หน่วยการเรียนรู้ โมลและสูตรเคมี ระดับ ดั ชั้นมัธยม มั ศึกษาปีที่ 4 ที่ จำ นวน 20 ชั่วโมง สาระเคมี 3. เข้าใจห ข้ลักการลัทำ ปฏิบัฏิติบัการเคติมี การมีวัดปวัริมาณสารห ริน่วยวัดและการเป วัลี่ยนห ลี่ น่วย การคำ นวณ ปริมาณของสาร ความเ ริข้มข้ข้นของสารละลาย รวม ข้ทั้งการทั้บูรณาการ ความรู้และรู้ทักษะในการอ ทัธิบายธิ ปรากฏการณ์ในชีวิชีตประ วิจำ วันและการแวัก้ปัก้ญหาทางเคปัมี ผลการเรียน รี รู้ 1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และคำ นวณมวลอะตอมเฉลี่ยของธา ลี่ ตุ มวลโมเลกุล และมวลสูตร 2. อธิบายและธิคำ นวณปริมาณใดป ริริมาณหรินึ่งจากความสัมพันธ์ของโมล ธ์จำ นวนอนุภาค มวล และปริมาตรของแริก๊สก๊ที่ STP ที่ 3. คำ นวณอัตราอั ส่วนโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงที่ 4. คำ นวณสูตรอย่างย่ง่ายและง่ สูตรโมเลกุลของสาร จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ มวลอะตอมสัมพัทธ์ และมวลอะตอมเฉธ์ลี่ยของธาตุ 2. คำ นวณมวลอะตอมของธาตุและมวลอะตอมสัมพัทธ์ 3. คำ นวณมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ 4.อธิบายความหมายของโมลและเลขอาโวกาโดร ธิ 5. คำ นวณมวลโมเลกุลและมวลสูตร 6. อธิบายความธิ สัมพันธ์ของโมล มวล ธ์จำ นวนอนุภาค และปริมาตรของแริก๊สที่ STP ที่ 7. คำ นวณปริมาณสารจากความ ริ สัมพันธ์ของโมล มวล ธ์จำ นวนอนุภาค และปริมาตรของแริก๊ส ท ่ีSTP 8. คำ นวณอัตราส่วนโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงที่ 9. อธิบายความหมายของธิ สูตรอย่างง่ายและง่ สูตรโมเลกุลของสาร 10. คำ นวณมวลเป็นร้อยละของธาร้ตุองค์ประกอบ 11. คำ นวณสูตรอย่างง่ายจากง่อัตราส่วนโดยโมลของธาตุองค์ประกอบ 12. คำ นวณสูตรโมเลกลุของสาร จากสูตรอย่างง่ายและมวลโมเลก ง่ลุของสาร
หน่วยการเรียนรู้ โมลและสูตรเคมี ระดับ ดั ชั้นมัธ มั ยมศึกษาปีที่ 4 จำ นวน 20 ชั่วโมง
สาระสำ คัญ มวลอะตอมเป็นมวลของธาตุ 1 อะตอม แต่อต่ะตอมมีข มี นาดเล็ก ล็ มาก ไม่ สามารถชั่งชั่ ได้โด้ดยตรง จึง จึ นิยมใช้มช้วลอะตอมสัมพัทธ์ ซึ่งซึ่ได้จด้ากการ เปรีย รี บเทีย ที บมวลอะตอมกับกัมวลของธาตุม ตุ าตรฐาน ซึ่งซึ่ปัจจุบั จุ นบั ใช้ 12C เป็นมาตรฐานในการเปรีย รี บเทีย ที บมวล มวลอะตอมเฉลี่ย ลี่ ของธาตุเ ตุ ป็นค่า เฉลี่ย ลี่ จากค่ามวลอะตอม ของแต่ลต่ะไอโซโทปของธาตุช ตุ นิดนั้นตามปริมริาณ ที่มีที่ใมี นธรรมชาติ มวลโมเลกุล กุ และมวลสูต สู รเป็นผลรวมของมวลอะตอม เฉลี่ย ลี่ ของธาตุที่ ตุ เที่ป็นองค์ประกอบของสารนั้น โมลเป็นปริมริาณสารที่มีที่จำ มี จำนวนอนุภ นุ าคเท่าท่กับกัเลขอาโวกาโดรหรือ รื ค่า คงตัวตัอาโวกาโดร คือ 6.02 × 1023 อนุภ นุ าค มวลของสาร 1 โมล ที่มีที่มี หน่วยเป็นกรัมรัเรีย รี กว่าว่มวลต่อต่ โมล ซึ่งซึ่มีค่ มี ค่าตัวตัเลขเท่าท่กับกัมวลอะตอม มวลโมเลกุล กุ หรือ รื มวลสูต สู รของสารนั้น สำ หรับรั สารที่มีที่สมี ถานะแก๊สก๊ 1 โมล จะมีปมี ริมริาตร เท่าท่กับกั22.4 ลิตลิรที่ STP สารประกอบเกิดกิจากการรวมตัวตัของธาตุตั้ ตุ งตั้แต่ 2 ชนิดขึ้น ขึ้ ไป โดยมี อัตอัราส่วนโดยมวลของธาตุ อัตอัราส่วนโดยมวลของธาตุอ ตุ งค์ประกอบใน สารประกอบสามารถแสดงในรูปของร้อร้ยละโดยมวล ประกอบคงที่เที่สมอ ตามกฎสัดส่วนคงที สูต สู รเคมีสมี ามารถแสดงได้ด้ด้วด้ยสูต สู รเอมพิริคัริ คัลหรือ รืสูต สู รอย่าย่งง่าง่ย และ สูต สู รโมเลกุล กุ ซึ่งซึ่สูต สู รอย่าย่งง่าง่ย สามารถคำ นวณได้จด้ากอัตอัราส่วนโดยโมล ของธาตุอ ตุ งค์ประกอบ และถ้าถ้ทราบมวลโมเลกุล กุ ของสารจะสามารถ คำ นวณสูต สู รโมเลกุล กุ ได้ เวลาที่ใที่ ช้ บทนี้ใช้เ ช้ วลาสอนประมาณ 20 ชั่ว ชั่โมง 4.1 มวลอะตอม 2 ชั่ว ชั่โมง 4.2 โมล 9 ชั่ว ชั่โมง 4.3 สูต สู รเคมี 9 ชั่ว ชั่โมง
1. อะตอมของธาตุประกอบด้วด้ยอนุภนุาคที่สำที่สำคัญ 3 ชนิดคือ โปรตอน นิวตรอน และอิเอิล็ก ล็ ตรอน 2. อิเอิล็ก ล็ ตรอนมีมมีวลมากกว่าว่ โปรตอนประมาณ 1800 เท่าท่ 3. โปรตอนและนิวตรอนมีมมีวลใกล้เล้คียงกันกัซึ่งซึ่มีค่มี ค่าประมาณ 1.66 × 10-24 กรัมรั 4. เป็นสัญลักลัษณ์นิวเคลียลีร์ขร์องธาตุฮีเลียลีม 5. ไอโซโทป หมายถึงถึธาตุชนิดเดียดีวกันกัที่มีที่จำมี จำนวนโปรตอนไม่เม่ท่าท่กันกั ุ6. 10. สารประกอบไอออนิกไม่มีม่ สูมีตสูรโมเลกุลกุเนื่องจากมีโมีครงสร้าร้งต่อต่เนื่องไปเป็นสามมิติมิ ติ ชื่อชื่-นามสกุลกุ......................................................................ชั้นชั้.....................เลขที่.ที่ ............. เติมติคำ ว่าว่ถูก หน้าข้อข้ความที่ถูที่กต้อต้ง และคำ ว่าว่ผิดผิหน้าข้อข้ความที่ไที่ม่ถูม่กต้อต้ง
L E V E L 1 L E V E L 2 L E V E L 3 L E V E L 4 L E V E L 5 มวลโมเลกุล ชื่อชื่ -นามสกุลกุ : ชั้นชั้ : เคมี ม.5 ให้นักเรีย รี นหามวลโมเลกุล กุ ของสารต่อ ต่ ไปนี้ให้ถูกต้อ ต้ ง
..............1. อะตอมของธาตุปตุระกอบด้วด้ยอนุภนุาคที่สำที่สำคัญ 3 ชนิดคือ โปรตอน นิวตรอน และ อิเอิล็ก ล็ ตรอน ..............2. อิเอิล็ก ล็ ตรอนมีมมีวลมากกว่าว่ โปรตอนประมาณ 1800 เท่าท่ ..............3. โปรตอนและนิวตรอนมีมมีวลใกล้เล้คียงกันกัซึ่งซึ่มีค่มี ค่าประมาณ 1.66 × 10-24 กรัมรั ..............4. ..............5. ไอโซโทป หมายถึงถึธาตุชตุนิดเดียดีวกันกัที่มีที่จำมี จำนวนโปรตอนไม่เม่ท่าท่กันกั ..............6. ..............7. ..............8. ..............9. ..............10. สารประกอบไอออนิกไม่มีม่ สูมีตสูรโมเลกุลกุเนื่องจากมีโมีครงสร้าร้งต่อต่เนื่องไป เป็นสามมิติมิ ติ ชื่อชื่-นามสกุลกุ .....................................................................................................................ชั้นชั้ ..................เลขที่..........,,,,,,,,,,, คำ สั่งสั่ ใส่เส่ครื่อรื่งหมายถูกถูหน้าน้ข้อข้ความที่ถูกถูต้อง และเครื่อรื่งหมายผิด หน้าน้ข้อข้ความที่ไม่ถูม่กถูต้อง
มวลอะตอม ใบความรู้เรื่อง มวลอะตอม
ใบความรู้เรื่อง มวลอะตอม
1. มวลอะตอมของธาตุ หมายถึง 2. มวลของธาตุ 1 อะตอม หมายถึง ชื่อชื่-นามสกุลกุ:...............................................................................................เลขที่.ที่ ..... แบบฝึกหัดมวลอะตอม 3. ธาตุอตุอกซิเซิจนมีมมีวลอะตอมเท่ากับ 16 หมายความว่าว่ 4. ธาตุซัตุลซัเฟอร์ 1 ร์อะตอม มีมมีวลเท่ากับ 32 × 1.66×10-24 กรัมรัแสดงว่าว่ 5. ธาตุแตุคลเซียซีมมีมมีวลอะตอมเท่ากับ 40 หมายความว่าว่
