1 หลายคนยังสงสัยว่า “กัญชา” คือพืชที่เต็มไปด้วยสารเสพติดหรือเป็นสมุนไพร ที่สามารถรักษาโรค เราลองมาทำ ความรู้จักกับพืชชนิดนี้กันก่อน ตามนิยามของส�ำนักงานราชบัณฑิตยสภาให้ความหมายของ กัญชา ว่าเป็นชื่อไม้ล้มลุกชนิด Cannabis sativa L. ในวงศ์ Cannabaceae ใบมนแฉกลึกเข้าไปทางก้านหลายแฉก ดอกสีเขียว ช่อดอกเพศผู้และช่อดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน ใบและช่อดอกเพศเมียที่แห้งเรียก กะหลี่กัญชา ใช้สูบปนกับยาสูบ มีสรรพคุณท�ำให้มึนเมา เปลือกล�ำต้นใช้ท�ำเชือกป่าน และทอผ้า เหตุที่ท�ำให้เกิดอาการมึนเมานั่นเพราะกัญชามีฤทธิ์กระตุ้นประสาท (psychoactive action) ท�ำให้เกิดอารมณ์เคลิ้มสุข (euphoria) คลายกังวล (relief of anxiety) สงบประสาทและเซื่องซึม (sedation and drowsiness) หากเสพเข้าสู่ร่างกาย ติดต่อกันเป็นเวลานานจะท�ำให้ติดและมีผลเสียต่อสุขภาพและจิตใจ ประเทศไทยกัญชาจึงจัดอยู่ในยาเสพติดประเภท5 ตามก�ำหนดในพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522ขณะที่องค์การ อนามัยโลกระบุว่า การเสพติดกัญชาเป็นหนึ่งในโรคที่เกิดขึ้นจริง ในกลุ่มสารเสพติดทั้งหมดพบการเสพติดกัญชามากที่สุด รองจากการเสพติดสุรา ที่มา ค�ำแนะน�ำการใช้กัญชาทางการแพทย์ส�ำหรับแพทย์ ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2562 : แพทยสภา https://tmc.or.th/cannabis.php วารสารวิชาการสาธารณสุข ปีที่ 28 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2562 : กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภเูบศร รู้จัก..กัญชา
กัญชา ชื่อสามัญ Cannabis, Ganja, Kancha, Bhang, Hemp, Indian Hemp, Marihuana, Marijuana, Dope, Gage, Grass, Hash, Hashish, Kuf, Mary jane, Pot, Sens, Sess, Skunk, Smoke, Reefer, Weed ชื่อวิทยาศาสตร์ Cannabis sativa L. Ganja สันนิษฐานว่ามาจากภาษา Bengali ปรากฏในจารึกภาษาสันสกฤตของศาสนา ฮินดูหมายความถึง Cannabis พืชล้มลุกให้ดอก ในตระกูล Cannabaceae (ประเภทเดียวกับปอ) วงศ์กัญชา CANNABACEAE ในทางการแพทย์กัญชาจัดเป็นพืชสมุนไพร มีบันทึกว่าน�ำกัญชามาใช้เป็นยาในต�ำราอายุรเวทของชนเผ่าต่าง ๆ มานาน กว่า 3,000 ปีกระทั่งค้นพบว่ากัญชามีสารออกฤทธิ์ (bioactive compounds) มากกว่า 400 ชนิด พบมากที่สุดคือ สารแคนนาบินอยด์ (cannabinoids) ได้แก่ เตตร้าไฮโดรแคนนาบินอยด์ (tetrahydrocannabinol) หรือ THC และ แคนนาบิไดอัล (cannabidiol) หรือ CBD สารดังกล่าวออกฤทธิ์ ยับยั้ง กระตุ้น ระบบประสาท ฮอร์โมน ภูมิคุ้มกัน ผ่านระบบ endocannabinoid ของร่างกาย ซึ่งเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยตามผลวิจัยที่รองรับและอยู่ในระหว่างศึกษาเพิ่มเติมในหลายประเทศทั่วโลก ประเทศไทยมีการประกาศพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับใหม่ (ฉบับที่7) พ.ศ.2562ประกาศเมื่อวันที่18กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 อนุญาตให้สามารถน�ำกัญชามาใช้ในกรณีจ�ำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ การแพทย์ การรักษาผู้ป่วย หรือการศึกษาวิจัยและพัฒนาการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้ ที่มา ค�ำแนะน�ำการใช้กัญชาทางการแพทย์ส�ำหรับแพทย์ ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2562 : แพทยสภา https://tmc.or.th/cannabis.php วารสารวิชาการสาธารณสุข ปีที่ 28 ฉบับที่ 4 กรกฎาคม - สิงหาคม 2562 : กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภเูบศร 1 รู้จัก..กัญชา (ต่อ)
เรื่องราวของ.. กัญชา 2 ประวัติศาสตร์การใช้กัญชาคือในประเทศจีน เมื่อ 2,737 ปีก่อนคริสตกาล หรือราว 4,756 ปีมาแล้ว หลักฐานที่ยาวนานถึงประวัติศาสตร์การใช้กัญชา คือ ในประเทศจีนเมื่อ 2,737 ปีก่อนคริสตกาล หรือราว 4,756 ปีมาแล้ว ผู้ค้นพบวิธีการชงชาและการดื่มชาเป็นผู้อธิบายสรรพคุณทางยาของพืชกัญชาในต�ำรายาสมุนไพรจีน และริเริ่มให้มี การเพาะปลูกพืชกัญชาเพื่อใช้เป็นยารักษาโรคนับจากนั้นการปลูกกัญชาได้ขยายไปในประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียและประเทศอินเดีย กระทั่งในปีค.ศ. 1839 (พ.ศ. 2382) นายแพทย์ชาวอังกฤษ (William O’Shaughnessy) ซึ่งขณะนั้นก�ำลังปฏิบัติงาน อยู่ในประเทศอินเดีย ได้ท�ำการทดลอง และค้นพบว่ากัญชานั้นมีสรรพคุณทางการแพทย์สามารถใช้ระงับอาการปวด เพิ่มความ อยากอาหาร ลดการอาเจียน คลายกล้ามเนื้อ และลดอาการชักได้ ผลงานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ในวารสารทางยาสมัยนั้นและมีการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์กันอย่างแพร่หลายทั้งใน ประเทศอังกฤษและในกลุ่มประเทศตะวันตก ตลอดจนมีการซื้อขายกัญชาในร้านยาทั่วไปได้โดยไม่ผิดกฎหมาย มีการบรรจุ สรรพคุณทางยาของสารสกัดจากกัญชา และยาทิงเจอร์ใน British Pharmacopoeia และ United States Pharmacopoeia มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ด้วยว่า แพทย์มีการสั่งจ่ายกัญชาเพื่อใช้ลดอาการปวดประจ�ำเดือนแก่พระราชินีวิคตอเรีย ของประเทศอังกฤษ ที่มา www.medcannabis.go.th/ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์/ต�ำรับยากัญชาแผนไทย www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/453/กัญชา/ www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/094/T_0027.PDF
ในปีค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) ในประเทศอเมริกา มีการรายงานว่าการใช้กัญชามีผลท�ำให้ผู้ใช้ขาดสติเกิดอาการ ประสาทหลอน และก่อให้เกิดอาชญากรรมขึ้นได้จึงมีการถอนกัญชาออกจากต�ำรายา The United States Pharmacopeia และยกเลิกการใช้กัญชาในการรักษาโรค มีการห้ามใช้กัญชาในการรักษาโรคในอังกฤษและยุโรปตั้งแต่ปีค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) ส่วนที่ประเทศไทยจัดให้กัญชาอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษประเภท5 ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แต่คนไทย มีการรักษาตามต�ำราแพทย์แผนไทยโดยหมอพื้นบ้านมาช้านาน ตามที่ปรากฏหลักฐานชัดเจนมียาแผนโบราณ ที่ใช้กัญชามาปรุงเป็นส่วนผสมหลายต�ำรับ อาทิ เมื่อมีการอนุญาตให้สามารถน�ำกัญชามาใช้ในกรณีจ�ำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ การแพทย์ การรักษาผู้ป่วย หรือการศึกษาวิจัยและพัฒนาการศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 136, ตอนพิเศษที่ 94 ง (ลงวันที่ 11 เมษายน 2562) จึงมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ก�ำหนดต�ำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ ยาอัคคินีวคณะ ยาอไภยสาลี ยาท�ำลายพระสุเมรุ ต�ำรับยาในคัมภีร์ธาตุพระนารายณ์ แก้คลื่นเหียนอาเจียน ช่วยเจริญอาหาร บ�ำรุงก�ำลัง ต�ำรับยาเวชศึกษา พระยาพิศณุประสาทเวช ช่วยขับลม บรรเทาอาการจุกเสียด แน่นท้อง ต�ำรับยาในคัมภีร์แพทย์ไทยแผนโบราณ ขุนโสภิตบรรณลักษณ์ เล่ม 2 แก้ลมจุกเสียด เมื่อยขบตามร่างกาย แก้ปวดกล้ามเนื้อ คลายกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็งจากโรคลมอัมพฤกษ์ อัมพาต เรื่องราวของ.. กัญชา (ต่อ) 2 ที่มา www.medcannabis.go.th/ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์/ต�ำรับยากัญชาแผนไทย www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/453/กัญชา/ www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/094/T_0027.PDF
กัญชา...ใช้ได้ อย่างถูกกฎหมายในกี่ประเทศ 3 ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกอนุญาต ให้ใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย ทั้งในทางการแพทย์และอนุญาตให้มีการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายและสันทนาการ แม้แต่ในประเทศที่เคยมีข้อห้ามในการใช้กัญชามาก่อน ที่มา https://thestandard.co/where-is-marijuana-legal www.กัญชาทางการแพทย์.com/2019/04/legality-of-cannabis-for-medical-and-recreational.html today.line.me/th/pc/article/กัญชาถูกกฎหมายหาซื้อที่ไหนได้บ้าง+นอกจากแคลิฟอร์เนีย-1VJDav https://ngthai.com/cultures/6834/10-things-of-weed/ ประเทศที่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย ปัจจุบันมีจ�ำนวน 33 ประเทศ ได้แก่ กรีซ แคนาดา โครเอเชีย โคลอมเบีย จาเมกา ชิลีเช็ก ซานมารีโน ซิมบับเว ไซปรัส เดนมาร์ก ตุรกีนอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ เปรู โปรตุเกส โปแลนด์ ฟินแลนด์มอลตา มาซิโดเนีย เยอรมนีลักเซมเบิร์ก วานูอาตู ศรีลังกา สวิตเซอร์แลนด์สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา อิตาลีอิสราเอล อุรุกวัย แอฟริกาใต้ การใช้กัญชาทางการแพทย์ในแต่ละประเทศมีความเข้มงวดและรายละเอียดแตกต่างกันไปตามกฎหมายสูงสุดของประเทศ นั้นๆ บางประเทศอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ป่วยลงทะเบียนและได้รับความยินยอมจากรัฐ มีใบรับรองแพทย์ และใบสั่งยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการใช้กัญชาต้องอยู่ภายใต้การก�ำกับดูแลของแพทย์เท่านั้น ยกตัวอย่างในประเทศฟินแลนด์ เยอรมนีสหราชอาณาจักร ในบางประเทศอนุญาตให้ใช้กัญชาในการรักษาอาการเจ็บป่วย เฉพาะโรคเท่านั้น เช่น ประเทศไซปรัสอนุญาตให้ใช้กัญชาเฉพาะการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ส่วนสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้มีการใช้กัญชาเพื่อการรักษาโรคได้ใน 33 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐทั่วประเทศรวมถึง ดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐฯ อย่างหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา เปอร์โตริโก และกวมซึ่งปัจจุบันยังมีอีกหลายรัฐ ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาแต่ยังไม่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ได้
