1
ก
คำนำ
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนร่วมใน การทากิจกรรม
โดยใช้ประสบการณ์ตรงของเด็ก เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยมีครูเป็นผู้คอยกระตุ้น เพื่อให้เด็กเกิดความสนใจการ
เรยี นรมู้ ากขึน้ การทดลองวทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ กระบวนการแสวงหา ความรู้ และคน้ คว้า หาคาตอบในสงิ่ ทเ่ี ด็กเกิดความ
อยากรู้ หรอื สงสัยดว้ ยการหาคาตอบด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ
โดยธรรมชาติของเดก็ ปฐมวยั เกดิ ความอยากรู้ อยากเห็น มีความคดิ การกระทาเปน็ ของตนเอง
ครูควรจัดประสบการณ์ให้เด็กได้สังเกต ได้สัมผัส ได้ทดลอง เพื่อตอบสนองธรรมชาติของการเรียนรู้ของเด็ก ช่วยให้
เด็กเจริญงอกงามทางปัญญา การได้คิด ได้สังเกต ได้สารวจ ได้ค้นคว้าทดลอง และปฏิบัติจริงด้วยตนเอง จะช่วยให้
เด็กเกิดการเรียนรู้ มคี วามเขา้ ใจในระยะยาวมากยิง่ ข้ึน
ขอขอบพระคุณคณะครูโรงเรียนบ้านน้าพุ ผู้ทรงคุณวุฒิ ศึกษานิเทศก์ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาน่าน เขต 1 ที่ใหค้ าปรึกษา ให้ข้อแนะนาในการวางแผนการทางานรว่ มกนั ทาใหร้ ายงานกจิ กรรมบ้าน
นักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ๒๐ กิจกรรม สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ผู้จัดทาหวังว่า รายงานกิจกรรมบ้าน
นักวิทยาศาสตร์น้อย ประเทศไทย ๒๐ กิจกรรม เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่นาไปใช้ และพัฒนาเด็กในระดับช้ัน
ปฐมวัยต่อไป จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสน้ีด้วย
นางสาวอัญญารตั น์ สมปานวัง
โรงเรียนบ้านนา้ พุ
ผ้จู ัดทา
สำรบญั ข
เร่ือง หน้ำ
คานา ก
สารบัญ ข
เรอื่ ง กำ๊ ซคำรบ์ อนไดออกไซด์
1
กิจกรรมท่ี 1 เมล็ดพชื เต้นระบา 4
กจิ กรรมท่ี 2 ภเู ขาไฟระเบดิ
เรื่อง คณติ ศำสตร์ 7
กิจกรรมท่ี 3 พับหรอื ตัดกท็ บั กันสนิท
เรอื่ ง นำ 10
กจิ กรรมที่ 4 ความลับของสีดา 13
กจิ กรรมท่ี 5 ไหลแรงหรือค่อย 16
กิจกรรมที่ 6 หมุดลอยน้า 19
กจิ กรรมที่ 7 สนกุ กับฟองสบู่ 22
กิจกรรมที่ 8 เนินน้า 25
กิจกรรมที่ 9 การละลายของน้าตาล
เรอื่ ง ไฟฟำ้ 28
กจิ กรรมท่ี 10 ติดหนึบโดยไมต่ อ้ งใชก้ าว
เรื่อง แสง สี และกำรมองเห็น 31
กจิ กรรมที่ 11 ลูกขา่ งหลากสี 34
กจิ กรรมที่ 12 สเี ต้นระบา
เร่อื ง อำกำศ 37
กิจกรรมท่ี 13 กักนา้ ไว้ได้ 40
กิจกรรมที่ 14 ลูกโปง่ พองโต 43
กิจกรรมที่ 15 ขวดบบุ เองได้ 46
กิจกรรมท่ี 16 ทอรน์ าโดในขวด 49
กิจกรรมที่ 17 งเู ต้นระบา 52
กิจกรรมท่ี 18 การสรา้ งกระแสลม
เร่ือง นำและเทคโนโลยี 55
กิจกรรมท่ี 19 เรือแบบใดบรรทกุ น้าหนักได้มากท่ีสดุ
เรอ่ื ง วิทยำกำรคำนวณ 58
กจิ กรรมที่ 20 ภาพพกิ เซล
๑
รำยงำนกำรดำเนินงำนกจิ กรรมบ้ำนนกั วิทยำศำสตร์น้อย
โรงเรียนบ้านน้าพุ สงั กดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานา่ นเขต 1
กจิ กรรมท่ี 1 เมลด็ พืชเตน้ ระบา
วันท่ี 5 เดอื น มกราคม ปี 2565
จดุ ประสงค์ของกิจกรรม
1. ใช้ประสาทสัมผัสทั้งหา้ ในการหาคาตอบได้
2. เด็กสามารถปฏิบตั กิ ารทดลองเพื่อพสิ จู นส์ มมตฐิ านทต่ี ้ังไว้ได้
3. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขันตอนกำรจัดกจิ กรรม
1. ครูแนะนาอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองเมล็ดพชื เตน้ ระบา
- น้าโซดา
- เมล็ดถั่วเขยี ว
- นา้ เปล่า
- หลอดดดู นา้
- แว่นขยาย
- ขวดแยมพร้อมฝา
2. เดก็ และครรู ่วมกนั เตรยี มวัสดอุ ปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ทีใ่ ชใ้ นการทดลอง
3. เดก็ ๆ ร่วมกันแนะนาอปุ กรณ์ทีใ่ ช้ในการทดลอง
4. เทน้าโซดาลงในขวดโหลท่ี 2 ปริมาณครงึ่ ขวด จากน้ันโรยเมลด็ ถว่ั เขยี วลงไปแล้วรีบปิดฝา สงั เกตการ
ทดลอง “เมลด็ ถัว่ เขยี วลอยข้ึนมาเต้นระบาเต็มไปหมดเลย”
5. เดก็ ๆ ร่วมกนั สรุปผลการทดลองดว้ ยการวาดภาพระบายสีการทดลองเมล็ดพืชเตน้ ระบา และนาเสนอ
ผลงานหนา้ หอ้ ง
6. ฟองที่พบก็คือ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะพบก็ต่อเม่ือเปิดขวดโซดาออก และจะมีแรงดันทา ใหว้ ัตถตุ า่ ง
ๆ เชน่ หลอดดดู นา เมล็ดถ่ัวเขียว ลอยขน้ึ ได้
๒
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขนั ตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดุอปุ กรณ์
3. เดก็ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๓
ผลกำรจดั กิจกรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพืนฐำน และพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวัย
1.1 ด้ำนกำรเรยี นรู้/ดำ้ นภำษำ/ด้ำนสตปิ ัญญำ
ด้ำนกำรเรยี นรู้
- เดก็ ได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ได้เรยี นรู้ในเรื่อง เมลด็ พืชเตน้ ระบา จะพบว่าเมอ่ื ใส่เมล็ดพชื ลงในน้าโซดา เมล็ดพชื จะเตน้ ขนึ้
เตน้ ลงในน้าโซดาเปน็ เวลานาน เมล็ดพืชบางชนิดเคล่ือนที่ไปมาอย่างรวดเรว็ โดยฟองกา๊ ซจะดนั เมล็ดพืชลอยขึ้นสผู่ ิว
นา้ และเม่ือฟองก๊าซแตกออก เมลด็ จะตกลงสู่กน้ ภาชนะตามเดิม เมื่อนาหลอดดูดใสใ่ นขวดทีม่ ีน้าโซดาแล้วจะ
สังเกตเห็นว่าหลอดดูดจะลอยข้นึ และเคลอ่ื นท่ีไปมา แตเ่ ม่ือใสเ่ มลด็ พืชหรือวสั ดุต่างๆ ลงไปในนา้ เปล่าเมล็ดพืชและ
วสั ดตุ ่างๆ จะไม่เคลือ่ นทีไ่ ด้ เนอ่ื งจากในนา้ โซดามีกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ เม่ือใส่วัตถุต่างๆ ลงไป วตั ถุเหล่านน้ั จะ
เคล่อื นท่ีขน้ึ ลงทันที
- เดก็ สามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ด้ำนภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอียดเก่ยี วกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพูดของตนเอง
- เด็กพูดอธิบายถงึ สง่ิ ที่พวกเขาสังเกตเหน็ จากการทดลอง
- เด็กได้นาเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสติปัญญำ
- เดก็ คิดและร้จู ักการตง้ั คาถามในสิ่งที่ตนสงสยั
- เดก็ ได้มีการพัฒนาสติปญั ญา โดยเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทักษะการสังเกต การเปรยี บเทียบ การจาแนก เปน็ ต้น
1.2 ดำ้ นสงั คม
- เดก็ สามารถทางานร่วมกับผู้อืน่ ได้
- เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่นื
- เด็กเคารพกฎ กติกาของหอ้ งเรยี น และระหว่างปฏิบตั ิกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จติ ใจ
- เดก็ ตนื่ เตน้ สนุกสนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบตั ิกิจกรรม
1.4 ด้ำนกำรเคลอื่ นไหว/ร่ำงกำย
- เด็กเคล่อื นไหวหยบิ จับอปุ กรณต์ า่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคลว่
- เดก็ สามารถวาดภาพลงในกระดาษได้อย่างคล่องแคล่วและชดั เจน
๔
รำยงำนกำรดำเนินงำนกจิ กรรมบำ้ นนักวทิ ยำศำสตร์น้อย
โรงเรียนบ้านนา้ พุ สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาน่านเขต 1
กจิ กรรมท่ี 2 ภเู ขาไฟระเบดิ
วันที่ 5 เดอื น มกราคม พ.ศ. 2565
จุดประสงคข์ องกจิ กรรม
1.เพื่อให้เด็กมีทักษะการสงั เกตเปรยี บเทียบการเกิดภูเขาไฟระเบดิ
2. เพื่อใหเ้ ดก็ ร้จู ักคุณสมบัตขิ องเบกกงิ โซดา
ขันตอนกำรจดั กิจกรรม
1. ครแู นะนาอปุ กรณ์ท่ีใช้การทดลอง ภูเขาไฟ
- นา้
- ดินนา้ มัน
- สีนา้
- เบคกงิ้ โซดา
- หลอดหยด
- น้ายาล้างจาน
2. ครูสาธติ การทดลอง การใช้ดนิ นา้ มนั ปั้นเป็นภเู ขาไฟจาลองที่พอดีกบั การทดลอง
