4. ครูให้แต่ละกลุ่มออกมานาเสนออาชีพ 5 อันดับแรกจากการรวบรวมข้อมูลของกลุ่มตนเอง (ระหว่างที่นักเรียน
นาเสนอ ครูจดขอ้ มูลของแตล่ ะกลมุ่ บนกระดาน หรอื พิมพล์ งบนExcel)
5. ครูถามนักเรียนว่าวิธกี ารจดั การกบั ขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้จากเพ่ือน 20 คนในคาบท่ีแลว้ เป็นการประมวลผลประเภทใด
เพราะอะไร
(แนวคาตอบ การประมวลผลข้อมูลด้วยมือ เพราะขอ้ มูลน้อยคานวณดว้ ยตนเองได)้
ชวั่ โมงท่ี 2
ขน้ั สอน (50 นาที)
6. ครสู นทนากับนกั เรียนว่า คาบทผ่ี ่านมานักเรียนได้ประมวลผลขอ้ มูลด้วยมอื เราทราบอยู่แลว้ วา่ การประมวลผลข้อมูล
สามารถทาไดห้ ลายวธิ ี จากน้ันครอู ธบิ าย “การประมวลผลขอ้ มูลด้วยเครื่องจกั รกล” ในหนงั สือเรียนวชิ า เทคโนโลยี
(วิทยาการคานวณ) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 บรษิ ัท อกั ษรเจรญิ ทศั น์ อจท.
หนา้ 7
7. ครูยกตัวอย่างการประมวลผลข้อมูลด้วยเคร่ืองจักรกล เช่น เครื่องคิดเลขในมินิมาร์ทที่เป็นเครือ่ งทาบัญชี อาชีพนัก
บัญชที ่ีตอ้ งมีการคานวณเกีย่ วกบั เงินซ่ึงตอ้ งการความแม่นยาสูงจะมีเครื่องทาบัญชีเขา้ มาชว่ ยทาให้การคานวณแมน่ ยา
มากข้นึ โดยการทางานของเครือ่ งก็จะมฟี ังกช์ ัน่ ตา่ ง ๆ ที่สะดวกตอ่ การคานวณตวั เลข
8. ครตู ง้ั คาถามวา่ หากขอ้ มูลทเ่ี ราต้องการประมวลผลมีจานวนท่ีมากขน้ึ จนไม่สามารถประมวลได้เอง เราจะมีวิธกี าร
แกป้ ญั หาอยา่ งไร
(แนวคาตอบ ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการประมวลผลขอ้ มลู ทาใหไ้ ด้ขอ้ มูลทีร่ วดเรว็ )
9. ครยู กตวั อย่างวา่ ในแตล่ ะเทอมเราจะตอ้ งตัดเกรด และในขัน้ ตอนการตดั เกรดมคี ะแนนท่ีต้องคานวณหลายอยา่ ง ซึ่งครู
สว่ นใหญจ่ งึ จาเปน็ ต้องใช้คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยในการประมวลผลขอ้ มลู จะแมน่ ยากวา่ และประมวลผลเรว็ กวา่
10. ครูสอบถามว่านักเรียนทราบหรอื ไมก่ ารประมวลผลข้อมูลดว้ ยคอมพวิ เตอรม์ ีลาดบั ขนั้ ตอนออย่างไร
(แนวคาตอบ ข้ันตอนที่ 1 การนาเข้าข้อมลู ขั้นตอนท่ี 2 การประมวลผลข้อมูล ข้นั ตอนท่ี 3 การแสดงผล)
11. จากนั้นครูอธิบายลาดับการประมวลผลข้อมูลดว้ ยคอมพิวเตอร์ ในหนังสือเรยี นวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ)
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 บริษทั อักษรเจรญิ ทศั น์ อจท. หน้า 8
12. ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 7–10 เพ่ือ
ตรวจสอบความเข้าใจ
ชวั่ โมงที่ 3
ขนั้ สอน (50 นาที) (ตอ่ )
13. ครอู ธบิ ายวธิ กี ารประมวลผลด้วยคอมพวิ เตอร์ ในหนงั สอื เรยี นวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี
3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. หน้า 9 – 10 ซ่ึงวิธีการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 2 วิธี ดังนี้ การ
ประมวลผลแบบแบตช์ และการประมวลผลแบบอินเทอรแ์ อ็กทิฟ (ครยู กตวั อย่างในหนงั สือเรียน แล้วใหน้ กั เรยี น
ศกึ ษาเพิม่ เตมิ จากหนงั สอื เรยี น)
14. จากน้ันครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลย(ี วทิ ยาการคานวณ) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 บริษทั อักษรเจริญ
ทัศน์ อจท. หน้า 11 – 13 กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ มีวิธีในการประมวลผลหลายวิธี
ได้แก่ 1) การคานวณ 2) การจัดเรียงข้อมูล 3) การจัดกลุ่มข้อมูล 4) การสืบค้นข้อมูล 5) การรวบรวมข้อมูล 6)
การสรุปผล 7) การทารายงาน 8) การบันทึก 9) การปรับปรุงขอ้ มูล 10) การสาเนาข้อมูล 11) การสารองข้อมูล
12) การกขู้ ้อมลู 13) การสอื่ สารขอ้ มูล 14) การบีบอัดข้อมลู
15. ครูยกตวั อย่างกรรมวิธีในการประมวลผลขอ้ มูลดว้ ยคอมพวิ เตอร์บางข้อใหน้ กั เรียนฟงั
1) การคานวณข้อมลู เชน่ การนาระดับเกรดของแตล่ ะวิชามาคานวณเพ่ือหาเกรดเฉลี่ย
2) การจดั เรยี งข้อมูล เชน่ การเรยี งลาดับจากน้อยไปมาก การเรยี งตัวอักษร
3) การจัดกลุ่มข้อมูล เช่น สรุปข้อมูลผลการเรียนนักเรียนตามช้ันของนักเรียน เช่น เกรดเฉล่ียนักเรียนช้ัน
มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3
4) การสบื ค้นขอ้ มูล เช่น ครคู ้นหาข้อมูลผลการเรยี นนักเรียนจากชอื่ คน้ หาข้อมูลนักเรียจากรหัสนกั เรยี น
5) การรวมข้อมลู เช่น การนาประวตั ิการเข้าแถวมารวมกบั ประวตั ผิ ลการเรยี น
16. ครสู นทนากบั นักเรยี นวา่ จากคาบเรียนท่ีแล้วเราพูดถึงขั้นตอนการประมวลผลข้อมลู มี 3 ขั้นตอน จากน้ันให้นกั เรยี น
ศกึ ษารายละเอียดในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อกั ษรเจริญทศั น์
อจท. หน้า 14 – 17
17. ครูต้ังคาถามว่า จากตัวอย่างในหนังสือเรียน อจท. หน้า 15 – 17 ให้นักเรียนยกตัวอย่างประโยชน์ของการ
ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ ถ้าสมมติเราต้องการเก็บข้อมูลเพ่ือทาโปรโมชันลูกค้าร้านสะดวกซื้อ เราควร
รวบรวมขอ้ มลู อะไรบ้าง ควรจดั กล่มุ ขอ้ มลู แบบไหน ประมูลผลขอ้ มูลออกมาในรปู แบบใด เพ่อื ใหง้ ่ายต่อการเรียกใช้
งาน ให้นักเรยี นตอบคาถามลงสมุด
(แนวคาตอบ สร้างแบบสอบถามเพื่อให้ลูกค้ากรอกข้อมูลที่จาเป็นต้องใช้ เช่น ชื่อ – นามสกุล อายุ ท่ีอยู่ปัจจุบัน
เบอรโ์ ทรศัพท์ e-mail ความสนใจต่าง ๆ เช่น สนใจผลิตภัณฑ์ความสวยความงาม สนใจผลิตภัณฑ์สุภาพ เป็นต้น
จากนั้นเรานามาสร้างรหัสเพ่ือง่ายต่อการค้นหา เช่น ลูกค้าท่ีสมัครคนแรกของร้าน S ต้ังรหัสเป็น S620001
หมายถงึ สมัครปี62คนที่0001 เป็นตน้ แลว้ นามากลุ่มข้อมูล เช่น เขตพ้นื ที่เดียวกัน กลุ่มช่วงอายุ กลุ่มความสนใจ
เป็นต้น เวลาเรียกใช้งานสามารถพิมพ์ค้นหาตามคีย์เวริ ์ด เช่น ต้องการส่งe-mail จัดโปรโมชันความสวยความงาม
ใหก้ ับลูกค้าท่ีสนใจผลิตภณั ฑด์ า้ นนี้ เราสามารถสืบคน้ ไดจ้ ากท่ีเราจัดกลุ่มลกู คา้ ไว้ )
18. ครูให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัด Activity ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 13 เพื่อตรวจสอบ
ความเข้าใจ
ขัน้ สอน (40 นาที) ช่วั โมงท่ี 4
18. ครูสุ่มนักเรียนเพื่อยกตัวอย่าง กรรมวิธีในการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ในแต่ละวิธี เพื่อเป็นการทบทวน
ความร้คู าบทผ่ี า่ นมา
19. ครูถามคาถามนักเรียนว่า ในการเลือกศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับอุดมศึกษาเราควรต้อง
คานงึ ข้อมูลด้านใดบา้ ง
(แนวคาตอบ วชิ าทเี่ ราถนัด คณะที่เราสนใจใหส้ อดคลอ้ งกับอาชพี ทีเ่ ราอยากทา)
20. ครูสนทนากับนักเรยี นว่า จากขอ้ มูลท่ีนักเรียนจัดอันดับอาชีพท่ีมีคนอยากทามากทส่ี ุด 5 อันดับ (กิจกรรมในชว่ั โมง
ที่ 1) ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลว่าถ้าทางาน 5 อาชีพน้ีนักเรียนควรเรียนคณะอะไร ค่าเทอมเท่าไร รวบรวมข้อมูล
อย่างน้อย 6 มหาวิทยาลัยขึ้นไป จากน้ันหาค่าเฉล่ียค่าเทอมว่าถ้าอยากทาอาชีพน้ี จะต้องเรียนคณะไหนและมี
คา่ ใช้จา่ ยเฉลี่ยเท่าไรต่อเทอม (เพื่อให้ให้นักเรียนได้เห็นความสาคญั การวางแผนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดข้ึนในอนาคตใน
การเรยี นคณะนน้ั ๆ)
21. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน รวบรวมข้อมูล ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (นักเรียนสามารถ
เลอื กใช้ซอฟต์แวร์ทเี่ หมาะสมกับขอ้ มลู และความถนดั ได้ เปน็ ความรู้ในระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1)
ขนั้ สรปุ (10 นาที)
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายการประมวลผลข้อมูลแต่ละประเภท และวิธกี ารเลือกเครื่องมือในการประมวลผลให้
เหมาะสมกบั ข้อมลู
10. สอื่ แหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง
การจดั การข้อมลู และสารสนเทศ
2. หนังสือแบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอ่ื ง การจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ
3. คอมพวิ เตอร์
11. การวัดและการประเมินผล
11.1 การประเมนิ ระหวา่ งการจัดกิจกรรม
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เครื่องมือการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
1. บอกประเภทของการ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัดรายวิชา บอกลกั ษณะและ
ประมวลผลขอ้ มลู ได้ (K) Exercise หน้า 7–10 พ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ ประเภทของขอ้ มลู ได้
เทคโนโลยี (วิทยาการ ถกู ต้อง 60% ข้นึ ไป
คานวณ) ม.3
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1
เร่อื ง การจดั การข้อมูล
และสารสนเทศ
หน้า 7–10
2. เลอื กวิธกี ารประมวล ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั รายวิชา เลอื กวิธีการรวบรวม
ข้อมลู ท่ีเหมาะสมกับ Activity หน้า 13 พื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ ข้อมลู ไดเ้ หมาะสมกับ
ประเภทของข้อมลู ได้ เทคโนโลยี (วิทยาการ ประเภทขอ้ มูลไดใ้ น
คานวณ) ม.3 ระดบั คุณภาพพอใช้ขน้ึ
(K,P) หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ไปถือว่าผา่ น
เรอื่ ง การจดั การขอ้ มูล
และสารสนเทศ
หน้า 13
2. แบบประเมนิ
3. ยกตัวอยา่ งประโยชน์ การตอบคาถาม (ใน 1. แบบประเมิน เห็นความสาคัญของ
ของการประมวลผล แผนการสอน ช่วั โมงท่ี 3 วิธีการรวบรวมขอ้ มลู ใน
ขอ้ มูลทีเ่ หมาะสมกับ ระดับคณุ ภาพพอใชข้ ึ้น
จุดประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครื่องมือการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
ไปถอื วา่ ผ่าน
ประเภทของขอ้ มลู (A) ขอ้ 17)
11.2 การประเมินการทาแบบฝึกหดั
ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
2
1. การเลือกวิธีการ สามารถเลอื กอปุ กรณ์ สามารถเลือกอุปกรณ์ สามารถเลือกอปุ กรณ์
ประมวลผลขอ้ มูล และวธิ กี ารประมวลผล และวิธีการประมวลผล เหมาะสมกับข้อมูลได้
ขอ้ มูลที่เหมาะสมกบั ข้อมูลทีเ่ หมาะสมกบั แต่วิธีการประมวลผล
ข้อมลู วัตถุประสงค์การ ขอ้ มูล วตั ถุประสงค์การ ขอ้ มลู อาจไม่ตรงตาม
ใชง้ านได้ ใช้งานไดส้ ว่ นใหญ่ วัตถุประสงคก์ ารใช้งาน
เพยี งบางส่วน
2. ยกตัวอย่างประโยชน์ สามารถยกตวั อยา่ ง สามารถยกตวั อย่าง สามารถยกตัวอย่าง
ของการประมวลผล ประโยชน์ของการ ประโยชน์ของการ ประโยชน์ของการ
ขอ้ มลู ทเ่ี หมาะสมกบั ประมวลผลขอ้ มลู ที่ ประมวลผลข้อมลู ท่ี ประมวลผลขอ้ มูลท่ี
ประเภทของขอ้ มลู เหมาะสมกบั ประเภท เหมาะสมกบั ประเภท เหมาะสมกบั ประเภท
ของข้อมลู ได้ เปน็ สว่ น ของขอ้ มลู ได้เพียง
ของข้อมลู ได้ เขียน ใหญ่ บางสว่ น
อธิบายชดั เจน
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ระดบั คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ดี
5–6 พอใช้
ปรบั ปรุง
3–4
นอ้ ยกว่า 3
( หลังจากจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนจบ 1 หน่วยการเรยี นรู้)
ปญั หา/ส่ิงที่พฒั นา / แนวทางแก้ปญั หา / แนวทางการพฒั นา
ปัญหา/ส่งิ ทีพ่ ัฒนา สาเหตุของปญั หา/ แนวทางแกไ้ ข/ วธิ ีแกไ้ ข/พฒั นา ผลการแกไ้ ข/พฒั นา
สง่ิ ทพี่ ฒั นา พฒั นา
ลงชอ่ื ............................................. ผสู้ อน
(..นายเลอศักดิ์ สภุ มาตรา...)