ปัจจุบันมี2 ประเทศที่สามารถใช้กัญชาได้อย่างเสรีเต็มรูปแบบ ทั่วประเทศ คือ ประเทศอุรุกวัย และแคนาดา รัฐบาลออกกฎหมาย อนุญาตให้มีการบริโภคกัญชาได้อย ่างเสรีทั้งในเชิงการแพทย์และ เพื่อการสันทนาการ อนุญาตให้มีการจ�ำหน่ายครอบครองเคลื่อนย้าย และเก็บเกี่ยวกัญชาได้อย่างถูกต้อง ล่าสุดประเทศเม็กซิโกก็ก�ำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาการเปิดเสรี กัญชาเป็นประเทศที่ 3 ด้วยเช่นกัน กัญชา...ใช้ได้ อย่างถูกกฎหมายในกี่ประเทศ (ต่อ) 3 ที่มา https://thestandard.co/where-is-marijuana-legal www.กัญชาทางการแพทย์.com/2019/04/legality-of-cannabis-for-medical-and-recreational.html today.line.me/th/pc/article/กัญชาถูกกฎหมายหาซื้อที่ไหนได้บ้าง+นอกจากแคลิฟอร์เนีย-1VJDav https://ngthai.com/cultures/6834/10-things-of-weed/ ประเทศที่อนุญาตให้มีการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายและสันทนาการ ประเทศที่เปิดใช้กัญชาอย่างเสรี ปัจจุบันมี6 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา จอร์เจีย ศรีลังกา สเปน อุรุกวัย แอฟริกาใต้และอีก 9 รัฐในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ โคโลราโด เนวาดา วอชิงตัน ออริกอน อลาสก้า แคลิฟอร์เนียเมนและแมสซาชูเซตส์รวมถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีการจ�ำกัดปริมาณการซื้อขายกัญชาต่อคนต่อปีและมีการก�ำหนด เกณฑ์อายุขั้นต�่ำของผู้ซื้อภายใต้กฎหมายสูงสุดของประเทศ
ความแตกต่างระหว่าง กัญชา (Marijuana) กับกัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) 4 เหตุใดคำว่ากัญชา (Marijuana) และ กัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) จึงแตกต่างกัน เรื่องนี้มีที่มา แต่เดิมศัพท์ของ กัญชา ใช้ว่า cannabis ตามความหมายทางวิชาการ แต่ภายหลัง Marijuana กลายเป็นค�ำศัพท์ที่แปลว่ากัญชาที่แพร่หลาย มากที่สุดในโลกโดยเริ่มถูกน�ำมาใช้ในภาษาอังกฤษช่วงต้นศตวรรษที่20 เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดการปฏิวัติเม็กซิโก ท�ำให้มีชาวเม็กซิกันอพยพขึ้น มาอยู่ในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งหอบเอาวัฒนธรรมการสูบกัญชาและ ค�ำว่า mallihuan ซึ่งเป็นภาษา Aztec ใช้ในภาคกลางของเม็กซิโกมา เผยแพร่ด้วย ต่อมาค�ำนี้พัฒนาเป็นค�ำว่า marijuana และ marihuana จนกลายเป็นค�ำที่ใช้ในทางการของสหรัฐฯ และไปปรากฏอยู่ในชื่อ กฎหมาย เช่น Marihuana Tax Act of 1937 กัญชา (Marijuana) ในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่จึงสื่อไปในทางการใช้กัญชาเพื่อการผ่อนคลายและสันทนาการ น�ำสู่การเสพติดให้โทษ โดยนิยมน�ำส่วนใบและยอดช่อดอกกัญชาตัวเมียมาตากแห้ง บดเป็นผงหยาบๆ แล้วน�ำมามวนบุหรี่ อาจสูบด้วยกล้อง หรือบ้องกัญชา ท�ำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม ที่มา ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ โดย แพทยสภา https://tmc.or.th/pdf/fact/Info_cannabis_for_doctor.pdf https://adaybulletin.com/article-world-wild-words-marijuana/30587
ความแตกต่าง กัญชา (Marijuana) กัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) วัตถุประสงค์ เพื่อการผ่อนคลายและสันทนาการ เพื่อประโยชน์ในการรักษาสำหรับผู้ป่วย ส่วนที่ใช้ ใบ และยอดช่อดอกกัญชาตัวเมีย สารสกัดแคนนาบินอยด์จากช่อดอกกัญชา แหล่งวัตถุดิบ ไม่สามารถตรวจสอบที่มาหรือแหล่งปลูกได้ มีที่มาหรือแหล่งปลูกที่ตรวจสอบได้ วิธีการ ตากแห้ง และสูบหรือปรุงเป็นอาหาร ผ่านกระบวนการกลั่นสกัดทางเคมี ข้อจำกัด จัดอยู่ในประเภทยาเสพติด ผิดกฎหมาย นำไปใช้ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ ส่วนกัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) หมายถึง การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ น ่าเชื่อถือและปลอดภัยต ่อประชาชน โดยสกัดสารแคนนาบินอยด์ (cannabinoids) และตรวจสอบปริมาณความเข้มของสารที่สนอง ต่อความต้องการของผู้ป่วยที่แตกต่างกัน กัญชาทางการแพทย์จึงเสมือนยาชนิดอื่นๆ ที่มีรูปแบบยาเตรียมและผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท เช่น การสูดไอระเหย ผ่านเครื่องพ่นไอระเหยทางการแพทย์การให้ฉีดพ่นยาทางปากในรูปของสเปรย์น�้ำมันหยดใต้ลิ้นแคปซูลการส่งยาผ่านผิวหนัง ในรูปของครีม แผ่นแปะผิวหนัง และในรูปของอาหาร มีรูปแบบยาหรือผลิตภัณฑ์กัญชาที่เลือกใช้ให้เหมาะกับอาการภายใต้ ค�ำแนะน�ำของแพทย์ ความแตกต่างระหว่าง กัญชา (Marijuana) กับกัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) (ต่อ) 4 ที่มา ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ โดย แพทยสภา https://tmc.or.th/pdf/fact/Info_cannabis_for_doctor.pdf https://adaybulletin.com/article-world-wild-words-marijuana/30587
กัญชง กับ กัญชา มีถิ่นก�ำเนิดเดียวกัน อยู่ในวงศ์เดียวกัน จึงมีความสับสนระหว่างพืชสองชนิดนี้ ว่าแตกต่างกันอย่างไร กัญชง กับ กัญชา มีถิ่นก�ำเนิดเดียวกัน อยู่ในวงศ์เดียวกัน คือ Cannabaceae แถมยังสกุลเดียวกันคือ Cannabis จึงมีความสับสนระหว่างพืชสองชนิดนี้ว่าแตกต่างกันอย่างไร ประการแรกคือ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์กัญชงและกัญชามีสายพันธุ์ย่อยที่แตกต่างทางกันลักษณะทั้งทางกายภาพ ทั้งต้น ดอก และใบ รวมถึงแหล่งเพาะปลูก อีกประการคือ ประโยชน์ที่ได้และการน�ำไปใช้กัญชงมีต่อมน�้ำมันที่เป็นประโยชน์ทางการแพทย์น้อยกว่าพืชกัญชา แต่เป็น ประโยชน์ทางอุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องส�ำอาง อาหารและยา จากบันทึกประวัติศาสตร์มีการใช้ประโยชน์จากกัญชงตั้งแต่ยุค ล่าอาณานิคม นักเดินเรือจะน�ำใยกัญชงมาท�ำเป็นเชือกและผ้าใบเรือ ในประเทศจีน ยุคราชวงศ์โจว (ประมาณ 1,000 ปีก่อน คริสตศักราช) ใช้เส้นใยกัญชงทอเป็นเครื่องนุ่งห่มส่วนเมล็ดกัญชงก็พบว่าเป็นธัญพืชที่รับประทานกันทั่วโลกมานานหลายพันปี แต่ด้วยพืชทั้งสองชนิดเป็นญาติสนิทกัน กัญชงจึงถูกก�ำหนดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เช่นเดียวกับ กัญชา พืชกระท่อม พืชฝิ่น เพราะมีสารเสพติดชื่อเตตราไฮโดรแคนนาบินอล หรือ THC ซึ่งออกฤทธิ์ต่อสมอง ตามสนธิสัญญา สหประชาชาติที่ก�ำหนดให้แต่ละประเทศมีมาตรการป้องกันการใช้กัญชงในทางที่ผิด นอกจากคนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างพืชสองชนิดได้แล้ว ยังมักเข้าใจผิดว่า กัญชงไม่ผิด กฎหมายเหมือนกัญชา บ้างยังสับสนว่าเป็นพืชต้องห้ามซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน กระทรวงสาธารณสุขจึงมีประกาศ เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ยังระบุให้กัญชง (Hemp) เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ล�ำดับที่ 5 แต่ได้รับการยกเว้นในส่วนที่เป็นประโยชน์ ทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจ ที่มา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 http://www.ratchakitcha.soc. go.th/DATA/PDF/2562/E/218/T_0001.PDF กัญชง (Hemp) บทความจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข https://dmh.go.th/news/view.asp?id=2268 กัญชา กับ กัญชง ต่างกันอย่างไร? www.medcannabis.go.th/blog/กัญชา%20กับ%20กัญชง%20ต่างกันอย่างไร? กัญชา ไม่ใช่ กัญชง https://thematter.co/quick-bite/marijuana-vs-hemp/84267 ความเข้าใจผิดเรื่อง กัญชง กับ กัญชา 5
ความแตกต่างของสายพันธุ์ กัญชง กับ กัญชา กัญชง กัญชา ชื่อสามัญ Hemp Cannabis ชื่อ วิทยาศาสตร์ Cannabis sativa L. subsp. Sativa Cannabis sativa forma indica วงศ์ Cannabaceae เป็นสายพันธุ์เดียวกับ Cannabis sativa Cannabidacese มี3 สายพันธุ์ย่อย ซาติวา (Cannabis sativa) อินดิกา (Cannabis indica) รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis) แหล่งก�ำเนิด เอเชียกลาง และแพร่กระจายไปสู่เอเชียตะวันออก อินเดีย และในทวีปยุโรป บริเวณเส้นศูนย์สูตร เช่น โคลัมเบีย เม็กซิโก (ทวีป อเมริกา) ตอนกลางของทวีป แอฟริกา และเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ อินเดียและบริเวณ ตะวันออกกลาง ยุโรป บริเวณตอนกลาง และตะวันออก ลักษณะทาง สายพันธุ์ ล�ำต้นสูงเรียวใหญ่ แตกกิ่งก้านไม่มาก มีจ�ำนวนแฉกใบ 7-11 แฉก ล�ำต้นหนา ใบยาว เรียว ใบสีเขียวอ่อน ชอบแดด และอากาศร้อน ล�ำต้นพุ่มเตี้ย ใบกว้าง สั้น ใบสีเขียวเข้ม กิ่งก้านดกหนา ชอบร่มและอากาศเย็น ล�ำต้นเตี้ยที่สุด ดูคล้ายวัชพืช ใบกว้างมี3 แฉก เติบโตเร็ว ชอบทั้งอากาศร้อนและเย็น การเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวต้นเพื่อใช้ใยธรรมชาติท�ำเป็นวัสดุ สิ่งทอ กระดาษ เชือก เก็บเกี่ยวเมล็ดเพื่อ สกัดน�้ำมันส�ำหรับอุตสาหกรรมอาหารและ เครื่องส�ำอาง (Industrial Hemp) เก็บเกี่ยวดอกจากต้นตัวเมีย เพื่อน�ำมาสกัดเป็นยา ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 9-16 สัปดาห์ เก็บเกี่ยวดอกจากต้นตัวเมีย เพื่อน�ำมาสกัดเป็นยา ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 6-8 สัปดาห์ เก็บเกี่ยวดอกจากต้นตัวเมีย เพื่อน�ำมาสกัดเป็นยา คุณสมบัติ เส้นใยมีคุณภาพสูง ให้ปริมาณเส้นใยมากกว่า ต้นกัญชาถึง 20% แข็งแรง ทนทาน มากกว่าเส้นใยฝ้ายถึง 2 เท่า เมล็ดมีโปรตีนสูง มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิดเดียวกับที่พบ ในน�้ำมันปลา ปริมาณสาร THC (ท�ำให้เมา) ในปริมาณน้อยกว่ากัญชา (ไม่เกิน 1%) ปริมาณสาร THC (ท�ำให้เมา) มากกว่า 1% สูงกว่ากัญชา สายพันธ์ุอื่นๆ ออกฤทธิ์กระตุ้น ประสาท (Psychoactive) มีสาร CBD สูง ออกฤทธิ์ ระงับประสาท (Sedative) ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการปวดเรื้อรัง มีสารออกฤทธิ์อื่นๆ รวมอยู่ ด้วยมาก และมีTHC ต�่ำ มีระยะ เวลาเก็บเกี่ยวดอกที่ยาวนานจึง มักน�ำมาผสมข้ามสายพันธุ์เพื่อ ผลิตยา ที่มา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 http://www.ratchakitcha.soc. go.th/DATA/PDF/2562/E/218/T_0001.PDF กัญชง (Hemp) บทความจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข https://dmh.go.th/news/view.asp?id=2268 กัญชา กับ กัญชง ต่างกันอย่างไร? www.medcannabis.go.th/blog/กัญชา%20กับ%20กัญชง%20ต่างกันอย่างไร? กัญชา ไม่ใช่ กัญชง https://thematter.co/quick-bite/marijuana-vs-hemp/84267 ความเข้าใจผิดเรื่อง กัญชง กับ กัญชา (ต่อ) 5
