The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ธรรมชาติและพัฒนาการทางฟิสิกส์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 61100143117, 2022-10-13 14:23:33

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ธรรมชาติและพัฒนาการทางฟิสิกส์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ธรรมชาติและพัฒนาการทางฟิสิกส์

19

7. กจิ กรรมการเรียนรู้ โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรตู้ ามรปู แบบ 5E
7.1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)

7.1.1 ครูกล่าวทกั ทายและตรวจสอบรายชอ่ื ของนกั เรียน
7.1.2 นักเรียนเล่นเกมหน่วยการวัดของไทย คนไทยได้มีการกาหนดมาตรฐานการวัดขึ้นมาตั้งแต่สมัย
โบราณ โดยบรรพบรุ ุษของเรารจู้ ักที่จะคดิ หนว่ ยการวดั ขน้ึ มาใช้ได้เอง เชน่ คบื ศอก วา โยชน์ โดยท่ี
2 คืบ เป็น 1 ศอก, 4 ศอก เป็น 1 วา, 20 วา เป็น 1 เส้น, และ 400 เส้นเป็น 1 โยชน์ แต่ในเวลาต่อมามีการ
ติดต่อสัมพันธ์กับหลาย ๆ ประเทศจึงจา เป็นต้อง ใช้หน่วยท่ีเป็นสากลเพื่อความสะดวกในการสือ่ สารใหเ้ ขา้ ใจ
ท่ีตรงกัน

7.2 ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration)
7.2.1 นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ ปริมาณทางฟิสิกส์และหนวยระบบหนวยระหวางชาติ (SI Unit) จาก

หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพม่ิ เติม ฟสกิ สเลม 1 และใบความรู

7.3 ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explain)
7.3.1 ครูอธบิ ายเกย่ี วกบั ปริมาณทางฟสิ กิ ส์และหนวย

ปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์ คือ ปรมิ าณที่ไดจ้ ากการวัดคา่ สมบัตขิ องวัตถุ ประกอบดว้ ย ตัวเลขและหน่วย
ในวงการฟิสิกส์ได้ก าหนดหน่วยที่จะใช้เป็นมาตรฐานขึ้นมา ชื่อว่า ระบบหน่วย SI (The

International System of Unit) ซ่งึ ประกอบด้วยหนว่ ยฐาน (base units) หน่วยอนพุ ทั ธ์ (derived units)

1. หน่วยฐาน หนว่ ยฐานเป็นหนว่ ยหลกั ของระบบ SI มที งั้ หมด 7 หน่วย

ปรมิ าณฐาน (base quantities) ชือ่ หน่วย (units) สญั ลกั ษณ์ (symbol)

ความยาว (length) เมตร (meter) m

มวล (mass) กโิ ลกรัม (kilogram) kg

เวลา (time) วนิ าที (second) s

กระแสไฟฟา้ (electric current) แอมแปร์ (ampere) A

อณุ หภมู ิอุณหพลวัต (thermodynamic temperature) เคลวิน (kelvin) K

ปรมิ าณของสาร (amount of substance) โมล (mole) mol

20

ความเขม้ ขน้ ของการส่องสวา่ ง (luminous intensity) แคนเดลา (candela) cd

2. หนวยอนพุ นั ธ (Derived Unit) คือ ปรมิ าณที่เกดิ ขน้ึ จากการนาหนวยฐานมารวมกัน แสดงตัวอยาง

3. หนวยเสริม (Supplementary Units)
1. เรเดียน (Radian ; rad) เปนหนวยวดั มุมในระนาบโดย มุม 1 เรเดียน คอื มุมท่ีจุดศูนยกลาง

ของมมุ ทีร่ องรับ ความยาวของสวนโคงที่มคี วามยาวเทากบั รัศมี
2. สเตอเรเดียน (Steradian ; sr) เปนหนวยวดั มุมตัน โดยมมุ 1 สเตอเรเดียน คือ มมุ ท่จี ดุ

ศนู ยกลางของทรงกลมทร่ี องรับพน้ื ทผ่ี ิวโคง ที่มีพน้ื ทเ่ี ปนสเ่ี หลี่ยมจัตรุ สั ที่มคี วามยาวดานเทากับรัศมี

4. คาอุปสรรค (Prefixes)
คาอปุ สรรค คอื คาทีใ่ ชแทนตวั พหุคูณท่อี ยูหนาหนวยฐานหรอื หนวยอนุพันธที่มคี ามากเกินไปหรือ

นอยเกินไป เม่อื คาในหนวยฐานหรือหนวยอนุพัทธนอยหรือมากเกินไปเราอาจเขยี นคานั้นอยูในรปู ตัวเลขคูณ
ดวยตัวพหคุ ูณ (ตวั พหคุ ูณ คือ เลขสิบยกกาลงั บวกหรือลบ) ได เชน ระยะทาง 0.002 เมตร เขียนเปน
2 × 10-3 ตวั พหคุ ูณ 10-3 เขยี นแทนดวยคาอุปสรรคมิลลิ (m) ดงั นั้น ระยะทาง 0.002 เมตร อาจเขียนไดวา
2 มลิ ลเิ มตร คาอปุ สรรคที่ใชแทนตวั พหคุ ณู และสัญลกั ษณแสดงไดดังตาราง

21

ตวั พหคุ ูณ คำนำหนา้ หนว่ ย/คำอุปสรรค สัญลักษณ์
1024 ชอื่ Y
1021 Z
1018 ยอตตะ (yotta) E
1015 เซพโต (zetta) P
1012 เอกซะ (exa) T
109 เพตะ (peta) G
106 เทระ (tera) M
103 จิกะ (giga) k
102 เมกะ (mega) h
101 da
10-1 กิโล (kilo) d
10-2 เฮกโต (hecto) c
10-3 เดคา (deca) m
10-6 µ
10-9 เดซิ (deci) n
10-12 เซนติ (centi) p
10-15 มิลลิ (milli) f
10-18 ไมโคร (micro) a
10-21 นาโน (nano) z
10-24 ฟโิ ก (pico) y
เฟมโต (femto)
อตั โต (atto)
เซพโต (yocto)
ยอคโต (yocto)

7.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
7.4.1 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายวธิ กี ารแปลงหน่วยของปริมาณและการเขียนปรมิ าณในรูปสัญกรณ์

วิทยาศาสตร์พร้อมท้ังแปลงหน่วยของปริมาณและเขยี นปริมาณในรปู สัญกรณ์วทิ ยาศาสตร์
ตัวอยา่ งท่ี 1 พ้ืนทผี่ ิวทรงกลมขนาด 1.75 × 102 ตารางมลิ ลิเมตร (mm2) ให้เป็นตารางเมตร (m2)
แนวคิด แปลงพ้ืนทีผ่ ิวทรงกลมจาก ตารางมลิ ลเิ มตร เปน็ ตารางเมตร
จาก 1 mm = 10-3 m ดงั นั้น 1 mm2 = 10-6 m2

22

วธิ ีทา พนื้ ทีผ่ วิ ทรงกลม = 1.75 × 102 mm2
= 1.75 × 102 × 10-6 m2
= 1.75 × 10(2-6) m2
= 1.75 × 10-4 m2

ตอบ พนื้ ทผ่ี งิ ทรงกลมเทา่ กับ 1.75 × 10-4 ตารางเมตร

ตัวอยา่ งที่ 2 เขยี นปริมาณต่อไปนี้ 22000 เมตร และ 0.0052 กิโลกรัม ในรปู สัญกรณว์ ทิ ยาศาสตร์
แนวคดิ สญั กรณว์ ิทยาศาสตร์เป็นการเขยี นจานวนให้อยู่ในรปู ของจานวนเตม็ หนึ่งตาแหนง่

ตามด้วยเลขทศนิยม แล้วคูณด้วยเลขสบิ ยกกาลงั บวกหรือลบ
วธิ ีทา เน่ืองจาก 22000 m = 2.2 × 10000 m
ดงั นน้ั 22000 m = 2.2 × 104 m
และ 0.0052 kg = 5.2 × 0.001 kg
ดังนนั้ 0.0052 kg = 5.2 × 10-3 kg
ตอบ 22000 เมตร เท่ากับ 2.2 × 104 เมตร
0.0052 กโิ ลกรมั เทา่ กับ 5.2 × 10-3 กโิ ลกรัม

