The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Te, 2021-08-06 01:52:35

การบริหารงานวิชาการที่เหมาะกับ การจัดการศึกษาในยุคเทคโนโลยี 4.0

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 96

การกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา

แนวคดิ และหลักการการกาหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา

การดาเนินการตามระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาเป็นเรื่องจาเป็นในการ
พัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาท่ีผู้บริหารสถานศึกษา ครู และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัด
การศึกษาต้องมีความรู้ความเข้าใจแนวคิดและหลักการพ้ืนฐานเกี่ยวกับมาตรฐานการศึกษา
ความหมาย ความสาคัญแนวคิดและประโยชน์ของมาตรฐานการศกึ ษา รายละเอียดและความสัมพันธ์
ของมาตรฐานการศึกษาระดับต่าง ๆ แนวทางและขั้นตอนการจัดทามาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษา การประยุกตแ์ นวคดิ สกู่ ารปฏิบตั ิ ซ่งึ จะเป็นประโยชนต์ อ่ ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา ครู หรือผู้มี
ส่วนเกี่ยวข้องในการกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาท่ีสอดคล้องกับความต้องการ
จาเปน็ และบริบทของสถานศึกษา

ความหมายของมาตรฐานการศกึ ษา

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ให้นิยามมาตรฐานการศึกษาว่า เป็น
ข้อกาหนดเก่ียวกับคุณลักษณะ คุณภาพที่พึงประสงค์ และมาตรฐานท่ีต้องการให้เกิดขึ้นใน
สถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสาหรับการส่งเสริมและกากับดูแล การ
ตรวจสอบ การประเมินผลและการประกันคุณภาพทางการศึกษา โดยให้แนวทางการจัดการศึกษาไว้
วา่ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือ
ว่าผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตาม
ธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศกั ยภาพเนน้ ความสาคญั ท้ังความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณา
การตามความเหมาะสม ใหส้ ถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนท่ีมปี ระสิทธภิ าพรวมท้ังการ
ส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา
ดังนั้น มาตรฐานการศึกษาสาคัญท่ีต้องการให้เกิดข้ึนในสถานศึกษาจึงเกี่ยวข้องกับปัจจัย
กระบวนการ และผลผลติ จากการจัดการศึกษา เพื่อการกากับ ติดตาม ดูแล ตรวจสอบ และประกัน
คุณภาพของสถานศึกษา มาตรฐานการศึกษาจึงไม่ได้หมายถึงคุณภาพด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น แต่
หมายความรวมถึงผลผลิตทางการศึกษาท่ีเกิดกับตัวผู้เรียนรอบด้านกระบวนการจัดการเรียนการ
สอนของครู และกระบวนการบริหารจัดการศกึ ษา

ความสาคัญของมาตรฐานการศกึ ษา

ผลจากการปฏริ ปู การศกึ ษาทผี่ ่านมาทาให้ชุมชนเข้ามามสี ่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษามากขึน้
ท้ังทางตรงในรูปแบบของคณะกรรมการสถานศึกษาช้ันพ้ืนฐานและทางอ้อมในรูปแบบของสมาคม
ผูป้ กครอง ศษิ ย์เก่า หน่วยงานองค์กรภาครฐั ภาคเอกชน รวมทงั้ สถานประกอบการตา่ ง ๆ สิ่งที่เห็น
ได้ชัดคือสถานศึกษาเป็นผู้จัดทาหลักสูตรเพื่อจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนให้มีคุณภาพตามเป้าหมาย
วิสยั ทศั น์ ความต้องการ และบริบทของท้องถิ่น โดยมีคณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาให้ความ
เห็นชอบ การที่สถานศึกษามีอิสระในการบริหารจัดการการศึกษาด้วยตนเอง ย่อมทาให้คุณภาพ
ผเู้ รยี น คณุ ภาพการบรหิ ารจัดการการศกึ ษาแตกต่างกันไป ดงั นั้น การพัฒนาการจดั การศึกษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 97

อย่างเป็นระบบและมีคุณภาพก้าวหน้าอย่างต่อเน่ือง ต้องอาศัยการทางานเชิงระบบ (System
Approach) การประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาโดยมีมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา
เป็นเปา้ หมายความสาเรจ็ จงึ มคี วามสาคัญในการทผี่ บู้ ริหารสถานศกึ ษาจะใช้เปน็ กลไกในการขบั เคลื่อน
การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศึกษา

นอกจากน้ีการกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษายังมีความสาคัญต่อการ
วางรากฐานในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา การวางนโยบายการกาหนดวิสัยทัศน์ พันธ์กิจ ในการ
พัฒนาการจัดการศึกษาท้ังในปัจจุบันและอนาคตตามสภาพแวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
อีกท้ังยังมีความสาคัญในการใช้เป็นฐานข้อมูลสนับสนุนการกาหนดคุณภาพท่ีต้องการ เพ่ือการ
วางแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวได้ ดงั นั้น มาตรฐานทส่ี ถานศกึ ษากาหนดข้ึนต้องครอบคลุม
ทั้งด้านคุณภาพผู้เรียน คุณภาพการบริหารและการจดั การ และคุณภาพการจัดการเรียนการสอนท่ี
เนน้ ผ้เู รยี นเป็นสาคญั ซึ่งเป็นหวั ใจสาคญั ทีส่ ะทอ้ นคณุ ภาพของการจดั การศึกษาที่แทจ้ รงิ

ประโยชน์ของมาตรฐานการศกึ ษา

การกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา มปี ระโยชนด์ งั น้ี
1. ชว่ ยใหส้ ามารถกาหนดเป้าหมาย นโยบายและแนวทางในการพัฒนาการจัดการศึกษาของ
สถานศึกษาได้ชดั เจน
2. สามารถกาหนดยทุ ธศาสตร์และแนวทางในการจัดทาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาได้ตรง
ตามความต้องการของสถานศกึ ษา
3. ใช้เป็นเครอ่ื งมือในการกากับ การตรวจสอบ การนิเทศ การติดตามและประเมินผล เพื่อให้
ระบบการประกนั คณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาเข้มแขง็
4. มขี อ้ มูลสารสนเทศท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั สถานภาพและความกา้ วหน้าของการจัดการศกึ ษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 98

แนวทางการกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา

กระบวนการพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ
พ.ศ.2561 ตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพ พ.ศ. 2561 สถานศึกษาต้องมีการกาหนด
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามกรอบมาตรฐานการศึกษา ระดับปฐมวัย ระดับ
การศึกษาขั้นพื้นฐานท่ีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศไว้ ซ่ึงสถานศึกษาต้องกาหนด
เป้าหมายหรือภาพความสาเรจ็ ตามบริบทของสถานศึกษาท่มี ีความทา้ ทาย เป็นไปได้และเห็นผลสาเร็จ
เชิงประจักษ์ เชื่อมโยงถึงคุณภาพผู้เรียน สถานศึกษาบางแห่งท่ีมีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ในการ
ผลติ ผู้เรียนให้มีคุณภาพเฉพาะทางกส็ ามารถเพ่ิมเติมมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษาได้

กรอบมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้ไปน้ันได้ผ่านการ
พิจารณา วิเคราะห์ความเชื่อมโยงกับมาตรฐานการศึกษาของชาติแล้วอย่างไรก็ดี ในการจัดทา
มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาน้ัน สถานศกึ ษาควรพจิ ารณาคุณลักษณะผู้เรียนจากผลลัพธ์ท่ี
พึงประสงค์ของการศึกษาในมาตรฐานการศึกษาของชาติเพื่อเติมเต็มมาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษาใหเ้ ดน่ ชัดและครบถ้วนตามทชี่ าตติ อ้ งการ เช่น นกั เรียนมที กั ษะในการเขียนโปรแกรม ทกั ษะ
การเปน็ ผ้ปู ระกอบการ ทกั ษะในการออกแบบ ทักษะการเปน็ ผนู้ าทกั ษะการบรหิ ารการเงิน เป็นต้น ซ่ึง
การวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการจาเปน็ การใชข้ อ้ มูลสารสนเทศของสถานศึกษา ผนวกกับการรู้ทันกระแส
การเปล่ียนแปลงของโลกจะเป็นประโยชน์ต่อการกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่เป็น
รูปธรรมและเป็นอัตลักษณ์ของสถานศึกษา อันนาไปสู่การยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ
ตอ่ ไป

การกาหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา

เพ่ือให้มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษานาสู่การปฏิบัติได้อย่างแท้จริงและได้รับความ
ร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย สถานศึกษาควรดาเนินการที่เน้นการมีส่วนร่วม โดยเชิญ
คณะกรรมการสถานศกึ ษา ผแู้ ทนครู ผูแ้ ทนผปู้ กครอง
องค์กรที่สนับสนุนสถานศึกษา ตามความเหมาะสม ชุมชน สถานประกอบการ ร่วมดาเนินการตาม
ขั้นตอนตอ่ ไปน้ี

ข้ันตอนท่ี 1 เตรียมความพร้อมการกาหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศึกษา
1. แต่งตั้งคณะกรรมการกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา

ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครู คณะกรรมการสถานศึกษา ตัวแทนผู้ปกครอง ชุมชน
และผเู้ ก่ยี วข้องอืน่ ๆ

2. สรา้ งความรู้ความเขา้ ใจและความตระหนกั ถงึ ความสาคญั ในการพฒั นาคุณภาพ
การศึกษา เห็นความสาคัญและความเชื่อมโยงของมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา มาตรฐาน
การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน มาตรฐานการศกึ ษาของชาติ ซึง่ จะนาไปสเู่ ปา้ หมายของยทุ ธศาสตร์ชาติในการท่ี
จะพัฒนาคณุ ภาพชีวติ และสรา้ งสงั คมไทยใหม้ ีความมน่ั คง เสมอภาค และเป็นธรรม

ขั้นตอนท่ี 2 วิเคราะห์ความสัมพันธข์ องมาตรฐานการศึกษา
การกาหนดมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาต้องมีขอ้ มูลสารสนเทศหลายสว่ นประกอบ
การพจิ ารณา เช่น บริบท ความพร้อมและศักยภาพของสถานศึกษา อัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของ

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 99

สถานศึกษา ความต้องการของท้องถิ่นและชุมชน นโยบายของหน่วยงานต้นสังกัด จุดหมายของ
แผนพัฒนาการศึกษาชาติเป็นต้น สถานศึกษานาข้อมูลท่ีได้มาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ในสาระและ
ประเด็นสาคัญต่าง ๆ เช่ือมโยงไปสู่มาตรฐานการศึกษาระดับต่าง ๆ แล้วสรุปเป็นเป้าหมายที่
สถานศึกษาต้องการ

ขั้นตอนท่ี 3 กาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาจากภาพเป้าหมายท่ีสถานศึกษา
ต้องการ สถานศึกษากาหนดมาตรฐานการศึกษาที่ครอบคลุมคุณภาพสาคัญ 3 ด้าน คือ คุณภาพ
ผู้เรียน คุณภาพการบริหารและการจัดการ และคุณภาพการจัดการเรียนการสอนท่ีเน้นผู้เรียนเป็น
สาคญั มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาแตล่ ะแห่ง ควรสะทอ้ นถึงเป้าหมายหรือภาพความสาเร็จ
ท่ีเด่นชัด เป็นรูปธรรม สถานศึกษาท่ีมีวัตถุประสงค์พิเศษอาจกาหนดมาตรฐานเพ่ิมเติมเพ่ือให้เห็น
ความโดดเด่นเฉพาะทางได้มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาไม่จาเป็นต้องมีจานวนมาก และ
สามารถปรบั เปลย่ี นไดต้ ามความเหมาะสมกบั ยุคสมัยหรอื ความตอ้ งการยกระดับใหส้ งู ขนึ้ อกี

ข้ันตอนที่ 4 พิจารณาให้ความเห็นชอบมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาสถานศึกษา
เสนอรา่ งมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้ผเู้ กี่ยวขอ้ งทุกฝ่ายตรวจสอบทบทวนเพื่อพิจารณา
ความครอบคลุม ความเหมาะสมความสอดคล้อง และนาสู่การปฏิบัติสามารถบรรลุเป้าหมายได้จริง
แล้วจึงเสนอคณะกรรมการสถานศกึ ษาพจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบ

ขั้นตอนท่ี 5 ประกาศใช้มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา สถานศึกษาประกาศใช้
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาแล้ว
สถานศึกษาควรเผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธใ์ ห้ผูม้ ีส่วนเกย่ี วข้องทุกฝ่ายทราบ ทั้งนี้เพ่ือให้ทุกฝ่ายร่วมกัน
ขับเคลื่อน และยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ การ
ประชาสัมพนั ธ์ทาไดห้ ลายช่องทาง เช่น แจง้ ในทปี่ ระชุม แจง้ ในเวบ็ ไชต์ของโรงเรียน ติดประกาศ เป็นต้น

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 100

11

การจดั ทาแผนพัฒนา
การจดั การศึกษาของสถานศึกษา

ใ ห้ ส ถ า น ศึ ก ษ า แ ต่ ล ะ แ ห่ ง จั ด ท า แ ผ น พั ฒ น า ก า ร จั ด
การศึกษาของสถานศึกษาที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐาน
การศกึ ษาและดาเนนิ การตามแผนพัฒนาทกี่ าหนดไว้

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 101“

“ A goal without a plan
is just a wish.