รบั ทราบผลการดาเนนิ การ
ลงช่ือ...............................................
(.......................................................)
หัวหนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้
ลงชอ่ื ............................................
( นายชาญยทุ ธ สุทธธิ รานนท์ )
รองผู้อานวยการกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ
ลงชื่อ...........................................
( นายวรี ะ แก้วกัลยา )
ผอู้ านวยการโรงเรียนโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวดั เพชรบุรี
8. ความคิดเห็น (ผูบ้ ริหาร / หรอื ผูท้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย)
ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรยี นรู้ของ.................................................แลว้ มีความเห็นดงั นี้
8.1 เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี
ดีมาก ดี
พอใช้ ตอ้ งปรับปรุง
8.2 การจัดกิจกรรมการเรยี นร้ไู ด้นาเอากระบวนการเรียนรู้
ทีเ่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคญั ใช้กระบวนการสอนได้อย่างเหมาะสม
ท่ยี งั ไมเ่ นน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป
8.3 เปน็ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี
นาไปใชส้ อนได้
ควรปรับปรงุ กอ่ นนาไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชือ่ ....................................................................
(..นางสาวสุจิตรา สมวาส...)
หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ความคิดเหน็ ของรองผู้อานวยการฝา่ ยวชิ าการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
( นายชาญยทุ ธ สุทธธิ รานนท์ )
รองผอู้ านวยการกลุม่ บริหารงานวิชาการ
ความคดิ เห็นของผอู้ านวยการโรงเรยี น
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงชือ่ .............................................
( นายวรี ะ แกว้ กลั ยา )
ผูอ้ านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 47 จงั หวดั เพชรบรุ ี
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓ เรื่อง การใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการข้อมลู และสารสนเทศ จานวน ๓ ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
รายวิชาวิทยาการคานวณ รหัสวชิ า ว 23101 ครูผสู้ อน นายเลอศกั ดิ์ สภุ มาตรา
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาทีพ่ บในชีวติ จรงิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอนและเปน็
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา
ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ร้เู ทา่ ทนั และมีจริยธรรม
ตวั ช้ีวัด ม.3/2 รวบรวมขอ้ มูล ประมวลผล ประเมินผล นาเสนอขอ้ มูลและสารสนเทศตามวตั ถุประสงค์ โดยใช้
ซอฟต์แวรห์ รอื บริการบนอนิ เทอรเ์ นต็ ท่หี ลากหลาย
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. ใชซ้ อฟตแ์ วรท์ เ่ี หมาะสมในการจดั การขอ้ มูลและสารสนเทศ และตรงวตั ถุประสงค์การใช้งานได้ (K,P)
2. ตระหนกั ถึงข้อมูลทนี่ าเสนอวา่ ไม่ควรสง่ ผลกระทบตอ่ ผอู้ น่ื (A)
3. สาระสาคญั
การจดั การขอ้ มลู และสารสนเทศมีการนาซอฟตแ์ วร์ตา่ ง ๆ มาช่วยในการจดั การขอ้ มูล โดยมีท้ัง ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ช้
ในการรวบรวมขอ้ มลู ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใช้ในการประมวลผลขอ้ มูล และซอฟตแ์ วร์ทีใ่ ช้ในการ นาเสนอขอ้ มลู เพ่อื การจัดการ
ขอ้ มลู และสารสนเทศอย่างมีประสิทธภิ าพ
4. สาระการเรยี นรู้
1. ซอฟตแ์ วร์ท่ใี ชใ้ นการรวบรวมข้อมลู
2. ซอฟต์แวรท์ ใี่ ชใ้ นการประมวลผลข้อมูล
3. ซอฟต์แวร์ทีใ่ ชใ้ นการสร้างและนาเสนอข้อมลู
5. รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน
1. วิธกี ารสอนโดยเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction)
2. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ซื่อสัตย์ สุจรติ
ความสามารถในการส่อื สาร ใฝ่เรยี นรู้
ความสามารถในการคดิ มงุ่ ม่ันในการทางาน
ความสามารถในการแกป้ ัญหา มจี ติ สาธารณะ
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทกั ษะ 4Cs
ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานร่วมกัน (Collaboration Skill)
ทกั ษะการส่ือสาร (Communication Skill)
ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
มีวินยั
อยู่อย่างพอเพียง
รกั ความเป็นไทย
9. การจดั กระบวนการเรียนรู้
ขน้ั นา (10 นาที)
1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบทผ่ี ่านมาในการรวบรวมข้อมลู นักเรยี นใช้เครื่องมือใดในการรวบรวมขอ้ มลู บา้ ง
(แนวคาตอบ ใชแ้ บบสอบถาม ใช้โปรแกรม Excel ใช้ Google Forms)
2. ครูถามนักเรียนว่ากลุ่มท่ีใช้แบบสอบถาม หรือใช้วิธีการสัมภาษณ์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นตอ้ งใชร้ ะยะเวลาหนึ่ง
เพื่อเกบ็ ข้อมูลตอ่ กลมุ่ ตัวอย่างหน่ึงคน หากมีวิธีที่จะลดเวลาในขนั้ ตอนนล้ี งเพอื่ เอาเวลาไปใชใ้ นการทางานข้ันตอนอ่ืน
ทอ่ี าจมีประโยชนก์ วา่ จะส่งผลดีต่อการทางานหรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวคาตอบ ดีเพราะนาเวลาท่เี หลือไปทางานทม่ี ีความซับซ้อนมากกว่า ดีเพราะลดเวลาในการรวบรวมข้อมูลอาจทา
ใหไ้ ด้ข้อมูลทม่ี ากขนึ้ เทา่ ตวั )
ขน้ั สอน (40 นาที)
1. ครูอธิบายวา่ ซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ช้ในการรวบรวมข้อมูลมีใหเ้ ลอื กใช้งานหลากหลาย และมคี วามสาคัญในขน้ั ตอนการรวบรวม
ขอ้ มลู ทีม่ ปี ริมาณข้อมลู จานวนมาก หรอื ตอ้ งการความรวดเร็ว
2. ครอู ธบิ ายเน้อื หาในหนังสอื เรยี นวชิ า เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 บรษิ ทั อกั ษรเจริญทศั น์
อจท. หนา้ 18 เรอ่ื ง ซอฟต์แวร์ท่ใี ช้ในการรวบรวมข้อมูล เพอ่ื ใชจ้ ัดเก็บรวบรวมขอ้ มลู ตามทต่ี ้องการ โดยมีซอฟตแ์ วร์
ทนี่ า่ สนใจ ได้แก่ ซอฟตแ์ วรท์ ี่ตดิ ตัง้ อยบู่ นคอมพวิ เตอร์ เชน่ Microsoft word และซอฟต์แวรท์ ่ีใชง้ านผ่าน
อินเทอรเ์ น็ต เชน่ Google Docs, Google Forms
3. ครยู กตัวอย่างซอฟต์แวรท์ ่ีใช้งานผ่านอนิ เทอร์เนต็ คอื Google Forms เป็นซอฟตแ์ วร์ทถี่ ูกใช้งานอยา่ งแพรห่ ลาย ใช้
งานงา่ ยและมปี ระโยชน์ในการทางาน โดยครใู ห้นักเรียนทดลองเปน็ ผตู้ อบแบบสอบถามในกิจกรรมต่อไป เพือ่ เปน็
ตัวอย่างการจัดการข้อมูลและสารสนเทศ
1) ครใู ห้นักเรยี นตอบแบบสอบถามใน Google Forms จากกจิ กรรม “อาชพี ในอนาคต” ท่ีครเู ตรยี มไว้ให้
2) ครูเปดิ แบบสอบถามจากกิจกรรม “อาชีพในอนาคต” จากนน้ั ไปทแ่ี ท็บ “การตอบกลับ” และเปิดแทบ็ “ขอ้ มูล
สรปุ ” เพ่อื ให้นักเรยี นเห็นประโยชน์ ความสะดวกในการประมวลผลขอ้ มูลดว้ ย Google Forms
3) ครูอธบิ ายขั้นตอนการนาแผนภูมิจาก Google Forms ไปใชเ้ พ่ือการนาเสนอขอ้ มลู ซ่งึ สามารถทาได้โดยการคลกิ ท่ี
ป่มุ คัดลอกแผนภมู ิทอ่ี ยูท่ างขวาของหัวขอ้ จากน้นั นาไปวางในโปรแกรมนาเสนอท่ีต้องการ เช่น PowerPoint,
Google Slide, Keynote
4. ครูสอบถามนักเรียนวา่ จากตวั อยา่ งทีค่ รูใชง้ าน Google Forms นกั เรียนคิดวา่ มขี อ้ ดีอยา่ งไรบ้าง
(แนวคาตอบ ใชง้ านง่าย ประมวลผลให้ทันที นาแผนภูมไิ ปนาเสนองานได้ทันที)
5. ครูอธบิ ายความสาคญั การเลือกใชซ้ อฟต์แวรท์ ่ีเหมาะกับงาน และวตั ถุประสงค์ เช่น ตัวอยา่ งการรวบรวบขอ้ มลู ครู
เลอื กใช้ Google Forms เน่ืองจากสามารถประมวลผลขอ้ มูลใหไ้ ด้ทนั ที และสามารถนาแผนภูมิไปใช้ในการนาเสนอ
งานต่อได้ จงึ ลดเวลาการทางานได้มาก
6. ครูให้นกั เรียนยกตัวอย่างโปรแกรมทส่ี ามารถใช้โปรแกรมในการประมวลผลขอ้ มูล หรอื การสร้างและนาเสนอข้อมูลได้
(แนวคาตอบ Microsoft Excel)
7. ครูอธบิ ายเนอื้ หาในหนงั สือเรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อกั ษรเจริญทศั น์
อจท. หน้า19 เร่ือง ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใช้ในการประมวลผลข้อมลู และซอฟต์แวรท์ ใ่ี ช้สาหรับสรา้ งและนาเสนอขอ้ มลู
ขน้ั สอน (50นาที)
8. ครูสอบถามนักเรียนว่า จากคาบที่แล้วครยู กตวั อย่างการใชซ้ อฟต์แวรใ์ นการจดั การข้อมูลและสารสนเทศ พร้อมทัง้
อธบิ ายเนือ้ หาในหนังสอื เรียนเพ่ิมเตมิ นักเรยี นคดิ ว่าตนเองมคี วามถนัดในการใชซ้ อฟตแ์ วร์ใดเพ่อื ใช้ในการสรา้ งและ
นาเสนอข้อมลู บา้ ง
(แนวคาตอบ Keynote, PowerPoint, Google Slide)
9. จากกิจกรรมทีค่ รใู หน้ ักเรยี นหาข้อมูลว่าถ้าต้องการทางาน 5 อาชีพในฝันน้นี ักเรยี นควรเรียนคณะอะไร ค่าเฉลย่ี เทอม
ละเท่าไร รวบรวมข้อมูลอย่างน้อย 6 มหาวทิ ยาลยั ข้ึนไป (แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 ช่ัวโมงที่ 4) ในคาบเรียนนี้ให้
นักเรียนนาข้อมูลท่ีรวบรวมข้อมูลและประมวลผลข้อมูลไว้ มาเตรียมนาเสนอทีละกลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มเลือกใช้
ซอฟตแ์ วรต์ ามความถนดั และเหมาะสมกบั วัตถุประสงคท์ ี่จะใชง้ าน
ขั้นสอน (40นาท)ี
10. ครใู ห้แต่ละกล่มุ นาเสนองานหน้าชั้นเรยี น
11. ครูสอบถามนักเรยี นแต่ละกลุ่มว่าจากการประมวลผลมมี หาวทิ ยาลัยใดท่นี ่าเรยี นต่อบา้ ง เพราะอะไร
ขนั้ สรปุ (10นาท)ี
1. ครูให้นกั เรียนชว่ ยกันสรุปประโยชนจ์ ากการนาข้อมูลมาประมวลผล