ใบงานที่ 1.2 มวลอะตอม ชื่อชื่-นามสกุลกุ:.......................................................................................เลขที่.ที่ ..... 1. …………. มวลอะตอมของธาตุคือ ตัวเลขที่ไที่ด้จากการเปรียรีบเทียทีบว่ามวลของธาตุ 1 อะตอมกับกัมวลของธาตุมตุาตรฐาน 1 อะตอม 2. …………. นักวิทวิยาศาสตร์พร์บว่าว่ของมวลของ 12C 1 อะตอม เท่าท่กับกั1.66 X 10-24 กรัมรั 3. …………. มวลของธาตุ1ตุอะตอม = มวลอะตอมของธาตุXตุ1.66 X 10-24 กรัมรั 4. …………. เครื่อรื่งแมสสเปกโตรมิเมิตอร์เร์ป็นเครื่อรื่งมือมืที่ใที่ช้กช้ารหามวลอะตอมและปริมริาณ ของไอโซโทปแต่ลต่ะธาตุ 5. …………. มวลอะตอม คือ มวลที่แที่ท้จท้ริงริของธาตุที่ตุสที่ามารถชั่งชั่ ได้ส่ด้ ส่วนมวลของธาตุ1ตุ อะตอม เป็นมวลที่ไที่ด้จด้าก การเปรียรีบเทียทีบมวลของธาตุมตุาตรฐาน 6. ………….1/12มวลของ 12C 1 อะตอม หนักเท่าท่กับกัมวลไฮโดรเจน 1 อะตอม 7. …………. ธาตุโตุซเดียดีม (NA) มีมมีวลอะตอมเท่าท่กับกั23 ดังดันั้น NA จานวน 1 อะตอมมีมมีวล เท่าท่กับกั23 X 1.66 X 10-24 กรัมรั 8. …………. ธาตุแตุมกนีเซียซีม มีมมีวลอะตอมเท่าท่กับกั A หมายความว่าว่มวลของ MG 1 อะตอม มีมมีวลเป็น A เท่าท่ของ 1/12 มวลของ 12C 1 อะตอม 9. …………. มวลอะตอมเฉลี่ยลี่ของธาตุต่ตุาต่งๆ จะมีค่มี ค่าใกล้เล้คียงกับกัมวลอะตอมไอโซโทปที่มีที่มี น้อยที่สุที่ดสุในธรรมชาติ 10. …………. ธาตุJตุ1 อะตอม มีมมีวลเท่าท่กับกั A X 1.66 X 10-24 กรัมรัดังดันั้น มวลอะตอมของธาตุJตุ เท่าท่กับกั A
ใบงาน ความสัมพันธ์ มวล โมล อนุภ นุ าคและปริม ริ าตรที่ STP ชื่อ-นามสกุล กุ :...............................................................เลขที่.ที่..... สูต สู รโมเลกุล กุ จำ นวนอนุภ นุ าค ความหนาแน่น โมล ปริมริาตร มวล
หน้าที่ 2 ใบงาน ความสัมพันธ์ มวล โมล อนุภ นุ าคและปริม ริ าตรที่ STP จงคำ นวณจำ นวนโมลของ จงคำ นวณจำ นวนโมลของ อาร์ก ร์ อน 3.00 โมล จงคำ นวณจำ นวนอนุภ นุ าคของ คำ นวณจำ นวนโมลของ น้ำ (H2O) 0.36 กรัม รั เฮกเซน (C6H14) 43.0 กรัม รั มี จำ นวนอนุภ นุ าคเท่า ท่ ใด แก๊สก๊ ไนโตรเจนมอนอกไซด์ (NO) 30.0 กรัม รั มีจำ มี จำนวนอนุภ นุ าคเท่าท่ ใด
1 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว31204 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โมลและสูตรเคมี เรื่อง มวลอะตอม เวลาเรียน 2 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุและคำนวณมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุมวลโมเลกลุ และมวลสูตร 3) สาระสำคัญ มวลอะตอมเป�นมวลเปรียบเทียบที่ไม่มีหน่วยมวลการหามวลอะตอมใช้วิธีการเปรียบเทียบกับมวลของ ธาตุที่กำหนดเป�นมาตรฐาน มวลของธาตุ 1 อะตอม เป�นมวลที่แท้จริงของธาตุ มวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ ขึ้นอยู่กับปริมาณและมวลอะตอมของไอโซโทปที่มีอยู่ในธรรมชาติ 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ มวลอะตอมสัมพัทธ์ และมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ (K) 2. คำนวณมวลอะตอมของธาตุและมวลอะตอมสัมพัทธ์(P) 3. คำนวณมวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ (P) 4. ความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A ) 5) สาระการเรียนรู้ ป� ค.ศ. 1961 (พ.ศ. 2504) นักวิทยาศาสตร์ได้ตกลงให้ใช้ C12 หรือ C12 ซึ่งเป�นไอโซโทปที่มี ปริมาณมากที่สุดในธรรมชาติของคาร์บอนเป�นมาตรฐาน โดยกำหนดให้ 12C มีมวลเท่ากับ 12 หน่วยมวล อะตอม ดังนั้น 1 หน่วยมวลอะตอมจึงมีค่าเท่ากับ มวลของ C 12 1 12 จำนวน 1 อะตอม
2 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูตั้งคำถามโดยใช้แนวคำถาม ดังนี้ - มวลอะตอมของธาตุหาได้อย่างไรและมีค่าเท่าใด แนวตอบ หาได้จากผลรวมของมวลโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน แต่อิเล็กตรอนมี มวลน้อยมาก มวลอะตอมจึงมีค่าใกล้เคียงกับผลรวมของมวลโปรตอนและ นิวตรอน ซึ่งมีค่าน้อยมากในหน่วยกรัมหรือกิโลกรัม - อะตอมของแต่ละธาตุมีมวลเท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด แนวตอบ ไม่เท่ากัน เนื่องจากธาตุแต่ละชนิดจำนวนโปรตอนและนิวตรอนไม่เท่ากัน 2. จากนั้นครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับการหามวลอะตอมซึ่งไม่สามารถหาได้ด้วย วิธีการ ชั่งมวล เพื่อนำเข้าสู่วิธีการหามวลอะตอมสัมพัทธ์โดยเปรียบเทียบกับธาตุมาตรฐาน 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับไอโซโทปของธาตุ แล้วให้ความรู้เกี่ยวกับมวลอะตอมและ ปริมาณของไอโซโทปในธรรมชาติ เช่น คาร์บอนมี 3 ไอโซโทป คือ 12C มีมวลอะตอม 12.0000 ใน ธรรมชาติมีอยู่ร้อยละ 98.930 13C มีมวลอะตอม 13.0034 ในธรรมชาติมีอยู่ร้อยละ 1.070 ส่วน 14C เป�นไอโซโทปกัมมันตรังสีมีปริมาณน้อยมาก แล้วอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการหามวลอะตอมเฉลี่ยของ ธาตุ ซึ่งหาได้จาก มวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ = ผลรวมของ ( % ไอโซโทป ) X (มวลอะตอมของไอโซโทป) 100 จากนั้นคำนวณมวลอะตอมเฉลี่ยของคาร์บอน ซึ่งคำนวณได้เท่ากับ 12.011 2) ครูให้นักเรียนพิจารณามวลอะตอมในตารางธาตุ เพื่ออภิปรายและลงข้อสรุปว่า ค่ามวล อะตอมที่ป่รากฏในตารางธาตุเป�นค่ามวลอะตอมเฉลี่ย ซึ่งนิยมเรียกว่า มวลอะตอม ซึ่งสังเกตได้จาก ค่ามวล อะตอมของคาร์บอนในตารางธาตุไม่เท่ากับ 12.0000 แต่เท่ากับ 12.01 จากนั้นยกตัวอย่าง มวลอะตอมของ ธาตุอื่น ๆ ที่ปรากฏในตารางธาตุเปรียบเทียบกับค่ามวลอะตอมเฉลี่ยในตาราง 4.1 มวลอะตอมของธาตุ = 1.66 10 g มวลของธาตุ 1 อะตอม (g) −24 ×
3 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยให้ได้ข้อสรุปว่ามวลอะตอมของ ธาตุมีค่าแตกต่างจากมวลของธาตุ 1 อะตอม โดยมวลอะตอมของธาตุเป�นเพียงมวลเปรียบเทียบกับมวลของ ธาตุที่กำหนดเป�นมาตรฐานจึงไม่มีหน่วยมวล แต่มวลของธาตุ 1 อะตอม เป�นมวลที่แท้จริงของธาตุ จึงต้องมี หน่วยมวลกำกับไว้ด้วย การหาน้ำหนักอะตอมของธาตุและน้ำหนักโมเลกุลของสารประกอบโดยตรง สามารถ หาได้โดยใช้เครื่องแมสสเปกโทรมิเตอร์ ซึ่งจะมีความถูกต้องแม่นยำมากที่สุด 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูอธิบายการคำนวณหามวลอะตอมของธาตุ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน รายวิชา เพิ่มเติม เคมี เล่ม 2 หรืออาจยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณเพิ่มเติมและให้นักเรียนได้ลงมือทำเพื่อฝ�กทักษะการ คิดคำนวณ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่างที่ 1 กำหนดให้ธาตุอะลูมิเนียม (Al) 1 อะตอม มีมวล 26.98 x 1.66 x 10-24 กรัม จงหามวล อะตอมของธาตุอะลูมิเนียม วิธีทำ มวลอะตอมของธาตุ Al = มวลของ Al 1 อะตอม (g) 1.66 x 10-24 (g) = 26.98 x 1.66 x 10-24 g 1.66 x 10-24 g = 26.98 ดังนั้น มวลอะตอมของธาตุอะลูมิเนียมเท่ากับ 26.98 ตัวอย่างที่ 2 ธาตุ A 5 อะตอมหนักเป�น 100 เท่าของ 12 1 ของมวล 12C จำนวน 1 อะตอม จงหามวล อะตอมของธาตุ A วิธีทำ ธาตุ A 5 อะตอม หนัก = 100 เท่าของ 12 1 ของมวล 12C จำนวน 1 อะตอม ธาตุ A 1 อะตอม หนัก = 5 100 x 12 1 x 12 x 1.66 x 10–24 กรัม = 20 x 1.66 x 10–24 กรัม มวลอะตอมของธาตุ A = มวลของ A 1 อะตอม (g) 1.66 x 10-24 (g) = 20 x 1.66 x 10–24 (g) 1.66 x 10-24 (g)