การปลดล็อก สารสกัดกัญชาและกัญชง 6 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงฯ ยกเว้นสารสกัดจากกัญชาและกัญชงและบางส่วนของพืชกัญชง ให้ไม่ต้องถูกควบคุมเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงฯ ยกเว้นสารสกัดจาก กัญชาและกัญชงและบางส่วนของพืชกัญชง ให้ไม่ต้องถูกควบคุมเป็น ยาเสพติด ให้โทษในประเภท 5 เพื่อให้สามารถน�ำไปใช้ในอุตสาหกรรมประเภทต ่าง ๆ เช่น อาหาร เครื่องส�ำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและยา น�ำรายได้เข้าสู่ประเทศ ได้แก่ แคนนาบิไดออล (CBD) บริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์ที่มีCBD เป็นส่วน ประกอบหลักและสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล(THC) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในสัดส่วนที่น้อยกว่าร้อยละ0.2 เช่นเดียวกับหลายประเทศ เพื่อให้สามารถน�ำไปใช้ในการผลิตยาหรือสมุนไพร ในกรณีของกัญชงได้มีการยกเว้นให้เมล็ดกัญชงหรือน�้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp seed /Hemp seed oil) หรือ สารสกัดจากเมล็ดกัญชง (Hemp seed extract) สามารถน�ำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องส�ำอางได้ ทั้งนี้ก�ำหนดให้ยกเว้นเฉพาะส�ำหรับการผลิตในประเทศไทยในระยะ 5 ปีแรก เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยได้ใช้ประโยชน์ จากกัญชงในการน�ำไปใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นที่นอกเหนือจากประโยชน์ด้านเส้นใย เพื่อพัฒนาพืชกัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจของ ประเทศไทย ที่มา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/218/T_0001.PDF
นอกจากนี้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ยังได้ออกประกาศก�ำหนดลักษณะกัญชง (Hemp) ซึ่งมีสาระส�ำคัญ คือ แยกพืชกัญชงกับพืชกัญชาให้ชัดเจน ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เพื่อเปิดโอกาสให้ กัญชงและกัญชาสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและเพิ่มทางเลือกใหม่ในการรักษา ดังนั้น ทั้งกัญชาและกัญชงยังเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ห้ามผลิต นําเข้า ส่งออก จําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครอง เว้นแต่ได้รับอนุญาต ในกรณีประโยชน์ของทางราชการ การแพทย์ การศึกษาวิจัย รวมถึงเกษตรกรรม พาณิชยกรรม วิทยาศาสตร์หรืออุตสาหกรรมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ผู้ขออนุญาตใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ได้แก่ เวชกรรม ทันตกรรม เภสัชกรรมการสัตวแพทย์ชั้น 1 แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์หรือหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย การปลดล็อก สารสกัดกัญชาและกัญชง (ต่อ) 6 ที่มา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/E/218/T_0001.PDF
จับตาการสั่งยากัญชา ทางการแพทย์...ทั่วโลก 7 แพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุขย้ำให้ผู้ป่วยที่ใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ต้องได้รับการสั่งจ่ายโดยบุคลากรทางการแพทย์ ที่ผ่านการอบรมของกรมการแพทย์ และกรมการแพทย์แผนไทย ปัจจุบันทั่วโลกเริ่มมีการใช้กัญชาทางการแพทย์มากขึ้นสหรัฐอเมริกาเองก็มีถึง30มลรัฐ ที่เริ่มยอมให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ มีบริษัทยายักษ์ใหญ่สนใจน�ำสารสกัดกัญชาไปวัดผล กับโรคลมชักในเด็ก โดยขออนุญาตตามระบบยาแผนปัจจุบัน จนในที่สุดได้รับอนุญาตให้เป็นยา แผนปัจจุบัน ชื่อ Epidiolex ใช้รักษาโรคลมชัก บริษัทเดียวกันยังสามารถจดทะเบียนยาชื่อ Sativex (THC+CBD) เป็นยาส�ำหรับรักษา โรค Multiple Scleroderma หรือโรคผิวหนังแข็ง ออกจ�ำหน่ายเป็นยาแผนปัจจุบัน อ้างอิงถึง หลักฐานเชิงประจักษ์การใช้กัญชาทางการแพทย์ (cannabis-basedproductsandcannabinoids) ที่แสดงผลชัดเจนตีพิมพ์ในวารสาร BMJ ในปี2019 ว่ามีการผลิตยา Sativex ลดความเจ็บปวด เรื้อรังได้ร้อยละ 30 ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อในโรค Multiple sclerosis ได้ในระดับดี ประเทศอังกฤษอนุญาตให้มีการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน โดยบริษัท GW Pharmaceutical จ�ำกัด และได้อนุมัติทะเบียนยา Sativex Oromucocal Spray ขนาด 2.5 และ 2.7 mg ส�ำหรับใช้รักษาอาการ กล้ามเนื้อเกร็งจากโรค Multiple Sclerosis ด้วย ส่วนประเทศเยอรมันยอมให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์ในหลายข้อบ่งใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2560ขณะที่ประชากรบางประเทศ ย้ายถิ่นฐานมายังประเทศที่อนุญาตให้ใช้ยากัญชาทางการแพทย์ทั้งในอเมริกาและแคนาดาเพื่อรักษาชีวิตคนในครอบครัว นอกจากนี้จากการศึกษาข้อมูลรวมรายงานการศึกษากัญชาการแพทย์พบว่ามีกว่า 2 หมื่นรายงานทั่วโลก ในต�ำรา อินเดียจีนยุโรปเป็นที่รู้กันว่ากัญชามีฤทธิ์รักษาอาการปวดเช่นในอินเดียใช้สารสกัดจากกัญชารักษาอาการปวดหลังคลอดบุตร ที่มา ค�ำแนะน�ำการใช้กัญชาทางการแพทย์ส�ำหรับแพทย์ ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2562 : แพทยสภา https://tmc.or.th/cannabis.php บทสัมภาษณ์ พญ.อรพรรณ์ เมธาดิลกกุล นายกสมาคมแพทย์อาชีวเวชศาสตร์และสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย เรื่องวาระแห่งชาติด้านกัญชาเพื่อการแพทย์ https://thaipublica.org/2018/11/cannabis-medical-thai-02/
ที่มา ค�ำแนะน�ำการใช้กัญชาทางการแพทย์ส�ำหรับแพทย์ ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2562 : แพทยสภา https://tmc.or.th/cannabis.php บทสัมภาษณ์ พญ.อรพรรณ์ เมธาดิลกกุล นายกสมาคมแพทย์อาชีวเวชศาสตร์และสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย เรื่อง วาระแห่งชาติด้านกัญชาเพื่อการแพทย์ https://thaipublica.org/2018/11/cannabis-medical-thai-02/ จับตาการสั่งยากัญชา ทางการแพทย์...ทั่วโลก (ต่อ) 7 การสั่งยากัญชาทางการแพทย์...ไทย ในประเทศไทยมีการใช้ยาสารสกัดกัญชาผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมและโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้แก่ ต�ำรับ ยาที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศภายใต้การรักษาโรค กรณีจ�ำเป็นส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย (Special Access Scheme) และ ต�ำรับยาที่ได้รับอนุญาตภายใต้โครงการศึกษาวิจัยที่ได้รับอนุญาต จากส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รวมไปถึง ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ตามต�ำรับกัญชาแผนไทย และน�้ำมันกัญชา ต�ำรับหมอพื้นบ้านที่ได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันมีคลินิกให้บริการ กัญชาทางการแพทย์110 แห่งทั่วประเทศ ทั้งนี้แพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุขย�้ำให้ผู้ป่วยที่ใช้สารสกัดน�้ำมันกัญชาทางการ แพทย์ ต้องได้รับการสั่งจ่ายโดยบุคลากรทางการแพทย์ ที่ผ่านการอบรมของกรมการแพทย์ และกรมการแพทย์แผนไทย ที่ส�ำคัญคือไม ่แนะน�ำให้ใช้สารสกัดกัญชาเป็นการรักษาเริ่มต้น จ�ำเป็นต้องค�ำนึงถึง ประสิทธิภาพและความปลอดภัยเป็นส�ำคัญ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุด
8 สารประกอบทางเคมีที่สำ คัญที่พบในกัญชาเป็นสารที่เรียกว่า แคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) สารประกอบทางเคมีที่ส�ำคัญที่พบในกัญชาเป็นสารที่เรียกว ่า แคนนาบินอยด์ (Cannabinoid) ซึ่งออกฤทธิ์กับ แคนนาบินอยด์ รีเซพเตอร์ (Cannabinoid Receptor) ที่อยู่ในเซลล์ ซึ่งแคนนาบินอยด์แต่ละชนิด สามารถออกฤทธิ์ทาง การแพทย์ในรูปแบบต่างๆ กัน THC: Tetrahydrocannabinol ทีเอชซีหรือ เดตราไฮโดรแคนนาบินอยด์ เป็นสารประกอบส�ำคัญในกัญชาที่ออกฤทธิ์กับระบบประสาทสมองของผู้ได้ รับสาร ทีเอชซีจะถูกกระตุ้นให้หลั่งสารโดปามีน (dopamine) ท�ำให้รู้สึกผ่อนคลาย และสารทีเอชซียังมีฤทธิ์หลอนประสาทด้วย CBD: Cannabidal ซีบีดีหรือ แคนนาบิดอล เป็นสารประกอบส�ำคัญในกัญชา ถึงแม้ว่าซีบีดีจะไม่ออกฤทธิ์กับระบบประสาท แต่อาจมีส่วน ช่วยในการลดการคิดที่ผิดปกติ(Disorder thinking) และความกังวลได้ นอกจากนี้กัญชายังมีสารประกอบ Cannabinoid อื่น ๆ มากกว่า 100 ชนิด เช่น Tetrahydrocannabivarin (THCV) Cannabichromene (CBC) และ Cannabigerol (CBG) รวมถึงสาร Terpenes ซึ่งท�ำงานร่วมกับ THC และ CBD ที่มา องค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=76LKeHoTSRs%3D&tabid=388&mid=1186&language=th-TH ต้นกัญชา.. สารเคมีและองค์ประกอบ
9 สายพันธุ์กัญชา กัญชา เป็นพืชสกุล Cannabis อยู่ในวงศ์ Cannabaceae ที่มา www.medcannabis.go.th/ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์/ต�ำรับยากัญชาแผนไทย ซาติวา (Cannabis sativa) กัญชา เป็นพืชสกุล Cannabis อยู่ในวงศ์ Cannabaceae มี3 สายพันธุ์ที่พบบ่อย ได้แก่ เป็นภาษาละติน แปลว่า เพาะปลูก ตั้งโดย คาโรรัส ลินเนียส Carolus Linnæus หรือ Carl Linnaeus) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน โดยจัดวงศ์พืชชนิดนี้ไว้เมื่อปีค.ศ. 1753 (พ.ศ. 2296) มีแหล่งก�ำเนิดบริเวณเส้นศูนย์สูตร เช่น โคลัมเบีย เม็กซิโก (ทวีปอเมริกา) ตอนกลางของทวีปแอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซาติวามีล�ำต้นหนา ความสูงเมื่อเติบโตเต็มที่ประมาณ 6 เมตร ใบยาว เรียว สีเขียว อ่อน (เมื่อเทียบกับอินดิกา) ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว 9-16 สัปดาห์ ชอบแดด และอากาศร้อน ซาติวามีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท (Psychoactive) สูงกว่าอินดิกา
