The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมหน่วยการเรียนรู้ที่2-ม.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Birdnissorn, 2019-09-15 04:12:17

รวมหน่วยการเรียนรู้ที่2-ม.2

รวมหน่วยการเรียนรู้ที่2-ม.2

777

แบบบนั ทกึ การประเมนิ ผู้เรียน ดา้ นความรู้
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 6 เรอ่ื ง การออกแบบอัลกอริทมึ

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 เรื่อง นักออกแบบระบบ
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ วชิ า เทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2

รายการประเมิน

มคี วามร้คู วาม มีความรูค้ วามเขา้ ใจ สามารถเขยี นผัง

เลขที่ ชื่อ-สกลุ เข้าใจเก่ียวกับ เกีย่ วกับโปรแกรม งาน (flowchart)

การออกแบบ Flowgorithm โดยใช้โปรแกรม

อัลกอรึทึม Flowgorithm ได้

1

2

3

4

5

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน
4 คะแนน ระดับ 4 ดมี าก (………….…………………………………….)
3 คะแนน ระดับ 3 ดี ครูผ้สู อน
2 คะแนน ระดับ 2 พอใช้
1 คะแนน ระดับ 1 ปรบั ปรงุ

*เกณฑ์การผา่ น ระดับ 2 ขนึ้ ไป

778

แบบบันทกึ การประเมนิ ผู้เรยี น ด้านทักษะและกระบวนการ
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 เรื่อง การออกแบบอัลกอริทมึ

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เรื่อง นักออกแบบระบบ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ วิชา เทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2

รายการประเมนิ

เลขท่ี ช่อื -สกลุ กระบวนการทาง กระบวนการสบื ค้น ทักษะการคดิ ทกั ษะการ

วทิ ยาศาสตร์ ขอ้ มลู การสื่อสาร แก้ปัญหา ICT

1

2

3

4

5

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน
4 คะแนน ระดับ 4 ดีมาก (………….…………………………………….)
3 คะแนน ระดับ 3 ดี ครูผสู้ อน
2 คะแนน ระดับ 2 พอใช้
1 คะแนน ระดับ 1 ปรบั ปรุง

*เกณฑ์การผ่าน ระดับ 2 ขึ้นไป

779

แบบบันทกึ การประเมนิ ผูเ้ รยี น ด้านคุณลักษณะ
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 6 เรื่อง การออกแบบอัลกอริทมึ

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เรื่อง นกั ออกแบบระบบ
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วชิ า เทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2

เลขที่ ชือ่ -สกลุ ซื่อสตั ย์สจุ รติ รายการประเมิน มงุ่ มน่ั ใน
มีวนิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ การทางาน
1
2
3
4
5

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมิน
4 คะแนน ระดับ 4 ดมี าก (………….…………………………………….)
3 คะแนน ระดับ 3 ดี ครูผสู้ อน
2 คะแนน ระดับ 2 พอใช้
1 คะแนน ระดับ 1 ปรับปรุง

*เกณฑ์การผ่าน ระดบั 2 ขึ้นไป

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เรอื่ ง นักออก
รายวชิ า เท
ขอบเขตเน้ือหา
1. โครงสรา้ งภาษาไพธอน กจิ กรรมการเรยี นรู้
2. การรับค่าและแสดงผล ข้ันนา
3. การเขียนโปรแกรมคานวณทางคณติ ศาสตร์และ
1. นกั เรยี นแสดงความคิดเห
วทิ ยาศาสตร์ อาชีพโปรแกรมเมอร์ และการพ

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 2. ครแู นะนาเก่ียวกับการเข
ดา้ นความรู้ เข้าใจพื้นฐาน
ขน้ั สอน
1. การเขียนโปรแกรมภาษาไพธอนเบ้อื งตน้
2. คาสั่งแสดงผลและรบั ค่า 1. นักเรียนศึกษาใบความรู้ท
ด้านทกั ษะและกระบวนการ โปรแกรมภาษาไพธอน เปน็ เวล
1. การเขียนโปรแกรมคานวณทางคณิตศาสตรแ์ ละ
วิทยาศาสตร์ 2. ครถู ามคาถามนกั เรียน ด
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ - ภาษาไพธอนคอื ภาษาระดับ
1. การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ - ผู้พัฒนาภาษาไพธอนคือใคร
2. มีความรับผิดชอบ - ภาษาไพธอนมโี ครงสรา้ งการ
3. ซ่อื สตั ย์ - โปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการเขียนภา
4. มงุ่ มน่ั ในการทางานเปน็ ทีม อะไรบา้ ง
3. ครสู าธติ วิธกี ารเขยี นโปรแ
editor หรอื ผ่านเว็บไซต์ http
4. นักเรยี นทดลองเขยี นโปร

780

เรอ่ื ง ไพธอนเบ้อื งต้น ด เวลา 2 ชวั่ โมง
กแบบระบบ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2
ทคโนโลยี
สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้
หน็ เกีย่ วกบั การเขยี นโปรแกรม - python.nattapon.com
พฒั นาโปรแกรม - ใบความรู้ 7.1 เร่ือง เรอื่ งความรพู้ ืน้ ฐานโปรแกรม
ขียนโปรแกรม หลักการ และความ ภาษาไพธอน
- ใบความรู้ที่ 7.2 เร่อื งคาส่งั แสดงผลและรับค่า
ท่ี 7.1 เรอ่ื งความรู้พนื้ ฐาน ภาระงาน/ช้นิ งาน
ลา 10 นาที - ใบงานที่ 7.1 เร่ืองการพัฒนาโปรแกรมคานวณ
ดงั น้ี ทางคณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์
บใด หมายเหตุ
ร สถานที่ : หอ้ งคอมพวิ เตอร์
รทางานอย่างไร
าษาไพธอน ไดแ้ กโ่ ปรแกรม

แกรมดว้ ยภาษาไพธอนโดยใช้
ps://repl.it
รแกรมแสดงช่ือหรอื ขอ้ มลู ตนเอง

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 7
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ เร่อื ง นักออก
รายวิชา เท

ดว้ ยคาส่งั print
5. ครแู นะนาตวั แปรและการ

ทดลองเขยี นคาส่ังเกบ็ คา่ ในตัว
6. ครสู าธิตวธิ กี ารใชค้ าสั่ง in
7. นักเรียนทบทวนวธิ ีการใช

จากใบความรู้ท่ี 7.2 เรื่องคาสั่ง
8. ครูสาธิตวิธกี ารเขยี นคาสั่ง

คณติ ศาสตร์และวิทยาศาสตร์
ต่างๆ เปน็ ต้น

9. นกั เรยี นทาใบงานท่ี 7.1
ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาส
ขน้ั สรปุ