4 = 20 ดังนั้น มวลอะตอมของธาตุ A คือ 20 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนฝ�กคำนวณหามวลอะตอมพร้อมกันทั้งชั้นเรียน ดังตัวอย่าง ตัวอย่าง ธาตุออกซิเจน (O) มีมวลอะตอม 15.9994 ธาตุ A จะมีมวลอะตอมเท่าใด เมื่อธาตุ A 1 อะตอมมีมวลเป�น 4 เท่าของมวลของออกซิเจน 2 อะตอม แนวการวิเคราะห์ โจทย์กำหนดมวลอะตอมของธาตุ O มาให้ต้องคำนวณหามวลของธาตุ O 1 อะตอมก่อนเพื่อเทียบหา มวลของธาตุ O 2 อะตอม แล้วจึงคำนวณหามวลอะตอมของธาตุ A ต่อไป วิธีทำ หามวลของธาตุ O มวลของธาตุ O 1 อะตอม = มวลอะตอมของ O X 1.66 X 10–24 g = 15.9994 X 1.66 X 10–24 g มวลของธาตุ O 2 อะตอม = 2 X 15.9994 X 1.66 X 10–24 g ธาตุ A 1 อะตอมมีมวล = 4 เท่าของมวลของ O 2 อะตอม มวลของธาตุ A 1 อะตอม = 4 X 2 X 15.9994 X 1.66 X 10–24 g หามวลอะตอมของธาตุ A มวลอะตอมของธาตุ A = มวลของ A 1 อะตอม (g) 1.66 X 10–24 g = 128 ดังนั้น มวลอะตอมของธาตุ A คือ 128 2) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยัง ไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ 3) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม เช่น - ธาตุไนโตรเจน (N) 1 อะตอม มีมวล 14.00 x 1.66 x 10–24 กรัม ธาตุไนโตรเจนมีมวล อะตอมเท่าใด - ธาตุคลอรีน (Cl) ในธรรมชาติมี 2 ไอโซโทป คือ 35Cl และ 37Cl มีมวลอะตอมเท่ากับ 34.99 และ 36.96 ตามลำดับ ถ้ามวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุคลอรีนเท่ากับ 35.45 จงหาปริมาณร้อยละของธาตุ คลอรีนแต่ละไอโซโทป
5 7) สื่อการเรียนรู้ - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - ใบกิจกรม แบบฝ�กหัด 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. บอกความหมายของมวล อะตอมของธาตุ มวลอะตอม สัมพัทธ์ และมวลอะตอมเฉลี่ยของ ธาตุ (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณมวลอะตอมของธาตุ และมวลอะตอมสัมพัทธ์(P) ตรวจใบงาน แบบฝ�กหัด - ใบงาน - แบบฝ�กหัด นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. คำนวณมวลอะตอมเฉลี่ยของ ธาตุ (P) ตรวจใบงาน แบบฝ�กหัด - ใบงาน - แบบฝ�กหัด นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 4. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
6 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
7 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว31204 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โมลและสูตรเคมี เรื่อง มวลต่อโมล เวลาเรียน 3 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ อธิบายและคำนวณปริมาณใดปริมาณหนึ่งจากความสัมพันธ์ของโมล จำนวนอนุภาค มวล และ ปริมาตรของแก๊สที่ STP 3) สาระสำคัญ มวลโมเลกุลของสาร เป�นอนุภาคของสารที่เกิดจากอะตอมของธาตุมารวมกัน การหามวลโมเลกุลของ สารจะใช้การเปรียบเทียบมวลของสารนั้น 1 โมเลกุล กับมวลของธาตุมาตรฐาน 1 อะตอม สาร 1 โมล หมายถึง ปริมาณสารที่มีจำนวนอนุภาคเท่ากับจำนวนอะตอมของ 12 C ที่มีมวล 12 กรัม แก๊ส 1 โมล มีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร หรือ 22.4 ลิตร ที่ STP สารหนึ่ง ๆ จะมีจำนวนโมล อนุภาค มวล และปริมาตรของสารที่เป�นแก๊สสัมพันธ์กัน 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของโมลและเลขอาโวกาโดร (K) 2. คำนวณมวลโมเลกุลและมวลสูตร(P) 3. ความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A ) 5) สาระการเรียนรู้ โมล คือ หน่วยของปริมาณสารหน่วยหนึ่งที่มีความหมายเช่นเดียวกับกรัมโมเลกุล กรัมอะตอมหรือ กรัมไอออน มีวิธีหาได้ 4 แบบ ดังต่อไปนี้
8 1. จำนวนอนุภาคต่อโมลของสาร สสารทุกชนิด 1 โมลมีจำนวน 6.023 x 10 23 อนุภาค (6.023 x 10 23 คือเลขอาโวกาโดร) อนุภาค คือ อะตอมโมเลกุล ไอออน อิเล็กตรอน เป�นต้น 2. จำนวนโมลกับมวลของสาร โมล = มวลสาร / มวลอะตอมหรือมวลโมเลกุล มวลโมเลกุลหรือมวลอะตอม = มวล( กรัม) 3. ปริมาตรต่อโมลของก๊าซ ก๊าซทุกชนิด 1 โมล มี 22.4 ลูกบาศก์เซนติเมตรที่ STP คือที่อุณหภูมิและความดันมาตรฐาน ( ที่ 0 องศาเซลเซียส 1 บรรยากาศ หรือ 273 เคลวิน 760 มิลลิเมตรของปรอท) ตัวอย่าง เช่น ไอน้ำ 1 โมล มีปริมาตร 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูตรวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับหน่วยวัดปริมาตรในชีวิตประจำวัน เช่น กรัม ลิตร โหล เพื่อ เชื่อมโยงเข้าสู่การบอกปริมาณสารเคมีที่อาจบอกเป�นหน่วยมวล หน่วยปริมาตร หรือหน่วยแสดงจำนวน อนุภาค 2) ครูเชื่อมโยงเข้าสู่หน่วยโมล โดยอธิบายความหมายของโมลที่สัมพันธ์กับเลขอาโวกาโดรหรือค่า คงตัวอาโวกาโดรและให้สังเกตว่า เลขอาโวกาโดรเป�นส่วนกลับของ 1.66 × 10-24ซึ่งเท่ากับ 1 หน่วยมวลอะตอม 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูให้นักเรียนพิจารณาตาราง 4.2 เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า หน่วยโมลสามารถใช้ในการบอก จำนวนอนุภาค ซึ่งอาจเป�นอะตอม ไอออน หรืออื่น ๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของสาร 2) จากนั้นครูอธิบายเกี่ยวกับการหาจำนวนอะตอมหรือไอออนที่เป�นองค์ประกอบของสาร โดย พิจารณาจากสูตรเคมีและความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนโมลและจำนวนอนุภาคของสาร 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) นักเรียนตอบคำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจอะตอมของคาร์บอนในตารางธาตุไม่เท่ากับ 12.0000 แต่เท่ากับ 12.01 จากนั้นยกตัวอย่าง มวลอะตอมของธาตุอื่น ๆ ที่ปรากฏในตารางธาตุเปรียบเทียบ กับค่ามวลอะตอมเฉลี่ยในตาราง 4.1 2) ครูอธิบายว่า เนื่องจากสารมีจำนวนโปรตอนและนิวตรอนไม่เท่ากัน ดังนั้นสารแต่ละชนิด ปริมาณ 1 โมล อาจมีมวลและปริมาตรไม่เท่ากัน โดยใช้รูป 4.1 ประกอบการอธิบาย จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเขียนแฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย จากความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนโมลและจำนวน อนภุาค
9 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูยกตัวอย่างการคำนวณให้นักเรียนศึกษาความสัมพันธ์ในรูปแฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วย ดัง ตัวอย่าง ตัวอย่างที่ 1 น้ำ (H2O) 1 กิโลกรัม มีจำนวนกี่โมเลกุล แนวการวิเคราะห์ โจทย์กำหนดจำนวนมวลของ H2O ต้องการทราบจำนวนโมเลกุล การเปลี่ยนหน่วยมวลให้เป�นโมเลกุล จะใช้อัตราส่วนที่มีหน่วยมวลเป�นส่วน เพื่อให้ตัดกับหน่วยมวลของปริมาณที่โจทย์กำหนด จากมวลเป�นกรัม เท่ากับมวลโมเลกุล ดังนั้น มวลโมเลกุลของ H2O = (2 x 1.0079) + 15.9994 = 18.0152 กรัม แฟคเตอร์ เปลี่ยนหน่วยที่ใช้จึงเป�น H2O 6.02 x 1023 โมเลกุล/ มวลเป�นกรัมของ H2O วิธีทำ โมเลกุลของ H2O = 1,000 g H2O x 6.02 x 1023 molecule H2O 18.0152 g H2O = 3.34 x 1025 molecule ดังนั้น น้ำ (H2O) 1 กิโลกรัม มีจำนวน 3.34 x 1025 โมเลกุล ตัวอย่างที่ 2 แก๊สโอโซน (O3) ปริมาตร 15 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP มีกี่โมล แนวการวิเคราะห์ โจทย์กำหนดปริมาตรของ O3 ต้องการทราบจำนวนโมล การเปลี่ยนหน่วยปริมาตรให้เป�น โมล จะใช้อัตราส่วนที่มีหน่วยปริมาตรเป�นส่วน เพื่อให้ตัดกับหน่วยปริมาตรที่โจทย์กำหนด แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยที่ใช้จึงเป�น O3 1 โมล / แก๊ส O3 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP วิธีทำ จำนวนโมลของ O3 = 15 dm3 O3 ที่ STP x 1 mol O3 22.4 dm3 O3 ที่ STP = 0.6696 mol ดังนั้น แก๊สโอโซน (O3) ปริมาตร 15 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP มี 0.6696 โมล