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 102

การจดั ทาแผนพัฒนาการจดั การศึกษาของสถานศึกษา

ความหมายของการวางแผน

หน่วยงานทุกระดับทั้งภาครัฐและเอกชนจาเป็นต้องมีปัจจัยท่ีมีความสาคัญที่จะทาให้การ
ดาเนินงานของหน่วยงานประสบผลสาเร็จตามเป้าหมาย สามารถดาเนินงานได้สอดคล้องกับ
กระบวนการทางาน รวมท้ังทราบรายละเอียดต่างๆ เก่ียวกับกระบวนการ ระยะเวลาของการทางาน
นั้นๆ หากเกิดข้อผิดพลาดจะสามารถทราบได้ทันทีว่าเกิดจากสาเหตุอะไรและสามารถทาการแก้ไขได้
ทันท่วงทีท่ีเกิดการผิดพลาดในกระบวนการทางาน ไม่ก่อให้เกิดการเสียเวลา รวมท้ังสามารถ
ตรวจสอบการทางาน และกาหนดแนวทางการทางานในอนาคตได้เพื่อความสาเร็จของหน่วยงาน
ปัจจยั ดงั กลา่ ว เรยี กวา่ “การวางแผน (Planning)” มาจากคาในภาษาละตินว่า “Planum” ซึ่งได้มีผู้ให้
ความหมายของการวางแผนไว้

อทุ ัย บญุ ประเสริฐ (2538 : 19) ได้ใหค้ วามหมายวา่ การวางแผนเป็นกิจกรรมท่ีคาดหวังว่า
จะตอ้ งปฏิบตั ิ ซงึ่ เป็นผลจากการคน้ หาและกาหนดวธิ ที างานในอนาคตเพ่ือให้บรรลจุ ดุ มุ่งหมาย บรรลุ
วตั ถุประสงค์ และเปา้ หมายทกี่ าหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานและหน่วยงาน
มากท่ีสุด แสดงให้เห็นวา่ จะมกี ารทาอะไร ทาท่ีไหน เมือ่ ใด ให้ใครทา ทาอย่างไร และใหร้ ายละเอยี ดอนื่ ๆ
ท่ีจาเปน็ ช่วยให้การปฏิบัติงานลลุ ่วงไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ

วิโรจน์ สารรัตนะ (2539 : 35-36) ได้ให้ความหมายว่า การวางแผนเป็นกระบวนการ
ตัดสินใจเพื่อกาหนดวัตถุประสงค์และแนวทางการกระทาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้บุคคลในองค์การปฏิบัติ
ตามให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้

อนันต์ เกตวุ งศ์ (2541 : 3-4) ไดใ้ ห้ความหมายว่า การวางแผนกค็ อื การตัดสินใจล่วงหน้าใน
การเลอื กทางเลือกเกีย่ วกบั สง่ิ ตา่ งๆ ไม่วา่ จะเปน็ วตั ถปุ ระสงค์หรือวิธีการกระทา โดยทั่วไปจะเป็นการ
ตอบคาถามตอ่ ไปนี้ คอื จะทาอะไร (What) ทาไมจึงต้องทา (Why) ใครบ้าง ที่จะเป็นผู้กระทา (Who)
จะกระทาเม่ือใด (When) จะกระทากันที่ไหนบ้าง (Where) และจะกระทากันอย่างไร (How)

Simmons (อ้างถึงใน ธงชัย สันติวงษ์. 2540 : 138) ได้ให้ความหมายว่า การวางแผน
หมายถึง (1) ความหมายในแง่ของงานท่ีต้องปฏิบัติของผู้บริหารแต่ละคน คือ การกาหนด
วัตถุประสงค์ การจูงใจและส่ือความ การวัดผล และการพัฒนาบุคคล (2) ความหมายท่ีมีขอบเขต
กว้างกว่าที่คลมุ ถึงการบริหารทง้ั หมด คือ กระบวนการบรหิ ารทต่ี ่อเน่อื ง ครอบคลมุ ถึงทกุ กิจกรรม
ของงานและมุ่งสู่อนาคต

Wohlstetter (อ้างถึงใน อนันต์ เกตุวงศ์. 2541 : 2) ให้คาอธิบายความหมายของการ
วางแผนไว้แตกต่างออกไปจากท่านอื่นๆ โดยให้ความหมายถึงวิธีการท่ีจาเป็นของการทาให้การ
ตัดสนิ ใจก้าวหนา้ และเป็นสง่ิ ทจี่ ะตอ้ งมอี ยูก่ อ่ นการกระทา การวางแผนจะตอ้ งหาคาตอบ 2 ประการนี้
ให้ได้ คือ 1) ความมุ่งหมายขององค์การหรือแผนงานคืออะไร 2) อะไรคือวิธีการท่ีดีท่ีสุดจะทาให้
บรรลุผลสาเร็จของความมุ่งหมายนั้น ย่ิงกว่านั้นยังเน้นอีกต่อไปว่าการวางแผนเป็นเร่ืองที่ต้องทา
อยา่ งต่อเนอ่ื ง ต้องมีการปรับเปล่ยี นอยเู่ สมอ และสามารถทานาย การเปล่ยี นแปลงในอนาคตได้

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 103

จากความหมายของการวางแผน สรุปไดว้ า่ การวางแผน (Planning) หมายถงึ กระบวนการ
ในการกาหนดทิศทาง เป้าหมาย วัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เกิดข้ึนในอนาคตขององค์การหรือ
หนว่ ยงานโดยเลอื กวธิ ีทางานทด่ี ีท่สี ดุ มปี ระสิทธภิ าพมากที่สดุ ให้บรรลผุ ลตามที่ตอ้ งการภายในเวลา
ท่ีกาหนด และการวางแผนน้ันจะพิจารณาในประเด็นท่ีสาคัญ 3 ประการ คือ 1) จุดหมายปลายทาง
(คอื อะไร) 2) วธิ กี ารดาเนินงาน (ทาอยา่ งไร) และ 3) ระยะเวลา (เสรจ็ ส้ินเม่อื ไร)

ความสาคญั ของการวางแผน

การวางแผนเป็นงานหลักและสาคัญในการบริหารของหน่วยงานในทุกระดับ เน่ืองจากเป็น
ตัวกาหนดทิศทาง เป้าหมาย วิธีดาเนินการ ท่ีจะทาให้หน่วยงานดาเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการภายในเวลาที่กาหนด การดาเนินงานจะประสบผลสาเร็จมากหรือ
น้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการวางแผน หากวางแผนดีก็เท่ากับดาเนินงานสาเร็จไปแล้วกว่าคร่ึง ดังนั้น
การวางแผนจึงมคี วามสาคัญต่อการดาเนนิ งาน ดงั นี้

1. การวางแผนเป็นหนา้ ท่อี ันดับแรกของผบู้ รหิ าร
2. การวางแผนเป็นแนวทางปฏิบัติที่สาคัญ ผู้ปฏิบัติตามแผนสามารถศึกษาเรียนรู้วิธีการ
ข้ันตอน และกระบวนการทางานได้จากแผนกอ่ นทจ่ี ะลงมือปฏบิ ัติ
3. แผนและการวางแผนเป็นตัวกาหนดทิศทางและความรู้สึกในเร่ืองของความมุ่งหมาย
สาหรบั องคก์ ารใหผ้ ้ปู ฏบิ ตั งิ านทกุ คนไดร้ ู้ แผนเปน็ กรอบสาหรับการตดั สนิ ใจใหผ้ ู้ปฏบิ ตั ไิ ด้ อย่างดี จึง
สามารถป้องกันมิใหม้ ีการตัดสนิ ใจเพ่ือแกป้ ัญหาแต่ละครัง้ ไปเทา่ นั้นด้วย
4. แผนและการวางแผนจะชว่ ยให้ผู้บริหารและผ้ปู ฏิบตั งิ าน มองไปในอนาคต และเหน็ โอกาสที่
จะแสวงหาประโยชน์หรือกระทาการต่างๆ ให้สาเร็จตามความมุ่งหมายได้ ทั้งยังมองเห็นปัญหา
อปุ สรรคและภยั คกุ คามตา่ งๆ เพ่ือจะหาทางป้องกนั ตลอดจนลดภาวะความเสี่ยงต่างๆ ไดด้ ว้ ย
5. การตัดสินใจที่มีเหตุผลในการวางแผนน้ัน จะมีการตัดสินใจเร่ืองต่างๆ ไว้ล่วงหน้า ซ่ึงมี
เวลาพอที่จะใช้ทั้งหลักทฤษฎี แนวความคิด และหลักการ ประกอบกับตัวเลขสถิติและข้อมูลข่าวสาร
ต่างๆ ทเ่ี ก่ยี วข้องมาพิจารณาตัดสินใจ จึงทาให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม มีเหตุผล
และเป็นประโยชนต์ ามตอ้ งการ
6. การวางแผนในเรื่องของการเตรียมการไว้ล่วงหน้า เมื่อมีการกาหนดวัตถุประสงค์และ
เปา้ หมายตามความตอ้ งการ กิจกรรมตา่ งๆ ที่จะตอ้ งกระทาใหเ้ ปน็ ไปตามวัตถุประสงค์ และ บงั เกดิ ผล
ตามเป้าหมายนั้นๆ จะต้องได้รับการพิจารณา การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทั้งวิธีการกระบวนการ
ขน้ั ตอนของการกระทา ทรัพยากรท่ีต้องใช้ เวลา สถานทแ่ี ละการควบคมุ ดแู ลการทางาน
7. การวางแผนมสี ว่ นชว่ ยให้มนุษย์เปลย่ี นแปลงสิ่งตา่ งๆได้มาก
8. การวางแผนเป็นตวั นาในการพฒั นา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 104

ประโยชน์ของการวางแผน

การวางแผนมีประโยชน์สาคัญหลายประการท้ังต่อผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติ รวมท้ังผู้ที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งพอสรปุ ได้ดังน้ี

1. ป้องกันมิให้เกิดปัญหาและความผิดพลาด หรือลดความเสี่ยงท่ีอาจจะเกิดขึ้นในการ
ปฏิบตั ิงานในอนาคต

2. ทาให้หน่วยงานมีกรอบหรือทิศทางในการปฏิบัติงานที่ชัดเจนว่าจะทาอะไร ที่ไหน เม่ือไร
อยา่ งไร และใครทา ทาใหน้ ักบริหารมคี วามมัน่ ใจในการปฏบิ ัติงานใหบ้ รรลผุ ลสาเร็จได้ง่าย

3. ชว่ ยให้เกิดการประหยัดทรพั ยากรทางการบรหิ าร เชน่ คน เงิน วัสดอุ ุปกรณ์ เวลา ฯลฯ
4. ช่วยให้การปฏิบตั ิงานรวดเรว็ มปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะมีแผนเปน็ แนวทาง “เปรยี บเสมอื นเรอื
ท่มี ีหางเสอื ”
5. ชว่ ยใหก้ ารปฏบิ ตั ิงานเป็นระบบ นักบริหารสามารถควบคมุ ตดิ ตามการปฏบิ ัตงิ านได้ง่าย

ประเภทของแผน

การจาแนกประเภทของแผน ข้ึนอยู่กบั บรรทดั ฐานท่ีนามาใช้ในการจาแนกและจัดแบ่งประเภท
เพอื่ ให้สอดคล้องกับความตอ้ งการใช้งานและง่ายต่อการทาความเข้าใจ การวางแผนอาจจาแนกเป็น
ประเภทตา่ งๆ โดยอาศยั หลกั เกณฑท์ แี่ ตกต่างกันไป การจาแนกประเภทของแผนทส่ี าคญั ๆ มดี ังน้ี

1. จาแนกตามระดับหน่วยงาน เป็นแผนซึ่งระบุถึงระดับหน่วยงานที่กาหนดแผนและกาหนด
วธิ ีการในการปฏิบตั ิตามแผน แผนประเภทน้ีได้แก่ แผนระดับชาติ แผนระดับกระทรวง แผนระดับกรม
แผนระดบั จงั หวดั แผนระดบั เขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา แผนระดับโรงเรียน เปน็ ต้น

2. จาแนกตามวัตถุประสงค์ หรือ เป้าหมาย เป็นแผนซึ่งจัดทาข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์หรือ
เปา้ หมายโดยเฉพาะ เชน่ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนการศึกษาแห่งชาติ แผนพัฒนา
ชนบท แผนพัฒนาแหล่งอตุ สาหกรรมภาคตะวันออก เปน็ ตน้

3. จาแนกตามระยะเวลา แผนประเภทนี้ อาจแบ่งได้เปน็ 3 ประเภท ดงั นี้
3.1 แผนระยะสนั้ (Short-Range Plan) คอื แผนทีใ่ ช้ระยะเวลาดาเนินการประมาณ 1

ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี เช่น แผนปฏิบัติการประจาปี (Action Plan or Operation Plan) ในแผนจะมี
รายละเอียดเก่ียวกับวิธีการดาเนินการ สถานท่ี งบประมาณ และผู้รับผิดชอบ การวางแผนระยะสั้น
อาจทาในรปู ของแผนงาน (Program) หรอื โครงการ (Project) ซ่งึ มกี ิจกรรมไม่สลบั ซบั ซอ้ น

3.2 แผนระยะปานกลาง (Intermediate-Range Plan) คือ แผนท่ีใช้ระยะเวลาในการ
ดาเนินการตั้งแต่ 3-4 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10
(พ.ศ.2550-2554) แผนปฏิบัติราชการ 4 ปี เปน็ ต้น

3.3 แผนระยะยาว (Long-Range Plan) คือ แผนที่ใช้ระยะเวลาในการดาเนินการ
มากกว่า 5 ปี ข้ึนไป ในแผนจะกาหนดขอบเขตแนวทางไว้กว้างๆ เช่น แผนการศึกษาแห่งชาติ 15 ปี
เป็นต้น

นอกจากนัน้ แผนทงั้ 3 ประเภท จะตอ้ งประสานสมั พนั ธซ์ ่ึงกนั และกัน การกาหนดแผนระยะสน้ั
หรือระยะปานกลางโดยไม่คานงึ ถงึ แผนระยะยาว ยอ่ มมผี ลเสยี หายมากกวา่ ทีจ่ ะได้ผลดี หรือกล่าวอีก
นัยหนึ่งได้ว่าแผนระยะสั้น หรือระยะปานกลาง อาจเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีแผนระยะยาว และในทานอง
เดียวกันแผนระยะยาวอาจไม่ประสบกับผลสาเร็จ หากไม่มีแผนระยะสั้นหรือระยะปานกลางขช่วย
สนับสนุน

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 105

4. จาแนกตามลักษณะการใช้ โดยปกติองค์การหรือหน่วยงานต่างๆ จะมีแผนท่ีใช้อยู่ 2
ประเภท คือ

4.1 แผนทมี่ วี ตั ถุประสงค์เดียว (Single-Purpose planning) เป็นแผนที่ใช้สาหรับเป็น
แนวทางในการปฏบิ ัติเฉพาะงานหรือเฉพาะความรบั ผิดชอบหรอื เป็นไปตามสภาวการณ์ คร้ันเมื่องาน
สาเร็จลุล่วงไปแล้วหรือสภาวการณ์เปลี่ยนแปลงไป แผนน้ันก็จะถูกยกเลิกไม่ใช้อีกต่อไป หรืออาจ
เรียกว่า “แผนชั่วคราว” เช่น แผนลดค่าเงินบาท แผนป้องกันน้าท่วม โครงการแพทย์อาสาสมัคร
เคลื่อนทแ่ี ละอ่ืนๆ เป็นต้น

4.2 แผนที่ใช้อย่างต่อเนื่อง (Continuous-Use Planning) เป็นแผนที่ใช้สาหรับเป็น
แนวทางในการปฏิบัติงานอย่างต่อเน่ืองและเป็นประจาด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน แม้จะมีผลกระทบ
ต่างๆ เกิดขึ้นในขณะดาเนินงาน แผนชนิดน้ีจะไม่เปล่ียนโครงสร้างแต่จะปรับปรุงรายละเอียดให้
สามารถดาเนินการต่อไปได้ หรืออาจเรียกได้ว่า “แผนถาวร” หรือ “แผนงานหลัก”ได้แก่นโยบาย
ต่างๆ เชน่ นโยบายการพัฒนาชนบท นโยบายการป้องกนั และปราบปรามคอมมิวนิสต์ นโยบายการ
ลดอัตราการเกดิ เปน็ ต้น