1. ครูและนักเรียนรว่ มกันสร
2. นกั เรียนสรปุ และบนั ทกึ เน
เรียน

เร่ือง ไพธอนเบอ้ื งตน้ ด 781
กแบบระบบ
ทคโนโลยี เวลา 2 ชว่ั โมง
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2
รใชง้ านตวั แปร และใหน้ กั เรยี น
วแปร และแสดงออกทางหนา้ จอ
nput เพือ่ รบั คา่ เขา้ สู่โปรแกรม
ชค้ าสั่ง print และ input เพม่ิ เติม
งแสดงผลและรับค่า
งโปรแกรมคานวณคา่ ทาง
เช่น การคานวณหาพน้ื ท่รี ปู ทรง

เรือ่ งการพัฒนาโปรแกรมคานวณ
สตร์

รุปเน้ือหารว่ มกนั
นอ้ื หาการเรยี นรู้ทสี่ าคัญลงในสมุด

782

การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมือทีใ่ ช้ เกณฑ์
ส่งิ ทีต่ ้องการวดั - ใบงานที่ 7.1 เรื่องการ
พัฒนาโปรแกรมคานวณ - แบบประเมินการคดิ - นกั เรยี นทุกคน
1. ดา้ นความรู้ (K) ทางคณิตศาสตรแ์ ละ วจิ ารณญาณ ผา่ นเกณฑ์ไม่ต่า
1. การเขียนโปรแกรม วทิ ยาศาสตร์ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม กวา่ ร้อยละ 80
- แบบประเมนิ การคิด นกั เรยี นทกุ คนผา่ น
ภาษาไพธอนเบอื้ งตน้ - สงั เกตพฤติกรรมการ วิเคราะห์ เกณฑ์ไม่ต่ากว่า
2. คาสงั่ แสดงผลและรับ เรยี นรู้ของนักเรยี น - แบบประเมนิ ผังมโนทัศน์ รอ้ ยละ 80
- แบบประเมนิ การทางาน
คา่ - สงั เกตพฤติกรรมของ กลุ่ม - นักเรยี นทุกคน
นักเรยี น ผา่ นเกณฑ์ไม่ต่า
2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) - แบบประเมนิ ผลดา้ น กวา่ ร้อยละ 80
1. การเขยี นโปรแกรม กระบวนการเรียนรเู้ ทียบกับ
เกณฑ์ - นกั เรยี นทุกคน
คานวณทางคณิตศาสตร์ ผา่ นเกณฑ์ไม่ต่า
และวทิ ยาศาสตร์ - แบบประเมนิ ผล กว่าร้อยละ 80
3. ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) ด้านคณุ ลักษณะอนั พึง
ประสงคเ์ ทียบกับเกณฑ์
1. การแก้ไขปัญหาอย่าง
เปน็ ระบบ

2. มคี วามรับผิดชอบ
3. ซ่ือสตั ย์
4. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
เปน็ ทีม

783

8. บันทึกผลหลังสอน
ผลการเรียนรู้

............................................................................................................................. ................................................
ปัญหาและอปุ สรรค

.................................................................................................................................................................... ......
ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข

............................................................................................. ..............................................................................

ลงช่อื ......................................ผ้สู อน
(.......................................................)
วันท.่ี .....เดือน...............................พ.ศ.............

9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผู้ทไี่ ด้รับมอบหมาย
...........................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ
(.......................................................)
วันท.่ี .....เดือน...............................พ.ศ.............

784

ใบความรู้ 7.1 เรื่อง เร่ืองความรู้พนื้ ฐานโปรแกรมภาษาไพธอน

ภาษาไพธอน (Python Programming Language) เป็นภาษาโปรแกรมระดับสูง มีการทางานแบบ
อินเทอรพ์ รเี ตอร์ สร้างโดย กีโอ ฟาน รอสซมั (Guido van Rossom)

ภาษา Python ถูกสร้างและพฒั นาข้ึนโดยไม่ยดึ ตดิ กบั Platform น่ันหมายความวา่ เราสามารถเขียน
โปรแกรมด้วยภาษาไพธอนได้ทุกระบบปฏิบัติการ (Unix, Linux, Window ฯลฯ) และท่ีสาคัญภาษาไพธอน
เป็นภาษา Open Source ครับ

ความสามารถของภาษา Python (จากเว็บไซต์ http://python.cmsthailand.com/) ได้กล่าวถึง
ความสามารถของภาษา Python ไว้ดงั นี้

1. ง่ายต่อการเรียนรู้ โดยภาษา Python มีโครงสร้างของภาษาไม่ซับซ้อนเข้าใจง่าย ซ่ึงโครงสร้าง
ภาษา Python จะคล้ายกับภาษา C มาก เพราะภาษา Python สร้างข้ึนมาโดยใช้ภาษา C ทาให้ผู้ท่ีคุ้นเคย
ภาษา C อยูแ่ ล้วใช้งานภาษา Python ได้ไมย่ าก นอกจากน้ีโดยตัวภาษาเองมีความยืดหยุ่นสงู ทาให้การจัดการ
กับงานด้านขอ้ ความ และ Text File ได้เปน้ อยา่ งดี

2. ไมต่ อ้ งเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทงั้ ส้นิ เพราะตัวแปรภาษา Python อย่ภู ายใต้ลขิ สิทธิ์ GNU
3. ใช้ได้หลายแพลตฟอร์ม ในช่วงแรกภาษา Python ถูกออกแบบใช้งานกับระบบ Unix แต่ใน
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาตัวแปลภาษา Python ให้สามารถใช้กับระบบปฏิบัติการอ่ืนๆ อาทิเช่น Linux,
Windows 95/98/ME, Windows NT, Windows 2000, OS/2 รวมทัง้ OS X
4. ภาษา Python ถูกสร้างข้ึนโดยได้รวบรวมเอาส่วนดีของภาษาต่างๆ เข้ามาไว้ด้วยกัน อาทิเช่น
ภาษา C, C++, Java, Perl
5. ภาษา Python เป็นภาษาประเภท Server side Script คือการทางานของภาษา Python จะ
ทางานด้านฝ่งั Server แล้วส่งผลลัพธก์ ลับมายงั Client ทาให้มีความปลอดภัยสงู
6. ใช้พัฒนา Web Service โดยที่ภาษา Python สามารถนามาพัฒนาเว็บเซอร์วิส รวมทั้งใช้บริหาร
การสร้างเว็บไซต์สาเร็จรูปที่เรียกวา่ Content Management Framework (CMF) ตัวอย่าง CMF ท่ีมชี ื่อเสยี ง
มากและเบื้องหลังทางานด้วย python คือ Plone
1. ตวั แปร (Variable)
ตัวแปร (variable) เป็นการกาหนดชนิดขอ้ มูลของตัวแปร เพื่อนาไปใช้ในการเขียนโปรแกรม โดยท่ี
โปรแกรมภาษาไพธอนไปจองพ้ืนที่ในหน่วยความจา เพ่ือใช้เก็บข้อมูลชนิดต่าง ๆ แล้วแต่ชนิดของตัวแปรที่
ประกาศเอาไว้ อาจเป็นชนิดตัวเลข ตัวอักขระ หรือสายอักขระ ข้อมูลประเภทเหล่านี้จะถูกนาไปอ้างถึงเมื่อ
เขยี นคาสง่ั ไปอ้างอิง ภาษาไพธอนมีการประกาศตัวแปรไม่เหมอื นเหมือนภาษาซี หรอื ภาษาปาสกาล ดังนี้

