The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการดำเนินการขับเคลื่อนระบบคลังสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by apinyasesa17, 2022-11-25 03:57:23

แผนการดำเนินการขับเคลื่อนระบบคลังสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล

แผนการดำเนินการขับเคลื่อนระบบคลังสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล

Keywords: แผนการดำเนินการขับเคลื่อนระบบคลังสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล

แผนการดาเนินการขับเคล่ือนระบบคลังสื่อการเรยี นรเู้ ทคโนโลยดี ิจทิ ลั
ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา จันทบรุ ี ตราด

คานา

แผนการดาเนินการขับเคลื่อนระบบคลังส่ือการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ระดับการศึกษา
ขั้นพ้ืนฐานสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา จันทบุรี ตราด จัดทาข้ึนเพ่ือมาเป็นกรอบแนวทาง
ในการขับเคล่ือนการดาเนินงานส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ ตลอดจนพัฒนาการจัดการเรียนรู้
โดยใช้ส่ือเท คโน โลยีดิจิทั ล ของครูและบุ คลากรใน สังกัด ซ่ึงตอบ สน อง ต่อนโยบ ายรัฐมน ตรี
ว่าการกระทรวงศึกษาธิการข้อท่ี 3 : การปฏิรูปการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วยดิจิทัล
แห่งชาติ (NDLP) และการส่งเสริมการฝึกทักษะดิจิทัลในชีวิตประจาวัน และนโยบายของสานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานข้อที่ 3 ด้านคุณภาพ ว่าด้วย การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา
ให้เป็นครูยุคใหม่ มีศักยภาพในการจัดการเรียนการสอน ตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ มีทักษะในการปฏิบัติ
หน้าท่ีได้ดี มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มีการพัฒนาตนเองทางวิชาชีพอย่างต่อเน่ือง
รวมท้ังมีจิตวิญญาณความเป็นครู ผ่านการขับเคล่ือนโดยสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี
ตราด ที่สนับสนุน การเลือกและประยุกต์ใช้ส่ือในระบบคลังส่ือเทคโนโลยีดิจิทัล ในสถานศึกษา เพ่ือให้
ครูผู้สอน เลือกและประยุกต์ใช้องค์ความรู้ในระบบคลังสื่อเทคโนโลยีดิจิทัล ประกอบการจัดการเรียนการ
สอน และนกั เรียนสามารถสบื คน้ เรยี นรดู้ ้วยตนเองได้

สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา จันทบุรี ตราด ขอขอบคุณทกุ ท่านที่มีสว่ นเกี่ยวข้อง
ในการจัดทาแผนการดาเนินการขับเคลอ่ื นระบบคลังสือ่ การเรียนรู้เทคโนโลยีดิจทิ ัล ระดับการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
ฉบับน้ี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับผิดชอบและผู้ที่เกี่ยวข้อง
ในการขับเคล่ือนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัด อันจะส่งผลให้การดาเนินงานของสานักงาน
เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด เป็นไปตามเกณฑ์วัดผลและประเมินผลการดาเนินงานและ
บริหารราชการใหม้ ปี ระสิทธภิ าพและประสิทธิผลตอ่ ไป

*************

สารบญั

หนา้



คานา ก

สารบญั ข

สว่ นท่ี 1 สภาพการจัดการศึกษา

1.1 ความเป็นมา ....................................................................................................................1

1.2 อานาจหน้าทขี่ องสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา................................................................1

1.3 สภาพทัว่ ไปของสานักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาจันทบรุ ี ตราด.........................2

1.4 แผนที่เขตพน้ื ที่บรหิ ารของสานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด.........3

 1.5 ข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา.......................................................................................8

ส่วนที่ 2 นโยบายการพฒั นาการศกึ ษา

2.1 แผนระดับท่ี 1 ยทุ ธศาสตรช์ าติ (พ.ศ.2561-2580)..................................................34

2.2 แผนระดับท่ี 1 (เฉพาะทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง)................................................................................................35

2.3 แผนระดับท่ี 3 ตามมติ ครม. วนั ที่ 4 ธนั วาคม พ.ศ 2560.........................................36

 2.4 ความสอดคลอ้ งกบั แผน 3 ระดบั ตามนยั ของมติคณะรัฐมนตรี....................................37

ส่วนที่ 3 ทศิ ทางการพฒั นาการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน

3.1 บทสรปุ ผูบ้ ริหาร ............................................................................................................58

3.2 วสิ ัยทัศน์ / พันธกิจ / เป้าประสงค์ ................................................................................59

3.3 คา่ นยิ ม / วฒั นธรรมองคก์ ร / อตั ลักษณ์ /กลยุทธ์.........................................................60

3.4 รูปแบบการบรหิ ารจัดการศึกษาของเขตพน้ื ที่................................................................61

3.5 จดุ เนน้ / แนวทางการดาเนินการตามกลยทุ ธ์ ...............................................................62



สว่ นท่ี 4 รายละเอยี ดแผนการดาเนนิ การขบั เคลื่อนระบบคลงั สื่อการเรยี นรเู้ ทคโนโลยีดจิ ทิ ัล
ระดับการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐานสานักงานเขตพืน้ ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษา จันทบรุ ี ตราด
4.1 แนวทางการดาเนนิ การขบั เคล่อื นระบบคลังสอื่ การเรียนร้เู ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ..................66
4.2 กระบวนการนาแผนการดาเนนิ การขับเคลื่อนระบบคลงั ส่ือการเรยี นรู้...........................67
เทคโนโลยีดิจทิ ลั สู่การปฏิบตั ิ
4.3 ปฏทิ นิ การดาเนนิ การขบั เคล่อื นระบบคลังสอ่ื การเรียนรู้เทคโนโลยดี จิ ทิ ัล......................68

ภาคผนวก



*****************

สว่ นท่ี ๑

สภาพการจดั การศึกษา

๑. ความเปน็ มา

สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเป็นหน่วยงานภาครัฐ สังกัดสานักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ท่ีเกิดข้ึนตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการประกาศกาหนดให้มีเขตพื้นที่การศึกษา เมื่อวันท่ี 7 กรกฎาคม 2546 และประกาศ
กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ปรับปรุงแก้ไขการกาหนดเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและกาหนดเขตพ้ืนที่การศึกษาเพ่ิมเติม
พ.ศ.2550 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2550 และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง ปรับปรุงแก้ไขการกาหนดเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาและกาหนดเขตพน้ื ที่การศึกษาเพมิ่ เตมิ พ.ศ.2551 เม่ือวนั ที่ 18 มกราคม 2551 อาศัยอานาจตามพระราชบัญญัติ
ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 และพระราชบัญญัติบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ
(ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2553 กระทรวงศึกษาธกิ าร ประกาศ กาหนดเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา และประกาศที่ตั้งของสานักงาน
เขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา จานวน 42 เขต เมื่อวันท่ี 17 สิงหาคม 2553 ท้ังนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา (18 สงิ หาคม 2553) เปน็ ตน้ ไป ตอ่ มาได้มีประกาศกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ๖๒ เขต โดย สานกั งานเขตพื้นท่ี
การศึกษามัธยมศกึ ษาจันทบุรี ตราด ประกอบด้วยทอ้ งทจ่ี ังหวัดจันทบุรี และจงั หวดั ตราด ทาหนา้ ที่ ส่งเสริม สนับสนุน กากับ
ติดตามการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ประกอบด้วย โรงเรียนในจังหวัดจันทบุรี 23 โรงเรียน
ในจงั หวดั ตราด 16 โรงเรียน รวมทัง้ สิน้ 39 โรงเรยี น

๒. อำนำจหนำ้ ท่ขี องสำนักงำนเขตพนื้ ทก่ี ำรศึกษำ

ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันท่ี 29 พฤศจิกายน 2560 เร่ือง แบ่งส่วนราชการภายในสานักงาน
เขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษา พ.ศ.2560 และ(ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2561 กาหนดอานาจหน้าทีข่ องสานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษา ดังน้ี

1. จัดทานโยบาย แผนพัฒนา และมาตรฐานการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบาย
มาตรฐานการศกึ ษา แผนการศกึ ษา แผนพัฒนาการศึกษาข้นั พนื้ ฐานและความต้องการของท้องถ่ิน

2. วิเคราะห์การจดั ต้ังงบประมาณเงินอุดหนุนทัว่ ไปของสถานศกึ ษา และหนว่ ยงานในเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา
และแจ้งการจัดสรรงบประมาณท่ีได้รับให้หน่วยงานข้างต้นรับทราบ รวมทั้งกากับ ตรวจสอบ ติดตามการใช้จ่าย
งบประมาณของหนว่ ยงานดงั กลา่ ว

3. ประสานสง่ เสรมิ สนบั สนนุ และพฒั นาหลกั สูตรรว่ มกบั สถานศกึ ษาในเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา
4. กากับ ดูแล ติดตาม และประเมินผลสถานศึกษาข้ันพ้นื ฐานในเขตพื้นท่ีการศึกษา
5. ศึกษา วเิ คราะห์ วิจัย และรวบรวมข้อมลู สารสนเทศด้านการศึกษาในเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษา
6. ประสานการระดมทรัพยากรด้านต่าง ๆ รวมท้ังทรัพยากรบุคคล เพื่อส่งเสริม สนับสนุน การจัดและ
พัฒนาการศึกษาในเขตพน้ื ที่การศึกษา
7. จัดระบบประกันคุณภาพการศกึ ษา และประเมนิ ผลสถานศึกษาในเขตพ้ืนท่กี ารศึกษา
8. ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน การจัดการศึกษาของสถานศึกษาเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

รวมท้งั บุคคล องค์กรชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบนั ศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันอ่ืนที่จดั รูปแบบที่หลากหลาย
ในเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา

9. ดาเนินการและประสาน สง่ เสรมิ สนบั สนุนการวจิ ยั และพฒั นาการศกึ ษาในเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา
10. ประสาน สง่ เสริม การดาเนินงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทางานด้านการศกึ ษา

หน้าท่ี ๑ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

11. ประสานการปฏิบัติราชการทั่วไปกับองค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ท้ังภาครัฐ เอกชน และองค์กร
ปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ

12. ปฏบิ ัตงิ านรว่ มกับสนับสนุนการปฏิบัตงิ านของหนว่ ยงานอื่นที่เกี่ยวขอ้ งหรือทไ่ี ด้รบั มอบหมาย

๓. สภำพท่ัวไปของสำนักงำนเขตพนื้ ท่กี ำรศกึ ษำมัธยมศกึ ษำจนั ทบุรี ตรำด

กระทรวงศึกษาธิการแบ่งส่วนราชการภายในสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา ตามประกาศ
กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การแบ่งส่วนราชการภายในสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา พ.ศ.๒๕๖๐ ลงวันท่ี
๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๐ และประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง การแบ่งส่วนราชการภายในสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษามธั ยมศกึ ษา (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ.๒๕๖๑ ลงวันท่ี ๒๘ สงิ หาคม ๒๕๖๑ ดังน้ี (๑) กล่มุ อานวยการ (๒) กลุ่มนโยบาย
และแผน (๓) กลุ่มบริหารงานการเงินและสินทรัพย์ (๔) กลุ่มบริหารงานบุคคล (๕) กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา
(๖) กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา (๗) กลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสือ่ สาร (๘) กลมุ่ พฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (๙) หน่วยตรวจสอบภายใน (๑๐) กลมุ่ กฏหมายและคดี

ท่ตี ัง้
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด เดิมต้ังอยู่ที่ อาคารเอนกประสงค์ สวนสาธารณะ
เฉลิมพระเกียรติ ร 9 ถนนท่าแฉลบ ตาบลตลาด จังหวัดจันทบุรี ของเทศบาลเมืองจันทบุรี เป็นสานักงานชั่วคราวเป็น
เวลา 1 ปี จากนัน้ ไดย้ ้ายสานักงานไปต้ังท่ชี ั้นล่างของอาคารหอประชุมพุทธมณฑล หมู่ 8 ตาบลบางกะจะ อาเภอเมือง
จังหวัดจันทบุรี ซ่ึงสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ได้ประสานสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาจันทบุรี เขต 1 ขอใช้บา้ นพักศึกษาธิการจังหวัด ซ่ึงปลกู สรา้ งบนทีแ่ ปลงหมายเลขทะเบยี น จบ.224 ถนน
พิทกั ษส์ ันติราษฎร์ ตาลวัดใหม่ อาเภอเมือง จงั หวัดจนั ทบุรี เพื่อก่อสร้างอาคารสานกั งานถาวร แบบอาคารสานกั งานเขต
พ้ืนท่ีการศึกษา (สพป/สพม) แบบที่ 4 ได้รับจัดสรรงบประมาณ ประจาปีงบประมาณ 2559 จากสานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ในการกอ่ สร้าง จานวน 9,941,000 บาท
ปจั จุบันสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ต้ังอยเู่ ลขท่ี 9 ถนนศรียานุสรณ์ ตาบลวดั ใหม่
อาเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี รหัสไปรษณีย์ 22000 หมายเลขโทรศัพท์ 0 3931 4402 หมายเลขโทรสาร 0 3931
4402 ต่อ 20 เว็บไซต์ (Website) http://www.sesa17.go.th/ มีพิกัดตาบลท่ีทางภูมิศาสตร์ ละติจูด (Latitude)
12.6137355 ลองจจิ ดู (Longitude) 102.110519 ระยะทางจากจงั หวดั จันทบรุ ไี ปจงั หวดั ตราด 70 กม.
จัดต้ังศูนย์ประสานงานสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด (จังหวัดตราด) ท่ีตั้ง อาคาร
เอนกประสงค์โรงเรียนตราษตระการคุณ อาเภอเมือง จังหวัดตราด รหัสไปรษณีย์ 23000 หมายเลขโทรศัพท์
082-4752837

หนา้ ที่ ๒ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

๔. แผนท่ีเขตพ้ืนทีบ่ รกิ ารของสานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาจันทบุรี ตราด

จังหวัดจันทบุรี ต้ังอยู่ชายฝ่ังทะเลด้านทิศตะวันออกของอ่าวไทย ระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานคร เป็น

ระยะทาง 245 กิโลเมตร มีเนื้อท่ีประมาณ 6,338 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 3,961,250 ไร่ คิดเป็นร้อยละ

16.63 ของพนื้ ที่ภาคตะวันออก และเทา่ กบั รอ้ ยละ 1.8 ของพน้ื ทท่ี ้ังประเทศ
ทศิ เหนอื ตดิ ตอ่ กับอำเภอท่ำตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรำ และอำเภอวงั สมบรู ณ์

อำเภอคลองหำด จังหวัดสระแก้ว

ทิศใต้ ตดิ ตอ่ กับทะเลอำ่ วไทย (มแี นวชำยฝั่งทะเลยำวประมำณ 87 กโิ ลเมตร)

ทศิ ตะวันออก ตดิ ตอ่ กับอำเภอบอ่ ไร่ อำเภอเขำสมงิ จังหวดั ตรำด และจังหวัดพระตะบอง

รำชอำณำจักรกัมพชู ำ (แนวเขตยำวประมำณ 86 กโิ ลเมตร)

ทิศตะวันตก ตดิ ตอ่ กับอำเภอเขำชะเมำ อำเภอแกลงจงั หวัดระยอง และอำเภอบ่อทอง

จังหวดั ชลบุรี

หน้าที่ ๓ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

จังหวดั จันทบรุ ี ได้แบ่งเขตการปกครองออกเปน็ 10 อาเภอ 76 ตาบล 731 หมบู่ า้ น 33 ชุมชน องคก์ ารปกครอง
ส่วนท้องถิ่น จานวน 82 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 5 แห่ง เทศบาลตาบล 42 แห่ง
และองคก์ ารบริหารส่วนตาบล 34 แหง่ มจี านวนประชากร รวมทั้งสน้ิ 537,685 คน เปน็ ชาย 263,484 คน เป็นหญิง
274,201 คน ทมี่ า : กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ,2563

จังหวัดตราด เป็นจังหวัดชำยแดนสุดฝ่ังทะเลตะวันออก มีรูปร่ำงลักษณะคล้ำยหัวช้ำง อำณำเขตด้ำนชำยแดน
ติดกับประเทศกัมพูชำทั้งทำงบกและทำงทะเล ยำว 330 กิโลเมตร โดยทำงบกติดกับทำงจังหวัดของประเทศกัมพูชำ ได้แก่
จงั หวัดพระตะบอง จงั หวัดโพธิสตั และจังหวัดเกำะกง ซ่งึ มแี นวชำยแดนธรรมชำติติดทวิ เขำบรรทดั เปน็ เส้นแบง่ เขตแดนตลอด
แนวยำว 165 กโิ ลเมตร และมแี นวอำณำเขตทำงทะเลยำว 165.5 กโิ ลเมตร มีพื้นที่ขนำดเลก็ เป็นอันดับ ๔ ของภำคตะวันออก
และเป็นอันดับท่ี ๖๒ ของประเทศ อยู่ห่ำงจำกกรุงเทพมหำนคร ตำมเส้นทำงสำยใหม่ บำงนำ-บ้ำนบึง- แกลง-ตรำด เป็น
ระยะทำง ๓๑๕ กิโลเมตร มีพ้ืนท่ีทำงบก 2,819 ตำรำงกิโลเมตร (1,761,000 ไร่) พนื้ ที่ปกครองทำงทะเล 7,257 ตำรำง
กโิ ลเมตร มีอำณำเขตตดิ ตอ่ กับจงั หวัดใกล้เคยี ง และประเทศเพ่ือนบำ้ น ดังน้ี

ทศิ เหนอื ติดต่อกับอำเภอขลุง จังหวดั จันทบุรี และรำชอำณำจักรกมั พชู ำ
ทศิ ใต้ ติดตอ่ กบั อำ่ วไทย และน่ำนน้ำทะเล รำชอำณำจักรกัมพชู ำ
ทิศตะวันออก ตดิ ตอ่ กับ รำชอำณำจักรกมั พูชำ มที วิ เขำบรรทัดเปน็ แนวกั้นเขตแดน
ทิศตะวนั ตก ตดิ ต่อกับ อำเภอขลงุ จังหวัดจนั ทบุรี
จังหวัดตราด ได้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 อาเภอ 38 ตาบล 261 หมู่บ้าน ชุมชน 96 ชุมชน องค์การบริหาร
ปกครองส่วนท้องถิ่น จานวน 44 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตาบล
13 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตาบล 29 แห่ง มีจานวนประชากร รวมทั้งส้ิน 229,749 คน เป็นชาย 114,150 คน
เปน็ หญิง 115,599 คน (ทม่ี า : กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ,2563)

หนา้ ท่ี ๔ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

โครงสร้างการบรหิ ารงาน
สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษาจันทบรุ ี ตราด

ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพนื้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาจนั ทบุรี ตราด

หน่วยตรวจสอบภายใน คณะกรรมการตดิ ตาม ตรวจสอบ
ประเมนิ ผลและนิเทศการศกึ ษา (ก.ต.ป.น.)
นางชดิ ชนก ไชยพงษ์ (ผอ.กล่มุ )
กล่มุ กฎหมายและคดี

นายณชั รนั ภรู่ ะหงษ์ (ปฎบิ ตั ิหน้าที่ ผอ.กลุ่ม)
- นำยสหชัย บุญสิน

นายพทิ ยตุ ม์ กงกลุ นางสาวบณุ ยกลุ หตั ถกี นางสาวทิวา ยานไกล
รอง ผอ.สพม.จบตร รอง ผอ.สพม.จบตร รอง ผอ.สพม.จบตร

กลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและ กลุ่มอานวยการ
ประเมินผลการจดั การศึกษา
นางวภิ า สะอาด (ผอ.กล่มุ ) นายสเุ มธ บรรเทาวงษ์ (ผอ.กลมุ่ )
- นำงสลกั จิตต์ สงิ ขดุ ร นางสรุ ศิ า รมิ คีรี (ผอ.กล่มุ ) - นำงสำวพรทิพย์ พึ่งฝ่ัง
- นำงนิตย์รดี ใจอำษำ - นำงสำวเบญจวรรณ จดิ๊ ชัง - นำงสุนนั ทำ จติ ต์แกว้
- นำยนรทิ ธิ์ สขุ อำไพจติ ร - นำงสำวชลกติ ย์ วงศค์ ช - นำยสุรสิทธ์ิ รตั นนกิ ร
- นำงสมพร วงษช์ ยั - นำงสำวสำยทพิ ย์ วสธุ รกุล
- นำงสำวกรรณิกำร์ พลับพลี - นำงอภิญญำ สวุ รรณทรัพย์
- นำงสณุ ิสำ นยิ มศิลป์

กลุ่มบรหิ ารงานการเงินและสนิ ทรพั ย์ กลุม่ ส่งเสรมิ การจัดการศกึ ษา กลุ่มนโยบายและแผน

นางนวลนภา ณรงคพ์ ฒั นกจิ (ผอ.กลุ่ม) นางสาวบงกช พลู เกษม (ผอ.กลุ่ม) นางสาวดรณุ ี ชวาลารตั น์ (ผอ.กลุม่ )
- นำงนรศิ รำ วสิ พันธ์ - นำงสำวปิยวรรณ เกดิ เจรญิ - นำงรื่นฤดี เกตโุ ชติ
- นำงสำววนั ทนยี ์ เอย่ี มสะอำด - นำงสำวสนุ นั ทำ สถิตธำมรงค์ - นำงสำวสุกญั ญำ ชำญพนำ
- นำยณรงค์ พิริยะกติ ตกิ ำร - นำงสำวจรนิ ทร์ทิพย์ ทองคำ
กล่มุ พฒั นาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา - นำงสำวณฐั รนิ ีย์ มณวี รรณ - นำยนฤพล มว่ งศรี

นางจฑุ าทพิ คา้ ผล (ปฎบิ ตั หิ น้าที่ ผอ.กลุ่ม) กลมุ่ สง่ เสรมิ การศกึ ษาทางไกล
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร

นายก้องธรรม มติ รดารงค์ (ปฎิบัตหิ นา้ ที่ ผอ.กลมุ่ )
- นำยชัยสทิ ธิ เนรมิต
- นำยคณิต ขลิรัมย์

สถำนศึกษำในสงั กดั จำนวน ๓๙ โรงเรียน

หน้าที่ ๕ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผลและนเิ ทศการศกึ ษา (ก.ต.ป.น.)

