แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๘ เร่อื ง กฎหมายคอมพิวเตอรแ์ ละลขิ สทิ ธ์ิ จานวน ๔ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
รายวชิ าวทิ ยาการคานวณ รหัสวชิ า ว 23101 ครผู ู้สอน นายเลอศกั ด์ิ สุภมาตรา
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด
สาระที่ 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมีจริยธรรม
ตัวชว้ี ัด ม.3/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย และมีความรับผดิ ชอบต่อสงั คม ปฏิบตั ิตามกฎหมาย
เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ ใช้ลขิ สิทธ์ขิ องผู้อนื่ โดยชอบธรรม
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เข้าใจและยกตัวอยา่ งการปฏบิ ัติตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ และการใช้ลิขสิทธิ์ของผอู้ นื่
โดยชอบธรรมได้ (K,P,A)
3. สาระสาคัญ
กฏหมายท่เี กี่ยวขอ้ งกับการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศหลายฉบับ เช่น พระราชบัญญัติว่าดว้ ยการกระทา
ความผิดเกย่ี วกบั คอมพิวเตอร์ พระราชบญั ญัติว่าดว้ ยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนกิ ส์ พระราชบญั ญตั กิ ารรกั ษาความมัน่ คง
ปลอดภัยไซเบอร์ โดยพระราชบญั ญตั ิว่าดว้ ยการกระทาความผดิ เกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 และพระราชบัญญตั ิ
ว่าด้วยการกระทาความผิดเก่ยี วคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560
ลขิ สิทธ์ิ เปน็ ผลงานทเ่ี กิดจากการใชป้ ัญญา ความรู้ความสามารถ และความอุตสาหะพยายามในการสร้างสรรค์
ผลงาน ซึง่ ถือวา่ เป็นทรัพยส์ นิ ทางปญั ญาประเภทหน่ึง ท่ีกฎหมายใหค้ วามคมุ้ ครอง
4. สาระการเรียนรู้
1. กฎหมายคอมพิวเตอร์
2. ลขิ สิทธ์ิ
5. รปู แบบกรสอน/วธิ ีการสอน
1. รปู แบบการสอนแบบการอภิปราย
2. วิธีการสอนโดยเน้นกระบวนการกลมุ่ (Group Process–Based Instruction)
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ความสามารถในการส่อื สาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ญั หา
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทักษะ 4 Cs
ทักษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ซื่อสตั ย์ สุจรติ
ทกั ษะการทางานรว่ มกนั (Collaboration Skill) ใฝเ่ รียนรู้
ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) มุง่ มน่ั ในการทางาน
ทักษะความคดิ สรา้ งสรรค์ (Creative Thinking) มีจติ สาธารณะ
8. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
มวี ินยั
อยู่อย่างพอเพียง
รักความเป็นไทย
9.การจัดกระบวนการเรยี นรู้
ชั่วโมงท่ี 1
ขั้นนา (10 นาที)
1. ครถู ามนกั เรยี นว่าจากคาบทผ่ี ่านมาในการการทาธรุ กรรมทางการเงิน หรือซ้อื ของออนไลนน์ กั เรยี น
ควรระมดั ระวงั ด้านใดอกี บา้ ง
(แนวคาตอบ ข้อมูลสว่ นตัว ลขิ สิทธ์ิผลงาน)
2. ครถู ามนักเรียนว่าจากคาบทแ่ี ลว้ เร่ืองการประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของรา้ นคา้ ออนไลน์ หากนักเรียน
ทาการสง่ั ซื้อสนิ ค้าออนไลนไ์ ป แต่ไม่ได้รบั สนิ คา้ หรอื ไดร้ บั สนิ ค้าทีไ่ มต่ รงตามคาอธบิ าย หรือสินค้าไมม่ ีคณุ ภาพนกั เรยี น
จะแก้ปัญหาอย่างไร
(แนวคาตอบ ปรน้ิ ทห์ ลักฐานที่มีเก่ียวกบั รา้ นค้า สินค้า และการโอนเงินทง้ั หมดและไปแจง้ ตารวจ)
ข้ันสอน (40 นาที)
1. ครใู หน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ 3 – 4 คน จากน้นั แต่ละกลมุ่ ศึกษาเน้อื หาในหนงั สือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ)
ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 บริษัท อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หนา้ 68 – 70 หวั ข้อ “กฎหมายคอมพวิ เตอร์” โดยใหแ้ ต่ละกลุ่ม
เลอื กหัวข้อกฏหมายตามพระราชบญั ญตั วิ ่าดว้ ยการกระทาความผิดเกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2560 และ
ค้นหาเพิม่ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็ จากน้นั ให้สมาชิกในกล่มุ สรุปให้เพื่อนในกลมุ่ ฟงั
2. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ Exercise ในหนงั สอื แบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หน้า 42 – 43 เพ่อื
ตรวจสอบความเข้าใจ
ช่วั โมงที่ 2
ขน้ั สอน (50 นาท)ี
3. จากช่วั โมงท่ีผ่านมา ครใู ห้นกั เรยี นแบง่ กลุม่ 3 – 4 คน และแบ่งหัวข้อกนั ศกึ ษา“กฎหมายคอมพิวเตอร์” ในชวั่ โมงน้ี
ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุ่มศึกษาเนอื้ หาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 3 บรษิ ทั
อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หน้า 71 – 73 หัวข้อ“ลิขสทิ ธ์ิ” และค้นหาเพิม่ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็ จากน้ันให้สมาชกิ ในกลมุ่
สรปุ ให้เพื่อนในกลมุ่ ฟัง
4. ครูให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ Exercise ในหนังสือแบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 44 – 45 เพ่ือ
ตรวจสอบความเขา้ ใจ
5. จากนน้ั ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ทาใบงานท่ี 3.2.1 เรอ่ื ง ใครมคี วามผิด และเตรยี มตวั นาเสนอในช่ัวโมงถดั ไป
ชวั่ โมงท่ี 3
ขัน้ สอน (50 นาที)
6. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมานาเสนอแนวคิดของกลุ่มตนเอง ตรงตามความผิดในมาตราทศ่ี กึ ษาหรอื ไม่ อยา่ งไร
7. ครูให้นักเรียนช่วยกนั สรปุ แนวคดิ จากคาตอบของกลุ่มอื่น
8. จากน้ันครูให้แต่ละกลุม่ รว่ มกันวางแผนในการทากิจกรรม Activity ในหนังสือแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) หน้า 46 – 47 ถ้าเกิดมขี อ้ สงสยั สามารถสอบถามครูผู้สอนได้
9. จากน้ันให้นกั เรียนแต่ลงมีปฏิบตั ิตามทีว่ างแผนไว้ พร้อมเตรียมนาเสนอในช่วั โมงถดั ไป
ช่ัวโมงท่ี 4
ภ4
ข้ันสอน (40 นาท)ี
10. ครูใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอกจิ กรรม Activity
11. ครซู ักถามกลุ่มที่นาเสนอ เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจและความถกู ต้องของขอ้ มูล พรอ้ มทัง้ เสนอแนะเพ่มิ เติม
ขั้นสรปุ (10 นาท)ี
1. ครูใหแ้ ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเนือ้ หาและความสัมพนั ธเ์ กย่ี วกับการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย มี
ความรับผิดชอบ ปฏิบตั ติ ามกฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และใช้ลิขสิทธ์ขิ องผู้อื่นโดยชอบธรรม
10. สือ่ แหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง
เทคโนโลยีสารสนเทศ
2. หนังสอื แบบฝกึ หัดรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เร่อื ง เทคโนโลยีสารสนเทศ
3. ใบงานท่ี 3.2.1 เรอื่ ง ใครมคี วามผิด
11. การวัดและการประเมนิ ผล
11.1 การประเมนิ ระหว่างการจัดกจิ กรรม
จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เครอ่ื งมือการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ
1. เข้าใจและยกตัวอย่าง - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั Exercise - ตอบคาถาม Exercise
หนา้ 42 – 45 และ Activity ได้ถกู ต้อง
การปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย Exercise หนา้ 42 – 60% ขนึ้ ไป
คอมพวิ เตอร์ และการใช้ - Activity หนา้ 46 –
ลขิ สิทธ์ขิ องผู้อื่นโดยชอบ 45 47 - ประเมนิ ใบงานท่ี
3.2.1 เร่ือง ใครมี
ธรรมได้ (K,P,A) - ตรวจ Activity หน้า - ใบงานท่ี 3.2.1 เรอ่ื ง
46 – 47
- ใบงานท่ี 3.2.1 เรือ่ ง ใครมคี วามผดิ ความผิดระดับคุณภาพ
ใครมคี วามผิด พอใชข้ ึ้นไปถอื วา่ ผา่ น
11.2 การประเมนิ ใบงานท่ี 3.2.1 เรื่อง ใครมคี วามผิด 1
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ประเด็นในการประเมนิ
32
1. การอ้างอิงกฎหมาย สามารถเลอื กอ้างอิง สามารถเลอื กอา้ งอิง สามารถเลือกอา้ งอิง
กฎหมายคอมพวิ เตอร์ กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายคอมพวิ เตอร์
และการค้มุ ครองลขิ สิทธิ์ และการคุม้ ครองลขิ สิทธิ์ และการคุ้มครองลขิ สิทธ์ิ
ได้ถกู ต้องสอดคลอ้ งกบั ไดถ้ กู ต้องสอดคลอ้ งกับ ได้สอดคล้องกบั
สถานการณ์ และเหตุผล สถานการณ์ และเหตุผล สถานการณ์ เหตผุ ลที่
ทก่ี ล่าวถึงมีความ ที่กล่าวถงึ มคี วาม กลา่ วถึงมีความ
สมเหตุสมผล สมเหตุสมผลเป็นส่วน สมเหตุสมผลเพียง
ใหญ่ บางส่วน
2. การนาเสนอ ใชภ้ าษาในการนาเสนอ ใช้ภาษาในการนาเสนอ ใช้ภาษาในการนาเสนอ
ชดั เจน เหมาะสมและ ชดั เจน เหมาะสมและ เข้าใจงา่ ย สามารถตอบ
เขา้ ใจงา่ ย สามารถตอบ เข้าใจงา่ ย สามารถตอบ คาถามไดเ้ พยี งบางส่วน
คาถามได้ทุกข้อ คาถามไดเ้ ป็นสว่ นใหญ่
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ระดับคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ดี
5–6 พอใช้
ปรบั ปรงุ
3–4
นอ้ ยกวา่ 3
11.3 การประเมนิ การนาเสนอ Activity
ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
2
1. หวั ข้อท่นี าเสนอ หัวข้อในค้นหาข้อมลู มี หวั ข้อในค้นหาข้อมูลมี หัวขอ้ ในค้นหาขอ้ มูล
ความน่าสนใจ ทนั ต่อ ความนา่ สนใจ นา่ สนใจ มปี ระโยชน์ตอ่
2. ความถูกต้องของ เหตกุ ารณ์ สร้างสรรค์ สรา้ งสรรคแ์ ละมี การเผยแพรใ่ ห้กบั ผอู้ ่ืน
เนื้อหา และมปี ระโยชนต์ ่อการ ประโยชน์ต่อการ เป็นเพยี งบางสว่ น
เผยแพร่ใหก้ บั ผ้อู น่ื เผยแพร่ให้กับผอู้ ื่นเป็น
3. การนาเสนอ สว่ นใหญ่
เนือ้ หาทีน่ าเสนอมีความ เนอื้ หาท่ีนาเสนอมีความ เนอ้ื หาท่นี าเสนอมีความ
ถกู ต้อง มแี หลง่ ที่มา ถกู ตอ้ งเปน็ ส่วนใหญ่ มี ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ มี
นา่ เชือ่ ถือ ไม่ละเมดิ แหล่งท่มี านา่ เชื่อถือ ไม่ แหลง่ ทีม่ าน่าเชอ่ื ถอื
ลขิ สิทธ์ิหรอื คดั ลอกงาน ละเมดิ ลขิ สิทธิ์หรือ น้อยหรือไม่มีเลย ไม่
ของผ้อู ่ืน คดั ลอกงานของผู้อื่น ละเมิดลขิ สิทธิ์หรอื
คัดลอกงานของผ้อู ่ืน
ใช้ภาษาในการนาเสนอ ใชภ้ าษาในการนาเสนอ ใชภ้ าษาในการนาเสนอ
ชดั เจน เหมาะสมและ ชดั เจน เหมาะสมและ เขา้ ใจง่าย สามารถตอบ
เข้าใจง่าย สามารถตอบ เขา้ ใจง่าย สามารถตอบ คาถามได้เพียงบางส่วน
คาถามไดท้ กุ ขอ้ คาถามไดเ้ ปน็ ส่วนใหญ่
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ระดับคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ดี
8–9 พอใช้
ปรับปรงุ
5–7
น้อยกว่า 5
11.4 แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
คาชแ้ี จง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่อง
ท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะ ระดับคะแนน
อันพงึ ประสงค์ด้าน รายการประเมนิ 32 1
.1 รักชาติ ศาสน์ 1.1ยืนตรงเคารพธงชาตแิ ละรอ้ งเพลงชาตไิ ด้
กษัตรยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกิจกรรมทีส่ รา้ งความสามัคคปี รองดองและเป็นประโยชน์
ตอ่ โรงเรียน
1.3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏบิ ตั ติ ามหลักศาสนา
1.4 เข้ารว่ มกจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วกบั สถาบันพระมหากษตั ริย์ตามท่โี รงเรียนจดั ขน้ึ
.2 ซือ่ สตั ย์ สุจรติ 2.1 ให้ข้อมูลทถี่ กู ตอ้ งและเป็นจริง
2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ที่ถูกตอ้ ง
.3 มวี ินยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคับของครอบครวั
มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจาวัน
.4 ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รจู้ กั ใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ละนาไปปฏบิ ตั ิได้
4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม
4.3 เชื่อฟังคาสง่ั สอนของบดิ ามารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง-
4.4 ตง้ั ใจเรยี น
.5 อยอู่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รพั ย์สนิ และสง่ิ ของของโรงเรยี นอย่างประหยัด
5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรยี นอยา่ งประหยดั และรู้คณุ ค่า
5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยดั และมกี ารเกบ็ ออมเงิน
.6 ม่งุ มั่นในการทางาน 6.1 มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ บั มอบหมาย
6.2 มคี วามอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพ่อื ใหง้ านสาเรจ็
.7 รักความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย
7.2 เห็นคุณค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย
.8 มีจิตสาธารณะ 8.1 รู้จกั ชว่ ยพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครูทางาน
8.2 รจู้ กั การดแู ลรกั ษาทรพั ยส์ มบัติและสิง่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น
และโรงเรียน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่ือ..................................................ผปู้ ระเมนิ
พฤติกรรมที่ปฏิบัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ................/.................../............
พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั
พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัตบิ างครงั้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ให้ 2 คะแนน 51-60 ดีมาก
ให้ คะแนน 1
41-50 ดี
ใบงานท่ี 3.2.1 30-40 พอใช้
เรอื่ ง ใครมคี วามผดิ ต่ากว่า 30 ปรับปรงุ
คาชี้แจง : ครูใหน้ กั เรียนแบง่ กลุ่ม 4-5 คน และตอบคาถามจาก
สถานการณต์ อ่ ไปน้ี
สถานการณ์ ร้าน RC Power ไดล้ งข้อมูลขายของออนไลน์ โดยขายแพคเกจสินคา้ ชดุ Cosmos Wars Mini set
ประกอบด้วยเสอื้ ยืดพมิ พ์ลายโปสเตอรภ์ าพยนตร์เรอ่ื ง Cosmos Wars ขนาด Free size จานวน 2 ตัว และ DVD
ภาพยนตร์ที่จัดทาซา้ ข้นึ ใหมจ่ านวน 1 ชุด พรอ้ มของแถมเปน็ DVD โปรแกรม KKDPlayer สาหรบั ใชเ้ ปิดไฟลป์ ระเภท
วดี ีโอโดยทร่ี า้ น RC Power ไมไ่ ด้เปน็ เจา้ ของลิขสิทธ์ิ หรอื ไดร้ ับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธ์ใิ ด ๆ ทง้ั สิ้น แต่ทางรา้ นลง
ขอ้ มลู ในเว็บไซต์ว่าสนิ คา้ และเสื้อยืดท้งั หมดเปน็ ของแท้ที่มีลิขสทิ ธิ์
จากสถานการณด์ ังกลา่ วใหน้ กั เรียนวิเคราะห์วา่ มีการกระทาความผิดใดตามพระราชบญั ญตั วิ ่าดว้ ยการกระทา
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 และควรไดร้ บั โทษอยา่ งไร
ความผิด
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................
ใบงานที่ 3.2.1 เฉลย
เรอื่ ง ใครมีความผดิ
คาชีแ้ จง : ครูใหน้ ักเรียนแบง่ กลุม่ 4-5 คน และตอบคาถามจากสถานการณต์ อ่ ไปน้ี
สถานการณ์ รา้ น RC Power ได้ลงข้อมูลขายของออนไลน์ โดยขายแพคเกจสินคา้ ชุด Cosmos Wars Mini set
ประกอบดว้ ยเส้ือยืดพมิ พ์ลายโปสเตอร์ภาพยนตร์เร่ือง Cosmos Wars ขนาด Free size จานวน 2 ตัว และ DVD
ภาพยนตร์ทจ่ี ัดทาซ้าข้นึ ใหม่จานวน 1 ชุด พร้อมของแถมเป็น DVD โปรแกรม KKDPlayer สาหรับใช้เปิดไฟลป์ ระเภท
วีดโี อโดยท่ีรา้ น RC Power ไม่ไดเ้ ปน็ เจ้าของลิขสิทธิ์ หรอื ไดร้ บั อนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิใ์ ด ๆ ทัง้ สิ้น แตท่ างร้านลง
ข้อมูลในเว็บไซต์ว่าสนิ ค้าและเสอื้ ยดื ทั้งหมดเป็นของแท้ที่มลี ขิ สทิ ธิ์
จากสถานการณด์ ังกลา่ วให้นักเรียนวิเคราะหว์ า่ มีการกระทาความผิดใดตามพระราชบญั ญัตวิ ่าดว้ ยการกระทา
ความผดิ เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2560 และควรไดร้ บั โทษอยา่ งไร
.ค........ว...นมแโ...า...ท...นคีำม...ษ...ขวว...ผ...จ้อำค...ดิ...มำ...มำ...ค...ตผลู........กุิดอ.ท.......ไ.บต...บี่....ม....ำ....ดิ่เ...ม.ก..เ...พ.บ..ิน......ือร......5ะน......ร...หป...ำ......รีช...ห...อื .บ.....รป...ญั...(ือ...ล...ปญ...หอ......รลม...ตั ...บั...งัไิว...ม.ไ..จำ่...ม...ว่ดา....่เ..ำ่ก้ว...ก...ท.ย..จนิ...้ัง...กดั...ห...1ำก......มร0...จิ ...กด...0ก....ร..ห,...ร0.ะ..ร...ร0...ทือ...ม0...ำ...บก...ผ...บ.ำ..า...ิดง.ำ..ร...เสท...เก...ร...่ว...่ียยีห...น...ว.น..ร...ก...หอืก...ับ...รท..า....คอื...รั้ง...อ...นสจ......มำอำ......ทขพ..น....้อ...ัง้ิวจ...ป...มเ...บต...รูล......อับ...อ1...ร...นั...์...ห...(เ...ฉป...น...บ.น็..ว่......ับเ...ยท...ท...ก...็จ...ี่.า..เ2....ข..ร.).....เำ้ ...รพ...ส...ยี....่รู...ศน...ะ.......รบ......2ู้)...บ...5......ค6......อ0......ม.........พ.........วิ ......เ...ต......อ.........ร......์ ............................................................
ปญั หา/สิง่ ทพ่ี ฒั นา / แนวทางแก้ปญั หา / แนวทางการพัฒนา
ปญั หา/สงิ่ ที่พฒั นา สาเหตขุ องปญั หา/ แนวทางแกไ้ ข/ วธิ ีแก้ไข/พฒั นา ผลการแกไ้ ข/พฒั นา
ส่ิงท่ีพฒั นา พฒั นา
ลงชือ่ ............................................. ผู้สอน
(..นายเลอศักดิ์ สุภมาตรา....)
รับทราบผลการดาเนนิ การ
ลงชอ่ื ...............................................
(.......................................................)
หัวหน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้
ลงชอ่ื ............................................
( นายชาญยุทธ สุทธธิ รานนท์ )
รองผูอ้ านวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ
ลงช่อื ...........................................
( นายวรี ะ แกว้ กัลยา )
ผอู้ านวยการโรงเรียนโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวัดเพชรบรุ ี
8. ความคิดเหน็ (ผ้บู รหิ าร / หรอื ผู้ทไี่ ด้รบั มอบหมาย)
ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง.................................................แล้วมคี วามเห็นดังน้ี
8.1 เป็นแผนการจดั การเรียนรูท้ ี่
ดีมาก ดี
พอใช้ ต้องปรับปรงุ
8.2 การจดั กจิ กรรมการเรยี นรไู้ ดน้ าเอากระบวนการเรยี นรู้
ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั ใชก้ ระบวนการสอนไดอ้ ย่างเหมาะสม
ทย่ี งั ไม่เน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาตอ่ ไป
8.3 เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี
นาไปใชส้ อนได้
ควรปรบั ปรุงก่อนนาไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอื่น ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชือ่
....................................................................
(...นางสาวสจุ ิตรา สมวาส......)
หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ความคิดเหน็ ของรองผูอ้ านวยการฝา่ ยวิชาการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชอื่ ............................................
( นายชาญยุทธ สุทธิธรานนท์ )
รองผ้อู านวยการกล่มุ บรหิ ารงานวชิ าการ
ความคิดเหน็ ของผอู้ านวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงชอ่ื .............................................
( นายวรี ะ แก้วกัลยา )
ผ้อู านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 47 จังหวัดเพชรบรุ ี
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๙ เรอ่ื ง แนวคดิ และองค์ประกอบของ IoT จานวน ๔ ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
รายวิชาวิทยาการคานวณ รหัสวชิ า ว 23101 ครูผู้สอน นายเลอศักดิ์ สุภมาตรา
1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชว้ี ัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการแกป้ ญั หาท่ีพบในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม
ตวั ช้วี ัด ม.3/1 พัฒนาแอปพลเิ คชันที่มกี ารบูรณาการกับวชิ าอ่ืนอย่างสร้างสรรค์
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายแนวคิดและองค์ประกอบของเทคโนโลยี IoT ได้ (K)
2. ออกแบบแนวคดิ เพอ่ื การพัฒนาเทคโนโลยี IoT ได้ (P)
3. ยกตวั อย่างประโยชนข์ องเทคโนโลยี IoT ในชีวิตประจาวันได้ (A)
3. สาระสาคัญ
การทาให้อุปกรณ์หลายตัวสามารถสอ่ื สาร แลกเปล่ียนข้อมลู และทางานรว่ มกนั ไดน้ น้ั เรยี กว่า เทคโนโลยี IoT
ตอ้ งอาศัยความสามารถของ Smart Device ซึ่งอุปกรณ์ที่มีหนว่ ยประมวลผล หรือเซนเซอรภ์ ายในตัว เพอ่ื สง่ ข้อมูลผ่าน
Cloud Computing หรือ Wireless Network เปน็ ตัวกลางในการรบั สง่ ขอ้ มูลภายในเครอื ขา่ ยเพ่ือประมวลผล และ
อาศยั Dashboard สาหรบั แสดงผลและใช้ควบคุมการทางานจากผ้ใู ช้
4. สาระการเรยี นรู้
1. แนวคดิ ของเทคโนโลยี IoT
2. องค์ประกอบของเทคโนโลยี IoT
3. อปุ กรณท์ ี่ใชส้ าหรบั พัฒนาเทคโนโลยี IoT
4. ข้อดีขอ้ เสียของเทคโนโลยี IoT
5. รูปแบบการสอน/วิธีการสอน
1. วธิ ีการสอนแบบการใช้คาถาม (Questioning Method)
2. วธิ ีการสอนโดยใช้แนวคดิ เชงิ คานวณ (Computational Thinking)
6. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
ความสามารถในการส่อื สาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ญั หา
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทักษะ 4Cs
ทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานรว่ มกัน (Collaboration Skill)
ทกั ษะการส่อื สาร (Communication Skill)
ทักษะความคิดสรา้ งสรรค์ (Creative Thinking)
8. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ใฝ่เรยี นรู้
มีวินยั มุ่งม่นั ในการทางาน
อยู่อย่างพอเพียง
รกั ความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ
9. การจดั กระบวนการเรียนรู้
ช่ัวโมงท่ี 1
1. ครูใหน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 เร่ือง แอปพลเิ คชนั เพือ่ วัดความรู้เดิมของนักเรยี นก่อน
เข้าสู่กจิ กรรม
ขั้นนา (5 นาท)ี
1. ครถู ามคาถามกระตุ้นความสนใจของนักเรยี นวา่ “นักเรยี นรูจ้ ักเทคโนโลยี IoT หรอื ไม่”
ข้นั สอน (30 นาที)
1. ครูใหน้ ักเรียนเปดิ หนงั สือวชิ าวิทยาการคานวณ บริษทั อักษรเจรญิ ทัศน์ อจท ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 หน้า77 เรื่อง
เทคโนโลยี IoT
2. ครถู ามนกั เรียนวา่ เครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ หรือเครอื ขา่ ยไร้สายมีประโยชน์กับชวี ติ เราอย่างไร
(แนวคาตอบ เชน่ สัญญาณ3G 4G ทาให้เข้าถึงอินเทอรเ์ นต็ ได้สะดวก)
3. ครถู ามตอ่ วา่ ถ้าสมมติมือถอื หรอื คอมพิวเตอร์ แลปทอปของเราไมม่ ีความสามารถในการเชือ่ มต่อเครือขา่ ย
อนิ เทอร์เน็ตได้ นักเรยี นคิดวา่ จะมผี ลกระทบตอ่ ชีวิตอยา่ งไร
(แนวคาตอบ ค้นหาขอ้ มูลไดย้ าก แลกเปล่ียนข้อมลู กนั ช้าเน่อื งจากไม่มีอนิ เทอรเ์ น็ต ไม่สามารถอัปเดตข่าวสารได้
Real time)
4. ครูอธบิ ายวา่ ยุคก่อนหน้าน้ีมอื ถือ และคอมพิวเตอร์ของเรายังไมม่ ีความสามารถในการเข้าถึงอินเทอรเ์ นต็ แต่
ปจั จบุ นั อปุ กรณ์เหลา่ น้ีแทบทุกเครอื่ งจะมคี วามสามารถในการเชื่อมตอ่ เครอื ข่ายเข้าหากันได้ เช่น Bluetooth , Wifi