3. ครูสาธิตการนาเบกกงิ โซดาใสล่ งในปล่องภูเขาไฟ
4. ครูสาธิตการหยดนา้ ยาล้างจาน 2 - 3 หยด และสีลงไปในปล่องภูเขาไฟ
5. ครสู าธิตนาน้ายาล้างจา้ งใส่ลงไปในปล่องภูเขาไฟและให้เด็กสังเกตการเกิดภูเขาไฟระเบิด
6. ให้เด็กลงมอื ช่วยกนั ทากจิ กรรมภเู ขาไฟระเบดิ ดว้ ยตนเองเปน็ กล่มุ
7. ครแู ละเดก็ ชว่ ยกันสรุปผลการทดลองภูเขาไฟระเบดิ จาลอง ว่าการใช้สารเบกกิงโซดารวมถงึ น้ายาลา้ ง
จาน สี เทลงในปลอ่ งภูเขาไฟที่ทาจากดนิ น้ามัน ผสมกนั แล้วทาให้เกิดฟองฟูค่ ล้ายการเกิดภเู ขาไฟระเบดิ
๕
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขนั ตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดุอปุ กรณ์
3. เดก็ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๖
ผลกำรจดั กจิ กรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพัฒนำกำรของเด็กปฐมวัย
1.1 ดำ้ นกำรเรยี นร/ู้ ดำ้ นภำษำ/ด้ำนสติปญั ญำ
ด้ำนกำรเรยี นรู้
- เด็กได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ไดเ้ รียนร้ใู นเร่ือง ภูเขาไฟระเบิด ว่าน้าสม้ สายชูมีความเป็นกรดสามารถทาให้เกิดฟองฟู่
เหมือนภูเขาไฟระเบิดได้ เม่ือใส่สผี สมอาหารลงไปก็จะทาให้เปน็ ฟองชดั เจนมากย่ิงขึน้ และถ้าเติม เบกกิงโซดาเพม่ิ ก็
จะเกดิ การฟู่ขึน้ อีกครัง้
- เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอยี ดเกีย่ วกบั อุปกรณ์การทดลองได้ โดยใช้คาพดู ของตนเอง
- เด็กพูดอธบิ ายถงึ สิ่งที่พวกเขาสงั เกตเหน็ จากการทดลอง
- เด็กไดน้ าเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนๆ ฟังได้
ดำ้ นสตปิ ญั ญำ
- เดก็ คดิ และรู้จักการตงั้ คาถามในสงิ่ ทต่ี นสงสัย
- เด็กไดม้ ีการพฒั นาสติปญั ญา โดยเกดิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทักษะการสังเกต การเปรยี บเทยี บ เปน็ ต้น
1.2 ดำ้ นสงั คม
- เดก็ สามารถทางานร่วมกบั ผู้อื่นได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อนื่
- เด็กเคารพกฎ กติกาของห้องเรยี น และระหวา่ งปฏบิ ตั ิกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จิตใจ
- เดก็ ตืน่ เต้นสนุกสนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบตั กิ ิจกรรม
1.4 ด้ำนกำรเคลื่อนไหว/รำ่ งกำย
- เด็กเคลอ่ื นไหวหยิบจับอุปกรณต์ ่างๆ ในการทดลองได้อย่างคลอ่ งแคลว่
- เดก็ สามารถชว่ ยกนั ป้ันดินน้ามนั ให้เป็นรปู ภเู ขาไฟได้
- เดก็ สามารถวาดภาพในกระดาษได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ และชัดเจน
๗
รำยงำนกำรดำเนินงำนกจิ กรรมบำ้ นนักวิทยำศำสตร์น้อย
โรงเรียนบ้านนา้ พุ สงั กดั สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษานา่ นเขต 1
กิจกรรมที่ 3 พบั หรือตดั ก็ทับกนั สนทิ
วันที่ 5 เดือน มกราคม ปี 2565
จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
1. ใชป้ ระสาทสมั ผสั ทัง้ ห้าในการหาคาตอบได้
2. เดก็ สามารถปฏบิ ตั ิการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ได้
3. เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขันตอนกำรจัดกิจกรรม
1. ครูแนะนาอปุ กรณ์ท่ีใช้การทดลอง พับหรือตัดกท็ ับกนั สนิท
- กระดาษ
- สนี ้า
- กรรไกร
2. ครรู ว่ มสนทนากับนกั เรยี นกับสิ่งท่ีพบเหน็ ในชีวติ ประจาวัน
3. ครูแจกกระดาษใหน้ ักเรียนพับคร่ึงกระดาษแลว้ คล่อี อก ให้นกั เรียนหยดสนี ้าลงบนกระดาษเพียงด้าน
เดยี วเมือ่ เสรจ็ ใหพ้ ับกระดาษลงรอยเดมิ ใชม้ ือกดตรงทีส่ หี ยด สงั เกตผล
4. ใหน้ ักเรยี นนากระดาษมาพับครึ่งอกี ครง้ั แลว้ ใช้กรรไกรตัดดา้ นท่ีพับเปน็ รปู ต่างๆ เช่น สามเหลี่ยม
สเ่ี หลี่ยม เป็นต้น
5. จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นพบั กระดาษอีกหลายๆทบ และตัดกระดาษทพ่ี ับเป็นรูปต่างๆอีกคร้ังสังเกตผล
6. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรุปผลการทดลองเร่ือง พบั หรือตดั ก็ทบั กันสนิท พบวา่ การสร้างรูปสมมาตรจาก
การหยดสบี นกระดาษ หลักการพ้ืนฐานคือ แบ่งเปน็ 2 ส่วนเท่าๆกนั รูปหนง่ึ จะเป็นรูปสมมาตรได้ก็ต่อเม่ือพับแล้ว
รูปทับกนั สนทิ พอดี
7. นกั เรยี นบนั ทึกผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสี
๘
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขนั ตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดุอปุ กรณ์
3. เดก็ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๙
ผลกำรจดั กจิ กรรม
1. พัฒนำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพฒั นำกำรของเดก็ ปฐมวยั
1.1 ดำ้ นกำรเรียนร้/ู ดำ้ นภำษำ/ดำ้ นสติปญั ญำ
ด้ำนกำรเรียนรู้
- เดก็ ไดล้ งมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ไดเ้ รียนรู้ในเรื่อง พบั หรือตัดก็ทบั กนั สนทิ พบว่า การสร้างรปู สมมาตรจากการหยดสบี น
กระดาษ หลักการพื้นฐานคือ แบ่งเป็นสองส่วนเทา่ ๆกัน รูปไหนรูปหนง่ึ จะเป็นรูปสมมาตรไดก้ ต็ ่อเม่ือพบั แล้วรูปทับ
กนั สนิทพอดี
- เด็กสามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ด้ำนภำษำ
- เด็กสามารถบอกรายละเอยี ดเก่ียวกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใช้คาพดู ของตนเอง
- เดก็ พูดอธบิ ายถึงสงิ่ ที่พวกเขาสงั เกตเหน็ จากการทดลอง
- เด็กไดน้ าเสนอผลงานของตนเองให้เพือ่ นๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสตปิ ญั ญำ
- เดก็ คิดและร้จู ักการต้งั คาถามในส่ิงท่ตี นสงสยั
- เดก็ ไดม้ ีการพัฒนาสตปิ ัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทกั ษะการสงั เกต การเปรยี บเทียบ เป็นตน้
1.2 ดำ้ นสังคม
- เดก็ สามารถทางานรว่ มกับผู้อื่นได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน
- เดก็ เคารพกฎ กตกิ าของหอ้ งเรยี น และระหว่างปฏิบตั ิกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จติ ใจ
- เดก็ ต่ืนเต้นสนุกสนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบัติกิจกรรม
1.4 ดำ้ นกำรเคลอ่ื นไหว/รำ่ งกำย
- เด็กเคลอ่ื นไหวหยบิ จับอุปกรณต์ า่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคลอ่ งแคลว่
- เดก็ สามารถหยดสีลงบนกระดาษไดด้ ี
- เดก็ สามารถใชก้ รรไกรตัดได้อยา่ งคล่องแคล่ว
๑๐
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกจิ กรรมบ้ำนนักวทิ ยำศำสตร์น้อย
โรงเรียนบา้ นน้าพุ สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษานา่ นเขต 1
กจิ กรรมที่ 4 ความลบั ของสีดา
วนั ท่ี 6 เดอื น มกราคม ปี 2565
จดุ ประสงค์ของกิจกรรม
1. เดก็ สามารถปฏบิ ตั ิการทดลองเพื่อพสิ จู น์สมมตฐิ านท่ีตั้งไว้ได้
2. เด็กสามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขนั ตอนกำรจดั กิจกรรม
1. ครแู นะนาอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการทดลองการละลายของนา้ ตาล
- กระดาษกรอง
- ปากกาเมจิกสดี า
- แก้วน้า
- หลอดหยด
- แวน่ ขยาย
- นา้ เปล่า
2. เด็กและครรู ว่ มกนั เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ทใ่ี ช้ในการทดลอง
3. เด็กและครรู ่วมกนั สนทนาเกยี่ วกับสีต่าง ๆ ทีต่ นเองชอบ เชน่ สแี ดง สีนา้ เงนิ สีเหลือง สีเขียวและสดี า
4. เดก็ แต่ละคนรบั วสั ดุอุปกรณ์ในการทดลองความลับของสดี า
5. เด็ก ๆ ร่วมกนั ทาการทดลองความลบั ของสีดาดว้ ยการวาดภาพและระบายสลี งบนกระดาษกรองด้วย