10. ส่อื แหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง
การจัดการขอ้ มูลและสารสนเทศ
2. คอมพิวเตอร์
3. ใบความรู้ เร่ือง การใช้ Google Forms
11. การวดั และการประเมินผล
11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกจิ กรรม
จุดประสงค์ วธิ ีการประเมิน เคร่อื งมอื การประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
1. เลอื กใช้ซอฟต์แวร์ที่ ประเมินการนาเสนอ แบบประเมนิ การ เลือกใชซ้ อฟตแ์ วรท์ ่ี
เหมาะสมในการจัดการ อาชพี นาเสนออาชพี เหมาะสมในการจดั การ
ข้อมลู และสารสนเทศ
ข้อมูลและสารสนเทศ ตามวัตถุประสงคไ์ ดใ้ น
ตามวัตถปุ ระสงค์ได้ ระดบั คุณภาพพอใชข้ ึ้น
(K,P) ไปถือวา่ ผ่าน
2. ตระหนักถึงข้อมูลที่ ประเมนิ การนาเสนอ แบบประเมินการ ตระหนกั ถงึ ข้อมลู ท่ี
นาเสนอวา่ ไม่ควรส่งผล อาชพี นาเสนออาชีพ นาเสนอว่าไมค่ วรส่งผล
กระทบตอ่ ผอู้ ื่น (A) กระทบตอ่ ผ้อู น่ื ในระดบั
คุณภาพพอใช้ขน้ึ ไปถอื
ว่าผ่าน
11.2 การประเมินการนาเสนออาชพี
ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1
2
1. การเลอื กใช้ สามารเลอื กใชซ้ อฟตแ์ วร์ สามารเลือกใช้ซอฟต์แวร์ สามารเลือกใชซ้ อฟตแ์ วร์
ซอฟตแ์ วร์ในการจดั การ ทีเ่ หมาะสมกบั การใช้ ทีเ่ หมาะสมกบั การใช้ ท่เี หมาะสมกับการใช้
ข้อมลู และสารสนเทศ รวบรวมข้อมูล หรอื รวบรวมข้อมลู หรือ รวบรวมขอ้ มลู หรอื
ประมวลผลข้อมูลตาม ประมวลผลขอ้ มลู ตาม ประมวลผลข้อมูลตาม
วัตถปุ ระสงค์ท่ตี อ้ งการ วตั ถุประสงค์ทีต่ ้องการ วัตถปุ ระสงค์พอใช้ได้
ได้ พอใช้ได้เป็นสว่ นใหญ่ เพียงบางส่วน
2. การเลอื กใช้ สามารเลือกใชซ้ อฟตแ์ วร์ สามารเลอื กใช้ซอฟต์แวร์ สามารเลอื กใชซ้ อฟต์แวร์
ซอฟต์แวรใ์ นการ ในการนาเสนอขอ้ มูล ในการนาเสนอข้อมูล ในการนาเสนอข้อมูล
นาเสนอขอ้ มลู และ และสารสนเทศได้ตาม และสารสนเทศตาม และสารสนเทศพอใชไ้ ด้
สารสนเทศ วัตถุประสงค์ที่ตอ้ งการ วตั ถุประสงค์พอใชไ้ ด้ เพียงบางสว่ น
เป็นส่วนใหญ่
3. การนาเสนอ มคี วามชัดเจนในการ มคี วามชดั เจนในการ มคี วามชัดเจนในการ
สื่อสาร ใชถ้ ้อยคา
เหมาะสมเข้าใจงา่ ย สือ่ สาร ใช้ถอ้ ยคา ส่อื สาร ใช้ถอ้ ยคา
สามารถตอบคาถามได้
ทุกข้อ และรบั ฟังความ เหมาะสมเขา้ ใจงา่ ย เหมาะสมเขา้ ใจง่าย
คดิ เห็นของผอู้ ่ืน
สามารถตอบคาถามได้ สามารถตอบคาถามได้
เปน็ สว่ นใหญ่ และรับฟงั เพียงบางส่วน และรับฟงั
ความคิดเห็นของผอู้ ่นื ความคดิ เหน็ ของผูอ้ น่ื
ประเดน็ ในการประเมิน 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
2
4. ตระหนกั ถงึ ข้อมูลท่ีนาเสนอไมส่ ่งผล ข้อมลู ท่ีนาเสนอไมส่ ง่ ผล ขอ้ มลู ท่ีนาเสนอไมส่ ่งผล
ผลกระทบต่อผ้อู ื่น
กระทบหรอื ให้ร้ายผู้อืน่ กระทบหรือให้รา้ ยผู้อน่ื กระทบหรือให้ร้ายผอู้ ื่น
ทัง้ ทางตรงและทางอ้อม ทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม ท้งั ทางตรงและทางอ้อม
เป็นสว่ นใหญ่ เพียงบางส่วน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ระดบั คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ดี
10 – 12 พอใช้
ปรบั ปรงุ
9–6
นอ้ ยกวา่ 6
11.3 แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ ง
ทตี่ รงกบั ระดับคะแนน ระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะ 32 1
อันพงึ ประสงค์ด้าน รายการประเมนิ
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติและรอ้ งเพลงชาติได้
กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมที่สรา้ งความสามคั คปี รองดองและเปน็ ประโยชน์
ต่อโรงเรียน
1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏิบัติตามหลักศาสนา
1.4 เข้าร่วมกจิ กรรมท่เี กีย่ วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามท่โี รงเรยี นจดั ข้ึน
2. ซื่อสัตย์ สจุ รติ 2.1 ให้ขอ้ มูลทถี่ กู ตอ้ งและเปน็ จริง
2.2 ปฏิบัตใิ นสิง่ ทถี่ กู ตอ้ ง
3. มีวินัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของครอบครวั
มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิกิจกรรมตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจาวนั
4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รูจ้ ักใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์และนาไปปฏิบตั ิได้
4.2 รูจ้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เชื่อฟงั คาส่งั สอนของบิดา-มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้
4.4 ตง้ั ใจเรียน
5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ และสิ่งของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด
5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยดั และรคู้ ณุ ค่า
5.3 ใชจ้ า่ ยอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ
6. มุ่งม่ันในการทางาน 6.1 มีความต้ังใจและพยายามในการทางานทีไ่ ด้รบั มอบหมาย
6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสาเร็จ
7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ิตสานกึ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย
7.2 เหน็ คุณคา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย
8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ ักชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน
8.2 รู้จักการดูแลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของหอ้ งเรยี น
และโรงเรยี น
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ..................................................ผ้ปู ระเมิน
พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชัดเจนและสม่าเสมอ ............/.................../................
พฤตกิ รรมท่ีปฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยครัง้
พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก
41-50 ดี
ใบความรู้ 30-40 พอใช้
เร่อื ง การใช้ Google Forms ต่ากวา่ 30 ปรบั ปรุง
คาชแ้ี จง : เอกสารน้เี ป็นตัวอยา่ งการใช้ Google Forms ในกจิ กรรม
อาชีพในอนาคต
ใหน้ กั เรียนทากจิ กรรมโดยตอบแบบสอบถามใน Google Forms ทค่ี รเู ตรยี มไวใ้ ห้ จากนนั้
ครเู ปิดผลผลการแบบสอบถามในแถบคาสง่ั “การตอบกลบั ” ในรปู แบบแผนภูมิ
ตวั อย่าง คาถามในแบบสอบถาม
1.อาชีพท่อี ยากทาในอนาคต (ตัวอย่างตวั เลอื ก ครู ตารวจ ทหาร โปรแกรมเมอร์ นกั บัญชี ดารา นักแสดง
นักรอ้ ง )
2.ระดับเงินเดอื นทค่ี าดหวงั (ตัวอย่างตัวเลือก 20,000-40,000 / 40,000-60,000 / 60,000-80,000
/ 80,000-100,000 / มากกวา่ 100,000 )
3.บริษทั ทอี่ ยากรว่ มงานดว้ ย (ตวั อย่างตัวเลอื ก Apple, Facebook, Google, Adidas )
ตัวอย่าง แบบสอบถาม
ตวั อย่าง แผนภูมิจากการประมวลผลด้วยGoogle
Forms
หมายเหตุ
1.สามารถศกึ ษาวธิ กี ารสร้างแบบสอบถามด้วย Google Forms จากเอกสารตาม
ลงิ คh์ ttp://km.cpd.go.th/pdf-bin/pdf_2117498769.pdf
( หลังจากจดั กิจกรรมการเรียนการสอนจบ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้)
ปัญหา/สง่ิ ท่พี ฒั นา / แนวทางแก้ปญั หา / แนวทางการพัฒนา
ปัญหา/สง่ิ ทพี่ ัฒนา สาเหตุของปัญหา/ แนวทางแกไ้ ข/ วิธแี กไ้ ข/พฒั นา ผลการแก้ไข/พฒั นา
สงิ่ ท่พี ัฒนา พฒั นา
ลงชือ่ ............................................. ผสู้ อน
(....นายเลอศักดิ์ สุภมาตรา.....)
รบั ทราบผลการดาเนนิ การ
ลงชื่อ...............................................
(...นางสาวสจุ ติ รา สมวาส......)
หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
ลงช่อื ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธิธรานนท์ )
รองผอู้ านวยการกลมุ่ บริหารงานวิชาการ
ลงชื่อ...........................................
( นายวรี ะ แกว้ กลั ยา )
ผูอ้ านวยการโรงเรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวดั เพชรบุรี
8. ความคิดเหน็ (ผบู้ ริหาร / หรือผ้ทู ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย)
ได้ทาการตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง.................................................แล้วมคี วามเห็นดงั นี้
8.1 เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
ดมี าก ดี
พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรุง
8.2 การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
ทเี่ น้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ ใช้กระบวนการสอนได้อย่างเหมาะสม
ท่ยี งั ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป
8.3 เป็นแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่
นาไปใชส้ อนได้
ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้
8.4 ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงช่ือ
....................................................................
(..นางสาวสุจติ รา สมวาส....)
หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
ความคิดเหน็ ของรองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
( นายชาญยทุ ธ สุทธิธรานนท์ )
รองผ้อู านวยการกลมุ่ บริหารงานวิชาการ
ความคดิ เหน็ ของผอู้ านวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงชอ่ื .............................................