7.5 ข้นั ประเมินผล (Evaluation)
7.5.1 นักเรียนเขยี นสิง่ ทไ่ี ด้เรยี นรใู้ นวนั นีล้ งสมุด
7.5.2 นกั เรียนทาใบแบบฝึกหัดปรมิ าณทางฟิสกิ สแ์ ละหน่วย

8. สอื่ การเรยี นรู้และแหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ฟิสิกส์ เล่ม 1 ตามผลการเรียนรู้กลุ่ม

สาระวทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551
สสวท. กระทรวงศึกษาธิการ

8.2 Microsoft PowerPoint เรื่อง ปริมาณทางฟิสิกส์และหน่วย
8.3 ใบความรู้และใบแบบฝึกหัด

23

9. การวัดและประเมินผล วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือวดั เกณฑ์
จุดประสงค์
การตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์
1. ด้านความรู้ (K: Knowledge) คำถาม รอ้ ยละ 70
1. ระบหุ นว่ ยฐานและตวั อย่างหน่วยอนุพัทธ์ของระบบ
ตรวจจากใบ แบบ ผ่านเกณฑ์
เอสไอ แบบฝกึ หัด ประเมนิ ร้อยละ 70
2. ยกตัวอยา่ งปรมิ าณทางฟสิ กิ ส์และหน่วยในระบบเอส แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์
รอ้ ยละ 70
ไอของปริมาณนั้น ๆ ได้ สังเกต แบบสงั เกต
3. ใช้คานาหน้าหน่วยเปลยี่ นหน่วยใหใ้ หญข่ น้ึ หรือเล็กลง พฤติกรรม พฤติกรรม
4. อธบิ ายสัญกรณ์วทิ ยาศาสตรแ์ ละเขยี นจานวนหรือ

ปรมิ าณในรูปสญั กรณว์ ิทยาศาสตร์
2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process)

1. วิเคราะหแ์ ละคานวณเก่ียวกับปรมิ าณทางฟสิ ิกส์และ
คาอปุ สรรคได้
3. ดา้ นคุณลักษณะ (A: Attribute)

1. นักเรยี นมีความมุ่งม่นั ในการทำงานและใฝ่เรยี นรู้
2. นักเรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบต่องานท่ีได้รับมอบหมาย
และสามารถทำงานรว่ มกับผูอ้ ื่นได้

24

25

26

27

28

29

เกณฑ์การประเมินพฤตกิ รรมระหว่างเรียนตามคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

ประเดน็ การประเมนิ คําอธบิ ายระดบั คณุ ภาพ/ระดับคะแนน

3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน

ให้ความรว่ มมือในการตอบ ให้ความรว่ มมือในการตอบ ใหค้ วามร่วมมือในการตอบ

การตอบคำถาม คำถามอย่างเต็มท่ี ตอบได้ดี คำถามอยา่ งเต็มท่ี ตอบได้ดี คำถามอย่างเตม็ ท่ี ตอบได้ดี

ถกู ต้องครบถว้ น ถกู ต้องบางคำถาม แตถ่ กู ต้องน้อยมาก

ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่และมี ตงั้ ใจเรียน เอาใจใส่และมี ต้งั ใจเรียน เอาใจใสแ่ ละมี

ใฝ่เรียนรู้ ความพยายามในการเรียนรู้ ความพยายามในการเรยี นรู้ ความพยายามในการเรยี นรู้

ดีเย่ยี ม ปานกลาง พอใช้

เอาใจใสต่ ่อการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี เอาใจใสต่ ่อการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี เอาใจใสต่ ่อการปฏบิ ตั ิหน้าที่

มงุ่ ม่นั ในการทำงาน ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ตั้งใจและ ทีไ่ ด้รับมอบหมาย ต้ังใจและ ที่ไดร้ ับมอบหมาย ตั้งใจและ
รบั ผดิ ชอบในการทำงานให้ รบั ผดิ ชอบในการทำงานให้ รับผิดชอบในการทำงานให้

สำเร็จดเี ย่ียม สำเรจ็ ปานกลาง สำเรจ็ พอใช้

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

0 - 4 ควรปรับปรุงอย่างย่ิง

5 - 6 ควรปรบั ปรงุ

7 - 8 พอใช้

9 – 10 ดี

11 - 12 ดีมาก

เกณฑก์ ารผ่าน ระดับพอใช้ข้ึนไปถือว่าผ่านเกณฑ์

30

31

32

เกณฑ์การประเมนิ ผลการแบบฝกึ หัด

ประเด็นการประเมนิ คําอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน

4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน

ความถูกต้อง ทำแบบฝึกหดั ถกู ต้อง ทำแบบฝกึ หัดถูกต้อง ทำแบบฝกึ หัดถกู ต้อง ทำแบบฝกึ หัดถูกต้อง
ร้อยละ 80 ขึน้ ไป ร้อยละ 65 – 79 รอ้ ยละ 50 - 64 น้อยกวา่ ร้อยละ 50

ทำแบบฝึกหดั มีความ ทำแบบฝึกหัดมคี วาม ทำแบบฝึกหัดเป็น ทำแบบฝึกหัดเปน็

ความเป็นระเบียบ เป็นระเบียบ สะอาด เปน็ ระเบยี บ สะอาด ระเบียบ สะอาด ระเบียบ สะอาด

เรยี บรอ้ ยดีมาก เรียบรอ้ ยดี เรยี บร้อยปานกลาง เรียบร้อยพอใช้

ส่งแบบฝึกหดั ทันตาม ส่งแบบฝึกหัดลา่ ชา้ กว่า สง่ แบบฝกึ หัดลา่ ชา้ ส่งแบบฝึกหัดล่าชา้

ความตรงตอ่ เวลา เวลาทก่ี ำหนด เวลาที่กำหนดไป 1 วนั กว่าเวลาท่ีกำหนดไป กวา่ เวลาทก่ี ำหนด

3 วัน มากกวา่ 3 วัน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

0 - 4 ควรปรบั ปรงุ อย่างยิ่ง

5 - 6 ควรปรบั ปรุง

7 - 8 พอใช้

9 – 10 ดี

11 - 12 ดีมาก

เกณฑก์ ารผา่ น ระดบั พอใช้ข้ึนไปถือว่าผา่ นเกณฑ์

33

ธรรมชาติและพฒั นาการทางฟสิ ิกส์

วชิ าวทิ ยาศาสตร์ (science) คือ วิชาซึง่ ศกึ ษาเกีย่ วกับสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ ด้วย กระบวนการค้นคว้า
หาความรทู้ ี่มขี ั้นตอนมีระเบียบแบบแผน วิชาวทิ ยาศาสตร์ แบง่ ได้เป็น 2 สาขาหลกั ได้แก่
1. วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ เนน้ ศึกษาเฉพาะสว่ นทเ่ี กี่ยวกับสง่ิ มีชวี ติ
2. วิทยาศาสตร์กายภาพ เน้นศึกษาเกี่ยวกับส่ิงไม่มีชีวิต แบ่งออกเป็นอีกหลายแขนง เช่น ฟิสิกส์ เคมี
ธรณวี ิทยา ดาราศาสตร์ เปน็ ตน้

วชิ าฟิสิกส์ (physics) คอื วิชาวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐานสาขาหน่ึง นอกเหนอื จากวชิ าเคมี และ ชีววิทยา
วิชาฟิสิกส์จะศึกษากฎเกณฑ์ของธรรมชาติเฉพาะทางกายภาพ เช่น ศึกษาเรื่องของคลื่ น แสง เสียง ไฟฟ้า
แม่เหล็ก การเคลื่อนท่ี มวล แรง พลงั งาน โมเมนตมั เป็นตน้

