The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิทย์หน่วย 4 ผสาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by anongnat2526, 2022-09-18 11:26:51

แผนวิทย์หน่วย 4 ผสาน

แผนวิทย์หน่วย 4 ผสาน

หนว่ ยการเรียนรทู้ 1่ี 4 ปรากฏการณ์ของโลก

เวลาเรยี น 8 ชั่วโมง

แผนผังการเรยี นรแู้ บบบรู ณาการ ภาษาไทย
 แสดงความคดิ เห็น ฟังสรปุ สาระสาํ คัญ
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
 เงามดื และเงามัว และจับใจความ
 จนั ทรปุ ราคาและสุรยิ ปุ ราคา  พูดแสดงความคิดเห็น และตอบคาํ ถาม
 อ่านและสะกดคําให้ถกู ตอ้ ง
 เขียนตอบคาํ ถามกจิ กรรมการทดลอง

ปรากฏการณ์
ของโลก

ภาษาตา่ งประเทศ : ภาษาอังกฤษ
 คําศัพท์เกี่ยวกบั ปรากฏการณ์ของโลก

shadow เงา
lunar eclipse จนั ทรปุ ราคา
solar eclipse สุริยปุ ราคา

ตวั ชว้ี ัด

1. อธบิ ายการเกิดเงามืดเงามัวจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ (ว 2.3 ป.6/7)
2. เขยี นแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามวั (ว 2.3 ป.6/8)
3. สรา้ งแบบจาํ ลองท่ีอธิบายการเกดิ และเปรยี บเทียบปรากฏการณส์ ุริยุปราคาและ

จันทรปุ ราคา (ว 3.1 ป.6/1)

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณข์ องโลก
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 1
เรือ่ ง เงามืดและเงามวั

ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชวี้ ัด

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสมั พนั ธ์

ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจําวนั ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์
ท่ีเก่ียวข้องกับเสยี ง แสง และคล่นื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทัง้ นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตัวชี้วดั อธิบายการเกดิ เงามืดเงามัวจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
ว 2.3 ป.6/7 เขยี นแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามัว
ว 2.3 ป.6/8

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. บอกความหมายของเงาได้ (K)
2. อธิบายการเกิดเงามืด เงามวั ได้ (K)
3. สืบสอบข้อมลู เกย่ี วกบั การเกดิ เงามืด เงามัว อย่างรวมพลัง ดว้ ยความมุ่งมั่นและตง้ั ใจได้ (P)
4. จดั จําแนกประเภทของเงาได้ (P)
5. มคี วามม่งุ มั่นและต้งั ใจ (A)

สาระการเรียนรู้

เงา หมายถงึ บริเวณทมี่ ืดหลังวัตถุ ซ่ึงเกิดจากวตั ถุมาขวางกั้นทางเดินของแสง
เงามดื คือ เงาในบรเิ วณท่ไี มม่ ีแสงตกลงบนฉากเลย ทาํ ใหบ้ รเิ วณนั้นมดื สนิท
เงามวั คอื เงาในบรเิ วณท่ีมีแสงบางสว่ นตกลงบนฉาก และทําใหบ้ รเิ วณน้ันมดื ไมส่ นทิ

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการสือ่ สาร
- การอธบิ าย การเขยี น การพูดหน้าชน้ั เรยี น

2. ความสามารถในการคดิ
- การสังเกต การคิดวิเคราะห์ การจดั ระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ การสร้างคาํ อธบิ าย
การอภปิ ราย การส่ือความหมาย การสบื สอบโดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
(-)

4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
- กระบวนการกลมุ่

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- การสืบสอบข้อมลู จากเทคโนโลยสี ารสนเทศ

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝเ่ รยี นรู้
2. มุ่งม่นั ในการทํางาน

คาถามสาคญั

(-)

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

•ขัน้ •สัง•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ขอ้ •มลู • (G• a•th•eri•ng•)

1. นักเรียนสงั เกตการทํามือเป็นรูปตา่ ง ๆ ไปกน้ั ทางเดนิ แสง ทาํ ให้เกิดเปน็ เงาของรปู น้ัน ๆ บนผนัง
แลว้ ร่วมกนั ตอบคําถามกระตุ้นความคิด ดังน้ี

1.1 เงาเกดิ จากอะไร มีลักษณะอย่างไร
(เงาเกิดจากวัตถุขวางกน้ั ทางเดนิ ของแสง มีลักษณะเป็นบรเิ วณทม่ี ดื หลังวตั ถุ)
2. นกั เรียนร่วมกนั คาดคะเนคาํ ตอบของคําถามข้างต้น
3. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละเพศ และคละนักเรียนเก่ง ปานกลาง อ่อน
(หรือจะแบ่งกล่มุ ด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ เพิม่ เติมได้) โดยแต่ละกลุม่ ปฏิบัติกจิ กรรม ตามข้ันตอน ดังน้ี
3.1 ทบทวนบทบาทหน้าทีข่ องสมาชิกในกลุ่มว่าต้องทาํ หนา้ ที่อย่างไรบ้าง ในการดาํ เนนิ การ
ดว้ ยกระบวนการทํางานกลุ่ม เช่น หัวหน้ากลุ่ม มีหนา้ ที่ ...................... ผจู้ ดบันทึก มหี น้าท่ี ......................
ผเู้ สนอรายงาน มีหน้าท่ี ...................... อื่น ๆ ......................

การทาํ งานกล่มุ ไมค่ วรเกนิ 4 คน เพ่อื ใหร้ จู้ กั การแบ่งงานกันและแสดงความคิดเห็นในกลมุ่ เล็กก่อน
เปน็ การสร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการเรยี นรู้วิธีเรยี นและการรว่ มมอื ทํางานเปน็ ทมี

4. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ รว่ มกันอย่างรวมพลังศึกษา อ่านเน้ือหา สบื สอบและรวบรวมข้อมลู เกี่ยวกับ
เงามดื และเงามัว จากหนังสือเรยี นและแหล่งการเรยี นรู้ทห่ี ลากหลาย พรอ้ มทง้ั ออกแบบการนําเสนอผล
การสบื สอบในแบบท่ีน่าสนใจ

5. นักเรยี นแต่ละกลุ่มบนั ทึกผลการศึกษาค้นคว้าในรูปผังกราฟิกแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
ของขอ้ มลู และแลกเปล่ยี นเรยี นรู้รว่ มกนั

•ข(G้นั•aคt•ิดhวe•เิrคinร•gา)ะ•หแ์• ล•ะส•รปุ •คว•าม•รู้ •(P•ro•ce•ssi•ng•)
6•. •ผแู้ ทนนกั เรียนสาธิตการเกิดเงา และร่วมกันสงั เกต วิเคราะห์ และอภิปรายลกั ษณะของเงา ดังน้ี

6.1 เงาทเี่ กิดจากแหล่งกําเนิดแสงขนาดเล็ก
6.2 เงาท่เี กดิ จากแหลง่ กําเนิดแสงขนาดใหญ่
7. นักเรยี นแต่ละกลุม่ นาํ ข้อมลู ท่ีได้จากการศึกษา สบื สอบมาร่วมกนั วิเคราะห์ อธบิ าย เปรยี บเทยี บ
เงามดื และเงามัว เพื่อฝึกฝนตนเองใหเ้ ป็นผมู้ ีความร้อู ย่างเข้าใจและมีทักษะ แล้วสรุปเปน็ ความคิดรวบยอด
8. นักเรยี นแต่ละกลุม่ ร่วมกนั สรุปส่งิ ทเ่ี ข้าใจเปน็ ความรูร้ ่วมกันเกี่ยวกบั เงามืดและเงามัวว่า
เงา หมายถึง บรเิ วณทมี่ ดื หลังวัตถุ ซึ่งเกดิ จากวัตถมุ าขวางก้ันทางเดนิ ของแสง
ประเภทของเงา ไดแ้ ก่
1) เงามืดเพียงอย่างเดียว เกิดจากแหล่งกําเนิดแสงมีขนาดเล็กหรือเป็นจุด เงาที่ปรากฏจะเป็นเงามืด
เพยี งอย่างเดียว
2) เงามดื และเงามวั เกดิ จากแหลง่ กาํ เนิดแสงมีขนาดใหญ่ เงาทีป่ รากฏจะมีทัง้ เงามืดและเงามัว

• ข•น้ั ป• ฏ•ิบตั •แิ ล•ะส•รปุ •ค•วา•มร•ู้หล•ังก•าร•ปฏ•ิบตั•ิ (•Ap• p•lyi•ng•an• d•Co• n•str•uc•tin•g•th•e K• n•ow•le•dg•e)•
•9. •นกั •เร•ียน•แตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั อย่างรวมพลังสรุปความรูด้ ้วยตนเองเก่ยี วกบั เงามดื และเงามวั

แล้ววางแผน ออกแบบ และเขียนเปน็ ผังมโนทัศน์ในกระดาษฟลิปชารต์

การสรุปความรู้ โดยวางแผน ออกแบบ และเขียนเปน็ ผังมโนทศั น์ เป็นการสร้างเสริม
ทักษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ คิดสรา้ งสรรค์ และการสอื่ สาร

10. นักเรยี นรว่ มกันสรุปส่ิงที่เข้าใจเป็นความรรู้ ว่ มกนั ดังนี้
 เงา หมายถงึ บริเวณท่ีมืดหลังวตั ถุ ซึ่งเกิดจากวตั ถุมาขวางก้ันทางเดนิ ของแสง
เงามืด คือ เงาในบริเวณท่ีไมม่ ีแสงตกลงบนฉากเลย ทําใหบ้ รเิ วณนน้ั มดื สนทิ
เงามวั คอื เงาในบรเิ วณท่ีมแี สงบางสว่ นตกลงบนฉาก และทําใหบ้ ริเวณนน้ั มดื ไมส่ นิท

• ข•น้ั ส•่ือส•าร•แล•ะน•าเ•สน•อ•(A•pp•ly•ing• t•he• C•om• m• u•ni•cat•io•n S•ki•ll•)

11. ผ้แู ทนนกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นําเสนอผังมโนทศั น์เงามดื และเงามัวประกอบการอธบิ ายหนา้ ช้นั เรยี น
เพือ่ น ๆ รว่ มกันตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้อง

12. นักเรียนร่วมกันอภปิ รายสรปุ เกีย่ วกบั วิธกี ารทํางานใหเ้ ห็นการคิดเชงิ ระบบและวิธีการทาํ งาน
ทีม่ ีแบบแผน

• ข•้นั ป•ระ•เม•ินเ•พอื่ •เพ•่ิมค•ุณ•ค่า•บร•ิกา•รส•งั ค•มแ•ละ•จ•ติ ส•าธ•าร•ณะ• (S•el•f-R•eg•u•lat•ing•)
13.•นกั• เร•ยี น•นาํ ความรู้ไปชว่ ยอธิบายให้เพื่อนท่ียังไมเ่ ข้าใจฟัง และคดั เลือกผลงานท่ีดีเดน่ มอบให้ห้อง

วทิ ยาศาสตร์ เพ่ือใช้เปน็ ส่อื การเรยี นการสอน
14. นักเรยี นร่วมกันจดั แสดงผลงานของนักเรียนเพื่อเป็นแรงจูงใจให้นกั เรียนผลิตผลงานทดี่ ี และไดเ้ หน็

ผลงานทหี่ ลากหลายของเพื่อน เปน็ การเปิดความคดิ ของนักเรยี นให้กวา้ งข้ึน
15. นักเรยี นตรวจสอบหรอื ประเมนิ ข้ันตอนต่าง ๆ ทเี่ รียนมาในวันนม้ี ีจุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบา้ ง