1. ผอู้ านวยการสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจนั ทบุรี ตราด ประธานกรรมการ

2. นางสุภาวดี อายุเจริญ ผอู้ านวยการโรงเรยี นสตรีประเสรฐิ ศลิ ป์ กรรมการ

ผูแ้ ทนผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานของรฐั

3. นางสาวนงนุช อสัมภินวงศ์ ผู้อานวยการโรงเรียนตงั เอง็ กรรมการ

ผูแ้ ทนผู้บริหารสถานศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐานของเอกชน

4. นางสาวสายพิณ พิมล ผูท้ รงคุณวฒุ ิด้านการศึกษาปฐมวยั กรรมการ

5. นายสาเรงิ ศรสี ิทธิชัยสกลุ ผู้ทรงคณุ วุฒดิ ้านการวจิ ัยและประเมินผล กรรมการ

6. นายสวุ รรณ ทวผี ล ผู้ทรงคณุ วฒุ ดิ า้ นการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน กรรมการ

7. นายวรวิทย์ พรหมคช ผูท้ รงคณุ วฒุ ิดา้ นการบรหิ ารการศึกษา กรรมการ

8. นายคมสัน ณ รงั ษี ผู้ทรงคณุ วฒุ ดิ ้านศาสนา ศิลปะและวฒั นธรรม กรรมการ

9. ผู้อำนวยกำรกลมุ่ นิเทศ ตดิ ตำมและประเมินผลกำรจดั กำรศึกษำ สพม.จบตร กรรมกำรและเลขำนุกำร

หมำยเหตุ : ตามประกาศแตง่ ตั้งคณะกรรมการตดิ ตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผล และนิเทศการศึกษาของสานักงาน
เขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา เขต ๑๗ ณ วนั ท่ี ๒๒ ตลุ าคม ๒๕๖๓

เครือข่ายสหวทิ ยาเขต สานกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษาจนั ทบรุ ี ตราด

จังหวัดจันทบรุ ี

1. สหวทิ ยำเขตทับทมิ ทต่ี ง้ั : โรงเรียนเบญจมรำชทู ศิ จงั หวดั จนั ทบุรี ประกอบด้วย 4 โรงเรียน คือ

1.1 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวดั จันทบรุ ี 1.2 โรงเรยี นบางกะจะ

1.3 โรงเรยี นนายายอามพิทยาคม 1.4 โรงเรยี นมธั ยมท่าแคลง

2. สหวทิ ยำเขตบษุ รำคมั ท่ีตั้ง : โรงเรียนเบญจมำนุสรณ์ ประกอบด้วย 5 โรงเรยี น คือ

2.1 โรงเรยี นเบญจมานสุ รณ์ 2.2 โรงเรียนขลงุ รัชดาภิเษก

2.3 โรงเรียนตกพรมวิทยาคาร 2.4 โรงเรยี นบอ่ วิทยาคาร

2.5 โรงเรยี นแหลมสงิ ห์วทิ ยาคม “อาทรสังขะวฒั นะ ๔ อุปถัมภ์”

3. สหวิทยำเขตไพลนิ ท่ีตงั้ : โรงเรยี นทำ่ ใหม่ “พูลสวัสดิ์รำษฎรน์ กุ ูล” ประกอบด้วย 5 โรงเรยี น คือ

3.1 โรงเรยี นทา่ ใหม่ “พลู สวสั ดร์ิ าษฎร์นกุ ลู ” 3.2 โรงเรียนสะพานเลอื กวิทยาคม

3.3 โรงเรยี นศรรี ตั นร์ าษฎร์นเุ คราะห์ 3.4 โรงเรยี นมัธยมวดั เขาสุกมิ

3.5 โรงเรยี นแก่งหางแมวพทิ ยาคาร

4. สหวทิ ยำเขตมรกต ท่ตี ั้ง : โรงเรียนศรียำนุสรณ์ ประกอบดว้ ย 5 โรงเรียน คอื

4.1 โรงเรียนศรยี านสุ รณ์ 4.2 โรงเรียนมะขามสรรเสรญิ

4.3 โรงเรยี นคชิ ฌกูฏวทิ ยา 4.4 โรงเรยี นคลองพลูวิทยา

4.5 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 48

5. สหวทิ ยำเขตสตำร์บษุ ที่ตั้ง : โรงเรียนสอยดำววิทยำ ประกอบดว้ ย 5 โรงเรียน คอื

5.1 โรงเรยี นสอยดาววิทยา 5.2 โรงเรียนทุง่ ขนานวทิ ยา

5.3 โรงเรียนโป่งนา้ ร้อนวิทยาคม 5.4 โรงเรียนหนองตาคงพิทยาคาร

5.5 โรงเรยี นเครอื หวายวทิ ยาคม

หนา้ ที่ ๖ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

จงั หวดั ตราด

1. สหวทิ ยำเขตตรำษตระกำรคณุ ทต่ี ัง้ : โรงเรียนตรำษตระกำรคณุ ประกอบดว้ ย 6 โรงเรยี น คือ

1.1 โรงเรยี นตราษตระการคณุ 1.2 โรงเรยี นเกาะกดู วิทยาคม

1.3 โรงเรียนคลองใหญ่วทิ ยาคม 1.4 โรงเรียนแหลมงอบวทิ ยาคม

1.5 โรงเรยี นอา่ วใหญ่พิทยาคาร 1.6 โรงเรียนเกาะช้างวิทยาคม

2. สหวทิ ยาเขตเขาสมิง-บอ่ ไร่ ท่ีต้งั : โรงเรยี นเขาสมิงวทิ ยาคม“จงจนิ ต์รุจิรวงศอ์ ปุ ถมั ภ์” ประกอบดว้ ย 6 โรงเรยี น คือ

2.1 โรงเรียนเขาสมิงวิทยาคม “จงจินตร์ จุ ริ วงศ์อปุ ถัมภ์” 2.2 โรงเรยี นบอ่ ไร่วิทยาคม

2.3 โรงเรียนประณตี วิทยาคม 2.4 โรงเรียนหนองบอนวทิ ยาคม

2.5 โรงเรยี นสะตอวิทยาคม รชั มังคลาภเิ ษก 2.6 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 49

3. สหวทิ ยำเขตสตรีประเสรฐิ ศลิ ป์ ทตี่ ั้ง :โรงเรยี นสตรปี ระเสรฐิ ศลิ ป์ ประกอบด้วย 5 โรงเรียน คือ

3.1 โรงเรียนสตรีประเสรฐิ ศลิ ป์ 3.2 โรงเรียนเขาน้อยวทิ ยาคม

3.3 โรงเรียนตราดสรรเสรญิ วทิ ยาคม 3.4 โรงเรียนเนินทรายวิทยาคม

3.5 โรงเรียนวดั คริ วี หิ าร (สมเดจ็ พระวันรตั อุปถมั ภ)์

หมายเหตุ : ตามประกาศการจัดตงั้ สหวทิ ยาเขต สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 17 ณ วนั ท่ี 23 มิถุนายน 2563

ศูนยพ์ ัฒนำวชิ ำกำรกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ กล่มุ กจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน และศูนยส์ ำรสนเทศ

ที่ ศนู ยพ์ ฒั นำวชิ ำกำรกลุ่ม ระดบั สพม.จบตร ระดบั จงั หวดั จันทบรุ ี ระดบั จังหวัดตรำด

สำระกำรเรียนรู้

1 ศูนยภ์ ำษำไทย โรงเรยี นเขำสมงิ วิทยำคม “จงจนิ ต์ โรงเรียนนำยำยอำมพิทยำคม โรงเรยี นเขำสมงิ วิทยำคม

รจุ ิรวงศ์อุปถมั ภ์ “จงจินตร์ จุ ิรวงศ์อปุ ถมั ภ”์

2 ศูนยค์ ณติ ศำสตร์ โรงเรียนศรียำนสุ รณ์ โรงเรยี นคชิ ฌกูฎวทิ ยำ โรงเรียนสตรปี ระเสริฐศลิ ป์
3 ศูนย์วิทยำศำสตร์ โรงเรยี นเบญจมรำชทู ศิ จงั หวดั โรงเรียนเบญจมรำชูทศิ จงั หวดั โรงเรียนตรำษตระกำรคณุ
จันทบรุ ี จันทบุรี
4 ศูนยภ์ ำษำต่ำงประเทศ โรงเรยี นสตรปี ระเสริฐศลิ ป์ โรงเรียนศรียำนสุ รณ์ โรงเรยี นสตรปี ระเสริฐศลิ ป์
5 ศนู ย์สังคมศกึ ษำ โรงเรียนขลงุ รชั ดำภเิ ษก โรงเรียนขลงุ รัชดำภเิ ษก โรงเรยี นคลองใหญ่วิทยำคม

6 ศนู ย์สขุ ศึกษำและพลศึกษำ โรงเรยี นเบญจมำนสุ รณ์ โรงเรียนสอยดำววิทยำ โรงเรยี นแหลมงอบวทิ ยำคม

7 ศูนย์ศิลปะ โรงเรยี นตรำดสรรเสริญวทิ ยำคม โรงเรยี นเบญจมำนสุ รณ์ โรงเรียนตรำดสรรเสรญิ วิทยำคม

8 ศนู ย์กำรงำนอำชพี และ โรงเรยี นตรำษตระกำรคณุ โรงเรียนเบญจมรำชูทิศจังหวัด โรงเรียนตรำษตระกำรคณุ
จังหวดั ตรำด จันทบุรี
เทคโนโลยี โรงเรยี นทำ่ ใหม่ “พลู สวสั ดิ์ โรงเรียนทำ่ ใหม่ “พูลสวสั ดิ์ โรงเรียนบ่อไร่วทิ ยำคม
รำษฎรน์ กุ ลู ” รำษฎรน์ ุกลู ”
9 ศนู ยก์ ิจกรรมพฒั นำผู้เรียน โงรเรียนแหลมสิงหว์ ทิ ยำคม โรงเรียนแหลมสงิ ห์วิทยำคม โรงเรยี นตรำษตระกำรคณุ
“อำทรสงั ขะวฒั นะ 4 อปุ ถมั ภ”์ “อำทรสงั ขะวัฒนะ 4 อุปถมั ภ”์
10 ศูนย์เทคโนโลยสี ำรสนเทศ

หมายเหตุ : ตามประกาศการจดั ตง้ั ศูนยพ์ ฒั นาวชิ าการกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ กลมุ่ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น และศนู ยส์ ารสนเทศของ
สานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 17 ณ วันที่ ๒๓ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๕๖๓

หนา้ ที่ ๗ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

๕.ขอ้ มูลสารสนเทศดา้ นการศกึ ษา

ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษาจันทบรุ ี ตราด มีปริมาณงาน
ดังตอ่ ไปนี้

ข้อมูลจำนวนโรงเรยี น

ตำรำงที่ ๑ แสดงจานวนโรงเรียนในสังกัด จานวน ๓๙ โรง จาแนกเป็น จังหวัดจันทบุรี ๒๓ โรง
จงั หวดั ตราด ๑๖ โรง แยกตามอาเภอ ข้อมลู จาก DMC. ณ วันที่ 20 กรกฏาคม 2563

จังหวดั จนั ทบุรี

อำเภอ โรงเรียน จำนวนนักเรียน
ม.ตน้ ม.ปลำย รวม

1.เบญจมราชูทศิ จงั หวัดจันทบรุ ี 1,087 1,756 2,843

เมืองจนั ทบุรี ๒. ศรยี านสุ รณ์ 1,114 1,652 2,766
๓. เบญจมานสุ รณ์
930 757 1,687

๔. บางกะจะ 51 23 74

๑. ทา่ ใหม่ “พูลสวสั ดิ์ราษฎรน์ ุกลู ” 701 885 1,586

ทา่ ใหม่ ๒. มัธยมวดั เขาสกุ มิ ๘๘ 69 1๕7
๓. ศรรี ตั นร์ าษฎร์นเุ คราะห์ 4๒ 69 11๑

๔. สะพานเลอื กวทิ ยาคม 39 32 71

แก่งหางแมว ๑. แก่งหางแมวพทิ ยาคาร 513 359 872

นายายอาม ๑. นายายอามพทิ ยาคม 465 353 818
๒. มัธยมทา่ แคลง 46 28 74

๑. ขลุงรชั ดาภิเษก 164 468 813

ขลงุ ๒. บ่อวทิ ยาคาร 67 19 86

๓. ตกพรมวิทยาคาร 67 101 168

๑. โป่งน้ารอ้ นวิทยาคม 382 280 662

โปง่ น้าร้อน ๒. เครอื หวายวทิ ยาคม 114 67 181

๓. หนองตาคงพทิ ยาคาร 359 280 639

มะขาม ๑. มะขามสรรเสริญ 303 169 472

แหลมสงิ ห์ ๑. แหลมสิงหว์ ิทยาคม "อาทรสังขะวัฒนะ 4 อุปถัมภ"์ 517 360 877

สอยดาว ๑. สอยดาววิทยา 797 541 1,338
๒. ทงุ่ ขนานวทิ ยา 362 206 568

เขาคชิ ฌกูฎ ๑. คชิ ฌกฎู วทิ ยา 428 259 687
๒. คลองพลวู ิทยา 105 71 176

รวมนักเรยี นจังหวดั จันทบรุ ี 8,9๒๒ 8,804 17,7๒๖

หน้าท่ี ๘ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

จังหวดั ตราด

จำนวนนกั เรียน

อำเภอ โรงเรยี น ก่อน ประถม ม.ต้น ม.ปลำย รวม

ประถม ศกึ ษำ

๑. ตราษตระการคุณ 1,061 91๕ 1,9๗๖

๒. สตรปี ระเสริฐศลิ ป์ 1023 8๒2 1,845

๓. ตราดสรรเสรญิ วทิ ยาคม 383 142 525
เมอื งตราด ๔. วดั คิรวี หิ าร(สมเดจ็ พระวันรตั อปุ ถมั ภ)์ 66 19๑ 101 48 4๐๖

๕. เขาน้อยวิทยาคม 114 64 178

๖. อ่าวใหญพ่ ิทยาคาร 107 40 147

๗. เนินทรายวทิ ยาคม 85 28 113

คลองใหญ่ ๑. คลองใหญว่ ิทยาคม 661 372 1,033

๑. เขาสมิงวิทยาคม “จงจินตร์ ุจริ วงศ์อปุ ถัมภ”์ 620 411 1,031
เขาสมิง ๒. สะตอวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก
120 70 190

๓. ประณตี วิทยาคม 40 27 67

บอ่ ไร่ ๑. บอ่ ไรว่ ิทยาคม 510 26๓ 77๓
๒. หนองบอนวทิ ยาคม 158 93 251

แหลมงอบ ๑. แหลมงอบวทิ ยาคม 284 136 420

เกาะช้าง ๑. เกาะช้างวิทยาคม 26 158 105 93 382

เกาะกดู ๑. เกาะกูดวทิ ยาคม 81 45 126

รวมนักเรียนจงั หวัดตรำด 92 3๔๙ 5,453 3,๕๖๙ 9,4๖๓

รวมนักเรียนทงั้ หมด 92 3๔๙ 14,3๗๕ 12,37๓ 27,1๘๙

ตำรำงที่ ๒ แสดงขนาดโรงเรยี น จาแนกตามจานวนนกั เรยี น (แบ่งขนาดตามเกณฑ์โรงเรยี นมัธยมศึกษา)

ขนำด จำนวนนกั เรียน จงั หวดั จันทบรุ ี จังหวดั ตรำด จำนวน (โรงเรยี น)
โรงเรยี น
10 10 20
ขนาดเล็ก ตั้งแต่ 1 – 499 คนลงมา 9 4 13
2 2 4
ขนาดกลาง ตง้ั แต่ 500 – 1,499 คน 2 0 2
23 16 39
ขนาดใหญ่ ตงั้ แต่ 1,500 – 2,499 คน

ขนาดใหญ่พิเศษ ตงั้ แต่ 2,500 คนขนึ้ ไป

รวมทั้งส้นิ

ขนำดโรงเรียน จำนวนนักเรยี น จงั หวัดจันทบรุ ี จังหวัดตรำด จำนวน (โรงเรียน)
๙ ๗ ๑๖
ขนาดเล็ก ตั้งแต่ ๓๕๙ คนลงมา 9 ๗ ๑๖
2 0 ๒
ขนาดกลาง ตง้ั แต่ ๓๖๐– 1,๐๗9 คน ๓ ๒ ๕
23 16 39
ขนาดใหญ่ ตง้ั แต่ 1,๐๘0 – ๑,๖๗9 คน

ขนาดใหญ่พิเศษ ต้ังแต่ ๑,๖๘0 คนขึน้ ไป

รวมทง้ั สน้ิ

หนา้ ท่ี ๙ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตำรำงที่ ๓ ประเภทโรงเรียนตำมโครงกำรพิเศษในสงั กัดสำนักงำนเขตพน้ื ท่กี ำรศึกษำมธั ยมศกึ ษำจันทบุรี ตรำดเ

โรงเรียน มำตรฐำนสำกล โรงเรียน ุคณภำพประจำตำบล โรงเรียน ิวถีพุทธ โรงเรียนประชำรัฐ โรงเรียนเครือข่ำยสะเต็ม ึศกษำ โรงเรียนจัดกำรเรียนร่วม คอร์นเ ็นก ์ซอี ีด เครือข่ำยโรงเรียน ุสจริต... สถำน ึศกษำพอเพียง ีป...
ที่

ScQA
OBECQA

1 เบญจมราชทู ิศ จงั หวัดจันทบรุ ี / / 2554
2 บางกะจะ
3 ศรียานุสรณ์ 2556

4 เบญจมานุสรณ์ // 2554
5 ท่าใหม“่ พูลสวสั ด์ิราษฎรน์ กุ ลู ”
6 มัธยมวดั เขาสุกมิ // / 2554

7 ศรรี ตั นร์ าษฎรน์ ุเคราะห์ // / 2554
8 สะพานเลอื กวทิ ยาคม
9 แกง่ หางแมวพทิ ยาคาร // // 2554
10 นายายอามพิทยาคม
11 มัธยมทา่ แคลง / / / 2556
12 ตกพรมวทิ ยาคาร
13 บอ่ วทิ ยาคาร / / 2557
14 ขลงุ รชั ดาภเิ ษก
15 เครือหวายวิทยาคม / / / / / / 2556
16 โปง่ น้ารอ้ นวทิ ยาคม
17 หนองตาคงพทิ ยาคาร // / 2556
18 มะขามสรรเสรญิ
19 แหลมสงิ ห์วทิ ยาคมฯ // / 2554
20 สอยดาววทิ ยา
21 ทงุ่ ขนานวทิ ยา / / / 2554
22 คิชฌกูฎวทิ ยา
23 คลองพลวู ทิ ยา / 2556
24 เกาะชา้ งวทิ ยาคม
/ / / / / / 2554
25 ตราษตระการคุณ
// // / 2558
26 สตรปี ระเสรฐิ ศิลป์
// / 2554
27 ตราดสรรเสริญวิทยาคม
/ // / 2556
28 วดั คริ ีวิหาร(สมเด็จพระวนั รตั อปุ ถมั ภ)์
/ / 2554
29 เขานอ้ ยวิทยาคม
// // 2554
30 อา่ วใหญ่พทิ ยาคาร
31 เนินทรายวทิ ยาคม / / / / / / 2554
32 คลองใหญ่วทิ ยาคม
33 เขาสมงิ วทิ ยาคมฯ // / 2556
34 สะตอวทิ ยาคมรชั มังคลาภเิ ษก
35 ประณีตวทิ ยาคม / / / / / / 2554
36 บอ่ ไรว่ ทิ ยาคม
37 หนองบอนวทิ ยาคม // / / 2556
38 แหลมงอบวทิ ยาคม
39 เกาะกดู วทิ ยาคม / / 2554

รวมจานวนโรงเรียน / / 2554

/ // 2552

/ / 2554

/ // 2554
//
/ 2552
/
/ / 2556
//
/ // / 2554

/ // 2556
//
// // / 2554
//
// / 2554
/
๑๓ ๗ ๒๗ ๑๗ / 2554

// / 2556

/ 2552

// 2556

2557

๑๒ ๓๕ ๓ ๑๑

หน้าท่ี ๑๐ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ขอ้ มลู บุคลำกร

ตำรำงท่ี ๔ แสดงจานวนบุคลากรในสถานศึกษา จาแนกตามประเภท

โรงเรียนใน ผ้อู ำนวยกำร รอง ข้ำรำชกำรครู พนกั งำน ลูกจำ้ ง ลูกจ้ำง รวม
สังกดั โรงเรียน ผอู้ ำนวยกำร รำชกำร ประจำ ช่ัวครำว ทั้งหมด

โรงเรยี น

จังหวัดจันทบรุ ี 23 ๓๐ 9๓๑ 3๖ 3๑ ๔๔ 1,๐๙๕

จังหวดั ตราด 16 ๑๔ ๔๙๑ 3๖ ๙ ๒๘ ๕๙๔

รวม 2 จงั หวัด 39 ๔๔ 1,4๒2 7๒ 4๐ ๗๒ 1,๖๘๙

ตารางท่ี ๕ แสดงขอ้ มูลจำนวนบุคลำกรในสถำนศกึ ษำ จำแนกตำมสำยงำนและวุฒกิ ำรศึกษำ

ตาแหน่ง ไมม่ วี ทิ ยฐำนะ ระดบั วทิ ยฐานะ เช่ยี วชำญ รวม
ผู้อำนวยกำร (คน) (คน) (คน)
๐ ชำนำญกำร ชำนำญกำรพิเศษ
(คน) (คน) ๒ ๓๙
๔๔
๖ ๓๑ ๑,๔๒๒
๗๒
รองผ้อู ำนวยกำร ๑ ๒๓ ๒๐ ๐ ๔๐
๗๒
ครู ๖๐๘ ๔๙๒ ๓๒๐ ๒ ๑,๖๘๙

พนักงำนรำชกำร ๗๒ ๐ ๐ ๐ รวม
(คน)
ลกู จำ้ งประจำ ๔๐ ๐ ๐ ๐
๓๙
ลกู จ้ำงชั่วครำว ๗๒ ๐ ๐ ๐ ๔๔
๑,๔๒๒
รวม ๗๙๓ ๕๒๑ ๓๗๑ ๔ ๗๒
๔๐
ตาแหน่ง ต่ำกวำ่ ปริญญำตรี ปรญิ ญำตรี วฒุ กิ ารศกึ ษา ปรญิ ญำเอก ๗๒
ผ้อู ำนวยกำร (คน) (คน) (คน) ๑,๖๘๙
๐ ปริญญำโท
๔ (คน) ๒

๓๓

รองผ้อู ำนวยกำร ๐ ๖ ๓๗ ๑

ครู ๐ ๑,๐๓๔ ๓๘๔ ๔

พนักงำนรำชกำร ๐ ๗๒ ๐ ๐

ลกู จ้ำงประจำ ๓๕ ๕ ๐ ๐

ลกู จำ้ งช่ัวครำว ๑๑ ๖๑ ๐ ๐

รวม ๔๖ ๑,๑๘๒ ๔๕๔ ๗

ทีม่ า : ขอ้ มูลจากกลมุ่ บรหิ ารงานบคุ คล ณ วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน 2563

หน้าท่ี ๑๑ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตำรำงท่ี ๖ แสดงจานวนขา้ ราชการและบคุ ลากรในสานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามธั ยมศกึ ษาจันท

ท่ี ตำแหน่ง ชำย หญิง รวมทั้งหมด
1 ผอู้ านวยการสานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษา ๑- 1
2 รองผู้อานวยการสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษา 1๒ ๓
3 ศกึ ษานิเทศก์ 38 ค (1) -๕ ๕
4 นกั จดั การงานท่วั ไป 12 3
5 เจา้ พนกั งานธุรการ -3 3
6 นกั วชิ าการเงนิ และบญั ชี -2 2
7 เจ้าพนักงานการเงนิ และบัญชี -1 1
8 นกั ทรพั ยากรบุคคล 1๕ ๖
9 นิติกร 2- 2
10 นักวเิ คราะห์นโยบายและแผน -4 4
11 นักวิชาการคอมพวิ เตอร์ 3- 3
12 นักวชิ าการศึกษา 13 4
13 นกั วิชาการตรวจสอบภายใน -1 1
14 นกั จติ วิทยา -1 1
15 ลูกจ้างประจา 1- 1
๑๖ ลกู จา้ งช่วั คราว (งบ สพฐ) ๒๑ ๓
1๗ ลกู จา้ งชัว่ คราว (งบบริหารสานักงาน) 3๙ 1๒
1๖ ๓๙ ๕๕
รวม

ที่มา : ขอ้ มูลจากกลุ่มบรหิ ารงานบุคคล ณ วนั ท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓

ตารางท่ี ๗ แสดงขอ้ มูลจำนวนบคุ ลำกรท่ีปฏิบตั ิในสำนกั งำนเขตพ้นื ทกี่ ำรศึกษำ จำแนกตำมสำยงำนและวุฒกิ ำรศกึ ษำ

ระดบั ตาแหน่ง

ตาแหน่ง ปฏบิ ตั งิ ำน ชำนำญงำน ปฏบิ ตั ิกำร ชำนำญกำร ชำนำญกำร เชีย่ วชำญ รวม
(คน) (คน) (คน) (คน) พิเศษ (คน) (คน)
ผู้อำนวยกำร (คน)
รองผู้อำนวยกำร 00 0 0 0 1
ศกึ ษำนเิ ทศก์ 00 0 0 1 0 3
00 0 3 0 5
1 4

บุคลำกรทำงกำรศกึ ษำ 38 ค(2) 2 2 5 8 12 0 29

รวม 2 2 5 9 20 0 3๘

ตาแหน่ง ตำ่ กวำ่ ปริญญำตรี ปรญิ ญำตรี วุฒกิ ารศกึ ษา ปรญิ ญำเอก รวม
(คน) (คน) (คน) (คน)
ผอู้ ำนวยกำร ปรญิ ญำโท
รองผ้อู ำนวยกำร ๐ ๐ (คน) ๐ ๑
ศกึ ษำนเิ ทศก์ ๐ ๑ ๒ ๓
บุคลำกรทำงกำรศึกษำ 38 ค(2) ๐ ๑ ๑ ๒ ๕
๐ ๑๙ ๐ ๐ ๒๙
รวม ๐ ๒๑ ๒ ๔ ๓๘
๑๐
๑๓

หน้าท่ี ๑๒ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ขอ้ มลู จานวนนักเรยี น

ตารางท่ี ๘ แสดงข้อมลู จำนวนนักเรยี น จำแนกตำมระดบั ชั้น (ขอ้ มูล ณ วนั ที่ 20 กรกฏาคม 2563)

ระดบั ชั้น จนั ทบุรี ตราด รวม

ชน้ั อนบุ าลปที ่ี 2 ชาย หญิง รวม ชาย หญิง รวม ชาย หญงิ รวม
ชั้นอนุบาลปที ี่ 3
-- - 20 23 43 20 23 43
รวมระดับก่อนประถม -- - 29 20 49 29 20 49

ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 - - - 49 43 92 49 43 92
ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2
ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3 -- - 21 30 51 21 30 51
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 -- - 29 31 60 29 31 60
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5 -- - 28 34 62 28 34 62
ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 -- - 28 30 58 28 30 58
-- - 29 22 51 29 22 51
รวมระดับประถมศกึ ษำ -- - 40 27 67 40 27 67

ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 - - - 175 174 349 175 174 349
ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2
ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 1,440 1,587 3,027 923 921 1,844 2,363 2,508 4,871
1,484 1,522 3,006 900 947 1,847 2,384 2,469 4,853
รวมระดับมัธยมศกึ ษำตอนต้น 1,395 1,494 2,889 844 918 1,762 2,239 2,412 4,651

ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4 4,319 4,603 8,922 2,667 2,786 5,453 6,986 7,389 14,375
ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5
ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 1,190 1,920 3,110 537 741 1,278 1,727 2,661 4,388
1,139 1,821 2,960 476 747 1,223 1,615 2,586 4,183
รวมระดับมัธยมศกึ ษำตอนปลำย 1,064 1,670 2,734 410 658 1,068 1,474 2,328 3,802

3,393 5,411 8,804 1,423 2,146 3,569 4,816 7,557 12,373

รวมท้งั สิน้ 7,712 10,014 17,726 4,314 5,149 9,463 12,026๐ 15,163 27,189

หน้าท่ี ๑๓ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางที่ ๙ แสดงจำนวนนกั เรียนดอ้ ยโอกำสจำแนกตำมประเภท ปกี ำรศึกษำ ๒๕๖๓

ที่ รายการ จังหวดั จันทบุรี จังหวดั ตราด รวมท้ังหมด คิดเปน็ ร้อยละ

นักเรยี นท้งั หมด 17,726 9,463 27,189 100
1 เด็กที่ถกู บงั คบั ใหข้ ายแรงงาน
2 เดก็ ท่อี ยู่ในธรุ กจิ ทางเพศ 0 0 0 0
3 เด็กถกู ทอดท้ิง
4 เด็กในสถานพนิ จิ และคมุ้ ครองเยาวชน 0 0 0 0
5 เดก็ เรร่ ่อน
6 ผลกระทบจากเอดส์ 0 0 0 0
7 ชนกล่มุ นอ้ ย
8 เดก็ ถูกทาร้ายทารณุ 0 0 0 0
9 เดก็ ยากจน
10 เดก็ มปี ญั หาเกี่ยวกบั ยาเสพตดิ 0 0 0 0
11 เดก็ กาพรา้
12 เด็กทางานรับผดิ ชอบตนเองและครอบครัว 0 0 0 0

