The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

องค์ความรู้เรื่องภาษามลายูถิ่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by จักรวาลพระเวทย์, 2023-11-06 11:34:43

องค์ความรู้เรื่องภาษามลายูถิ่น

องค์ความรู้เรื่องภาษามลายูถิ่น

องค์ความรู้ เรื่อง ภาษามลายูถิ่น จัดท าโดย ฝอ.บก.ตชด.ภาค ๔ ค่ายรามค าแหง อ.เมือง จว. สงขลา ประจ าปีงบประมาณ ๒๕๕๔


1 บทน า ตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 มาตรา 11 ได้กําหนดไว้ว่า : ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้มีลักษณะเป็น องค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ําเสมอ โดยต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ใน ด้านต่างๆ เพื่อนํามาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราชการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเหมาะสมต่อ สถานการณ์ รวมทั้งต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์และปรับเปลี่ยน ทัศนคติของข้าราชการในสังกัดให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการเรียนรู้ร่วมกัน บก.ตชด.ภาค 4 ได้ตระหนักถึงความสําคัญและความจําเป็นที่องค์กรจะต้องนําหลักการ จัดการความรู้ (Knowledge Management) มาใช้เพื่อให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้(Learning Organization) ข้าราชการตํารวจมีความรู้ ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญในอาชีพ นํา หลักการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) มาใช้ มีการแสวงหาองค์ความรู้ที่จําเป็นต้องใช้ในทุก รูปแบบ อย่างมีจริยธรรมและนํามาประยุกต์ในการปฏิบัติงานตามพันธกิจให้สัมฤทธิ์ผลอย่างมี ประสิทธิภาพสอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์และบรรลุตามวิสัยทัศน์ขององค์กรต่อไป บก.ตชด.ภาค 4 รับผิดชอบกํากับดูแลในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งในพื้นที่ในความ รับผิดชอบนั้น มีประชากรหรือชนพื้นเมืองซึ่งเป็นชาวมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลามอาศัยอยู่อย่างกระจัด กระจายในทุกพื้นที่ แต่ที่อาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่นมากที่สุดก็คือ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และบางอําเภอในจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวนี้ จะมี ความแตกต่างด้านขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และภาษาถิ่น ดังนั้นการเข้าไปปฏิบัติงานใน พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพพื้นที่ และ สามารถเรียนรู้และเข้าใจถึงวัฒนธรรมของชุมชนชาวมุสลิมเป็นอย่างดี ถึงจะเข้าถึงประชาชนส่วนใหญ่ ได้ การเรียนรู้ภาษามลายูถิ่น จึงเป็นสิ่งจําเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องศึกษาและเรียนรู้ เพื่อ ใช้เป็นสื่อในการเข้าไปพัฒนา ช่วยเหลือ และสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนก่อให้เกิดความ เข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ลดปัญหาการความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ลดปัญหาการต่อต้านนโยบายของรัฐ และยอมรับการพัฒนา การช่วยเหลือ ตลอดจนสิ่งใหม่ ๆ ที่ดี เข้าสู่ สังคมต่อไป บก.ตชด.ภาค 4 เป็นหน่วยงานที่ถูกรับเลือกให้มีการอบรมภาษามลายูถิ่นโดยการใช้สื่อการ เรียนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTECH) ร่วมกับ บก.กฝ.บช.ตชด. ซึ่งจัดอบรมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง การเรียนการสอน ซึ่ง ทาง บก.กฝ.บช.ตชด.ได้กําหนดหลักสูตรการอบรม ภาษามลายูถิ่นร่วมกับ NECTECH ได้จัดทําข้อมูลการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต และ ได้จัดทําในรูปแผ่นซีดี


2 นําไปแจกจ่ายให้กับกําลังพลในสังกัด และมีการจัดอบรมให้กับกําลังพลในสังกัด บก.ตชด.ภาค 4 โดย ให้ บก.ตชด. ภาค 4 เป็นผู้จัดข้าราชการตํารวจของหน่วยต่าง ๆในสังกัด เข้ารับการอบรม เมื่อ 18 - 19 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งผลการจัดอบรมนั้น ข้าราชการตํารวจที่เข้ารับ การอบรมมีความเข้าใจ และเห็น ถึงความสําคัญของภาษามลายูถิ่นและประโยชน์ของการเข้ารับการอบรมในครั้งนั้น ว่าสามารถนําไปใช้ ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่และใช้ในชีวิตประจําวันได้เป็นอย่างดี จากการจัดอบรมของ บก.กฝ.บช.ตชด. ร่วมกับ สถาบัน NECTECH ในครั้งนั้น บก.ตชด.ภาค 4 ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญของการเรียนรู้ภาษามลายูถิ่นของเจ้าหน้าที่ในสังกัด ที่จะต้องเข้า ไปปฏิบัติ หน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้มีการสานต่อโดย หน่วยได้จัดทํา องค์ความรู้ เรื่องภาษา มลายูถิ่นขึ้น ซึ่งมีนโยบายให้นําข้อมูลภาษามลายูถิ่นจากการจัดอบรมใน ครั้งนั้นไป ถ่ายทอดให้กับ กําลังพลในสังกัดได้เรียนรู้ โดยเน้นหน่วยงานหลัก ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจําเป็นจะต้องมีการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่จริง ๆ คือ กก.ตชด. 44 ฉก.ตชด.43 ฉก.ตชด.44 และ ชค.ตชด. เป็นหน่วยที่ต้องนําภาษา มลายูถิ่นไปถ่ายทอดให้กําลังพลของแต่ละหน่วยได้เรียนรู้ โดย ให้แต่ละหน่วยจัดทําแผนการเรียน การสอน หรือ จัดทําโครงการสอนภาษามลายูถิ่นรองรับ ตามสภาพ พื้นที่และความพร้อมของแต่ละหน่วย ตามนโยบายผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ บก.ตชด.ภาค 4 ได้ให้ความสําคัญกับการจัดทํา โครงการถ่ายทอดภาษามลายูถิ่นให้กับกําลังพลในสังกัดเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงานใน พื้นที่ ชุมชนชาวมุสลิม โดยได้มีการสั่งการ ให้หน่วยในสังกัดจัดทําโครงการหรือแผนการถ่ายทอดภาษา มลายูถิ่นและมีการรายงานผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีการประเมินผล การถ่ายทอดภาษา มลายูถิ่นที่แต่ละหน่วยได้นําไปจัดทําเพื่อเป็นข้อมูลในการดําเนินการต่อไป ดังนั้น การจัดการความรู้ ประจําปีงบประมาณ 2554 ในส่วนของ ฝอ.บก.ตชด.ภาค 4 คณะทํางานได้มีความเห็นร่วมกัน ที่จะจัดทําองค์ความรู้ เรื่องภาษามลายูถิ่น ซึ่งเป็นองค์ความรู้เดิม ต่อเนื่องจากปีงบประมาณที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาจากองค์ความรู้เดิมโดยเพิ่มเติมองค์ความรู้ที่จําเป็น มากขึ้น ซึ่งเดิมจะเป็นการถ่ายทอดให้รู้ความหมายของคําศัพท์ภาษามลายูถิ่นโดยแบ่งเป็นหมวดต่างๆ แต่ในปีงบประมาณ 2554 จะเพิ่มเติมในส่วนของบทสนทนาภาษามลายูถิ่นพื้นฐานที่ควรรู้ เพื่อให้กําลัง พลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่สามารถใช้ภาษาพูด หรือสามารถสนทนากับชาวมุสลิมในชุมชนได้เป็นอย่างดี สามารถเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของชาวมุสลิมท้องถิ่นได้ เป็นการช่วยลดช่องว่างความแตกต่าง ด้านภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติหน้าที่มากยิ่งขึ้น ทําให้ สามารถทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพบรรลุวัตถุประสงค์ของทางราชการได้เป็นอย่างดี