มีความสงสัย อยากรอู้ ยากเห็นในเรอื่ งใด ใหร้ ะบุ
16. นักเรยี นประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความร้สู ึกหลงั การเรียนและหลังการทาํ กิจกรรม

ในประเดน็ ต่อไปน้ี
 ส่งิ ทีน่ ักเรียนได้เรียนรใู้ นวนั น้ีคอื อะไร
 นกั เรยี นมสี ่วนรว่ มกิจกรรมในกลุม่ มากน้อยเพียงใด
 เพ่ือนนักเรยี นในกลุม่ มีส่วนร่วมกจิ กรรมในกล่มุ มากน้อยเพียงใด
 นกั เรยี นพงึ พอใจกับการเรียนในวันน้หี รอื ไม่ เพียงใด
 นกั เรียนจะนาํ ความรทู้ ี่ได้นไ้ี ปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทั่วไป
ได้อยา่ งไร
จากน้นั แลกเปล่ียนตรวจสอบขั้นตอนการทํางานทกุ ขั้นตอนว่าจะเพ่ิมคณุ ค่าไปสสู่ งั คม

เกดิ ประโยชน์ตอ่ สังคมให้มากขึน้ กวา่ เดมิ ในข้ันตอนใดบา้ ง สําหรบั การทาํ งานในครัง้ ต่อไป

สอ่ื การเรยี นร/ู้ แหลง่ การเรียนรู้

1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6
ของสถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

2. แบบฝึกหดั รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

3. ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้พฒั นาการคดิ วิเคราะห์รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ของสถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

4. แหลง่ กําเนิดแสง
5. แผ่นก้ันแสง
6. วัตถุ
7. ฉาก
8. กระดาษฟลปิ ชาร์ต
9. แหล่งการเรยี นรทู้ ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น

ความรูเ้ พ่ิมเตมิ สาหรับครู

กิจกรรมการสาธติ การเกิดเงา
1. แหล่งกําเนิดแสงมีขนาดเล็กหรือเป็นจุด เงาท่ปี รากฏจะเปน็ เงามดื เพยี งอยา่ งเดยี ว

ฉาก

วัตถทุ ึบแสง

เงามดื

แผ่นกนั้ แสง

แหล่งกาํ เนิดแสงขนาดเล็กหรือเปน็ จุด
2. แหลง่ กาํ เนดิ แสงขนาดใหญ่ เงาที่ปรากฏจะมีทง้ั เงามืดและเงามัว

วตั ถุทึบแสง ฉาก

เงามืด
เงามัว

แหล่งกาํ เนดิ แสงขนาดใหญ่

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรอื่ ง เงามดื และเงามัว (K) ด้วยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ การสบื สอบข้อมูล (P) ดว้ ยแบบประเมนิ
3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ด้านใฝเ่ รียนรู้ ม่งุ มน่ั ในการทาํ งาน (A) ด้วยแบบประเมนิ

แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ การสบื สอบขอ้ มลู

รายการการประเมิน 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32

1. การวางแผนค้นคว้า วางแผนท่จี ะค้นควา้ ข้อมูล วางแผนทจ่ี ะค้นคว้าขอ้ มลู วางแผนที่จะค้นควา้ ข้อมูล ไม่มกี ารวางแผนท่จี ะ

ข้อมลู จาก จากแหลง่ การเรียนรู้ จากแหลง่ การเรียนรู้ จากแหล่งการเรยี นรู้ ค้นควา้ ข้อมลู จาก

แหล่งการเรียนรู้ ท่ีหลากหลาย เชอื่ ถอื ได้ ที่หลากหลายและเหมาะสม โดยมีครหู รือผอู้ นื่ แหลง่ การเรยี นรู้

และมกี ารเชอื่ มโยงให้เห็น แต่ไมม่ กี ารเช่อื มโยง แนะนําบ้าง อย่างเป็นระบบ

เปน็ ภาพรวม แสดงใหเ้ ห็น ให้เห็นเปน็ ภาพรวม

ถึงความสัมพันธ์ของ

วธิ กี ารทั้งหมด

2. การเก็บรวบรวม เก็บรวบรวมขอ้ มลู เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกบ็ รวบรวมข้อมูล เก็บรวบรวมข้อมูล

ขอ้ มลู ตามแผนทีก่ าํ หนด โดยคดั เลอื กและ/หรอื โดยไม่มกี ารคัดเลอื ก เป็นระยะ ขาดการ

ทกุ ประการ ประเมินขอ้ มูล และ/หรอื ประเมนิ ข้อมลู ประเมนิ เพือ่ คดั เลือก

3. การจัดกระทําข้อมลู จัดกระทําข้อมลู จดั กระทําขอ้ มลู จัดกระทาํ ข้อมลู จัดกระทําขอ้ มลู อยา่ ง

และการนาํ เสนอ อยา่ งเป็นระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มีการ อยา่ งเป็นระบบ ไม่เป็นระบบ และ

มกี ารเช่อื มโยงใหเ้ หน็ จาํ แนกขอ้ มูลใหเ้ ห็น มกี ารยกตัวอยา่ งเพ่ิมเตมิ นําเสนอไม่สอ่ื ความหมาย

เปน็ ภาพรวม และนาํ เสนอ ความสมั พันธ์ นาํ เสนอ ใหเ้ ข้าใจง่ายและนําเสนอ และไมช่ ัดเจน

ด้วยแบบต่าง ๆ อยา่ งชัดเจน ด้วยแบบต่าง ๆ ด้วยแบบต่าง ๆ

ถูกต้อง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง แตย่ ังไม่ถูกต้อง

4. การสรุปผล สรุปผลไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สรุปผลได้อย่างกระชบั สรปุ ผลได้กระชบั สรปุ ผลโดยไมใ่ ช้

กระชบั ชดั เจน และ แต่ยงั ไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แต่ไมช่ ดั เจน ขอ้ มูล และไม่ถกู ตอ้ ง

ครอบคลมุ มีเหตุผล ไม่ครอบคลมุ ข้อมลู

ทอ่ี า้ งอิงจากการสืบสอบ จากการวิเคราะห์

ได้ ทั้งหมด

5. การเขยี นรายงาน เขยี นรายงาน เขียนรายงาน เขยี นรายงาน เขยี นรายงานได้

ตรงตามจุดประสงค์ ตรงตามจดุ ประสงค์ โดยสอื่ ความหมายได้ ตามตัวอย่าง แตใ่ ช้ภาษา

ถูกตอ้ งและชดั เจน อย่างถกู ต้องและชัดเจน โดยมคี รหู รอื ผู้อื่น ไมถ่ ูกตอ้ งและไม่ชัดเจน

และมกี ารเช่ือมโยง แตข่ าดการเรียบเรียง แนะนาํ

ใหเ้ ห็นเป็นภาพรวม

ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา

ลงช่อื
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตําแหน่ง ผอู้ ํานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทกึ หลงั การสอน

ผลการจัดการเรยี นการสอน

ปญั หา/อุปสรรค

แนวทางแก้ไข

ครผู ้สู อน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บนั ทกึ

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ปรากฏการณข์ องโลก
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2

เรอื่ ง การเกิดเงาจากตวั หุน่ : 1

ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์

ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลงั งานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์
ท่เี กี่ยวข้องกบั เสียง แสง และคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ตัวช้วี ัด อธบิ ายการเกดิ เงามืดเงามัวจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
ว 2.3 ป.6/7 เขียนแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามวั
ว 2.3 ป.6/8

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธิบายการเกดิ เงามืด เงามัวได้ (K)
2. บอกความหมายของเงามืด เงามวั ได้ (K)
3. ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม การเกดิ เงาจากตวั ห่นุ อย่างรวมพลัง ด้วยความมุ่งม่นั และตง้ั ใจได้ (P)
4. เขียนแผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามวั ได้ (P)
5. มคี วามมุ่งม่นั และต้ังใจ (A)

สาระการเรียนรู้

เมื่อนาวตั ถุทึบแสงมากัน้ แสงจะเกดิ เงาบนฉากรบั แสงที่อยู่ดา้ นหลงั วัตถุ โดยเงามรี ปู รา่ งคล้ายวตั ถุทท่ี าให้
เกดิ เงา เงามัวเป็นบรเิ วณทม่ี ีแสงบางส่วนตกลงบนฉาก ส่วนเงามดื เปน็ บรเิ วณท่ไี ม่มีแสงตกลงบนฉากเลย

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น

1. ความสามารถในการส่อื สาร
- การอธบิ าย การเขยี น การพูดหน้าชัน้ เรยี น

2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การสารวจ การคดิ วเิ คราะห์ การเปรียบเทียบ การจัดจาแนก การจดั ระบบความคดิ เป็น
แผนภาพ การสร้างคาอธบิ าย การอภปิ ราย การส่ือความหมาย การทากจิ กรรมทดลองโดยใช้
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
- การแก้ปัญหาขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม

4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
- กระบวนการกลมุ่

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
(-)

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ซื่อสตั ยส์ จุ รติ
2. ใฝ่เรียนรู้
3. ม่งุ มัน่ ในการทางาน

คาถามสาคัญ

เงาท่ีเกดิ จากตัวหุ่นท่ีเราประดิษฐ์ขน้ึ มีลักษณะอยา่ งไร

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้

•ขั้น•สงั•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ขอ้ •มูล• (G• a•th•eri•ng•)

1. นกั เรียนสงั เกตการเชิดหนังตะลงุ ของภาคใต้ แลว้ ร่วมกนั ตอบคาถามสาคญั กระตุ้นความคิด ดังนี้
1.1 เงาที่เกิดจากตวั หนุ่ ทเ่ี ราประดิษฐข์ ้นึ มลี ักษณะอยา่ งไร
(ตัวอย่างคาตอบ เม่อื หุ่นอยใู่ กล้ฉากเงาจะมีขนาดเลก็ เมื่อหุ่นอย่ไู กลจากฉากเงาจะมีขนาดใหญ)่

2. นกั เรียนรว่ มกันคาดคะเนคาตอบของคาถามข้างตน้
3. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละเพศ และคละนักเรียนเกง่ ปานกลาง และอ่อน (หรอื จะ
แบ่งกลุ่มด้วยวิธกี ารต่าง ๆ เพ่ิมเติมได้) โดยแต่ละกล่มุ รว่ มกันอย่างรวมพลงั ศกึ ษาวิธที าและปฏบิ ัติกจิ กรรมท่ี
4.1 เร่ือง การเกดิ เงาจากตวั หนุ่ ในใบงานท่ี 17 ตามขนั้ ตอน ดงั นี้

3.1 ทบทวนบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกในกลุม่ วา่ ต้องทาหนา้ ท่อี ย่างไรบา้ ง ในการดาเนนิ การ
ด้วยกระบวนการทางานกลุ่ม เชน่ หัวหนา้ กลุ่ม มหี นา้ ท่ี..................... ผจู้ ดบนั ทึก มีหนา้ ที่....................
ผเู้ สนอรายงาน มีหนา้ ท่ี................... อนื่ ๆ ....................

