกเตอร์ ตามคู่มือกาหนด
1.2 บริการรถแทรกเตอร์ ตามคู่มือกาหนด
ตามคู่มือกาหนด
B122 ซ่อมแซมรถ 2.1 วิเคราะห์ปัญหาความ 1. จุดท่ีเกิดปัญหา 1. วิเคราะห์ปัญหาเมื่อรถ
แทรกเตอร์ เสียหายรถแทรกเตอร์ บ่อยๆ แทรกเตอร์เสีย
2.2 ซ่อมแซมรถ ของรถแทรกเตอร์ 2. ซ่อมแซมรถแทรกเตอร์
B511 สารวจและ แทรกเตอร์ในงานท่ีไม่ และวิธีแก้ไข ตามคู่มือกาหนด
วิเคราะห์ข้อมูลท่ีจาเป็น ซับซ้อนและไม่ต้องการ
เคร่ืองมือพิเศษ 1. วิธีการสารวจข้อมูล 1. สารวจข้อมูลการผลิต
1.1 สารวจข้อมูลเก่ียวกับ เกี่ยวกับการผลิตหรือ หรือบริการ
การผลิตหรือบริการ บริการ โดยคานึงถึง
1.2 วิเคราะห์ข้อมูล ปัจจัยการผลิต ซึ่ง
ได้แก่ ท่อนพันธ์ุ
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี 34
สมรรถนะย่อย/งาน เกณฑ์การปฏบิ ัตงิ าน ความรทู้ ีไ่ ดร้ ับ ทักษะท่ไี ด้รบั
B512 ใช้ข้อมูลเพ่ือการ 2.3 เลือกวิธีการและ ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอนินท
ตัดสินใจ ปัจจัยการผลิตตามการ
วิเคราะห์ข้อมูล รีย์ เป็นต้น
2.4 กาหนดแผน
ปฏิบัติงาน 2. การวิเคราะห์ข้อมูล
เกี่ยวกับปัจจัยการผลิต
หรือบริการ
1. การเลือกวิธีการ 1. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหา
และปัจจัยการผลิต ข้อสรุป
ตามการวิเคราะห์
ข้อมูล
2. การกาหนด
แผนปฏิบัติงาน
B521 วินิจฉัยผลการ 1.1 ประเมินผลการ 1.วิธีการประเมินผล 1. การวินิจฉัยผลการ
ปฏิบัติงาน ปฏิบัติงาน การปฏิบัติงาน ปฏิบัติงาน
1.2 ประเมินผลผลผลิตที่ 2.วิธีประเมินผล
ได้รับ ผลผลิตที่ได้รับ
B522 ประเมินต้นทุนและ 2.1 ประเมินต้นทุน 1. วิธีการประเมิน 2. การประเมินต้นทุน
ต้นทุน และผลกาไร
ผลกาไร ค่าใช้จ่าย รายรับ และผลกาไร
1. บริการเคร่ืองปลูกอ้อย
2.2 ประเมินรายรับ 1. วิธีบริการเคร่ือง ตามคู่มือกาหนด
ปลูกอ้อยตามคู่มือ
2.3 ประเมินผลกาไร กาหนด
B231 บริการเคร่ืองปลูก 1.3 ศึกษาคู่มือประจา
อ้อย เครื่องปลูกอ้อย
1.4 บริการเคร่ืองปลูก
อ้อยตามคู่มือกาหนด
B232 ซ่อมแซมเครื่อง 2.3 วิเคราะห์ปัญหาความ 1. การวิเคราะห์ปัญหา 1. วิเคราะห์ปัญหาความ
ปลูกอ้อย
เสียหายเคร่ืองปลูกอ้อย ความเสียหายเครื่อง เสียหายของเครื่องปลูก
2.4 ซ่อมแซมเคร่ืองปลูก
คู่มือแผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี 35
สมรรถนะย่อย/งาน เกณฑ์การปฏิบตั งิ าน ความรู้ทไี่ ดร้ บั ทักษะทไ่ี ด้รบั
อ้อยในงานที่ไม่ซับซ้อน ปลูกอ้อย อ้อย
B661 วิเคราะห์ปัญหา และไม่ต้องการเครื่องมือ 2. วิธีการซ่อมแซม 2. ซ่อมแซมเคร่ืองปลูก