( นายวีระ แกว้ กลั ยา )
ผูอ้ านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวัดเพชรบรุ ี
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ เรอื่ ง ความนา่ เชื่อถึอของข้อมูล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๔ เร่ือง การสบื คน้ เพอื่ หาแหลง่ ขอ้ มลู จานวน ๒ ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565
รายวิชาวิทยาการคานวณ รหัสวชิ า ว 23101 ครผู ู้สอน นายเลอศักด์ิ สุภมาตรา
1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชี้วดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา
ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ รู้เท่าทันและมีจรยิ ธรรม
ตัวช้ีวดั ม.3/3 ประเมินความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมูล วเิ คราะห์สอ่ื และผลกระทบจากการให้ข่าวสารท่ีผิด เพ่อื การ
ใชง้ านอยา่ งรูเ้ ทา่ ทัน
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกข้ันตอนการสืบค้นเพ่อื หาแหลง่ ขอ้ มูลดว้ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ได้ (K)
2. คน้ หาข้อมลู ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ (P)
3. ค้นหาข้อมลู ทม่ี ีความน่าเชอื่ ถือและมีคณุ ค่าสาหรับการนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้ (P,A)
3. สาระสาคญั
การสืบค้นแหล่งข้อมูลเป็นกระบวนการค้นหาข้อมูลท่ีต้องการ โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ แบ่งออกเป็น
2 ประเภท ดังน้ี
1. การสบื ค้นข้อมลู ดว้ ยมือ คือ การสืบคน้ ข้อมูลด้วยเอกสาร หนงั สือ ตารา เป็นตน้
2. การสบื คน้ ข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ คือ การสบื คน้ ขอ้ มลู ผ่านเทคโนโลยหี รืออปุ กรณ์
คอมพวิ เตอร์ เชน่ การสืบคน้ ข้อมลู จากระบบฐานข้อมลู ขอ้ มูลออนไลน์ เป็นต้น
4. สาระการเรยี นรู้
1. การสบื ค้นขอ้ มลู ด้วยระบบคอมพิวเตอร์
2. ขั้นตอนการสบื ค้นเพ่อื หาแหลง่ ขอ้ มูลด้วยอินเทอร์เนต็
5. รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
2. วธิ กี ารสอนโดยเนน้ การเรยี นร้แู บบร่วมมือ (Collaborative learning)
- เทคนิคคคู่ ิด (Think Pair Share)
6. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแก้ปญั หา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทกั ษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทักษะการทางานร่วมกัน (Collaboration Skill) ซ่อื สตั ย์ สจุ รติ
ทกั ษะการสือ่ สาร (Communication Skill) ใฝ่เรยี นรู้
ทกั ษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) มุ่งมัน่ ในการทางาน
มจี ิตสาธารณะ
8. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
มวี นิ ัย
อยู่อย่างพอเพียง
รกั ความเปน็ ไทย
9. การจัดกระบวนการเรยี นรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
1. ค รูให้ นั ก เรีย น ท าแบ บ ท ด ส อ บ ก่ อ น เรีย น ห น่ วย ก ารเรีย น รู้ที่ 2 เรื่อ ง ค ว าม น่ าเช่ือ ถื อ ขอ งข้อ มู ล
เพอื่ วัดความรู้เดมิ ของนกั เรียนกอ่ นเขา้ สู่กิจกรรม
ขนั้ นา (10 นาที)
1. ครูสอบถามนกั เรียนวา่ หากต้องการทราบข้อมลู เรอื่ งท่ีสนใจ นักเรียนมีวิธีการค้นหาขอ้ มลู ได้อย่างไร และใช้เครือ่ งมือ
ใด
(แนวคาตอบ ค้นหาจากอินเทอร์เนต็ โดยใช้ google ค้นด้วยตาราหรือหนงั สือ)
ขั้นสอน (30 นาท)ี
1. ครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) อจท. หน้า 25 ในอดีตการค้นหาข้อมูลส่วนใหญ่
จะใช้วิธกี ารสืบคน้ ข้อมูลด้วยมือ เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่อยใู่ นหนังสือ เอกสาร ตารา แต่ในยุคปัจจุบนั คอมพิวเตอร์
และอนิ เทอร์เนต็ ถกู ใช้งานอยา่ งแพรห่ ลาย ดังนน้ั วิธีการสบื ค้นขอ้ มูลดว้ ยระบบคอมพิวเตอรจ์ งึ เปน็ ทนี่ ยิ ม
2. ครูอธบิ ายเนื้อหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) อจท. หน้า26 ข้อมูลท่ีมีอยู่ในอินเทอร์เน็ตน้ันมี
ขนาดใหญ่ การสืบค้นจงึ ควรมีวิธกี ารหรอื เคร่อื งมือเข้ามาช่วย เช่น กาหนดวัตถุประสงคข์ องการสืบค้น ประเภทของ
ข้อมูลท่ีสามารถสืบค้นได้ อุปกรณ์และความรู้ท่ีใช้ในการสืบค้น บริการอินเทอรเ์ น็ต เครื่องมือหรือโปรแกรมสาหรับ
สบื ค้น
3. ครูสนทนากับนักเรียนว่าอินเทอร์เน็ตที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ครูถามคาถามว่า “นักเรียนคิดว่าอินเทอร์เน็ตให้
ประโยชน์อย่างไรกบั ตวั นักเรียนบา้ ง”
(แนวคาตอบ ใชใ้ นการสบื ค้นข้อมูลได้รวดเร็วประหยดั เวลา ใชต้ ิดต่อสารสารกบั คนอนื่ )
4. จากนน้ั ครถู ามคาถามนกั เรยี นวา่ “แล้วคดิ ว่าอนิ เทอรเ์ น็ตมีโทษกับตัวนกั เรียนหรอื ไม่ อยา่ งไร”
(แนวคาตอบ เล่นมากไปเสียการเรียน)
5. ครูอธิบายเพ่ิมเติมในเน้ือหาประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ตจากหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ
คานวณ) อจท. หน้า 27 – 28
6. ครูให้นักเรียนดูแนวทางการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีคุณธรรมและจรยิ ธรรมในหนังสือ หน้า 29 และสรุปแนวคดิ เรื่อง
คณุ ธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตรว่ มกัน
7. ครูยกตัวอยา่ งภาพเกย่ี วกบั การโพสในโซเชียลเกี่ยวกับคุณธรรมและจรยิ ธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตใหน้ ักเรียนดู และ
ใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ ว่าขอ้ ความทโ่ี พสเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร
8. ครูให้นักเรียนทาแบบฝกึ หดั exersice ในหนังสอื แบบฝกึ หดั เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 19 – 21 ข้อ 1 –
4 เพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจ
ช่วั โมงท่ี 2
ขน้ั สอน (40 นาท)ี
9. ครสู อบถามนักเรียนว่าหากตอ้ งการสืบค้นข้อมูลผ่านอนิ เทอรเ์ น็ตสามารถใช้เคร่อื งมือใดไดบ้ ้าง
(แนวคาตอบ Google, bing, yahoo)
10. ครอู ธิบายเครอ่ื งมอื สาหรับสืบคน้ ข้อมลู ผ่านอินเทอรเ์ น็ตจากหนงั สอื เรยี นวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ คานวณ) อจท.
หนา้ 30 – 32
11. ครูให้นักเรียนจับคู่เพ่ือทากิจกรรม “คาไหนเร็วกว่ากัน” กิจกรรมน้ีต้องการให้นักเรียนกาหนดคาสาคัญของการ
สบื ค้นขอ้ และสามารถประเมนิ ความนา่ เช่ือถือข้องแหล่งข้อมลู ได้
12. ครูกาหนดให้นักเรียนแตล่ ะคูค่ ้นหาคาตอบจากอินเทอร์เน็ตโดยมือถอื แท็บเลต็ หรือแล็ปทอ็ ป
13. ครถู ามนักเรยี นวา่ จากการทากจิ กรรมเพือ่ คน้ หาขอ้ มูลใหไ้ ด้เรว็ ท่ีสุด นกั เรียนไดแ้ นวคดิ อย่างไรบา้ ง
14. ครถู ามนักเรยี นตอ่ วา่ หากต้องการค้นหาขอ้ มูลท่สี นใจ นักเรียนมีการวางแผน ขั้นตอน หรือเทคนคิ อย่างไรบ้าง
15. ครูอธิบายความสาคัญ ข้ันตอนการสืบค้นข้อมูลเพบนอินเทอร์เน็ต และเทคนิคการสืบค้นด้วย Google.com จาก
หนังสือเรยี นวิชา เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) อจท. หนา้ 33 – 36
16. จากนัน้ ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหดั exersice ในหนังสือแบบฝกึ หดั เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 21 – 23
ขอ้ 5 – 8 เพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ
ข้นั สรปุ (10 นาที)
1. ครูสอบถามนักเรยี นวา่ จากนไี้ ปหากต้องการสืบคน้ ข้อมูลผา่ นอนิ เทอร์เน็ตตอ้ งมขี ้ันตอนอยา่ งไร
2. ครูใหน้ ักเรยี นสรปุ เทคนคิ การค้นหาข้อมลู ท่ีนกั เรียนได้เรยี นรู้รว่ มกัน
10. สื่อแหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง
ความน่าเชื่อถือของข้อมลู
2. หนังสอื แบบฝึกหัดรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 เรอื่ ง ความน่าเชื่อถือของขอ้ มูล
3. ใบงานที่ 2.1.1 เรื่อง คาไหนเรว็ กวา่ กัน
11. การวัดและการประเมนิ ผล
11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกิจกรรม
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เคร่อื งมือการประเมิน เกณฑ์การประเมิน
1. บอกขนั้ ตอนการ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัดรายวิชา ตอบคาถามแบบฝึกหัด
สบื ค้นเพอ่ื หา Exersice หนา้ 19 - พื้นฐานวิทยาศาสตร์ ไดถ้ ูกตอ้ ง 60% ข้ึนไป
แหลง่ ขอ้ มูลด้วย 21 เทคโนโลยี (วิทยาการ
อนิ เทอร์เนต็ ได้ (K) คานวณ) ม.3
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 2
เรื่อง ความนา่ เชือ่ ถอื
ของขอ้ มลู หนา้ 19 -
21
2. ค้นหาขอ้ มูลไดต้ รง 1. ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 1. ใบงานที่ 2.1.1 1. คน้ หาขอ้ มลู ได้ตรง
ตามวัตถุประสงค์ (P)
เรอื่ ง คาไหนเรว็ กว่ากัน เรื่อง คาไหนเรว็ กว่ากนั ตามวตั ถุประสงค์
2. ตรวจแบบฝกึ หดั 2. แบบฝกึ หัดรายวชิ า คุณภาพระดับพอใช้ขนึ้
Exersice หน้า 21 - พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ไป
23 เทคโนโลยี (วทิ ยาการ 2. ตอบคาถาม
คานวณ) ม.3 แบบฝกึ หดั ไดถ้ กู ตอ้ ง
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 60% ขน้ึ ไป
เร่ือง ความนา่ เชือ่ ถือ
ของข้อมลู หน้า 21–23
3. แบบประเมนิ
แบบฝกึ หดั
3. คน้ หาข้อมลู ท่ีมคี วาม ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 ใบงานที่ 2.1.1 ค้นหาข้อมูลทม่ี ีความ
นา่ เชือ่ ถือ และมีคุณค่า เรื่อง คาไหนเร็วกวา่ กนั เรอ่ื ง คาไหนเรว็ กว่ากนั นา่ เชื่อถอื และมคี ุณค่า
สาหรบั การนาไปใช้ สาหรบั การนาไปใช้
ประโยชน์ได้ (P,A) ประโยชนไ์ ด้ คุณภาพ
ระดบั พอใช้ขน้ึ ไป
11.2 การประเมินแบบฝกึ หดั
ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 1
2
1. ค้นหาข้อมลู สามารถกาหนดคา สามารถกาหนดคา สามารถกาหนดคา
สาคัญในการค้นหา
ข้อมลู ไดต้ รงประเด็น สาคญั ในการคน้ หา สาคัญในการค้นหา
และข้อมลู ท่ไี ด้
ครอบคลุมตาม ขอ้ มูลไดต้ รงประเดน็ เป็น ข้อมลู ได้เพียงบางส่วน
วตั ถุประสงค์ทต่ี ้องการ
สว่ นใหญ่ และข้อมลู ท่ไี ด้ และขอ้ มลู ท่ีได้
ครอบคลมุ ตาม ครอบคลุมเพยี งบางส่วน
วตั ถปุ ระสงคท์ ี่ต้องการ เชน่ กัน
2. แหลง่ ท่ีมาของข้อมูล แหล่งทมี่ าของขอ้ มลู มา แหล่งทีม่ าของขอ้ มูลมา แหลง่ ที่มาของขอ้ มูลมา
จากหลายแหลง่ และมี จากหลายแหล่ง และมี จากหลายแหลง่ และมี
ความน่าเช่ือถอื ถกู ต้อง ความนา่ เชื่อถือ ถกู ตอ้ ง ความน่าเชอื่ ถือ ถูกต้อง
มีคุณค่าสาหรบั การ มีคุณค่าสาหรบั การ แตข่ ้อมูลอาจจะไม่
นาไปใชป้ ระโยชน์ได้จรงิ นาไปใช้ประโยชนไ์ ด้จริง สามารถนาไปใช้
เป็นส่วนใหญ่ ประโยชน์ได้จรงิ
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ระดับคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ดี
5–6 พอใช้
ปรับปรุง
3–4
น้อยกวา่ 3
ใบงานท่ี 2.1.1
เรอ่ื ง คาไหนเรว็ กวา่ กัน
จดุ ประสงค์ 1. กาหนดคาสาคัญสาหรบั การสบื ค้นข้อมลู ได้
2. ประเมนิ ความน่าเช่อื ถือของขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการสบื ค้นได้
ชอื่ สมาชิก 1…………………………………………………………………………………………………
2…………………………………………………………………………………………………
คาชีแ้ จง ครูใหน้ กั เรียนจบั คู่สบื ค้นหาขอ้ มูลทกี่ าหนดใหต้ ่อไปนี้ โดยใช้อินเทอรเ์ น็ต
1. การป้องกันตัวเม่อื ไปเท่ียวทะเลแล้วพลาดว่ายน้าไปโดนแมงกะพรนุ จะแก้ปัญหาอย่างไร
คาสาคัญในการค้นหาขอ้ มลู ........................................................................................................................