กิจกรรมกลุ่ม และการปฏิบัติกิจกรรม เปน็ การสร้างเสริมทักษะศตวรรษที่ 21
ด้านการรว่ มมือทางานเปน็ ทีม การคิดแกป้ ัญหา และรบั ผดิ ชอบต่อผลงานร่วมกนั

3.2 ตรวจสอบความพร้อมของสื่อ วสั ดุอปุ กรณ์ สาหรับการปฏิบัตกิ ิจกรรมว่าครบถว้ น เหมาะสม
ที่จะใชใ้ นการปฏบิ ตั ิกิจกรรมเพยี งใด

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอย่างรวมพลังศึกษาวธิ ีการทากจิ กรรมที่ 4.1 เรอื่ ง การเกิดเงาจากตัวหนุ่
ในใบงานท่ี 17

5. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ก่อนทากิจกรรม โดยร่วมกนั ตอบคาถามก่อนทา
กิจกรรม ดังน้ี

5.1 คาถามสาคัญในการทดลองคืออะไร
(เงาที่เกิดจากตวั หนุ่ ทีเ่ ราประดษิ ฐ์ขน้ึ มลี ักษณะอย่างไร)
5.2 ถ้าถือหุน่ รปู สัตว์ไว้หลงั โคมไฟฟ้าจะเกิดอะไรขน้ึ
(ไม่มอี ะไรเกิดข้นึ )
5.3 ถ้าถือหุ่นรปู สัตว์ระหวา่ งโคมไฟฟ้ากบั กระดาษโปสเตอร์ขาว ผลเป็นอยา่ งไร
(จะเกิดเงาบนฉาก)

5.4 การทดลองนี้ควบคุมอะไรให้เหมอื นกัน และจัดอะไรให้แตกตา่ งกนั
(ควบคุมให้ความสวา่ งของโคมไฟฟา้ ตวั หนุ่ และฉากเหมือนกนั จัดใหร้ ะยะระหวา่ งหนุ่ รูปสัตว์กับ
โคมไฟฟา้ แตกต่างกนั )
5.5 จุดประสงคข์ องการทดลองนี้คอื อะไร
(เพ่ือเปรียบเทยี บลักษณะการเกดิ เงา เมื่อวัตถทุ ี่กน้ั ทางเดินของแสงอย่ใู กล้หรอื ไกลจากโคมไฟฟ้า
และบอกสถานการณ์ที่ทาใหเ้ กิดเงาชนดิ ต่าง ๆ ได)้
6. นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันอย่างรวมพลังลงมือทากจิ กรรมตามข้นั ตอนทีก่ าหนดในใบงานที่ 17
เรอื่ ง การเกดิ เงาจากตวั ห่นุ และบันทึกผลการทากจิ กรรมในใบงานที่ 17
7. หลังจากนักเรยี นทากจิ กรรมและบันทึกผลการทากจิ กรรมในใบงานที่ 17 แล้ว ผูแ้ ทนนกั เรียน
แต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรมหนา้ ช้ันเรียน เพอ่ื แลกเปลย่ี นเรียนรู้กนั

•ข(G้ัน•aคt•ดิhวe•ิเrคinร•gา)ะ•ห์แ• ล•ะส•รุป•คว•าม•รู้ •(P•ro•ce•ssi•ng•)
8•. •นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันวเิ คราะห์ อภปิ ราย และแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ผลการทากิจกรรม

โดยร่วมกนั ตอบคาถามหลงั ทากิจกรรม ดังน้ี
8.1 เลื่อนห่นุ รูปสตั วไ์ ปมาระหว่างโคมไฟฟา้ กับกระดาษโปสเตอร์ขาว สงั เกตขนาดของเงา

ลกั ษณะเงาทีเ่ กิดขึ้น เงาสว่ นที่มดื และเงาส่วนทมี่ ัวเป็นอย่างไร
(เงาสว่ นที่มดื และเงาสว่ นท่ีมัวจะมลี กั ษณะและขนาดทเ่ี ปลีย่ นแปลงไป เชน่

เมือ่ ห่นุ อยู่ระหวา่ งโคมไฟฟ้ากับฉาก และหนุ่ อยู่ใกล้ฉากลักษณะเงาชัดเจน เงามืดมีขนาดใหญ่
เงามัวมีขนาดเล็ก เม่ือห่นุ อยู่ระหวา่ งโคมไฟฟ้ากับฉากและหุ่นอยไู่ กลฉาก ลักษณะเงาไมช่ ัดเจน
เงามืดมีขนาดเล็ก เงามัวมีขนาดใหญ)่

8.2 เงาของห่นุ บนฉากเกดิ ขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร
(ห่นุ เป็นวตั ถุทึบแสง จงึ ก้นั ทางเดินของแสง ทาให้เกดิ บรเิ วณมดื หลงั วัตถปุ รากฏบนฉากเปน็ รปู หุ่น)
8.3 เม่อื ห่นุ อยู่ใกลฉ้ ากและอยู่หา่ งจากฉาก เงาท่ีเกิดขน้ึ บนฉากต่างกนั อยา่ งไรในเร่ืองขนาดของเงา
บริเวณเงามืดและเงามวั
(เมอื่ หนุ่ อยูใ่ กลฉ้ าก เงาจะมีขนาดเลก็ บริเวณเงามืดมขี นาดใหญ่ บริเวณเงามวั มีขนาดเลก็
เม่ือห่นุ อยู่ห่างจากฉาก เงาจะมีขนาดใหญ่ขน้ึ บริเวณเงามืดมีขนาดเล็กลง แต่บรเิ วณเงามัวมีขนาดใหญ่ขึ้น)
8.4 สรปุ ผลการทดลองไดว้ ่าอยา่ งไร
(เมอื่ วัตถุท่กี ้ันทางเดินของแสงอยู่ใกล้ฉาก เงาจะมีขนาดเล็ก เงามืดมีขนาดใหญ่ ส่วนเงามวั
มขี นาดเล็ก แต่เมื่อวัตถอุ ยู่ไกลฉาก เงาจะมขี นาดใหญ่ขึ้น เงามืดมีขนาดเล็กลง ส่วนเงามัวมีขนาดใหญข่ ้ึน)
8.5 ยกตวั อย่างปรากฏการณ์ในธรรมชาติทีแ่ สดงการเกิดเงา
(ตวั อยา่ งคาตอบ จนั ทรุปราคา สุริยุปราคา ก้อนเมฆบังแสงอาทติ ย์ เกิดเงาบนพน้ื ดนิ )

9. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั สรุปผลการทากิจกรรมและส่งิ ทีเ่ ข้าใจเป็นความร้รู ่วมกนั เกี่ยวกับการเกดิ
เงาจากตัวหุ่นว่า เมื่อวัตถุทกี่ ้ันทางเดินของแสงอยู่ใกลฉ้ าก เงาจะมีขนาดเล็ก เงามดื มีขนาดใหญ่ สว่ นเงามัวมี
ขนาดเลก็ แตเ่ ม่ือวัตถุอยู่ไกลฉาก เงาจะมีขนาดใหญข่ ้ึน เงามดื มีขนาดเล็กลง ส่วนเงามวั มีขนาดใหญ่ขน้ึ

- เงามืด คือ เงาในบรเิ วณที่ไม่มีแสงตกลงบนฉากเลย ทาใหบ้ รเิ วณนนั้ มดื สนิท
- เงามัว คือ เงาในบรเิ วณที่มแี สงบางส่วนตกลงบนฉาก และทาให้บริเวณน้ันมืดสนิท

สือ่ การเรียนรู/้ แหลง่ การเรยี นรู้

1. หนังสอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6

ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

2. แบบฝกึ หดั รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6

ของสถาบนั พัฒนาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

3. ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้พฒั นาการคดิ วเิ คราะห์รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

4. แผน่ กระดาษแข็ง ขนาด A3 1 แผ่น

5. กรรไกร 1 เลม่

6. เทปกาว 2 มว้ น

7. กา้ นมะพร้าว ยาว 60 เซนตเิ มตร 1 ก้าน

8. กระดาษโปสเตอร์ขาว 2 แผ่น

9. โคมไฟฟ้า 1 อัน

10. ดินน้ามัน 2 กอ้ น

11. ไมป้ ลายแหลม 1 แท่ง

12. ไฟฉาย 1 กระบอก

13. แผ่นพลาสตกิ แข็งใส 1 แผ่น

14. คลิปหนีบกระดาษ 2 อัน

15. ใบงานท่ี 17 เรื่อง การเกิดเงาจากตวั หุน่

16. ใบกิจกรรม เร่ือง การเกดิ เงามดื และเงามัว

17. แหล่งการเรยี นรู้ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียน

กิจกรรมเสนอแนะ

นกั เรียนลองทากจิ กรรมต่อไปนี้
กจิ กรรม การเกดิ เงามืดและเงามวั

วัสดุอุปกรณ์ 2 ก้อน
1 อนั
1. ดินนา้ มัน 1 กระบอก
2. ไมป้ ลายแหลม 2 แผ่น
3. ไฟฉาย 1 แผน่
4. กระดาษโปสเตอรข์ าว 2 อนั
5. แผน่ พลาสตกิ แขง็ ใส 2 ม้วน
6. คลปิ หนีบกระดาษ
7. เทปกาว

วิธที า

1. แบง่ กลมุ่ แตล่ ะกลุ่มร่วมกันป้ันดินนา้ มนั เป็นก้อนกลม แลว้ เสียบไม้ปลายแหลม ปักปลายอีกข้างของไม้
ปลายแหลมกับก้อนดินน้ามัน

2. นาเทปกาวตดิ กระดาษโปสเตอรข์ าวไว้กบั แผน่ พลาสติกแข็งใส ตง้ั ไว้บนโต๊ะดว้ ยคลิปหนบี กระดาษ 2 อัน
3. ผู้แทนนักเรียน 1 คน ถอื ไฟฉายอยใู่ นแนวเดยี วกนั กับดินน้ามันและแผน่ พลาสตกิ แขง็ ใส ดังภาพ

ฉาก (กระดาษโปสเตอร์ขาวและแผน่ พลาสติกแขง็ ใส)

ไฟฉาย

ดินนา้ มนั ไมป้ ลายแหลม

คลิปหนบี กระดาษ

การจัดการทดลอง การเกิดเงามืดและเงามัว

4. เลือ่ นไม้ปลายแหลมที่เสยี บดนิ นา้ มันให้ดนิ นา้ มนั บังแสงไฟฉาย โดยจัดให้เงาตกลงตรงกลางฉากพอดี
แล้วทาหอ้ งให้มืดโดยปิดไฟและปิดม่าน จากนน้ั วาดภาพและเขียนแผนภาพรังสีแสดงการเกดิ เงามืดและ
เงามวั

5. เลื่อนไมป้ ลายแหลมทเ่ี สยี บดนิ นา้ มันใหอ้ ย่ใู กลฉ้ าก สังเกต แล้วบันทึกผลในตาราง
6. เลือ่ นไม้ปลายแหลมท่เี สียบดนิ นา้ มันให้อย่ไู กลฉาก สังเกต แล้วบนั ทึกผลในตาราง
7. แต่ละกลุ่มนาเสนอผลการทดลอง

คาถามกอ่ นทากิจกรรม

1. คาถามสาคญั ในการทดลองคืออะไร
(เงามดื และเงามัวเกิดขึ้นไดอ้ ยา่ งไร)

2. นกั เรียนคดิ ว่าเมอ่ื ให้ดินน้ามันบงั แสงไฟฉายจะเกิดอะไรขน้ึ บนฉากรับแสง
(เงา)

บันทกึ ผลการทากจิ กรรม
แผนภาพรังสแี สดงการเกิดเงามดื และเงามวั

ตาราง ผลการสังเกตลักษณะและขนาดของเงา ผลการสังเกต
การทดลอง (ลกั ษณะของเงาที่ปรากฏบนฉากรับแสงชดั เจน
โดยสว่ นทเี่ ป็นเงามืดมีขนาดใหญ่ ส่วนท่ีเปน็ เงามวั มี
1. เม่ือเลือ่ นไมป้ ลายแหลมที่เสยี บดนิ นา้ มันใหอ้ ยู่ ขนาดเล็ก)
ใกล้ฉากรับแสง (ลักษณะของเงาทปี่ รากฏบนฉากรับแสงไมช่ ดั เจน
โดยขนาดของเงาใหญ่ขน้ึ สว่ นทเ่ี ปน็ เงามดื มี
2. เมื่อเล่ือนไม้ปลายแหลมท่ีเสียบดินน้ามันใหอ้ ยู่ ขนาดเลก็ สว่ นที่เปน็ เงามวั มขี นาดใหญ)่
ไกลฉากรบั แสง