พิเศษ เครื่องปลูกอ้อยในงาน อ้อยอย่างถูกต้องตามคู่มือ
B662 ตัดสินใจแก้ปัญหา ท่ีไม่ซับซ้อนและไม่
B621 ควบคุม 1.1 ศึกษาข้อมูลท่ี ต้องการเครื่องมือ 1.วิเคราะห์ปัญหา
กระบวนการผลิตหรือ เก่ียวข้อง พิเศษ
บริการปลูกอ้อย 1.2 สรุปประเด็นปัญหา 1. วิธีการศึกษาข้อมูล 1.ใช้หลักการหรือความรู้
1.3 ทดลองและเก็บ ท่ีเกี่ยวข้อง เชิงทฤษฎีในการตัดสินใจ
รวบรวมข้อมูล 2. วิธีการสรุปประเด็น
ปัญหา
2.1 ใช้หลักการหรือ 3. วิธีการทดลองและ
ความรู้เชิงทฤษฎีในการ เก็บรวบรวมข้อมูล
ตัดสินใจ 1.วิธีการตัดสินใจ
2.2 บันทึกข้อมูลการ แก้ปัญหา
ดาเนินการ
1.1 กาหนดเป้าหมาย 1. วิธีการควบคุม 1. กาหนดเป้าหมาย
คุณภาพการผลิตหรือ
บริการปลูกอ้อย กระบวนการผลิตหรือ คุณภาพการผลิตหรือ
1.2 ตรวจสอบคุณภาพ
การผลิตหรือบริการปลูก บริการปลูกอ้อยอย่างมี บริการปลูกอ้อย
อ้อยให้เป็นไปตาม
เป้าหมาย คุณภาพ 2. ตรวจสอบคุณภาพการ
1.3 กาหนดเป้าหมาย
ปริมาณการผลิตหรือ ผลิตหรือบริการปลูกอ้อย
บริการปลูกอ้อย
ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
3. กาหนดเป้าหมาย
ปริมาณการผลิตหรือ
บริการปลูกอ้อย
ค่มู ือแผนการประเมินสมรรถนะวิชาชพี 36
สมรรถนะย่อย/งาน เกณฑก์ ารปฏิบัตงิ าน ความรู้ทไ่ี ด้รับ ทกั ษะทไี่ ด้รับ
B622 ปรับปรุง 1.4 ตรวจสอบปริมาณ 1. วิธีการปรับปรุง 4. ตรวจสอบปริมาณการ
กระบวนการผลิตหรือ การผลิตหรือบริการปลูก กระบวนการผลิตหรือ ผลิตหรือบริการปลูกอ้อย
บริการปลูกอ้อย อ้อยให้เป็นไปตาม บริการปลูกอ้อย ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
เป้าหมาย
2.1 ประเมินข้อมูลเพ่ือ 1.ประสานการทางาน
พัฒนา การผลิตหรือ ร่วมกันเพ่ือควบคุมและ
บริการปลูกอ้อย ปรับปรุงกระบวนการปลูก
2.2 ดาเนินการปรับปรุง อ้อย
ประสิทธิภาพการผลิต 2.วิเคราะห์ข้อมูลการผลิต
หรือบริการปลูกอ้อย หรือบริการปลูกอ้อย เพ่ือ
การปรับปรุงกระบวนการ
ผลิตอ้อย
คมู่ อื แผนการประเมินสมรรถนะวิชาชีพ 37
3. แผนการประเมินด้านความรู้ (Knowledge Assessment Plan)
หัวข้อเรอื่ ง วัตถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เคร่ืองมือทใี่ ชป้ ระเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
B111 ปฏิบัติงานกับรถ 1. สัญลักษณ์เกี่ยวกับความ ขอ้ สอบชนดิ ปรนัย 4 คะแนนไม่ต่ากวา่ รอ้ ยละ 60
แทรกเตอร์ตามหลัก ปลอดภัย ตัวเลอื ก
ความปลอดภัย 2. สัญญาณมือ คะแนนไม่ตา่ กว่ารอ้ ยละ 60
3. การใช้คู่มือประจาเคร่ือง ข้อสอบชนิดปรนัย 4 คะแนนไม่ตา่ กว่ารอ้ ยละ 60
B112 ติดพ่วงรถ 4. ขนาดจุดต่อพ่วง ตวั เลอื ก คะแนนไมต่ ่ากวา่ รอ้ ยละ 60