785

ชนดิ ข้อมูล

ชนดิ ขอ้ มลู ภาษาไพธอน ภาษาซี

INTEGER (จานวนเตม็ ) i = 0 int i = 0;

j = 5 int j = 5;

FLOAT (จานวนจริง) i = 0.0 float i = 0.0;

j = 5.0 float j = 5.0;

CHARACTER (อักขระ) ch = ‘N’ char ch = ‘N’;

STRING (สายอกั ขระ) text = ‘Nattapon’ string text;

BOOLEAN (ตรรกะ) Boo = True -

Boo = False

จากตาราง แสดงการเปรียบเทียบการประกาศตัวแปรของภาษาต่างๆ เปรียบเทียบกับภาษาไพธอน

ภาษาซีจะต้องบอกชนิดอย่างชัดเจน เช่น int i; แต่ภาษาไพธอนสามารถกาหนดค่าให้กบั ตัวแปรน้ันๆ ได้เลย

ตวั แปรของภาษาไพธอนจะเรียนรจู้ ากขอ้ มูลทีเ่ รากาหนดให้ เช่น i = 0 หมายถึง ตัวแปร i เก็บข้อมลู ประเภท

ตวั เลขจานวนเต็ม (integer) แต่การประกาศตัวแปรมีเงื่อนไขที่ตอ้ งคานงึ ตามกฎการตงั้ ช่ือตัวแปรของภาษาไพ

ธอน มีดงั ต่อไปน้ี

1. ต้องข้ึนตน้ ดว้ ยตัวอักษร ห้ามใชต้ ัวเลขหรอื สญั ลกั ษณ์ใด ๆ

2. หา้ มมชี ่องว่าง หรอื เวน้ วรรค

3. ห้ามใช้เครือ่ งหมายต่อไปน้ีในการต้งั ชือ่ ตวั แปร !,@, #, $, %, ^, &, *, (, ), -, =, \, |, +, ~

4. ห้ามตั้งชื่อตัวแปรซ้ากบั คาสงวน

5. ควรตัง้ ชอ่ื ตัวแปรทีส่ ือ่ ความหมายให้ชัดเจน เพ่ือผ้อู ่ืนตีความหมายไดเ้ ขา้ ใจ แต่ถ้ามีความยาวมากให้

ย่อ เชน่ student_name ควรใช้ st_name เปน็ ตน้

6. ตวั แปรที่มีตัวพมิ พใ์ หญแ่ ละตวั พมิ พ์เล็กผสมกนั จะมคี วามหมายตา่ งกบั ตวั พิมพ์เลก็ เพียงอย่างเดยี ว

เชน่ St_Id แตกต่างจากตวั แปร st_id เป็นต้น

คาสงวน

คาสงวน คือ ช่ือหรือคาท่ีภาษาไพธอนสงวนไว้เฉพาะเพื่อใช้เป็นคาสั่ง หรือมไี ว้เพือ่ เขยี นเปน็ โครงสร้าง

ของตวั ภาษาเอง ฉะน้ันผู้เขยี นโปรแกรมจงึ ควรหลีกเล่ียงคาสงวนเหล่าน้ีในการตงั้ ชือ่ โปรแกรม ตัวแปร หรือช่ือ

ใดๆ ก็ตามทต่ี ้งั ขึ้นมาใหมแ่ ลว้ ตรงกับคาสงวน คาสงวนมดี ว้ ยกัน 31 คาดังต่อไปน้ี

and del from not while

as elif global or with

assert else if pass yield

break except import print class

exec in raise continue finally

is return def for lambda try

786

2. นพิ จน์ (Expression)
นิพจน์ (Expression) คือ ข้อกาหนดท่ีใช้ในการคานวณหาค่าต่างๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เห็นได้ชัดก็

อย่างเช่นสูตรคณิตศาสตร์ต่างๆ ซึ่งสูตรเหล่านั้นจะประกอบไปด้วยโอเปอร์แรนด์ (Operand) โอเปอร์แรนด์
คือ ตัวแปร หรือค่าคงท่ี หรือฟังก์ชันต่างๆ มาคานวณอาจจะมีต้ังแต่หน่ึงตัวหรือมากว่า โดยการใช้โอเปร์เร
เตอร์ (Operator) ซ่ึงเป็นสัญลักษณ์ที่ใชใ้ นการคานวณหรือเปรียบเทียบทางคณิตศาสตร์มาเป็นตวั เช่ือมของโอ
เปอร์แรนด์ ตัวอย่างเช่น บวก (+) ลบ (-) คูณ (*) หาร (/) เป็นต้น เพื่อจะเป็นการเข้าใจนิพจน์ดียิ่งขึ้นให้
พจิ ารณาจากสูตรการหาพ้นื ท่ขี องวงกลมตอ่ ไปนี้คือ pi * radius * radius

Expression คอื pi * radius * radius
Operand มี 2 ตวั คือ

Variable (ตวั แปร) คอื radius
Constant (ค่าคงท)ี่ คอื pi
Operator คือ *

787

ใบความรทู้ ี่ 7.2 เรอ่ื ง คาสง่ั แสดงผลและรบั คา่

การรบั ค่าทางคียบ์ อรด์ (แป้นพิมพ)์
ภาษาไพธอนได้กาหนดให้มีคาส่ังเพ่ือรบั ข้อมูลจากผู้ใช้ พิมพ์ข้อมูลจากแป้นพิมพ์ เข้าสู่หน่วยความจา

ได้ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ ขอ้ มูลประเภทตวั เลข และขอ้ มลู ประเภทตวั อักขระหรือสายอักขระ

1. การปอ้ นข้อมูลเพือ่ รับค่าตวั เลข
การรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์เป็นการนาเข้าข้อมูล เฉพาะข้อมูลประเภทตัวเลขเท่าน้ัน รูปแบบคาส่ัง

ไดแ้ ก่
กรณีท่ีรบั ตัวเลขเป็นจานวนเตม็ <variable> = int(input("text")) เช่น
number = int(input("กรณุ าปอ้ นจานวนนกั ศึกษา : "))

กรณีท่รี บั ตวั เลขเปน็ จานวนจรงิ <variable> = float(input("text")) เช่น
number = float(input("กรุณาป้อนจานวนนกั ศกึ ษา : "))