5. จาแนกตามระดับการบริหารงานหน่วยงาน แผนประเภทน้ี อาจแบง่ ได้เป็น 3 ระดบั ดงั น้ี
5.1 แผนกลยุทธ์ (Strategic Planning) เป็นแผนทีถ่ ูกจัดทาขน้ึ โดยผู้บริหารระดับสูง

เพอ่ื ให้สอดคล้องกับเปน็ หมายกลยุทธ์ของหน่วยงานแล้วประสานไปยังผ้บู ริหารระดับกลาง และระดับ
ล่าง ทาให้การวางแผนกลยุทธ์มีลักษณะการบริหารแบบลงล่าง (Top-Dow Planning) ที่ผู้บริหาร
ระดับสูงมีบทบาทสาคัญที่สุด การวางแผนกลยุทธ์จะกล่าวถึงขอบเขตกว้างๆ ของการจัดกิจกรรม
ของหนว่ ยงาน ซ่ึงตอ้ งครอบคลุมทรพั ยากรทัง้ หมดทหี่ นว่ ยงานมีอยู่ตลอดจนการพยากรณ์สภาวะ
แวดล้อมทั้งภายในและภายนอก เป้าหมายของการวางแผนกลยุทธ์ โดยท่ัวไปจะมุ่งเน้นให้หน่วยงาน
เจริญเตบิ โตและดารงอยู่ได้ในอนาคต กับการช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดาเนินงาน
ของหน่วยงาน

5.2 แผนยทุ ธวิธี (Tactical Planning) เป็นแผนท่ีเกิดจากการกระทาร่วมกันระหว่าง
ผู้บริหารระดับสูงกับผู้บริหารระดับกลางเพื่อให้หน่วยงานธุรกิจก้าวไปสู่ผลสาเร็จท่ีวางไว้ ซึ่งเป็นไป
ตามเป้าหมายยุทธวิธีและสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ แผนยุทธวิธี จะมีลักษณะเฉพาะเจาะจงและเป็น
กิจกรรมที่ต้องกระทาโดยหน่วยงานยอ่ ยซ่งึ อยูภ่ ายในหน่วยงาน การวางแผนยุทธวิธีต้องอยู่ภายใต้
ขอบเขตกาหนดของแผนกลยุทธ์ แตแ่ ผนยทุ ธวธิ ีจะทาหนา้ ทใี่ นการผสมผสานสอดคล้องระหว่างแผน
กลยุทธ์ ซ่ึงถกู สรา้ งขึน้ โดยผบู้ ริหารระดบั สูง กบั แผนปฏิบัติการ ซึ่งเป็นแผนระดับล่างและมักเป็นแผน
ระยะสัน้ เขา้ ด้วยกันโดยเน้นใหค้ รอบคลมุ ในสง่ิ ทมี่ คี วามสาคัญทัง้ หมด เช่น ค่าใช้จ่าย รายได้ เวลา และ
เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช้

5.3 แผนปฏิบตั ิการ (Operational Plans) ใช้อธิบายเป้าหมายในการปฏิบัติงานของ
หนว่ ยงานในลกั ษณะทเี่ ปน็ หนา้ ที่เฉพาะของหนว่ ยงาน หรือมีลักษณะท่ีเป็นงานท่ีต้องทาเป็นประจาวัน
ต่อวัน การวางแผนปฏิบัติการเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับล่างที่จะต้องกระทาตามเป้าหมาย
ปฏิบตั กิ าร และใหส้ อดคลอ้ งกับแผนยุทธวธิ ี และแผนกลยุทธ์ แผนปฏบิ ตั กิ ารจงึ มลี กั ษณะการวางแผน
ระยะส้ัน ซึ่งมักเก่ียวข้องกับปัจจัยต่างๆ ภายในหน่วยงาน ซ่ึงเป็นทรัพยากรที่ผู้บริหารสามารถ
ควบคุมได้

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 106

6. การจาแนกแผนตามหน้าที่ดาเนินงาน การวางแผนโดยจาแนกตามหน้าท่ีดาเนินงาน
สามารถจาแนกแผนออกได้เป็น 5 ชนดิ ไดแ้ ก่

6.1 แผนแม่บท (Master Plan) เป็นแผนท่ีเกิดจากการรวมแผนทั้งหมดภายใน
หน่วยงานเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้เห็นถึงโครงสร้างโดยรวมของการปฏิบัติงานภายในหน่วยงาน และใช้
เปน็ แมแ่ บบในการวางแผนระดับรองลงไปของกจิ การ

6.2 แผนหน้าท่ี (Functional Plan) เป็นแผนที่ถูกวางข้ึนเพื่อเฉพาะเจาะจงใช้กับกลุ่ม
งาน แผนปฏิบัติงานจะเป็นแผนย่อยที่อยู่ในแผนใหญ่ที่เรียกว่าแผนแม่บท แผนปฏิบัติงานจะช่วยให้ผู้
ปฏิบตั ทิ ราบวา่ หน่วยงานจะตอ้ งทาอะไร ทาอย่างไร และทาเพอ่ื อะไร ตลอดจนแสดงเปา้ หมายสุดทา้ ย
ที่คาดหวัง เมื่อปฏิบัติตามแผนทุกอย่างหมดแล้ว การจาแนกการวางแผนตามหน้าท่ีนี้ สามารถ
จาแนกแผนย่อยออกได้เป็นแผนด้านบุคลากร แผนด้านการผลิต แผนด้านการตลาด และแผนด้าน
การเงิน

6.3 แผนงานโครงการ (Project) เปน็ แผนที่หน่วยงานทาข้ึนเพ่ือตอบสนองนโยบาย
เกี่ยวกับกิจกรรมใหญ่ของหน่วยงานเฉพาะคร้ัง (เป็นกิจกรรมท่ีนานๆ ทาที มิใช่ทาเป็นประจา
สม่าเสมอ) ซงึ่ ต้องใชป้ ัจจัยเป็นจานวนมาก จากหนว่ ยงานต่างๆ หลายๆ หนว่ ยงาน การวางแผนงาน
โครงการจะช่วยให้หน่วยงานย่อยแต่ละหน่วยงานรู้หน้าท่ี และความรับผิดชอบของตนมีการประสาน
สมั พันธอ์ ันดี ซึ่งจะทาใหง้ านบรรลเุ ป้าหมายทว่ี างไว้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

6.4 แผนสรุป (Comprehensive Plan) เป็นแผนท่ีจัดทาขึ้นเพื่อสรุปรวมแผนหน้าที่
ตลอดจนแผนงานโครงงานทีห่ นว่ ยงานกระทา โดยอาจจาแนกเปน็ หมวดหมู่ หรอื จาแนกตามขอบเขต
ของงานหรอื ระดบั ความซบั ซอ้ นในการปฏบิ ัติ เพอื่ ให้งา่ ยต่อการทาความเขา้ ใจ การวางแผนประเภทนี้
จะเห็นได้ชดั ในการวางแผนบรหิ ารประเทศของรัฐบาล ตัวอยา่ งเชน่ แผนสาธารณสุข แผนการจดั การ
ศึกษา เป็นตน้

6.5 แผนกิจกรรม (Activity Planning) เป็นแผนท่ีจัดทาขึ้นเพ่ือแสดงให้เห็น
ตารางเวลาของการปฏิบัติงาน (Schedule) แผนกิจกรรมจะแสดงให้เห็นว่า แต่ละหน่วยงานย่อยใน
หน่วยงานมีหน้าที่รับผิดชอบในการดาเนินกิจกรรมอะไร ในช่วงเวลาใดบ้าง กิจกรรมนั้นจะเร่ิมต้น
เมื่อไร และจะต้องดาเนินกิจกรรมต่อเนื่องกับหน่วยงานใดบ้างหรือไม่ เพื่อให้งานน้ันแล้วเสร็จ
บรรลผุ ลสาเร็จ ตามเปา้ หมายอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

7. จาแนกตามความถี่ของการนาแผนไปใช้ การจาแนกประเภทของแผนวิธีน้ี จะแบ่งแผน
ออกได้ เป็น 2 ประเภท ดงั นี้

7.1 แผนหลัก (Standing Plan) (หรืออาจเรียกได้ว่าแผนยืนพื้น แผนถาวร หรือ
แผนประจา) เป็นแนวคิด หลักการ หรือแนวทางปฏิบัติในการกระทากิจกรรมบางอย่างภายใน
หนว่ ยงาน ซึ่งต้องมีการกระทาซา้ บ่อยๆ แผนหลักหรือแผนประจานี้ จะถูกนามาใช้ได้หลายๆครั้งโดย
ไมม่ ีการกาหนดอายุ (ข้ึนอยกู่ บั การเปลี่ยนแปลงสภาวการณ์ทั้งภายในและภายนอกเป็นเกณฑ)์ แผน
หลักหรือแผนประจาจึงต้องเป็นเครื่องมือสาหรับผู้บริหารในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาระหว่างฝ่าย
ตา่ งๆ

7.2 แผนใช้เฉพาะคร้ัง (Single-Use Plan) หมายถึง แผนท่ีเตรียมข้ึนอย่าง
เฉพาะเจาะจงกับเหตกุ ารณท์ ีเ่ กิดขึ้นเพยี งคร้งั เดยี วแล้วจะไม่มีโอกาสเกิดข้ึนอีก (one time Goal) เม่ือ
บรรลผุ ลตามทก่ี าหนดแลว้ จะเลกิ ใช้แผนนน้ั ๆ แตถ่ ้าสถานการณ์เอือ้ อานวยจะนากลบั มาใช้ใหมอ่ กี ก็ได้

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 107

การจดั ทาแผนพัฒนาการจดั การศึกษาของสถานศึกษา

ตามท่กี ระทรวงศกึ ษาธิการไดอ้ อกกฎกระทรวงการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2561
และได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 และได้กาหนดไว้ชัดเจนให้
สถานศึกษาแต่ละแห่ง “…จัดทาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาท่ีมุ่งคุณภาพตาม
มาตรฐานการศึกษาและดาเนินการตามแผนพัฒนาที่กาหนดไว้…” ซ่ึงสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ได้ทบทวนการดาเนินการเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาและได้จัดทา
แนวทางปฏบิ ัติการดาเนนิ การประกันคุณภาพการศึกษา เพ่ือให้หน่วยงานต้นสังกัด ได้แก่ สานักเขต
พ้ืนท่ีการศึกษา ท้ังประถมศึกษาและมัธยมศึกษา สานักงานบริหารการศึกษาพิเศษได้ดาเนินการได้
อย่างถูกต้อง เหมาะสม เป็นไปในทิศทางเดียวกับประกาศสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พื้นฐาน เรื่อง แนวปฏิบัติการดาเนินงานประกันคุณภาพการศึกษา ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.
2561 กาหนดให้สถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานดาเนินการ โดยในข้อ 2 ต้องจัดให้มีระบบ
ประกันคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา (2.2) จัดทาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของ
สถานศึกษาให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ
โดยสะท้อนคุณภาพความสาเร็จอย่างชัดเจนตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา การพัฒนา
คณุ ภาพการจดั การศกึ ษาตามบทบาทหนา้ ทแ่ี ละความรับผดิ ชอบของสถานศกึ ษาจงึ ตอ้ งขบั เคลือ่ นให้
สอดคลอ้ งเหมาะสมกับพน้ื ฐานของแนวคิด หลกั การและความสาคญั ของการวเิ คราะห์ ใช้และพฒั นาที่
อิงต่อการวางแผนพัฒนาเชิงกลยุทธ์โดยใช้แผนพัฒนาการจัดการศึกษาสู่ความมีคุณภาพตาม
มาตรฐานของสถานศกึ ษาเปน็ สาคญั ตอบสนองต่อการพฒั นาอยา่ งถูกต้อง เหมาะสมและเปน็ ไปตาม
เจตนาของการสร้างระบบการประกนั คุณภาพทางการศกึ ษาท่ีมีประสทิ ธภิ าพ

ภาพ กรอบแนวคดิ การจัดทาแผนพฒั นาการจดั การศกึ ษาและแผนปฏบิ ตั กิ าร
ประจาปีขอสถานศกึ ษา และสาระสาคญั ทเ่ี กย่ี วข้อง

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 108

แนวคดิ หลักการ และความสาคญั

การขับเคล่ือนคุณภาพการจัดการศึกษา เน้นการใช้แผนพัฒนาการจัดการศึกษาและการ
บริหารจัดการสถานศึกษาเชิงกลยุทธ์ควบคู่กัน เพ่ือให้เกิดความชัดเจน เหมาะสม และสามารถ
ดาเนินการพัฒนาสู่อนาคต ได้อย่างเป็นระบบและมีการบริหารจัดการสถานศึกษาซ่ึงเน้นความเป็น
ระบบ มีความเป็นเหตุเป็นผลยึดกระบวนการเชิงกลยุทธ์เพ่ือการดาเนินการ จึงต้องเช่ือมโยงและมี
ความสัมพนั ธ์ระหว่างกนั ซึ่งสามารถอธิบายดงั แสดงในแผนภาพ

ภาพ ความสมั พันธ์ระหวา่ งคาถามเชิงกลยทุ ธ์กระบวนการบรหิ าร และ
รายละเอยี ดของกระบวนการบริหาร

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 109

การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ของสถานศึกษาเป็นกระบวนการศึกษาวิเคราะห์สังเคราะห์
ออกแบบ และวางแผนดาเนินการท่ีให้เห็นความสาคัญกับการมองความสาเร็จของปัจจุบันสู่อนาคต
ภายใต้การพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการใช้ความสามารถของบุคลากรในสถานศึกษาด้วยการ
ระดมทรัพยากรมาใช้และการพิจารณาถึงทางเลือกต่าง ๆ อย่างรอบคอบและชัดเจนว่าจะสามารถ
นาพาสถานศึกษาไปสู ่เป้าหมายตามภารกิจที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าประสงค์หลักที่
วางไว้ นอกจากนนั้ การวางแผนกลยทุ ธ์เกีย่ วข้องกบั การวิเคราะห์ทุกปัจจัยท่ีคาดว่าจะก่อให้เกิดการ
เปล่ียนแปลงในอนาคตและทจ่ี ะมผี ลกระทบตอ่ สถานศกึ ษา ทั้งในแง่ของโอกาสและอปุ สรรค เพ่ือจะบอก
ทิศทางท่ีสถานศึกษากาหนดขึ้นอย่างชัดเจนในการดาเนินการสู่อนาคตได้อย่างเป็นระบบดังแสดงใน
แผนภาพ

