The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by auttakorn01, 2020-09-24 00:40:43

เกณฑ์การเปิดหลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน

2.17.4 System research in mental health

2.17.5 Synthesis and criticize mental health research

2.17.6 Implications of mental health research


2.18 Community Mental Health Policy and Strategies
2.18.1 Mental health policy, plan and program

2.18.2 Mental health action plan: WHO

2.18.3 Thailand mental health strategies
2.18.4 Legislation, policy and ethics relevant to mental health care

2.18.5 Citizens’ and patients’ right

2.18.6 Shaping national mental health policy
2.18.7 Using information and evidence to improve mental health policy

2.18.8 Mental health financing and resource allocations

2.18.9 Human resource and training
2.18.10 Monitoring and evaluation of mental health policy and plan


2.19 Leadership, Network and Community Management

2.19.1 Concepts of leadership-theories, process and skills
2.19.2 Concepts of management (organization management, time management, change

management, budget control, human resource management)
2.19.3 Community assessment

2.19.4 Community management

2.19.5 Community empowerment
2.19.6 Case management

2.19.7 Social capital influencing mental health

2.19.8 Strengthening mental health network in the community
2.19.9 Strengthen mental health promotion and prevention in the community

2.19.10 Integrated mental health promotion and prevention into primary health care and
local health care system

2.19.11 Integrated mental health care to primary health care and local health care

system
2.19.12 Community based mental health program


2.20 Lesson learn of national programs of community mental health


2.20.1 Community Mental Health Tool

2.20.2 National mental health program

2.20.3 Depression surveillance system

2.20.4 National program to closing the mental health gap (psychosis, depression,
alcohol, ADHD, autistic) Child development program

2.20.5 National alcohol intervention program

2.20.6 Suicide prevention program
2.20.7 Teenage pregnancy

2.20.8 Youth Friendly Health Service (YHFS)

2.20.9 Parenting


3. หลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิตหรือเทียบเท่าและวิทยานิพนธ์


4. หัตถการและทักษะเฉพาะด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน)

4.1 การส่งเสริมสุขภาพจิต (Universal prevention by promotion in mental health)
4.1.1 ทักษะการรวบรวมขอมูลสถานการณ์สุขภาพจิต

4.1.2 ทักษะการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลสุขภาพจิต และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริม
สุขภาพจิต

4.1.3 ทักษะการวางแผน และดำเนินการส่งเสริมสุขภาพจิต

4.1.4 ทักษะการกำกับ ติดตาม และประเมินผลการส่งเสริมสุขภาพจิต
4.1.5 ทักษะการปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพจิต

4.2 การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช (Selective prevention in mental

problems and mental disorders)
4.2.1 ทักษะการค้นหา ประเมินปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช

4.2.2 ทักษะการวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช
4.2.3 ทักษะการวางแผน ดำเนินการป้องกัน และจัดการปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช

4.2.4 ทักษะการให้บริการจิตสังคมแก่บุคคล ครอบครัวและชุมชน ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและโรค

จิตเวช
4.3 การประเมิน วินิจฉัยและบำบัดฟื้นฟูผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบอย

(Indicated prevention in common mental health problems and mental
health disorders management)

4.3.1 ทักษะการตรวจวินิจฉัยปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช

4.3.2 ทักษะการวางแผนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย
4.3.3 ทักษะการให้บริการจิตสังคมแก่ผู้ป่วยจิตเวช และญาติ

ภาคผนวกที่ 3


การทำวิจัยและการขอการรับรอง
วุฒิบัตรฯ สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) ให้มีคุณวุฒิเทียบเท่าปริญญาเอก





การทำวิจัยเพื่อวฒิบัตรสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน)



1. ขอบเขตความรับผิดชอบ
เนื่องจากความสามารถในการทำวิจัยด้วยตนเองเป็นสมรรถนะหนึ่งที่แพทย์ประจำบ้านสาขาเวช