การทางานของคาส่ัง จะแสดงข้อความ "กรุณาป้อนจานวนนกั ศกึ ษา : " ถา้ ผู้ใช้ปอ้ นตัวเลขจานวนใดๆ
แล้วกดปุ่ม Enter ตัวเลขค่านั้นจะจัดเก็บอยู่ในตัวแปร number หลังจากน้ันนาตัวแปร number ไปใช้ใน
คาสง่ั ใดๆ เพ่ือการคานวณได้

2. การป้อนขอ้ มลู เพ่อื รับคา่ ตัวอกั ขระ
การรับข้อมูลจากแปน้ พิมพ์ เป็นการนาเขา้ ขอ้ มูลจากผู้ใช้อกี กรณีหน่ึง แตเ่ หมาะสาหรบั ตัวอักขระหรือ

สายอกั ขระเท่าน้นั เชน่ ชือ่ นามสกุล ท่อี ยู่ เปน็ ต้น มีรูปแบบดังน้ี
<variable> = input("text") เชน่
name = input("กรณุ าปอ้ นชอื่ นกั ศกึ ษา : ")

* หมายเหตุ กรณีนี้ แม้ว่าจะพิมพ์ข้อมูลเป็นตัวเลข โปรแกรมก็จะมองตัวเลขน้ันเป็นอักขระ ซึ่งไม่
สามารถนามาคานวณได้

การแสดงผลข้อมูลออกจากหนา้ จอ
การแสดงผลทางจอภาพมีรายละเอยี ดที่เก่ยี วข้อง ท่ีต้องทราบอีกหลายประเดน็ โดยทวั่ ไปแลว้ คาส่ังที่

ส่ังให้แสดงผลทางจอภาพใช้คาส่ัง print และตามด้วยเคร่ืองหมายวงเล็บ ( ) ภายในวงเล็บจะใช้ฝนทอง (')
หรือเครื่องหมายฟันหนู (") และตามด้วยข้อความท่ีต้องการแสดงผล ปิดท้ายด้วยเคร่ืองหมาย ' หรือ "
ตัวอย่างเช่น print("น่ีคือการแสดงผลทางจอภาพ") เป็นต้น แต่มีรายละเอียดการแสดงผลทีนอกเหนือจากน้ี
ดังตอ่ ไปนี้

788

1. การแสดงผลเป็นขอ้ ความอยา่ งเดยี ว
ในการแสดงผลเปน็ ข้อความหรืออักขระอย่างเดียว สามารถใช้คาสัง่ print ไดด้ งั นี้
print(‘สวสั ดีครบั ’)

2. การแสดงผลค่าของตวั แปร
กาหนดคา่ ของตัวแปร x = 5, y = 10
การใช้คาส่งั print(x) จะไดผ้ ลลัพธแ์ สดงออกทางหนา้ จอเปน็ 5 ซงึ่ ก็คอื ค่าของตัวแปร x
คาสั่ง print(x+y) จะไดผ้ ลลพั ธแ์ สดงออกทางหน้าจอเปน 15 ซง่ึ ก็คอื คา่ ของตวั แปร x+y

3. การแสดงผลขอ้ ความรว่ มกบั ตวั แปร
กาหนดค่าของตวั แปร x = 5, y = 10
ถา้ ตอ้ งการใหแ้ สดงผลออกทางหน้าจอเป็นคาวา่ “คา่ ของ x = 5” จะใช้คาสง่ั ดังนี้
print(“ค่าของ x = ”,x)
ถ้าต้องการใหแ้ สดงผลออกทางหน้าจอเปน็ คาว่า “ค่าของ x = 5 และค่าของ y = 10” จะใชค้ าสง่ั ดงั น้ี
print(“ค่าของ x = ”,x, “ และคา่ ของ y = ”, y)

ความร้เู พิม่ เตมิ
คาสั่ง \n เปน็ คาสงั่ สาหรบั สั่งใหโ้ ปรแกรมทาการเวน้ บรรทัด

789

ใบงานท่ี 7.1 เรื่องการพัฒนาโปรแกรมคานวณทางคณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์

1. จงตอบคาถามต่อไปนี้
1.1 หากนักเรยี นต้องการเขยี นโปรแกรมคานวณหาพื้นทวี่ งกลมจากสูตร...............................................

นกั เรียนจะต้องกาหนดตัวแปรสาหรบั รับคา่ ทางคีย์บอรด์ ก่ีตวั แปร.................ได้แก.่ ............................................
1.2 หากนกั เรยี นต้องการเขยี นโปรแกรมคานวณหาพนื้ ทส่ี ามเหลย่ี มจากสูตร.......................................

นักเรยี นจะต้องกาหนดตวั แปรสาหรับรบั ค่าทางคีย์บอรด์ ก่ีตัวแปร.................ไดแ้ ก.่ ............................................
1.3 หากนกั เรยี นต้องการเขยี นโปรแกรมคานวณหาค่าระยะทางจากสตู ร s = ut + (1/2)at2

นกั เรียนจะต้องกาหนดตวั แปรสาหรับรบั คา่ ทางคยี ์บอรด์ ก่ีตัวแปร.................ได้แก.่ ............................................

2. จงเขียนโปรแกรมต่อไปนี้ให้สมบูรณ์
2.1 โปรแกรมหาพ้ืนท่สี ่ีเหลีย่ ม

…………. = int(input(“Input width : ”))
high = int(input(“Input high : ”))
area = width * …………..
print(……………)

2.2 โปรแกรมหาพื้นท่ีวงกลม

radius = float(input(“Input width : ”))
…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………..

2.2 โปรแกรมรบั ตวั เลขจานวนจริง 3 ตวั แล้วหาค่าเฉลีย่

…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………..

790

3. กาหนดโจทยป์ ัญหาและผลลัพธท์ ่ตี อ้ งการ จงเขียนโปรแกรมเพ่ือแกป้ ญั หา
3.1 เขียนโปรแกรมเพือ่ ใหแ้ สดงขอ้ ความ ดังน้ี

Hello World!!
I’m study at Wang Klai Kang Won School.
Address of my school is T.HuaHin A.HuaHin Prajuabkirikhan

โคด๊ โปรแกรม

………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

3.2 เขยี นโปรแกรมเพือ่ คานวณสตู ร s = ut + (1/2)at2 โดยมีผลลพั ธ์การแสดงผลทีต่ ้องการดงั น้ี

********* Program Physics *********
Input u : 10
Input t : 2
Input a : 5
************** Result*************

โคsด๊ (โdปisรtaแnกceร)ม= 30 m.