คาถามหลงั ทากิจกรรม

1. เงาของดนิ นา้ มนั บนฉากรับแสงเกดิ ขึ้นได้อยา่ งไร
(ดนิ นา้ มนั เปน็ วัตถุทึบแสงจึงกัน้ ทางเดนิ ของแสงทาใหเ้ กิดบริเวณมดื หลงั วตั ถุปรากฏบนฉากรบั แสง
เป็นรปู ดนิ นา้ มัน)

2. เมื่อดนิ น้ามันอยู่ใกลฉ้ ากรบั แสงและอยู่ไกลฉากรบั แสง เงาทีเ่ กดิ ขนึ้ บนฉากรับแสงแตกต่างกนั อย่างไร
ในเร่ืองขนาดของเงาบริเวณเงามืดและเงามวั
(เม่อื ดนิ น้ามันอยใู่ กล้ฉากรบั แสง เงาจะมขี นาดเล็ก บรเิ วณเงามืดมีขนาดใหญ่ ส่วนเงามัวมีขนาดเลก็
เมอื่ ดินน้ามนั อยู่ไกลฉากรบั แสง เงาจะมีขนาดใหญ่ข้ึน บรเิ วณเงามืดมีขนาดเลก็ ลง ส่วนเงามัวมีขนาด
ใหญ่ขน้ึ )

3. สรุปผลการทดลองได้ว่าอย่างไร
(เมอื่ วัตถุท่ีกน้ั ทางเดนิ ของแสงอยใู่ กล้ฉากรบั แสง เงาจะมขี นาดเลก็ เงามืดมขี นาดใหญ่ สว่ นเงามัวมี
ขนาดเลก็ แตเ่ มื่อวตั ถุอยู่ไกลฉากรับแสง เงาจะมีขนาดใหญ่ข้ึน เงามดื มีขนาดเล็กลง สว่ นเงามัวมขี นาด
ใหญ่ขน้ึ )

จงทากิจกรรมอย่างรวมพลัง ดว้ ยความใฝ่รู้และรบั ผดิ ชอบ

กิจกรรมเสนอแนะ

นกั เรียนลองทากิจกรรมต่อไปนี้
กจิ กรรม การเกดิ เงามืดและเงามวั

วัสดุอุปกรณ์ 2 ก้อน
1 อนั
1. ดินนา้ มัน 1 กระบอก
2. ไมป้ ลายแหลม 2 แผ่น
3. ไฟฉาย 1 แผน่
4. กระดาษโปสเตอรข์ าว 2 อนั
5. แผน่ พลาสตกิ แขง็ ใส 2 ม้วน
6. คลปิ หนีบกระดาษ
7. เทปกาว

วิธที า

1. แบง่ กลมุ่ แตล่ ะกลุ่มร่วมกันป้ันดินนา้ มนั เป็นก้อนกลม แลว้ เสียบไม้ปลายแหลม ปักปลายอีกข้างของไม้
ปลายแหลมกับก้อนดินน้ามัน

2. นาเทปกาวติดกระดาษโปสเตอรข์ าวไว้กบั แผน่ พลาสติกแข็งใส ตง้ั ไว้บนโต๊ะดว้ ยคลิปหนบี กระดาษ 2 อัน
3. ผู้แทนนักเรียน 1 คน ถอื ไฟฉายอยใู่ นแนวเดยี วกนั กับดินน้ามันและแผน่ พลาสตกิ แขง็ ใส ดังภาพ

ฉาก (กระดาษโปสเตอร์ขาวและแผน่ พลาสติกแขง็ ใส)

ไฟฉาย

ดินนา้ มนั ไมป้ ลายแหลม

คลิปหนบี กระดาษ

การจัดการทดลอง การเกิดเงามืดและเงามัว

4. เลือ่ นไม้ปลายแหลมที่เสยี บดินนา้ มันใหด้ ินนา้ มนั บังแสงไฟฉาย โดยจัดให้เงาตกลงตรงกลางฉากพอดี
แลว้ ทาหอ้ งให้มืดโดยปิดไฟและปิดม่าน จากนน้ั วาดภาพและเขียนแผนภาพรังสีแสดงการเกดิ เงามืดและ
เงามัว

5. เลื่อนไมป้ ลายแหลมทเ่ี สยี บดินน้ามนั ใหอ้ ย่ใู กลฉ้ าก สังเกต แล้วบันทึกผลในตาราง
6. เลือ่ นไมป้ ลายแหลมทเี่ สยี บดินนา้ มันให้อยูไ่ กลฉาก สังเกต แล้วบนั ทึกผลในตาราง
7. แต่ละกลุ่มนาเสนอผลการทดลอง

คาถามกอ่ นทากิจกรรม

1. คาถามสาคญั ในการทดลองคอื อะไร
(เงามืดและเงามัวเกิดขึ้นได้อย่างไร)

2. นกั เรียนคดิ วา่ เมอ่ื ให้ดินน้ามนั บงั แสงไฟฉายจะเกิดอะไรขน้ึ บนฉากรับแสง
(เงา)

บันทึกผลการทากิจกรรม
แผนภาพรังสีแสดงการเกิดเงามืดและเงามัว (ตวั อย่างคาตอบ)

(

แผนภาพแสดงการเกดิ เงามดื และเงามัว )

ตาราง ผลการสงั เกตลักษณะและขนาดของเงา ผลการสังเกต
การทดลอง ลักษณะของเงาท่ปี รากฏบนฉากรบั แสงชดั เจน
โดยสว่ นทีเ่ ป็นเงามืดมขี นาดใหญ่ ส่วนท่ีเปน็ เงามัว
1. เม่ือเล่ือนไม้ปลายแหลมที่เสยี บดนิ น้ามนั ให้อยู่ มีขนาดเล็ก
ใกล้ฉากรบั แสง ลกั ษณะของเงาทป่ี รากฏบนฉากรับแสงไม่ชัดเจน
โดยขนาดของเงาใหญ่ข้ึน ส่วนทีเ่ ป็นเงามืด
2. เม่อื เลอ่ื นไม้ปลายแหลมทเ่ี สียบดินน้ามนั ให้อยู่ มีขนาดเลก็ ส่วนท่เี ปน็ เงามวั มีขนาดใหญ่
ไกลฉากรบั แสง

คาถามหลงั ทากิจกรรม

1. เงาของดนิ นา้ มนั บนฉากรบั แสงเกิดขน้ึ ได้อย่างไร
(ดินนา้ มันเปน็ วตั ถุทึบแสงจงึ กนั้ ทางเดนิ ของแสง ทาใหเ้ กดิ บริเวณมืดหลงั วตั ถปุ รากฏบนฉากรบั แสง
เป็นรูปดินน้ามัน)

2. เม่อื ดนิ น้ามันอยู่ใกล้ฉากรบั แสงและอยู่ไกลฉากรับแสง เงาท่เี กิดขนึ้ บนฉากรบั แสงแตกต่างกนั อย่างไร
ในเรือ่ งขนาดของเงาบริเวณเงามืดและเงามัว
( เมอื่ ดนิ นา้ มนั อยู่ใกล้ฉากรับแสง เงาจะมีขนาดเล็ก บริเวณเงามืดมขี นาดใหญ่ ส่วนเงามวั มขี นาดเล็ก
 เมื่อดินน้ามันอยู่ไกลฉากรับแสง เงาจะมีขนาดใหญ่ขึน้ บริเวณเงามืดมีขนาดเลก็ ลง สว่ นเงามวั
มขี นาดใหญ่ขึ้น)

3. สรุปผลการทดลองได้ว่าอยา่ งไร
(เม่อื วัตถุท่กี ั้นทางเดินของแสงอยใู่ กลฉ้ ากรับแสง เงาจะมีขนาดเล็ก เงามดื มขี นาดใหญ่ ส่วนเงามัว
มีขนาดเล็ก แตเ่ มื่อวตั ถุอยู่ไกลฉากรับแสง เงาจะมขี นาดใหญข่ ้ึน เงามดื มขี นาดเล็กลง สว่ นเงามัว
มขี นาดใหญ่ขนึ้ )

จงทากิจกรรมอย่างรวมพลัง ด้วยความใฝ่รู้และรับผิดชอบ

การประเมนิ การเรยี นรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรอื่ ง เงามดื และเงามัว (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินการปฏิบัตกิ ารทากิจกรรมการทดลอง (P) ด้วยแบบประเมิน
3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ดา้ นซื่อสตั ยส์ ุจริต ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน (A)

ดว้ ยแบบประเมิน

แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ การปฏิบัติการทากจิ กรรมการทดลอง

รายการการประเมนิ 4 ระดับคุณภาพ 1
32

1. การทากจิ กรรม ทากจิ กรรมการทดลอง ทากิจกรรมการทดลอง ทากจิ กรรมการทดลอง ทากิจกรรมการทดลอง

การทดลอง ตามวิธกี ารและขนั้ ตอน ตามวิธีการและขนั้ ตอน ตามวิธีการและขนั้ ตอน ไมถ่ กู ต้องตามวิธกี าร

ตามแผนที่กาหนด ที่กาหนดไว้อยา่ งถูกตอ้ ง ท่ีกาหนดไว้ดว้ ยตนเอง ท่ีกาหนดไว้ โดยมคี รู และขั้นตอนทก่ี าหนดไว้

ด้วยตนเอง มกี ารปรับปรงุ มกี ารปรบั ปรุงแกไ้ ขบ้าง หรอื ผอู้ นื่ เปน็ ผู้แนะนา ไมม่ กี ารปรับปรงุ แก้ไข

แก้ไขเปน็ ระยะ

2. การใชอ้ ุปกรณ์ ใชอ้ ปุ กรณ์และ/หรือ ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละ/หรือ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรือ

และ/หรอื เคร่ืองมือ เครื่องมอื ในการทา เครอ่ื งมือในการทา เครอื่ งมอื ในการทา เคร่ืองมอื ในการทา

กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง

ไดอ้ ย่างถกู ต้อง ได้อย่างถกู ต้อง ได้อย่างถูกตอ้ ง โดยมีครู ไม่ถูกต้องและไมม่ ี

ตามหลักการปฏบิ ัติ ตามหลักการปฏิบัติ หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผแู้ นะนา ความคลอ่ งแคล่ว

และคลอ่ งแคลว่ แต่ไมค่ ลอ่ งแคลว่ ในการใช้

3. การบันทกึ ผล บนั ทึกผลเป็นระยะ บนั ทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทึกผลไมค่ รบ

การทากจิ กรรม อยา่ งถูกตอ้ ง มีระเบียบ อย่างถกู ต้อง มีระเบียบ แตไ่ มเ่ ป็นระเบยี บ ไม่มีการระบหุ นว่ ย

การทดลอง มีการระบุหน่วย มกี าร มกี ารระบุหนว่ ย มีการ ไม่มกี ารระบุหน่วย และไม่เป็นไปตาม

อธิบายข้อมูลให้เห็น อธบิ ายขอ้ มูลให้เห็น และไม่มกี ารอธบิ ายขอ้ มลู การทากจิ กรรม