สายพันธุ์กัญชา (ต่อ) 9 ที่มา www.medcannabis.go.th/ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์/ต�ำรับยากัญชาแผนไทย อินดิกา (Cannabis indica) รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis) ผู้ค้นพบสายพันธุ์นี้คือ ฌอง-แบ๊บติสท์ลามาร์ค (Jean-Baptiste Lamarck) ทหาร นักชีววิทยา ชาวฝรั่งเศส ผู้ตั้งชื่อและตีพิมพ์ความรู้เรื่องกัญชาสายพันธุ์นี้ในปีค.ศ. 1785 (พ.ศ. 2328) กัญชาสายพันธุ์อินดิกาได้ชื่อตามแหล่งก�ำเนิดที่ค้นพบในอินเดียและบริเวณ ตะวันออกกลาง อินดิกามีล�ำต้นพุ่มเตี้ย ความสูงเมื่อเติบโตเต็มที่ประมาณ 180 เซนติเมตร ใบกว้าง สั้น สีเขียวเข้ม (เมื่อเทียบกับซาติวา) กิ่งก้านดกหนา ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว 6-8 สัปดาห์ ชอบที่ร่มและอากาศเย็น อินดิกามีสาร CBD (Cannabidiol) ซึ่งออกฤทธิ์ระงับ ประสาท (Sedative) ท�ำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการปวดเรื้อรัง ผู้ตีพิมพ์เรื่องราวกัญชาสายพันธุ์นี้คนแรก คือ นักพฤกษศาสตร์ชาวรัสเชีย ดี.อี. จานิสเชสกี้ (D. E. Janischewsky) เมื่อปีค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2467) กัญชาสายพันธุ์ รูเดอราลิสมีแหล่งก�ำเนิดบริเวณตอนกลางและตะวันออกของทวีปยุโรป รูเดอราลิส มีล�ำต้นเตี้ยที่สุดในบรรดา 3 สายพันธุ์ดูคล้ายวัชพืช ใบกว้างมี3 แฉก เติบโตเร็ว อยู่ได้ทั้งอากาศร้อนและเย็นปริมาณสารTHC น้อย(เมื่อเทียบกับสองสายพันธุ์แรก) แต่มีCBD สูงมักน�ำไปผสมข้ามสายพันธุ์ (hybrid)กับซาติวาและอินดิกา เพื่อให้ได้คุณสมบัติ ทางยา
สารเทอร์ปีน.. ในกัญชา 10 เทอร์ปีนที่พบในกัญชานั้น มีหลากหลายและอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของกัญชา Terpenes หรือ เทอร์ปีน เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบขึ้นจากหน่วย ไอโซพริน (isoprene) พบมาก ในน�้ำมันหอมระเหยในพืช โดยส่วนมากจะมีกลิ่นแรง เทอร์ปีนที่พบในกัญชานั้น มีหลากหลาย และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของกัญชาเช่นเดียวกับคุณสมบัติทางการแพทย์ ที่แตกต่างเช่นกัน ปัจจุบันพบสารเทอรปีนในกัญชามากกว่า 120 ชนิด มีผลที่ท�ำให้กัญชาแต่ละพันธุ์ มีกลิ่นและรสแตกต่างกัน เมื่อสารเทอร์ปีนท�ำงานร่วมกับสารแคนนาบินอยด์สามารถเปลี่ยน หรือเพิ่มฤทธิ์ทางยา เรียกผลของการท�ำงานร่วมกันนี้ว่า เอ็นทูราจเอฟเฟกต์ (Entourage effect) ซึ่งพบได้มากในส่วนที่อยู่หนาแน่นที่สุดในช่อดอกของกัญชาเพศเมีย ที่มา องค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=76LKeHoTSRs%3D&tabid=388&mid=1186&language=th-TH หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อ บ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf
ทำ ความรู้จักกับ.. แคนนาบินอยด์ 11 แคนนาบินอยด์ Cannabinoids (CB) คือสารที่เป็นองค์ประกอบของกัญชา แคนนาบินอยด์ Cannabinoids (CB) คือสารที่เป็นองค์ประกอบของกัญชา แบ่งออกได้เป็นสามประเภท ได้แก่ 1 Phyto cannabinoids ได้จากกัญชาตามธรรมชาติ 2 Endocannabinoids เป็นสารสื่อประสาทในคนหรือสัตว์ โดยออกฤทธิ์ กับ cannabinoid receptor 3 Synthetic cannabinoids เป็น cannabinoids ที่สังเคราะห์ขึ้นในห้องปฏิบัติการ แคนนาบินอยด์ ทั้งสามประเภทมีอยู่มากกว่าร้อยชนิด ที่ได้รับความสนใจในวงการกัญชาทางการแพทย์มากที่สุดด้วย มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่หลากหลาย คือ THC และ CBD THC ย่อจาก tetrahydrocannabinol เป็นสาร cannabinoid ที่ใช้ในทางการแพทย์มีผลต่อจิตประสาท ท�ำให้ผ่อนคลาย นอนหลับลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และกระตุ้นให้อยากอาหาร แต่อาจเกิดฤทธิ์ไม่พึงประสงค์ (intoxicating effects) ได้ง่าย หากไม่ได้ใช้ในทางการแพทย์หรือใช้ ขนาดที่ไม่ถูกต้อง CBD ย่อจาก cannabidiol เป็นสารที่ออกฤทธิ์ตรงกันข้ามกับ THC มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดการชักเกร็ง ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และมี คุณสมบัติยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง และมีข้อบ่งใช้ที่ไม่เกิดพิษเมื่อใช้ในทางการแพทย์ แคนนาบินอยด์ จึงเป็นสารประกอบหลักของกัญชาที่ถูกน�ำมาใช้ในการแพทย์ ที่มา องค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=76LKeHoTSRs%3D&tabid=388&mid=1186&language=th-TH www.medcannabis.go.th/ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์/ต�ำรับยากัญชาแผนไทย
แคนนาบินอยด์.. กับสมองของมนุษย์ 12 สมองของมนุษย์มีระบบการทำ งานของสารสื่อประสาทที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เรียกว่า The endocannabinoid system (ECS) มีหน้าที่ในการรักษาความสมดุลของร่างกายให้ทำ งานเป็นปกติ สมองของมนุษย์มีระบบการท�ำงานของสารสื่อประสาทที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเรียกว่า The endocannabinoid system (ECS) มีหน้าที่ในการรักษาความสมดุลของร่างกายให้ท�ำงาน เป็นปกติโดยควบคุมระบบประสาทและกระบวนการทางกายภาพของร่างกายส่งผลต่อการท�ำงาน ร่วมกัน และกระบวนการอื่นๆ เช่น ระบบภูมิคุ้มกัน การท�ำงานของหัวใจ ระบบประสาทสัมผัส (การสัมผัส ความสมดุล การรับรู้พื้นที่) การเจริญพันธุ์สรีระของกระดูก และระบบตอบสนอง ต่อความเครียดส่วนกลาง (HPAA) การพัฒนาระบบประสาท และความดันลูกตา รวมถึงการ ปรับเปลี่ยนอาการ ตอบสนองต่อความปวด ความอยากอาหาร การย่อยอาหาร การนอน อารมณ์การอักเสบ และการจดจ�ำ การท�ำงานของ ECS ในสมอง มีตัวรับจับสารแคนนาบินอยด์ Cannabinoids (CB) และให้ผลแตกต ่างตามสารแต ่ละชนิดที่เซลล์ในระบบประสาทผลิตเองอยู ่แล้ว เช่น THC (tetrahydrocannabinol) ออกฤทธิ์ในระบบสมองหลายแห่งและขัดขวางการสื่อน�ำไฟฟ้าระหว่าง เซลล์สมอง โดยเฉพาะในส่วนที่เป็น posterior cingulate cortex ที่ท�ำให้ผู้เสพรู้สึกมึนเมา ตัวเบา และร่างกายไม่ท�ำตามที่สมองสั่ง ส่วน CBD (cannabidiol) ออกฤทธิ์ตรงข้ามกับ THC และให้ผลตรงกันข้ามเหมือนกับ คอยต้านฤทธิ์ของ THC เช่น ต่อต้านการเกิดโรคจิตประสาท ความจ�ำเสื่อมและลดความตื่นเต้น ตกใจง่ายจากสาร THC สาร CBD ไม่ก่อให้เกิดฤทธิ์ที่ไม่พึงประสงค์เมื่อใช้ในขนาดปกติไม่ท�ำให้ เสพติด ไม ่ท�ำให้เกิดอาการเมา ซึม หรือร ่างกายไม ่ท�ำตามที่สมองสั่ง อาจจะท�ำให้บางราย นอนหลับได้ เพิ่มความอยากอาหาร และมีอารมณ์ดีบรรเทาอาการของโรคหลายชนิด แต่ไม่ได้ เกิดผลดีทุกราย ที่มา ค�ำแนะน�ำการใช้กัญชาทางการแพทย์ส�ำหรับแพทย์ ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2562 : แพทยสภา https://tmc.or.th/cannabis.php
กัญชา กับการทดลองในมนุษย์ 13 ทดลองในผู้ใช้สารกัญชากับอาสาสมัคร 17 ราย พบการลดหรือทำลายการสื่อสารของเครือข่ายในสมองได้ แพทยสภาเผยข้อมูลการทดลองในผู้ใช้สารกัญชากับอาสาสมัคร 17 ราย เพื่อตรวจต�ำแหน่งการออกฤทธิ์ของ สาร THC (tetrahydrocannabinol) และ CBD (cannabidiol) ต่อเครือข่ายการติดต่อในสมองขณะพัก โดยใช้วิธีวัดคลื่นสมอง ด้วยเครื่อง fMRI หลังสูดดมกัญชาได้นานประมาณ 90 นาทีพบการลดหรือท�ำลายการสื่อสารของเครือข่ายในสมองได้ ที่มา ค�ำแนะน�ำการใช้กัญชาทางการแพทย์ส�ำหรับแพทย์ ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2562 : แพทยสภา https://tmc.or.th/cannabis.php (การทดลอง น�ำข้อมูลจาก Wall MB, Pope R, Freeman TP, Kowalczyk OS, Demetriou L, Mokrysz C, et al. (2019). Dissociable effects of cannabis with and without cannabidiol on the human brain’s resting-state functional connectivity. J Psychopharmacol 2019;33(7):822-30. และ https://doi.org/10.1177/0269881119841568) การทดลองใช้กัญชา 3 ชนิดที่สกัดสารให้เป็นไอระเหยเพื่อสูดดม ชนิดแรกมี THC อย่างเดียว ชนิดที่สองมี THC กับ CBD ชนิดที่สามเป็นยาหลอกที่ไม่มีทั้ง THC และ CBD ผลคือ THC ท�ำลายการสื่อสารในพื้นที่หลักของสมอง ส่วน CBD ช่วยบรรเทาการขัดขวางการสื่อสารที่ต�ำแหน่ง เดียวกัน ซึ่งอาจจะน�ำมาใช้รักษาโรคจิตประสาทและการเสพติดได้ ยังสะท้อนให้เห็นว่าการสูดดมสาร THC โดยไม่มีสาร CBD เข้าไปด้วย มีผลท�ำให้สมรรถนะในการตัดสินใจสั่งงานจากสมองในเวลาเกิดเหตุกระทันหัน ไม่มีประสิทธิภาพที่ดีหรือรวดเร็วเท่าที่ ควรจะเป็น ดังนั้นการใช้กัญชาหรือสารสกัดกัญชา โดยไม่ทราบขนาดของสาร CBD หรือ THC ท�ำให้เกิดผลเสีย การใช้กัญชา ในมนุษย์จึงต้องใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรค หรือเพื่อเป็น palliative care ดูแลแบบประคับประคองบรรเทาอาการส�ำหรับ ผู้ป่วยเท่านั้น THC THC+ CBD NONE
กัญชาทางการแพทย์... คืออะไร 14 กัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) หมายถึง การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ กัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis)หมายถึงการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ น่าเชื่อถือและปลอดภัยต่อประชาชน โดยสกัดสารแคนนาบินอยด์ (cannabinoids) และตรวจสอบปริมาณความเข้มของสาร ที่สนองต่อความต้องการของผู้ป่วยที่แตกต่างกัน กัญชาทางการแพทย์ มีรูปแบบยาเตรียมและผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท เช่น การสูดไอระเหยผ่านเครื่องพ่นไอระเหย ทางการแพทย์ การให้ฉีดพ่นยาทางปากในรูปของสเปรย์ น�้ำมันหยดใต้ลิ้น แคปซูล การส่งยาผ่านผิวหนังในรูปของครีม แผ่นแปะผิวหนัง และในรูปของอาหาร มีรูปแบบยาหรือผลิตภัณฑ์กัญชาที่เลือกใช้ให้เหมาะกับอาการภายใต้ค�ำแนะน�ำของแพทย์ ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ สารสกัดกัญชาได้ประโยชน์ในการรักษา มี4 กลุ่มโรค หรือ กลุ่มอาการ ที่มีหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชือถือ ยืนยันว่า ได้ประโยชน์จากกัญชา ที่มา ค�ำแนะน�ำการใช้กัญชาทางการแพทย์ส�ำหรับแพทย์ ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2562 : แพทยสภา https://tmc.or.th/cannabis.php ลมชักที่ดื้อต่อยาแผนปัจจุบัน (Intractable Epilepsy) ปวดประสาท (Neuropathic Pain) อาการคลื่นไส้ อาเจียน จากเคมีบําบัด (Nausea Vomiting) กล้ามเนื้อหดเกร็งจากโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) 1 3 4 2