ปากกาเมจสิ ีดา หลังจากนัน้ หยดนา้ ลงไปตรงที่ระบายสี และสงั เกตการทดลองที่ เกิดขึน้ สีดาจะแพร่กระจายออก สี
ต่าง ๆ จะปรากฏตวั ออกมาให้เดก็ เหน็ บางคนมีสีฟ้าซ่อนอยใู่ นสีดา บางคนมสี ีเหลืองอ่อน
6. การทดลองความลบั ของสดี า เดก็ ๆ ใช้ปากกาเมจิกวาดลวดลายลงบนแผน่ กระดาษกรองตรงที่เจาะรูไว้
เสรจ็ แลว้ เอากระดาษกรองอีกแผ่นมว้ นกลมๆ สอดรูท่ีเจาะ นาหลอดหยดดูดนา้ คอ่ ยๆหยดลงบนลวดลายท่ีวาด แลว้
เด็กก็นาแว่นขยายสอ่ งดจู งึ ร้วู า่ ในสดี ามสี เี กดิ ข้นึ หลายสีคล้ายกับสีร้งุ
๑๑
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๑๒
ผลกำรจัดกจิ กรรม
1. พัฒนำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวัย
1.1 ด้ำนกำรเรียนรู้/ด้ำนภำษำ/ดำ้ นสติปัญญำ
ด้ำนกำรเรยี นรู้
- เดก็ ได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ได้เรยี นรู้ในเรื่อง สดี าเกิดจากการรวมตัวของสมี ากกว่า 2 สี
- เดก็ สามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เด็กสามารถบอกรายละเอยี ดเกย่ี วกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพูดของตนเอง
- เดก็ พดู อธิบายถึงสง่ิ ท่ีพวกเขาสังเกตเหน็ จากการทดลอง
- เด็กได้นาเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่อื นๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสติปัญญำ
- เดก็ คดิ และรจู้ ักการตัง้ คาถามในสงิ่ ทตี่ นสงสยั
- เดก็ ไดม้ ีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกดิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทักษะการสงั เกต การเปรียบเทยี บ เป็นตน้
1.2 ดำ้ นสังคม
- เด็กสามารถทางานร่วมกับผู้อน่ื ได้
- เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่นื
- เด็กเคารพกฎ กติกาของหอ้ งเรียน และระหว่างปฏบิ ัติกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จิตใจ
- เด็กตืน่ เต้นสนกุ สนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบตั ิกิจกรรม
1.4 ด้ำนกำรเคลื่อนไหว/รำ่ งกำย
- เด็กเคล่ือนไหวหยิบจับอุปกรณต์ า่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว
- เด็กสามารถวาดภาพในกระดาษได้อย่างคล่องแคลว่ และชัดเจน
๑๓
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกจิ กรรมบำ้ นนกั วทิ ยำศำสตรน์ ้อย
โรงเรียนบา้ นนา้ พุ สงั กดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาน่านเขต 1
กจิ กรรมท่ี 5 ไหลแรงหรือค่อย
วนั ท่ี 11 เดอื น มกราคม พ.ศ. 2565
จุดประสงคข์ องกิจกรรม
1. เพ่ือใหเ้ ดก็ ไดเ้ รยี นรู้เกยี่ วกับแรงดนั ของน้า
2. เพ่อื ให้เด็กรูจ้ ักการสงั เกต การเปรยี บเทยี บ และการไหลแรงหรอื ค่อยของน้าได้
ขันตอนกำรจัดกิจกรรม
1. ครูแนะนาอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการทดลองไหลแรงหรอื คอ่ ย
- ขวดน้าพลาสตกิ ขนาดใหญ่
- กะละมัง
- เข็มหมดุ ติดบอร์ด
- เทปกาวใส
- น้าเปลา่
- ปากกาเคมี
- กรรไกร
- กรวย
2. เดก็ และครรู ่วมกนั เตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ต่าง ๆ ท่ใี ชใ้ นการทดลอง ครูอธิบายวิธีการทดลองใหเ้ ด็กๆฟัง
3. เดก็ ๆ รว่ มกันสังเกตอุปกรณ์และชว่ ยกนั หาวธิ กี ารสรา้ งน้าไหลได้อย่างไร
4. เดก็ แตล่ ะคนรว่ มกันทดลองด้วยการเจาะรูที่ขวดน้า 2 ขวด ( ดา้ นบน 1 รู ด้านลา่ ง 1 รู ) และปิดไว้
ดว้ ยสก๊อตเทปใส จากน้นั กรอกน้าลงไปในขวดจนเต็มและปิดฝา
5. เดก็ ๆ รว่ มกันทาการทดลองด้วยการแกะสกอ๊ ตเทปใสออกท้ัง 2
6. เด็ก ๆ ร่วมกนั นาเสนอผลการทดลองดว้ ยการวาดภาพระบายสีการทดลองไหลแรงหรือไหลค่อย
7. เดก็ และครูร่วมกนั สรุปน้าจะไหลจากท่สี งู ลงส่ทู ต่ี า่ สาเหตุทน่ี า้ จากรลู า่ งไหลแรงกว่าน้าจากรูบนเพราะรู
ล่างมีแรงดันนา้ มากกวา่ รูบน
๑๔
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๑๕
ผลกำรจดั กจิ กรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพัฒนำกำรของเด็กปฐมวยั
1.1 ด้ำนกำรเรยี นรู้/ดำ้ นภำษำ/ด้ำนสตปิ ัญญำ
ดำ้ นกำรเรียนรู้
- เดก็ ไดล้ งมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เด็กไดเ้ รียนรู้ในเร่ือง ไหลแรงหรือค่อย พบว่า น้าท่ีไหลจากด้านบนสู่ด้านลา่ ง น้าท่ีอยู่ด้านล่างจะ
ยงิ่ หนกั มากขึ้น จงึ ทาให้น้ารขู ้างลา่ งไหลแรงมากกวา่ น้ารขู ้างบน และฟองที่เห็นในขวดเกิดจากอากาศเข้าไปในขวด
ไปอยบู่ นขวดแทนท่นี ้าแล้วดันน้าให้ไหลออกมาตรงที่เจาะรู แต่ถ้าปดิ รูอากาศเข้าไมไ่ ด้น้าจึงไม่ไหลออกมา
- เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เด็กสามารถบอกรายละเอยี ดเกยี่ วกบั อุปกรณ์การทดลองได้ โดยใช้คาพดู ของตนเอง
- เด็กพดู อธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาสงั เกตเห็นจากการทดลอง
- เด็กได้นาเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พือ่ นๆ ฟังได้
ดำ้ นสติปญั ญำ
- เดก็ คดิ และรจู้ ักการตั้งคาถามในส่ิงท่ีตนสงสัย
- เด็กได้มีการพฒั นาสติปัญญา โดยเกิดทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทักษะการสังเกต การเปรยี บเทยี บ เปน็ ต้น
1.2 ด้ำนสงั คม
- เด็กสามารถทางานรว่ มกบั ผู้อนื่ ได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อ่ืน
- เดก็ เคารพกฎ กติกาของห้องเรียน และระหวา่ งปฏิบัติกจิ กรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จิตใจ
- เดก็ ตนื่ เต้นสนกุ สนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม
1.4 ดำ้ นกำรเคลื่อนไหว/รำ่ งกำย
- เด็กเคลือ่ นไหวหยบิ จบั อุปกรณ์ตา่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคลอ่ งแคลว่
- เด็กสามารถวาดภาพในกระดาษได้อยา่ งคลอ่ งแคล่วและชัดเจน
๑๖
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกจิ กรรมบ้ำนนกั วทิ ยำศำสตร์น้อย
โรงเรียนบ้านน้าพุ สังกดั สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษานา่ นเขต 1
กจิ กรรมท่ี 6 หมุดลอยนา้
วันที่ 12 เดอื น มกราคม พ.ศ. 2565
จุดประสงค์
1. เดก็ วางหมดุ และลวดเสียบกระดาษใหล้ อยบนผิวน้าได้
2. เดก็ บอกแรงตงึ ผิวของน้าได้
ขนั ตอนกำรจัดกิจกรรม
1. ครแู นะนาอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการทดลองหมดุ ลอยนา้
- กะละมงั พลาสตกิ
- หมดุ ตดิ กระดาษหวั แบน
- ลวดเสียบกระดาษ
- ผา้ เชด็ มอื
- แว่นขยาย
2. ครูนาอุปกรณ์การมาใหเ้ ด็กไดด้ ูและสมั ผสั ทุกคน
3. ครูชวนเด็กทดลองว่าจะนาอะไรวางบนผวิ น้าแลว้ จะไม่จม ให้เดก็ ทุกคนเตรยี มหมุดหรือลวดเสียบ ตามที่
ตอ้ งการ
4. ครใู ช้คาถามนากจิ กรรมดังน้ี
- เราจะมวี ิธกี ารนาหมดุ หรอื ลวดเสียบมาวางบนนา้ อย่างไรจงึ จะไมจ่ ม
5. ให้เด็กออกมาทดลองตามวิธีการของตนเองทีละคนและช่วยกันสังเกต ระหว่างทากิจกรรมเด็กๆ ต้องไม่
ทาให้โตะ๊ สะเทอื น
- เพื่อนๆ บางคนวางเข็มหมุดแล้วลอยนา้ บางคนกจ็ ม
6. ให้เด็กสงั เกตผิวน้ารอบๆ หมดุ วา่ เปน็ อย่างไร
- เด็กๆ : บริเวณรอบหมดุ จะยบุ พอยุบมากๆหมดุ จะจม
7. เด็กและครรู ว่ มกันสรุปวา่ น้ามีแรงตึงผิว โมเลกลุ ของน้าจะยึดเกาะกัน เม่ือนาสง่ิ ของวางบนผวิ น้า ถ้าแรง
ตึงผิวไม่ขาดออกจากกันก็จะรับน้าหนัก ทาให้ส่ิงของไม่จมได้ แต่เรือมีน้าหนักเรือก็สามารลอยน้าได้ เพราะว่ามวล
ของนา้ จะแทนทเ่ี ท่ากบั น้ามวลของเรือ
๑๗
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๑๘
ผลกำรจัดกิจกรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพัฒนำกำรของเด็กปฐมวยั
1.1 ด้ำนกำรเรียนรู้/ด้ำนภำษำ/ด้ำนสตปิ ญั ญำ
ด้ำนกำรเรยี นรู้
- เดก็ ได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เด็กได้เรียนรู้ในเร่ือง หมดุ ลอยน้า พร้อมอธบิ ายถงึ วิธกี ารวางหมดุ ใหส้ ามารถลอยน้าได้ โดยหมดุ
จะสามารถลอยนา้ ไดเ้ ม่ือวางอย่างเบามือโดยอาศยั แรงตึงผวิ ของน้า
- เด็กสามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอยี ดเกี่ยวกบั อุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพูดของตนเอง
- เด็กพูดอธิบายถึงส่ิงที่พวกเขาสังเกตเหน็ จากการทดลอง
- เดก็ ไดน้ าเสนอผลงานของตนเองให้เพอื่ นๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสติปญั ญำ
- เด็กคดิ และรู้จักการตงั้ คาถามในส่งิ ทต่ี นสงสยั
- เด็กไดม้ ีการพฒั นาสตปิ ัญญา โดยเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทกั ษะการสงั เกต การเปรยี บเทียบ เป็นต้น
1.2 ด้ำนสังคม
- เด็กสามารถทางานรว่ มกบั ผู้อ่นื ได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่นื
- เดก็ เคารพกฎ กติกาของห้องเรยี น และระหวา่ งปฏิบตั ิกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จิตใจ
- เด็กตื่นเต้นสนุกสนานมีความสุขในการทดลองในขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม
1.4 ด้ำนกำรเคลื่อนไหว/ร่ำงกำย
- เด็กเคล่ือนไหวหยบิ จับอุปกรณต์ ่างๆ ในการทดลองได้อย่างคลอ่ งแคลว่
- เด็กสามารถจับหมุดไว้และค่อยๆ วางบนผวิ น้าไม่ไหห้ มดุ จมน้าได้
- เด็กสามารถวาดภาพในกระดาษได้อยา่ งคล่องแคลว่ และชัดเจน
๑๙
รำยงำนกำรดำเนินงำนกจิ กรรมบ้ำนนกั วทิ ยำศำสตร์นอ้ ย
โรงเรยี นบ้านนา้ พุ สังกดั สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาน่านเขต 1
กจิ กรรมที่ 7 สนกุ กบั ฟองสบู่
วันที่ 12 เดือน มกราคม ปี 2565
จุดประสงค์ของกจิ กรรม
1. ใชป้ ระสาทสมั ผสั ทั้งห้าในการหาคาตอบได้
2. เดก็ สามารถปฏิบัติการทดลองเพ่ือพิสูจน์สมมติฐานท่ีต้งั ไว้ได้
3. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขันตอนกำรจดั กิจกรรม
1. ครแู นะนาอุปกรณ์ท่ีใช้ในการทดลองสนุกกบั ฟองสบู่
- บกี เกอร์
- น้ายาล้างจาน
- น้าเปล่า
- หลอดดดู น้า
- แวน่ ขยาย
2. ครูนาอปุ กรณ์การมาอธิบายใหเ้ ดก็ ได้ดูและให้เด็กๆสัมผสั ทกุ คน
3. ครูสาธิตการใช้อุปกรณ์ในการทดลองสนุกกับฟองสบูใ่ ห้เด็กดู
4. ครูแจกอุปกรณท์ จี่ ะให้เด็กทุกคนลงมอื ทดลองกจิ กรรมสนุกกบั ฟองสบ่ดู ้วยตนเอง
5. ระหว่างทากจิ กรรมครใู ช้คาถามกระตนุ้ ดงั น้ี
- เดก็ ๆ สังเกตฟองสบมู่ ลี ักษณะเปน็ อยา่ งไร (เปน็ วงกลมซ้อนกนั เหมือนลาไย พวงองุ่น)
- เด็ก ๆ สงั เกตเหน็ อะไรในฟองสบู่ (เด็กตอบเห็นสรี ้งุ )
6. เด็กและครรู ่วมกันสรปุ การทดลองสนกุ กับฟองสบู่ ข้ันตอนแรกเด็ก ๆ ไดล้ องใช้หลอดดูดนา้ เป่าใน
นา้ เปล่าดู เด็ก ๆ ก็เห็นฟองผุดขึ้นจากนา้ แลว้ ก็หายไป และขนั้ ตอนต่อไปก็ นานา้ ยาลา้ งจานใส่ลงไปในบีกเกอรท์ ใ่ี ส่
น้าไว้แลว้ มาเปา่ ดปู รากฏว่าเกิดฟองเยอะมากและอยู่ได้นานไม่แตก เพราะนา้ ยาล้างจานมีสารท่ลี ดแรงตึงผิวของน้า
จึงทาให้ฟองท่เี ป่าสามารถลอยอยู่ในอากาศได้
๒๐
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๒๑
ผลกำรจดั กิจกรรม
1. พัฒนำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพฒั นำกำรของเด็กปฐมวัย
1.1 ดำ้ นกำรเรียนร/ู้ ดำ้ นภำษำ/ดำ้ นสตปิ ัญญำ
ดำ้ นกำรเรียนรู้
- เดก็ ได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ไดเ้ รยี นรูใ้ นเร่ือง สนุกกับฟองสบู่ ซึ่งจากการทดลองจะสงั เกตไดว้ ่า สารลดแรงตึงผิวสามารถ
ทาให้เดก็ ๆ เปา่ น้าให้เปน็ ฟองลอยในอากาศได้ ฟองสบเู่ ปน็ ทรงกลมเสมอ และเมื่อแสงส่องผา่ นฟองสบ่จู ะมองเหน็
ฟองสบู่เป็นสรี ุ้ง
- เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เด็กสามารถบอกรายละเอยี ดเก่ียวกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพูดของตนเอง
- เด็กพูดอธบิ ายถึงส่ิงที่พวกเขาสงั เกตเห็นจากการทดลอง
- เด็กไดน้ าเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสตปิ ัญญำ
- เด็กคดิ และรู้จักการตั้งคาถามในสงิ่ ทตี่ นสงสัย
- เด็กไดม้ ีการพัฒนาสติปัญญา โดยเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเน
ทกั ษะการสังเกต การเปรยี บเทยี บ เปน็ ต้น
1.2 ดำ้ นสังคม
- เดก็ สามารถทางานรว่ มกับผู้อนื่ ได้
- เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อ่ืน
- เดก็ เคารพกฎ กติกาของห้องเรียน และระหวา่ งปฏิบตั ิกิจกรรม
1.3 ด้ำนอำรมณ์ – จติ ใจ
- เด็กตื่นเต้นสนกุ สนานมีความสุขในการทดลองในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม
1.4 ดำ้ นกำรเคลือ่ นไหว/ร่ำงกำย
- เด็กเคล่อื นไหวหยิบจับอุปกรณต์ ่างๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคลว่
- เดก็ สามารถเปา่ น้ายาลา้ งจานให้เปน็ ฟองได้
- เดก็ สามารถวาดภาพในกระดาษได้อย่างคล่องแคลว่ และชัดเจน
๒๒
รำยงำนกำรดำเนินงำนกจิ กรรมบ้ำนนกั วทิ ยำศำสตร์น้อย
โรงเรียนบ้านนา้ พุ สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษานา่ นเขต 1
กจิ กรรมที่ 8 เนนิ นา้
วนั ท่ี 12 เดือน มกราคม พ.ศ. 2565
จดุ ประสงคข์ องกิจกรรม
1. เด็กสามารถใช้ประสาทสมั ผัสท้งั ห้าในการหาคาตอบได้
2. เดก็ สามารถปฏิบัตกิ ารทดลองเพ่ือพิสจู น์สมมตฐิ านที่ตงั้ ไว้ได้
3. เดก็ สามารถบนั ทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขนั ตอนกำรจัดกจิ กรรม
1. ครแู นะนาอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการทดลองเนนิ น้า
- บกี เกอร์
- แกว้ น้าชนิดต่าง ๆ
- ฝาขวดน้า / ฝาขวดแยม
- เงนิ เหรียญ
- น้าเปล่า
- หลอดหยด
- แวน่ ขยาย
2. เดก็ และครชู ่วยกนั เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ในการทดลองกจิ กรรมเนนิ นา้
3. เด็กนาแก้วใสไปวางไวใ้ นจานรอง เตมิ น้าให้เต็มแก้ว จากน้นั ครูแจกหลอดหยดให้กับเด็ก
4. ครูถามเด็กๆ ว่า ถ้าเราหยดนา้ ลงไปในแก้วนา้ ทีเ่ ต็มแล้ว น้าจะล้นออกจากแก้วหรือไม่ จากน้ันเดก็ ค่อยๆ
หยดน้าลงไปบนน้าในแกว้ โดยใช้หลอดหยด และสงั เกตสิ่งทีเ่ กดิ ขน้ึ เมื่อหยดน้าลงไปเรื่อยๆ
5. เด็กหยดนา้ ลงไปบนเหรียญบาท โดยใช้หลอดหยดและสังเกตสง่ิ ทเ่ี กิดข้ึนเมือ่ หยดนา้ ลงไปเรอื่ ยๆ
6. เด็กและครูรว่ มกันสรุปผลท่เี กดิ ข้ึนจากการทากิจกรรมคือ เม่อื เราหยดนา้ ทลี ะหยดลงไปบนน้าในแก้ว
อย่างช้าๆ และหยดน้าลงบนเหรียญบาทปรมิ าณนา้ จะสงู ข้ึน โดยจะเกดิ เป็นเนินน้าตรงกลางแก้วและเหรียญบาทซง่ึ
จะสูงกว่าขอบแกว้ และเหรยี ญบาท
7. ครูอธบิ ายเพมิ่ เติมวา่ ส่ิงทีท่ าใหเ้ กดิ เนินน้าขน้ึ ไดน้ ัน้ คือ นา้ มแี รงยึดเหนย่ี วกันทาให้นา้ จบั ตัวกนั แน่น
โดยเฉพาะทผี่ ิวน้า เรียกว่า แรงตงึ ผิว ทีส่ ามารถทาให้น้าเกาะกัน น้าจงึ ไมล่ น้ ออกมา
8. เดก็ บันทึกผลการทดลองด้วยการวาดภาพและระบายสีลงบนกระดาษบันทึกกจิ กรรม
๒๓
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๒๔
ผลกำรจัดกิจกรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพัฒนำกำรของเด็กปฐมวัย
1.1 ด้ำนกำรเรียนร/ู้ ดำ้ นภำษำ/ด้ำนสติปญั ญำ
ดำ้ นกำรเรยี นรู้