Internet ทาให้อุปกรณ์หลายชิน้ เชือ่ มต่อกัน จึงทาให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกนั ได้อย่างรวดเร็ว
5. ครูอธิบายว่าลกั ษณะการทาใหอ้ ุปกรณ์หลายชิน้ เช่ือมต่อเขา้ หากนั ผ่านเครือข่าย และทาการแลกเปลย่ี นขอ้ มูลกัน
เพ่ือให้ใช้ประโยชนไ์ ด้มากขึ้นเป็นแนวคิดท่ีคล้ายกับเทคโนโลยี IoT
6. ครูอธบิ ายแนวคดิ จุดกาเนิด และองค์ประกอบของของเทคโนโลยี IoT ในหนงั สือวชิ าวทิ ยาการคานวณ บริษทั อักษร
เจรญิ ทัศน์ อจท ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 หน้า 77-78 เรือ่ ง เทคโนโลยี IoT และองค์ประกอบของเทคโนโลยี IoT วา่
เปน็ การทาให้อปุ กรณ์ต่าง ๆ มหี น่วยประมวลผลและความสามารถในการเช่อื มต่อกบั อุปกรณ์อ่นื ได้ โดยไม่ตอ้ งพง่ึ พา
ความสามารถของคอมพวิ เตอรใ์ นการประมวลผลและการเชอื่ มต่อกับอุปกรณอ์ ื่น จงึ ทาใหอ้ ุปกรณ์สามารถส่งผา่ น
ข้อมลู ระหวา่ งกนั ได้โดยตรง เชน่ เครื่องพมิ พท์ ่ีเชอ่ื มเข้าระบบ wifi และสัง่ ปริน้ ทง์ านผ่านระบบ wifi ไม่จาเป็นตอ้ ง
เชอื่ มเคร่ืองพิมพก์ บั คอมพิวเตอร์อกี ต่อไป
แต่สามารถสง่ั งานจากอุปกรณใ์ ดกไ็ ดท้ ่ีเชื่อมวงเครือขา่ ย wifi เดียวกัน
ชวั่ โมงท่ี 2
ขั้นสอน (50 นาที)
7. ครถู ามนักเรียนวา่ หากเราสามารถพฒั นาเทคโนโลยี IoT ดว้ ยตนเองไดน้ ักเรยี นคิดว่าจะนาอปุ กรณอ์ ิเลก็ ทรอนิกสใ์ ดมา
เชื่อมต่อเครอื ขา่ ย และจะใช้ประโยชนจ์ ากการเชื่อมต่อเข้าเครอื ขา่ ยของอปุ กรณน์ ้นั อยา่ งไร ส่มุ นกั เรยี นตอบคาถาม3-
5คน
(แนวคาตอบ แอรเ์ ชื่อมเน็ตแลว้ เชค็ อณุ หภูมจิ ากทไี่ หนก็ได้จากน้นั กส็ งั่ เปดิ -ปิดแอร์ตอนไหนกไ็ ด้)
8. ครูอธบิ ายเพิม่ เตมิ เก่ยี วกบั แนวคิดของ IoT เรื่ององคป์ ระกอบที่สาคญั ท้งั 3 สว่ นได้แก่
1) Smart Device ใช้นาเข้าข้อมูลจากเซนเซอร์
2) Cloud Computing หรือ Wireless Network เพือ่ ใช้เปน็ สื่อกลางในการรบั ส่งข้อมูล
3) Dashboard เพื่อใช้สื่อสารกบั ผใู้ ช้
ดงั นั้นนอกจากอุปกรณ์จะสามารถเชือ่ มตอ่ เข้าเป็นเครือข่ายเดียวกนั ได้แลว้ จะต้องมีสว่ นติดตอ่ ทใี่ ช้ควบคุมการทางาน
ภายในระบบไดด้ ้วย เช่น ส่งั สตาร์ทรถผ่านมอื ถือโดยใช้สอ่ื กลางเป็นระบบอนิ เทอร์เนต็ เปิด-ปดิ เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ภายใน
บ้านดว้ ยเครือข่ายไรส้ าย Wifi
9. ครใู ห้นักเรียนวาดแผนผังการทางานตามแนวคิดของเทคโนโลยี IoT และเขยี นแนวคดิ การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี IoT
ในชวี ติ ประจาวนั ในแบบฝกึ หดั บรษิ ทั อักษรเจริญทัศน์ อจท ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 เรือ่ ง เทคโนโลยี หน้า 53-55 ขอ้
1-5
(แนวคดิ เชงิ คานวณ : ในสว่ นการแยกย่อย Decomposition นักเรียนฝกึ กระบวนการแยกองค์ประกอบ โดยการ
เขียนองค์ประกอบยอ่ ยของเทคโนโลยีในรปู แบบแผนผัง)
ชว่ั โมงท่ี 3
ขัน้ สอน (50 นาที)
10. ครูสอบถามนักเรยี นว่าสงสัยหรือไม่ แอร์ท่ีบ้านเรารู้อณุ หภมู ิว่าเป็นก่อี งศาภายในบา้ นได้อย่างไร
(แนวคาตอบ มตี ัวตรวจจบั มีเครือ่ งวดั อณุ หภมู ิ มีเซนเซอร์ เซนเซอร์วัดอุณหภมู ิ)
11. ครสู อบถามนกั เรยี นวา่ “นักเรียนรจู้ ักเซนเซอรอ์ ะไรบ้าง หรอื เคยเห็นเซนเซอรใ์ นอุปกรณไ์ หนบา้ ง
(แนวคาตอบ ข้นึ อยกู่ บั ดุลยพนิ ิจของครูผู้สอน)
12. ครูแนะนาบอร์ด micro:bit (ไมโครบทิ ) ทม่ี ีเซนเซอร์หลากหลายสามารถนามาใชพ้ ฒั นาเทคโนโลยี IoT ได้โดยให้
นักเรยี นเปดิ หนงั สือวิชาวทิ ยาการคานวณ บริษทั อกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 3 หน้า79-8 เรอื่ ง
ตัวอย่างอุปกรณส์ าหรับเทคโนโลยี IoT และยกตัวอยา่ งอุปกรณ์ ไมโครบทิ พรอ้ มบอกสว่ นประกอบเบือ้ งต้น (กรณที ี่
โรงเรยี นมี micro:bit ให้ครแู จกบอร์ด micro:bit ใหน้ กั เรียนทาความรจู้ กั )
13. ครใู หน้ ักเรียนเปิดหนงั สือวชิ าวทิ ยาการคานวณ บรษิ ทั อกั ษรเจริญทัศน์ อจท ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 หน้า 82
จากนั้นครูอธิบายตวั อยา่ งแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยี IoT โดยใช้บอรด์ ไมโครบิทเปน็ อปุ กรณใ์ นการวัดอณุ หภูมิ
แลว้ สง่ ขอ้ มลู มาบนแทบเล็ท ซง่ึ เป็นสว่ นแสดงผลและใช้แทปเล็ทเป็นอุปกรณ์เพ่ือควบคุมการทางานของพัดลมได้
โดยกดปมุ่ สั่งงาน A บนแทปเล็ทเพ่อื เปดิ พัดลม พร้อมขึน้ สถานะเลข 1 บนบอร์ดไมโครบิท ให้ผใู้ ชร้ ูส้ ถานะการ
ทางานของพัดลมได้ และกดปมุ่ งาน B เพื่อปิดพัดลมพรอ้ มขน้ึ สถานะ0 บนบอร์ดไมโครบทิ
14. ครตู ้งั คาถามกับนักเรยี นว่าจากแนวคดิ น้หี ากใหน้ กั เรียนปรบั ใชแ้ ละพัฒนาตอ่ นักเรียนจะนาแนวคดิ ไปพฒั นาต่อ
อยา่ งไร สุม่ นกั เรยี นตอบคาถาม 3-5 คน
15. ครใู ห้นกั เรียนจับคกู่ ัน จากน้นั ทาแบบฝกึ หัดแบบฝึกหัดบริษัทอกั ษรเจรญิ ทัศน์ อจท. หน้า 55 ขอ้ ท่ี 6 โดยแต่ละคู่
เลือกแค่ 1 แนวคิด จากแบบฝกึ หัดข้อ 5 นาแนวคดิ ในการพฒั นาเทคโนโลยี IoT มาปรับปรุงต่อโดยประยกุ ต์ใช้
ความสามารถจากบอรด์ ไมโครคอนโทรลเลอร์
ชวั่ โมงท่ี 4
ขน้ั สอน (40 นาท)ี
16. จากชว่ั โมงทีผ่ ่านมาครใู ห้นักเรยี นแต่ละคู่เลือกแนวคิดการพฒั นาเทคโนโลยี IoT แลว้ ในชั่วโมงน้คี รใู หน้ กั เรยี นลง
มือทาแบบฝึกตามเวลาทก่ี าหนด
17. ครูให้แต่ละคอู่ อกมานาเสนอแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยี IoT ของตนเอง และให้เพอื่ นในชั้นเรยี นรว่ มกนั
แลกเปล่ียนความคดิ เหน็
18. เมือ่ นาเสนอเสร็จแล้ว ให้คณุ ครูถามทุกค่วู า่ “จากท่เี ราไดแ้ ลกเปลย่ี นความคิดเหน็ และฟังการนาเสนอแนวคิดคูอ่ ่นื
แลว้ นกั เรยี นคดิ ว่าอยากปรบั ปรุงแนวคิดการพัฒนาเทคโนโลยี IoT ของคู่ตนเองอยา่ งไร”
ขน้ั สรปุ (10 นาท)ี
1. ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกนั สรุปแนวคดิ ของเทคโนโลยี IoT
2. ครูถามนักเรียนว่าจากการฟังแนวคิดของเพือ่ นในชั้นเรียนมแี นวคิดใดน่าสนใจ หรอื แนวคิดใดท่ีมีประโยชน์ใน
ชีวติ ประจาวนั ได้จริงบ้าง
3. ครสู รปุ แนวคดิ และองค์ประกอบของเทคโนโลยี IoT ให้นกั เรียนฟัง พร้อมทัง้ เน้นถงึ ความสาคัญเรอ่ื งประโยชนก์ ารใช้
งานจรงิ ในชวี ติ ประจาวนั
4. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัดเรอื่ ง เทคโนโลยี IoT หน้า 56 ขอ้ 7
10. สื่อและแหล่งการเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง
แอปพลิเคชนั
2. หนงั สือแบบฝกึ หดั รายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เรอื่ ง แอปพลเิ คชัน
11. การวดั และการประเมนิ ผล
11.1 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เคร่อื งมือการประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
1.อธบิ ายแนวคิดและ ตวรจแบบฝึกหัด เร่อื ง แบบประเมิน อธบิ ายแนวคิดและ
องคป์ ระกอบของ เทคโนโลยี IoT (ขอ้ 1-3) แบบฝกึ หดั องค์ประกอบของ
เทคโนโลยี IoT ได้ (K) เทคโนโลยี IoT ได้ ใน
เร่ือง เทคโนโลยี IoT ระดบั คณุ ภาพพอใช้ขน้ึ ไป
ถือวา่ ผา่ น
2.ออกแบบแนวคดิ เพอ่ื 1.ตรวจการออกแบบ 1.แบบประเมนิ 1.ออกแบบแนวคดิ ในการ
พัฒนาเทคโนโลยี IoT แนวคดิ ในการพฒั นา แบบฝึกหดั พฒั นาเทคโนโลยี IoT ได้
ได้ (P) เทคโนโลยี IoT ใน ตรงตามแนวคดิ ของ
แบบฝึกหัดเรื่อง 2.แบบประเมนิ เทคโนโลยี ในระดับ
เทคโนโลยี IoT (ข้อ5-7) การนาเสนอ คณุ ภาพพอใช้ข้นึ ไปถือวา่
ผา่ น
2.ประเมินการนาเสนอ
แนวคิดในการพัฒนา 2.นาเสนอแนวคิดในการ
เทคโนโลยี IoT พัฒนาเทคโนโลยี IoT ใน
ระดบั คณุ ภาพพอใช้ข้ึนไป
3.ยกตวั อย่างประโยชน์ ตรวจแบบฝกึ หัดเรื่อง แบบฝกึ หัด ถือวา่ ผ่าน
ของเทคโนโลยี IoT ใน เทคโนโลยี IoT (ขอ้ 8) เรอ่ื ง เทคโนโลยี IoT
ชวี ติ ประจาวันได้ (A) ข้อ 7 ยกตัวอยา่ งเทคโนโลยี IoT
ในชีวิตประจาวนั ถกู ต้อง
60% ขึน้ ไปถือวา่ ผา่ น
11.2 การประเมนิ การนาเสนองานกลุ่ม คุณภาพผลงาน
ท่ี รายการประเมนิ 4 3 21
1 นาเสนอการประยุกตแ์ นวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยี IoT กบั
ความสามารถของ micro:bit ได้นา่ สนใจและสือ่ สารเข้าใจงา่ ย ชดั เจน
2 อธิบายการทางานของแนวคิดไดเ้ ขา้ ใจ และถูกต้องตามหลกั การ และตอบ
คาถามได้
3 มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
4 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกลุ่ม
5 การรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่ืน
รวม
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
16 – 20 ดี
10 – 15
น้อยกวา่ 10 พอใช้
ปรบั ปรุง
11.3 การประเมินแบบฝกึ หัด เรือ่ ง เทคโนโลยี IoT (แนวคดิ และองค์ประกอบของ IoT)
ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑก์ ารให้คะแนน 1
2
1.อธบิ ายแนวคิดของ อธิบายแนวคดิ ของ อธบิ ายแนวคิดของ อธิบายแนวคดิ ของ
เทคโนโลยี IoT เทคโนโลยี IoT ได้ เทคโนโลยี IoT ได้ เทคโนโลยี IoT ได้
ถูกตอ้ งครบถ้วนทงั้ หมด ถกู ต้อง 50% ขึ้นไป ถกู ต้อง นอ้ ยกว่า 50%
2.แผนผงั การทางาน เขยี นแผนผังการทางาน เขยี นแผนผังการทางาน เขยี นแผนผังการทางาน
องคป์ ระกอบของ องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ องค์ประกอบของ
เทคโนโลยี IoT เทคโนโลยี IoT ไดเ้ ป็น เทคโนโลยี IoT ไดเ้ ปน็ เทคโนโลยี IoT ได้เป็น
ระบบ ถกู ตอ้ งและ ระบบ ถกู ตอ้ งและ ระบบ ถกู ต้องและ
เข้าใจง่ายทัง้ หมด เขา้ ใจง่าย 50% ข้นึ ไป เขา้ ใจง่าย นอ้ ยกวา่
50%
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ระดับคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน
5–6 ดี
3–4 พอใช้
น้อยกว่า 3 ปรับปรงุ
11.4 การประเมินแบบฝึกหัด เรอ่ื ง เทคโนโลยี IoT (การออกแบบแนวคิดในการพัฒนา
เทคโนโลยี IoT)
ประเดน็ ในการประเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน
3 2 1
1.ระบุปัญหาที่พบเจอใน ระบปุ ญั หาทีพ่ บเจอใน ระบุปัญหาท่พี บเจอใน ระบปุ ัญหาท่ีพบเจอใน
ชีวิตประจาวัน และ ชีวติ ประจาวนั ได้