1. ขอ้ ใดตอ่ ไปนี้เป็นสาขาหนึ่งของวชิ าวิทยาศาสตรก์ ายภาพ

1. พฤษศาสตร์ 2. สัตว์ศาสตร์ 3. ดาราศาสตร์ 4. แพทย์ศาสตร์

ปรมิ าณกายภาพและหน่วย

ปริมาณในวชิ าฟสิ ิกส์
ปรมิ าณ (Quantities) ในวิชาฟสิ กิ ส์อาจแบ่งเปน็ กลมุ่ ย่อยไดด้ ังนี้ แบ่งโดยใชล้ กั ษณะของปรมิ าณเปน็ เกณฑ์
จะแบง่ ไดเ้ ป็น

1. ปริมาณเวกเตอร์ คือ ปริมาณทตี่ อ้ งบอกทง้ั ขนาดและทิศทางจึงจะสมบูรณ์ เช่น การกระจดั แรง
โมเมนตมั สนามไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก เปน็ ตน้

2. ปรมิ าณสเกลาร์ คอื ปรมิ าณทบ่ี อกแต่ขนาดอย่างเดยี วก็สมบูรณไ์ ด้ เช่น มวล พลงั งาน เป็นตน้

34

แบ่งโดยใชท้ ่มี าของปริมาณเป็นเกณฑ์ จะแบง่ เปน็
1. ปรมิ าณมลู ฐาน หรือ หน่วยฐาน ประกอบด้วย 7 หน่วย โดยแตล่ ะหน่วยต่างเป็นอิสระต่อกนั และใชเ้ ป็น

หนว่ ยพื้นฐานของหนว่ ยอ่นื

ปริมาณฐาน หนว่ ย สัญลักษณ์
ความยาว เมตร m
กิโลกรมั kg
มวล วนิ าที s
เวลา แอมแปร์ A
กระแสไฟฟ้า เคลวนิ K
อณุ หภูมิ โมล mol
ปรมิ าณของสาร แคนเดลา cd
ความเขม้ ของการส่องสว่าง

2. ปริมาณอนพุ ัทธ์ หรอื หนว่ ยอนพุ นั ธ์ เกิดจากการนำหนว่ ยพื้นฐานมาสร้างความสัมพนั ธท์ างคณิตศาสตร์
แล้วไดเ้ ป็นปรมิ าณทม่ี ีความสัมพันธก์ ันมากกว่า 1 ปรมิ าณ เชน่ อัตราเรว็ เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง
ระยะทางต่อเวลา

3. ปริมาณเสริม (Supplementary Units)
1. เรเดียน (Radian ; rad) เป็นหน่วยวดั มมุ ในระนาบโดย มมุ 1 เรเดยี น คอื มุมทจี่ ดุ ศนู ย์กลาง

ของมมุ ท่รี องรับ ความยาวของส่วนโคง้ ท่มี คี วามยาวเทา่ กบั รศั มี
2. สเตอเรเดยี น (Steradian ; sr) เป็นหน่วยวดั มุมตัน โดยมุม 1 สเตอเรเดียน คือ มมุ ทจ่ี ุด

ศนู ยก์ ลางของทรงกลมทีร่ องรับพ้ืนที่ผิวโค้ง ทมี่ ีพื้นท่ีเป็นส่ีเหลยี่ มจตั ุรัสท่ีมีความยาวด้านเทา่ กบั รัศมี

2. ปริมาณท่แี สดงค่าแต่ขนาดเพียงอย่างเดียวก็ได้ความหมายสมบูรณ์ เรยี กว่าปรมิ าณใด

1. เวกเตอร์ 2. มูลฐาน 3. สเกลาร์ 4.สัมบูรณ์

3. ปรมิ าณท่ีต้องแสดงค่าทงั้ ขาดและทศิ ทางจึงจะได้ความหมายสมบูรณ์ เรียกว่าปรมิ าณใด

1. เวกเตอร์ 2. มูลฐาน 3. สเกลาร์ 4.อนุพัทธ์

4. ปรมิ าณใคต่อไปนี้เป็นหน่วยฐานทั้งหมด 2. ระยะทาง , พน้ื ที่ , ปรมิ าตร
1. มวล , ความยาว , แรง 4. อุณหภมู ิ , มมุ , พลังงาน
3. มวล , กระแสไฟฟ้า , ปรมิ าณของสาร

35

5. หน่วยทีเ่ ปน็ มาตรฐานสากลของปรมิ าณต่อไปน้ีคอื หนว่ ยอะไร ความยาว มวล เวลา กระแสไฟฟ้า

1. เซนตเิ มตร , กโิ ลกรมั , ชวั่ โมง, แอมแปร์ 2. เมตร , กโิ ลกรัม , วนิ าที , แอมแปร์

3. กิโลเมตร , กโิ ลกรัม , วนิ าที , แอมแปร์ 4. มิลลเิ มตร , กโิ ลกรมั , วนิ าที , แอมแปร์

4. คาอุปสรรค (Prefixes)

คาอุปสรรค คือ คาที่ใชแทนตัวพหุคณู ที่อยูหนาหนวยฐานหรือหนวยอนุพันธที่มีคามากเกินไปหรือนอย

เกินไป เม่อื คาในหนวยฐานหรือหนวยอนุพทั ธนอยหรือมากเกินไปเราอาจเขยี นคานนั้ อยูในรปู ตัวเลขคณู ดวยตัว

พหุคูณ (ตัวพหุคูณ คือ เลขสิบยกกาลังบวกหรือลบ) ได เชน ระยะทาง 0.002 เมตร เขียนเปน 2 × 10-3 ตัว

พหุคูณ 10-3 เขียนแทนดวยคาอุปสรรคมิลลิ (m) ดังนั้น ระยะทาง 0.002 เมตร อาจเขียนไดวา 2 มิลลิเมตร

คาอุปสรรคทีใ่ ชแทนตัวพหคุ ูณและสัญลักษณแสดงไดดังตาราง

คำนำหนา้ หน่วย/คำอุปสรรค

ตัวพหคุ ูณ ชือ่ สญั ลกั ษณ์

1024 ยอตตะ (yotta) Y

1021 เซพโต (zetta) Z

1018 เอกซะ (exa) E

1015 เพตะ (peta) P

1012 เทระ (tera) T

109 จกิ ะ (giga) G

106 เมกะ (mega) M

103 กโิ ล (kilo) k

102 เฮกโต (hecto) h

101 เดคา (deca) da

10-1 เดซิ (deci) d

10-2 เซนติ (centi) c

10-3 มลิ ลิ (milli) m

10-6 ไมโคร (micro) µ

10-9 นาโน (nano) n

10-12 ฟิโก (pico) p

10-15 เฟมโต (femto) f

10-18 อัตโต (atto) a

10-21 เซพโต (yocto) z

36

10-24 ยอคโต (yocto) y
3. 1 nm
6. ปริมาณในข้อใดต่อไปนีม้ ีขนาดเลก็ ท่สี ุด

1. 1 cm 2. 1 mm 4. 1 µm

7. ปรมิ าณในข้อใดต่อไปน้ีมขี นาดเล็กท่สี ดุ

1. 8 cg 2. 8 mg 3. 8 ng 4. 8 µg

8. 6.23 nm มคี า่ เทา่ กบั กี่ m เฉลย (6.23 x 10−9)

9. 65.24 mg มีคา่ เทา่ กับกี่ g เฉลย (65.24 x 10−3)

10. 7.31 m มคี ่าเท่ากับก่ี cm เฉลย (7.31 x 102)

11. 7.23 x 10−5 m มีคา่ เท่ากับก่ี km เฉลย (7.23 x 10−8)

12. 1.5 ตารางเซนติเมตร ( 2) มีค่าเท่ากับกี่ตารางเมตร ( 2) เฉลย (1.5 x 10−2)

13. รถประจำทางคนั หนงึ่ ว่งิ ด้วยความเรว็ 36 กโิ ลเมตรตอ่ ชั่วโมง อยากทราบว่ารถคนั นว้ี งิ่ ดว้ ยความเรว็ เทา่ กับ

กเ่ี มตรต่อวินาที เฉลย (10 เมตรต่อวินาที)

37

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3

รหสั วชิ า ว31201 วิชา ฟสิ ิกสเ์ พิ่มเตมิ 1 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง ธรรมชาติและพัฒนาการทางฟสิ ิกส์ เวลา 12 ชัว่ โมง