10 2) ครูให้นักเรียนฝ�กคำนวณหาจำนวนโมลของสารพร้อมกันทั้งชั้นเรียน ดังตัวอย่าง ตัวอย่าง จงคำนวณหาจำนวนโมลของสารต่อไปนี้ - ฮีเลียม (He) 1.024 X 1022 อะตอม - กำมะถัน (S) 1 อะตอม - โพแทสเซียมไอออน (K+ ) 100 ไอออน - น้ำ (H2O) 3.01 X 1024 โมเลกุล วิธีทำ จำนวนโมลของ He = 1.024 X 1022 atom He X 1 mol He 6.02 X 1023 atom He = 0.0170 mol จำนวนโมลของ S = 1 atom S X 1 mol S 6.02 X 1023 atom S = 1.66 X 10–24 mol จำนวนโมลของ K+ = 100 ion K+ X 1 mol K+ 6.02 X 1023 ion K+ = 1.66 X 10–22 mol จำนวนโมลของ H2O = 3.01 X 1024 molecule H2O X 1 mol H2O 6.02 X 1023 molecule H2O = 5 mol 3) ครูให้นักเรียนทำแบบฝ�กหัด 4.2 เพื่อทบทวนความรู้ 4) ครูตั้งคำถามถามว่า คาร์บอน–12 1 โมล มีมวลเท่าใด จากนั้นร่วมกันคำนวณมวลของ คาร์บอน-12 ซึ่งควรตอบได้ว่า 12 กรัม แล้วเชื่อมโยงเข้าสู่การอธิบายความหมายของมวลต่อโมล 5) จากนั้นครูให้นักเรียนพิจารณาตัวอย่างการหามวลต่อโมลของธาตุบางชนิดในตาราง 4.3 เพื่อให้อภิปรายร่วมกันว่า ธาตุ 1 โมล มีมวลเท่าใดในหน่วยกรัม ซึ่งควรได้ข้อสรุปว่า มวลของธาตุ 1 โมล ใน หน่วยกรัม (หรือ มวลต่อโมล) มีค่าเป�นตัวเลขเทา่กับมวลอะตอมของธาตุนั้น 6) จากนั้นครูอธิบายการคำนวณเกี่ยวกับมวลและโมลโดยยกตัวอย่าง 3 ประกอบการอธิบาย 7) ครูอธิบายเกี่ยวกับวิธีคำนวณมวลโมเลกุลและมวลสูตรของสาร ซึ่งหาได้จากผลรวมของมวล อะตอมของธาตุองค์ประกอบตามสูตรเคมี จากนั้นครูอธิบายการคำนวณโดยยกตัวอย่าง 4 และ 5 ประกอบ 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนตอบคำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ และให้นักเรียนทำแบบฝ�กหัด 4.3 เพื่อ ทบทวนความรู้
11 7) สื่อการเรียนรู้ - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - ใบกิจกรม แบบฝ�กหัด 4.3 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายความหมายของโมลและ เลขอาโวกาโดร (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณมวลโมเลกุลและมวล สูตร(P) ตรวจใบงาน แบบฝ�กหัด - ใบงาน - แบบฝ�กหัด นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 4. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
12 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
13 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว31204 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โมลและสูตรเคมี เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างโมล มวล และปริมาตรของแก๊ส เวลาเรียน 3 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ อธิบายและคำนวณปริมาณใดปริมาณหนึ่งจากความสัมพันธ์ของโมล จำนวนอนุภาค มวล และ ปริมาตรของแก๊สที่ STP 3) สาระสำคัญ มวลโมเลกุลของสาร เป�นอนุภาคของสารที่เกิดจากอะตอมของธาตุมารวมกัน การหามวลโมเลกุลของ สารจะใช้การเปรียบเทียบมวลของสารนั้น 1 โมเลกุล กับมวลของธาตุมาตรฐาน 1 อะตอม สาร 1 โมล หมายถึง ปริมาณสารที่มีจำนวนอนุภาคเท่ากับจำนวนอะตอมของ 12 C ที่มีมวล 12 กรัม แก๊ส 1 โมล มีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร หรือ 22.4 ลิตร ที่ STP สารหนึ่ง ๆ จะมีจำนวนโมล อนุภาค มวล และปริมาตรของสารที่เป�นแก๊สสัมพันธ์กัน 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสัมพันธ์ของโมล มวล จำนวนอนุภาค และปริมาตรของแก๊สที่ STP (K) 2. ความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A ) 5) สาระการเรียนรู้ โมล คือ หน่วยของปริมาณสารหน่วยหนึ่งที่มีความหมายเช่นเดียวกับกรัมโมเลกุล กรัมอะตอมหรือ กรัมไอออน มีวิธีหาได้ 3 แบบ ดังต่อไปนี้
14 1. จำนวนอนุภาคต่อโมลของสาร สสารทุกชนิด 1 โมลมีจำนวน 6.023 x 1023 อนุภาค (6.023 x 1023 คือเลขอาโวกาโดร) อนุภาค คือ อะตอมโมเลกุล ไอออน อิเล็กตรอน เป�นต้น 2. จำนวนโมลกับมวลของสาร โมล = มวลสาร / มวลอะตอมหรือมวลโมเลกุล มวลโมเลกุลหรือมวลอะตอม = มวล( กรัม) 3. ปริมาตรต่อโมลของก๊าซ ก๊าซทุกชนิด 1 โมล มี 22.4 ลูกบาศก์เซนติเมตรที่ STP คือที่อุณหภูมิและความดันมาตรฐาน ( ที่ 0 องศาเซลเซียส 1 บรรยากาศ หรือ 273 เคลวิน 760 มิลลิเมตรของปรอท) ตัวอย่าง เช่น ไอน้ำ 1 โมล มีปริมาตร 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูอธิบายเกี่ยวกับการวัดปริมาณสารที่มีสถานะแก๊สซึ่งนิยมวัดในหน่วยปริมาตร ซึ่งต้องระบุ อุณหภูมิและความดัน รวมทั้งอุณหภูมิและความดันที่ภาวะมาตรฐานของแก๊สหรือที่ STP 2) ครูให้นักเรียนพิจารณาตาราง 4.4 ที่แสดงมวลของแก๊สบางชนิดปริมาตร 1 ลิตรที่ STP แล้ว ใช้คำถามว่า - แก๊ส 1 โมลมีปริมาตรเท่าใดที่ STP แนวตอบ แก๊สใด ๆ 1 โมลมีปริมาตร 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตรหรือ 22.4 ลิตรที่ STP 3) ครูแสดงการคำนวณปริมาตรของแก๊สฮีเลียม 1 โมล ซึ่งมีมวล 0.179 กรัมประกอบการอธิบาย 4) ครูให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโมล จำนวนอนุภาค มวลและปริมาตร ของแก๊สที่ STP ซึ่งควรสรุปได้ว่า 1 โมลมี6.02 × 1023 อนภุาค และมีมวลเป�นกรัมเท่ากับมวลต่อโมลของสารนั้น และถ้าเป�นแก๊สจะมีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลิตรที่STP ตามรูป 4.2 จากนั้นครูอธิบายการคำนวณปริมาณสารใน หน่วยต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับโมลโดยยกตัวอย่าง 6 ประกอบ 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ครูให้นักเรียนจับคู่กันและทำกิจกรรม 4.1 เพื่อสร้างโจทย์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง โมล จำนวนอนุภาค มวล ความหนาแน่น และปริมาตรของแก๊สที่ STP ของสารที่เป�นแก๊ส 1 โมล โดยเริ่มที่กำหนด และเขียนสูตรเคมีและจำนวนโมลของแก๊สก่อน แล้วคำนวณมวลจำนวนอนุภาคและปริมาตรที่ STP แล้วใส่ ตัวเลขที่ได้ลงไปแต่ละหน้าของลูกบาศก์ 2) จากนั้นนักเรียนแลกลูกบาศก์กับเพื่อนเพื่อเติมความหนานแน่นที่ STP ทั้งนี้สามารถให้ นักเรียนเว้นข้อมูลเพิ่มเติมหรือกำหนดข้อมูลที่ยากขึ้นแล้วให้นักเรียนทำกิจกรรมเหมือนเดิม
15 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปความสัมพันธ์ระหว่างโมล มวล จำนวนอนุภาคและ ปริมาตรของแก๊สที่ STP รวมทั้งความหนาแน่นที่ STP เมื่อทราบสูตรเคมีและจำนวนโมลของแก๊สจะสามารถคำนวณมวล จำนวนอนุภาค และ ปริมาตรที่ STP ได้ โดยใช้ความสัมพันธ์ สาร 1 โมล มี 6.02 × 1023 อนุภาค ซึ่งมีมวลเป�นกรัมเท่ากับมวลต่อ โมลของสารนั้น และถ้าสารเป�นแก๊สจะมีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลิตร ที่ STP นอกจากนี้เมื่อทราบมวลและ ปริมาตรจะสามารถคำนวณความหนาแน่นของแก๊ส ที่ STP ได้ 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเพื่อสรุปความสัมพันธ์ระหว่างโมล มวล จำนวนอนุภาคและ ปริมาตรของแก๊สที่ STP รวมทั้งความหนาแน่นที่ STP 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนตอบคำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ และให้นักเรียนทำแบบฝ�กหัด 4.4 เพื่อ ทบทวนความรู้ 7) สื่อการเรียนรู้ - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - ใบกิจกรม แบบฝ�กหัด 4.4 - กระดาษแข็ง ปากกาเมจิก กระดาษ กาว 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายความสัมพันธ์ของโมล มวล จำนวนอนุภาค และปริมาตร ของแก๊สที่ STP (K) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