ความเช่ือมโยงเป็นภาพรวม ถงึ ความสัมพันธ์ ใหเ้ หน็ ถึงความสมั พันธ์ การทดลอง

เปน็ เหตเุ ปน็ ผล และเป็นไป เป็นไปตามการทา ของการทากจิ กรรม

ตามการทดลอง กิจกรรมการทดลอง การทดลอง

4. การจัดกระทาข้อมลู จัดกระทาขอ้ มลู จัดกระทาข้อมลู จดั กระทาขอ้ มลู จัดกระทาข้อมลู อย่าง

และการนาเสนอ อย่างเป็นระบบ อย่างเปน็ ระบบ มกี าร อยา่ งเปน็ ระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และมกี าร

มกี ารเช่ือมโยงใหเ้ ห็น จาแนกขอ้ มูลให้เหน็ มกี ารยกตวั อยา่ งเพิ่มเตมิ นาเสนอไมส่ ื่อความหมาย

เปน็ ภาพรวม และนาเสนอ ความสมั พนั ธ์ นาเสนอ ใหเ้ ขา้ ใจง่าย และนาเสนอ และไม่ชัดเจน

ดว้ ยแบบต่าง ๆ อย่างชัดเจน ดว้ ยแบบต่าง ๆ ได้ ด้วยแบบตา่ ง ๆ

ถูกตอ้ ง แต่ยังไม่ชดั เจน แต่ยังไมช่ ัดเจน

และไม่ถูกตอ้ ง

รายการการประเมนิ 4 ระดับคุณภาพ 1
32 สรุปผลการทากจิ กรรม
การทดลองตามความรู้
5. การสรปุ ผล สรปุ ผลการทากิจกรรม สรปุ ผลการทากจิ กรรม สรปุ ผลการทากิจกรรม ทพ่ี อมอี ยู่ โดยไมใ่ ช้
ขอ้ มลู จากการทากจิ กรรม
การทากิจกรรม การทดลองได้ การทดลองได้ การทดลองได้ โดยมคี รู การทดลอง

การทดลอง อยา่ งถูกต้อง กระชบั ถูกต้อง แตย่ งั หรอื ผอู้ ่ืนแนะนาบา้ ง ไมด่ ูแลอปุ กรณ์และ/
หรอื เคร่อื งมือในการทา
ชดั เจน และครอบคลมุ ไม่ครอบคลมุ ขอ้ มลู จงึ สามารถสรปุ ไดถ้ ูกต้อง กิจกรรมการทดลอง
และไม่สนใจทาความ
ขอ้ มลู จากการวเิ คราะห์ จากการวเิ คราะหท์ ัง้ หมด สะอาด รวมท้ังเกบ็
ไม่ถกู ตอ้ ง
ท้งั หมด

6. การดแู ลและการเกบ็ ดแู ลอปุ กรณแ์ ละ/หรอื ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ดูแลอปุ กรณแ์ ละ/หรอื

อปุ กรณ์และ/หรือ เครอ่ื งมือในการทา เครือ่ งมอื ในการทา เคร่ืองมือในการทา

เครื่องมอื กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง

และมกี ารทาความสะอาด และมีการทาความสะอาด มีการทาความสะอาด

และเก็บอย่างถูกต้อง อย่างถูกต้อง แต่เกบ็ แตเ่ ก็บไม่ถกู ตอ้ ง

ตามหลักการ และแนะนา ไมถ่ ูกต้อง ตอ้ งใหค้ รูหรือผอู้ น่ื

ให้ผอู้ นื่ ดูแลและเก็บ แนะนา

รักษาได้ถูกต้อง

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา

ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทึกหลงั การสอน

ผลการจดั การเรยี นการสอน

ปัญหา/อปุ สรรค

แนวทางแก้ไข

ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บันทึก

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ปรากฏการณ์ของโลก
แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 3

เรื่อง การเกดิ เงาจากตัวหุ่น : 2

ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชี้วดั

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพนั ธ์

ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์
ทเี่ ก่ียวข้องกบั เสียง แสง และคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทัง้ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์

ตัวช้ีวัด อธบิ ายการเกิดเงามืดเงามัวจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
ว 2.3 ป.6/7 เขยี นแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามวั
ว 2.3 ป.6/8

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธบิ ายเงามดื เงามวั ได้ (K)
2. บอกความหมายของเงามืด เงามัวได้ (K)
3. จัดทาแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการเกดิ เงามดื และเงามวั อย่างรวมพลัง ดว้ ยความมุง่ ม่ันและตงั้ ใจ (P)
4. เขียนแผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามัวได้
5. มคี วามมงุ่ มั่นและตัง้ ใจ (A)

สาระการเรียนรู้

เมือ่ นาวัตถุทึบแสงมากั้นแสงจะเกิดเงาบนฉากรับแสงที่อยู่ดา้ นหลังวตั ถุ โดยเงามรี ูปร่างคล้ายวตั ถทุ ่ที าให้
เกิดเงา เงามวั เป็นบริเวณท่มี ีแสงบางสว่ นตกลงบนฉาก ส่วนเงามืดเปน็ บรเิ วณที่ไม่มีแสงตกลงบนฉากเลย

สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
- การอธบิ าย การเขียน การพดู หน้าชนั้ เรียน

2. ความสามารถในการคดิ
- การสงั เกต การคิดวเิ คราะห์ การจัดจาแนก การจัดระบบความคดิ เปน็ แผนภาพ การสร้างคาอธบิ าย
การอภิปราย การสื่อความหมาย การทากจิ กรรมโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
- การแกป้ ัญหาขณะปฏิบตั กิ ิจกรรม

4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- กระบวนการกลุม่

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
(-)

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มงุ่ ม่ันในการทางาน

คาถามสาคญั

(-)

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

• ข•ั้นป• ฏ•บิ ัต•ิแล•ะส•รปุ •ค•วา•มร•้หู ล•ังก•าร•ปฏ•ิบตั•ิ (•Ap• p•lyi•ng•an• d•Co• n•str•uc•tin•g•th•e K• n•ow•le•dg•e)•
•1.•นกั• เร•ยี น•แต่ละกลมุ่ ร่วมกันอย่างรวมพลงั วางแผน ออกแบบ และเขียนแผนภาพรังสีของแสง

แสดงการเกิดเงามืด เงามัว จัดทาเปน็ ชน้ิ งาน
การวางแผน ออกแบบ และเขียนแผนภาพ เปน็ การสร้างเสริมทักษะศตวรรษท่ี 21
ด้านการคิดวเิ คราะห์ คิดสร้างสรรค์ และการส่ือสาร
(ตัวอยา่ งแผนภาพรงั สขี องแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามวั )
เงามวั

วตั ถทุ ึบแสง เงามดื
ฉาก
แหล่งกาเนิดแสง

แผนภาพรังสขี องแสงแสดงการเกิดเงามดื เงามัว
2. นกั เรียนร่วมกันสรุปสง่ิ ทเ่ี ข้าใจเป็นความรู้ร่วมกัน ดงั น้ี

 เมอ่ื นาวตั ถุทบึ แสงมากั้นแสงจะเกดิ เงาบนฉากรับแสงท่ีอยู่ด้านหลงั วัตถุ โดยเงามรี ูปรา่ งคลา้ ย
วัตถุทที่ าให้เกดิ เงา เงามัวเปน็ บรเิ วณท่ีมีแสงบางสว่ นตกลงบนฉาก สว่ นเงามดื เป็นบรเิ วณที่ไม่มแี สงตกลง
บนฉากเลย

• ข•น้ั ส•่อื ส•าร•แล•ะน•าเ•สน•อ•(A•pp•ly•ing• t•he• C•om• m• u•ni•cat•io•n S•ki•ll•)

3. ผูแ้ ทนนักเรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการเกดิ เงามดื เงามัว โดยวิธี
จดั กิจกรรม Team Game Tournament: TGT โดยจดั แยกใหส้ มาชกิ กลุ่มของตนกระจายไปทุกกล่มุ
ไปรบั ฟงั การนาเสนอ และตอบข้อซักถามของกล่มุ อืน่

4. นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเก่ียวกับวธิ กี ารทางานให้เห็นการคิดเชิงระบบและวธิ กี ารทางาน
ที่มีแบบแผน

• ข•น้ั ป•ระ•เม•ินเ•พอื่ •เพ•ิ่มค•ุณ•คา่ •บร•ิกา•รส•ังค•มแ•ละ•จ•ติ ส•าธ•าร•ณะ• (S•el•f-R•eg•u•lat•ing•)

•5. •นัก•เร•ยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันแต่งนทิ านประกอบห่นุ เงา แลว้ จดั ประกวดการเล่านทิ านในโรงเรยี น

หรือในท้องถิ่น เพ่อื ให้คนในท้องถิ่นไดม้ ีสว่ นรว่ ม
6. นกั เรยี นรว่ มกนั คดั เลอื กผลงานทีด่ ีเดน่ ติดท่ปี ้ายนเิ ทศหนา้ ชั้นเรียน เพอื่ ใช้เปน็ แหลง่ การเรยี นรู้

สาหรบั นกั เรยี นชนั้ อน่ื
7. นกั เรยี นรว่ มกนั จัดแสดงผลงานเพอ่ื เป็นแรงจูงใจใหน้ ักเรยี นผลิตผลงานทีด่ ี

และไดเ้ ห็นผลงานท่ีหลากหลายของเพ่อื น เปน็ การเปิดความคิดของนกั เรียนให้กว้างข้ึน
8. นกั เรยี นตรวจสอบหรอื ประเมินขัน้ ตอนต่าง ๆ ท่เี รยี นมาในวนั นี้มจี ุดเด่น จดุ บกพร่องอะไรบ้าง

มีความสงสัย อยากรอู้ ยากเห็นในเรือ่ งใด ให้ระบุ
9. นักเรียนประเมินตนเอง โดยเขยี นแสดงความร้สู ึกหลังการเรียนและหลังการทากจิ กรรม

ในประเดน็ ต่อไปน้ี
 ส่งิ ทีน่ ักเรยี นได้เรียนรใู้ นวันนีค้ ืออะไร
 นักเรยี นมีส่วนรว่ มกิจกรรมในกลมุ่ มากนอ้ ยเพยี งใด
 เพ่อื นนักเรยี นในกลุ่มมสี ่วนร่วมกจิ กรรมในกล่มุ มากน้อยเพียงใด
 นกั เรยี นพึงพอใจกับการเรยี นในวันนห้ี รอื ไม่ เพียงใด
 นักเรียนจะนาความรูท้ ี่ได้นไ้ี ปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครวั และสังคมทั่วไป
ได้อย่างไร
จากนัน้ แลกเปลยี่ นตรวจสอบขัน้ ตอนการทางานทกุ ข้นั ตอนว่าจะเพิม่ คณุ ค่าไปสสู่ ังคม

เกิดประโยชน์ตอ่ สงั คมให้มากข้ึนกวา่ เดิมในขน้ั ตอนใดบา้ ง สาหรบั การทางานในครัง้ ต่อไป

สอ่ื การเรยี นรู้/แหลง่ การเรียนรู้

1. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

2. แบบฝกึ หดั รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 6
ของสถาบันพฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พฒั นาการคิดวิเคราะหร์ ายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)

4. แหลง่ การเรยี นรทู้ ัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี น

การประเมินการเรยี นรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรือ่ ง เงามดื และเงามวั (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินการสบื สอบข้อมลู (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ด้านซ่ือสัตย์สุจรติ ใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทางาน (A)

ด้วยแบบประเมนิ

แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ ชิ้นงาน แผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืด เงามัว

รายการการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ

การจัดกระทาและ 432 1
นาเสนอแผนภาพรงั สี
ของแสงแสดงการเกดิ ออกแบบและเขยี น ออกแบบและเขยี น ออกแบบและเขียน ออกแบบและเขียน
เงามดื เงามวั แผนภาพรงั สีของแสง แผนภาพรงั สีของแสง แผนภาพรงั สขี องแสง แผนภาพรังสขี องแสง
แสดงการเกดิ เงามดื แสดงการเกดิ เงามดื แสดงการเกดิ เงามดื แสดงการเกดิ เงามดื
เงามัวไดอ้ ยา่ งเป็นระบบ เงามวั ไดอ้ ยา่ งเป็นระบบ เงามัวไดต้ ามหวั ขอ้ เร่อื ง เงามัวได้ แตไ่ มส่ อดคลอ้ ง
สัมพนั ธก์ นั และถกู ต้อง สัมพนั ธก์ ับหัวขอ้ เรื่อง โดยมคี รหู รอื ผู้อ่นื กับหัวขอ้ เร่อื งทก่ี าหนด
ตามหวั ข้อเร่อื งทก่ี าหนด ท่ีกาหนด มีความคดิ รเิ ริม่ ใหค้ าแนะนา
มีความคิดสรา้ งสรรค์ แตไ่ มม่ ีการเชือ่ มโยง
มกี ารเชอื่ มโยงให้เหน็ ให้เห็นเป็นภาพรวม
เปน็ ภาพรวม

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา

ลงชือ่
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตาแหน่ง ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทึกหลงั การสอน

ผลการจดั การเรยี นการสอน

ปัญหา/อปุ สรรค

แนวทางแก้ไข

ครูผู้สอน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บันทึก

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปรากฏการณ์ของโลก
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 4

เรอื่ ง จนั ทรปุ ราคาและสุรยิ ปุ ราคา

ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชีว้ ัด

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี

ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้งั ปฏสิ มั พนั ธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อส่งิ มชี วี ิตและ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ

ตัวชว้ี ดั สร้างแบบจาํ ลองทอ่ี ธบิ ายการเกิด และเปรียบเทยี บปรากฏการณส์ ุรยิ ุปราคาและ
ว 2.3 ป.6/1 จนั ทรุปราคา

จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธิบายการเกดิ ปรากฏการณจ์ ันทรุปราคาและสรุ ยิ ปุ ราคาได้ (K)
2. สบื สอบข้อมลู เกีย่ วกบั การเกดิ ปรากฏการณจ์ ันทรปุ ราคาและสรุ ยิ ุปราคา อย่างรวมพลัง ด้วยความตง้ั ใจ

และใฝ่รู้ได้ (P)
3. มคี วามต้งั ใจและใฝร่ ู้ (A)

สาระการเรยี นรู้

จันทรปุ ราคาเปน็ ปรากฏการณท์ ีเ่ กิดขนึ้ เมื่อโลกเคล่ือนท่ีอยู่ระหว่างดวงอาทิตยก์ บั ดวงจันทร์
คนบนโลกจะเหน็ ดวงจนั ทรม์ ืดไปชั่วขณะ เน่ืองจากเงาของโลกบังแสงสะท้อนจากดวงจันทร์ไว้

สรุ ยิ ปุ ราคาเปน็ ปรากฏการณ์ที่เกดิ ข้ึนเม่อื ดวงจนั ทร์เคลื่อนท่อี ยรู่ ะหวา่ งโลกกับดวงอาทิตย์
คนท่อี ยบู่ ริเวณเงามืดของดวงจนั ทร์จะเหน็ ดวงจนั ทร์เคล่ือนมาบงั ดวงอาทติ ย์

สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
- การอธบิ าย การเขยี น การพดู หนา้ ชนั้ เรยี น

2. ความสามารถในการคดิ
- การสงั เกต การคิดวเิ คราะห์ การจดั ระบบความคิดเป็นแผนภาพ การสร้างคาํ อธิบาย การอภปิ ราย
การสื่อความหมาย การสบื สอบโดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
(-)

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
- กระบวนการกลุ่ม

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
- การสบื สอบขอ้ มลู จากเทคโนโลยสี ารสนเทศ

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝ่เรยี นรู้
2. มุง่ มน่ั ในการทาํ งาน

คาถามสาคัญ

(-)

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

•ขนั้ •สัง•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ขอ้ •มูล• (G• a•th•eri•ng•)

1. นกั เรียนร่วมกันสนทนาเกยี่ วกับจนั ทรุปราคาและสรุ ยิ ุปราคา โดยผู้แทนนกั เรียนที่มปี ระสบการณ์
เกย่ี วกบั การดปู รากฏการณ์จันทรุปราคาและสุริยุปราคาออกมาเลา่ เหตกุ ารณใ์ หเ้ พ่ือนนักเรยี นฟัง แล้วร่วมกัน
ตอบคาํ ถามกระตุ้นความคิด ดังน้ี

1.1 นกั เรยี นเคยมปี ระสบการณ์การดปู รากฏการณจ์ ันทรุปราคาและสุรยิ ปุ ราคาเหมือนเพ่ือน
หรือไม่ อยา่ งไร

(นักเรยี นตอบตามประสบการณ์ของนักเรียน)
1.2 ปรากฏการณจ์ นั ทรปุ ราคาเกิดขึน้ ได้อยา่ งไร
(ตัวอยา่ งคําตอบ จนั ทรุปราคาเป็นปรากฏการณท์ ่ีเกิดข้ึนเม่ือโลกเคลือ่ นทีอ่ ย่รู ะหวา่ งดวงอาทติ ย์
กบั ดวงจนั ทร์ คนบนโลกจะเหน็ ดวงจนั ทรม์ ดื ไปชว่ั ขณะ เนื่องจากเงาของโลกบังแสงสะท้อนจากดวงจนั ทร์ไว)้
1.3 ปรากฏการณส์ รุ ยิ ุปราคาเกดิ ขึ้นได้อยา่ งไร
(ตวั อยา่ งคําตอบ สรุ ยิ ุปราคาเปน็ ปรากฏการณ์ท่ีเกิดขน้ึ เมื่อดวงจันทรเ์ คลอ่ื นท่ีอยรู่ ะหวา่ งโลก
กับดวงอาทิตย์ คนท่ีอยู่บรเิ วณเงามดื ของดวงจันทร์จะเห็นดวงจันทร์เคล่อื นมาบังดวงอาทติ ย)์
2. นกั เรียนรว่ มกนั คาดคะเนคําตอบของคําถามขา้ งตน้
3. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละเพศ และคละนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน
(หรอื จะแบง่ กลมุ่ ด้วยวธิ ีการตา่ ง ๆ เพ่ิมเติมได้) โดยแตล่ ะกลุ่มปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ตามขั้นตอน ดงั นี้
3.1 ทบทวนบทบาทหน้าท่ีของสมาชกิ ในกลุ่มว่าต้องทําหน้าท่ีอยา่ งไรบ้าง ในการดําเนนิ การดว้ ย
กระบวนการทํางานกลุ่ม เช่น หวั หน้ากลุ่ม มหี นา้ ที.่ ............................. ผู้จดบนั ทึก มหี นา้ ท่ี..............................
ผเู้ สนอรายงาน มหี นา้ ท่.ี ............................. อื่น ๆ ..............................

การทาํ งานกลมุ่ ไม่ควรเกนิ 4 คน เพือ่ ใหร้ ูจ้ ักการแบ่งงานกันและแสดงความคิดเห็นในกลมุ่ เลก็ ก่อน
ในการสร้างเสรมิ ทักษะศตวรรษที่ 21 ด้านการเรยี นรู้วธิ เี รียนและการร่วมมอื ทํางานเป็นทมี

4. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั อยา่ งรวมพลังศึกษา อา่ นเนือ้ หา สบื สอบและรวบรวมข้อมูลเก่ียวกบั
ปรากฏการณจ์ นั ทรปุ ราคาและสรุ ยิ ุปราคา จากหนังสือเรียนและแหล่งการเรียนร้ทู ่ีหลากหลาย พร้อมทั้ง
ออกแบบการนาํ เสนอผลการสบื สอบในแบบท่ีน่าสนใจ

5. นักเรียนแต่ละกลมุ่ บันทึกผลการศึกษาคน้ ควา้ ในรปู ผังกราฟิกแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
ของขอ้ มลู และแลกเปลี่ยนเรียนรูร้ ่วมกนั

•ข(Gัน้•aคt•ิดhวe•ิเrคinร•gา)ะ•ห์แ• ล•ะส•รปุ •คว•าม•รู้ •(P•ro•ce•ssi•ng•)
6•. น• ักเรียนแต่ละกลมุ่ นาํ ข้อมลู ที่ได้จากการศึกษา สืบสอบมาร่วมกันวเิ คราะห์ อภิปราย เปรียบเทยี บ

ปรากฏการณ์จนั ทรปุ ราคาและสรุ ยิ ปุ ราคา เพ่ือฝกึ ฝนตนเองใหเ้ ป็นผูม้ ีความรู้อยา่ งเข้าใจและมีทักษะ แล้วสรุป
เป็นความคดิ รวบยอด

7. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันสรุปสงิ่ ทีเ่ ข้าใจเป็นความรรู้ ่วมกันเก่ยี วกับปรากฏการณจ์ ันทรุปราคา
และสุริยุปราคาวา่ จนั ทรปุ ราคาเปน็ ปรากฏการณท์ ่ีเกิดข้ึนเมอ่ื โลกเคลื่อนที่อยู่ระหวา่ งดวงอาทิตย์กับดวงจนั ทร์
คนบนโลกจะเหน็ ดวงจันทรม์ ืดไปชัว่ ขณะ เน่ืองจากเงาของโลกบงั แสงสะท้อนจากดวงจันทร์ไว้

- สุริยุปราคาเปน็ ปรากฏการณ์ทเ่ี กดิ ขึน้ เมื่อดวงจนั ทร์เคล่ือนทอ่ี ยู่ระหวา่ งโลกกับดวงอาทติ ย์
คนทีอ่ ยบู่ รเิ วณเงามืดของดวงจนั ทร์จะเห็นดวงจนั ทร์เคล่ือนมาบงั ดวงอาทติ ย์

สื่อการเรยี นรู/้ แหลง่ การเรยี นรู้

1. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6
ของสถาบันพฒั นาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

2. แบบฝึกหดั รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)

3. ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้พัฒนาการคิดวิเคราะหร์ ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของสถาบันพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

4. แหลง่ การเรยี นรูท้ ง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมินการเรยี นรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรื่อง ปรากฏการณ์จนั ทรุปราคาและสุริยุปราคา (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินการสืบสอบข้อมลู (P) ด้วยแบบประเมิน
3. ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ด้านใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มนั่ ในการทาํ งาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ การสบื สอบขอ้ มลู

รายการการประเมิน 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32

1. การวางแผนค้นคว้า วางแผนท่จี ะค้นควา้ ขอ้ มูล วางแผนทจ่ี ะค้นคว้าขอ้ มลู วางแผนที่จะค้นคว้าข้อมูล ไมม่ กี ารวางแผนท่จี ะ

ข้อมลู จาก จากแหลง่ การเรยี นรู้ จากแหล่งการเรียนรู้ จากแหล่งการเรียนรู้ ค้นควา้ ข้อมลู จาก

แหล่งการเรียนรู้ ท่ีหลากหลาย เชื่อถือได้ ที่หลากหลายและเหมาะสม โดยมีครหู รอื ผอู้ ่ืน แหลง่ การเรยี นรู้