ศาสตร์ป้องกัน (แขนงขภาพจิตชุมชน) ต้องบรรลุตามหลักสูตรฯ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2561 และ ผลงานวิจัยฉบับ

สมบูรณ์เป็นองค์ประกอบหนึ่งของการประเมินคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับวุฒิบัตรฯ เมื่อสิ้นสุดการฝึกอบรม ดังนั้น
สถาบันฝึกอบรมจะต้องรับผิดชอบการเตรียมความพร้อมให้กับแพทย์ประจำบ้านของสถาบันตนเองตั้งแต่การ

เตรียมโครงร่างการวิจัย ไปจนสิ้นสุดการทำงานวิจัยและจัดทำรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์เพื่อนำส่งคณะอนุกรรมการ

ฝึกอบรมและสอบความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิต
ชุมชน) ทั้งนี้สถาบันฝึกอบรมจะต้องรายงานชื่องานวิจัย อาจารย์ที่ปรึกษา และความคืบหน้าของงานวิจัย ตาม

ื่
กรอบเวลาที่กำหนดไปยังคณะอนุกรรมการฝึกอบรมและสอบฯ เพอให้มีการกำกับดูแลอย่างทั่วถึง


2. องค์ประกอบของงานวิจัย

แพทย์ประจำบ้านเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) ต้องทำงานวิจัยเชิงระบบ (system
research) หรือการวิจัยชุมชนแบบมีส่วนร่วม (participatory action research) ในประเด็นสุขภาพจิตชุมชน

อย่างน้อย 1 เรื่อง ในระหว่างการปฏิบัติงาน 3 ปี โดยเป็นผู้วิจัยหลัก และต้องผ่านการนำเสนอการประชุมวิชาการ
สุขภาพจิตระดับชาติหรือนานาชาติ หรือตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในวารสารที่ได้การรับรองมาตรฐาน TCI



3. คุณลักษณะของงานวิจัย
3.1 เป็นผลงานที่ริเริ่มใหม่ หรือเป็นงานวิจัยที่ใช้แนวคิดที่มีการศึกษามาก่อนทั้งในและต่างประเทศ แต่นำมา

ดัดแปลงหรือทำซ้ำในบริบทของพื้นที่

3.2 แพทย์ประจำบ้านและอาจารย์ผู้ดำเนินงานวิจัยทุกคน ควรผ่านการอบรมด้านจริยธรรมการวิจัยในคน
หรือ good clinical practice (GCP)

3.3 งานวิจัยทุกเรื่องต้องได้รับการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยฯ

3.4 งานวิจัยทุกเรื่อง ควรดำเนินภายใต้ด้านจริยธรรมการวิจัยในคนหรือข้อกำหนดของ good clinical
practice (GCP)

4. สิ่งที่ต้องปฏิบัติสำหรับการดำเนินการวิจัย

4.1 เมื่อได้รับการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนแล้ว ต้องดำเนินการทำวิจัยตามข้อตกลง

โดยเคร่งครัด
4.2 เมื่อมีการลงนามในเอกสารชี้แจงอาสาสมัครหรือผู้แทนเพื่อให้ยินยอมเข้าร่วมวิจัย ต้องให้สำเนาแก่

อาสาสมัครหรือผู้แทนเก็บไว้ 1 ชุด

4.3 หากเป็นการวิจัยในสถานพยาบาล ให้ระบุในเวชระเบียนผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยในถึงสถานการณ์เข้า
ร่วมงานวิจัยของผู้ป่วย

4.4 การตรวจหรือรักษาเพมเติมจากโครงการวิจัยที่ผ่านการอนุมัติแล้ว โดยการกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นส่วน
ิ่
หนึ่งของการดูแลรักษาผู้ป่วยตามปกติ ไม่สามารถทำได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นได้มีการระบุและอนุมัติใน

โครงการวิจัยแล้ว และผู้วิจัยหรือคณะผู้วิจัยต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งทางตรงและทางออมที่เกิดขึ้นกบ

ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วย
4.5 กรณีที่โครงการวิจัยกำหนดให้ทำการตรวจหรือรักษาที่เพิ่มเติมจากการดูแลรักษาผู้ป่วยตามปกติ หากมี

ผลลัพธ์ที่อาจส่งผลต่อประโยชน์ให้การดูรักษาผู้ป่วย ให้ดำเนินการแจ้งคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยเพื่อ

วางแผนแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบต่อไป
4.6 หากเกิดกรณีอื่นนอกเหนือการคาดการณ์ ให้รีบปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการวิจัย หรือคณะกรรมการ

จริยธรรมการวิจัย กรณีที่ไม่สามารถปรึกษาได้ ให้ย้อนกลับไปใช้หลักพื้นฐาน 3 ข้อ ของจริยธรรมทาง
การแพทย์ในการตัดสินใจ คือ




4.6.1 การถือประโยชน์สุขของผู้ป่วยเป็นหลัก และการไม่กอให้เกิดความทุกขทรมานกบผู้ป่วย
4.6.2 การเคารพสิทธิของผู้ป่วย
4.6.3 การยึดมั่นในหลักความเสมอภาคของทุกคนในสังคมที่จะได้รับบริการทางการแพทย์ตามมาตรฐาน



5. กรอบการดำเนินงานวิจัยในเวลา 1 ปี (12 เดือนของการฝึกอบรม) แต่ละสถาบันควรกำหนดกิจกรรมการ
วิจัย และมีระยะเวลาประมาณการดังนี้



เดือนที่ ประเภทกิจกรรม

4 จัดเตรียมคำถามวิจัยและติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษา
5 จัดทำโครงร่างงานวิจัย

6 สอบและแก้ไขโครงร่างงานวิจัย
7 ขออนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย

ขอทุนสนับสนุนงานวิจัยจากแหล่งทุนทั้งภายในและนอกสถาบัน (ถาต้องการ)

8 เริ่มเก็บขอมูล
9 นำเสนอความคืบหน้างานวิจัย

10 วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลงานวิจัย
11 จัดทำรายงานวิจัยฉบับร่างให้อาจารย์ที่ปรึกษาปรับแก้ไข

12 จัดทำรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์และสอบป้องกันวิทยานิพนธ์

12 ส่งรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ต่อสถาบัน


หมายเหตุ: กำหนดเวลาดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและตามความเห็นของ

คณะอนุกรรมการสอบฯ



การขอรับรองวฒิบัตรสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) ให้มีคุณวุฒิเทียบเท่าปริญญาเอก


การรับรองคุณวุฒิหรือวุฒิการศึกษาวุฒิบัตร (ว.ว.) สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) ให้
“เทียบเท่าปริญญาเอก” นั้น ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลและของแต่ละสถาบันที่ให้การฝึกอบรม โดยให้เป็นไปตาม

ความสมัครใจของแต่ละสถาบันที่ให้การฝึกอบรมฯ และความสมัครใจของแพทย์ประจำบ้านแต่ละรายด้วย
หากแพทย์ประจำบ้านมีความประสงค์จะขอการรับรองคุณวุฒิหรือวุฒิการศึกษาวุฒิบัตร (ว.ว.) สาขาเวช

ศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) ให้ “เทียบเท่าปริญญาเอก” เมื่อจบการศึกษาแพทย์ประจำบ้านจะต้อง

แจ้งให้สถาบันฝึกอบรมทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ตั้งแต่เริ่มฝึกอบรมว่าจะรับการฝึกอบรมที่มีโอกาสได้รับทั้ง ว.ว.
และการรับรองวุฒิดังกล่าวให้ “เทียบเท่าปริญญาเอก” ซึ่งกรณีนี้ผู้เข้าอบรมจะต้องมีผลงานวิจัยโดยที่เป็นผู้วิจัย

หลัก และผลงานนั้นต้องตีพมพ์ในวารสารที่เป็นที่ยอมรับในระดับชาติหรือนานาชาติ ที่มีคุณภาพตามประกาศ

คณะกรรมการอุดมศกษาเรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาวารสารทางวิชาการสำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ



ในกรณีที่สถาบันฝึกอบรมฯ ไม่สามารถจัดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน เพื่อให้มีการรับรองคณวุฒิ

ว.ว. “เทียบเท่าปริญญาเอก” ได้ สถาบันนั้นมีสิทธิ์ที่จะไม่จัดการฝึกอบรมแบบที่มีการรับรองคุณวุฒิให้ “เทียบเท่า

ปริญญาเอก” ได้ สถาบันนั้นต้องแจ้งให้แพทย์ประจำบ้านทราบตั้งแต่วันเริ่มเปิดรับสมัครเข้าเป็นแพทย์ประจำบ้าน

ไปจนถึงวันที่เริ่มเปิดการฝึกอบรม


ในกรณีที่สถาบันฝึกอบรมใดต้องการให้มีการรับรอง ว.ว. ให้มีคุณวุฒิดังกล่าว แต่มีทรัพยากรจำกัด
ื่
สถาบันสามารถติดต่อขอความร่วมมือจากอาจารย์และทรัพยากรจากสถาบันอนมาช่วยได้ การที่แพทย์ประจำบ้าน
สอบผ่านและมีสิทธิ์ได้รับวุฒิบัตรสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) แล้ว หากมีความประสงค์จะให้

สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ดำเนินการออกเอกสารเพื่อรับรองว่า วุฒิบัตร สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน
(สุขภาพจิตชุมชน) มีคุณวุฒิ “เทียบเท่าปริญญาเอก” นั้น จะต้องทำให้ผลงานวิจัยหรือส่วนหนึ่งของผลงานวิจัยที่

ส่งมาให้สมาคม ประกอบการเข้าสอบ ว.ว. ในครั้งนั้น มีลักษณะดังนี้

1. ผลงานวิจัยต้องได้รับการตีพมพ์หรืออย่างน้อยได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือ

นานาชาติที่มีคุณภาพตามประกาศคณะกรรมการการอดมศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์การพจารณาวารสาร

ทางวิชาการ สำหรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
2. ให้ใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนบทคัดย่อ

การตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติหรือนานาชาติที่มีคุณภาพที่อยู่นอกเหนือประกาศของ TCI ให้เป็น

บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารที่ถูกคัดเลือกให้อยู่ใน PubMed, Scopus, Web of Science หรือ Google Scholar


หรือในวารสารนานาชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษในบทความหรือในบทคัดย่อและมีการตีพิมพวารสารฉบับนี้มานานเกิน
10 ปี (วารสารเริ่มออกอย่างช้าในปี พ.ศ. 2549 หรือ ค.ศ. 2006)



ในกรณีที่ ว.ว. สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน) ได้รับการรับรองว่า “เทียบเท่าปริญญา
เอก” สมาคมฯ ห้ามใช้คำว่า Ph.D. หรือ ปร.ด. ท้ายชื่อในคุณวุฒิหรือวุฒิการศึกษา และห้ามเขียนคำว่า ดร.

นำหน้าชื่อตนเอง แต่สถาบันการศึกษาสามารถใช้ ว.ว. ที่ “เทียบเท่าปริญญาเอก” นี้ มาใช้ให้ผู้ที่เทียบคุณวุฒิ


ประจำหลักสูตรการศึกษา อาจารย์รับผิดชอบหลักสูตรการศึกษา อาจารย์คุมวิทยานิพนธ์ หรือเป็นวุฒิการศกษา
ประจำสถานศึกษาได้ โดยเสนอให้สถาบันการศึกษาแสดงวุฒิการศึกษาแยกกันดังนี้

- มีอาจารย์ “เทียบเท่าปริญญาเอก” จำนวนกี่ท่าน จาก ว.ว.
- มีอาจารย์ “Ph.D หรือ ปร.ด. หรือ ปริญญาเอก” จำนวนกี่ท่าน