ขอ้ มูลทีค่ น้ หา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทีม่ าของข้อมลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. เม่ือเป็นตะครวิ ขณะว่ายน้า จะเอาตวั รอดอยา่ งไร
คาสาคัญในการคน้ หาขอ้ มูล........................................................................................................................
ขอ้ มลู ที่ค้นหา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทม่ี าของข้อมูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3. เมอ่ื ผ้หู ญิงโดนคกุ คามจากชายฉกรรจ์ ควรมีวิธีป้องกันตัวอยา่ งไร
คาสาคัญในการค้นหาข้อมลู ........................................................................................................................
ข้อมูลที่คน้ หา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทม่ี าของข้อมูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. ถา้ เจอเหตุการณท์ มี่ คี นเปน็ ลมชัก จะต้องทาอย่างไรเป็นอนั ดบั แรก
คาสาคญั ในการคน้ หาขอ้ มูล........................................................................................................................
ข้อมลู ที่ค้นหา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหลง่ ทีม่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. เมือ่ เปน็ ตะคริวขณะว่ายนา้ จะเอาตวั รอดอย่างไร
คาสาคัญในการคน้ หาข้อมลู ........................................................................................................................
ขอ้ มูลทคี่ ้นหา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหลง่ ทีม่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ใบงานที่ 2.1.1 เฉลย
เรื่อง คาไหนเร็วกวา่ กัน
จุดประสงค์ 1. กาหนดคาสาคญั สาหรบั การสืบค้นข้อมูลได้
2. ประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการสบื ค้นได้
ชือ่ สมาชกิ 1…………………………………………………………………………………………………
2…………………………………………………………………………………………………
คาช้แี จง ครใู ห้นกั เรียนจบั คู่สืบค้นหาข้อมลู ท่กี าหนดให้ตอ่ ไปนี้ โดยใชอ้ ินเทอรเ์ นต็
1. การปอ้ งกนั ตวั เม่อื ไปเทีย่ วทะเลแล้วพลาดวา่ ยน้าไปโดนแมงกะพรุนจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร
คาสาคญั ในการค้นหาข้อมูล........................................................................................................................
ขอ้ มลู ท่คี น้ หา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทมี่ าของขอ้ มูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
2. เมือ่ เป็นตะครวิ ขณะวา่ ยน้า จะเอาตัวรอดอยา่ งไร
คาสาคัญในการคน้ หาขอ้ มูล........................................................................................................................
ขอ้ มูลที่คน้ หา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทม่ี าของข้อมูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
3. เมื่อผ้หู ญิงโดนคุกคามจากชายฉกรรจ์ ควรมีวิธปี ้องกนั ตวั อยา่ งไร
คาสาคัญในการคน้ หาขอ้ มลู ........................................................................................................................
ขอ้ มูลที่คน้ หา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทมี่ าของขอ้ มลู ……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
4. ถา้ เจอเหตกุ ารณ์ท่มี ีคนเปน็ ลมชกั จะต้องทาอย่างไรเป็นอนั ดบั แรก
คาสาคญั ในการค้นหาข้อมลู ........................................................................................................................
ข้อมูลทีค่ น้ หา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหลง่ ท่มี าของขอ้ มูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. เม่ือเปน็ ตะครวิ ขณะวา่ ยน้า จะเอาตัวรอดอย่างไร
คาสาคญั ในการคน้ หาข้อมูล........................................................................................................................
ข้อมลู ทคี่ ้นหา..............................................................................................................................................
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แหล่งทม่ี าของข้อมูล……………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
( หลงั จากจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนจบ 1 หนว่ ยการเรียนรู้)
ปญั หา/สง่ิ ทพ่ี ฒั นา / แนวทางแก้ปัญหา / แนวทางการพัฒนา
ปัญหา/สิ่งท่ีพัฒนา สาเหตุของปัญหา/ แนวทางแกไ้ ข/ วธิ ีแก้ไข/พัฒนา ผลการแกไ้ ข/พฒั นา
สิง่ ทพ่ี ัฒนา พัฒนา
ลงชอ่ื ............................................. ผ้สู อน
(.....................................................)
รบั ทราบผลการดาเนินการ
ลงชอ่ื ...............................................
(..นางสาวสุจติ รา สมวาส.....)
หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ลงช่อื ............................................
( นายชาญยุทธ สทุ ธิธรานนท์ )
รองผอู้ านวยการกล่มุ บรหิ ารงานวิชาการ
ลงชื่อ...........................................
( นายวีระ แกว้ กลั ยา )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 47 จังหวดั เพชรบุรี
8. ความคิดเหน็ (ผู้บริหาร / หรือผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย)
ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ.................................................แล้วมคี วามเหน็ ดงั นี้
8.1 เป็นแผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี
ดมี าก ดี
พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรงุ
8.2 การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ได้นาเอากระบวนการเรียนรู้
ท่ีเน้นผู้เรียนเปน็ สาคญั ใช้กระบวนการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
ทีย่ ังไม่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป
8.3 เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
นาไปใช้สอนได้
ควรปรับปรงุ ก่อนนาไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอื่น ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชือ่
....................................................................
(...นางสาวสุจิตรา สมวาส....)
หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ความคิดเห็นของรองผูอ้ านวยการฝา่ ยวชิ าการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อานวยการกลมุ่ บริหารงานวชิ าการ
ความคิดเห็นของผอู้ านวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงช่อื .............................................
( นายวรี ะ แก้วกัลยา )
ผอู้ านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวัดเพชรบุรี
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ เรอ่ื ง การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล จานวน ๔ ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
รายวิชาวทิ ยาการคานวณ รหัสวิชา ว 23101 ครผู สู้ อน นายเลอศกั ด์ิ สุภมาตรา
1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วดั
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปัญหา
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ร้เู ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม
ตวั ช้ีวดั ม.3/3 ประเมินความนา่ เช่ือถือของข้อมูล วเิ คราะห์สอ่ื และผลกระทบจากการให้ข่าวสารท่ีผิด เพอ่ื การ
ใชง้ านอย่างรู้เทา่ ทนั
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกหลกั การการประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของข้อมลู ได้ (K)
2. ประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของข้อมูลได้ (P)
3. คานึงถงึ ผลกระทบทีเ่ กดิ ข้ึนจากการใช้เหตุผลวิบตั ิได้ (A)
3. สาระสาคัญ
การประเมินความน่าเช่ือถอื ของข้อมลู เป็นขั้นตอนในการประเมินเพื่อคดั เลอื กข้อมลู ทีไ่ ดจ้ ากการสบื ค้นขอ้ มูลท่ีมี
คุณค่า มีความน่าเชื่อถือ เป็นการพิจารณาเพ่ือคดั เลอื กจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซ่ึงจากการประเมินความน่าเช่ือถือจะทา
ให้เราไดข้ อ้ มูลทีม่ ีคณุ ค่า และนาข้อมลู ไปประยกุ ตใ์ ชอ้ ย่างเหมาะสม
4. สาระการเรียนรู้
1. หลักการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมลู
2. การตรวจสอบความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมูล
3. การประเมินความนา่ เช่ือถอื ของข้อมูลโดยใช้PROMPT
4. เหตุผลวบิ ัติ
5. รปู แบบการสอน/วธิ กี ารสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
2. วิธกี ารสอนโดยเน้นกระบวนการกลุ่ม (Group Process–Based Instruction)
6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
ความสามารถในการสอื่ สาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแก้ปญั หา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทกั ษะการคดิ วิจารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานรว่ มกนั (Collaboration Skill)
ทักษะการสอ่ื สาร (Communication Skill) ซ่อื สัตย์ สจุ ริต
ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) ใฝ่เรียนรู้
มุ่งมน่ั ในการทางาน
8. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ มีจิตสาธารณะ
รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์
มีวนิ ยั
อยู่อย่างพอเพียง
รักความเปน็ ไทย
9. การจัดกระบวนการเรียนรู้
ชวั่ โมงท่ี 1
ข้นั นา (10 นาท)ี
1. ครูถามนักเรียนว่าข้อมูล ข่าวสารในอินเทอร์เน็ตมีอยู่มากมายหากเราต้องการนาเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์นักเรียนมี
วิธีการในการคดั เลอื กข้อมูลทีน่ ่าเชื่อถืออย่างไร
(แนวคาตอบ ขอ้ มูลตรงกับวัตถุประสงคก์ ารใช้งาน แหลง่ ขอ้ มูลมคี วามน่าเชอ่ื ถอื )
ขน้ั สอน (40 นาท)ี
1. ครูเปิดตัวอย่างข่าวให้นักเรียนดูจากน้ันให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ (มีตัวอย่างข่าวอยู่ท้าย
แผนการสอนช่ัวโมงที่ 1)
2. ครถู ามนักเรียนวา่ นักเรียนใชเ้ กณฑใ์ ดในการประเมินความน่าเช่อื ถือของขอ้ มูลบ้าง
(แนวคาตอบ แหลง่ ทม่ี าของข่าวมคี วามนา่ เชื่อถอื มกี ารระบวุ ันที่ในการเผยแพร่ อ้างอิงแหล่งท่มี าของขอ้ มลู )
3. ครูอธิบายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษร เจริญทัศน์
อจท. หน้า 37 – 40 เรื่อง หลักการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล จากน้ันครูอธิบายการตรวจสอบความ
น่าเชอ่ื ถือของแหล่งข้อมูล หน้า 41 – 42
4. ครูนาตวั อย่างชุดข้อมูลหรอื ขา่ วให้นักเรยี นดูเพิ่มเติม จากน้ันให้ทกุ คนชว่ ยกันประเมินความนา่ เชอื่ ถือ (ครูสามารถหา
ขา่ วทส่ี นใจให้เหมาะสมกบั วัยของนักเรียนได้ทางอนิ เทอร์เนต็ หรอื สอื่ สิ่งพิมพ์ตา่ ง ๆได)้
5. จากนนั้ ครูให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด exersice ในหนงั สอื แบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หน้า 24-26 ข้อ
1 – 4 เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจ
(ตัวอยา่ งข่าวในขั้นสอนขอ้ 1)
แหลง่ ทม่ี า ไทยรฐั ออนไลน์( https://www.thairath.co.th/news/foreign/1712348 )
ช่วั โมงท่ี 2
ข้นั สอน (50 นาที)
6. ครูสนทนากับนักเรียนว่า คาบท่ีแล้วเราประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วยหลักการการประเมินความน่าเชื่อถือ
และการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล นอกจาก 2 วิธีน้ีแล้ว ยังสามารถประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลโดยใช้