รวมด้อยโอกำส 0 0 0 0

0 0 0 0

๓,๕๖๔ ๒๕๗๒ ๖,๑๓๖ ๒๒.๕๗

0 0 0 0

๙ ๓๗ ๔๖ ๐.๑๗
๔ ๑ ๕ ๐.๐๒
๓,๕๗๗ ๒,๖๑๐ ๖,๑๘๗ ๒๒.๗๖

ตารางท่ี ๑๐ แสดงจำนวนนักเรยี นพิกำรเรยี นร่วม จำแนกตำมประเภทควำมพกิ ำร ปกี ำรศกึ ษำ ๒๕๖๓

ท่ี รายการ ประถมศกึ ษา ม.ต้น ม.ปลาย รวมทัง้ หมด คดิ เปน็ ร้อย
ละ

นกั เรียนทงั้ หมด ๓๕๖ ๑๔,๓๖๖ ๑๒,๓๗๘ ๒๗,๑๐๐ 100
1 บกพรอ่ งทางการเห็น
2 บกพรอ่ งทางการได้ยิน ๐ ๔ ๑ ๕ ๐.๐๒
3 บกพรอ่ งทางสตปิ ัญญา
4 บกพรอ่ งทางรา่ งกาย ๑ ๒ ๑ ๔ ๐.๐๑
๕ บกพรอ่ งทางสขุ ภาพ
๖ บกพร่องการเคลือ่ นไหว ๑๑ ๒๗ ๒๑ ๕๙ ๐.๒๒
๗ ปัญหาทางการเรยี นรู้
๘ บกพร่องทางการพดู /ภาษา ๐ ๔ ๘ ๑๒ ๐.๐๔
๙ ปญั หาทางพฤตกิ รรม/อารมณ์
๑๐ บุคคลออทิสตกิ ๐ ๒ ๐ ๒ ๐.๐๑
๑๑ พิการซอ้ น
๐ ๐ ๑ ๑ ๐.๐๑
รวมนกั เรยี นพิกำรเรียนรว่ ม
ร้อยละของแต่ระดบั ชน้ั ๓๙ ๒๑๕ ๕๓ ๓๐๗ ๑.๑๓

๐ ๐ ๐๐๐

๑ ๒ ๑ ๔ ๐.๐๑

๐ ๐ ๔ ๔ ๐.๐๑

๑ ๑ ๐ ๒ ๐.๐๑

๕๒ ๒๕๗ ๙๐ ๓๙๙ ๑.๔๗

๐.๑๙ ๐.๙๕ ๐.๓๓ ๑.๔๗

หนา้ ท่ี ๑๔ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ผลการดาเนินงานทผี่ ่านมา

จำกผลกำรดำเนนิ งำนท่ผี ำ่ นมำในปีงบประมำณ ๒๕๖๓ สรปุ ได้ ดงั นี้
ด้านคณุ ภาพการจัดการศกึ ษา
ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2562 ของนักเรียนชั้น

มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 และชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ของสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษาจนั ทบุรี ตราด ดงั นี้
ตำรำงที่ ๑๑ แสดงคา่ คะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาตขิ นั้ พน้ื ฐาน (O-NET)
ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2562

ระดับ กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ รวมค่ำเฉล่ยี

สพม.จบตร(จังหวดั จนั ทบุร)ี ภำษำไทย ภำษำองั กฤษ คณิตศำสตร์ วิทยำศำสตร์ ทุกกลมุ่ สำระ
สพม.จบตร (จงั หวัดตรำด)
สพม.จบตร 55.58 31.52 25.65 29.61 35.59
สพฐ.
ประเทศ 55.39 30.73 26.28 30.17 35.64
เปรยี บเทยี บผลต่าง
ระดบั สพม.จบตร กบั ระดบั ประเทศ 55.50 31.20 25.91 29.84 35.61

55.91 32.98 26.98 30.22 36.52

55.14 33.25 26.73 30.07 36.30

+0.36 -2.05 -0.82 -0.23 -0.69

แผนภูมิที่ 1 เปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติข้ันพื้นฐาน (O-NET)ของนักเรียน
ช้นั มธั ยมศกึ ษำปีที่ ๓ รำยกลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ระดบั ประเทศ กับ ระดับ สพม.จบตร

จากผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐาน (O-NET) ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในสังกัด
สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ปีการศึกษา ๒๕๖๒ ในภาพรวมพบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยต่ากว่า
ระดับประเทศ เมอ่ื พิจารณารายกลุ่มสาระการเรียนรู้ ค่าคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าระดับประเทศ คือ วชิ าภาษาไทย และค่าเฉลี่ย
ต่ากวา่ ระดับประเทศ โดยเรยี งลาดบั จากนอ้ ยไปหามาก ดงั น้ี วิชาวทิ ยาศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์ และ วิชาภาษาองั กฤษ

หน้าที่ ๑๕ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางท่ี ๑๒ แสดงคำ่ คะแนนเฉล่ียผลกำรทดสอบทำงกำรศกึ ษำระดับชำติขั้นพน้ื ฐำน (O-NET)
ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๖ ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๒

ระดบั ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ รวมคา่ เฉลีย่

สังคม ภาษาองั กฤษ คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ทกุ กลมุ่ สาระ

สพม.จบตร (จังหวัดจันทบุร)ี 37.76 33.48 24.27 19.96 26.34 28.36

สพม.จบตร (จงั หวัดตรำด) 40.61 35.38 25.54 22.22 27.88 30.33
สพม.จบตร 38.93 34.26 24.79 20.89 26.97 29.17
สพฐ. 43.02 36.10 28.97 25.62 29.40 32.62
ประเทศ 42.21 35.70 29.20 25.41 29.20 32.34

เปรยี บเทยี บผลตา่ ง -3.28 -1.44 -4.41 -4.52 -2.23 -3.17

ระดับ สพม.จบตร กบั ระดบั ประเทศ

แผนภูมิที่ ๒ เปรียบเทียบผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำติขั้นพื้นฐำน (O-NET)ของนักเรียน
ช้นั มัธยมศกึ ษำปที ่ี ๖ รำยกลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ ระดบั ประเทศ กับ ระดบั สพม.จบตร

จำกผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำติข้นั พนื้ ฐำน (O-NET) ของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษำปที ่ี ๖ ในสงั กัด
สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำมัธยมศึกษำจันทบุรี ตรำด ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๒ ในภำพรวมพบว่ำค่ำคะแนนเฉลี่ย ต่ำกว่ำ
ระดับประเทศ เม่ือพิจำรณำรำยกลุ่มสำระกำรเรียนรู้ โดยเรียงลำดับจำกน้อยไปหำมำก ดังน้ี วิชำสังคมศึกษำ วิชำ
วทิ ยำศำสตร์ วิชำภำษำไทย วชิ ำภำษำองั กฤษ และวิชำคณิตศำสตร์

หน้าที่ ๑๖ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางท่ี ๑๓ เปรยี บเทยี บผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำตขิ ัน้ พนื้ ฐำน (O-NET) ระหวำ่ ง ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๑
และ ๒๕๖๒ ของนักเรียนในระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปที ่ี ๓ และมัธยมศึกษำปีท่ี ๖

ระดับการศึกษา ปีการศึกษา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ รวมค่าเฉลี่ยทกุ

ภาษาไทย สังคม ภาษาองั กฤษ คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ สาระ

ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 3 2561 54.65 - 27.69 29.48 35.56 36.84
ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 2562 55.50
ผลตา่ ง +0.85 - 31.20 25.91 29.84 35.61
สรุปผล เพิ่มขนึ้
- +3.51 -3.57 -5.72 -1.23
2561 42.45
2562 38.93 - เพมิ่ ขึ้น ลดลง ลดลง ลดลง
ผลตา่ ง -2.52
สรุปผล ลดลง 32.98 25.63 25.02 27.86 30.79
34.26 24.79 20.89 26.97 29.17
+1.28 -0.84 -4.13 -0.89 -1.62
เพิม่ ขึ้น ลดลง ลดลง ลดลง ลดลง

จำกกำรเปรียบเทียบผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำติข้ันพื้นฐำน (O-NET) ระหว่ำงปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๑
และ ๒๕๖๒ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี ๓ มีค่ำเฉลี่ยเพ่ิมข้ึน ๒ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ได้แก่ วิชำภำษำไทย และ
ภำษำองั กฤษ ในภำพรวมทุกกลมุ่ สำระค่ำเฉล่ีย ลดลง -๑.๒๓ สำหรับนกั เรียนระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี ๖ มีคำ่ เฉลีย่ เพ่ิมขึ้น
๑ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ไดแ้ ก่ วิชำสังคมศึกษำ ในภำพรวมทกุ กลมุ่ สำระค่ำเฉล่ยี ลดลง -๑.๖๒

หน้าที่ ๑๗ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางที่ ๑๔ ผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดับชำตขิ ้ันพ้ืนฐำน (O-NET) ย้อนหลงั ๕ ปีกำรศึกษำ
(พ.ศ.2558-2562) ระดับชั้นมัธยมศึกษำปที ี่ ๓

กลุ่มสาระการ ระดบั ปกี ำรศึกษำ
เรียนรู้
2558 2559 2560 2561 2562
สพม.จบตร (จังหวัดจนั ทบรุ ี)
ภำษำไทย สพม.จบตร (จังหวดั ตราด) 42.59 46.44 47.51 55.27 55.58

สพม.จบตร 42.46 42.60 47.78 53.75 55.39

สพม.จบตร (จังหวดั จนั ทบุรี) 43.76 49.00 51.89 54.65 55.50
ภำษำองั กฤษ สพม.จบตร (จังหวัดตราด) 29.10 30.10 28.40 27.90 31.52
29.01 27.77 28.76 27.39 30.73
สพม.จบตร 32.51 33.85 31.67 27.69 31.20
สพม.จบตร (จงั หวดั จันทบรุ ี) 31.45 27.60 25.60 29.05 25.65
คณิตศำสตร์ สพม.จบตร (จงั หวัดตราด) 30.53 25.58 24.95 30.11 26.28
สพม.จบตร 35.61 32.40 30.80 29.48 25.91
สพม.จบตร (จังหวดั จันทบรุ ี) 36.05 34.65 31.30 35.99 29.61
วทิ ยำศำสตร์ สพม.จบตร (จังหวัดตราด) 35.92 30.99 31.54 34.93 30.17
สพม.จบตร 40.28 36.69 34.14 35.56 29.84

แผนภูมแิ สดงผลการทดสอบ O-NET ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ปีการศึกษา 2558-2562

หน้าท่ี ๑๘ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางที่ ๑๕ ผลกำรทดสอบทำงกำรศึกษำระดบั ชำติขั้นพ้ืนฐำน (O-NET) ยอ้ นหลัง ๕ ปกี ำรศกึ ษำ
(พ.ศ.2558-2562) ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี ๖

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ระดับ ปีกำรศกึ ษำ

ภำษำไทย สพม.จบตร (จงั หวดั จันทบุรี) 2558 2559 2560 2561 2562
สงั คม
สพม.จบตร (จังหวดั ตราด) 45.59 48.23 44.38 42.45 37.76
ภำษำองั กฤษ 44.90 49.28 45.25 44.31 40.61
คณติ ศำสตร์ สพม.จบตร 49.91 53.64 49.49 43.21 38.93
วทิ ยำศำสตร์ 38.51 33.91 31.90 32.98 33.48
สพม.จบตร (จังหวัดจนั ทบุรี) 38.10 33.91 32.08 33.50 35.38
40.12 36.67 34.68 33.19 34.26
สพม.จบตร (จงั หวัดตราด) 21.05 23.58 23.13 25.63 24.27
20.51 23.89 24.13 26.10 25.54
สพม.จบตร 24.58 27.46 28.12 25.82 24.79
23.01 20.59 19.77 25.02 19.96
สพม.จบตร (จังหวัดจันทบุรี) 22.34 21.24 19.61 25.21 22.22
สพม.จบตร (จังหวัดตราด) 27.31 25.51 25.22 25.10 20.89
สพม.จบตร 31.89 29.66 26.07 27.86 26.34
สพม.จบตร (จงั หวดั จนั ทบรุ ี) 31.57 30.45 26.55 28.46 27.88
สพม.จบตร (จังหวดั ตราด) 33.46 31.84 29.50 28.11 26.97
สพม.จบตร
สพม.จบตร (จังหวัดจันทบุรี)
สพม.จบตร (จงั หวัดตราด)
สพม.จบตร

แผนภูมแิ สดงผลการทดสอบ O-NET ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๖ ปีการศกึ ษา 2558-2562

หน้าท่ี ๑๙ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตำรำงท่ี ๑๖ แสดงผลการประเมินคุณภาพภายนอกรอบสาม ของ สมศ.ของโรงเรยี น
สงั กดั สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจนั ทบรุ ี ตราด (ข้อมูล ณ มกราคม 2558)

ลาดบั ชือ่ โรงเรยี น ผลประเมินคุณภาพภายนอก รอบสาม(ระดบั ประถม-มัธยม)(ระดบั คณุ ภาพ) ระดับ ผลการ

ตบช.1 ตบช.2 ตบช.3 ตบช.4 ตบช.5 ตบช.6 ตบช.7 ตบช.8 ตบช.9 ตบช.10 ตบช.11 ตบช.12 คุณภาพ รบั รอง

1 ตกพรมวทิ ยาคาร ดี ดี ดีมาก ดี พอใช้ ดีมาก ดี พอใช้ ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี รับรอง

2 ขลงุ รชั ดาภิเษก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดี พอใช้ ดี ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดี ดี รับรอง

3 ทา่ ใหม่ "พลู สวสั ด์ิราษฏรน์ กุ ูล" ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดีมาก พอใช้ ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดี รับรอง

4 สะพานเลือกวิทยาคม ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดี พอใช้ พอใช้ ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี ดี รบั รอง

5 นายายอามพิทยาคม ดี ดี ดี ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดี รบั รอง

6 มัธยมทา่ แคลง ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดี พอใช้ ดี ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดี รับรอง

7 เครือหวายวิทยาคม ดี ดมี าก ดีมาก ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดีมาก ดี ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดี รบั รอง

8 เบญจมานุสรณ์ ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก พอใช้ ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดี รับรอง

9 บางกะจะ ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดี พอใช้ พอใช้ ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดี รบั รอง

10 ศรียานุสรณ์ ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดีมาก พอใช้ ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก รบั รอง

11 ทงุ่ ขนานวิทยา ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดมี าก พอใช้ ดี ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดี รับรอง

12 แหลมสงิ ห์วทิ ยาคมฯ ดีมาก ดี ดีมาก ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดี รบั รอง

13 เกาะกูดวิทยาคม ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดี พอใช้ ดี ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดี รับรอง

14 เขาสมงิ วทิ ยาคม"จงจนิ ต์รุจริ วงศ์อปุ ถัมภ์” ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก พอใช้ ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดี รบั รอง

15 ประณตี วิทยาคม ดมี าก ดมี าก ดี ดี พอใช้ ดี ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดี ดี รบั รอง

16 สะตอวิทยาคมรัชมงั คลาภิเษก ดีมาก ดีมาก ดี ดี พอใช้ ดี ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดี รบั รอง

17 คลองใหญว่ ทิ ยาคม ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี พอใช้ ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี รับรอง

18 บ่อไร่วทิ ยาคม ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก พอใช้ ดี ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดี รับรอง

19 หนองบอนวิทยาคม ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดี พอใช้ ดีมาก ดี ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดี รับรอง

20 ครี ีเวสรัตนเพียรอปุ ถมั ภ์ ดมี าก ดมี าก ดี ดี พอใช้ ดมี าก ดี ดีมาก ดมี าก ดี ดมี าก ดี ดี รับรอง

21 เนินทรายวทิ ยาคม ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี รับรอง

22 ตราดสรรเสริญวทิ ยาคม ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี พอใช้ ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี รบั รอง

23 ตราษตระการคุณ ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดีมาก พอใช้ ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดี รับรอง

24 สตรีประเสรฐิ ศลิ ป์ ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดี ดี ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดี รบั รอง

25 เขาน้อยวทิ ยาคม ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดี พอใช้ ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดี รับรอง

26 อ่าวใหญพ่ ิทยาคาร ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดี พอใช้ ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดี ดีมาก ดี รบั รอง

27 แหลมงอบวิทยาคม ดมี าก ดมี าก ดี ดี พอใช้ ดี ดีมาก พอใช้ ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดี รบั รอง

28 วดั คลองสน ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดมี าก ดี ดีมาก ดีมาก ดี ดี รบั รอง

29 แก่งหางแมวพิทยาคาร ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดมี าก พอใช้ ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดี รับรอง

30 คลองพลวู ิทยา ดีมาก ดมี าก ดี ดี พอใช้ ดี ดมี าก ดี ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดี รับรอง

31 บ่อวิทยาคาร ดีมาก ดีมาก ดี ดี ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี ดี รบั รอง

32 มะขามสรรเสริญ ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดีมาก พอใช้ ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดี รบั รอง

33 มธั ยมวดั เขาสกุ มิ ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดมี าก ดี ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดี รบั รอง

34 สอยดาววทิ ยา ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดี ดมี าก ดี รับรอง

35 หนองตาคงพิทยาคาร ดีมาก ดมี าก ดี ดีมาก พอใช้ ดี ดีมาก พอใช้ ดี ดมี าก ดมี าก ดี ดี รับรอง

36 ศรรี ตั น์ราษฎร์นุเคราะห์ ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดี พอใช้ ดี ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดี รบั รอง

37 คชิ ฌกูฏวทิ ยา ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก พอใช้ ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดี รบั รอง

38 เบญจมราชทู ิศ ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดี ดี ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดมี าก ดีมาก ดมี าก ดมี าก ดมี าก รบั รอง

39 โปง่ น้าร้อนวิทยาคม ดีมาก ดมี าก ดี ดี พอใช้ ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดีมาก ดีมาก ดีมาก ดมี าก ดี รับรอง

หนา้ ท่ี ๒๐ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

จำกตำรำง ผลกำรประเมินคุณภำพภำยนอกรอบสำมของ สมศ.โรงเรียนในสังกัดสำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำ
มัธยมศึกษำจันทบุรี ตรำด จำนวน ๓๙ โรงเรียน สรุปผลกำรรับรอง ๑๒ ตัวบ่งช้ี จำนวน ๓๙ โรงเรียน คือ ระดับคุณภำพดีมำก
จำนวน ๒ โรงเรยี น ระดบั คุณภำพดี จำนวน ๓๗ โรงเรียน

ดา้ นโอกาสทางการศกึ ษา
สำนักงำนเขตพนื้ ท่ีกำรศึกษำมัธยมศึกษำจนั ทบรุ ี ตรำด เพ่ิมโอกำสทำงกำรศึกษำให้กับประชำกรวัยเรียน ได้
เขำ้ เรียนทกุ คนตำมควำมต้องกำรและควำมเหมำะสม รำยละเอียด ดังนี้
๑) อัตราการเขา้ เรียน
อัตรำกำรเข้ำเรียนระดับมัธยมศึกษำตอนต้นและมัธยมศึกษำตอนปลำย แยกรำยอำเภอในสำนักงำน
เขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ จันทบุรี ตรำด ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๓ จำกข้อมูล Data Management Center 2020 เทียบ
กับฐำนขอ้ มูลประชำกรกระทรวงมหำดไทย ณ วนั ท่ี ๓๑ ธนั วำคม ๒๕๖๒ (www.dopa.go.th)

ตารางท่ี ๑๗ แสดงอตั รำกำรเข้ำเรียนนักเรยี นในระดบั กำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน สังกดั สพม.จบตร ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๓
(จังหวัดจนั ทบรุ ี)

มธั ยมศกึ ษำตอนตน้ (อำยุ 12-14 ป)ี มัธยมศกึ ษำตอนปลำย (อำยุ 15-17 ป)ี

อำเภอ ประชำกร จำนวนนักเรียน รอ้ ยละของ ประชำกร จำนวนนกั เรียน ร้อยละของ
ในวยั เรียน ในสงั กัด นักเรียนต่อ ในวยั เรยี น ในสงั กัด นักเรยี นตอ่
เมอื งจันทบุรี สพม.จบตร ประชำกร สพม.จบตร ประชำกรใน
ท่ำใหม่ 4,385 ในวยั เรียน 4,560 วัยเรียน
แก่งหำงแมว 2,190 3,182 2,277 4,188
นำยำยอำม 1,826 870 72.57 1,754 1,055 91.84
ขลงุ 1,174 513 39.73 1,237 359 46.33
โปง่ นำ้ ร้อน 1,807 511 28.04 1,896 381 20.47
มะขำม 1,767 479 43.53 1,878 588 30.80
แหลมสิงห์ 1,026 855 26.51 1,107 627 31.01
สอยดำว 813 303 48.39 931 169 33.39
เขำคิชฌกฏู 2,537 517 29.53 2,657 360 15.27
รวมจงั หวดั จันทบุรี 1,011 1,159 63.59 1,003 747 38.67
18,536 533 19,300 330
8,922 45.68 8,804 28.11

52.72 32.90
48.13 45.62

จากตารางจะเหน็ ได้ว่า อาเภอเมืองจันทบุรีรบั นักเรยี นเข้าเรยี นในโรงเรยี นสงู กวา่ อาเภออืน่ ๆ ในระดบั
มัธยมศกึ ษาตอนต้น มีประชากรชว่ งอายุ 12-14 ปี จานวน 4,385คน มีนักเรียนเข้าเรียนถึง 3,182 คน คิดเปน็
ร้อยละ 72.57 และในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีประชากรชว่ งอายุ 15-17 ปี จานวน 4,560 คน มีนักเรียนเขา้
เรยี นถงึ 4,188 คน คิดเปน็ ร้อยละ 91.84 และอาเภอที่มนี ักเรียนเขา้ เรียนในอาเภอน้อยท่ีสดุ คือ อาเภอขลุง ในระดับ
มธั ยมศึกษาตอนตน้ มปี ระชากรช่วงอายุ 12 - 14 ปี จานวน 1,807 คน มนี กั เรยี นเขา้ เรยี นเพยี ง 479 คน คิดเปน็ ร้อย
ละ 26.51 และในระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย คอื อาเภอมะขาม มีประชากรช่วงอายุ 15-17 ปี จานวน 1,107 คน มนี กั เรยี น
เข้าเรียนเพียง 169 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 15.27

หนา้ ที่ ๒๑ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางท่ี ๑๘ แสดงอตั รำกำรเข้ำเรยี นนักเรยี นในระดับกำรศกึ ษำข้ันพ้นื ฐำน สังกัด สพม.จบตร ปกี ำรศึกษำ ๒๕๖๓
(จังหวดั ตรำด)

มธั ยมศกึ ษำตอนตน้ (อำยุ 12-14 ป)ี มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย(อำยุ 15-17ป)ี

ประชำกรใน จำนวน ร้อยละของนักเรียน ประชำกร จำนวน ร้อยละของ

อำเภอ วยั เรียน นกั เรียนใน ต่อประชำกรใน ในวยั นกั เรียนใน นักเรียนตอ่

เมอื งตรำด สงั กดั วัยเรียน เรียน สงั กดั ประชำกร
คลองใหญ่
เขำสมิง สพม.จบตร สพม.จบตร ในวัยเรียน
บอ่ ไร่
แหลมงอบ 3,216 2,874 89.37 3,196 2,059 64.42
เกำะกดู
เกำะชำ้ ง 838 661 78.88 829 372 44.87
รวมจงั หวดั ตรำด
1,615 780 48.30 1,687 508 30.11

1,323 668 50.49 1,377 356 25.85

648 284 43.83 651 136 20.89

79 81 102.53 96 45 46.88

305 105 34.43 297 93 31.31

8,024 5,453 67.96 8,133 3,569 43.88

จากตารางจะเห็นได้ว่า อาเภอเกาะกูด ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีนักเรียนเข้าเรียนสูงกว่าอาเภออื่นมี
ประชากรช่วงอายุ 12 – 14 ปี จานวน 79 คน มีนกั เรยี นเขา้ เรียน 81 คนคิดเปน็ ร้อยละ 102.53 และอาเภอที่มนี กั เรยี นเข้า
เรียนในอาเภอน้อยที่สุด คือ อาเภอเกาะช้างในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มปี ระชากรช่วงอายุ 12 – 14 ปี จานวน 305 คน มี
นักเรียนเข้าเรียนเพียง 105 คน คิดเป็นร้อยละ 34.43 ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อาเภอแหลมงอบ มีประชากรช่วงอายุ
15 – 17 ปี จานวน 651 คน มีนกั เรียนเข้าเรยี นเพียง 136 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 20.89

๒) อตั ราการออกกลางคัน

อัตรำกำรออกกลำงคันระดับมัธยมศึกษำตอนต้นและมัธยมศึกษำตอนปลำย แยกรำยช้ันของ

สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำมัธยมศึกษำจันทบุรี ตรำด ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๒ จำกข้อมูลนักเรียนสิ้นปีกำรศึกษำ ๒๕๖๒

(ข้อมูล วันท่ี ๓๐ พฤษภำคม ๒๕๖๓) เทยี บกับนกั เรียนตน้ ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๒