16 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
17 ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6
17 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว31204 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โมลและสูตรเคมี เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างโมล มวล และปริมาตรของแก๊ส (2) เวลาเรียน 3 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ อธิบายและคำนวณปริมาณใดปริมาณหนึ่งจากความสัมพันธ์ของโมล จำนวนอนุภาค มวล และ ปริมาตรของแก๊สที่ STP 3) สาระสำคัญ มวลโมเลกุลของสาร เป�นอนุภาคของสารที่เกิดจากอะตอมของธาตุมารวมกัน การหามวลโมเลกุลของ สารจะใช้การเปรียบเทียบมวลของสารนั้น 1 โมเลกุล กับมวลของธาตุมาตรฐาน 1 อะตอม สาร 1 โมล หมายถึง ปริมาณสารที่มีจำนวนอนุภาคเท่ากับจำนวนอะตอมของ 12 C ที่มีมวล 12 กรัม แก๊ส 1 โมล มีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร หรือ 22.4 ลิตร ที่ STP สารหนึ่ง ๆ จะมีจำนวนโมล อนุภาค มวล และปริมาตรของสารที่เป�นแก๊สสัมพันธ์กัน 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. คำนวณปริมาณสารจากความสัมพันธ์ของโมล มวล จำนวนอนุภาคและปริมาตรของแก๊สท ่ีSTP(P) 2. ความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A ) 5) สาระการเรียนรู้ ความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนโมล อนุภาค มวล และปริมาตร สาร 1 โมลจะมีมวลเป�นกรัมเท่ากับมวลอะตอมและมีจำนวนอนุภาคเท่ากับ 6.023 x 10 23 อนุภาค และถ้าสารนั้น เป�นก๊าซที่ STP จะมีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร
18 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างหน่วยต่าง ๆ ที่ใช้บอกปริมาณสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และ หน่วยที่ใช้ในการบอกปริมาณสิ่งของจำนวนมาก โดยครูใช้คำถามกระตุ้นดังนี้ - หน่วยที่ใช้บอกปริมาณสิ่งของในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง - หน่วยที่ใช้บอกปริมาณสิ่งของที่มีจำนวนมาก เช่น 12 ชิ้น หรือ 144 คือหน่วยอะไร 2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเกี่ยวกับคำถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน เพื่อ เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง โมล 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ให้นักเรียนศึกษาหน่วยบอกปริมาณสารในหน่วยโมล จากใบความรู้โดยครูอธิบายให้นักเรียน เข้าใจว่า การบอกปริมาณสารเคมีคล้ายกับการบอกปริมาณของสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งอาจบอกเป�นหน่วยมวล หน่วย ปริมาตร หรือหน่วยแสดงจำนวนอนุภาคของสารได้ แต่เนื่องจากสารประกอบด้วยอนุภาคที่มีขนาดเล็กและมี จำนวนมาก นักเคมีจึงกำหนดหน่วยแสดงจำนวนอนุภาคของสารเป�นหน่วยโมลแทน โดยสาร 1 โมล หมายถึง ปริมาณสารที่มีจำนวนอนุภาคเท่ากับจำนวนอะตอมของ 12C ที่มีมวล 12 กรัม หรือ สาร 1 โมล เป�นปริมาณ สารที่มีจำนวนอนุภาค 6.02 x 1023 อนุภาค ซึ่งเรียกจำนวนนี้ว่า เลขอาโวกาโดร (Avogadro’ number) สามารถเขียนแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนโมลกับจำนวนอนุภาคของสารได้ดังนี้ สาร 1 โมล หรือ สาร 6.02 x 1023 อนุภาค สาร 6.02 x 1023 อนุภาค สาร 1 โมล 2) ครูยกตัวอย่างให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย - ธาตุเช่น Na 1 โมล มีจำนวน 6.023 x 10 23 โมเลกุล หรือ 6.023 x 10 23 อะตอม Na + 1 โมล มีจำนวน 6.023 x 10 23 ไอออน Cl2 1 โมล มีจำนวน 6.023 x 10 23 โมเลกุล หรือ 2 x 6.023 x 10 23 อะตอม ( 1 โมเลกุล มี 2 อะตอม), Cl - 1 โมล มีจำนวน 6.023 x 10 23 ไอออน
19 - สารประกอบ เช่น SO3 1 โมล มีจำนวน 6.023 x 10 23 โมเลกุล หรือ 4 x 6.023 x 10 23 อะตอม (SO 3 1 โมเลกุลประกอบด้วย H 2 อะตอม S 1 อะตอม และ O 4 อะตอม รวม เป�น 7 อะตอม) ตัวอย่าง เช่น O2 1 โมล หนัก 32 กรัม จงหามวลโมเลกุลของก๊าซออกซิเจน เมื่อ กำหนดให้มวลอะตอมของ O = 16 วิธีทำ 1 โมล = 32 / มวลโมเลกุลของก๊าซออกซิเจน มวลโมเลกุลของก๊าซออกซิเจน = 32 g ดังนั้น มวลโมเลกุลของก๊าซออกซิเจน = 32 จะเห็นว่ามวลโมเลกุลของก๊าซออกซิเจนมีค่าเท่ากับน้ำหนักของก๊าซออกซิเจน 3) ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า มวลต่อโมล คือ มวลหรือน้ำหนักของสารซึ่งอยู่ในรูปอะตอม ไอออน หรือโมเลกุลใด ๆ ของจำนวนอนุภาค 6.02 x 1023อนุภาค ซึ่งสรุปได้ว่าสารใด ๆ ที่มีปริมาณ 6.02 x 1023อนุภาคหรือ โมเลกุล จะมีมวลเป�นกรัมเท่ากับมวลอะตอมหรือมวลโมเลกุลของสารนั้น ส่วนสารที่มีองค์ประกอบเป�นไอออน จะมีมวลเป�นกรัมของไอออนของธาตุใด ๆ เท่ากับมวลอะตอมของธาตุนั้น 4) ยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณเพิ่มเติมและให้นักเรียนได้ลงมือทำเพื่อฝ�กทักษะการคิดคำนวณ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่างที่ 1 โซเดียม (Na) มีมวลอะตอม 22.9898 ดังนั้น Na 1 โมล หรือ 6.02 x 1023 อะตอม จะ มีมวล 22.9898 กรัม ตัวอย่างที่ 2 แก๊สคลอรีน (Cl2) มีมวลโมเลกุล 70.9064 ดังนั้น Cl2 1 โมล หรือ 6.02 x 1023 โมเลกุล จะมีมวล 70.9064 กรัม ตัวอย่างที่ 3 ไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) 1 โมล = มวลของ H+ 1 mol + มวลของ Cl– 1 mol = 1.0079 g + 35.4532 g = 36.4611 g 5) ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่าในการบอกปริมาณสารเคมีจะต้องระบุหน่วยที่ใช้ให้ชัดเจน เพื่อ สื่อความหมายให้เข้าใจตรงกัน โดยในการคำนวณเกี่ยวกับปริมาณสารเคมีจึงมักมีการแปลงโมลไปเป�นอนุภาค มวล และปริมาตรของแก๊สที่ STP ได้โดยที่ไม่ทำให้ปริมาณเดิมของสารเปลี่ยนแปลงไป เรียกอัตราส่วนที่ใช้ แปลงหน่วยนี้ว่า แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วย (coversion factor) แล้วยกตัวอย่างการคำนวณให้นักเรียนศึกษา ความสัมพันธ์ในรูปแฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วย ดังตัวอย่าง ตัวอย่างที่ 1 น้ำ (H2O) 1 กิโลกรัม มีจำนวนกี่โมเลกุล แนวการวิเคราะห์ โจทย์กำหนดจำนวนมวลของ H2O ต้องการทราบจำนวนโมเลกุล การเปลี่ยนหน่วยมวลให้ เป�นโมเลกุล จะใช้อัตราส่วนที่มีหน่วยมวลเป�นส่วน เพื่อให้ตัดกับหน่วยมวลของปริมาณที่โจทย์กำหนด จาก