แผนการจัดการเรยี นรเู้ ร่อื ง เลขนัยสาคัญ เวลา 3 ช่วั โมง

ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 ผูส้ อน นายกฤษฎา ปณุ ปติ ตา

กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นบ้านเชียงวทิ ยา

_________________________________________________________________________

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ดั / ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 6 สาระฟิสกิ ส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสกิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ

เคลอื่ นที่ของนิวตนั กฎความโนม้ ถ่วงสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎ การอนุรักษ์พลังงาน
กล โมเมนตัมและกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตัม การเคลือ่ นทแ่ี นวโค้ง รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรียนรู้
1. วัด และรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนาความคลาดเคลื่อนใน

การ วัดมาพิจารณาในการนาเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปล
ความหมายจากกราฟเส้นตรง

2. สาระสำคญั
เลขนัยสาคัญ (significant figure) คือ จานวนหลักของตัวเลขที่แสดงความเท่ียงตรงของปริมาณที่วดั

หรือคานวณได้ ดังนั้นตัวเลขนัยสาคัญจึงประกอบด้วยตัวเลขทุกตัวที่แสดงความแน่นอน (certainty) รวมกับ
ตัวเลขอกี ตัวหนง่ึ ทแ่ี สดงความไมแ่ นน่ อน (uncertainty) ซง่ึ ข้นึ อย่กู ับอปุ กรณ์ทเี่ ราเลอื กใช้ด้วย

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. อธิบายความหมายและบอกเลขนยั สาคัญของจานวนหรือปรมิ าณจากการวดั ได้
2. บันทึกผลการคานวณจากการบวก ลบ คูณและหาร จานวนหรือปริมาณที่มีเลขนัยสาคัญ

ตา่ งกันได้
3.2 ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P)
1. วิเคราะห์และคานวณเก่ียวกบั เลขนยั สาคัญได้
3.3 ด้านคุณลักษณะ (A)
1. นกั เรยี นมีความม่งุ มัน่ ในการทางานและใฝเ่ รียนรู้

38

2. นักเรยี นมคี วามรบั ผิดชอบตอ่ งานทไ่ี ด้รับมอบหมายและสามารถทางานรว่ มกับ
ผอู้ น่ื ได้

4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความหมายเลขนยั สาคญั
4.2 หลักในการหาเลขนยั สาคัญ
4.3 การบวก ลบ คูณและหาร เลขนัยสาคญั

5. สมรรถนะ
5.1 สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน (เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรยี นรนู้ ี้)
 1) ความสามารถในการสื่อสาร
 2) ความสามารถในการคิด
 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา
 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกดิ ในแผนการจดั การเรยี นรู้น้ี)

 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  5) อยอู่ ย่างพอเพียง

 2) ซือ่ สตั ย์ สุจริต  6) ม่งุ มน่ั ในการทางาน

 3) มีวนิ ยั  7) รักความเปน็ ไทย

 4) ใฝเ่ รียนรู้  8) มจี ติ สาธารณะ

7. กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามรูปแบบ 5E
7.1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)

7.1.1 ครกู ลา่ วทักทายและตรวจสอบรายชือ่ ของนักเรียน
7.1.2 ครูชี้แจงคาอธบิ ายรายวิชาและจดุ ประสงค์การเรียนรู้
7.1.3 ครูทบทวนความรเู้ ดิม เรื่องการเปลีย่ นหน่วย
7.1.4 ครูตงั้ คาถาม เพ่ือนาเขา้ สู่บทเรียน แนวคาตอบขึน้ อยกู่ ับผู้เรียน ดังนี้ นักเรียนรู้จกั เลขนัยสาคญั
หรอื ไม่ (แนวคาตอบ ขึ้นอยู่กับนักเรียน)

39

7.2 ขัน้ สารวจและคน้ หา (Exploration)
7.2.1 ครใู หน้ ักเรียนสืบค้นขอ้ มูลและทาความเข้าใจเรื่อง เลขนัยสาคญั จากแหล่งความร้ตู ่าง ๆ ในหัวข้อ
- เลขนยั สาคัญ
- หลักในการหาเลขนัยสาคัญ
- การบวก ลบ คณู และหาร เลขนยั สาคญั

7.3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explain)
7.3.1 นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายถึงข้อมลู ทไี่ ดศ้ กึ ษามา
7.3.2 ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้ทีไ่ ดต้ ามหวั ขอ้ ที่ครูกาหนด ดงั นี้
เลขนัยสาคัญ (Significant Figures)
คือ ตัวเลขที่ได้จากการวัดโดยใช้เครื่องมือที่เป็นสเกล โดยเลขทุกตัวที่บันทึกจะมีความหมายส่วน

ความสาคญั ของตวั เลขจะไมเ่ ทา่ กนั ดังนั้นเลขทุกตวั จึงมนี ัยสาคญั ตามความเหมาะสม เชน่ วัดความยาวของไม้
ท่อนหนึง่ ได้ยาว 121.54 เซนติเมตร เลข 121.5 เปน็ ตัวเลขท่วี ัดได้จรงิ ส่วน 0.04 เป็นตัวเลขท่ีประมาณข้ึนมา
เราเรียกตวั เลข121.54 นี้ว่า เลขนัยสาคัญ และมจี านวนเลขนัยสาคัญ 5 ตัว

หลกั การพิจารณาจานวนเลขนยั สาคัญ
เลขทกุ ตวั ถอื เป็นเลขทีม่ ีนยั สาคัญ ยกเวน้
1. เลข 0 ( ศนู ย์ ) ทอ่ี ย่ซู า้ ยมอื สดุ หนา้ ตัวเลข เช่น

0.1 มเี ลขนยั สาคญั 1 ตวั
0.01 มเี ลขนัยสาคัญ 1 ตัว
0.0152 มีเลขนยั สาคัญ 3 ตวั
2. เลข 0 ( ศูนย์ ) ทอ่ี ยู่ระหว่างตวั เลขถือเป็นเลขนยั สาคัญ เช่น
101 มเี ลขนยั สาคญั 3 ตวั
1.002 มีเลขนัยสาคญั 4 ตัว
3. เลข 0 ( ศูนย์ ) ทอ่ี ยทู่ า้ ยแตอ่ ยูใ่ นรปู เลขทศนิยม ถอื วา่ เปน็ เลขนยั สาคัญ เชน่
1.20 มเี ลขนัยสาคัญ 3 ตัว
2.400 มเี ลขนัยสาคัญ 4 ตัว
4. เลข 0 ( ศนู ย์ ) ทต่ี ่อทา้ ยเลขจานวนเต็ม ถา้ จะนบั เป็นเลขนยั ตอ้ งทาเครื่องหมายบอก เช่น
120 มีเลขนยั สาคัญ 2 ตวั
120 มเี ลขนยั สาคัญ 3 ตวั
200 มเี ลขนยั สาคญั 1 ตวั
200 มีเลขนยั สาคญั 2 ตวั
200 มีเลขนยั สาคญั 3 ตัว

40

5. เลข 10 ทีอ่ ยใู่ นรปู ยกกาลงั ไมเ่ ปน็ เลขนัยสาคัญ เชน่
1.30 x104 มีเลขนยั สาคัญ 3 ตัว
2.501 x106 มีเลขนัยสาคญั 4 ตวั

การ บวก ลบ กบั เลขนยั สาคญั : (+) (-)
ผลลัทธจ์ ะเท่ากบั ตวั ท่ีมเี ลขทศนยิ มต่าสุด เชน่
123.01 + 1.2 – 50.00000 = 74.2

จะเห็นได้ว่า 1.2 มี 1 ทศนิยม น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นผลลัทธ์ จึงเหลือ 1 ทศนิยม นั้นก็คือ 74.2
นน้ั เอง

การ คูณ หาร กับเลขนัยสาคญั (x) (÷)
ผลลัทธ์จะเท่ากับตัวทมี่ เี ลขนยั สาคัญตา่ สดุ เชน่

(55.2 x 12.333) ÷ 6.1 = 110
จะเห็นได้วา่ 6.1 มี 2 เลขนัยสาคัญ น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นผลลัทธ์ จึงเหลือ 2 เลขนัยสาคญั นั้นก็คอื
110 น้นั เอง