ตารางที่ ๑๙ แสดงจำนวนนักเรยี นออกกลำงคนั จำแนกตำมสำเหตแุ ละรำยชนั้ ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๒

ช้ัน/สำเหตุ นกั เรียน ฐำนะ ปญั หำ สมรส ปัญหำ ตอ้ งคดี/ เจ็บปว่ ย/ อพยพ หำเล้ียง รวม ร้อยละ
ตน้ ปี ยำกจน ครอบครวั ในกำร ถูกจบั อุบตั ิเหตุ ตำมผู้ ครอบครัว
10 มิ.ย.62 ปรับตัว ปกครอง

ม.1 5,000 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0

ม.2 4,836 2 0 0 0 0 0 0 0 2 0.01

ม.3 4,558 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
รวม ม.ตน้ 14,394 2 0 0 0 0 0 0 0 2 0.01

ม.4 4,428 0 1 0 1 0 0 0 3 5 0.02
ม.5 3,945 1 2 0 0 0 0 0 1 4 0.02

ม.6 3,770 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
รวม ม.ปลาย 12,143 1 3 0 1 0 0 0 4 9 0.03

รวมทง้ั สิ้น 26,537 3 3 0 1 0 0 0 4 11 0.04

จากตารางจะเหน็ ได้ว่า สานักงานเขตพื้นทกี่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาจนั ทบุรี ตราด ปีการศึกษา 2562 มีนักเรียน

ออกกลางคนั ทั้งส้นิ 11 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.04 แยกเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 0.01 ระดบั

มัธยมศกึ ษาตอนปลาย จานวน 9 คน คดิ เป็นร้อยละ 0.03 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น มีอตั ราการออกกลางคนั ต่ากว่าระดับ

มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย

หนา้ ท่ี ๒๒ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางที่ ๒๐ แสดงจำนวนนักเรยี นออกกลำงคนั ในสงั กดั สพม.จบตร (จงั หวดั จนั ทบุรี) ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๒

ชนั้ /สำเหตุ นักเรยี น ฐำนะ ปญั หำ สมรส ปญั หำ ต้องคด/ี เจ็บป่วย/ อพยพ หำเลีย้ ง รวม รอ้ ยละ
ต้นปี ยำกจน ครอบครัว ในกำร ถกู จบั อุบัตเิ หตุ ตำมผู้ ครอบครวั
10 มิ.ย.62 ปรับตวั ปกครอง

ม.1 3,098 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0

ม.2 3,006 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0

ม.3 2,835 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0

รวม ม.ต้น 8,939 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0

ม.4 3,142 0 1 0 1 0 0 0 3 5 0.03

ม.5 2,838 1 2 0 0 0 0 0 1 4 0.02

ม.6 2,726 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0

รวม ม.ปลาย 8,706 1 3 0 1 0 0 0 4 9 0.05

รวมทัง้ สน้ิ 17,645 1 3 0 1 0 0 0 4 9 0.05

ตารางท่ี ๒๑ แสดงจำนวนนกั เรยี นออกกลำงคัน ในสังกัด สพม.จบตร (จงั หวดั ตรำด) ปกี ำรศกึ ษำ ๒๕๖๒

ชนั้ /สาเหตุ นกั เรยี น ฐานะ มีปัญหา สมรสแล้ว มปี ญั หา ตอ้ งคดี/ เจบ็ ป่วย/ อพยพตาม หาเล้ยี ง รวม รอ้ ยละ
ต้นปี ยากจน ครอบครัว ในการ ถกู จบั อุบัตเิ หตุ ผปู้ กครอง ครอบครัว
10 มิ.ย.62 ปรบั ตวั 0

ม.1 1,902 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0.02

ม.2 1,830 2 0 0 0 0 0 0 0 2 0
ม.3 1,723 0 0 0 0 0 0 0 0 0
รวม ม.ต้น 5,455 2 0 0 0 0 0 0 0 2 0.02
ม.4 1,286 0 0 0 0 0 0 0 0 0
ม.5 1,107 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
ม.6 1,044 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
รวม ม.ปลาย 3,437 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
0
รวมทั้งส้นิ 8,892 2 0 0 0 0 0 0 0 2
0.02

จากตารางจะเห็นได้ว่า สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 17 ปีการศึกษา 2562
แยกจังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด พบว่าจังหวัดจันทบุรี มีนักเรียนออกกลางคัน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 0.05 จังหวัด
ตราดมนี ักเรียนออกกลางคัน 2 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 0.02 จงั หวดั ตราด มีอัตราการออกกลางคันต่ากวา่ จังหวัดจันทบรุ ี

๓) อัตราการจบการศึกษาและการศกึ ษาต่อ
อัตรำกำรจบกำรศึกษำและกำรศึกษำต่อของนักเรียนระดับมัธยมศึกษำตอนต้ นและมัธยมศึกษำ

ตอนปลำย ของสำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำจันทบุรี ตรำด ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๒ จำกข้อมูลนักเรียน
ส้นิ ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๒ (ข้อมลู วนั ท่ี ๓๐ พฤษภำคม ๒๕๖๓)

หน้าที่ ๒๓ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางที่ ๒๒ แสดงจำนวนนกั เรียนท่จี บกำรศกึ ษำช้นั มธั ยมศึกษำปที ี่ ๓ ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๒
ทีศ่ กึ ษำต่อและไม่ศึกษำต่อ สังกัด สพม.จบตร

ประเภท ชาย หญงิ รวม รอ้ ยละ

นักเรียนในวันสิน้ ปกี ำรศกึ ษำ 2,044 2,323 4,367 100
นักเรยี นไมผ่ ่ำนกำรประเมนิ 173 72 245 5.61
นักเรียนจบทง้ั หมด 1,871 4,122 94.39
1.ศึกษำตอ่ 2,251
1,366 3,154 72.22
1.1 เรียนตอ่ ม.4 โรงเรียนเดมิ 78 1,788 235 5.38
1.2 เรยี นต่อ ม.4 โรงศกึ ษาอื่นในจงั หวัดเดิม 28 157 58 1.33
1.3 เรียนตอ่ ม.4 โรงศกึ ษาอนื่ ในตา่ งจังหวัด 15 30 34 0.78
1.4 เรียนต่อ ม.4 โรงศึกษาอ่ืน ใน กทม. 275 19 434 9.94
1.5 สถาบันอาชีวศึกษาของรัฐบาล 9 159 23 0.53
1.6 สถาบันอาชวี ศกึ ษาของเอกชน 29 14 102 2.33
1.7 ศกึ ษาตอ่ สถาบนั อืน่ ๆ 73 4,040 92.51
1,800 2,240
รวมศึกษำตอ่
2. ไม่ศึกษำตอ่ 10 1 0.02
40 4 44 1.01
2.1 ประกอบอาชพี 21 3 0.07
(1) ทางานภาคอุตสาหกรรม
(2) ทางานภาคการเกษตร 30 3 0.07
(3) ทางานการประมง 10 1 0.02
(4) ทางานค้าขาย ธุรกจิ 5 0.11
(5) ทางานบริการ 41 23 0.53
(6) ทางานรบั จ้างทั่วไป
(7) ทางานอน่ื ๆ 19 4

2.2 บวชในศาสนา 00 00
2.3 ไม่ประกอบอาชพี และไม่ศึกษาตอ่
2.4 อ่นื ๆ 11 2 0.05

รวมไม่ศกึ ษำต่อทัง้ ส้นิ 00 0 0

71 11 82 1.88

หนา้ ท่ี ๒๔ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตำรำงท่ี ๒๓ แสดงจานวนนกั เรียนท่ีจบการศกึ ษาชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ปกี ารศึกษา 2562
ท่ศี ึกษาตอ่ และไม่ศกึ ษาต่อ สงั กัด สพม.จบตร (จังหวัดจันทบรุ ี)

ประเภท ชำย หญิง รวม รอ้ ยละ
นักเรียนในวันสน้ิ ปีกำรศึกษำ 1,254 1,458 2,712 100
นักเรยี นไม่ผำ่ นกำรประเมนิ 116 169 6.23
นักเรยี นจบทั้งหมด 1,138 53 2,543 93.77
1.ศกึ ษำต่อ 1,405
850 2,011 74.15
1.1 เรยี นตอ่ ม.4 โรงเรยี นเดิม 65 1,161 198 7.30
1.2 เรยี นตอ่ ม.4 โรงศกึ ษาอน่ื ในจังหวดั เดมิ 17 133 31 1.14
1.3 เรียนต่อ ม.4 โรงศึกษาอ่นื ในต่างจงั หวัด 13 14 29 1.07
1.4 เรียนตอ่ ม.4 โรงศกึ ษาอ่ืน ใน กทม. 138 16 200 7.38
1.5 สถาบนั อาชวี ศึกษาของรฐั บาล 5 65 13 0.48
1.6 สถาบนั อาชวี ศึกษาของเอกชน 3 8 7 0.26
1.7 ศกึ ษาตอ่ สถาบันอน่ื ๆ 1,091 4 2,489 91.78
1,398
รวมศึกษำตอ่
2. ไม่ศกึ ษำตอ่ 10 1 0.04
36 4 40 1.47
2.1 ประกอบอาชีพ 01 1 0.04
(1) ทางานภาคอตุ สาหกรรม 10 1 0.04
(2) ทางานภาคการเกษตร 00
(3) ทางานการประมง 00 00
(4) ทางานคา้ ขาย ธรุ กจิ 11 0.40
(5) ทางานบริการ 00
(6) ทางานรับจ้างท่ัวไป 00
(7) ทางานอ่ืน ๆ 92
00
2.2 บวชในศาสนา 00
2.3 ไม่ประกอบอาชีพและไมศ่ กึ ษาต่อ 00
2.4 อนื่ ๆ 00
54 1.99
รวมไมศ่ กึ ษำตอ่ ท้ังสน้ิ 00

47 7

จากตารางจะเห็นได้ว่า ปกี ารศึกษา 2562 นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 ในสังกัดสานกั งานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด (จังหวัดจันทบุรี) ท่ีจบการศึกษาแล้วศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งภาครัฐและ
ภาคเอกชน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 91.78 ทไี่ มศ่ กึ ษาต่อ ออกไปประกอบอาชพี ร้อยละ1.99

หน้าท่ี ๒๕ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตำรำงท่ี ๒๔ แสดงจานวนนกั เรยี นทีจ่ บการศึกษาชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ปีการศึกษา 2562
ที่ศกึ ษาตอ่ และไม่ศึกษาต่อ สังกัด สพม.จบตร (จังหวัดตราด)

ประเภท ชำย หญิง รวม ร้อยละ

นกั เรยี นในวันสนิ้ ปกี ำรศึกษำ 790 865 1,655 100
นักเรยี นไม่ผำ่ นกำรประเมิน 63 30 93 5.62
นักเรียนจบทงั้ หมด 727 835 1,562 94.38
1.ศกึ ษำต่อ
512 620 1132 68.40
1.1 เรยี นต่อ ม.4 โรงเรียนเดิม
1.2 เรียนตอ่ ม.4 โรงศึกษาอ่ืนในจงั หวดั เดมิ 12 24 36 2.18
1.3 เรียนตอ่ ม.4 โรงศึกษาอน่ื ในต่างจงั หวดั
1.4 เรียนต่อ ม.4 โรงศกึ ษาอน่ื ใน กทม. 10 14 24 1.45
1.5 สถาบนั อาชีวศึกษาของรัฐบาล
1.6 สถาบนั อาชีวศกึ ษาของเอกชน 23 5 0.30
1.7 ศกึ ษาตอ่ สถาบันอ่ืน ๆ
137 95 232 14.02
รวมศกึ ษำตอ่
2. ไมศ่ กึ ษำตอ่ 4 6 10 0.60

2.1 ประกอบอาชีพ 26 69 95 5.74

(1) ทางานภาคอตุ สาหกรรม 703 831 1,534 92.69
(2) ทางานภาคการเกษตร
(3) ทางานการประมง 00 00
(4) ทางานค้าขาย ธรุ กิจ
(5) ทางานบรกิ าร 40 4 0.24
(6) ทางานรับจ้างท่วั ไป 20 2 0.12
(7) ทางานอน่ื ๆ 20 2 0.12
2.2 บวชในศาสนา 10 1 0.06
2.3 ไม่ประกอบอาชีพและไม่ศึกษาต่อ 41 5 0.30
2.4 อืน่ ๆ 10 2 12 0.73

รวมไมศ่ ึกษำต่อทง้ั สน้ิ 00 00

11 2 0.12

00 00

24 4 28 1.69

จากตารางจะเหน็ ได้วา่ ปีการศกึ ษา 2562 นกั เรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ในสังกัดสานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา
มัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด (จังหวัดตราด) ที่จบการศึกษาแล้วศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
คดิ เป็นร้อยละ 92.69 ไม่ศึกษาต่อ ออกไปประกอบอาชีพ คิดเป็นร้อยละ 1.69

หนา้ ที่ ๒๖ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางท่ี ๒๕ แสดงจำนวนนกั เรยี นทจ่ี บกำรศึกษำช้ันมธั ยมศึกษำปีท่ี ๖ ปกี ำรศึกษำ ๒๕๖๒
ท่ศี ึกษำต่อและไม่ศึกษำต่อ สังกดั สพม.จบตร

ประเภท ชำย หญิง รวม รอ้ ยละ

นกั เรียนในวันสนิ้ ปกี ำรศึกษำ 1,398 2,294 3,692 100
56 64 120 3.25
นกั เรียนไม่ผำ่ นกำรประเมิน 3,572 96.75
นกั เรียนจบทั้งหมด 1,342 2,230
1.ศกึ ษำตอ่ 2564 69.45
965 1599 81 2.19
1.1 มหาวทิ ยาลยั ของรัฐ 29 52 98 2.65
1.2 มหาวิทยาลัยเปดิ ของรัฐ 28 70 152 4.12
1.3 มหาวทิ ยาลยั ของเอกชน 72 80 15 0.40
1.4 สถาบนั อาชีวศกึ ษาของรฐั บาล 5 10 56 1.52
1.5 สถาบันอาชีวศึกษาของเอกชน 4 52 21 0.57
1.6 สถาบันพยาบาล 20 1 3 0.08
1.7 สถาบันทหาร 3 303 8.21
1.8 สถาบนั ตารวจ 78 0 3293 89.19
1.9 สถาบนั อ่นื ๆ 1204
225
รวมศึกษำตอ่ 2089
2. ไม่ศึกษำต่อ
0 0 00
2.1 ประกอบอาชีพ
(1) รบั ราชการ 0 0 00
(2) ทางานรฐั วสิ าหกจิ
(3) ภาคอุตสาหกรรม 1 3 4 0.10
(4) ภาคการเกษตร 85 83 168 4.55
(5) การประมง 1 0 1 0.03
(6) คา้ ขาย ธรุ กจิ 8 13 21 0.56
(7) งานบรกิ าร 1 6 7 0.19
(8) รับจา้ งท่ัวไป 37 32 69 1.86

2.2 บวชในศาสนา 0 0 00
2.3 ไม่ประกอบอาชพี และไมศ่ กึ ษาต่อ
2.4 อน่ื ๆ 6 4 10 0.27

รวมไม่ศกึ ษำตอ่ ทั้งส้ิน 0 0 00

138 141 279 7.56

หน้าที่ ๒๗ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางท่ี ๒๖ แสดงจำนวนนกั เรยี นทีจ่ บกำรศึกษำชนั้ มัธยมศกึ ษำปีที่ ๖ ปกี ำรศึกษำ ๒๕๖๒
ท่ีศึกษำต่อและไม่ศึกษำต่อ สงั กัด สพม.จบตร (จังหวัดจนั ทบุรี)

ประเภท ชาย หญงิ รวม ร้อยละ

นกั เรียนในวันสน้ิ ปีกำรศึกษำ 1,022 1,646 2,668 100
107 4.01
นักเรียนไมผ่ ่ำนกำรประเมิน 52 55 2,561 95.99
970 1,591
นกั เรียนจบทั้งหมด 1,983 74.32
735 1,248 44 1.65
1.ศกึ ษำต่อ 11 33 80 2.99
21 59 119 4.46
1.1 มหาวทิ ยาลยั ของรฐั 62 57 10 0.38
1.2 มหาวทิ ยาลัยเปดิ ของรฐั 4 6 41 1.54
1.3 มหาวทิ ยาลยั ของเอกชน 2 39 12 0.45
1.4 สถาบันอาชีวศึกษาของรฐั บาล 12 1 0.04
1.5 สถาบันอาชีวศึกษาของเอกชน 1 0 49 1.84
1.6 สถาบนั พยาบาล 17 0 87.67
1.7 สถาบันทหาร 865 2,339
1.8 สถาบันตารวจ 32
1.9 สถาบนั อ่ืน ๆ 1,474

รวมศกึ ษำตอ่ 0 0 00

2. ไม่ศึกษำตอ่ 0 0 00

2.1 ประกอบอาชีพ 1 3 4 0.15
(1) รบั ราชการ 75 77 152 5..69
(2) ทางานรัฐวสิ าหกจิ
(3) ภาคอุตสาหกรรม 0 0 00
(4) ภาคการเกษตร
(5) การประมง 3 8 11 0.41
(6) คา้ ขาย ธุรกจิ 0 2 2 0.08
(7) งานบรกิ าร 26 25 51 1.91
(8) รับจ้างทว่ั ไป
0 0 00
2.2 บวชในศาสนา
2.3 ไม่ประกอบอาชีพและไมศ่ กึ ษาต่อ 0 2 2 0.08
2.4 อน่ื ๆ
0 0 00
รวมไมศ่ กึ ษำตอ่ ท้งั สิ้น
105 117 222 8.32

จากตารางจะเห็นได้วา่ ปกี ารศกึ ษา 2562 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6 ในสังกดั สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษา
มัธยมศึกษาจันทบรี ตราด (จังหวัดจันทบุรี) ท่ีจบการศึกษาแล้วศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
คดิ เป็นรอ้ ยละ 87.67 ไม่ศึกษาตอ่ ออกไปประกอบอาชีพ คดิ เปน็ ร้อยละ 8.32

หนา้ ที่ ๒๘ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ตารางท่ี ๒๗ แสดงจำนวนนักเรียนที่จบกำรศกึ ษำชนั้ มัธยมศึกษำปีท่ี ๖ ปีกำรศกึ ษำ ๒๕๖๒

ทศ่ี กึ ษำต่อและไมศ่ ึกษำต่อ สงั กดั สพม.จบตร (จงั หวดั ตรำด)

ประเภท ชาย หญิง รวม ร้อยละ

นักเรยี นในวันสิ้นปกี ำรศึกษำ 376 648 1,024 100
นกั เรยี นไม่ผำ่ นกำรประเมิน 4 9 13 1.24
นักเรียนจบทง้ั หมด 372 639 1,011 98.73

1.ศกึ ษำต่อ

1.1 มหาวิทยาลัยของรัฐ 230 351 581 56.74
1.2 มหาวทิ ยาลัยเปดิ ของรัฐ 18 19 37 3.61
1.3 มหาวิทยาลัยของเอกชน 7 11 18 1.76
1.4 สถาบนั อาชวี ศึกษาของรฐั บาล 10 23 33 3.22
1.5 สถาบนั อาชีวศกึ ษาของเอกชน 1 4 5 0.49
1.6 สถาบันพยาบาล 2 13 15 1.46
1.7 สถาบนั ทหาร 8 1 9 0.88
1.8 สถาบันตารวจ 2 0 2 0.20
1.9 สถาบันอื่น ๆ 61 193 254 24.81
339 615 954 93.16
รวมศกึ ษำต่อ

2. ไมศ่ ึกษำตอ่

2.1 ประกอบอาชพี 0 0 00
(1) รับราชการ
(2) ทางานรฐั วสิ าหกจิ 0 0 00
(3) ภาคอตุ สาหกรรม
(4) ภาคการเกษตร 0 0 00
(5) การประมง
(6) ค้าขาย ธุรกจิ 10 6 16 1.56
(7) งานบรกิ าร
(8) รบั จ้างทั่วไป 0 0 00

2.2 บวชในศาสนา 5 5 10 0.98
2.3 ไมป่ ระกอบอาชีพและไมศ่ กึ ษาตอ่ 1 4 5 0.49
2.4 อนื่ ๆ 11 7 18 1.76

รวมไมศ่ ึกษำต่อท้งั ส้ิน 0 0 00

6 2 8 0.78

0 0 00

33 24 57 5.57

จากตารางจะเห็นได้ว่า ปีการศกึ ษา 2562 นักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ในสงั กัดสานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษา
มัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด (จังหวัดตราด) ท่ีจบการศึกษาแล้วศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาท้ังภาครัฐ และภาคเอกชน
คดิ เป็นรอ้ ยละ 93.16 ไมศ่ กึ ษาต่อ ออกไปประกอบอาชีพ คิดเปน็ ร้อยละ 5.57

หน้าท่ี ๒๙ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ด้านประสทิ ธิภาพการบริหารจดั การ

ปงี บประมำณ พ.ศ.๒๕๖๓ สำนักงำนเขตพืน้ ที่กำรศกึ ษำมัธยมศกึ ษำจันทบุรี ตรำด มีผลกำรปฏบิ ตั ิงำน

ตำมยทุ ธศำสตรแ์ ผนปฏิบตั ริ ำชกำร ดงั นี้

นโยบำยท่ี 1 ดำ้ นกำรจัดกำรศึกษำเพอ่ื ควำมมนั่ คงของมนษุ ย์และของชำติ
๑. ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และมีความพร้อมสามารถรับมือกับภัยคุกคามทุกรูปแบบที่มี

ผลกระทบตอ่ ความมน่ั คง มกี ารจัดทาโครงการฝึกอบรมพนักงานเจ้าหน้าทสี่ ่งเสริมความประพฤตนิ กั เรียนและนักศกึ ษา (พสน.)
สังกัด สพม.17 ส่งผลให้โรงเรียนในสังกัด มีจานวน พสน. เพิ่มข้ึน ในการเฝ้าระวัง และส่งเสริมความประพฤตินักเรียนใน
โรงเรียนให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ นอกจากน้ียังมีโครงการ/กิจกรรมท่ีโรงเรียนได้ดาเนินการ ส่งผลให้นักเรียนมี
ความรู้ ความเขา้ ใจ ในการรบั มือภัยคุมคามที่จะเกดิ ขึ้นได้ เชน่ ภยั ยาเสพตดิ

๒. ดาเนินโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษา โดยได้จัดสรรงบประมาณให้แก่โรงเรียนใน
สงั กัดจานวน 39 แห่ง แหง่ ละ 5,000 บาท เพ่อื เปน็ คา่ ใช้จ่ายในการดาเนินงานตามแนวทางทส่ี านกั งานคณะกรรมการ
ปอ้ งกันและปราบปรามยาเสพตดิ กาหนด คือ การสรา้ งการรับรู้ การสร้างภูมคิ ุ้มกัน และการสร้างพื้นท่ีปลอดภยั ภายใต้
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019

๓. ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาน้อมนาพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของในหลวงรัชกาล ท่ี 10 และหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ “อยู่อย่างพอเพียง” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย
ไปใชใ้ นกิจกรรมสภานกั เรยี น เพ่ือให้ผู้เรียนมีทศั นคติท่ีดีตอ่ บา้ นเมอื ง ยึดม่นั ในศาสนา มั่นคงในสถาบนั พระมหากษตั ริย์ มีความ
เออื้ อาทรตอ่ ครอบครวั และชุมชนของตน ใหท้ ุกคนมีโอกาส ทาหนา้ ทเ่ี ป็นพลเมอื งดี และเสริมสร้างทกั ษะการดาเนนิ ชีวติ ตามหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซ่ึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องปลูกฝังให้เกิดข้ึนกับเยาวชนอันจะเป็นกาลังสาคัญเป็นอนาคต
ของชาติ ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม และความเป็นพลเมืองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในระบบการศึกษา เพ่ือเป็น
กรอบให้สถานศึกษาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อน และกาหนดนโยบายในการพัฒนาสถานศึกษาให้สามารถน้อมนาหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการจดั การเรียนการสอน ทาให้ผู้เรียนมีการพัฒนาตนเองได้ตามคุณลักษณะที่ พึง
ประสงคท์ ่กี าหนดไว้ในหลักสูตร ในด้านการน้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

๔. การสง่ เสรมิ สนับสนุนให้สถานศึกษาน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงไปใชใ้ นรูปแบบทีห่ ลากหลาย
เช่น ด้านการเรียนการสอน มีการนาไปบูรณาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ โดยจัดเป็นหน่วยการเรียนรู้ จัดเป็น
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร จัดทาแหล่งเรียนรู้ในลักษณะของฐานการเรียนรู้ ท่ีนักเรียน
สามารถเข้าไปค้นคว้าต่อยอดความรู้ และมีประสบการณ์จากการได้ลงมือปฏิบัติ สามารถนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจา
วัน นอกจากนี้ได้มีการนิเทศ ติดตาม ใหค้ าปรึกษาแกส่ ถานศกึ ษาใหน้ าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งไปใช้เป็นหลัก
ในการบรหิ ารจัดการพฒั นาสถานศึกษาและคณุ ภาพผ้เู รยี น

๕. ส่งเสรมิ สนับสนุนให้สถานศกึ ษา ดาเนนิ การขับเคลื่อนสถานศึกษาพอเพียงเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรชั ญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา มีโรงเรียนท่ีเป็นสถานศึกษาพอเพียง จานวน 39 โรงเรียน (ร้อยละ 100) ซ่ึงน้อมได้นาหลัก
ปรัฃญาชองเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้พัฒนาคุณภาพการศึกษาในหลายรูปแบบ เช่น การนาไปบูรณาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้
ต่างๆ จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร จัดเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีแหล่งการเรียนรู้ท่ีจัดเป็นฐานการเรียนรู้เร่ืองหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง ได้มีการนิเทศ ติดตามการดาเนินงานของโรงเรียนที่เป็นสถานศึกษาพอเพียงอย่างต่อเน่ือง ช้ีแจง ให้
คาปรึกษา ส่งเสริม สนับสนุน ให้โรงเรียนที่เป็นสถานศึกษาพอเพียงเข้ารับการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลกั ปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพียง จดั กจิ กรรมเผยแพร่ความรู้ รณรงค์ ปลกู ฝงั ความรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ฯลฯ