*********** End Program **********

………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

791

เฉลยใบงานที่ 7.1 เรือ่ งการพฒั นาโปรแกรมคานวณทางคณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์

1. จงตอบคาถามต่อไปน้ี
1.1 หากนักเรียนต้องการเขียนโปรแกรมคานวณหาพืน้ ทีว่ งกลมจากสตู ร PI*R*R

นกั เรยี นจะต้องกาหนดตวั แปรสาหรับรบั คา่ ทางคีย์บอรด์ ก่ีตัวแปร 1 ตวั แปร ได้แก่ R
1.2 หากนักเรียนต้องการเขยี นโปรแกรมคานวณหาพน้ื ทสี่ ามเหลยี่ มจากสตู ร ½*Base*High

นกั เรียนจะต้องกาหนดตัวแปรสาหรับรบั คา่ ทางคยี ์บอรด์ กี่ตวั แปร 2 ตวั แปร ได้แก่ Base High
1.3 หากนกั เรียนต้องการเขียนโปรแกรมคานวณหาคา่ ระยะทางจากสูตร s = ut + (1/2)at2

นักเรียนจะต้องกาหนดตัวแปรสาหรับรับค่าทางคีย์บอรด์ กี่ตัวแปร 3 ตัวแปร ได้แก่ u t และ a

2. จงเขยี นโปรแกรมต่อไปน้ีให้สมบูรณ์
2.1 โปรแกรมหาพน้ื ทส่ี ี่เหล่ียม

width = int(input(“Input width : ”))
high = int(input(“Input high : ”))
area = width * high
print(area)

2.2 โปรแกรมหาพ้นื ท่ีวงกลม

radius = float(input(“Input width : ”))
area = 3.14*radius*radius
print(area)

2.2 โปรแกรมรบั ตวั เลขจานวนจริง 3 ตัว แลว้ หาคา่ เฉลยี่

a = int(input())
b = int(input())
c = int(input())
avg = (a+b+c)/3
print(avg)

792

3. กาหนดโจทย์ปญั หาและผลลัพธ์ท่ีต้องการ จงเขียนโปรแกรมเพื่อแกป้ ัญหา
3.1 เขียนโปรแกรมเพอื่ ให้แสดงขอ้ ความ ดังน้ี

Hello World!!
I’m study at Wang Klai Kang Won School.
Address of my school is T.HuaHin A.HuaHin Prajuabkirikhan

โค๊ดโปรแกรม

print(“Hello World!!”)
print(“I’m study at Wang Klai Kang Won School.”

print(“Address of my school is T.HuaHin A.HuaHin Prajuabkirikhan”)

3.2 เขยี นโปรแกรมเพ่ือคานวณสูตร s = ut + (1/2)at2 โดยมผี ลลพั ธก์ ารแสดงผลท่ตี ้องการดงั นี้

********* Program Physics *********
Input u : 10
Input t : 2
Input a : 5
************** Result*************

โคs๊ด(โdปisรtaแnกceร)ม= 30 m.

*********** End Program **********

print(“********* Program Physics *********”)
u = int(input(“Input u :”))
t = int(input(“Input t :”))
a= int(input(“Input a :”))
print(“************** Result*************”)
result = u*t+1/2*a*t*t
print(“s (distance) =”, result, “ m.”)
print(“*********** End Program **********”)

793

แบบบนั ทกึ การประเมนิ ผเู้ รียน ด้านความรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 เรอื่ ง ไพธอนเบื้องต้น

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรื่อง นกั ออกแบบระบบ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วิชา เทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2

รายการประเมิน

เลขที่ ชื่อ-สกลุ การเขยี นโปรแกรมภาษา คาส่ังแสดงผลและรบั ค่า

ไพธอนเบ้อื งต้น

1
2
3
4
5

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน
4 คะแนน ระดับ 4 ดมี าก (………….…………………………………….)
3 คะแนน ระดับ 3 ดี ครูผสู้ อน
2 คะแนน ระดับ 2 พอใช้
1 คะแนน ระดับ 1 ปรบั ปรงุ

*เกณฑ์การผ่าน ระดบั 2 ขนึ้ ไป

794

แบบบันทึกการประเมินผู้เรียน ดา้ นทักษะและกระบวนการ
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 เรือ่ ง ไพธอนเบอื้ งตน้
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 เร่ือง นักออกแบบระบบ

กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ วชิ า เทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2

เลขที่ ชือ่ -สกลุ รายการประเมนิ
การเขียนโปรแกรมคานวณทางคณิตศาสตร์
1
2 และวิทยาศาสตร์
3
4 ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ
5 (………….…………………………………….)
ครูผู้สอน
เกณฑ์การให้คะแนน
4 คะแนน ระดับ 4 ดมี าก
3 คะแนน ระดับ 3 ดี
2 คะแนน ระดับ 2 พอใช้
1 คะแนน ระดับ 1 ปรับปรุง

*เกณฑ์การผ่าน ระดบั 2 ข้ึนไป

795

แบบบนั ทึกการประเมินผเู้ รียน ด้านคุณลกั ษณะ
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 7 เร่อื ง ไพธอนเบ้ืองต้น

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่ือง นักออกแบบระบบ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ วชิ า เทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2

เลขท่ี ช่อื -สกลุ รายการประเมิน
การแก้ไขปัญหาอย่างเป็น มีความรบั ผดิ ชอบ ซ่ือสัตยแ์ ละ
1
2 ระบบ มุง่ มั่นในการทางานเปน็ ทีม
3
4
5

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
4 คะแนน ระดับ 4 ดมี าก (………….…………………………………….)
3 คะแนน ระดับ 3 ดี ครผู ูส้ อน
2 คะแนน ระดับ 2 พอใช้
1 คะแนน ระดับ 1 ปรับปรุง

*เกณฑ์การผา่ น ระดับ 2 ขึ้นไป

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 8
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ เรื่อง นักออ
รายวิชา เท
ขอบเขตเนอื หา
1. คำสง่ั เลือกทำ กจิ กรรมการเรยี นรู้
2. คำสง่ั ทำซำ ขันนา้

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรียนร่วมกันทบทวนห
ดา้ นความรู้ ไพธอนในกำรเรยี นชั่วโมงที่ผำ่ น

1. เข้ำใจกระบวนกำรตดั สินใจและกำรทำงำนซำ 2. นักเรียนร่วมกนั อภปิ รำยร
ของระบบคอมพิวเตอร์ แสงว่ำมีกำรทำงำนอย่ำงไร
ขันสอน
2. ออกแบบอลั กอรทิ ึมสำหรบั กำรตัดสนิ ใจและ
กำรทำซำได้ 1. ครูอธิบำยสรุปหลักกำรทำ
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ตำมระดบั แสง โดยมคี ำสั่งกำรท

1. เขยี นโปรแกรมทมี่ กี ำรตัดสนิ ใจได้ 2. นกั เรียนศกึ ษำใบควำมรู้ท
2. เขยี นโปรแกรมทม่ี กี ำรทำงำนซำได้ 3. ครสู ำธิตกำรใช้คำสง่ั เลือก
โปรแกรมตรวจสอบเลขคู/่ เลขค
บวก/ลบ/ศนู ย์ และโปรแกรมต
4. นักเรียนทดลองเขียนโปรแ
เป็นเวลำ 10 นำที

