รายงานการพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา
ตามรปู แบบ 5D Model
ภายใตโ ครงการ Innovation For Thai Education (IFTE)
นวตั กรรมการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาการศกึ ษา
โรงเรียนดรุณวทิ ยา เทศบาลเมอื งนาน (บา นสวนตาล)
สงั กัด กองการศึกษา เทศบาลเมอื งนา น
กรมสงเสรมิ การปกครองทองถิ่น
กระทรวงมหาดไทย
คำนำ
รายงานการพัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษาตามรูปแบบ 5D Model ภายใต้โครงการ
Innovation For Thai Education (ITFE) นวตั กรรมการศึกษาเพ่ือพฒั นาการศกึ ษา โรงเรียนดรุณวิทยา เทศบาล
เมืองน่าน (บ้านสวนตาล) ฉบบั นี้ จดั ทาข้ึนเพ่ือสรปุ ผลรายงานผล เพอ่ื ให้โรงเรยี นมีรูปแบบและกระบวนการนเิ ทศ
ตดิ ตามและประเมินผลภายในโรงเรียน อยา่ งเป็นระบบมคี วามเข้มแข็งและเกิดการเปลย่ี นแปลงในทางท่ดี ีขึน้
มีการปรับปรุงและพฒั นาการจัดการเรียนการสอนของครูให้มคี ณุ ภาพและเพอ่ื ยกระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นให้
สูงข้นึ โดยเน้นการพฒั นาทักษะการคิดการแก้ปญั หาและการใช้เทคโนโลยี ซง่ึ ไดร้ บั การสนับสนุนจากสานกั งาน
ศกึ ษาธิการจงั หวดั น่าน สว่ นเนือ้ หาในรายงานเป็นการนาเสนอข้อมูลขน้ั ตอนการพัฒนาระบบการนิเทศภายใน
สถานศึกษาตามรูปแบบ 5D Model และผลที่เกิดกบั สถานศกึ ษา ผลท่เี กดิ ขน้ึ กบั ครูผู้สอน ผลทเ่ี กิดกับผเู้ รยี น และ
ปัญหา อปุ สรรค และข้อเสนอแนะในการดาเนนิ งาน เพ่ือเปน็ ขอ้ มลู ในการปรบั ปรุง พฒั นาและยกระดับคุณภาพ
การศกึ ษาของสถานศึกษาให้สงู ขนึ้ ตอ่ ไป
โรงเรียนดรุณวิทยา เทศบาลเมืองน่าน (บ้านสวนตาล) ขอขอบพระคุณคณะศึกษานิเทศก์จากสานกั งาน
ศึกษาธิการจังหวัดน่าน ที่ได้มาชี้แนะ ให้คาปรึกษาในการจัดการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิในคร้ังนี้ รวมถึง
ผบู้ รหิ ารเทศบาลเมืองนา่ น คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน คณะครู ผ้ปู กครองชมุ ชน และผู้เกี่ยวขอ้ งทุกภาค
ส่วน ท่ีร่วมส่งเสริมสนับสนุนให้การดาเนินงานครั้งน้ีสาเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลการ
ดาเนนิ งานรายงานฉบบั น้ี จะเป็นประโยชนต์ อ่ การพัฒนา ยกระดับคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาหรือผู้ทีส่ นใจ
นาไปใชป้ ระโยชน์ตอ่ ไป
คณะผ้จู ัดทำ
โรงเรียนดรณุ วทิ ยำ เทศบำลเมืองนำ่ น (บ้ำนสวนตำล)
สำรบญั หนำ้
1
ช่ือนวตั กรรม 1
ชอื่ ผสู้ รา้ งนวัตกรรม 1
แนวการคิดคน้ นวัตกรรม 1
ประเภทของนวตั กรรม 1
ความเปน็ มาและความสาคัญของนวตั กรรม 4
วัตถุประสงค์ 4
กล่มุ เปา้ หมาย 4
หลักการและแนวคิดทฤษฏีที่ใช้ 26
การออกแบบนวัตกรรม 29
30
ขนั้ การวิเคราะหข์ ้อมลู 31
ขัน้ การออกแบบ 31
ขัน้ การนิเทศเชิงลึก 32
ขั้นการประเมินผลและรายงาน 32
ขน้ั การพฒั นา 33
วิธดี าเนินการ 41
ผลการสรา้ งและพัฒนา 42
การเผยแพรน่ วัตกรรม 44
คณะทางานและผู้สร้างนวตั กรรม 45
เอกสารอ้างอิง 46
ภำคผนวก
ภำคผนวก ก รูปภาพกจิ กรรมการพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา 57
69
ตามรปู แบบ 5D Model
ภำคผนวก ข การวดั และประเมินผล
ภำคผนวก ค ตารางการนิเทศ
แบบรายงานการสร้างนวัตกรรม
1. ชือ่ นวตั กรรม
การพัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model โรงเรยี นดรณุ วิทยา
เทศบาลเมืองนา่ น (บ้านสวนตาล)
2. ชอื่ ผสู้ ร้างนวตั กรรม
โรงเรียนดรณุ วิทยา เทศบาลเมอื งน่าน (บ้านสวนตาล) สงั กดั เทศบาลเมอื งน่าน เขต/อาเภอ
เมืองนา่ น จังหวดั น่าน โทร 054 – 719429 E-mail address : [email protected]
3. แนวทางการคิดคน้ นวตั กรรม
แสวงหานวัตกรรม/แบบอยา่ งทีด่ ีจากแหล่งตา่ งๆ ท่ีเคยมีผู้สรา้ งหรือ ทาไว้แลว้ แลว้ นามาปรับปรุงหรือ
พัฒนาใหม่
การสรา้ งนวัตกรรมใหม่
4. ประเภทของนวัตกรรม
การบริหารจดั การศึกษา การจัดการเรยี นรู้ การนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
5. ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา
ปัญหาการเรยี นร้ทู ่ีผา่ นมาของประเทศไทย ยังไม่ประสบผลสาเร็จตามเป้าหมายและ ไม่สอดคล้อง
กับแนวการศึกษายุค 4.0 ได้แก่ นักเรียนขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้งองค์ความรู้ต่างๆ ตามหลักสูตร เนื่องจาก
วธิ กี ารเรียนร้ทู ่ีผ่านมาเน้นเรียนรู้ เพื่อจาความรู้ตามตารา ทีม่ ีเน้ือหาสาระจานวนมาก ครผู ู้สอนเนน้ ถา่ ยทอด
ความรู้จากตาราสู่ผู้เรียนเพื่อสอบให้ได้ แต่ไม่ได้เน้นให้ผู้เรียน มีองค์ความรู้ที่ลึกซึ้งในเน้ือหาสาระเหล่านั้น
ท้ังน้ี อาจเน่ืองจากครูยังกังวลเก่ียวกบั เน้ือหาในรายวิชามากกว่าทักษะการคิดของนักเรยี น ส่งผลให้นกั เรียน
ขาดความคิดสร้างสรรคใ์ นการนาองค์ความรู้ไปใช้ในชีวิตหรือพัฒนานวตั กรรมให้กับประเทศ นอกจากน้ันยัง
พบว่า นักเรียนโดยรวมไม่สามารถ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือนาไปพัฒนา
อาชีพ เพราะขาดการเรียนรู้ ท่ีเช่ือมโยง ขาดความคิดสร้างสรรค์ ขาดทักษะการประดิษฐ์และขาดการ
สนับสนุนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีผลิตภาพจากระบบการศึกษาอย่างเพียงพอ (สานักงานคณะกรรมการ
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 1
การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน, 2559) ผู้สอนมบี ทบาทเป็นผ้ถู า่ ยทอดความรู้และเน้นการถา่ ยทอดเน้ือหาวชิ ามากกว่า
การเรียนรู้ตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตร ขาดการพัฒนาวิธสี อนและเทคนิคท่ีช่วยให้นักเรียนสนใจ
ใฝ่รู้ ทาให้นักเรียนเกิดความเบ่ือหน่ายไม่สนใจในการเรียนรวมท้ังไม่มีเจตคติท่ีดีต่อการเรียน (นงค์ลักษณ์
ทองมาศ, 2548) ลักษณะและธรรมชาติการสอนของครูยังเฉื่อยเนือย (Passive) ไม่น่าตื่นเต้นสาหรับคนรุ่น
ใหม่ การพัฒนางานให้มีชีวติ ชีวาในการสอนยังมีไม่มากนัก การวิจัย ค้นคว้ามีน้อย ขาดอุดมคติ ความมุ่งม่ัน
และความสานึก ครูไม่เป็นแบบอย่างที่ดีท้ังในด้านการสอนและการดารงตน การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ได้
อย่างจริงจังและเต็มที่ยังมีน้อย ครูตามไม่ทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ ข้อจากัดของงานครูกับ
รูปแบบของการศึกษาใหม่ การสอนท่ีไม่สอดคล้องกับชีวิตจริง ความหลากหลายของผู้เรียนท่ีเกินกว่าครูจะ
ช้ีแนะได้ การเรยี กร้องทีค่ รูไม่พรอ้ มจะรบั ได้ (ไพฑรู ย์ สินลารตั น์, 2559)
จากสภาพปัญหาข้างต้น จึงจาเป็นท่ีจะต้องมีการพัฒนาครูผู้สอนอย่างต่อเน่ืองเพราะครูเป็นผู้จัด
กระบวนการเรียนรู้และการคิดให้นักเรียน ครูเป็นบุคคลที่มีบทบาทสาคัญในการที่จะแปลงมาตรฐานการ
เรียนรู้และสาระการเรียนรู้ในหลักสูตรให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมน่าสนใจและมีกระบวนการ
เรียนรู้ท่ีหลากหลาย ครูผู้สอนต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายของการเรียนเป็นอย่างดี ท้ัง
เป้าหมายตามหลักสูตรและเป้าหมายของประเทศ ครคู วรมีความสามารถในการออกแบบกจิ กรรมการเรียนรู้
หลากหลายรูปแบบ มีการใช้สื่อการเรียนการสอนหลากหลาย และสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือจัด
กระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ครูสามารถปรับปรุงคุณภาพจัดการเรียนรู้อย่างเหมาะสม
และหล่อหลอมนักเรียนท่ีกาลังศึกษาอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (มนัส บุญประกอบ และคณะ, 2545)
สามารถจดั การเรียนรู้ ทยี่ ดึ ผูเ้ รียนเปน็ สาคญั ไดอ้ ยา่ งแท้จริง (กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551)
การพัฒนาครูมีหลายรูปแบบ เช่น การฝึกอบรม การประชุมเชิงปฏิบัติการ ระบบพ่ีเล้ียง การ
นิเทศงาน การปฐมนิเทศ การจัดทาคู่มือ การศึกษาดูงาน การพัฒนาตนเอง และอื่นๆ แต่ละรูปแบบล้วน
สง่ ผลต่อการพัฒนาครูให้มคี วามรู้ทักษะและเจตคติที่ดีต่อการปฏิบัติงานท่ีดขี ้ึน ดังนั้น จึงควรนารูปแบบการ
พัฒนาที่ดีเหล่าน้ันมาบูรณาการร่วมกันเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งข้ึน เช่น การนิเทศร่วมกับกระบวนการให้