๖. ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาในสังกัดขับเคล่ือนการดาเนินงานกิจกรรมสภานักเรียน ระดับสถานศึกษาให้
นักเรียนไดเ้ รียนรู้บทบาทหนา้ ท่ีความเป็นพลเมอื งและวถิ ีประชาธปิ ไตย หลักธรรมาภบิ าล การมจี ิตอาสา รวมทงั้ ค่านยิ มหลักของ
คนไทย 12 ประการ มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน/ชุมชน การจัดกิจกรรมพัฒนา
คุณธรรม จรยิ ธรรม การจัดกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณไี ทย ฯลฯ

หนา้ ที่ ๓๐ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

นโยบำยที่ 2 ด้ำนกำรจัดกำรศกึ ษำเพื่อเพ่มิ ควำมสำมำรถในกำรแขง่ ขันของประเทศ

๑. ดาเนินการ สง่ เสริม สนับสนุนการพัฒนาสมรรถนะความฉลาดรู้ดา้ นการอ่าน ความฉลาดรู้ ด้านคณิตศาสตร์ และ
ความฉลาดรดู้ ้านวทิ ยาศาสตร์ เพื่อเตรยี มความพร้อมรองรับการประเมิน PISA 2021 โดยมอบเอกสารโครงการตามนโยบายของ

รัฐบาล : เตรยี มความพร้อมเพื่อเข้ารบั การประเมิน PISA ใหแ้ ก่ โรงเรียนเบญจมานุสรณ์ ซึ่งเป็บโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
PISA 2018 มอบสื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ตามแนวทางการประเมินของ PISA (คู่มือการใช้แบบฝึกพัฒนาทักษะการ

แกป้ ญั หาตามแนวทาง การประเมนิ ของ PISA และแบบฝึกพัฒนาทกั ษะการแกป้ ัญหาตามแนวทางการประเมินของ PISA) ให้กบั
โรงเรียนในสงั กดั จานวน 1 ชุด เพอื่ เป็นแนวทางและเตรยี มนกั เรียนใหม้ คี วามพรอ้ มรบั การประเมนิ PISA

๒. ดาเนินโครงการเตรียมความพร้อมรับการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล ด้วยระบบข้อสอบออนไลน์
(PISA STYLE) เพ่ือพัฒนาครูผู้สอนและนาระบบ PISA – Style OnlineTesting ไปใช้ในการพัฒนานักเรียนให้มีศักยภาพ
สอดคล้องตามแนวทางการประเมิน PISA ให้มคี วามพร้อมรับการประเมิน PISA 2021 จดั อบรมปฏิบตั ิการเตรียมความพร้อมรับ

การประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากลด้วยระบบข้อสอบออนไลน์ (PISA STYLE) ผ่านระบบออนไลน์ Google Meet
(จัดอบรมครูเพ่ือพัฒนาสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากลด้านการอ่าน และจัดอบรมครูเพ่ือพัฒนาสมรรถนะนักเรี ยน
มาตรฐานสากลดา้ นคณติ ศาสตร์)

๓. สร้างชุมชนการเรียนรู้ PLC โดยเปิดกลุ่มไลน์ PISA 2021 สพม.จบตร. เพื่อสมาชิก (คุณครูระดับมัธยมศึกษา

ตอนต้น ของโรงเรียนในสังกัด สพม.จบตร.รายวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์) เพื่อแจ้งข่าวสาร ซักถาม-ตอบข้อ
สงสัยและแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ในการเตรยี มนักเรยี นให้มีความพรอ้ มรบั การประเมิน PISA 2021

นโยบำยท่ี 3 ดำ้ นกำรพฒั นำและสร้ำงเสริมศกั ยภำพของทรัพยำกรมนุษย์

๑. ผู้เรียนทุกระดับมีสมรรถนะสาคัญตามหลักสูตร มีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (3R8C) โดย

สานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาจันทบุรี ตราด ดาเนนิ การการส่งเสรมิ สนบั สนนุ ในการพัฒนาผ้เู รียนให้มีทกั ษะ
การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนนิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนากระบวนเรียนรู้ของนักเรียนให้เป็นไป
ตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา โดยใหเ้ ป็นไปในทางทถ่ี ูกตอ้ ง และเพือ่ หาทางแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตร

๒. การนาหลกั สตู รสถานศึกษาสู่การจดั การเรียนรใู้ หม้ ีประสิทธิภาพ การส่งเสริม สนบั สนุนในการพัฒนาผเู้ รียนให้มี
สมรรถนะสาคัญตามหลักสูตร นิเทศ ติดตาม การวิเคราะห์หลักสูตรสถานศึกษาให้มีความสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และกรอบหลักสตู รระดับท้องถนิ่ รว่ มกบั การนิเทศช้ันเรียน โดยพิจารณาวา่ ลกั ษณะ
ของสว่ นประกอบต่าง ๆ ของหลักสูตร เชน่ หลักการ จุดมุ่งหมาย เนือ้ หาสาระ การจัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอน
สื่อการเรียนการสอนและการวดั ผลประเมินผล

๓. มีโครงการพฒั นาการจดั การเรยี นทัง้ ระบบสู่การยกระดบั ผลการเรยี นและเตรยี มผเู้ รียนส่ศู ตวรรษท่ี 21 จัดเวทกี าร
จัดการประกวด/แข่งขัน การพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ส่งผลให้นักเรียนได้รับการพัฒนากระบวนการเรียนรู้
กระบวนการคดิ ทักษะการใชช้ ีวติ และการแกป้ ัญหา นกั เรียนไดเ้ รียนรู้และมีทักษะ มีความร้แู ละสามารถนาเทคโนโลยีมาใช้ให้
เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้และชีวิตประจาวันอย่างมีจิตสานึก ตามศักยภาพ นักเรียนได้นาความรู้ด้านวิทยาศาตร์และ
เทคโนโลยี กระบวนการคิด ทักษะการใช้ชีวิตและการแก้ปัญหามาปรับใช้ในการสร้างนวัตกรรม ตามบริบทพ้ืนที่ นักเรียนมี
ผลงานจัดแสดงและเผยแพร่ ในงานนิทรรศการ Success Story SESA 17 Symposium : S-S-S-S ในทกุ ปกี ารศึกษา

๔. สถานศึกษามีโครงการพัฒนา ส่งเสริม ทักษะกระบวนการคิดในหลากหลายรูปแบบตามบริบทของสถานศึกษา
สถานศึกษาทุกแห่งจัดทารายงานผลการพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะในศตวรรษท่ี 21 (ด้านผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์
เขียน/ การจัดการเรยี นการสอนบูรณาการ สะเต็มศกึ ษา/ การพฒั นาและการประเมนิ Digital Literacy และการพัฒนาผูเ้ รียนให้มี
ทกั ษะในศตวรรษที่ 21)

หนา้ ที่ ๓๑ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

นโยบำยท่ี 4 สรำ้ งโอกำสกำรเข้ำถึงบริกำรทำงกำรศกึ ษำที่มีคุณภำพ มีมำตรฐำน และลดควำมเล่ือมล้ำ
ทำงกำรศึกษำ

๑. ผู้เรียนทุกคนสามารถเข้าเรียนในสถานศึกษาท่ีมีคุณภาพเป็นมาตรฐานเสมอกัน โดยสานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษามัธยมศึกษาจันทบรุ ี ตราด ไดด้ าเนินสง่ เสรมิ การดาเนินงานแนะแนวในสถานศึกษา ตามนโยบาย สพฐ. ในการสร้าง
ความเข้มแขง็ ผู้เรยี นอย่างมีคณุ ภาพ โดยมุ่งส่งเสรมิ สนบั สนนุ ใหส้ ถานศกึ ษา มกี ารจัดกิจกรรมแนะแนว เพื่อการศกึ ษาต่ออยา่ ง
เข้มแข็งต่อเน่ืองและเป็นรูปธรรม ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียน ที่จะสาเร็จการศึกษา
ใหไ้ ด้ศกึ ษาต่อในระดับท่ีสูงข้นึ ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตามกระบวนการแนะแนวครบถว้ นทุกขนั้ ตอน

๒. มกี ารจัดตงั้ ศูนย์ประสานงานการรับนักเรียน เพื่อจัดสรรโอกาสทางการศึกษา สาหรับนักเรียนท่ีพลาดโอกาสจาก
โรงเรียนแข่งขันสูง (สอบเข้า ม.4 ไม่ได้) โดยให้นักเรียนยื่นความประสงค์ท่ีสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี
ตราด ซึ่งคณะกรรมการรบั นักเรียนในระดับสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา จะประสานกับโรงเรียนรองรับ และสถานศึกษาสังกัด
เอกชน ท้องถนิ่ อาชีวศึกษา เพ่ือให้นกั เรยี นสามารถเขา้ ศกึ ษาต่อในระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ได้ ครบทุกคน

๓. ด้านการพฒั นาการจัดการเรยี นรู้ด้วยการศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ DLIT มกี ารดาเนนิ การ ส่งเสริม
สนับสนุน ให้โรงเรียนนาเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลมาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนรวมถึงการ
พัฒนาการจัดการเรียนรู้ด้วยการศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ DLIT ด้วยกระบวนการที่หลากหลาย เช่น การนิเทศ
ติดตาม การจดั การเรยี นการสอนของครูในโรงเรยี น และการบูรณาการกจิ กรรมในโครงการต่างๆ มนี โยบายในการส่งเสริมการ จัด
การศึกษา โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ( Active
Learning) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ของทุกกลุ่มสาระการ
เรยี นรู้ สกู่ ารจดั การเรียนการสอน และรปู แบบการเรียนรู้ ผ่านระบบดจิ ทิ ัล (Digital Learning platform) ที่สง่ เสริมนกั เรยี นใน
การ คิดขั้นสูง (higher order thinking) การแก้ปัญหาโดยใช้เทคโนโลยี การสร้างนวัตกรรมสาหรับชีวิตประจาวัน และการ
ส่งเสรมิ ทักษะ สมรรถนะสาคัญในศตวรรษที่ 21 เพ่อื ตอบสนองตอ่ การพัฒนาการเรียนรูข้ องนกั เรียนเป็นรายบคุ คล และบริบท
ของโรงเรยี น คิดเปน รอยละ 100

๔. ดาเนินการส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษามีระบบการดูแลช่วยเหลือและคมุ้ ครองนกั เรยี นทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ กลุ่ม
ปกติการคัดกรองนักเรียนรายบุคคลจึงเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมและพัฒนา การป้องกันและแก้ไขปัญหาของนักเรียน
ได้อย่างถูกทาง โดยได้ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาทกุ แห่งจัดทาระบบดูแลชว่ ยเหลือและคุ้มครองนกั เรียน อย่างเป็นระบบ
ด้วยการลงพ้นื ท่ีและให้คาปรึกษา ซึ่งเด็กกลุ่มปกติจะไดร้ ับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันและการส่งเสริมพัฒนา จากการจัดกิจกรรม/
จัดทาโครงการ ตามบริบทของสถานศกึ ษา น้ันๆ กลุ่มเส่ยี งมีการคดั กรองนักเรียน เพ่ือใหร้ ู้ถึงปัญหาต่างๆ จะต้องมีข้อมูลเกีย่ วกบั
นักเรียนอย่างน้อย 3 ด้านใหญ่ๆ คือ ด้านความสามารถ เช่น การเรียน การรับรู้ของนักเรียนแต่ละคน ด้านสุขภาพ เช่น ด้าน
ร่างกาย ดา้ นจิตใจ พฤติกรรม และด้านครอบครัว เช่น เศรษฐกิจ ปัญหาภายในครอบครวั ซึ่งกลุ่มเสี่ยงเป็นกลุ่มท่ีต้อง เฝ้าระวัง
แก้ไขตามกรณี แต่มีแนวโน้มท่ีจะกลายเป็นกลุ่มมีปัญหาได้ ดังนั้นการป้องกันจึงมีความสาคัญมากสาหรับกลุ่มเสี่ยง โดยให้
สถานศึกษาจัดทาฐานขอ้ มลู จากแบบประเมนิ SDQ หรอื โปรแกรม PSSchool กล่มุ มปี ญั หามีการดูแลชว่ ยเหลือนกั เรียน ให้ความ
ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด และหาวิธีการช่วยเหลือท้ังการป้องกันและการแก้ไขปัญหา โดยการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งสานักงานเขต
พ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ส่งเสริมให้สถานศึกษาดาเนินการให้คาปรึกษาโดยครูท่ีปรึกษา หรือนักจิตวิทยา
สถานศกึ ษาประจาเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษา หรอื ผู้เชี่ยวชาญภายนอก มกี ารจัดกิจกรรมเพื่อปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา
นโยบำยท่ี ๕ ด้ำนกำรจัดกำรศึกษำเพอื่ พฒั นำคุณภำพชีวิตทเี่ ปน็ มติ รกับส่ิงแวดล้อม

๑. สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบรุ ี ตราด ได้ดาเนินการประกาศ เร่อื ง มาตรการลด และคัด
แยกขยะมูลฝอย ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพอื่ สง่ เสริมให้บุคลากรในสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ปรบั เปลยี่ น
พฤติกรรม ลดและคัดแยกมูลฝอยในหน่วยงาน ลดปริมาณถุงพลาสติกหูห้ิว โฟมบรรจุอาหาร ซึ่งสอดคล้องกับมติ
คณะรัฐมนตรี เม่ือวันท่ี 17 กรกฎาคม 2561 ให้ทุกหน่วยงานภาครัฐดาเนินโครงการ "ทาดีด้วยหัวใจ ลดภัย
ส่ิงแวดล้อม" จัดทาแผนปฏิบัติการการลด และคัดแยกขยะมูลฝอย ประจาปีงบประมาณ 2563 เพ่ือขับเคล่ือนการ
บริหารจัดการขยะมูลฝอยในสานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษา

หน้าที่ ๓๒ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

๒. ดาเนินงานจัดกิจกรรมการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (1 โรงเรียน 1
นวัตกรรม) โดยให้โรงเรียนดีประจาตาบลส่งผลงาน การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ประกวดผลงานในระดับเขตพื้นท่ี ดาเนินงานจัดกิจกรรมการจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
โดยให้โรงเรียนที่นอกเหนือจากโรงเรียนดีประจาตาบลได้ส่งผลงานการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับ
ส่ิงแวดล้อม ประกวดผลงานในระดบั เขตพน้ื ท่ี

๓. สานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ไดม้ ีโครงการดาเนินการบริหารจัดการ ด้านส่ิงแวดล้อม
โดยรวมกับโครงการสภานักเรียน ตามโครงการได้กาหนดให้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ นาวิทยากรจากกรม
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ความรู้นักเรียนท่ีเป็นตวั แทนโรงเรียน แต่เกิดปัญหาเรื่องการระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรน่า
COVID -19 ทางรัฐบาลได้ใช้ พรบ.ควบคุมโรค ห้ามการชุมนุมเพื่อควบคุมโรคระบาด จึงทาให้กิจกรรมนี้ไดง้ ดเว้นไป มีกิจกรรม

การจัดการศึกษาเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตท่ีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซ่ึงให้สถานศึกษาได้รายงานผลการดาเนินงานตามมาตรฐาน
โรงเรยี นมาตรฐานส่ิงแวดลอ้ มศึกษา ในมาตรฐานที่ 3 สถานศึกษามหี ลักสูตรและจัดการเรยี นรู้ด้านสง่ิ แวดล้อมศกึ ษาที่สอดคล้อง
กบั บรบิ ทของท้องถิน่ ซงึ่ ถอื ว่านักเรียนไดเ้ รียนรู้จากแหล่งที่อยูอ่ าศยั และชุมชนของตนเอง

นโยบำยท่ี ๖ ดำ้ นกำรปรับสมดลุ และพัฒนำระบบกำรบริหำรจดั กำรศกึ ษำ

สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ดาเนินการส่งเสริม สนบั สนุน การกระจายอานาจการ
บริหารและการจดั การศึกษาของสถานศกึ ษา จาแนกตามภาระงาน 4 ดา้ น ได้แก่

ด้านวิชาการ ดาเนินการจัดต้ังเครือข่ายศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการมัธยมศึกษาจัดตั้งเครือข่ายสหวิทยาเขต
จดั ตัง้ เครือข่ายโรงเรียนขนาดเล็ก ใหเ้ ครือข่ายโรงเรียนต่างๆ ได้ดูแลช่วยเหลอื ซ่ึงกันและท้ัง 39 โรงเรียน โรงเรยี นในสังกัดไดร้ ับ
การพัฒนาด้านคุณภาพการศึกษา มีผล O-NET พัฒนาข้ึนอย่างต่อเน่ือง มีการประสานความร่วมมือ เช่น การจัดหลักสูตร
ทวิศึกษา ร่วมกับสถาบันอาชีวศึกษา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาดาเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ
ประเมินผลและนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) และคณะอนุกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมนิ ผลและนเิ ทศการศกึ ษา (อ.ก.ต.ป.น.)
เพอื่ ดาเนินการติดตามและประเมินผลการดาเนินกจิ กรรมดา้ นต่างๆ ของโรงเรียนในสังกัดครบทกุ ด้าน

ด้านงบประมาณ มีการประสานการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาหารกลางวัน และอาหารเสริม
(นม) โรงเรียน ของโรงเรียนที่เปิดสอนระดับก่อนประถมศึกษาและระดับประถมศึกษา จานวน 2 แห่ง ดาเนินงานให้สถานศึกษา
เป็นหน่วยเบิกสามารถบริหารจัดการงบประมาณด้วยตนเอง เพื่อรองรับการเป็นนิติบุคคล จานวน 1 แห่ง พิจารณาอนุมัติให้
โรงเรียนในสังกัดมีการระดมทรัพยากรจากผู้ปกครอง เพื่อใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตนักเรียน เช่น การเก็บเงินค่าประกันชีวิต
ประกันอุบัติเหตุ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้านวิชาการ เช่น การจ้างครูต่างประเทศสอนภาษา รวมถึงการพัฒนาด้านอื่นๆ
จานวน 39 โรงเรียน

ด้านการบริหารงานบุคคล กระจายอานาจการบริหารให้สถานศึกษาและเครือข่าย การพิจารณาความดี
ความชอบ โรงเรียนเป็นผู้พิจารณาผลงานของครูผู้สอนในระดับโรงเรียน ร่วมพิจารณาในรูปคณะกรรมการของสหวิทยา
เขต มีคณะกรรมการระดับเขตพ้ืนท่ีโดยมีตัวแทนสหวิทยาเขต เป็นคณะกรรมการ มีการบริหารงานบุคคลอื่นๆ เช่น
โรงเรียนมกี ารจัดหาครูต่างชาติครทู ่ีมคี วามรู้ตรงสาขาวิชา ใหค้ วามรเู้ พ่ือพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาจากการระดมทรัพยากร
รวมทง้ั ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ

ด้านการบริหารท่ัวไป ส่งเสริม สนับสนุน การดาเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน จาก
องค์กรต่างๆที่หลากหลาย และมีคณะกรรมการสถานศึกษาท่ีเป็นปัจจุบันทั้ง 39 โรงเรียน ส่งเสริมสนับสนุนการมีส่วน
ร่วมของทุกภาคส่วน เพ่ือสนับสนุนการ จัดกิจกรรมของโรงเรียนท้ังด้านกิจกรรมประชาธิปไตย กิจกรรมการดูแล
ช่วยเหลือนักเรียน การติดตามนักเรียนมาเข้าเรียน อีกท้ัง สพมจบตร มีการสนับสนุนและสร้างความเข้าใจในการใช้
แพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform) เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านบริหารจัดการศึกษา สถานศึกษาในสังกัดสพม.จบตร
มรี ะบบขอ้ มลู สารสนเทศทีส่ ามารถใช้ในการวางแผนการจัดการศึกษาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ

หน้าที่ ๓๓ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

ส่วนท่ี ๒

นโยบายการพัฒนาการศึกษา

ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2562 วันที่ 30
เมษายน 2562 ระบุให้หน่วยงานของรัฐจัดทาแผนปฏิบัติราชการของส่วนราชการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการ
ปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพ่ือให้การดาเนินงานขององค์กรบรรลุผลตามเป้าหมาย และ
การบริหารงบประมาณเปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ โดยจาแนกแผนออกเปน็ 3 ระดับ ประกอบดว้ ย แผนระดบั ท่ี 1 ยทุ ธศาสตร์
ชาติ เป็นเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ใช้เป็นกรอบในการจัดทาแผนต่าง ๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน แผนระดับที่ 2
อาทิ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ นโยบาย
และแผนระดับชาติว่าด้วยความม่ันคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนที่เป็นการเช่ือมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ชาติและบริบทประเทศไทย
เพอ่ื ให้เกดิ ความชดั เจนมากยิ่งขนึ้ และแผนระดบั ที่ 3 คือ แผนทจ่ี ัดทาขน้ึ เพือ่ สนับสนนุ การดาเนินงานของแผนระดับที่ 1 และ
แผนระดับที่ 2 สกู่ ารปฏบิ ัติให้บรรลเุ ปา้ หมายท่กี าหนดไว้ หรือจดั ทาขน้ึ ตามทกี่ ฎหมายกาหนด

สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด ได้มีการศึกษา วิเคราะห์ความเชื่อมโยงสอดคล้องระหว่าง
แผนระดับที่ 1 แผนระดับท่ี 2 และแผนระดับ ๓ เพ่ือนามาจัดทาแผนปฏิบัติการ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564
ของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด โดยสามารถเช่ือมโยงฐานข้อมูลท่ีอยู่ในความรับผิดชอบ รวมท้ัง
รายงานผลการดาเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศเข้าสู่ระบบการติดตามและประเมินผลแห่งชาติ
(eMENSCR) ดงั น้ี

2.1 แผนระดบั ที่ 1 ยทุ ธศาสตรช์ าติ พ.ศ.2561-2580
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.2561-2580) และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เม่ือวันที่ 8
ตุลาคม พ.ศ.2561 เพ่ือใช้เป็นกรอบแนวทางการพัฒนาประเทศในระยะ 20 ปี โดยกาหนด วิสัยทัศน์ เป้าหมาย และ
ยุทธศาสตร์ ดงั น้ี วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความม่นั คง มัง่ ค่ัง ยั่งยืน เป็นประเทศพฒั นาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพยี ง” หรือเปน็ คตพิ จน์ประจาชาตวิ า่ “มน่ั คง ม่ังค่งั ยงั่ ยืน”
เป้าหมายการพัฒนาประเทศ คือ “ประเทศชาติม่ันคง ประชาชนมีความสุข เศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคม
เป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน” โดยยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ พัฒนาคน ในทุกมิติและ
ใน ทุกช่วงวยั ใหเ้ ป็นคนดี เก่ง และมคี ณุ ภาพ สรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม สร้างการเติบโตบนคณุ ภาพชีวิต
ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีภาครัฐของประชาชนเพอ่ื ประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม โดยการประเมินผลการพัฒนาตาม
ยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วย 1) ความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย 2) ขีดความสามารถในการแข่งขัน การ
พัฒนาเศรษฐกิจ และการกระจายรายได้ 3) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ 4) ความเท่าเทียมและ ความ
เสมอภาคของสังคม 5) ความหลากหลายทางชีวภาพ คุณภาพสิ่งแวดล้อม และความย่งั ยืนของทรัพยากรธรรมชาติ 6)
ประสิทธภิ าพการบริหารจดั การและการเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐ ยทุ ธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.2561-2580) มี
6 ยทุ ธศาสตร์ ดงั นี้

ยทุ ธศาสตร์ชาติ ที่ ๑ ด้านความมนั่ คง
ยทุ ธศาสตร์ชาติ ที่ ๒ ดา้ นการสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขัน
ยุทธศาสตรช์ าติ ที่ ๓ ด้านการพฒั นาและเสริมสร้างศกั ยภาพทพั ยากรมนุษย์
ยุทธศาสตร์ชาติ ที่ ๔ ดา้ นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
ยทุ ธศาสตรช์ าติ ท่ี ๕ ดา้ นการสร้างการเตบิ โตบนคณุ ภาพชีวิตทเี่ ปน็ มิตรต่อส่ิงแวดลอ้ ม
ยุทธศาสตร์ชาติ ที่ ๖ ด้านการปรับสมดลุ และพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การภาครัฐ

หน้าที่ ๓๔ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

2.2 แผนระดับท่ี 2
1. แผนแม่บทภำยใต้ยุทธศำสตร์ชำติ(พ.ศ.2561-2580) เป็นแผนแม่บทเพ่ือบรรลุเป้าหมาย