7.4 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration)
7.4.1 ครูและนกั เรียนรว่ มกันทาแบบฝึกหดั เรอ่ื ง เลขนัยสาคัญ

7.5 ข้นั ประเมินผล (Evaluation)
7.5.1 นกั เรียนทาแบบฝกึ หัด เรื่อง เลขนัยสาคัญ
7.5.2 นักเรยี นร่วมกันทากจิ กรรมใน quizizz.com เร่อื ง เลขนัยสาคญั

8. สื่อการเรยี นรู้และแหล่งการเรียนรู้

8.1 หนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ฟสิ ิกส์ เล่ม 1 ตามผลการเรยี นร้กู ลมุ่
สาระวทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
สสวท. กระทรวงศกึ ษาธิการ

8.2 Microsoft PowerPoint เรือ่ ง เลขนยั สาคญั
8.3 https://quizizz.com เร่อื ง เลขนยั สาคัญ
8.4 ใบความรู้และใบแบบฝกึ หดั

41

9. การวัดและประเมนิ ผล วิธีการวดั เครื่องมือวดั เกณฑ์
จดุ ประสงค์
การตอบ คาถาม ผา่ นเกณฑ์
1. ด้านความรู้ (K: Knowledge) คาถาม ร้อยละ 70
1. อธิบายความหมายและบอกเลขนัยสาคญั ของจานวน แบบ
ตรวจจากใบ ประเมิน ผ่านเกณฑ์
หรือปริมาณจากการวัดได้ แบบฝึกหัด ร้อยละ 70
2. บนั ทกึ ผลการคานวณจากการบวก ลบ คูณและหาร แบบฝกึ หดั แบบสงั เกต
พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
จานวนหรอื ปริมาณที่มีเลขนัยสาคญั ต่างกันได้ สงั เกต ร้อยละ 70
2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) พฤติกรรม

1. วเิ คราะห์และคานวณเกย่ี วกับเลขนัยสาคัญได้

3. ดา้ นคณุ ลักษณะ (A: Attribute)
1. นกั เรยี นมคี วามมุ่งม่นั ในการทางานและใฝ่เรยี นรู้
2. นักเรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ีได้รับมอบหมาย

และสามารถทางานร่วมกับผู้อื่นได้

42

43

44

45

46

เกณฑ์การประเมินพฤตกิ รรมระหว่างเรียนตามคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

ประเดน็ การประเมนิ คําอธบิ ายระดบั คุณภาพ/ระดับคะแนน

3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน

ให้ความรว่ มมือในการตอบ ให้ความรว่ มมือในการตอบ ใหค้ วามร่วมมือในการตอบ

การตอบคำถาม คำถามอย่างเต็มท่ี ตอบได้ดี คำถามอยา่ งเตม็ ที่ ตอบได้ดี คำถามอย่างเตม็ ท่ี ตอบได้ดี

ถกู ต้องครบถว้ น ถกู ต้องบางคำถาม แตถ่ กู ต้องน้อยมาก

ต้งั ใจเรียน เอาใจใส่และมี ตงั้ ใจเรียน เอาใจใสแ่ ละมี ต้งั ใจเรียน เอาใจใสแ่ ละมี

ใฝ่เรียนรู้ ความพยายามในการเรียนรู้ ความพยายามในการเรยี นรู้ ความพยายามในการเรยี นรู้

ดีเย่ยี ม ปานกลาง พอใช้

เอาใจใสต่ ่อการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี เอาใจใสต่ ่อการปฏิบัติหนา้ ท่ี เอาใจใสต่ ่อการปฏบิ ตั ิหน้าที่

มงุ่ ม่นั ในการทำงาน ท่ีไดร้ บั มอบหมาย ตั้งใจและ ทีไ่ ด้รับมอบหมาย ตั้งใจและ ที่ไดร้ ับมอบหมาย ตั้งใจและ
รบั ผดิ ชอบในการทำงานให้ รบั ผดิ ชอบในการทำงานให้ รับผิดชอบในการทำงานให้

สำเรจ็ ดเี ย่ียม สำเรจ็ ปานกลาง สำเรจ็ พอใช้

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

0 - 4 ควรปรับปรุงอย่างย่ิง

5 - 6 ควรปรบั ปรงุ

7 - 8 พอใช้

9 – 10 ดี

11 - 12 ดีมาก

เกณฑก์ ารผ่าน ระดับพอใช้ข้ึนไปถือว่าผ่านเกณฑ์

47

48

49

เกณฑ์การประเมินผลการแบบฝกึ หัด

ประเด็นการประเมนิ คําอธิบายระดบั คณุ ภาพ/ระดับคะแนน

4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน

ความถูกต้อง ทำแบบฝึกหัดถูกต้อง ทำแบบฝึกหัดถูกต้อง ทำแบบฝกึ หัดถูกต้อง ทำแบบฝึกหัดถูกต้อง
รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป รอ้ ยละ 65 – 79 รอ้ ยละ 50 - 64 น้อยกว่ารอ้ ยละ 50

ทำแบบฝกึ หัดมีความ ทำแบบฝกึ หัดมคี วาม ทำแบบฝึกหดั เป็น ทำแบบฝึกหดั เป็น

ความเป็นระเบียบ เป็นระเบียบ สะอาด เป็นระเบียบ สะอาด ระเบียบ สะอาด ระเบียบ สะอาด

เรียบร้อยดีมาก เรียบร้อยดี เรียบรอ้ ยปานกลาง เรียบร้อยพอใช้

ส่งแบบฝึกหัดทนั ตาม ส่งแบบฝกึ หัดล่าชา้ กวา่ ส่งแบบฝกึ หัดลา่ ชา้ ส่งแบบฝึกหัดล่าชา้

ความตรงตอ่ เวลา เวลาท่ีกำหนด เวลาท่ีกำหนดไป 1 วนั กวา่ เวลาท่ีกำหนดไป กวา่ เวลาที่กำหนด

3 วนั มากกวา่ 3 วัน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

0 - 4 ควรปรับปรงุ อย่างยิ่ง

5 - 6 ควรปรบั ปรุง

7 - 8 พอใช้

9 – 10 ดี

11 - 12 ดีมาก

เกณฑก์ ารผา่ น ระดบั พอใช้ข้ึนไปถือว่าผา่ นเกณฑ์

50

เลขนัยสำคัญ

เลขนยั สำคัญ ( Significant figure) คือ เลขทม่ี ีความหมายหรือความสำคัญได้จากการวัดปรมิ าณ ต่าง
ๆ เช่นการวัดความยาวดินสอวัดได้เป็น 10.0 และ 15.00 เซนติเมตร ซึ่งถือว่ามีเลขนัยสำคัญเทา่ กับ 3 ตัวและ
4 ตัว ตามลำดับ เป็นตน้
หลกั ในการหาเลขนยั สำคัญ
1. เลขทกุ ตวั ทีไ่ ม่ใช่ 0 เป็นเลขนยั สำคัญ
2. กรณเี ปน็ เลข 0 ให้นับดังนี้

2.1 เลข 0 ท่ีอยรู่ ะหว่างตวั เลขนยั สำคญั อ่นื ๆถอื วา่ เปน็ เลขนัยสำคญั เชน่
506 มเี ลขนยั สำคญั 3 ตวั
1.0345 มีเลขนัยสำคญั 5 ตวั

2.2 เลข 0 ที่อยูด่ ้านซ้ายสดุ ไมเ่ ปน็ เลขนัยสำคัญ เชน่
02134 มเี ลขนยั สำคัญ 4 ตวั
0.0056 มีเลขนัยสำคญั 2 ตวั

2.3 เลข 0 ท่ีอยู่ด้านขวามอื แต่อยหู่ ลงั จุดทศนิยมเป็นเลขนยั สำคญั เชน่
452.0 มเี ลขนัยสำคญั 4 ตวั 1.000 มีเลขนยั สำคญั 4 ตวั
0.0005000 มีเลขนยั สำคญั 4 ตวั

2.4 เลข 0 ที่อยู่ทางขวามือของเลขจำนวนเต็มแต่ไม่เป็นเลขทศนิยมจะบอกเลขทศนิยมได้ไม่ ชัดเจน เชน่
เลข 5000