- เด็กได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ได้เรียนรใู้ นเร่ือง เนนิ น้า ซงึ่ สังเกตไดจ้ ากการทดลอง พบวา่ น้าประกอบดว้ ยโมเลกุลเล็กๆ ซึ่ง
มองไม่เห็น โมเลกลุ ของนา้ มนั ซอ้ นกันและจบั ตวั กนั อยา่ งหนาแนน่ จงึ ทาใหเ้ กดิ เปน็ แนวน้าสงู ส่วนน้ายาลา้ งจานเปน็
สารผสม ประกอบด้วยสารผสมหลายๆ อย่าง จงึ ทาให้ลดแรงตงึ ผิวน้าไป ทาให้เนินน้าถูกทาลาย
- เดก็ สามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เด็กสามารถบอกรายละเอียดเกีย่ วกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพดู ของตนเอง
- เด็กพูดอธิบายถึงส่ิงท่ีพวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง
- เด็กไดน้ าเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนๆ ฟังได้
ดำ้ นสตปิ ัญญำ
- เด็กคดิ และรจู้ ักการต้งั คาถามในสิ่งทีต่ นสงสยั
- เดก็ ได้มีการพัฒนาสตปิ ัญญา โดยเกิดทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเน
ทักษะการสงั เกต การเปรยี บเทียบ เป็นตน้
1.2 ด้ำนสังคม
- เดก็ สามารถทางานรว่ มกบั ผู้อนื่ ได้
- เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเอง และยอมรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อ่นื
- เด็กเคารพกฎ กติกาของหอ้ งเรียน และระหว่างปฏิบตั ิกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จติ ใจ
- เด็กตน่ื เต้นสนุกสนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
1.4 ด้ำนกำรเคล่อื นไหว/ร่ำงกำย
- เดก็ เคลื่อนไหวหยิบจบั อปุ กรณต์ า่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคลอ่ งแคล่ว
- เด็กสามารถใชห้ ลอดหยดนา้ ในการทดลองไดด้ ี
- เดก็ สามารถวาดภาพในกระดาษได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจน
๒๕
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกิจกรรมบำ้ นนกั วทิ ยำศำสตรน์ อ้ ย
โรงเรียนบา้ นน้าพุ สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาน่านเขต 1
กิจกรรมท่ี 9 การละลายของนา้ ตาล
วันท่ี 13 เดือน มกราคม ปี 2565
จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
1. เพ่ือให้เดก็ ได้เรยี นรูเ้ กี่ยวกับการละลายและการแบง่ สีของนา้ ตาลเม่ือละลายแล้ว
2. เพ่อื ฝึกทักษะการสังเกตและกระบวนการคิดของเดก็
ขันตอนกำรจัดกิจกรรม
1. ครูแนะนาอุปกรณท์ ี่ใช้ในการทดลองการละลายขอน้าตาลจานพลาสติกสีขาว
- นา้ ตาลทรายก้อนทใ่ี ชช้ งกาแฟ
- แว่นขยาย
- สนี า้
- นา้ เปล่า
- หลอดหยด
2. เด็กและครรู ่วมกนั เตรียมวัสดอุ ปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ทีใ่ ชใ้ นการทดลอง
3. เดก็ ๆ รว่ มกันแนะนาอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการทดลอง และครูสาธติ วิธีการ ทดลองใหเ้ ด็ก ๆ ดู
4. เดก็ ๆ ลงมอื ทดลองกิจกรรมและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของน้าตาลก้อน เด็ก ๆ ร่วมกนั สรุปข้ันตอนนี้
คือ นา้ ตาลสามารถละลายในน้าได้
5. เดก็ ๆ รว่ มกนั สงั เกตและสรุปผลการทดลอง คือ นา้ ตาลสามารถละลายในน้าได้
6. เดก็ ๆ ร่วมกนั สรปุ ผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสกี ารทดลองการละลายของน้าตาล
การทดลองการละลายของนา้ ตาล เดก็ ๆ จะเห็นการละลายของนา้ ตาลอยา่ งชัดเจนโดยเรม่ิ จากการนาน้าตาลไปวาง
ในจานแลว้ หยดน้าตาลดว้ ยสนี า้ หลังจากนั้นค่อย ๆ เทนา้ ใส่จาน นา้ ตาลค่อยๆละลายเม่ือโดนนา้ เดก็ จะสังเกตเห็น
การละลายของนา้ ตาลในนา้ เปน็ สี ๆ จากสที ี่หยดลงก้อนน้าตาลไดอ้ ย่างชัดเจน
๒๖
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขนั ตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๒๗
ผลกำรจัดกจิ กรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพืนฐำน และพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวัย
1.1 ดำ้ นกำรเรียนร้/ู ด้ำนภำษำ/ดำ้ นสติปัญญำ
ด้ำนกำรเรยี นรู้
- เด็กไดล้ งมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ได้เรยี นรู้ในเร่ือง การละลายของนา้ ตาลเพราะในชีวิตจรงิ ไม่อาจเห็นดว้ ยตาเปล่า และน้าตาล
จะละลายในนา้ ไมล่ ะลายในนา้ มนั
- เดก็ สามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ด้ำนภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอยี ดเกี่ยวกบั อุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพดู ของตนเอง
- เด็กพูดอธิบายถึงสิง่ ท่ีพวกเขาสังเกตเหน็ จากการทดลอง
- เด็กได้นาเสนอผลงานของตนเองให้เพ่ือนๆ ฟังได้
ดำ้ นสติปญั ญำ
- เด็กคดิ และรจู้ ักการตง้ั คาถามในสง่ิ ท่ีตนสงสยั
- เดก็ ได้มีการพฒั นาสติปัญญา โดยเกิดทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเน
ทกั ษะการสงั เกต การเปรียบเทยี บ เปน็ ตน้
1.2 ดำ้ นสงั คม
- เดก็ สามารถทางานร่วมกบั ผู้อืน่ ได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อ่นื
- เด็กเคารพกฎ กติกาของหอ้ งเรยี น และระหว่างปฏบิ ัติกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จิตใจ
- เด็กตน่ื เต้นสนุกสนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม
1.4 ดำ้ นกำรเคล่ือนไหว/ร่ำงกำย
- เดก็ เคล่ือนไหวหยิบจบั อปุ กรณต์ ่างๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว
- เดก็ สามารถวาดภาพลงในกระดาษไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ และชัดเจน
๒๘
รำยงำนกำรดำเนินงำนกจิ กรรมบำ้ นนกั วทิ ยำศำสตร์นอ้ ย
โรงเรียนบ้านนา้ พุ สังกดั สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานา่ นเขต 1
กิจกรรมที่ 10 ตดิ หนบึ โดยไม่ต้องใชก้ าว
วนั ท่ี 13 เดือน มกราคม ปี 2565
จดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม
1. ใชป้ ระสาทสัมผัสทัง้ หา้ ในการหาคาตอบได้
2. เด็กสามารถปฏบิ ตั ิการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมตฐิ านทีต่ งั้ ไว้ได้
3. เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขนั ตอนกำรทำกิจกรรม
1. เดก็ และครชู ่วยกันเตรียมอุปกรณ์ ในการทดลองทากจิ กรรม
2. เดก็ เปา่ ลกู โป่งใหไ้ ด้ขนาดท่พี อดี แล้วรัดปากลูกโปง่ ให้แนน่ เพอ่ื ไม่ใหล้ มออก
3. เด็กๆ นาลกู โปง่ ไปถูกับผา้ เสรจ็ แล้วนาลูกโป่งมาทดสอบไฟฟ้าสถิตโดยการ นาลกู โปง่ มาใกล้กบั เส้นผม
ของตัวเองและเพ่ือน จากนัน้ สังเกตส่ิงท่ีเกดิ ข้นึ
4. เดก็ และครูรว่ มกัน สรุปผลทเ่ี กิดข้ึนจากการทากจิ กรรม คือ เมื่อเรานาลูกโป่งท่ีถูกับผ้ามาใกล้กับเสน้ ผม
ของเรา ผมของเราจะลอยมาตดิ กับลูกโปง่ ซ่งึ วิธกี ารทีน่ าผ้ามาถูกกับลกู โป่งน้ี จะทาให้เกิดไฟฟา้ สถติ ทีผ่ วิ ของลูกโป่ง
5. ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมวา่ เม่ือวัสดเุ สียดสีกนั จะมีการถ่ายเทประจใุ หก้ นั ได้ อิเล็กตรอนนจากผา้ ขนสัตว์จะ
เคลื่อนมายังผวิ ของแผ่นพลาสติกกนั กระแทกและลกู โป่ง เน่ืองจากอเิ ล็กตรอนมปี ระจุไฟฟ้าเป็นลบ ลกู โป่งทมี่ ี
จานวนอิเล็กตรอนเกนิ จงึ มปี ระจุไฟฟา้ เป็นลบ ส่วนผ้าขนสตั ว์ทสี่ ญู เสยี ไปจึงมปี ระจุไฟฟา้ เป็นบวก วัสดทุ ่มี ปี ระจุ
ไฟฟา้ เหมือนกันจะผลักกัน
6. เดก็ บันทึกผลการทดลองด้วยการวาดภาพและระบายสลี งบนกระดาษบันทึกกจิ กรรม และนาเสนอให้
เพื่อนๆ ฟังหน้าช้นั เรยี น
๒๙
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๓๐