ตามท่ีกาหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เป็นแผนที่จัดทาไว้เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยจะมีผลผูกพันต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น รวมท้ัง
การจัดทางบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณจะต้องสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ซ่ึงประเด็น
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 23 ประเด็น ประกอบด้วย (๑) ความม่ันคง (๒) การต่างประเทศ (๓) การเกษตร
(๔) อุตสาหกรรรมและบริการแห่งอนาคต (๕) การท่องเที่ยว (๖) พื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ (๗) โครงสร้างพ้ืนฐาน
ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล (๘) ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมยุคใหม่ (๙) เขตเศรษฐกิจพิเศษ
(๑๐) การปรับเปลี่ยนค่านิยม และวัฒนธรรม (๑๑) การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต (๑๒) การพัฒนาการเรียนรู้
(๑๓) การเสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี (๑๔) ศักยภาพการ กีฬา (๑๕) พลังทางสังคม (๑๖) เศรษฐกิจฐานราก
(๑๗) ความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม (๑๘) การ เติบโตอย่างย่ังยืน (๑๙) การบริหารจัดการน้าท้ังระบบ
(๒๐) การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐ (๒๑) การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (๒๒) กฎหมายและ
กระบวนการยุติธรรม และ (๒๓) การวิจัย และพฒั นานวัตกรรม

๒.แผนกำรปฏริ ูปประเทศ มี 13 ด้าน ประกอบด้วย ๑. ด้านการเมือง ๒. ด้านการบริหารราชการแผนดิน
๓. ด้านกฎหมาย ๔. ด้านกระบวนการยตุ ธิ รรม ๕. ด้านเศรษฐกิจ ๖. ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ๗. ดา้ นสาธารณสุข
๘. ด้านสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศ ๙. ด้านสังคม ๑๐. ด้านพลังงาน ๑๑. ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
และประพฤตมิ ิชอบ ๑๒. ดา้ นการศกึ ษา ๑๓. ด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

๓. แผนพฒั นำเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชำติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ.2560-2564) มที ้ังหมด ๑๐ ยทุ ธศาสตร์ โดยมี ๖
ยุทธศาสตร์ตามกรอบ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีและอีก ๔ ยุทธศาสตร์ท่ีเป็นปัจจัยสนับสนุน ดังน้ี ๑) การเสริมสร้างและพัฒนา
ศกั ยภาพทนุ มนษุ ย์ ๒) ยุทธศาสตรก์ ารสร้างความเปน็ ธรรมและลดความเหลื่อมล้าในสงั คม ๓) ยทุ ธศาสตรก์ ารสร้างความเขม้ แข็ง
ทางเศรษฐกจิ และแข่งขันไดอ้ ย่างย่งั ยนื ๔) ยทุ ธศาสตรก์ ารเติบโตที่เป็นมติ รกับสิง่ แวดล้อมเพือ่ การพฒั นาทีย่ ัง่ ยนื ๕) ยทุ ธศาสตร์
การเสริมสร้างความม่ันคงแห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความม่ังคั่ง และย่ังยืน ๖) ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการในภาครัฐ
การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ และธรรมาภิบาลในสังคมไทย ๗) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและ
ระบบโลจสิ ตกิ ส์ ๘) ยุทธศาสตร์การพัฒนาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจยั และนวัตกรรม ๙) ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นาภาค เมอื ง และ
พนื้ ทีเ่ ศรษฐกจิ ๑๐) ยุทธศาสตรค์ วามรว่ มมือระหวา่ งประเทศเพอ่ื การพัฒนา

๔. นโยบำยและแผนระดับชำติว่ำดว้ ยควำมมั่นคงแห่งชำติ (พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๕)
นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายท่ี ๑ : เสริมสร้างความม่ันคงของสถาบันหลักของชาติและ

การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ นโยบายที่ ๒ : สรา้ งความเป็นธรรม ความปรองดอง และ
ความสมานฉันท์ในชาติ นโยบายที่ ๓ : ป้องกันและแก้ไขการก่อความไมส่ งบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นโยบายที่ ๔ : จัดระบบ
การบริหารจัดการชายแดนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดน นโยบายท่ี ๕ : สร้างเสริมศักยภาพการป้องกันและแก้ไข
ปัญหาภัยคุกคามข้ามชาติ นโยบายท่ี ๖ : ปกป้อง รักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล นโยบายที่ ๗ : จัดระบบ ป้องกัน และ
แกไ้ ขปญั หาผหู้ ลบหนเี ขา้ เมือง นโยบายที่ ๘ : เสริมสรา้ งความเข้มแขง็ และภูมคิ ุ้มกันความมนั่ คงภายใน นโยบายที่ ๙ : เสรมิ สรา้ ง
ความม่ันคงของชาติจากภัยการทุจริต นโยบายที่ ๑๐ : เสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ นโยบายท่ี ๑๑ : รักษา
ความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม นโยบายที่ ๑๒ : เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร
นโยบายท่ี ๑๓ : พัฒนาระบบการเตรยี มพร้อมแหง่ ชาติเพอื่ เสรมิ สร้างความมั่นคงของชาติ นโยบายที่ ๑๔ : เสริมสร้างและพัฒนา
ศักยภาพการป้องกันประเทศ นโยบายท่ี ๑๕ : พัฒนาระบบงานขา่ วกรองให้มีประสิทธิภาพ นโยบายที่ ๑๖ : เสรมิ สร้างดุลยภาพ
ในการดาเนนิ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งประเทศ

หน้าที่ ๓๕ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

แผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ ๑. การเสริมสร้างความม่ันคงของมนุษย์ ๒. การข่าวกรองและ
การประเมินสถานการณ์ด้านความม่ันคง ๓. การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติภายใต้การปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๔. การพัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติ ๕. การพัฒนาศักยภาพ
การปอ้ งกันประเทศ ๖. การสร้างความสามัคคีปรองดอง ๗. การปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาความไมส่ งบในจงั หวัดชายแดนภาคใต้
๘. การบริหารจัดการผู้หลบหนีเข้าเมือง ๙. การป้องกันและ แก้ ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ๑๐. การป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด ๑๑. การเสริมสร้างความมั่นคงของชาติจากภัยทุจริต ๑๒. การรักษาความมั่นคงพื้นท่ีชายแดน ๑๓. การรักษา
ความม่ันคงทางทะเล ๑๔. การป้องกันและแก้ไข ป้ญหาภัยคุกคามข้ามชาติ ๑๕. การป้องกันและแก้ไขปัญหาความม่ันคง
ทางไซเบอร์ ๑๖. การรักษาดุลยภาพสภาวะแวดล้อมระหว่าง ประเทศ ๑๗. การรักษาความม่ันคงทางพลังงาน ๑๘. การรักษา
ความม่ันคงด้านอาหารและน้า ๑๙. การรกั ษาความม่ันคงดา้ นทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม

๕. แผนกำรศึกษำแห่งชำติ (พ.ศ.2560 - 2579) ได้กาหนดสาระสาคัญสาหรับบรรลุเป้าหมาย ของ
การพัฒนาการศึกษาใน 5 ประการ ได้แก่ การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา (Access) ความเท่าเทียม ทางการศึกษา (Equity)
คุณภาพการศึกษา (Quality) ประสิทธิภาพ (Efficiency) และตอบโจทย์บริบทเปลี่ยนแปลง (Relevancy) ในระยะ 20 ปี
ข้างหน้า และมียุทธศาสตร์ 6 ประการ คือ 1) การจัดการศึกษา เพ่ือความม่ันคงของสังคม และประเทศชาติ 2) การผลิตและ
พัฒนากาลังคน การวิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 3) การพัฒนาศักยภาพ
คนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคม แห่งการเรียนรู้ 4) การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา
5) การจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 6) การพัฒนาประสิทธิภาพของระบบบริหาร
จัดการศึกษา

๖. นโยบำยรฐั บำล (พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา)
นโยบายหลัก 12 ด้าน ประกอบด้วย 1. การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ๒. การสร้าง

ความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ และความสงบสุข ของประเทศ ๓. การทานุบารุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม
๔. การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก ๕. การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย ๖. การพัฒนาพ้ืนท่ี
เศรษฐกิจและการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ๗. การพัฒนาสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก ๘. การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้
และการพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย ๙. การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม ๑๐. การฟื้นฟู
ทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาส่ิงแวดล้อมเพ่ือสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ๑๑. การปฏิรูปการบริหารจัดการภาครัฐ
๑๒. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ และ กระบวนการยตุ ธิ รรม

นโยบายเร่งด่วน ๑๒ เร่ือง ประกอบด้วย ๑. การแก้ไขปัญหาในการดารงชีวิตของประชาชน ๒. การปรับปรุง
ระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ๓. มาตรการเศรษฐกิจเพื่อรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
๔. การให้ความชว่ ยเหลือเกษตรกรและพฒั นานวัตกรรม ๕. การยกระดับศักยภาพของแรงงาน ๖.การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจ
ของประเทศสู่อนาคต ๗. การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษท่ี ๒๑ ๘. การแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
ท้ังฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจา ๙.การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพ้ืนท่ีชายแดนภาคใต้
๑๐. การพัฒนาระบบการให้บริการประชาชน ๑๑. การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย ๑๒. การสนับสนุน
ใหม้ กี ารศึกษา การรบั ฟังความเห็นของประชาชนและการดาเนินการเพือ่ แกไ้ ขเพิ่มเติมรัฐธรรมนญ

2.3 แผนระดับท่ี 3 ตามมติ ครม. วนั ที่ 4 ธนั วำคม 2560

๑. แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร (พ.ศ.2561-2565)
๒. แผนปฏบิ ัติรำชกำรระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕) ของสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พ้ืนฐำน

๓. แผนพัฒนากลุ่มจงั หวดั ภาคตะวันออก ๒ (พ.ศ.2563-2565)
๔. แผนพัฒนาการศึกษาจงั หวดั จนั ทบุรี (พ.ศ. 256๑ – 256๕)

๕. แผนพฒั นาการศกึ ษาจงั หวดั ตราด (พ.ศ. 2562 – 2565)

หน้าที่ ๓๖ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

2.4 ควำมสอดคล้องกับแผน ๓ ระดับ ตำมนยั ของมติคณะรัฐมนตรี เมอื่ วันท่ี ๔ ธันวำคม ๒๕๖๐

ยุทธศำสตร์ชำติ 20 ปี (แผนระดบั ที่ ๑) เฉพาะทเี่ ก่ียวขอ้ ง
ยทุ ธศาสตร์ท่ี ๑ ดา้ นความมัน่ คง
ประเด็นที่ ๑ การรักษาความสงบภายในประเทศ
ประเดน็ ท่ี ๒ ปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาท่ีมีผลกระทบต่อความมน่ั คง
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ดา้ นการพฒั นาและเสริมสร้างศักยภาพทรพั ยากรมนุษย์
ประเดน็ ที่ ๑ ปรับเปล่ยี นค่ำนิยมและวัฒนธรรม
ประเด็นที่ ๒ พฒั นำศักยภำพคนตลอดชว่ งชีวิต
ประเด็นท่ี ๓ ปฏริ ูปกระบวนกำรเรยี นรทู้ ่ตี อบสนองตอ่ กำรเปลี่ยนแปลงใน ศตวรรษท่ี ๒๑
ประเดน็ ท่ี ๔ ตระหนกั ถึงพหปุ ญั ญำของมนุษย์ทหี่ ลำกหลำย
ประเด็นท่ี ๕ เสรมิ สรำ้ งให้คนไทยมสี ขุ ภำวะทดี่ ี ครอบคลมุ ทั้งดำ้ นกำย ใจ สติปัญญำ และสงั คม
ประเด็นที่ ๖ สร้ำงสภำพแวดลอ้ มที่เอือ้ ต่อกำรพัฒนำและเสริมสร้ำงศกั ยภำพทรพั ยำกรมนุษย์

ยุทธศาสตร์ท่ี ๔ ดา้ นการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
ประเดน็ ท่ี ๑ กำรลดควำมเหลอื่ มลำ้ สร้ำงควำมเปน็ ธรรมในทกุ มิติ

ยุทธศาสตร์ท่ี ๖ ดา้ นการปรับสมดุลและพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การภาครัฐ
ประเดน็ ที่ 1 ภาครฐั ทย่ี ดึ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตอบสนองความต้องการ และใหบ้ ริการอย่างสะดวกรวดเร็ว โปร่งใส
ประเด็นที่ 2 ภาครัฐบริหารงานแบบบูรณาการโดยมียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายและเชื่อมโยงการพัฒนาในทุกระดับ

ทุกประเดน็ ทกุ ภารกจิ และทกุ พนื้ ท่ี
ประเด็นที่ 3 ภาครัฐมขี นาดเล็กลง เหมาะสมกับภารกิจ ส่งเสริมใหป้ ระชาชนและทุกภาคสว่ นมีส่วนร่วมใน การพัฒนา

ประเทศ
ประเด็นที่ 4 ภาครัฐมีความทันสมัย
ประเด็นท่ี 5 บุคลากรภาครัฐเป็นคนดีและเก่ง ยดึ หลักคุณธรรม จริยธรรม มีจติ สานึก มีความสามารถสงู มุ่งมั่น และ

เป็นมืออาชีพ
ประเด็นท่ี 6 ภาครฐั มคี วามโปร่งใส ปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ

แผนระดบั ที่ ๒ (เฉพาะทเี่ กย่ี วขอ้ ง)

๑. แผนแมบ่ ทภำยใต้ยทุ ธศำสตร์ชำติ
แผนปฏบิ ัติการประจาปีของสานักงานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด มีแนวทางการดาเนินงานท่ี

สอดคลอ้ งกบั แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตรช์ าติ จานวน ๗ ประเดน็ ดังน้ี
ประเดน็ (1) ความมนั่ คง
ประเดน็ (10) การปรับเปลย่ี นคา่ นิยมและวัฒนธรรม
ประเด็น (11) การพัฒนาศกั ยภาพคนตลอดชว่ งชีวติ
ประเด็น (12) การพัฒนาการเรียนรู้
ประเดน็ (1๓) กำรเสริมสรำ้ งใหค้ นไทยมสี ขุ ภำวะท่ดี ี
ประเด็น (๒๐) กำรบรกิ ำรประชำชนและประสทิ ธภิ ำพภำครัฐ
ประเด็น (๒๑) กำรตอ่ ตำ้ นกำรทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบ

หน้าท่ี ๓๗ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

๑.๑ ประเด็นท่ี ๑ ควำมมน่ั คง

 เป้าหมายประเด็นของแผนแมบ่ ท : ๑) ประชาชนอยดู่ ี กินดี มีความสุข
ประกอบด้วย แผนย่อย จานวน 5 แผน เก่ียวข้องกับสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด
จานวน 2 แผนย่อย ดงั น้ี
๑.๑.๑ แผนย่อยกำรรกั ษำควำมสงบภำยในประเทศ

 แนวทางการพฒั นา
แนวทางที่ ๑ เสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ ภายใต้การปกครองระบอบ ประชาธิปไตย อันมี
พระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข โดยปลูกฝังและสร้างความตระหนักร้ถู ึงความสาคัญของ สถาบันหลกั ของชาติ รณรงค์เสริมสรา้ ง
ความรักและภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยและชาติไทย ผ่านทางกลไก ต่าง ๆ รวมถึงการศึกษาประวัติศาสตร์ในเชิงสร้างสรรค์
น้อมนาและเผยแพร่ศาสตร์พระราชา หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงแนวทางพระราชดาริต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจ
อย่างถอ่ งแท้ และนาไปประยุกต์ ปฏบิ ตั ใิ ช้อย่างกว้างขวางจดั กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและพระราชกรณยี กจิ อย่างสม่าเสมอ

แนวทางที่ ๒ สร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ มุ่งให้ความสาคัญกับการท่ีประชาชนและหน่วยงาน/
องค์กรทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันดาเนินกิจกรรมเพื่อสร้างความรักสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ตามบทบาทอานาจหน้าที่ เพ่ือ
บูรณาการการแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพเป็นรูปธรรม โดยมีแนวทางการดาเนินการที่สาคัญ ได้แก่ (๒) ส่งเสริมกิจกรรมสร้าง
ความสามัคคีปรองดองในทุกระดับ พร้อมกับสนับสนุนการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชน (๗) มุ่งเสริมสร้างจิตสานึกเทิดทูน
สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และ (๘) ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมและศีลธรรมของคนในสังคม เพื่อเสริมสร้างความรัก
สามัคคีและความเสยี สละเพื่อประโยชนส์ ่วนรวม

 เป้าหมายของแผนย่อย : คนไทยมีความจงรักภักดี ซื่อสัตย์ พร้อมธารงรักษาไว้ซ่ึงสถาบันหลักของ

ชาติ สถาบนั ศาสนาเปน็ ที่เคารพ ยดึ เหนีย่ วจิตใจของคนไทยสูงขึน้
๑.๑.๒ แผนยอ่ ยการป้องกันและแก้ไขปัญหาท่มี ผี ลกระทบต่อความม่ันคง

 แนวทางการพฒั นา
แนวทางที่ ๑ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มุ่งยึดแนวคิดการแก้ไขปัญหายาเสพติดต้ังแต่ต้นน้า-กลางน้า-
ปลายน้า ในการดาเนินการอย่างเป็นระบบ กล่าวคือ (๕) การป้องกันยาเสพติดในแต่ละกลุ่มเป้าหมายอย่างเหมาะสมเปน็ รปู ธรรม โดย
การปลูกฝังค่านยิ มและองค์ความรทู้ ี่เหมาะสม อนั จะสง่ ผลกระทบตอ่ ความคดิ และโน้มนา้ วให้เกดิ ความเห็นที่คล้อยตามอย่างถูกต้อง
 เป้าหมายของแผนย่อย : ปัญหาความมั่นคงท่ีมีอยู่ในปัจจุบัน (เช่น ปัญหายาเสพติด ความม่ังคง
ทางไซเบอร์ การค้ามนุษย์ ฯลฯ) ไดร้ บั การแก้ไขจนไมส่ ง่ ผลกระทบตอ่ การบรหิ ารและพัฒนาประเทศ
๑.๒ ประเดน็ ที่ ๑๐ กำรปรบั เปล่ยี นคำ่ นยิ มและวฒั นธรรม
 เป้าหมายประเด็นของแผนแม่บท : คนไทยมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงามและมีความรัก และ
ภูมิใจในความเปน็ ไทยมากข้ึนนาหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดารงชีวติ สงั คมไทยมีความสขุ และเป็นท่ยี อมรบั ของ
นานาประเทศมากขึ้น
ประกอบด้วย แผนย่อย จานวน ๓ แผน เกี่ยวข้องกับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด
จานวน ๑ แผนยอ่ ย ดังน้ี
๑.๒.๑ แผนยอ่ ยกำรปลกู ฝงั คุณธรรม จริยธรรม ค่ำนิยม และกำรเสรมิ สรำ้ งจิตสำธำรณะ และกำรเป็นพลเมืองทดี่ ี
 แนวทางการพัฒนา
แนวทางท่ี ๑ บูรณาการเรื่องความซอื่ สัตย์ วินยั คุณธรรม จริยธรรม และด้านสิ่งแวดล้อม ในการจัดการเรยี น
การสอนในและนอกสถานศึกษา จัดให้มีการเรียนการสอนตามพระราชดาริ และปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษา
จัดใหม้ กี ารเรียนรูท้ างศาสนา ศลิ ปะและวัฒนธรรมของชาติ 10 และภูมิปัญญาท้องถ่ิน รวมทัง้ การตระหนักรู้ และการมีส่วนรว่ ม
ดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม ให้รองรับการเปลยี่ นแปลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ

หนา้ ท่ี ๓๘ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

แนวทางที่ ๒ ปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน อนุรักษ์พัฒนาและสืบสานมรดกทางศิลปะ
และวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถ่ิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รณรงค์ส่งเสริมความเป็นไทยในระดับท้องถิ่นและ
ชุมชน จดั ให้มีพื้นท่มี รดกทางวฒั นธรรมของพ้ืนท่ี สง่ เสรมิ ชุมชนใหเ้ ป็นฐานการสรา้ งวิถชี วี ิตพอเพยี ง

แนวทางที่ ๓ การส่งเสริมให้ คนไทยมีจิตสาธารณะและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม สร้างจิตสาธารณะ
และจิตอาสาโดยใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร เพื่อรับผิดชอบต่อส่วนรวม สร้าง
เสริมผู้นาการเปลีย่ นแปลง และตน้ แบบท่ดี ที ง้ั ระดบั บุคคล และองคก์ ร โดยการยกยอ่ งผนู้ าที่มีจิตสาธารณะและจิตอาสา และมี
ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม สง่ เสรมิ สนับสนนุ ใหม้ ีกลไกการดาเนินงานในการสร้างเสริมการพฒั นาจิตสาธารณะและจิตอาสา เพื่อ
สังคมและส่วนรวม โดยส่งเสริมและสนบั สนุนองค์กรสาธารณะท่ีไมห่ วังผลประโยชน์

 เป้าหมายของแผนย่อย : คนไทยเปน็ มนุษย์ทส่ี มบรู ณ์ มีควำมพรอ้ มในทกุ มิติตำมมำตรฐำนและสมดุลทั้ง

ดำ้ นสติปญั ญำคุณธรรมจริยธรรม มีจติ วิญญำณที่ดี เขำ้ ใจในกำรปฏบิ ัติตนปรับตวั เขำ้ กบั สภำพแวดลอ้ มดีข้ึน

๑.๓ ประเดน็ ที่ ๑๑ กำรพัฒนำศกั ยภำพคนตลอดช่วงชีวติ
 เป้าหมายประเด็น : คนไทยทุกช่วงวัยมีคุณภาพเพ่ิมข้ึน ได้รับการพัฒนาอย่างสมดุล ท้ังด้านร่างกาย

สตปิ ญั ญาและคุณธรรมจริยธรรม เป็นผทู้ ม่ี คี วามรู้และทกั ษะในศตวรรษที่ ๒๑ รกั การเรยี นรู้อยา่ งต่อเน่อื งตลอดชีวติ
ประกอบด้วย แผนยอ่ ย จานวน ๕ แผน เกย่ี วข้องกับสานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต ๑๗ จานวน

๔ แผนยอ่ ย ดังน้ี
๑.๓.๑ แผนยอ่ ยการสรา้ งสถาพแวดล้อมที่เออ้ื ตอ่ การพฒั นาและเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพมนษุ ย์

 แนวทางการพัฒนา
แนวทางท่ี ๑ พัฒนาระบบฐานข้อมลู เพอื่ การพัฒนาทรัพยากรมนษุ ยท์ ี่มีความเชื่อมโยงและบูรณาการ ข้อมูล
ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างภาคีการพัฒนาต่าง ๆ โดยการเช่ือมโยงข้อมูลท่ีเก่ียวกับการศึกษา การพัฒนาตนเอง
สุขภาพ และการพัฒนาอาชีพในตลอดช่วงชีวิต เพื่อเสรมิ และสร้างศักยภาพ ของการดาเนินงานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตาม
พันธกิจของแต่ละหน่วยงานใหม้ คี วามเข้มแข็งและ ตอบโจทยป์ ระเทศ เป็นฐานข้อมูลการพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทย
ท่ีมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล สามารถประเมินจุดอ่อน จุดแข็งและศักยภาพบุคคลของประเทศ นาไปสู่การตัดสินใจระดับ
นโยบายและปฏบิ ตั ิ เพอื่ พฒั นาคนไทยอยา่ งมที ศิ ทางและสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศไทยในอนาคต รวมถงึ ขอ้ มูลท่สี นบั สนุน
การผลิตกาลังแรงงานท่ีมีทักษะตรงต่อความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต และใช้ประกอบการตัดสินใจในการศึกษาต่อ
มีธนาคารคลังสมองเพ่ือรวบรวมผู้สูงอายุที่มีความรู้ ประสบการณ์ และ ทักษะเพื่อถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และทักษะ
ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ
 เปา้ หมายของแผนยอ่ ย : ครอบครัวไทยมีควำมเข้มแขง็ และมจี ิตสำนึกควำมเปน็ ไทยดำรงชวี ติ

แบบพอเพยี งมำกขน้ึ

๑.๓.๒ แผนยอ่ ยการพัฒนาเดก็ ตงั้ แตช่ ว่ งการตงั้ ครรภ์จนถงึ ปฐมวัย

 แนวทางการพัฒนา
แนวทางท่ี ๑ จัดให้มีการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการ สมรรถนะ และคุณลักษณะท่ีดีท่ีสมวัยทุกด้าน
โดยการพัฒนาหลักสูตรการสอนและปรับปรุงสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่เน้นการพัฒนาทักษะสาคัญ
ด้านต่าง ๆ อาทิ ทักษะทางสมอง ทักษะด้านความคิดความจา ทักษะการควบคุม อารมณ์ ทักษะการวางแผนและการจัดระบบ
ทักษะการรู้จักประเมินตนเอง ควบคู่กับการยกระดับบุคลากร ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีความพร้อมทั้งทักษะความรู้
จริยธรรม และความเป็นมืออาชีพ ตลอดจน ผลักดันให้มีกฎหมายการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ครอบคลุมทั้งการพัฒนาทักษะ
การเรียนร้เู น้นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบการศกึ ษา การพัฒนาสขุ ภาพอนามัยให้มีพัฒนาการทีส่ มวยั และการเตรยี มทกั ษะ
การอยู่ในสงั คมให้มพี ัฒนาการอย่างรอบด้าน
เปา้ หมายของแผนย่อย : เดก็ เกดิ อย่ำงมีคุณภำพมีกำรพัฒนำกำรสมวยั สำมำรถเขำ้ ถงึ บริกำรทม่ี ีคุณภำพมำกข้ึน

