The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by auttakorn01, 2020-09-24 00:40:43

เกณฑ์การเปิดหลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน

มคว.2





















แผนงานฝึกอบรม รายละเอียดหลักสูตร รายละเอียดกิจกรรม


และการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การฝึกอบรมความรู้ความชำนาญ


ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน


เพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม


สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน


กรมสุขภาพจิต ฉบับ พ.ศ. 2563







โดย










สถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน



สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน


สำนักวิชาการสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

1. ราชวิทยาลัยที่กำกับดูแล

สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย


2. พันธกิจของแผนงานฝึกอบรม


สุขภาพจิตและโรคจิตเวชเกิดขึ้นจากปฏิสัมพนธ์ของปัจจัยที่หลากหลาย ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ จิตใจ
และปัจจัยทางชีวภาพ เช่นเดียวกับสุขภาพกายและโรคภัยไข้เจ็บโดยทั่วไป ที่ผ่านมาความพยายามลดภาระสุขภาพ
จากปัญหาความเจ็บป่วยทางจิตเวชนั้นจะมุ่งเน้นที่การรักษาผู้ป่วยรายบุคคล ทั้งที่การส่งเสริมสุขภาพจิตและการ


ป้องการปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชเป็นอกส่วนที่มีความสำคัญมาก และต้องดำเนินการด้วยการมีส่วนร่วมและ
การสนับสนุนของชุมชน โดยการสร้างพนธมิตรในการทำงาน ร่วมกันกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งในภาคราชการ

เอกชน และภาคประชาสังคม จึงจะเกิดผลสำเร็จและอยู่อย่างยั่งยืนได้

หลักสูตรแพทย์ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวช
ศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) มีเป้าหมายเพอฝึกอบรมแพทย์สาขาเวชศาสตร์ป้องกันด้านสุขภาพจิต
ื่
ชุมชน ซึ่งเป็นวิชาการทางการแพทย์และการสาธารณสุขเฉพาะทางที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกัน

ปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช และการบำบัดฟนฟผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย ทั้งในระดับ

ื้
บุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน รวมทั้งผสมผสานงานสุขภาพจิตแบบองค์รวมทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม ให้
เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต สอดคล้องกบสภาพสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถจัดการกับภาวะ

วิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบได้ แพทย์ผู้เข้าฝึกอบรมเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิต

ชุมชน จึงควรมีความรู้ความชำนาญดังกล่าวทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ นอกจากความรู้และทักษะด้านเวชศาสตร์

ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชนแล้ว แพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน
ควรมีความสามารถด้านอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต


ความสามารถด้านการศึกษา ค้นคว้า วิจัยเพอสร้างองค์ความรู้ใหม่ มีทักษะปฏิสัมพนธ์และการสื่อสาร ทักษะการ
ื่
เป็นผู้นำ (leadership) และการทำงานเป็นทีม การบริหารจัดการ ความรู้ความเข้าใจในระบบสุขภาพและการ
สาธารณสุขที่ทันสมัยรอบด้าน การบูรณาการงาน การใช้ทรัพยากร และร่วมดำเนินการกับหน่วยงาน องค์กรทั้ง

ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งชุมชนและเครือข่ายต่างๆ ตลอดจนมีจิตสำนึกแห่งการส่งเสริมและป้องกัน

ปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรม จริยธรรมและเจตคติอนดี อนก่อให้เกิดประโยชน์

สูงสุดต่อประเทศชาติส่วนรวม และเกิดความยั่งยืนของงานสุขภาพจิตชุมชน ดังเป้าหมายยุทธศาสตร์สุขภาพจิต

แห่งชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) คือ การที่ “ประชาชนมปัญญา อารมณ์ดี และมความสุข อยู่ในสังคม


อย่างทรงคุณค่า”
กรมสุขภาพจิตเป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพสูงในการดำเนินงานทั้งด้านการบริการการรักษาผู้มีปัญหา

สุขภาพจิตและจิตเวช การป้องกันสุขภาพจิต การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพจิตที่ดี และการพฒนาฝึกอบรม
บุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ ความชำนาญในการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตและจิตเวช และเพอให้สอดคล้องตาม
ื่

ิ่
เจตนารมณ์ข้างต้น กรมสุขภาพจิตจึงกำหนดความสำคัญในการฝึกอบรมแพทย์เวชปฏิบัติที่ผ่านการเพมพนทักษะ
ให้เป็นผู้มีความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามมาตรฐานคุณวุฒิการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการสาธารณสุข สุขภาพจิตชุมชน

(Public Community Mental Health) มีลักษณะเป็นผู้นำในการบริหารจัดการปัญหาสุขภาพจิตเชิงระบบใน

ชุมชน สามารถปฏิบัติงานทั้งด้านการบริการจิตเวชเบื้องต้น การส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิต การดำเนินงาน

สุขภาพจิตชุมชนโดยใช้วิทยาศาสตร์แห่งการขยายผล การสื่อสารสาธารณะ การผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายในการ
พัฒนางานสุขภาพจิตในชุมชน โดยกำหนดพันธกิจของแผนการฝึกอบรมไว้ดังนี้

2.1 เพื่อผลิตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน ที่มีความรู้
ความสามารถตามสมรรถนะหลัก ที่คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบ ความรู้ความชำนาญในการประกอบ

วิชาชีพเวชกรรม (อฝส.) สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน กำหนดไว้ใน มคว.1 เพื่อดำเนินงานด้าน
การส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย และให้การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้มี

ปัญหาสุขภาพจิต ในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน ทั้งในภาวะปกติและวิกฤต
2.2 เพื่อผลิตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน ที่สามารถ

เป็นบุคลากรในทีมสหสาขาในการบริหารจัดการดำเนินงานการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหาสุขภาพจิต

และโรคจิตเวชที่พบบ่อย และให้การบำบัดรักษาและฟื้นฟผู้มีปัญหาสุขภาพจิต ในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน
และประชาชน ทั้งในภาวะปกติและวิกฤต
2.3 เพื่อผลิตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน ที่มี

ความสามารถในการเรียนรู้ค้นคว้าตลอดชีวิต การทำวิจัย เป็นผู้นำในการสร้างงานวิจัย สร้างองค์ความรู้ เพื่อ

แก้ปัญหาสุขภาพจิตในชุมชน และสามารถให้การแนะนำแก่ภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสามารถ
ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม

2.4 เพื่อผลิตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน ที่มี

ความสามารถในการสื่อสาร มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี แสดงออกได้อย่างถูกตองและเหมาะสมทั้งต่อผู้ป่วย ญาติ และ
เพื่อนร่วมงาน ในการดูแลผู้มีปัญหาสุขภาพจิต การเลือกใช้เทคโนโลยีสุขภาพจิตที่เหมาะสม การแก้ปัญหา

สุขภาพจิต ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน

3. ผลสัมฤทธิ์ของแผนงานฝึกอบรม/หลักสูตร

แพทย์ที่จบการฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) ต้องมี
คุณสมบัติและความรู้ความสามารถขั้นต่ำตามสมรรถนะหลักทั้ง 6 ด้านดังนี้

3.1 การส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช และการบำบัดฟื้นฟูผู้มีปัญหา

สุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน ในภาวะปกติและ
ภาวะวิกฤต (Patient/Family/Population/Community Care)

ก. สามารถให้การส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย และ

ื้

ให้การบำบัดรักษาและฟนฟผู้มีปัญหาสุขภาพจิต ในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และ
ประชาชน ทั้งในภาวะปกติและวิกฤต
ข. สามารถให้การประเมินปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อยในระดับบุคคล ครอบครัว
ชุมชนและประชาชน ทั้งในภาวะปกติและวิกฤต

ค. สามารถทำการวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบ

บ่อยในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชนและประชาชน ทั้งในภาวะปกติและวิกฤต

ง. สามารถทำการวางแผน ดำเนินการ และจัดการปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อยใน

ระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชนและประชาชน


จ. สามารถทำการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกนและ
จัดการปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อยในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชนและ

ประชาชน


3.2 ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหา

ั้
สุขภาพจิตและโรคจิตเวช และการบำบัดฟื้นฟูผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชทพบบ่อย ทงในระดับบุคคล
ี่
ครอบครัว ชุมชน และประชาชน (Preventive medicine knowledge)
ก. สามารถอธิบายหลักการและประยุกต์ใช้เวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป หลักระบาดวิทยาและการ

เฝ้าระวังโรค ในการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต และโรคจิตเวชที่พบบ่อย รวมทั้ง
การบำบัดฟื้นฟูผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคทางจิตเวช ทั้งในระดับปกติและวิกฤต

ข. มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพ และเชี่ยวชาญในสาขาเวชศาสตร์ป้องกน (แขนงสุขภาพจิต

ชุมชน)
ค. สามารถประยุกต์ใช้หลักเวชศาสตร์ป้องกันสุขภาพจิตชุมชนให้เชื่อมโยงกับทุกช่วงวัย วิถีชีวิต

สภาพสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจของประเทศ


3.3 การพัฒนาตนเองและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Practice-based learning and

Improvement)
ก. ดำเนินการศึกษา ค้นคว้า วิจัยงานในงานสุขภาพจิตชุมชนสอดคล้องตามมาตรฐานการวิจัย

ทางการแพทย์และสาธารณสุข
ข. วิเคราะห์ วิพากษ์บทความ งานวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะประเด็นด้าน

สุขภาพจิตชุมชน

ค. มีการพฒนาตนเองและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Practice-based) หาประสบการณ์อย่าง

ต่อเนื่อง มีความคิดสร้างสรรค์ตามหลักวิทยาศาสตร์ในการสร้างความรู้ใหม่และพฒนางาน

สุขภาพจิตชุมชน


3.4 ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and communication skills)

ก. นำเสนอข้อมูลงานสุขภาพจิตชุมชนและอภิปรายปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
ข. ถ่ายทอดความรู้และทักษะงานสุขภาพจิตชุมชนให้แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และ

สาธารณสุข

ค. เผยแพร่ สื่อสาร ให้ข้อมูลงานสุขภาพจิตชุมชนแกสาธารณชน ชุมชน สังคม เครือข่าย องค์กร

และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ง. วิเคราะห์ ช่องทางและแนวทางที่เหมาะสมในการเผยแพร่ สื่อสาร ให้ข้อมูลงานสุขภาพจิต

ชุมชนได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อบุคคล สังคมและ

ชุมชน
จ. มีมนุษยสัมพนธ์ที่ดี สามารถทำงานร่วมกับบุคลากร เครือข่าย องค์กรและหน่วยงานทั้ง

ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฉ. เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำแกแพทย์ บุคลากรสุขภาพ เครือข่าย องค์กรและหน่วยงานทั้ง

ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในประเด็นสุขภาพจิตชุมชน


3.5 ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)

ก. มีจิตสำนึกแห่งการส่งเสริมสุขภาพจิตและการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช

ข. มีคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอนดีต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน รวมถึง

บุคลากรสุขภาพและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

ค. สามารถเป็นผู้นำและบริหารจัดการสถานการณ์การดำเนินงานด้านสุขภาพจิตชุมชนทั้งใน

ภาวะปกติและภาวะวิกฤติอย่างเป็นระบบได้อย่างเหมาะสม
ง. สนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต

จ. ตระหนักในหน้าที่และมีความรับผิดชอบในงานส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหา
สุขภาพจิตและโรคจิตเวช โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

ฉ. สามารถบูรณาการงานสุขภาพจิตชุมชน รวมทั้งผสมผสานงานสุขภาพจิตแบบองค์รวม ทั้ง

ด้านร่างกาย จิตใจ สังคม ให้เชื่อมโยงกับวิถีชีวิต สอดคล้องกับสภาพสังคม วัฒนธรรมและ
เศรษฐกิจของประเทศ


3.6 การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based practice)

ก. สามารถอธิบายระบบสุขภาพและการสาธารณสุข ทั้งในระดับพื้นที่ ระดับเขตสุขภาพ
ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ในงานส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต

และโรคจิตเวช

ข. มีส่วนร่วมในการบูรณาการงานส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกนปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช

ที่สอดคล้องกับระบบพัฒนาคุณภาพในระดับสถานพยาบาลและกับชุมชน

ค. สามารถใช้ทรัพยากรทั้งของสถานพยาบาลและชุมชนได้อย่างเหมาะสม และสามารถ

ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช ให้เข้ากับ
บริบทของการบริการสาธารณสุขและเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต สอดคล้องกับสภาพสังคม

วัฒนธรรมและเศรษฐกิจของประเทศ

4. แผนงานฝึกอบรม

4.1 วิธีการให้การฝึกอบรม


เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่หลักสูตรกำหนดไว้จึงจัดวิธีการให้การฝึกอบรมให้สอดคล้องกบเนื้อหาฝึกอบรมและการ
วัด การประเมินผลตามสมรรถนะ ทั้ง 6 ด้านดังนี้

4.1.1 สมรรถนะการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช และการบำบัด


ฟื้นฟูผู้มปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และประชาชน ใน
ภาวะปกติและภาวะวิกฤต (Patient/Family/Population/Community Care)

แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 1 มีการเรียนรู้และปฏิบัติเกี่ยวกับงานเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิต

ชุมชน ในระดับไมซับซ้อน แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 2 และ 3 ในระดับซับซ้อนมากขึ้นในความควบคุมของ

อาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรม


การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล

กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน

ด้านการส่งเสริมสุขภาพจิต (Universal prevention by promotion in mental health) ในภาวะปกติ

1. การรวบรวมขอมูลสถานการณ์ 1.จัดสอนการรวบรวมขอมูล 1. การสังเกตและการมีส่วน

สุขภาพจิต สถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิต การ ร่วมในการเรียนรู้

2. การวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล 2. การสอบถามผู้เรียน
สุขภาพจิต และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องใน สุขภาพจิต เทคโนโลยีที่เกี่ยว ข้องใน 3. Small group discussion

การส่งเสริมสุขภาพจิต การส่งเสริมสุขภาพจิตชุมชน การ 4. การทำ portfolio

3. การวางแผน และดำเนินการส่งเสริม วางแผนและดำเนินงานส่งเสริม การ 5. การสอบข้อเขียน MCQ,
สุขภาพจิต กำกับ ติดตาม และประเมินผลการ Essay

4. การกำกับ ติดตาม และประเมินผล ส่งเสริมสุขภาพจิตสุขภาพจิตใน

การส่งเสริมสุขภาพจิต ชุมชน การปรับปรุง และพัฒนาการ
5. การปรับปรุง และพัฒนาการ ดำเนินการส่งเสริมสุขภาพจิตชุมชน

ดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพจิต 2.ฝึกปฏิบัติภาคสนาม
ด้านการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช (Selective prevention in mental problem and

mental disorders) ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชทพบบอยในภาวะปกติ
ี่

1. การค้นหา ประเมิน ปัญหาสุขภาพจิต 1.จัดสอนและฝึกปฏิบัติงานการ 1. การสังเกตและการมีส่วน
และโรคจิตเวชที่พบบ่อย วางแผน ดำเนินการป้องกันปัญหา ร่วมในการเรียนรู้