796

เรอ่ื ง การทา้ ซ้าและตัดสนิ ใจ ด เวลา 2 ชั่วโมง
อกแบบระบบ ชันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2
ทคโนโลยี
สื่อ/แหล่งเรียนรู้
หลกั กำรเขยี นโปรแกรมภำษำ - python.nattapon.com
นมำ - เวบ็ ไซต์ repl.it
ระบบปดิ -เปดิ ไฟอตั โนมตั ติ ำมระดับ - ใบควำมรูท้ ่ี 8.1 เรือ่ ง คำสง่ั เลือกทำ
- ใบควำมรู้ท่ี 8.2 เรอื่ ง คำส่ังวนซำ
ำงำนของระบบปดิ เปดิ ไฟอัตโนมตั ิ ภาระงาน/ชินงาน
ทำงำนทีส่ ำคัญคือคำส่งั ตดั สินใจ - ใบงำนท่ี 8.1 เรือ่ งกำรเขยี นคำสั่งเลอื กทำและ
ท่ี 8.1 เรือ่ ง คำสั่งเลือกทำ วนซำ
กทำในกำรเขียนโปรแกรม เชน่ หมายเหตุ
ค่ี โปรแกรมตรวจสอบเลขจำนวนเต็ม สถำนที่ : หอ้ งคอมพิวเตอร์
ตดั เกรด เปน็ ต้น
แกรมโดยใชค้ ำสง่ั เลือกทำดว้ ยตนเอง

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 8
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ เรือ่ ง นกั ออ
รายวิชา เท
ด้านคุณลักษณะ
1. กำรแก้ไขปัญหำอยำ่ งเป็นระบบ 5. นกั เรียนศึกษำใบควำมรู้ท
2. มีควำมรบั ผิดชอบ 6. ครูสำธติ กำรใชค้ ำสัง่ วนซำ
3. ซอื่ สัตย์ แสดงชอ่ื ตนเอง 10 ครงั โปรแก
4. มงุ่ มนั่ ในกำรทำงำนเปน็ ทีม ผลรวมของชดุ ตัวเลข เปน็ ต้น
7. นักเรยี นทดลองเขียนโปรแ
เปน็ เวลำ 10 นำที
8. นักเรยี นทำใบงำนท่ี 8.1 เ
ขันสรปุ
1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สร
2. นักเรียนสรปุ และบนั ทึกเน
เรียน

เรื่อง การท้าซ้าและตัดสินใจ ด 797
อกแบบระบบ
ทคโนโลยี เวลา 2 ชว่ั โมง
ท่ี 8.1 เรอื่ ง คำส่งั วนซำ ชนั มัธยมศึกษาปีท่ี 2
ำในกำรเขยี นโปรแกรม เชน่ โปรแกรม
กรมสูตรคณู หรือโปรแกรมหำค่ำ

แกรมโดยใชค้ ำส่ังวนซำด้วยตนเอง

เรื่องกำรเขยี นคำสั่งเลือกทำและวนซำ

รปุ เนอื หำรว่ มกนั
นือหำกำรเรยี นรู้ทส่ี ำคญั ลงในสมดุ

798

การวัดและประเมนิ ผล

ส่ิงที่ต้องการวัด วิธกี าร เครอื่ งมือที่ใช้ เกณฑ์

1. ดา้ นความรู้ (K)

1. เขำ้ ใจกระบวนกำร ใบงำนที่ 8.1 เร่ือง - แบบประเมินกำรคิด - นกั เรยี นทุกคนผำ่ น

ตัดสนิ ใจและกำรทำงำนซำ กำรเขียนคำสัง่ เลอื ก วจิ ำรณญำณ เกณฑ์ไม่ต่ำกวำ่ ร้อย

ของระบบคอมพิวเตอร์ ทำและวนซำ - แบบสังเกตพฤติกรรม ละ 80

2. ออกแบบอัลกอริทมึ - แบบประเมินกำรคดิ นกั เรยี นทกุ คนผำ่ น

สำหรับกำรตดั สินใจและกำร วเิ ครำะห์ เกณฑ์ไม่ต่ำกว่ำรอ้ ย

ทำซำได้ - แบบประเมนิ ผงั มโนทัศน์ ละ 80

- แบบประเมนิ กำรทำงำนกลุ่ม

2. ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ผลด้ำน - นกั เรยี นทกุ คนผำ่ น
1. ทกั ษะในกำรทำงำน กำรเรียนรู้ของ
ร่วมกัน นกั เรยี น กระบวนกำรเรยี นรู้เทยี บกับ เกณฑ์ไม่ต่ำกวำ่ ร้อย
2. ทกั ษะกำรคิดวเิ ครำะห์
3. ทักษะกำรสอ่ื สำร - สังเกตพฤติกรรม เกณฑ์ ละ 80
4. ทักษะกำรคดิ ไชอยำ่ งมี ของนักเรียน
วิจำรณญำณ - แบบประเมนิ ผล - นกั เรียนทกุ คนผำ่ น
5. ทกั ษะควำมคดิ ดำ้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ เกณฑ์ไม่ต่ำกว่ำรอ้ ย
สร้ำงสรรค์ ประสงคเ์ ทยี บกบั เกณฑ์ ละ 80
3. ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึง
ประสงค์ (A)
1. ซ่อื สัตยส์ จุ รติ
2. มวี ินัย
3. ใฝเ่ รยี นรู้
4. มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน

799

8. บนั ทึกผลหลงั สอน
ผลกำรเรยี นรู้

............................................................................................................................. ................................................
ปญั หำและอปุ สรรค

............................................................................................................................. .............................................
ขอ้ เสนอแนะและแนวทำงแกไ้ ข

...........................................................................................................................................................................

ลงชื่อ ......................................ผู้สอน
(.......................................................)
วันที่......เดือน...............................พ.ศ.............

9. ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย
.................................................................................................................................................................. .........

ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ
(.......................................................)
วันท.ี่ .....เดือน...............................พ.ศ.............