หนา้ ที่ ๓๙ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

๑.๓.๓ แผนย่อยการพฒั นาช่วงวยั เรยี น/วยั รนุ่

 แนวทางการพฒั นา
แนวทางที่ ๑ จัดให้มีการพัฒนาทักษะท่ีสอดรับกับทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ โดยเฉพาะทักษะด้าน
การคดิ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ความคดิ สรา้ งสรรค์ การทางานร่วมกบั ผอู้ นื่
แนวทางท่ี ๒ จัดให้มีการพัฒนาทักษะด้านภาษา ศิลปะ และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ท่ีสอดคล้องกบั ความสามารถ ความถนดั และความสนใจ
แนวทางที่ ๓ จัดให้มีการพัฒนาทักษะในการวางแผนชีวิตและวางแผนการเงิน ตลอดจนทักษะ ที่เช่ือมต่อ
กับโลกการทางาน
แนวทางที่ ๔ จัดให้มพี ัฒนาทักษะอาชีพท่สี อดคล้องกบั ความตอ้ งการของประเทศ การบม่ เพาะการเป็นนักคิด
นกั นวตั กร และการเปน็ ผู้ประกอบการใหม่ รวมทั้งทักษะชวี ิตทส่ี ามารถอยู่ร่วมและทางานภายใตส้ งั คมท่เี ปน็ พหวุ ัฒนธรรม
แนวทางท่ี ๕ ส่งเสริมและสนับสนุนระบบบริการสุขภาพและอนามัยท่ีเชื่อมต่อกันระหว่างระบบ
สาธารณสุขกับโรงเรียนหรือสถานศึกษา เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา และความฉลาดทาง
อารมณ์ ตลอดจนภูมคิ ุ้มกันดา้ นต่าง ๆ ในการดาเนนิ ชวี ิตของกลุม่ วยั เรียน/วัยรุ่น
 เป้าหมายของแผนย่อย : วัยเรียน/วัยรุ่น มีความรู้และทักษะในศตวรรษท่ี ๒๑ ครบถ้วน รู้จักคิด
วิเคราะห์ รักการเรียนรู้ มีสานึกพลเมอื ง มีความกล้าหาญทางจริยธรรม มีความสามารถในการแก้ปัญหา ปรับตวั สอ่ื สาร
และทางานร่วมกบั ผู้อื่นไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิผลตลอดชีวิตดขี ้นึ

๑.๔ ประเดน็ ที่ ๑๒ กำรพัฒนำกำรเรยี นรู้
 เป้าหมายประเด็น : เป้าหมายที่ ๑. คนไทยมกี ำรศกึ ษำท่ีมีคณุ ภำพตำมมำตรฐำนสำกลเพิ่มข้ึน มที ักษะ

ทีจ่ ำเป็นของโลกศตวรรษที่ ๒๑ สำมำรถในกำรแก้ปญั หำ ปรับตัว สื่อสำร และทำงำนร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่ำงมีประสิทธิผลเพิ่มขึ้น

มีนิสัยใฝ่เรียนรู้อย่ำงต่อเน่ืองตลอดชีวิต เป้ำหมำยท่ี ๒. คนไทยได้รับกำรพัฒนำเต็มตำมศักยภำพตำมควำมถนัดและ

ควำมสำมำรถของพหุปญั ญำดขี นึ้

ประกอบด้วย แผนย่อย จานวน ๒ แผน เก่ียวข้องกับสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด จานวน
๒ แผนยอ่ ย ดังนี้

๑.๔.๑ แผนย่อยปฏริ ูปการเรียนรู้ทต่ี อบสนองต่อการเปล่ียนแปลงในศตวรรษท่ี ๒๑

 แนวทางการพฒั นา
แนวทางท่ี ๑ ปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้สาหรับศตวรรษท่ี ๒๑ ประกอบด้วย ๔ แนวทางย่อย ได้แก่
(๑) พฒั นากระบวนการเรียนรใู้ นทุกระดับชน้ั ต้ังแต่ปฐมวัยจนถงึ อุดมศึกษา ที่ใชฐ้ านความรู้และระบบคิดในลักษณะ สห
วิทยาการ มกี ารวิจัยและพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐานท่ีเปน็ หลกั สตู รฐานสมรรถนะให้ไดม้ าตรฐาน กับ
หลักสูตรในระบบการศึกษาชน้ั นาท่ีไดร้ ับการยอมรับในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง โดยมกี ารจัดทารายงานประจาปี ท่ี
เปิดเผยต่อสาธารณะเกย่ี วกบั การนิเทศ การติดตามประเมินผล และการปรับปรุงหลักสตู รฐานสมรรถนะ (๒) พัฒนากระบวนการ
เรียนรู้ของผู้เรียน ทุกระดับการศึกษา รวมถึงจัดกิจกรรมเสริมทักษะเพื่อพัฒนาทักษะสาหรับศตวรรษที่ ๒๑ มีการผสมผสาน
เทคโนโลยีเข้ากบั เนื้อหาและวธิ ีการสอน โดยใช้เทคโนโลยีสนับสนนุ ทฤษฎีการเรียนรูแ้ บบใหม่ในการพัฒนาเนอ้ื หาและทกั ษะแบบ
ใหม่ เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ ควรมีคุณลักษณะท่ีมีชีวิต มีพลวัต มีปฏิสัมพันธ์ การเช่ือมต่อและมีส่วนร่วม
(๓) พัฒนาระบบการเรียนรู้เชิงบูรณาการท่ีเน้นการลงมือปฏิบัติ มีการสะท้อนความคิด/ทบทวนไตร่ตรอง โดยเน้นการเรียน
การสอนที่เสรมิ สรา้ งทักษะชวี ิต และสามารถนามาใช้ต่อยอดในการประกอบอาชพี ไดจ้ ริง (๔) พฒั นาระบบการเรียนรทู้ ี่ใหผ้ ู้เรียน
สามารถกากับการเรียนรู้ของตนได้ เพื่อให้สามารถนาองค์ความรู้ไปใช้สร้างรายได้ รวมถึงมีทักษะด้านวิชาชีพและทักษะชีวิต
โดยใช้ส่ือผสมอย่างหลากหลาย ปรับเปลี่ยนตามความสามารถและระดับของผู้เรียน มีเน้ือหาที่ไมย่ ึดติดกับตัวสื่อ เลือกประกอบ
เนื้อหาได้เอง ค้นหา แก้ไข จดบันทึกได้ เก็บประวัติการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ มีระบบการประเมินผลการเรียนรู้ท่ีรวดเร็วและ
ตอ่ เนอ่ื ง โดยผูเ้ รยี น มคี วามรู้ ทกั ษะ และสมรรถนะทเี่ ปน็ ที่ตอ้ งการของตลาดแรงงาน

หนา้ ท่ี ๔๐ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

แนวทางท่ี ๒ เปลี่ยนโฉมบทบาท “ครู” ให้เป็นครูยุคใหม่ ประกอบด้วย ๓ แนวทางย่อย ได้แก่ (๑) วางแผน
การผลิต พัฒนาและปรับบทบาท “ครู คณาจารย์ยุคใหม่” ให้เป็น “ผู้อานวยการการเรียนรู้” มีหลักสูตรผลิตครูอาชีวะยุคใหม่
ทีส่ อดคลอ้ งกับกรอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานและมาตรฐานอาชีพ โดยเน้นการเปน็ ผเู้ ช่ียวชาญและมปี ระสบการณใ์ นการปฏิบัตงิ าน
จริงในสถานประกอบการในสาขาท่ีตนเองสอน (๒) ปรับระบบการผลิตและพฒั นาครูตง้ั แต่การดงึ ดูด คัดสรร ผู้มีความสามารถสูง
ให้เข้ามาเป็นครู ปฏิรูประบบการผลติ ครูยุคใหม่โดยใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะของวิชาชีพครูท่ีสามารถสร้างทกั ษะในการจัดการ
เรียนการสอนในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานที่เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ และมีครูท่ีชานาญในด้านการสอน
ภาษาอังกฤษและภาษาที่ ๓ ท่ีได้มาตรฐานในระดับนานาชาติ ในจานวนท่ีเพียงพอต่อความต้องการของนักเรียน อกี ท้ังยังมีระบบ
การอบรมและเสริมสมรรถนะครูท่ีผ่านการศึกษาในระบบเดิม หรือครูภาษาอังกฤษ และภาษาท่ี ๓ ที่ยังไม่ผ่านการประเมิน
มาตรฐานในระดับนานาชาติ (๓) ส่งเสริมสนับสนุนระบบการพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะครูอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมท้ัง
เงินเดือน สายอาชีพและระบบสนับสนุนอื่น ๆ ปฏิรูประบบการผลิตครูอาชีวะยุคใหม่ โดยผู้ที่มีใบประกอบวิชาชีพจะต้องเป็น
ผเู้ ช่ียวชาญและมปี ระสบการณ์ในการปฏบิ ัติงานจริงในสถานประกอบการในสาขาท่ตี นเองสอน มคี วามรู้ ทักษะ และสามารถสรา้ ง
สมรรถนะทส่ี อดคล้องกบั กรอบมาตรฐานฝมี อื แรงงานและมาตรฐานอาชีพใหแ้ กผ่ ู้เรยี น และมอี ตั รากาลงั เพียงพอต่อความต้องการ
ของสถานศกึ ษาตามเกณฑ์มาตรฐานอตั รากาลงั ของสานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา

แนวทางท่ี ๓ เพ่ิมประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการศึกษาในทกุ ระดับ ทุกประเภท ประกอบด้วย ๖ แนวทางย่อย
ไดแ้ ก่ (๑) ปฏิรูปโครงสร้างองค์กรด้านการศึกษาให้มปี ระสิทธิภาพ โดยเน้นการสร้างความรบั ผิดชอบตอ่ ผลลัพธ์ ตั้งแต่ระดับบนสุด
ลงไปจนถึงระดับโรงเรียน รวมถึงมีโครงสร้างแรงจูงใจและความรับผิดชอบของหน่วยงานและบุคลากรทางการศึกษาทั้งระบบ
ท่ีเหมาะสม (๒) จัดให้มีมาตรฐานขั้นต่าของโรงเรียนในทุกระดับ เพื่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนท่ีสูงข้ึนมีการกาหนดมาตรฐานข้ันต่า
ของโรงเรียนในทุกระดับ ท่ีเหมาะสมกับบริบทของประเทศ ในด้านความพร้อมของโครงสร้างพ้ืนฐาน อุปกรณ์การเรียนการสอน
การบริหารจัดการโรงเรียน จานวนครูท่ีครบช้ัน ครบวิชา จานวนพนักงานสนับสนุนงานบริหารจัดการโรงเรียน (๓) ปรับปรุง
โครงสรา้ งการจัดการศึกษาใหม้ ีประสทิ ธภิ าพและเพิ่มคุณภาพการศกึ ษา มีการปรับปรุงโครงสร้างการศึกษาท่เี น้นสายอาชพี มากขึ้น
มีการเรียนการสอนและการเรียนรู้ท่ีใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เกิดทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทักษะภาษาท่ี ๓ ทักษะ
และความรู้ในการประกอบอาชีพใหม่ ๆ อย่างคล่องตัว เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรทางการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม
(๔) เพิ่มการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนในการจัดการศึกษา ส่งเสริมภาคประชาสังคมปรับปรุงแหล่งเรียนรู้ในชุมชนให้เป็นพ้ืนที่
เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และมีชีวิต รวมถึงการเรียนรู้และทบทวนทักษะพื้นฐาน ได้แก่ การอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น โดยระดม
ทรัพยากรจากภาคเอกชนและภาคประชาสงั คม (๕) พัฒนาระบบประกันคุณภาพการศกึ ษา โดยแยกการประกันคุณภาพการศึกษา
ออกจากการประเมินคุณภาพและการรับรองคุณภาพและการกากับดูแลคุณภาพการศึกษา และปฏิรูประบบการสอบท่ีนาไปสู่
การวดั ผลในเชิงทักษะที่จาเป็นสาหรบั ศตวรรษท่ี ๒๑ มากกวา่ การวัดระดับความรู้ (๖) สง่ เสรมิ การวิจยั และใชเ้ ทคโนโลยใี นการสรา้ ง
และจัดการความรู้ การเรียนการสอน และการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชพี ที่สอดคล้องกับบริบทพืน้ ที่ ซ่ึงรวมถึงการบูรณา
การความร่วมมือระหวา่ งสถาบนั อุดมศกึ ษากับภาคอุตสาหกรรม ชมุ ชน และภาครัฐ เพอ่ื เสรมิ สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมทเ่ี ขม้ แขง็

แนวทางที่ ๔ พัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต ประกอบด้วย ๕ แนวทางย่อย ได้แก่ (๑) จัดให้มีระบบ
การศึกษาและระบบฝึกอบรมบนฐานสมรรถนะที่มีคุณภาพสูงและยืดหยุ่น (๒) มีมาตรการจูงใจและส่งเสริมสนับสนุนให้คนเข้า
สู่ใฝ่เรียนรู้ พัฒนาตนเอง รวมถึงการยกระดับทักษะวิชาชีพ (๓) พัฒนาระบบการเรียนรู้ชุมชนให้เข้าถึงได้ทุกท่ีทุกเวลา โดย
ความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม (๔) พัฒนาระบบเครือข่ายเทคโนโลยีดิจิทัลและดิจิทัลแฟลตฟอร์ม
ส่ือดิจิทัลเพ่ือการศึกษาในทุกระดับทุกประเภทการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ (๕) พัฒนาโปรแกรมประยุกต์หรือสื่อ
การเรียนรู้ดิจิทัลท่ีมีคุณภาพที่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
ผ่านเทคโนโลยสี มยั ใหมไ่ ด้

หน้าท่ี ๔๑ | ค ลั ง สื่ อ ส พ ม . จ บ ต ร

แนวทางที่ ๕ สร้างระบบการศึกษาเพ่ือเป็นเลิศทางวชิ าการระดับนานาชาติ ประกอบดว้ ย ๕ แนวทางย่อย ไดแ้ ก่
(๒) สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและแลกเปล่ียนนักเรียน นักศึกษาและบุคลากรในระดับนานาชาติ รวมถึงการพัฒนา
ศูนย์วิจัย ศูนย์ฝึกอบรม และทดสอบในระดับภูมิภาค (๓) จัดให้มีการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
(๔) จัดให้มีการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรมของไทยและพัฒนาการของประเทศเพ่ือนบ้านในสถานศึกษา และสาหรับ
ประชาชน (๕) ส่งเสรมิ สนบั สนุนการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ของเด็ก เยาวชน และนักเรียนกับประเทศเพื่อนบา้ นในภูมภิ าคเอเชยี อาคเนย์

 เป้าหมายของแผนย่อย : คนไทยมกี ำรศึกษำท่ีมีมำตรฐำนสำกลเพ่ิมข้ึน มีทักษะท่จี ำเป็นของโลกศตวรรษท่ี ๒๑

สำมำรถในกำรแกป้ ัญหำปรับตวั สื่อสำร และทำงำนร่วมกับผอู้ น่ื ได้อย่ำงมปี ระสิทธิผลเพ่มิ ข้ึน มนี ิสยั ใฝ่เรียนรู้อยำ่ งต่อเน่ืองตลอดชีวิต

๑.๔.๒ แผนย่อยการตระหนักถึงพหุปัญญาของมนษุ ยท์ ี่หลากหลาย

 แนวทางการพัฒนา
แนวทางท่ี ๑ พัฒนาและส่งเสริมพหุปัญญา โดยพัฒนาระบบบริหารจัดการกลไกการคัดกรองและการส่งต่อ
เพ่ือส่งเสริมการพัฒนาคนไทยตามพหุปัญญาให้เต็มตามศักยภาพ ส่งเสริมสนับสนุนครอบครัว ในการเสริมสร้าง ความสามารถ
พิเศษตามความถนัดและศักยภาพท้ังด้านกีฬา ภาษาและวรรณกรรม สุนทรียศิลป์ ส่งเสริม สนับสนุนระบบสถานศึกษาและ
สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างและพัฒนาเด็กและเยาวชนท่ีมีความสามารถพิเศษ บนฐานพหุปัญญา และส่งเสริมสนับสนุน
มาตรการจูงใจแกภ่ าคเอกชน และสอ่ื ในการมสี ่วนร่วมและผลักดนั ให้ผูม้ คี วามสามารถพเิ ศษ มบี ทบาทเด่นในระดับนานาชาติ
 เป้าหมายของแผนย่อย : ประเทศไทยมีระบบข้อมูลเพ่ือกำรส่งเสริมกำรพัฒนำศักยภำพตำมพหุปัญญำ

เพ่อื ประโยชน์ในกำรพัฒนำและกำรส่งต่อกำรพัฒนำให้เตม็ ตำมศักยภำพเพ่ิมข้ึน

๑.๕ ประเดน็ ท่ี ๑๓ กำรเสรมิ สร้ำงใหค้ นไทยมีสขุ ภำวะทด่ี ี

 เป้าหมายประเด็น : คนไทยมีสุขภำวะที่ดขี น้ึ และมคี วำมเปน็ อย่ดู เี พ่มิ ข้ึน

ประกอบด้วย แผนย่อย จานวน ๕ แผน เกีย่ วข้องกับสานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษาจันทบรุ ี
ตราดจานวน ๑ แผนยอ่ ย ดงั น้ี

๑.๕.๑ แผนย่อยการสร้างความรอบรู้ดา้ นสขุ ภาวะและการปอ้ งกนั และควบคุมปจั จยั เสยี่ งทค่ี กุ คามสุขภาวะ

 แนวทางการพัฒนา
แนวทางท่ี ๑ สร้างเสริมความรู้เพ่ือเพิ่มศักยภาพในการจัดการสุขภาวะของคนทุกกลุ่มวัย อาทิ ผ่าน
การพัฒนาสื่อเพ่ือส่งเสริมและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านสุขภาพและสุขภาวะท่ีถูกต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึง
โดยสะดวก และนาไปใชใ้ นการจดั การสุขภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม
 เป้าหมายของแผนย่อย : ประชำชนมีควำมรอบรู้ด้ำนสุขภำวะสำมำรถดูแลสุขภำพ มีพฤติกรรมสุขภำพ

ท่ี พึงประสงค์ และสำมำรถปอ้ งกนั และลดโรคที่สำมำรถปอ้ งกนั ได้ เกิดเป็นสงั คมบ่มเพำะจติ สำนึกกำรมีสุขภำพดีสงู ขึ้น

๑.๖ แผนแมบ่ ทประเด็นท่ี ๑๗ ความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม

 เปา้ หมายประเดน็ : คนไทยทุกคนไดร้ ับกำรคุ้มครองและมีหลกั ประกนั ทำงสงั คมเพ่ิมขึน้

ประกอบดว้ ย แผนย่อย จานวน ๒ แผน เกี่ยวข้องกับสานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามธั ยมศึกษา
จนั ทบรุ ี ตราดจานวน ๑ แผนยอ่ ย ดงั นี้

๑.๖.๑ แผนย่อยมาตรการแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพ่อื แกป้ ัญหาเฉพาะกลุ่ม

 แนวทางการพัฒนา
แนวทางท่ี ๑ จัดให้มีระบบและกลไกในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย โดยพัฒนาระบบและกลไก
ในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพ่ือให้สามารถให้ความช่วยเหลือกับกลุ่มเป้าหมาย
ท่หี ลากหลายและครอบคลมุ ครบกลุ่ม อาทิ ท้ังเดก็ สตรี ผู้สูงอายุ ผูม้ คี วามบกพร่องทางร่างกาย เหย่อื ของความรนุ แรงต่าง ๆ และ
การคา้ มนษุ ย์ แรงงานในภาคการผลิตทีม่ คี วามเสยี่ ง ผูต้ ดิ เช้ือ และบคุ คลทต่ี อ้ งการการดแู ลเป็นพิเศษ

หนา้ ท่ี ๔๒ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

 เป้าหมายของแผนย่อย : มีระบบและกลไกในกำรให้ควำมช่วยเหลือกลุ่มเป้ำหมำยที่ต้องกำรควำม

ช่วยเหลอื เป็นพเิ ศษไดค้ รอบคลุมมำกยง่ิ ขนึ้

๑.๗ แผนแม่บทประเดน็ ที่ ๒๐ การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครฐั

 เป้าหมายประเดน็ :
เปา้ หมายท่ี ๑ บรกิ ารของรัฐมีประสทิ ธิภาพและมคี ุณภาพเป็นที่ยอมรับของผใู้ ชบ้ ริการ
เปำ้ หมำยท่ี ๒ ภำครัฐมีกำรดำเนินกำรท่ีมปี ระสทิ ธิภำพ ด้วยกำรนำนวัตกรรม เทคโนโลยีมำประยกุ ตใ์ ช้

ประกอบด้วย แผนย่อย จานวน ๕ แผน เก่ียวข้องกับสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด
จานวน ๔ แผนยอ่ ย ดังน้ี

๑.๗.๑ แผนย่อยการบริหารจัดการการเงนิ การคลัง

 แนวทางการพัฒนา
แนวทางท่ี ๑ จัดทางบประมาณตอบสนองต่อเป้าหมายตามยุทธศาสตรช์ าติ เพอื่ ให้งบประมาณเป็นเครื่องมือ
สาคัญท่ีจะขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติ โดยสนับสนุนบทบาทภารกิจของหน่วยงานท้ังในภารกิจพ้ืนฐาน ภารกิจยุทธศาสตร์ ภารกิจ
พ้ืนท่ี และภารกจิ อืน่ ๆ ท่ไี ด้รบั มอบหมายให้สามารถดาเนนิ การได้ตามเป้าหมายของแตล่ ะแผนงาน/โครงการ และเปา้ หมายรว่ มตาม
ระยะเวลาที่กาหนดไว้ สอดคล้องกับสถานการณ์และความเร่งด่วนในแต่ละช่วงเวลา โดยใช้เครื่องมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี
ทท่ี นั สมัยร่วมกนั เพอื่ ใหเ้ กิดการพฒั นาในทกุ ๆ มติ อิ ย่างย่งั ยนื
แนวทางท่ี ๒ กาหนดใหม้ ีการติดตามประเมินผลสัมฤทธ์ิการดาเนินการตามยุทธศาสตรช์ าติ และผลสัมฤทธ์ิของ
แผนงาน/โครงการ ท้ังในภารกิจพื้นฐาน ภารกิจยุทธศาสตร์ และภารกิจพื้นท่ี มีการติดตามประเมินผล ท้ังก่อนเร่ิมโครงการ
ระหว่างดาเนินการ และหลังการดาเนินงาน เป็นการติดตามประเมินผลทั้งระบบ ต้ังแต่ปัจจัยนาเข้า กระบวนการดาเนินการ
ผลผลิต ผลลพั ธ์ และผลกระทบตอ่ การบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูล เพอ่ื ให้สามารถตรวจสอบ
และนาไปสู่การปรับแนวทาง การดาเนินงานท่ีเหมาะสมได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมท้ังเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเขา้ มามีส่วนรว่ ม
ในการติดตามประเมินผล และจัดให้มีการรายงานการติดตามประเมินผลในการบรรลุเป้าหมายต่อสาธารณะเป็นประจา รวมท้ัง
การตรวจสอบโดยองค์กรอสิ ระตอ้ งเป็นไปเพื่อสง่ เสรมิ การขบั เคล่ือนยุทธศาสตรช์ าติ
 เปา้ หมายของแผนยอ่ ย : หนว่ ยงำนภำครฐั บรรลผุ ลสมั ฤทธติ์ ำมเปำ้ หมำยยุทธศำสตรช์ ำติ

๑.๗.๒ แผนย่อยกำรปรับสมดุลภำครัฐ
 แนวทางการพฒั นา
แนวทางท่ี ๑ เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการดาเนินการบริการสาธารณะและกิจกรรม

สาธารณะอย่างเหมาะสมกาหนดความสัมพันธ์และการพัฒนาบทบาทในฐานะของหุ้นส่วนการพัฒนาในการดาเนินภารกิจท่ีสาคัญ
ระหวา่ งการบรหิ ารราชการส่วนกลาง สว่ นภูมิภาค สว่ นท้องถนิ่ และการสนับสนนุ ให้ภาคกี ารพัฒนาต่าง ๆ โดยเฉพาะชุมชน เอกชน
ในรูปแบบโมเดลประชารัฐ มาร่วมดาเนินการในบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ โดยจัดให้มีการตรวจสอบความ
ซ้าซ้อน การวิเคราะห์และทบทวนภารกิจของภาครัฐให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อกาหนดภารกิจหลัก
ที่ให้ภาครัฐดาเนินการ อาทิ การกาหนดนโยบาย การตัดสินใจ และการกาหนดแนวทางการพัฒนาภาครัฐที่สาคัญ สามารถ
ตรวจสอบการทางานของภาครัฐได้อย่างเหมาะสม การกากับดูแลการแปลงนโยบายสู่การปฏบิ ัติ การกากับการให้บริการสาธารณะ
ให้เปน็ ไปตามมาตรฐานและมีการคานงึ ถงึ ความมั่นคงของมนุษย์และรฐั และจดั ใหม้ ีการยบุ เลิกภารกจิ ที่ไม่จาเป็น รวมทั้งเข้ามาเป็น
ส่วนหนึ่งในการพัฒนาบริการสาธารณะที่สร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วน การถ่ายโอนภารกิจให้ภาคส่วนอ่ืนรับไป
ดาเนินการ เช่น การจา้ งเหมาบรกิ าร และการทางานแบบจัดบรกิ ารร่วม เป็นตน้

 เป้าหมายของแผนย่อย : เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการจัดบริการสาธารณะและ
กิจกรรมสาธารณะอยา่ งเหมาะสม