2. การวิเคราะห์และจัดลำดับ พัฒนาการเด็ก ปัญหาสุขภาพจิตเด็ก 2. การสอบถามผู้เรียน

ความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิตและ และวัยรุ่น วัยทำงาน วัยสูงอายุและ 3. Small group discussion
โรคจิตเวชที่พบบ่อย โรคจิตเวชที่พบบ่อย 4. การทำ portfolio

3. การวางแผน ดำเนินการป้องกัน และ 2.เข้าศึกษาในพื้นที่ ศึกษาดูงานใน 5.. การสอบข้อเขียน MCQ,

จัดการปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่ ชุมชน และฝึกปฏิบัติงาน เพื่อเรียนรู้ Essay

การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล
กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน

พบบ่อย ในการประเมินสภาวะปัญหา
4. การให้บริการจิตสังคมแก่บุคคล สุขภาพจิตและโรคทางจิตเวชใน

ครอบครัวและชุมชน ที่มีปัญหา ผู้ป่วยและชุมชน การให้บริการจิต


สุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย สังคมแกบุคคล ครอบครัวและชุมชน
3.ฝึกปฏิบัติภาคสนาม

ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟู (Indicated prevention in patient care and rehabitation service) ผู้

มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย ในภาวะปกติ
1. การตรวจวินิจฉัยปัญหาสุขภาพจิต 1.จัดสอนเรื่องการให้บริการจิตสังคม 1. การสังเกตและการมีส่วน

และโรคจิตเวชที่พบบ่อย แก่บุคคล ครอบครัวและชุมชน ร่วมในการเรียนรู้

2. การวางแผนการบำบัดรักษาและฟื้นฟ ู 2.ฝึกปฏิบัติภาคสนาม 2. การสอบถามผู้เรียน
ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบ 3. Small group discussion

บ่อย 4. การทำ portfolio

3. การให้บริการจิตสังคมแก่ผู้ป่วยจิตเวช 5. การสอบข้อเขียน MCQ,
และญาติ Essay

ด้านการใช้เทคโนโลยีสุขภาพจิต ( Mental health technology )

1. การเลือกใช้เทคโนโลยีการดำเนินงาน 1.จัดสอนเรื่องการใช้เทคโนโลยีเพื่อ 1. การสังเกตและการมีส่วน
สุขภาพจิต เครื่องมือประเมินสุขภาพจิต การดำเนินงานสุขภาพจิตในชุมชน ร่วมในการเรียนรู้

ต่าง ๆ ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว 2.ฝึกปฏิบัติภาคสนาม 2. การสอบถามผู้เรียน
ชุมชน และประชาชน ได้อย่างเหมาะสม 3. Small group discussion

2. การให้คำแนะนำแก่ภาคีเครือข่ายใน 4. การทำ portfolio

การใช้เทคโนโลยีการดำเนินงาน 5. การสอบข้อเขียน MCQ,
สุขภาพจิต เครื่องมือประเมินสุขภาพจิต Essay

ต่าง ๆ ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว

ชุมชน และประชาชน
ด้านการดูแลสุขภาพจิตในภาวะวิกฤต(Mental health crisis management)

1. การดำเนินการส่งเสริมสุขภาพจิต ใน 1.ปฏิบัติงานภาคสนามในการใช้ 1. การสังเกตและการมีส่วน

ภาวะวิกฤต เครื่องมือประเมินภาวะสุขภาพจิต ร่วมในการเรียนรู้
2. การดำเนินการป้องกันปัญหา และการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติ 2. การสอบถามผู้เรียน

สุขภาพจิตและโรคจิตผู้มีปัญหา งานด้านเวชศาสตร์ป้องกัน 3. Small group discussion
สุขภาพจิตและโรคจิตเวชในภาวะวิกฤต สุขภาพจิตชุมชน 4. การทำ portfolio

5. การสอบ MCQ, Essay

การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล
กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน

3. การให้การบำบัดรักษาและฟื้นฟู ผู้มี 1.ปฏิบัติงานภาคสนามในการใช้
ปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบ เครื่องมือประเมินภาวะสุขภาพจิต

บ่อยในภาวะวิกฤต และการใช้เทคโนโลยี ในการ

ปฏิบัติงานด้านเวชศาสตร์ป้องกัน
สุขภาพจิตชุมชน



4.1.2 ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความสามารถ ในการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันปัญหาสุขภาพจิต
และโรคจิตเวช และการบำบัดฟื้นฟูผู้มปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย ทั้งในระดับบุคคล


ครอบครัว ชุมชน และประชาชน (Preventive medicine knowledge)
การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล
กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน

1. ความรู้พื้นฐานด้านเวชศาสตร์ป้องกัน 1.จัดสอนความรู้พื้นฐานด้านเวช 1. การสังเกตและการมีส่วน

ทั่วไป ระบาดวิทยาและการเฝ้าระวังโรค ศาสตร์ป้องกันทั่วไป ระบาดวิทยา ร่วมในการเรียนรู้
และเวชศาสตร์ป้องกันด้านสุขภาพจิต การเฝ้าระวังโรค และสุขภาพจิต 2. การสอบถามผู้เรียน

ชุมชน ชุมชน 3. Small group
2. ความรู้และปฏิบัติงานเวชศาสตร์ 2.ปฏิบัติงานภาคสนามเพอ discussion
ื่
ป้องกันด้านสุขภาพจิตชุมชนทั่วไป สังเคราะห์องค์ความรู้ด้านการ 4. การทำ port folio

3. ความรู้และปฏิบัติงานเวชศาสตร์ ส่งเสริมสุขภาพจิตชุมชน การป้องกัน 5. การสอบข้อเขียน MCQ,
ป้องกันด้านการส่งเสริมสุขภาพจิตชุมชน ปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช และ Essay

4. ความรู้การป้องกันปัญหาสุขภาพจิต การบำบัดฟื้นฟูผู้มีปัญหาสุขภาพจิต 6. การประเมินจากอาจารย์พี่

และโรคจิตเวช และการบำบัดฟื้นฟูผู้มี และโรคจิตเวชที่พบบ่อย การ เลี้ยงในพื้นที่ /ชุมชน
ปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบ ดำเนินงานวิกฤตสุขภาพจิต

บ่อย 3.จัดสอนและฝึกอบรมความรู้

5. ความรู้การดำเนินงานวิกฤต การศึกษา ค้นคว้าและวิจัย และ
สุขภาพจิต จริยธรรมการวิจัยในคน การพัฒนา

6. ความรู้การศึกษา ค้นคว้าและวิจัย เทคโนโลยีสุขภาพจิตตามแนวทาง

7. ความรู้การใช้เทคโนโลยีสุขภาพจิต มาตรฐานที่เชื่อถือได้ การเผยแพร่
และเครื่องมือประเมินปัญหาสุขภาพจิต สื่อสาร ให้ข้อมูลงานสุขภาพจิตชุมชน

ต่างๆตามแนวทางมาตรฐานที่เชื่อถือได้ แก่สาธารณชน ชุมชน สังคม

8. ความรู้การเผยแพร่ สื่อสาร ให้ข้อมูล เครือข่าย องค์กรและหน่วยงานทั้ง
งานสุขภาพจิตชุมชนแก่สาธารณชน ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ชุมชน สังคม เครือข่าย องค์กรและ

การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล
กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน

หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่ 4.จัดให้แพทย์ประจำบ้านเข้าร่วม
เกี่ยวข้อง กิจกรรมวิชาการด้านเวชศาสตร์

9. การนำเสนอและเข้าร่วมในกิจกรรม ป้องกัน สุขภาพจิตชุมชน เช่น การ

ทางวิชาการ ประชุมสัมมนาวิชาการ ทั้งใน
ระดับประเทศ และนานาชาติ



4.1.3 การพัฒนาตนเองและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Practice-based learning and
improvement)




การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล

กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน
1. การทำงานร่วมกบภาคีเครือข่าย 1.ปฏิบัติงานภาคสนามในการทำงาน 1. การสังเกตและการมีส่วน

องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน โดย บูรณาการร่วมกบภาคีเครือข่ายใน ร่วมในการเรียนรู้

สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชน ชุมชน ทั้งภาครัฐและเอกชน 2. การสอบถามผู้เรียน

2. การสอนนักศกษา บุคลากรทาง 1.ให้มีส่วนร่วมในการสอน การให้ 3. Small group discussion

การแพทย์ และแพทย์ประจำบ้านรุ่นหลัง ความรู้แก่บุคลากรต่างๆ และแพทย์ 4. การนำเสนอในการ
ได้ ประจำบ้านรุ่นหลัง ประชุมสัมมนา

3. การถอดบทเรียนและจัดการความรู้ ที่ 1.ให้เข้าฟังการบรรยาย การเข้าร่วม

ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานตลอด ประชุม การปฏิบัติงานภาคสนาม
หลักสูตร

4. การศึกษา ค้นคว้า วิจัยงานสุขภาพจิต 1. ให้ดำเนินการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ 1. ผลงานวิจัยผ่านการ

ชุมชน ตามมาตรฐานการวิจัยทาง งานเวชศาสตร์ป้องกัน งาน พิจารณารับรองจาก
การแพทย์และการสาธารณสุข สาธารณสุข งานสุขภาพจิตชุมชน คณะกรรมการจริยธรรมการ


5. การวิเคราะห์ปัญหาและคนหาปัญหา/ 1.บรรยายความรู้เรื่องการวิจัย วิจัยในคน
คำถามการวิจัย(research question) 2. วิเคราะห์สถานการณ์ตัวอย่าง 2. ได้รับการเผยแพร่ตีพิมพ ์

งานสุขภาพจิตในชุมชน ด้วย ปัญหาสุขภาพจิตชุมชน ผลงานวิจัยในวารสาร

กระบวนการศึกษาวิจัย
6. การนำเสนอโครงร่างการวิจัย และ 1. ปฏิบัติการเขียนโครงร่างงานวิจัย

ผ่านการประเมินจากอาจารย์ที่ปรึกษา การนำเสนอและวิเคราะห์ปรับปรุง

และคณะกรรมการ แก้ไขตามข้อเสนอ ข้อแนะนำ
7. การดำเนินงานวิจัย สุขภาพจิตชุมชน นำเสนอสรุปผลการดำเนินงานวิจัย .

จนแล้วเสร็จได้ วิเคราะห์ประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย

4.1.4 ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and communication skills)


การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล

กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน
1. ทักษะปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารกับผู้ 1. จัดสอนและฝึกปฏิบัติงานเรื่อง 1. การสังเกตและการมีส่วน

ร่วมปฏิบัติงาน ผู้ป่วย ครอบครัว การสื่อสาร การให้ข้อมูลแก่ญาติ ร่วมในการเรียนรู้

ชุมชนและสังคม ผู้ป่วย ครอบครัว ชุมชนและสังคม 2. การสอบถามผู้เรียน
2. ทักษะการเป็นผู้นำและทักษะการ 1. ปฏิบัติงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ 3. Small group discussion

ทำงานเป็นทีมร่วมกับทีมสหวิชาชีพ บุคลากรสุขภาพในชุมชน 4. การสอบขอเขียน MCQ,

บุคลากรสุขภาพในชุมชน Essay

3. แนวทางและทกษะในการเผยแพร่ 1. ปฏิบัติงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ 5. การประเมินจากอาจารย์พี่

สื่อสาร ให้ข้อมูลงานสุขภาพจิตชุมชน บุคลากรสุขภาพในชุมชน เลี้ยงในพื้นที่ /ในสถาบัน/
ตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น บุคลากรทาง 2. การคืนขอมูลให้แก่ชุมชน การให้ ชุมชน

การแพทย์และการสาธารณสุข เครือข่าย การปรึกษาแนะนำ และเสนอ


องค์กรและหน่วยงานทั้งภาครัฐและ ข้อเสนอแนะแกพื้นที่ ชุมชนที่ฝึก
เอกชนที่เกี่ยวข้อง ภาคสนาม

4. การวิเคราะห์ ช่องทาง โอกาสและ 1.ฝึกปฏิบัติการวิเคราะห์ช่องทาง


แนวทางที่เหมาะสมในการสื่อสาร ให้ และแนวทางการให้ขอมูล การ
ข้อมูลงานสุขภาพจิตชุมชนได้อย่าง สื่อสารในระดับพื้นที่ ลงปฏิบัติใน

ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผล ภาคสนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กระทบทางลบต่อผู้เกี่ยวข้อง โดยไม่ส่งผลกระทบด้านลบกับ
ผู้เกี่ยวข้อง

5. ทักษะการให้การปรึกษา และการ 2.ฝึกปฏิบัติการให้การปรึกษา

ให้คำแนะนำบุคลากรสุขภาพ แพทย์ ประเด็นต่างๆ ในงานส่งเสริม
เวชปฏิบัติ ภาคีเครือข่ายด้าน ป้องกัน รักษา ฟื้นฟู ภาวะ

สาธารณสุขในชุมชนและสังคม ใน สุขภาพจิต กฎหมายที่เกี่ยวข้องแก่
ประเด็นต่างๆ เช่น ด้านเวชศาสตร์ แพทย์เวชปฏิบัติ บุคลากรสุขภาพใน

ป้องกัน สุขภาพจิตชุมชน ด้าน ชุมชนต่างๆ ด้านเวชศาสตร์ป้องกัน

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง สุขภาพจิตชุมชน

4.1.5 ความเป็นมออาชีพ (Professionalism)



การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล

กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน
1. ความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับ 1.ร่วมวิเคราะห์ปัญหาและแนว 1. การสังเกตและการมีส่วน

มอบหมาย และ คำนึงถึงผลประโยชน์ ทางการส่งเสริมสุขภาพจิตในชุมชน ร่วมในการเรียนรู้

ส่วนรวม ให้สอดคล้องกับลักษณะของปัญหา 2. การสอบถามผู้เรียน
ข้อจำกัดและบริบทวัฒนธรรมของ 3. Small group discussion

พื้นที่ในชุมชน 4. การนำเสนอ การแสดง
2. จิตสำนึกและเจตคติที่ดี และมองเห็น 1.ร่วมวิเคราะห์ปัญหาและแนว ความเห็น ในการประชุม

โอกาสการพัฒนางานในการปฏิบัติงาน ทางการส่งเสริมสุขภาพจิตในชุมชน 5. การสอบข้อเขียน MCQ,

ด้านสุขภาพจิตชุมชน ให้สอดคล้องกับลักษณะของปัญหา Essay
ข้อจำกัดและบริบทวัฒนธรรมของ 6. การประเมินจากอาจารย์พี่

พื้นที่ในชุมชน เลี้ยงในพื้นที่ /ในสถาบัน/


3. ความรู้ด้านจริยธรรมทางการแพทย์ 1. ร่วมดำเนินกิจกรรมการพฒนา ชุมชน
และสาธารณสุข และสิทธิผู้ป่วย รวมถึง งานสุขภาพจิตในชุมชน

กฎหมายสุขภาพจิต 2. ร่วมติดตามและประเมินผลการ

ดำเนินงานสุขภาพจิตในชุมชน
4. ความสนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนา 1.จัดสอนเรื่องจริยธรรมทาง

ไปสู่การเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่อง ตลอดชีวิต การแพทย์

2. ร่วมปฏิบัติการดำเนินการพัฒนา
งานสุขภาพจิตในชุมชน



4.1.6 การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based practice)


การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล

กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน
1. ประสบการณ์เรียนรู้การบริหารจัดการ 1. ปฏิบัติงานกับหน่วยงานในพื้นที่ 1. การสังเกตและการมีส่วน