ดังนั้น วุฒิบัตรฯ หรือ หนังสืออนุมัติฯ ที่ได้รับการรับรองวุฒิการศึกษานี้ อาจจะมีคำว่า “เทียบเท่า
ปริญญาเอก” ต่อท้ายได้เท่านั้น

ภาคผนวกที่ 4


สมรรถนะตามเป้าประสงค์หลักในแต่ละระดับของการฝึกอบรมตามเกณฑ ์
หลักสูตรฝึกอบรมแพทยประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ป้องกัน (แขนงสุขภาพจิตชุมชน)



EPA (Entrustable professional activities)

การจัดลำดับ EPA
ระดับ 1 (L1) คือ สามารถปฏิบัติได้เองภายใต้การควบคุมของอาจารย์อย่างใกล้ชิด

ระดับ 2 (L2) คือ สามารถปฏิบัติได้เองภายใต้การชี้แนะของอาจารย์

ระดับ 3 (L3) คือ สามารถปฏิบัติได้เองโดยมีอาจารย์ให้ความช่วยเหลือเมื่อต้องการ

ระดับ 4 (L4) คือ สามารถปฏิบัติได้เองและอาจควบคุมผู้ที่มีประสบการณ์น้อยกว่าให้ปฏิบัติได้



EPA ชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 ชั้นปีที่ 3

EPA 1 การส่งเสริมสุขภาพจิต (Universal prevention by L2 L4 L4

promotion in mental health)
1.1 สามารถรวบรวมข้อมูลสถานการณ์สุขภาพจิต L2 L4 L4

1.2 สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลสุขภาพจิต และ L2 L4 L4

เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมสุขภาพจิต
1.3 สามารถวางแผน และดำเนินการส่งเสริมสุขภาพจิต L2 L3 L4

1.4 สามารถกำกับ ติดตาม และประเมินผลการส่งเสริม L2 L3 L4

สุขภาพจิต
1.5 สามารถปรับปรุง และพฒนาการดำเนินงานส่งเสริม L2 L3 L4

สุขภาพจิต

EPA 2 การป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช (Selective L2 L3 L4
prevention in mental problems and mental

disorders) ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย

ในภาวะปกติ
2.1 สามารถค้นหา ประเมินปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวช L2 L3 L4

ที่พบบ่อย

2.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของปัญหา L2 L3 L4
สุขภาพจิตและโรคจิตเวช ที่พบบ่อย

2.3 สามารถวางแผน ดำเนินการป้องกัน และจัดการปัญหา L2 L3 L4

สุขภาพจิตและโรคจิตเวช ที่พบบ่อย

EPA ชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 ชั้นปีที่ 3
2.4 สามารถให้บริการจิตสังคมแก่บุคคล ครอบครัวและ L2 L3 L4

ชุมชน ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย
EPA 3 การประเมิน วินิจฉัยและบำบัดฟื้นฟูผู้มีปัญหาสุขภาพจิต L2 L3 L4

และโรคจิตเวชที่พบบอย (Indicated prevention in

common mental health problems and mental
health disorders management)

3.1 สามารถตรวจวินิจฉัยปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่ L2 L3 L4

พบบ่อย
3.2 สามารถวางแผนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้มีปัญหา L2 L3 L4

สุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย

3.3 สามารถให้บริการจิตสังคมแก่ผู้ป่วยจิตเวช และญาติ L2 L3 L4
- EPA4 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญ วางแผน L2 L3 L4

ดำเนินการ จัดการปัญหาสุขภาพจิตที่พบบอยในชุมชน

(Mental health gap) ได้อย่างเหมาะสม
EPA 5 การให้การส่งเสริมพฒนาการเด็ก ส่งเสริมสุขภาพจิตและ L2 L3 L4

ป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในเด็ก และแม่ตั้งครรภ์และหลัง

คลอด รวมทั้งประเมิน วินิจฉัยปัญหาสุขภาพจิตและจิต
เวชที่พบบ่อย และจัดบริการเพื่อการดูแลช่วยเหลืออย่าง