แนวทางการพฒั นา นา่ สนใจ และอธบิ าย ชวี ิตประจาวนั ได้ ชวี ิตประจาวนั ได้ และ
แนวทางการพัฒนาโดย น่าสนใจ และอธิบาย อธบิ ายแนวทางการพฒั นา
ใช้เทคโนโลยี IoT ได้
ถกู ต้องครบถ้วน แนวทางการพัฒนาโดย โดยใชเ้ ทคโนโลยี IoT ได้
ใช้เทคโนโลยี IoT ได้ ถกู ตอ้ งครบ นอ้ ยกว่า
ถกู ต้องครบ 50% ขน้ึ ไป 50%
2.ออกแบบแนวคดิ ใน ออกแบบแนวคดิ ในการ ออกแบบแนวคิดในการ ออกแบบแนวคดิ ในการ
การพัฒนาเทคโนโลยี
IoT กับความสามารถ พัฒนาเทคโนโลยี IoT พฒั นาเทคโนโลยี IoT พฒั นาเทคโนโลยี IoT กับ
ของบอร์ด
ไมโครคอนโทรลเลอร์ กบั ความสามารถของ กบั ความสามารถของ ความสามารถของ บอรด์
บอร์ด บอรด์ ไมโครคอนโทรลเลอร์ได้
ไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ ไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ หลักการถูกตอ้ งครบถว้ น
น่าสนใจ สรา้ งสรรค์ นา่ สนใจ หลกั การ และเลอื กใชอ้ ปุ กรณ์ได้
หลักการถกู ตอ้ งครบถว้ น ถกู ต้อง และเลือกใช้ เหมาะสมกับการแกป้ ัญหา
ทัง้ หมด และเลือกใช้ อุปกรณ์ได้เหมาะสมกับ นอ้ ยกว่า 50%
อปุ กรณ์ได้เหมาะสมกับ การแกป้ ญั หา 50% ข้ึน
การแกป้ ญั หา ไป
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ระดบั คณุ ภาพ
ดี
ชว่ งคะแนน
5–6 พอใช้
3–4 ปรับปรุง
นอ้ ยกว่า 3
( หลงั จากจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนจบ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้)
ปัญหา/ส่งิ ทพ่ี ฒั นา / แนวทางแกป้ ญั หา / แนวทางการพฒั นา
ปญั หา/สง่ิ ท่พี ฒั นา สาเหตขุ องปัญหา/ แนวทางแกไ้ ข/ วิธแี กไ้ ข/พฒั นา ผลการแก้ไข/พัฒนา
สงิ่ ทพ่ี ัฒนา พฒั นา
รับทราบผลการดาเนินการ ลงชอ่ื ............................................. ผู้สอน
(....นายเลอศักดิ์ สภุ มาตรา......)
ลงชอื่ ...............................................
(...นางสาวสจุ ติ รา สมวาส.....)
หัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
ลงช่อื ............................................
( นายชาญยุทธ สทุ ธิธรานนท์ )
รองผู้อานวยการกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ
ลงชื่อ...........................................
( นายวีระ แก้วกลั ยา )
ผ้อู านวยการโรงเรยี นโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 47 จังหวัดเพชรบรุ ี
8. ความคิดเหน็ (ผู้บริหาร / หรือผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมาย)
ได้ทาการตรวจแผนการจดั การเรยี นรูข้ อง.................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังนี้
8.1 เปน็ แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่
ดีมาก ดี
พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรงุ
8.2 การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ได้นาเอากระบวนการเรียนรู้
ท่ีเน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ใชก้ ระบวนการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ท่ียังไม่เน้นผ้เู รยี นเป็นสาคัญ ควรปรบั ปรุงพฒั นาต่อไป
8.3 เป็นแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่
นาไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนาไปใช้
8.4 ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชอ่ื
....................................................................
(...นางสาวสุจิตรา สมวาส...)
หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรู้
ความคิดเหน็ ของรองผอู้ านวยการฝา่ ยวิชาการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงชื่อ............................................
( นายชาญยทุ ธ สุทธธิ รานนท์ )
รองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
ความคดิ เห็นของผู้อานวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงชอ่ื .............................................
( นายวีระ แกว้ กัลยา )
ผ้อู านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 47 จงั หวดั เพชรบุรี
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑๐ เรอื่ ง ซอฟต์แวร์ท่ีใช้ในการพัฒนาแอปพลเิ คชัน จานวน ๔ ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
รายวิชาวิทยาการคานวณ รหัสวชิ า ว 23101 ครูผู้สอน นายเลอศกั ด์ิ สภุ มาตรา
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้วี ัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รูเ้ ท่าทันและมีจรยิ ธรรม
ตวั ช้ีวดั ม.3/1 พฒั นาแอปพลเิ คชนั ทมี่ ีการบรู ณาการกับวิชาอื่นอย่างสรา้ งสรรค์
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.บอกความหมาย ประเภท และขัน้ ตอนการพฒั นาแอปพลิเคชนั ได้ (K)
2.ออกแบบการพฒั นาแอปพลเิ คชนั ตามขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชนั ได้ (P)
3.ยกตัวอย่างแอปพลเิ คชนั ทีม่ ีประโยชนข์ องในชวี ิตประจาวนั ได้ (A)
3. สาระสาคญั
แอปพลิเคชัน เป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาข้ึนมาเพ่ืออานวยในด้านต่าง ๆ มีการออกแบบมาเพ่ือใช้งานในหลาย
รูปแบบ โดยแอปพลิเคชันแบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่ แอปพลิเคชันระบบ แอปพลิเคชันท่ีตอบสนองต้องการของ
กลุ่มผู้ใช้
การพัฒนาแอปพลิเคชัน มี 7 ข้ันตอน ดังนี้ 1) กาหนดปัญหา 2) ศึกษาความเป็นไปได้ 3) วิเคราะห์ความ
ตอ้ งการแอปพลเิ คชัน 4) ออกแบบแอปพลเิ คชนั 5) ทดสอบ 7) จดั ทาเอกสาร
ซึ่งการพัฒนาโปรแกรมในปัจจุบันนิยมใช้โปรแกรมภาษาไพทอน (Python) เพราะเป็นภาษาท่ีอ่านแล้วเข้าใจ
ง่าย ไม่ซับซ้อน ตัวอย่างการเขียนโปรแกรมการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยโปรแกรมภาษาไพทอน เช่น โปรแกรม
คานวณหาอตั ราแลกเปลย่ี นเงินบาทไทย (THB) เป็นเงนิ ดอลลาร์ (USD) เปน็ ต้น
4. สาระการเรยี นรู้
1. ขัน้ ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั
2. ซอฟตแ์ วร์ท่ใี ช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน่
5. รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน
1. รูปแบบการสอนแบบการอภปิ ราย
2. วิธกี ารสอนโดยเน้นกระบวนการกลมุ่ (Group Process–Based Instruction)
3. วิธีการสอนโดยใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ (Role Playing)
4. วิธกี ารสอนโดยใช้แนวคดิ เชิงคานวณ (Computational Thinking)
6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
ความสามารถในการส่อื สาร
ความสามารถในการคิด
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. ทกั ษะ 4 Cs ซือ่ สัตย์ สจุ ริต
ทกั ษะการคิดวิจารณญาณ (Critical Thinking) ใฝ่เรยี นรู้
ทักษะการทางานรว่ มกัน (Collaboration Skill)
ทกั ษะการสือ่ สาร (Communication Skill) มุ่งมน่ั ในการทางาน
ทักษะความคดิ สร้างสรรค์ (Creative Thinking) มีจิตสาธารณะ
8. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
มีวินยั
อยู่อย่างพอเพียง
รกั ความเปน็ ไทย
9. การจดั กระบวนการเรยี นรู้
ช่วั โมงท่ี 1
ขน้ั นา (10 นาท)ี
1. ครสู นทนากับนักเรียนว่า ถ้าสมมตนิ กั เรียนไปเท่ียวต่างประเทศ นักเรยี นคาดว่าตอ้ งใชเ้ งนิ ประมาณเทา่ ไร
2. จากนน้ั ครถู ามตอ่ ว่าจานวนเงินท่ีนกั เรียนบอกเป็นสกลุ เงินไทย หรือสกลุ เงินประเทศทต่ี ้องการไปเท่ยี ว
3. ครูถามว่าแล้วนักเรียนสามารถแปลงจานวนเงินบาทเปน็ สกุลเงนิ ของต่างประเทศอยา่ งไร
(แนวคาตอบ สามารถคานวณได้ด้วยโปรแกรมที่อยบู่ นออนไลน์ หรือแอพพเิ คช่นั บนมือถอื และแท็ปเลท นอกจากน้ัน
ยงั สามารถคานวณไดโ้ ดยดูจากการแปลงอตั ราแลกเปลี่ยนคา่ เงินประจาวัน)
4. ครูสอบถามวา่ นักเรียนเคยสงสัยไหมว่าโปรแกรมเหล่าน้ที างานอย่างไร
(แนวคาตอบ : การแปลงคา่ เทยี บค่าเงนิ ดูจากอัตราแลกเปลี่ยนเงนิ )
ขน้ั สอน (40 นาท)ี
1. ครูกล่าวถงึ ลกั ษณะแบบนี้เปน็ ประโยชน์ของโปรแกรม หรือแอปพลเิ คชันท่เี ราใชใ้ นชวี ิตประจาวัน
2. ครูให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์
อจท. หน้า 83 หัวขอ้ การพฒั นาแอปพลเิ คชัน
3. ครอู ธบิ ายความหมาย และประเภทของแอปพลเิ คชัน และยกตัวอย่างแอปพลิเคชันจากในหนงั สือหน้า 84 หรอื ตาม
ความเหมาะสม
4. ครูอธิบายเพิ่มเรื่องขั้นตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน ในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ชั้น
มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 อักษรเจริญทัศน์ อจท. หนา้ 85-88
5. ครใู ห้นักเรยี นทาแบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 57-58 ขอ้ 1-3 เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจ
ข้ันสอน (50 นาที) ชว่ั โมงท่ี 2
6. ครูถามนักเรียนวา่ จากท่ีเราพูดถงึ จานวนเงิน และการแปลงสุกลเงนิ ในคาบที่แลว้ นกั เรียนคาดว่าหากต้องการพัฒนา
แอปพลิเคชันเราจะต้องใชเ้ ครอ่ื งมอื ใดบา้ ง
(แนวคาตอบ คอมพวิ เตอร์ โปรแกรมภาษาC++ โปรแกรมภาษาPython )
7. ครูอธิบายว่าการพัฒนาโปรแกรมสามารถใช้ภาษาในการเขียน และพัฒนาแอปพลิเคชันได้หลากหลาย สามารถ
เลอื กใชไ้ ด้ตามความถนดั
8. ครูสนทนากบั นักเรียนวา่ นกั เรยี นไดเ้ รยี นเขยี นโปรแกรมภาษาPython เบ้อื งต้นมาแลว้ ในชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 แล้ว
รู้หรือไม่ว่าทาไมนักพัฒนาโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันส่วนใหญ่จึงเลือกใช้โปรแกรมนี้ เรามาดูจุดเด่น จุดด้อยของ
โปรแกรมภาษาไพทอนกัน (เปิดหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 บรษิ ัท อักษร
เจรญิ ทัศน์ อจท. หนา้ 89)
9. ครูบอกนักเรียนว่า คาบน้ีจะได้ศึกษาการทางานของโปรแกรมแปลงค่าเงินโดยให้นักเรียนเปิดหนังสือเรียนวิชา
เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 บรษิ ัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. หนา้ 89 หัวข้อซอฟต์แวร์ท่ีใช้ใน
การพฒั นาแอปพลิเคช่ัน
10. ครใู ห้นักเรียนเปิดโปรแกรม Mu จากนัน้ ครูอธิบายหนา้ ที่การทางานเครอื่ งมือของโปรแกรม เป็นการทบทวนเนือ้ หา
เดมิ ทเ่ี รียนในระดับมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 (เนอื้ หาเดมิ ในหนังสือวิชา วทิ ยาการคานวณ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท2ี่ บรษิ ัท อักษร
เจรญิ ทัศน์ อจท.) หรอื ศกึ ษาเพิม่ เตมิ จากใบความรู้เร่อื ง If else, while, for
(สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมไดจ้ ากเวบ็ ไซต์ https://codewith.mu/en/download )
ชว่ั โมงท่ี 3
ขั้นสอน (50 นาที)
11. ครูอธบิ ายเน้ือหาในหนังสือเรียนวิชา เทคโนโลยี(วิทยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 บริษัท อักษรเจริญทัศน์
อจท. หน้า90-105 เรื่องโปรแกรมคานวณหาอัตราแลกเปล่ียนเงินบาทไทย(THB) เป็นเงินดอลลาร์ (USD) และให้
นักเรียนศึกษาพร้อมทดลองเขียนโปรแกรมตามหนังสือ เพ่ือความเข้าใจโปรแกรมมากขึ้น ให้ศึกษาในใบความรู้
เพม่ิ เติมเรื่องการใช้งาน GUI ร่วมกับภาษาไพทอนในการเขยี นโปรแกรม โดยใ้ช้โมดูล Tkinter
12. ครูถามนักเรียนว่าจากตัวอย่างท่ีศึกษา สามารถนาแนวคิดการแปลงสกุลเงินไปปรับเป็นโปรแกรมรูปแบบอื่นได้
หรือไม่ อย่างไรบ้างให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแลกเปล่ียนความคิดเห็น และบันทึกรูปแบบท่ีเพื่อนนาเสนอแล้ว
สนใจลงกระดาษ A4
14. ครสู อบถามว่าจากการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นไดพ้ บข้อดี ขอ้ เสียอะไรบ้าง
15. ครูให้นักเรียนจับคู่เพ่ือแลกเปล่ียนแนวคิดและรูปแบบที่นักเรียนสนใจการพัฒนาโปรแกรมหรือแอปพลิเคชัน
จากนั้นเลือกแนวคิดท่ีน่าสนใจ 1 อย่างเพื่อเขียนรายละเอียดการทางานตามข้ันตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน
ดงั กลา่ วในแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 58-59 ข้อ 4
16. ครูให้นักเรียนนาแนวคิดท่ีได้มาเขียน Flow Chart เพื่อนาไปพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันในแบบฝึกหัด เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ) หน้า 60 ขอ้ 5
ชว่ั โมงท่ี 4
ขั้นสอน (40 นาท)ี
17. ครถู ามนกั เรียนว่าจากการเขียน Flow Chart นกั เรียนคาดวา่ แนวคิดท่ตี นเองเขยี นมีโอกาสท่จี ะทาได้จริง
หรอื ไม่
18. ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนู่ าเสนอแนวคิดและผังงาน (Flowchart) ของตนเองหนา้ ชน้ั เรียน ให้เพื่อน
รว่ มกันแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ พรอ้ มทงั้ ครคู อยให้คาแนะนา จากน้ันให้นาไปปรบั ปรงุ แก้ไข
ข้นั สรุป (10 นาท)ี
1. ให้นักเรยี นยกตวั อยา่ งแอปพลิเคชันท่ีมปี ระโยชน์ของในชีวติ ประจาวนั โดยการตอบคาถามในแบบฝกึ หัด เทคโนโลยี
(วิทยาการคานวณ) อจท. หน้า 66 ขอ้ 7
10. ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 เรื่อง
แอปพลเิ คชัน
2. หนงั สอื แบบฝกึ หัดรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 เรือ่ ง แอปพลเิ คชัน
3. โปรแกรม Mu
11. การวัดและการประเมนิ ผล
11.1 การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรม
จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เครอื่ งมือการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
1. บอกความหมาย ตรวจแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หดั รายวิชา บอกความหมาย
ประเภท และข้ันตอน หนา้ 57-58 พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ ประเภท และขั้นตอน
การพัฒนาแอปพลิเคชนั เทคโนโลยี (วิทยาการ การพฒั นาแอปพลิเคชนั
ได้ (K) คานวณ) ม.3 ไดถ้ กู ตอ้ ง 60% ขึ้นไป
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 4
เรือ่ ง แอปพลิเคชัน
หน้า 57-58
2.ออกแบบการพฒั นา 1.ตรวจการออกแบบ 1.แบบประเมนิ 1.ออกแบบการพัฒนา
แอปพลเิ คชนั ตาม แอปพลิเคชนั ตาม
แนวคิดในแบบฝกึ หัด แบบฝกึ หัด ขนั้ ตอนการพัฒนาแอป
ข้นั ตอนการพัฒนาแอป พลเิ คชันได้ ในระดบั
พลิเคชนั ได้ (P) หน้า 58-59 เร่อื ง แอปพลิเคชนั คณุ ภาพพอใช้ข้ึนไปถือ
ว่าผา่ น
2.ประเมนิ การนาเสนอ (ออกแบบการพัฒนา
แนวคิดการออกแบบการ แอปพลิเคชัน) 2.นาเสนอแนวคิดการ
ออกแบบการพฒั นาแอป
พัฒนาแอปพลิเคชนั 2.แบบประเมนิ พลเิ คชันในระดบั
คณุ ภาพพอใช้ขนึ้ ไปถือ
การนาเสนองานกลุม่ วา่ ผ่าน
(ออกแบบแนวคดิ การ
พฒั นาแอปพลเิ คชนั ) 3.ผ่านเกณฑ์การ
ประเมนิ 60% ขน้ึ ไป
3.ยกตวั อยา่ งแอปพลเิ ค ตรวจแบบฝึกหัด อจท. แบบฝกึ หดั รายวิชา
ชันทม่ี ปี ระโยชนข์ องใน หนา้ 66 ขอ้ 7 พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์
ชวี ิตประจาวนั ได้ (A) เทคโนโลยี (วิทยาการ
คานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4
เรอ่ื ง แอปพลเิ คชัน
หนา้ 66 ขอ้ 7
11.2 การประเมินการนาเสนองานกลุ่ม (ออกแบบแนวคดิ การพฒั นาแอปพลิเคชนั )
ท่ี รายการประเมิน คณุ ภาพผลงาน
4 3 21
1 นาเสนอการออกแบบการพัฒนาแอปพลิเคชันตามข้นั ตอนการพัฒนาแอป
พลเิ คชันได้นา่ สนใจและส่อื สารเขา้ ใจงา่ ย ชดั เจน
2 อธบิ ายการทางานของแนวคิดได้เขา้ ใจ และถูกตอ้ งตามหลกั การ และตอบ
คาถามได้
3 มีความคิดสรา้ งสรรค์
4 การมีสว่ นรว่ มของสมาชิกในกลมุ่
5 การรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่
รวม ระดบั คุณภาพ
ดี
เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน พอใช้
16 – 20 ปรับปรุง
10 – 15
นอ้ ยกว่า 10
11.3 การประเมินแบบฝึกหัด เรอ่ื ง แอปพลิเคชัน (ออกแบบการพฒั นาแอปพลิเคชัน)
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
ประเด็นในการประเมนิ
321
1.ความสอดคล้องกบั ออกแบบแนวคิดการ ออกแบบโปรแกรมหรือ ออกแบบโปรแกรมหรือ
เนื้อหา พัฒนาโปรแกรมหรอื แอปพลเิ คชนั ตาม แอปพลิเคชันตาม
แอปพลเิ คชนั ตาม ขัน้ ตอนการออกแบบ ขัน้ ตอนการออกแบบ
ขน้ั ตอนการออกแบบ แอปพลิเคชนั ได้ถกู ตอ้ ง แอปพลเิ คชันได้ถกู ตอ้ ง
แอปพลิเคชนั ได้ถูกต้อง และชัดเจนมากกว่า นอ้ ยกว่า50%
ครบถ้วนและชดั เจน 50%
2.การแสดงอลั กอรทิ ึม เขยี นแสดงลาดับการ เขยี นแสดงลาดบั การ เขียนแสดงลาดับการ
ทางานของโปรแกรม ทางานของแอปพลเิ คชนั ทางานของแอปพลิเคชัน
หรอื แอปพลิเคชนั ดว้ ย ด้วยแผนผังงาน (Flow ด้วยแผนผังงาน (Flow
แผนผังงาน (Flow Chart) ได้เป็นระบบ Chart) ได้เปน็ ระบบ
Chart) ไดเ้ ป็นระบบ ถูกตอ้ งและเข้าใจงา่ ย ถกู ต้องและเข้าใจง่าย
ถกู ต้องและเขา้ ใจง่าย มากกวา่ 50% น้อยกวา่ 50%
3.มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ
ในการออกแบบแอป แนวคดิ การพัฒนาแอป แนวคิดการพัฒนาแอป แนวคิดการพัฒนาแอป
พลเิ คชนั พลเิ คชนั ได้น่าสนใจ พลิเคชนั ได้นา่ สนใจ พลเิ คชนั ไดน้ ่าสนใจ
และคานงึ ประโยชน์ของ และคานงึ ประโยชน์ของ และคานงึ ประโยชน์ของ
การใช้งาน การใชง้ านเป็นส่วนใหญ่ การใช้งานบ้างพียง
บางส่วน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ระดบั คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ดี
7–9 พอใช้
ปรับปรงุ
5–6
นอ้ ยกว่า 5
( หลังจากจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจบ 1 หนว่ ยการเรียนรู้)
ปญั หา/สิง่ ท่ีพฒั นา / แนวทางแก้ปัญหา / แนวทางการพัฒนา
ปัญหา/ส่งิ ท่พี ัฒนา สาเหตุของปัญหา/ แนวทางแก้ไข/ วธิ ีแก้ไข/พัฒนา ผลการแกไ้ ข/พฒั นา
สิ่งท่ีพัฒนา พัฒนา
รับทราบผลการดาเนนิ การ ลงชอื่ ............................................. ผู้สอน
(...นายเลอศักด์ิ สุภมาตรา......)
ลงชอ่ื ...............................................
(..นางสาวสุจิตรา สมวาส.....)
หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ลงช่อื ............................................
( นายชาญยุทธ สทุ ธิธรานนท์ )
รองผอู้ านวยการกลุม่ บรหิ ารงานวชิ าการ
ลงช่อื ...........................................
( นายวรี ะ แก้วกัลยา )
ผอู้ านวยการโรงเรียนโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 47 จังหวัดเพชรบรุ ี
8. ความคิดเห็น (ผู้บรหิ าร / หรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมาย)
ไดท้ าการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง.................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี
8.1 เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
ดีมาก ดี
พอใช้ ตอ้ งปรบั ปรงุ
8.2 การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ไดน้ าเอากระบวนการเรียนรู้
ที่เนน้ ผเู้ รียนเปน็ สาคญั ใชก้ ระบวนการสอนได้อยา่ งเหมาะสม
ที่ยังไมเ่ น้นผูเ้ รียนเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป
8.3 เป็นแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่
นาไปใชส้ อนได้
ควรปรับปรุงก่อนนาไปใช้
8.4 ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงช่อื
....................................................................
(.............................................................)
หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
ความคิดเห็นของรองผู้อานวยการฝา่ ยวชิ าการ
................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................
ลงช่ือ............................................
( นายชาญยทุ ธ สุทธิธรานนท์ )
รองผอู้ านวยการกลุ่มบริหารงานวิชาการ
ความคิดเห็นของผ้อู านวยการโรงเรยี น
................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................
ลงชื่อ.............................................