3 ความหมายของภาษาถิ่น (Dialect) ภาษาถิ่น หมายถึง รูปของภาษาที่พูดกันในท้องถิ่นแต่ละถิ่นเป็นไปตามอิทธิพลของภูมิศาสตร์ที่ กําหนดขึ้น เป็นภาษาย่อยของภาษามาตรฐานเดียวกัน ภาษาในแต่ละถิ่นมีลักษณะที่แตกต่าง หรือ ใกล้เคียงกับภาษามาตรฐาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อมทางด้านภูมิศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม ความแตกต่างนี้ อาจจะพิจารณาได้จากลักษณะของเสียงพูดในภาษาการจัดระบบของเสียงเข้าเป็น พยางค์ เป็นคํา และการจัดระบบคําเข้าเป็นวลี เป็นประโยคในภาษาเหล่านี้เป็นเรื่องที่สังเกตโดยตรงได้ แต่ถ้าพิจารณาและวิเคราะห์กันอย่างละเอียดยิ่งกว่านี้ก็ควรต้องศึกษาในเรื่องของความหมายด้วย ซึ่ง เป็นเรื่องที่ศึกษากันได้ไม่ง่ายนัก จะต้องอาศัยความรู้สึกนึกคิด ความรู้ และประสบการณ์ทางด้าน วัฒนธรรม และอื่น ๆ อีกหลายอย่างทั้งของผู้พูดและผู้ฟังประกอบกัน ซึ่งยากที่จะศึกษาโดยตรงได้ จึง ต้องศึกษาโดยทางอ้อมเท่านั้น คือ ศึกษาจากพฤติกรรมที่แสดงออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่จะต้องอาศัย พอสมควร ความหมายของภาษามลายูถิ่น (Malay Dialect) ภาษามลายูถิ่น หมายถึง ภาษามลายูสําเนียงใดสําเนียงหนึ่งที่พูดกันในแต่ละท้องถิ่น เป็นภาษา ย่อยของภาษามลายูมาตรฐาน ซึ่งเป็นภาษาราชการและภาษาแห่งชาติของประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน ภาษามลายูถิ่นภาคใต้ของประเทศไทย ภาษามลายูถิ่นภาคใต้ของประเทศไทย หมายถึง ภาษามลายูถิ่นที่พูดกันในท้องถิ่นต่าง ๆ ใน บริเวณจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ไม่จํากัดว่าเป็นจังหวัดใดโดยมากจะพูดกันในท้องถิ่นบริเวณ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และในจังหวัดสงขลาบางอําเภอ แต่จะพูดกัน มากที่สุดในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ลักษณะส าคัญของภาษามลายูถิ่น ลักษณะการเรียกชื่อภาษามลายูถิ่น มักจะเรียกตามชื่อจังหวัดที่ใช้ภาษานั้น ๆ เช่น ถ้าเป็นภาษา มลายูถิ่นที่พูดกันในท้องถิ่นจังหวัดสตูล ก็เรียกว่า ภาษามลายูถิ่นสตูล ถ้าเป็นภาษามลายูที่พูดกันใน ท้องถิ่นจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ก็จะเรียกว่า ภาษามลายูถิ่นปัตตานี ภาษามลายูถิ่นยะลา และภาษามลายูถิ่นนราธิวาส ตามลําดับ บางทีก็เรียกรวม ๆ กันว่า ภาษามลายูถิ่นใต้ ซึ่งการแบ่งกลุ่ม ภาษามลายูถิ่นใต้นี้ อาจแบ่งได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ


4 1. ภาษามลายูสําเนียงฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งมีภาษามลายูถิ่นสตูลเป็นแม่แบบ 2. ภาษามลายูสําเนียงฝั่งทะเลตะวันออก ซึ่งมีภาษามลายูถิ่นปัตตานี(ปาตานี)เป็นแม่แบบ ภาษามลายูถิ่นสตูล หมายถึง ภาษามลายูถิ่นที่พูดกันในท้องถิ่นจังหวัดสตูล มีผู้คนใช้ไม่มาก เพราะชาวสตูลในปัจจุบันนี้โดยส่วนมากนิยมใช้ภาษาไทยในชีวิตประจําวัน ที่ใช้ภาษามลายูบ้างนั้นมัก เป็นชาวไทยมุสลิมในบางตําบลเท่านั้น เช่น ตําบลเจ๊ะบีลัง ตําบลตํามะลัง ตําบลบ้านควน และตําบล ฉลุงบางหมู่บ้าน ภาษามลายูถิ่นสตูลนี้ ออกเสียงแตกต่างจากภาษามลายูถิ่นปัตตานี แต่ใกล้เคียงกับ สําเนียงภาษามลายูถิ่นปะลิส (Perlis Dialect) อันเป็นรัฐทางตอนเหนือแถบฝั่งทะเลตะวันตกของ ประเทศมาเลเซีย จะอย่างไรก็ตาม ภาษามลายูถิ่นสตูลนี้ก็ยังสามารถนําไปใช้สื่อสารกับผู้ที่ใช้ภาษา มลายูถิ่นปัตตานีได้โดยไม่ลําบากนัก ภาษามลายูถิ่นปาตานี หมายถึง ภาษามลายูถิ่นที่พูดกันในบริเวณ สามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยส่วนมาก และเป็นภาษามลายูถิ่นที่นิยม พูดกันมากที่สุดในทางภาคใต้ของประเทศไทย ภาษามลายูสําเนียงนี้มีลักษณะคล้ายภาษามลายูถิ่นกลัน ตัน(Kelantan Dialect) อันเป็นรัฐทางตอนเหนือแถบฝั่งทะเลด้านตะวันออกของประเทศมาเลเซีย การที่ รวมภาษามลายูถิ่นปัตตานี ยะลา นราธิวาส เป็นภาษาถิ่นเดียวกันก็ด้วยเหตุที่ว่า ปัตตานี ยะละ และ นราธิวาส นั้นในอดีต เคยเป็นดินแดนที่อยู่ในอาณาจักรเดียวกันที่เรียกกันว่าอาณาจักรลังกาสุกะ (Langkasuka หรือ Lang – ya-hsui) และต่อมาเมื่อเป็นเมืองปัตตานี ซึ่งพบว่าบริเวณที่เป็นจังหวัดยะลา และนราธิวาสนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเมืองปัตตานีนั่นเอง ชาวไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่ในบริเวณสามจังหวัดนี้(ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) มักจะโยกย้ายไปมา หาสู่กันเสมอ ทําให้มีการใช้ภาษาร่วมกัน นับว่าเป็นวิธีหนึ่งที่ทําให้ให้ภาษาถิ่นในสามจังหวัดนี้มีลักษณะ รวม จึงยากที่จะแยกลักษณะที่แท้จริงของภาษาถิ่น จังหวัดหนึ่งจังหวัดใดในปัจจุบันและด้วยเหตุที่ภาษา มลายูถิ่นปาตานีมีผู้นิยมพูดกันมากว่าภาษามลายูถิ่นสตูล อีกทั้งสามารถที่จะใช้สื่อสารระหว่างผู้พูดใน ท้องถิ่นดังกล่าวนี้ ได้โดยไม่ลําบากนัก ดังนั้นในการศึกษาภาษามลายูถิ่นภาคใต้ของประเทศไทย จึง เลือกใช้ภาษามลายูถิ่นปาตานีเป็นแม่แบบหรือตัวแทน ลักษณะทั่วไปของภาษามลายูถิ่นปาตานีโดยสรุป ภาษามลายูถิ่นปาตานี มีเพียงภาษาพูด (Spoken Language) ไม่มีภาษาเขียน (Written Language) และไม่มีตัวอักษร แต่ที่สามารถรักษาความเป็นภาษามาได้จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ก็โดยอาศัย วิธีการสืบทอดต่อ ๆ กันมาด้วยคําพูดเป็นประเพณีสืบมา ภาษามลายูถิ่นปาตานี มีเพียงเสียงพยัญชนะ และเสียงสระเท่านั้น ไม่มีเสียงวรรณยุกต์ คําพื้นฐาน (Bese Word) หรือคําตัวตั้ง ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นคําสองพยางค์ เช่น <มา ตอ> แปลว่า ดวงตา , <ฮีดง> แปลว่า จมูก , <มูโละ> แปลว่า ปาก