800

ใบความรู้ 8.1 เรอื่ ง คา้ สั่งเลือกทา้
คำส่งั If – Else เป็นโครงสร้ำงกำรทำงำนที่ส่ังใหโ้ ปรแกรมตดั สินใจตำมเงื่อนไขที่กำหนด
ให้นักเรยี นศึกษำตวั อย่ำงโปรแกรมตรวจสอบค่ำมำกกว่ำ ต่อไปนี

number1 = int(input(“Please input bumber 1 : ”)) #รบั ค่ำตัวเลขจำนวนเตม็ มำเก็บไว้ท่ี number1

number2 = int(input(“Please input bumber 2 : ”)) #รบั ค่ำตวั เลขจำนวนเต็มมำเกบ็ ไวท้ ่ี number2

if(number1 > number2): #ใชค้ ำส่งั if เพ่อื ตรวจสอบตวั เลข

print("Maximum is ",number1) #แสดงผล หำกเงือ่ นไขเปน็ จริง

ผงั งาน

START

รับค่า number1

รับคา่ number2

number1>
เทจ็ number2 จรงิ

แสดงคา่ number1

END

ผลลพั ธ์

Please input number 1 : 50
Please input number 2 : 20
Maximum is 50

801

จำกตวั อยำ่ งโปรแกรมดำ้ นบน สรุปได้วำ่ โครงสร้ำงของคำสงั่ If มดี ังนี

if( เงอ่ื นไข ) :
< คำสัง่ เมอื่ เงื่อนไขเป็นจริง >

หำกนักเรียนสังเกตตวั อย่ำงโปรแกรมด้ำนบน นักเรียนจะพบว่ำโปรแกรมสำมำรถตรวจสอบได้แค่ค่ำที่มำกกว่ำ
เท่ำนัน แต่ไม่สำมำรถตรวจสอบค่ำน้อยกว่ำได้ ดังนันหำกนักเรียนต้องกำรตรวจสอบค่ำท่ีมำกกว่ำและคำ่ ทนี่ ้อย

number1 = int(input(“Please input bumber 1 : ”)) #รับค่ำตวั เลขจำนวนเต็มมำเก็บไวท้ ี่ number1

number2 = int(input(“Please input bumber 2 : ”)) #รบั คำ่ ตัวเลขจำนวนเต็มมำเก็บไว้ที่ number2

if(number1 > number2): #ใชค้ ำสั่ง if เพอ่ื ตรวจสอบตัวเลข

print("Maximum is ",number1) #แสดงผล หำกเงอ่ื นไขเป็นจริง

else : #คำส่ัง else หมำยถงึ อ่ืนๆ เมือ่ เงือ่ นไขเปน็ เท็จ

print("Maximum is ",number2) #แสดงผล หำกเงือ่ นไขเป็นเทจ็

กว่ำ นักเรยี นสำมำรถใช้คำสง่ั else มำช่วยดงั นี
จำกโปรแกรมด้ำนบน หำกนกั เรียนสังเกตเงอ่ื นไขกำรตรวจสอบเลขมำกกว่ำ น้อยกวำ่ อยำ่ งถ่ีถ้วนแล้ว

นกั เรียนจะเห็นวำ่ เง่ือนไขทก่ี ำหนดยงั ไม่ครอบคลุมทุกเง่ือนไข เน่อื งจำก
นักเรียนจะเห็นว่ำโปรแกรมมีกำรตรวจสอบค่ำ number1 > number2 ซ่ึงหำกเง่ือนไขเป็นจริงจะ

แสดงผลคำว่ำ Maximum is number1 แต่หำกเง่ือนไขเป็นเท็จจะแสดงผลคำว่ำ Maximum is number2
ซ่ึงไม่จรงิ เสมอไป เพรำะยังมเี งือ่ นไข number1 = number2 ทย่ี งั ไมไ่ ดร้ ับกำรตรวจสอบ

ดงั นนั หำกจะเขยี นโปรแกรมนใี หส้ มบูรณ์ จะสำมำรถเขยี นได้ดังนี

number1 = int(input(“Please input bumber 1 : ”)) #รบั ค่ำตัวเลขจำนวนเตม็ มำเก็บไว้ท่ี number1

number2 = int(input(“Please input bumber 2 : ”)) #รับคำ่ ตวั เลขจำนวนเตม็ มำเก็บไวท้ ่ี number2

if(number1 > number2): #ใช้คำส่ัง if เพ่ือตรวจสอบตวั เลข

print("Maximum is ",number1) #แสดงผล หำกเงือ่ นไขเปน็ จรงิ

elif(number1 < number2): #ใชค้ ำสงั่ elif เพ่อื ตรวจสอบเงื่อนไขท่ี 2

print("Maximum is ",number2) #แสดงผล หำกเง่ือนไขเปน็ จริง

else: #เง่อื นไขอ่นื ๆ หรือเงื่อนไขสดุ ท้ำยที่เป็นไปได้

print(number1," = ",number2) #แสดงผลเมอื่ เง่ือนไขสุดท้ำยเป็นจรงิ

802

หรือหำกจำกแสดงผลคำ่ ทน่ี อ้ ยกวำ่ ด้วย ก็สำมำรถเพม่ิ คำสงั่ ได้ ดังนี

number1 = int(input(“Please input bumber 1 : ”)) #รบั คำ่ ตวั เลขจำนวนเต็มมำเก็บไวท้ ่ี number1

number2 = int(input(“Please input bumber 2 : ”)) #รับคำ่ ตัวเลขจำนวนเต็มมำเกบ็ ไวท้ ่ี number2

if(number1 > number2): #ใช้คำสั่ง if เพอื่ ตรวจสอบตวั เลข

print("Maximum is ",number1) #แสดงผล หำกเง่อื นไขเป็นจรงิ

print(“Minimum is ”,number2)

elif(number1 < number2): #ใชค้ ำสั่ง elif เพ่อื ตรวจสอบเง่อื นไขท่ี 2

print("Maximum is ",number2) #แสดงผล หำกเงื่อนไขเปน็ จริง

print(“Minimum is ”,number1)

else: #เงอื่ นไขอน่ื ๆ หรือเงื่อนไขสุดท้ำยทเ่ี ป็นไปได้

สรปุ ได้ว่ำโคpรriงnสtร(n้ำงuคmวbบeคrุม1ห,"ร=ือค"ำ,nสu่ังmIfb-Eelrs2e) มีโครงสรำ้ ง ดังนี #แสดงผลเมื่อเง่ือนไขสุดทำ้ ยเปน็ จรงิ

1. กรณมี ี 2 เงอ่ื นไข

if( เงอ่ื นไข ) :
< คำสั่ง เมื่อเงอ่ื นไขเป็นจรงิ >

else :
< คำสั่ง เม่อื เง่ือนไขเป็นจรงิ >

2. กรณีมีมำกกว่ำ 2 เงื่อนไข

if( เงื่อนไข ) :
< คำสั่ง เม่อื เงื่อนไขเป็นจรงิ >

elif( เง่อื นไข ) :
< คำสัง่ เม่อื เงอ่ื นไขเปน็ จรงิ >
..