เป็นระบบ

5.1 สามารถค้นหา ประเมินภาวะปัญหาพัฒนาการเด็ก L2 L3 L4
5.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของปัญหา L2 L3 L4

พัฒนาการเด็ก

5.3 สามารถวางแผน ดำเนินการป้องกัน จัดการปัญหาและ L2 L3 L4
การส่งเสริมพัฒนาการเด็กและการให้คำแนะนำแก่ภาคี

เครือข่ายในการดำเนินงานเพอการส่งเสริมพัฒนาเด็ก
ื่
5.4 สามารถติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานการส่งเสริม L2 L3 L4
การป้องกันและจัดการปัญหาพัฒนาการเด็ก

5.5 สามารถเผยแพร่ สื่อสาร นำเสนอ ให้ข้อมูลแก่บุคคล L2 L3 L4
ครอบครัว ชุมชน สังคม เครือข่าย องค์กรหน่วยงานภาครัฐ

และเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม

EPA 6 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหา L2 L3 L4
สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น รวมทั้งการประเมิน วินิจฉัย

EPA ชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 ชั้นปีที่ 3
ปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวชที่พบบ่อย และจัดบริการเพื่อ

การดูแลช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ
6.1 สามารถค้นหา ประเมินภาวะปัญหาสุขภาพจิตเด็กและ L2 L3 L4

วัยรุ่น

6.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของปัญหา L2 L3 L4
สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น

6.3 สามารถวางแผน ดำเนินการป้องกัน จัดการปัญหา L2 L3 L4

สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นและการให้คำแนะนำแก่ภาคี
เครือข่ายในการดำเนินงาน

6.4 สามารถติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานการส่งเสริม L2 L3 L4

การป้องกันและจัดการปัญหาสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น


6.5 สามารถเผยแพร่ สื่อสาร นำเสนอ ให้ข้อมูลแก่บุคคล L2 L3 L4

ครอบครัว ชุมชน สังคม เครือข่าย องค์กรหน่วยงานภาครัฐ
และเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม

EPA 7 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหา L2 L3 L4

สุขภาพจิตในวัยทำงานทั้งในสถานประกอบการและบริบท
อื่นนอกสถานประกอบการ รวมทั้งการประเมิน วินิจฉัย

ปัญหา และจัดบริการเพื่อการดูแลช่วยเหลืออย่างเป็น
ระบบ

7.1 สามารถค้นหา ประเมินภาวะปัญหาสุขภาพจิตวัยทำงาน L2 L3 L4

7.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของปัญหา L2 L3 L4
สุขภาพจิตวัยทำงาน

7.3 สามารถวางแผน ดำเนินการป้องกัน จัดการปัญหา L2 L3 L4

สุขภาพจิตวัยทำงาน
7.4 สามารถติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานการส่งเสริม L2 L3 L4

การป้องกันและจัดการปัญหาสุขภาพจิตวัยทำงาน

7.5 สามารถเผยแพร่ สื่อสาร นำเสนอ ให้ข้อมูลแก่บุคคล L2 L3 L4
ครอบครัว ชุมชน สังคม เครือข่าย องค์กรหน่วยงานภาครัฐ

และเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม

EPA 8 การให้การส่งเสริมสุขภาพจิต และป้องกันปัญหา L2 L3 L4
สุขภาพจิตผู้สูงอายุรวมทั้งการประเมิน วินิจฉัยปัญหา

EPA ชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 ชั้นปีที่ 3
สุขภาพจิตและจิตเวชที่พบบ่อย และจัดบริการเพื่อการ

ดูแลช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ
8.1 สามารถค้นหา ประเมินภาวะปัญหาสุขภาพจิตวัยสูงอายุ L2 L3 L4

8.2 สามารถวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของปัญหา L2 L3 L4

สุขภาพจิตวัยสูงอายุ
8.3 สามารถวางแผน ดำเนินการป้องกัน จัดการปัญหา L2 L3 L4

สุขภาพจิตวัยสูงอายุและการให้คำแนะนำแก่ภาคีเครือข่ายใน

การดำเนินงาน
8.4 สามารถติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานการส่งเสริม L2 L3 L4