20 มวลเป�นกรัมเท่ากับมวลโมเลกุล ดังนั้น มวลโมเลกุลของ H2O = (2 x 1.0079) + 15.9994 = 18.0152 กรัม แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยที่ใช้จึงเป�น H2O 6.02 x 1023 โมเลกุล/ มวลเป�นกรัมของ H2O วิธีทำ โมเลกุลของ H2O = 1,000 g H2O x 6.02 x 1023 molecule H2O 18.0152 g H2O = 3.34 x 1025 molecule ดังนั้น น้ำ (H2O) 1 กิโลกรัม มีจำนวน 3.34 x 1025 โมเลกุล ตัวอย่างที่ 2 แก๊สโอโซน (O3) ปริมาตร 15 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP มีกี่โมล แนวการวิเคราะห์ โจทย์กำหนดปริมาตรของ O3 ต้องการทราบจำนวนโมล การเปลี่ยนหน่วยปริมาตรให้เป�น โมล จะใช้อัตราส่วนที่มีหน่วยปริมาตรเป�นส่วน เพื่อให้ตัดกับหน่วยปริมาตรที่โจทย์กำหนด แฟคเตอร์เปลี่ยน หน่วยที่ใช้จึงเป�น O3 1 โมล / แก๊ส O3 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP วิธีทำ จำนวนโมลของ O3 = 15 dm3 O3 ที่ STP x 1 mol O3 22.4 dm3 O3 ที่ STP = 0.6696 mol ดังนั้น แก๊สโอโซน (O3) ปริมาตร 15 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP มี 0.6696 โมล 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปนี้ - แฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยคืออะไร แนวตอบ อัตราส่วนที่ใช้สำหรับเปลี่ยนหน่วย โดยเมื่อนำไปคูณกับปริมาณที่มี หน่วยเหมือนส่วนแล้วจะได้หน่วยใหม่ที่มีปริมาณไม่เปลี่ยนแปลงไป - โมลกับปริมาตรของแก๊สที่ STP มีความสัมพันธ์ในรูปแฟคเตอร์เปลี่ยนหน่วยใน ลักษณะใด แก๊ส 1 โมล หรือ แก๊ส 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP แก๊ส 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP
21 2) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยให้ได้ข้อสรุปว่า จำนวนโมล อนุภาค มวล และปริมาตรของแก๊สจะมีความสัมพันธ์กัน โดยสาร 1 โมล มีจำนวน 6.02 x 1023 อนุภาค มี มวลเป�นกรัมเท่ากับมวลอะตอมของธาตุหรือมวลโมเลกุลของสาร และสารที่เป�นแก๊สจะมีปริมาตรเท่ากับ 22.4 ลูกบาศก์เดซิเมตร ที่ STP 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูให้นักเรียนฝ�กคำนวณหาจำนวนโมลของสารพร้อมกันทั้งชั้นเรียน ดังตัวอย่าง ตัวอย่าง จงคำนวณหาจำนวนโมลของสารต่อไปนี้ - ฮีเลียม (He) 1.024 X 1022 อะตอม - กำมะถัน (S) 1 อะตอม - โพแทสเซียมไอออน (K+ ) 100 ไอออน - น้ำ (H2O) 3.01 X 1024 โมเลกุล วิธีทำ จำนวนโมลของ He = 1.024 X 1022 atom He X 1 mol He 6.02 X 1023 atom He = 0.0170 mol จำนวนโมลของ S = 1 atom S X 1 mol S 6.02 X 1023 atom S = 1.66 X 10–24 mol จำนวนโมลของ K+ = 100 ion K+ X 1 mol K+ 6.02 X 1023 ion K+ = 1.66 X 10–22 mol จำนวนโมลของ H2O = 3.01 X 1024 molecule H2O X 1 mol H2O 6.02 X 1023 molecule H2O = 5 mol 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด ใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ 2) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม เช่น ตัวอย่าง จงหาปริมาตรที่ STP ของก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) 7.3 กรัม
22 7) สื่อการเรียนรู้ - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - ใบกิจกรม แบบฝ�กหัด 4.4 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. คำนวณปริมาณสารจาก ความสัมพันธ์ของโมล มวล จำนวน อนุภาค และปริมาตรของแก๊สที่ STP (P) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
23 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
35 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว31204 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โมลและสูตรเคมี เรื่อง สูตรอย่างง่าย เวลาเรียน 3 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ คำนวณสูตรอย่างง่ายและสูตรโมเลกลุของสาร 3) สาระสำคัญ . มวลเป�นร้อยละจากสูตรหาได้จาก มวลของธาตุ x 100 มวลของสารประกอบ สูตรเอมพิริคัลสามารถคำนวณหาได้จากการคำนวณหาโมลอะตอม สูตรโมเลกุลสามารถคำนวณหาได้จาก (มวลสูตรเอมพิริคัล)n = มวลโมเลกุล 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. คำนวณสูตรอย่างง่ายจากอัตราส่วนโดยโมลของธาตุองค์ประกอบ ( P ) 2. คำนวณสูตรโมเลกลุของสาร จากสูตรอย่างง่ายและมวลโมเลกลุของสาร ( P ) 3. ความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A ) 5) สาระการเรียนรู้ สูตรโมเลกุลนอกจากจะใช้คำนวณมวลโมเลกุลของสารประกอบแล้ว ยังสามารถนำมาคำนวณหามวล เป�นรอยละของธาตุต่างๆ ในสารประกอบได้ โดยทั่วๆไปการคำนวณร้อยละของสารประกอบนอกจากจะคำนวณโดยการเทียบบัญญัติไตรยางค์แล้ว ยังอาจจะพิจารณาได้จากสูตร
36 %A = T A w w x 100 %A = ร้อยละของ A wA = มวลของ A wT = มวลของสารทั้งหมด ในกรณีที่เป�นการคำนวณร้อยละของธาตุ สามารถจะนำมาเขียนใหม่เป�น % ของธาตุ A = มวลโมเลกุลของสาร มวลของ A ใน 1 โมล x 100 โดยทั่วๆ ไปการคำนวณร้อยละของธาตุควรจะทราบสูตรโมเลกุลของสารและมวลอะตอมของธาตุ เพื่อ หามวลของธาตุและมวลโมเลกุลของสาร ในกรณีที่โจทย์กำหนดสูตรของสารประกอบให้หรือกำหนดข้อมูลที่จะใช้คำนวณสูตรโมเลกุลให้จะ สามารถนำมาคำนวณร้อยละได้โดยตรง แต่ถ้าไม่กำหนดสูตรของสารประกอบให้อาจจะต้องใช้โมล หรือ ปฏิกิริยาเคมีเข้าช่วย 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนเรื่องสูตรของสารประกอบไอออนิก และสารโคเวเลนต์ที่ นักเรียนได้เรียนรู้มาแล้ว โดยใช้คำถามกระตุ้นดังนี้ - หลักการเขียนสูตรของสารประกอบไอออนิกมีอะไรบ้าง - สูตรเอมพิริคัลของสารประกอบไอออนิกคืออะไร - หลักการเขียนสูตรของสารโคเวเลนต์มีอะไรบ้าง 2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเกี่ยวกับคำถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน เพื่อ เชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง การคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) ให้นักเรียนศึกษาการคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี (1) จากใบความรู้ โดยครูอธิบายให้นักเรียน เข้าใจว่า เพื่อป้องกันความสับสนนักวิทยาศาสตร์จึงได้กำหนดให้ใช้สูตรเคมีแทนโมเลกุลของธาตุหรือ สารประกอบ โดยสูตรเคมีของสารใด ๆ จะประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ของธาตุที่เป�นองค์ประกอบและตัวเลขที่ แสดงจำนวนอะตอมของแต่ละธาตุที่เป�นองค์ประกอบของสารนั้น ดังนั้นเมื่อรู้สูตรเคมีของสารจะทำให้รู้ข้อมูล ต่าง ๆ เช่น ธาตุที่เป�นองค์ประกอบ จำนวนโมล มวล และปริมาณสารองค์ประกอบที่ STP ได้