เชิงระบบในงานสุขภาพจิตชุมชนที่ ทุกระดับเพื่อศึกษาการดำเนินงาน ร่วมในการเรียนรู้
เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพทั้งในระดับ สุขภาพจิตชุมชนในระบบบริการ 2. Small group discussion

พื้นที่ ระดับเขตสุขภาพ ระดับชาติ และ สุขภาพ (service Plan) สาขา 3. นำเสนอผลงานการ

ระดับนานาชาติ สุขภาพจิตและจิตเวชในชุมชน ใน ดำเนินงานของกิจกรรม/
ระดับพื้นที่ ระดับเขตสุขภาพ โครงการ

การปฏิบัติงาน วิธีการให้การฝึกอบรม/ กลยุทธ์การประเมินผล
กลยุทธ์การสอนที่ใช้พัฒนา การเรียนรู้แต่ละด้าน

2. ศึกษาดูงานเกี่ยวกับระบบการ 4. การประเมินจากอาจารย์พี่
บริหารจัดการงานสุขภาพจิตชุมชน เลี้ยงในพื้นที่ /ในสถาบัน/

กับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ ชุมชน

2. ประสบการณ์เรียนรู้การบริหารจัดการ 1. ปฏิบัติงาน ร่วมดำเนินกิจกรรม/
เชิงระบบในงานสุขภาพจิตชุมชนที่ โครงการ การดำเนินงานสุขภาพจิต

เกี่ยวข้องกับนอกระบบสุขภาพที่รวมถึง ชุมชนร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุข

ภาคีเครือข่าย องค์กรและหน่วยงานทั้ง เชื่อมกับภาคีเครือข่ายนอกระบบ
ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง สุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน

3. ทักษะในการใช้ทรัพยากรทั้งของ 1.ให้ความรู้ด้านการวางแผนการ

หน่วยงาน ชุมชนได้อย่างเหมาะสม และ ดำเนินโครงการและการจัดสรร
สามารถบูรณาการงานสุขภาพจิตชุมชน ทรัพยากรในชุมชนรวมทั้งการใช้

ให้เข้ากับบริบทของงานบริการ Information based , big data

สาธารณสุขในชุมชน 2.ปฏิบัติงาน ร่วมดำเนินกิจกรรม/
โครงการ การดำเนินงานสุขภาพจิต

ชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากร
ในชุมชนในระบบ service Plan

สาขาสุขภาพจิตและจิตเวช
3.นำเสนอโครงการ/รายงานผลการ

ดำเนินงาน/กิจกรรมส่งเสริม

สุขภาพจิตในชุมชน


การประเมินผลการฝึกปฏิบัติงาน ประเมินโดยใช้ Entrustable Professional Activities (EPA) ได้

กำหนด EPA ให้สอดคล้องกับที่คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวช
กรรม (อฝส.) สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน กำหนดไว้ในเกณฑ์หลักสูครการฝึกอบรมแพทย์

ประจำบ้านเพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนง

สุขภาพจิตชุมชน (มคว.1) ซึ่งประกอบไปด้วย
EPA 1 การส่งเสริมสุขภาพจิต(Universal prevention by promotion in mental health)

EPA 2 การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช (Selective prevention in mental problems

and mental disorders) ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อยในภาวะปกติ
ื้

EPA 3 การประเมิน วินิจฉัยและบำบัดฟนฟผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย (Indicated
prevention in common mental health problems and mental health disorders management)

EPA 4 การวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญ วางแผน ดำเนินการ จัดการปัญหาสุขภาพจิตที่พบบ่อยใน

ชุมชน (Mental health gap) ได้อย่างเหมาะสม


EPA 5 การให้การส่งเสริมพฒนาการเด็ก ส่งเสริมสุขภาพจิตและ ป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็ก และแม่
ตั้งครรภ์และหลังคลอด รวมทั้งประเมิน วินิจฉัยปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชที่พบบ่อย และจัดบริการเพอการดูแล
ื่
ช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ

EPA 6 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหาสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น รวมทั้งการประเมิน
วินิจฉัยปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชที่พบบ่อย และจัดบริการเพื่อการดูแลช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ

EPA 7 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในวัยทำงานทั้งในสถานประกอบการ

ื่
ื่
และบริบทอนนอกสถานประกอบการ รวมทั้งการประเมิน วินิจฉัยปัญหา และจัดบริการเพอการดูแลช่วยเหลือ
อย่างเป็นระบบ
EPA 8 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหาสุขภาพจิตผู้สูงอายุรวมทั้งการประเมิน วินิจฉัย
ปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชที่พบบ่อย และจัดบริการเพื่อการดูแลช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ

EPA 9 การประเมินและจัดการภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพจิตและจิตเวช และการดูแลเยียวยาด้านจิตใจใน

ภาวะวิกฤติ (Mental health crisis management) ทั้งจากภัยพิบัติธรรมชาติและจากน้ำมือมนุษย์(natural and
man-made disaster)

EPA 10 การสื่อสารและให้เกิดความรู้ ความเข้าใจด้านสุขภาพจิต (mental health literacy) และการ
ดำเนินการเพื่อลด stigma and discrimination

EPA 11 การให้บริการทางจิตสังคมทั้งต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน

EPA 12 การใช้เทคโนโลยีการดำเนินงานสุขภาพจิตในชุมชน
EPA 13 การบูรณาการงานสุขภาพจิตในระบบสาธารณสุข

EPA 14 การวางแผนและพฒนางานสุขภาพจิตชุมชนร่วมกับเครือข่าย

EPA 15 การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานการส่งเสริมสุขภาพจิต การป้องกันและจัดการปัญหา
สุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อยในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชนและประชาชน

รายละเอยด Entrustable Professional Activities (EPA) แสดงไว้ในภาคผนวกที่ 4 โดยแบ่งการปฏิบัติงาน

ตามชั้นปีดังนี้


ตารางการฝึกปฏิบัติงานหลักสูตรแพทยประจำบ้าน สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน


เดือน/สถานที่ กรมสุขภาพจิต สมาคมเวชศาสตร ์ รพ.ศรีธัญญา/ส. ส ราชานุกูล/ส. สถาบันกัลยาณ์ รพจ.ขอนแกนฯ/ ต่างประเทศ มหิดล/จุฬา

สำนักวิชาการ/ ป้องกันฯ/กรม จิตเวชศาสตร ์ สุขภาพจิตเด็กฯ/ ราชนครินทร ์ รพ.พระศรีฯ/รพ.

กบบส/กพส/ ควบคมโรค สมเด็จ รพ.ยุว สวนสราญรมย์/
กยส (สำนักระบาด เจ้าพระยา ประสาทฯ รพจ.สงขลาฯ/รพจ.
วิทยา) นครราชสีมาฯ
ชั้นปีที่ 1
กรกฎาคม  
สิงหาคม 
กันยายน 
ตุลาคม 
พฤศจิกายน 
ธันวาคม  
มกราคม 
กุมภาพันธ์  
มีนาคม  
เมษายน 
พฤษภาคม 
มิถุนายน  
ชั้นปีที่ 2
กรกฎาคม 
สิงหาคม 
กันยายน 
ตุลาคม 
พฤศจิกายน 
ธันวาคม 
มกราคม 
กุมภาพันธ์ 
มีนาคม 
เมษายน 
พฤษภาคม  

มิถนายน 
ชั้นปีที่ 3
กรกฎาคม-
มิถุนายน 

แผนการประเมินการเรียนรู้



กิจกรรม ผลลัพธ์ของการฝึกอบรม วิธีการประเมิน สัปดาห์ที่ประเมิน เกณฑ์ผ่าน


1 ด้านการส่งเสริมสุขภาพจิต (Universal prevention by promotion in mental health) ในภาวะ

ปกติ
1.1 สามารถรวบรวมข้อมูลและ - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้

สถานการณ์สุขภาพจิต ปฏิบัติงาน ใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

1.2 สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง
สุขภาพจิต และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4

เกี่ยวข้องในการส่งเสริมสุขภาพจิต ประเมิน EPA1,

1.3 สามารถวางแผน และดำเนินการ EPA6, EPA7,
ส่งเสริมสุขภาพจิต EPA8, EPA12,

1.4 สามารถกำกับ ติดตาม และ EPA13, EPA14,
ประเมินผลการส่งเสริมสุขภาพจิต และEPA15


1.5 สามารถปรับปรุง และพฒนาการ
ดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพจิต
2 ด้านการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช (Selective prevention in mental problem and

mental disorders)ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อยในภาวะปกติ

2.1 สามารถค้นหา ประเมิน ปัญหา - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้
สุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย ปฏิบัติงาน ใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

2.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับ สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง
ความสำคัญของปัญหา ปัญหาสุขภาพจิต - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4

และโรคจิตเวชที่พบบ่อย ประเมิน EPA2,

2.3 สามารถวางแผน ดำเนินการป้องกัน EPA4, EPA5,
และจัดการ ปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิต EPA6, EPA7,

เวชที่พบบ่อย และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ EPA8, EPA11,

เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม EPA12, EPA13,
2.4 สามารถให้บริการจิตสังคมแก่บุคคล EPA14,และEPA15

ครอบครัวและชุมชน ที่มีปัญหาสุขภาพจิต

และโรคจิตเวชที่พบบ่อย
2.4.1 สามารถให้บริการดูแลจิตใจ

ประคับประคองจิตใจ ให้คำปรึกษาแนะนำ
แก่ผู้ป่วยและญาติ ทั้งแบบรายบุคคลและ

กิจกรรม ผลลัพธ์ของการฝึกอบรม วิธีการประเมิน สัปดาห์ที่ประเมิน เกณฑ์ผ่าน


แบบกลุ่ม
2.4.2 สามารถให้คำแนะนำเทคนิคการ

ปรับพฤติกรรม การจัดการกบ

ื่
ความเครียด การลดพฤติกรรมเสี่ยงเพอ
การมีสุขภาพจิตที่ดี

2.4.3 สามารถให้คำแนะนำแก่ภาคี
เครือข่ายในการดำเนินงานการให้บริการ

ทางจิตสังคม
2.4.4 สามารถติดตาม ประเมินผลการ

ดำเนินงานการให้บริการทางจิตสังคมทั้งต่อ

บุคคล ครอบครัว ชุมชน
3 ด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟู (Indicated prevention in patient care and rehabitation

service) ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบอย ในภาวะปกติ

3.1 สามารถตรวจวินิจฉัยปัญหาสุขภาพจิต - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้
และโรคจิตเวชที่พบบ่อย ปฏิบัติงาน ใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

3.2 สามารถวางแผนการบำบัดรักษาและ สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง

ฟื้นฟูผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่ - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4
พบบ่อย และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ประเมิน EPA3,

ได้อย่างเหมาะสม EPA6, EPA7, EPA8
3.3 สามารถให้บริการจิตสังคมแก่ผู้ป่วยจิต

เวช และญาติ

4 การประเมินและจัดการภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพจิตและจิตเวช และการดูแลเยียวยาด้านจิตใจในภาวะ

วิกฤติ (Mental health crisis management) ทั้งจากภัยพิบัติธรรมชาติและจากน้ำมือมนุษย(natural
and man-made disaster)

4.1 สามารถดำเนินการส่งเสริมสุขภาพจิต - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้
ในภาวะวิกฤต ปฏิบัติงาน ใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

4.2 สามารถดำเนินการป้องกันปัญหา สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง
สุขภาพจิตและโรคจิตเวช ผู้มีปัญหา - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4

สุขภาพจิตและโรคจิตเวชในภาวะวิกฤต ประเมิน EPA9


4.3 สามารถให้การบำบัดรักษาและฟื้นฟ ผู้
มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบ

บ่อย ในภาวะวิกฤต

กิจกรรม ผลลัพธ์ของการฝึกอบรม วิธีการประเมิน สัปดาห์ที่ประเมิน เกณฑ์ผ่าน



5 การให้การส่งเสริมพฒนาการเด็ก ส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็ก และแม่ตั้งครรภ์
และหลังคลอด รวมทั้งประเมิน วินิจฉัยปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชทพบบอย และจัดบริการเพื่อการดูแล

ี่
ช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ

5.1 มีทักษะในการค้นหา ประเมินภาวะ - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้
ปัญหาพัฒนาการเด็ก ปฏิบัติงานใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

5.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับ สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง

ความสำคัญของความสำคัญของปัญหา - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4
พัฒนาการเด็ก ประเมิน EPA5,

5.3 มีทักษะวางแผน ดำเนินการป้องกัน EPA13, EPA14,

จัดการปัญหาและการส่งเสริมพัฒนาการ และ EPA15
เด็ก และให้คำแนะนำปรึกษาแก่ภาคี

เครือข่ายในการพัฒนางาน

5.4 มีทักษะติดตาม ประเมินผลการ
ดำเนินงานการส่งเสริม การป้องกันและ

จัดการปัญหาพัฒนาการเด็ก
6 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหาสุขภาพจิตเด็กและวยรุ่น รวมทั้งการประเมิน วินิจฉัย

ปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชที่พบบ่อย และจัดบริการเพื่อการดูแลช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ

6.1 มีทักษะในการค้นหา ประเมินภาวะ - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้
ปัญหาสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ปฏิบัติงานใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

6.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับ สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง

ความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิตเด็กและ - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4
วัยรุ่น ประเมิน EPA6,

6.3 มีทักษะวางแผน ดำเนินการป้องกัน EPA13, EPA14,
จัดการปัญหาสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นและ และ EPA15

ให้คำแนะนำปรึกษาแก่ภาคีเครือข่ายใน

การพัฒนางาน
6.4 มีทักษะติดตาม ประเมินผลการ

ดำเนินงานการส่งเสริม การป้องกันและ

จัดการปัญหาสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น
7 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในวัยทำงานทั้งในสถานประกอบการและ

บริบทอื่นนอกสถานประกอบการ รวมทั้งการประเมิน วินิจฉัยปัญหา และจัดบริการเพื่อการดูแลช่วยเหลือ
อย่างเป็นระบบ

กิจกรรม ผลลัพธ์ของการฝึกอบรม วิธีการประเมิน สัปดาห์ที่ประเมิน เกณฑ์ผ่าน


7.1 มีทักษะในการค้นหา ประเมินภาวะ - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้
ปัญหาสุขภาพจิตวัยทำงาน ปฏิบัติงานใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

7.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับ สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง

ความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิตวัยทำงาน - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4
7.3 มีทักษะวางแผน ดำเนินการป้องกัน ประเมิน EPA7,

จัดการปัญหาสุขภาพจิตวัยทำงานและให้ EPA13, EPA14,

คำแนะนำปรึกษาแก่ภาคีเครือข่ายในการ และ EPA15
พัฒนางาน

7.4 มีทักษะติดตาม ประเมินผลการ

ดำเนินงานการส่งเสริม การป้องกันและ
จัดการปัญหาสุขภาพจิตวัยทำงาน

8 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหาสุขภาพจิตผู้สูงอายุรวมทั้งการประเมิน วินิจฉัยปัญหา

สุขภาพจิตและจิตเวชที่พบบ่อย และจัดบริการเพื่อการดูแลช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ
8.1 มีทักษะในการค้นหา ประเมินภาวะ - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้