ถ้ามีเลขนยั สำคญั 4 ตัว ควรเขียนเป็น 5.000x103
ถา้ มเี ลขนัยสำคัญ 3 ตัว ควรเขียนเป็น 5.00x103
ถา้ มีเลขนยั สำคัญ 2 ตัว ควรเขียนเปน็ 5.0x103
3. ค่าคงตวั ไม่เป็นเลขนัยสำคญั เช่น π หรอื เลข 2πR เลข 2 ไมน่ บั เปน็ เลขนัยสำคัญ
การบวกลบคณู และหารเลขนยั สำคญั
- การบวกลบเลขนัยสำคัญ ผลลัพธ์ที่ได้จะมีตัวเลขหลังจุดทศนิยมเท่ากับจำนวนตัวเลขหลังจุด ทศนิยมท่ี
นอ้ ยทีส่ ุดของตัวเลขที่นำมาบวกลบกนั เช่น 1.234 + 5.42 = 6.65 (ทศนยิ มเป็นหลัก นอ้ ยสุดคือ คำตอบ)
- การคูณหารเลขนัยสำคัญ ผลลัพธ์ที่ได้จะมีตัวเลขนัยสำคัญเท่ากับจำนวนตัวเลขนัยสำคัญที่ น้อยที่สุด
ของกลมุ่ ตวั เลขท่มี าคูณหรือหารกัน เชน่ 2.45 x 3.2 = 7.8 , (8.45) = 71.4 เป็นต้น (นัยสำคญั เป็นหลัก น้อย
สุดเปน็ คำตอบ)

51

เฉลย 52

0.1025 5 0.05
2
3
3
3
3
3
1
2
5

9.2
2
11 x 10 กำลงั 12
45.2
0.400 x 10 กำลัง 3

67
4.0 x 10
6.4
4.2
3.7

0.145 0.70

53

แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 4

รหสั วชิ า ว31201 วิชา ฟสิ กิ ส์เพมิ่ เติม 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรอื่ ง ธรรมชาตแิ ละพัฒนาการทางฟสิ กิ ส์ เวลา 12 ช่ัวโมง

แผนการจดั การเรยี นรเู้ รอ่ื ง การทดลองในวิชาฟิสิกส์ เวลา 2 ช่ัวโมง

ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 ผูส้ อน นายกฤษฎา ปณุ ปิตตา

กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนบ้านเชียงวทิ ยา

_________________________________________________________________________

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ดั / ผลการเรยี นรู้
สาระที่ 6 สาระฟสิ ิกส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ

เคล่อื นทข่ี องนิวตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุล กลของวตั ถุ งาน และกฎ การอนุรักษ์พลังงาน
กล โมเมนตมั และกฎการอนุรักษ์ โมเมนตมั การเคลื่อนทแ่ี นวโค้ง รวมทั้งนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรียนรู้
2. วัด และรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนาความคลาดเคลื่อนใน

การ วัดมาพิจารณาในการนาเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปล
ความหมายจากกราฟเส้นตรง

2. สาระสำคญั
การทดลองทางฟสิ ิกสเ์ ก่ยี วกบั การวัดปริมาณต่าง ๆ การบันทกึ ปรมิ าณทไี่ ด้จาก การวัดดว้ ยจานวนเลข

นัยสาคัญที่เหมาะสม และค่าความคลาดเคลื่อน การวิเคราะห์และการแปลความหมายจากกราฟ เช่น การหา
ความชนั จากกราฟเสน้ ตรง จดุ ตดั แกน พื้นท่ีใต้กราฟ เปน็ ตน้

การวัดปริมาณต่าง ๆจะมีความคลาดเคลื่อนเสมอ ขึ้นอยู่กับเครื่องมือ วิธีการวัด และประสบการณ์
ของผ้วู ดั ซ่งึ คา่ ความคลาดเคลอื่ นสามารถแสดง ในการรายงานผลทัง้ ในรปู แบบตัวเลขและกราฟ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. บอกความสาคญั ของการทดลองและรายงานผลการทดลองได้
2. บันทกึ ผลการวดั โดยใชค้ า่ ทางสถติ ิ ไดแ้ ก่ ค่าเฉลีย่ และความคลาดเคลอื่ นของคา่ เฉลย่ี ได้
3. อธบิ ายกราฟและหาคา่ ของปริมาณจากกราฟเส้นตรงได้

54

3.2 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P)
1. วิเคราะห์และคานวณเกีย่ วกบั ปรมิ าณต่าง ๆ ในกราฟเส้นตรงได้

3.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A)
1. นักเรยี นมีความมุ่งมั่นในการทางานและใฝเ่ รียนรู้
2. นักเรียนมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ งานที่ได้รับมอบหมายและสามารถทางานรว่ มกับผูอ้ น่ื ได้

4. สาระการเรียนรู้
4.1 การทดลองทางฟิสิกส์
4.2 การรายงานความคลาดเคลือ่ น
4.3 การวเิ คราะห์ผลการทดลอง

5. สมรรถนะ
5.1 สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน (เฉพาะทีเ่ กิดในแผนการจัดการเรียนรูน้ ้)ี
 1) ความสามารถในการสื่อสาร
 2) ความสามารถในการคิด
 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา
 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
 5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกดิ ในแผนการจัดการเรยี นรู้นี้)

 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  5) อยู่อยา่ งพอเพยี ง

 2) ซอื่ สัตย์ สุจรติ  6) มงุ่ ม่นั ในการทางาน

 3) มวี นิ ัย  7) รกั ความเป็นไทย

 4) ใฝ่เรียนรู้  8) มีจิตสาธารณะ

7. กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ตู ามรปู แบบ 5E
7.1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)

7.1.1 ครกู ล่าวทกั ทายและตรวจสอบรายชอื่ ของนกั เรียน
7.1.2 นักเรียนและครูรวมกันสนทนา เกี่ยวกับ “การทดลอง มีความสาคัญอยางไร ขณะ
ดาเนินการทดลองสิ่งใดที่มีความสาคัญ” เพื่อนาไปสูคาถามที่วา “การบันทึกขอมูล ที่ไดจากการทดลอง

55

โดยเฉพาะจากเครื่องมือแบบสเกล จะเปนขอมูลเชิงปริมาณ ตัวเลขทุกตัวมีความสาคัญ เทากัน หรือตางกัน
อย่างไร”

7.2 ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration)
7.2.1 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 คน สืบค้นข้อมูลและทาความเข้าใจเรื่อง การทดลองทาง

ฟิสิกส์ จากแหล่งความร้ตู ่าง ๆ ในหวั ข้อ
- การรายงานความคลาดเคล่ือน
- การวิเคราะหผ์ ลการทดลอง

7.2.2 นกั เรยี นทาลงในกระดาษชาร์ต ตามหัวขอ้ ในแต่ละกลมุ่ ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย

7.3 ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explain)
7.3.1 ครสู ุ่ม ออกมานาเสนอ 2 กลุ่ม ในแต่ละหัวขอ้
7.3.2 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปความรทู้ ไ่ี ด้ตามหวั ขอ้ ท่คี รูกาหนด ดงั นี้
การรายงานความคลาดเคล่ือน การวัดปริมาณตา่ ง ๆ จะมีความคลาดเคล่ือนเสมอ

ข้ึนอยกู่ ับเครือ่ งมือ วิธกี ารวดั ประสบการณ์ของผู้วดั รวมท้งั สภาพแวดลอ้ ม ในการทดลองหน่ึงๆ มกั จะมีการวัด
ซา้ หรอื ทดลองซ้าหลายครัง้ เพือ่ ลดความคลาดเคลือ่ นจากการทดลอง ซ่งึ ค่าความคลาดเคลอ่ื นสามารถแสดงใน
รายงานผลทั้งในรูปแบบตัวเลขและกราฟ ในที่นี้จะพิจารณาเฉพาะความคลาดเคลื่อนในเชิงสถิติเท่านั้นและ