การป้องกันและจัดการปัญหาสุขภาพจิตวัยสูงอายุ

8.5 สามารถเผยแพร่ สื่อสาร นำเสนอ ให้ข้อมูลแก่บุคคล L2 L3 L4
ครอบครัว ชุมชน สังคม เครือข่าย องค์กรหน่วยงานภาครัฐ

และเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม

EPA 9 การประเมินและจัดการภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพจิตและจิต L2 L3 L4
เวช และการดูแลเยียวยาด้านจิตใจในภาวะวิกฤติ

(Mental health crisis management) ทั้งจากภัยพบัติ


ธรรมชาติและจากน้ำมือมนุษย(natural and man-
made disaster)

9.1 สามารถดำเนินการส่งเสริมสุขภาพจิต (Universal L2 L3 L4

Prevention) ในภาวะวิกฤต (Mental health crisis
management) ทั้งจากภัยพิบัติธรรมชาติและจากน้ำมือ

มนุษย์(natural and man-made disaster)
9.2 สามารถดำเนินการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิต L2 L3 L4

เวช (Selective Prevention) ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรค

จิตเวชในภาวะวิกฤต (Mental health crisis
management) ทั้งจากภัยพิบัติธรรมชาติและจากน้ำมือ

มนุษย์(natural and man-made disaster)

9.3 สามารถให้การบำบัดรักษาและฟื้นฟ (Indicated L2 L3 L4

Prevention) ผู้มีปัญหาสุขภาพจิตและโรคจิตเวชที่พบบ่อย

ในภาวะวิกฤต (Mental health crisis management) ทั้ง
จากภัยพิบัติธรรมชาติและจากน้ำมอมนุษย์(natural and

man-made disaster)

EPA ชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 ชั้นปีที่ 3
EPA 10 การสื่อสารและให้เกิดความรู้ ความเข้าใจด้านสุขภาพจิต L1 L3 L4

(mental health literacy) และการดำเนินการเพื่อลด
stigma and discrimination

10.1 มีทักษะปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารกับผู้ร่วมปฏิบัติงาน L1 L3 L4

ผู้ป่วย ครอบครัว ชุมชนและสังคม เพื่อให้เกิดความรู้ความ
เข้าใจและลด stigma discrimination

10.2 มีทักษะการเป็นผู้นำและทักษะการทำงานเป็นทีม L1 L3 L4

ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ บุคลากรสุขภาพในชุมชน
10.3 มีแนวทาง และทักษะในการเผยแพร่ สื่อสาร ให้ข้อมูล L1 L3 L4

งานสุขภาพจิตตามกลุ่มเป้าหมาย เช่น บุคลากรทาง

การแพทย์และการสาธารณสุข เครือข่าย องค์กรและ
หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

10.4 วิเคราะห์ ช่องทาง โอกาสและแนวทางที่เหมาะสมใน L1 L3 L4

การสื่อสาร ให้ข้อมูลงานสุขภาพจิตได้อย่างถูกต้อง มี
ประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อผู้เกี่ยวข้อง

10.5 ทักษะการให้การปรึกษา และการให้คำแนะนำ L1 L3 L4

บุคลากรสุขภาพ แพทย์เวชปฏิบัติ ภาคีเครือข่ายด้าน
สาธารณสุขในชุมชนและสังคม ในประเด็นต่างๆ เช่น ด้าน

เวชศาสตร์ป้องกัน สุขภาพจิต ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
EPA 11 การให้บริการทางจิตสังคมทั้งต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน L2 L3 L4

11.1 สามารถให้สุขภาพจิตศึกษาแก่บุคคล ครอบครัว ชุมชน L2 L3 L4

11.2 สามารถให้บริการดูแลจิตใจ ประคับประคองจิตใจ ให้ L2 L3 L4
คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติ ทั้งแบบรายบุคคลและ