5 คําพื้นฐานที่เป็นคําพยางค์เดียวจริง ๆ เช่น <แมะ> แปลว่า แม่ , <เมาะ> แปลว่า แม่หรือ ในบางท้องที่ก็ใช้ในความหมายว่า ย่า, <ญอ> แปลว่า มะพร้าว คําในลักษณะนี้มีน้อยมาก ที่มีบ้าง ส่วนใหญ่มักเป็นคําที่เกิดจากการตัดพยางค์ในคํา เช่น <โดะ> มาจากคําว่า <ดูโดะ> แปลว่า นั่ง หรือ กําลัง(กริยา ช่วย) , <วะ> มาจากคําว่า <บูวะ> แปลว่า ทํา, <เดาะ> มาจากคําว่า <ตี เดาะ> แปลว่า ไม่ คําที่มีสามพยางค์ก็ค่อนข้างจะมีน้อยลง เช่น <ตือลีงอ> แปลว่า หู, <บือนามอ> แปลว่า เต็มดวง(พระจันทร์) คําที่มีมากมักจะเป็นคําแผลง คือ แผลงมาจากคําพื้นฐาน กับหน่วยคําวิภัติปัจจัย เช่น หน่วยคํา ปัจจัย <แอ> เช่น <มีนุมแม> แปลว่า เครื่องดื่ม เป็นคําที่แผลงมาจากคํากริยา <มีนุง> แปลว่า ดื่ม และรวมกับ หน่วยคําปัจจัย <แอ> <มาแกแน> แปลว่า อาหาร เป็นคําที่แผลงมาจากคํากริยา <มาแก> แปลว่า กิน รับประทาน และรวมกับหน่วยคําปัจจัย < แอ> ส่วนคําที่มี สี่ ห้า และหกพยางค์ก็ยิ่งมีน้อยลงตามลําดับ เกือบจะทั้งหมดเป็นคําที่แผลงมาจาก คําพื้นฐานกับหน่วยคําวิภัตปัจจัย เช่น <กือดูโดะแก> แปลว่า สภาพความเป็นอยู่ เป็นคํานามแผลงมาจากหน่วยคําอุปสรรค <กือ> รวมกับคําพื้นฐาน <ดูโดะ> เป็นคํากริยา แปลว่า นั่ง และรวมกับหน่วยคําปัจจัย <แอ> ดังนี้เป็นต้น ลักษณะของพยางค์ที่ปรากฏในคําภาษามลายูถิ่นปาตานีมีทั้งพยางค์ปิด และพยางค์เปิด พยางค์ปิด (Close syllable) คือ พยางค์ที่ลงท้ายด้วยหน่วยเสียงพยัญชนะ (Consonant Phoneme) เช่น <เฆาะฆะ> แปลว่า ลูกน้ํา ทั้งสองพยางค์นี้เป็นพยางค์ปิด พยางค์เปิด (Open syllable) คือ พยางค์ที่ไม่มีหน่วยเสียงพยัญชนะเป็นตัวสะกดท้าย จะลง ท้ายด้วยหน่วยเสียงสระเสียงยาว เช่น <มาตอ> แปลว่า ดวงตา ทั้งสองพยางค์นี้เป็นพยางค์เปิด ภาษามลายูถิ่นปาตานีที่ควรรู้ ภาษามลายูถิ่นปาตานีเป็นภาษามลายูถิ่นที่ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่ใช้พูดกันในสามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งนับเป็นสมบัติล้ําค่าของชาวไทยเชื้อสายมลายูที่นับถือศาสนา อิสลาม ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างไปจากสังคมไทยในส่วนอื่นของประเทศ ภาษามลายูถิ่นปาตานี ยังคงทําหน้าที่หลักเช่นเดียวกับภาษาอื่น ๆ คือเป็นสื่อในการแสดงความคิด ความรู้สึก อารมณ์และ ความต้องการ เป็นต้น และที่สําคัญ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังมีชาวมุสลิมจํานวนหนึ่งที่ไม่รู้ หนังสือไทย ฟัง พูดภาษาไทยไม่ค่อยเข้าใจหรือไม่เข้าใจเลย การที่จะเข้าถึงคนกลุ่มนี้ต้องใช้ภาษามาลายู


6 ถิ่น ดังนั้น จึงเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งสําหรับข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานในพื้นที่ รวมถึงประชาชนทั่วไป ที่ ยังไม่รู้ภาษามลายูถิ่น ในการที่จะสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับคนกลุ่มนี้เพื่อนําไปสู่การ พัฒนาในด้านต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ จึงจําเป็นต้องมีการศึกษาเรียนรู้ภาษามลายูถิ่นพื้นฐานที่ใช้ใน ชีวิตประจําวัน โดยสามารถแบ่ง หมวดหมู่ภาษามลายูถิ่นปาตานีที่ควรรู้ออกได้เป็น 15 หมวดหมู่ ดังนี้ 1. การกล่าวทักทายและการแนะนําบุคคล 2. ร่างกายของเรา 3. เครื่องแต่งกาย 4. อาชีพต่าง ๆ 5. จุดตรวจ 6. จํานวนนับ 7. โรคภัยไข้เจ็บ 8. สัตว์เลี้ยง 9. สถานที่และการเดินทาง 10. การบริการประชาชน 11. วันเวลา 12. สี 13. ผักผลไม้และอาหาร 14. พาหนะ 15. บทสนทนาภาษามลายูถิ่น ขั้นพื้นฐานที่ควรรู้


7 หมวดหมู่ที่ 1 เรื่อง การกล่าวทักทายและการแนะน าบุคคล - การกล่าวทักทายทั่ว ๆไป ค าศัพท์ ความหมาย ซลามะ สวัสดี,ปลอดภัย ปาฆี ตอนเช้า ตือเงาะฮ ฮารี ตอนเที่ยง ปือแต ตอนบ่าย,ตอนเย็น มาแล กลางคืน ยาแล เดิน ยูปอ พบกัน ตีงา ลาก่อน ดาแต ต้อนรับ ซลามะปาฆี สวัสดีตอนเช้า ซลามะตือเงาะฮารี สวัสดีตอนเที่ยง ซลามะปือแต สวัสดีตอนเย็น ซลามะมาแล สวัสดีกลางคืน ซลามะยาแล เดินทางโดยสวัสดิภาพ ซลามะยูปอ ยินดีที่ได้พบกัน ซลามะตีงา ลาก่อน ซลามะดาแต ยินดีต้อนรับ ซลามะฮารีรายอ สุขสันวันรายอ ซลามะตาฮงบารู สวัสดีปีใหม่ ยูปอ ซือมูลา แล้วเจอกันใหม่ มาซอ ดะแป โอกาสหน้า


8 เรื่อง การกล่าวทักทายและการแนะน าบุคคล (ต่อ) - การแนะน าตนเองและผู้อื่น ค าศัพท์ ความหมาย อามอ,ซายอ,อากู ฉัน,ผม แดมอ เธอ,คุณ ดียอ เขา กีตอ เรา ซาปอ ใคร นามอ ชื่อ บากอ นามสกุล มานอ ที่ไหน อาปอ อะไร อาปด คอบา สบายดีหรือ คอบา บาย-เอะ สบายดี นามอ อาปอ ชื่ออะไร นามอ อามอ ชื่อของฉัน โดะ ดี มานอ อยู่ที่ไหน โดะ วะ อาปอ ทําอะไร


9 เรื่อง การกล่าวทักทายและการแนะน าบุคคล (ต่อ) - การแนะน าสมาชิกในครอบครัว ค าศัพท์ ความหมาย เมาะ,แมะ แม่ เปาะ,อาเยาะ พ่อ อาเนาะ ลูก อาเด๊ะ,เด๊ะ น้อง กาเก๊าะ พี่ อาแบ,แบ พี่ชาย ก๊ะ พี่สาว กะแว พี่สาวคนโต กะนิ พี่สาวคนกลาง กะจิ พี่สาวคนเล็ก อาเนาะ ซูลง ลูกคนโต,ลูกคนหัวปี อาเนาะบงซู ลูกคนเล็ก,ลูกคนสุดท้อง จูจู หลาน โต๊ะกี ปู่ โต๊ะแว ตา โต๊ะเจ๊ะ ย่า,ยาย โต๊ะอาเยาะ ปู่,ตา กาเก๊าะอีปา พี่เขย,พี่สะใภ้


10 เรื่อง การกล่าวทักทายและการแนะน าบุคคล (ต่อ) - การแนะน าญาติพี่น้อง ค าศัพท์ ความหมาย เปาะจิ ลุง หรือ อาคนเล็ก เมาะจิ ป้า หรือ น้าคนเล็ก เปาะซือดารอ น้า,อา (ผู้ชาย) เมาะซือดารอ น้า,อา (ผู้หญิง) อาเนาะซือดารอ หลาน ซือปูปู ลูกพี่ลูกน้อง ตีนอ ผู้หญิง ยาแต ผู้ชาย มูดอ หนุ่มสาว ตูวอ ผู้สูงอายุ บูเดาะ เด็ก เปาะเต๊ะ ลุง เปาะซู อา คนสุดท้อง เมาะซู น้า คนสุดท้อง เปาะเงาะ ลุง หรือ อา คนกลาง เมาะเงาะ ป้า หรือ น้า คนกลาง โต๊ะตูวอ พ่อตา,แม่ยาย


11 หมวดหมู่ที่ 2 เรื่อง ร่างกายของเรา ค าศัพท์ ความหมาย ดูโบะฮ บาแด ร่างกาย กปาลอ หัว,ศรีษะ ราโมะ เส้นผม มูกอ ใบหน้า ดาฮี หน้าผาก กือนิง คิ้ว มาตอ ดวงตา ฮีดง จมูก ซาเกะ ปวด,เจ็บ อูแบ หงอก กูเละ ผิวหนัง บูลู ขน ตือเกาะ คอ ปือโระ ท้อง ปูซะ สะดือ ปีแง เอว ลือแง แขน ตาแง มือ ยารี นิ้ว


12 กากี ขา ซีกู ข้อศอก ตาเปาะ ตาแง ฝ่ามือ เรื่อง ร่างกายของเรา(ต่อ) ค าศัพท์ ความหมาย กอเปาะ นม บูกู ตาแง ข้อมือ บูกู ลาลี ข้อเท้า ปูงง ก้น ปาแป ปูงง ตะโพก บือติฮ น่อง ยารี กากี นิ้วเท้า ปีปี แก้ม มูโล๊ะ ปาก บีบี มูโล๊ะ ขอบปาก ฆีฆี ฟัน ลีเดาะฮ ลิ้น ดากู คาง ตรีงอ หู จูปิง ตลีงอ ใบหู บาฮู ไหล่ ดาดอ หน้าอก มีซา หนวด ยาโงะ เครา ฆอซี เหงือก