แทรกเตอร์กับเคร่ืองมือ (Categories) ของรถ คะแนนไมต่ า่ กวา่ รอ้ ยละ 60
แทรกเตอร์และเคร่ืองมือ ข้อสอบชนิดปรนยั 4
B211 วางแผนปลูกอ้อย 1. วิธีการติดพ่วงรถ ตัวเลอื ก
แทรกเตอร์กับเครื่องมือ ขอ้ สอบชนิดปรนัย 4
B212 เตรียมเคร่ืองปลูก 2. วิธีการต่อเพลาอานวย ตวั เลือก
อ้อย กาลัง
1. การวางแผนปลูกอ้อย ขอ้ สอบชนดิ ปรนยั 4
B221 จัดการท่อนพันธุ์ 2. การสารวจและรวบรวม ตัวเลือก
อ้อย ข้อมูลการปลูกอ้อย
1. การบารุงรักษาเครื่อง
ปลูกอ้อย
2. การปรับตั้งเคร่ืองปลูก
อ้อย
1. ลักษณะของท่อนพันธ์ุท่ีมี
คุณภาพ
2. วิธีป้องกัน/กาจัดโรคและ
แมลงจากท่อนพันธุ์
คมู่ ือแผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี 38
หวั ข้อเรอื่ ง วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม เคร่ืองมอื ทใ่ี ชป้ ระเมนิ เกณฑ์การประเมิน
B222 ปลูกอ้อยด้วย คะแนนไม่ต่ากวา่ รอ้ ยละ 60
เครื่องปลูก 1. วิธีการปรับต้ังเคร่ืองปลูก ขอ้ สอบชนิดปรนยั 4
คะแนนไม่ต่ากว่าร้อยละ 60
B121 บริการรถ อ้อยขณะทางาน ตวั เลอื ก
แทรกเตอร์
2. การปลูกอ้อยโดยใช้
เครื่องปลูก
1. จุดตรวจและวิธีบริการรถ ขอ้ สอบชนดิ ปรนัย 4
แทรกเตอร์ตามคู่มือกาหนด ตัวเลอื ก
B122 ซ่อมแซมรถ 1. จุดท่ีเกิดปัญหาบ่อยๆ ข้อสอบชนดิ ปรนัย 4 คะแนนไมต่ ่ากว่ารอ้ ยละ 60
แทรกเตอร์ ของรถแทรกเตอร์ และ ตัวเลอื ก คะแนนไมต่ ่ากว่าร้อยละ 60
วิธีแก้ไข
คะแนนไมต่ า่ กวา่ ร้อยละ 60
B511 สารวจและ 1. วิธีการสารวจข้อมูล ข้อสอบชนิดปรนัย 4
วิเคราะห์ข้อมูลที่จาเป็น เก่ียวกับการผลิตหรือบริการ ตวั เลอื ก
โดยคานึงถึงปัจจัยการผลิต
B512 ใช้ข้อมูลเพื่อการ ซ่ึงได้แก่ ท่อนพันธ์ุ
ตัดสินใจ ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอนินทรีย์
เป็นต้น
2. การวิเคราะห์ข้อมูล
เกี่ยวกับปัจจัยการผลิตหรือ
บริการ
1. การเลือกวิธีการและ ข้อสอบชนดิ ปรนยั 4
ปัจจัยการผลิตตามการ ตวั เลอื ก
วิเคราะห์ข้อมูล
2. การกาหนดแผนปฏิบัติ
งาน
คู่มือแผนการประเมินสมรรถนะวิชาชีพ 39
หวั ข้อเรอื่ ง วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรม เครอ่ื งมอื ที่ใช้ประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
คะแนนไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 60
B521 วินิจฉัยผลการ 1.วิธีการประเมินผลการ ขอ้ สอบชนดิ ปรนยั 4
ปฏิบัติงาน ปฏิบัติงาน ตัวเลอื ก คะแนนไม่ต่ากว่ารอ้ ยละ 60
คะแนนไม่ตา่ กว่าร้อยละ 60
2.วิธีประเมินผลผลผลิตที่
ได้รับ