คาแนะนาปรึกษา (Mentoring) เป็นกระบวนการพัฒนาผู้สอนท่ีมุ่งให้ความสาคัญในเงื่อนไขความสัมพันธ์
ระหว่างบุคคล หรือเพ่ือนร่วมงานที่มีความรู้ความสามารถสูงกว่า กับผู้ท่ีมีความสามารถด้อยกว่า ซ่ึงเป็น
กระบวนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันระหว่าง ผู้มีทักษะประสบการณ์สูง กับผู้ที่มีทักษะและ
ประสบการณด์ ้อยกว่า โดยมเี ง่ือนไขขอ้ ตกลงร่วมกันวา่ จะพัฒนาและเสริมสร้างประสบการณ์ หรอื สมรรถนะ
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 2
เฉพาะด้าน ให้ผู้มีประสบการณ์ด้อยกวา่ ไดร้ ับความกา้ วหน้าและประสบผลสาเรจ็ หรือการนิเทศรว่ มกับการ
สะท้อนผล (Reflection) เป็นการพัฒนาศักยภาพหรือสมรรถนะของบุคลากรทางการศึกษาเพ่ือเพิ่มพูน
ความเข้าใจทักษะการปฏิบัติและวิธีการคิดของบุคคลตามนัยของกรอบแนวคิดทฤษฎีด้วยการตระหนักรู้ใน
การปฏิบัติผ่านประสบการณ์ซึ่งการสะท้อนผลท่ีมีประสิทธิภาพจะสามารถกระทาก่อนหรือภายหลังการ
ปฏิบตั ติ ามคาแนะนาปรึกษาก็ไดภ้ ายใต้เง่ือนไขทผ่ี ู้ให้คาแนะนาไดก้ าหนดไว้ นอกจากน้ีภายหลังประเมินการ
ปฏิบัติงานแต่ละคร้ังควรมีการให้ขอ้ มูลป้อนกลับผ่านกิจกรรมการสะท้อนผลเพื่อให้บุคคลเกิดความเข้าใจใน
ประเด็นการปฏิบัติที่ได้รบั ปรับปรุงเปลย่ี นแปลงตามเป้าหมายทต่ี อ้ งการเนอื่ งจากกิจกรรมการสะท้อนผลเป็น
การใช้ ความสาม ารถคิดและให้ เข้าใจวิธีการคิดเก่ียวกับ การป ฏิบั ติ ท่ี เช่ือม โยงกับ แนวคิดท ฤษ ฎี แล ะ
ประสบการณ์ให้บุคคลมีพัฒนาการสูงขึ้น การนิเทศร่วมกับการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ (Practice Learning)
เป็นแนวคิดที่ให้ความสาคัญกับกระบวนการทบทวนและสะท้อนผลการกระทาหรือการแสดงพฤตกิ รรมของ
ผู้เรียนโดยใช้ความรู้จากความคิดรวบยอด ในบทเรียนและประสบการณ์ท่ีมีอยู่มาปฏิบัติ เพื่อปรับปรุง
พฒั นาความรู้และทักษะในบทเรียนใหส้ ูงข้ึนผ่านกจิ กรรมการทบทวนปฏบิ ัติด้วยการสะท้อนผล (Reflective
Practice ) หรือให้ข้อมูลป้อนกลับจากเพื่อนและครูผู้สอนในช้นั เรยี น และการนเิ ทศร่วมกับการถอดบทเรยี น
(Lesson Learner) เป็นกระบวนการดึงเอาความรู้จากการทางานหรอื การสกัดความรู้ท่ีมีอยู่ในตัวคน (Tacit
Knowledge) ออกมาใช้เป็นทุนในการทางานให้ดียิ่งขึ้น ซ่ึงเป็นบทเรียนหรือความรู้ท่ีชัดแจ้ง (Explicit
Knowledge) สามารถนามาเรยี นร้รู ่วมกันของผู้เขา้ ร่วมกระบวนการอันนามาซ่ึงการปรับวิธีคิดเปล่ียนแปลง
วธิ ีการทางานทส่ี รา้ งสรรคแ์ ละมีคุณภาพยง่ิ ข้ึน (วรางคณา จันทร์คง, 2557)
การนิเทศ (Supervision) จึงเป็นกระบวนการพัฒนาครูท่ีมีความสาคัญและจาเป็นต่อการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาอย่างย่ิง การนิเทศการศึกษาจะช่วยให้เกิดการปรับปรุงสภาพการเรียนการสอนให้มี
คณุ ภาพดีขนึ้ การนิเทศ เป็นกระบวนการท่ีมีการดาเนินการอย่างมีระเบียบ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการ
สอนของครูให้สูงข้ึน และช่วยให้นักเรียนได้มีผลสัมฤทธ์ิในการเรียนรู้ท่ีสูงขึ้น ดังนั้น การนิเทศภายใน
โรงเรียนจึงจาเป็นต้องพัฒนากระบวนการทางานของผู้บริหารโรงเรียนหรือผู้ ท่ีได้รับมอบหมายในฐานะผู้
นิเทศ ในการพัฒนาคุณภาพและเปล่ียนแปลงการทางานของครูและบุคลากรภายในโรงเรยี น เพือ่ ให้ได้มาซึ่ง
สัมฤทธ์ิผลสูงสุดในด้านการเรียนของผู้เรียน หากโรงเรียนมีระบบการนิเทศภายใน ท่ีเข้มแข็ง มีการ
ดาเนินการอย่างเป็นรูปธรรม อย่างต่อเน่ือง และสม่าเสมอจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรอันจะส่งผลให้
คุณภาพของโรงเรียน ผลการเรียนรูข้ องผเู้ รียนพฒั นาเปลี่ยนแปลงไปในทางทดี่ ขี ้ึน จึงเป็นหนา้ ทีข่ องผบู้ ริหาร
โรงเรียน และบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียนท่ีจะตอ้ งร่วมมือร่วมใจกันดาเนินการพัฒนางานทุกด้านในโรงเรียน
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 3
โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในด้านวิชาการ ซึ่งเป็นงานท่ีเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การนาหลักสูตรไปใช้ให้
บรรลุตามจุดประสงค์ของหลักสูตร ตลอดจนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และมีสมรรถนะสาคัญตามท่ี
กาหนดไว้ในหลกั สตู ร
จากความปัญหาและความสาคัญดังกล่าวข้างต้น งานบริหารงานวิชาการ โรงเรียนดรุณวิทยา
เทศบาลเมืองน่าน (บ้านสวนตาล) ในฐานะที่รับผิดชอบด้านวิชาการ มีหน้าที่ในการเสริมสร้างคุณภาพการ
เรียนรู้ให้ประสบผลสาเร็จ ตามเป้าหมายของหลักสูตรและสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศ อีกท้ัง
ปัจจุบันประเทศไทยกาลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า2019 (COVID-
19) ทีท่ าให้การจดั การเรียนรู้ของโรงเรียนจาเปน็ ปรับเปลีย่ นรปู แบบไปตามสถานการณ์ โดยจัดการเรียนรทู้ ั้ง
การเรียนท่ีโรงเรียนโดยมีมาตรการเฝ้าระวัง ( On-site ) การสอนผา่ นระบบออนไลน์ (On-line) การเรียนท่ี
บา้ นโดยใช้เอกสาร เชน่ หนังสอื เรยี น แบบฝึกหดั (On-hand) ดงั นั้นการนิเทศจงึ ตอ้ งปรับเปลีย่ นรูปแบบให้
เหมาะสมกับสถานการณ์ คณะทางานจึงได้พัฒนารูปแบบการนิเทศ ตามรูปแบบ 5D Model เพื่อพัฒนา
ระบบการนเิ ทศ ติดตามและประเมินผล สรา้ งเครอื ข่ายความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา เพ่ือให้
ครูสามารถจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน สามารถพัฒนาผู้เรียน
บรรลุเป้าหมายของสถานศึกษาตอ่ ไป
6. วัตถปุ ระสงค์
1) เพ่ือให้โรงเรียนมีรูปแบบและกระบวนการนิเทศ ติดตามและประเมินผลภายในโรงเรียน
อย่างเป็นระบบมคี วามเข้มแขง็ และเกิดการเปลย่ี นแปลงในทางทด่ี ีข้ึน
2) เพื่อปรบั ปรงุ และพฒั นาการจัดการเรยี นการสอนของครใู ห้มีคณุ ภาพ
3) เพอ่ื ยกระดับผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นใหส้ งู ขนึ้ โดยเนน้ การพฒั นาทักษะการคิดการ
แกป้ ัญหาและการใชเ้ ทคโนโลยี
7. กลมุ่ เป้าหมาย
ประชากร
ผู้บรหิ าร ครูและนกั เรียน โรงเรียนดรณุ วทิ ยา เทศบาลเมอื งนา่ น (บ้านสวนตาล)
8. หลักการ แนวคดิ ทฤษฎีท่ีใช้
8.1 รปู แบบและการพัฒนารูปแบบ
8.1.1 ความหมายของรูปแบบ
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 4
ราชบัณฑิตยสถาน (2542 : 965) พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ให้
ความหมายรูปแบบ (Model) หมายถึง รูปที่กาหนดขน้ึ เปน็ หลักหรือเป็นแนวซึ่งเปน็ ท่ยี อมรบั แสดงว่าเป็นส่ิง
นน้ั ๆ เชน่ รูปแบบบา้ นรปู ปลารูปใบไม้รปู แบบผู้หญงิ รูปแบบวดั รูปแบบเป็ดเปน็ ต้น
ทิศนา แขมมณี (2545 : 218) ได้ให้ความหมายของรูปแบบไว้ว่ารูปแบบเป็นรูปธรรมของ
ความคิดท่ีเป็นนามธรรมซึ่งบุคคลแสดงออกมาในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง เช่น เป็นคาอธิบาย เป็นแผนผัง
ไดอะแกรม หรือแผนภาพเพื่อช่วยให้ตนเองและบุคคลอื่นสามารถเข้าใจได้ชัดเจนขึ้น รูปแบบเป็นเครื่องมือ
ทางความคดิ ทบ่ี ุคคลใชใ้ นการสบื สอบหาคาตอบความรคู้ วามเข้าใจในปรากฏการณ์ทั้งหลาย
ฉลาด จันทรสมบัติ (2550 : 98) ได้ให้ความหมายของรูปแบบไว้ว่ารูปแบบ หมายถึง
โครงสร้างโปรแกรมแบบจาลองหรือตัวแบบที่จาลองสภาพความเป็นจริงท่ีสร้างข้ึนจากการลดทอนเวลาและ
เทศะ พิจารณาว่ามีส่ิงใดบ้างที่จะต้องนามาศึกษาเพ่ือใช้ทดแทน แนวความคิดหรือปรากฏการณ์ใด
ปรากฏการณห์ นง่ึ โดยอธบิ าย ความสมั พนั ธข์ ององค์ประกอบต่างๆ ของรูปแบบนัน้ ๆ
รัต น ะ บั วส น ธ์ (2552 : 124) ได้ ให้ ค วาม ห ม ายขอ งรูป แบ บ ไว้ว่าค ว าม ห ม าย
ของรูปแบบจาแนกออกเป็น 3 ความหมาย ดังน้ี 1) แผนภาพหรือภาพร่างของสิ่งใดสิ่งหน่ึงท่ียังไม่สมบูรณ์
เหมือนของจริงรูปแบบในความหมายนม้ี ักจะเรียกทับศัพท์ในภาษาไทยว่า“โมเดล”ได้แก่ โมเดลบ้าน โมเดล
รถยนต์ โมเดลเสอ้ื เปน็ ตน้ 2) แบบแผนความสมั พันธข์ องตวั แปรหรอื สมการทางคณติ ศาสตร์ทรี่ จู้ กั กันในชื่อ
ที่เรยี กวา่ “Mathematical Model” 3) แผนภาพทแ่ี สดงถึงองคป์ ระกอบการทางานของส่ิงใดสิ่งหน่งึ รูปแบบ
ในความน้ีบางทีเรียกกันว่าภาพย่อส่วนของทฤษฏีหรือแนวคิดในเร่ืองใดเรื่องหน่ึงเช่นรูปแบบการสอน
รูปแบบการบรหิ าร รปู แบบการประเมนิ เป็นต้น
วาโร เพ็งสวัสดิ์ (2553 : 3) ได้ให้ความหมายของรูปแบบไว้ว่ารูปแบบ หมายถึง กรอบ
แนวคิดทางด้านหลักการวิธีการดาเนินงานและเกณฑ์ต่างๆ ของระบบที่สามารถยึดถือเป็นแนวทางในการ
ดาเนินงานให้บรรลุตามวัตถุประสงคไ์ ด้
สรุปได้ว่า รูปแบบ หมายถึง แผนภาพท่ีแสดงถึงองค์ประกอบการทางานของส่ิงใด สิ่งหนึ่ง
รูปแบบในความนี้บางทีเรียกกันว่าภาพย่อส่วนของทฤษฏีหรือแนวคิดเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของ
องค์ประกอบต่างๆ ให้กระชับเข้าใจได้ง่าย และสามารถยึดถือเป็นแนวทางในการดาเนินงานให้บรรลุตาม
วัตถุประสงค์ได้ ซึ่งงานวิจัยในคร้ังน้ี รูปแบบ หมายถึง แผนภาพท่ีแสดงถึงองค์ประกอบการทางานของสิง่ ใด
ส่ิงหนึ่งรูปแบบในความนี้บางทีเรียกกันว่าภาพย่อส่วนของทฤษฏีหรือแนวคิดเพ่ืออธิบายความสัมพันธ์ของ
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 5
องค์ประกอบต่างๆ ให้กระชับเข้าใจได้ง่าย และสามารถยึดถือเป็นแนวทางในการดาเนินงานให้บรรลุตาม
วัตถุประสงค์สาหรับรูปแบบการนิเทศ โดยใช้ชุมชนการเรียนรูท้ างวิชาชีพ มีองค์ประกอบ 6 ด้าน ได้แก่ 1)
หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ระบบและกลไกของรูปแบบ 4) แผนการดาเนินงาน
ของรูปแบบ 5) แนวทางการประเมนิ ผล และ 6) เงอ่ื นไขการนารปู แบบไปใช้
8.1.2 องค์ประกอบของรปู แบบการนเิ ทศ
สมาน อัศวภมู ิ (2537 : 55) กลา่ วสรุปถงึ องค์ประกอบของรูปแบบทด่ี ี ควรประกอบด้วย 7
องค์ประกอบ ดงั นี้
1. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ ในการพฒั นารปู แบบใดๆ กต็ าม ผ้อู อกแบบรปู แบบต้องรู้วา่ จะ
ออกแบบรูปแบบการดาเนินงานน้ีข้ึนมาเพื่อวัตถุประสงค์ใด ซ่ึงโดยท่ัวไปก็มักจะพัฒนารูปแบบข้ึนมาเพ่ือ
แก้ไขปัญหาอย่างใดอย่างหน่ึง หรือเพื่อให้การดาเนินงานเกิดผลดีอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การพัฒนาระบบ
ประกันคุณภาพภายในโรงเรียนขึ้นมาก็เพ่ือให้การดาเนินงานในโรงเรียนเป็นไปอย่างมีคุณภาพและเป็นท่ี
ยอมรับของผ้มู ีส่วนไดส้ ว่ นเสีย เป็นต้น
2. ทฤษฎีพ้ืนฐานและหลักการของรูปแบบ เพ่ือให้การดาเนินงานของรูปแบบเป็นไปตาม
วัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ ผู้ออกแบบรูปแบบต้องกาหนดว่าจะออกแบบรูปแบบน้ัน ๆ บนฐานความคิดของ
ทฤษฎีและหลักการใดบ้าง เช่น หลักการประการหน่ึงของระบบประกันคุณภาพภายในโรงเรียน คือ “หลัก
ร่วมกันรับผิดชอบ” หมายความว่า คุณภาพการศึกษาภายในโรงเรียนจะเกิดข้ึนได้ ก็ต่อเมื่อผู้เกี่ยวข้องทุก
ฝ่ายต้องรว่ มกนั รับผิดชอบ เป็นตน้
3. ระบบงานและกลไกของรูปแบบ เพ่ือให้การดาเนินงานเป็นไปตามหลักการและบรรลุ
ตามวัตถุประสงค์ของรูปแบบ ผู้พัฒนารูปแบบต้องออกแบบระบบงานของรูปแบบเพื่อเป็นกลไกในการ
ดาเนินงานของรูปแบบ เช่น การจัดโครงสร้างองค์การ การต้ังคณะกรรมการและคณะทางานต่างๆ และที่
จาเปน็ อื่นๆ พรอ้ มกับการกาหนดบทบาทหนา้ ท่ี ความสมั พันธแ์ ละการทางานรว่ มกนั ของระบบเหล่าน้ัน เพื่อ
การบรรลุวตั ถุประสงค์ของรปู แบบทก่ี าหนดไว้
4. วธิ ีการดาเนินงานของรูปแบบโดยการกาหนดภารกิจ กระบวนการ วิธกี าร กิจกรรม และ
อน่ื ๆ ท่ตี อ้ งดาเนนิ การเพ่ือการบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ของรูปแบบ
5. แนวการประเมิน คือ การกาหนดแนวทางและเคร่ืองมือในการประเมินผล ตาม
วัตถุประสงค์ของรูปแบบ และการประเมินการดาเนินงานตามรูปแบบว่าเป็นไปตามที่กาหนดไว้หรือไม่
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 6
เพียงใด เพ่ือประโยชน์ในการตรวจสอบว่ารูปแบบทาหน้าท่ีตามที่ออกแบบไว้มากน้อยเพียงใด เป็นไปตาม
วัตถุประสงคท์ ่กี าหนดไวห้ รือไม่เพียงใด ตลอดจนการกาหนดแนวทางในการพฒั นารูปแบบ ต่อเนือ่ งไปได้
6. คาอธิบายประกอบรูปแบบ หมายถึง การอธิบายคาศัพท์เฉพาะ ท่ีนามาใช้ในการ
ออกแบบรูปแบบ เพอื่ สอ่ื ความให้ตรงกันในการนารปู แบบไปใช้
7. ระบุเงื่อนไขการนารูปแบบไปใช้ เน่ืองจากรูปแบบมีข้อจากัดของตนเอง ดังน้ัน
ผ้อู อกแบบควรไดร้ ะบุเง่ือนไขที่จะทาให้การนารูปแบบไปใชป้ ระสบผลสาเร็จ และข้อระมัดระวัง เพื่อป้องกัน
ปญั หาท่อี าจจะเกิดขน้ึ เปน็ ตน้
ธรี ะ รุญเจริญ (2550 : 90) ได้เสนอองคป์ ระกอบของรูปแบบไว้ 6 องค์ประกอบ คือ
1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ระบบและกลไกของรูปแบบ 4) วิธีการดาเนินงาน
ของรปู แบบ 5) แนวทางการประเมินผล และ 6) เงื่อนไขการนารปู แบบไปใช้
นพพรพรรณ ญาณโกมทุ (2558 : 31) ได้กาหนดรูปแบบการนเิ ทศภายใน โดยแบ่งเป็น 4
องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลกั การของรูปแบบ 2) วัตถปุ ระสงคข์ องรปู แบบ 3) กระบวนการนิเทศภายใน และ
4) การประเมนิ ผล
ไพลิน สุมังคละ (2559 : 41) ได้จาแนกองค์ประกอบของรูปแบบการนิเทศภายในด้านการ
จัดการเรียนการสอน มีองคป์ ระกอบ 8 ด้าน ดังนี้ 1) ช่ือของรูปแบบ 2) หลักการของรปู แบบ 3)
วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 4) กลไกในการดาเนินงานของรูปแบบ 5) วิธีการดาเนินงานของรูปแบบ 6)
การประเมินผลของรูปแบบ 7) เงื่อนไขความสาเร็จของรูปแบบ 8) แผนการดาเนินงานจัดกจิ กรรมการนิเทศ
ตามขอบขา่ ยของรูปแบบ
จากการศึกษาเอกสารเกี่ยวกับองค์ประกอบของรูปแบบ ผู้วิจัยจึงสังเคราะห์องค์ประกอบ
สาหรับรูปแบบการนิเทศโดยใช้รูปแบบ 5 D มีองค์ประกอบ 6 ด้าน ได้แก่ 1) หลักการของรูปแบบ 2)
วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) กระบวนการและกลไกของรูปแบบ 4) แผนการดาเนินงานของรูปแบบ 5)
แนวทางการประเมินผล และ 6) เงอ่ื นไขการนารูปแบบไปใช้
8.1.3 การพฒั นารูปแบบ
วารินทร์ รศั มีพรหม (2542 : 46) กล่าวว่า ลกั ษณะสาคัญของการออกแบบและพัฒนารูปแบบ
ควรดาเนินการดังน้ี
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 7
1. กาหนดแนวคิดหรือหลกั การพื้นฐาน รูปแบบการเรียนการสอนต้องมีแนวคดิ หรอื หลกั การ
พื้นฐานอาจเกดิ มาจากแนวคิดทางการศึกษา เช่น การให้นักเรยี นไดร้ ับประสบการณต์ รง ทฤษฎจี ติ วิทยา
ทฤษฎีการเรยี นรู้ เปน็ ต้น ในการออกแบบการเรียนการสอนหนึ่ง ๆ อาจมแี นวคดิ หรือหลกั การพืน้ ฐานเพียง
อยา่ งเดยี ว หรืออาจมแี นวคิดหรือหลักการพน้ื ฐานเป็นสหวิทยาการ (Multidisciplinary) ซ่งึ แนวคิดหรือ
หลักการพน้ื ฐานนี้ จะเป็นหลักหรือแนวทางในการกาหนดและจัดระเบียบความสัมพันธ์ขององค์ประกอบตา่ ง
ๆ ใหส้ อดคล้องต่อเนือ่ งกนั
2. กาหนดองค์ประกอบและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ ลักษณะนี้จัดเป็นสิ่งสาคัญท่ีท้า
ทายผู้ออกแบบ หรือพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน เนื่องจากจะต้องเป็นผู้กาหนดองค์ประกอบและ
ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบ ให้เป็นไปอย่างมีเหตุผลสอดคล้องกับแนวคิดพ้ืนฐาน การกาหนด
องค์ประกอบของรูปแบบการสอนน้ันข้ึนอยู่กับความรู้ ประสบการณ์ของผู้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอน
ดังนั้นการกาหนดองค์ประกอบและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบจึงเป็นส่ิงสาคัญที่ผู้พัฒนารูปแบบการ
เรียนการสอน จะต้องวิเคราะห์จนสามารถมองเห็นความสาคัญ และความสัมพันธ์ของแต่ละองค์ประกอบได้
อย่างชัดเจน จึงจะสามารถกาหนดองค์ประกอบและความสัมพันธ์ได้อย่างสมเหตุสมผลและมีประสิทธิภาพ
ซง่ึ ลักษณะของรูปแบบ การเรยี นการสอนในข้อน้จี ะแตกตา่ งกันออกไป และยังไม่มีขอ้ กาหนดใดทชี่ ัดเจนเป็น
ทย่ี อมรับกนั ในศาสตร์ของการสอนว่าจะต้องมลี ักษณะหรือรปู แบบที่แน่นอน
3. มีการพัฒนาหรือการออกแบบอย่างเป็นระบบ ในการออกแบบหรือการพัฒนารูปแบบ
การเรียนการสอนจะต้องเป็นข้ันตอน เร่ิมตั้งแต่การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลและองค์ประกอบของการเรียนการ
สอนท่ีเก่ียวข้อง การกาหนดองค์ประกอบท่ีสาคัญและจาเป็น การจัดความสัมพันธ์ขององค์ประกอบให้
สอดคล้องกัน การนาแผนของการจดั การเรยี นการสอนไปทดลองใช้ การประเมินเพอื่ ตรวจสอบประสิทธภิ าพ
ของรูปแบบการเรียนการสอน เพื่อยืนยันผลท่ีเกิดข้ึนกับนักเรียน สามารถพัฒนานักเรียนให้มีคุณลักษณะ