และมกี ารเชอื่ มโยงให้เห็น แต่ไมม่ กี ารเช่อื มโยง แนะนําบ้าง อย่างเป็นระบบ

เปน็ ภาพรวม แสดงใหเ้ ห็น ให้เห็นเปน็ ภาพรวม

ถึงความสัมพันธ์ของ

วธิ กี ารทั้งหมด

2. การเก็บรวบรวม เก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกบ็ รวบรวมขอ้ มูล เก็บรวบรวมข้อมูล

ขอ้ มลู ตามแผนทีก่ าํ หนด โดยคดั เลอื กและ/หรอื โดยไม่มกี ารคดั เลอื ก เป็นระยะ ขาดการ

ทกุ ประการ ประเมินขอ้ มูล และ/หรอื ประเมนิ ข้อมลู ประเมนิ เพือ่ คดั เลือก

3. การจัดกระทําข้อมลู จัดกระทําข้อมลู จดั กระทาํ ขอ้ มลู จัดกระทาํ ข้อมลู จดั กระทําขอ้ มลู อยา่ ง

และการนาํ เสนอ อยา่ งเป็นระบบ อยา่ งเปน็ ระบบ มีการ อยา่ งเป็นระบบ ไม่เป็นระบบ และ

มกี ารเช่อื มโยงใหเ้ ห็น จาํ แนกขอ้ มูลใหเ้ ห็น มกี ารยกตัวอยา่ งเพม่ิ เตมิ นาํ เสนอไม่สอ่ื ความหมาย

เปน็ ภาพรวม และนําเสนอ ความสมั พันธ์ นาํ เสนอ ใหเ้ ข้าใจง่ายและนําเสนอ และไมช่ ัดเจน

ด้วยแบบต่าง ๆ อย่างชัดเจน ด้วยแบบต่าง ๆ ด้วยแบบต่าง ๆ

ถูกต้อง ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง แตย่ ังไม่ถูกตอ้ ง

4. การสรุปผล สรุปผลไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สรุปผลได้อยา่ งกระชบั สรปุ ผลได้กระชับ สรปุ ผลโดยไมใ่ ช้

กระชบั ชดั เจน และ แต่ยงั ไมช่ ดั เจนและ กะทัดรัด แตไ่ มช่ ัดเจน ข้อมูล และไม่ถกู ตอ้ ง

ครอบคลมุ มีเหตผุ ล ไม่ครอบคลมุ ข้อมลู

ทอ่ี า้ งอิงจากการสืบสอบ จากการวิเคราะห์

ได้ ทั้งหมด

5. การเขยี นรายงาน เขยี นรายงาน เขียนรายงาน เขยี นรายงาน เขียนรายงานได้

ตรงตามจุดประสงค์ ตรงตามจดุ ประสงค์ โดยสอื่ ความหมายได้ ตามตัวอย่าง แตใ่ ช้ภาษา

ถูกตอ้ งและชดั เจน อย่างถกู ต้องและชัดเจน โดยมคี รหู รอื ผู้อน่ื ไม่ถูกตอ้ งและไม่ชัดเจน

และมกี ารเช่ือมโยง แตข่ าดการเรียบเรียง แนะนาํ

ใหเ้ ห็นเป็นภาพรวม

ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา

ลงช่อื
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตําแหน่ง ผอู้ ํานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทกึ หลงั การสอน

ผลการจัดการเรยี นการสอน

ปญั หา/อุปสรรค

แนวทางแก้ไข

ครผู ้สู อน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บนั ทกึ

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ปรากฏการณข์ องโลก
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 5

เรื่อง การท่วี ัตถขุ นาดเลก็ บังวัตถุขนาดใหญ่ : 1

ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ัด

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี

ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทง้ั ปฏิสัมพันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะทีส่ ง่ ผลต่อสิ่งมีชีวติ และ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ

ตัวชวี้ ดั สร้างแบบจําลองทอ่ี ธบิ ายการเกิด และเปรยี บเทียบปรากฏการณส์ ุริยุปราคาและ
ว 3.1 ป.6/1 จันทรุปราคา

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายปรากฏการณ์ท่วี ัตถุขนาดเล็กบงั วตั ถขุ นาดใหญ่ได้ (K)
2. ปฏิบัตกิ จิ กรรม แบบจําลองจนั ทรปุ ราคาและสรุ ิยุปราคา (ตอนท่ี 1) อย่างรวมพลัง ดว้ ยความใฝร่ ู้ มุ่งมั่น

และรับผิดชอบได้ (P)
3. แสดงการเกิดจันทรปุ ราคาและสุรยิ ปุ ราคาจากอปุ กรณท์ ี่กําหนดใหไ้ ด้ (P)
4. สงั เกต บนั ทกึ และอธิบายการเกิดจนั ทรปุ ราคาและสรุ ยิ ุปราคาได้ (P)
5. มีความใฝร่ ู้ มงุ่ มน่ั และรบั ผิดชอบ (A)

สาระการเรยี นรู้

วัตถทุ ่ีมขี นาดเลก็ สามารถบงั วัตถทุ มี่ ีขนาดใหญ่ได้ ถา้ วตั ถุที่มขี นาดใหญ่อยู่ไกลจากตัวเรามากกว่า
วตั ถุที่มขี นาดเลก็ มาก

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
- การอธิบาย การเขยี น การพูดหนา้ ชัน้ เรยี น

2. ความสามารถในการคดิ
- การสงั เกต การคิดวเิ คราะห์ การสร้างคําอธิบาย การอภปิ ราย การส่อื ความหมาย การทํากิจกรรม
ทดลองโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแกป้ ัญหาขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม

4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
- กระบวนการกลมุ่

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
(-)

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ซ่อื สัตยส์ ุจรติ
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมัน่ ในการทาํ งาน

คาถามสาคัญ

ดวงอาทติ ย์มีขนาดใหญก่ ว่าดวงจันทรม์ าก ดวงจันทร์จะบงั ดวงอาทิตย์ได้อยา่ งไร

การจัดกิจกรรมการเรียนรู้

•ขัน้ •สัง•เก•ต ร•วบ• ร•วม•ข้อ•มูล• (G• a•th•eri•ng•)

1. นักเรียนสังเกตแบบจําลอง การเกิดจนั ทรปุ ราคาและสรุ ิยุปราคา แลว้ ร่วมกันทบทวนประสบการณ์เดิม
เก่ยี วกบั การโคจรของโลกและดวงจันทร์ แล้วรว่ มกนั ตอบคําถามกระตุน้ ความคดิ ดังนี้

1.1 ในขณะท่ดี วงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกและโลกโคจรรอบดวงอาทิตยน์ นั้
ดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์ มีโอกาสที่จะเคลื่อนทีม่ าอยู่ในแนวเดียวกันได้หรือไม่

(ได้)
1.2 ถ้าดวงจนั ทร์อยรู่ ะหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์จะบงั แสงจากดวงอาทติ ยห์ รือไม่
(บัง)
1.3 ดวงจันทร์มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ คนบนโลกจะมองเห็นดวงจันทร์
บังดวงอาทติ ย์หรือไม่
(ได้)
1.4 ดวงอาทติ ย์มีขนาดใหญก่ ว่าดวงจนั ทรม์ าก ดวงจนั ทรจ์ ะบงั ดวงอาทิตย์ไดอ้ ย่างไร
(ดวงจนั ทร์มีขนาดเล็ก สามารถบงั ดวงอาทติ ยท์ ี่มขี นาดใหญ่ได้ เพราะดวงอาทิตย์อยู่ไกลจากตัวเรา
มากกวา่ ดวงจันทร์ท่ีมีขนาดเล็กมาก)
2. นกั เรยี นร่วมกันคาดคะเนคําตอบของคาํ ถามข้างตน้
3. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละเพศ และคละนักเรยี นเก่ง ปานกลาง และอ่อน
(หรอื จะแบ่งกลมุ่ ดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ เพิ่มเติมได้) โดยแต่ละกลุ่มปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ตามขั้นตอน ดงั น้ี
3.1 ทบทวนบทบาทหนา้ ทขี่ องสมาชกิ ในกล่มุ ว่าต้องทาํ หนา้ ท่อี ย่างไรบ้าง ในการดําเนนิ การ
ด้วยกระบวนการทํางานกลุ่ม เช่น หวั หน้ากลมุ่ มีหนา้ ท่ี ................. ผู้จดบนั ทึก มีหนา้ ที่ ..................
ผูเ้ สนอรายงานมหี นา้ ที่ .................. อืน่ ๆ .................

กิจกรรมกลมุ่ และการปฏิบัติกจิ กรรม เปน็ การสร้างเสริมทักษะศตวรรษท่ี 21 ด้านการรว่ มมือ
ทํางานเป็นทีม การคิดแก้ปัญหา และรับผิดชอบต่องานร่วมกนั

3.2 ตรวจสอบความพร้อมของสื่อ วสั ดุอปุ กรณ์ สําหรับการปฏิบัตกิ ิจกรรมว่าครบถว้ น
เหมาะสมท่จี ะใช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรมเพยี งใด

4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั อย่างรวมพลงั ศึกษาวธิ ีการทํากิจกรรมที่ 4.2 เร่ือง แบบจําลอง
จันทรปุ ราคาและสุรยิ ุปราคา (ตอนที่ 1) ในใบงานท่ี 18

5. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันแสดงความคิดเหน็ ก่อนทํากจิ กรรม โดยร่วมกันตอบคําถามก่อนทาํ
กจิ กรรม ดงั นี้

5.1 คําถามสาํ คัญในการทดลองคืออะไร
(ดวงอาทิตย์มีขนาดใหญ่กว่าดวงจนั ทร์มาก ดวงจนั ทรจ์ ะบังดวงอาทิตย์ไดอ้ ยา่ งไร)
5.2 วตั ถปุ ระสงค์ของการทดลองนี้คอื อะไร
(ศกึ ษาปรากฏการณ์ที่มองเหน็ วตั ถขุ นาดใหญ่ถูกวัตถุขนาดเล็กบงั )
5.3 นักเรยี นคดิ วา่ วัตถุท่ีมขี นาดเล็กสามารถบังวัตถุท่ีมีขนาดใหญไ่ ดห้ รือไม่
(ได้)
5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อย่างรวมพลงั ลงมือทาํ กิจกรรมตามขั้นตอนทีก่ ําหนดในใบงานท่ี 18
เรือ่ ง แบบจําลองจนั ทรุปราคาและสรุ ิยปุ ราคา (ตอนที่ 1) และบันทึกผลการทํากิจกรรมในใบงานท่ี 18
6. หลงั จากนักเรียนทาํ กจิ กรรมและบันทกึ ผลการทํากิจกรรมในใบงานที่ 18 แลว้ ผูแ้ ทนนักเรยี น
แต่ละกลุ่มออกมานาํ เสนอผลการทํากจิ กรรมหน้าช้นั เรียน เพ่ือแลกเปลีย่ นเรียนรู้กัน

•(ขGน้ั•aคt•ดิhวe•ิเrคinร•gา)ะ•หแ์• ล•ะส•รปุ •คว•าม•รู้ •(P•ro•ce•ssi•ng•)
7•. น• ักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั วิเคราะห์ อภิปราย และแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกับผลการทํากจิ กรรม ดงั น้ี