( นายวีระ แก้วกัลยา )
ผ้อู านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 47 จงั หวัดเพชรบรุ ี
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๑ เรอ่ื ง ซอฟต์แวรท์ ี่ใช้ในการพฒั นาแอปพลเิ คชัน (2) จานวน ๖ ชวั่ โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
รายวิชาวิทยาการคานวณ รหัสวิชา ว 23103 ครูผู้สอน นายเลอศกั ดิ์ สุภมาตรา
1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชวี้ ัด
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หา
ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจรยิ ธรรม
ตัวชี้วดั ม.3/1 พฒั นาแอปพลเิ คชนั ท่มี กี ารบูรณาการกับวิชาอน่ื อย่างสร้างสรรค์
2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายหนา้ ที่การทางานของคาส่ังในการเขียนโปรแกรมดว้ ย Python ได้ (K)
2. ออกแบบและเขียนโปรแกรมหรือแอปพลเิ คชนั ดว้ ยภาษา Pythonได้ (P)
3. พัฒนาแอปพลิเคชันท่ีคานงึ ถงึ ประโยชน์ตอ่ ชีวติ ประจาวนั (A)
3. สาระสาคญั
ภาษาไพทอนเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสาหรับผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรมไปจนถึงการประยุกต์ใช้
งานในระดับสูง เน่อื งจากโครงสร้างภาษาทล่ี ดความยุ่งยากเรือ่ งไวยากรณ์ในการเขียนโปรแกรมลง อ่านแล้วเข้าใจง่าย
ไมซ่ ับซ้อน
4. สาระการเรียนรู้
1. ซอฟตแ์ วร์ที่ใช้ในการพัฒนาแอปพลเิ คช่นั
5. รูปแบบการสอน/วิธีการสอน
1. รปู แบบการสอนแบบบรรยาย (Lecture)
2. วิธกี ารสอนโดยใช้แนวคดิ เชิงคานวณ (Computational Thinking)
6. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
ความสามารถในการส่ือสาร
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. ทกั ษะ 4Cs
ทักษะการคดิ วจิ ารณญาณ (Critical Thinking)
ทกั ษะการทางานรว่ มกนั (Collaboration Skill)
ทักษะการส่ือสาร (Communication Skill)
ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
8. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ซอื่ สตั ย์ สจุ รติ
รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ใฝเ่ รยี นรู้
มงุ่ ม่ันในการทางาน
มีวินยั
อยู่อย่างพอเพียง
รักความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ
9. การจัดกระบวนการเรยี นรู้
ช่วั โมงท่ี 1
ขนั้ นา (10 นาท)ี
1. ครูบอกกับนักเรียนว่าจากชั่วโมงท่ีผ่านมาเราทราบดีว่าโปรแกรมท่ีใช้ในการพัฒนาแอปแพลิเคชันมีให้เลือก
หลากหลาย แตโ่ ปรแกรมที่นยิ มกันและเรียนรไู้ ด้เร็วซึง่ Python เป็นตัวเลอื กท่นี ่าสนใจ
2. ครูสนทนากับนักเรียนว่า “จากตัวอย่างท่ีนักเรียนลองเขียนโปรแกรมแปลงค่าเงินด้วยโปรแกรมภาษา Python
นักเรยี นคิดว่า ฟังก์ชันหรือคาสงั่ ท่ีนกั เรียนใช้ในการเขยี นโปรแกรมขา้ งต้น เพียงพอสาหรบั การพัฒนาแอปพลิเคชัน
ตามแนวคดิ ของนกั เรยี นหรอื ไม่”
3. ครสู นทนากบั นกั เรียนวา่ “หากเราต้องการพฒั นาแอปแพลิเคชันดว้ ย Python จะตอ้ งเรียนรอู้ ะไรบา้ ง
(แนวคาตอบ โปรแกรมทใ่ี ช้เขียน เช่น Mu, คาสง่ั ใหโ้ ปรแกรมแสดงผล, เรยี นร้คู าส่งั if-else, คาสัง่ loop)
ข้นั สอน (40 นาที)
1. ครใู หน้ กั เรยี นเปิดโปรแกรม Mu จากน้นั ครอู ธิบายหน้าทกี่ ารทางานเครอ่ื งมอื ของโปรแกรม (เน้ือหาเดมิ ในหนังสอื วชิ า
วิทยาการคานวณ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที2่ บรษิ ัท อกั ษรเจริญทัศน์ อจท.)
(สามารถดาวนโ์ หลดโปรแกรมไดจ้ ากเว็บไซต์ https://codewith.mu/en/download )
2. ครูทบทวนการเขยี นโปรแกรมคาสั่ง print เพือ่ สง่ั ให้โปรแกรมแสดงผลตวั เลข และข้อความ
เช่น Code ผลลัพธ์ได้
3. ครูทบทวนการเขยี นโปรแกรมโดยใช้ variable ด้วยตัวเลข และขอ้ ความเพอื่ การแสดงผล เชน่
Code
ผลลัพธท์ ่ไี ด้
4. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ กรณีท่ีสรา้ งตัวแปรของตวั เลข เชน่ A = 5 กับ C = “5” แสดงผลออกมาเปน็ เลข 5 เหมอื นกัน
แต่ความหมายต่างกัน A เปน็ ตวั แปรของตัวเลข ส่วน C เป็นตวั แปรของตวั อักษรหรือข้อความ เพราะมสี ญั ลกั ษณ์ “”
5. จากนัน้ ครทู บทวนรูปแบบรหสั ขอ้ มลู (Format Code) เพม่ิ เตมิ จากท่ีเคยเรียนผ่านมาแลว้ ในระดับชน้ั ม.2
6. ครูใหน้ กั เรียนทาใบงาน เร่อื ง ตัวแปรและตัวดาเนินการ
ช่ัวโมงที่ 2
ข้นั สอน (50 นาที)
7. ครูถามคาถามเพ่ือทบทวนนักเรียนว่าจากการเรียนเรื่องการใช้งานตัวแปรเพื่อการดาเนินการทางคณิตศาสตร์ มี
ข้อมลู ตวั เลขแบบไหนบ้างท่ีสามารถนามาดาเนินการทางคณิตศาสตรไ์ ด้
(แนวคาตอบ จานวนเงิน อุณหภูมิ นา้ หนกั ส่วนสูง เป็นตัวเลขที่มคี ่าสามารถนามาดาเนินการทางคณติ ศาสตร์ได้ )
8. จากน้ันครูทบทวนการใชง้ านคาส่ังการรับข้อมลู จากแปน้ พมิ พ์ input เช่น
Code
ผลลัพธท์ ี่ได้
9. ครูให้นักเรียนทาแบบฝึกหัด เรื่อง การเขียนใช้คาส่ังแสดงผล อินพุต และเอาต์พุต และแบบฝึกหัด เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ) หนา้ 61 ขอ้ 6.1
10. ครูสอบถามนักเรียนวา่ ฟงั กช์ ัน input ทางานอย่างไร
(แนวคาตอบ เป็นการรบั ข้อมูลจากแปน้ พิมพ์ หรอื นาเข้าขอ้ มูลจากแป้นพิมพ์)
ชั่วโมงท่ี 3
ขน้ั สอน (50 นาที)
11. ครูถามนักเรียนว่าจากการเรียนเขียนโปรแกรมคาสั่งท่ีเรียนมา หากครูต้องการเขยี นโปรแกรมจัดลาดับความนิยม
ของร้านอาหารโดยใช้ขอ้ มลู จากระดบั ความพอใจในการใชบ้ ริการ 5 ระดับ นักเรียนคิดว่าสามารถทาไดห้ รือไม่
(แนวคาตอบ ไม่สามารถทาไดเ้ นอ่ื งจากเรียนคาส่ังการดาเนนิ การแล้ว แตย่ งั ไม่มคี าสงั่ ในการตรวจสอบคา่ )
12. ครสู อนนักเรียนใช้งานคาส่ัง if-else
13. จากน้นั ครูใหน้ ักเรียนทาใบงาน เร่ือง การทางานแบบมีเงื่อนไข และแบบฝึกหัด เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) หน้า
62 ข้อ 6.2
14. ครูถามนักเรยี นวา่ สามารถนาความรู้ท่เี รยี นไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไรบ้าง
(แนวคาตอบ การเขียนโปรแกรมตัดเกรด เขยี นโปรแกรมBMI เปน็ ต้น)
ขน้ั สอน (40 นาที) ช่วั โมงท่ี 4
15. ครูถามนักเรียนว่าจากการเรียนเขียนโปรแกรมท่ีผ่านมา หากครูต้องการให้นักเรียนเขียนโปรแกรมเพ่ือแสดงช่ือ
ตนเอง 100 บรรทดั นกั เรียนคิดว่าต้องเขยี นคาสัง่ เยอะหรือไม่
(แนวคาตอบ เยอะ เนอ่ื งจากตอ้ งเขยี นคาสง่ั บรรทัดต่อบรรทัดในการแสดงผล )
16. ครูบอกทีม่ าและอธิบายเรือ่ งการใชง้ านคาสั่งทาซ้าและคาสงั่ อน่ื ๆ ไดแ้ ก่ while , for
17. ครูสอนนักเรยี นใช้งานคาส่ัง while / for
18. ครใู ห้นักเรยี นทาใบงาน เร่อื ง การทาซา้ แบบฝึกหดั เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) หน้า 63 -65
ข้อ 6.3 - 6.5
19. ครูใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั บอกคาสง่ั ในการเขียนโปรแกรมที่ไดเ้ รียนท้งั หมด พรอ้ มบอกหน้าทขี่ องแตล่ ะคาส่งั
ขั้นสอน (50 นาท)ี ชัว่ โมงท่ี 5
20. จากแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 ครูให้นักเรียนแต่ละคู่นาเสนอแนวคิดและผังงาน (Flowchart) ของตนเองหน้าชั้น
เรยี น ให้เพอื่ นร่วมกนั แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ พรอ้ มทัง้ ครูคอยใหค้ าแนะนา จากนัน้ ใหน้ าไปปรับปรุงแกไ้ ข
21. ในคาบนี้ครูให้นักเรียนนาแนวคิดท่ีปรับปรุงแล้วมาพัฒนาต่อเพ่ือเขียนโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันด้วย
ภาษา Python หรอื นักเรียนจะออกแบบแนวคดิ การพฒั นาโปรแกรมหรอื แอปพลเิ คชันใหม่กไ็ ด้
22. ครูให้นักเรยี นลงมอื เขียนโปรแกรมหรอื แอปพลิเคชันด้วยภาษา Python
ช่วั โมงท่ี 6
ข้ันสอน (40 นาท)ี
23. ครูให้นกั เรียนลงมอื เขียนโปรแกรมหรอื แอปพลเิ คชนั ด้วยภาษา Python (ต่อ)
24. ครูให้นกั เรียนทดสอบโปรแกรมหรือแอปพลิเคชนั เพ่อื ตรวจสอบขอ้ ผิดพลาด
ขั้นสรุป (10 นาท)ี
1. ครใู ห้นกั เรียนแต่ละคู่นาเสนอโปรแกรมหรอื แอปพลเิ คชัน ให้เพอ่ื นร่วมกันแลกเปลี่ยนความคดิ เห็น พรอ้ มท้ังครคู อย
ให้คาแนะนาเพมิ่ เติม
10. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
1. หนังสอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ม.2
2. หนงั สือเรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่ือง
แอปพลิเคชนั
3. หนังสือแบบฝกึ หัดรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ม.3
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง แอปพลิเคชนั
4. โปรแกรม Mu
5. ใบความรู้ เรอ่ื ง การใช้คาสั่งแสดงผลอินพุต และเอาต์พตุ
6. ใบความรู้ เรื่อง ตวั แปรและตัวดาเนนิ การ
7. ใบความรู้ เรอื่ ง การทางานแบบมเี งอ่ื นไข
8. ใบความรู้ เรอ่ื ง การทาซา้
9. ใบงานที่ 4.3.1 เร่ือง ตวั แปรและตัวดาเนินการ
10. ใบงานท่ี 4.3.2 เรอื่ ง การใช้คาส่ังแสดงผลอินพุต และเอาตพ์ ตุ
11. ใบงานท่ี 4.3.3 เรอื่ ง การทางานแบบมเี งื่อนไข
12. ใบงานที่ 4.3.4 เรือง การทาซ้า
11. การวัดและการประเมินผล
11.1 การประเมินระหว่างการจัดกจิ กรรม
จุดประสงค์ วธิ กี ารประเมนิ เครอื่ งมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ
1.อธบิ ายหนา้ ทก่ี าร อธิบายการทางานของ แบบประเมินช้ินงาน อธิบายไดถ้ กู ต้องตาม
ทางานของคาสง่ั ในการ
เขียนโปรแกรมดว้ ย โปรแกรมหรือแอปพลิเค (ออกแบบและเขยี น หลกั การ 60% ขน้ึ ไปถอื
Python ได้ (K)
ชนั ทเ่ี ขยี นดว้ ยภาษา โปรแกรมหรือแอปพลิเค วา่ ผ่าน
Python ชันด้วยภาษา Python)
2.ออกแบบและเขียน 1.ตรวจโปรแกรมหรอื แบบประเมนิ ช้นิ งาน 1.ออกแบบและเขียน
โปรแกรมหรือแอปพลิเค แอปพลิเคชนั ท่ีเขยี นด้วย (ออกแบบและเขยี น โปรแกรมหรอื แอปพลิเค
ชันด้วยภาษา Python โปรแกรมภาษา Python โปรแกรมหรอื แอปพลเิ ค ชันดว้ ยภาษา Python
ได้ (P) ชนั ดว้ ยภาษา Python) ได้ ในระดับคณุ ภาพ
พอใช้ขนึ้ ไปถอื ว่าผ่าน
3.พัฒนาแอปพลเิ คชนั ท่ี บอกประโยชน์ของแอป แบบประเมนิ บอกประโยชน์ของแอป
คานึงถงึ ประโยชนต์ ่อ พลเิ คชนั ที่พฒั นาข้ึน การนาเสนอ พลิเคชนั ท่ีพฒั นาข้ึน
ชีวิตประจาวนั (A) คานึงถึงประโยชนต์ อ่
ชีวติ ประจาวนั ได้ใน
ระดบั คณุ ภาพพอใชข้ ้ึน
ไปถือว่าผ่าน