13 เรื่อง ร่างกายของเรา(ต่อ) ค าศัพท์ ความหมาย ลูตุ๊ เข่า ปอฮอ ต้นขา ดูมิ ส้นเท้า กูกู เล็บ บรุฮฆีฆี แปรงฟัน มานี อวบน้ํา ตะแป ข้างหน้า บลาแก ข้างหลัง ตาเปาะ กากี ฝ่าเท้า ฆือลี ไต ตูแล กระดูก ยาตง หัวใจ ฮาตี ตับ จือลือปง ปอด บูลู ขน ปาแญ ยาว ปาเนาะ สั้น ฆือเมาะฮ อ้วน กูรุฮ ผอม ตีงี สูง รือเนาะฮ เตี้ย


14 ราโมะ กรีติง ผมหยิก หมวดหมู่ที่ 3 เรื่อง เครื่องแต่งกาย ค าศัพท์ ความหมาย บายู เสื้อ ซลูวา กางเกง กโปรง กระโปรง ไกง ซารง ผ้าสโร่ง ไกง กือลูบง ผ้าคลุม กาซุ๊ รองเท้า ซลีปา รองเท้าแตะ สตูเก็ง ถุงเท้า บายูกูรง เสื้อกูรง บายูโตะ เสื้อโต๊บ บายูซือโยะ เสื้อกันหนาว บายูดาแล เสื้อใน ซลูวาดาแล กางเกงใน นีปิฮ บาง ตือบา หนา กาปีเยาะ หมวกกาปีเยาะ บายูเกราะ เสื้อเกราะ บายู ปานะฮ,ปายูซาโกะ เสื้อกล้าม


15 ยูเบาะ เสื้อครุย บายู ตือเกาะ บูละ เสื้อคอกลม ไกง แซแฮมานี ผ้าขาวม้า ไกง บูลู ผ้าเช็ดตัว ไกง มาเน ผ้าเช็ดหน้า เรื่อง เครื่องแต่งกาย(ต่อ) ค าศัพท์ ความหมาย ตอปี หมวก จูมิง มาตอ แว่นตา ปากา สวม,ใส่ ตาลี ตือเกาะ สร้อยคอ ตาลี ตาแง สร้อยข้อมือ จีจิง แหวน ซูแบ ต่างหู ฆือแล ตาแง กําไลมือ ตาลี กือเนะ เข็มขัด กาจิงยารง,กาจิงบายู เข็มกลัด แย ตาแง นาฬิกาข้อมือ งือเปะ ราโมะ กิ๊บหนีบผม บือเดาะ แป้ง ซีเซ ราโมะ หวี แลจู ลิปสติก ไอย์ บาฮู น้ําหอม ซาบน สบู่ อูบะ ฆีฆี ยาสีฟัน ออบะ ราโมะ ยาสระผม


16 บรุฮ ฆีฆี แปรงสีฟัน ฆือเตาะฮ ราโมะ ยางผูกผม ตาลี กากี สร้อยข้อเท้า หมวดหมู่ที่ 4 เรื่อง อาชีพต่างๆ ค าศัพท์ ความหมาย กรียอ ทํางาน วะ บือแน ทํานา วะ กือบง ทําสวน วะ กือบง ฆือเตาะ ทําสวนยาง มูกะ ประมง อาเนาะ กอลี ลูกจ้าง ฆาลอ ไถนา แปรอ เลี้ยง มอตอง ฆือเตาะ กรีดยาง โต๊ะกึมือแน,โต๊ะกําแน กํานัน มือแนฆอ ค้าขาย นาแน เพาะปลูก โต๊ะแนแบ ผู้ใหญ่บ้าน ฆูรู ครู ซือดาดู ตํารวจ ตาฮาง ทหาร


17 โต๊ะคอตีบ ผู้นําศาสนา พยาบัง พยาบาล แนชัง บายู ช่างตัดเสื้อ แนชัง ฆูติง ราโมะ ช่างตัดผม แนช่างแบะกีมูตู ช่างซ่อมรถ มาแก อูเปาะฮนา รับจ้าง บอมอ หมอ โต๊ะอีแม โต๊ะอีหม่าม,ผู้นําศาสนา หมวดหมู่ที่ 5 เรื่อง จุดตรวจ ค าศัพท์ ความหมาย ตือปะ แปซะ จุดตรวจ แลเซ็ง ใบขับขี่ กือนอ อีฆะ ถูกจับ บูวะ ซาเลาะฮ ทําผิด กือนอ ดือนอ ถูกทําโทษ,ถูกปรับ ฮีแล หาย ตือมุง เจอ ตอปีกันน็อก หมวกกันน็อก ลูปอ ลืม แปซะ ตรวจ อาดอกัวซอ มีอํานาจ กืออามาแน สันติภาพ ซูโละฮจูมิง ส่องกระจก ปูยี ชมเชย บือจารอ สนทนา


18 ลาลา ประมาท แปะเดาะฮ ประโยชน์ ตูกาตือปะ เปลี่ยนที่ ตือปะ บรือตี ที่จอด ตานอ เครื่องหมาย อูโซ สอบสวน บาเลาะ ทะเลาะ ตานอ บันทึก หมวดหมู่ที่ 6 เรื่อง จ านวนนับ ค าศัพท์ ความหมาย กอซอง ศูนย์,ว่างเปล่า ซาตู หนึ่ง ดูวอ สอง ตีฆอ สาม ปะ สี่ ลีมอ ห้า แน หก ตู โยะฮ เจ็ด ลาแป แปด ซมีแล เก้า ซปูโละฮ สิบ ซือบือละฮ สิบเอ็ด ดูวอ บือละฮ สิบสอง ตีฆอ บือละฮ สิบสาม


19 ปะ บือละฮ สิบสี่ ลีมอ บือละฮ สิบห้า แน บือละฮ สิบหก ตูโยะ บือละฮ สิบเจ็ด ลาแป บือเลาะฮ สิบแปด ซมีแล บือละฮ สิบเก้า ดูวอปูโละฮ ยี่สิบ ดูวอปูโละฮ ซาตู ยี่สิบเอ็ด ดูวอปูโละฮ ดูวอ ยี่สิบสอง เรื่อง จ านวนนับ(ต่อ) ค าศัพท์ ความหมาย ซราโตะฮ หนึ่งร้อย ดูวอ ราโตะฮ สองร้อย ซรีบู หนึ่งพัน ซปูโละฮ รีบู หนึ่งหมื่น ซราโตะฮ รีบู หนึ่งแสน ซยูตอ หนึ่งล้าน ดูวอ ยูตอ สองล้าน อากอ ตัวเลข บีแล นับ ซือตือเงาะฮ ครึ่ง กีรอ คํานวณ เปอเนาะฮ เต็ม กูแร ขาด,ลด เลอเบะฮ เกิน


20 ซีกิ น้อย บาเญาะ มาก จาโป รวม บาฆี แบ่ง หมวดหมู่ที่ 7 เรื่อง โรคภัยไข้เจ็บ ค าศัพท์ ความหมาย บือญาเกะ โรค ดือแม เป็นไข้ ดือแม ปานะฮ ไข้ตัวร้อน ดือแม ซือมอ ไข้หวัด ปือนิงกปาลอ เวียนหัว ซาเกะ กปาลอ ปวดหัว,เจ็บหัว ซาเกะ ลูตุ๊ ปวดเข่า ซาเกะ ปีแง ปวดเอว ซาเกะ กากี เจ็บขา ซาเกะ ฆีฆี ปวดฟัน ซาเกะ ตาแง เจ็บมือ ซาเกะ ซือนี ปวดข้อ ซาเกะ เจ็บ


21 ซือเนาะ ปวด ซือรือแบ เหน็บชา กือบะฮ ชา ซือดู สะอึก มาโบะ เมา ปือนิง มึนหัว มูซิง วิงเวียน ซาเกะ ฆอซี เจ็บเหงือก ซาเกะ มาตอ เจ็บตา,ปวดตา ปือญาเกะ ยีวอ โรคจิต ปือญาเกะ ปือระซะ โรคประสาท เรื่อง โรคภัยไข้เจ็บ(ต่อ) ค าศัพท์ ความหมาย ปือญาเกะ ยาตง โรคหัวใจ จือเราฮ ปือโระ ท้องร่วง บาโต๊ะ ไอ ลือเลาะฮ หอบ ซาเกาะ ออระ ปวดเมื่อย ลูกอ เป็นแผล ดาเราะฮ ตีงี ความดันโลหิตสูง ดาเราะฮ รือเนาะฮ ความดันโลหิตต่ํา ปือญาเกะ กือจิงมานิฮ โรคเบาหวาน บือเกาะ จือลือปง ปอดบวม ฆาตา คัน บูเต ผดผื่น บือแด ผื่นแดง นาเนาะ หนอง


22 ดาเราะฮ นีเละฮ เลือดไหล ยาดี อางิง เป็นลม ปีแต หน้ามืด ลูฆา คลื่นไส้ มูเตาะฮ อาเจียน ซือมือเละ ท้องผูก บือเกาะ บวม ลือเงาะฮ เมื่อย หมวดหมู่ที่ 8 เรื่อง สัตว์เลี้ยง ค าศัพท์ ความหมาย บีนาแต สัตว์ อาแย ไก่ อีเตะ เป็ด ลือมู วัว กูบา ควาย กาม็ง แพะ บีริง แกะ บูรง นก บูรง ปาตี นกพิราบ กูจิง แมว อัรนะ กระต่าย