ภาพ การบริหารจดั การเชิงกลยุทธ์

การจดั ทาแผนพัฒนาการจดั การศึกษาของสถานศึกษา

การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ของสถานศึกษาเป็นกระบวนการศึกษา วิเคราะห์สังเคราะห์
ออกแบบ และวางแผนดาเนินการท่ีให้เห็นความสาคัญกับการมองความสาเร็จของปัจจุบันสู่อนาคต
ภายใต้การพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการใช้ความสามารถของบุคลากรในสถานศึกษาด้วยการ
ระดมทรัพยากรมาใช้และการพิจารณาถึงทางเลือกต่าง ๆ อย่างรอบคอบและชัดเจนว่าจะสามารถ
นาพาสถานศึกษาไปสู่เป้าหมายตามภารกิจที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าประสงค์หลักที่
วางไว้นอกจากน้ันการวางแผนกลยุทธ์เก่ียวข้องกับการวิเคราะห์ทุกปัจจัยท่ีคาดว่าจะก่อให้เกิดการ
เปล่ียนแปลงในอนาคตและทจ่ี ะมผี ลกระทบตอ่ สถานศกึ ษา ทง้ั ในแง่ของโอกาสและอปุ สรรค เพ่ือจะบอก
ทิศทางทส่ี ถานศกึ ษากาหนดขึน้ อยา่ งชดั เจนในการดาเนินการสู่อนาคตได้

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 110

วงจรคณุ ภาพการบรหิ ารเชงิ ระบบ(PDCA)

การพฒั นาระบบการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษา จะต้องออกแบบ การดาเนินการภายใน
สถานศึกษาท่ีเน้นการสร้างความเข้าใจสาหรับบุคลากร ท่ีเกี่ยวข้องให้ตรงกันในทุกขั้นตอนการ
ดาเนินการ เข้าใจความสัมพันธ์เชื่อมโยง ระหว่างขั้นตอนของการดาเนินการ และสถานศึกษาส่วน
ใหญ่จะยึดข้ันตอน ของวงจรคุณภาพการบริหารงานเชิงระบบ (PDCA) เพื่อขับเคลื่อนคุณภาพ ทั้ง
ขบั เคลือ่ นคณุ ภาพของสถานศึกษา ท้ังขับเคล่ือนคุณภาพงานของกลุ ่มงาน ท้ังขับเคล่ือนคุณภาพ
ของบุคคลทมี่ ีบทบาทหนา้ ที่และความรบั ผิดชอบเฉพาะตน ภายใต้4 ขนั้ ตอนสาคญั ประกอบด้วย

P : Planning การวางแผนพฒั นาคุณภาพ
D : Doing การปฏบิ ัตงิ านตามแผนพฒั นาคุณภาพ
C : Checking การตรวจสอบ ประเมนิ ผลการพัฒนาคณุ ภาพ
A : Action การปรบั ปรุงและพฒั นาคณุ ภาพ
การขับเคลือ่ นวงจรคุณภาพการบรหิ ารเชิงระบบ (PDCA) ดงั แสดง ในแผนภาพ

ภาพวงจรคณุ ภาพการบรหิ ารงานเชงิ ระบบ (PDCA)

ขัน้ ตอนการดาเนินงานตามวงจรคณุ ภาพการบรหิ ารงานเชงิ ระบบ(PDCA)

สถานศึกษาจะต้องประยุกต์ใช้วงจรคุณภาพ เพ่ือให้สอดคล้องเหมาะสม กับบริบทของ
สถานศึกษา โดยยึดการพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของ สถานศึกษาที่เกิดจากการ
ประยุกต์ใช้ข้อมูลสารสนเทศมาออกแบบ วางแผน การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ซึ่งบุคลากรที่
เกี่ยวขอ้ งมีสว่ นรว่ มต่อการขับเคล่ือน การพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาจนเกิดเป็นวัฒนธรรม
คุณภาพในสถานศึกษา โดยทุกคนยึดมั่นที่จะดาเนินการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ มี
รายละเอียด ประกอบดว้ ย 4 ข้ัน ดังน้คี อื

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 111

1. ขั้นการวางแผนพัฒนาคุณภาพ P : Planning เป็นข้ันการกาหนดกรอบ รายละเอียด
ของการดาเนินการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา ผ่านการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ สาหรับ
การวางแนวทาง เพื่อพัฒนาด้วยการพิจารณา คัดเลือกแนวทางที่มีความเหมาะสมกับบริบทของ
สถานศึกษาที่สุดในการแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาคุณภาพโดยจะช่วยส่งเสริมให้การ
คาดการณ์ สิง่ ทจ่ี ะเป็นผลสาเร็จในอนาคต มคี วามชัดเจนมากท่ีสดุ

2. ข้นั การปฏบิ ตั ิงานตามแผนพฒั นาคุณภาพ D : Doing เปน็ ข้นั การนา แนวทางท่ผี ่านการ
วางแผนไว้อย่างชัดเจน มาสู่การปฏิบัติตามกิจกรรม ซ่ึงกาหนด ไว้ในแนวทางดังกล่าว เพื่อสร้าง
ความสาเร็จใหบ้ รรลุตามวัตถุประสงค์ทั้งการแก้ไข ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง และพัฒนาคุณภาพจนเกิด
ประสทิ ธภิ าพสงู สุด

3. ข้ันการตรวจสอบประเมินผลการพัฒนาคุณภาพ C : Checking เป็นข้ัน การเลือกใช้
วิธีการและเคร่ืองมือเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสารสนเทศจากการ ดาเนินการแก้ไข ปรับปรุง
เปลยี่ นแปลง และพัฒนาคุณภาพสาหรับนามา วิเคราะห์แปลผล และเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์และ
เง่ือนไขของความสาเร็จ จากการดาเนนิ การว่าบรรลผุ ลสาเร็จหรือไม่อย่างไร

4. ขั้นการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ A : Action เป็นข้ันการนาผลการประเมินมา
พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และตัดสินในการพิจารณาแนวทางสาหรับการแก้ไข ปรับปรุง
เปลย่ี นแปลง และพฒั นาคณุ ภาพไปประยกุ ตใ์ ชเ้ พอ่ื สรา้ งกระบวนการสนบั สนนุ ความกา้ วหนา้ อยา่ งเปน็
ระบบและมคี วามตอ่ เนอ่ื ง สถานศกึ ษาวางแผนและออกแบบการพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศึกษาของ
สถานศึกษา โดยการประยุกต์ใช้วงจรคุณภาพการบริหารงานเชิงระบบ(PDCA)สาหรับการกากับ
วางแผน และออกแบบขับเคล่ือนวงจรให้เกิดความเป็นพลวัตร (Dynamic) ซ่ึงจะทาให้วงจรดาเนินไป
อย่างเป็นระบบและมีความต่อเนอ่ื งดังแสดงในแผนภาพ

แผนภาพวงจรคณุ ภาพกับการพัฒนาคณุ ภาพอย่างเปน็ ระบบและต่อเนอ่ื ง

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 112
บุคลากรในสถานศกึ ษาควรศกึ ษาความสมั พนั ธ์ ความเชื่อมโยงและความเป็นเหตุเปน็ ผลของ
การนาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาและแผนปฏิบัติการประจาปีของสถานศึกษา ซ่ึง
สามารถสรุปสาระสาคัญท่ีแสดงให้เห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างการใช้แผนทั้ง 2 ลักษณะ ดัง
แสดงในแผนภาพ

แผนภาพความสมั พนั ธค์ วามเช่ือมโยง และความเปน็ เหตุเปน็ ผลของการนา
แผนพฒั นาการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษาและแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาปขี อง

สถานศึกษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 113

กระบวนการจดั ทาแผนพัฒนาการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา

กระบวนการจัดทาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาเป็นขั้นตอนของการกาหนด
เปา้ หมายและแนวทางในการพัฒนาการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษาในช่วงระยะเวลาท่ีกาหนด (3 – 5
ปี) โดยจัดทาไวเ้ ป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรเพอ่ื ให้เกิดความมนั่ ใจว่าสถานศึกษาจะดาเนินการตามขั้นตอนท่ี
กาหนดร่วมกัน โดยอาศัยหลักการและแนวคิดการบริหารจัดการโดยใช้วงจรคุณภาพดังแสดงใน
แผนภาพ

แผนภาพหลักการและแนวคดิ การบริหารจัดการโดยใช้วงจรคณุ ภาพ กบั การจดั ทา
แผนพัฒนาการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 114

ข้ันตอนการจดั ทาแผนพัฒนาการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา (ระยะ 3 - 5 ป)ี

การจดั ทาแผนพฒั นาการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษาที่มุ่งคุณภาพ สถานศึกษาทั้งระบบ
ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา (ระยะ 3 - 5 ปี) สถานศึกษาสามารถดาเนินการได้ตาม
ข้ันตอนดงั แสดงในแผนภาพ

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 115

ขัน้ ที่ 1 แต่งต้ังคณะทางาน
1. คณะทางานควรประกอบด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัด

การศกึ ษาทง้ั ภายนอกและภายในโรงเรียน ได้แก่ ผูแ้ ทนคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน / ครู/
นักเรียน / ชุมชน / องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท้ังน้ีควรมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นท่ีปรึกษาด้วย
คณะกรรมการ และคณะทางาน อาจจาแนกเป็นด้าน ๆ ตามความเหมาะสม เช่น คณะกรรมการท่ี
ปรึกษา คณะกรรมการอานวยการ คณะกรรมการดาเนินการแต่ละด้าน เช่น ด้านข้อมูลและ
สารสนเทศโดยกาหนดบทบาทหน้าที่ให้สามารถจัดทาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนา
โรงเรียนให้บรรลุวัตถปุ ระสงคแ์ ละมปี ระสทิ ธภิ าพ

2. สร้างความรู้ความเข้าใจคณะทางาน และบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องเก่ียวกับการวาง
แผนการพัฒนาการศกึ ษา

ข้ันท่ี 2 รวบรวมข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับสภาพภายในและภายนอกของสถานศกึ ษา
ขอ้ มูลพื้นฐานและระบบสารสนเทศตอ้ งถกู ตอ้ ง ครบถว้ น เป็นปจั จุบนั ครอบคลมุ งานทกุ ดา้ น
ท้ังด้านวิชาการ ด้านงบประมาณ ดา้ นบุคลากรและดา้ นบรหิ ารท่ัวไป โดยใช้เคร่ืองมือและเทคโนโลยีใน
การเก็บรวบรวมขอ้ มลู วเิ คราะหข์ อ้ มูล นาเสนอข้อมูลท่ีถูกต้องเทยี่ งตรงจากแหล ่งข้อมูลทเ่ี ชื่อถือได้
มกี ารวิเคราะหส์ ารสนเทศ วเิ คราะห์ความขาด - เกนิ เทยี บกบั เกณฑ์มาตรฐานเพอ่ื จะใช้เป็นฐานข้อมูล
ในการจดั ทาแผนพฒั นาการจัดการศกึ ษา
ตวั อยา่ งขอ้ มลู สารสนเทศ

1. ข้อมูลพ้ืนฐานด้านปริมาณ อาทินักเรียนจาแนกตามระดับช้ัน ครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษา ทด่ี ินและสงิ่ กอ่ สรา้ ง

2. ขอ้ มูลด้านคุณภาพผู้เรียน อาทิผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกระดับประกอบด้วย
ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับชาติคุณภาพผู้เรียนจากผลการประเมินคุณภาพ
ภายในและภายนอก สุขภาพผ้เู รยี นรายงานผลการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกของสถานศกึ ษา รวมถึง
นโยบายอืน่ ๆทเี่ กีย่ วข้องกับผเู้ รียน เปน็ ตน้

3. ข้อมูลด้านกระบวนการบริหารและการจัดการ อาทิกฎหมาย นโยบายที่
เก่ียวข้อง มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา หลักสูตรสถานศึกษา รายงานผลการดาเนินงานที่
เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา แหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกสถานศึกษา ปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิ
ปัญญาท้องถ่ิน บันทึกรายงานการประชุมรายงานผลการประเมินคุณภาพภายใน รายงานผลการ
ประเมินภายนอกของสถานศึกษา เป็นตน้

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 116

4. ด้านกระบวนการจัดการเรียนการสอน อาทิหลักสตู รในแตล่ ะระดับแผนการจัดการเรยี นรู้
แผนการจดั ประสบการณ์ บันทึกหลังสอน แฟ้มสะสมผลงานของครูการบริหารจัดการชั้นเรียน สื่อ
สารสนเทศทใ่ี ช้ในการจัดการเรียนการสอน เปน็ ตน้

5. นโยบายท่ีเกยี่ วข้องในระดับต่างๆ
ข้นั ที่ 3 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เก่ียวกบั สภาพภายในและภายนอกของสถานศึกษา
การวเิ คราะหข์ ้อมูลท่เี กี่ยวขอ้ งกบั สภาพภายในดา้ นจดุ เด่น จดุ ที่ควรพฒั นา สภาพภายนอก
ดา้ นโอกาส และอปุ สรรคของสถานศึกษานนั้ มกี ารวิเคราะหห์ ลายแนวทาง เช่น Scenario Planning /
Five Forces Model /BSC / KPI / SWOT Analysis / TOWS Matrix เปน็ ตน้
ข้ันท่ี 4 การกาหนดทศิ ทางการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา
ทิศทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษา เป็นการกาหนดเป้าหมายท่ีสถานศึกษาต้อง
ดาเนินการจัดการศึกษา เปรียบเสมือนเป็นผลลัพธ์ระดับสูงท่ีสถานศึกษาต้องการท่ีจะบรรลุ ซ่ึงการ
กาหนดทิศทางของสถานศึกษาเป็นกระบวนการท่ีบุคลากรทุกฝ่ายของสถานศึกษา ร่วมกันต้ัง
ปณิธานความมุ่งหวัง ต้ังมน่ั ปรารถนาที่จะพัฒนาสถานศกึ ษาไปสู่ความสาเร็จ โดยร่วมกันระดมพลัง
ปัญญาวิจารณญาณ และแรงบนั ดาลใจ ตรวจสอบ ทบทวน กล่ันกรอง จัดวางสร้างสรรค์สภาพที่
พึงประสงค์ของสถานศึกษาทศิ ทางของสถานศกึ ษาประกอบดว้ ยวสิ ัยทัศนพ์ ันธกจิ เปา้ ประสงค์