ปัญหาสุขภาพจิตวัยอายุ ปฏิบัติงานใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2
8.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับ สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง

ความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิตวัยสูงอายุ - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4

8.3 มีทักษะวางแผน ดำเนินการป้องกัน ประเมิน EPA8,
จัดการปัญหาสุขภาพจิตวัยสูงอายุและให้ EPA13, EPA14,

คำแนะนำปรึกษาแก่ภาคีเครือข่ายใน และ EPA15
การพัฒนางาน

8.4 มีทักษะติดตาม ประเมินผลการ

ดำเนินงานการส่งเสริม การป้องกันและ
จัดการปัญหาสุขภาพจิตสูงวัยอายุ

9 การสื่อสารและให้เกิดความรู้ ความเข้าใจด้านสุขภาพจิต และการดำเนินการเพื่อลด stigma and
discrimination

9.1 มีทักษะปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารกับ - การสังเกตการ ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้
ผู้ร่วมปฏิบัติงาน ผู้ป่วย ครอบครัว ปฏิบัติงานใน ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

ชุมชนและสังคม สถานการณ์จริง ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง

9.2 มีทักษะการเป็นผู้นำและทักษะการ - ประเมินตามแบบ ได้ระดับ 3-4
ทำงานเป็นทีมร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ประเมิน EPA10,

บุคลากรสุขภาพในชุมชน EPA13, EPA14,

กิจกรรม ผลลัพธ์ของการฝึกอบรม วิธีการประเมิน สัปดาห์ที่ประเมิน เกณฑ์ผ่าน


9.3 มีแนวทางและทักษะในการเผยแพร่ และ EPA15
สื่อสาร ให้ข้อมูลงานสุขภาพจิตชุมชนตาม

กลุ่มเป้าหมาย เช่น บุคลากรทางการแพทย์

และการสาธารณสุข เครือข่าย องค์กรและ
หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

9.4 สามารถวิเคราะห์ ช่องทาง โอกาสและ

แนวทางที่เหมาะสมในการสื่อสาร
ให้ข้อมูลงานสุขภาพจิตชุมชนได้อย่าง

ถูกต้อง มีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผล

กระทบทางลบต่อผู้เกี่ยวข้อง
9.5 มีทักษะการให้การปรึกษา และการให้

คำแนะนำบุคลากรสุขภาพ แพทย์เวช

ปฏิบัติ ภาคีเครือข่ายด้านสาธารณสุขใน
ชุมชนและสังคม ในประเด็นต่างๆ เช่น

ด้านเวชศาสตร์ป้องกัน สุขภาพจิตชุมชน
ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

10 การบูรณาการงานสุขภาพจิตในระบบสาธารณสุข

10.1 มีประสบการณ์เรียนรู้การบริหาร -การประเมินโดย ปี1 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี1 EPA ต้องได้
จัดการเชิงระบบในงานสุขภาพจิตชุมชนที่ อาจารย์พี่เลี้ยงที่ ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ระดับ 1-2

เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพทั้งในระดับพื้นที่ ดูแลการฝึกปฏิบัติ ปี3 สัปดาห์ที่ 1 -52 ปี2-3 EPA ต้อง
ระดับเขตสุขภาพ ระดับชาติ และระดับ หน่วยงานในชุมชน ได้ระดับ 3-4

นานาชาติ - ประเมินตามแบบ

10.2 มีประสบการณ์เรียนรู้การบริหาร ประเมิน EPA13,
จัดการเชิงระบบในงานสุขภาพจิตชุมชนที่ EPA14, และ

เกี่ยวข้องกับนอกระบบสุขภาพที่รวมถึง EPA15

ภาคีเครือข่าย องค์กรและหน่วยงานทั้ง
ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

10.3 มีทักษะในการใช้ทรัพยากรทั้งของ

หน่วยงาน ชุมชนได้อย่างเหมาะสม และ
สามารถบูรณาการงานสุขภาพจิตชุมชนให้

เข้ากับบริบทของงานบริการสาธารณสุขใน
ชุมชน

ี่
กิจกรรม ผลลัพธ์ของการฝึกอบรม วิธีการประเมิน สัปดาห์ทประเมิน เกณฑ์ผ่าน


10.4 สามารถประเมินสถานการณ์ปัญหา
สุขภาพจิตและโอกาสการพัฒนา ในการ

ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย องค์กร ทั้ง

ภาครัฐและเอกชน โดยสอดคล้องกับวิถี
ชีวิตของชุมชน

10.5 สามารถวางแผนและพฒนางาน

สุขภาพจิตชุมชนร่วมกับภาคีเครือข่าย
การวางแผนและพัฒนางานสุขภาพจิต

ชุมชนร่วมกบเครือข่าย
10.6 การติดตาม ประเมินผลการ

ดำเนินงานการส่งเสริม การป้องกันและ

จัดการปัญหาสุขภาพจิต
10.7 สามารถนำผลการประเมินใช้เป็น

แนวทางในการพัฒนางานต่อไปและการให้
คำแนะนำแก่ภาคีเครือข่ายในการ
ดำเนินงาน
11 การดำเนินการศึกษาค้นคว้าวิจัยในงานสุขภาพจิตในชุมชน

11.1 สามารถศึกษา ค้นคว้า วิจัยงาน -การประเมินโดย ปี2 สัปดาห์ที่ 1 -52 ผลงานวิจัยผ่าน

สุขภาพจิตชุมชน ตามมาตรฐานการวิจัย อาจารย์ที่ปรึกษา การประเมิน
ทางการแพทย์และการสาธารณสุข และคณะกรรมการ รับรองจาก

11.2 สามารถวิเคราะห์ปัญหาและค้นหา - ประเมินตามแบบ คณะกรรมการ

ปัญหาสุขภาพจิตในชุมชน (research ประเมิน EPA13, และได้คะแนน
question) ด้วยกระบวนการศึกษาวิจัย EPA14, และ เฉลี่ยผลการ

11.3 สามารถนำเสนอโครงร่างการวิจัย EPA15 ประเมิน
และผ่านการประเมินจากอาจารย์ที่ปรึกษา มากกว่าร้อยละ

และคณะกรรมการ 60

11.4 สามารถดำเนินการวิจัยทางการ
แพทย์และสาธารณสุขจนแล้วเสร็จได้

4.2 เนื้อหาของการฝึกอบรม/หลักสูตร
มีเนื้อหาของการฝึกอบรมและหลักสูตร ครอบคลุมในด้านต่าง ๆ ดังนี้




4.2.1 ความรู้พื้นฐานด้านเวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป
1) ครอบคลุมความรู้พื้นฐานและหลักการของเวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป (Fundamental and

principle of preventive medicine)

2) ความรู้พื้นฐานของเวชศาสตร์ป้องกันเฉพาะแขนงทั่วไป (Fundamental of special
branch in preventive medicine)

รายละเอียดดังภาคผนวกที่ 2


4.2.2 ความรู้เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน รายละเอียดเนื้อหาโดยสังเขปดังนี้


1) Foundation of community mental health

2) Mental health promotion

3) Preventing of mental health problems and mental disorders
4) Common mental disorders

5) Common mental health problems

6) Maternal mental health, child development and developmental disorders
7) Mental health and mental problems in school age children and adolescence

8) Mental health and mental problems in working age
9) Mental health and mental problems in elderly

10) Suicide prevention
11) Drug and alcohol use prevention

12) Mental health literacy

13) Stigma and discrimination
14) Ethics and mental health laws

15) Psychosocial intervention in the community

16) Mental health information system
17) Mental health research

18) Community mental health policy and strategies

19) Leadership, network and community management
20) Lesson learn of national programs of community mental health


รายละเอียดดังภาคผนวกที่ 2

4.2.3 ทักษะ/เจตคติของวิชาชีพและความรู้ด้านบูรณาการ แพทย์ประจำบ้านทุกชั้นปีต้องเรียนรู้

ดังต่อไปนี้


1) ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and communication skills)

ก. มีทักษะปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารกับผู้ร่วมปฏิบัติงาน ผู้ป่วย ครอบครัว ชุมชนและสังคม
ข. มีทักษะการเป็นผู้นำและการทำงานเป็นทีมร่วมกับทีมสหวิชาชีพ บุคลากรสุขภาพในชุมชน

ค. มีแนวทางและทักษะในการเผยแพร่ สื่อสาร ให้ข้อมูลงานสุขภาพจิตชุมชนตาม

กลุ่มเป้าหมาย เช่น บุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข เครือข่าย องค์กรและ
หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ง. สามารถวิเคราะห์ ช่องทาง โอกาสและแนวทางที่เหมาะสมในการสื่อสาร ให้ข้อมูลงาน

สุขภาพจิตชุมชนได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อผู้เกี่ยวข้อง
จ. มีทักษะการให้การปรึกษา และการให้คำแนะนำบุคลากรสุขภาพ แพทย์เวชปฏิบัติ ภาคี

เครือข่ายด้านสาธารณสุขในชุมชนและสังคม ในประเด็นต่างๆ เช่น ด้านเวชศาสตร์ป้องกัน

สุขภาพจิตชุมชน ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


2) ทักษะความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)
ก. มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย และ คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

ี่
ข. มีจิตสำนึกและเจตคติทดี และมองเห็นโอกาสการพัฒนางานในการปฏิบัติงานด้าน
สุขภาพจิตชุมชน

ค. มีความรู้ด้านจริยธรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข และสิทธิผู้ป่วย รวมถงกฎหมาย
สุขภาพจิต
ง. มีความสนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่อง ตลอดชีวิต



3) การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based practice)
ก. มีประสบการณ์เรียนรู้การบริหารจัดการเชิงระบบในงานสุขภาพจิตชุมชนที่เกี่ยวข้องกับระบบ

สุขภาพทั้งในระดับพื้นที่ ระดับเขตสุขภาพ ระดับชาติ และระดับนานาชาติ

ข. มีประสบการณ์เรียนรู้การบริหารจัดการเชิงระบบในงานสุขภาพจิตชุมชนที่เกี่ยวข้องกับนอก
ระบบสุขภาพที่รวมถึงภาคีเครือข่าย องค์กรและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ค. มีทักษะในการใช้ทรัพยากรทั้งของหน่วยงาน ชุมชนได้อย่างเหมาะสม และสามารถบูรณาการ

งานสุขภาพจิตชุมชนให้เข้ากับบริบทของงานบริการสาธารณสุขในชุมชน

4) การพัฒนาตนเองและการเรียนรู้จากการปฏิบัติ(Practice-based learning and

improvement)

ก. มีประสบการณ์และสามารถทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน โดย
สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชน

ข. สามารถสอนนักศกษา บุคลากรทางการแพทย์ และแพทย์ประจำบ้านรุ่นหลังได้

ค. สามารถถอดบทเรียนและจัดการความรู้ ที่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานตลอดหลักสูตร
ง. สามารถศึกษา ค้นคว้า วิจัยงานสุขภาพจิตชุมชน ตามมาตรฐานการวิจัยทางการแพทย์และ

การสาธารณสุข

4.2.4 การทำงานวิจัย


แพทย์ประจำบ้านต้องทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแขนงสุขภาพจิตชุมชน ได้แก่ งานวิจัยแบบ
Retrospective, prospective หรือ cross sectional อย่างน้อย 1 เรื่อง หรือทำ systematic review

หรือ meta-analysis 1 เรื่อง โดยเป็นผู้วิจัยหลัก และมีกรอบระยะเวลาดำเนินการภายใน 2 ปีระหว่าง

การฝึกอบรม
คุณลักษณะของงานวิจัย


1) เป็นผลงานที่ริเริ่มใหม่ หรือเป็นงานวิจัยที่ใช้แนวคิดที่มีการศึกษามากอนทั้งในและ
ต่างประเทศ แต่ศกษาเพมเติมเพอให้ดีขึ้น หรือเข้ากับในบริบทของชุมชนหรือประเทศ
ื่
ิ่

2) แพทย์ประจำบ้านทุกคน ควรผ่านการอบรมด้านจริยธรรมการวิจัยในคน งานวิจัยในคนทุก

เรื่องตองได้รับการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน และไม่คดลอกผลงาน

จากผู้อื่น (Plagiarism)

3) งานวิจัยทุกเรื่อง ต้องทำตามระเบียบวิจัยที่ถูกต้องและเหมาะสมกับคำถามการวิจัย

4) ควรใช้ภาษาอังกฤษในการนำเสนอผลงานวิจัยโดยเฉพาะในบทคัดย่อ



ขั้นตอนการดำเนินการวิจัย

1) ทบทวนวรรณกรรม และเตรียมคำถามการวิจัย ปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษา

2) จัดทำโครงร่างงานวิจัย

3) สอบโครงร่างการวิจัย

4) ขอรับการรับรองการดำเนินงานวิจัยจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน

5) เริ่มเก็บขอมูล เสนอความคืบหน้างานวิจัยต่ออาจารย์ที่ปรึกษาเป็นระยะ

6) วิเคราะห์ข้อมูล อภิปรายและจัดทำรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ ภายใต้การดูแลของคณะ

อาจารย์ที่ปรึกษา

7) สอบป้องกันงานวิจัย

8) ส่งรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ต่อสถาบัน


9) ตีพิมพ์หรือนำเสนอผลงานในการประชุมวิชาการ ในกรณีทต้องการเสนอพิจารณาเพื่อเทียบ
ี่


วุฒิการศึกษาปริญญาเอก ต้องทำตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานการอดมศกษาแห่งชาติ
รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ ต้องประกอบด้วยหัวข้อหลักดังนี้
1) บทคัดย่อ

2) ความเป็นมาของการวิจัย
3) จุดประสงค์ของการวิจัย

4) ระเบียบวิธีการวิจัย

5) ผลการวิจัย
6) การวิจารณ์ผลการวิจัย

7) เอกสารอ้างอง



4.3 จำนวนปีของการฝึกอบรม 3 ปี

โดยแพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 3 เข้ารับการศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิตหรือเทียบเท่า

4.4 การบริหารจัดการฝึกอบรม

ในการจัดฝึกอบรมทางสถาบันใช้กลยุทธการสอนหลากหลายรูปแบบ โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

ประกอบด้วยกิจกรรมการศึกษา ดังนี้
4.4.1 ความรู้เกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์ป้องกัน สุขภาพจิตชุมชน ทั้งในภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ในกิจกรรม

ดังต่อไปนี้

1) การบรรยาย/การบรรยายพิเศษ (Lecture or special lecture)
2) การหมุนเวียนฝึกปฏิบัติงานในหน่วยงานเฉพาะทางด้านต่างๆ

3) การฝึกปฏิบัติงาน (Practice)
4) การศกษาดูงาน (Site visit) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

5) การร่วมดำเนินโครงการ / กิจกรรมการดำเนินงานในชุมชน
6) การดำเนินงานวิจัย

7) การสัมมนา (Seminar)


8) การเขาร่วมประชุมวิชาการประจำปี (Annual academic meeting)
9) การเรียนรู้ผ่านกรณีตัวอย่างสถานการณ์จำลองในชั้นเรียน (Interesting case)

10) กิจกรรมวารสารสโมสร (Journal club& Book club)

รายละเอียดเป็นไปตามลักษณะของรายวิชา ตลอดจนความเหมาสมและความสอดคล้องกับเนื้อหาสาระ
ของรายวิชานั้นๆ

4.4.2 ด้านทักษะที่เกี่ยวข้องกบงานเวชศาสตร์ป้องกัน สุขภาพจิตชุมชน ในกิจกรรมโครงการพัฒนางาน