ผลกำรจดั กิจกรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพืนฐำน และพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวยั
1.1 ด้ำนกำรเรียนรู้/ดำ้ นภำษำ/ดำ้ นสตปิ ัญญำ
ด้ำนกำรเรียนรู้
- เด็กได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เด็กได้เรยี นรูใ้ นเรื่อง ติดหนึบโดยไมต่ อ้ งใช้กาว พบว่า เม่ือนาวัตถุสองสงิ่ มาถูกนั จะเกิดเสียดสี
ทาใหเ้ กดิ ไฟฟา้ สถิต และเกิดการถา่ ยเทประจุไฟฟ้า จะเกิดการเหนย่ี วนาดูดเขา้ มาหากันได้ เมอื่ นาไปติดด้านขา้ ง
ของช้ันวางของจะทาใหล้ ูกโปง่ ตดิ อยู่ไดโ้ ดยไม่ต้องใช้กาว
- เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ด้ำนภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอียดเก่ยี วกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพดู ของตนเอง
- เดก็ พูดอธิบายถงึ สง่ิ ที่พวกเขาสงั เกตเหน็ จากการทดลอง
- เดก็ ไดน้ าเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พ่ือนๆ ฟังได้
ดำ้ นสติปัญญำ
- เดก็ คดิ และรูจ้ ักการต้ังคาถามในสง่ิ ท่ีตนสงสยั
- เด็กได้มีการพฒั นาสตปิ ัญญา โดยเกิดทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเน
ทกั ษะการสงั เกต การเปรยี บเทียบ เปน็ ต้น
1.2 ดำ้ นสังคม
- เด็กสามารถทางานรว่ มกบั ผู้อน่ื ได้
- เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรบั ฟังความคิดเหน็ ของผู้อ่นื
- เดก็ เคารพกฎ กตกิ าของหอ้ งเรยี น และระหว่างปฏิบตั ิกิจกรรม
1.3 ด้ำนอำรมณ์ – จติ ใจ
- เด็กตนื่ เตน้ สนุกสนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม
1.4 ด้ำนกำรเคลือ่ นไหว/รำ่ งกำย
- เดก็ เคล่ือนไหวหยิบจับอุปกรณต์ ่างๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว
- เด็กสามารถวาดภาพในกระดาษได้อย่างคลอ่ งแคลว่ และชัดเจน
๓๑
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกจิ กรรมบำ้ นนักวทิ ยำศำสตรน์ อ้ ย
โรงเรียนบ้านน้าพุ สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษานา่ นเขต 1
กจิ กรรมที่ 11 ลกู ขา่ งหลากสี
วันท่ี 17 เดือน มกราคม ปี 2565
จดุ ประสงคข์ องกิจกรรม
1. เดก็ ได้เรียนรู้เรือ่ งความเฉื่อย (การตอบสนองในการรับภาพของดวงตา)
2. เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง สรปุ ผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขันตอนกำรทำกจิ กรรม
1. ครแู นะนาอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองลกู ข่างหลากสีให้เด็กดู
- แผ่นซีดี
- ดนิ นา้ มัน
- กระดาษวงกลมสีขาว
- ลกู แกว้
- กรรไกร
- ปากกาเมจิหลากสี
2. เดก็ และครรู ว่ มกันเตรียมวัสดุอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ท่ีใชใ้ นการทดลอง
3. เด็กๆ ร่วมกันวาดภาพระบายสีด้วยสเี มจิลงในกระดาษเอ 4 รูปวงกลม เปน็ รปู แบบท่ีตนเองช่ืนชอบ
จากนนั้ นา้ กระดาษที่วาดภาพระบายสเี สรจ็ แลว้ ไปปะลงบนแผ่นซดี ี นาลกู แก้วมาอดุ ทรี่ ูตรงกลางของแผ่นซดี ีและยึด
ไว้ดว้ ยดินน้ามนั ท้งั 2 ดา้ น (โดยดา้ นทเี่ ป็นดา้ นเดยี วกับกระดาษทาให้ดินนา้ มันเปน็ ลักษณะเหมือนทีจ่ ับ) “
4. เดก็ ๆ ร่วมกนั หมุนลูกข่างของตนเอง สงั เกตการทดลอง พบวา่ “ลูกข่างสีสวยจงั ” “ลูกข่างเราสรี วมกัน
ไปหมดเลย ไมเ่ ห็นรปู ทีว่ าดเลย”
5. เดก็ ๆ ร่วมกนั หมนุ และสงั เกตลูกข่างของตนเองและของเพอ่ื นอย่างสนุกสนาน
6. เด็กกับครูร่วมกันสรปุ ผลการทดลอง ตาของเราจะมีเซลลร์ บั สที ่ไี วต่อแสง สีแดง สีนา้ เงินและสเี ขียว สที ่ี
ทกุ สที ีเ่ ด็ก ๆ มองเหน็ เกิดจากการกระตนุ้ ของเซลลร์ บั สี 3 ชนิดน้ี เมือ่ เกิดการเปล่ยี นแปลงของสีอยา่ งรวดเรว็
(คือ เมอื่ ลกู ขา่ งหมุน) เซลล์รบั สีในตาจะไม่สามารถแยกแยะสที ีเ่ ปล่ียนแปลงไดท้ นั ที จงึ เห็นสตี า่ ง ๆ ผสมกนั เปน็ สี
เดยี วตามหลกั การผสมแสงสี
๓๒
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๓๓
ผลกำรจดั กิจกรรม
1. พัฒนำกำรควำมสำมำรถพืนฐำน และพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวัย
1.1 ดำ้ นกำรเรียนร้/ู ด้ำนภำษำ/ดำ้ นสติปญั ญำ
ด้ำนกำรเรยี นรู้
- เดก็ ได้ลงมือทาลูกข่างและทดลองได้ด้วยตนเอง
- เด็กได้เรียนรูใ้ นเรื่องความเฉ่ือย (การตอบสนองในการรบั ภาพของดวงตา)
- เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอียดเก่ยี วกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใช้คาพูดของตนเอง
- เด็กสามารถพดู บอกสีตา่ งๆ และการเปลีย่ นแปลงของสี ในขณะทพ่ี วกเขากาลังทาการทดลอง
- เด็กไดน้ าเสนอผลงานของตนเองให้เพือ่ นๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสตปิ ัญญำ
- เดก็ คิดและรจู้ ักการต้งั คาถามในสิง่ ท่ตี นสงสยั
- เด็กได้มีการพัฒนาสตปิ ญั ญา โดยเกดิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทักษะการสังเกต การเปรยี บเทียบ เป็นตน้
1.2 ดำ้ นสังคม
- เดก็ สามารถทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ ได้
- เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อืน่
- เดก็ เคารพกฎ กติกาของหอ้ งเรยี น และระหว่างปฏบิ ตั ิกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จติ ใจ
- เด็กตืน่ เตน้ สนกุ สนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม
1.4 ด้ำนกำรเคล่อื นไหว/รำ่ งกำย
- เด็กเคลอ่ื นไหวหยบิ จบั อุปกรณ์ตา่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคล่ว
- เด็กสามารถวาดภาพระบายสตี กแต่งลกู ข่างของตนเองและประดิษฐล์ ูกขา่ งได้อย่างสวยงาม
- เดก็ สามารถหมนุ ลูกข่างได้ ทั้งชา้ และเรว็
๓๔
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกิจกรรมบำ้ นนักวิทยำศำสตรน์ ้อย
โรงเรยี นบ้านน้าพุ สังกัดสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษานา่ นเขต 1
กจิ กรรมที่ 12 สีเต้นระบา
วันที่ 17 เดอื น มกราคม พ.ศ. 2565
จุดประสงคข์ องกจิ กรรม
1. ใชป้ ระสาทสัมผัสทง้ั หา้ ในการหาคาตอบได้
2. เดก็ สามารถปฏบิ ตั ิการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมตฐิ านที่ต้ังไว้ได้
3. เดก็ สามารถบนั ทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขนั ตอนกำรทำกิจกรรม
1. ครูแนะนาอุปกรณ์ท่ีใช้ในการทดลองสีเตน้ ระบาใหเ้ ด็กดู
- นม
- สีผสมอาหาร
- นา้ ยาลา้ งจาน
- จาน
2. เดก็ และครรู ่วมกนั เตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ทใ่ี ช้ในการทดลอง
3. ครูให้เดก็ เทนมลงในจาน วางทง้ิ ไว้ใหน้ า้ นมนิง่ ๆ
4. หยดสีผสมอาหารลงไปตรงกลางจาน สลี ะ 1 หยด
5. หยดน้ายาล้างจานลงไปบนสีผสมอาหาร ไม่ต้องมาก ทีละ 1 หยด
6. สงั เกตการณเ์ ปลย่ี นแปลง
7. เดก็ และครรู ว่ มกนั สรุปผลการทดลองในนมประกอบไปด้วยนา้ โปรตีน แร่ธาตุ และไขมัน นา้ ยาล้างจาน
และสบู่เหลวจึงไปทาให้โมเลกุลของโปรตนี และไขมันเกิดการเปลี่ยนแปลงและแตกกระจาย บิดโค้ง บดิ เบี้ยว จงึ ทา
ใหเ้ ราสามารถลา้ งจานหรืออาบนา้ ได้ ส่วนสผี สมอาหารเป็นเพียงท่เี ราเห็นการทาปฏิกิริยาได้ชดั เจนขน้ึ
๓๕
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๓๖
ผลกำรจัดกิจกรรม
1. พัฒนำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพฒั นำกำรของเด็กปฐมวัย
1.1 ด้ำนกำรเรียนร/ู้ ดำ้ นภำษำ/ดำ้ นสติปัญญำ
ดำ้ นกำรเรยี นรู้