ในโรคอื่น ๆ ที่อาจได้ประโยชน์จากกัญชา อยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม ทั้งนี้แพทยสภาไม่แนะน�ำให้ใช้สารสกัดกัญชา เป็นการรักษาเริ่มต้น จ�ำเป็นต้องค�ำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยเป็นส�ำคัญ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุด หลักการน�ำสารสกัดจากกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ มีมาตรฐานความปลอดภัย ไม่มีสารโลหะหนัก ได้แก่ ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท และสารหนูยาก�ำจัดศัตรูพืช (ยาฆ่าแมลง) ยาฆ่าเชื้อราเเละสารอันตรายอื่น ๆ ผู้ป่วยได้ประโยชน์จากการรักษา สามารถเข้าถึงการใช้สารสกัดกัญชารักษาโรค โดยไม่มี ผลประโยชน์แอบแฝงหรือเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่มา ค�ำแนะน�ำการใช้กัญชาทางการแพทย์ส�ำหรับแพทย์ ฉบับที่ 1 ตุลาคม 2562 : แพทยสภา https://tmc.or.th/cannabis.php กัญชาทางการแพทย์... คืออะไร (ต่อ) 14
วิธีการปลูกกัญชาในปัจจุบัน สามารถปลูกได้ 3 แบบ กัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis) หมายถึง การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ทีถูกต้องตามหลักวิชาการ วิธีการปลูกกัญชาในปัจจุบัน สามารถปลูกได้3 แบบ คือการปลูกกลางแจ้ง การปลูกในโรงเรือน และการปลูกในร่ม ที่มา องค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=B39F_7nepWE%3D&tabid=388&mid=1186&language=th-TH รู้ไว้ก่อนคิดปลูก “กัญชา” โดย ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/science/detail/9620000038506 ข้อดี คือต้นทุนต�่ำ กัญชาสามารถใช้ แสงจากธรรมชาติได้เต็มที่ ข้อเสีย ไม่สามารถควบคุมคุณภาพผลผลิต มีปัญหา ศัตรูพืช และสามารถเก็บเกี่ยวได้ปีละครั้ง การปลูกกลางแจ้ง เป็นการปลูกแบบระบบเปิด ใช้แสงจากธรรมชาาติเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล กัญชาปลูกกลางแจ้ง หรือในร่มดีกว่ากัน 15
การปลูกในโรงเรือน การปลูกในร่ม เป็นการปลูกในโรงงานพืช ด้วยแนวคิด “ห้องซ้อนห้อง” มีระบบควบคุม แสงสีต่าง ๆ และระบบหมุนเวียนอากาศ เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต และควบคุมความชื้น ป้องกันการปนเปื้อน โดยเฉพาะเชื้อราที่เกิดขึ้นง่ายในกัญชา การปลูกกัญชาเป็นที่นิยมมาก ในกลุ่มผู้ปลูกกัญชาทั่วโลก เนื่องจากได้ผลผลิตที่ค่อนข้างแน่นอน ข้อดี ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ และสม�่ำเสมอ วางแผนเก็บเกี่ยว ผลผลิตได้ทั้งปีสามารถควบคุณสภาพแวดล้อมและศัตรูพืชได้ ข้อดี เป็นระบบผลิตพืชที่มีคุณภาพที่คงที่ สามารถปลูกพืชในทุกสภาพแวดล้อม ข้อเสีย ต้นทุนสูง ต้องสร้างแสงแดดเทียม และระบบมีความซับซ้อน ข้อเสีย ต้นทุนสูง และมีระบบที่ต้องอาศัยผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ ที่มา องค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=B39F_7nepWE%3D&tabid=388&mid=1186&language=th-TH รู้ไว้ก่อนคิดปลูก “กัญชา” โดย ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/science/detail/9620000038506 กัญชาปลูกกลางแจ้ง หรือในร่มดีกว่ากัน (ต่อ) 15 เป็นการปลูกแบบระบบปิด ใช้แสงอาทิตย์เทียม และสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกฤดู
16 CBD คืออะไร CBD ย่อมาจาก cannabidiol CBD ย่อมาจาก cannabidiol เป็นสารหนึ่งในกลุ่ม “แคนนาบินอยด์” (cannabinoids) ที่สกัดได้จากกัญชงและ กัญชาซึ่งไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท เมื่อบริโภคผลิตภัณฑ์ ที่มีสารดังกล ่าวจึงไม ่ท�ำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มและจิตใจ เลื่อนลอย แต่มีประโยชน์และถูกน�ำมาใช้ในทางการแพทย์อย่าง แพร่หลาย สรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต ่อร ่างกายและจิตใจ ได้แก่ การท�ำให้ผู้ป่วยอยากอาหารมากขึ้น ลดความวิตกกังวล ช่วยให้ หลับได้ดีขึ้น บรรเทาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบ และระงับอาการคลื่นไส้อาเจียนโดยสารดังกล่าวนั้นสกัดมาจาก ต้นกัญชงและกัญชาเพศเมีย พบมีมากในสายพันธุ์cannabis sativa (Hemp) หรือ cannabis indica ในพืชกัญชามีปริมาณ CBD เพียง 0.30% จึงต้อง อาศัยกรรมวิธีการสกัดก่อนน�ำไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ ปัจจุบันมีสาร CBD เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาที่ ได้รับอนุญาตตามกฎหมายในบางประเทศ ที่มา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=2264
17 THC คืออะไร THC คือสารที่ทำให้ “เมา” THC ย่อมาจากtetrahydrocannabinol เป็นสารหนึ่งในกลุ่ม “แคนนาบินอยด์” (cannabinoids) ที่มีผลต่อจิตประสาท ท�ำให้ผ่อนคลาย นอนหลับ ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และกระตุ้นให้อยากอาหาร แต่อาจเกิดฤทธิ์ไม่พึงประสงค์ (intoxicating effects) ได้ง่าย หากไม่ได้ใช้ในทางการแพทย์หรือใช้ขนาดที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งมีผลท�ำให้ความจ�ำเสื่อมทั้งระยะสั้นและยาว ตื่นเต้นเร้าใจง่าย และเกิดโรคจิตประสาท มีความหวาดระแวง เรียกได้ว่า THC คือสารที่ท�ำให้ “เมา” ด้วยออกฤทธิ์ในระบบสมองหลายแห่งและขัดขวางการสื่อน�ำไฟฟ้าระหว่าง เซลล์สมอง โดยเฉพาะในส่วนที่เป็น posterior cingulate cortex ที่ท�ำให้ผู้เสพรู้สึกมึนเมา ตัวเบาและร่างกายไม่ท�ำตามที่สมองสั่ง ผลการศึกษายังบอกด้วยว่า THC ยังยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์สมองโดยท�ำให้เกิด pruning ของ dendritic spines และการฝ่อของ dendritic arborization ในวัยรุ่นเร็วกว่าปกติและท�ำให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทขัดข้อง จึงอาจจะท�ำให้เกิดโรคจิตประสาทได้ง่ายขึ้น ที่มา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข https://www.dmh.go.th/news/view.asp?id=2264
กัญชา... ยาประเภทใหม่ 18 กัญชาจัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษ แต่ได้รับความสนใจอย่างมากในทางการแพทย์ ด้วยมีสารสกัดที่มีสรรพคุณที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาต่อบางกลุ่มโรค ยาเป็นองค์ประกอบหลักในแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ทั้งแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ ส�ำหรับกัญชาซึ่งยังจัดอยู่ในกลุ่ม ยาเสพติดให้โทษแต่ได้รับความสนใจอย่างมากในทางการแพทย์ด้วยมีสารสกัดที่มีสรรพคุณที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาต่อ บางกลุ่มโรค โดยกรมการแพทย์ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม สารสกัดกัญชาได้ประโยชน์ในการรักษาซึ่งมีข้อมูลทางวิชาการที่สนับสนุนชัดเจน สารสกัดจากกัญชาน่าจะได้ประโยชน์ในการควบคุมอาการ ในภาวะคลื่นไส้ อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบ�ำบัด โรคลมชักที่รักษายากในเด็กและ โรคลมชักที่ดื้อยาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็งภาวะปอดประสาท ที่ใช้การรักษาอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล ซึ่งควรมีข้อมูลทางวิชาการสนับสนุนหรือวิจัยเพิ่มเติม ในประเด็นความปลอดภัย และประสิทธิผลเพื่อสนับสนุนการน�ำมาใช้อาทิโรคพาร์กินสันโรคอัลไซเมอร์ โรควิตกกังวล ไปทั่ว ผู้ป่วยที่ต้องดูแลแบบประคับประคอง ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ที่มา กรมการแพทย์, สารสกัดกัญชารักษาโรคได้ www.dms.moph.go.th/dmsweb/prnews/prnews24012019040115.pdf
การน�ำสารสกัดจากกัญชามาใช้ในทางการแพทย์จ�ำเป็นจะต้องค�ำนึงถึงประสิทธิผล และความปลอดภัยเป็นส�ำคัญ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุด การน�ำไปใช้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ โดยไม่แนะน�ำให้เป็นทางเลือกแรกของการรักษาเบื้องต้น ผู้ป่วยที่มีสิทธิ์ได้รับกัญชาคือ ผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาอื่นๆหรือได้รับผลข้างเคียงจากยาที่ร่างกายไม่สามารถยอมรับได้เท่านั้น กัญชาจึงไม่ใช่ยาครอบจักรวาล หรือยารักษาโรคให้หายขาด ทางการแพทย์จึงยกให้กัญชาเป็น “ยาประเภทใหม่” ที่ยังคงต้องศึกษาค้นคว้าต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด กัญชา... ยาประเภทใหม่ (ต่อ) 18 ที่มา กรมการแพทย์, สารสกัดกัญชารักษาโรคได้ www.dms.moph.go.th/dmsweb/prnews/prnews24012019040115.pdf แต่ยังขาดข้อมูลจากงานวิจัยสนับสนุนที่ชัดเจนเพียงพอในด้านความปลอดภัย และประสิทธิผล ซึ่งต้องศึกษาวิจัยในหลอดทลองและสัตว์ทดลองก่อนน�ำมาศึกษาวิจัย ในมนุษย์ เช่น การรักษาโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ สารสกัดกัญชาอาจมีประโยชน์ในการรักษา
รูปแบบ.. ยากัญชา 19 โดยทั่วไปการสูบกัญชาในรูปแบบควันเป็นที่นิยมในการใช้เพื่อสันทนาการ โดยทั่วไปจะมีการมวนช่อดอกกัญชาเป็นไส้บุหรี่ และสูบสารแคนนาบินอยด์ในรูปแบบควันไปยังปอด ยาจะดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดผ่านทางปอด ทางการแพทย์ไม่แนะน�ำการ สูบควันจากกัญชา เพราะอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ป่วยจากสารประกอบไพโรไลซิสที่เป็นพิษในขณะเผาไหม้ ขณะที่ ระดับสารคานาบินอยด์ที่มีประโยชน์เกิดผลลัพธ์ได้เพียงระยะสั้น และไม่สามารถควบคุมปริมาณสาร THC ที่เข้าสู่ร่างกายได้ ดังนั้นยาส�ำหรับใช้ในทางการแพทย์จึงมีการพัฒนารูปแบบยาจากสารสกัดกัญชาเพื่อใช้ในผู้ป่วยมีหลายรูปแบบและ ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ได้แก่ ที่มา หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อ บ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf ไอระเหย ยากัญชารูปแบบไอระเหย ใช้วิธีการสูดไอระเหยด้วยเครื่องพ่นไอระเหยทางการแพทย์ เพื่อดูดซึมยาเข้าไปในกระแสเลือดผ่านทางปอด การสูดไอระเหยด้วยปอดเป็นวิธีการบริหารยาที่มี ประสิทธิภาพ เพราะสามารถสูดดมเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว ยาออกฤทธิ์ทันทีปลอดภัย และผู้ป่วย ใช้งานง่าย น�้ำมัน เป็นสารแคนนาบินอยด์ที่สกัดแยก THC และ CBD ในปริมาณที่ก�ำหนด น�ำไปใช้โดยการ กลืนทางปากหรือดูดซึมจากใต้ลิ้น ยาจะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางกระเพาะอาหาร ล�ำไส้และตับ สารสกัดจากกัญชาจากช่อดอกกัญชามีสารแคนนาบินอยด์และเทอร์ปีน มักมีเนื้อเหนียวหนืด สีเข้ม มีความเข้มข้น จึงมักถูกเรียกว่า “น�้ำมัน” ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยรับยา ปริมาณเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพในปริมาณที่ร่างกายรับได้