PROMPT
7. ครูอธิบายวิธีการประเมินความน่าเช่ือถือของข้อมูลโดยใช้ PROMPT ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการ
คานวณ) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษร เจรญิ ทศั น์ อจท. หน้า 43
8. จากน้ันครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 26 – 27
ขอ้ 5 – 6 โดยใช้ PROMPT ในการวเิ คราะห์และประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มลู
ช่ัวโมงท่ี 3
ขั้นสอน (50 นาที)
9. ครูถามคาถามทบทวนนักเรยี นว่าจากคาบทแ่ี ล้วนักเรยี นไดว้ ธิ ีการประเมินความน่าเชื่อถือของขอ้ มูลอยา่ งไรบา้ ง
10. ครูนาภาพตัวอย่างการโพสข้อความบนเฟซบุ๊กให้นักเรียนดู และร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลว่าจากตัวอย่างดังกล่าว
นักเรยี นมคี วามคิดเห็นอยา่ งไร (เปน็ ขา่ วที่มกี ารใช้เหตผุ ลวบิ ัติ)
(ตวั อยา่ งข่าวเหตผุ ลวบิ ตั ิ)
แหล่งทม่ี า เพจข่าว
หมายเหตุ ช่ือบคุ คลเป็นนามสมมติ
11. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่าการสรูปเหมารวม เป็นตรรกะวิบัติท่ีเรียกว่า Appeal to Ignirance การแสดงความคิดเห็น
ต่างๆ บางเร่อื งไม่มีใครทราบขอ้ มลู นน้ั จนทาใหอ้ า้ งความไมร่ ู้เพอื่ หาข้อเทจ็ จริงนัน้
12. จากน้ันครูอธิบายเนื้อหาเร่ืองการใช้เหตุผลวิบัติ และยกตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติ พร้อมผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจาก
ตวั อย่างในหนังสือเรยี นวชิ า เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 บริษทั อักษร เจริญทัศน์ อจท. หน้า
46-47
13. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 4-5 คน และให้แต่ละกลุ่มหาตัวอย่างการใช้เหตุผลวิบัติบนอินเทอร์เน็ต เพ่ือวิเคราะห์
ผลกระทบ หรือปัญหาทอี่ าจเกดิ ตามมาจากนั้นให้แต่ละกลุ่มเตรยี มนาขอ้ มลู มาแบ่งปนั หน้าชั้นเรียน (อาจเอกสารหรือ
PowerPoint มาประกอบ ) ในหัวข้อ “เหตุผลวิบัติ และผลกระทบท่ีเกิดขึ้น” พร้อมบันทึกลงในแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด exersice ในหนงั สอื แบบฝกึ หดั เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 28 ขอ้ 7-8
ชวั่ โมงท่ี 4
ขั้นสอน (40 นาที)
14. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากกิจกรรมที่ให้ไปเตรียมในการแบ่งปันข้อมูลจากคาบท่ีแล้ว นักเรียนเลือกยกตัวอย่าง
เหตุผลวบิ ตั ิประเภทไหนบ้าง
(แนวคาตอบ การละทิง้ ข้อยกเว้น การสรปุ เหมารวม การอ้างความไมร่ ู้ )
15. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาแบ่งปันข้อมูลหน้าชั้นตามหัวข้อท่ีได้รับมอบหมาย จากนั้นให้นักเรียนกลุ่มอื่น ๆ
รว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั สถานการณข์ องกลุม่ ที่นาเสนอผลกระทบที่เกิดข้นึ จากการใช้เหตุผลวบิ ตั ิ
ขน้ั สรปุ (10 นาท)ี
1. ครูสอบถามนักเรยี นวา่ จากคาบทผ่ี ่านมานกั เรยี นได้มุมมองในการใช้อนิ เทอร์เน็ตอย่างไรบา้ ง
(แนวคาตอบ ข้อมลู ท่ีเราอ่านอาจไม่ใช้ข้อมลู จริงท้งั หมดควรประเมนิ ความน่าเชอื่ ถือของข้อมลู ก่อนตัดสินใจเช่ือ ขา่ ว
บางสานกั มีการเขียนข่าวโดยใช้เหตุผลวิบตั ิเราควรอา่ นข่าวอยา่ งมีวิจารณญาณหรือคดิ ไตต่ รองตามเน้ือหาที่ขา่ วเขียน
ไปด้วย)
10. ส่ือแหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง
ความน่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มลู
2. หนังสอื แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 เรือ่ ง ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล
11. การวัดและการประเมินผล
11.1 การประเมนิ ระหว่างการจัดกจิ กรรม
จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เคร่ืองมอื การประเมิน เกณฑ์การประเมิน
1. บอกหลกั การการ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดรายวิชา บอกหลกั การการ
ประเมนิ ความน่าเช่อื ถือ Exercise หนา้ 24 – พน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ ประเมนิ ความน่าเช่อื ถือ
ของข้อมลู ได้ (K) 26 เทคโนโลยี (วิทยาการ ของข้อมูลได้ถกู ต้อง
คานวณ) ม.3 60% ขึ้นไป
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2
เรอื่ ง ความนา่ เชื่อถือ
ของข้อมลู หน้า 24–26
จดุ ประสงค์ วิธีการประเมนิ เคร่ืองมือการประเมิน เกณฑ์การประเมิน
2. ประเมนิ ความ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั รายวิชา สามารถประเมนิ ความ
น่าเช่อื ถอื ของขอ้ มูลได้ Exercise หน้า 26 – พน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ น่าเชอ่ื ถอื ของขอ้ มูลได้
(P) 27 เทคโนโลยี (วิทยาการ ถูกต้อง 60% ขน้ึ ไป
คานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2
เรอื่ ง ความน่าเชอ่ื ถอื
ของขอ้ มูล หน้า 26–27
3. คานึงถงึ ผลกระทบที่ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดรายวิชา คานึงถึงผลกระทบที่
พ้นื ฐานวิทยาศาสตร์ เกดิ ขน้ึ จากการใช้เหตุผล
เกิดขน้ึ จากการใช้เหตุผล Exercise หนา้ 28 เทคโนโลยี (วิทยาการ วิบัตไิ ด้
วบิ ัตไิ ด้ (A) คานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2
เร่ือง ความน่าเชอื่ ถือ
ของขอ้ มูล หน้า 28
( หลังจากจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนจบ 1 หน่วยการเรียนรู้)
ปัญหา/สงิ่ ท่ีพฒั นา / แนวทางแก้ปญั หา / แนวทางการพัฒนา
ปัญหา/สงิ่ ท่ีพัฒนา สาเหตขุ องปญั หา/ แนวทางแกไ้ ข/ วิธแี ก้ไข/พัฒนา ผลการแก้ไข/พฒั นา
ส่งิ ท่ีพัฒนา พฒั นา
ลงช่ือ.................................................. ผู้สอน
(...นายเลอศกั ดิ์ สุภมาตรา....)
รับทราบผลการดาเนินการ
ลงชือ่ ...............................................
(...นางสาวสุจิตรา สมวาส......)
หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้
ลงช่ือ............................................
( นายชาญยุทธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวชิ าการ
ลงชอื่ ...........................................
( นายวีระ แก้วกลั ยา )
ผอู้ านวยการโรงเรยี นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จงั หวดั เพชรบุรี
8. ความคิดเห็น (ผู้บรหิ าร / หรอื ผู้ที่ได้รับมอบหมาย)
ไดท้ าการตรวจแผนการจดั การเรียนรูข้ อง.................................................แล้วมคี วามเห็นดังนี้
8.1 เป็นแผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี
ดีมาก ดี
พอใช้ ต้องปรบั ปรุง
8.2 การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูไ้ ดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
ทเ่ี น้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ใชก้ ระบวนการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
ทยี่ งั ไม่เน้นผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาตอ่ ไป
8.3 เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี
นาไปใชส้ อนได้
ควรปรบั ปรุงกอ่ นนาไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชอื่
....................................................................
(....นางสาวสุจิตรา สมวาส......)
หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรู้
ความคิดเห็นของรองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชือ่ ............................................
( นายชาญยุทธ สุทธธิ รานนท์ )
รองผู้อานวยการกล่มุ บริหารงานวชิ าการ
ความคดิ เหน็ ของผอู้ านวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงช่อื .............................................
( นายวรี ะ แกว้ กัลยา )
ผ้อู านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวัดเพชรบุรี
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๖ เรอ่ื ง การรู้เทา่ ทันสอื่ จานวน ๒ ชว่ั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
รายวชิ าวิทยาการคานวณ รหัสวิชา ว 23101 ครผู ู้สอน นายเลอศกั ดิ์ สภุ มาตรา
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หา
ไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม
ตวั ช้ีวดั ม.3/3 ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูล วิเคราะห์สือ่ และผลกระทบจากการให้ข่าวสารท่ีผิด เพ่อื การ
ใชง้ านอย่างรูเ้ ทา่ ทนั
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกความหมายการรเู้ ท่าทนั สอ่ื ดจิ ิทัลและการรู้เทา่ ทนั สือ่ ได้ (K)
2. วเิ คราะห์ความน่าเช่ือถือ และประเมนิ ผลกระทบของข้อมูลจากขา่ วสารท่ผี ิด
เพอ่ื การใช้งานอยา่ งรเู้ ท่าทนั ได้ (P,A)
3. สาระสาคัญ
การรเู้ ทา่ ทนั สื่อเปน็ ลักษณะสมรรถนะท่ีครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในส่วนทเ่ี ก่ียวข้องกับความสามารถ
ในการเข้าถึงสารสนเทศผา่ นส่อื และเทคโนโลยีดจิ ิทัล การเลือก รับ วิเคราะห์ ประเมินและนาข้อมูลที่ได้รับไปใช้ในทาง
สรา้ งสรรค์ โดยองคป์ ระกอบการรู้เท่าทนั สื่อ มีดงั น้ี
1) ความสามารถในการเขา้ ถงึ สอื่
2) ความเข้าใจการประเมนิ ค่าสาระสนเทศเน้ือหาในสอื่
3) การสรา้ ง การใชป้ ระโยชน์ และการเฝ้าระวงั สาระสนเทศและเนือ้ หาในสอื่
4) การสะท้อนคิด
4. สาระการเรยี นรู้
1. องคป์ ระกอบการรู้เท่าทนั สอ่ื
2. การรู้เท่าทันสือ่ ดิจิทลั และการรเู้ ท่าทันสื่อ
3. การใช้ส่อื และปัญหาที่พบในสอื่ ปัจจบุ ัน
4. ผลกระทบของข้อมลู ทผ่ี ิดพลาด
5. รูปแบบการสอน/วิธีการสอน
1. รปู แบบการสอนแบบการอภปิ ราย
6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs ซื่อสัตย์ สจุ รติ
ทกั ษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ใฝเ่ รยี นรู้
ทักษะการทางานร่วมกัน (Collaboration Skill) มงุ่ มั่นในการทางาน
ทกั ษะการสอื่ สาร (Communication Skill) มีจติ สาธารณะ
ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
มีวนิ ัย
อยู่อย่างพอเพียง
รกั ความเป็นไทย
9. การจัดกระบวนการเรียนรู้
ช่วั โมงท่ี 1
ขนั้ นา (10 นาท)ี
1. ครูสอบถามนักเรียนว่าจากคาบท่แี ล้ว ข้อมูลท่เี ราพบในอินเทอร์เน็ต นอกจากการประเมินความน่าเชอื่ ถือของข้อมูล
กอ่ นนาไปใช้งานแลว้ เรายังต้องคานงึ ถงึ ดา้ นใดอกี บ้าง
(แนวคาตอบ การกลน่ั แกล้งคนอน่ื ด้วยส่ือออนไลน์ ลิขสทิ ธิ์ของขอ้ มูล)
ขน้ั สอน (40 นาที)
1. ครูถามนกั เรียนวา่ ก่อนทจ่ี ะสามารถวเิ คราะห์ และรู้เท่าทันส่ือได้ ควรมพี ้นื ฐานความรู้ ความสามารถด้านใดบ้าง
(แนวคาตอบ การใช้คอมพิวเตอร์ ความสามารถในการคน้ หาขอ้ มลู ข่าวสาร)
2. ครูอธบิ ายองค์ประกอบของการรเู้ ท่าทันส่อื จากหนงั สือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
บริษัท อักษร เจริญ ทศั น์ อจท. หน้า 50-51
3. ครูอธิบายท่ีมาของความสามารถในการรู้เท่าทันส่ือดิจิทัล และการรู้เท่าทันส่ือดิจิทัล 8 ด้าน ในหนังสือเรียนวิชา
เทคโนโลย(ี วิทยาการคานวณ) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 บริษทั อักษร เจริญ ทศั น์ อจท. หนา้ 52
4. ครสู ุ่มนักเรียนยกตวั อย่างการรู้เท่าทันสื่อคนละดา้ น พร้อมยกตัวอย่าง
(แนวคาตอบ ดา้ นการปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมลู ยกตัวอยา่ ง ไม่เปิดเผยข้อมูลที่อยู่ให้กับบุคคลท่ีไม่รู้จัก ไม่
โพสตข์ อ้ มูลบตั รประจาตวั ประชาชนลง Facebook โดยเฉพาะทีอ่ ยูแ่ ละเลขประจาตวั ประชาชน เปน็ ต้น)
5. ครูอธิบายหัวข้อ “การรู้เทา่ ทันสื่อ” ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท
อกั ษร เจรญิ ทัศน์ อจท. หน้า 53
6. จากนั้นครูให้นักเรยี นทาแบบฝึกหัด exersice ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 29 – 31
ขอ้ 1 – 4
ขั้นสอน (40 นาที) ช่ัวโมงท่ี 2
7. ครูถามทบทวนนักเรียนโดยการถามคาถามว่า ความสามารถในการรเู้ ทา่ ทนั สือ่ ดจิ ทิ ลั มกี ่ดี า้ น อะไรบ้าง
(แนวคาตอบ การใชอ้ ยา่ งปลอดภยั การป้องกนั ความเปน็ ส่วนตัว)