11.2 การประเมินชิน้ งาน (ออกแบบและเขียนโปรแกรมหรือแอปพลเิ คชนั ด้วยภาษา Python)
ประเด็นในการประเมนิ 3 เกณฑ์การให้คะแนน 1
2
1.ความสอดคลอ้ งกบั อธบิ ายหน้าท่ีการทางาน อธิบายหนา้ ทกี่ ารทางาน อธบิ ายหนา้ ทีก่ ารทางาน
เน้ือหา ของคาสั่งในการเขยี น ของคาสั่งในการเขียน ของคาส่งั ในการเขียน
โปรแกรมด้วย Python โปรแกรมดว้ ย Python โปรแกรมดว้ ย Python
ได้ถกู ต้องตามหลักการ ได้ถูกตอ้ งตามหลกั การ ไดเ้ พียงบางสว่ น สื่อสาร
สื่อสารเข้าใจงา่ ยชดั เจน ส่อื สารเข้าใจชัดเจนและ เขา้ ใจและตอบคาถามได้
และตอบคาถามได้ ตอบคาถามไดม้ ากกว่า นอ้ ยกว่า50%
ทง้ั หมด 50%
2.ขนั้ ตอนการเขยี น เขยี นโปรแกรมหรอื แอป เขยี นโปรแกรมหรอื แอป เขียนโปรแกรมหรือแอป
โปรแกรมหรอื แอปพลิเค พลิเคชนั ดว้ ยภาษา พลเิ คชนั ด้วยภาษา พลเิ คชันด้วยภาษา
ชันด้วยภาษา Python Python ได้ถกู ต้อง ใช้ Python ได้ถูก ใชค้ าสง่ั Python ได้ ใช้คาสงั่
คาส่ังเหมาะสมกับการ เหมาะสมกบั การทางาน เหมาะสมกบั การทางาน
ทางาน สามารถ สามารถตรวจสอบและ สามารถตรวจสอบและ
ตรวจสอบและแกไ้ ข แก้ไขข้อผดิ พลาดของ แกไ้ ขข้อผดิ พลาดของ
ข้อผดิ พลาดของ โปรแกรมได้มากกว่า โปรแกรมได้นอ้ ยกว่า
โปรแกรมได้ 50% 50%
3.มีความคดิ สรา้ งสรรค์ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ
ในการออกแบบแอป
พลเิ คชัน แนวคดิ การพฒั นาแอป แนวคิดการพัฒนาแอป แนวคิดการพฒั นาแอป
พลิเคชันได้นา่ สนใจ และ พลเิ คชันไดน้ า่ สนใจ และ พลเิ คชนั ไดน้ ่าสนใจ และ
สร้างสรรค์ มีความ สร้างสรรค์ มีความ สร้างสรรค์ มคี วาม
เหมาะสมกบั การใช้งาน เหมาะสมกับการใชง้ าน เหมาะสมกบั การใชง้ าน
มากกว่า50% นอ้ ยกว่า50%
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ
ช่วงคะแนน ดี
7–9 พอใช้
ปรบั ปรงุ
5–6
น้อยกว่า 5
11.3 การประเมนิ การนาเสนอ (ออกแบบและเขยี นโปรแกรมหรอื แอปพลิเคชนั ดว้ ยภาษา Python)
ท่ี รายการประเมนิ คุณภาพผลงาน
4 3 21
1 อธบิ ายหน้าทีก่ ารทางานของคาสง่ั ในการเขียนโปรแกรมดว้ ย Python ได้
ถูกตอ้ ง และตอบคาถามได้
2 บอกประโยชนข์ องแอปพลิเคชันทพี่ ฒั นาและคานึงถงึ ประโยชนต์ อ่
ชีวิตประจาวัน
3 มีวิธีการนาเสนอนา่ สนใจ ใช้ภาษาเหมาะสมเข้าใจง่าย
4 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ
5 การรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อน่ื
รวม
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ระดับคุณภาพ
ดี
ช่วงคะแนน
15 – 20 พอใช้
10 – 14 ปรบั ปรงุ
นอ้ ยกว่า 10
11.4 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
คาช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในช่อง
ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน
คุณลกั ษณะ ระดบั คะแนน
อันพงึ ประสงคด์ ้าน รายการประเมิน 32 1
1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติและรอ้ งเพลงชาตไิ ด้
กษตั รยิ ์ 1.2 เขา้ ร่วมกจิ กรรมท่ีสรา้ งความสามคั คปี รองดองและเปน็ ประโยชน์
ตอ่ โรงเรียน
1.3 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนับถือ ปฏิบตั ติ ามหลกั ศาสนา
1.4 เข้าร่วมกิจกรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรียนจัดขึ้น
2. ซ่อื สตั ย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมูลทถี่ กู ตอ้ งและเปน็ จริง
2.2 ปฏบิ ัตใิ นสิ่งท่ถี กู ตอ้ ง
3. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คับของครอบครวั
มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั
4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างให้เปน็ ประโยชนแ์ ละนาไปปฏิบตั ิได้
4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เช่อื ฟังคาสง่ั สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้
4.4 ตัง้ ใจเรยี น
5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพยส์ นิ และส่ิงของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั
5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรคู้ ุณคา่
5.3 ใช้จ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเก็บออมเงนิ
6. ม่งุ มัน่ ในการทางาน 6.1 มคี วามตัง้ ใจและพยายามในการทางานท่ไี ด้รบั มอบหมาย
6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพื่อใหง้ านสาเร็จ
7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจติ สานกึ ในการอนุรักษว์ ฒั นธรรมและภมู ิปญั ญาไทย
7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวัฒนธรรมไทย
8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รจู้ ักชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน
8.2 รูจ้ กั การดแู ลรกั ษาทรพั ยส์ มบตั ิและส่งิ แวดลอ้ มของห้องเรยี น
และโรงเรียน
เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอ่ื ..................................................ผูป้ ระเมิน
พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัตชิ ัดเจนและสม่าเสมอ ............/.................../................
พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบตั ชิ ัดเจนและบ่อยครง้ั
พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ตั บิ างครงั้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก
41-50 ดี
ใบความรู้ 30-40 พอใช้
ปรบั ปรุง
เรื่อง การใชค้ าส่งั แสดงผลอินพตุ และเอาตพ์ ุต ต่ากวา่ 30
คาสั่งแสดงผลด้วย print คอื การแสดงผลทางหน้าจอโดย
ใชค้ าสงั่ print() ทาหนา้ ท่ใี นการแสดงข้อมูลชนิดอกั ขระ ตวั เลข ตวั แปร หรอื นิพจน์
โค้ด ผลลัพธ์
คาสัง่ นาเข้าขอ้ มลู ทางแปน้ พิมพ์ดว้ ย input
Input คอื การรบั ขอ้ มลู จากภายนอกดว้ ยแปน้ พิมพ์โดยใช้คาสั่ง input() ซง่ึ จะรบั ข้อมูลเขา้ มาเก็บไว้ในตวั แปร
โคด้ ผลลพั ธ์
ใบความรู้
เรอื่ ง ตวั แปร และตวั ดาเนนิ การ
ตวั แปร คือ หน่วยความจาที่ใชจ้ ัดเกบ็ ขอ้ มูลเพอ่ื นาไปใชใ้ นโปรแกรม ตัวแปรจะถูกเรยี กใช้ในการเกบ็ ขอ้ มูลจาก
อินพุต เกบ็ ค่าคงท่ี นาข้อมูลไปคานวณและเกบ็ ผลลัพธ์การกาหนด หรอื ประกาศตวั แปร
ชนดิ ข้อมลู ตวั แปร
ชนิด การใชง้ าน
Int ข้อมลู ชนิดตวั เลขจานวนเต็ม
String ขอ้ มลู ท่เี ปน็ อักขระ หรือขอ้ ความ
Float ข้อมลู ท่เี ป็นจานวนจริง
ตัวดาเนินการ หรือ โอเปอเรเตอร์ คือ สัญลักษณ์ทบี่ อกใหด้ าเนินการอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ กับข้อมลู ในตัวแปร และ
ค่าคงที่ต่างๆ เชน่ การคานวณ โดยใช้เครื่องหมาย + - * / และการเปรยี บเทยี บทีใ่ ช้เคร่อื งหมาย > < >= <=
1) ตวั ดาเนนิ การทางคณติ ศาสตร์
ตวั ดาเนินการ ความหมาย ตวั อย่าง
+ การบวก x+y
- การลบ x-y
* การคูณ x*y
/ การหาร x/y
% การหาร เอาเฉพาะเศษ x%y
** การยกกาลัง x ** y
2) ตัวดาเนนิ การเปรียบเทียบ
ตัวดาเนนิ การ ความหมาย ตัวอยา่ ง
== เทา่ กบั x == y
!= ไมเ่ ทา่ กบั x != y
> มากกว่า x>y
< นอ้ ยกว่า x<y
>= มากกวา่ หรอื เท่ากบั x >= y
<= น้อยกวา่ หรือเทา่ กับ x <= y
ใบความรู้
เรอ่ื ง การทางานแบบมเี ง่อื นไข
การใช้งานคาสัง่ if
if คือ คาสง่ั กาหนดเง่อื นไขเพ่อื ควบคุมให้โปรแกรมทางานเฉพาะคาส่งั ที่ตอ้ งการเม่ือเง่อื นไขเป็นจริง ซึง่ เป็นการ
เลือกทางานทมี่ ีทางเลอื กเดยี ว
โคด้ ผลลัพธ์
การใชง้ านคาส่ัง if-else
If-else คอื การกาหนดเงือ่ นไขให้โปรแกรมเลอื กทา 2 กรณี โดยเลอื กทาคาสง่ั ในบลอ็ ก if เมื่อเง่อื นไขเปน็ จรงิ
หรือเลือกทาคาสัง่ ในบลอ็ ก else เมอื่ เง่ือนไขเปน็ เทจ็
โค้ด ผลลัพธ์
ใบความรู้
เรื่อง การทางานซ้า
การใช้งานคาสง่ั while
while คือ การวนลูปโดยการตรวจสอบเงอื่ นไขก่อนทางาน ซง่ึ ในขณะทจี่ รวจสอบพบวา่ เงื่อนไขเป็นจรงิ คาสั่งท่ี
อยูภ่ ายในบลอ้ กจะถูกรันใหท้ างานวนรอบไปเร่อื ยๆ และจะหยุดทางานเมื่อโปรแกรมตรวจสอบพบวา่ เงื่อนไขเป็นเท็จ
คาส่งั ผลลพั ธ์
i=0
while i <= 10:
print(i, end = ', ')
i=i+1
การใช้งานคาสงั่ for
for คอื การทางานแบบวนซา้ ทสี่ ามารถกาหนดจานวนคร้งั ทแ่ี น่นอน โดยมกี ารกาหนดจุดเร่มิ ต้น จุดสดุ ท้าย
และจานวนการทางานตามจานวนขอ้ มูลที่มี
คาสงั่ ผลลัพธ์
for num in (27,12,2537):
print(num)
bp ='Lisa','Jisoo','Jennie','Rose'
for bp in bp:
print(bp)
ใบงานท่ี 4.3.1
เรือ่ ง ตวั แปรและตัวดาเนินการ
1.ให้นักเรยี นทาความเข้าใจเรือ่ งตัวแปรเพือ่ ตอบคาถามต่อไปนี้
1.1 เขียนผลลัพธก์ ารทางานของโค้ดตอ่ ไปน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………
1.2 “กิ้ฟขายแอปเป้ลิ ไดเ้ งินมา 425 บาท อรขายส้มได้เงนิ มา 565 บาท ทศขายมะมว่ งงนิ มา 456”
ให้นกั เรยี นเขียนโปรแกรมเพือ่ แสดงรายได้จากการขายผลไม้ของแต่ละคน โดยใชค้ าสั่ง “ตัวแปร”
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.ใหน้ กั เรียนทาความเขา้ ใจเรื่องตวั แปรและการดาเนนิ การเพอื่ ตอบคาถามต่อไปน้ี
2.1 เขียนผลลัพธ์การทางานของโค้ดตอ่ ไปนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 เขียนผลลพั ธ์การทางานของโค้ดต่อไปน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
2.3 ให้นกั เรียนเขียนโปรแกรมเฉลี่ยคา่ อาหารรายคน โดยให้โปรแกรมรบั จานวนลกู ค้า และค่าอาหารทง้ั หมด
จากนัน้ แสดงค่าอาหารท่ีเฉลี่ยตอ่ คนทางหน้าจอ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.4 เขยี นโปรแกรมประยุกตใ์ ชต้ ัวดาเนินการเพ่อื แสดงผลลพั ธ์ ดังน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………
ใบงานที่ 4.3.1 เฉลย
เรือ่ ง ตวั แปรและตวั ดาเนนิ การ
1.ใหน้ กั เรียนทาความเขา้ ใจเรื่องตวั แปรเพ่อื ตอบคาถามต่อไปนี้
1.1 เขียนผลลพั ธก์ ารทางานของโคด้ ต่อไปนี้
…P…ri…ce……o…f M……an…g…o…=…4…5………………………………………………………………………………………………………………………………………
………PPPP………rrrriiii………cccceeee………………oooo………ffff MWAB………ap………eanplt………oaelen………nrma………==e=………6l8………o246n………4………=………8………6………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…/…/ต…ัว…เล…ข…ใน……W…a…te…rm……el…o…n…ม…ีค…่า=…8…6…เ…น…ือ่ …งจ…า…กใ…น…โค…ด้ …โจ…ท…ย…์ได…้ใ…สต่…ัว…แ…ป…ร…m…e…lo…n…ล…ง…ไป…แ…ท…น………………………………………