23 ฮาญิง สุนัข อีแก มะฮ ปลาทอง ตีกุฮ หนู บูรง ปูโยะฮ นกกระทา บูรง ซีเนะ นกแก้ว บูรง กือตีเต นกเขา บูรง ตียง นกขุนทอง กูดอ ม้า ฆาเยาะ ช้าง หมวดหมู่ที่ 9 เรื่อง สถานที่และการเดินทาง ค าศัพท์ ความหมาย ซกอเลาะฮ โรงเรียน บีเละ ซมาแย ห้องละหมาด รูเมาะฮ ซาเกะ โรงพยาบาล ลอพะ โรงพัก,สถานีตํารวจ แซฮาเก็ง ศาล อําโพ อําเภอ ป้อง ซดาดู ป้อมตํารวจ ซแตเซง สถานี แกแล โรงงาน ซแตเซง แกรตออาปี สถานีรถไฟ


24 ปาแด กาปาตรือแบ สนามบิน แกแล อีแกซาเด็ง โรงงานปลากระป๋อง บีเละ มานี ห้องอาบน้ํา อนามัย สถานีอนามัย ซือเยะ มัสยิด วัด วัด เทศบัง สํานักงานเทศบาล อบต องค์การบริหารส่วนตําบล ปือรัยซือนี ไปรษณีย์ ปาตา ชายหาด ไอย์ ตูยุง น้ําตก นะฮ ตลาด,นัด เรื่อง สถานที่และการเดินทาง (ต่อ) ค าศัพท์ ความหมาย อาปี ฮียา ไฟเขียว อาปี แมเราะฮ ไฟแดง กาปง หมู่บ้าน มูเก็ง ตําบล ยาแล ถนน ลอรอง ซอย,ตรอก บูละแต วงเวียน เลอเตาะ ดี ตั้งที่อยู่ บานา ในเมือง จาแบ ทางแยก ดือกะ ใกล้


25 ยาโอะฮ ไกล ดี ดะแป ข้างหน้า ดี บลาแก ข้างหลัง ดี ตือปี ข้าง ๆ กาวาแซ บริเวณ ดีซานอ ที่นั่น ดี ซีนี ที่นี่ กาแน ขวา กีรี ซ้าย แลเกาะ เลี้ยว บือโต ตรง จาแบ ตีฆอ สามแยก จาแบ ปะ สี่แยก หมวดหมู่ที่ 10 เรื่อง การบริการประชาชน ค าศัพท์ ความหมาย ปือฆาวา เจ้าหน้าที่ ซูระ บราเนาะ สูติบัตร กะ กนาแล บัตรประจําตัวประชาชน ซนารา ดาโป ทะเบียนบ้าน ไนค์ ขึ้น ตูรง ลง อาตะฮ ข้างบน บอเวาะ ข้างล่าง มูเดาะฮ ง่าย


26 ซูเซาะฮ ลําบาก แซลอดูโด๊ะ เชิญนั่ง มีเต๊าะตูลง ขอช่วย แปะเดาะฮ ประโยชน์ ปูโกฆามา ถ่ายรูป ตูรงนามอ ลงนาม ตานอ บันทึก ซือนารา ระยะ สํามะโนประชากร แปซะ จารี สํารวจ ซาเกะ เจ็บ,ป่วย มาตี เสียชีวิต ตูกาตือปะ เปลี่ยนที่ ลาแว สู้ ซอบา อดกลั้น กือนอตีปู ถูกโกง หมวดหมู่ที่ 11 เรื่อง วันเวลา ค าศัพท์ ความหมาย ฮารี วัน ฮารีอาฮะ วันอาทิตย์ ฮารีซือนา วันจันทร์ ฮารีซลาซอ วันอังคาร ฮารีราบู วันพุธ ฮารีคอมิฮ วันพฤหัสบดี ฮารียุมอะ วันศุกร์


27 ฮารีซะตู วันเสาร์ ซือมาแล เมื่อคืน ฮารีนิง วันนี้ แอเซาะ พรุ่งนี้ ลูซอ มะรืนนี้ กือมาเร็ง เมื่อวานนี้ แมงู สัปดาห์ ตาฮง ปี มาซอ ช่วงเวลา แย เวลา,นาฬิกา ปูโก เวลา(ชั่วโมง) แมแนะ นาที ซาอะ วินาที ลามอ นาน แมงูดะแป สัปดาห์หน้า หมวดหมู่ที่ 12 เรื่อง สี ค าศัพท์ ความหมาย จ๊ะ,จายอ สี จ๊ะ ปูเตะฮ สีขาว จ๊ะ แมเราะฮ สีแดง จ๊ะ กูนิง สีเหลือง จ๊ะ บีรู สีน้ําเงิน จ๊ะ ฮียา สีเขียว


28 จ๊ะ ฮีแต สีดํา จ๊ะ บูเตซตา สีม่วง จ๊ะ ลีมา สีส้ม จ๊ะ กลาบู สีเทา จ๊ะ แมเราะฮ มูดอ สีชมพู จ๊ะ บีรู มูดอ สีฟ้า จ๊ะ นีลอ สีคราม จ๊ะ กอโก สีน้ําตาล จ๊ะตูวอ สีเข้ม จ๊ะฆือล๊ะ สีมืด จ๊ะ เจอเราะฮ สีสว่าง หมวดหมู่ที่ 13 เรื่อง ผักผลไม้และอาหาร - ผักสวนครัว ค าศัพท์ ความหมาย ลอเบาะ,ซาโยรัน ผัก ลือเบาะ ผักกาด กาแจ ถั่ว ตีมุงบาแต แตงกวา


29 ปูโจะ กามะฮ ผักตําลึง ตือรงมาแซ มะเขือเทศ ซือรา ตะไคร้ กูวะฮ ข่า ฮลียอ ขิง กูยิ ขมิ้น บาแว ปูเตะฮ กระเทียม บาแว บือซา หอมใหญ่ กาแจ แจเมาะ ถั่วงอก กาแจ ปาแย ถั่วฝักยาว ตือรง มะเขือ ฆูบิฮ กะหล่ําปลี ลอเบาะ ฮียา คะน้า ลาดอ พริก ลาดอ บือนา พริกไทย กือตูมา ผักชี กากง ผักบุ้ง เรื่อง ผักผลไม้และอาหาร (ต่อ) - อาหารบ้านเรา ค าศัพท์ ความหมาย มาแกแน อาหารการกิน นาซิ ข้าว กราบู ยํา ฆูลา แกง


30 ฆอแรง ผัด รือบุฮ ต้ม รือแน ทอด ไอย์ น้ํา แกงซม แกงส้ม ตมยํา ต้มยํา นาซิกราบู ข้าวยํา นาซิฆูลา ข้าวแกง นาซิไอย์ ข้าวต้ม นาซิมีเยาะ ข้าวมัน นาซิ บียานิง ข้าวหมก กือรือโปะ ข้าวเกรียบ ตูปะ ข้าวต้มมัด ตาแป ข้าวหมาก บลือดอ ขนมวุ้น ดาฆิง เนื้อ ละซอ ขนมจีน เรื่อง ผักผลไม้และอาหาร (ต่อ) - อาหารบ้านเรา ค าศัพท์ ความหมาย มิง ก๋วยเตี๋ยว นาซิปูโละ ข้าวเหนียว ฆาแรง เกลือ


31 ซากา น้ําตาลทราย ไอย์ จูกอ น้ําส้มสายชู มีเญาะ น้ํามัน บูดู บูดู ซือดะ อร่อย ไอย์ กีจ๊ะ น้ําปลา กีจ๊ะ ฮีแต,กีจ๊ะ ปูเต๊ะ ซีอิ๊วดํา,ซีอิ๊วขาว บลาแจ กะปิ กากะฮ ฆูลา เครื่องเทศ รอตี ขนมปัง รอตี จานา โรตีธรรมดา รอตี ปาแย โรตีโอ่ง มะตะบะ โรตีมะตะบะ รอเยาะ อาหารพื้นเมืองประเภทสลัด บูเต นากอ เม็ดขนุน ปูโละ กายอ ข้าวเหนียวสังขยา ปูโละ เปาฮ ข้าวเหนียวมะม่วง หมวดหมู่ที่ 14 เรื่อง ยานพาหนะ ค าศัพท์ ความหมาย บาซีกา จักรยาน มูตูซีกา จักรยานยนต์ แกรตอ เก็ง รถเก๋ง