37 2) ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่าสูตรเคมีจะมี 3 ลักษณะ คือ - สูตรเอมพิริคัลหรือสูตรอย่างง่าย เป�นสูตรที่แสดงอัตราส่วนอย่างต่ำของธาตุที่เป�น องค์ประกอบใน 1 โมเลกุล - สูตรโมเลกุล เป�นสูตรที่แสดงจำนวนอะตอมของธาตุองค์ประกอบที่มีอยู่จริงใน 1 โมเลกุล ซึ่งในบางครั้งอาจเป�นสูตรเดียวกับสูตรเอมพิริคัลได้ - สูตรโครงสร้าง เป�นสูตรที่แสดงการจัดเรียงอะตอมของธาตุองค์ประกอบที่มีอยู่จริงใน 1 โมเลกุล 3) ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่าการรู้สูตรโมเลกุลของสาร นอกจากจะสามารถนำมาคำนวณหา มวลอะตอมและมวลโมเลกุลได้ตามที่นักเรียนได้เรียนรู้มาแล้ว ยังสามารถนำมาคำนวณหามวลเป�นร้อยละของ ธาตุที่เป�นองค์ประกอบได้ โดยการคำนวณหาว่าใน 1 โมลของสารมีธาตุองค์ประกอบแต่ละชนิดอยู่ร้อยละ เท่าใด ซึ่งสามารถคำนวณหาได้โดยใช้ความสัมพันธ์ดังนี้ ร้อยละของธาตุ A ในสารประกอบ = มวลของธาตุ A x 100 มวลของสารประกอบ 4) ครูยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณเพิ่มเติมและให้นักเรียนได้ลงมือทำเพื่อฝ�กทักษะการคิด คำนวณ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่างที่ 1 จงคำนวณหามวลร้อยละของธาตุแคลเซียม (Ca) ในแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) แนวการวิเคราะห์ คำนวณหามวลโมเลกุลของ CaCO3ก่อน แล้วจึงคำนวณหามวลร้อยละของ Ca ใน CaCO3 จากสูตร วิธีทำ มวลโมเลกุลของ CaCO3 = (1 x 40.0784) + (1 x 12.0108) + (3 x 15.9994) = 100.0874 g CaCO3 1 โมล มีธาตุ Ca 1 โมล มีมวล 1 x 40.0784 = 40.0784 กรัม มวลร้อยละของ Ca ใน CaCO3 = 40.0784 g Ca x 100 100.0874 g CaCO3 = 40.0434 ดังนั้น CaCO3 1 โมล มีธาตุ Ca อยู่ร้อยละ 40.0434
38 ตัวอย่างที่ 2 จงคำนวณหามวลเป�นร้อยละของธาตุกำมะถัน (S) ในโซเดียมไฮโดรเจนซัลเฟต (NaHSO3) แนวการวิเคราะห์ คำนวณหามวลโมเลกุลของ NaHSO3ก่อน แล้วจึงคำนวณหามวลร้อยละของ S ใน NaHSO3จากสูตร วิธีทำ มวลโมเลกุลของ NaHSO3 = (1 x 22.9898) + (1 x 1.0079) + (1 x 32.0655) + (3 x 15.9994) = 104.0614 g NaHSO31 โมล มีธาตุS 1 โมล มีมวล 1 x 32.0655 = 32.0655 กรัม มวลร้อยละของ S ใน NaHSO3 = 32.0655 g S x 100 104.0614 g NaHSO3 = 30.8140 ดังนั้น NaHSO3 1 โมล มีธาตุS อยู่ร้อยละ 30.8140 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) ครูให้นักเรียนพิจารณาสูตรโมเลกุลและสูตรเอมพิริคัลของสารบางชนิดในตาราง 4.6 แล้ว อภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับสูตรโมเลกุลและสูตรเอมพิริคัลของสารโคเวเลนต์และสารประกอบไอออนิก ซึ่งควรได้ ข้อสรุปดังนี้ - สารโคเวเลนต์มีทั้งสูตรโมเลกุลและสูตรเอมพิริคัล ซึ่งอาจเหมือนหรือต่างกัน - ทั้งสูตรโมเลกุลและสูตรเอมพิริคัล ซึ่งอาจเหมือนกันหรือต่างกัน - สารประกอบไอออนิกมีแต่สูตรเอมพิริคัล - สารโคเวเลนต์บางชนิดมีสูตรโมเลกุลต่างกันแต่มีสูตรเอมพิริคัลเหมือนกัน 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูให้นักเรียนฝ�กคำนวณหามวลเป�นร้อยละจากสูตรพร้อมกันทั้งชั้นเรียน ดังตัวอย่าง ตัวอย่าง จงคำนวณหามวลเป�นร้อยละของธาตุคาร์บอน (C) ที่เป�นองค์ประกอบอยู่ในกรด ออกซาลิก (C2H2O4) และคาร์บอนเตตระคลอไรด์ (CCl4) แนวการวิเคราะห์ คำนวณหามวลโมเลกุลของ C2H2O4 และ CCl4 ก่อนแล้วจึงคำนวณหามวลเป�นร้อยละของ ธาตุ C จากสูตร
39 วิธีทำ คำนวณหามวลเป�นร้อยละของธาตุ C ใน C2H2O4 มวลโมเลกุลของ C2H2O4 = (2 X 12.0108) + (2 X 1.0079) + (4 X 32.0655) = 90.0350 C2H2O4 1 โมล มีธาตุ C 2 โมล มีมวล 2 X 12.0108 = 24.0216 กรัม มวลร้อยละของ C ใน C2H2O4 = 24.0216 g C 90.0350 g C2H2O4 = 26.6803 คำนวณหามวลเป�นร้อยละของธาตุ C ใน CCl4 มวลโมเลกุลของ CCl4 = (1 X 12.0108) + (4 X 35.4532) = 153.8236 CCl4 1 โมล มีธาตุ C 1 โมล มีมวล 1 X 12.0108 = 12.0108 กรัม มวลร้อยละของ C ใน CCl4 = 12.0108 g C 153.8236 g CCl4 = 7.80816 ดังนั้น C2H2O4 ประกอบด้วย C ร้อยละ 26.6803 ส่วน CCl4 ประกอบด้วย C ร้อยละ 7.80816 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ ยังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามีครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ 2) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม เช่น - จงคำนวณหามวลร้อยละของแบเรียม (Ba) ในแบเรียมซัลเฟต (BaSO4) - จงคำนวณหามวลร้อยละของน้ำ (H2O) ในโพแทสเซียมอะลูมิเนียม (III) ซัลเฟตโดเดคะไฮ เดรต (KAl(SO4)2.12H2O) 3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการคำนวณเกี่ยวกับสูตรเคมี (1) โดยร่วมกันเขียนเป�น แผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์ 4) ครูให้นักเรียนทำแบบฝ�กหัด 4.7 เพื่อทบทวนความรู้ 7) สื่อการเรียนรู้ - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - ใบกิจกรม แบบฝ�กหัด 4.7 X 100 X 100
40 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายความหมายของสูตร อย่างง่ายและสูตรโมเลกุลของสาร ( K ) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณมวลเป�นร้อยละของธาตุ องค์ประกอบ ( P ) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
41 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
29 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว31204 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โมลและสูตรเคมี เรื่อง ร้อยละโดยมวล เวลาเรียน 3 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ คำนวณสูตรอย่างง่ายและสูตรโมเลกลุของสาร 3) สาระสำคัญ ผลได้เป�นร้อยละ (percentage yield) เป�นอัตราส่วนระหว่างผลได้จริงกับผลได้ตามทฤษฎีในรูปของร้อยละ 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของสูตรอย่างง่ายและสูตรโมเลกุลของสาร ( K ) 2. คำนวณมวลเป�นร้อยละของธาตุองค์ประกอบ ( P ) 3. ความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A ) 5) สาระการเรียนรู้ ร้อยละของผลได้ของสารผลิตภัณฑ์ ในการคำนวณหาปริมาณของผลิตภัณฑ์จากสมการเคมีนั้น ค่าที่ ได้เรียกว่า ผลได้ตามทฤษฎี (Theoretical yield) แต่ในทางปฏิบัติจะได้ผลิตภัณฑ์น้อยกว่าตามทฤษฎี แต่จะ ได้มากหรือน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการและสารเคมีที่ใช้ เรียกผลที่ได้ว่านี้ผลได้จริง (Actual yield) สำหรับ การรายงานผล การทดลองนั้น จะเปรียบเทียบค่าที่ได้ตามทฤษฎีในรูปร้อยละ ซึ่งจะได้ความสัมพันธ์ดังนี้
30 6) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 6.1 ขั้นสร้างความสนใจ 1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยการพูดคุยซักถามเกี่ยวกับผลได้เป�นร้อยละ โดยใช้ คำถามกระตุ้น ดังนี้ - นักเรียนคิดว่าเมื่อสารเริ่มต้นที่มีปริมาณพอดีกันทำปฏิกิริยากัน สารเริ่มต้นจะเปลี่ยนเป�น ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดหรือไม่ - นักเรียนคิดว่าผลได้ตามทฤษฎีและผลได้จริงคืออะไร และมีความแตกต่างกันในลักษณะใด - นักเรียนคิดว่ามีสาเหตุใดบ้างที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงไม่เป�นไปตามการคำนวณ 2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเกี่ยวกับคำถามตามความคิดเห็นของนักเรียนแต่ละคน 6.2 ขั้นสำรวจและค้นหา 1) นักเรียนศึกษาผลได้เป�นร้อยละจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเข้าใจว่า ในทางปฏิบัติ เมื่อเราให้สารเริ่มต้นทำปฏิกิริยากันในห้องปฏิบัติการปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ได้ จะมีค่าน้อยกว่าปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการคำนวณเสมอ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการแยกผลิตภัณฑ์ออก จากระบบไม่หมด ผลิตภัณฑ์ที่ได้ทำปฏิกิริยากันเอง หรือผลิตภัณฑ์สามารถย้อนกลับไปเป�นสารเริ่มต้นได้ เพื่อ แสดงประสิทธิภาพของปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นอาจแสดงในรูปของร้อยละของผลได้จริงกับผลได้ตามทฤษฎี เรียกว่า ผลได้เป�นร้อยละ (percentage yield) ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ได้ดังสมการ ผลได้เป�นร้อยละ = × 100 2) ครูยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณหาผลได้เป�นร้อยละ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน รายวิชา เพิ่มเติม เคมี เล่ม 2 โดยครูยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณเพิ่มเติมเพื่อให้นักเรียนได้ลงมือทำและฝ�กทักษะการ คิดคำนวณ โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ผลได้จริงและผลได้ตามทฤษฎีอาจเป�นปริมาณในหน่วยโมล น้ำหนัก หรือปริมาณใดก็ได้แต่จะต้องเป�นหน่วยเดียวกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่าง เมื่อเผาเอทิลีน (C2H4) ในอากาศจะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และไอน้ำเป�นผลิตภัณฑ์ ดัง สมการเคมีต่อไปนี้ C2H4(g) + O2(g) → CO2 (g) + H2O(g) ถ้าเผาเอทิลีน 12.0 กรัม กับแก๊สออกซิเจน 12.0 กรัม ปรากฏว่าผลได้เป�นร้อยละของแก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับ 85 ปฏิกิริยาเคมีนี้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จริงเท่าใด ผลได้จริง ผลได้ตามทฤษฎี
31 วิธีทำ แนวการวิเคราะห์ พิจารณาว่าสมการเคมีผ่านการดุลสมการอย่างถูกต้องหรือไม่ จากนั้น คำนวณหาสารกำหนดปริมาณ แล้วจึงหาว่าผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นมีปริมาณเท่าใด เมื่อได้ค่าของผลได้ตามทฤษฎี แล้ว ก็จะสามารถหาผลได้จริงได้ ดุลสมการเคมี C2H4(g) + 3O2(g) → 2CO2 (g) + 2H2O(g) จำนวนโมลโมเลกุล 1 3 2 มวล (g) 1 × 28 3 × 32 2 × 44 C2H4 12 g ทำปฏิกิริยาพอดีกับ O2 = 12 g C2H4 × 96 g O2 28 g C2H4 = 41.14 g C2H4 12 g ทำปฏิกิริยาพอดีกับ O2 41.14 g แต่ในปฏิกิริยาเคมีมีO2 เพียง 12 กรัม ดังนั้น O2 จึง ไม่ใช่สารกำหนดปริมาณ O2 12 g ทำปฏิกิริยาพอดีกับ C2H4 = 12 g O2 × 28 g C2H4 96 g O2 = 3.5 g C2H4 O2 12 g ทำปฏิกิริยาพอดีกับ C2H4 3.5 g ในปฏิกิริยาเคมีนี้จะมีC2H4 มากเกินพอ ดังนั้น O2 จึงเป�น สารกำหนดปริมาณ ผลได้ตามทฤษฎีของ CO2 = 12 g O2 × 88 g CO2 96 g O2 = 11 g ดังนั้น ผลได้ตามทฤษฎีของแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับ 11 กรัม ผลได้เป�นร้อยละของ CO2 = × 100 85 = ผลได้จริง × 100 11 ผลได้จริง = 85 × 11 100 = 9.35 ดังนั้น ปฏิกิริยาเคมีนี้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จริง 9.35 กรัม ผลได้จริง ผลได้ตามทฤษฎี
32 6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 1) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปเกี่ยวกับการคำนวณหาผลได้เป�นร้อยละจาก การปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี้ - ผลได้จริงมักมีค่ามากหรือน้อยหว่าผลได้ตามทฤษฎี แนวตอบ มีค่าน้อยกว่า - ผลได้เป�นร้อยละที่มีค่าสูงแสดงถึงอะไร แนวตอบ ประสิทธิภาพในการเกิดปฏิกิริยาเคมีจริงที่มีค่าสูง 2) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปผล โดยให้ได้ข้อสรุปว่า ผลได้เป�นร้อยละเป�นการรายงานปริมาณ ผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงของปฏิกิริยาเคมีเพื่อแสดงประสิทธิภาพของปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นซึ่งแสดงในรูปของร้อย ละของผลได้จริงกับผลได้ตามทฤษฎี 6.4 ขั้นขยายความรู้ 1) ครูให้นักเรียนฝ�กคำนวณเกี่ยวกับผลได้เป�นร้อยละเพิ่มเติม ครูอาจใช้โจทย์จากพัฒนาสู่ทักษะ ในหนังสือเรียนหรือครูกำหนดขึ้นเอง โดยให้นักเรียนออกมาแสดงการคำนวณหน้าห้องเรียนหรือทำเป�น การบ้านส่งครู 6.5 ขั้นประเมินผล 1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุด ใดบ้างที่ยังไม่เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามีครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ 2) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม เช่น - AgNO3 + CaCl2 → Ca(NO3)2 + AgCl จากสมการจะต้องใช้ CaCl2 กี่กรัมจึงจะเกิดปฏิกิริยากับ AgNO3จำนวนมากเกินพอ แล้วได้ AgCl จำนวน 10.0 กรัม และถ้าผลได้ร้อยละของ AgCl เท่ากับ 70.25 แสดงว่ามีAgCl เกิดขึ้นจริงเท่าใด 7) สื่อการเรียนรู้ - http://pandora55.exteen.com - http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewbulletin/ - ใบกิจกรม แบบฝ�กหัด 4.6
33 8) กระบวนการวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. อธิบายความหมายของสูตร อย่างง่ายและสูตรโมเลกุลของสาร ( K ) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 2. คำนวณมวลเป�นร้อยละของธาตุ องค์ประกอบ ( P ) สังเกตพฤติกรรมการ ปฏิบัติงานกลุ่ม แบบสังเกต พฤติกรรม การปฏิบัติงานกลุ่ม นักเรียนสามารถผ่าน เกณฑ์การประเมิน ร้อยละ 80 ขึ้นไป 3. มีความใจกว้างและใช้ วิจารณญาณ (A) การสังเกตพฤติกรรม ในชั้นเรียน แบบประเมินด้าน พฤติกรรม นักเรียนสามารถทำงาน ได้อยู่ในช่วงคะแนนระดับ ดีขึ้นไป
34 9.บันทึกผลหลังการสอน ผลการจัดการเรียนการสอน/ป�ญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ______________________________(ผู้สอน) (นางป�ยะอนงค์ นิศาวัฒนานันท์ ) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 กลุ่มที่ รายการประเมิน/คะแนน รวม ผ่าน/ ความใจกว้าง การใช้วิจารณญาณ ไม่ผ่าน 3 2 1 0 3 2 1 0 6 1 2 3 4 5 6
24 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ 5 รหัสวิชา ว31204 วิชาเคมีเพิ่มเติม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง โมลและสูตรเคมี เรื่อง กฎสัดส่วนคงที่ เวลาเรียน 3 ชั่วโมง 1) มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2. 1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 8.1 : ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ป�ญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและ ตรวจสอบได้ ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้นๆ เข้าใจว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และ สิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน 2) ผลการเรียนรู้ คำนวณอัตราส่วนโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงที่ 3) สาระสำคัญ กฎสัดส่วนคงที่ มีใจความสำคัญว่า อัตราส่วนโดยมวลของธาตุที่รวมกันเป�นสารประกอบจะมีค่าคงที่เสมอ 4) จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. คำนวณอัตราส่วนโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดส่วนคงที่ (K ) 2. ความใจกว้างและการใช้วิจารณญาณ (A ) 5) สาระการเรียนรู้ โจเชฟ เพราสต์ ได้ศึกษาการเตรียมสารประกอบบางชนิดพบว่าสารประกอบชนิดหนึ่งที่เตรียม ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันมีอัตราส่วนโดยมวลของธาตุที่รวมกันเป�นสารประกอบหนึ่งๆ จะมีค่าคงที่ จึง ตั้งเป�นกฎเรียกว่า กฎสัดส่วนคงที่