สุขภาพจิตชุมชน และการบูรณาการงานสุขภาพจิตชุมชน ร่วมกับภาคีเครือข่าย และองค์กรภาครัฐและเอกชน

เพื่อให้เรียนรู้การฝึกทักษะดังต่อไปนี้
1) ฝึกทักษะการสื่อสาร การให้ข้อมูลข่าวสารระหว่างบุคคล ครอบครัว ชุมชน และบุคลากร

ด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง

2) ฝึกทักษะการเลือกการเรียนรู้และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการปฏิบัติงานภายใต้
สถานการณ์จริง การนำเสนอข้อมูลได้อย่างเหมาะสม

3) ฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม การแสดงภาวะความเป็นผู้นำ การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์

ต่างๆได้อย่างเหมาะสม
4) ฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องกับวิเคราะห์ปัญหาสุขภาพจิต การประเมินภาวะสุขภาพจิต การป้องกัน

ปัญหาสุขภาพจิต การส่งเสริมสุขภาพจิตทั้งในระดับหน่วยงาน องค์กร ครอบครัว ชุมชนและ
ประชาชน

5) ฝึกทักษะในการให้การปรึกษา การเสนอข้อแนะนำเกี่ยวกับงานด้านสุขภาพจิตชุมชนกับ

บุคลากรที่เกี่ยวข้อง


4.4.3 ด้านการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับงานสุขภาพจิตชุมชน ในกิจกรรมต่อไปนี้
1) การจัดทำข้อเสนอโครงร่างงานวิจัย การออกแบบงานวิจัย การเลือก/สร้างเครื่องมือ

การเก็บรวบรวมขอมูล การดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการใช้สถิติที่เหมาะสม

2) การดำเนินงานวิจัยตามข้อกำหนด โดยได้รับความเห็นชอบจากอาจารย์ที่ปรึกษา และ
คณะกรรมการ




4.4.4 กรมสุขภาพจิตจัดให้มีกจกรรมวิชาการสม่ำเสมอ ได้แก่
1) Journal club & Book club ไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง/เดือน

2) Interesting case ไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง/เดือน
3) การบรรยายทางวิชาการ อย่างน้อย 1 ครั้ง/เดือน

4) การประชุมวิชาการนานาชาติ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

5) สนับสนุนให้แพทย์ประจำบ้านผู้เข้ารับการฝึกอบรมไปร่วมประชุมนอกสถานที่ตามโอกาสอัน
ควร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารหลักสูตร คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและ

สอบฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกน แขนงสุขภาพจิตชุมชน



ื่
เพอให้การควบคุมดูแลคุณภาพและมาตรฐานการฝึกอบรมเป็นไปตามที่กำหนด กรมสุขภาพจิต จึงได้มี
คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ 2 คณะ ดังนี้
1) คณะกรรมการบริหารหลักสูตร ซึ่งมีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการจัดการฝึกอบรม การ


บริหารงานในหลักสูตร การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การประเมินผลการฝึกอบรม การพจารณา


เลื่อนชั้นปีตามเกณฑมาตรฐานที่กำหนด โดยแต่ละขั้นตอนของการบริหารการฝึกอบรมกำหนดให้ผู้มีส่วนได้ส่วน
เสียมีส่วนร่วมในการวางแผนการฝึกอบรม การติดตามและประเมินผล ประธานคณะกรรมการและผู้บริหาร


สถาบันฝึกอบรมฯ ต้องมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานด้านเวชศาสตร์ป้องกน สุขภาพจิตชุมชน มาแล้วไม่น้อย
กว่า 5 ปี มีรายชื่อคณะกรรมการดังนี้

1. นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

2. นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา
3. นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา

4. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา

5. นายแพทย์สมัย ศิริทองถาวร รองกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา
6. นายแพทย์บุญชัย นวมงคลวัฒนา ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

7. นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา
8. แพทย์หญิงพันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต ประธานคณะกรรมการ

9. ผู้อำนวยการสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรรมการ
10. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา กรรมการ

11. ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรรมการ

12. ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรรมการ
13. ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น กรรมการ

14. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ กรรมการ

15. ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรรมการ
16. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง กรรมการ

17. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ กรรมการ

18. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรรมการ
19. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ กรรมการ

20. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ กรรมการ
21. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ กรรมการ

22. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 1 กรรมการ

23. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 7 กรรมการ
24. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 9 กรรมการ

25. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 10 กรรมการ
26. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 11 กรรมการ

27. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 12 กรรมการ

28. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 13 กรรมการ
29. ดร.พญ.เบ็ญจมาส พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรรมการ

30. นายแพทย์บุรินทร์ สุรอรุณสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กรรมการ

31. นายแพทย์เทอดศักดิ์ เดชคง ผู้อำนวยการสำนักงานวิเทศสัมพันธ์ กรรมการ

32. นายแพทย์วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต กรรมการ
33. แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต กรรมการและเลขานุการ

34. นายแพทย์ศูภเสก วิโรจนาภา นายแพทย์ปฏิบัติการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

35. ดร.โสฬวรรณ อินทสิทธิ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
36. นางวรวรรณ จุฑา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

37. นางสุภาวดี นวลมณี นักจิตวิทยาคลินิก กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ


2) คณะกรรมการพฒนาหลักสูตร ซึ่งมีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินการร่างและพฒนาหลักสูตร


ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ ให้เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พนธกิจ และยุทธศาสตร์ กระทรวง

สาธาณสุขและกรมสุขภาพจิต วางแผนการฝึกอบรม และร่วมประเมินประสิทธิผลหลักสูตร เพอให้สอดคล้องตาม
ื่
เกณฑ์หลักสูตรฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน (มคว.1) ที่

คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน (อฝส.) กำหนด มีรายชื่อ
คณะกรรมการดังนี้


1. นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

2. นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

3. นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา

4. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา

5. นายแพทย์สมัย ศิริทองถาวร รองกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

6. นายแพทย์บุญชัย นวมงคลวัฒนา ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา
7. นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

8. แพทย์หญิงพันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต ประธานคณะกรรมการ
9. ดร.พญ.เบ็ญจมาส พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรรมการ

10.นายแพทย์บุรินทร์ สุรอรุณสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กรรมการ

11.แพทย์หญิงดุษฏี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น กรรมการ
12.ดร.นพ.นพพร ตันติรังสี ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 12 กรรมการ

13. นายแพทย์พนา ไวยคณี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
โรงพยาบาลศรีธัญญา กรรมการ

14. นายแพทย์พงศกร เล็งดี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรรมการ
15.แพทย์หญิงอนัญญา สินรัชตานันท์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ กรรมการ

16. แพทย์หญิงกนกวรรณ กิตติวัฒนากูล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรรมการ

17. นายแพทย์ศักรินทร์ แก้วเฮ้า นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรรมการ

18. แพทย์หญิงวิรีย์อร จูมพระบุตร นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ กรรมการ
19. แพทย์หญิงอัญชลี ศิริเทพทวี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ กรรมการ

20. แพทย์หญิงกิตติวรรณ เทียมแก้ว นายแพทย์เชี่ยวชาญ
โรงพยาบาลสวนปรุง กรรมการ

21. แพทย์หญิงแพรว ไตลังคะ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรรมการ

22. แพทย์หญิงสรสพร จูวงษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ กรรมการ
23. นายแพทย์การัตน์ วงศ์ปราการ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลสวนปรุง กรรมการ
24. นายแพทย์พูนพัฒน์ กมลวุฒิพงศ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรรมการ

25. แพทย์หญิงกมลชนก มนตะเสวี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรรมการ

26. แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต กรรมการและเลขานุการ

27. นายแพทย์ศุภเสก วิโรจนาภา นายแพทย์ปฏิบัติการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
28. ดร.โสฬวรรณ อินทสิทธิ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

29. นางวรวรรณ จุฑา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
30. นางสุภาวดี นวลมณี นักจิตวิทยาคลินิก กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

สำเนาคำสั่งแต่งตั้งทั้ง 2 คณะ อยู่ในภาคผนวกที่ 1

4.5 สภาพการปฏิบัติงาน
กรมสุขภาพจิต จัดสภาพการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานดังต่อไปนี้

4.5.1 แพทย์ประจำบ้านต้องปฏิบัติงานด้านการตรวจรักษาผู้ป่วยปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชที่พบบ่อย
ในโรงพยาบาลจิตเวช

4.5.2 แพทย์ประจำบ้านต้องเข้าร่วมกิจกรรมวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ

4.5.3 ระบุกฎเกณฑ์และเงื่อนไขงานบริการและความรับผิดชอบของแพทย์ประจำบ้าน และประกาศ
ให้ทราบชัดเจนในรายละเอียดที่กำหนด

ี่
4.5.4 มีการกำหนดการฝึกอบรมทดแทนในกรณีทแพทย์ประจำบ้านมีการลาพัก เช่น การลาคลอดบุตร

การเจ็บป่วย การเกณฑ์ทหาร การถูกเรียกฝึกกำลังสำรอง การศึกษาดูงานนอกแผนการฝึกอบรม/หลักสูตร เป็นต้น

4.5.5 จัดมีค่าตอบแทนแพทย์ประจำบ้านอย่างเหมาะสมกับตำแหน่งและงานที่ได้รับมอบหมาย

4.5.6 สถาบันกำหนดให้ชั่วโมงการทำงานของแพทย์ประจำบ้านนอกเวลาราชการไม่เกิน 40 ชั่วโมง/
สัปดาห์ (อ้างอิงตามประกาศแพทยสภา)

4.5.7 แพทย์ประจำบ้านแต่ละคนจะมีอาจารย์ที่ปรึกษา 2 ท่าน ได้แก่ อาจารย์ที่ปรึกษาทั่วไป มีหน้าที่

ติดตามและประเมินกระบวนการฝึกอบรม การเข้าร่วมกิจกรรม การติดตาม log book หรือ portfolio และดูแล
เรื่องความเป็นอยู่ขณะฝึกอบรม อาจารย์ท่านที่สองเป็นอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย มีหน้าที่ติดตามและประเมิน

ความก้าวหน้าในการทำงานวิจัยของแพทย์ประจำบ้าน

4.5.8 สถาบันกำหนดให้มีการศึกษาดูงานในและต่างประเทศ
4.5.9 สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่กรมสุขภาพจิตจัดเตรียมให้แพทย์ประจำบ้าน มีดังนี้

• คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์

• ห้องสมุดกรมสุขภาพจิต


• ห้องพกแพทย์ประจำบ้าน ที่สถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ และที่โรงพยาบาลจิต
เวช


4.6 การวัดและประเมินผล
มีการแจ้งกระบวนการการวัดและประเมินผลให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับทราบ โดยสามารถขอตรวจสอบ

และอุทธรณ์ได้เมื่อต้องการ การวัดและประเมินผลผู้เข้ารับการฝึกอบรม ประกอบด้วย


4.6.1 การวัดและประเมินผลระหว่างการฝึกอบรมและการเลื่อนชั้นปี

1) การประเมินระหว่างการฝึกอบรม
จัดกระบวนการประเมินผู้เข้ารับการฝึกอบรมระหว่างการฝึกอบรม ครอบคลุมทั้งด้านความรู้ ทักษะ เจต

คติ และกิจกรรมทางการแพทย์และการสาธารณสุข ในมิติต่างๆ ดังนี้


มติที่ 1 ประเมินสมรรถนะ EPA ตามเป้าประสงค์หลักในแต่ละระดับของการฝึกอบรมตาม
เกณฑ์milestone ที่คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ กำหนด (ภาคผนวกที่ 4)

มิติที่ 2 การรายงานผลการสอบจัดโดยสถาบัน (ผ่าน/ไม่ผ่าน)
มิติที่ 3 การรายงานประสบการณ์เรียนรู้ (portfolio)

มิติที่ 4 การจัดทำโครงร่างงานวิจัยและการรายงานผลงานวิจัย

มิติที่ 5 การร่วมกิจกรรมการประชุมวิชาการทางเวชศาสตร์ป้องกัน สุขภาพจิตชุมชน
สุขภาพจิตและจิตเวช การรายงานประสบการณ์เรียนรู้จาก การนัดหมายเข้าพบอาจารย์

ที่ปรึกษาหรืออาจารย์ที่รับผิดชอบในสถาบัน

มิติที่ 6 การประเมินสมรรถนะด้าน Professionalism และ Interpersonal and

communication skills โดยอาจารย์และผู้ร่วมงาน

2) การบันทึกข้อมูลผลการประเมินผู้เข้ารับการฝึกอบรม



สถาบันฝึกอบรมทำการบันทึกข้อมูล (E-folio) ผลการประเมินผู้เข้ารับการฝึกอบรมในมิติที่ 1-6 เป็น
รายบุคคล โดยมีการระบุเกณฑ์การผ่านการสอบที่ชัดเจน รวมถึงจำนวนครั้งที่อนุญาตให้สอบแก้ตัว เมื่อสิ้นสุดการ

อบรมในแต่ละช่วงและแต่ละชั้นปี และรายงานผลไปยังคณะกรรมการฝึกอบรมและสอบ(อฝส.) ตามระยะเวลาที่

กำหนด โดยผลการประเมินดังกล่าวจะนำไปใช้ในกรณีเลื่อนชั้นปี และพิจารณาคณสมบัติผู้เข้าสอบเพื่อวุฒิบัตรฯ
ื่
การประเมินระหว่างการฝึกอบรมมีการแจ้งผลให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมรับทราบ เพอช่วยให้เกิดการพัฒนา
ตนเองในสมรรถนะหลักด้านต่างๆ ของผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้สมบูรณ์ขึ้น
4.6.2 เกณฑ์การเลื่อนชั้นปี

1) ปฏิบัติงานได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของกิจกรรมและระยะเวลาที่กำหนด

2) ผ่านการประเมินตามมิติต่างๆ ตามเกณฑ์ที่กำหนดในหลักสูตร และได้คะแนนในแบบประเมิน
ภาพรวมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60

3) ผ่านเกณฑ์การประเมิน EPA ตามภาคผนวกที่ 4

4) ปฏิบัติงานได้สอดคล้องตามข้อกำหนดของสถาบันฝึกอบรมไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบัน
ฝึกอบรม


4.6.3 แนวทางการดำเนินการกรณีไม่ผ่านการประเมินเพื่อเลื่อนชั้นปี

ิ่
1) ต้องปฏิบัติงานเพมเติมในส่วนที่สถาบันกำหนด แล้วทำการประเมินซ้ำ ถ้าผ่านการประเมินจึง
สามารถเลื่อนชั้นปีได้
2) ถ้าไม่ผ่านการประเมินเพอเลื่อนชั้นปีในข้อที่ 1 หรือไม่ผ่านการประเมินเพื่อรับการเสนอชื่อเข้า
ื่
สอบวุฒิบัตร ต้องปฏิบัติงานในระยะชั้นปีเดิมอีก 1 ปี
3) หลังจากปฏิบัติงานซ้ำในชั้นปีเดิมอีก 1 ปี แล้วยังไม่ผ่านการประเมินเพื่อเลื่อนชั้นปี ให้ยุติการ

ฝึกอบรม

ื่
ทั้งนี้สถาบันจะส่งผลการประเมินแพทย์ประจำบ้าน ภายในวันที่ 30 มิถุนายนของทุกปี เพอเสนอที่
ประชุมคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทยและแพทยสภาตามลำดับ



4.6.4 การวัดและประเมินผลเพื่อวฒิบัตรฯ
ผู้ที่จะขอรับการประเมินความรู้ความสามารถ เพื่อวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบ

วิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชนต้องมีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์
ดังนี้

1) ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน ครบตามเกณฑ์มาตรฐานของหลักสูตรที่คณะอนุกรรมการ

ฝึกอบรมและสอบ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน สมาคมเวชศาสตร์ป้องกนแห่งประเทศไทยและ

แพทยสภาให้การรับรอง

2) ผ่านการประเมินความรู้ ทักษะ เจตคติ ตลอดการฝึกอบรมครบตามหลักสูตรตลอดระยะเวลา 3 ปี
3) ส่งงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ที่ใช้ประกอบการสำเร็จการศึกษาผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานของหลักสูตร

ื่
4) สอบผ่านหนังสือเพอวุฒิบัตรความรู้ความชำนาญการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกน

แขนงสุขภาพจิตชุมชน ครบตามองค์ประกอบของการสอบ


การประเมินเพื่อวุฒิบัตร

คณะอนุกรรมการการฝึกอบรมและสอบ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชนเป็นผู้ดำเนินการ
ื่
จัดสอบหนังสือเพื่อวุฒิบัตร ทั้งนี้การประเมินเพอวุฒิบัตรประกอบด้วย
1) การสอบข้อเขียน

• ความรู้ภาคทฤษฎี

ก. ข้อสอบอัตนัย 300 คะแนน ความรู้เฉพาะแขนงสุขภาพจิตชุมชน
ข. ข้อสอบปรนัย 300 คะแนน ประกอบด้วย

ความรู้พื้นฐานเวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป ประกอบด้วย
- Epidemiology & Biostatistics

- Sanitation

- Research Design & Methodology
- Behavioral Science

- Environment & Occupational med

- Management Science
- Prevention & Control of Diseases

ความรู้เฉพาะด้านสุขภาพจิตชุมชน

• ภาคปฏิบัติ ความรู้เวชศาสตร์ป้องกันเฉพาะด้านสุขภาพจิตชุมชน 200 คะแนน

• การสอบสัมภาษณ์ 200 คะแนน ความรู้ทั่วไปและประสบการณ์ในการดำเนินงาน
แขนงสุขภาพจิตชุมชน

ผู้รับการประเมิน ต้องสอบครบทั้ง 3 ส่วน โดยการตัดสินผลการสอบ ต้องผ่านการสอบไม่น้อยกว่า ร้อยละ


60 ของแต่ละด้าน และคะแนนรวมได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 โดยระบบองเกณฑ์ตามเกณฑ์การตัดสินขั้นต่ำ
(Minimal passive level) ที่คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน

กำหนด
เป็นการประเมินสอบเพื่อหนังสือวุฒิบัตรฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน ซึ่งสมาคมเวช

ศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทยร่วมกับคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนง

ื่
สุขภาพจิตชุมชน ที่แพทยสภามอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแล และเป็นผู้ดำเนินการจัดให้มีการสอบหนังสือเพอ
อนุมัติและวุฒิบัตร โดยกำหนดเกณฑ์และเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้ารับการสอบเพื่อหนังสืออนุมัติและ

วุฒิบัตร วิธีการวัด วิธีการประเมินผลและเกณฑ์การตัดสินจะเป็นไปตามขอบังคับของแพทยสภา ว่าด้วยหลักเกณฑ ์

การออกหนังสืออนุมัติบัตรและวุฒิบัตรเพอแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ปีพ.ศ.
ื่
2552

การวัดและประเมินผลเพื่อออกหนังสืออนุมัติฯ

ผู้สมัครสอบหนังสือเพออนุมัติ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ื่
1) จะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.
2525 และมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน สุขภาพจิตชุมชนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี ใน
สถาบันที่สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทยให้การรับรอง
2) มีการปฏิบัติงาน และมี Log book แสดงว่ามีการปฏิบัติงานในสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนง
สุขภาพจิตชุมชนจริง โดยมีการลงลายมือชื่อรับรองจากแพทย์ที่ได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรสาขาเวชศาสตร์


ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน หรือผู้บังคับบัญชา โดยผู้สมัครต้องมีประสบการณดังต่อไปนี้
- มีหลักฐานการดำเนินงานส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน หรือ
ประชาชน ในภาวะปกติหรือภาวะวิกฤติ อย่างน้อย 1 โครงการ หรือ

- มีผลการศึกษาวิจัย / ผลงานวิชาการ / เอกสารตำราทางวิชาการสุขภาพจิตชุมชน อย่างน้อย 1 เรื่อง
3) ในระยะเวลา 5 ปี ต้องเข้ารับการฝึกอบรมในสถาบันฝึกอบรมที่คณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ
สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชนให้การรับรอง


เกณฑ์การตัดสิน

1) มีคุณสมบัติและผลงานครบถ้วนตามเกณฑ์
2) ส่งรายงานการดำเนินงานโครงการพัฒนางานสุขภาพจิตชุมชน หรือ เอกสารวิชาการ และผลงานต้องมี

คุณภาพผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ

3) ผ่านการประเมิน EPA เช่นเดียวกับผู้สอบเพื่อวุฒิบัตรฯ
4) การสอบจะใช้ข้อสอบและเกณฑ์การตัดสินเช่นเดียวกับการสอบเพอวุฒิบัตรฯ
ื่

5. การรับและคัดเลือกผู้เข้ารับการฝึกอบรม

5.1 คุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
1) ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

ก. ได้รับปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต หรือเทียบเท่า ที่แพทยสภารับรอง และได้รับการขึ้นทะเบียน

ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภาแล้ว
ิ่
ข. ผ่านการอบรมแพทย์เพมพูนทักษะเป็นเวลา 1 ปี

2) มีคณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์แพทยสภาในการเข้ารับการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง
3) มีความประพฤติ ทักษะ ทัศนคติการทำงานร่วมกบผู้อนได้เป็นอย่างดี

ื่
4) มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน


5.2 ขั้นตอนในการรับและการคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรม
ในการรับและการคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรม กรมสุขภาพจิต โดยสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯได้

กำหนดนโยบายและประกาศการรับสมัคร เรื่องหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการรับสมัครและคัดเลือกผู้เข้ารับการ
ฝึกอบรม และแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกแพทย์ประจำบ้านของสถาบัน มีเกณฑ์การคัดเลือกแพทย์ประจำบ้านที่

ื่
สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่แพทยสภากำหนด เพอทำให้เชื่อมั่นได้ว่ากระบวนการคัดเลือกมีความโปร่งใส เท่าเทียม
และยุติธรรม


5.3 จำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรม

กรมสุขภาพจิต โดยสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ จัดให้มีผู้เข้ารับการฝึกอบรม 1 คน ต่ออาจารย์

ผู้ให้การฝึกอบรม 2 คน ในกรณีที่ต้องการรับสมัครแพทย์ประจำบ้านปีละ ชั้นละมากกว่า 1 คน ให้คำนวณตาม
สัดส่วนอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรมเต็มเวลา 1 คนที่เพิ่มขึ้น ต่อแพทย์ประจำบ้านทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นปีละ ชั้นละ 1 คน


รวมทั้งต้องมีเกณฑกำหนดงานบริการและงานสุขภาพจิตชุมชนต่อจำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรม 1 คน ตามที่
กำหนดตามตารางต่อไปนี้

สัดส่วนจำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรมชั้นปีต่อจำนวนอาจารย์ (คน:คน)


1:1 2:3 3:4 4:5 5:6 6:7 7:8 8:9 9:10 10:11


หมายเหตุ แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 3 เข้ารับการศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิตหรือเทียบเท่า


เกณฑ์สถาบันฝึกอบรมเฉพาะทางแขนงสุขภาพจิตชุมชน


จำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรมปีละ ชั้นละ 1 2 3 4 5 6

จำนวนอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรมเต็มเวลา 2 3 4 5 6 7

จำนวนผู้ป่วยจิตเวชทั่วไปที่มาขอรับบริการทั้งหมดใน 1000 1200 1400 1600 1800 2000

คลินิกจิตเวช/สุขภาพจิต (ราย/ปี)

จำนวนผู้ป่วยจิตเวชเด็กและวัยรุ่นที่มีปัญหาสุขภาพจิต 100 150 200 250 300 350
ที่มาขอรับบริการในคลินิกสุขภาพจิตและจิตเวช (ราย/

ปี)
โครงการดำเนินงานส่งเสริมและป้องกันปัญหา 2 4 6 8 10 12

สุขภาพจิตในกลุ่มวัยเด็กและวัยรุ่น (โครงการ/ปี)

โครงการดำเนินงานส่งเสริมและป้องกันปัญหา 2 4 6 8 10 12
สุขภาพจิตในกลุ่มวัยทำงาน (โครงการ/ปี)

โครงการดำเนินงานส่งเสริมและป้องกันปัญหา 2 4 6 8 10 12

สุขภาพจิตในกลุ่มวัยสูงอายุ (โครงการ/ปี)
โครงการดำเนินงานส่งเสริมและป้องกันปัญหา 2 2 2 2 2 2

สุขภาพจิตในภาวะวิกฤต (โครงการ/ปี)

6. อาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรม

6.1 คุณสมบัติของประธานคณะกรรมการบริหารหลักสูตรการฝึกอบรม

ื่
เป็นแพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติเพอแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวช
กรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน หรือจิตแพทย์หรือจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น และปฏิบัติงาน

ด้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน ไม่น้อยกว่า 5 ปี ภายหลังได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติฯ


6.2 คุณสมบัติและจำนวนของอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรม

ู้
6.2.1 คุณสมบัติของอาจารย์ผให้การฝึกอบรม
เป็นแพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติเพื่อแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพ

เวชกรรม สาขาจิตเวชทั่วไป สาขาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน และ



ปฏิบัติงานสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน ไมน้อยกวา 2 ปี ภายหลังได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสือ
อนุมัติฯ
6.2.2 ประเภทของอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรม

1) อาจารย์ประจำแผนงานฝึกอบรมแบบเต็มเวลา หมายถึง ข้าราชการ พนักงานราชการ รวมทั้งอาจารย์

เกษียณอายุราชการปฏิบัติงานในกรมสุขภาพจิต หรือ สถาบัน โรงพยาบาล ในสังกดกรมสุขภาพจิต แบบเต็มเวลา
และได้รับเงินเดือนในอัตราเต็มเวลา
2) อาจารย์ประจำแผนงานฝึกอบรมแบบบางเวลา หมายถึง บุคลากร หรือ อาจารย์เกษียณอายุราชการ

ที่มาช่วยสอนบางเวลา โดยไม่มีสัญญาจ้างจากหน่วยงาน หรือ ปฏิบัติงานน้อยกว่าครึ่งเวลา ให้คิดเวลาปฏิบัติงาน

เฉพาะที่มาปฏิบัติงานสำหรับการเรียนการสอนแพทย์ประจำบ้าน สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน


6.2.3 หน้าที่ของอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรม
อาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน มีหน้าที่ดังต่อไปนี้

1) ให้การฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน ตามสมรรถนะหลักและ Entrustable Professional Activities

(EPA) ที่หลักสูตรกำหนด
2) เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทั่วไปให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรม

3) เป็นที่ปรึกษาหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับงานวิจัยของผู้เข้ารับการฝึกอบรม


6.2.4 จำนวนอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรม

กรมสุขภาพจิตจัดให้มีอาจารย์ประจำหลักสูตรซึ่งเป็นผู้ฝึกอบรมเต็มเวลาอย่างน้อย 2 คน ในการ
เปิดฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านจำนวน 1 คน ในกรณีที่ต้องการรับแพทย์ประจำบ้านปีละ ชั้นละมากกว่า 1 คน ให้

ิ่
คำนวณตามสัดส่วนอาจารย์ 1 คนที่เพมขึ้น ต่อแพทย์ประจำบ้านที่เพิ่มขึ้นปีละ ชั้นละ 1 คน ซึ่งในกรณีที่อาจารย์
ผู้ให้การฝึกอบรมแบบเต็มเวลาไม่เพียง อาจให้มีอาจารย์แบบไม่เต็มเวลาได้ โดยมีข้อกำหนดดังนี้
1) จำนวนอาจารย์แบบไม่เต็มเวลาต้องไม่มากกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนอาจารย์เต็มเวลา

2) ภาระงานของอาจารย์แบบไม่เต็มเวลาแต่ละคนต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของภาระงานอาจารย์เต็ม

เวลา

กรมสุขภาพจิตกำหนดและดำเนินนโยบายการสรรหาและคัดเลือกอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรมให้


สอดคล้องกับพนธกิจของแผนการฝึกอบรม/หลักสูตร ระบุคุณสมบัติของอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรมที่ชัดเจน โดย
ครอบคลุมความชำนาญที่ต้องการ ได้แก่ คุณสมบัติทางวิชาการ ความเป็นครู และความชำนาญทางสุขภาพจิต

ชุมชน

ปัจจุบันกรมสุขภาพจิต มีอาจารย์แพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตร/อนุมัติบัตร สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน
แขนงสุขภาพจิตชุมชน อยู่ทั้งหมด 104 คน ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในหน่วยงานต่างๆของกรมสุขภาพจิต และจำนวน


ดังกล่าวสามารถให้การฝึกอบรมตามศกยภาพได้
กรมสุขภาพจิต ได้ระบุหน้าที่ความรับผิดชอบ ภาระงานของอาจารย์ และสมดุลระหว่างงานด้าน
การศึกษา การวิจัย อาจารย์ต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่แพทยสภากำหนดไว้ อาจารย์ต้องมี


เวลาเพยงพอสำหรับการให้การฝึกอบรม ให้คำปรึกษา และกำกับดูแล นอกจากนั้นอาจารย์ยังต้องมีการพฒนา

ตนเองอย่างต่อเนื่องทั้งทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข และด้านแพทยศาสตร์ศึกษา กรมสุขภาพจิต โดย

สถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ จัดให้มีการพฒนาอาจารย์อย่างเป็นระบบ และมีการประเมินอาจารย์เป็น
ระยะ ในกรณีที่สัดส่วนของอาจารย์ต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมลดลงกว่าที่ได้รับอนุมัติไว้ กรมสุขภาพจิตจะพจารณา


ลดจำนวนผู้เข้ารับการฝึกอบรมลงตามความเหมาะสมเพื่อคงคณภาพการฝึกอบรมไว้

6.2.5 การพัฒนาอาจารย์

กรมสุขภาพจิต กำหนดให้มีการพัฒนาอาจารย์ ทั้งในด้านวิชาการและการวิจัย เพื่อให้อาจารย์มี

การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องทั้งทางด้านการแพทย์ แพทยศาสตร์ศึกษา และเพิ่มพูนความรู้ในแขนงสุขภาพจิต
ชุมชนอยู่เสมอ โดยกรมสุขภาพจิตสนับสนุนให้ไปประชุมวิชาการ ไปดูงาน ไปนำเสนอผลงานวิชาการทั้งในและ