32 แกรตอ อาปี รถไฟ แกรตอ ฆูดัง รถพ่วง แกรตอ บะฮ รถทัวร์ แกรตอ ฆือบา รถถัง แดบา แกรตอ คนขับรถ แกลนา แกรตอ ลูกน้องรถ แกรตอ กูตอ รถม้า แกรตอ รถ แกตอฆีลิง รถบดถนน แกรตอมาแกแน รถเสบียง แกรตอยิ รถจิ๊ป แกรตอบาแร รถสินค้า ยือนือรอดาแล หลับใน ปูเนาะฮ เสีย แบะกี ซ่อม บลาฆอ ชน บอเวาะ ขับ บาเละ พลิก,คว่ํา ดือระฮ เร็ว ลามะ ช้า กาปาตรือแบ เครื่องบิน หมวดหมู่ที่ 15 เรื่อง บทสนทนาภาษามลายูถิ่นขั้นพื้นฐานที่ควรรู้ ค าศัพท์ ความหมาย อาดอ กือลีฌอ อาปอตู เขามีงานอะไรกัน


33 กือดูลี นนีเกาะ กาเอง งานแต่งงาน มีนุง แต เดาะ ดื่มน้ําชานะ มีนุง บือลากอ เดาะฮ ดื่มทุกคนแล้ว อาดอ อาปอ ยูวา กาเตะ มีอะไรขายบ้าง อาดอ บือลากอ มีทุกอย่าง มีเตาะ กอปีซูซู ซอ ขอกาแฟร้อนที่หนึ่ง นาตี ซูตา เดะฮ คอยสักครู่นะ ตือปง นิง ยูวา กานอ ขนมนี้ขายยังไง ซูเต ตีกอ โกะ ลูกละสามบาท เน๊าะมาแกฆาปอ ต้องการกินอะไร นาซิฆอแร็ง ข้าวผัด ซือดะ ยูเกาะ อร่อยไหม ซือดะ ยูเกาะ อร่อยเหมือนกัน มาอะเดะ มีเตาะ แปะซะ ซีกิ ขอโทษครับขอตรวจหน่อย อาดอ อาปอ ดาแล เบะ มีอะไรในกระเป๋า ตะเด๊าะ อาปอ ไม่มีอะไร กือนา มะแอ กือเดาะ รู้จักมะแอไหม มะแอ มานอ มะแอไหน อ๋อ กือนา,ลอนิง ตะเดาะดีรูเมาะ อ๋อรู้จัก ตอนนี้ไม่อยู่บ้าน ซูระมูตูฮาบี๊อูมอเด๊าะ ทะเบียนรถหมดอายุแล้ว อาดอแลแซงกือเด๊าะ มีใบขับขี่ไหม ค าศัพท์ ความหมาย มาฆี มานอ ไปไหนมา มาฆี ซีตู ไปที่นั่นมา มาฆี แตเงาะ ลือมู ไปซื้อของมา


34 มาฆี มาแก กอปี ไปกินกาแฟมา มาฆี มาแก นาซิ ไปกินข้าวมา มาฆี ดาแล กือบง ไปในสวนมา มาฆี แตเงาะ ลือมู ไปดูวัวมา มาฆี มอต็อง ไปกรีดยางมา มาฆี งาก๊ะ ,งาเก๊ะ,กูเต๊ะ ไปเก็บน้ํายางมา มาฆี นือบ๊ะฮ์ ไปถางป่ามา มาฆี บือแน ไปทุ่งนามา เป๊าะจิ๊ มาโซะ มาโซะ มาโซะ โอ้ ลุง เชิญ เชิญ เชิญ ซาปา ลามอ เด๊าะฮ์ ก้อ เป๊าะจิ มาถึงนานแล้วหรือลุง ลามอ เด๊าะฮ์ ญเฆาะ นานแล้วเหมือนกัน อาแบ ,บาฆู ซาปา ก้อ พี่ล่ะ เพิ่งมาถึงหรือ ฮอ, บาฆู ซาปา ครับ เพิ่งมาถึง มาฆี ดืองา อาปอ มากับอะไร(อย่างไร) ดืองา มูตู กับรถมอเตอร์ไซด์(โดย) เป๊าะจิ๊, มาฆี ดืองา อาปอ ลุงล่ะ มากับอะไร ญาแล กากี เดินครับ ดูโด๊ะ บูวะ อาปอ เป๊าะจิ ทําอะไรอยู่ครับ คุณลุง ดูโด๊ะ ซาญอ อยู่เฉย ๆ ครับ ซูเมาะฮ์ โด๊ะ แนแบ ฆี โก๊ะ มานอ บ้านผู้ใหญ่บ้านไปทางไหนครับ ค าศัพท์ ความหมาย อ๋อ ฆี โก๊ะ บุง ลาฆี อ๋อ ไปทางโน้น ญาโอ๊ะ, ญาวฮ์ญเฆาะ ลาฆีก้อ อีกไกลไหม


35 ญาโอ๊ะ,ญาวฮ์ ญเฆาะ ลาฆี อีกไกลาเหมือนกัน โด๊ะ ตูญ มานอ อยู่ตรงไหนล่ะ อ๋อ ดือก๊ะ ดืองา ปอฮงซือตอ อ๋อ ใกล้ๆ กับต้นมังคุด อ๋อ ป๊ะฮ์ ต๊ะปอ แด๊ะฮ์ อ๋อ ผมไปก่อนนะ ด๊ะปอ ต๊ะปอ ครับโชคดีครับ โด๊ะ อีแม อาดอ ดี ฆูเมาะฮ์ กือเด๊าะ ท่านอีหม่ามอยู่บ้านไหมครับ อาดอ, ด๊ะเด๊าะ ฆีกือ มานอ อยู่ ไม่ได้ไปไหน โด๊ะ แนแบ อาดอ กือเด๊าะ ผู้ใหญ่บ้านล่ะ อยู่ไหม ด๊ะเด๊าะ, ดียอ ฆี กือ บูเก๊ะ ไม่อยู่ เขาไปภูเขา ฆี บีลอ ลาฆี ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ฆี กือมาเฆ็ง ลาฆี เด๊าะฮ์ ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ป๊ะฮ์ ดียอเนาะ กือเละ ปีลอ แล้วก็ เขาจะกลับเมื่อไหร ฮาฆี นิง ฮาฆี อาปอา วันนี้ วันอะไร ฮาฆี นิง ฮาฆี ฆาบู วันนี้ วันพุธ ออแฆ เนาะ บูวะ มาแก ซือเญะ บีลอ เขาจะมีงานมัสยิดเมื่อไหร่ล่ะ ฮาฆี ซะตู ด๊ะแป วันเสาร์หน้า บ๊ะฮ์ เนาะ ฆี บือลี บาแฆ บีลอ แล้ว จะไปซื้อของกันเมื่อไหร ฮาฆี ญือมาอ๊ะ นิงล่า วันศุกร์นี้แหละ โด๊ะ แนแบ กือเละ กือเด๊าะ ลาฆี ผู้ใหญ่บ้านกลับมาหรือยัง กือเละ กือมาเฆ็ง ดูลู ลาฆี เด๊าะฮ์ กลับมาตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้ว ดียอ ฆี กือ บูเก๊ะ ฮาฆี อาปอ เขาไปภูเขาวันอะไรนะ อ๋อ ฮาฆี ซือลาซอ กือมาเฆ็ง อ๋อ วันอังคารที่แล้ว กือมาเฆ็ง ดูลู ฮาฆี อาปอ เมื่อวานซืน วันอะไร ค าศัพท์ ความหมาย ตูละ เนาะ ฆี กือมานอ มะเรื่องนี้ จะไปไหน


36 แอฮ์...ซะตู อาฮะ ต๊ะ ฆี กือมานอ โอ้ย... เสาร์ อาทิตย์ ไม่ไปไหนหรอก เนาะ ฆี มานอ ตู จะไปไหนครับ เนาะ ฆี กือ หาดใหญ่ ซีกิ๊ จะไปหาดใหญ่สักหน่อย เนาะ ฆี ดืองา อาปอ จะไปกับอะไร เนาะ ฆี ดืองา แกตอ อาปี จะไปกับรถไฟ แกตอ อาปี ปูโก บือฆาปอ รถไฟกี่โมง ปูโก ซือมีแล เก้าโมง ซาปา เด๊ะนุง ปูโกบือฆาปอ ไปถึงที่นั่นกี่โมงล่ะ ดาแล ปูโก ซาตู ราว ๆ บ่ายโมง วะปอ ด๊ะ ฆี ดืองา แกตอ ทัว ทําไมไม่ไปรถทัวร์ล่ะ แกตอ ทัว ปูโก บือฆาปอ รถทัวร์กี่โมง ปูโก ดูวอ บือละฮ์ ตอนเที่ยง ป๊ะฮ์ เนาะ ซาปา ปูโก บือฆาปอ แล้วจะไปถึงกี่โมงล่ะ ดาแล ปูโก ตีฆอ ซาปาล่ะ ราว ๆ สามโมง ก็ถึงแหละ การน าไปใช้และวิธีการถ่ายทอดภาษามลายูถิ่น กองบังคับการตํารวจตระเวนชายแดนภาค 4 เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบกํากับดูแลในพื้นที่ ภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งในพื้นที่ในความรับผิดชอบนั้น มีประชากรหรือชนพื้นเมืองซึ่งเป็นชาวมุสลิมที่ นับถือศาสนาอิสลามอาศัยอยู่อย่างกระจัดกระจายในทุกพื้นที่ แต่ที่อาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่นมากที่สุด ก็คือ พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และบางอําเภอในจังหวัดสงขลาและ จังหวัดสตูล ซึ่งประชากรส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม และในชุมชนของชาวมุสลิมนั้น ก็จะมีภาษาพูดที่ แตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่จะใช้ภาษาพูดเป็นภาษามลายูถิ่น ซึ่งภาษามลายูถิ่นนั้น ก็จะมีความ แตกต่างกันออกไปอีก ตามพื้นที่ที่อาศัยอยู่ เช่น ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดปัตตานีก็จะพูดภาษาถิ่นปา ตานี อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดสตูลก็จะพูดภาษามลายูถิ่นสตูลเป็นต้น