แบบกลุ่ม

11.3 สามารถให้คำแนะนำเทคนิคการปรับพฤติกรรม การ L2 L3 L4
จัดการกับความเครียด การลดพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อการมี

สุขภาพจิตที่ดีแก่บุคคล ครอบครัว ชุมชน


11.4 สามารถให้คำแนะนำแกภาคีเครือข่ายในการ L2 L3 L4
ดำเนินงานการให้บริการทางจิตสังคมทั้งต่อบุคคล ครอบครัว

ชุมชน

11.5 สามารถติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานการ L2 L3 L4
ให้บริการทางจิตสังคมทั้งต่อบุคคล ครอบครัว ชุมชน

EPA ชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 ชั้นปีที่ 3
EPA 12 การใช้เทคโนโลยีการดำเนินงานสุขภาพจิตในชุมชน L1 L2 L3

12.1 สามารถเลือกใช้เทคโนโลยีการดำเนินงานสุขภาพจิต L1 L2 L3
เครื่องมือประเมินสุขภาพจิตต่าง ๆ ทั้งในระดับบุคคล

ครอบครัว ชุมชน และประชาชน ได้อย่างเหมาะสม

12.2 สามารถให้คำแนะนำแก่ภาคีเครือข่ายในการใช้ L1 L2 L3
เทคโนโลยีการดำเนินงานสุขภาพจิต เครื่องมือประเมิน

สุขภาพจิตต่าง ๆ ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชน และ

ประชาชน
EPA 13 การบูรณาการงานสุขภาพจิตในระบบสาธารณสุข L1 L2 L3

13.1 มีประสบการณ์เรียนรู้การบริหารจัดการเชิงระบบใน L1 L2 L3

งานสุขภาพจิตชุมชนที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพทั้งในระดับ
พื้นที่ ระดับเขตสุขภาพ ระดับชาติ และระดับนานาชาติ

13.2 มีประสบการณ์เรียนรู้การบริหารจัดการเชิงระบบใน L1 L2 L3

งานสุขภาพจิตชุมชนที่เกี่ยวข้องกับนอกระบบสุขภาพที่
รวมถึงภาคีเครือข่าย องค์กรและหน่วยงานทั้งภาครัฐและ

เอกชนที่เกี่ยวข้อง

13.4 มีทักษะในการใช้ทรัพยากรทั้งของหน่วยงาน ชุมชนได้ L1 L2 L3
อย่างเหมาะสม และสามารถบูรณาการงานสุขภาพจิตชุมชน

ให้เข้ากับบริบทของงานบริการสาธารณสุขในชุมชน

EPA 14 การวางแผนและพัฒนางานสุขภาพจิตชุมชนร่วมกับ L2 L3 L4
เครือข่าย

14.1 สามารถประเมินสถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิตและ L2 L3 L4
โอกาสการพัฒนา ในการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย

องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยสอดคล้องกับวิถีชีวิตของ

ชุมชน
14.2 สามารถวางแผนและพฒนางานสุขภาพจิตชุมชน L2 L3 L4

ร่วมกับภาคีเครือข่าย

EPA 15 การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานการส่งเสริม L2 L3 L4
สุขภาพจิต การป้องกันและจัดการปัญหาสุขภาพจิตและ

ี่

โรคจิตเวชทพบบอยในระดับบุคคล ครอบครัว ชุมชนและ
ประชาชน
15.1 สามารถติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานการส่งเสริม L2 L3 L4

EPA ชั้นปีที่ 1 ชั้นปีที่ 2 ชั้นปีที่ 3
การป้องกันและจัดการปัญหาสุขภาพจิต

15.2 สามารถนำผลการประเมินใช้เป็นแนวทางในการ L2 L3 L4
พัฒนางานต่อไปและการให้คำแนะนำแก่ภาคีเครือข่ายใน

การดำเนินงาน


หมายเหตุ แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 3 เข้ารับการศึกษาหลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิตหรือเทียบเท่า


Click to View FlipBook Version