ต่างประเทศ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อคนต่อปี


7. ทรัพยากรทางการศึกษา

กรมสุขภาพจิต กำหนดและดำเนินนโยบายเกี่ยวกับทรัพยากรการศึกษาให้ครอบคลุมประเด็นต่อไปนี้
7.1 สถานที่และโอกาสในการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ การเข้าถึงแหล่งข้อมูลทางวิชาการท ี่



ทันสมัย สามารถใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเพยงพอ มีอปกรณ์สำหรับฝึกอบรม
ภาคปฏิบัติและมีสิ่งแวดล้อมทางการศึกษาที่ปลอดภัย


7.2 กิจกรรมบริการด้านการจัดการปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อยที่เพียงพอ เหมาะสม เช่น

จำนวนผู้ป่วยเพยงพอและชนิดของผู้ป่วยหลากหลายสอดคล้องกบผลลัพธ์ของการเรียนรู้ที่คาดหวัง ทั้งผู้ป่วยนอก

และผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอกเวลาราชการและผู้ป่วยวิกฤต การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทางคลินิกและการเรียน

ภาคปฏิบัติที่พอเพียงสำหรับสนับสนุนการเรียนรู้


7.3 กิจกรรม/โครงการด้านส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่หลากหลาย

สอดคล้องกับผลลัพธ์ของการเรียนรู้ที่คาดหวัง

7.4 สื่ออิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเรียนรู้ที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเขาถึงได้ มีการใช้เทคโนโลยี

สารสนเทศ และการสื่อสารให้เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกอบรมอย่างมีประสิทธิภาพและถูกหลักจริยธรรม
7.5 การจัดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานเป็นทีมร่วมกับผู้ร่วมงานและบุคลากรวิชาชีพอื่น รวมทั้งภาคี

เครือข่ายที่เกี่ยวข้องในชุมชน

7.6 การนำความเชี่ยวชาญทางแพทยศาสตร์ศึกษามาใช้ในการจัดทำแผนการฝึกอบรม การดำเนินการ
ฝึกอบรม การประเมินการฝึกอบรม

7.7 การฝึกอบรมในสถาบันอื่น ทั้งในและนอกประเทศตามที่ระบุไว้ในหลักสูตร ตลอดจนระบบการโอนผล

การฝึกอบรม

8. การประเมินแผนการฝึกอบรม/หลักสูตร

กรมสุขภาพจิต โดยสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ กำกับดูแลการฝึกอบรมให้เป็นไปตาม
แผนการฝึกอบรม/หลักสูตรเป็นประจำ มีกลไกสำหรับการประเมินหลักสูตรและนำไปใช้จริง การประเมินแผนการ

ฝึกอบรม/หลักสูตร ต้องครอบคลุม
8.1 พันธกิจของแผนการฝึกอบรม/หลักสูตร

8.2 ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่พึงประสงค์

8.3 แผนการฝึกอบรม
8.4 ขั้นตอนการดำเนินงานของแผนการฝึกอบรม

8.5 การวัดและประเมินผล

8.6 พัฒนาการของผู้รับการฝึกอบรม

8.7 ทรัพยากรทางการศกษา
8.8 คุณสมบัติของอาจารย์ผู้ให้การฝึกอบรม

8.9 ความสัมพันธ์ระหว่างนโยบายการรับสมัครผู้รับการฝึกอบรมและความต้องการของระบบสุขภาพ
8.10 ข้อควรปรับปรุง

กรมสุขภาพจิต แสวงหาข้อมูลป้อนกลับเกี่ยวกับการฝึกอบรม/หลักสูตร จากผู้ให้การฝึกอบรม ผู้
เข้ารับการฝึกอบรม นายจ้างหรือผู้ใช้บัณฑิต และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก รวมถึงการใช้ข้อมูลป้อนกลับเกี่ยวกับ

ความสามารถในการปฏิบัติงานของแพทย์ผู้สำเร็จการฝึกอบรม ในการประเมินการฝึกอบรม/หลักสูตร


9. การทบทวน/พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรม
กรมสุขภาพจิต โดยสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ จัดให้มีการทบทวนและพฒนาคุณภาพของ

หลักสูตรฝึกอบรมเป็นระยะๆ หรืออย่างน้อยทุก ๕ ปี ต่อครั้ง ปรับปรุงกระบวนการ โครงสร้าง เนื้อหา ผลลัพธ์

และสมรรถนะของผู้สำเร็จการฝึกอบรม รวมถึงการวัดและการประเมินผล และสภาพแวดล้อมในการฝึกอบรม ให้


ทันสมัยอยู่เสมอ ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องที่ตรวจพบ มีข้อมูลอางอง และแจ้งผลการทบทวน และการพัฒนาให้
แพทยสภารับทราบ

คณะกรรมการอนุกรรมฝึกอบรมและสอบ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน เป็นผู้รับผิดชอบ

ควบคุมดูแลคุณภาพการฝึกอบรม และทบทวน/พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมเป็นระยะๆ หรืออย่างน้อยทุก 5 ปี และ

แจ้งผลการทบทวน/พัฒนาให้แพทยสภารับทราบ


การพัฒนา/การเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์ หลักฐาน/ตัวบ่งชี้


1. คงมาตรฐานตามแพทย์สภา 1. ติดตามประเมินและปรับปรุง 1. รายงานผลการประเมินหลักสูตร

กำหนด และให้การพัฒนาหลักสูตร หลักสูตรทุก 5 ปี เมื่อครบ 2. เอกสารการจัดลำดับหลักสูตร

ให้มีมาตรฐานระดับสากล วงรอบของหลักสูตร การศึกษา
2. เทียบเคียงและผลักดันหลักสูตร 3. เอกสารความร่วมมือระหว่าง

ให้มีมาตรฐานสากลในระดับ สถาบันทั้งในประเทศและ

นานาชาติ ต่างประเทศ
3. สร้างความร่วมมือกับเครือข่าย

และสถาบันวิชาการในการพฒนา

หลักสูตรให้มีมาตรฐานระดับสากล

2. พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับ 1. พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือด้าน 1. จำนวนเครือข่ายความร่วมมือ


ความเปลี่ยนแปลงของสภาวะการ วิจัยและศึกษาปัญหาและการพัฒนา ด้านการวิจัยและการศกษา
เกิดโรคและปัญหาสุขภาพจิตของ สุขภาพจิตระหว่างประเทศต่าง ๆ 2. รายงานผลการประเมินความ

ประชาชนในระดับประเทศและ ผ่านทางองค์กรระหว่างประเทศ พึงพอใจในทักษะ ความรู้
ระดับสากล 2. ติดตามและประเมินความพึง ความสามารถในการทำงานของ


พอใจและขอเสนอแนะความ ผู้จบการอบรม
ต้องการของผู้ใช้ ผู้ฝึกอบรมทุก 3-5
ปี หรือเมื่อครบวงรอบของหลักสูตร

3. พัฒนาอาจารย์ให้มีทักษะด้านการ 1. ส่งเสริมอาจารย์ให้เพมพูนความรู้ 1. จำนวนอาจารย์ที่เพมพูนความรู้
ิ่
ิ่
เรียนการสอนวิชาการ การวิจัย และทักษะด้านการเรียนการสอน ด้านการเรียนการสอน วิชาการ การ
บริการวิชาการให้เชี่ยวชาญด้าน วิชาการ วิจัย และบริการวิชาการ วิจัย และบริการวิชาการด้าน

ด้านสุขภาพจิตชุมชน การพัฒนา ด้านสุขภาพจิตชุมชน ในสถาบันชั้น สาธารณสุข

สุขภาพและคุณภาพชีวิตของ นำทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2. จำนวนงานวิจัยต่ออาจารย์ใน
ประชาชน รวมไปถึงการใช้ 2. สนับสนุนอาจารย์ให้บริการ หลักสูตร

ภาษาอังกฤษ วิชาการ ร่วมมือวิจัยกับหน่วยงาน 3. จำนวนโครงการวิจัยที่นำไปใช้ใน
อื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งใน การเรียนการสอนและบริหาร

และต่างประเทศ วิชาการ

4. พัฒนาด้านการเรียนการสอน 1. อาจารย์ประจำได้รับการอบรม 1. อาจารย์ประจำแต่ละคนได้รับ
และบริการวิชาการในกลุ่มอาจารย์ เกี่ยวกับหลักสูตรการสอนรูปแบบ การพัฒนาทางวิชาการและ/หรือ

การพัฒนา/การเปลี่ยนแปลง กลยุทธ์ หลักฐาน/ตัวบ่งชี้


ผู้ให้การฝึกอบรม ต่าง ๆ และการวัดผลประเมินผล วิชาชีพเฉลี่ยอย่างน้อย 1 ครั้งต่อคน
เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการ ต่อปี

ประเมินผลตามกรอบมาตรฐาน 2. ปริมาณผลงานวิชาการของ

คุณวุฒิที่ผู้สอนต้องสามารถวัดและ คณาจารย์ประจำหลักสูตร เช่น
ประเมินผลได้เป็นอย่างวดี งานวิจัย การเขียนบทความทาง

2. อาจารย์ประจำมีการผลิตผลงาน วิชาการและตำรา อย่างน้อยเฉลี่ย

ทางวิชาการ เช่น การวิจัย การ 1 ผลงานต่อคนต่อปี
เขียนบทความทางวิชาการและตำรา 3. จำนวนโครงการ/กิจกรรมที่

3. ส่งเสริมให้มีการนำความรู้ทั้งจาก บรรลุผลสำเร็จและเป็นประโยชน์ต่อ

ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ และงานวิจัย สังคมอย่างน้อย ร้อยละ 20 ต่อ
ไปใช้จริง เพื่อทำประโยชน์ให้แก่ อาจารย์ประจำ

ภาครัฐและเอกชน และองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น

5. การพัฒนาบุคลากรด้านการเรียน 1. บุคลากรสนับสนุนการเรียนการ 1. บุคลากรสนับสนุนการเรียนการ

การสอนและปริมาณวิชาการ กรณี สอนได้รับการพัฒนาทางวิชาการ สอน ได้รับการพัฒนาอย่างน้อยปีละ
ของบุคลากรสนับสนุนการเรียนการ 2. สนับสนุนบุคลากรด้านการเรียน 1 ครั้ง

สอน การสอนให้ทำงานบริการวิชาการแก 2. บุคลากรสนับสนุนการเรียนการ

องค์กรภายนอก สอนเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรม

บริการวิชาการแกองค์กรภายนอก

ร้อยละ 50 ของโครงการ/กิจกรรม
ทั้งหมด



6. การจัดหาครุภัณฑการศกษาที่ม ี 1. จัดทำแผนการจัดหาครุภัณฑ์ 1. แผนการวิเคราะห์วามจำเป็น
ความจำเป็นต่อการเรียนการสอน การศึกษาในระยะเวลา 5 ปี โดยมี 2. แผนการจัดหาครุภัณฑ์
และการค้นคว้าวิจัย หลักฐานวิชาการรองรับความจำเป็น

และเสนอต่อสถาบันฯ


10. การบริหารจัดการและธุรการ

กรมสุขภาพจิต โดยสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ มีอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร เป็น

กรรมการบริหารหลักสูตรทำหน้าที่บริหารหลักสูตร อาทิ ดูแลการจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามแผนการ

ศึกษาของหลักสูตร จัดทำคู่มือผู้เข้ารับการอบรม และพฒนาการสอนของอาจารย์ การพฒนาหลักสูตรและการ

ติดตามประเมินผลหลักสูตรให้ทันสมัย และสอดคล้องกับความต้องการของสังคม

กรมสุขภาพจิต มีคณะกรรมการบริหารหลักสูตรเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์และการศึกษา

ค้นคว้าวิจัยด้วยตนเอง และมีอาจารย์ผู้สอนทั้งที่เป็นอาจารย์ประจำ และอาจารย์พิเศษที่มีคุณสมบัติ และจำนวน

ครบตามเกณฑ์ของแพทย์สภา รวมทั้งมีคุณสมบัติของความเป็นครู ผู้สอนและนักวิจัย ทำหน้าที่ดูแลให้คำปรึกษา

แกผู้เข้ารับการอบรม ทั้งด้าน การวางแผนการศึกษา การเรียน การค้นคว้าวิจัย ตลอดจนการทำวิทยานิพนธ์
และให้คำแนะนำเรื่องระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ ตลอดช่วงเวลาการศึกษาของผู้เข้ารับการอบรม

กรมสุขภาพจิตมีกิจกรรมเพอส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมทางวิชาชีพ เช่น กิจกรรมสัมมนาอบรม
ื่
จรรยาบรรณทางวิชาชีพและ/หรือ ในการประกอบวิชาชีพ ภายในและภายนอกหน่วยงานที่สังกัดเป็นต้น

กรมสุขภาพจิตมีระบบและกลไกในการควบคุมคุณภาพของวิทยานิพนธ์ และการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง

เช่นการรายงานความก้าวหน้าวิทยานิพนธ์และการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง คุณสมบัติของคณะกรรมการสอบ
วิทยานิพนธ์ เกณฑ์การสอบ การให้คะแนนและการตัดสินผลการสอบ และระบบการเผยแพร่วิทยานิพนธ์แบะ

การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เป็นต้น ทั้งนี้กำหนดให้มีการนำเสนอความก้าวหน้าจองการทำวิทยานิพนธ์ ใน
การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองในทุกภาคการศึกษา

ื่
กรมสุขภาพจิต มีบุคลากรที่ปฏิบัติงานและมีความเชี่ยวชาญที่เหมาะสม เพอสนับสนุนการดำเนินการของ
ี่
การฝึกอบรมและกิจกรรมอื่นๆที่เกยวข้อง การบริหารจัดการที่ดีและใช้ทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม
ื่
กรมสุขภาพจิต จัดให้มีจำนวนสาขาความเชี่ยวชาญทางการแพทย์และหน่วยงานสนับสนุนด้านอน ๆ ที่
เกี่ยวข้องครบถ้วน สอดคล้องกับข้อบังคับและประกาศของแพทยสภาในการเปิดการฝึกอบรม


11. การประกันคุณภาพการฝึกอบรม

สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทยกำหนดให้สถาบันฝึกอบรมที่จะได้รับการอนุมัติให้จัดการ
ฝึกอบรม จะต้องผ่านการประเมินความพร้อมในการเป็นสถาบันฝึกอบรม และกรมสุขภาพจิต โดยสถาบันฝึกอบรม

แพทย์ประจำบ้าน จะต้องจัดให้มีการประกันคณภาพการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องดังนี้

11.1 การประกันคณภาพการฝึกอบรมภายใน กรมสุขภาพจิต โดยสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านจัด

ให้มีระบบและกลไกการประกัน คุณภาพการฝึกอบรมภายใน อย่างน้อยทุก 2 ปี

11.2 การประกันคณภาพการฝึกอบรมภายนอก กรมสุขภาพจิต โดยสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน

จะต้องได้รับการประเมินคุณภาพจาก คณะอนุกรรมการฝึกอบรมฯ อย่างน้อยทุก 5 ปี

ภาคผนวกที่ 1



คณะกรรมการบริหารหลักสูตรการฝึกอบรมแพทยประจำบ้าน



เพื่อวฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน กรมสุขภาพจิต


1.นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

2. นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

3. นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา

4. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา

5. นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา
6. นายแพทย์บุญชัย นวมงคลวัฒนา ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

7. นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา
8. แพทย์หญิงพันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต ประธานคณะกรรมการ

9. ผู้อำนวยการสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรรมการ

10. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา กรรมการ
11. ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรรมการ

12. ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรรมการ

13. ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น กรรมการ
14. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ กรรมการ

15. ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรรมการ

16. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง กรรมการ
17. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ กรรมการ

18. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรรมการ
19. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ กรรมการ

20. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ กรรมการ

21. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ กรรมการ
22. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 1 กรรมการ

23. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 4 กรรมการ
24. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 9 กรรมการ

25. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 10 กรรมการ

26. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 11 กรรมการ
27. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 12 กรรมการ

28. ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 13 กรรมการ

29. ดร.พญ.เบ็ญจมาส พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรรมการ

30.นายแพทย์บุรินทร์ สุรอรุณสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กรรมการ

31.นายแพทย์เทอดศักดิ์ เดชคง ผู้อำนวยการสำนักงานวิเทศสัมพันธ์ กรรมการ
32.นายแพทย์วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต กรรมการ

33. แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต กรรมการและเลขานุการ

34. นายแพทย์ศุภเสก วิโรจนาภา นายแพทย์ปฏิบัติการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
35. ดร.โสฬวรรณ อินทสิทธิ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

36. นางวรวรรณ จุฑา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

37. นางสุภาวดี นวลมณี นักจิตวิทยาคลินิก กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ


โดยมีหน้าที่ความรับผิดชอบดังต่อไปนี้
1. ดำเนินการบริหารจัดการฝึกอบรม ประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประเมินผลการ

ฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน พจารณาเลื่อนชั้นปีตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

และมีประสิทธิภาพ
2. ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน

ื่
3. ปฏิบัติหน้าที่อนตามที่ได้รับมอบหมาย


คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมแพทยประจำบ้าน


เพื่อวฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวชาชีพเวชกรรม
สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน กรมสุขภาพจิต



1. นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา
2. นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

3. นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา

4. นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษา

5. นายแพทย์จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา
6.นายแพทย์บุญชัย นวมงคลวัฒนา ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

7. นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษา

8.แพทย์หญิงพันธุ์นภา กิตติรัตนไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต ประธานคณะกรรมการ
9.ดร.พญ.เบ็ญจมาส พฤกษ์กานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรรมการ

10.นายแพทย์บุรินทร์ สุรอรุณสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กรรมการ

11.แพทย์หญิงดุษฏี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น กรรมการ
12. ดร.นพ.นพพร ตันติรังสี ผู้อำนวยการศุนย์สุขภาพจิตที่ 12 กรรมการ

13. นายแพทย์พนา ไวยคณี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลศรีธัญญา กรรมการ
14. นายแพทย์พงศกร เล็งดี นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรรมการ
15.แพทย์หญิงอนัญญา สินรัชตานันท์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ กรรมการ

16. แพทย์หญิงกนกวรรณ กิตติวัฒนากูล นายแพทย์ชำนาญการพเศษ

โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรรมการ

17. นายแพทย์ศักรินทร์ แก้วเฮ้า นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ กรรมการ

18. แพทย์หญิงวิรีย์อร จูมพระบุตร นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ กรรมการ

19. แพทย์หญิงอัญชลี ศิริเทพทวี นายแพทย์ชำนาญการพเศษ
โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ กรรมการ

20. แพทย์หญิงกิตติวรรณ เทียมแก้ว นายแพทย์เชี่ยวชาญ
โรงพยาบาลสวนปรุง กรรมการ

21. แพทย์หญิงแพรว ไตลังคะ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
สถาบันพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ กรรมการ

22. แพทย์หญิงสรสพร จูวงษ์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ

โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ กรรมการ

23. นายแพทย์การัตน์ วงศ์ปราการ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
โรงพยาบาลสวนปรุง กรรมการ


24. นายแพทย์พูนพัฒน์ กมลวุฒิพงศ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรรมการ

25. แพทย์หญิงกมลชนก มนตะเสวี นายแพทย์ชำนาญการพเศษ
สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรรมการ

26. แพทย์หญิงกุสุมาวดี คำเกลี้ยง รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการสุขภาพจิต กรรมการและเลขานุการ
27. นายแพทย์ศุภเสก วิโรจนาภา นายแพทย์ปฏิบัติการ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

28. ดร.โสฬวรรณ อินทสิทธิ์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
29. นางวรวรรณ จุฑา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

30. นางสุภาวดี นวลมณี นักจิตวิทยาคลินิก กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ


โดยมีหน้าที่ความรับผิดชอบดังต่อไปนี้

1. ดำเนินการร่างและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านฯ ให้เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์
พันธกิจ และยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธาณสุขและกรมสุขภาพจิต

2. วางแผนการฝึกอบรม และร่วมประเมินประสิทธิผลหลักสูตร เพื่อให้สอดคล้องตามเกณฑ์หลักสูตรฝึกอบรม

แพทย์ประจำบ้านฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน (มคว.1) ที่คณะอนุกรรมการฝึกอบรม

และสอบฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกน แขนงสุขภาพจิตชุมชน (อฝส.) กำหนด
3. ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย

ภาคผนวกที่ 2


เนื้อหาหลักสูตรฝึกอบรมแพทยประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน

พ.ศ. 2563



เนื้อหาหลักสูตร ประกอบด้วย

1. ความรู้พื้นฐานของเวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป ประกอบด้วย
1.1 พื้นฐานและหลักการของเวชศาสตร์ป้องกันทั่วไป (Fundamental and Principle of Preventive

Medicine) ประกอบด้วย

1.1.1 Principles of preventive medicine
1.1.2 Concept of diseases prevention and health promotion

1.1.3 Public health system administration and intervention
1.1.4 Principles of epidemiology and its applications

1.1.5 Biostatistics


1.2 ความรู้พื้นฐานของเวชศาสตร์ป้องกันเฉพาะด้าน (Fundamental of Special Branch in

Preventive Medicine) ประกอบด้วย
1.2.1 ความรู้พื้นฐานสาธารณสุขศาสตร์ ประกอบด้วย

- Concept of public health

- Measuring, monitoring and evaluation the health of population, manage the
health problem of population

- National health system and global health

- Planning and managing health system
- The epidemiologic approach to disease and intervention

- Using epidemiology to identify the cause of disease

- Applying epidemiology evaluation and policy

1.2.2 ความรู้พื้นฐานระบาดวิทยา ประกอบด้วย

- Concept of disease distribution, determinants and epidemiological triad

- Study designs and basic statistics

- Concept of public health surveillance

1.2.3 ความรู้พื้นฐานสุขภาพจิตชุมชน ประกอบด้วย

- Concept of community mental health

- Mental health promotion
- Preventing of mental health and mental health problems

- Common mental health problems and mental disorders
- Community mental health assessment and management


1.2.4 ความรู้พื้นฐานอาชีวเวชศาสตร์ ประกอบด้วย

- principle of occupational and environmental medicine
- health hazard and health effects

- fit for work

- basic safety
- Diagnosis of occupational diseases


1.2.5 ความรู้พื้นฐานเวชศาสตร์ป้องกันคลินิก ประกอบด้วย

- Natural history of diseases and level of prevention in clinical preventive

medicines
- Principles and provision of vaccines

- Prevention and control of sexually transmitted infections.

- Prevention and control of nosocomial infections
- Prevention and care of geriatric patients


1.2.6 ความรู้พื้นฐานเวชศาสตร์ทางทะเล ประกอบด้วย

- Core concept of maritime health and maritime medicine

- Health requirements and fitness examination for seafarers and working at sea
- Basic knowledge of diving and hyperbaric medicine

- Emergency service for maritime health


1.2.7 ความรู้พื้นฐานเวชศาสตร์การบิน ประกอบด้วย

- Concept of aviation medicine
- Health risk among aircrew and passenger and how to prevent

- Risk assessment and risk management among aircrew and passenger

- Risk of aircraft accident and how to prevent
- Aircraft accident assessment and management


1.2.8 ความรู้พื้นฐานเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว ประกอบด้วย

- Concept of travel medicine, pre- and post-travel care

- Health risk among travelers and how to prevent
- Risk assessment and risk management among travelers

2. ความรู้เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) ประกอบด้วย

2.1 Foundation of Community Mental Health

2.1.1 Concepts of community mental health
2.1.2 Community mental health and community psychiatry

2.1.3 Mental health system

2.1.3.1 Mental health care system
2.1.3.2 Mental health service system

2.1.3.3 Quality care and quality right in mental health

2.1.4 Burden of mental disorders and mental health gap
2.1.5 Epidemiology in mental health - incidence, prevalence, morbidity, disability and

mortality
2.1.6 Inequity of mental health

2.1.7 Needs of people with mental illness

2.1.8 Cultural sensitive in mental health issue and care

2.2 Mental health promotion

2.2.1 Concepts of health promotion and mental health promotion

2.2.2 Positive mental health
2.2.3 Mental health wellbeing and Happiness

2.2.4 Culture, social capital, human right and mental health

2.2.5 Social determinants of mental health
2.2.6 Evidence based intervention for mental health promotion

2.2.7 Mental health and inter-sectorial collaboration
2.2.8 National mental health policy and strategies


2.3 Preventing of mental health problems and mental disorders

2.3.1 Prevention of mental disorders and mental health problems
2.3.2 Concepts of risk and protective factors

2.3.3 Macro-strategies to reduce risk and improve quality of life

2.3.4 Reducing stressors and enhancing resilience
2.3.5 Preventing mental disorders

2.3.5.1 Prevention of conduct problems/disorders

2.3.5.2 Depression and depressive symptoms
2.3.5.3 Substance abuse prevention

2.3.5.4 Early psychosis prevention

2.3.6 Applying prevention principles to preventing mental illness program

2.3.7 Evidence based effective public mental health intervention


2.4 Common mental disorders

2.4.1 Cause of psychiatric disorders
2.4.2 Sign and symptoms of psychiatric disorders

2.4.3 Psychiatric interview and psychosocial assessment

2.4.4 Overview of common mental disorders
2.4.4.1 Mood disorders

2.4.4.2 Psychotic disorders
2.4.4.3 Anxiety disorders

2.4.4.4 Post-traumatic stress disorders and acute stress reaction

2.4.4.5 Drug and alcohol use disorders
2.4.4.6 Psychiatric disorder due to medical conditions

2.4.4.7 Organic brain disorders, dementia
2.4.5 Recovery model for mental illness


2.5 Common mental health problems

2.5.1 Stress

2.5.2 Violence and aggression
2.5.3 Physical and sexual abuse

2.5.4 Mental health problems comorbidity with physical illness
2.5.5 Mental health and psychological support in disaster

2.5.6 Mental health of special group population-minorities, migrants


2.6 Maternal mental health, child development and developmental disorders
2.6.1 Developmental milestone

2.6.2 Bio-psycho-social factors affecting child development

2.6.3 Developmental problems and lifelong impact
2.6.4 Neurodevelopmental disorder: delayed development, autistic, LD

2.6.5 Epidemiology of child developmental problem

2.6.6 Maternal mental health intervention and parenting skills
2.6.7 Assessment tools for maternal mental health and early childhood mental

problems

2.6.8 child developmental promotion, prevention of delayed development and

development disorders

2.6.9 Community-based treatment and rehabilitation for preschoolers with delayed
development


2.7 Mental health and mental problems in school age children and adolescence

2.7.1 Definition and factors affecting school age children and adolescent mental health

2.7.2 Common school age children and adolescent mental health and disorders
2.7.3 Assessment tools for school age children and adolescent mental health problems

and disorders
2.7.4 School age children and adolescent mental health promotion

2.7.5 School mental health

2.7.6 Community-based treatment and rehabilitation for school age children and
adolescent with mental disorders


2.8 Mental health and mental problems in working age

2.8.1 Health Promotion clinic and occupational health
2.8.2 Health promotion in working age group

2.8.3 Common mental health problems and disorder in working age group

2.8.4 Mental health in workplace
2.8.5 Happy workplace

2.8.6 Mental health in population out of workplace
2.8.7 Women mental health

2.8.8 Specific issues:

2.8.8.1 Job loss
2.8.8.2 Stress management

2.8.8.3 Alcohol and substance management in workplace
2.8.8.4 Marital and family problems


2.9 Mental health and mental problems in elderly

2.9.1 Aging trends

2.9.2 Health promotion in elderly
2.9.3 Common mental health problems and disorders in elderly

2.9.3.1 Depression

2.9.3.2 Dementia

2.9.3.3 Loss

2.9.4 การดูแลระยะยาวและการดูแลระยะสุดท้ายในผู้สูงอายุ: ประเด็นสุขภาพจิต

2.9.5 แนวคิดและนโยบายการดูแลระยะสุดท้ายในผู้สูงอายุ
2.9.6 Institution long term care for elderly

2.9.7 Community based long term care for elderly


2.10 Suicide prevention

2.10.1 Global epidemiology of suicide and suicide attempt
2.10.2 Risk and protective factors and related intervention

2.10.3 Current situation in suicide prevention
2.10.4 National policy and strategies for suicide prevention


2.11 Drug and alcohol use prevention

2.11.1 Drug and alcohol control policies
2.11.2 Risk factors and protective factors

2.11.3 Drug and alcohol abuse prevention in the community

2.11.4 Applying prevention principles to drug and alcohol abuse prevention programs
2.11.5 Evidence based effective drug and alcohol prevention interventions and policies

across the life span


2.12 Mental health literacy

2.12.1 Definition and conceptual framework
2.12.2 Recognition of mental disorders

2.12.3 Knowledge and beliefs about causes
2.12.4 Knowledge and beliefs about self-help

2.12.5 Knowledge and beliefs about professional help
2.12.6 Attitudes that facilitate recognition and help-seeking

2.12.7 Knowledge of how to seek mental health information

2.12.8 Cognitive organization of mental health literacy
2.12.9 Improving mental health literacy

2.12.10 Implications for mental health care


2.13 Stigma and discrimination

2.13.1 Public attitudes towards people with mental illness
2.13.2 Reduce stigma and discrimination

2.13.3 Advocacy for mental health in community

2.13.4 Working with the media to destigmatize mental illness


2.14 Ethics and mental health laws

2.14.1 Ethical framework for community mental health

2.14.2 Human rights and community mental health
2.14.3 Treatment pressures, coercion, and compulsion

2.14.4 Mental health laws

2.14.5 Forensic mental health

2.15 Psychosocial intervention in the community

2.15.1 Psycho-education for patients and family with mental illness

2.15.2 Behavior modification technique
2.15.2.1 Stress management (Breathing, exercise, muscle relaxation, imaginary

cognitive restructure)
2.15.2.2 Smoke cessation, obesity management and others lifestyle change (BA/BI/MI)

2.15.2.3 Chronic pain management

2.15.3 Crisis intervention
2.15.4 Psychosocial first aids in emergency settings

2.15.5 Counseling and psychosocial intervention

2.15.5.1 Individual counseling
2.15.5.2 Family counseling

2.15.5.3 Group counseling
2.15.5.4 Supportive psychotherapy


2.16 Mental Health Information system

2.16.1 Concepts of Mental health information system
2.16.2 Principle of mental health system development

2.16.3 Mental health minimal data set

2.16.4 Designing and implementing a mental health information system
2.16.5 Barriers and solution in MHIS

2.16.6 Implications of mental health information


2.17 Mental health research

2.17.1 Basic concepts of mental health research
2.17.2 Qualitative research in mental health

2.17.3 Quantitative research in mental health


Click to View FlipBook Version