…………………………………………………………………………
1.2 “กิฟ้ ขายแอปเปิล้ ไดเ้ งนิ มา 425 บาท อรขายสม้ ได้เงินมา 565 บาท ทศขายมะมว่ งงนิ มา 456”
ให้นักเรียนเขยี นโปรแกรมเพ่ือแสดงรายได้จากการขายผลไม้ของแต่ละคน โดยใชค้ าสง่ั “ตวั แปร”
…………………oppgpt…………………oirrrrf…………………iiinstnnns…………………=ttt=(((='''…………………TOG45…………………4oir2f6nst5…………………55s=6=…………………=…………………%%%…………………dd…………………d''…………………%'%…………………%…………………goitfr…………………otn)…………………s)s…………………) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.ใหน้ กั เรยี นทาความเขา้ ใจเรือ่ งตวั แปรและการดาเนนิ การเพือ่ ตอบคาถามต่อไปนี้
2.1 เขียนผลลัพธก์ ารทางานของโคด้ ตอ่ ไปนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………9………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………6…0……………………………………………………………………………………………………………
2.2 เขียนผลลัพธ์การทางานของโค้ดตอ่ ไปนี้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………Y…o…u…r …ag…e…=……2…5…………………………………………………………………………………………………………………………………………
………Y…o…u…r …BM……I =……1…9…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
2.3 ให้นักเรียนเขยี นโปรแกรมเฉลย่ี คา่ อาหารรายคน โดยใหโ้ ปรแกรมรับจานวนลกู ค้า และค่าอาหารทัง้ หมด
จากน้นั แสดงคา่ อาหารทีเ่ ฉลย่ี ตอ่ คนทางหนา้ จอ
………p…r…in…t(…'W…e…lc…o…m…e…t…o…R…e…st…u…ar…a…nt…')………………………………………………………………………………………………………………
………b…i…ll…=…in…t…(in…p…u…t(…'E…n…te…r…b…ill…t…ot…a…l …: '…))…………………………………………………………………………………………………………
………r…e…gi…s …=…in…t…(in…p…u…t(…'E…nt…e…r …to…ta…l…c…u…st…om……er…:…')…) ……………………………………………………………………………………………
………a…v…e…rp…=……b…ill…/r…eg…is………………………………………………………………………………………………………………………………………
………p…r…in…t(…'\n…A…v…e…ra…ge……p…er…1……=…%…d…'…%……a…ve…rp…)…………………
………p…r…in…t(…'T…h…an…k…y…o…u…:)…')…………………………………………………………………………………………………………………
2.4 เขียนโปรแกรมประยุกต์ใชต้ ัวดาเนนิ การเพอื่ แสดงผลลพั ธ์ ดังน้ี
……………m…o…n…th…1……=…2…3…5…4…………………………………………………………………………………………………………………………………
……………m…o…n…th…2……=…4…5…8…4…………………………………………………………………………………………………………………………………
month3 = 2465
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………
ใบงานที่ 4.3.2
เรอ่ื ง การใชค้ าสั่งแสดงผลอินพุต และเอาตพ์ ุต
1.จงบอกหนา้ ทก่ี ารทางานของคาสง่ั ตอ่ ไปน้ี
1.1 print
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
1.2 input
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
2.ให้นักเรยี นทาความเขา้ ใจคาสง่ั การแสดงผล print เพอ่ื ตอบคาถามต่อไปน้ี
2.1 เขียนโค้ดคาสง่ั เพ่ือแสดงผลลพั ธ์ ดังน้ี
………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 ใหน้ ักเรยี นเขียนโปรแกรมเพอื่ แสดงประวตั ิส่วนตัวของนักเรียนท่ีสามารถเปิดเผยตอ่ สว่ นรวมได้ อยา่ งน้อย
7 อยา่ งจากนนั้ จดบนั ทึกคาส่ังจากโปรแกรมลงดา้ นลา่ ง(เฉพาะโคด้ )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.3 ใหน้ กั เรยี นเขยี นโปรแกรมรบั ชื่อ พรอ้ มนา้ หนกั จากแปน้ พมิ พจ์ านวน3คนจากนนั้ ใหโ้ ปรแกรมแสดงขอ้ มูล
ของแต่ละคนทางหน้าจอ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………
ใบงานที่ 4.3.2 เฉลย
เรื่อง การใชค้ าส่ังแสดงผลอนิ พตุ และเอาตพ์ ุต
1.จงบอกหนา้ ทกี่ ารทางานของคาสัง่ ตอ่ ไปนี้
1.1 print
……………ก…า…รแ…ส…ด…งผ…ล…ท…าง…ห…น…า้ จ…อ…โ…ดย…ใ…ชค้…า…ส…ั่ง…p…rin…t…()…ท…าห…น…้า…ท…ใี่ น…ก…า…รแ…ส…ด…งข…อ้ …ม…ูล…ชน…ดิ …อ…ัก…ขร…ะ………………………………………
ตวั เลข ตัวแปร หรือนิพจน์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
1.2 input
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………ก…า…รร…ับ…ข…้อม…ลู…จ…า…กภ…า…ย…น…อก…ด…ว้ …ยแ…ป…น้ …พ…ิม…พ…์โด…ย…ใช…้ค…า…สัง่…i…n…pu…t…()…ซ…งึ่ จ…ะ…ร…ับข…อ้ …ม…ูล…เข…้า…มา…เก…็บ…ไ…ว้………………………………
……………ใ…น…ตวั…แ…ป…ร………………………………………………………………………………………………
2.ใหน้ กั เรียนทาความเข้าใจคาสั่งการแสดงผล print เพ่อื ตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
2.1 เขียนโค้ดคาสัง่ เพ่ือแสดงผลลพั ธ์ ดงั นี้
……………………………………………………pppp…………rrrriiii…………nnnn…………tttt((((''''…………MIHI aw…………eymla…………llosa…………p'nb)…………ygot…………uhrna…………og…………nien'…………)b1…………a9…………s8e…………9o…………nb…………y………A…BR…………Co…………'s)…………so…………m…………'…………) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………
2.2 ใหน้ กั เรยี นเขยี นโปรแกรมเพื่อแสดงประวัตสิ ว่ นตวั ของนกั เรียนท่ีสามารถเปิดเผยตอ่ ส่วนรวมได้ อย่างน้อย
7 อย่างจากนั้นจดบันทกึ คาส่ังจากโปรแกรมลงด้านล่าง(เฉพาะโคด้ )
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………p…ri…nt…('M……y…n…am……e…is…P…a…tt…ha…r…a…R…a…ks…a…')………………………………………………………………………………………………………
…………p…ri…nt…('M……y…n…ic…k …n…am……e…is…G…if…t')……………………………………………………………………………………………………………………
…………p…ri…nt…('I…a…m……2…5…y…ea…r…s …o…ld…')………………………………………………………………………………………………………………………
…………p…ri…nt…('I…w…a…s…b…o…rn…i…n…K…h…on…k…a…en……')……………………………………………………………………………………………………………
…………p…ri…nt…('I…l…o…ve…B…l…ac…k…p…in…k …')………………………….………………………………………………………………………………………………
…………p…ri…nt…('I…l…ik…e…to……ea…t…d…e…ss…e…rt…') ……………………………………………………………………………………………………………………
…………p…ri…nt…('I…l…iv…e…in…B…a…n…gk…ok')
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.3 ให้นักเรยี นเขยี นโปรแกรมรับชอ่ื พร้อมนา้ หนกั จากแปน้ พิมพจ์ านวน3คนจากนนั้ ให้โปรแกรมแสดงข้อมูล
ของแตล่ ะคนทางหนา้ จอ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………n…am……e1……=…in…p…u…t(…'E…n…te…r…n…am……e:…'…) …………………………………………………………………………………………………………
……………w…e…ig…ht…1…=……in…t(…in…p…ut…('…En…t…e…r w…e…i…gh…t…:…'))…………………………………………………………………………………………………
……………n…am……e2……=…in…p…u…t(…'E…n…te…r…n…am……e:…'…) …………………………………………………………………………………………………………
……………w…e…ig…ht…2…=……in…t(…in…p…ut…('…En…t…e…r w…e…i…gh…t…:…'))…………………………………………………………………………………………………
……………n…am……e3……=…in…p…u…t(…'E…n…te…r…n…am……e:…'…) ………….………………………………………………………………………………………………
……………w…e…ig…ht…3…=……in…t(…in…p…ut…('…En…t…e…r w…e…i…gh…t…:…'))…………………………………………………………………………………………………
……………p…rin…t…('1….…%…s…w……ei…gh…t…=…%…d…' …%…(…n…am……e1…,…w…e…igh…t…1…))…………………………………………………………………………………
……………p…rin…t…('2….…%…s…w……ei…gh…t…=…%…d…' …%…(…n…am……e1…,…w…e…igh…t…1…))…………………………………………………………………………………
………… print('3. %s weight= %d' % (name1,weight1))
ใบงานที่ 4.3.3
เรอ่ื ง การทางานแบบมเี งือ่ นไข
1.ให้นักเรียนทาความเขา้ ใจการทางานคาส่งั if-else แลว้ ตอบคาถามต่อไปน้ี
1.1 ใหน้ ักเรยี นเขยี นผลลพั ธ์การทางานของโคด้ ต่อไปน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
1.2 ให้นกั เรียนเขียนผลลพั ธ์การทางานของโค้ดต่อไปน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
2.เขยี นโปรแกรมรับค่าอณุ หภมู จิ ากแป้นพิมพ์จากนั้นให้แสดงระดบั อณุ หภูมิ โดยใชเกณฑ์ ดังนี้
เกณฑ์อณุ หภูม(ิ เซลเซยี ส)
29 ขึน้ ไป = ร้อน
24-28 = ปกติ
1-23 = เยน็
0 = เยอื กแข็ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……
ใบงานท่ี 4.3.3 เฉลย
เร่อื ง การทางานแบบมีเงือ่ นไข
1.ใหน้ ักเรยี นทาความเข้าใจการทางานคาสัง่ if-else แล้วตอบคาถามต่อไปน้ี
1.1 ให้นกั เรียนเขยี นผลลัพธ์การทางานของโค้ดต่อไปนี้
……………A …sa…m…e……B ………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
1.2 ให้นกั เรียนเขยี นผลลัพธ์การทางานของโคด้ ต่อไปนี้
…………C…o…r…re…ct……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
2.เขยี นโปรแกรมรับคา่ อุณหภมู ิจากแป้นพมิ พจ์ ากนนั้ ให้แสดงระดับอณุ หภูมิ โดยใชเกณฑ์ ดงั นี้
เกณฑอ์ ณุ หภูม(ิ เซลเซียส)
29 ขึน้ ไป = รอ้ น
24-28 = ปกติ
1-23 = เย็น
0 = เยอื กแข็ง
…………t…e…m…p…=…f…lo…a…t(…in…p…ut…('…En…t…er…t…e…m…p…er…a…tu…re……: '…))…………………………………………………………………………………………
…………i…f t…e…m…p…>…=2…9…:…………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………p…ri…n…t('…ร้อ…น…')……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………e…li…f …te…m…p…>…=…2…4…a…n…d…te…m…p…<…=…2…8…: …………………………………………………………………………………………………………
……………p…ri…n…t('…ป…กต…ิ'…) …………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………e…li…f …te…m…p…>…=…1…a…n…d…te…m…p…<…=…2…3…: ……………………………………………………………………………………………………………
……………p…ri…n…t('…เย…็น…')……………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………e…li…f …te…m…p…=…=…0…:………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………p…ri…n…t('…เย…ือ…ก…แข…ง็ …')……………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……
ใบงานท่ี 4.3.4
เรอ่ื ง การทาซ้า
1.ใหน้ กั เรียนทาความเขา้ ใจการทางานของ while และ for และตอบคาถามต่อไปน้ี
1.1 บอกผลลัพธข์ องการทางานจากคาสัง่ while ต่อไปน้ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………
1.2 ให้ประยกุ ตใ์ ช้คาสั่ง for เกบ็ ช่ือดารา นกั รอ้ งทชี่ อบ5คนจากนัน้ ให้โปรแกรมแสดงรายช่อื ท้งั หมด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………
2.ใหบ้ อกประโยชนข์ องโปรแกรม หรอื แอปพลิเคชน่ั ในชีวิตประจาวัน
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................
ใบงานท่ี 4.3.4 เฉลย
เรอื่ ง การทาซ้า
1.ใหน้ ักเรยี นทาความเขา้ ใจการทางานของ while และ for และตอบคาถามต่อไปน้ี
1.1 บอกผลลพั ธข์ องการทางานจากคาสั่ง while ตอ่ ไปนี้