8. ครถู ามนักเรียนว่าหากมีการใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งไมร่ เู้ ทา่ ทัน จะสง่ ผลกระทบอะไรกับผ้อู ่นื บ้าง
(แนวคาตอบ ขอ้ มูลท่ีเป็นเท็จ เกิดความไม่ปลอดภัยตอ่ ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล มกี ารละเมดิ ลิขสิทธิ์)
9. ครูอธิบายความสาคญั ของการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตอย่างรู้เท่าทัน และผลกระทบที่อาจเกิดขนึ้ จากหนังสือหนังสือเรยี นวิชา
เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษทั อกั ษร เจริญ ทศั น์ อจท. หน้า 55-57 เรอ่ื งการใชส้ ือ่ และ
ปัญหาท่พี บในสอ่ื ปจั จุบัน และเรือ่ งผลกระทบของข้อมูลท่ผี ิดพลาด
10. จากน้ันครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด Activity ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 32-33
วเิ คราะห์ความน่าเชือ่ ถือของข้อมลู และประเมินผลผลกระทบทีอ่ าจเกิดขึน้ หากข้อมูลผิดพลาด
ข้ันสรปุ (10 นาที)
1. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปผลกระทบท่อี าจเกิดข้นึ จากการใช้อนิ เทอร์เน็ตอยา่ งไมร่ เู้ ทา่ ทันส่ือ
10. สือ่ แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง
ความนา่ เชือ่ ถอื ของข้อมูล
2. หนังสอื แบบฝกึ หัดรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง ความน่าเช่อื ถอื ของขอ้ มลู
11. การวัดและการประเมินผล
11.1 การประเมินระหวา่ งการจัดกจิ กรรม
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เคร่ืองมอื การประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
1. บอกความหมายการ ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั รายวิชา บอกความหมายการ
รเู้ ท่าทนั ส่ือดิจทิ ัลและ Exercise หน้า 29 – พืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ รูเ้ ทา่ ทันสื่อดิจิทัลและ
การรเู้ ท่าทนั สือ่ ได้ (K) 31 ขอ้ 1 – 4 เทคโนโลยี (วิทยาการ การร้เู ทา่ ทนั สือ่ ได้
คานวณ) ม.3 ถูกต้อง 60% ขน้ึ ไป
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2
เรอ่ื ง ความน่าเช่ือถอื
ของข้อมูลหนา้ 29 –
31 ข้อ 1 – 4
2. วเิ คราะหค์ วาม ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั รายวิชา วเิ คราะห์ความน่าเชือ่ ถือ
พน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ และประเมนิ ผลกระทบ
นา่ เช่ือถือ และ Activity หนา้ 32 เทคโนโลยี (วทิ ยาการ ของขอ้ มูลจากข่าวสารท่ี
คานวณ) ม.3 ผิด เพื่อการใชง้ านอย่าง
ประเมนิ ผลกระทบของ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 รเู้ ท่าทันไดถ้ กู ต้อง 60%
เรื่อง ความน่าเช่อื ถอื ข้นึ ไป
ขอ้ มูลจากข่าวสารที่ผดิ ของขอ้ มลู หน้า 32
เพอื่ การใช้งานอยา่ งรเู้ ทา่
ทันได้ (P,A)
11.2 แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ ง
ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ระดับคะแนน
คณุ ลักษณะ 32 1
อนั พงึ ประสงคด์ ้าน รายการประเมิน
1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติและร้องเพลงชาตไิ ด้
กษตั รยิ ์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมท่ีสรา้ งความสามคั คปี รองดองและเป็นประโยชน์
ตอ่ โรงเรียน
1.3 เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏิบตั ิตามหลกั ศาสนา
1.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่เี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษัตริย์ตามทโี่ รงเรียนจัดขนึ้
2. ซอื่ สัตย์ สุจรติ 2.1 ใหข้ อ้ มูลทถ่ี กู ต้องและเป็นจรงิ
2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิ่งทถ่ี กู ต้อง
3. มีวินัย รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับของครอบครวั
มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาวัน
4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รู้จักใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์และนาไปปฏบิ ัติได้
4.2 ร้จู กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม
4.3 เชือ่ ฟังคาสั่งสอนของบิดา-มารดา โดยไมโ่ ตแ้ ยง้
4.4 ต้ังใจเรยี น
5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพย์สินและสง่ิ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด
5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอย่างประหยดั และรู้คุณค่า
5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงนิ
6. มุง่ มน่ั ในการทางาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทางานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพ่อื ให้งานสาเรจ็
7. รักความเป็นไทย 7.1 มีจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย
7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏบิ ัตติ นตามวฒั นธรรมไทย
8. มีจิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผ้ปู กครอง และครทู างาน
8.2 รจู้ ักการดแู ลรกั ษาทรัพยส์ มบัตแิ ละสิ่งแวดล้อมของห้องเรยี น
และโรงเรียน
เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่อื ..................................................ผู้ประเมนิ
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ............/.................../................
พฤติกรรมที่ปฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยคร้งั
พฤตกิ รรมท่ีปฏิบตั บิ างคร้ัง ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดมี าก
41-50 ดี
30-40 พอใช้
( หลังจากจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนจบ 1 หน่วยการเรียนรู้) ต่ากวา่ 30 ปรบั ปรงุ
วิธแี กไ้ ข/พัฒนา ผลการแกไ้ ข/พัฒนา
ปัญหา/ส่งิ ที่พัฒนา / แนวทางแกป้ ญั หา / แนวทางการพัฒนา
ปญั หา/ส่งิ ท่ีพฒั นา สาเหตุของปัญหา/ แนวทางแกไ้ ข/
สงิ่ ทพ่ี ฒั นา พฒั นา
ลงช่ือ............................................. ผ้สู อน
(....นายเลอศกั ดิ์ สุภมาตรา......)
รับทราบผลการดาเนินการ
ลงช่อื ...............................................
(...นางสาวสุจติ รา สมวาส....)
หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรียนรู้
ลงชื่อ............................................
( นายชาญยุทธ สุทธธิ รานนท์ )
รองผูอ้ านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
ลงชอื่ ...........................................
( นายวรี ะ แกว้ กัลยา )
ผู้อานวยการโรงเรยี นโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบุรี
8. ความคิดเหน็ (ผู้บริหาร / หรือผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย)
ได้ทาการตรวจแผนการจัดการเรียนร้ขู อง.................................................แลว้ มคี วามเห็นดังน้ี
8.1 เป็นแผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี
ดมี าก ดี
พอใช้ ต้องปรบั ปรุง
8.2 การจัดกจิ กรรมการเรียนรไู้ ดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
ทเี่ นน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ ใชก้ ระบวนการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ทีย่ ังไมเ่ น้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป
8.3 เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่
นาไปใช้สอนได้
ควรปรับปรงุ ก่อนนาไปใช้
8.4 ขอ้ เสนอแนะอื่น ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงช่ือ
....................................................................
(...นางสาวสจุ ิตรา สมวาส......)
หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ความคิดเหน็ ของรองผู้อานวยการฝา่ ยวิชาการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................
( นายชาญยุทธ สุทธิธรานนท์ )
รองผู้อานวยการกล่มุ บรหิ ารงานวชิ าการ
ความคิดเหน็ ของผ้อู านวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงชอ่ื .............................................
( นายวรี ะ แก้วกัลยา )
ผ้อู านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวัดเพชรบรุ ี
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๗ เร่อื ง การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ จานวน ๓ ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
รายวชิ าวทิ ยาการคานวณ รหัสวิชา ว 23101 ครผู สู้ อน นายเลอศกั ด์ิ สุภมาตรา
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รเู้ ท่าทันและมจี รยิ ธรรม
ตัวชีว้ ัด ม.3/4 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั และมีความรับผิดชอบตอ่ สังคม ปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย
เกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ ใช้ลขิ สิทธิ์ของผ้อู ืน่ โดยชอบธรรม
2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกลกั ษณะการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั ได้ (K)
2. สามารถใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศไดอ้ ยา่ งปลอดภยั และมคี วามรับผิดชอบตอ่ สงั คม (P,A)
3. สาระสาคัญ
การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศโดยคานงึ ถงึ ความปลอดภยั ในการใช้งาน เชน่ การทาธรุ กรรมออนไลน์ การซอ้ื
สินค้าออนไลน์ และการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมีจติ สานึก และจรยิ ธรรมทดี่ ี คานึงผลกระทบท่ีอาจสง่ ผลต่อ
ผู้อ่ืน
4. สาระการเรยี นรู้
1. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างปลอดภัย
2. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศไดอ้ ยา่ งมีความรับผดิ ชอบ
5. รูปแบบกรสอน/วธิ ีการสอน
1. รปู แบบการสอนแบบการอภิปราย
2. วธิ กี ารสอนแบบการใชค้ าถาม (Questioning Method)
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการสือ่ สาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ญั หา
ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทักษะการคิดวจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานรว่ มกนั (Collaboration Skill)
ทักษะการสอื่ สาร (Communication Skill)
ทกั ษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) ซือ่ สตั ย์ สุจริต
ใฝ่เรยี นรู้
8. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ มุ่งมั่นในการทางาน
รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มจี ิตสาธารณะ
มวี ินยั
อยู่อย่างพอเพียง
รกั ความเปน็ ไทย
9.การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ช่วั โมงท่ี 1
1. ครใู ห้นักเรียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อวดั ความรู้เดิมของ
นกั เรียนกอ่ นเข้าสู่กจิ กรรม
ขนั้ นา (10 นาที)
1. ครถู ามนกั เรียนคิดว่าเทคโนโลยีมีบทบาทสาคัญตอ่ ชวี ติ นกั เรยี นหรอื ไม่ อยา่ งไรบา้ ง
(แนวคาตอบ มี เพราะทาให้ชีวิตสะดวกสบาย)
2. ครูถามนกั เรียนตอ่ ว่า นอกจากเทคโนโลยมี บี ทบาทสาคัญต่อชีวิตนักเรยี นแล้ว นักเรียนคดิ ว่าเทคโนโลยีมบี ทบาท
สาคญั ต่อระดับองค์กร หรอื ระดบั ประเทศหรอื ไม่ อย่างไร
(แนวคาตอบ มี เน่อื งจากทาให้มีระบบออนไลนใ์ ชง้ าน มใี บขับขอ่ี ิเล็กทรอนกิ ส์)
ข้ันสอน (30 นาท)ี
1. ครูอธบิ ายเน้ือหาเรอ่ื งการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ช้นั
มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. หนา้ 59-60
2. ครูสนทนาและถามนกั เรยี นว่า ปจั จบุ นั เทคโนโลยเี ขา้ มบี าทในทุกดา้ นยกตัวอยา่ ง เช่น ร้านค้า ต้องมีการปรับตวั การ
ให้บริการแบบออนไลน์ ในฐานะลกู ค้าหากตอ้ งการซอื้ สินคา้ ออนไลน์ นกั เรยี นจะประเมินความนา่ เช่อื ถือของรา้ นค้า
อย่างไร
(แนวคาตอบ ร้านทมี่ รี ีววิ เยอะ ร้านคา้ ทม่ี ีช่ือเสยี ง)
3. ครูถามตอ่ วา่ ในการซอ้ื สนิ ค้าออนไลน์ในข้นั ตอนการชาระเงนิ ค่าสินคา้ นอกจากตอ้ งประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถอื ของ