7.1 ระยะจากตาถึงกระดาษเส้นผ่านศูนยก์ ลาง 3 เซนตเิ มตร และ 18 เซนติเมตร มคี ่าเท่าใด
(ตามผลการทดลองของนักเรียน)
7.2 ระยะจากตาถึงกระดาษเสน้ ผ่านศูนย์กลาง 18 เซนตเิ มตร เปน็ ก่เี ท่าของระยะจากตาถงึ
กระดาษขนาด 3 เซนติเมตร
(คํานวณจากผลการทดลองของนกั เรยี น)
7.3 เพราะเหตุใดกระดาษที่มีขนาดเล็กจึงสามารถบังกระดาษท่ีมีขนาดใหญ่กว่าได้
(เพราะกระดาษมขี นาดใหญอ่ ย่ไู กลจากตัวเรามากกวา่ กระดาษทม่ี ีขนาดเล็กมาก)
7.4 สรปุ ผลการทดลองไดว้ า่ อยา่ งไร
(วตั ถทุ ่มี ีขนาดเล็กสามารถบงั วัตถทุ ่ีมขี นาดใหญ่ได้ ถ้าวัตถุท่ีมีขนาดใหญอ่ ยู่ไกลจากตัวเรามากกว่า
วัตถุทมี่ ขี นาดเล็ก)
7.5 ดวงอาทิตย์มขี นาดใหญก่ วา่ ดวงจนั ทร์ประมาณ 400 เท่า นักเรียนคดิ วา่ เราจะมองเห็น
ดวงจนั ทร์บงั ดวงอาทิตย์ทง้ั ดวงได้หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
(ได้ เพราะดวงอาทติ ย์อยู่ไกลจากโลกมากกว่าดวงจันทรม์ าก)
8. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกนั สรุปผลการทํากจิ กรรมและสรุปสิ่งที่เข้าใจเปน็ ความรรู้ ว่ มกนั เกยี่ วกบั
การท่วี ัตถุขนาดเล็กบังวตั ถขุ นาดใหญว่ า่ วตั ถุทมี่ ีขนาดเลก็ สามารถบังวตั ถุทมี่ ีขนาดใหญ่ได้ ถา้ วตั ถทุ มี่ ี
ขนาดใหญ่อย่ไู กลจากตวั เรามากกวา่ วตั ถุท่ีมีขนาดเลก็ มาก

สื่อการเรียนรู้/แหลง่ การเรยี นรู้

1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6

ของสถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.)

2. แบบฝึกหดั รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6

ของสถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้พัฒนาการคิดวิเคราะหร์ ายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.)

4. กระดาษกลม เสน้ ผ่านศูนย์กลาง 18 เซนติเมตร 1 แผน่

5. กระดาษกลม เส้นผา่ นศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร 1 แผ่น

6. ไฟฉาย 1 กระบอก

7. ลูกปงิ ปอง 1 ลกู

8. ลูกโลกจําลอง 1 ลกู

9. ดนิ นาํ้ มนั 1 ก้อน

10. ไม้เมตร 1 อนั

(รายการท่ี 6-10 นักเรยี นแต่ละกลุ่มผลัดกันใช้)

11. ใบงานที่ 18 เร่อื ง แบบจําลองจนั ทรปุ ราคาและสรุ ยิ ปุ ราคา (ตอนท่ี 1)

12. แหล่งการเรยี นรู้ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมนิ ความรู้ เรือ่ ง จนั ทรุปราคาและสรุ ิยุปราคา (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมนิ การปฏบิ ตั ิการทํากิจกรรมการทดลอง (P) ดว้ ยแบบประเมนิ
3. ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ด้านซ่ือสัตยส์ ุจรติ ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งม่ันในการทํางาน (A)

ด้วยแบบประเมิน

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ การปฏิบัติการทากิจกรรมการทดลอง

รายการการประเมิน 4 ระดบั คุณภาพ 1
32

1. การทํากจิ กรรม ทาํ กิจกรรมการทดลอง ทํากิจกรรมการทดลอง ทาํ กจิ กรรมการทดลอง ทํากิจกรรมการทดลอง

การทดลอง ตามวิธกี ารและข้ันตอน ตามวิธีการและขั้นตอน ตามวิธีการและขน้ั ตอน ไม่ถกู ต้องตามวธิ กี าร

ตามแผนทก่ี าํ หนด ทกี่ ําหนดไวอ้ ย่างถูกตอ้ ง ที่กําหนดไว้ดว้ ยตนเอง ทก่ี าํ หนดไว้ โดยมีครู และขนั้ ตอนท่กี าํ หนดไว้

ดว้ ยตนเอง มีการปรับปรุง มกี ารปรับปรุงแกไ้ ขบา้ ง หรือผูอ้ ่นื เป็นผแู้ นะนาํ ไมม่ กี ารปรบั ปรงุ แกไ้ ข

แกไ้ ขเปน็ ระยะ

2. การใช้อุปกรณ์ ใชอ้ ุปกรณแ์ ละ/หรือ ใช้อุปกรณแ์ ละ/หรือ ใช้อปุ กรณ์และ/หรอื ใชอ้ ุปกรณ์และ/หรือ

และ/หรือเครื่องมือ เคร่อื งมอื ในการทาํ เคร่ืองมือในการทํา เคร่ืองมือในการทํา เคร่ืองมอื ในการทาํ

กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง

ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง โดยมีครู ไม่ถูกตอ้ งและไมม่ ี

ตามหลกั การปฏบิ ัติ ตามหลกั การปฏบิ ตั ิ หรอื ผอู้ ่ืนเป็นผ้แู นะนํา ความคลอ่ งแคล่ว

และคล่องแคล่ว แต่ไมค่ ล่องแคล่ว ในการใช้

3. การบนั ทกึ ผล บนั ทกึ ผลเปน็ ระยะ บนั ทึกผลเป็นระยะ บันทกึ ผลเป็นระยะ บนั ทกึ ผลไมค่ รบ

การทาํ กิจกรรม อย่างถูกตอ้ ง มีระเบียบ อย่างถกู ต้อง มรี ะเบยี บ แตไ่ มเ่ ป็นระเบียบ ไมม่ กี ารระบุหน่วย

การทดลอง มีการระบุหน่วย มกี าร มีการระบุหน่วย มีการ ไมม่ ีการระบุหน่วย และไม่เปน็ ไปตาม

อธบิ ายขอ้ มลู ให้เห็น อธบิ ายขอ้ มลู ให้เหน็ และไม่มีการอธิบายขอ้ มูล การทํากิจกรรม

ความเช่อื มโยงเปน็ ภาพรวม ถึงความสมั พันธ์ ใหเ้ หน็ ถึงความสมั พันธ์ การทดลอง

เปน็ เหตเุ ปน็ ผล และเปน็ ไป เปน็ ไปตามการทํา ของการทํากิจกรรม

ตามการทดลอง กิจกรรมการทดลอง การทดลอง

4. การจัดกระทําข้อมลู จัดกระทาํ ข้อมลู จัดกระทาํ ขอ้ มลู จดั กระทาํ ข้อมลู จัดกระทาํ ข้อมลู อย่าง

และการนาํ เสนอ อย่างเปน็ ระบบ อย่างเป็นระบบ มีการ อยา่ งเปน็ ระบบ ไมเ่ ปน็ ระบบ และมกี าร

มีการเช่ือมโยงให้เห็น จาํ แนกข้อมูลใหเ้ หน็ มีการยกตัวอยา่ งเพม่ิ เตมิ นาํ เสนอไม่ส่อื ความหมาย

เปน็ ภาพรวม และนาํ เสนอ ความสมั พนั ธ์ นําเสนอ ให้เข้าใจง่าย และนําเสนอ และไม่ชัดเจน

ดว้ ยแบบตา่ ง ๆ อยา่ งชัดเจน ดว้ ยแบบต่าง ๆ ได้ ด้วยแบบตา่ ง ๆ

ถกู ต้อง แตย่ งั ไม่ชดั เจน แต่ยังไม่ชัดเจน

และไม่ถูกต้อง

รายการการประเมนิ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1
32 สรุปผลการทาํ กจิ กรรม
การทดลองตามความรู้
5. การสรุปผล สรปุ ผลการทาํ กจิ กรรม สรปุ ผลการทํากจิ กรรม สรุปผลการทํากจิ กรรม ท่พี อมีอยู่ โดยไมใ่ ช้
ข้อมูลจากการทํากจิ กรรม
การทาํ กจิ กรรม การทดลอง การทดลอง การทดลองได้ โดยมคี รู การทดลอง

การทดลอง ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง กระชับ ไดถ้ ูกตอ้ ง แต่ยัง หรอื ผู้อ่ืนแนะนาํ บ้าง ไม่ดูแลอุปกรณ์และ/
หรือเครอ่ื งมอื ในการทาํ
ชดั เจน และครอบคลมุ ไมค่ รอบคลุมข้อมลู จึงสามารถสรุปได้ถกู ต้อง กิจกรรมการทดลอง
และไม่สนใจทาํ ความ
ขอ้ มลู จากการวเิ คราะห์ จากการวเิ คราะหท์ ั้งหมด สะอาด รวมทัง้ เก็บ
ไม่ถูกตอ้ ง
ทั้งหมด

6. การดูแลและการเก็บ ดูแลอปุ กรณ์และ/หรือ ดแู ลอปุ กรณแ์ ละ/หรือ ดูแลอุปกรณแ์ ละ/หรอื

อปุ กรณแ์ ละ/หรอื เครื่องมอื ในการทํา เครอื่ งมอื ในการทํา เคร่ืองมอื ในการทํา

เครอ่ื งมือ กิจกรรมการทดลอง กจิ กรรมการทดลอง กิจกรรมการทดลอง

และมกี ารทาํ ความสะอาด และมกี ารทาํ ความสะอาด มกี ารทาํ ความสะอาด

และเกบ็ อยา่ งถูกตอ้ ง อย่างถกู ตอ้ ง แต่เกบ็ แตเ่ ก็บไมถ่ กู ต้อง

ตามหลกั การ และแนะนํา ไม่ถูกต้อง ต้องให้ครหู รอื ผู้อืน่

ใหผ้ ูอ้ ื่นดแู ลและเก็บ แนะนํา

รักษาได้ถูกตอ้ ง

ขอ้ เสนอแนะของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา

ลงช่อื
(นายยทุ ธนา อัมวรรณ)

ตําแหน่ง ผอู้ ํานวยการโรงเรียนบา้ นหว้ ยวังปลา

บันทกึ หลงั การสอน

ผลการจัดการเรยี นการสอน

ปญั หา/อุปสรรค

แนวทางแก้ไข

ครผู ้สู อน
(นางอนงนาถ นามโส)

วนั ที่บนั ทกึ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ปรากฏการณข์ องโลก
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6

เร่ือง การที่วัตถขุ นาดเลก็ บงั วัตถุขนาดใหญ่ : 2

ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 เวลาเรียน 1 ชัว่ โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชีว้ ดั

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกดิ และวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซี

ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุรยิ ะทสี่ ง่ ผลตอ่ สงิ่ มชี วี ิตและ
การประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ

ตวั ช้วี ดั สรา้ งแบบจาํ ลองที่อธิบายการเกิด และเปรียบเทียบปรากฏการณส์ ุรยิ ุปราคาและ
ว 3.1 ป.6/1 จันทรุปราคา

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายการทีว่ ตั ถุขนาดเล็กบังวัตถุขนาดใหญ่ได้ (K)
2. จัดทําแผนภาพความคดิ สรปุ ความรเู้ กย่ี วกับการที่วตั ถุขนาดเล็กบงั วตั ถขุ นาดใหญ่ อยา่ งรวมพลงั

ด้วยความมุง่ มน่ั และตงั้ ใจได้ (P)
3. มีความมุ่งม่ันและตง้ั ใจ (A)

สาระการเรียนรู้

วัตถุทม่ี ีขนาดเลก็ สามารถบงั วัตถุทีม่ ีขนาดใหญ่ได้ ถา้ วัตถทุ ี่มขี นาดใหญ่อยู่ไกลจากตัวเรามากกว่าวตั ถุ
ท่มี ีขนาดเล็กมาก


Click to View FlipBook Version