๑.๗.๓ แผนย่อยกำรพัฒนำระบบบริหำรงำนภำครฐั

หนา้ ที่ ๔๓ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

 แนวทางการพฒั นา
แนวทางท่ี ๑ พัฒนาหน่วยงานภาครัฐให้เป็น “ภาครัฐทันสมัย เปิดกว้าง เป็นองค์กรขีดสมรรถนะสูง”
สามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า เทียบได้กับมาตรฐานสากล รองรับสภาพแวดล้อม ในการปฏิบัติงาน
ท่ีมีความหลากหลายซับซ้อนและทันการเปลี่ยนแปลง โดยการนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ดิจิทัล การพัฒนาให้มีการนาข้อมูล
และข้อมูลขนาดใหญม่ าใช้ในการพฒั นานโยบาย การตัดสนิ ใจ การบริหาร จดั การ การให้บริการ และการพัฒนานวัตกรรมภาครัฐ
รวมถึงการเช่ือมโยงการทางานและขอ้ มลู ระหวา่ ง องคก์ รท้ังภายในและภายนอกภาครัฐแบบอัตโนมัติ อาทิ การสร้างแพลตฟอร์ม
ดจิ ิทัลท่ีภาครัฐสามารถใช้ ร่วมกัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงขอ้ มูลท่ีสะดวกและรวดเร็ว เชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ
ให้มี มาตรฐานเดียวกันและข้อมูลระหว่างหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนเพื่อให้ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน และ ผู้ประกอบการ
สามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากข้อมลู ในการขยายโอกาสทางการคา้ ทัง้ ในประเทศและต่างประเทศ
แนวทางท่ี ๒ กาหนดนโยบายและการบริหารจดั การท่ตี ง้ั อยู่บนข้อมูลและหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ มุ่งผลสัมฤทธ์ิ
มีความโปร่งใส ยืดหยุ่นและคล่องตัวสูง นานวัตกรรม เทคโนโลยี ข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบ การทางานที่เป็นดิจิทัล มาใช้ในการ
บรหิ ารและการตัดสินใจ มกี ารพัฒนาขอ้ มลู เปิดภาครัฐให้ทุกภาคส่วน สามารถเข้าถึง แบ่งปนั และใช้ประโยชนไ์ ด้อย่างเหมาะสม
และสะดวก รวมทั้งนาองค์ความรู้ในแบบ สหสาขาวิชาเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อสร้างคุณค่าและแนวทางปฏิบัติท่ีเป็นเลิศในการ
ตอบสนองกับสถานการณ์ ต่าง ๆ ได้อย่างทันเวลา พร้อมทั้งมีการจัดการความรู้และถ่ายทอดความรู้อย่างเป็นระบบเพื่อพัฒนา
ภาครัฐ ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และการเสริมสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ การพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร เพ่ือสง่ เสริมการ
พฒั นาระบบบริการและการบริหารจดั การภาครัฐอยา่ งเต็มศกั ยภาพ
เปา้ หมายของแผนยอ่ ย : ภาครัฐมขี ดี สมรรถนะ สงู เทยี บเทา่ มาตรฐานสากลและ มคี วามคล่องตัว
๑.๗.๔ แผนย่อยกำรสร้ำงและพฒั นำบุคลำกรภำครฐั
 แนวทางการพัฒนา
แนวทางที่ ๑ ปรับปรุงกลไกในการกาหนดเป้าหมายและนโยบายกาลังคนในภาครัฐให้มีมาตรฐานและ
เกิดผลในทางปฏิบัตไิ ด้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ เพื่อให้กาลงั คนภาครัฐมีความเหมาะสมกับภารกิจของภาครัฐและสอดคล้องกับทศิ ทาง
การพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบการบริหารกาลังคนให้มีความคล่องตัว ยึดระบบคุณธรรม
เพิ่มความยืดหยุ่นคล่องตัวให้กับหน่วยงานภาครัฐในการบริหารทรัพยากรบุคคลในทุกข้ันตอนควบคู่ไปกับการเสริมสร้าง
ประสิทธิภาพและคุณภาพภายใต้หลักระบบคุณธรรม ปรับปรุงเปล่ียนแปลงกลไกการวางแผนกาลังคน รูปแบบการจ้างงาน
การสรรหา การคัดเลือก การแต่งต้ัง เพ่ือเอื้อให้เกิดการหมุนเวียน ถ่ายเทแลกเปลี่ยน และโยกย้ายบุคลากรคุณภาพในหลากหลาย
ระดับระหวา่ งภาคสว่ น ตา่ ง ๆ ของประเทศไดอ้ ย่างคลอ่ งตัว
แนวทางที่ ๒ เสริมสร้างความเข้มแข็งในการบริหารงานบุคคลในภาครัฐให้เป็นไปตามระบบคุณธรรมอย่าง
แท้จริง โดยการสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมจริยธรรมและ จิตสานึกสาธารณะ มีระบบบริหาร
จัดการและพัฒนาบุคลากรให้สามารถสนองความต้องการในการปฏิบัติงาน มีความก้าวหน้าในอาชีพ สามารถจูงใจให้คนดีคนเก่ง
ทางานในภาครัฐ โดยมีการประเมินผลและเลื่อนระดับ ตาแหน่งของบุคลากรภาครัฐตามผลสัมฤทธ์ิของงานและพฤติกรรมในการ
ปฏิบัติงาน โดยมีกลไกการป้องกัน การแทรกแซงและการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ การสร้างความก้าวหน้าให้กับบุคลากรภาครัฐ
ตามความรู้ ความสามารถและศักยภาพในการปฏิบัติงาน และการสร้างกลไกให้บุคลากรภาครัฐสามารถโยกย้ายและ หมุนเวียนได้
อย่างคล่องตัวเพื่อประโยชน์ของภาครัฐ รวมถึงการพัฒนาระบบการจ้างงานบุคลากรภาครัฐ ทุกประเภทให้มีรูปแบบท่ีหลากหลาย
เหมาะสมกับภารกิจในรูปต่าง ๆ อาทิ การจา้ งงานท่ีมีลักษณะช่ัวคราว ใหเ้ ป็นเคร่ืองมือในการบริหารงานในภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมท้ังการทบทวนและปรับเปลี่ยนระบบ ค่าตอบแทนที่เปน็ ธรรม มมี าตรฐาน เหมาะสมสอดคล้องกบั ภาระงาน โดยปรับปรุงวิธกี าร
กาหนดและพิจารณา ค่าตอบแทนและสิทธปิ ระโยชน์ของบคุ ลากรภาครฐั ใหม้ ีมาตรฐาน เหมาะสมกับลกั ษณะงานและภารกจิ รวมถึง
สามารถเทียบเคียงกับตลาดการจ้างงานได้อยา่ งสมเหตสุ มผล โดยไมใ่ ห้เกิดความเหลื่อมลา้ ของคา่ ตอบแทนและ สทิ ธิประโยชน์ต่างๆ
ระหวา่ งบุคลากรของรฐั
แนวทางท่ี ๓ พัฒนาบุคลากรภาครัฐทุกประเภทให้มีความรู้ความสามารถสูง มีทักษะการคิด วิเคราะห์และ
การปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง มีระบบการพัฒนาขีดความสามารถบุคลากรภาครัฐให้มี สมรรถนะใหม่ ๆ ทักษะการใช้
ภาษาองั กฤษและภาษาท่สี าม ทกั ษะด้านดิจทิ ลั มีทัศนคติและกรอบความคดิ ในการทางานเพอื่ ใหบ้ ริการประชาชนและอานวยความ

หนา้ ที่ ๔๔ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

สะดวกภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเพ่ือประโยชน์ ของการพัฒนาประเทศ สามารถรองรับการเปล่ียนแปลงบริบทการพัฒนา
มีการเสริมสร้างคุณธรรมและ จริยธรรม การปรับเปล่ียนแนวคิดให้การปฏิบัติราชการเป็นมืออาชีพ มีจิตบริการ ทางานในเชิงรุก
และมองไปข้างหน้า สามารถบูรณาการการทางานร่วมกบั ภาคส่วนอ่ืนได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีสานกึ ในการปฏบิ ัติงาน ด้วยความ
รบั ผดิ รบั ชอบและความสุจริต ปฏิบัตงิ านตามหลักการและหลกั วชิ าชพี ด้วยความเป็นธรรมและเสมอภาค กลา้ ยืนหยดั ในการกระทา
ท่ีถูกต้อง คานึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ของส่วนตน ตลอดจน ส่งเสริมให้มีการคุ้มครองและปกป้องบุคลากร
ภาครัฐที่กล้ายืดหยดั ในการกระทาท่ีถูกต้องและมีพฤติกรรม การปฏบิ ัติงานตามจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ

แนวทางท่ี ๔ สร้างผนู้ าทางยุทธศาสตร์ในหนว่ ยงานภาครัฐทุกระดบั อย่างต่อเนอ่ื งและเปน็ ระบบ เพ่ือใหผ้ ู้นา
และผู้บริหารภาครัฐมีความคิดเชิงกลยุทธ์ มีความเข้าใจสภาพเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมทั้ง ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ
ระดับภูมิภาค และระดับโลก มีความสามารถในการนาหน่วยงาน และ มีคุณธรรม จริยธรรมในการบริหารงานเพ่ือประโยชน์
ของส่วนรวม เป็นทั้งผู้นาทางความรู้และความคิด ผลักดันภารกิจ นาการเปลี่ยนแปลง พัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์
เป็นแบบอย่างท่ีดีต่อผู้ร่วมงานและ ต่อสังคม เพ่ือรองรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว โดยต้องได้รับการปรับเปลี่ยน
กระบวนการ ทางความคิดให้ตนเอง มีความเป็นผู้ประกอบการสาธารณะ เพิ่มทักษะให้มีสมรรถนะท่ีจาเป็น และ เปลี่ยนแปลง
พฤติกรรม อันจะช่วยทาให้สามารถแสดงบทบาทของการเป็นผู้นาการเปล่ียนแปลง เพ่ือสร้าง คุณค่าและประโยชน์สุข
ให้แกป่ ระชาชน

 เป้าหมายของแผนย่อย : บุคลากรภาครัฐยึดค่านิยมในการทางานเพ่ือประชาชน ยึดหลักคุณธรรม

จรยิ ธรรมมจี ิตสานกึ มีความสามารถสงู มุ่งมน่ั และเป็นมอื อาชพี
๑.๘ แผนแมบ่ ทประเด็นที่ ๒๑ การต่อตา้ นการทจุ รติ และประพฤติมิชอบ

 เป้าหมายประเด็น : ประเทศไทยปลอดกำรทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบ

ประกอบด้วย แผนย่อย จานวน ๒ แผน เกี่ยวข้องกับสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจันทบุรี ตราด
จานวน ๑ แผน ดงั นี้

๑.๘.๑ แผนยอ่ ยการปอ้ งกันการทุจรติ และประพฤติมิชอบ

 แนวทางการพฒั นา
แนวทางท่ี ๑ ปลกู และปลุกจิตสานึกการเป็นพลเมืองที่ดี มวี ัฒนธรรมสุจริต และการปลูกฝงั และหล่อหลอม
วฒั นธรรมในกลุ่มเดก็ และเยาวชนทกุ ชว่ งวัย ทกุ ระดับ มุ่งเน้นการปรบั พฤติกรรม “คน” โดยการ “ปลูก” และ “ปลกุ ” จิตสานึก
ความเป็นพลเมืองที่ดีมีวัฒนธรรมสุจริต สามารถแยกแยะได้ว่าสิง่ ใด เป็นประโยชน์ส่วนตน สิ่งใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม มีความ
ละอายต่อการกระทาความผิด ไม่เพิกเฉยอดทน ต่อการทุจริต และเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ รวมถึง
การส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรม และค่านิยมสุจริตในระดับชุมชนเพื่อนาไปสู่การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมค่านิยมท่ียึดประโยชน์
สาธารณะ มากกว่าประโยชน์ส่วนตน และต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบในทุกรูปแบบโดยเฉพาะการส่งเสริม วัฒนธรรม
สุจริตผ่านหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับที่เด็กไทยทุกคนต้องเรียนท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึง
ระดับอุดมศึกษา เพื่อปฏิรูป “พลเมืองไทยในอนาคต” ให้มีความเป็นพลเมืองเต็มข้ัน สามารถทาหน้าที่ความเป็นพลเมืองท่ีดี
มจี ติ สานกึ ยึดม่ันในความซอ่ื สัตย์สจุ ริต มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม มรี ะเบียบวนิ ยั และเคารพกฎหมาย
แนวทางท่ี ๒ ส่งเสริมการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีของรัฐให้มีความใสสะอาด ปราศจาก
พฤติกรรมทีส่ ่อไปในทางทุจริต โดยการปฏิบตั ิหน้าท่รี าชการอย่างเปดิ เผย โปร่งใส ถูกตอ้ ง เป็นธรรม ไม่คดโกง รู้จักแยกแยะเรื่อง
ส่วนตัวออกจากหน้าที่การงาน การสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารงาน ตลอดจนการสร้างจิตสานึกและค่านิยมในการต่อต้าน
การทุจริตให้แก่บุคลากรขององค์กร โดยการสนับสนุน ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าท่ีรัฐเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเครือข่ายต่อต้าน
การทุจริตในหน่วยงานภาครัฐ เพ่ือส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง สอดส่อง ติดตามพฤติกรรมเสี่ยงและแจ้งเบาะแส
เพ่อื สกดั กั้นมใิ ห้ เกดิ การทจุ ริตประพฤติมชิ อบได้ โดยมีมาตรการสนบั สนนุ และค้มุ ครองผ้แู จง้ เบาะแส

เปา้ หมายของแผนย่อย : ประชำชนมีวัฒนธรรมและพฤตกิ รรมซ่ือสตั ย์สจุ รติ

หน้าที่ ๔๕ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

๒.แผนการปฏริ ปู ประเทศ ทเี่ กย่ี วข้อง ดงั น้ี

๒.๑ แผนการปฏิรูปประเทศด้านการบรหิ ารราชการแผน่ ดิน

เปา้ หมายรวม

๓) จดั ระบบบรหิ ารและบริการประชาชนใหเ้ ป็นดจิ ิทลั เพื่อความโปรง่ ใส ทันสมยั ปรับตัว ไดร้ วดเร็ว
และเปดิ โอกาสให้ประชาชนไดม้ สี ว่ นร่วมในการดาเนนิ งานไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

๔) จดั ระบบบคุ ลากรภาครัฐใหม้ มี าตรฐานกลาง เพ่ือสรรหา และรกั ษาไวซ้ งึ่ กาลังคน ท่มี ีคณุ ภาพสงู
มีคุณธรรม และจริยธรรมในการทางานอย่างมืออาชีพ เป็นท่ีไวว้ างใจของประชาชน

เรือ่ งและประเดน็ ปฏริ ูป
เรื่องท่ี ๓ : โครงสร้ำงภำครัฐกะทดั รดั ปรบั ตัวได้เร็วและระบบงำนมีผลสัมฤทธิส์ ูง
กลยุทธท์ ี่ ๕ สรา้ งระบบธรรมาภบิ าลท่ียงั่ ยนื ในหน่วยงานภาครัฐ
เรอ่ื งที่ ๔ : กำลังคนภำครัฐมีขนำดที่เหมำะสมและมสี มรรถนะสงู พร้อมขับเคลอ่ื น ยทุ ธศำสตรช์ ำติ
กลยุทธท์ ี่ ๒ ลดขนาดกาลงั คนและคา่ ใช้จ่ายด้านบคุ ลากรภาครัฐทมี่ ีผลผกู พันภาระงบประมาณในระยะยาว
กลยุทธ์ท่ี ๓ พัฒนาทักษะและสมรรถนะใหมเ่ พื่อสรา้ งความพรอ้ มเชงิ กลยุทธ์ใหก้ บั กาลงั คนภาครัฐ
เรอ่ื งท่ี ๕ : ระบบบรหิ ำรงำนบุคคลที่สำมำรถดึงดูด สรำ้ ง และรักษำคนดี คนเก่งไวใ้ นภำครฐั
กลยุทธ์ที่ ๑ ดงึ ดดู ผู้มีความรู้ความสามารถและมีจิตสาธารณะเข้ามาทางานในหน่วยงานของรฐั
กลยทุ ธท์ ่ี ๒ ส่งเสรมิ จูงใจ และรกั ษาผูม้ ีความสามารถและมจี ิตสาธารณะไวใ้ นภาครัฐ
กลยุทธ์ที่ ๓ พฒั นาขีดความสามารถและสร้างความผกู พันต่อองค์กร

๒.๒ แผนการปฏริ ูปประเทศด้านการศึกษา เปา้ หมายรวม ดงั นี้

1. ยกระดับคุณภาพของการจดั การศึกษา
2. ลดความเหลื่อมล้าทางการศึกษา
3. มงุ่ ความเปน็ เลศิ และสรา้ งขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ
4. ปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพิ่มความ คล่องตัวในการรองรับ
ความหลำกหลำยของกำรจัดกำรศึกษำและสรำ้ งเสรมิ ธรรมำภิบำล

เร่ืองและประเด็นปฏริ ูป

เรื่องที่ ๑ การปฏิรูประบบการศึกษาและการเรียนรู้โดยรวมของประเทศ โดยพระราชบัญญัติ

การศึกษาแหง่ ชาตฉิ บบั ใหม่และกฎหมายลาดบั รอง มี ๑ ประเดน็ ทเ่ี กีย่ วข้อง ได้แก่

(๓) การขับเคล่ือนการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาตนเองและการศึกษาเพ่ือการเรียนรู้ ตลอดชีวิตเพ่ือ
รองรบั การพัฒนาศกั ยภาพคนตลอดชว่ งชีวิต

เร่ืองท่ี ๒ การปฏริ ูปการพฒั นาเดก็ เลก็ และเดก็ กอ่ นวยั เรียน มี ๒ ประเด็น ท่เี กย่ี วข้อง ได้แก่
(๑) การพัฒนาระบบดูแล พัฒนา และจัดการเรียนรู้เพ่ือให้เด็กปฐมวัยได้รับการพฒั นา ร่างกาย จิตใจ

วินยั อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญาให้สมกับวัย
(๒) การส่อื สารสงั คมเพ่ือสร้างความเขา้ ใจในการพัฒนาเด็กปฐมวยั

เร่ืองท่ี ๓ กำรปฏิรปู เพื่อลดควำมเหล่ือมลำ้ ทำงกำรศึกษำ มี ๓ ประเด็น ที่เก่ียวขอ้ ง ได้แก่
(1) การดาเนนิ การเพือ่ ลดความเหลอ่ื มลา้ ทางการศึกษา
(๒) การจดั การศึกษาสาหรบั บุคคลพิการ บุคคลทม่ี ีความสามารถพิเศษ และบคุ คลทตี่ ้องการดูแลเป็นพิเศษ
(3) การยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาในพ้ืนท่ีห่างไกล หรือในสถานศึกษาท่ีต้องมี การยกระดับคุณภาพ

อย่างเรง่ ด่วน
เร่ืองที่ ๔ กำรปฏิรูปกลไกและระบบกำรผลิต คัดกรองและพัฒนำผู้ประกอบวิชำชีพครู และอำจำรย์

มี ๓ ประเด็น ท่ีเกีย่ วข้อง ไดแ้ ก่
(2) การพัฒนาวิชาชพี ครู

หน้าท่ี ๔๖ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร

(3) เส้นทางวิชาชีพครู เพอ่ื ให้ครูมคี วามกา้ วหนา้ ได้รับค่าตอบแทนและสวสั ดกิ ารท่ีเหมาะสม
(4) การพฒั นาผบู้ ริหารสถานศกึ ษา เพ่อื ยกระดับคุณภาพการจดั การศกึ ษาในสถานศึกษา
เร่ืองท่ี 5 กำรปฏิรูปกำรจัดกำรเรียนกำรสอนเพ่ือตอบสนองกำรเปล่ียนแปลงในศตวรรษที่ 21
มี ๕ ประเด็น ท่เี กยี่ วขอ้ ง ได้แก่
(1) การปรบั หลักสูตร พร้อมกระบวนการจดั การเรียนการสอน และการประเมินเพ่ือ พัฒนาการเรียนรู้
เป็นหลักสตู รฐานสมรรถนะ
(2) การจัดการศึกษาเพอื่ เสรมิ สรา้ งคุณธรรมและจรยิ ธรรม
(๓) การประเมินคุณภาพการจัดการศกึ ษาระดบั ชาติและระบบคดั เลอื กผเู้ รียนเขา้ ศกึ ษาตอ่
(4) การพัฒนาคณุ ภาพระบบการศกึ ษา
(5) ระบบความปลอดภยั และระบบสวสั ดิภาพของผู้เรียน
เรื่องท่ี 6 กำรปฏริ ปู กำรศึกษำและกำรเรยี นรู้โดยกำรพลกิ โฉมดว้ ยระบบดิจิทัล
มี ๒ ประเดน็ ที่เกย่ี วข้อง ไดแ้ ก่
(๑) การปฏิรูปการเรยี นรู้ด้วยดจิ ิทลั ผ่านแพลตฟอรม์ การเรียนรู้ด้วยดิจิทลั แห่งชาติ
(3) การพัฒนาความเป็นพลเมืองดิจิทัล(digital citizenship) ในด้านความฉลาดรู้ ดิจิทัล (digital
literacy) ความฉลาดรู้สารสนเทศ (information literacy) ความฉลาดรู้ส่ือ (media literacy) เพ่ือการรู้วิธีการเรียนรู้
(learning how to learn) ในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ตลอดจนการมีพฤติกรรม ท่ีสะท้อนการรู้กติกา มารยาท จริยธรรม
เก่ียวกบั การใช้สื่อและการสอื่ สารบนอินเทอร์เนต็
๒.๓ แผนปฏริ ปู ประเทศดา้ นทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม

เปา้ หมายรวม ปรบั ปรุงระบบการศึกษาให้มีประสทิ ธิภาพของการใช้ทรัพยากร เพ่ิมความคลอ่ งตัวในการ
รองรบั ความหลากหลายของการจดั การศึกษา และสรา้ งเสริมธรรมาภบิ าล

เรื่องและประเดน็ ปฏริ ปู ที่ 6.ระบบบริหำรจดั กำรทรัพยำกรธรรมชำติและส่ิงแวดล้อม
เปา้ หมายของการปฏิรูป ข้อที่ 4. การมีส่วนร่วมอย่างมคี วามหมาย (Meaningful Participation) ของ
ประชาชน องค์กรชุมชน องค์กรภาคประชาสังคม ในการบรหิ ารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
๒.๔ แผนกำรปฏริ ปู ประเทศดำ้ นกำรป้องกนั และปรำบปรำมกำรทจุ ริตและประพฤติมิชอบ
เร่ืองและประเดน็ ปฏิรปู ด้ำนกำรปอ้ งปรำม
1.1) กลยทุ ธ์ท่ี ๑ ใหส้ ่วนรำชกำรมีกำรบรหิ ำรงำนบุคคลท่ีเป็นไปตำมระบบคณุ ธรรม (Merit System)
ไดเ้ จำ้ หน้ำทข่ี องรฐั ทเี่ ป็น “คนดี คนเก่ง คนกลำ้ ยืนหยดั ในสิง่ ทถ่ี ูกต้อง”

1.1.1) กิจกรรม ใหท้ ุกส่วนราชการจดั กิจกรรมเพื่อเชิญชวนใหข้ า้ ราชการน้อมนาปรัชญาเศรษฐกิจ
พอเพยี งมาเปน็ หลกั ในการครองตนจนเปน็ วถิ ชี วี ิต

เป้าหมายกิจกรรม เพอ่ื เชิญชวนให้ข้าราชการนอ้ มนาปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงมาเป็นหลกั ในการครอง
ตนจนเปน็ วิถีชีวิตซ่ึงจะช่วยใหข้ า้ ราชการลดความโลภอนั เป็นต้นเหตขุ องการทุจริต

1.2) กลยุทธ์ท่ี ๒ ใหห้ ัวหนำ้ สว่ นรำชกำรหัวหนำ้ หน่วยงำนของรัฐ หรือผู้บังคบั บัญชำ มีมำตรกำรเสรมิ สรำ้ ง
วัฒนธรรมองคก์ รในกำรปอ้ งกนั และปรำบปรำมกำรทุจรติ และประพฤตมิ ิชอบและเปน็ ตวั อยำ่ งในกำรบริหำรงำนดว้ ยควำม
ซ่ือตรงและรบั ผดิ ชอบ กรณปี ลอ่ ยปละละเลยไมด่ ำเนนิ กำรใหถ้ ือเป็น ควำมผิดวินัยหรอื ควำมผดิ ทำงอำญำ

1.2.1) กิจกรรม ปลุกจิตสานึกใหเ้ จา้ หนา้ ทข่ี องรัฐมีคุณธรรมความซื่อตรง (Integrity) โดยเนน้ ความซือ่ ตรง
ต่อหนา้ ที่ (ซือ่ สตั ย์สุจริตวริ ยิ ะอุตสาหะ ทางานใหส้ าเรจ็ ตามเปา้ หมายอย่างดีท่ีสดุ ) และซ่อื ตรงตอ่ ประชาชน

เป้าหมายกิจกรรม สง่ เสริมให้เจา้ หนา้ ทขี่ องรัฐน้อมนาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ พอประมาณ มีเหตมุ ี
ผล และมีภมู ิคมุ้ กนั ดว้ ยเง่อื นไขความรู้ควบคคู่ ณุ ธรรมเพือ่ ลดความโลภมาประยกุ ต์ใช้ในการดาเนินชวี ิตจน เป็นวถิ ชี ีวติ

1.2.๒) กิจกรรม ใหม้ ีการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในหนว่ ยงาน (Integrity and
Transparency Assessment– ITA) ตามระเบยี บที่ ป.ป.ช. กาหนดเป็นประจาทุกปี หากไมผ่ า่ นการประเมินใน เกณฑ์
๘๐% หวั หน้าสว่ นราชการอาจไดร้ บั การพิจารณาย้ายออกจากตาแหน่ง

หนา้ ท่ี ๔๗ | ค ลั ง ส่ื อ ส พ ม . จ บ ต ร


Click to View FlipBook Version