B522 ประเมินต้นทุน 1. วิธีการประเมินต้นทุน ข้อสอบชนิดปรนัย 4
และผลกาไร รายรับ และผลกาไร ตัวเลือก
B231 บริการเคร่ืองปลูก 1. วิธีบริการเคร่ืองปลูกอ้อย ข้อสอบชนิดปรนยั 4
อ้อย ตามคู่มือกาหนด ตัวเลอื ก
B232 ซ่อมแซมเครื่อง 1. การวิเคราะห์ปัญหา ขอ้ สอบชนิดปรนยั 4 คะแนนไมต่ า่ กวา่ ร้อยละ 60
คะแนนไม่ตา่ กว่าร้อยละ 60
ปลูกอ้อย ความเสียหายเคร่ืองปลูก ตวั เลือก คะแนนไม่ตา่ กว่าร้อยละ 60
อ้อย
2. วิธีการซ่อมแซมเคร่ือง
ปลูกอ้อยในงานที่ไม่ซับซ้อน
และไม่ต้องการเคร่ืองมือ
พิเศษ
B661 วิเคราะห์ปัญหา 1. วิธีการศึกษาข้อมูลที่ ข้อสอบชนดิ ปรนัย 4
เกี่ยวข้อง ตัวเลอื ก
2. วิธีการสรุปประเด็น
ปัญหา
3. วิธีการทดลองและเก็บ
รวบรวมข้อมูล
B662 ตัดสินใจแก้ปัญหา 1.วิธีการตัดสินใจแก้ปัญหา ข้อสอบชนิดปรนยั 4
ตวั เลอื ก
คู่มือแผนการประเมินสมรรถนะวิชาชีพ 40
หวั ข้อเรอื่ ง วตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ประเมนิ เกณฑ์การประเมนิ
B621 ควบคุม 1. วิธีการควบคุม ข้อสอบชนดิ ปรนยั 4 คะแนนไมต่ ่ากวา่ ร้อยละ 60
กระบวนการผลิตหรือ กระบวนการผลิตหรือ ตวั เลอื ก
บริการปลูกอ้อย บริการปลูกอ้อยอย่างมี คะแนนไมต่ า่ กว่ารอ้ ยละ 60
คุณภาพ ข้อสอบชนดิ ปรนัย 4
B622 ปรับปรุง 1. วิธีการปรับปรุง ตวั เลอื ก
กระบวนการผลิตหรือ กระบวนการผลิตหรือ
บริการปลูกอ้อย บริการปลูกอ้อย
4. แผนการประเมินด้านทกั ษะ (Skill Assessment Plan)
สมรรถนะ งานท่ีปฏิบตั ิ เคร่ืองมือท่ใี ช้ประเมิน เกณฑ์การประเมิน
B111 ปฏิบัติงานกับรถ 1.งานกับรถแทรกเตอร์ตาม แบบประเมินโดยวธิ กี าร คะแนนผ่าน ไม่ต่ากว่า
แทรกเตอร์ตามหลัก หลักความปลอดภัย สาธติ การปฏิบัตงิ าน รอ้ ยละ 80
ความปลอดภัย
B112 ติดพ่วงรถ B112 ติดพ่วงรถแทรกเตอร์ แบบประเมินโดยวิธกี าร คะแนนผา่ น ไมต่ ่ากว่า
แทรกเตอร์กับเคร่ืองมือ กับเครื่องมือ สาธิตการปฏิบตั งิ าน รอ้ ยละ 80
B211 วางแผนปลูกอ้อย แบบประเมินโดยวิธกี าร คะแนนผา่ น ไมต่ ่ากว่า
B211 วางแผนปลูกอ้อย สาธิตการปฏบิ ตั ิงาน รอ้ ยละ 80
B212 เตรียมเคร่ืองปลูก แบบประเมนิ โดยวิธกี าร คะแนนผ่าน ไม่ตา่ กวา่
B212 เตรียมเครื่องปลูก อ้อย สาธิตการปฏบิ ตั งิ าน รอ้ ยละ 80
อ้อย B221 จัดการท่อนพันธ์ุอ้อย แบบประเมินโดยวิธีการ คะแนนผ่าน ไม่ต่ากวา่
สาธติ การปฏบิ ตั ิงาน รอ้ ยละ 80
B221 จัดการท่อนพันธุ์ B222 ปลูกอ้อยด้วยเคร่ือง แบบประเมนิ โดยวธิ ีการ คะแนนผ่าน ไมต่ า่ กว่า
อ้อย ปลูก สาธติ การปฏบิ ัตงิ าน รอ้ ยละ 80
B121 บริการรถแทรกเตอร์ แบบประเมินโดยวธิ กี าร คะแนนผา่ น ไมต่ า่ กว่า