รูปแบบ.. ยากัญชา (ต่อ) 19 ที่มา หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อ บ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf แคปซูล เป็นรูปแบบน�้ำมันจากสารสกัดแคนนาบินอยด์ THC และ CBD ในปริมาณ ความเข้มข้นที่แน่นอนบรรจุลงในแคปซูลเมื่อถูกกลืนแคปซูลแตกตัวออกยาจึงปล่อย ออกมาดูดซึมในกระเพาะอาหารและล�ำไส้ซึ่งอาจใช้เวลาแตกต่างกันตามปัจจจัยอื่น ๆ เช่น อาหารในทางเดินอาหาร การเคลื่อนไหวในร่างกาย ซึ่งเท่ากับว่า ปริมาณ การรับยา อาจไม่แน่นอนและไม่สามารถคาดการณ์ได้ สเปรย์ เป็นรูปแบบการใช้ยาเช่นเดียวกับการใช้น�้ำมันหยอดใต้ลิ้นปัจจุบันมีผู้ผลิตยาที่ผ่านการรับรอง มาตรฐานทางเภสัชกรรม เช่น Sativex™TM ส�ำหรับฉีดพ่นในช่องปาก ผลิตมาจากกัญชาสองสาย พันธุ์ที่ให้สารประกอบออกฤทธิ์ THC และ CBD ในสัดส่วนที่แน่นอน น�ำไปละลายในสารละลาย แอลกอฮอล์ก่อนบรรจุในขวดยาพ่นแบบก�ำหนดขนาด ใช้พ่นใต้ลิ้น Transdermal ยาส�ำหรับส่งผ่านผิวหนัง โดยทั่วไปการส่งยาผ่านผิวหนังได้แก่ ครีมที่ใช้ทาลงบนผิวหนังหรือเยื่อเมือกบุผิวและ แผ่นแปะผิวหนังที่มียาอยู่ให้สัมผัสกับผิวโดยตรง เพื่อให้ผู้ป่วยรับยาในที่เฉพาะเจาะจงในเวลาที่ ก�ำหนด ปัจจุบันมีการใช้รูปแบบยานี้เพื่อรักษาอาการทางผิวหนังบางประเภท และอาการปวดกล้ามเนื้อ เฉพาะที่ หรือปวดข้อ ซึ่งไม่จ�ำเป็นต้องมีการส่งผ่านผิวหนังไปสู่กระแสเลือด
การให้ยากัญชา... ด้วยการสูดไอระเหย 20 การให้ยากัญชาด้วยการสูดไอระเหยได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นวิธีการบริหารยาที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากปอดสามารถ ดูดซึมไอระเหยเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ยาออกฤทธิ์ได้ทันทีเป็นอีกทางเลือกส�ำหรับผู้ป่วยที่รับการรักษาทางการแพทย์ ไอระเหยมีสารแคนนาบินอยด์และเทอร์ปีนในปริมาณที่สม�่ำเสมอ ผู้ป่วยได้รับยาในปริมาณที่เหมาะสมโดยไม่เกิดอาการข้างเคียง และยังบรรเทาอาการได้อย่างรวดเร็ว โดยปริมาณสารแคนนาบินอยด์ที่ถูกน�ำส่งนั้น ขึ้นอยู่กับความลึกของการสูดลมหายใจและ กลั้นหายใจ จากรายงานพบว่า แม้ว่าการสูดไอระเหยจะท�ำให้ระดับสารแคนนาบินอยด์ในเลือดสูง แต่ผลที่ได้เมื่อเทียบกับการใช้ยา ทางปาก การสูดไอระเหยมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่สั้นกว่า และแตกต่างอย่างมากกับบุหรี่ไฟฟ้าที่หลายคนเข้าใจ เพราะไอระเหย ทางการแพทย์ไม่มีส่วนประกอบของนิโคติน โพรไพลีน ไกลคอนเหลว กลีเซอรอล และกลิ่นสังเคราะห์ รวมถึงไม่มีควันไอระเหย ขนาดใหญ่ที่เป็นพิษและรบกวนผู้อื่นทางการแพทย์พัฒนาเครื่องพ่นไอระเหยหรือเครื่องมือสูดไอระเหยเพื่อน�ำส่งยาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ผู้ป่วยสามารถพกพาได้และใช้งานง่าย ที่มา หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อบ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf
การให้ยากัญชา.. ทางปาก (ใต้ลิ้น) 21 การให้ยากัญชาทางปากโดยการหยอดหรือพ่นตัวยาใต้ลิ้นเพื่อน�ำสารแคนนาบินอยด์ ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงผ่านใต้ลิ้นแตกต่างจากการกลืนยาแคปซูลที่เข้าสู่่กระแสเลือด โดยผ่านทางกระเพาะอาหาร ล�ำไส้และตับ ยากัญชาที่ใช้ส�ำหรับหยอดใต้ลิ้นได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยรับยา ปริมาณเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพในปริมาณที่ร่างกาย ผู้ป่วยรับได้ โดยเฉพาะในรูปแบบน�้ำมัน ที่ประกอบด้วยสารแคนนาบินอยด์ที่สกัดแยก THC และ CBD ในปริมาณที่ก�ำหนด ปัจจุบันประเทศไทยมียาสารสกัดกัญชาส�ำหรับหยอดใต้ลิ้นหลายสูตร ผลิตโดย องค์การเภสัชกรรมและโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นต�ำรับยาที่ได้รับอนุญาตให้ ผลิตในประเทศภายใต้การรักษาโรค กรณีจ�ำเป็นส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย (Special Access Scheme) ภายใต้โครงการศึกษาวิจัยที่ได้รับอนุญาตจากส�ำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยากัญชาที่ใช้ทางการแพทย์ผ่านทางใต้ลิ้นมีอีกรูปแบบคือ สเปรย์ส�ำหรับใช้ฉีดพ่น ใต้ลิ้น ปัจจุบันมีผู้ผลิตยาที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทางเภสัชกรรม เช่น Sativex™TM ส�ำหรับฉีดพ่นในช่องปาก ผลิตมาจากกัญชาสองสายพันธุ์ที่ให้สารประกอบออกฤทธิ์THC และ CBD ในสัดส่วนที่แน่นอนน�ำไปละลายในสารละลายแอลกอฮอล์ก่อนบรรจุในขวดยาพ่น แบบก�ำหนดขนาด ที่มา ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ www.medcannabis.go.th/ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์/ยาสารสกัดกัญชา หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อ บ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf การให้ยากัญชาทางปาก โดยการหยอดหรือพ่นตัวยาใต้ลิ้น
การให้ยากัญชา.. ทางผิวหนัง 22 การส ่งยาผ ่านผิวหนัง (Transdermal) โดยทั่วไปการส ่งยาผ ่าน ผิวหนัง ได้แก่ ครีมที่ใช้ทาลงบนผิวหนังหรือเยื่อเมือกบุผิว และแผ่นแปะผิวหนัง ที่มียาอยู่ให้สัมผัสกับผิวโดยตรง เพื่อให้ผู้ป่วยรับยาในที่เฉพาะเจาะจงในเวลา ที่ก�ำหนด ปัจจุบันมีการใช้รูปแบบยานี้เพื่อรักษาอาการทางผิวหนังบางประเภท และอาการปวดกล้ามเนื้อเฉพาะที่หรือปวดข้อ ซึ่งไม ่จ�ำเป็นต้องมีการส ่งผ ่าน ผิวหนังไปสู่กระแสเลือด ในประเทศไทยมีรายงานว่า คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการลงนามความร ่วมมือกับโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานีร ่วมกันพัฒนา โครงการวิจัยเพื่อพัฒนารูปแบบยาจากสารสกัดกัญชาที่มีการน�ำส่งยาแบบเฉพาะใน 2 รูปแบบคือ แผ ่นแปะผ ่านผิวหนัง (transdermal patch) และยาเหน็บทวารหนัก (rectal suppository) โดยแผ่นแปะที่ให้ยาผ่านผิวหนังนี้มีผลิตภัณฑ์ต้นแบบชนิด drug in adhesive or matrix type พร้อมที่จะเติม สารสกัดกัญชาลงไป ส�ำหรับยาเหน็บผ่านช่องทวารหนัก ได้ทดสอบเลือกชนิดของโพลิเมอร์ที่ใช้เป็นเบสชนิด thermosensitive poloxamer ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ที่มีความสามารถจะเกิดเป็นเจลที่อุณหภูมิของร่างกาย มีคุณสมบัติเกาะติดเยื่อเมือก และองค์การ อาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้ให้การรับรองว่าปลอดภัย หากผลการทดสอบในผู้ป่วยมะเร็งเป็นผลส�ำเร็จจะเกิดประโยชน์ ทางการแพทย์ต่อไป ที่มา การพัฒนารูปแบบการใช้ผลิตภัณฑ์ยาจากกัญชาในประเทศไทย https://www.กัญชาทางการแพทย์.com/2019/04/cannabis-drug-research-in-thailand.html หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อบ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf ปัจจุบันมีการใช้รูปแบบยานี้เพื่อรักษาอาการทางผิวหนังบางประเภท และอาการปวดกล้ามเนื้อเฉพาะที่หรือปวดข้อ
การออกฤทธิ์ ของกัญชาในร่างกายมนุษย์ 23 ผลจากการใช้กัญชาทางการแพทย์เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยได้ในหลายภาวะ อาทิการบรรเทาอาการปวด หรือบรรเทา อาการจากโรคทางระบบประสาทและสมองซึ่งยาปัจจุบันไม่มีฤทธิ์ในการชะลอหรือรักษา แม้ยังอยู่ในช่วงที่ต้องศึกษาวิจัยอีกมาก แต่ก็ค้นพบระบบการออกฤทธิ์ของกัญชาในร่างกายที่เรียกว่า Endocannabinoid system ซึ่งประกอบด้วย Canabinoid recepter หรือตัวรับสารกัญชาในร่างกาย (Cannabinoid, CB) มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ นอกจากนี้อวัยวะในร่างกายยังมีส่วนที่มีทั้ง CB1 และ CB2 ประกอบด้วย ก้านสมอง ระบบภูมิคุ้มกัน ตับ ไขกระดูก และตับอ่อน ดังนั้นกลไกในการออกฤทธิ์ของสารประกอบในกัญชาในร่างกายจึงมีความแตกต่างกัน ที่มา ระบบกัญชาในร่างกาย (Endocannabinoid system) https://www.กัญชาทางการแพทย์.com/2019/05/endocannabinoid-system-cb1-cb2.html หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อบ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf ผลจากการใช้กัญชาทางการแพทย์เป็นประโยชน์ ต่อผู้ป่วยได้ในหลายภาวะ อาทิ การบรรเทาอาการปวด หรือบรรเทาอาการจากโรคทางระบบประสาทและสมอง CB1 พบอยู่ในสมองและไขสันหลังส่วนต่าง ๆ ทั้งในปอด เส้นเลือด กล้ามเนื้อ ทางเดินอาหาร ไขมัน และอวัยวะเพศ CB2 พบอยู่ในเซลล์เกลีย (Glial cell) ของสมอง ซึ่งทํางานร่วมกับเซลล์ประสาท การต้านการอักเสบในร่างกาย
ผลการศึกษาพบว่าตัวรับทั้งสองสามารถจับกับTHC ได้เป็นอย่างดีและเมื่อออกฤทธิ์ในสมองส่วนrewardingpathway จึงทําให้เกิดการมึนเมาและเสพติด ส่วน CBD ไม่จับกับตัวรับและลดการส่งสัญญาณของ CB1 ส่งผลให้สมองสั่งการให้เพิ่ม การปล่อย GABA ซึ่งเป็นสารกดระบบไฟฟ้าของสมอง เป็นส่วนหนึ่งของกลไลการช่วยลดปวด ควบคุมลมชัก และลดการ กระวนกระวาย ตามหลักเภสัชจลนศาสตร์อธิบายว่า การกระจายตัวของสารแคนนาบินอยด์ทั้ง THC และ CBD ในร่างกาย ออกฤทธิ์ แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับวิธีได้รับยา ระยะเวลาออกฤทธิ์ขึ้นอยู่กับขนาดยา รูปแบบยาเตรียมและวิธีการให้ยา ทั้งทางปอด ปาก ล�ำไส้ หรือผิวหนัง เช่น การดูดซึมสารแคนนาบินอยด์จากการสูดไอระเหย ส่งผลให้ระดับความเข้มข้นในเลือดสูงสุด ไม่กี่นาทีและออกฤกธิ์ต่อสมองไม่กี่วินาทีโดยออกฤทธิ์สูงสุดหลังจากผ่านไป 15-30 นาทีและหมดฤทธิ์ภายใน 2-3 ชั่วโมง ขณะที่การกลืนยาแคปซูลผ่านการดูดซึมทางล�ำไส้การออกฤทธิ์ต่อสมองจะแสดงผลช้าลง 30-90 นาทีและจะออกฤทธิ์สูงสุด หลังจากผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ฤทธิ์จะมีผลอยู่ราว 4-12 ชั่วโมง ที่มา ระบบกัญชาในร่างกาย (Endocannabinoid system) https://www.กัญชาทางการแพทย์.com/2019/05/endocannabinoid-system-cb1-cb2.html หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อบ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf การออกฤทธิ์ ของกัญชาในร่างกายมนุษย์ (ต่อ) 23