37 ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นชาวมุสลิม การศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่วนใหญ่จะให้เด็กเข้าเรียนในโรงเรียนสอนศาสนา ที่มีการเรียนการสอนภาษามลายู จะส่งเข้าเรียนใน โรงเรียนของรัฐบาลทั่วไปนั้นก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนในระดับที่สูงขึ้นมา เช่น ระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนเมือง ที่จะส่งลูกเข้าเรียนใน ระดับอุดมศึกษาหรือระดับปริญญาตรี สําหรับในชุมชนชานเมืองหรือชนบทนั้น มีส่วนน้อยที่มีผู้ศึกษาต่อ ในระดับสูง ๆ ทําให้การพัฒนาภาษาไทย หรือการพูดภาษาไทยนั้นมีส่วนน้อย ประกอบกับชุมชนชาว อิสลามจะมีวัฒนธรรมและสังคมที่เข้มแข็ง มีความรักความสามัคคีในหมู่คณะ มีความเชื่อและศรัทธาต่อ ผู้นําทางศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของชุมชน ดังนั้น การจะเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้นั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพพื้นที่ และสามารถเรียนรู้และเข้าใจถึงวัฒนธรรมของชุมชนชาวมุสลิมเป็นอย่างดี ถึงจะเข้าถึงประชาชนส่วน ใหญ่ได้ การเรียนรู้ภาษามลายูถิ่น จึงเป็นสิ่งจําเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องศึกษาและเรียนรู้ เพื่อใช้เป็นสื่อในการเข้าไปพัฒนา ช่วยเหลือ และสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนก่อให้เกิดความ เข้าใจอันดีต่อกันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ลดปัญหาการต่อต้านนโยบายของรัฐ และ ยอมรับการพัฒนา การช่วยเหลือ ตลอดจนสิ่งใหม่ ๆ ที่ดี เข้าสู่สังคมต่อไป บก.ตชด.ภาค 4 เป็นหน่วยงานที่ถูกรับเลือกให้มีการอบรมภาษามลายูถิ่นโดยการใช้สื่อการ เรียนการสอนอิเล็กทรอนิกส์ จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTECH) ร่วมกับ บก.กฝ.บช.ตชด. ซึ่งจัดอบรมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อกลาง การเรียนการสอน ซึ่ง ทาง บก.กฝ.บช.ตชด.ได้กําหนดหลักสูตรการอบรม ภาษามลายูถิ่นร่วมกับ NECTECH ได้จัดทําข้อมูลการเรียนการสอนผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต และได้จัดทําในรูปแผ่นซีดี นําไป แจกจ่ายให้กับกําลังพลในสังกัด และมีการจัดอบรมให้กับกําลังพลในสังกัด บก.ตชด.ภาค 4 โดยให้ บก. ตชด.ภาค 4 เป็นผู้จัดข้าราชการตํารวจของหน่วยต่าง ๆในสังกัดเข้ารับการอบรม จํานวนทั้งสิ้น 100 คน โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นที่ 1 มีผู้เข้ารับการอบรมจํานวน 50 คน จัดอบรม เมื่อ 18 กุมภาพันธ์2553 และรุ่นที่ 2 จํานวน 50 คน เข้ารับการอบรม เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งผลการจัดอบรมนั้น ข้าราชการตํารวจที่เข้ารับการอบรมมีความเข้าใจ และเห็นถึงความสําคัญของภาษามลายูถิ่นและเห็นถึง ประโยชน์ของการเข้ารับการอบรมในครั้งนั้นว่าสามารถนําไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่และใช้ใน ชีวิตประจําวันได้เป็นอย่างดี และส่วนใหญ่มีความสนใจที่จะเข้ารับการอบรมอีก ถ้ามีการจัดอบรมในครั้ง ต่อ ๆไป และจากการจัดอบรมของ บก.กฝ.บช.ตชด. ร่วมกับ สถาบัน NECTECH ในครั้งนั้น บก.ตชด. ภาค 4 ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญของการเรียนรู้ภาษามลายูถิ่นของเจ้าหน้าที่ในสังกัด ที่จะต้องเข้าไป ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จึงได้มีการสานต่อโดยมีนโยบายให้นําข้อมูลภาษา มลายูถิ่นจากการจัดอบรมในครั้งนั้นไปถ่ายทอดให้กับกําลังพลในสังกัดได้เรียนรู้ โดยเน้นหน่วยงานหลัก ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจําเป็นจะต้องมีการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่


38 จริง ๆ คือ กก.ตชด. 44 ฉก.ตชด.43 ฉก.ตชด.44 และ ชค.ตชด. เป็นหน่วยที่ต้องนําภาษามลายูถิ่นไป ถ่ายทอดให้กําลังของแต่ละหน่วยได้เรียนรู้โดย บก.ตชด.ภาค 4 ได้มีการสั่งการให้แต่ละหน่วยจัดทํา แผนการเรียนการสอนภาษามลายูโดยมีการจัดทําโครงการถ่ายทอดภาษามลายูถิ่นรองรับ ตามสภาพ พื้นที่และความพร้อมของแต่ละหน่วยอย่างต่อเนื่อง และให้มีการรายงานผลการเรียนการสอน ให้ บก. ตชด.ภาค 4 ทราบในทุก ๆ เดือน ซึ่ง แผนการถ่ายทอดและสื่อการเรียนการสอนที่แต่ละหน่วยได้นําไป จัดทํามีดังนี้ 1. การถ่ายทอดโดยผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ สอนภาษามลายูถิ่น ประจําวันโดยการเขียนใน กระดานและอธิบายความหมายให้กับกําลังพลในสังกัดได้เรียนรู้ 2. การสอนในห้องคอมพิวเตอร์โดยการนําแผ่นซีดีที่ได้รับการแจกจ่ายไปเปิดอ่านด้วยเครื่อง คอมพิวเตอร์โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ช่วยแนะนําวิธีการใช้ 3. การประชาสัมพันธ์โดยการนําภาษามลายูถิ่น ติดไว้ที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของหน่วยเป็น ประจําทุกวัน โดยหมุนเวียนคําศัพท์ที่ควรรู้ไปเรื่อย ๆ 4. มอบหมายให้ร้อยเวรอํานวยการหรือสิบเวร ประจําวันนําคําศัพท์ภาษามลายูถิ่นมากล่าว ทักทายในการรวมพลหน้าแถวตอนเช้า แผนการถ่ายทอดและการเรียนการสอนภาษามลายูถิ่น ที่หน่วยในสังกัด บก.ตชด.ภาค 4 ได้ จัดทํานั้น เป็นการช่วยเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจ และความคุ้นชินกับภาษามลายูถิ่นให้กับกําลังพล เป็น ประจําทุกวัน ทําให้สามารถซึมซับ จนสามารถนําไปใช้ในการปฏิบัติงานและใช้ในชีวิตประจําวันได้จริง สามารถปฏิบัติตัวได้กลมกลืนกับกลุ่มคนในชุมชนและวัฒนธรรมของชุมชนชาวมุสลิมได้เป็นอย่างดี ทํา ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่ได้สะดวกและง่ายขึ้น ปัญหาความขัดแย้งหรือการต่อต้านลดน้อยลง ซึ่ง จะนําไปสู่ความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างคนในชุมชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ นําไปสู่การพัฒนาและทําให้ สังคมสงบสุขต่อไป