B222 ปลูกอ้อยด้วย สาธติ การปฏิบตั ิงาน รอ้ ยละ 80
เคร่ืองปลูก
B121 บริการรถ
แทรกเตอร์
คู่มอื แผนการประเมินสมรรถนะวิชาชพี 41
สมรรถนะ งานท่ีปฏบิ ตั ิ เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
คะแนนผา่ น ไม่ตา่ กวา่
B122 ซ่อมแซมรถ B122 ซ่อมแซมรถ แบบประเมินโดยวธิ ีการ ร้อยละ 80
แทรกเตอร์ แทรกเตอร์ สาธติ การปฏิบัติงาน คะแนนผา่ น ไมต่ ่ากว่า
ร้อยละ 80
B511 สารวจและ B511 สารวจและวิเคราะห์ แบบประเมนิ โดยวธิ ีการ คะแนนผา่ น ไมต่ า่ กวา่
ร้อยละ 80
วิเคราะห์ข้อมูลท่ีจาเป็น ข้อมูลท่ีจาเป็น สาธิตการปฏิบตั งิ าน คะแนนผ่าน ไมต่ า่ กวา่
ร้อยละ 80
B512 ใช้ข้อมูลเพื่อการ B512 ใช้ข้อมูลเพื่อการ แบบประเมนิ โดยวิธีการ คะแนนผา่ น ไม่ตา่ กวา่
สาธติ การปฏิบตั ิงาน รอ้ ยละ 80
ตัดสินใจ ตัดสินใจ คะแนนผา่ น ไมต่ า่ กว่า
รอ้ ยละ 80
B521 วินิจฉัยผลการ B521 วินิจฉัยผลการ แบบประเมินโดยวธิ ีการ คะแนนผา่ น ไม่ต่ากว่า
ปฏิบัติงาน ปฏิบัติงาน สาธติ การปฏบิ ัตงิ าน รอ้ ยละ 80
คะแนนผา่ น ไม่ต่ากว่า
B522 ประเมินต้นทุน B522 ประเมินต้นทุนและ แบบประเมินโดยวธิ กี าร รอ้ ยละ 80
และผลกาไร คะแนนผ่าน ไม่ต่ากวา่
ผลกาไร สาธิตการปฏิบัติงาน รอ้ ยละ 80
คะแนนผา่ น ไมต่ ่ากว่า
B231 บริการเครื่องปลูก B231 บริการเครื่องปลูก แบบประเมินโดยวธิ กี าร รอ้ ยละ 80
อ้อย อ้อย สาธิตการปฏบิ ัติงาน
คะแนนผ่าน ไม่ต่ากว่า
B232 ซ่อมแซมเคร่ือง B232 ซ่อมแซมเคร่ืองปลูก แบบประเมินโดยวธิ ีการ รอ้ ยละ 80
ปลูกอ้อย อ้อย สาธิตการปฏิบัตงิ าน
B661 วิเคราะห์ปัญหา B661 วิเคราะห์ปัญหา แบบประเมนิ โดยวธิ กี าร
สาธิตการปฏิบตั งิ าน
B662 ตัดสินใจแก้ปัญหา B662 ตัดสินใจแก้ปัญหา แบบประเมนิ โดยวธิ กี าร
สาธติ การปฏิบัตงิ าน
B621 ควบคุม B621 ควบคุมกระบวนการ แบบประเมนิ โดยวิธีการ
กระบวนการผลิตหรือ ผลิตหรือบริการปลูกอ้อย สาธติ การปฏิบตั ิงาน
บริการปลูกอ้อย
B622 ปรับปรุง B622 ปรับปรุงกระบวนการ แบบประเมนิ โดยวธิ กี าร
กระบวนการผลิตหรือ ผลิตหรือบริการปลูกอ้อย สาธติ การปฏิบตั ิงาน
บริการปลูกอ้อย
คมู่ อื แผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชีพ 42
5. ตารางวเิ คราะหแ์ บบทดสอบภาคความรู้ (Test Blueprint for Knowledge)
หวั ข้อเร่อื ง หัวข้อหลัก วตั ถุประสงคเ์ ชงิ ระดับการเรียนรู้ จานวน ร้อยละ
พฤติกรรม ของผ้เู รียน ข้อสอบ
B111 ปฏิบัติงานกับรถ 1. สัญลักษณ์เกี่ยวกับ RAT
แทรกเตอร์ตามหลัก ความปลอดภัย 1. บอกสัญลักษณ์ 5 10