รา้ นค้า นกั เรียนจะมีวิธกี ารทาธรุ กรรมออนไลนห์ รอื โอนเงินค่าสนิ ค้าอย่างไรใหป้ ลอดภยั
(แนวคาตอบ โอนเงินผ่านอุปกรณต์ นเองเทา่ นนั้ ไมใ่ ช้ Wi-Fi สาธารณะ ใช้บริการรา้ นค้าท่ีนา่ เชอ่ื ถือ)
4. ครูอธบิ ายเนื้อหาเร่อื งการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัยในหนังสอื เรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการ
คานวณ) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 บริษทั อักษรเจริญทศั น์ อจท. หน้า 62 - 63 การทาธรุ กรรมออนไลน์ และหน้า 64
– 65 การซ้อื สนิ คา้ ออนไลน์
5. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝึก Exercise ในหนงั สือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หนา้ 39 ข้อ 1 – 3 เพอื่
ตรวจสอบความเข้าใจ เร่ือง การทาธรุ กรรมออนไลนอ์ ยา่ งปลอดภัย
ขั้นสอน (50 นาที) ชัว่ โมงท่ี 2
6. ครทู บทวนเน้ือหาจากชวั่ โมงทีแ่ ลว้ นกั เรยี นได้เรียนรู้การทาธุรกรรมออนไลนอ์ ยา่ งปลอดภัย ในช่วั โมงน้ีครูใหน้ ักเรียน
จบั คู่กนั จากนัน้ ให้นกั เรยี นแตล่ ะคนเขียนชอื่ สินค้าท่ีนักเรียนสนใจ 1 อย่าง และนาหัวข้อนั้นแลกกันกบั คขู่ องตนเอง
7. ครูให้แต่ละคนค้นหาร้านค้าออนไลนท์ ีข่ ายสนิ ค้าตามหวั ขอ้ ทไ่ี ด้รับจากคูข่ องตนเอง และเลอื กหาร้านคา้ ท่นี ่าเช่อื ถอื
มากท่ีสุด จานวน 3 ร้านค้า
8. ครูให้นักเรยี นบนั ทกึ ผลการทากิจกรรมลงในใบงานที่ 3.1.1 เรื่อง การซอ้ื สนิ ค้าออนไลน์อยา่ งปลอดภยั
9. ครสู มุ่ นักเรียน 5 – 6 คน นาเสนอใบงานท่ี 3.1.1 เรอื่ ง การซ้ือสนิ ค้าออนไลน์อยา่ งปลอดภยั เพือ่ แลกเปลี่ยนความ
คดิ เห็นร่วมกัน
10. ครถู ามนักเรยี นว่าจากการค้นหารา้ นค้านักเรียนมีวธิ กี ารประเมินความน่าเชื่อถอื ร้านค้าอย่างไร
(แนวคาตอบ เลอื กซื้อเว็บไซต์ท่ีขึ้นต้นดว้ ย https//: เท่าน้นั อ่านรีววิ ก่อนส่งั ซอ้ื สารวจราคาตลาดก่อนส่ังซ้อื )
ชวั่ โมงท่ี 3
ขน้ั สอน (40 นาที)
11. ครูสอบถามนกั เรยี นวา่ จากคาบทแี่ ล้วในการประเมนิ ความน่าเชือ่ ถอื ของร้านค้า นักเรยี นพบว่ารา้ นคา้ ท่ีดี นา่ เชือ่ ถอื
ควรมลี กั ษณะอยา่ งไรบ้าง
(แนวคาตอบ คาอธบิ ายสนิ ค้าถกู ตอ้ งไม่เกินจรงิ ไม่เปิดเผยข้อมลู สว่ นตัวลูกคา้ ในการรีววิ สินคา้ ไม่นาข้อมลู ส่วนตวั
ลูกค้าไปเผยแพร่)
12. ครูอธิบายวา่ ในปัจจบุ ันการซื้อของออนไลน์ตามเว็บไซตต์ ้องมีบญั ชผี ู้ใชก้ อ่ นจงึ จะสามารถทาการส่ังซอ้ื สินค้า
ได้
13. ครถู ามนกั เรียนว่าโดยปกติเวลาใช้งานเวบ็ ไซต์เหล่านี้สามารถสมคั รบญั ชผี ู้ใช้ไดอ้ ย่างไรบ้าง
(แนวคาตอบ ลงชือ่ เข้าใชด้ ว้ ย Facebook ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google สมัครบัญชผี ใู้ ช้ดว้ ยอีเมล)
14. ครูอธบิ ายวา่ ในขั้นตอนการลงช่ือเขา้ ใช้งานเวบ็ ไซต์ด้วยบญั ชี Facebook หรอื บัญชี Google เว็บไซต์จะเรยี กขอ
สิทธ์ิในการเข้าถึงขอ้ มลู ส่วนตวั บัญชี Facebook หรือ Google ของเราซ่ึงอาจสง่ ผลต่อการนาขอ้ มูลไปใช้และส่ง
ผลเสียได้ ดงั นัน้ นอกจากการประเมินความนา่ เช่อื ถอื ของร้านค้าออนไลนแ์ ล้ว ยงั มีส่วนอน่ื ทตี่ อ้ งใชเ้ ทคโนโลยี
สารสนเทศอยา่ งระมดั ระวงั
15. ครูอธิบายเน้ือหาเร่ืองการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งมคี วามรับผดิ ชอบในหนงั สือเรยี นวชิ า เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 บรษิ ัท อกั ษรเจริญทัศน์ อจท. หน้า 66-67
16. ครูใหน้ กั เรียนถามคาถามนกั เรียนโดยใหม้ ีสถานการณ์ “หากนกั เรยี นเป็นเจ้าของร้านคา้ รบั สกรีนลายเส้ือ และมี
ลูกคา้ ติดต่อมาใหผ้ ลติ เส้อื รูปการต์ นู ท่ีตนเองไม่ไดเ้ ปน็ เจ้าของลขิ สทิ ธ์ิผลงาน นกั เรียนจะมวี ธิ กี ารรับมอื กบั ลกู คา้
อย่างไร เชน่ ข้อมลู ท่ีเปน็ สว่ นตวั ของลกู ค้า ความถูกต้องของข้อมลู สนิ คา้ กรรมสิทธ์ิ และด้านอืน่ พรอ้ มบอกเหตุผล”
จากน้นั ครูสุม่ นกั เรียน 4 – 5 คน ตอบคาถาม
17. ครถู ามนกั เรยี นว่าจากสถานการณ์ขา้ งตน้ ในมมุ มองนกั เรียนผ้บู ริโภคและผูข้ าย ควรมีความรับผิดชอบตอ่ กนั อยา่ งไร
บา้ ง
(แนวคาตอบ ผู้บรโิ ภคไมจ่ องสินคา้ แลว้ ไม่ซ้อื ไม่ควรสั่งสนิ ค้าท่ีทรัพย์สินทางปัญญา ผู้ขายจะตอ้ งคานึงถึงเรือ่ ง
ลขิ สิทธิ์ควรศึกษากฎหมายเก่ยี วกบั ลิขสิทธ์ใิ ห้ดี ความถูกต้องของขอ้ มลู สนิ คา้ )
18. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบฝกึ Exercise ในหนังสอื แบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หนา้ 40 – 41
ขอ้ 4 – 5 เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจ
ขั้นสรุป (10 นาท)ี
1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปนอกจากเราจะต้องระวงั การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศใหป้ ลอดภัยกบั ตวั เราแลว้ ยงั ตอ้ ง
มคี วามรับผดิ ชอบต่อตนเองและผอู้ น่ื ด้วย โดยเคารพความเป็นสว่ นตัว คานงึ ถึงความถกู ตอ้ งแม่นยาของข้อมูล การเปน็
เจ้าของ และการเขา้ ถงึ ข้อมูลท่ีไม่ได้รบั อนุญาต
10. สื่อแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิทยาการ)คานวณ ม.3 (หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง
เทคโนโลยสี ารสนเทศ
2. หนังสือแบบฝึกหดั รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง เทคโนโลยีสารสนเทศ
3. ใบงานที่ 3.1.1 เร่อื ง การซอ้ื สนิ ค้าออนไลนอ์ ย่างปลอดภัย
11. การวดั และการประเมนิ ผล
11.1 การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วธิ ีการประเมิน เครอ่ื งมอื การประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
1. บอกลกั ษณะ ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝกึ หัดรายวิชา บอกลกั ษณะการใชง้ าน
พืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ
การใชง้ านเทคโนโลยี Exercise หนา้ 39 เทคโนโลยี (วทิ ยาการ อย่างปลอดภยั ได้ถกู ต้อง
สารสนเทศ คานวณ) ม.3 60% ขนึ้ ไป
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3
อยา่ งปลอดภยั ได้ (K) เรือ่ ง เทคโนโลยี
สารสนเทศ หน้า 39
2. สามารถใชง้ าน - ตรวจใบงานที่ 3.1.1 - แบบประเมนิ - ประเมินใบงานที่
ใบงานท่ี 3.1.1 3.1.1 เรอื่ ง การซื้อ
เทคโนโลยีสารสนเทศ เรอื่ ง การซอ้ื สินคา้ เร่อื ง การซ้อื สนิ ค้า สนิ คา้ ออนไลนอ์ ย่าง
ไดอ้ ยา่ งปลอดภัย ออนไลนอ์ ย่างปลอดภัย ปลอดภยั ระดบั คุณภาพ
และมีความ ออนไลน์อย่าง พอใช้ขน้ึ ไปถือวา่ ผา่ น
รบั ผิดชอบต่อสังคม ปลอดภยั - แบบฝึกหัดรายวชิ า
พืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ - ประเมินการใช้งาน
(P,A) - ตรวจแบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วทิ ยาการ เทคโนโลยีสารสนเทศ
คานวณ) ม.3 อย่างมคี วามรบั ผดิ ชอบ
Exercise หนา้ 40– หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 ได้ไดถ้ กู ตอ้ ง 60% ขนึ้
เรื่อง เทคโนโลยี ไป
41 สารสนเทศ หนา้ 40–
41
11.2 การประเมินใบงานที่ 3.1.1 เร่อื ง การซื้อสินคา้ ออนไลน์อย่างปลอดภยั
ประเด็นในการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1
ประเมิน 32
1. การประเมนิ ความ สามารถประเมินความน่าเชือ่ ถอื สามารถประเมินความ สามารถประเมินความ
นา่ เชื่อถือของร้านค้า เหตุผลมคี วามสมเหตุสมผล เช่น นา่ เชือ่ ถือ เหตผุ ลมีความ นา่ เชือ่ ถอื เหตผุ ลมี
ออนไลน์ เลือกเวบ็ ไซตท์ ี่ขึ้นต้นดว้ ย สมเหตุสมผลเปน็ ส่วน ความสมเหตสุ มผล
https//: อา่ นรวี ิวก่อนส่ังซื้อ ใหญ่ เพียงบางส่วน
สารวจราคาตลาดก่อนสงั่ ซื้อ
ตรวจสอบคุณสมบัตขิ องสนิ ค้าที่
แจง้ ไวเ้ กนิ จริงหรอื ไม่ ตรวจสอบ
การจดทะเบียนรา้ นคา้ ตรวจสอบ
ประวัติการฉอ้ โกง
2. การทาธรุ กรรม สามารถเลอื กวิธีการทาธุรกรรม สามารถเลือกวธิ ีการทา สามารถเลอื กวธิ กี ารทา
อยา่ งปลอดภัย อย่างปลอดภยั ตามหลักการได้ ธุรกรรมอย่างปลอดภัย ธรุ กรรมอยา่ งปลอดภยั
และศกึ ษาตวั เลอื กการชาระเงนิ ตามหลักการได้เป็นสว่ น ตามหลกั การไดเ้ พยี ง
ทางร้านค้าออนไลน์อยา่ งถถี่ ว้ น ใหญ่ บางสว่ นเทา่ นน้ั
เช่น มีบริการเรียกเก็บเงิน
ปลายทาง
3. การนาเสนอ ใช้ภาษาในการนาเสนอชัดเจน ใชภ้ าษาในการนาเสนอ ใช้ภาษาในการนาเสนอ
เหมาะสมและเข้าใจงา่ ย สามารถ ชดั เจน เหมาะสมและ เขา้ ใจงา่ ย สามารถตอบ
ตอบคาถามไดท้ กุ ข้อ เข้าใจงา่ ย สามารถตอบ คาถามไดเ้ พยี งบางส่วน
คาถามไดเ้ ป็นสว่ นใหญ่
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ระดับคุณภาพ
ชว่ งคะแนน
8 – 9 ดี
5 – 7 พอใช้
น้อยกว่า 5 ปรับปรงุ
ใบงานท่ี 31.1.
เรอื่ ง การซื้อสนิ ค้าออนไลนอ์ ยา่ งปลอดภัย
1. ชือ่ สินคา้ ...................................................................................................................................................
2. ชอื่ รา้ นค้าออนไลน์และเว็บไซต์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………
3. เหตุผลในการเลอื กร้านคา้ ออนไลน์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………
4. ถา้ ส่ังซ้ือสนิ ค้าออนไลน์ นกั เรยี นมีวิธีการชาระเงนิ อยา่ งไร ใหป้ ลอดภยั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………
( หลังจากจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนจบ 1 หนว่ ยการเรียนรู้)
ปัญหา/สง่ิ ท่พี ัฒนา / แนวทางแก้ปัญหา / แนวทางการพฒั นา
ปัญหา/สิง่ ท่ีพฒั นา สาเหตขุ องปญั หา/ แนวทางแกไ้ ข/ วิธแี กไ้ ข/พัฒนา ผลการแกไ้ ข/พัฒนา
สงิ่ ท่ีพฒั นา พฒั นา
ลงช่อื ............................................. ผู้สอน
(...นายเลอศกั ด์ิ สภุ มาตรา.....)
รับทราบผลการดาเนินการ
ลงชือ่ ...............................................
(...นางสาวสุจิตรา สมวาส......)
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ลงช่ือ............................................
( นายชาญยทุ ธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผ้อู านวยการกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ
ลงช่อื ...........................................
( นายวรี ะ แกว้ กลั ยา )
ผูอ้ านวยการโรงเรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบรุ ี
8. ความคิดเหน็ (ผู้บรหิ าร / หรอื ผทู้ ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย)
ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ.................................................แลว้ มคี วามเห็นดงั นี้
8.1 เปน็ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี
ดีมาก ดี
พอใช้ ต้องปรบั ปรงุ
8.2 การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ได้นาเอากระบวนการเรยี นรู้
ที่เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ ใชก้ ระบวนการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
ท่ยี ังไม่เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป
8.3 เป็นแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่
นาไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรุงกอ่ นนาไปใช้
8.4 ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชอ่ื
....................................................................
(.............................................................)
หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
ความคิดเหน็ ของรองผ้อู านวยการฝ่ายวชิ าการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ............................................
( นายชาญยุทธ สทุ ธธิ รานนท์ )
รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวชิ าการ
ความคดิ เหน็ ของผอู้ านวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงช่ือ.............................................
( นายวีระ แก้วกลั ยา )
ผอู้ านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบุรี