ก
แชมพูสมุนไพร
จัดทำโดย
นางสาวอัญรัชต์ มานะศรี รหัสนักศึกษา 63302010081
นางสาวเทพ สมบะ รหัสนักศึกษา 63302010082
เสนอ
อาจารย์นิพร จุทัยรัตน์
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา วิชา โครงการ
สาขาวิชา การบัญชี ประเภทวิชา บริหารธุรกิจ
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี
ข
แชมพูสมุนไพร
จัดทำโดย
นางสาวอัญรัชต์ มานะศรี รหัสนักศึกษา 63302010081
นางสาวเทพ สมบะ รหัสนักศึกษา 63302010082
เสนอ
อาจารย์นิพร จุทัยรัตน์
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา วิชา โครงการ
สาขาวิชา การบัญชี ประเภทวิชา บริหารธุรกิจ
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี
ค
ใบรับรองโครงการ
วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี
เรื่อง แชมพูสมุนไพร
จัดทำโดย นางสาวอัญรัชต์ มานะศรี
นางสาวเทพ สมบะ
ได้รับการรับรองให้นับเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
(ปวส.) สาขาวิชาการบัญชี ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ
………………………………หัวหน้าแผนกวิชา …………………………รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ
(นางนิพร จุทัยรัตน์) (นายยรรยง ประกอบเกื้อ)
ี่
ี่
วันท………เดือน…………….พ.ศ…………. วันท………เดือน…………….พ.ศ…………..
คณะกรรมการสอบโครงการ
………………………………………………ประธานกรรมการ (อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ)
(…………………………………………….)
………………………………………………กรรมการ
(…………………………………………….)
………………………………………………กรรมการ
(…………………………………………….)
………………………………………………กรรมการ
(…………………………………………….)
ง
ชื่อผลงาน แชมพูสมุนไพร
ชื่อนักศึกษา อัญรัชต์ มานะศรี
เทพ สมบะ
สาขาวิชา การบัญชี
ประเภทวิชา บริหารธุรกิจ
ปีการศึกษา 2564
สถานศึกษา วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี
บทคัดย่อ
ในการศึกษาเรื่องแชมพูสมุนไพร มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรให้
สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมได 2. เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกะลามะพร้าวและ
้
ี่
้
ิ
อนุรักษ์ธรรมชาต 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเปาหมายทมีตอผลตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรและ
ิ
่
บรรจุภัณฑ์ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
ชั้นปีที่ 2 สาขาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี จำนวน 84 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาเป็น
แบบสอบถามความพึงพอใจ โดยแบ่งเป็น 4 ด้าน ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านราคา
ด้านคุณภาพ และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean)
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation S.D.)
ผลการศึกษาพบว่า
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่ากลุ่มนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง
ี
จำนวน 79 คน คิดเป็นร้อยละ 94.05 ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 20 - 21 ป จำนวน 41 คน คิดเป็นร้อย
ี
ละ 48.81 รองลงมาอายุ 18 - 19 ปี จำนวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 46.43 และอายุ 22 ป ขึ้นไป
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4.76
ตอนที่ 2 ศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเปาหมายที่มีต่อผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรและบรรจ ุ
้
ิ
ภัณฑ์โดยแบ่งเป็น 4 ดานได้แก่ ด้านผลตภัณฑ์ ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านราคา และด้านคณภาพ
ุ
้
ด้านผลิตภัณฑ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว สามารถ
์
ช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได้ มีความพึงพอใจในระดับมากที่สด รองลงมามีกลิ่นหอมจากสมุนไพร
ุ
ธรรมชาติ มีความพึงพอใจในระดับมาก ลดการหลดร่วงของเส้นผม มีความพึงพอใจในระดับมาก และ
ุ
ผมนุ่มลื่น ไม่มีรังแค
ด้านบรรจุภัณฑ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว ขนาด
์
ของบรรจุภัณฑ์เหมาะสมกับการใช้งาน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สด รองลงมาตราผลิตภัณฑ์
ุ
ั
สามารถจดจำได้ง่าย มีความพึงพอใจในระดับมาก สามารถดึงดูดให้ผู้บริโภคตดสินใจซื้อสินค้าได้ มี
ความพึงพอใจในระดับมาก และรูปทรงบรรจุภัณฑ์มีความแปลกใหม่ น่าสนใจ
ด้านราคา โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว แสดงราคา
จ
ี่
ขายชัดเจน มีความพึงพอใจในระดับมากทสุด รองลงมาปริมาณของผลิตภัณฑ์เหมาะกับราคา มีความ
ี่
พึงพอใจในระดับมาก และราคาทเหมาะสมกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์
ด้านคุณภาพ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว มีการ
อธิบายวิธีการใช้ไว้อย่างชัดเจน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด รองลงมาผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได ้
ั
นาน มีความพึงพอใจในระดบมาก มีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อผบริโภค มีความพึงพอใจใน
ู้
ระดับมาก และใชผลิตภัณฑ์แล้วไม่เกิดอาการแพ้
้
คำสำคัญ : แชมพูสมุนไพร, บรรจุภัณฑ์, ความพึงพอใจ
ฉ
กิตติกรรมประกาศ
การศึกษาเรื่อง แชมพูสมุนไพร ในครั้งนี้ สามารถสำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์ด้วยความเมตตา
จากอาจารย์นิพร จุทัยรัตน์ ที่ปรึกษาโครงการ ที่ให้คำปรึกษาแนะนำแนวทางที่ถูกต้อง และเอาใจใส ่
ด้วยดีตลอดระยะเวลาในการทำโครงการ ผู้ศึกษารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง จึงขอกราบขอบพระคุณเป็น
อย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
ี่
ขอขอบพระคุณบิดา มารดา และเพื่อนๆ ทุกคนทได้ให้คำแนะนำช่วยเหลือสนับสนุนผู้ศึกษา
ุ
้
โครงการมาตลอด โครงการจะสำเร็จลล่วงไปไม่ได หากไม่มีบุคคลดังกล่าวในการจัดทำโครงการ
คุณคาและประโยชน์ของงานศึกษานี้ ผู้ศึกษาขอมอบเป็นกตัญญูกตเวทิตาแด่บุพการี
่
ี้
บูรพาจารย์ และผู้มีพระคุณทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่ได้อบรม สั่งสอน ชแนะแนวทางในการศึกษาจน
ทำให้ผู้ศึกษาประสบความสำเร็จมาจนตราบทุกวันนี้
อัญรัชต์ มานะศรี
เทพ สมบะ
ช
สารบัญ
หน้า
ใบรับรองโครงการ …………………………………………………………………………………………………………………ง
บทคัดย่อ ……………………………………………………………………………………………………………………………..จ
กิตติกรรมประกาศ ………………………………………………………………………………………………………………..ฉ
สารบัญ ………………………………………………………………………………………………………………………………..ช
สารบัญตาราง ………………………………………………………………………………………………………………………ฌ
สารบัญภาพ ………………………………………………………………………………………………………………………...ญ
บทที่ 1 บทนำ ……………………………………………………………………………………………………………………..1
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ………………………………………………………………………1
วัตถุประสงค์ของโครงการ ………………………………………………………………………………………….1
ขอบเขตการวิจัย ……………………………………………………………………………………………………….2
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ …………………………………………………………………………………………2
นิยามศัพท์ ……………………………………………………………………………………………………………….2
บทที่ 2 เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ………………………………………………………………………3
จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา ……………………………………….3
แนวคิดการวิเคราะห์การตลาดแบบการจัดองค์กรอุตสาหกรรม ………………………………………4
ิ
แนวคิดเกี่ยวกับการขอรับรองมาตรฐานผลตภัณฑ์ชุมชน ……………………………………………….4
ทฤษฎีกลยุทธ์การตลาด(4Ps) และ(8Ps),กลยุทธ์ตลาดออนไลน์ ……………………………………..6
ู้
การบริโภคและทฤษฎีพฤติกรรมผบริโภค (Buyer Behavior’ Model) …………………………12
แนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ……………………………………………………………………………….17
ทฤษฎีกลไกราคา ……………………………………………………………………………………………………19
แนวความคิดของหลักการบัญชีต้นทุน ……………………………………………………………………….21
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง …………………………………………………………………………………………………22
บทที่ 3 วิธีการดำเนินการศึกษา …………………………………………………………………………………………..24
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ………………………………………………………………………………………24
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ……………………………………………………………………………………….24
ซ
สารบัญ (ต่อ)
หน้า
ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือ ……………………………………………………………………………………24
การเก็บรวบรวมข้อมูล …………………………………………………………………………………………….25
้
การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติทใชในการศึกษา …………………………………………………………….25
ี่
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล …………………………………………………………………………………………….27
ี่
้
สัญลักษณ์ทใช้ในการวิเคราะห์ขอมูล …………………………………………………………………………27
การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ……………………………………………………………………………27
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล …………………………………………………………………………………………….28
บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………..35
สรุปผลการศึกษา ……………………………………………………………………………………………………35
อภิปรายผลการศึกษา ……………………………………………………………………………………………..36
ข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………37
บรรณานุกรม ………………………………………………………………………………………………………………………38
ภาคผนวก …………………………………………………………………………………………………………………………..39
ภาคผนวก ก แบบขออนุมัติโครงการ และแบบเสนอโครงการ ………………………………………………..40
ข แบบสอบถาม ………………………………………………………………………………………………..45
ค งบประมาณค่าใช้จ่าย …………………………………………………………………………………….48
ง เอกสารประกอบ (ภาพถ่าย) ……………………………………………………………………………50
ประวัติผู้ทำการศึกษา ……………………………………………………………………………………………………......61
ฌ
สารบัญตาราง
หน้า
1 แสดงความถี่และร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามเพศ …………………………………………….28
2 แสดงความถี่และร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามช่วงอาย ……………………………………….29
ุ
3 แสดงความถี่และร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามกลุ่มเรียน ……………………………………..30
่
ิ
4 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลตภัณฑ์และ
บรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านผลิตภัณฑ์ ………………………………………..31
5 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลตภัณฑ์และ
ิ
่
บรรจุภัณฑ์ ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านบรรจุภัณฑ์ ……………………………………..32
ิ
6 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลตภัณฑ์และ
่
บรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านราคา ……………………………………………….33
7 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลตภัณฑ์และ
ิ
่
บรรจุภัณฑ์ ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านคุณภาพ ………………………………………….34
ญ
สารบัญภาพ
หน้า
ภาพที่ 1 แสดงความถและร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามเพศ………………………………………………28
ี่
ุ
ภาพที่ 2 แสดงความถและร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามช่วงอาย…………………………………………29
ี่
ภาพที่ 3 แสดงความถและร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามกลุ่มเรียน ………………………………………30
ี่
ภาพที่ 4 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และ…………………31
บรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านผลิตภัณฑ์
ภาพที่ 5 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และ…………………32
บรรจุภัณฑ์ ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านบรรจุภัณฑ์
ภาพที่ 6 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และ………………...33
บรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านราคา
ภาพที่ 7 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และ………….........34
บรรจุภัณฑ์ ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านคุณภาพ
ภาพที่ 8 ล้างวัตถุดิบให้สะอาด……………………………………………………………………………………………..51
ภาพที่ 9 หันขิง บอระเพ็ด เป็นแว่นบาง ๆ หันมะกรูดโดยนำแกนและเมล็ดออก………………………..52
ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ออก แล้วลางน้ำให้สะอาดจากนั้นนำไปหั่นเป็นเล็ก ๆ
้
ุ
ภาพที่ 10 นำวัตถดิบที่หั่นเรียบร้อยแล้วทั้งหมดใส่ในหม้อตามด้วยน้ำเปล่าให้ท่วมวัตถุดิบ…………..52
แล้วนำไปต้ม ตั้งไฟอ่อนถึงไฟกลาง
ภาพที่ 11 สังเกตว่าดอกอัญชันและมะกรูดเปื่อยยุ่ยแล้ว นำขึ้นจากเตา พักไว้ให้เย็น……………………53
ภาพที่ 12 นำไปกรองเอาเฉพาะส่วนน้ำ จากนั้นเก็บใส่บรรจุภัณฑ์ ปิดฝาให้แน่น………………………..53
็
ี่
ภาพท 13 นำมะพร้าวมา แล้วใช้มีดเฉาะเป็นรูเลก ๆจากนั้นใช้ช้อนคว้านเนื้อมะพร้าวออก………….54
แล้วให้ใชเลื่อยตัดตกแต่งให้สวยงาม
้
ภาพท 14 ใช้กระดาษทรายขดกะลามะพร้าว เพื่อให้กะลามะพร้าวมีผิวที่เรียบเนียน…………………..55
ี่
ั
และสวยงาม
ภาพท 15 จากนั้นนำกะลามะพร้าวไปตากแดดให้แห้ง…………………………………………………………….56
ี่
ภาพท 16 นำขวดพลาสติกมาจากนั้นตัดเอาปากขวดพลาสติก เพื่อนำมาใส่หัวปั๊มแชมพู…………….56
ี่
ั
ภาพท 17 นำทอ PVC มาตดเป็นฐานบรรจุภัณฑ์พ่นสีให้สวยงาม จากนั้นนำซิลิโคนมาทา……….....57
ี่
เพื่อเชื่อมรอยต่อ
ี่
ภาพท 18 เมื่อซิลิโคลนแห้งแล้วนำแลคเกอร์มาทาบนกะลาเพื่อให้เกิดความสวยงาม………………….57
จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง
ภาพท 19 ทำการออกแบบและตัดสติ๊กเกอร์แล้วนำมาติดที่บรรจุภัณฑ์ให้สวยงาม……………………..58
ี่
ภาพที่ 20 จัดทำแบบสอบถามแบบ Google Form เพื่อส่งให้กับกลุ่มเป้าหมาย………………………..59
ฎ
สารบัญภาพ (ต่อ)
หน้า
่
ภาพที่ 21 ส่งแบบสอบถามให้กับกลุ่มเป้าหมายผานช่องทางออนไลน์……………………………………..59
ภาพที่ 22 กลุ่มเป้าหมายทำการกรอกข้อมูลและระดับความคิดเห็น………………………………………..60
ภาพที่ 23 ผู้ศึกษาเก็บรวมข้อมูลแบบสอบถาม……………………………………………………………………..60
บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ส่วนประกอบหลักของแชมพูและสารทำความสะอาดต่าง ๆ ในปัจจุบันมาจากสารซักฟอก
่
(detergent) ซึ่งเป็นสารเคมีสังเคราะห์ซึ่งไดจากกระบวนการผลิตน้ำมันปิโตรเลียม ตัวอย่างเชน สาร
้
SLS (Sodium Lauryl Sulfate ) สารนี้มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก สามารถซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกาย
้
และกระแสเลือดได้ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้หากเข้าสู่ร่างกายของเรา และไม่สามารถขับถ่ายออกไดหมดจะ
้
่
เกิดการตกค้างสะสมอยู่ในอวัยวะตาง ๆ เช่น ตับ ไต และกระแสเลือด และอาจก่อใหเกิดโรคร้ายตาง
่
ี่
ี
ๆ อย่างเช่น โรคมะเร็ง ซึ่งสารซักฟอกเหล่านี้จะไปลางไขมันธรรมชาติทช่วยเคลือบผมและหนังศรษะ
้
จนหมด เมื่อไขมันที่เคลือบเส้นผมและหนังศีรษะถูกล้างไปจนหมด ต่อมน้ำมันธรรมชาติจะสร้างน้ำมัน
มาโชลมเส้นผมมากขึ้น ยิ่งสระผมบ่อย ต่อมน้ำมันก็จะผลิตน้ำมันออกมามากจนผมมันเยิ้มไปหมด เรา
ุ
ก็ยิ่งสระผมบ่อยขึ้น จนนานเข้าหนังศรษะและต่มรากผมก็เสียสมดุล รากผมไม่แข็งแรง และหลุดร่วง
ี
ได้ง่าย หนังศีรษะแห้งเป็นเกล็ด เกิดเป็นรังแค ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงสารเคมีเหลานี้ และหันกลบไป
ั
่
ใช้แชมพูธรรมชาติ โดยวิธีที่ดีที่สุดคือการทำแชมพูใช้เองโดยใช้สมุนไพรธรรมชาติ ซึ่งสมุนไพรที่คน
โบราณนำมาใช้ในการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะนั้น เป็นสมุนไพรใกล้ตัวปลูกไว้ริมรั้วบ้าน หาได้ง่าย
นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ซึ่งการนำสมุนไพรมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แชมพูและดำเนินกิจกรรมทางตลาด เพื่อให้เกิด
ตลาดแชมพูสมุนไพรจึงนับได้ว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ เนื่องจากการผลิตแชมพูสมุนไพรนั้นใชทนในการ
้
ุ
ประกอบการไม่สูงมาก ใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในภาคการเกษตร กระบวนการผลิตมีขั้นตอนไม่ซับซ้อน
รวมทั้งยังไม่ตองใช้เทคโนโลยีที่มีราคาแพงมาก ที่สำคัญคือวัตถุดิบที่ใช้ในการทำผลิตภัณฑ์แชมพู
้
สมุนไพรส่วนใหญ่ยังคงเป็นสมุนไพรที่มีอยู่ตามธรรมชาติและสมมารถหาได้ง่าย เช่น อัญชัน ขิง
มะกรูด ว่านหางจระเข้ บอระเพ็ด เป็นต้น
ดังนั้นคณะผจัดทำจึงมีแนวคิดที่จะนำสมุนไพรไทยเช่น อัญชัน ขิง มะกรูด ว่านหางจระเข้
ู้
้
บอระเพ็ด มาแปรรูปเป็นผลตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเสนผมและ
ิ
ที่สำคัญไม่เป็นอันตรายตอสุขภาพ เป็นการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรไทย การเพิ่มมูลค่า
่
ของสมุนไพรไทย การนำกะลามะพร้าวมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์แชมพูสมุนไพรเพื่อเป็นการอนุรักษ์
ธรรมชาต สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ในอนาคต
ิ
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1. เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรให้สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมได
้
2. เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกะลามะพร้าวและอนุรักษ์ธรรมชาต ิ
2
3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรและ
บรรจุภัณฑ์
ขอบเขตของการศึกษา
1. ด้านเนื้อหาที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ การศึกษาเกี่ยวกับการทำแชมพูที่ทำจาก
ี่
ิ
สมุนไพร และประโยชน์ของสมุนไพรแตละชนิดทสามารถนำมาใช้ในการทำผลตภัณฑ์แชมพูสมุนไพร
่
ได้ เช่น อัญชัน ช่วยให้เส้นผมดกดำลดอาการอักเสบของหนังศีรษะเสริมสร้างรากผมที่ขึ้นใหม่ให้
สมบูรณ์แข็งแรง
้
ี
2. ด้านกลุ่มเป้าหมายที่ใชในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชพ
ชั้นสูง ชั้นปีที่ 2 สาขาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี จำนวน 84 คน
3. ด้านระยะเวลาและสถานที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่
3.1 ด้านระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึง วันที่ 30 กันยายน 2564
3.2 ด้านสถานที่ คือ วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษา
1. ได้ผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรที่สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมได
้
้
2. ไดบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกะลามะพร้าวและอนุรักษ์ธรรมชาต
ิ
3. ได้ทราบถึงความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
นิยามศัพท์
1. แชมพูสมุนไพร (herbal shampoo) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นของเหลว
ั
ประกอบด้วยสารลดแรงตึงผิว ใช้กับเส้นผมเพื่อขจดสิ่งสกปรกออกจากเส้นผมและหนังศีรษะ ผสมสาร
สกัดจากสมุนไพรหรือชิ้นส่วนสมุนไพร เช่น อัญชัน ขิง มะกรูด ว่านหางจระเข้ บอระเพ็ด
2. สมุนไพร (herb) หมายถึง พืชที่นำมาใช้ในการทำแชมพูสมุนไพร
3. กลุ่มเป้าหมาย (Target Group) หมายถึง นักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพช้นสูง
ั
ชั้นปีที่ 2 สาขาการบัญชี วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี จำนวน 84 คน
3
บทที่ 2
เอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
ในบทนี้จะนำเสนอเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มีดังต่อไปนี้
1. จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา
2. แนวคิดการวิเคราะห์การตลาดแบบการจัดองค์กรอุตสาหกรรม
3. แนวคิดเกี่ยวกับการขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
4. ทฤษฎีกลยุทธ์การตลาด(4Ps) และ(8Ps),กลยุทธ์ตลาดออนไลน์
5. การบริโภคและทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค (Buyer Behavior’ Model)
6. แนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์
7. ทฤษฎีกลไกราคา
8. แนวความคิดของหลักการบัญชีต้นทุน
9. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1. จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชา และคำอธิบายรายวิชา
1.1 จุดประสงค์รายวิชา
ั
1.1.1 เข้าใจหลักการและกระบวนการวางแผนจดทำโครงการสร้างหรือพัฒนางาน
1.1.2 ประมวลความรู้และทักษะในการสร้างและพัฒนางานในสาขาวิชาชีพตาม
กระบวนการวางแผน ดำเนินงาน แก้ไขปัญหา ประเมินผล ทำรายงานและนำเสนอผลงาน
1.1.3 มีเจตคติและกิจนิสัยในการทำงานด้วยความรับผิดชอบมีวินัย คณธรรม
ุ
จริยธรรม ความริคิดเริ่มสร้างสรรค์ ขยัน อดทน และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น
1.2 สมรรถนะรายวิชา
ั
1.2.1 แสดงความรู้เกี่ยวกับการจดทำโครงการและนำเสนอโครงการ
1.2.2 ดำเนินการจัดทำโครงการ
1.2.3 รายงานผลการปฏิบัติงาน
1.3 คำอธิบายรายวิชา
ั
ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับหลักการจดทำโครงการ การวางแผน การดำเนินงาน การ
ั
แก้ไขปัญหา การประเมินผล การจัดทำรายงาน โดยปฏิบัติจดทำโครงสร้างและพัฒนางานที่ใช้ความรู้
และทักษะในระดับฝีมือสอดคล้องกับสาขาวิชาชีพที่ศึกษา ดำเนินการเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มตาม
ลักษณะของงานให้แล้วเสร็จในระยะเวลาที่กำหนด
4
ิ
2. แนวคดการวิเคราะห์การตลาดแบบการจัดองค์กรอุตสาหกรรม
การวิเคราะห์การตลาด เป็นการวิเคราะห์สภาวการณ์โอกาส และกลยุทธ์ทางการตลาด โดย
พิจารณาถึงตลาดตามเป้าหมาย ขนาดของตลาด และส่วนประสมทางการตลาดตลอดจน
สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ การศึกษาสภาวะแวดล้อมทางอุตสาหกรรม (Industry
Environment Analysis) เป็นการศึกษาปัจจัยหรือตัวแปรต่าง ๆที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการ
ดำเนินการของธุรกิจ ได้แก่ การแข่งขันระหว่างคู่แข่งภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน อำนาจต่อรองจาก
ผู้ขายสินค้า อำนาจต่อรองของลูกค้าภัยคุกคามจากสินค้าทดแทน และภัยคุกคามจากผู้แข่งขันหน้า
ใหม่ในอุตสาหกรรมที่ธุรกิจดำเนินอยู่ ซึ่งการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในประกอบด้วย
2.1 จุดแข็ง (Strengths) หมายถึง จุดเด่นหรือจุดแข็ง (ข้อได้เปรียบ) เป็นผลมาจากปัจจัย
ี่
ุ
ภายใน เป็นข้อดีทเกิดจากสภาพแวดล้อมภายในบริษัท เช่น จดแข็งด้านการเงิน และข้อได้เปรียบด้าน
การผลิต และด้านทรัพยากรบุคคล โดยบริษัทจะต้องใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในการกำหนดกลยุทธ์
การตลาด
2.2 จุดอ่อน (Weaknesses) หมายถึง จุดด้อยหรือจุดอ่อน ข้อเสียเปรียบเป็นผลมาจาก
ปัจจัยภายใน เป็นปัญหาหรือข้อบกพร่องที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การ
้
ิ
ขาดเงินทุน นโยบายและทศทาง การบริการที่ไม่แน่นอน หรือบุคลากรที่ไม่มีคุณภาพ ซึ่งบริษัทจะตอง
หาวิธีในการปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือขจัดให้หมดไปอันจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท
2.3 โอกาส (Opportunities) หมายถึง เกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นผลจากการท ี่
สภาพแวดล้อมภายนอกของบริษัทเอื้อประโยชน์ หรือส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัท โอกาส
แตกต่างจากจดแข็งตรงที่โอกาสเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมภายนอก แตจุดแข็งเป็นผลมาจาก
ุ
่
สภาพแวดล้อมภายใน ผู้ประกอบการที่ดจะต้องแสวงหาโอกาสอยู่เสมอ โดยการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
ี
ภายนอกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตลอดเวลา เช่น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยีและการ
แข่งขันในตลาด และใชประโยชน์จากโอกาสนั้น
้
ี่
2.4 อุปสรรค (Threats) หมายถึง เกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นข้อจำกัดทเกิดจาก
ี่
ี่
สภาพแวดล้อมภายนอกทส่งผลเสียต่อธุรกิจ เช่น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยทสูงขึ้น สภาพ
เศรษฐกิจที่ชะลอตัว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้อง และพยายาม
ี่
ขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ทเกิดขึ้นให้ได ้
ิ
3. แนวคดเกี่ยวกับการขอรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน
3.1 การรับรองคุณภาพผลตภัณฑ์ชุมชน หมายถึง การให้การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์
ิ
ชุมชนของผู้ผลิตในชุมชน ที่เกิดการรวมกลุ่มกันประกอบกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งทั้งที่จดทะเบียน
อย่างเป็นทางการ หรือที่ไม่มีการจดทะเบียนเป็นการรวมกลุ่มเองโดยธรรมชาติ หรือชุมชนในโครงการ
5
ี่
หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ทผ่านการคัดเลือกจากจังหวัด และ/หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตาม
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้ประกาศกำหนด ไว้แล้ว
3.2 มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน หมายถึง ข้อกำหนดด้านคุณภาพทเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์
ี่
ชุมชนให้เป็นที่เชื่อถือ เป็นท ยอมรับ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์
ี่
โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เป็นไปตาม
ิ
มาตรฐานทกำหนด และสอดคล้องกับนโยบาย OTOP โดยในแตละผลตภัณฑ์ก็จะมีข้อกำหนดท ี่
ี่
่
แตกต่างกันออกไป
3.3 ผู้ยื่นคำขอ หมายถึง ผู้ผลิตที่อยู่ในชุมชนและ/หรือจากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ ทผ่านการคัดเลือกจาก คณะกรรมการอำนวยการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ แห่งชาติ
ี่
(กอ.นตผ.)
3.4 ผู้ได้รับการรับรอง หมายถึง ผู้ยื่นคำขอที่ผานการตรวจประเมินแล้ว และได้รับการ
่
ิ
รับรองจากคณะกรรมการ มาตรฐานผลตภัณฑ์ชุมชน
3.5 การรับรอง
3.5.1 การรับรองคุณภาพผลตภัณฑ์ชุมชน ประกอบด้วยการดำเนินการดังนี้
ิ
ี่
3.5.1.1 ตรวจสอบสถานทผลิตและเก็บตัวอย่างจากสถานทผลิตส่งตรวจสอบ
ี่
เพื่อพิจารณาออกใบรับรอง
ิ
3.5.1.2 ตรวจติดตามผลคุณภาพผลตภัณฑ์ชุมชนที่ได้รับการรับรอง โดยสุ่มซื้อ
ตัวอย่างที่ได้รับการรับรองจาก สถานที่จำหน่าย เพื่อตรวจสอบ
3.5.2 การขอการรับรอง ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
่
หรือสำนักงานอุตสาหกรรม จังหวัด หรือจังหวัด พร้อมหลักฐานและเอกสารตาง ๆ ตามแบบท ี่
ิ
สำนักงานมาตรฐานผลตภัณฑ์อุตสาหกรรมกำหนด
3.5.3 เมื่อได้รับคำขอตามข้อ 3.5.2 แล้ว สำนักงานมาตรฐานผลตภัณฑ์อุตสาหกรรม
ิ
ิ
จะนัดหมายการตรวจสอบสถานที่ ผลต เก็บตัวอย่างส่งทดสอบ หรือทดสอบ ณ สถานที่ผลิต
ิ
3.5.4 ประเมินผลการตรวจสอบว่าเป็นไปตามมาตรฐานผลตภัณฑ์ชุมชนที่ได้กำหนดไว้
หรือไม่
3.5.5 ใบรับรองผลิตภัณฑ์ มีอายุ 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ระบุในใบรับรอง
3.5.6 การขอต่ออายุใบรับรองหรือการออกใบรับรองฉบับใหม่เมื่อใบรับรองฉบับเก่า
สิ้นอายุ ให้ดำเนินการตามข้อ 3.5.2 ถึง 3.5.4
3.6 เงื่อนไขและการตรวจติดตาม
3.6.1 ผู้ได้รับการรับรอง ต้องรักษาไว้ซึ่งคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ท ี่
กำหนดไว้ ตลอดระยะเวลาที่ได้รับ การรับรอง
6
3.6.2 การประเมินผลการตรวจสอบตัวอย่างที่สุ่มซื้อเพื่อตรวจติดตามผลต้องเป็นไป
ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนที่กำหนด
3.6.3 การตรวจติดตามผลทำอย่างน้อยปี ละ 1 ครั้ง
3.7 การยกเลิกการรับรอง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จะยกเลิกใบรับรอง
กรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้
ิ
ี่
3.7.1 ผลตภัณฑ์ทตรวจติดตามผลไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน 2 ครั้ง
ติดต่อกัน
3.7.2 ผู้ได้รับการรับรองขอยกเลิกใบรับรอง
3.7.3 มีการประกาศแก้ไขหรือยกเลิกมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้กำหนดไว้
3.7.4 เมื่อใบรับรองครบอายุ 3 ปี นับจากวันที่ได้รับการรับรอง
3.7.5 กรณีมีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง
ๆ ที่กำหนด เช่น การอวดอ้างเกิน ความเป็นจริง โฆษณาการได้รับการรับรองครอบคลุมรวมถึง
ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการรับรอง
3.8 อื่น ๆ
3.8.2 ในกรณีที่ยกเลิกใบรับรอง ผู้ได้รับการรับรองต้องยุติการใช้สิ่งพิมพ์ สื่อโฆษณา ท ี่
มีการอ้างอิง ถึงการได้รับการ รับรองทั้งหมด
3.8.3 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ไม่รับผิดชอบในการกระทำใด ๆ
ของผู้ได้รับการรับรองที่ได้กระทำไป โดยไม่สุจริตหรือไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขท ี่
กำหนด
4. ทฤษฎีกลยุทธ์การตลาด(4Ps) และ(8Ps),กลยุทธ์ตลาดออนไลน์
4.1 กลยุทธ์การตลาด marketing mix หรือ 4P คือ คือเครื่องมือวางแผนการตลาดผ่านการ
วิเคราะห์ส่วนผสมทางการตลาด 4 ส่วน ได้แก่ Product (สินค้า) Price (ราคา) Promotion (การ
ส่งเสริมการขาย) และ Place (ช่องทางจัดจำหน่าย) กลยุทธ์การตลาด 4P ที่ไปในทิศทางเดียวกันจะ
ุ
ู
้
ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงความต้องการของกลุ่มลกคาและบรรลุวัตถประสงค์ทางการตลาดได ้
ประกอบด้วย
ิ
4.1.1 ผลตภัณฑ์ (Product) หมายถึง สินค้าหรือบริการที่อาจจะเหมาะกับความ
้
ต้องการของตลาดกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกสินคามีวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และมีข้อดีข้อเสียเฉพาะตัว ซึ่ง
หนึ่งในความท้าทายของการตลาดก็คือการเลือกและสื่อสาร จุดขายของสินค้าให้เหมาะสมกับกลุ่ม
ลูกค้าทเราเลือกไว้
ี่
4.1.1.1 คุณภาพของสินคาและบริการ คือ ด้านความเหมาะสมในการใช้งาน
้
ความคงทน อรรถประโยชน์ในการใช้งาน
7
ี่
ี่
4.1.1.2 จุดเด่นหรือความแตกต่างทสำคัญของสินค้า ทสามาถลอกเลียนแบบได ้
ยาก ส่งที่ทำให้เกิดคุณค่าแก่ลูกค้า
4.1.1.3 Branding สิ่งที่เราเป็นหรือพยายามจะสอสารไปยังผู้บริโภค
ื่
4.1.1.4 รูปลักษณ์ ลักษณะ คุณสมบัติ (Features) ของสินค้า
4.1.1.5 ความหลากหลายของสินค้า มีให้เลือกกี่แบบ มีสีอะไรบ้าง
4.1.1.6 Packaging และ labeling แพคเก็จ หีบห่อ ป้ายของสินค้าสวยงาม ด ู
หรูหรา หรือ เรียบง่าย
4.1.1.7 บริการ
4.1.1.8 การรับประกัน การคืนของ
4.1.2 ราคา (Price) คือ กลยุทธ์ส่วนการตั้งราคาสินค้า ลูกค้าแต่ละกลุ่มมี
ความสามารถและพฤติกรรมในการใช้เงินไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้วสินค้าบางอย่างก็มีมูลค่ามาก
ี
หรือน้อยขึ้นอยู่กับราคาและมุมมองของผู้ถือด้วย กลยุทธ์ด้านราคาที่ดที่สุดกลยุทธ์ที่สามารถเพิ่ม
ี่
ั
ยอดขายและกำไรให้กับสินค้าได้มากทสุด ซึ่งปัจจยที่มีผลต่อการตั้งราคาอาจมีดังนี้
4.1.2.1 ความรุนแรงของการแข่งขันในตลาด
4.1.2.2 ราคาของวัตถุดบ ต้นทุนการผลิต อำนาจการต่อรองของผู้บริโภคและ
ิ
Suppliers
4.1.2.3 ต้นทุนการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ
4.1.2.4 อุปสงค์และอุปทานของสินค้าและบริการนั้น ๆ ในตลาด
4.1.2.5 การลดราคาให้ลูกค้าซื้อจำนวนมาก
ิ
4.1.2.6 การให้เครดตลูกค้า หรือ วิธีชำระเงิน
ี่
4.1.3 ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) คือ เป็นการนำผลิตภัณฑ์ทกำหนดไว้ออกส ู่
้
ตลาดเป้าหมาย (Placing the Product) ในส่วนประสมนี้เป็นการพิจารณาว่า สินคาควรจะจัด
จำหน่ายผ่าน ช่องทางคนกลางต่าง ๆ อย่างไร จึงจะเหมาะสมรวมทั้งพิจารณาว่าสินค้าควรมีการขนส่ง
การเก็บรักษา สินค้าในปริมาณทเหมาะสม และใชคลังสินค้าอย่างไร ในการจัดจำหน่ายจึง
้
ี่
ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ
4.1.3.1 ช่องทางการจำหน่าย (Channel of Distribution) หรือ Distribution
Channel) หมายถึง กลุ่มของสถาบันหรือบุคคลททำหน้าที่หรือกิจกรรมอันจะนำผลิตภัณฑ์ไปยัง
ี่
ู้
ผู้บริโภคหรือผใช้ในส่วน นี้เป็นเรื่องการพิจารณาว่าจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยผ่านคนกลางต่าง ๆ
อย่างไร
4.1.3.2 การกระจายสินค้า (Physical Distribution) หมายถึง กิจกรรมทั้งสิ้น
ที่เกี่ยวข้องกับการ เคลื่อนย้ายสินค้าที่มีปริมาณถูกต้องไปยังสถานที่ที่ต้องการและเวลาทเหมาะสม ใน
ี่
8
ส่วนนี้จึงประกอบด้วย การขนส่ง การเก็บรักษาตัวสินค้าภายในองค์การธุรกิจของตนและในระบบ
ิ
ช่องทาง รวมทั้งการ คลังสินค้าและการควบคุมสนค้าคงคลัง
ู้
4.1.4 การส่งเสริมการขาย (Promotion) คือ เปนการติดต่อสื่อสารระหว่างผจำหน่าย
็
และตลาดเป้าหมาย เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โดยมีวัตถประสงค์ที่จะแจ้งข่าวสาร หรือชักจูงใจให้เกิด
ุ
ทัศนคติและพฤติกรรมการซื้อ การส่งเสริมการตลาดโดยทั่วไป ประกอบด้วย
้
4.1.4.1 การโฆษณา (Advertising) เป็นรูปแบบการเสนอขายความคิด สินคา
หรือบริการ โดยไม่ใช้พนักงานขาย และต้องมีการจ่ายเงินโดยผู้อุปถัมภ์รายการ
4.1.4.2 การขายโดยใช้พนักงานขาย (Personal Selling) เป็นการติดต่อสื่อสาร
ทางตรงแบบเผชิญหน้าระหว่างผู้ขายและลูกค้า
4.1.4.3 การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) หมายถึง กิจกรรมระยะสั้นท ี่
ใช้ส่งเสริมการขาย ที่นอกเหนือจากการโฆษณา การขายโดยใช้พนักงานขายและการประชามสัมพันธ์
ซึ่งสามารถกระตุ้นความสนใจ การทดลองใช หรือในขั้นสุดท้ายคือการซื้อของลูกค้า
้
4.1.4.4 การให้ข่าวและการประชาสัมพันธ์ (Plublicity and Public Relation)
การให้ข่าว เป็นการส่งเสริมการขายโดยไม่ใชบุคคล โดยไม่มีการจ่ายเงินจากองค์กรที่ได้รับ
้
ผลประโยชน์จากการให้ข่าวนั้น ๆ
4.2 กลยุทธ์ทางการตลาด (8 P’s Strategy) หมายถึง กลยุทธ์ทางการตลาดสมัยใหม่ซึ่งเป็น
ส่วนผสมทางการตลาด (Marketing Mix) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า 8P’s ซึ่งต้องมีแนวทางความคิด
ทางการสื่อสารการตลาด (IMC) โดยอาศัยเครื่องมือการ ติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภคแบบสมัยใหม่ซึ่งแบ่ง
ึ
ส่วนขยายเพิ่มเติมจากเดิมอีก หลายส่วนทั้งงานศกษาทั้งภายในและภายนอกประเทศเชื่อมโยงสู่การ
ทำธุรกิจสมัย ใหม่ซึ่งเน้นการสร้างผลกำไรสูงสุดบนความพอใจของผู้บริโภคซึ่งเป็นการทำ ธุรกิจระยะ
ยาว (Long-Term Business) พร้อมกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคสมัยใหม่ซึ่งเปลี่ยนไปอย่าง
มากโดยเฉพาะการแบ่งส่วนการตลาด (Segmentation) ซึ่งไม่สามารถแบ่งส่วนการตลาดแบบเดิม ๆ
ได้แล้ว ซึ่งการเอกสารการศึกษาในส่วนแรกเป็นแนวทางทำธุรกิจและก่อให้เกิดพฤตกรรมในการเลือก
ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารส่วนที่เอกสารอื่น ๆ จะชวยในการวางแผนการตลาด
่
ื
4.2.1 กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ (Product Strategy) คอ กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์นั้น จะเกี่ยวข้อง
กับกระบวนการตัดสินใจ เกี่ยวกับ
ิ
4.2.1.1 คุณสมบัตผลิตภัณฑ์ (Product attribute) คือลักษณะของผลิตภัณฑ์
ที่ทำให้การทำงานพื้นฐานสามารถบรรลุ คณภาพที่กำหนดไว้ได้ เช่น สูตร สี รูปร่าง ขนาด รสชาติ
ุ
ี่
กลิ่น เสียง กำลังแรงม้า หน้าทต่าง ๆ เป็นต้น
4.2.1.2 ส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Product mix) กลุ่มของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ท ี่
้
มีลักษณะคลายกัน ที่กิจการทำการเสนอขายให้แก่ลูกค้าหรือผบริโภค โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ช่อง
ู้
ทางการจัดจำหน่าย ตลาดเดียวกันแต่สามารถตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละกลุ่มย่อยได ้
9
4.2.1.3 สายผลิตภัณฑ์ (Product lines) กลุ่มของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใน
ิ
ระดับชั้นของผลิตภัณฑ์ และมีความสัมพันธ์ใกล้ชดกันในลักษณะของการใช้งานร่วมกัน เช่น สาย
ผลิตภัณฑ์ของเครื่องหนังได้แก่กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด เป็นต้น
4.2.2 กลยุทธ์ราคา (Price Strategy) เป็นการกำหนดว่าเราจะตั้งราคาแบบใด กลยุทธ์
ราคาสูงหรือราคาต่ำ สิ่งที่จะต้องตระหนัก คือ ราคาทีได้กำหนดไว้นั้นเหมาะสมในการแข่งขัน หรือ
สอดคล้องกับตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของสินค้านั้นหรือไม่กลยุทธ์ ด้านราคา (Price strategy) การกำหนด
ี่
กลยุทธ์ด้านราคามีประเด็นสำคัญทจะต้องพิจารณาดังนี้
4.2.2.1 ตั้งราคาตามตลาด (On going price) หรือตั้งราคาตามความพอใจ
(Leading price)
้
1) ตั้งราคาตามตามตลาด (On going price) เหมาะสำหรับสินคาท ี่
ู่
สร้างความแตกต่างได้ยากจึงไม่สามารถจะตั้งราคาให้แตกต่างจากตลาดคแข่งขันได้ นั่นคือ การตั้ง
ราคาตามคู่แข่งขัน
2) ตั้งราคาตามความพอใจ (Leading price) เปนการตั้งราคาตาม
็
ความพอใจโดยไม่คำนึงถึงคู่แข่งขัน เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างในตราสินค้า สินค้าที่มี
ี
เอกลักษณ์ส่วนตัวมีภาพพจน์ที่ด จะตั้งราคาเท่าไรก็ไม่มีใครเปรียบเทียบ
4.2.2.2 สินค้าจะออกเป็นแบบราคาสูง (Premium price) เมื่อแน่ใจใน
คุณภาพทเหนือกว่า และการยอมรับในราคาของลูกค้า หรือราคามาตรฐาน (Standard) เมื่อใช้การตั้ง
ี่
้
ราคาโดยพิจารณาจากราคาของคู่แข่งขัน หรือตราสินค้าเพื่อการแข่งขัน (Fighting brand) เป็นสินคา
่
ด้อยคุณภาพกว่าคู่แข่งขันเล็กน้อย จะลงตลาดลาง
4.2.2.3 การตั้งราคาเทากันหมด (One pricing) คือสินคาหลายอย่างที่มีราคา
่
้
ติดอยู่บนกล่องหมายถึง ไม่ว่าจะขายอยู่ที่ใดฤดูหนาวหรือฤดูร้อนราคาก็เท่ากันหมด หรือราคา
แตกต่างกัน( Discriminate price) ข้อดี คือสามารถเรียกราคาได้หลายราคา แต่ข้อเสียก็คือ เราต้อง
หาเหตผลในการตั้งราคาหลายอย่าง เพื่อให้คนยอมรับได ้
ุ
4.2.2.4 การขยายสายผลตภัณฑ์ (Line extension) ในกรณีนี้การนำเสนอ
ิ
สินค้าเริ่มต้นด้วยราคาหนึ่ง แล้วมีกลยุทธ์เผยแพร่ความนิยมไปยังตลาดบน หรือตลาดล่าง
็
ู
4.2.2.5 การขยับซื้อสูงขึ้น (Trading up) เปนการปรับราคาสงขึ้นทำให้ได้กำไร
ิ
้
มากขึ้นจึงพยายามขายให้ปริมาณมากขึ้นหรือการขยับซื้อต่ำลง (Trading down) เป็นการผลตสินคา
ที่มีราคาแพงให้มีคุณภาพกว่าสินค้าที่ราคาถูกเล็กน้อยแต่ ตั้งราคาสูงกว่า เพื่อให้คนซื้อสินค้าท ี่
รองลงมา
ื
4.2.2.6 การใช้กลยุทธ์ด้านขนาด (Size) คอไม่ทำขนาดเท่ากับผู้ผลิตรายอื่น ๆ
4.2.3 กลยุทธ์การจัดจำหน่าย (Place Strategy) คือกลยุทธ์เกี่ยวกับวิธีการจัด
จำหน่าย จะต้องพิจารณาถึงรายละเอียดดังนี้
10
4.2.3.1 ช่องทางการจัดจำหน่าย (Channel of distribution ) เป็น
ู้
้
เส้นทางที่สินคาเคลื่อนย้ายจากผู้ผลิตหรือผขายไปยังผู้บริโภคหรือผู้ใช้ ซึ่งอาจจะผ่านคนกลางหรือไม่
ฝ่ายคนกลางก็ได ้
4.2.3.2 ประเภทของร้านค้า (Outlets ) ในทุกวันนี้จะพบได้ว่าวิวัฒนาการ
ของการจัดจำหน่ายนั้นเป็นสิ่งที่เจริญเติบโตรวดเร็วมากประเภทของร้านค้ามีมากมายจนแทบจะตาม
ไม่ทันจะขอเรียงลำดับประเภทของร้านค้าจากใหญ่ไปหาเล็ก
1) ร้านค้าส่ง (Wholesale store) เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าใน
ปริมาณมาก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกลาง
2) ร้านค้าขายของถูก (Discount store) เป็นร้านค้าที่ขายสินค้า
ราคาพิเศษ
3) ร้านห้างสรรพสินค้า (Department store)
4) ซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่เดี่ยว ๆ (Stand-alone supermarket)
เป็นร้านที่มีทำเลเดี่ยวไม่ติดกับร้านค้าใด ๆ
5) ช้อปปิ้งชุมชน (Community mall) เป็นร้านค้าที่อยู่ในย่าน
ชุมชน
้
6) Minimart จะเห็นได้จากร้านคาเล็ก ๆ ตามตึกอาคารสูงๆ ใน
โรงพยาบาล ซึ่งตั้งฮั่วเสงเริ่มบุกตลาด Minimart พอสมควร
็
7) ร้านค้าสะดวกซื้อ (Convenience store) เปนร้านค้าที่ขาย
็
้
สินค้าอุปโภคบริโภค หรือสินคาสะดวกซื้อ บางร้านจะเปิดบริการ 24 ชั่วโมง
8) ร้านค้าในปั๊มน้ำมัน
9) ซุ้มขายของ (Kiosk ) เป็นร้านที่จัดเป็นซุ้มขายของ บางครั้ง
จัดเป็นบูท
10) เครื่องขายอัตโนมัติ (Vending machine) เป็นการขายสินค้า
ผ่านเครื่องจักรอัตโนมัติ
11) การขายทางไปรษณีย์ (Mail order) เป็นการขายสินค้าซึ่งใช ้
จดหมายส่งไปยังลูกค้า มีการลงในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ถ้าพอใจก็ส่งข้อความสั่งซื้อทางไปรษณีย์
12) ขายโดยแคตตาล็อก (Catalog sales)
13) ขายทางโทรทัศน์ (T.V. Sales)
14) ขายตรง (Direct sales) การขายโดยใช้พนักงานขายออก
เสนอขายตามบ้าน
15) ร้านค้าสวัสดิการ เป็นร้านค้าที่ตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวก
กับพนักงานตามหน่วยงานราชการ ต่าง ๆ ของบริษัท หรือสำนักงานต่าง ๆ
11
16) ร้านค้าสหกรณ์ เป็นร้านค้าที่ตั้งอยู่ตามมหาวิทยาลัย และ
โรงเรียนต่าง ๆ
4.2.4 กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด (Promotion Strategy) กลยุทธ์การส่งเสริม
การตลาดจะต้องประสานกับแผนการตลาดโดยรวมและควรกำหนดแผนการส่งเสริมการตลาดท ี่
เฉพาะเจาะจง มีตัวอย่างดังนี้
ู่
4.2.4.1 ใช้กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับคค้า
้
้
เพื่อให้คู่คาสนับสนุนตราสินคาของเรา
4.2.4.2 ใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดให้เกิดผลสูงสุดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการ
ซื้อสินค้าของเราในช่วงที่ยอดขายตกต่ำของปี
4.2.5 กลยุทธ์การบรรจุภัณฑ์ (Packaging Strategy) การตัดสินใจเลือกรูปแบบ
การบรรจุภัณฑ์และประเภทวัสดของบรรจุภัณฑ์มักจะใช้กับสินค้าอุปโภคบริโภคที่พัฒนาใหม่หรือเมื่อ
ุ
มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสินค้าใหม่กลยุทธ์การบรรจุภัณฑ์มีหลักในการพิจารณาดังนี้
ุ
4.2.5.1 บรรจุภัณฑ์นั้นเหมาะสมที่จะบรรจสินค้า (Put in) หรือไม่
4.2.5.2 สินค้าเมื่อวางบนชั้นแล้วได้เปรียบ (เด่น ) (Put up) หรือไม่
4.2.5.3 สินค้าเมื่อนำเอามาใช้แล้วเก็บสะดวก (Put away) หรือไม่
4.2.5.4 บรรจุภัณฑ์สวยงาม (Prettiness) หรือไม่
4.2.5.5 สามารถเชิญชวนให้ใช้ (Pleading ) ได้หรือไม่
4.2.5.6 บรรจุภัณฑ์สามารถสะท้อนตำแหน่งครองใจของสินค้า
(Positioning ) ได้หรือไม่
4.2.5.7 บรรจุภัณฑ์สามารถสะท้อนบุคลิกภาพของสินค้า (Personality)
ได้หรือไม่
4.2.5.8 บรรจุภัณฑ์สามารถปกป้องสินค้า (Protection) ได้หรือไม่
4.2.5.9 บรรจุภัณฑ์มีความสะดวกต่อการใช้งาน (Practicality ) หรือไม่
4.2.5.10 บรรจุภัณฑ์ที่เลือกนั้นสามารถทำกำไรได้มากขึ้น (Profitability )
ได้หรือไม่
่
4.2.5.11 บรรจุภัณฑ์นั้นสามารถนำมาใช้ในการสงเสริมการตลาด (
Promotion ) ได้หรือไม่
4.2.5.12 เป็นการบอกถึงวิธีการใช้สินค้า (Preaching ) ได้หรือไม่
4.2.5.13 สามารถดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม (Preservation ) ได้หรือไม่ ถ้านำ
สิ่งเหล่านี้มาพิจารณาทั้งหมดจะเห็นว่าในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของบริษัทจะเป็นโลโก้ ตัวหนังสือ
ี
ตัวอักษรการเลือกเป็นกระดาษ เป็นโฟม เป็นฝาจก หรือเครื่องหมาย สสันต่าง ๆ บริษัทก็จะได้บรรจ ุ
ุ
ภัณฑ์ที่ด ี
12
4.2.6 กลยุทธ์การใช้พนักงานขาย (Personal Strategy) คือการขายโดยใช้พนักงาน
ั
ขายจัดเป็นรูปแบบการปฏิบติตัวต่อตัวระหว่างกิจการกับลูกค้าทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังคำสั่งซื้อด้วยรูปแบบ
การขายที่แตกต่างกัน การขายโดยพนักงานขายนั้นเกี่ยวข้องกับการจ้างพนักงานขาย การจัดการทั่ว ๆ
้
ไปเกี่ยวกับพนักงานขาย ตลอดจนการบริหารสินคาคงคลัง การเตรียมการเสนอขายและการบริการ
หลังการขาย ในการพัฒนาแผนกการขายนั้น กิจการจะเริ่มตั้งแต่การตั้งวัตถุประสงค์และปฏิบัติการ
ซึ่งต้องมีความชัดเจนและสอดคล้องกับประเภทของธุรกิจ โดยอาจเป็นธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจการบริการ
หรือธุรกิจการผลิต จากนั้นจึงกำหนดกลยุทธ์การขาย และการดำเนินงาน การขายโดยใช้พนักงานขาย
นั้นหวังผลลัพธ์เพื่อเพิ่มยอดขายและขณะเดียวกันก็ เพื่อสร้างสัมพันธ์ภาพระยะยาวกับลูกค้าอีกด้วย
นอกจากนี้การขายโดยใช้พนักงานขายนั้น ยังมีการใช้โบว์ชัวร์ เอกสาร ใบปลิว วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ
เพื่อช่วยในการนำเสนอขายของพนักงาน ตลอดจนเป็นหลักฐานอ้างอิงและสามารถมอบไว้ใหลูกค้า
้
เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
4.2.7 กลยุทธ์การให้ข่าวสาร (Public Relation Strategy) คือการให้ข่าวสารนั้นคือ
้
รูปแบบหนึ่งของการติดต่อสื่อสารที่ไม่เสียคาใชจ่ายในการซื้อสื่อทั้งนี้เพื่อสร้างทัศนคติที่เป็นบวกต่อ
่
่
สินคาและกิจการของเรา แต่ปัจจุบันการสื่อสารโดยวิธีดังกล่าวอาจมีค่าใช้จายอื่น ๆ รวมทั้งค่าใช้จ่าย
้
่
ทางอ้อมเกี่ยวกับสื่ออีกด้วย การให้ขาวสารแก่สาธารณะชน นั้นเป็นรูปแบบหนึ่งของการ
ประชาสัมพันธ์ การให้ข่าวสารจัดว่าเป็นการสร้างภาพลักษณ์ในระยะยาวแก่องค์กร และต้องการให้
ผลลัพธ์นี้ออกมาในเชิงบวกแก่องค์กร สิ่งที่เราต้องพิจารณาอย่างยิ่งในการให้ข่าวสารคือ
กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้รับข่าวสารและสื่อโฆษณาที่จะใช้เพื่อการสื่อข่าวสาร
4.2.8 กลยุทธ์พลัง ( Power Strategy ) พลังในที่นี้หมายถึง อำนาจในการต่อรองและ
ควบคุม ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการเนรมิตให้เกิดขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นและขาดเสียไม่ได ้
้
ในองค์ประกอบ P ส่วนสุดทายนี้ เพราะอำนาจต่อรองจะเป็นพลังพิเศษที่นำมาใช้ต่อรองแลกเปลี่ยน
้
ี
ผลประโยชน์ทางการค้าให้บริษัทได้รับข้อเสนอที่ดที่สุดในกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันตามกรอบไดอย่าง
ลงตัว
ิ
5. การบริโภคและทฤษฎีพฤตกรรมผู้บริโภค (Buyer Behavior’ Model)
5.1 การบริโภค (Consumption) หมายถึง การใช้ประโยชน์จากสินค้าและบริการ เพื่อ
สนอง หรือบำบัดความต้องของตนเอง และเพื่อนำมาเป็นปัจจัยในการผลิตสินค้าและบริการ
5.2 ลักษณะทั่วไปของผู้บริโภค
5.2.1 พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค หมายถึง พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคขึ้น
สุดท้ายที่ซื้อสินค้าและบริการไปเพื่อกินเองใช้เอง หรือเพื่อกินหรือใช้ภายในครัวเรือน ผู้บริโภคทุกคน
ที่ซื้อสินค้าและบริการไปเพื่อวัตถุประสงค์เช่นว่านี้รวมกันเรียกว่าตลาดผู้บริโภค ผู้บริโภคทั่วโลกนั้น มี
ความแตกต่างกันในลักษณะประชากรอยู่หลายประเด็น เช่น ในเรื่องของอายุ รายได้ ระดับการศึกษา
13
ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม และรสนิยม เป็นต้น ทำให้พฤติกรรมการกินการใช้ การซื้อ และ
้
ความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์แตกต่างกันออกไป ทำให้มีการซื้อการบริโภคสินคาและ
บริการหลาย ๆ ชนิดที่แตกต่างกันออกไป นอกจากลักษณะประชากรดังกล่าวแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ
อีกที่ทำให้มีการบริโภคแตกต่างกัน
5.2.1. สิ่งเร้า (stimuli) ในทางการตลาดนั้น เราแบ่งสิ่งเร้าออกเป็น 2 ประเภท คือ
้
5.2.1.1 สิ่งเร้าทางการตลาด ไดแก่ สิ่งที่เราเรียกว่า ส่วนประสมทางการตลาด
หรือ 4'Ps อันได้แก่ผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจัดจำหน่ายและการส่งเสริมการตลาด
5.2.1.2 สิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ทางการตลาด ที่อยู่อยู่ล้อมรอบผู้บริโภคได้แก่
เศรษฐกิจ เทคโนโลยี สังคม การเมือง / กฎหมาย และวัฒนธรรม ซึ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของ
ผู้บริโภค
5.2.2 กล่องดำ (black box) คำนี้เป็นนามธรรม โดยสมมติว่ากล่องดำเป็นที่รวมเอา
ปัจจัยตาง ๆ ที่ว่านี้ได้แก่ วัฒนธรรม สังคม ลักษณะ ส่วนบุคคล และลักษณะทางจิตวิทยาของ
่
่
ผู้บริโภคแตละคนเอาไว้ นอกไปจากนี้ในกล่องดำยังมีกระบวนการตัดสินใจซื้ออยู่อีกด้วย สิ่งเร้าเมื่อ
มาถึงกล่องดำจะถูกปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวตกแต่งขัดเกลาแปรรูปออกมาเป็นการตอบสนอง ถ้าการ
ตอบสนองเป็นไปในทางบวก กระบวนการตัดสินใจซื้อทำงาน จนกระทั่งมีการซื้อเกิดขึ้นตามมา ถ้า
ตอบสนองเป็นไปในทางลบ ผู้บริโภคคงไม่ลงมือซื้อ
5.2.3 การตอบสนอง (response) เป็นผลลัพธ์จากอิทธิพลของปัจจัยและกลไกการ
ทำงานของกระบวนการตัดสินใจซื้อที่อยู่ในกล่องดำของผู้บริโภค ถ้าการตอบสนองเป็นไปในทางบวก
จะสังเกตเห็นผู้บริโภคไปเลือกผลตภัณฑ์ทจะซื้อ เลือกตราผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อเลือกร้านค้าที่จะซื้อ เลอก
ิ
ื
ี่
จังหวะเวลาที่จะซื้อ และเลือกจำนวนที่จะซื้อ เป็นต้น
5.3 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
5.3.1 ปัจจัยด้านวัฒนธรรม ( Cultural Factor) คือ วัฒนธรรมเป็นวิธีการดำเนินชีวิต
ที่สังคมเชื่อถือว่าเป็นสิ่งดีงามและยอมรับมาปฏิบัติ เพื่อให้สังคมดำเนินและมีการพัฒนาไปได้ด้วยดี
บุคคลในสังคมเดียวกันจึงต้องยึดถือและปฏิบัติตามวัฒนธรรมเพื่อการอยู่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
ี่
วัฒนธรรมเป็นเครื่องผูกพันบุคคลในกลุ่มไว้ด้วยกัน วัฒนธรรมเป็นสิ่งทกำหนดความต้องการพื้นฐาน
และพฤติกรรมของบุคคลโดยบุคคลจะเรียนรู้เรื่องค่านิยม ทัศนคติ ความชอบ การรับรู้ และมี
พฤติกรรมอย่างไรนั้น จะต้องผ่านกระบวนการทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว และสถาบันต่าง ๆ
ในสังคม คนที่อยู่ในวัฒนธรรมต่างกันย่อมมีพฤติกรรมการซื้อที่แตกต่างกัน การกำหนดกลยุทธ์จึงต้อง
แตกต่างกันไปสำหรับตลาดที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน โดยวัฒนธรรมสามารถแบ่งออกได้เป็น 3
ประเภท ดังนี้
14
5.3.1.1 วัฒนธรรมพื้นฐาน ( Culture) หมายถึง สิ่งที่เป็นรูปแบบหรือวิธีทางใน
ื
การดำเนินชีวิตที่สามารถเรียนรู้และถ่ายทอด สบต่อกันมาโดยผ่านขบวนการอบรมและขัดเกลาทาง
สังคม วัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งพื้นฐานในการกำหนดความต้องการซื้อและพฤติกรรมของบุคคล
5.3.1.2 วัฒนธรรมย่อย ( Subculture) หมายถึง วัฒนธรรมกลุ่มย่อย ๆ ในแต ่
ิ
ละวัฒนธรรม ซึ่งมีรากฐานมาจากเชื้อชาต ศาสนา สีผิว และภูมิภาคที่แตกต่างกัน บุคคลที่อยู่ใน
่
วัฒนธรรมกลุ่มย่อยจะมีข้อปฏิบัติทางวัฒนธรรมและสังคมที่แตกต่างกันไปจากกลุ่มอื่น ทำให้มีผลตอ
ชีวิตความเป็นอยู่ ความต้องการ แบบแผนการบริโภค พฤติกรรมการซื้อที่แตกต่างกันและในกลุ่ม
เดียวกันจะมีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน วัฒนธรรมกลุ่มย่อย เช่น กลุ่มเชื้อชาต กลุ่มศาสนา กลุ่มสผว
ิ
ี
ิ
กลุ่มอาชีพ กลุ่มย่อยด้านอายุ กลุ่มย่อยด้านเพศ
5.3.1.3 ชั้นทางสังคม (Social class) เป็นการจัดลำดับบุคคลในสังคมจาก
้
ระดับสูงไประดับต่ำ โดยใชลักษณะทคล้ายคลึงกัน ได้แก่ อาชีพ ฐานะ รายได้ ตระกูลหรือชาตกำเนิด
ิ
ี่
ตำแหน่งหน้าที่ของบุคคลเพื่อจะเป็นแนวทางในการแบ่งส่วนตลาด การกำหนดตลาดเปาหมาย
้
ตำแหน่งของผลิตภัณฑ์และการจัดส่วนประสมทางการตลาด ชั้นทางสังคมแบ่งเปน 3 ระดับ 6 กลุ่ม
็
ย่อย โดยชั้นทางสังคมของบุคคลสามารถเลื่อนขั้นได้ทั้งขึ้นและลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทาง
รายได้ อาชีพ ตำแหน่งหน้าที่การงาน เช่น เมื่อบุคคลมีรายได้เพิ่มขึ้น ย่อมแสวงหาการบริโภคที่ดีขึ้น
ี่
5.3.2 ปัจจัยด้านสังคม คือ เป็นปัจจัยทเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันและมีอิทธิพลต่อ
พฤติกรรมการซื้อ ลักษณะทางสังคมจะประกอบด้วย
5.3.2.1 กลุ่มอ้างอิง (Reference Group) เป็นกลุ่มที่บุคคลเข้าไปเกี่ยวข้อง
ั
ด้วยมีอิทธิพลต่อทศนคติ ความคิดเห็น และคานิยมของบุคคลในกลุ่มอ้างอิง เนื่องจากบุคคลต้องการ
่
ให้เป็นที่ยอมรับของกลุ่ม จึงต้องปฏิบัติตามและยอมรับความคิดเห็นจากกลุ่มอ้างอิง สามารถแบ่งได ้
ิ
เป็น 2 ระดับ คือ กลุ่มปฐมภูมิ และกลุ่มทุตยภูมิ
5.3.2.2 ครอบครัว ( Family) บุคคลในครอบครัวถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่อ
่
ทัศนคติ ความคดและคานิยมของบุคคล ซึ่งสิ่งเหลานี้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อของครอบครัว การ
่
ิ
เสนอขายสินคาจึงต้องคำนึงถึงลักษณะการบริโภค และการดำเนินชีวิตของครอบครัวด้วย
้
5.3.2.3 บทบาทและสถานะ ( Roles and Statuses) บุคคลจะเกี่ยวข้องกับ
หลายกลุ่ม เช่น ครอบครัว กลุ่มอ้างอิง องค์กรและสถาบันต่าง ๆ บคคลจะมีสถานะที่แตกต่างกันใน
ุ
แต่ละกลุ่ม ฉะนั้นในการตัดสินใจซื้อ ผู้บริโภคมักจะมีบทบาทหลายบทบาทที่เกี่ยวข้องกับ การ
ตัดสินใจซื้อสินค้าของตนเอง และผู้อื่นด้วย ดังพิจารณาได้จากรายละเอียด ต่อไปนี้
1) ผู้ริเริ่ม ( Initiator) คือ บุคคลผู้ริเริ่มคิดถึงการซื้อสินค้าอย่างใด
อย่างหนึ่ง
ู้
2) ผที่มีอิทธิพล (Influence) คือ บุคคลผู้ที่มีความคิดเห็นที่มีอิทธิพล
15
ต่อการตัดสินใจ
ั
3) ผู้ตดสินใจซื้อ (Decider) คือ บุคคลผู้มีอำนาจและหน้าที่ในการ
ตัดสินใจซื้อว่าจะ ซื้อสินค้าอะไร ซื้อที่ไหนและซื้ออย่างไร
ุ
ู้
ี่
4) ผู้ซื้อ (Buyer) คือ บคคลผททำหน้าที่ในการซื้อสินค้า
ี่
้
ี่
ู้
5) ผใช้ (User) คือ บุคคลผู้ททำหน้าทบริโภคหรือใช้สินคาและ
บริการ
ู้
5.3.3 ปัจจัยส่วนบุคคล คือ การตัดสินใจซื้อของผซื้อได้รับอิทธิพลจากลักษณะส่วน
่
บุคคลของคนในด้าน ตาง ๆ ดังนี้
5.3.3.1 อายุ (Age) อายุที่แตกต่างกันจะมีความต้องการผลิตภัณฑ์ต่างกัน เช่น
้
กลุ่มวัยรุ่นชอบทดลองสิ่งแปลกใหม่และชอบสินคาประเภทแฟชั่น และรายการพักผ่อนหย่อนใจ
5.3.3.2 วงจรชีวิตครอบครัว (Family life Cycle Stage) เป็นขั้นตอนการ
ดำรงชีวิตของบุคคลในลักษณะของการมีครอบครัว การดำรงชีวิตในแต่ละขั้นตอนเป็นสิ่งที่มีอิทธิพล
ต่อความต้องการทัศนคติและคานิยมของบุคคลทำให้เกิดความต้องการในผลิตภัณฑ์ และพฤติกรรม
่
การซื้อที่แตกต่างกัน
5.3.3.3 อาชีพ ( Occupation) อาชีพของแต่ละบุคคลจะนำไปสู่ความจำเป็น
และความต้องการสินค้าและบริการที่แตกต่างกัน
5.3.3.4 รายได้ (Income) หรือโอกาสทางเศรษฐกิจ ( Economic
Circumstance) โอกาสทางเศรษฐกิจของบุคคลจะกระทบต่อสินค้าและบริการที่เขาตัดสินใจซื้อ
โอกาสเหลานี้ประกอบด้วย รายได้การออมสินทรัพย์ อำนาจการซื้อและทัศนคตเกี่ยวกับการจ่ายเงิน
ิ
่
ิ
สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสนค้าทั้งสิ้น
ู้
5.3.3.4 การศึกษา (Education) ผที่มีระดับการศึกษาสูงมีแนวโน้มจะบริโภค
ุ
ผลิตภัณฑ์ที่มีคณภาพดีมากกว่าผู้ที่มีการศึกษาต่ำ
้
5.3.4 ปัจจัยด้านจิตวิทยา คือ ปัจจัยดานจิตวิทยา หรือปัจจัยภายใน การเลือกซื้อของ
บุคคลได้รับอิทธิพลจากปัจจัยด้านจิตวิทยา ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยภายในตัวผู้บริโภคที่มีอิทธิพลต่อ
พฤติกรรมการซื้อและการใช้สินค้าปัจจัยภายใน ประกอบด้วย
ิ่
5.3.4.1 การจูงใจ (Motivation) หมายถึง พลังสงกระตุ้น ( Drive) ที่อยู่ภายใน
ตัวบุคคล ซึ่งกระตุ้นให้บุคคลปฏิบัติ การจูงใจเกิดภายในตัวบุคคล แต่อาจถูกกระทบจากปัจจัย
ภายนอกได้ พฤติกรรมของมนุษย์เกิดขึ้นต้องมีแรงจูงใจ ( Motive) ซึ่งหมายถึง ความต้องการที่ได้รับ
การกระตุ้นจากภายในตัวบุคคลที่ต้องการแสวงหาความพอใจด้วยพฤติกรรมที่มีเป้าหมาย แรงจูงใจท ี่
เกิดขึ้นภายในตัวมนุษย์ ถือว่าเป็นความต้องการของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น ความต้องการทางด้าน ต่าง ๆ
ทำให้เกิดแรงจูงใจที่จะหาสินค้ามาบำบัดความต้องการของตน
16
5.3.4.2 การรับรู้ (Perception) เป็นกระบวนการรับรู้ของแต่ละบุคคลซึ่งขึ้นอยู่
ปัจจัยภายใน เช่น ความเชื่อ ประสบการณ์ ความต้องการและอารมณ์ และยังมีปัจจัยภายนอกคือ สิ่ง
ั
กระตุ้น การรับรู้จะแสดงถึงความรู้สึกจากประสาทสัมผสทั้ง 5 การเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รส กาย การ
สัมผัส
5.3.4.3 การเรียนรู้ (Learning) เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่งเป็นผลจาก
ประสบการณ์ของบุคคล การเรียนรู้ของบุคคลจะเกิดขึ้น เมื่อบุคคลได้รับสิ่งกระตุ้นและเกิดการ
ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นนั้น
5.3.4.4 ความเชื่อ (Beliefs) เป็นความคิดซึ่งบุคคลยึดถือเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ในอดีต
ิ
5.3.4.4 ทัศนคต (Attitudes) เป็นการประเมินความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ
ของบุคคล ความรู้สึกด้านอารมณ์และแนวโน้มการปฏิบัติที่มีผลต่อความคิดหรือสิ่งใดสิ่ง หรือ
หมายถึงความรู้สึกนึกคิดของบุคคลที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งส่วนประกอบของทัศนคติ จะประกอบด้วย
3 ส่วน ดังนี้ 1) ส่วนของความเข้าใจ (Cognitive Component) ประกอบด้วย
้
ความรู้และความเชื่อเกี่ยวกับตราสินคาหรือผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภคของผู้บริโภค
2) ส่วนของความรู้สึก ( Affective Component) หมายถึง สิ่งท ี่
เกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อผลิตภัณฑ์และตราสินค้า ความรู้สึกอาจจะเป็นความพอใจและไม่
พอใจ เช่น การเกิดความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบต่อผลิตภัณฑ์
3) ส่วนของพฤติกรรม (Behavior Component) หมายถึง แนวโน้ม
ั
ของการกระทำที่เกิดจากทศนคติ หรือ การกำหนดพฤติกรรม ที่มีต่อผลิตภัณฑ์หรือตราสินค้า
5.4 การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค คือ การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นการค้นหาหรือ
วิจัยที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อและบริโภคเพื่อทราบถึงลักษณะความต้องการและพฤติกรรมการซื้อ
้
และการใช้ของผู้บริโภค คำตอบที่ไดจะช่วยให้สามารถจัดกลยุทธ์ การตลาด ที่สามารถตอบสนอง
ั
ความพึงพอใจของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม ดงรายละเอียดนี้
5.4.1 ใครอยู่ในตลาดเป้าหมาย (who constitutes the market?) เป็นคำตอบเพื่อ
้
ทราบถึงลักษณะของกลุ่มเปาหมาย (occupants)
5.4.2 ผู้บริโภคซื้ออะไร (what does the market buy?) เป็นคำถามเพื่อทราบถึงสิ่ง
ที่ตลาดซื้อ (objects)
5.4.3 ทำไมผู้บริโภคจึงซื้อ (why does the market buy?) เป็นคำถามเพื่อทราบถึง
วัตถุประสงค์ในการซื้อ (objectives)
5.4.4 ใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ (who participates in the buying) เป็นคำถาม
่
เพื่อทราบถึงบทบาทของกลุ่มตาง ๆ ที่มีอิทธิพลหรือมีส่วนร่วมในการตัดสอนใจซื้อ (organization)
17
5.4.5 ผู้บริโภคซื้อที่ไหน (where does the market buy?) เป็นคำถามเพื่อทราบถึง
โครงการสร้างช่องทาง ที่ผู้บริโภคจะไปซื้อในช่องทางการจัดจำหน่ายนั้น ๆ (outlets)
5.4.6 ผู้บริโภคซื้อเมื่อใด (when does the market buy?) เป็นคำถามเพื่อทราบ
โอกาสการซื้อ (occasions)
5.4.7 ผู้บริโภคซื้ออย่างไร (how does the market buy?) เป็นคำถามเพื่อทราบถึง
ขั้นตอนในการตัดสินใจซื้อ (operations)
่
5.5 พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อ คือ ผู้บริโภคแตละคนจะได้รับบทบาทที่แตกต่างกันออกไป
ดังนั้น เราจึงต้องศึกษาบทบาทของ ผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้อ ซึ่งมีบทบาทที่แตกต่างกัน
ดังนี้
5.5.1 ผู้ริเริ่ม (Initiator) เป็นผู้เสนอความคิดที่จะซื้อผลิตภัณฑ์เป็นคนแรก
5.5.2 ผู้ที่มีอิทธิพล (Influencer) เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่จะให้คำแนะนำว่าควรซื้อ
หรือไม่ควร ซื้อสินค้า
ู้
5.5.3 ผู้ตัดสินใจ (Decider) เป็นผที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ
5.5.4 ผู้ซื้อ (Buyer) เป็นผู้ที่ไปซื้อสินค้า
้
5.5.5 ผู้ใช้ (User) เป็นผู้บริโภคที่ใช้สินคาหรือบริการนั้น
ิ
6. แนวคดการออกแบบบรรจุภัณฑ์
6.1 ขั้นตอนในการออกแบบบรรจุภัณฑ์
6.1.1 กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นเรื่องสำคัญของการออกแบบบรรจุภัณฑ์
เพราะกลุ่มเป้าหมายสามารถส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ได้โดยตรง ผู้ประกอบการจะต้องศึกษาและ
เรียนรู้ความต้องการของตลาดและความต้องการของผู้บริโภค โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
เพื่อที่จะได้สามารถออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
ตัวอย่าง กลุ่มเป้าหมาย เช่น วัยรุ่น วัยทำงาน แม่บ้าน เด็ก ฯลฯ เป็นต้น
้
6.1.2 กำหนดชื่อตราสินค้า (Brand) ตราสินค้าใชเป็นชื่อหรือเครื่องหมายสำหรับการ
เรียกขานผลิตภัณฑ์ ผประกอบการจะต้องทำการกำหนดชื่อตราสินคาให้เรียบร้อยก่อนการออกแบบ
ู้
้
บรรจุภัณฑ์ โดยกำหนดให้ชื่อตราสินค้ามีความเป็นเอกลักษณ์ ชัดเจน น่าสนใจ ทสำคัญจะต้องเป็นท ี่
ี่
ี
ู้
จดจำได้ง่ายแก่ผบริโภคตราสินค้าทดนั้นสามารถยกตัวอย่างได้ดังนี้ คือตั้งตามชื่อเจ้าของกิจการ ตั้ง
ี่
ตามความเชื่ออันเป็นมงคล ตั้งตามแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ หรือตั้งโดยการผสมคำที่มีความหมายให้
เกิดเป็นคำใหม่ที่มีเอกลักษณ์ ฯลฯ เป็นต้น
6.1.2.1 ลักษณะที่ดของตราสินค้าที่ด
ี
ี
1) สั้น กะทัดรัด จดจำได้ง่าย ออกเสียงได้ง่ายมีความโดดเด่นเป็น
เอกลักษณ์เฉพาะตัว
18
2) แปลเป็นภาษาต่างประเทศได้ง่ายมีความหมายที่เหมาะสม
ุ
3) สามารถบอกถึงคณสมบัติที่สำคัญของผลิตภัณฑ์
่
4) สอดคล้องกับคานิยมและวัฒนาธรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สามารถนำไปจดทะเบียนการค้าได้ต้องไม่ซ้ำกับของเดิมที่มีอยู่
ี่
6.1.3 วัสดุทใช้ทำบรรจุภัณฑ์ วัสดุมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์
การที่ผู้ประกอบการตัดสินใจว่าจะใช้วัสดุอะไรมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์นั้น ควรคำนึงถึงความปลอดภย
ั
ของผู้บริโภค ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และคุณสมบัติของวัสดุแต่ละประเภท ที่จะนำมาผลิต
บรรจุภัณฑ์เป็นสำคัญ เนื่องวัสดุแต่ละชนิดแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่เป็นข้อดีและข้อเสีย ในการ
คุ้มครองผลิตภัณฑ์ให้คงคุณภาพ การยืดอายุผลิตภัณฑ์ และการนำกลับมาใชใหม่ (Recycle) ท ี่
้
แตกต่างกันไป หากท่านเลือกใช้วัสดุไม่ถูกต้องนอกจากจะทำให้เกิดผลกระทบต่อตัวผลิตภัณฑ์
ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นสาเหตุให้เกิดต้นทุนในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
6.1.4 รูปทรง บรรจุภัณฑ์ ที่มีรูปร่างสวยงาม สามารถสร้างความประทับใจให้กับ
ผู้บริโภค ถึงแม้ผู้บริโภคจะยังมิได้สัมผสกับตัวผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใน รูปทรงของบรรจุภัณฑ์สามารถ
ั
้
สร้างความเป็นเอกลักษณ์ได้ กล่าวคือเมื่อผู้บริโภคเห็นรูปทรงสามารถรับรู้ไดทันทีว่าเป็นผลิตภัณฑ์
อะไรและมีชื่อตราสินค้าอะไร หรือจะเป็นผลิตภัณฑ์เดียวแตกต่างกันที่ชื่อตราสินค้า
6.1.5 สีสันและกราฟิก สีสันและกราฟิกนี้คือการรวมของการใช้สัญลักษณ์ ตัวอักษร
้
ั
ภาพประกอบ ลวดลายและพื้นผิว ซึ่งส่วนประกอบทั้งหมดสามารถบ่งบอกถึงชื่อตราสินคา ลกษณะ
ิ
ผลิตภัณฑ์ ที่บรรจุอยู่ภายในได้และสามารถแสดงถึงแหล่งที่มาของผลตภัณฑ์ได้ด้วย
6.2 การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ให้มีความสวยงามและความแปลกตา เท่านี้คงไม่เพียงพอ
สำหรับบรรจุภัณฑ์ผลตภัณฑ์อาหารเพราะหัวใจของบรรจุภัณฑ์ คือ การเก็บรักษาคุณภาพของ
ิ
ผลิตภัณฑ์ให้คงอยู่ยืนยาว ดังนั้น การออกแบบที่ดีผู้ประกอบการควรคำนึงถึงหน้าที่ของบรรจุภัณฑ์
เป็นสำคัญ ดังนี้
6.2.1 ป้องกันผลตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมในการบรรจุอาหารจะต้องสามารถ
ิ
ป้องกันไม่ให้อาหารสัมผัสกับบรรยากาศภายนอก ซึ่งอาจจะเกิดการรั่ว การซึม แสง ความร้อนเย็น
6.2.2 เก็บรักษาคณภาพของผลตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่ต้องสามารถรักษาคณภาพของ
ุ
ิ
ุ
ผลิตภัณฑ์มิให้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือรสชาต ิ
6.2.3 ยืดอายุผลิตภัณฑ์ จะต้องสามารถนำเทคโนโลยีที่สลบซับซ้อนมาช่วยในการ
ั
ออกแบบ เพื่อให้บรรจุภัณฑ์ สามารถยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ให้มีอายุยืนยาว
6.2.4 ความสะดวกในการใช้งาน
6.2.5 ความประหยัดในการขนส่ง
6.3 หลักการออกแบบบรรจุบรรจุภัณฑ์ ประกอบด้วยการออกแบบที่สำคัญ 2 ส่วนคือ
19
ิ
6.3.1 การออกแบบโครงสร้าง เน้นคุณสมบัตของวัสดุใช้ทำบรรจุภัณฑ์และรูปแบบ
บรรจุภัณฑ์
6.3.2 การออกแบบกราฟิก เน้นการสื่อความหมายด้วยภาพวาดสัญลักษณ์ต่าง ๆ ท ี่
ช่วยส่งเสริมการขาย
6.4 เนื้อหาการนำเสนอกราฟิกบนบรรจุภัณฑ์
้
6.4.1 แสดงผลิตภัณฑ์และการใช (Product & product in use)
6.4.2 แสดงเครื่องปรุงและส่วนผสม (Ingredient)
6.4.3 เน้นประโยชน์อย่างน่าสนใจ (Dramatize the benefit)
6.4.4 แสดงวัฒนธรรมและแหล่งกำเนิด (Heritage/ origin)
6.4.5 แสดงอารมณ์และบุคลิกของสินค้า/ผู้ใช้ (Mood/ characteristic)
6.4.6 แสดงชนิด/กลุ่มสินค้า (Type classification/family range)
6.4.7 แสดงผลของการรวมหมู่ (Cumulative effect)
6.4.8 แสดงความเป็นเทศกาล โอกาสพิเศษ (Season & occasion)
ี
6.5 สีบนบรรจุภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ สนับว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่ง
ั
เพราะสีเป็นสิ่งที่มีผลต่อประสาทสัมผส เป็นเครื่องดูดความสนใจทำให้เกิดความรู้สึกอยากจับต้อง
ั
อยากสัมผส โดดเด่น
6.5.1 ความหมายของส ี
6.5.1.1 เมื่อต้องการความสงบและการพักผ่อนจะใช้สีฟ้าและสีขาว
6.5.1.2 เมื่อต้องการความสำคัญจะได้แก่ สีม่วง แดงองุ่น และขาว เหลือง
ทองคำ และดำ
้
6.5.1.3 เมื่อต้องการความงดงาม ใชสีซึ่งเข้ากันอย่างกลมกลืน และสมดล
ุ
6.5.1.4 เมื่อต้องการความรื่นรมย์ให้ใชสีฟ้าอ่อน ฟ้ากับขาว หรือขาวกับแดง
้
6.5.1.5 เมื่อแต่ละตลาดมีลักษณะพิเศษของตนขึ้นอยู่กับรสนิยม ชนผิวสีไม่
นิยมสีน้ำตาลไหม้ แตจะชอบสเหลือง ชาวตะวันออกชอบสีสดใสสว่าง
ี
่
7. ทฤษฎีกลไกราคา
7.1 ราคาสินคา คือ มูลคาของสินค้าและบริการทผู้ประกอบการทำการผลิตได้และนำมา
ี่
้
่
จำหน่ายให้แก่ผู้บริโภค เช่น นาย ก. ผลิตปากกาออกขายให้แก่นักเรียนในราคาด้ามละ 5 บาท เป็น
ต้น ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม หรือระบบเศรษฐกิจแบบผสม ซึ่งการผลิตการบริโภคส่วนใหญ่
เป็นเรื่องของภาคเอกชน โดยผ่านกลไกของราคานั้น ราคาสินค้าและบริการจะทำหน้าที่ 3 ประการ
คือ
7.1.1 กำหนดมูลค่าของสินค้า ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ใช้เงินเป็นสื่อกลาง ราคาจะ
20
่
ี่
ี่
ทำหน้าที่กำหนดมูลคา เพื่อให้ผู้ซื้อตัดสินใจทจะซื้อสินค้าในมูลค่าทคุ้มหรือไม่คุ้มกับเงินที่เขาจะต้อง
ี
เสยไปราคาสินค้าบางแห่งก็กำหนดไว้แน่นอนตายตัว แต่บางแห่งก็ตั้งไว้เผื่อต่อ เพื่อให้ผู้ซื้อต่อรอง
้
ราคาได
7.1.2 กำหนดปริมาณสินคา ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันนั้นถ้าสินค้ามีราคาถูก ผู้ซื้อ
้
จะซื้อปริมาณมากขึ้นส่วนผู้ขายจะเสนอขายในปริมาณน้อยลง แต่ถ้าสินค้ามีราคาแพงผู้ซื้อจะซื้อ
ปริมาณน้อยลงส่วนผู้ขายจะขายในปริมาณมากขึ้น ราคาจึงเป็นตัวกำหนดปริมาณสินค้าที่จะซื้อขาย
กัน
7.1.3 กำหนดปริมาณการผลิตของผู้ประกอบการ ในระบบเศรษฐกิจแบบผสม ซึ่งการ
ผลิตส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเอกชนนั้น จะมีปัญหาว่าผู้ผลิตควรจะผลิตในปริมาณสักเท่าใดจึงจะพอดี
ู
กับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้เขาได้กำไรสงสุดตามทต้องการ โดยสังเกตความต้องการซื้อ (อุป
ี่
ิ
สงค์) และความต้องการขาย (อุปทาน) ของสินค้าที่เราทำการผลตในระดบราคาตาง ๆ กันเพื่อหา
ั
่
ี่
ดุลยภาพ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ซื้อและผขายจะทำการซื้อขายกันในปริมาณและราคาที่ตรงกัน ปริมาณทมี
ู้
ุ
ุ
การซื้อขาย ณ จดดลยภาพ เรียกว่า ปริมาณดลยภาพ และผู้ซื้อมีความต้องการซื้อ ส่วนราคาที่ดลย
ุ
ุ
ภาพ เรียกว่า ราคาดุลยภาพ อันเป็นราคาทผู้ผลิตควรพิจารณาในการตั้งราคาขาย
ี่
7.2 กลไกราคา (price mechanism) หมายถึง ตัวกำหนดการจัดสรรทรัพยากรในระบบ
เศรษฐกิจทีมีปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคา คือ อุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply)
7.2.1 อุปสงค์ (Demand) คือ ปริมาณความต้องการซื้อสินค้าและบริการของผู้ซื้อใน
่
ระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาตาง ๆ กัน ความต้องการซื้อจะแตกต่างจากความต้องการทั่วไป
(want) แต่จะต้องรวมอำนาจซื้อ (purchasing power) คือ เต็มใจและมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายซื้อ
สินค้านั้นด้วย อย่างไรก็ตามปริมาณความต้องการซื้อนี้จะเปลี่ยนแปลงเมื่อมีปัจจัยกำหนดอุปสงค์ตัว
อื่น ๆ เปลี่ยนแปลงด้วย เช่น รายได้ของผู้ซื้อ รสนิยม ราคาสินค้าชนิดที่ใชทดแทนกันได้ เช่น เนื้อหมู
้
กับเนื้อไก่ เป็นต้น
7.2.1.1 กฎของอุปสงค์ (Law of Demand) หมายถึง ผู้บริโภคมีความต้องการ
ซื้อสินค้าและบริการในราคาต่ำ(ราคาถูก) ในปริมาณมากกว่าซื้อสินค้าในราคาสูง(ราคาแพง)
7.2.2 อุปทาน (supply) คือ ปริมาณความต้องการเสนอขายสินคาและบริการของ
้
่
ผู้ขายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาต่าง ๆ กันโดยผู้ขายเต็มใจจะขาย กล่าวคือ ถ้าราคาตำ
ปริมาณที่เสนอขายก็จะลดต่ำลงด้วย และในทางตรงกันข้าม หากระดับราคาสูงขึ้นก็จะมีปริมาณเสนอ
ขายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตาม กฎของอุปทาน (Law of Supply) ปัจจัยที่ทำให้อุปทานเปลี่ยนแปลง เชน
่
ี่
การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในการผลิต ราคาของปัจจัยทใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ การ
เปลี่ยนแปลงฤดูกาล การคาดคะเนราคาสินคาและบริการของผู้ขาย
้
7.2.2.1 กฎของอุปทาน (Law of Supply) หมายถึง ผู้ผลิตมีความต้องการ
เสนอขายสินคาและบริการในราคาสินค้าและบริการที่สูง(ราคาแพง) ในปริมาณมากกว่าราคาสินคา
้
้
21
และบริการที่ต่ำ(ราคาถูก)
7.2.3 อุปสงค์ส่วนเกินและอุปทานส่วนเกิน
ิ
้
7.2.3.1 ภาวะอุปสงค์ส่วนเกินหรืออุปทานส่วนขาด คือ ถ้าสนคาใดเป็นท ี่
่
ต้องการมาก จะทำให้ราคาสินค้าและบริการสูง สงผลให้สินค้าและบริการขาดตลาด อุปสงค์ส่วนเกิน
จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อราคาสินค้าต่ำกว่าจุดดลยภาพ ซึ่งหมายถึง ความต้องการซื้อมีมากกว่าปริมาณ
ุ
สินค้าและบริการทผู้ผลิตทำการผลิตออกมาขาย
ี่
7.2.3.2 ภาวะอุปทานส่วนเกินหรืออุปสงค์ส่วนขาด คือ ถ้าสินคาใดเป็นท ี่
้
ต้องการน้อยจะทำให้การบริโภคสินค้าและบริการต่ำ ส่งผลให้สินค้าและบริการล้นตลาด อุปทาน
ส่วนเกินจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อราคาสินคาอยู่เหนือจุดดุลยภาพ ซึ่งหมายถึงความต้องการซื้อสินค้าและ
้
บริการมีน้อยกว่าปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตผลิตออกมาขาย
7.3 ดุลยภาพ (Equilibrium) คือกลไกราคาทำงานโดยได้รับอิทธิพลจากทั้งผู้ผลิตและ
ผู้บริโภค ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้ว่า ณ เวลาใด เวลาหนึ่ง ถ้าปริมาณความต้องการหรือปริมาณอุปสงค ์
้
ู้
ี่
ต่อสินค้าในตลาดมีมากเกินกว่าปริมาณสินคาทผผลิตจะยินดีขายให้ ราคาสินค้าก็มีแนวโน้มที่จะ
ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการขาดแคลนของสินค้า แต่ถ้าปริมาณสินค้าที่ผผลตประสงค์จะขายให้
ิ
ู้
้
ผู้บริโภค หรือปริมาณอุปทานของสินค้ามีมากกว่าปริมาณสินคาที่ผบริโภคประสงค์จะซื้อ ราคาสินคา
้
ู้
่
้
นั้นก็จะมีแนวโน้มลดต่ำลง เมื่อปริมาณอุปสงค์และปริมาณอุปทานเทากันราคาสินคาจึงจะอยู่นิ่ง หรือ
ี่
ที่เรียกว่า มีเสถียรภาพไม่ปรับขึ้นลงอีก ยกเว้นว่า จะมีปัจจัยอื่น ๆ ททำให้ตลาดต้องเปลี่ยนแปลงไป
8. แนวความคิดของหลักการบัญชีต้นทุน
8.1 การบัญชีต้นทุน (Cost Accounting) จัดทำขึ้นในธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมการผลต
ิ
เพราะมีความจำเป็นทต้องแยกแยะต้นทุนให้ชัดเจนมากกว่าธุรกิจประเภทอื่น แต่สำหรับธุรกิจขนาด
ี่
ใหญ่เกือบจะทุกประเภทจะมีการจัดทำบัญชีต้นทนเพื่อใช้ในการบริหารโดยให้ความสำคัญเท่ากับบัญช ี
ุ
การเงินที่เป็นบัญชีในการจัดทำงบการเงินเพื่อเสนอให้กับบุคคลภายนอกด้วย บัญชีต้นทุนใช้หลักการ
บัญชีที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านต้นทุนแล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารใช ้
วางแผนและควบคุมต้นทุนการผลิต การจัดทำบัญชีต้นทุนจะเก็บและรวบรวมข้อมูลในอดีตอย่าง
ต่อเนื่องเพื่อนำมาคำนวณหาต้นทุนของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของกิจการ นอกจากนั้นยังใช้ในการ
ประมาณมูลค่าของสินค้าคงเหลือที่ประกอบไปด้วยวัตถุดิบ งานระหว่างทำและสินค้าสำเร็จรูปด้วย
8.1.1 วัตถุประสงค์ของข้อมูลทางบัญชีต้นทุน
8.1.1.1 เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนการผลิต ตลอดจนต้นทุนขายประจำงวด ซึ่งจะ
นำไปหักออกจากรายได้ในงบกำไรขาดทุน เพื่อะช่วยให้ผู้บริหารได้ทราบผลการดำเนินงานของกิจการ
ว่ามีผลกำไรหรือขาดทุนอย่างไร
22
้
8.1.1.2 เพื่อใช้ในการตีราคาสินคาคงเหลือ ในธุรกิจอุตสาหกรรม สินค้า
ี่
คงเหลือทจะปรากฏในงบดุลจะประกอบด้วย วัตถดิบ งานระหว่างผลิต และสินค้าสำเร็จรูป ซึ่งการ
ุ
่
้
แสดงมูลคาของสินค้าคงเหลือเหล่านี้ได้อย่างถูกตอง หรือใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุดจำเป็นต้อง
อาศัยวิธีการทางบัญชีต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
8.1.1.3 เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตัดสินใจวางแผนและควบคุม ซึ่งจะช่วยให ้
ผู้บริหารสามารถดำเนินธุรกิจไปอย่างมีแบบแผน และบรรลุเป้าหมายตามความต้องการของธุรกิจใน
ู้
้
ที่สุด นอกจากนี้ข้อมูลทางบัญชีต้นทุนยังช่วยใหผบริหารได้ทราบถึงความผดพลาดหรือจุดบกพร่องใน
ิ
การดำเนินธุรกิจ เพื่อหาทางกำหนดวิธีการปฏิบัติเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างทันท่วงท ี
8.1.1.4 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ปัญหาเพื่อตัดสินใจ ทั้งนี้ในการ
ดำเนินธุรกิจ ผู้บริหารมักจะต้องประสบปัญหาทจะต้องทำการแก้ไขอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นปัญหา
ี่
ในระยะสั้น หรือปัญหาที่จะส่งผลกระทบในระยะยาวก็ตาม เช่น การตัดสินใจเกี่ยวกับการรับใบสั่งซื้อ
พิเศษ การปิดโรงงานชั่วคราว การเพิ่ม ลดรายการผลิต การตั้งราคาสินคา การวิเคราะห์ เป็นต้น
้
้
9. งานวิจัยที่เกี่ยวของ
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) (2563) ได้ทำการศึกษาเรื่อง สมุนไพรหญ้า
ถอดปล้องกับการช่วยลดปัญหาผมร่วง ผลการศึกษาพบว่า สารสกัดหญ้าถอดปล้องมีสารซิลิก้า (Si) ท ี่
เป็นส่วนประกอบของผิว ผม และเล็บ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และมีประสิทธิภาพในการ
ส่งเสริมการเจริญและสร้างความแข็งแรงของผม จงเหมาะกับผู้ที่มีผมร่วง มีกรดอะมิโน และ
ึ
phytosterols ซึ่งจะสร้างความแข็งแรงให้กับรูขุมขน นอกจากนี้ยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหนัง
ศีรษะ กระตุ้นรูขุมขน และลดการผลิตไขมันในหนังศีรษะอีกด้วย
ดร.มัตถกา คงขาว (2562) ได้ทำการศึกษาเรื่อง อนุภาคนาโนใบหมี่-บัวบก ตัวช่วยแก้ปัญหา
ผมร่วง ผลการศึกษาพบว่า สารสกัดใบหมี่มีความสามารถในการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ราก
ผม นอกจากนี้ สาเหตส่วนหนึ่งของอาการผมร่วงอาจมาจากการอักเสบของหนังศีรษะ ดังนั้นการนำ
ุ
ิ
สารสกัดธรรมชาตที่มีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบของผิวหนัง เช่น ใบบัวบก มาเป็นสารออกฤทธิ์ใน
ผลิตภัณฑ์สำหรับผม จึงเป็นทางเลือกทดีอย่างหนึ่ง
ี่
ภาวัต กันตศรี (2559) ไดทำการศึกษาเรื่อง แชมพูมะกรูด ผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพ
้
ต่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ของผิวมะกรูดอยู่ที่ส่วนน้ำมันหอมระเหยซึ่งผิวมะกรูดจะมีประสิทธิภาพใน
การยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆได้ดีกว่าใบมะกรูด (เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยท ี่
น้อยกว่าผิวมะกรูด) จุลินทรีย์ที่ถูกยับยั้งได้ง่ายคือราดังนั้นจึงมีการนำน้ำมันหอมระเหยไปเป็น
ส่วนผสมในแชมพูสระผมเพื่อกำจัดรังแคที่มีสาเหตุมาจากเชื้อรา
จิตสถา เตชะทวีกุล (2555) ได้ทำการศึกษาเรื่อง แชมพูว่านหางจระเข้สูตรผสมดอกอัญชัน
ผลการศึกษาพบว่า ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดจุดด่างดำ สมานรอยแผลและลด
23
ั
สิวเสี้ยนได้ดี ช่วยให้เส้นผมนุ่มสวย ส่วนดอกอัญชนทำให้เส้นผมดูดำเป็นเงางาม
24
บทที่ 3
วิธีการดำเนินการศึกษา
ิ
ผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพร จัดทำขึ้นเพื่อพัฒนาผลตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรให้สามารถแก้ไข
ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมได และพัฒนาบรรจภัณฑ์ที่ทำจากกะลามะพร้าวเป็นการอนุรักษ์
ุ
้
ู้
ธรรมชาต โดยผศึกษาได้ดำเนินงานตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
ิ
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
้
2. เครื่องมือที่ใชในการศึกษา
3. ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือ
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
5. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิตที่ใชในการศึกษา
้
ิ
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ุ่
1.1 กลมเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
ชั้นปีที่ 2 กลุ่มการเรียน 1,2 และ 3 สาขาวิชาการบัญชี ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ ภาคเรียนที่ 1 ปี
การศึกษา 2564 วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี จำนวน 84 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง
(Purposive Sampling)
2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม ซึ่งประกอบด้วยแบบตรวจรายการ
แบบมาตราส่วนประมาณ และแบบคำถามปลายปิดและปลายเปิด จำนวน 3 ตอนมีรายละเอียด ดังนี้
ตอนที่ 1 : สอบถามข้อมูลทั่วไป
ตอนที่ 2 : แบบสอบถามความพึงพอใจของผบริโภค
ู้
ตอนที่ 3 : ข้อเสนอแนะและความคิดเห็น
3. ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือ
เครื่องมือที่ใช้ในการสอบถามความคิดเห็น แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
ู้
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผตอบแบบสอบถาม
ข้อ 1 เพศ
ข้อ 2 อาย
ุ
ข้อ 3 กลุ่มการเรียน
ตอนที่ 2 ศึกษาความพึงพอใจผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์ ลักษณะ
แบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประมาณ 5 ระดับ
ระดับ 5 หมายถึง มีความพึงพอใจมากที่สุด
ระดับ 4 หมายถึง มีความพึงพอใจมาก
25
ระดับ 3 หมายถึง มีความพึงพอใจปานกลาง
ระดับ 2 หมายถึง มีความพึงพอใจน้อย
ี่
ระดับ 1 หมายถึง มีความพึงพอใจน้อยทสุด
โดยกำหนดเกณฑ์การแปลความหมายข้อมูลที่เป็นช่วงค่าเฉลี่ยต่างๆ คือ
ช่วงค่าเฉลี่ย ความหมาย
4.51 – 5.00 ความพึงพอใจในระดับมากที่สุด
3.51 – 4.50 ความพึงพอใจในระดับมาก
2.51 – 3.50 ความพึงพอใจปานกลาง
1.51 – 2.50 ความพึงพอใจในระดับน้อย
1.00 – 1.50 ความพึงพอใจในระดับน้อยที่สุด
ตอนที่ 3 เป็นแนวคำถามปลายเปิดสำหรับผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
และให้ข้อเสนอแนะต่างๆ
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
คณะผู้จดทำได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามลำดับขั้นตอน ดังนี้
ั
4.1 ดำเนินการแจกแบบสอบถาม ผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์ โดยแจก
แบบสอบถามให้กลุ่มเป้าหมายผานทางออนไลน์ โดยใช้ Google From
่
4.2 เก็บรวบรวมแบบสอบถาม ผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรและบรรจุภัณฑ์ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มา
วิเคราะห์ต่อไป
5. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถติที่ใช้ในการศึกษา
ิ
้
ิ
การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะขงผู้ตอบแบบสอบถาม สถิตใชค่าเป็นร้อยละ
(Percentage) ค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation S.D.)
โดยรวบรวมข้อมูลการหาค่าสถิติพื้นฐาน คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน
้
ที่ได้โดยใชสูตรดังนี้
5.1 ค่าร้อยละ
F×100
P =
n
เมื่อ P แทน ร้อยละ
F แทน ความถี่ที่ต้องการแปลค่าให้เป็นร้อยละ
n แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด
5.2 ค่าเฉลี่ย
26
∑ x
x̅ =
N
เมื่อ x̅ แทน ค่าเฉลี่ย
∑ x แทน ผลรวมทั้งหมดของความถี่ คูณคะแนน
N แทน ผลรวมทั้งหมดของความถี่ซึ่งมีค่าเท่ากับจำนวนข้อมูล
5.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
2
n ∑ x - (∑x) 2
S.D. = √
n(n-1)
เมื่อ S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
n แทน จำนวนคู่ทั้งหมด
x แทน คะแนนแต่ละตัวในกลุ่มขอมูล
้
∑ x แทน ผลรวมของความแตกต่างขงคะแนนแต่ละค
ู่
27
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
โครงการแชมพูสมุนไพร เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรให้สามารถแก้ไขปัญหา
เกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมได และศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อผลตภัณฑ์แชมพูสมุนไพร
ิ
้
ั
และบรรจุภัณฑ์ ในครั้งนี้ ผู้ศึกษาเสนอตามลำดบ ดังนี้
4.1 สัญลักษณ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
n แทน จำนวนนักศึกษา
แทน คะแนนเฉลี่ย
̅
S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
4.2 การนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษานี้ ผู้ศึกษาได้ดำเนินการวิเคราะห์ออกเป็น 3 ตอนดังนี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ศึกษาความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร แบ่งเป็น 4
ด้าน คือ ดานลิตภัณฑ์ ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านราคา และด้านคุณภาพ
้
ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะและความคิดเห็น
28
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตารางที่ 1 แสดงความถี่และร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามเพศ
n = 84
สถานภาพ จำนวน ร้อยละ
เพศ
ชาย 5 5.95
หญิง 79 94.05
รวม 84 100
จากตารางที่ 1 พบว่า กลุ่มนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 79 คน คิดเป็นร้อยละ
ิ
94.05 เพศชาย จำนวน 5 คน คดเป็นร้อยละ 5.95
ภาพที่ 1 แสดงความถี่และร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามเพศ
29
ี่
ตารางที่ 2 แสดงความถและร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามช่วงอาย ุ
n = 84
สถานภาพ จำนวน ร้อยละ
อาย ุ
18 - 19 ปี 39 46.43
20 - 21 ปี 41 48.81
22 ปี ขึ้นไป 4 4.76
รวม 84 100
จากตารางที่ 2 พบว่า กลุ่มนักศึกษาส่วนใหญ่มีอายุ 20 - 21 ปี จำนวน 41 คน คิดเป็นร้อย
ละ 48.81 อายุ 18 - 19 ปี จำนวน 39 คน คิดเปนร้อยละ 46.43 และอายุ 22 ปี ขึ้นไป จำนวน 4
็
คน คิดเป็นร้อยละ 4.76
ภาพที่ 2 แสดงความถี่และร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามช่วงอาย ุ
30
ตารางที่ 3 แสดงความถี่และร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามกลุ่มเรียน
n = 84
สถานภาพ จำนวน ร้อยละ
กลุ่มเรียน
ปวส.2/1 28 33.33
ปวส.2/2 29 34.52
ปวส.2/3 27 32.14
รวม 84 100
จากตารางที่ 2 พบว่า กลุ่มนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาระดับ ปวส.2/2 จำนวน 29 คน
ั
คิดเป็นร้อยละ 34.52 นักศึกษาระดับ ปวส.2/1 จำนวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 33.33 นักศึกษาระดบ
ปวส.2/3 จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 32.14
ภาพที่ 3 แสดงความถี่และร้อยละของนักศึกษา จำแนกตามกลุ่มเรียน
31
ตอนที่ 2 ศึกษาความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ
้
ด้านผลิตภัณฑ์ ดานบรรจุภัณฑ์ ด้านราคา และด้านคุณภาพ
ตารางที่ 4 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านผลิตภัณฑ์
ระดับความพึงพอใจ
̅
รายการประเมิน S.D. แปลผล
1. สามารถช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได 4.29 0.70 มากที่สุด
้
2. มีกลิ่นหอมจากสมุนไพรธรรมชาต ิ 4.26 0.68 มาก
3. ผมนุ่มลื่น ไม่มีรังแค 4.19 0.67 มาก
4. ลดการหลุดร่วงของเส้นผม 4.20 0.69 มาก
รวม 4.24 0.69 มาก
จากตารางที่ 4 พบว่าความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร ด้าน
ผลิตภัณฑ์ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.24 และ S.D. = 0.69 ) เมื่อพิจารณาเป็น
̅
้
รายข้อแล้ว สามารถช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ( = 4.29 และ
̅
S.D. = 0.70 ) รองลงมามีกลิ่นหอมจากสมุนไพรธรรมชาต มีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.26
ิ
̅
และ S.D. = 0.68 ) ลดการหลดร่วงของเส้นผม มีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.20 และ S.D.