เขยี นรายงานผลการทดลองในรูป คา่ เฉลีย่ ± ค่าเคลอ่ื นของค่าเฉลี่ย หรือ x̅ ± ∆x̅ โดยคา่ เฉลีย่ x̅ หาไดจ้ าก

x̅ = x1+ x2 + x3 + … + xN
N

ส่วนค่าคลาดเคล่ือนของคา่ เฉลี่ย ∆x̅ มีหลายวธิ ี เชน่ อาจหาไดจ้ าก

x̅ = xmax - xmin

2

เมื่อ xmax และ xmin คอื คา่ มากทส่ี ุดและคา่ น้อยที่สดุ ทว่ี ดั ได้ ตามลาดบั

การวิเคราะห์ผลการทดลอง เพ่อื ให้มองเห็นความสมั พนั ธ์ระหว่างตวั แปร
ตา่ ง ๆ ทไ่ี ดจ้ ากการทดลอง ให้นาผลการทดลองมาเขียนกราฟ โดยทั่วไปนยิ มใช้ตัวแปรตน้ เป็นแกนนอนและตัว
แปรตามเปน็ แกนต้ัง

56

ข้อสงั เกตเกีย่ วกับการหาคา่ ความชนั ของกราฟเสน้ ตรง

1) เลือก 2 จดุ ท่ีอยู่บนเสน้ ตรงทสี่ ามารถอ่านค่าจากกราฟได้ง่ายและแม่นยา ไมค่ วรเลอื กจุดขอ้ มูลจาก

ตารางผลการทดลอง เน่อื งจากจดุ ข้อมูลท่ีเลอื กมาน้ันอาจไม่ได้อยบู่ นเสน้ ตรงทีล่ ากข้ึนมา

2) ควรเลอื ก 2 จุดบนเสน้ ตรงที่ใหส้ ามเหลย่ี มทมี่ ดี า้ น ∆x และด้าน ∆y ทใี่ หญ่พอสมควร เพอื่ ลดความ

คลาดเคลอ่ื นของการอา่ นค่าจากกราฟ

สมการเส้นตรง y = mx + c เมือ่ m คอื ความชัน

สามารถหาค่าความชันได้จาก m = ∆y
∆x

7.4 ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration)

7.4.1 ครูและนกั เรียนชว่ ยกันวเิ คราะห์ผลการทดลองวัดตาแหน่งของทากตัวหน่ึงทีเ่ คลื่อนท่ใี น

แนวตรง ดังตาราง จากนั้นนาไปสร้างเป็นกราฟเส้นตรงพร้อมทั้งคานวณหาค่าความชันและค่าคลาดเคลื่อน

ความชนั

ตาราง ผลการทดลองวดั ตาแหนง่ ของทากตวั หนง่ึ ที่เคลื่อนที่ในแนวตรง

เวลา (นาท)ี ตาแหน่ง (เซนติเมตร)

1.00 1.9 ± 0.2

2.00 3.1 ± 0.2

3.00 5.5 ± 0.2

4.00 8.2 ± 0.2

5.00 9.0 ± 0.2

6.00 11.8 ± 0.2

เมอ่ื นาผลการทดลองวัดตาแหนง่ ของทากตวั หนงึ่ ทีเ่ คลื่อนท่ีในแนวตรงมาเขียนกราฟ โดยให้เวลาเป็น
แกนนอน และตาแหนง่ เปน็ แกนตั้ง จะไดด้ ังรปู

∆y = 10.60 cm – 0.60 cm
= 10.00 cm

ความชนั ของกราฟเส้นตรง = ∆y =∆15x0.=0=.00505.m.05c00imnmm=iinn2–.000.5c0mm/imn in
∆x

57

ค่าความเคล่ือนของความชนั = 1 (ความชนั มาก - ความชันน้อย)
2

= (2.07 - 1.93) cm/min
2

= 0.07 cm/min
ดังนนั้ ความชนั ของกราฟเสน้ ตรงทด่ี ที ่ีสุด คอื 2.00 ± 0.07 cm/min

คา่ ความเคล่ือนของจุดตัดแกนตง้ั = 1 (จดุ ตัดสูง - จดุ ตัดต่า)
2

= [(-0.20) - (-0.60)] cm
2

= 0.20 cm

ดงั นั้น จุดตดั แกนตั้งของกราฟเสน้ ตรงทด่ี ีท่สี ดุ คอื – (0.40 ± 0.20) cm

จากผลการทดลองวัดตาแหน่งของทากตัวหน่ึง ณ เวลาต่าง ๆ สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่งกบั

เวลาได้ดว้ ยสมการเสน้ ตรง

x = (2.00 ± 0.07 cm/min) t - (0.40 ± 0.20 cm)

เมือ่ x แทน ตาแหน่งของทากในหน่วย cm t แทน เวลาในหนว่ ย นาที

7.5 ขัน้ ประเมินผล (Evaluation)

7.5.1 สังเกตพฤติกรรมการเรยี นรูและการรวมกจิ กรรมของนักเรยี น

7.5.2 ให้นักเรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ลงในสมดุ

1. จงเขยี นรายงานผลการ วัดความยาววัตถุหนึง่ ในหน่วยมิลลิเมตร ได้ผลดังนี้

16.35, 16.46, 17.12, 26.15, 17.05

2. ผลการทดลองวัดตาแหน่งของทากตวั หนง่ึ ที่เคลอ่ื นทีใ่ นแนวตรง

เวลา (นาที) ตาแหน่ง (เซนตเิ มตร)

1.00 1.5 ± 0.3

2.00 2.9 ± 0.3

3.00 4.5 ± 0.3

4.00 7.1 ± 0.3

5.00 10.2 ± 0.3

6.00 12.4 ± 0.3

58

8. สอ่ื การเรียนรู้และแหล่งการเรียนรู้
8.1 หนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เตมิ วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ฟิสิกส์ เล่ม 1 ตามผลการเรียนรู้

กลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 สสวท. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

8.2 Microsoft PowerPoint เรื่อง การทดลองในวชิ าฟิสกิ ส์

9. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์
จุดประสงค์
การตอบ คำถาม ผ่านเกณฑ์
1. ด้านความรู้ (K: Knowledge) คำถาม ร้อยละ 70
1. บอกความสาคัญของการทดลองและรายงานผล แบบ
ตรวจจาก ประเมิน ผา่ นเกณฑ์
การทดลองได้ แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หดั ร้อยละ 70
2. บันทึกผลการวัดโดยใช้ค่าทางสถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ในสมุด ในสมุด
แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑ์
และความคลาดเคล่ือนของคา่ เฉลี่ยได้ สงั เกต พฤติกรรม รอ้ ยละ 70
3. อธบิ ายกราฟและหาค่าของปริมาณจากกราฟ พฤติกรรม

เส้นตรงได้
2. ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process)

1. วิเคราะห์และคานวณเก่ียวกบั ปริมาณตา่ ง ๆ ใน
กราฟเสน้ ตรงได้

3. ด้านคณุ ลกั ษณะ (A: Attribute)
1. นกั เรยี นมคี วามมงุ่ มน่ั ในการทำงานและใฝเ่ รียนรู้
2. นักเรียนมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ีไดร้ ับมอบหมาย

และสามารถทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืนได้

59

60

61

62

63

เกณฑก์ ารประเมินพฤตกิ รรมระหวา่ งเรียนตามคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

ประเด็นการประเมิน คําอธบิ ายระดับคุณภาพ/ระดบั คะแนน

3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน

ให้ความร่วมมือในการตอบ ใหค้ วามร่วมมือในการตอบ ให้ความรว่ มมือในการตอบ

การตอบคำถาม คำถามอยา่ งเตม็ ท่ี ตอบได้ดี คำถามอยา่ งเตม็ ท่ี ตอบไดด้ ี คำถามอย่างเตม็ ท่ี ตอบได้ดี

ถูกต้องครบถว้ น ถกู ต้องบางคำถาม แตถ่ กู ต้องน้อยมาก

ตง้ั ใจเรียน เอาใจใส่และมี ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่และมี ตง้ั ใจเรียน เอาใจใสแ่ ละมี

ใฝ่เรยี นรู้ ความพยายามในการเรียนรู้ ความพยายามในการเรียนรู้ ความพยายามในการเรยี นรู้