- เด็กได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ได้เรยี นรูใ้ นสิ่งท่เี กิดขน้ึ จากการทดลอง การเคลอื่ นไหวของสีไปทั่วจาน จากปฏิกิริยาของ
นา้ ยาล้างจานกับไขมนั ในนา้ นมเมือ่ สหี ยดุ วิ่ง เราสามารถหยดน้ายาล้างจานลงไปซ้าได้เรื่อยๆจนกวา่ น้าสจี ะผสมกัน
จนกลายเป็นสหี ม่นๆ
- เด็กสามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ด้ำนภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใช้คาพูดของตนเอง
- เดก็ พูดอธิบายถึงสงิ่ ท่ีพวกเขาสงั เกตเหน็ จากการทดลอง
- เดก็ ได้นาเสนอผลงานของตนเองให้เพอ่ื นๆ ฟังได้
ดำ้ นสติปญั ญำ
- เดก็ คิดและรู้จักการตงั้ คาถามในส่ิงท่ตี นสงสยั
- เดก็ ไดม้ ีการพฒั นาสติปัญญา โดยเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเน
ทกั ษะการสงั เกต การเปรียบเทียบ เป็นตน้
1.2 ดำ้ นสังคม
- เด็กสามารถทางานร่วมกับผู้อืน่ ได้
- เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อื่น
- เดก็ เคารพกฎ กตกิ าของห้องเรยี น และระหว่างปฏบิ ัติกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จติ ใจ
- เด็กต่ืนเตน้ สนกุ สนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม
1.4 ด้ำนกำรเคลื่อนไหว/รำ่ งกำย
- เด็กเคลอื่ นไหวหยิบจบั อปุ กรณ์ตา่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคลว่
- เดก็ มกี ารเคล่ือนไหวร่างกายขณะทดลอง
- เดก็ ไดใ้ ช้กล้ามเน้ือมัดเลก็ ในการหยบิ จับอปุ กรณใ์ นการทดลอง
๓๗
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกจิ กรรมบำ้ นนกั วิทยำศำสตร์นอ้ ย
โรงเรยี นบา้ นนา้ พุ สงั กัดสานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานา่ นเขต 1
กจิ กรรมที่ 13 กักน้าไวไ้ ด้
วนั ท่ี 18 เดอื น มกราคม พ.ศ. 2565
จุดประสงคข์ องกจิ กรรม
1. เพื่อให้เด็กได้เรยี นรูแ้ รงดนั อากาศไปเช่ือมโยงกบั ชวี ิตประจาวันได้
2. เพื่อใหเ้ ด็กได้เรียนรู้เรื่องแรงดนั อากาศ
3. ใช้ประสาทสัมผสั ท้ังห้าในการหาคาตอบได้
4. เดก็ สามารถปฏิบัติการทดลองเพื่อพสิ จู นส์ มมตฐิ านทตี่ ง้ั ไว้ได้
5. เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขนั ตอนกำรทำกิจกรรม
1. ครูแนะนาอุปกรณท์ ่ีใช้ในการทดลองกักเก็บนา้ ไว้ได้
- เหยอื กน้า
- กระดาษโปสเตอรแ์ ข็ง
- แกว้ น้า
- กรรไกร
- นา้ เปล่า
- หลอดดดู น้า
- กะละมัง
2. เด็กและครูรว่ มกันเตรียมวัสดอุ ุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ีใชใ้ นการทดลอง
3. เด็กแต่ละคนเติมน้าใสแ่ ก้วพลาสตกิ ของตนเอง จากนน้ั ปิดไว้ด้วยแผ่นกระดาษโปสเตอร์แขง็ และควา่ แกว้
น้าลง สงั เกตการทดลองของตนเองและเพ่ือน พบว่า กระดาษโปสเตอร์แขง็ ของบางคนจะสามารถรบั นา้ ในแกว้ ได้
โดยน้าไมห่ กออกมา แตบ่ างคนกระดาษโปสเตอรแ์ ขง็ จะไม่สามารถรองรบั นา้ ได้ทา้ ใหน้ ้าหกออกมา
4. เดก็ ๆทาการทดลองดว้ ยกันอย่างสนุกสนาน เด็กคนท่ีทาได้ก็จะชว่ ยแนะนาให้กับเด็กท่ียังทาไมไ่ ด้
5. เดก็ ๆ ร่วมกนั สรุปผลการทดลองด้วยการวาดภาพระบายสกี ารทดลองกักน้าไวไ้ ด้ น้าที่ถกู กกั ไวใ้ นแก้ว
ได้ เพราะแรงดนั อากาศภายนอกแกว้ ออกแรงดนั กบั กระดาษโปสเตอร์แข็ง ทีป่ ิดอยู่ทีป่ ากแก้วตลอดเวลา
๓๘
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๓๙
ผลกำรจัดกิจกรรม
1. พัฒนำกำรควำมสำมำรถพืนฐำน และพัฒนำกำรของเดก็ ปฐมวัย
1.1 ดำ้ นกำรเรยี นรู/้ ด้ำนภำษำ/ด้ำนสตปิ ัญญำ
ดำ้ นกำรเรยี นรู้
- เดก็ ได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เด็กไดเ้ รยี นรูใ้ นเรื่อง กักนา้ ไวไ้ ด้ พบว่า ถูกกักนา้ ไวใ้ นแก้วโดยไมไ่ หลออกมา เพราะแรงดนั
อากาศภายนอกแกว้ ออกแรงดนั กับกระดาษทปี่ ิดปากแกว้ อยู่ตลอดเวลา และสามารถเอาชนะ แรงดนั อากาศภายใน
แก้วได้ น้าจงึ ถูกกักอยู่ในแก้ว และเมื่อเราใชก้ ระดาษบางๆ จะสงั เกตเหน็ ไดช้ ัดวา่ แผ่นกระดาษน้นั โคง้ เวา้ เข้าไป
ภายในแกว้
- เดก็ สามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอยี ดเก่ยี วกบั อุปกรณ์การทดลองได้ โดยใช้คาพดู ของตนเอง
- เดก็ พูดอธบิ ายถงึ สิ่งที่พวกเขาสงั เกตเหน็ จากการทดลอง
- เด็กได้นาเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พอื่ นๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสติปญั ญำ
- เด็กคิดและรู้จักการต้ังคาถามในสิง่ ท่ีตนสงสยั
- เด็กไดม้ ีการพฒั นาสติปัญญา โดยเกิดทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เช่น การคาดคะเน
ทกั ษะการสงั เกต การเปรยี บเทยี บ เป็นต้น
1.2 ดำ้ นสงั คม
- เด็กสามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้
- เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟงั ความคดิ เห็นของผู้อื่น
- เดก็ เคารพกฎ กติกาของหอ้ งเรียน และระหวา่ งปฏบิ ตั ิกิจกรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จติ ใจ
- เดก็ ตื่นเต้นสนกุ สนานมีความสุขในการทดลองในขณะปฏิบตั ิกจิ กรรมและมน่ั ใจในตัวเองมากข้ึน
1.4 ดำ้ นกำรเคลือ่ นไหว/รำ่ งกำย
- เด็กได้พัฒนากล้ามเน้ือมือและประสาทสัมผสั ระหว่างมอื กบั ตา
- เด็กเคลื่อนไหวหยบิ จับอุปกรณต์ า่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคลอ่ งแคลว่
- เดก็ ได้พฒั นากล้ามเนื้อมัดใหญใ่ นการยนื น่งั ให้ม่ันคง
- เด็กสามารถวาดภาพในกระดาษได้อย่างคลอ่ งแคล่วและชัดเจน
๔๐
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกิจกรรมบำ้ นนกั วทิ ยำศำสตร์นอ้ ย
โรงเรยี นบ้านนา้ พุ สังกัดสานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาน่านเขต 1
กิจกรรมที่ 14 ลกู โป่งพองโต
วนั ที่ 18 เดือน มกราคม พ.ศ. 2565
จุดประสงค์ของกจิ กรรม
1. ใช้ประสาทสมั ผัสทั้งหา้ ในการหาคาตอบได้
2. เด็กสามารถปฏบิ ัติการทดลองเพ่ือพิสูจนส์ มมตฐิ านทต่ี ั้งไว้ได้
3. เด็กสามารถบนั ทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขันตอนกำรทำกจิ กรรม
1. ครแู นะนาอุปกรณ์ท่ีใช้ในการทดลองลูกโป่งพองโต
- เหยอื กนา้
- ขวดนา้ 2 ขวด
- ลูกโปง่
- นา้ เยน็ / นา้ รอ้ น
2. เด็กและครรู ่วมกันเตรียมวัสดอุ ุปกรณ์ตา่ ง ๆ ทใ่ี ช้ในการทดลอง
3. ตง้ั คาถามกับเดก็ ๆ ว่า “เคยมีใครสังเกตเห็นคุณพ่อคณุ แม่เจาะเปลือกไข่ก่อนนาไปตม้ บ้างหรอื ไม่” และ
ถามต่อวา่ “เคยคดิ ไหม ว่าทาไมต้องทาเช่นนั้น”
4. จากนัน้ เติมน้าเย็นใส่เหยือกใบหน่งึ สว่ นอกี ใบ ใหเ้ ตมิ น้าร้อน
5. ก่อนทดลอง ใหเ้ ป่าลูกโป่งให้พองและปล่อยลมออกก่อน เพอื่ ให้ผิวลูกโป่งยืดหยุ่นได้ดี
6. ให้เดก็ ๆลองสวมลกู โปง่ ครอบไวท้ ีป่ ากขวด แลว้ นาขวดไปต้ังไว้ในถว้ ยที่ใสน่ ้าร้อนแลว้ ใหเ้ ด็กสงั เกตดูที่
ลกู โป่ง
7. เมือ่ ลกู โปง่ พองข้นึ แลว้ ใหย้ กขวดออกจากถว้ ยน้าร้อนแล้วนาไปตงั้ ไวใ้ นถว้ ยนา้ เย็น ลูกโป่งยงั พองอยู่อีก
หรือไม่
8. ทันทที ่เี ด็กๆนาขวดไปวางไวใ้ นนา้ รอ้ นลกู โปง่ จะเร่ิมพองข้ึนและเมื่อนาขวดไปวางในน้าเยน็ ลกู โปง่ จะ
แฟบลง
9. เดก็ และครรู ่วมกนั สรุปผลการทดลองในการทดลองกับลูกโปง่ เมือ่ นาขวดไปแช่ในนา้ ร้อนอากาศภายใน
ขวดจะขยายตวั และต้องการพ้ืนทม่ี ากขึ้นแตข่ วดไมส่ ามารถขยายตัวได้อากาศจงึ ต้องขยายตวั ทาใหล้ ูกโป่งพอง
และเม่ือนาขวดไปวางในนา้ เย็นอากาศภายในขวดจะเย็นตวั ลงอนภุ าคในขวดเคลือ่ นที่น้อยลงอากาศตอ้ งการพ้นื ที่
นอ้ ยลงลกู โป่งจึงแฟบลง
๔๑
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๔๒
ผลกำรจัดกจิ กรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพนื ฐำน และพฒั นำกำรของเดก็ ปฐมวัย
1.1 ด้ำนกำรเรียนร/ู้ ด้ำนภำษำ/ด้ำนสติปัญญำ
ด้ำนกำรเรยี นรู้
- เดก็ ไดล้ งมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เดก็ ได้เรยี นรใู้ นเร่ือง ลูกโป่งพองโต พบว่า อากาศร้อนจะมีระยะห่างระหว่างอนภุ าคมากข้นึ
เคล่ือนทเี่ รว็ จะผลกั และชนกันรนุ แรง ตอ้ งการพ้นื ท่มี ากกว่าอากาศเยน็ เมื่ออากาศเยน็ จะชิดตดิ กนั และเคล่ือนไหว
น้อย ความรอ้ นจากขวดทาใหอ้ ากาศขยายตัวและตอ้ งการพน้ื ท่ีมากข้นึ ในขวดแก้วไม่สามารถขยายได้ อากาศจึง
ต้องไปดันลกู โป่งให้พองตวั ข้ึน เมอ่ื นาขวดเยน็ ไปวางในนา้ เย็น อากาศภายในขวดจะเคล่อื นทนี่ ้อย และรวมตวั กัน
มากขึน้ จงึ ใช้พืน้ ท่ีน้อยลง อากาศในลูกโป่งจงึ เคล่อื นกลับมาในขวดลกู โป่งจงึ แฟบ
- เด็กสามารถบันทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เดก็ สามารถบอกรายละเอียดเกยี่ วกบั อุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพูดของตนเอง
- เดก็ พดู อธิบายถึงส่งิ ที่พวกเขาสังเกตเห็นจากการทดลอง
- เด็กไดน้ าเสนอผลงานของตนเองใหเ้ พื่อนๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสติปัญญำ
- เดก็ คิดและรู้จักการตั้งคาถามในสิ่งทีต่ นสงสัย
- เดก็ ไดม้ ีการพฒั นาสตปิ ัญญา โดยเกดิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทักษะการสังเกต การเปรยี บเทยี บ เป็นตน้
1.2 ด้ำนสังคม
- เด็กสามารถทางานรว่ มกบั ผู้อ่นื ได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อืน่
- เด็กเคารพกฎ กตกิ าของห้องเรียน และระหว่างปฏิบตั ิกจิ กรรม
1.3 ด้ำนอำรมณ์ – จติ ใจ
- เดก็ ตื่นเต้นสนุกสนานมีความสขุ ในการทดลองในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม
1.4 ด้ำนกำรเคลือ่ นไหว/รำ่ งกำย
- เดก็ เคลอื่ นไหวหยิบจบั อปุ กรณ์ตา่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคลว่
- เด็กสามารถวาดภาพในกระดาษได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจน
๔๓
รำยงำนกำรดำเนนิ งำนกจิ กรรมบ้ำนนักวทิ ยำศำสตร์น้อย
โรงเรยี นบา้ นนา้ พุ สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานา่ นเขต 1
กิจกรรมที่ 15 ขวดบุบเองได้
วันที่ 18 เดือน มกราคม พ.ศ. 2565
จุดประสงค์ของกิจกรรม
1. ใชป้ ระสาทสมั ผัสท้ังหา้ ในการหาคาตอบได้
2. เด็กสามารถปฏิบัตกิ ารทดลองเพ่ือพิสูจน์สมมติฐานทีต่ งั้ ไวไ้ ด้
3. เดก็ สามารถบนั ทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขันตอนกำรทำกจิ กรรม
1. ครูแนะนาอปุ กรณ์ท่ีใช้ในการทดลองขวดบบุ เองได้
- ขวดนา้ 2 ขวด
- นา้ เยน็ / นา้ ร้อน
2. เดก็ และครูรว่ มกันเตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ทีใ่ ช้ในการทดลอง
3. ใหเ้ ติมนา้ ร้อนลงไปในขวดพลาสติกประมาณครงึ่ ขวดปิดฝาใหแ้ นน่ ซึ่งข้ันตอนนี้ครูอาจช่วยเดก็ ทา
4. ให้เด็กเขยา่ ขวดหรอื จับขวดเอียงไปมา จากนน้ั ลองจบั ท่ีขา้ งขวดหากรูส้ ึกว่าขวดอนุ่ ขึ้น ให้เทน้าร้อน
ออกจากขวดใหห้ มด ปิดฝาขวดใหแ้ น่นสงั เกตการเปลย่ี นแปลง
5. ในการทดลองขวดจะบบุ บี้ราวกับถกู มือยักษ์บีบและมลี ักษณะเหมือนกับขวดบุบ
6. เดก็ และครรู ว่ มกนั สรุปผลในการทดลองขวดบบุ ขวดทร่ี ้อนอากาศภายในจะเคล่ือนท่ีอยา่ งเรว็ กวา่ ขวดท่ี
เย็นเมอ่ื เทน้ารอ้ นออกอนุภาคภายในขวดร้อนจึงมีน้อยกว่าในขวดเย็น และเมื่ออากาศภายในขวดเริ่มเย็นตัวลง
อนุภาคอากาศเรม่ิ เคลื่อนทล่ี งช้าและชนกับผิวขวดด้วยแรงที่นอ้ ยลงทาให้อากาศภายนอกออกแรงกดขวดผลก็คอื
ขวดบุบน่นั เอง
๔๔
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็
๔๕
ผลกำรจดั กิจกรรม
1. พฒั นำกำรควำมสำมำรถพืนฐำน และพฒั นำกำรของเดก็ ปฐมวยั
1.1 ดำ้ นกำรเรียนร/ู้ ดำ้ นภำษำ/ดำ้ นสติปัญญำ
ด้ำนกำรเรียนรู้
- เด็กได้ลงมือทาและทดลองด้วยตนเอง
- เด็กได้เรยี นรูใ้ นเรื่อง ขวดบุบเองได้ พบว่า ขวดท่ีร้อนอากาศภายในจะเคล่ือนท่ีอยา่ งเร็วกว่าขวด
ท่ีเยน็ เม่อื เทน้าร้อนออกอนุภาคภายในขวดรอ้ นจงึ มนี อ้ ยกว่าในขวดเยน็ และเม่ืออากาศภายในขวดเร่มิ เย็นตัวลง
อนภุ าคอากาศเรมิ่ เคลื่อนทลี่ งชา้ และชนกับผวิ ขวดดว้ ยแรงทีน่ อ้ ยลงทาใหอ้ ากาศภายนอกออกแรงกดขวดผลกค็ อื
ขวดบุบน่นั เอง
- เดก็ สามารถบนั ทึกผลการทดลอง สรุปผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ดำ้ นภำษำ
- เด็กสามารถบอกรายละเอยี ดเกี่ยวกับอุปกรณ์การทดลองได้ โดยใชค้ าพดู ของตนเอง
- เดก็ พดู อธบิ ายถงึ ส่งิ ที่พวกเขาสงั เกตเห็นจากการทดลอง
- เดก็ ได้นาเสนอผลงานของตนเองให้เพ่ือนๆ ฟงั ได้
ดำ้ นสตปิ ญั ญำ
- เดก็ คดิ และรู้จักการต้ังคาถามในสงิ่ ทีต่ นสงสยั
- เด็กไดม้ ีการพฒั นาสติปญั ญา โดยเกดิ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เชน่ การคาดคะเน
ทกั ษะการสงั เกต การเปรยี บเทยี บ เปน็ ต้น
1.2 ดำ้ นสังคม
- เดก็ สามารถทางานร่วมกบั ผู้อ่นื ได้
- เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ ของตนเอง และยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่นื
- เดก็ เคารพกฎ กติกาของหอ้ งเรียน และระหว่างปฏิบัติกจิ กรรม
1.3 ดำ้ นอำรมณ์ – จิตใจ
- เดก็ ตื่นเตน้ สนกุ สนานมีความสุขในการทดลองในขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม
1.4 ดำ้ นกำรเคลื่อนไหว/รำ่ งกำย
- เดก็ เคลอ่ื นไหวหยบิ จับอุปกรณต์ า่ งๆ ในการทดลองได้อย่างคล่องแคลว่
- เดก็ สามารถวาดภาพในกระดาษได้อย่างคล่องแคล่วและชัดเจน
๔๖
รำยงำนกำรดำเนินงำนกิจกรรมบ้ำนนกั วทิ ยำศำสตร์น้อย
โรงเรยี นบา้ นนา้ พุ สังกัดสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานา่ นเขต 1
กิจกรรมท่ี 16 ทอรน์ าโดในขวด
วนั ท่ี 25 เดือน มกราคม พ.ศ. 2565
จุดประสงคข์ องกิจกรรม
1. ใช้ประสาทสมั ผัสทั้งห้าในการหาคาตอบได้
2. เดก็ สามารถปฏบิ ตั กิ ารทดลองเพื่อพิสจู นส์ มมตฐิ านทีต่ ัง้ ไวไ้ ด้
3. เด็กสามารถบนั ทึกผลการทดลอง และนาเสนอผลการทดลองได้
ขันตอนกำรทำกิจกรรม
1. ครูแนะนาอปุ กรณท์ ่ีใช้การทดลอง ทอร์นาโดในขวด
- นา้
- สีผสมอาหาร
- ขวดนา้ พลาสติก
- เทปกาวพลาสติก / ข้อต่อเชอื่ มขวด
- นา้ ยาลา้ งจาน
- หลอดหยด
2. เดก็ และครรู ่วมกันเตรียมวัสดุอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ท่ใี ชใ้ นการทดลอง
3. เด็กนาขวดมากรอกนา้ ประมาณ จานวน 1 ขวด และหยดสีผสมอาหารทตี่ นเองชอบลงไปในขวดท่ีมนี า้
นาเกลียวทอรน์ าโดมาตอ่ ขวดท่ี 1 และขวดท่ี 2
4. เดก็ ๆ ทดลองทอรน์ าโดด้วยการพลกิ ขวดท่ีมนี ้าสไี ว้ดา้ นบน ขวดท่ีไม่มีนา้ ไว้ข้างล่างและตง้ั ไวจ้ ากนนั้
สังเกตการเปล่ยี นแปลง
5. เด็ก ๆ ทดลองตามวธิ ีการหาคาตอบของแตล่ ะคน บางคนเขย่า บางคนบบี ขวดลา่ ง และสังเกตการ
ทดลอง พบวา่ ปรากฏพายุทอร์นาโดท่ขี วดด้านบน และน้าจากขวดดา้ นบนไหลลงสู่ขวดด้านล่าง
6. เด็ก ๆ รว่ มกันนาเสนอผลการทดลองดว้ ยการวาดภาพระบายสกี ารทดลองทอร์นาโดในขวด
7. เดก็ และครูร่วมกันสรุปผลการทดลองอากาศในขวดใบล่างจะปดิ กนั การไหลของนา้ แต่เมอ่ื เราเขย่าหรือ
บบี อากาศกจ็ ะรับแรงผลกั ของน้าไม่ไหว
๔๗
ภำพบรรยำกำศในกำรทำกิจกรรม
1. ขันตอนกำรทำกิจกรรม 2. วสั ดอุ ุปกรณ์
3. เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรม 4. กำรนำเสนองำน
5. ผลงำนของเดก็