ุ
̅
ั
= 0.69 ) และผมนุ่มลื่น ไม่มีรังแค ( = 4.19 และ S.D. = 0.67 ) ตามลำดบ
̅
่
ภาพที่ 4 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของนักศึกษา สรุปเป็น
รายด้านผลิตภัณฑ์
32
ตารางที่ 5 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านบรรจุภัณฑ์
ระดับความพึงพอใจ
̅
รายการประเมิน S.D. แปลผล
1. ตราผลิตภัณฑ์สามารถจดจำได้ง่าย 4.20 0.74 มาก
2. รูปทรงบรรจุภัณฑ์มีความแปลกใหม่ น่าสนใจ 4.19 0.74 มาก
3. สามารถดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได 4.20 0.70 มาก
้
4. ขนาดของบรรจุภัณฑ์เหมาะสมกับการใช้งาน 4.23 0.65 มากที่สุด
รวม 4.20 0.70 มาก
จากตารางที่ 5 พบว่าความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร ด้าน
บรรจุภัณฑ์ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.20 และ S.D. = 0.70 ) เมื่อพิจารณาเป็น
̅
ุ
รายข้อแล้ว ขนาดของบรรจุภัณฑ์เหมาะสมกับการใช้งาน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สด ( =
̅
4.23 และ S.D. = 0.65 ) รองลงมาตราผลิตภัณฑ์สามารถจดจำได้ง่าย มีความพึงพอใจในระดับมาก (
้
= 4.20 และ S.D. = 0.74 ) สามารถดึงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได มีความพึงพอใจใน
̅
ระดับมาก ( = 4.20 และ S.D. = 0.70 ) และรูปทรงบรรจุภัณฑ์มีความแปลกใหม่ น่าสนใจ ( =
̅
̅
4.19 และ S.D. = 0.74 ) ตามลำดับ
่
ภาพที่ 5 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของนักศึกษา สรุปเป็น
รายด้านบรรจุภัณฑ์
33
่
ตารางที่ 6 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านราคา
ระดับความพึงพอใจ
̅
รายการประเมิน S.D. แปลผล
1. ราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 4.19 0.70 มาก
2. ปริมาณของผลิตภัณฑ์เหมาะกับราคา 4.19 0.74 มาก
3. แสดงราคาขายชัดเจน 4.26 0.66 มากทสุด
ี่
รวม 4.21 0.70 มาก
จากตารางที่ 6 พบว่าความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร ด้าน
ราคา โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.21 และ S.D. = 0.70 ) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ
̅
ี่
แล้ว แสดงราคาขายชัดเจน มีความพึงพอใจในระดับมากทสุด ( = 4.26 และ S.D. = 0.66 )
̅
รองลงมาปริมาณของผลิตภัณฑ์เหมาะกับราคา มีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.19 และ S.D.
̅
ุ
= 0.74 ) และราคาที่เหมาะสมกับคณภาพของผลตภัณฑ์ ( = 4.19 และ S.D. = 0.70 ) ตามลำดับ
ิ
̅
ภาพที่ 6 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของนักศึกษา สรุปเป็น
่
รายด้านบรรจุภัณฑ์
34
ตารางที่ 7 แสดงค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
ของแชมพูสมุนไพร สรุปเป็นรายด้านคุณภาพ
ระดับความพึงพอใจ
̅
รายการประเมิน S.D. แปลผล
1. มีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค 4.21 0.70 มาก
2. ใชผลิตภัณฑ์แล้วไม่เกิดอาการแพ้ 4.16 0.71 มาก
้
3. มีการอธิบายวิธีการใช้ไว้อย่างชัดเจน 4.29 0.69 มากทสุด
ี่
ิ
4. ผลตภัณฑ์สามารถใช้ได้นาน 4.24 0.67 มาก
รวม 4.23 0.69 มาก
จากตารางที่ 7 พบว่าความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร ด้าน
คุณภาพ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.23 และ S.D. = 0.69 ) เมื่อพิจารณาเป็นราย
̅
ข้อแล้ว มีการอธิบายวิธีการใช้ไว้อย่างชัดเจน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ( = 4.29 และ
̅
S.D. = 0.69 ) รองลงมาผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได้นาน มีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.24 และ
̅
S.D. = 0.67 ) มีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.21
̅
้
และ S.D. = 0.70 ) และใชผลิตภัณฑ์แล้วไม่เกิดอาการแพ้ ( = 4.16 และ S.D. = 0.71 )
̅
ตามลำดับ
่
ภาพที่ 7 แสดงคาเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความพึงพอใจของนักศึกษา สรุปเป็น
รายด้านคุณภาพ
35
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
โครงการแชมพูสมุนไพร วัตถุประสงค์การศึกษา 1. เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรให้
สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมได 2. เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกะลามะพร้าวและ
้
ิ
อนุรักษ์ธรรมชาต 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรและ
ู
ี่
ี
บรรจุภัณฑ์ กลุ่มเป้าหมายทใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ นักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชพชนสง
ั้
(ปวส.) ชั้นปีที่ 2 สาขาการบัญชี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี จำนวน
84 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถามเพื่อทราบ
ื
ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร แบ่งเป็น 4 ด้าน คอ
ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านราคา และด้านคุณภาพ สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ 1. ค่าร้อยละ
(Percentage) 2. ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Mean) 3. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
สรุปผลการศึกษา
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในการศึกษาครั้งนี้ สรุปได้ดังนี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่ากลุ่มนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง
จำนวน 79 คน คิดเป็นร้อยละ 94.05 ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 20 - 21 ปี จำนวน 41 คน คิดเป็นร้อย
ละ 48.81 รองลงมาอายุ 18 - 19 ปี จำนวน 39 คน คิดเป็นร้อยละ 46.43 และอายุ 22 ปี ขึ้นไป
จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 4.76
ิ
ตอนที่ 2 ศึกษาความพึงพอใจต่อผลตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของแชมพูสมุนไพร แบ่งเป็น 4
ิ
้
้
้
ุ
ด้าน คือ ดานผลตภัณฑ์ ดานบรรจุภัณฑ์ ดานราคา และด้านคณภาพ
์
ด้านผลิตภัณฑ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.24 และ S.D. = 0.69 ) เมื่อ
̅
้
พิจารณาเป็นรายข้อแล้ว สามารถช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได มีความพึงพอใจในระดับมากทสุด ( =
ี่
̅
4.29 และ S.D. = 0.70 ) รองลงมามีกลิ่นหอมจากสมุนไพรธรรมชาต มีความพึงพอใจในระดับมาก (
ิ
= 4.26 และ S.D. = 0.68 ) ลดการหลุดร่วงของเส้นผม มีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.20
̅
̅
และ S.D. = 0.69 ) และผมนุ่มลื่น ไม่มีรังแค ( = 4.19 และ S.D. = 0.67 ) ตามลำดับ
̅
์
ด้านบรรจุภัณฑ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.20 และ S.D. = 0.70 ) เมื่อ
̅
พิจารณาเป็นรายข้อแล้ว ขนาดของบรรจุภัณฑ์เหมาะสมกับการใช้งาน มีความพึงพอใจในระดับมาก
ที่สุด ( = 4.23 และ S.D. = 0.65 ) รองลงมาตราผลิตภัณฑ์สามารถจดจำได้ง่าย มีความพึงพอใจใน
̅
้
้
ู้
ระดับมาก ( = 4.20 และ S.D. = 0.74 ) สามารถดึงดูดให้ผบริโภคตัดสินใจซื้อสินคาได มีความพึง
̅
พอใจในระดับมาก ( = 4.20 และ S.D. = 0.70 ) และรูปทรงบรรจุภัณฑ์มีความแปลกใหม่
̅
น่าสนใจ ( = 4.19 และ S.D. = 0.74 ) ตามลำดบ
ั
̅
ด้านราคา โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.21 และ S.D. = 0.70 ) เมื่อ
̅
พิจารณาเป็นรายข้อแล้ว แสดงราคาขายชัดเจน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด ( = 4.26 และ
̅
S.D. = 0.66 ) รองลงมาปริมาณของผลิตภัณฑ์เหมาะกับราคา มีความพึงพอใจในระดับมาก ( =
̅
36
4.19 และ S.D. = 0.74 ) และราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ( = 4.19 และ S.D. =
̅
0.70 ) ตามลำดับ
ด้านคุณภาพ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( = 4.23 และ S.D. = 0.69 ) เมื่อ
̅
พิจารณาเป็นรายข้อแล้ว มีการอธิบายวิธีการใช้ไว้อย่างชัดเจน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด (
̅
= 4.29 และ S.D. = 0.69 ) รองลงมาผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได้นาน มีความพึงพอใจในระดับมาก (
̅
= 4.24 และ S.D. = 0.67 ) มีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค มีความพึงพอใจในระดับมาก
( = 4.21 และ S.D. = 0.70 ) และใชผลิตภัณฑ์แล้วไม่เกิดอาการแพ้ ( = 4.16 และ S.D. =
้
̅
̅
0.71 ) ตามลำดับ
การอภิปรายผล
การอภิรายผล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังนี้คือ 1. เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรให้สามารถ
้
แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมได 2. เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกะลามะพร้าวและอนุรักษ์
ิ
ธรรมชาต 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อผลิตภัณฑ์แชมพูสมุนไพรและบรรจ ุ
ภัณฑ์ แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านบรรจุภัณฑ์ ด้านราคา และด้านคุณภาพ
ด้านผลิตภัณฑ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว สามารถ
์
ิ่
ช่วยบำรุงสุขภาพเส้นผมได มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.24 รองลงมา คือ มีกลน
้
หอมจากสมุนไพรธรรมชาต ลดการหลุดร่วงของเส้นผม และผมนุ่มลื่น ไม่มีรังแค
ิ
์
ด้านบรรจุภัณฑ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว ขนาด
ของบรรจุภัณฑ์เหมาะสมกับการใช้งาน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สด มีคาเฉลี่ย 4.20 รองลงมา
่
ุ
คือ ตราผลิตภัณฑ์สามารถจดจำได้ง่าย สามารถดงดูดให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได และรูปทรง
้
ึ
บรรจุภัณฑ์มีความแปลกใหม่ น่าสนใจ
ด้านราคา โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเปนรายข้อแล้ว แสดงราคาขาย
็
ิ
ชัดเจน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สด มีค่าเฉลย 4.21 รองลงมา คือ ปริมาณของผลตภัณฑ์เหมาะ
ี่
ุ
ิ
กับราคา และราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพของผลตภัณฑ์
ด้านคุณภาพ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อแล้ว มีการ
อธิบายวิธีการใช้ไว้อย่างชัดเจน มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.23 รองลงมา คือ
ผลิตภัณฑ์สามารถใช้ได้นาน มีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และใชผลตภัณฑ์แล้วไม่เกิด
้
ิ
อาการแพ้ ซึ่งสอดคล้องกับ ภาวัต กันตศรี (2559) แชมพูมะกรูด พบว่า ประสิทธิภาพต่อการยับยั้ง
เชื้อจุลินทรีย์ของผิวมะกรูดอยู่ทส่วนน้ำมันหอมระเหยซึ่งผิวมะกรูดจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งการ
ี่
เจริญของเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆได้ดีกว่าใบมะกรูด (เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันหอมระเหยที่น้อยกว่าผิว
มะกรูด) จุลินทรีย์ที่ถูกยับยั้งได้ง่ายคือราดงนั้นจึงมีการนำน้ำมันหอมระเหยไปเป็นส่วนผสมในแชมพู
ั
สระผมเพื่อกำจัดรังแคที่มีสาเหตุมาจากเชื้อรา และจิตสถา เตชะทวีกุล (2555) แชมพูว่านหางจระเข ้
สูตรผสมดอกอัญชัน พบว่า ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณทช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดจุดด่างดำ สมานรอยแผล
ี่
และลดสิวเสี้ยนได้ดี ช่วยให้เส้นผมนุ่มสวย ส่วนดอกอัญชันทำให้เส้นผมดูดำเป็นเงางาม
37
ข้อเสนอแนะ
-
38
บรรณานุกรม
บริษัท เอสจีอี เคม จำกัด. (2563). สมุนไพร ของใกล้ตัว มักนิยมนำมาผลิตแชมพู.
กรุงเทพมหานคร. [ออนไลน์]. ได้จาก : https://marumothai.com/article/
บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน). (2562). สมุนไพรบำรุงและแก้ปัญหาผม ตำรับโบราณ.
[ออนไลน์]. ได้จาก : https://www.technologychaoban.com/news-
slide/article_103858
ดร.สุพนิดา วินิจฉัย และคณะ. ผลิตภัณฑ์บำรุงผมจากสารสกัดสมุนไพร. [ออนไลน์].
ได้จาก : https://www.bedo.or.th/bedo/pdf/BedoProduct/010.pdf
สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน). (2563). สมุนไพรหญ้าถอดปล้องกับการช่วยลด
ปัญหาผมร่วง. [ออนไลน์]. ได้จาก : https://www.hrdi.or.th/Articles/Detail/87
สุมนต์ทิพย์ คงตัน จันทร์ฟัก. (2554). การผลิตและพัฒนาตำรับแชมพูที่มีส่วนผสมของสารสกัด
จากพืชสมุนไพรไทย. [ออนไลน์]. ได้จาก :
http://www.crdc.kmutt.ac.th/AgriculturalScienceJournal.files/
เกศิณี เลิศแสงสุวรรณ และคณะ. (2551). แชมพูสมุนไพรขจัดรังแค. [ออนไลน์]. ได้จาก :
https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/service-research-special-
abstract.php?num=26&year=2551
นวฉัตร ทียนสุวรรณ และคณะ. (2559). ผลของสารสกัดสมุนไพรไทยสี่ชนิดต่อการสังเคราะห์
เมลานิล. [ออนไลน์]. ได้จาก : file:///C:/Users/User/Downloads/48611-
Article%20Text-112452-1-10-20160211%20(1).pdf
39
ภาคผนวก