การสั่งจ่ายยากัญชา ทางการแพทย์ 24 การสั่งจ่ายยากัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย ก�ำหนดให้เป็นไปตามหลัก SAS (Special Access Scheme) รักษา กรณีจ�ำเป็นส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย สั่งจ่ายยากัญชาที่ได้รับอนุญาตโดยสถานพยาบาลและผู้ที่ได้รับอนุญาตตามประกาศ กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีแนวทางและรายเอียดของการสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์ดังนี้ 1 ไม่ควรใช้กัญชาเป็นทางเลือกอันดับแรกในการรักษาโรคและภาวะใดๆ ของผู้ป่วย 2 ให้พิจารณาสั่งจ่ายกัญชาในรปูแบบของการเสริมการรักษา (adjuvant therapy) กับวิธีมาตรฐาน 3 จัดให้มีกระบวนการคัดกรอง วินิจฉัย ประเมินทางคลินิค และสั่งจ่ายโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง กรณีสถานพยาบาล ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปหรือเวชปฏิบัติครอบครัว สามารถสั่งจ่ายกัญชาได้ภายใต้ค�ำแนะน�ำจาก แพทย์เฉพาะทาง 4 ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วย โดยการแสดงความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรในเอกสาร แสดงความยินยอม (Informed consent form) 5 ข้อบ่งใช้ของกัญชาทางการแพทย์ที่แนะน�ำ กลุ่มที่ 1 มีหลักฐานเชิงประจักษ์ 1 ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบ�ำบัด 2 โรคลมชักที่รักษายาก (refractory epilepsy) 3 ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (spasticity) ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis) 4 ภาวะปวดประสาทที่ดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานแล้วไม่ได้ผล (intractable neuropathic pain) ที่มา การใช้กัญชาทางการแพทย์ โดย นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://www.chiangmaihealth.go.th/cmpho_web/document/190814156575547496.pdf การสั่งจ่ายยากัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย กำหนดให้เป็นไปตามหลัก SAS
กลุ่มที่ 2 อาจจะได้ประโยชน์ในการควบคุมอาการ 1 Parkinson’s disease 2 Tourette syndrome 3 Alzheimer’s disease 4 post-traumatic stress disorder 5 palliative care 6 ผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อใช้ในการบรรเทาอาการปวด 7 กลุ่มโรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ Ulcerative Colitis และ Crohn’s disease 8 ผู้ติดเชื้อ HIV/ผู้ป่วย AIDS ที่มีภาวะ cachexia ข้อบ่งใช้อื่น ๆยังขาดหลักฐานเชิงประจักษ์หรือรายงานการวิจัยที่มีคุณภาพในการสนับสนุนยืนยันประสิทธิผลของ การใช้ ให้พิจารณาสั่งจ่ายเฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคและภาวะของโรคที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานทางร่างกายหรือ จิตใจ ซึ่งใช้การรักษาตามวิธีมาตรฐานทางการแพทย์แล้วไม่ได้ผล เสริมการรักษาตามวิธีมาตรฐาน 6 จ่ายผลิตภัณฑ์กัญชาให้ผู้ป่วยในแต่ละครั้งต้องไม่เกินปริมาณที่ใช้ส�ำหรับ 30 วัน 7 ประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา และบันทึกผลการประเมินทุกครั้งที่ผู้ป่วยมาพบ เพื่อติดตามผลการรักษา หากพบว่าใช้แล้วอาการไม่ดีขึ้น ไม่มีประสิทธิผล ไม่มีประโยชน์ตามที่มุ่งหวัง ภายใน 4-12 สัปดาห์ ให้หยุดการรักษาด้วยกัญชา โดยค่อยๆ ลดขนาดยาลง 8 หากสิ้นสุดการรักษา ให้แจ้ง อย. ทราบภายใน 30 วัน และให้ผู้ดูแลผู้ป่วยส่งคืนกัญชาทางการแพทย์ที่เหลืออยู่ แก่สถานพยาบาล เพื่อพิจารณาด�ำเนินการท�ำลายหรือใช้ประโยชน์กับผู้ป่วยรายอื่นต่อไป 9 ติดตามประเมินประสิทธิผลและความปลอดภัยจากการใช้กัญชาในผู้ป่วยทุกราย และรายงาน อย. ทราบทุกเดือน ในรูปแบบของ SAS monitoring program ผ่านระบบ HPVC online การสั่งจ่ายยากัญชา ทางการแพทย์ (ต่อ) 24 ที่มา การใช้กัญชาทางการแพทย์ โดย นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://www.chiangmaihealth.go.th/cmpho_web/document/190814156575547496.pdf
ภาวะโรคที่มีแนวโน้ม ใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ได้ 25 นอกจากภาวะโรคที่มีหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนชัดเจนว่าเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ ยังมีอีกหลายภาวะโรคที่มี แนวโน้มได้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ยังต้องการข้อมูลการศึกษาวิจัยในประเด็นความปลอดภัยเพื่อสนับสนุนการน�ำมาใช้ โรคและภาวะของโรคในกลุมนี้ได้แก่ 1 ผูปวยที่ไดรับการดูแลแบบประคับประคอง (palliative care) 2 ผูปวยมะเร็งระยะสุดทาย (end-state cancer) 3 โรคพารกินสัน 4 โรคอัลไซเมอร 5 โรควิตกกังวลไปทั่ว (generalized anxiety disorders) 6 โรคปลอกประสาทอักเสบ (demyelinating diseases) อื่นๆ อาทิneuromyelitis optica และ autoimmune encephalitis ที่มา คําแนะนําการใช้กัญชาทางการแพทย์ Guidance on Cannabis for Medical Use กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3/2563
(ต่อ) ภาวะโรคดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มน่าจะได้ประโยชน์จากการใช้กัญชาทางการแพทย์(ในการควบคุมอาการ) เพื่อรักษาผู้ป่วย เฉพาะราย โดยก�ำหนดให้ด�ำเนินการเก็บข้อมูลวิจัยควบคู ่กันไป ซึ่งอาจมีรูปแบบการวิจัยในลักษณะการวิจัยเชิงสังเกต (observational study) และ/หรือการวิจัยจากสถานการณ์ที่ใช้รักษาผู้ป่วยจริง (actual used research) ร่วมด้วย ส�ำหรับการใชผลิตภัณฑกัญชาเพื่อจัดการความปวดในผูปวยไดรับการดูแลแบบประคับประคอง หรือผูปวยในวาระ สุดทายของชีวิต (end of life) ให้เปนการตัดสินใจของผูรักษา หากผูปวยที่ไดรับยาแกปวดอยางสมเหตุผลแลวยังมีอาการ ปวดมาก ทั้งที่ยาแกปวดที่ไดรับอยูในปริมาณที่เหมาะสมแลว ควรใช้ผลิตภัณฑกัญชาเปนการรักษาเสริมหรือควบรวมกับ วิธีการรักษาตามมาตรฐาน ส ่วนการใช้กัญชารักษาโรคมะเร็ง กระทวงสาธารณสุขยังก�ำหนดให้เป็นโรคที่อาจได้ประโยชน์ (ในอนาคต) ด้วยมี ความจ�ำเป็นต้องศึกษาวิจัยถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยของกัญชาในหลอดทดลอง ก่อนการศึกษาวิจัยในคนเป็นล�ำดับ ต่อไป ที่มา คําแนะนําการใช้กัญชาทางการแพทย์ Guidance on Cannabis for Medical Use กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3/2563 ภาวะโรคที่มีแนวโน้ม ใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ได้ 25
9 โรคที่รักษาได้ ด้วยกัญชาทางการแพทย์ 26 การใช้กัญชาทางการแพทย์ให้ประโยชน์ในโรคหรือภาวะของโรคหลายอาการ ทั้งที่มีข้อมูลวิชาการสนับสนุนชัดเจน และยังต้องการงานวิจัยสนับสนุนเพิ่มเติม พบว่ามีจ�ำนวน 9 โรคที่รักษาได้ด้วยกัญชาทางการแพทย์ ได้รับอนุญาตให้ท�ำการ รักษาเชิงวิจัยได้ในประเทศไทย ผ่านคลินิกกัญชาทางการแพทย์ โดยรักษาทั้งในส่วนของแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย แพทย์แผนปัจจุบัน ได้แก่ 1 ภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบําบัด 2 โรคลมชักที่รักษายาก 3 ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง 4 ภาวะปวดประสาทที่ดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน 5 ผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ดูแลแบบประคับประคอง 6 ผู้ป่วยมะเร็ง ส่วนแพทย์แผนไทยให้บริการผู้ป่วย ได้แก่ 7 เพื่อช่วยให้นอนหลับ เจริญอาหาร 8 ฟื้นฟูอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากโรคลม อัมพฤกษ์ อัมพาต 9 บรรเทาอาการ ปวดตึงกล้ามเนื้อ ลดอาการมือเท้าชาหรืออ่อนกําลัง ทุกกลุ่มโรคเป็นไปตามหลักการสั่งจ่ายยา และรักษากรณีจ�ำเป็นส�ำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายแบบ SAS (Special Access Scheme) มีจำนวน 9 โรค ที่รักษาได้ด้วยกัญชาทางการแพทย์ ที่มา มติชนออนไลน์ https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_1826898
กัญชา.. กับ...อาการปวดเรื้อรัง 27 อาการปวดมีอยู่หลายประเภท แต่สารแคนนาบินอยด์จากกัญชาไม่สามารถบรรเทาอาการปวดได้ทุกประเภท ประโยชน์ด้านการบาบัดรักษาโรคของกัญชาทางการแพทย์พบว่า ํ ช่วยบรรเทาอาการปวดจากเส้นประสาทเท่านั้นซึ่งเป็น อาการปวดที่เกิดจากการบาดเจ็บ หรือโรคซึ่งส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทการรับรู้ อาการปวดเรื้อรังจากเส้นประสาทมีทางเลือกในการรักษาที่จากัด ํ สารแคนนาบินอยด์เพียงเล็กน้อยก็อาจมีความสาคัญํ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยพบอาการข้างเคียงจากสารแคนนาบินอยด์ได้ดีกว่าการให้ยาประเภทโอปิออยด์ที่มีฤทธิ์รุนแรง ทั้งยังสามารถท�ำงานร่วมกับยาอื่นได้ทั้งโอปิออยด์ และมอร์ฟีน อย ่างไรก็ตามการใช้กัญชาทางการแพทย์ในภาวะ อาการปวดเรื้อรัง เป็นทางเลือกรองไม ่ใช ่ทางเลือกแรก ให้ใช้กรณีที่ผู้ป ่วยเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต ่างๆ แล้ว ไม่ได้ผล เช่น ใชยาบรรเทาอาการปวดอย่างสมเหตุผลแลว แต่ผู้ป่วยยังคงมีอาการปวด อาการปวดมีอยู่หลายประเภท แต่สารแคนนาบินอยด์จากกัญชา ไม่สามารถบรรเทาอาการปวดได้ทุกประเภท ที่มา คําแนะนําการใช้กัญชาทางการแพทย์ Guidance on Cannabis for Medical Use กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3/2563 หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อ บ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf
กัญชา.. กับการรักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน 28 การใช้กัญชาทางการแพทย์ไมได้มีเพื่อรองรับภาวะคลื่นไส อาเจียนทั่วไปใช้เฉพาะผู้ป่วยที่ได้รับผลจากเคมีบ�ำบัดหรือรังสี สารแคนนาบินอยด์ให้ผลที่ดีมากต่อการรักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เคมีบาบัดหรือรังสีบ ํ าบัด ํ รักษามะเร็ง โรคตับอักเสบซีหรือการรักษาเอชไอวี/เอดส์ รูปแบบยาเตรียม THC สังเคราะห์ (ในรูปแบบ Marinol® ) มีการใช้ งานทั่วโลกเป็นยาแก้อาเจียนสําหรับผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระหว่างการให้เคมีบําบัด มีงานศึกษาวิจัยสนับสนุนข้อมูลว่าการให้ THC โดยตรงก่อนและหลังการทําเคมีบําบัดจะส่งผลดีมากกว่าการใช้ยาแก้ อาเจียนแผนปัจจุบันแบบเดิม อย ่างไรก็ตามการศึกษาเหล ่านี้ไม ่ได้เปรียบเทียบกับการให้ยาแก้อาเจียนแผนปัจจุบันล ่าสุด ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่ายาแผนปัจจุบันแบบเดิมมาก อย ่างไรก็ตามการใช้กัญชาทางการแพทย์ในภาวะ คลื่นไสอาเจียนจากเคมีบําบัด เป็นทางเลือกรองไม่ใช่ทาง เลือกแรก ให้ใช้กรณีที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล ไมแนะน�ำใหใชในกรณีของภาวะคลื่นไสอาเจียน ทั่วไป หรืออาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์ การใช้กัญชาทางการแพทย์ในภาวะคลื่นไสอาเจียนจากเคมีบําบัด เป็นทางเลือกรองไม่ใช่ทางเลือกแรก ให้ใช้กรณีที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล ที่มา คําแนะนําการใช้กัญชาทางการแพทย์ Guidance on Cannabis for Medical Use กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3/2563 หนังสือแนะน�ำการใช้กัญชาเพื่อ บ�ำบัดรักษาโรค @Bedrocan International https://mdresearch.kku.ac.th/files/cannabis/MedicainalCannabisBook_v4.pdf