ดีเยีย่ ม ปานกลาง พอใช้

เอาใจใส่ต่อการปฏบิ ัติหน้าท่ี เอาใจใส่ต่อการปฏิบัติหน้าท่ี เอาใจใส่ต่อการปฏบิ ตั ิหน้าที่

มงุ่ มั่นในการทำงาน ที่ไดร้ ับมอบหมาย ตั้งใจและ ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย ต้ังใจและ ทไี่ ด้รบั มอบหมาย ตั้งใจและ
รับผิดชอบในการทำงานให้ รับผิดชอบในการทำงานให้ รบั ผดิ ชอบในการทำงานให้

สำเรจ็ ดีเยีย่ ม สำเรจ็ ปานกลาง สำเร็จพอใช้

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

0 - 4 ควรปรบั ปรงุ อยา่ งยงิ่

5 - 6 ควรปรับปรงุ

7 - 8 พอใช้

9 – 10 ดี

11 - 12 ดมี าก

เกณฑก์ ารผา่ น ระดบั พอใช้ข้ึนไปถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

64

65

66

เกณฑ์การประเมนิ ผลการแบบฝึกหดั

ประเด็นการประเมนิ คําอธิบายระดบั คุณภาพ/ระดบั คะแนน

4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน

ความถกู ต้อง ทำแบบฝึกหัดถูกต้อง ทำแบบฝึกหัดถูกต้อง ทำแบบฝึกหัดถูกต้อง ทำแบบฝกึ หัดถูกต้อง
รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป รอ้ ยละ 65 – 79 รอ้ ยละ 50 - 64 น้อยกวา่ รอ้ ยละ 50

ทำแบบฝึกหัดมีความ ทำแบบฝึกหัดมคี วาม ทำแบบฝึกหดั เป็น ทำแบบฝึกหัดเป็น

ความเป็นระเบยี บ เป็นระเบยี บ สะอาด เป็นระเบียบ สะอาด ระเบยี บ สะอาด ระเบียบ สะอาด

เรยี บร้อยดมี าก เรยี บรอ้ ยดี เรยี บรอ้ ยปานกลาง เรียบร้อยพอใช้

ส่งแบบฝึกหัดทนั ตาม สง่ แบบฝึกหัดลา่ ช้ากวา่ ส่งแบบฝกึ หัดลา่ ชา้ ส่งแบบฝึกหัดล่าช้า

ความตรงต่อเวลา เวลาท่ีกำหนด เวลาท่ีกำหนดไป 1 วนั กวา่ เวลาท่ีกำหนดไป กวา่ เวลาที่กำหนด

3 วนั มากกวา่ 3 วนั

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ควรปรบั ปรงุ อยา่ งย่ิง
0-4 ควรปรบั ปรุง
5-6 พอใช้
7-8 ดี
9 – 10 ดมี าก
11 - 12

เกณฑก์ ารผา่ น ระดบั พอใช้ขึ้นไปถือวา่ ผ่านเกณฑ์

67

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5

รหสั วิชา ว31201 วชิ า ฟสิ ิกส์เพิ่มเตมิ 1 ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง ธรรมชาตแิ ละพฒั นาการทางฟสิ ิกส์ เวลา 12 ชวั่ โมง

แผนการจัดการเรยี นรเู้ รอ่ื ง การวดั และความไมแ่ น่นอนในการวัด เวลา 2 ช่ัวโมง

ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565 ผ้สู อน นายกฤษฎา ปุณปิตตา

กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรยี นบ้านเชียงวิทยา

_________________________________________________________________________

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัด / ผลการเรยี นรู้
สาระท่ี 6 สาระฟสิ ิกส์
1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลื่อนที่แนวตรง แรงและกฎการ

เคล่อื นท่ขี องนวิ ตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทานสมดลุ กลของวตั ถุ งาน และกฎ การอนุรักษ์พลังงาน
กล โมเมนตมั และกฎการอนุรกั ษ์ โมเมนตมั การเคล่อื นทแ่ี นวโคง้ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ผลการเรียนรู้
2. วัด และรายงานผลการวัดปริมาณทางฟิสิกส์ได้ถูกต้องเหมาะสม โดยนำความคลาดเคลื่อนใน

การ วัดมาพิจารณาในการนำเสนอผล รวมทั้งแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วิเคราะห์และแปล
ความหมายจากกราฟเส้นตรง

2. สาระสำคัญ
ความไม่แน่นอนในการวัดค่าที่ได้จากการวัดมีโอกาสเกิดความคลาดเคลื่อนจากค่าจริงของปริมาณท่ี

วดั ซงึ่ จะขนึ้ กับเคร่อื งมือและวธิ ีการวดั รวมทัง้ ข้นึ กับความสามารถและประสบการณข์ องผวู้ ดั
หลักการอ่านค่าที่ได้จากการวัดโดยทัว่ ไปนั้น ให้อ่านค่าที่ปรากฏบนสเกลแล้วสามารถเดา ค่าทศนิยม

ต่อได้อีก 1 ตำแหน่ง
การบวกหรอื การลบ ให้นำตัวเลขความคลาดเคล่ือนมาบวกกันเสมอ การคณู หรือการหารให้นำตัวเลข

ความคลาดเคล่อื นมาคิดเปน็ เปอรเ์ ซ็นต์ (%) กอ่ น แลว้ นำมาบวกกนั
เลขนัยสำคัญ คือ ตัวเลขที่ได้จากการวัดโดยใช้เครื่องมือวัดที่เป็นสเกล เลขทุกตัวที่บันทึกจะมี

ความสำคัญของตวั เลขจะไม่เท่ากนั ดังนน้ั เลขทุกตัวจึงมีนัยสำคัญตามความเหมาะสม เช่น วดั ความยาว ของไม้
ทอ่ นหนึง่ ไดย้ าว 121.54 เซนติเมตร เลข 121.5 เป็นตัวเลขทวี่ ดั ได้จรงิ ส่วน 0.04 เป็นตัวเลขที่ ประมาณขึ้นมา
เราเรยี กตัวเลข 121.54 นีว้ ่า เลขนยั สำคัญ และมีจำนวนเลขนยั สำคัญ 5 ตวั
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. อธิบายความสำคญั ของการเลือกใชเ้ ครื่องมือวดั ให้เหมาะสมกบั ส่ิงทต่ี ้องการวัดได้

68

2. บอกได้ว่าธรรมชาติของการวัดมีความคลาดเคลื่อนเสมอ ขึ้นกับเครื่องวัดวิธี การวัดและ
ประสบการณ์ของผ้วู ดั รวมทง้ั สภาพแวดลอ้ มได้

3.2 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P)
1. วิเคราะหแ์ ละคำนวณหาปริมาณทไ่ี ดจ้ ากการวัดและความคลาดเคลอ่ื นได้

3.3 ด้านคุณลกั ษณะ (A)
1. นักเรียนมคี วามม่งุ ม่ันในการทำงาน
2. นักเรยี นมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ งานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายและสามารถทำงานร่วมกับ

ผ้อู ่นื ได้

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 การเลือกใช้เคร่อื งมอื ได้อยา่ งเหมาะสมกบั สิง่ ที่ต้องการวดั
4.2 การประมาณคา่ ความคลาดเคลอื่ น
4.3 การบวก ลบ คูณและหาร ตวั เลขท่ีระบคุ วามคลาดเคล่ือนไปดว้ ย
4.4 เลขนยั สำคญั

5. สมรรถนะ
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (เฉพาะทเี่ กิดในแผนการจัดการเรยี นรูน้ ้ี)
 1) ความสามารถในการส่ือสาร
 2) ความสามารถในการคิด
 3) ความสามารถในการแก้ปญั หา
 4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
 5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกดิ ในแผนการจดั การเรียนรู้น้)ี

 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  5) อย่อู ย่างพอเพยี ง

 2) ซื่อสัตย์ สจุ ริต  6) มงุ่ มัน่ ในการทางาน

 3) มวี นิ ยั  7) รักความเป็นไทย

 4) ใฝเ่ รียนรู้  8) มจี ติ สาธารณะ


Click to View FlipBook Version