39 โครงการ/แผนการถ่ายถอดภาษามลายูถิ่น ของหน่วยงานในสังกัด บก.ตชด.ภาค 4 ที่ได้ด าเนินการแล้ว โครงการถ่ายทอดภาษามลายูถิ่นของ ชค.ตชด.ยะลา ชื่อโครงการ โครงการภาษายาวี วันละ 5 คํา หลักการและเหตุผล ภาษามลายูถิ่นปาตานี เป็นภาษาถิ่นที่ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่ใช้พูดกันในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นับเป็นสมบัติล้ําค่าของชาวไทยเชื้อสาย มลายู ภาษามลายูถิ่นปาตานียังคงทําหน้าที่หลักเช่นเดียวกับภาษาอื่น ๆ คือเป็นสื่อในการแสดง ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ และความต้องการ เป็นต้น นอกจากนี้ภาษามลายูถิ่นยังถูกใช้เป็นสื่อเพื่อ จุดประสงค์เชิงพาณิชย์และจิตวิทยาการเมืองการปกครองอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการประชาสัมพันธ์ ข่าวสารต่าง ๆ แก่ชาวไทยมุสลิม จึงเป็นสิ่งจําเป็นที่ ตํารวจตระเวนชายแดน ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ต้องมีความสามารถในการใช้ ภาษามลายูถิ่นได้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเองและหน่วยงานต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ข้าราชการตํารวจตระเวนชายแดนพูดและเข้าใจในภาษามลายูถิ่นได้ 2. เพื่อให้การทํางานของข้าราชการตํารวจตระเวนชายแดน ประสบความสําเร็จในการทํางาน ในพื้นที่ปฏิบัติการจริง เป้าหมาย ข้าราชการตํารวจตระเวนชายแดน ในการควบคุมของ ชค.ตชด.ยะลา วิธีด าเนินการ 1. ชค.ตชด.ยะลา ได้ให้แต่ละ มว.จัดทําบอร์ด ภาษายาวีขึ้น และ 2. ในการประชุมแถวทุกครั้งให้มีการทบทวนและสนทนาเป็นภาษายาวีทุกครั้ง 3. ให้มีการฟัง และดูVCD การสนทนาเป็นภาษายาวีด้วย ระยะเวลาด าเนินงาน 19 กุมภาพันธ์ 2553 เป็นต้นไป


40 งบประมาณ ขอสนับสนุนงบประมาณจาก ชค.ตชด. จํานวน 2,000 บาท ผู้รับผิดชอบโครงการ ชค.ตชด.ยะลา การประเมินผล มีการประเมินผล ในทุก ๆ 1 เดือน และมีการทบทวนการพูดภาษายาวี ในแต่ละ มว. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ตํารวจตระเวนชายแดนในการควบคุมของ ชค.ยะลา สามารถสนทนาและเข้าใจในภาษายาวีได้ ตารางการอบรมภาษามลายูถิ่น ชค.ตชด.ยะลา ห้วงแต่ มี.ค. - ก.ย. 2554 เดือน รายละเอียดการอบรม ผู้รับผิชอบ - ก.ย. 2554 - ทุกวัน จัดทําป้ายคําศัพท์ภาษายาวีวันละ 5 คํา - ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 น. หลังรวมแถว สิบเวร เตรียมคําศัพท์ นําเสนอหน้าแถววันละ 2-3 คํา - ทุกวันอังคาร ,พฤหัสบดี ประชุมและพูดคุยและดู VCD การสนทนาภาษายาวี - ทุกวันศุกร์ จัด กพ. ออกพบปะประชาชน ชุมชน มุสลิม เพื่อเป็นการฝึงใช้ภาษายาวีให้ถูกต้อง ให้ เกิดความเข้าใจและให้เกิดความชํานาญในการใช้ ภาษา ชค.ตชด.ยะลา


41 หมายเหตุ ให้มีการเพิ่มเติมคําศัพท์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องจาก สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และเอกสาร ตามความ เหมาะสม โครงการถ่ายทอดภาษามลายูถิ่นของ ชค.ตชด.ปัตตานี ชื่อโครงการ โครงการภาษายาวี วันละ 5 คํา หลักการและเหตุผล การปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับ มีความจําเป็นต้อง เรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และภาษาของท้องถิ่น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มาจาก ต่างถิ่นที่มีความแตกต่างกันทั้งทางด้านภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพื่อให้การปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่ใน ชปส. จว.ปัตตานี สามารถติดต่อสื่อสารกับประชาชนชาวมุสลิมให้มีความเข้าใจกันมาก ยิ่งขึ้น และเพื่อลดปัญหาความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน สามารถดํารงตนอยู่ได้อย่างเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกันอย่างมีความสุข วัตถุประสงค์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใน ชปส.ชค.ปัตตานี สามารถฟังและพูดภาษามลายูพื้นฐานที่ใช้ในการปฏิบัติ หน้าที่ได้ เป้าหมาย ชปส.ชค.จว.ปัตตานี วิธีด าเนินการ - จัดบอร์ดแสดงภาษามลายูวันละ 5 คํา พร้อมคําแปล - หน.ชปส.,ผบ.หมู่ ที่เรียกแถวประชุมชี้แจงหัวข้อราชการแต่ละวันนําเสนอภาษามลายูทุกครั้ง - ผู้ผ่านการฝึกอบรมภาษามลายูถิ่น ถ่ายทอดความรู้ให้ ขตร. ในมว.ฯ โดยให้ชมและฟัง VCD ระยะเวลาด าเนินงาน ปีงบประมาณ 2553 เป็นต้นไป งบประมาณ ขอสนับสนุนงบประมาณจาก ชค.ตชด. จํานวน 2,000 บาท


42 ผู้รับผิดชอบโครงการ ชค.ตชด.ยะลา การประเมินผล มีการประเมินผล ในทุก ๆ 1 เดือน และมีการทบทวนการพูดภาษายาวี ในแต่ละ มว. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ตํารวจตระเวนชายแดนในการควบคุมของ ชค.ยะลา สามารถสนทนาและเข้าใจในภาษายาวีได้ โครงการถ่ายทอดภาษามลายูถิ่นของ ชค.ตชด.นราธิวาส ชื่อโครงการ โครงการภาษายาวี วันละ 5 คํา หลักการและเหตุผล ภาษามลายูถิ่นปาตานี เป็นภาษาถิ่นที่ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่ใช้พูดกันในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นับเป็นสมบัติล้ําค่าของชาวไทยเชื้อสาย มลายู ภาษามลายูถิ่นปาตานียังคงทําหน้าที่หลักเช่นเดียวกับภาษาอื่น ๆ คือเป็นสื่อในการแสดง ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ และความต้องการ เป็นต้น นอกจากนี้ภาษามลายูถิ่นยังถูกใช้เป็นสื่อเพื่อ จุดประสงค์เชิงพาณิชย์และจิตวิทยาการเมืองการปกครองอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการประชาสัมพันธ์ ข่าวสารต่าง ๆ แก่ชาวไทยมุสลิม จึงเป็นสิ่งจําเป็นที่ ตํารวจตระเวนชายแดน ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ต้องมีความสามารถในการใช้ ภาษามลายูถิ่นได้ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเองและหน่วยงานต่อไป วัตถุประสงค์ 3. เพื่อให้ข้าราชการตํารวจตระเวนชายแดนพูดและเข้าใจในภาษามลายูถิ่นได้ 4. เพื่อให้การทํางานของข้าราชการตํารวจตระเวนชายแดน ประสบความสําเร็จในการทํางาน ในพื้นที่ปฏิบัติการจริง เป้าหมาย ข้าราชการตํารวจตระเวนชายแดน ในการควบคุมของ ชค.ตชด.นราธิวาส วิธีด าเนินการ 4. ชค.ตชด.นราธิวาส ได้แต่ละ มว.จัดทําบอร์ด ภาษายาวีขึ้น และ 5. ในการประชุมแถวทุกครั้งให้มีการทบทวนและสนทนาเป็นภาษายาวีทุกครั้ง


43 6. ให้มีการฟัง และดูVCD การสนทนาเป็นภาษายาวีด้วย ระยะเวลาด าเนินงาน ปีงบประมาณ 2553 เป็นต้นไป งบประมาณ ขอสนับสนุนงบประมาณจาก ชค.ตชด. จํานวน 2,000 บาท ผู้รับผิดชอบโครงการ ชค.ตชด.นราธิวาส การประเมินผล มีการประเมินผล ในทุก ๆ 1 เดือน และมีการทบทวนการพูดภาษายาวี ในแต่ละ มว. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ตํารวจตระเวนชายแดนในการควบคุมของ ชค.นราธิวาส สามารถสนทนาและเข้าใจในภาษายา วีได้ ตารางการอบรมภาษามลายูถิ่น ชค.ตชด.นราธิวาส ห้วงแต่ มี.ค. - ก.ย. 2554 เดือน รายละเอียดการอบรม ผู้รับผิชอบ


44 มี.ค. - ก.ย. 2554 - ให้แต่ละ มว.จัดทําป้ายคําศัพท์ภาษายาวี และ จัดทําบอร์ด การสนทนาภาษายาวี - ให้กําลังพลเตรียมคําศัพท์ภาษายาวีมานําเสนอ และฝึกพูดหน้าแถว - ให้สิบเวรในแต่ละวันนําคําศัพท์และประโยคการ สนทนาภาษายาวีมากล่าวทักทายกําลังพล ก่อน และหลังเลิกแถว -จัดให้มีการประชุมและพูดคุยและดู วีซีดี การ สนทนาภาษายาวีเพื่อเพิ่มความจําเป็นและความ ชํานาญในการใช้ต่อไป - มีการรายงานผลการอบรม แต่ละ มว.ให้ ชค. ตชด. นราธิวาส ทราบในทุก 1 เดือน ชค.ตชด.นราธิวาส หมายเหตุ ให้มีการเพิ่มเติมคําศัพท์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องจาก สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และเอกสาร ตามความ เหมาะสม


45 แผนการถ่ายทอดภาษามลายูถิ่น ของหน่วยในสังกัด กก.ตชด. 44


46


47


48


49


Click to View FlipBook Version