กัญชา.. กับโรคปลอกประสาทเสื่อม 29 ทางการแพทย์อธิบายว่าโรคนี้คือ โรคแพ้ภูมิตัวเองทางระบบประสาทที่ค่อยๆ ท�ำลายเส้นประสาทของไขสันหลังและสมอง พร้อมกับระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรคือสาเหตุของการเกิดโรค อาการของโรคท�ำให้ผู้ป่วยมีปัญหา การเดิน เสียความสมดุลในการทรงตัว มีปัญหาด้านความคิด ความทรงจ�ำ และการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ สายตาพร่ามัว อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หมดแรง กล้ามเนื้อกระตุกหรือหดเกร็ง และมีอาการปวดเรื้อรังร่วมอยู่ด้วย ในการรักษามีการศึกษาอย ่างกว้างขวางเกี่ยวกับฤทธิ์ของสารแคนนาบินอยด์ในระยะยาวต ่อโรคนี้ มีรายงานวิจัย ที่น่าเชื่อถือสนับสนุนว่า การน�ำพืชกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการบ�ำบัดอาการของโรค MS บรรเทาได้ในหลายๆ อาการของโรคและมีการศึกษาวิจัยที่เชื่อถือได้สนับสนุนว่ากัญชาช่วยลดบางอาการในโรค MS ได้ดีในบางรัฐของสหรัฐอเมริกา ได้อนุญาตให้ผู้ป ่วยโรค MS ที่ได้รับผลกระทบจากโรคได้เข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ในการรักษา และในประเทศแคนาดา ผู้ป่วยด้วยโรค MS มีสิทธิ์ได้เป็นผู้ใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อรักษาอาการทั่วไปของโรค ในประเทศไทย แพทยสามารถใชผลิตภัณฑกัญชาในกรณีที่รักษาภาวะกลามเนื้อหดเกร็งที่ดื้อตอการรักษา ทั้งสามารถ ผลิตสารสกัดน�้ำมันกัญชาทางการแพทย์ สูตร THC:CBD 1:1 ส�ำหรับหยดใต้ลิ้น ภายใต้การควบคุมและสั่งจ่ายโดยแพทย์ ที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น โรคปลอกประสาทเสื่อม หรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis symptoms - MS) เป็นการอักเสบของระบบประสาทส่วนกลาง ที่พบในประชากรมากกว่า 2.3 ล้านคนทั่วโลก ที่มา กัญชา..ช่วยรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (โรค MS) ได้หรือไม่? https://www.cannhealth.org/content/5726/กัญชาช่วยรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง-โรค-ms-ได้หรือไม่ ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ http://www.medcannabis.go.th/ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์/ยาสารสกัดกัญชา
กัญชา.. กับโรคซึมเศร้า 30 เนื่องจากสาร THC ที่มีผลต่อสมอง ท�ำให้สารสื่อประสาทในสมองมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้สารที่เกี่ยวข้องกับ อารมณ์ความคิดมีปัญหาได้สุดท้ายท�ำให้เกิดภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นได้บุคลิกภาพเปลี่ยนไป กลายเป็น คนเฉื่อยชา ไม่มีแรงจูงใจ และระยะยาวจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคจิต โดยเฉพาะโรคจิตเภท ซึ่งจะเสี่ยงมากกว่าคนที่ไม่ได้ใช้กัญชา 1.4 -2 เท่า ขณะที่ผู้ป่วยที่มีโรคจิตเวชอยู่เดิม หากไปใช้ยากัญชา โรคจิตเวชที่เป็นอยู่อาจจะก�ำเริบขึ้น พบรายงานวิจัยด้วยว่า ผู้ใช้กัญชาคิดฆ่าตัวตายบ่อยครั้งมากกว่าคนไม่ใช้ โดยเฉพาะเพศหญิง ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มี ผลวิจัยที่สนับสนุนประสิทธิผลของสารสกัดกัญชาในการรักษาโรคซึมเศร้าได้ ผู้ป่วยที่มีประวัติคนในครอบครัวหรือเคยมีประวัติอาการทางจิต ภาวะทางจิตเวช หรือโรคซึมเศร้า ไม่ควรได้รับกัญชาทางการแพทย์ ที่มา กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=QGrxOOInpC0%3D&tabid=414&mid=1297
กัญชา.. กับภาวะความเครียด 31 ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีคุณภาพดีพอที่จะยืนยันประสิทธิภาพในการรักษาโรคทางจิตเวช ในทางกลับกัน พบว่า อาจจะส่งผลเสียต่อการด�ำเนินโรคด้วย โดยเฉพาะผู้ป่วยในกลุ่มโรควิตกกังวล (anxiety disorders) พบว่าผู้ป่วยโรคตื่นตระหนก (panic disorder) มีแนวโน้ม จะใช้กัญชาเพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้จึงมีความเสี่ยงสูง และมักแสวงหาความสุขช่วงสั้นๆ (getting high) จากการใช้กัญชาและเกิดผลเสียจากการใช้ เช่น อาการโรคจิต อารมณ์แมเนียก�ำเริบ หรือเสี่ยงต ่อการฆ ่าตัวตาย อีกทั้งเสี่ยงต่อการติดสารเสพติด อย ่างไรก็ตามปัจจุบันยังขาดข้อมูลหลักฐาน เชิงประจักษ์ที่ดีพอในการน�ำกัญชามาใช้รักษาทางการแพทย์ ในโรคทางจิตเวช ทางการแพทย์จึงไม่สนับสนุนให้น�ำกัญชา ทางการแพทย์มาใช้รักษาโรคเครียด ที่มา การใช้สารสกัดกัญชาส�ำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิต โดย ศาสตราจารย์ พญ.สุวรรณา อรุณพงค์ไพศาล รองประธานราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย รับรองโดยราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
กัญชา.. กับโรคลมชัก 32 โรคลมชักเกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในสมอง เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันของไฟฟ้าสมองที่ออกมาจาก กลุ่มเซลล์ที่ผิดปกติพร้อมๆ กัน ทุกวันนี้มีผู้ป่วยโรคลมชักจํานวนมากไม่สามารถควบคุมอาการชักได้ งานวิจัยการใช้กัญชาทางการแพทย์พบว่า การใช้สารสกัดน�้ำมันกัญชา (Cannabis Extracts)หรือการใช้สารสกัดจาก กัญชา ที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) ช่วยให้ผู้ป่วยมีความตึงเครียดลดลง และมีอาการชักลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้ป ่วยมีความทรงจําที่ดีขึ้น มีสมาธิและจดจ ่อกับ สิ่งต ่างๆ ได้ดีขึ้น สมองมีการพัฒนามากขึ้น สามารถ สื่อสารกับผู้อื่นได้ดีขึ้น และนอนหลับได้ง่ายขึ้น และยังไม่พบ ผลข้างเคียงอื่นๆ กับผู้ป่วยโรคลมชัก การใช้สารสกัดจากกัญชา ที่เรียกว่า Cannabidiol (CBD) ช่วยให้ผู้ป่วยมีความตึงเครียดลดลง และมีอาการชักลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่มา ข้อมูลวิจัยการนํากัญชามารักษาโรค องค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=U2GuYjmVQig%3D&tabid=388&mid=1186& language=th-TH
กัญชา.. กับการรักษาอาการอักเสบ 33 สารสกัดกัญชาที่ส�ำคัญ 2 ชนิด ที่มีการน�ำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ คือ THC (Tetrahydrocannabinol) ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทท�ำให้รู้สึกผ่อนคลาย ชนิดที่ 2 คือ CBD (cannabidiol) ซึ่งมีฤทธิ์ต่อจิตประสาทน้อยกว่า ผลงานวิจัยการใช้กัญชาทางการแพทย์พบว่า CBD จะจับตัวรับสารที่พบมากในระบบภูมิคุ้มกัน และประสาทส่วนปลายที่มีหน้าที่ ควบคุมการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน และปฏิกิริยาการอักเสบ CBD มีผลต่อการท�ำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน จึงมีฤทธิ์ลดการอักเสบบริเวณปลายประสาทและลดปวด ในระบบประสาท กลไกการออกฤทธิ์นี้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีคุณภาพดีพบว่า สารสกัดกัญชาได้ประสิทธิผลในการลด การอักเสบที่เกิดจากโรคเจ็บปวดเรื้อรังได้ สารสกัดกัญชาได้ประสิทธิผล ในการลดการอักเสบที่เกิดจากโรคเจ็บปวดเรื้อรังได้ ที่มา กัญชากับการรักษาโรค โดย ดร. ภญ. ผกาทิพย์ รื่นระเริงศักดิ์ ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/453/กัญชา/
กัญชา.. กับการฟื้นฟูโรคพาร์กินสัน 34 โรคพาร์กินสันเกิดจากสมองส่วนควบคุมการทรงตัวท�ำงานบกพร่อง เนื่องจากสารควบคุมส่วนประสาท หรือโดปามีนในสมองลดลง ทางการแพทย์ แผนปัจจุบันเลยหาสารดังกล่าวไปทดแทนที่ร่างกายสร้างไม่ได้ จากงานวิจัยพบว่า สารสกัดจากกัญชา Cannabidiol (CBD) หรือ การใช้ยา Nabilone ช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดน้อยลง อาการสั่นลดลง และขยับตัวได้ดีขึ้น ที่มา ข้อมูลวิจัยการนํากัญชามารักษาโรค องค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=U2GuYjmVQig%3D&tabid=388&mid=1186&language=th-TH แม้ว่าสารสกัดจากกัญชาจะไม่สามารถรักษาโรคพาร์กินสันให้หายขาดได้ และยังต้องใชกัญชาทางการแพทย์เพื่อรักษา ผูปวยเฉพาะรายและดําเนินการเก็บขอมูลวิจัยควบคูกันไป แต่สําหรับผู้ป ่วยที่มีอาการ และไม ่สามารถใช้ชีวิตได้อย ่างปกติ ผลการรักษาในผู้ป่วยหลายราย พบว่าในขณะที่กําลังใช้ยา ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดําเนินกิจกรรมในชีวิต ประจําวันได้ตามปกติมากขึ้น พูดคุยแบบคนทั่วไปได้ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้นและนอนหลับได้ดีขึ้น
กัญชา.. ช่วยรักษาอัลไซเมอร์ได้จริงหรือ ? 35 จากงานวิจัยพบว่า การใช้สารสกัดน�้ำมันกัญชา (Cannabis Extracts) หรือ การใช้ยา Nabilone ช่วยให้มีอาการต่างๆ ที่เป็นผลจากอัลไซเมอร์ลดลง เช่น อาการ หลงผิด อาการเฉยเมยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง นอกจากนี้ในการใช้กัญชารักษาผู้ป ่วยสมองเสื่อมมักจะให้ผลที่ดีในการลด การเคลื่อนไหวในตอนกลางคืน ลดอาการทางจิตประสาท อาการพลุ ่งพล ่าน กระวนกระวาย หงุดหงิด ก้าวร้าว และพฤติกรรมผิดปกติตอนกลางคืน ผู้ป ่วย ยังสามารถรับประทานอาหารได้ดีขึ้น นอนหลับได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผู้ดูแลมีสุขภาพจิต ที่ดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามการวิจัยผลของกัญชาต่อสมองเสื่อมในคน มีการวิจัยเฉพาะในด้านการรักษา ไม่มีด้านการป้องกัน การเกิดสมองเสื่อมแต่อย่างใด การใช้สารสกัดน�้ำมันกัญชาช่วยให้มีอาการต่างๆ ที่เป็นผลจากอัลไซเมอร์ลดลง ที่มา ข้อมูลวิจัยการนํากัญชามารักษาโรค องค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/LinkClick.aspx?fileticket=U2GuYjmVQig%3D&tabid=388&mid=1186&language=th-TH