ความปลอดภัย 2. สัญญาณมือ เกี่ยวกับความปลอดภัย
3. การใช้คู่มือประจา ได้อย่างถูกต้อง
เคร่ือง 2. บอกสัญญาณมือได้
4. ขนาดจุดต่อพ่วง อย่างถูกต้อง
(Categories) ของรถ 3. อธิบายการใช้คู่มือ
แทรกเตอร์และ ประจาเคร่ืองได้อย่าง
เครื่องมือ ถูกต้อง 36
4. อธิบายขนาดจุดต่อ
B112 ติดพ่วงรถ 1. วิธีการติดพ่วงรถ พ่วงของรถแทรกเตอร์
ได้อย่างถูกต้อง
แทรกเตอร์กับเคร่ืองมือ แทรกเตอร์กับ 5. อธิบายจุดต่อพ่วง
ของเครื่องมือได้อย่าง
เคร่ืองมือ ถูกต้อง
1. อธิบายวิธีการติด
2. วิธีการต่อเพลา พ่วงรถแทรกเตอร์ได้
อย่างถูกต้อง
อานวยกาลัง 2. อธิบายวิธีการติด
พ่วงรถแทรกเตอร์กับ
เครื่องมือได้อย่าง
ถูกต้อง
2. อธิบายวิธีการต่อ
คมู่ อื แผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชีพ 43
หวั ข้อเร่อื ง หัวข้อหลัก วตั ถปุ ระสงค์เชงิ ระดับการเรียนรู้ จานวน ร้อยละ
พฤติกรรม ของผเู้ รียน ขอ้ สอบ 8
B211 วางแผนปลูก 1. การวางแผนปลูก RAT
อ้อย อ้อย เพลาอานวยกาลังได้ 4 4
2. การสารวจและ อย่างถูกต้อง 6
B212 เตรียมเคร่ือง รวบรวมข้อมูลการ 1. อธิบายการวางแผน 2
ปลูกอ้อย ปลูกอ้อย ปลูกอ้อยได้อย่าง
ถูกต้อง 3
B221 จัดการท่อนพันธุ์ 1. การบารุงรักษา 2. อธิบายการสารวจ
อ้อย เคร่ืองปลูกอ้อย ข้อมูลการปลูกอ้อยได้
2. การปรับต้ังเคร่ือง อย่างถูกต้อง
ปลูกอ้อย 3. อธิบายวิธีการ
รวบรวมข้อมูลการปลูก
1. ลักษณะของท่อน อ้อยได้อย่างถูกต้อง
พันธ์ุที่มีคุณภาพ 1. อธิบายการ
2. วิธีป้องกัน/กาจัด บารุงรักษาเครื่องปลูก
โรคและแมลงจากท่อน อ้อยได้อย่างถูกต้อง
พันธุ์ 2. อธิบายการปรับตั้ง
เครื่องปลูกอ้อยได้อย่าง
ถูกต้อง
1. บอกลักษณะของ
ท่อนพันธ์ุที่มีคุณภาพได้
อย่างถูกต้อง
2. อธิบายวิธีป้องกันโรค
และแมลงจากท่อนพันธ์ุ
ได้อย่างถูกต้อง
ค่มู อื แผนการประเมินสมรรถนะวิชาชพี 44
หวั ข้อเรอ่ื ง หวั ข้อหลัก วัตถุประสงคเ์ ชิง ระดับการเรียนรู้ จานวน รอ้ ยละ
พฤตกิ รรม ของผเู้ รียน ข้อสอบ 4
B222 ปลูกอ้อยด้วย 1. วิธีการปรับตั้ง RAT 3
เคร่ืองปลูก เครื่องปลูกอ้อยขณะ 3. อธิบายวิธีกาจัดโรค 2 3
ทางาน และแมลงจากท่อนพันธ์ุ
B121 บริการรถ 2. การปลูกอ้อยโดยใช้ ได้อย่างถูกต้อง 2
แทรกเตอร์ เครื่องปลูก 1. อธิบายวิธีการ
ปรับต้ังเครื่องปลูกอ้อย 2
B122 ซ่อมแซมรถ 1. จุดตรวจและวิธี ขณะทางานได้อย่าง
แทรกเตอร์ บริการรถแทรกเตอร์ ถูกต้อง
ตามคู่มือกาหนด 2. อธิบายการปลูกอ้อย
โดยใช้เคร่ืองปลูกได้
1. จุดท่ีเกิดปัญหา อย่างถูกต้อง
บ่อยๆ 1. บอกจุดตรวจรถ
ของรถแทรกเตอร์ แทรกเตอร์ตามคู่มือ