elif( เงื่อนไข ) :
< คำสง่ั เมอื่ เง่อื นไขเปน็ จริง >

else :
< คำสัง่ เมือ่ เง่ือนไขเป็นจริง >

803

ใบความรูท้ ่ี 8.2 เรอ่ื ง ค้าส่ังวนซ้า
คำส่ังวนซำ (Loop) เป็นคำสั่งที่สั่งให้โปรแกรมทำงำนซำ ตำมจำนวนรอบหรือจำนวนครังท่ีต้องกำร
สำหรับกำรเขยี นโปรแกรมเพ่อื สั่งใหท้ ำงำนซำ สำมำรถเขียนได้ 2 รปู แบบ คือใชค้ ำสงั่ for และคำสง่ั while
1. คา้ สั่ง for
ถ้ำตอ้ งกำรให้โปรแกรมทำงำนซำตำมจำนวนรอบท่ีตอ้ งกำรโดยใช้คำสั่ง for สำมำรถเขียนโปรแกรมได้
ดังนี
ตวั อย่างท่ี 1 กำรเขียนโปรแกรมใหแ้ สดงตวั เลขตงั แต่ 1 ถงึ 4

ผลลพั ธ์

ผงั งำน

1<=i<5

Print i

804

ตวั อย่างที่ 2 โปรแกรมสตู รคูณ
ผลลัพธ์

ผังงำน

1<=i<13
print number*i

805

2. คา้ สั่ง While
ตวั อยา่ งท่ี 3 กำรเขียนโปรแกรมให้แสดงตัวเลขตงั แต่ 1 ถึง 4

ผลลัพธ์

ผงั งำน

i=1

i<5

print i
i=i+1

ตวั อยา่ งท่ี 2 โปรแกรมสตู รคณู

806

ผลลพั ธ์

ผังงำน
i=1

i<13
print number*i

i=i+1

807

ใบงานท่ี 8.1 เรอ่ื งการเขียนค้าสั่งเลือกทา้ และวนซ้า

1. จงเขยี นโปรแกรมตำมขอ้ กำหนดตอ่ ไปนี

โปรแกรมคำนวณภำษี

รับค่ำเงินไดเ้ ข้ำส่โู ปรแกรม 1 คำ่ แล้วคำนวณหำค่ำภำษีตำมเกณฑด์ งั นี

หำกเงนิ ได้ นอ้ ยกว่ำ 50,000 ไม่เสียภำษี

หำกเงนิ ไดร้ ะหวำ่ ง 50,000 – 100,000 เสยี ภำษี 5%

หำกเงนิ ไดร้ ะหวำ่ ง 100,001 – 500,000 เสียภำษี 10%

หำกเงินไดม้ ำกกว่ำ 500,000 เสยี ภำษี 15%

โดยมีผลลัพธ์ท่ีตอ้ งกำรดงั นี

ตวั อย่ำงที่ 1 ตัวอย่ำงที่ 2 ตัวอย่ำงที่ 3

Input salary : 30000 Input salary : 70000 Input salary : -70000

You not pay. Tax = 3500 Input Error

2. จงเขยี นโปรแกรมแสดงชื่อตนเอง 10 ครงั คา้ ส่ัง while
คา้ ส่ัง for

………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….

3. จงเขียนโปรแกรมรบั ค่ำตวั เลขจำนวนเตม็ 1 จำนวน แล้วใหโ้ ปรแกรมแสดงช่อื ของตนเองตำมจำนวนท่รี ับเข้ำ

ไป

คา้ ส่งั for ค้าสงั่ while

………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….

808

4. จงใช้คำสงั่ for และ while เขยี นโปรแกรมรบั คำ่ ตัวเลข 10 ครัง แลว้ หำผลรวมของตัวเลขออกมำ

ค้าส่ัง for ค้าสง่ั while

………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….

5. จงใช้คำส่งั for และ while เขียนโปรแกรมรบั คำ่ ตวั เลขจำนวนเต็ม 1 จำนวน แลว้ ใหโ้ ปรแกรมทำงำนซำเพ่ือ

รบั ค่ำตวั เลขตำมจำนวนครังที่รบั เลขนนั เขำ้ ไป แล้วหำผลรวมของตวั เลขออกมำ

ค้าส่งั for คา้ สง่ั while

………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….
………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………….

809

เฉลยใบงานที่ 8.1 เรอื่ งการเขยี นคา้ สั่งเลือกท้าและวนซา้

1. จงเขยี นโปรแกรมตำมข้อกำหนดต่อไปนี

โปรแกรมคำนวณภำษี

รับคำ่ เงนิ ไดเ้ ข้ำส่โู ปรแกรม 1 ค่ำ แล้วคำนวณหำคำ่ ภำษตี ำมเกณฑด์ งั นี

หำกเงนิ ได้ น้อยกว่ำ 50,000 ไม่เสยี ภำษี

หำกเงนิ ไดร้ ะหวำ่ ง 50,000 – 100,000 เสียภำษี 5%

หำกเงนิ ไดร้ ะหว่ำง 100,001 – 500,000 เสียภำษี 10%

หำกเงนิ ไดม้ ำกกว่ำ 500,000 เสยี ภำษี 15%

โดยมผี ลลัพธ์ทต่ี ้องกำรดังนี

ตวั อย่ำงท่ี 1 ตวั อยำ่ งท่ี 2 ตวั อย่ำงท่ี 3

Input salary : 30000 Input salary : 70000 Input salary : -70000

You not pay. Tax = 3500 Input Error

810

2. จงเขยี นโปรแกรมแสดงชื่อตนเอง 10 ครงั ค้าสง่ั while
คา้ ส่งั for i=1
while(i<=10):
for i in range(10):
print(“my name”) print(“my name”)
i++

3. จงเขยี นโปรแกรมรับค่ำตวั เลขจำนวนเตม็ 1 จำนวน แลว้ ใหโ้ ปรแกรมแสดงชื่อของตนเองตำมจำนวนที่รับเข้ำ

ไป

คา้ สง่ั for ค้าสง่ั while

n = int(input()) n = int(input())

for i in range(n): i=1

print(“my name”) while(i<=n):

print(“my name”)

i++

4. จงใชค้ ำสั่ง for และ while เขยี นโปรแกรมรบั คำ่ ตัวเลข 10 ครัง แล้วหำผลรวมของตัวเลขออกมำ

คา้ สงั่ for ค้าสงั่ while

sum = 0 sum = 0

for i in range(10): i=1

n = int(input()) while(i<=10):

sum = sum + n n = int(input())

print(sum) sum = sum + n

i++

print(sum)

5. จงใช้คำสงั่ for และ while เขียนโปรแกรมรับค่ำตัวเลขจำนวนเตม็ 1 จำนวน แล้วให้โปรแกรมทำงำนซำเพื่อรับค่ำ

ตัวเลขตำมจำนวนครังทร่ี บั เลขนันเข้ำไป แล้วหำผลรวมของตัวเลขออกมำ

คา้ สั่ง for คา้ สงั่ while

n = int(input()) n = int(input())

sum = 0 sum = 0

for i in range(n): i=1

x = int(input()) while(i<=n):

811

คา้ สัง่ for ค้าสง่ั while
sum = sum + x x = int(input())
print(sum) sum = sum + x
i++
print(sum)






Click to View FlipBook Version