4.1 การกาหนดวสิ ยั ทัศน์ (Vision)
วิสัยทศั นจ์ ะเปน็ การมองไปในอนาคต (Future Perspective) เป็นส่งิ ทจ่ี ะบอกถึงส่งิ ท่ี
สถานศึกษาอยากจะเปน็ ในอนาคต เปน็ การบอกถงึ ทิศทางขององคก์ รในอนาคต
4.2 การกาหนดพนั ธกิจ (Mission)
พันธกิจเป็นบทบาทหน้าที่ของสถานศึกษา ที่ต้องดาเนินการเพื่อให้วิสัยทัศน์เป็น
จริง พันธกิจจึงเป็นการบ่งบอกหน้าท่ีของสถานศึกษาท่ีกาลังทาหรือจะทาในอนาคตให้แก่
ผู้รับบริการ หรือสังคมได้รับรู้ว่าเรากาลังทาอะไรข้อความที่ปรากฏในพันธกิจมักระบุผลผลิตของ
สถานศึกษา กลุ่มหรอื ผ้รู บั บรกิ ารหรอื วิธีการดาเนินงานและความรับผิดชอบของสถานศึกษา
4.3 การกาหนดเป้าประสงค์ (Goal)
เป้าประสงค์ เป็นส่ิงที่คาดหวังในอนาคต หรือผลลัพธ์ที่องค์กรต้องการให้เกิดขึ้น
โดยมีความเชื่อมโยงกับวิสัยทัศน์และพันธกิจ เพื่อเป็นแนวทางในการกาหนดกลยุทธ์และประเมินผล
ความสาเรจ็ ตอ่ ไป
ขั้นตอนท่ี 5 การกาหนดกรอบกลยุทธ์พัฒนาการศึกษาของสถานศึกษา(Strategic
Formulation)
การกาหนดกลยทุ ธ์(Strategic Formulation) ของสถานศกึ ษา เปน็ การเลือกวิธีการทางานที่
แยบคาย สูจ่ ดุ หมายปลายทางอย่างมที ศิ ทางทเี่ หมาะสมสอดคลอ้ งกบั สภาพแวดล้อมของสถานศึกษา
ตอบสนองวิธีการส่จู ุดหมายปลายทางระดับนโยบาย สามารถดาเนินการได้ประสบความสาเร็จ นาไป
ปฏิบตั ไิ ดจ้ ริงการกาหนดกลยทุ ธเ์ ปน็ การนาข้อมลู และความรู้ต า่ ง ๆ ที่ได้รับจากข้ันตอนการกาหนด
ทิศทางของหน่วยงานและการศึกษาสถานภาพหน่วยงาน (SWOT -Analysis) ด้วยการวิเคราะห์
สภาพแวดล้อมท่ีเป็นจุดแข็ง (Strength) จุดอ่อน (Weakness) โอกาส(Opportunity)และอุปสรรค
(Threat)ของสถานศึกษามาจัดทาเป็นกลยุทธ์ในรูปแบบต่างๆ การกาหนดกลยุทธ์เปรียบเสมือนการ
ตอบคาถามว่า “เราจะไปถงึ จดุ นน้ั ได้อย่างไร? หรือ เราจะบรรลุทิศทางของหนว่ ยงานได้อยา่ งไร?

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 117

(How do we get there?)” กรอบกลยุทธ์ของสถานศึกษาประกอบด้วยประเด็นกลยุทธ์ระดับ
สถานศกึ ษา วัตถปุ ระสงคเ์ ชงิ กลยทุ ธต์ วั ชว้ี ัดคา่ เปา้ หมาย กลยทุ ธ์ริเร่ิม (กลยทุ ธร์ ะดบั แผนงาน)

5.1 การกาหนดประเดน็ กลยทุ ธ์ (กลยทุ ธร์ ะดบั สถานศึกษา)
ประเด็นกลยุทธ์ระดับสถานศึกษา Strategic Issues เป็นประเด็นกลยุทธ์หลักที่
สถานศึกษากาหนดการดาเนินงานเพ่ือให้บรรลุทิศทางการจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดย
วิเคราะห์จากพันธกิจ และเป้าประสงค์แล้วมากาหนดเป็นประเด็นกลยุทธ์(ซ่ึงข้ึนอยู่กับบริบทของ
สถานศึกษา)
5.2 การกาหนดวัตถปุ ระสงคเ์ ชิงกลยทุ ธ์
วัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ เป็นผลสาเร็จต่างๆ ที่ต้องการบรรลุภายใต้ประเด็นกลยุทธ์ โดย
การกาหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของสถานศึกษาโดยวิเคราะห์จากเป้าประสงค์และมาตรฐาน
การศึกษาเป็นหลัก
5.3 การกาหนดตัวช้ีวัด และคา่ เปา้ หมาย
ตวั ชี้วัด (Key Performance Indicators) เป็นตัวชี้วดั ของวัตถปุ ระสงค์เชิงกลยุทธ์ซ่ึงตัวชี้วัด
เหลา่ นี้จะเป็นเครอื่ งมอื ทใี่ ช้ในการวดั ว่าองคก์ รบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์เชงิ กลยทุ ธใ์ นแต่ละกลยทุ ธห์ รอื ไมค่ า่
เป้าหมาย เปน็ ความสาเร็จท่สี ถานศึกษาตอ้ งการจะบรรลใุ นแตล่ ะตวั ช้ีวัด
5.4 การกาหนดกลยทุ ธร์ ิเริ่ม (Strategic Initiative)
กลยทุ ธร์ ิเริม่ เปน็ วธิ กี ารท่ีดที ี่สุด โดดเด่น ท่ีแตกต่างจากเดิมทส่ี ถานศึกษาจะต้องทา
เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ โดยนาผลจากการวิเคราะห์ TOWS Matrix และนโยบายที่
เกย่ี วข้องในระดับต่างๆ
5.5 โครงการและกิจกรรม
การกาหนดโครงการ /กิจกรรมระยะ 3 - 5 ปเี ป็นการกาหนดโครงการ /กิจกรรม
แตล่ ะกลยทุ ธร์ เิ ร่มิ ท่คี าดจะดาเนินการในระยะ 3 - 5 ปีเพ่ือตอบสนองวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ตัวชี้วัด
และคา่ เปา้ หมายของโรงเรียนในระยะ 3 - 5 ปี
ข้ันที่ 6 จัดทาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาที่มุ่งพัฒนาคุณภาพตาม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 118

สว่ นท่ี 1
บริบทของโรงเรยี น
ขอ้ มลู ทว่ั ไปของโรงเรียน

- ประวัติความเป็นมาของสถานศึกษา
- ภารกจิ โครงสรา้ งการบรหิ าร
- ข้อมลู พ้นื ฐานการจัดการศึกษา
- ขอ้ มูลประชากรวัยเรียนในเขตบริการ
- ขอ้ มูลนกั เรยี น
- ข้อมูลครูและบคุ ลากรทางการศึกษา
- ข้อมูลทดี่ นิ และส่ิงก่อสรา้ ง
ข้อมูลสภาพชมุ ชน
- การปกครอง
- การประกอบอาชพี
- ลกั ษณะความเปน็ อยูข่ องชมุ ชน
ข้อมลู ผลการดาเนินงาน
- ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ผลการทดสอบระดบั ชาติ
- ผลการประเมนิ คุณภาพการศึกษา (SAR)
- ขอ้ มลู อน่ื ๆ
นโยบายสาคญั ท่เี ก่ียวข้องขอ้ ง
- ยทุ ศาสตร์ชาติ20 ปี
- นโยบาย จุดเน้นของหน่วยงานทางการศึกษา
- ฯลฯ
ส่วนที่ 2
ผลการวิเคราะห์ศักยภาพสถานศึกษา

ผลการการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมภายใน

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 119

ผลการวิเคราะห์สภาพแวดลอ้ มภายนอก

กลยุทธ์การพัฒนาตามศกั ยภาพ
1. ปลูกฝังนักเรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์โดย

ความรว่ มมือกบั ผปู้ กครอง ชุมชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ อย่างใกล้ชิด
2. เร่งยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนให้สูงข้ึนด้วยกิจกรรมพัฒนานักเรียนที่

หลากหลายโดยความร่วมมือผู้ปกครอง ชมุ ชน องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ และ ICT ท่ีทนั สมัย
3. พัฒนานักเรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ที่สาคัญในศตวรรษท่ี 21โดยมุ่งเน้นทักษะ

การคิดวเิ คราะห์การสอื่ สาร การคดิ คานวณ
4. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาสอดคล้องกับท้องถิ่นและความต้องการและความ

ถนดั ของผู้เรียนโดยม่งุ เน้นการใช้แหล่งเรียนร้ใู นชุมชน
5. ปรบั ปรงุ การจัดกระบวนการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรมการเรียนรู้ด้วย

รูปแบบที่หลากหลาย โดยใช้เทคโนโลยที ท่ี ันสมัยและให้แหล่งเรยี นรูใ้ นชุมชน

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 120

สว่ นที่ 3
ทิศทางการจดั การศึกษา
วสิ ัยทศั น์

“มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเป็นคนดีคนเก่ง มีความเป็นไทย พร้อมสาหรับวิถีชีวิตใน
ศตวรรษท่ี 21”

พันธกจิ
1. ปลกู ฝังคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ เป็นพลเมืองที่ดีมีความ

เป็นไทยภูมิคุ้มกันจากภัยในทุกรูปแบบ มีสุขภาวะท่ีดีและมีวิถีชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง

2. พฒั นานักเรียนให้มีผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการสูงข้ึนและมีทักษะการเรียนรู้ที่สาคัญ
ในศตวรรษที่ 21

3. พัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผลที่เน้น
ผ้เู รยี นเปน็ สาคัญ

4. พัฒนาครูเป็นครูยุคใหม่ท่ีมีขีดความสามารถในการจัดการเรียนรู้รองรับการ
เปล่ียนแปลง และสามารถปฏิบตั งิ านไดต้ ามาตรฐานวชิ าชีพ

5. พัฒนาสถานศึกษามีระบบการบริหารจัดการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาลเป็นที่
ยอมรับชองชมุ ชนสังคม และทุกภาคสว่ นเขา้ มามีผมู้ สี ่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา

เปา้ ประสงค์
1. นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธิท์ างวชิ าการสงู ข้นึ และมที กั ษะการเรยี นรู้ทสี่ าคญั ในศตวรรษ

ที่ 21
2. นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะที่พึงประสงค์เป็นพลเมืองท่ีดีมี

ภมู ิคุ้มกนั จากภยั ในทุกรูปแบบ มีสขุ ภาวะที่ดีและมวี ถิ ีชวี ติ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. สถานศึกษามีหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรเสริม กระบวนการจัดการเรียนรู้และการ

วดั ผลประเมินผลตามสภาพจรงิ และเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคัญ
4. ครูเป็นครูยุคใหม่ท่ีมีขีดความสามารถในการจัดการเรียนรู้รองรับการ

เปลย่ี นแปลง และสามารถปฏบิ ัติงานได้ตามมาตรฐานวชิ าชพี
5.พัฒนาระบบการบริหารจัดการที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล เป็นที่ยอมรับของ

ชมุ ชนสังคม และทกุ ภาคส่วนเขา้ มามผี ้มู ีส่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษา
ประเดน็ กลยทุ ธ์
1.พัฒนาศกั ยภาพผู้เรยี นสูว่ ถิ ใี นศตวรรษที่ 21
2.ปลกู ฝงั คุณธรรม จริยธรรมและค่านยิ มทพ่ี งึ ประสงค์
3.พฒั นากระบวนการเรียนการสอนท่เี น้นผเู้ รยี นเปน็ สาคญั
4.พัฒนาประสทิ ธิภาพการบริหารจัดการ

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 121

ส่วนท่ี 4
กรอบกลยทุ ธ์การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา
ส่วนที่ 5
โครงการ/กิจกรรม ระยะ 5 ปี
สว่ นที่ 6
การบริหารแผนไปสู่การปฏิบัติระบุหลักการและแนวทางของสถานศึกษาในการควบคุม
ประเมินผลและรายงานผลการดาเนนิ งานตามแผนกลยุทธโ์ ดยคานึงถึงการมสี ่วนร่วม
ภาคผนวก
เป็นเอกสารท่ีสถานศึกษาต้องการแสดงรายละเอียดหรือระบุข้อมูลสาคัญอื่น ๆ ที่
เก่ยี วข้องกบั แผน เพ่ือประโยชน์ในการอ้างอิง

- ตารางข้อมลู พืน้ ฐาน
- คณะกรรมการ/คณะทางานจดั ทาแผน

“ การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 122

“ All you need is the plan, the road
map, and the courage to press on to
your destination.

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 123

การจดั ทาแผนปฏิบัติการประจาปี(Action Plan)

กระบวนการวางแผนพฒั นาการศกึ ษาของสถานศกึ ษา โดยใชก้ ระบวนการวางแผนกยทุ ธ์ ใน
กระบวนการที่ 2 เปน็ การนากลยุทธไ์ ปสกู่ ารปฏิบตั ใิ นกระบวนการนี้ต้องอาศยั แผนปฏิบตั กิ ารประจาปี
เปน็ เครือ่ งมือสาหรบั ใชเ้ ป็นแนวทางปฏิบัติสาหรับส่วนต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างสอดประสานกันท้ังในแง่
ทิศทางและจังหวะเวลา โดยสรุปแผนปฏิบัติการประจาปีเป็นแผนท่ีทาข้ึนสาหรับใช้ในการบริหาร
หนว่ ยงานใหเ้ กดิ ความสาเร็จและมปี ระสทิ ธภิ าพ ตามวัตถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายตามทห่ี นว่ ยงานกาหนด
มีระบบการทางานท่ีชัดเจนและเป็นข้ันตอน มีการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและมีการตรวจสอบผล
การทางาน

วตั ถปุ ระสงคข์ องการจดั ทาแผนปฏิบตั กิ ารประจาปี

1. เพื่อกาหนดแนวทางในการปฏิบัติงานตามโครงการ / กิจกรรมให้บรรลุตามเป้าหมาย
ของโครงการ

2. เพื่อระบรุ ายการใชจ้ า่ ยงบประมาณสาหรบั การพัฒนาคุณภาพของสถานศกึ ษา
3. เพ่ือจัดลาดบั ความสาคญั ของการดาเนินโครงการ /กิจกรรมการพัฒนาคุณภาพของ
สถานศึกษา
4. เพอ่ื กากบั ติดตาม และประเมนิ ผลการดาเนินงานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของ
สถานศกึ ษา

ประโยชนท์ ี่ได้รบั จากแผนปฏิบตั ิการประจาปี

1. สถานศึกษามีทิศทางและแนวทางในการดาเนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาในแต่ละ
ปีงบประมาณ ที่สอดคลอ้ งกับงบประมาณทีไ่ ด้รบั จัดสรรในแตล่ ะปงี บประมาณ

2.ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและผู้เกี่ยวข้อง ใช้เป็น
เครือ่ งมือในการควบคุมกากบั ตดิ ตามในการใชง้ บประมาณให้เกิดประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ล

3.สถานศึกษามีเคร่ืองมอื สาคญั ในการบริหารจัดการระบบคุณภาพตามแนวทางการพฒั นา
ระบบการประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา

ข้นั ตอนการจัดทาแผนปฏิบัตกิ ารประจาปี

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 124

ขั้นนที่ 1 วิเคราะห์แผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาระยะ 3 - 5 ปี
ในขั้นนี้เป็นการวเิ คราะหเ์ พอ่ื ยืนยนั ทศิ ทางการจดั การศึกษา (วิสัยทัศน์พันธกิจ เป้าประสงค์)
วัตถุประสงค์ตัวช้ีวัด ค่าเป้าหมาย ระยะ 3 - 5 ปีเพื่อกาหนดทิศทางและกรอบกลยุทธ์การพัฒนา
ประจาปี
ขน้ั ท่ี 2 ประมาณการงบประมาณรายรับของโรงเรียน
การประมาณการรายรับ เป็นการดาเนนิ การเพ่อื ทราบวงเงนิ ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ และเพ่ือใช้เป็น
กรอบในการกาหนดวงเงินรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นนปีงบประมาณนั้น ๆให้ใกล้เคียงกับวงเงินที่ประมาณ
การไวห้ รือไมเ่ กนิ ทีค่ าดไว้มากเกินไป ประกอบด้วย
ขัน้ ที่ 3 ประมาณการรายจ่ายงบประมาณ
การประมาณการรายจ่ายของโรงเรียนเป็นการวิเคราะห์รายจ่ายที่เกิดขึ้นในการพัฒนา
โรงเรียนซึ่งรายจ่ายของสถานศึกษาแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่งานประจาตามโครงสร้าง โครงการ
ตามกลยุทธ์และงบกลางสารองจา่ ย
ขน้ั ที่ 4 การวิเคราะหก์ าหนดโครงการตามแผนกลยุทธ์
ในข้ันตอนการวิเคราะห์โครงการบรรจุในแผนปฏิบัติการประจาปีเป็นการคัดเลือกโครงการ
เพอ่ื บรรจุในแผนปฏิบตั ิการประจาปีมีกระบวนการในการคดั เลือกโครงการดงั นี้

1) วิเคราะห์คดั เลือกโครงการท่กี าหนดไวใ้ นแผนพัฒนาการจัดการศึกษา ระยะ 3 -
5 ปี

2) จัดทารายละเอยี ดโครงการตามรูปแบบฟอร์มโครงการ
3) ประเมนิ ความความสมบรู ณ์โครงการบรรจุในแผนปฏิบตั ิการประจาปี
ขน้ั ที่ 5 การจัดทารา่ งแผนปฏบิ ตั ิการ
นาขอ้ มลู จากการวิเคราะห์ขนั้ ตอนที่ 1 - 4 มาสงั เคราะหล์ งในเอกสารแผนปฏิบตั กิ ารประจาปี
ของสถานศกึ ษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 125

12

การจดั ทารายงานผล

การประเมนิ ตนเองของสถานศึกษา

สถานศึกษาต้องดาเนินการหลังจากจัดการศึกษาผ่านไป
แต่ละปีการศึกษา เพื่อสะท้อนภาพความสาเร็จของการ
พัฒนาคณุ ภาพสถานศึกษาตามมาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 126“

“การศึกษาเป็นอาวุธที่ทรงพลังท่สี ดุ ท่ีเรา
จะนามาใช้ในการเปลย่ี นแปลงโลก

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 127

การจดั ทารายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา

การจัดทารายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาเป๊นภารกิจตามกฎกระทรวงการ
ประกันคุณภาพการศกึ ษา พ.ศ. 2561 สถานศกึ ษาตอ้ งดาเนนิ การหลังจากจดั การศึกษาผานไปแต่ละ
ปีการศึกษา เพ่ือสะท้อนภาพความสาเร็จของการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาตามมาตรฐาน
การศึกษาของสถานศึกษาในรอบปกี ารศึกษาทผ่ี า่ นมาภายใตบ้ ริบทของสถานศกึ ษาโดยสารสนเทศใน
รายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษานั้นเป็นผลของการประเมินคุณภาพการศึกษาภายใน
ของสถานศึกษา ครูและบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาต้องมีส่วนร่วมในการประเมินและให้ข้อมูล
สารสนเทศเกย่ี วกับผลการดาเนนิ งานของตนเอง ซ่ึงจะตอ้ งมกี ารประเมนิ เปน็ ระยะ อย่างสมา่ เสมอและ
ใช้ผลการประเมินระหวา่ งปปี รบั ปรุงการทางานตลอดเวลา ในการประเมนิ ผลการดาเนนิ งานแตล่ ะระยะ
ใหบ้ ันทึกขอ้ มลู พรอ้ มจดั ทาและเกบ็ รวบรวมสารสนเทศและเอกสารร่องรอยหลกั ฐานอย่างเปน็ ระบบไว้
เพือ่ นาไปสู่การจัดทารายงานผลการประเมนิ ตนเองของสถานศกึ ษาทมี่ คี ุณภาพต่อไป

สถานศึกษาแต่ละแห่งต้องจัดทารายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาทุกปี
การศึกษา เพอื่ รายงานผลการดาเนนิ งานในปีทผ่ี า่ นมาใหบ้ ุคลากรในสถานศึกษา หนว่ ยงานต้นสังกัด
และผู้ท่ีเกี่ยวข้อง เช่น นักเรียนผู้ปกครองและสาธารณชนรับทราบว่าสถานศึกษาได้บริหารจัดการ
สถานศึกษาและจัดการเรียนรู้ได้บรรลุเป้าหมายท่ีสถานศึกษาได้วางไว้และเป็นไปตามที่มาตรฐาน
การศึกษาของสถานศึกษาที่สถานศึกษกาหนดมากน้อยเพียงใดพร้อมท้ังเป็นการนาเสนอแนว
ทางการพัฒนาตนเองของสถานศึกษาในจุดทต่ี ้องได้รับการพัฒนา เพ่ือเป็นการกาหนดทิศทางการ
ดาเนนิ งานของตนเองในอนาคตอีกทั้งหนว่ ยงานตน้ สังกัดสามารถใช้ผลการประเมินจากรายงานผล
การประเมินตนเองของสถานศึกษาในการตัดสินใจกาหนดนโยบายต่างๆเพื่อส่งเสริมคุณภาพของ
สถานศึกษาในสงั กัดตอ่ ไป

หลักการและวิธกี ารประเมนิ คณุ ภาพภายในของสถานศึกษา

การประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษา (Internal Quality Assessment)เป็นข้ันตอน
ของการประกันคุณภาพภายในระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานตามกฎกระทรวงการประกันคุณภาพ
การศึกษา พ.ศ. 2561 ซ่ึงควรดาเนินการอย่างต่อเน่ืองเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการ
เนื่องจากเป็นระบบและกลไกในการควบคุม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการดาเนินงานของสถานศึกษา
ให้เป็นไปตามนโยบายที่กาหนดโดยสถานศึกษาและ/หรือหน่วยงานต้นสังกัดโดยผลการประเมิน
สามารถทาใหส้ ถานศึกษา หน่วยงานต้นสังกัด ผู้ท่ีเกี่ยวข้องและสาธารณชนรับทราบว่าสถานศึกษา
สามารถจัดการศึกษาได้บรรลุตามเป้าหมายหรือมาตรฐานการศึกษาตามท่ีสถานศึกษาแต่ละแห่ง
กาหนดไว้หรือไม่ นอกจากน้ีสถานศกึ ษาสามารถใช้ขอ้ มลู ผลการประเมนิ เพอื่ แกไ้ ขขอ้ บกพร่องในการ
ดาเนินงานได้ทันกับความต้องการ และปรับปรุงพัฒนาการดาเนินงานของตนเองให้บรรลุเป้าหมาย
ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา อีกทั้ง รายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษายัง
เปน็ สารสนเทศสาคัญในการสนับสนนุ การประเมนิ คณุ ภาพภายนอกต่อไปการประเมินคุณภาพภายใน
ของสถานศึกษาควรดาเนินการอยา่ งนอ้ ยปีละ 1 ครง้ั โดยสามารถกาหนดระยะเวลาในการประเมินได้
ตามความเหมาะสมแตต่ อ้ งสอดคลอ้ งกบั สภาพและบรบิ ทของการดาเนนิ งานของสถานศกึ ษาของตน
เพ่ือความสะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ผล โดยการประเมินคุณภาพภายในของ
สถานศกึ ษาเป็นหน้าที่ของบุคลากรทุกคนในสถานศกึ ษาและผทู้ มี่ ีส่วนเกีย่ วข้อง ไดแ้ ก่ ผบู้ รหิ าร

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 128

สถานศึกษา ครู ผู้เรียน ผู้ปกครองคณะกรรมการสถานศึกษา ชุมชน เขตพื้นท่ีการศึกษา หรือ
หนว่ ยงานอื่นทเ่ี กยี่ วขอ้ งเข้ามามสี ว่ นรว่ มในการกาหนดเปา้ หมาย วางแผน ตดิ ตามและประเมนิ ผลการ
ดาเนินงานของสถานศึกษา พัฒนาและปรับปรุงคุณภาพการจัดการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนได้รับ
การศึกษาที่ดีมีคุณภาพเป็นไปตามความต้องการของผู้ปกครอง ชุมชนและผู้มีส่วนเก่ียวข้อง
ตลอดจนสังคมและประเทศชาติ

การประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาเป็นการประเมินตามมาตรฐานการศึกษาของ
สถานศกึ ษาทแ่ี ต่ละสถานศกึ ษากาหนดข้ึน โดยมีความสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่
ประกาศโดยสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ดังน้ันผู้มีส่วนร่วม
ในการประเมินตอ้ งศกึ ษาประเดน็ พจิ ารณาท่กี าหนดไว้ในมาตรฐานของสถานศกึ ษา และระดบั คุณภาพ
ให้เข้าใจอย่างถ่องแทก้ อ่ นดาเนินการประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาและควรมีความรู้ลึกและ
เขา้ ใจบริบทของการจัดการศึกษาของสถานศึกษาทั้งในแง่มุมของภาระงาน โครงสร้างเทคนิคต่าง ๆ
ทใ่ี ช้ในการบรหิ าร การพฒั นาการจัดการเรียนรูแ้ ละมปี ระสบการณ์เพียงพอและความรเู้ กีย่ วกับความ
เคล่ือนไหวของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะอย่างย่ิงในเร่ืองการพัฒนาการเรียนการ
สอนเพ่อื การช่วยเสนอแนะการปรบั ปรงุ พัฒนาสถานศกึ ษาได้อย่างชัดเจนและตรงกับความต้องการ
ของสถานศึกษาเพือ่ ให้เกดิ ประโยชน์ต่อสถานศึกษาอยา่ งแท้จริง

หลักการและข้ันตอนการจัดทารายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาการจัดทา
รายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา (Self-Assessment Report) เป็นการนาเสนอผลการ
ดาเนนิ งานและการพฒั นาการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษาในรอบปีท่ผี า่ นมา ซึ่งต้องครอบคลมุ ตาม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาที่แต่ละสถานศึกษาได้กาหนดไว้เพื่อรายงานและนาเสนอต่อ
คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน หน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสาธารณชน
รายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษานั้นเป็นฐานข้อมูลที่สาคัญในการวางแผนพัฒนา
คณุ ภาพของสถานศกึ ษาและรับการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกต่อไป

การจดั ทารายผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาเป็นสิ่งท่ีต้องให้ความสาคัญและต้องมี
การทางานอย่างเปน็ ระบบเพื่อให้ได้รายงานท่ีสะท้อนผลการดาเนนิ งานที่ถูกตอ้ ง ชดั เจน และสมบูรณ์
ดงั น้นั สถานศึกษาจึงควรมีข้ันตอนการดาเนินงาน ดงั นี้

1. แต่งต้ังคณะทางาน สถานศึกษาแต่งตั้งคณะทางานเพื่อจัดทารายงานผลการประเมิน
ตนเองของสถานศกึ ษา ประกอบดว้ ยคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน ผ้บู ริหารครแู ละบคุ ลากร
ผู้มสี ว่ นเกีย่ วขอ้ ง และอาจกาหนดใหม้ ผี ูร้ ับผิดชอบหลกั ในการจัดทารายงานผลการประเมินตนเองก็
สามารถทาได้

2. รวบรวมข้อมูลสารสนเทศ สถานศึกษาดาเนินการรวบรวมข้อมูลสารสนเทศท่ีสะท้อน
คณุ ภาพของสถานศกึ ษาและสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษา ซง่ึ เปน็ กระบวนการท่ี
มีความสาคญั อย่างย่ิง เนอ่ื งจากความถูกตอ้ งและความครบถว้ นของข้อมลู สารสนเทศนัน้ ส่งผลต่อ
ความความน่าเช่ือถือและความสมบูรณของรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา ดังนั้น
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจึงต้องเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสถานศึกษาและผล
ดาเนินงานของสถานศึกษาในรอบปีท่ีผ่านมาที่เกิดขึ้นจริงและสามารถสะท้อนคุณภาพในแต่ละ
มาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาได้อย่างครบถ้วนชัดเจนข้อมูลสารสนเทศท่ีใช้ในการเขียน
รายงาน ไดแ้ ก่

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 129

1) ข้อมูลท่ัวไปของสถานศึกษา เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนและบุคลากรใน
สถานศึกษา ขอ้ มลู งบประมาณข้อมลู สภาพชมุ ชนโดยรวม และ

2) ข้อมูลท่ีเป็นผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา เช่นข้อมูลเก่ียวกับผลการ
จัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรของสถานศึกษา ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับสถานศึกษา ผล
การประเมินคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ของผู้เรียน ผลการทดสอบระดับชาติของผู้เรียน หรือผลการ
ประเมินผู้เรียนอื่น ๆผลการดาเนินงานในเชิงผลการประเมินจากการดาเนินงานตามแผนงาน
โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกสถานศึกษา ผลการใช้แหล่งเรียนรู้ภายในและ
ภายนอกสถานศึกษา ผลการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ผลการจัดกิจกรรมพัฒนา
สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคม สรุปผลการประเมนิ จากหน่วยงานภายนอกและข้อเสนอแนะ

3. เขยี นรายงานผลการประเมนิ ตนเองของสถานศกึ ษา สถานศึกษาสามารถกาหนดรูปแบบ
การรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศกึ ษา (SAR) ได้ตามความเหมาะสม สามารถนาเสนอได้
ทั้งขอ้ มลู เชิงปริมาณและเชิงคณุ ภาพ การนาเสนออาจเป็นความเรยี ง ตารางประกอบความเรียง การ
บรรยายประกอบแผนภูมิ รูปภาพ หรือกราฟ ฯลฯ โดยใช้ภาษาท่ีอ่านเข้าใจง่าย กระชับ ชัดเจน
สาระสาคัญแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนท่ี 1 บทสรุปสาหรับผู้บริหาร และส่วนที่ 2 ข้อมูลการ
ประเมินตนเองซึ่งในส่วนท่ี 2 จะนาเสนอข้อมูลพ้ืนฐานท่ัวไป และ ตอบคาถาม 3 ข้อ คือ ข้อ 1
มาตรฐานกาศึกษาของสถานศึกษามรี ะดบั คุณภาพใด ข้อ 2 ขอ้ มูล หลกั ฐานและเอกสารเชิงประจักษ์
สนบั สนุนมอี ะไรบา้ ง และข้อ 3 แผนงาน แนวทางพัฒนาคุณภาพให้ดีขน้ึ กว่าเดิม

4. นาเสนอคณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาให้ความเห็นชอบ สถานศึกษาต้องนาเสนอ
รายงานให้คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณาให้ความเห็นชอบและรับรองผลการประกันคุณภาพ
ภายในสถานศึกษาหลงั จากเขยี นรายงานประเมินตนเองเสรจ็ สมบรู ณ์แลว้

5. รายงานและเปิดเผยต่อผู้เก่ียวข้อง เมื่อรายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา
ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานแล้ว สถานศึกษาจะต้องรายงานและ
เผยแพร่ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาแก่ผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ ครู ผู้ปกครองนักเรียน
หน่วยงานต้นสังกัด ชุมชน และหน่วยงานอื่นท่ีเกี่ยวข้อง ซ่ึงสถานศึกษาสามารถดาเนินการเผยแพร่
ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาได้หลากหลายวิธีตามความเหมาะสม เช่น เว็บไซต์ของ
สถานศึกษา จุลสาร วารสาร แผน่ พับเสยี งตามสาย และการช้แี จงในการประชมุ เปน็ ต้น

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 130

โครงสรา้ งของรายงานผลการประเมนิ ตนเองของสถานศึกษา

สว่ นที่ 1 บทสรุปสาหรบั ผูบ้ รหิ าร
แสดงรายละเอยี ดการสงั เคราะห์ผลการประเมินตนเองและนาเสนอข้อมูลโดยสังเขป

ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐานของสถานศึกษา และผลการประเมินตนเองที่มีความกระชับ ชัดเจน ตรงตาม
ประเด็นสาคญั ๆ และมีทม่ี าของหลกั ฐานชัดเจนในเชิงประเมนิ สื่อใหเ้ หน็ อย่างชดั เจนถงึ ผลกระทบจาก
การดาเนินงานของสถานศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพในด้านต่าง ๆ ตามกรอบการประเมินซ่ึงได้แก่
มาตรฐานของสถานศึกษา

ส่วนท่ี 2 รายละเอียดผลการประเมนิ ตนเองของสถานศึกษาแสดงรายละเอียผลกาประเมิน
เองของสถานศึกษา ประกอบด้วยข้อมูลพื้นฐานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา และ
ภาคผนวก ซ่งึ มีรายละเอียด ดงั น้ี

2.1 ขอ้ มลู ทั่วไปของสถานศึกษา : นาเสนอข้อมูลพ้ืนฐานของสถานศึกษาท่ีสาคัญ
ให้เหมาะสม และเป็นไปตามสภาพจริง สะท้อนให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของสถานศึกษา โดยนาเสนอ
เป็นความเรียงตารางแผนภูมิหรือกราฟ ตามความเหมาะสมของข้อมูล ซึ่งข้อมูลพ้ืนฐานของ
สถานศึกษาอาจประกอบด้วย

1) ขอ้ มลู พื้นฐานของสถานศกึ ษา เชน่ ชื่อ รหสั สถานศกึ ษา ทตี่ ั้งหมายเลข
โทรศัพทโ์ ทรสาร E-mail เว็บไซตร์ ะดบั ช้ันทีเ่ ปดิ สอน เปน็ ต้น

2) การบริหารจัดการแนวทางการจัดการศึกษา ประกอบด้วยปรัชญา
การศกึ ษา วสิ ยั ทศั น์ พันธกจิ เอกลกั ษณแ์ ละอัตลักษณ์ของโรงเรยี นเป็นตน้

3) ข้อมูลบุคลากร ประกอบด้วย จานวนผู้บริหาร จานวนครูจาแนกตาม
สาขาวิชา จานวนนักเรียนจาแนกตามระดับชั้น คุณลักษณะ เช่น ผู้เรียนท่ีมีความพิการ ผู้เรียนท่ีมี
ความด้อยโอกาส ผ้เู รียนทมี่ ีความสามารถพเิ ศษ เปน็ ตน้

4) ข้อมูลผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เช่น ค่าเฉลี่ยผลการทดสอบทาง
การศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) หรือผลการทดสอบความสามารถพ้ืนฐานของผู้เรียน
ระดับชาต(ิ NT) เป็นตน้

5) ข้อมูลสภาพชุมชนโดยรวม แหล่งเรียนรู้ภายใน/ภายนอกสถานศึกษา
ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ เปน็ ตน้

2.2 ผลการประเมินตนเองของสถานศึกษา : นาเสนอผลการประเมินตนเองตาม
มาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา ประกอบด้วย

1) การสรุปผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาในภาพรวม :เป็นการ
นาเสนอระดับคณุ ภาพในภาพรวมของสถานศกึ ษา ผลการดาเนนิ งานของสถานศึกษาท่ีสนับสนุนผล
การประเมินตามระดับคุณภาพท่ีสถานศึกษาได้รับโดยนาผลการดาเนินงานทั้ง 3 มาตรฐาน และ
นาเสนอผลงานทีแ่ สดงให้เห็นว่า สถานศึกษาได้รับผลการประเมินในระดับดังกล่าว เพราะเหตุใด โดย
อาจนาเสนอ เป็นความเรียง ตาราง แผนภูมิหรือกราฟ ฯลฯ ตามความเหมาะสมของข้อมูล โดย
คณะกรรมการประเมนิ คุณภาพร่วมให้ระดับคณุ ภาพของสถานศึกษาในภาพ รวม ซ่ึงในบางคร้ังอาจ
พบว่า ผลการประเมินมีความแตกต่างกัน จึงอาจต้องใช้วิธี ทางด้านคณิตศาสตร์และทางด้าน
พฤตกิ รรมศาสตร์เพื่อหาฉันทามตขิ องผล การประเมินตนเองของสถานศกึ ษาในภาพรวม

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 131

2) การนาเสนอผลการประเมนิ คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษาเป็น รายมาตรฐาน : เปน็
การนาเสนอผลการประเมินคุณภาพภายใน เป็นรายมาตรฐาน โดยอาจเขียนเป็นรายข้อ หรือความ
เรียงให้ครอบคลุมทุกประเด็นพิจารณาของ แต่ละมาตรฐาน ซึ่งมีรายละเอียดการนาเสนอใน 3
ประเด็น ดงั น้ี

2.1) ระดับคุณภาพในแต่ละมาตรฐานอยู่ในระดับใด : เป็นการ
ตัดสินระดับคุณภาพตามมาตรฐาน โดยพิจารณาผลการดาเนินงานจากความสาเร็จ ตามประเด็น
พิจารณาของแต่ละมาตรฐานแบบองค์รวม (Holistic) ทั้งนี้ผล การประเมินระดับคุณภาพต้อง
สอดคล้องกบั ผลการดาเนนิ งานทเ่ี กิดขนึ้ จรงิ ซึ่งเกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ 5 ระดบั คือ กาลงั พฒั นา
ปานกลาง ดีดเี ลศิ และ ยอดเยย่ี ม (แนวทางการใหร้ ะดบั คณุ ภาพในภาคผนวก)

2.2) มีหลักฐานในการอ้างอิงผลการประเมินตามประเด็น
พิจารณา ของแต่ละมาตรฐานอย่างไร: ให้นาเสนอกระบวนการพัฒนา วิธีการดาเนินงาน ของ
สถานศึกษาในแตล่ ะมาตรฐาน ใหช้ ัดเจนครอบคลมุ ตามประเด็นพิจารณา เพ่ือสนบั สนนุ ผลการตัดสิน
คุณภาพของมาตรฐาน โดยนาเสนอในเชิงปริมาณ และ/หรือเชิงคุณภาพให้เหมาะสมสอดคล้องกับ
ลกั ษณะข้อมูลในการประเมนิ

2.3) สถานศึกษาแผนพัฒนาคุณภาพของสถานศึกษา หรือจะมี
กระบวนการพัฒนาคุณภาพตามมาตรฐานการศกึ ษาของสถานศกึ ษาใหด้ ขี นึ้ กวา่ เดมิ ไดอ้ ย่างไร : เป็น
การนาเสนอผลการดาเนนิ งานท่ีไม่เป็นไปตามเกณฑ์ทส่ี ถานศกึ ษากาหนด หรือโครงการ/กิจกรรมที่
คาดว่าหากดาเนินงานแลว้ จะส่งผลใหก้ ารจัดการศึกษาของสถานศึกษาในแต่ละมาตรฐาน มีคุณภาพ
เพม่ิ มากขนึ้ สามารถธารงค์รกั ษา หรือยกระดบั คุณภาพได้

2.3 ภาคผนวก นาเสนอหลักฐานข้อมูลสาคัญ หรือเอกสารอ้างอิงต่าง ๆ
โดยสงั เขป

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 132

13

การเตรยี มความพรอ้ ม

ของสถานศึกษาเพ่ือรบั การประเมนิ คณุ ภาพภายนอก

สถานศึกษาแต่ละแห่งให้ความร่วมมือกับสานักงานรับรอง
มาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)
ในการประเมินคุณภาพภายนอกของสถานศึกษา เพื่อ
ปรับปรงุ และพฒั นาคุณภาพการศึกษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 133

การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศึกษา
เพ่ือรบั การประเมนิ คุณภาพภายนอก

บทบาทของผู้ มีส่ วนเก่ียวข้องกับการพั ฒนาคุณภาพการศึกษาและการเตรียม
ความพรอ้ มของสถานศึกษาเพ่ือรบั การประเมนิ คณุ ภาพภายนอก

1. ระดบั สถานศกึ ษา
1.1 สถานศึกษาแต่ละแห่งจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพการรศึกษาภายใน

สถานศึกษาเพอื่ ให้เกิดการพฒั นาและเพอ่ื เปน็ กลไกในการควบคมุ ตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของ
สถานศกึ ษาให้เกดิ การพฒั นาและสรา้ งความเชอ่ื มัน่ ให้กบั สงั คม ชมุ ชน และผมู้ สี ่วนเกยี่ วขอ้ ง

1.2 จัดใหม้ ีระบบการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา ดังนี้
1) กาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษาให้เป็นไปตามมาตรฐาน

การศกึ ษาระดับปฐมวยั หรอื ระดบั การศกึ ษาชัน้ พืน้ ฐาน หรือระดบั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐานศูนย์การศกึ ษา
พิเศษ ท่ีกระทรวงประกาศใช้และให้สถานศึกษากาหนดเป้าหมายความสาเร็จตามมาตรฐานของ
สถานศึกษาตามบริบท ท้ังน้ีสามารถเพิ่มเติมมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา นอกเหนือจากท่ี
กระทรวงศึกษาธิการประกาศใช้ได้ โดยให้สถานศึกษาและผู้เก่ียวข้อง ดาเนินการและรับผิดชอบ
ร่วมกนั

2) จัดทาแผนพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษาท่ีสอดคล้องกับ
สภาพปัญหาและความต้องการจาเป็นของสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยสะท้อนคุณภาพ
ความสาเรจ็ อย่างชดั เจนตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศกึ ษา

3) ดาเนินการตามแผนพฒั นาการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา
4) ประเมินผลและตรวจสอบคุณภาพการศึกษาภายในสถานศึกษา โดย
กาหนดผรู้ ับผิดชอบและวิธกี ารที่เหมาะสม
5) ติดตามผลการดาเนินการเพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพตาม
มาตรฐานของสถานศกึ ษาและนาผลการตดิ ตามไปใชป้ ระโยชน์ในการปรบั ปรงุ พัฒนา
6) การจัดทารายงานผลการประเมินตนเอง (Self-Assessment Report :
SAR) ตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา นาเสนอรายงานผลการประเมินตนเองต่อ
คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานให้ความเห็นชอบและจัดส่งรายงานดังกล่าวต่อสานักงานเขต
พ้นื ทีก่ ารศึกษาเป็นประจาทุกปี
7) พัฒนาสถานศึกษาให้มีคุณภาพ โดยพิจารณาจากรายงานผลการ
ประเมนิ ตนเอง (Self-Assessment Report : SAR) และตามคาแนะนาของสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา
หรอื สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานเพอื่ ให้การประกันคณุ ภาพการศกึ ษาเป็นไปอย่างมี
ประสิทธภิ าพและพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง
1.3 สถานศกึ ษาแตล่ ะแหง่ ให้ความร่วมมอื กบั สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมนิ
คณุ ภาพการศึกษา (องคก์ ารมหาชน) ในการประเมนิ คณุ ภาพภายนอกของสถานศกึ ษา เพื่อปรับปรุง
และพัฒนาคุณภาพการศึกษาตามข้อเสนอแนะของสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ
การศึกษา (องค์การมหาชน) และหน่วยงานต้นสังกัดหรือหน่วยงานที่กากับดูแลเพ่ือนาไปสู่การ
พฒั นาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศกึ ษา

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 134

2. ระดับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา
2.1 ศึกษา วิเคราะห์ รายงานผลการประเมินตนเองของสถานศึกษาตลอดจนให้คาปรึกษา

ช่วยเหลอื และแนะนาสถานศึกษา เพื่อพฒั นาระบบประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแหง่
อยา่ งต่อเนอื่ ง

2.2 รวบรวมและสงั เคราะหร์ ายงานผลการประเมนิ ตนเองของสถานศึกษา (Self-Assessment
Report : SAR) พร้อมกับประเด็นต่างๆ ท่ีต้องการให้มีการประเมินผลและติดตามตรวจสอบ ซึ่ง
รวบรวมได้จากหนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้องหรือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสถานศึกษาแห่งน้ัน และจัดส่งไป
ยังสานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศกึ ษา (องค์การมหาชน) เพ่ือใช้เป็นข้อมูลและ
แนวทางในการประเมินคุณภาพภายนอก

2.3 ตดิ ตามผลการดาเนินงาน ปรบั ปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตาม
ข้อเสนอแนะของสานกั งานรบั รองมาตรฐานและคณุ ภาพการศกึ ษา (องคก์ ารมหาชน) เพอ่ื นาไปสกู่ าร
พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศกึ ษา

2.4 ใหค้ วามรว่ มมอื กบั สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศกึ ษา (องค์การ
มหาชน) ในการประเมินคณุ ภาพภายนอก

2.5 อาจมอบหมายบุคคลท่ีไม่ได้เป็นผู้ประเมินเข้าร่วมสังเกตการณ์และให้ข้อมูลเพิ่มเติมใน
กระบวนการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก

แนวทางการเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาเพ่ื อรับการประเมินคุณภาพ
ภายนอก

แบง่ ออกเปน็ 3 ชว่ ง ได้แก่ ช่วงท่ี 1 กอ่ นการรับประเมนิ คุณภาพภายนอก ชว่ งที่ 2 ระหว่าง
รับการประเมนิ คุณภาพภายนอก และชว่ งท่ี 3 หลังเสรจ็ สิ้นการประเมินคุณภาพภายนอก ดงั นี้

ชว่ งที่ 1 ก่อนการรบั ประเมินคณุ ภาพภายนอก
แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านบุคลากร ด้านอาคารสถานที่ ด้านการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ และด้านเอกสารหลักฐานรอ่ งรอย
1. ด้านบุคลากร การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรนั้น ผู้บริหารจัดให้มีการประชุมช้ีแจง
ให้กับผู้เก่ียวข้องให้รับทราบถึงแนวทางวิธีการประเมินภายนอก พร้อมมอบหมายบทบาทหน้าท่ี
ซักซอ้ ม ทาความเขา้ ใจในการนาเสนอขอ้ มูลข้อเทจ็ จริงให้ตรงกันในแต่ละประเด็น และผู้ประเมินภายใน
โดยตรวจสอบรายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา (SAR) รวมท้ังหลักฐานร่องรอยเชิง
ประจักษ์ ตามมาตรฐานประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาให้ครบถ้วน ติดตาม ตรวจสอบงาน
ตามภาระงานที่มอบหมายไว้ สาหรบั ครแู ละบคุ ลากรในสถานศึกษาทเ่ี กีย่ วขอ้ งรวมใหข้ อ้ มูลเพ่ิมเติมใน
เรอ่ื งท่รี บั ผิดชอบ และเป็นผ้ถู กู ประเมนิ ภายใน ตลอดจนชักซอ้ มการถาม-ตอบคาถาม ในแตล่ ะประเดน็
พิจารณาร่วมกัน นอกจากนี้ควรมีการเตรียมความพร้อมกับนักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการ
สถานศกึ ษา หรือผู้ให้ขอ้ มูลเพ่มิ เติมให้เข้าใจตรงกัน

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 135

2. ด้านอาคารสถานท่ี การเตรียมความพร้อมด้านอาคารสถานท่ีเป็นการพัฒนา
สภาพแวดล้อม อาคาร สถานที่ ให้เอ้ือต่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน ให้มีความปลอดภัยกับ
ผู้เรยี น เชน่ การจัดภูมทิ ศั น์ อาการ สถานที่ การจัดห้องเรียน การจัดห้องปฏิบัติการ รวมทั้งแหล่ง
เรยี นรู้กายใน เชน่ ห้องสมุด สวนวิทยาศาสตร์ แปลงเกษตร ฯลฯ (ทะเบียนแหล่งเรียนรู้ภายใน) ให้มี
ความสะอาด พร้อมในการใชง้ านสาหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ รวมท้ังจัดทาระเบียบแหล่งเรียนรู้ภายนอก
เชน่ พิพิธภณั ฑ์ สถานทส่ี าคัญในชมุ ชน ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน ฯลฯ

3. ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เตรียมความพร้อมด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
เอกสารในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เปน็ ร่องรอยหลกั ฐานทแ่ี สดงถึงความพรอ้ มในการจดั กจิ กรรม
การเรียนรู้ของครูผู้สอน และบันทึกการนิเทศ ช้ันเรียนของผู้บริหารสถานศึกษาในรอบปีท่ีผ่านมา
เช่น หลักสูตรการศึกษา หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ หน่วยแผนการจัดประสบการณ์ หน่วย
แผนการจัดการเรียนรู้ส่ือการสอน เครื่องมือวัดและประเมิผล เครื่องมือนิเทศ และรายงานผลการ
นเิ ทศ ฯลฯ

4. ด้านเอกสาร หลักฐาน ร่องรอย การเตรียมความพร้อมด้านเอกสาร หลักฐาน
รอ่ งรอย ทเี่ ก่ียวขอ้ งเป็นการเตรยี มการตรวจสอบความถกู ตอ้ งครบถ้วนของเอกสารทีส่ ถานศึกษา
จัดทาขึ้นระหว่างการดาเนินการพัฒนาสถานศึกษาในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เช่น ประกาศมาตรฐานและ
ตัง้ คา่ เปา้ หมายของสถานศึกษาที่มีความสอดคลอ้ งกับแผนพัฒนาการจัดการศึกษา แผนปฏิบัติการ
ประจาปี และจัดทาสารสนเทศสถานศึกษา ตลอดจนเตรียมส่ือเทคโนโลยีให้มีความเป็นปัจจุบัน และ
พร้อมใช้งาน ฯลฯ

ชว่ งที่ 2 ระหวา่ งรับการประเมนิ คณุ ภาพภายนอก
1. อานวยความสะดวกแก่คณะกรรมการประเมนิ ตามความเหมาะสม เช่น เตรียมแหล่งขอ้ มูล
หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ผูป้ ระสานงานกับผปู้ ระเมนิ เตรยี มหอ้ งสาหรับประชุมยอ่ ยของผู้ประเมนิ
2. นาเสนอข้อมูลตามมาตรฐานและประเด็นการพิจารณา อาจนาเสนอโดยการบรรยาย
ประกอบ Power Point หรือ VTR โดยผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ควรกระชับไม่ควรใช้เวลายาวนานมาก
3. ประสานงานขอความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้อง เช่น กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง
ตัวแทนนกั เรียน ตัวแทนตน้ สงั กดั องคก์ รภาครฐั และเอกชน
4. ร่วมรับฟังการนาเสนอผลการประเมินด้วยวาจาและให้ข้อมูลเพิ่มเติม ผู้เข้าร่วมรับฟัง
ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน ตัวแทนนักเรียน กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง
นกั เรียน ตวั แทนตน้ สงั กัด
5. ในช่วงรับการประเมินภายนอก สถาศึกษามีการจัดการเรียนการสอนตามปกติตาม
ตารางสอน และตารางกิจกรรมท่กี าหนดไว้

การจดั และพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา 136

ชว่ งที่ 3 หลงั เสรจ็ สน้ิ การประเมินคณุ ภาพภายนอก
1. ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบคุ ลากรทเี่ ก่ียวขอ้ งร่วมกันตรวจสอบรายงานผล

การประเมินคุณภาพภายนอกตามท่ีสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
(องค์การมหาชน) แจง้ ผลการประเมิน

2. สถานศึกษาสามารถโต้แย้งผลการประเมินคุณภาพภายนอกได้ โดยทาเป็นลาย
ลักษณ์อักษร ซ่ึง สมศ. จะส่งผลการพิจารณา (ร่าง) รายงานการประเมินคุณภาพภายนอก
สถานศึกษาระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานให้สถานศึกษาพิจารณา โดยมีผลการพิจารณา 3 ประเภท
ดงั น้ี

1) เห็นชอบและยอมรบั ผลการประเมิน ตามทค่ี ณะผูป้ ระเมนิ เสนอ
2) เหน็ ชอบและยอมรับผลการประเมิน ตามที่คณะผู้ประเมินเสนอโดยมีข้อแก้ไข ดัง
นี้…..(อธบิ ายข้อที่ตอ้ งการแก้ไข )
3) ไม่เห็นชอบผลการประเมิน เพราะเหตุใด อธิบายพร้อมแนบเอกสาร/หลักฐาน
ประกอบ (สมศ.จะนาเร่ืองเข้าคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป) โดย สมศ. มีแบบตรวจสอบ
คณุ ภาพรายงานการประเมินคุณภาพภายนอก (สาหรับสถานศกึ ษา ใหส้ ถานศึกษากรอกและส่งคนื ผู้
ประเมนิ เพอื่ จัดส่งให้ สมศ.ตอ่ ไป
3. วิเคราะห์ผลการประเมินคุณภาพภายนอกเพ่ือการพัฒนาปรับปรุง แก้ไข ตามความ
จาเปน็ เรง่ ด่วน ปกติ หรือกาหนดลงในแผนพัฒนาการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษาระยะยาว
ขอ้ ควรตระหนกั ในการรับการประเมนิ คุณภาพภายนอก
สถานศกึ ษาไม่ควรปฏบิ ัติ ดังนี้
1. การเกณฑน์ กั เรียน ครู มาตงั้ แถว โบกธงรับคณะผปู้ ระเมนิ ภายนอกต้ังแตห่ น้าโรงเรียน
2. การจดั ขบวน จัดวงดนตรี การแสดงแห่ต้อนรบั ผูป้ ระเมินภายนอก
3. การจดั ดอกไม้ หรือจบั ผา้ คล้ายกับงานพระราชพิธี (เปน็ การลงทนุ ทสี่ งู มาก)
4. การจดั ทาป้ายไวนลิ ปา้ ยตอ้ นรบั เหมือนผูป้ ระเมนิ ภายนอกเปน็ บคุ คลสาคัญ
5. การปูทางเดินด้วยพรมแดง เพ่อื ให้ผูป้ ระเมินภายนอกเดิน (หา้ มออกนอกเส้นทาง)
6. การจัดนักเรียน หรือ นกั ศกึ ษาวิชาทหารกางร่ม คอยตดิ ตามหรือถอื สัมภาระ
7. การมอบของท่รี ะลึกให้แกผ่ ู้ประเมินภายนอก
8. การจัดเล้ยี งอาหารอยา่ งฟุ่มเฟือย ใหญโ่ ต

137

อา้ งอิง

HR NOTE. PDCA : ความหมาย ประโยชน์ และตัวอย่างใช้ 4 ขั้นตอนเพ่ือพัฒนาองค์กรอย่าง
ต่อเน่ือง. (2564). [Online]. เข้าถึงได้จาก : https://th.hrnote.asia/orgdevelopment
/what-is-pdca-210610/ [2564, กรกฎาคม 15]

Jakkarin Burananit. (2560). 9 เทคโนโลยีการศึกษา สาหรับครูไทยยุค 4.0. เข้าถึงได้จาก
: https://medium.com/opencurriculum/9-เทคโนโลยีการศึกษา-สาหรับครูไทยยุค4.0.
[2564, สงิ หาคม 1]

กลุม่ บริษัททร.ู รวมแอปพลเิ คชนั ชว่ ยเรอ่ื งการเรยี นการสอนสาหรับหอ้ งเรียน 4.0. (2561) เข้าถึงได้
จาก :https://www.trueplookpanya.com/blog/ content/65872/-teaarttea-teaart.
[2564, สงิ หาคม 3]

กิตติศักด์ิ อังคะนาวิน และอภิสรรค์ ภาชนะวรรณ. (2564,เมษายน). การนิเทศการศึกษาให้
เจริญก้าวหน้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 EDUCATIONAL SUPERVISION TO PROGRESS TO
THAILAND 4.0. วารสาร วิชาการสถาบันเทคโนโลยแี หง่ สุวรรณภูม,ิ : 193 - 206.

กุลกาญจน์ สุวรรณรักษ์.การนิเทศการสอนในยุค 4.0. (2564).[Online].เข้าถึงได้จาก :
http://edu.bsru.ac.th/images/196/%204.0%20%20new.pdf [2564, กรกฎาคม 15]

คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลาปาง. รายงานสืบเน่ืองการประชุมวิชาการและการนาเสนอ
ผลงานวิจัยระดับชาติ (Conference Proceedings) ครุศาสตร์วิจัย ครั้งที่ 3: 2560
นวตั กรรมแหง่ การเรียนรู้. (2560). ลาปาง : คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏลาปาง.

ธานินทร์ อินทรวิเศษ, ธนวัฒน์ เจริญษา และพิชญาภา ยวงสร้อย. (2564, เมษายน). ภาพสะท้อน
การศกึ ษาไทยหลงั ภาวะโควดิ 2019 Reflection on Thai Education after COVID 2019.
วารสารสารการบรหิ ารนติ บิ ุคคลและนวตั กรรมท้องถนิ่ , 7(4) : 324 - 333.

ภาณุวัฒน์ วรพิทย์เบญจา. (2558). การพัฒนาแอปพลิเคชันการจัดการเรียนการสอนใน
ห้องเรียนเสมือนจริงบนอุปกรณ์เคล่ือนท่ี. วารสารวิชาการคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยราช ภฏั ลาปาง 8(2), (58-67).

สมชาย รัตนทองคา. (2554). การวัดและประเมินผลทางการศึกษา. [Online]. เข้าถึงได้จาก :
https://ams.kku.ac.th/aalearn/resource/edoc/tech/513eva.pdf[254, สิงหาคม 3]

สานักทดสอบทางการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
(2563). การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศกึ ษาเพอื่ รบั การประเมนิ คณุ ภาพภายนอก.
กรงุ เทพฯ: หา้ ง หุน้ สว่ นจากดั เอ็น.เอ.รตั นะเทรดดง้ิ .

สานกั ทดสอบทางการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
(2563). แนวทางการพฒั นาระบบการประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา. กรุงเทพฯ : ห้างห้นุ ส่วน
จากดั เอน็ .เอ. รัตนะเทรดดง้ิ .

138

สานักทดสอบทางการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
(2563). การกาหนดมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจากัด เอ็น.เอ.

รัตนะเทรดดง้ิ .
สานักทดสอบทางการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
(2563). ค่มู อื การจดั ทาแผนพฒั นาการจดั การศกึ ษาของสถานศกึ ษา. กรุงเทพฯ : หา้ งหนุ้ สว่ นจากดั

เอน็ .เอ.รตั นะเทรดด้ิง.
สานักทดสอบทางการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ.
(2563). การจัดทารายงานการประเมินตนเองของสถานศึกษา. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจากัด

เอน็ .เอ. รัตนะเทรดดง้ิ .
อัครเดช เกตฉ่า. (2559). การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (Learning Measurement and

Evaluation) . เข้าถึงได้จาก:http://www.bsru.ac.th/identity/archives/2617 [2564,
สงิ หาคม 2]

“Change Leadership and obvious “
principles can make the school
directors accomplished their tasks.
Teachers should create new and
useful knowledge to their children.

ผู้จดั ทำ

• นายเกรียงศกั ด์ิ อไุ รโรจน์ 63052511013
• นายจรี าวุฒ กก๊ ใหญ่ 63052511014
• นายเป็นตน้ จินะกุล 63052511015
• นายศรัณย์พงษ์ เกื้อบุตร 63052511016
• นางสาวณฐั พร นิลโกสยี ์ 63052511017
• นางประภาภรณ์ พรหมมณี 63052511018

นกั ศกึ ษาหลักสูตรครุศาสตรมหาบัณฑติ
สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา แผน ข รุ่นท่ี 26
มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี


Click to View FlipBook Version