และวิธีแก้ไข กาหนดได้อย่างถูกต้อง
2. อธิบายวิธีบริการรถ
แทรกเตอร์ตามคู่มือ
กาหนดได้อย่างถูกต้อง
1. บอกจุดท่ีเกิดปัญหา
บ่อยๆ
ของรถแทรกเตอร์ได้
อย่างถูกต้อง
2. บอกวิธีแก้ไขปัญหาท่ี
เกิดกับรถแทรกเตอร์ได้
อย่างถูกต้อง
คมู่ ือแผนการประเมินสมรรถนะวิชาชพี 45
หัวข้อเรือ่ ง หัวข้อหลัก วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ ระดบั การเรยี นรู้ จานวน รอ้ ยละ
พฤตกิ รรม ของผ้เู รียน ข้อสอบ
B511 สารวจและ 1. วิธีการสารวจข้อมูล RAT
วิเคราะห์ข้อมูลที่จาเป็น เก่ียวกับการผลิตหรือ 1. อธิบายวิธีการสารวจ
ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิต 48
บริการ โดยคานึงถึง ได้อย่างถูกต้อง
ปัจจัยการผลิต ซึ่ง 2. อธิบายวิธีการสารวจ
ได้แก่ ท่อนพันธุ์ ข้อมูลเก่ียวกับการ
ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยอนินท บริการได้อย่างถูกต้อง
รีย์ เป็นต้น 3. อธิบายการวิเคราะห์
2. การวิเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัย
เก่ียวกับปัจจัยการผลิต การผลิตได้อย่างถูกต้อง 36
หรือบริการ 4. อธิบายการวิเคราะห์
ข้อมูลเก่ียวกับปัจจัย
B512 ใช้ข้อมูลเพ่ือการ 1. การเลือกวิธีการ การบริการได้อย่าง
ถูกต้อง
ตัดสินใจ และปัจจัยการผลิต 1. อธิบายการเลือก
วิธีการผลิตตามการ
ตามการวิเคราะห์ วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่าง
ถูกต้อง
ข้อมูล 2. อธิบายการเลือก
ปัจจัยการผลิตตามการ
2. การกาหนด วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่าง
ถูกต้อง
แผนปฏิบัติงาน 3. อธิบายการกาหนด
คมู่ อื แผนการประเมินสมรรถนะวชิ าชพี 46
หวั ข้อเร่ือง หวั ข้อหลัก วัตถปุ ระสงคเ์ ชงิ ระดบั การเรียนรู้ จานวน ร้อยละ
พฤติกรรม ของผู้เรียน ข้อสอบ
B521 วินิจฉัยผลการ 1.วิธีการประเมินผล RAT
ปฏิบัติงาน การปฏิบัติงาน แผนปฏิบัติงานได้อย่าง
2.วิธีประเมินผล ถูกต้อง 24
ผลผลิตที่ได้รับ 1.อธิบายวิธีการ
ประเมินผลการ
B522 ประเมินต้นทุน 1. วิธีการประเมิน ปฏิบัติงานได้อย่าง 36
และผลกาไร ต้นทุน ถูกต้อง
รายรับ และผลกาไร 2.อธิบายวิธีประเมินผล
ผลผลิตได้อย่างถูกต้อง
B231 บริการเครื่อง 1. วิธีบริการเคร่ือง 1. อธิบายวิธีการ 36
ปลูกอ้อย ปลูกอ้อยตามคู่มือ ประเมินต้นทุน
กาหนด ได้อย่างถูกต้อง
2. อธิบายวิธีการ
ประเมิน
รายรับได้อย่างถูกต้อง
3. อธิบายวิธีการ
ประเมินผลกาไรได้
อย่างถูกต้อง
1. อธิบายวิธีบริการ
เครื่องปลูกอ้อยตาม
คู่มือกาหนดได้อย่าง
ถูกต้อง
คู่มือแผนการประเมนิ สมรรถนะวิชาชพี 47