ตามที่ต้องการ จึงจะยอมรับว่ารปู แบบการจดั การเรยี นการสอนน้ันมีประสทิ ธิภาพ ซึ่งการพัฒนารูปแบบการ
เรยี นการสอนมีผลตอ่ การพฒั นานักเรยี นในด้านต่าง ๆ
สรุปว่า การพัฒนารูปแบบ ควรดาเนินการเร่ิมต้นจากการกาหนดหลักการของรูปแบบ ให้มีกรอบ
แนวคิดท่ีชัดเจน แล้วดาเนินการออกแบบส่วนต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบของรูปแบบ แล้วทดลองนาไปใช้
จัดการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลของรูปแบบ ที่จะทาให้
มน่ั ใจไดว้ ่ารูปแบบการจดั การเรยี นรนู้ นั้ สามารถพฒั นาผูเ้ รียนไดจ้ รงิ
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 8
8.2 การนเิ ทศการศึกษา
8.2.1 ความหมายของการนเิ ทศการศกึ ษา
Acheson and Gall (1992 : 124 ; อ้างอิงมาจาก Wiles and Bondi. 2004 : 14) ได้ให้
ความหมายของการนิเทศว่า เป็นความร่วมมือ เป็นการปฏิบัติมากกว่าการช้ีนา เป็นประชาธิปไตยมากกว่า
เผด็จการ และเน้นครูเปน็ สาคัญ
สงัด อุทรานันท์ (2530 : 7) ให้ความหมายของการนิเทศว่า หมายถึง กระบวนการทางาน
ร่วมกบั ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาเพอื่ ให้ไดม้ าซงึ่ สมั ฤทธิผลสูงสุดในการเรียนของนกั เรยี น
วไลรัตน์ บุญสวัสดิ์ (2538 : 64) ได้ให้ความเห็นเก่ียวกับการนิเทศไว้ว่าการนิเทศเป็นการ
กระตุ้นให้การทางานประสบผลสาเร็จโดยผ่านตัวกลางหรอื บุคคลอื่น เชน่ ครู หรือผบู้ ริหาร ผู้ท่ีเก่ียวข้อง
กบั การศึกษาอีกต่อหน่ึง หรอื อาจกล่าวไดว้ ่าเปน็ กระบวนการนิเทศและความรว่ มมือระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับ
การนเิ ทศเพ่ือประสิทธภิ าพอันสงู สุดในการเรียนของนกั เรยี น
สรุปว่า การนิเทศ หมายถึง การร่วมมือกันระหว่างบุคลากรทางการศึกษาและผู้เกี่ยวข้องเพ่ือ
ปรบั ปรุงและพัฒนาการเรยี นการสอน โดยมีกระบวนการเตรยี มความพรอ้ มการสังเกตชั้นเรียน การสะท้อน
ผลการปฏิบัติงานของครู และการให้ข้อเสนอแนะเพ่ือปรับปรุงพัฒนาการเรียนการสอนท่ีตรงกับความ
ต้องการของครู โดยให้อิสรเสรีภาพแก่ครูในการทางานเพ่ือให้สามารถปรับปรุงการเรียนการสอนให้มี
คุณภาพยง่ิ ข้ึน
8.2.2 กระบวนการนเิ ทศเพ่ือพฒั นาการเรียนการสอน
เน่ืองจากการนิเทศการศึกษาหรือการนิเทศการสอนน้ัน มีความซับซ้อนเพราะเป็นภารกิจท่ี
เกี่ยวข้องกับมนุษย์และจะต้องพัฒนาบุคคลเพ่ือให้มีประสิทธิภาพมศี ักยภาพสามารถดารงชวี ิตอยู่ในสังคมได้
อย่างสันติสุข การกาหนดจุดมุ่งหมายของการนิเทศท่ีชัดเจนจะเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้บรรลุ
จุดมุ่งหมายน้ันได้อย่างมีประสิทธิผล ซ่ึงกาหนดจุดมุ่งหมายได้ชัดเจนเท่าใด ยิ่งทาให้มองเห็นแนวทาง
ปฏิบัติและเปา้ หมายชดั เจนข้นึ เทา่ นั้น ซ่ึงมีนกั การศึกษาและผทู้ รงคุณวุฒหิ ลายท่านได้นาเสนอวัตถปุ ระสงค์
และการนเิ ทศการศกึ ษาหรือการนิเทศการสอนไวด้ ังน้ี คือ
กระบวนการนิเทศแนวใหม่มีจุดเร่ิมต้นมาจากแนวคิดใหม่เก่ียวกับการนิเทศการสอนจากความ
เจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง เป็นผลให้ประชาคม
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 9
โลกต้องพัฒนาและรับการเปล่ียนแปลงต่างๆท่ีเกิดข้ึนการนิเทศการสอนก็ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ให้
สอดคลอ้ งกับการเปลย่ี นแปลงน้ัน
Peters และ Waterman (1992 : 168) ผู้เขียนหนังสือขายดีที่สุดเล่มหน่ึง ชื่อ In Search of
Excellence ได้เสนอกรอบความคิดของปีเตอรส์ และวอเตอร์แมน (The Peters and Waterman
Framework) อธิบายเร่ืองวัฒนธรรมองค์กรด้วยวิธีที่ง่าย ด้วยการคัดเลือกตัวอย่างบริษัทอเมริกันท่ีประสบ
ความสาเร็จสูง แล้ววิเคราะห์บริษัทดังกล่าวว่าบรหิ ารอย่างไรจึงประสบความสาเร็จ พบประเดน็ สาคญั เกยี่ วกับ
ค่านิยมที่เป็นวัฒนธรรม (Cultural Values) นาไปสู่ความสาเร็จในการบริหารของบริษัท ค่านิยมท่ีเป็น
ลักษณะสาคัญต่อการเป็นบริษัทชั้นยอดน้ัน (Excellent Firms) ที่สามารถนามาประยุกต์ใช้ในวงการนิเทศ
การศกึ ษาไดเ้ ปน็ อย่างดี ดังน้ี
1. ตัดสินใจทาโดยไม่ลงั เล (Bias for Action)
2. ให้ความใกล้ชิดกบั ลกู ค้า (Stay Close to the Customer)
3. ให้ความอิสระและทาแบบนกั ประกอบการ (Autonomy and Entrepreneaurship)
4. เชือ่ วา่ ผลงานทด่ี ีย่อมมาจากคน (Productivity Through People)
5. บริหารแบบไมป่ ลอ่ ยมือ (Hands - on Management)
6. เลือกเน้นเฉพาะธรุ กจิ ท่เี ป็นความถนัดของบริษัท (Stick to the Knitting)
7. มโี ครงสรา้ งอยา่ งง่ายและใชบ้ ุคลากรนอ้ ยลง (Simple Form, Lean Staff)
8. มีการจดั การทงั้ แบบท่ยี ดื หย่นุ และแบบท่ีตึงตัวพร้อมกันไป (Simultaneously Loosely
and Tightly Organized)
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 10
Lehman (1979 : 128) ได้ น าเส น อ ก ระบ ว น ก ารนิ เท ศ 8 ข้ัน ที่ ส าม ารถ น าม าใช้
ใหเ้ หมาะสมกบั วัตถุประสงคแ์ ละกิจกรรมการนเิ ทศ ดังภาพประกอบ 1
ขั้นท่ี 8 การปรับปรุงแก้ไข กระบวนการของ Lehman
สว่ นที่บกพรอ่ งหลงั จากทดลอง ขั้นท่ี 1 การกาหนดปัญหาและความต้องการ
ดูแลว้ (Modification)
จาเป็น (Need)
AP ข้นั ท่ี 2 การกาหนดจดุ ประสงค์ทว่ี ดั ได้
CD (Measurable Goals)
ขั้นท่ี 3 การกาหนดอุปสรรคและข้อจากัด
ตา่ งๆ (Constraints)
ขั้นที่ 4 การกาหนดวธิ กี ารที่เป็นทางเลือก
ในการแก้ปญั หา (Alternatives)
ขั้นที่ 5 การเลอื กทางเลือกในข้ันที่ 4
มาปฏบิ ัตเิ พ่ือแก้ปญั หา (Selection)
ขัน้ ที่ 7 การประเมนิ ผลการทดลอง ข้ันท่ี 6 การนาทางเลอื กที่เลือกแล้ว
เพ่อื พิจารณาดวู ่าได้ผลตาม ไปทดลองใช้ (Implementation)
วตั ถปุ ระสงคห์ รือไม่ (Evaluation)
ภาพประกอบ 1 กระบวนการนเิ ทศ 8 ข้ัน
จากภาพอธบิ ายได้ว่ากระบวนการนิเทศ สามารถประยุกตแ์ นวคิดที่มคี วามสอดคล้องเหมาะสมมา
บรู ณาการให้เกดิ กระบวนการทีส่ ่งผลต่อคณุ ภาพการนเิ ทศได้
8.2.3 แผนการนิเทศและเครอื่ งมอื การนิเทศ
การวางแผนเพ่ือการนิเทศแบบให้คาช้ีแนะจะต้องกาหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดในการช้ีแนะให้
ครอบคลุมชัดเจน ต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา ใช้กระบวนการร่วมคิด ร่วมทาในการวางแผน การ
ชี้แนะหานวัตกรรมท่ีเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับความต้องการของสถานศึกษา ซึ่งทาให้สามารถร่วมกัน
กาหนดแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของท่ีจะพัฒนา และร่วมกันพัฒนา
อยา่ งเต็มที่ ซง่ึ จะสง่ ผลใหก้ ารดาเนินการ การยกระดบั คุณภาพการศึกษาสงู ขน้ึ
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 11
แผนการนิเทศแบบให้คาชี้แนะจะต้องมุ่งพัฒนาเจาะลึก และเป็นแผนให้คาช้ีแนะที่สามารถในการ
น าไปใช้ ในการยกระดั บคุ ณ ภ าพ การศึ กษ า แผนและเครื่องมื อการช้ี แนะสามารถน าไป ใช้
ในการแก้ปัญหา และพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงมีองค์ประกอบของแผน
การนิเทศแบบให้คาช้ีแนะ ดงั นี้
1. วัตถุประสงค์
2. เป้าหมาย
ประเดน็ การนเิ ทศแบบให้คาช้แี นะ/กิจกรรม
1. การจัดการเรยี นรูแ้ บบคละช้ัน หลักสูตรและการออกแบบการเรียนรู้
2. การวิจัยในชั้นเรยี น
3. การจดั การเรียนร้แู บบโครงงาน
4. การใชส้ อื่ เทคโนโลยเี พื่อพัฒนาการเรยี นการสอน
5. เรอ่ื งอน่ื ๆ ที่เกย่ี วข้อง
6. ระยะเวลา
7. ผู้ชแ้ี นะ/ผูร้ บั การนิเทศแบบใหค้ าช้ีแนะ
8. สอ่ื /เคร่อื งมอื
9. สรุป ประเมินผล การนิเทศ
8.2.4 ข้นั ตอนการดาเนนิ การนเิ ทศแบบให้คาช้ีแนะ
ข้ันตอนการดาเนินงานให้คาชี้แนะเป็นขั้นตอนที่ศึกษานิเทศก์หรือผู้ชี้แนะ ช่วยให้ครูนาความรู้
ความเข้าใจที่มีอยู่หรือท่ไี ด้รับจากการอบรมไปปฏิบัติให้เกิดผลสาเร็จตามศักยภาพหรือความสามารถของครู
แต่ละคน เป็นการพัฒนากลุ่มครูจานวนน้อยหรือรายบุคคลอย่างเข้มข้น ทางานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เช่น
การสังเกตการสอนในชั้นเรียน พิจารณาผลงานนักเรียนร่วมกันกับครู เป็นการพัฒนาในบริบทการทางาน
ในสถานศกึ ษา ข้นั ตอนการนเิ ทศแบบใหค้ าช้ีแนะประกอบด้วย 3 ขนั้ ตอนยอ่ ย ดงั น้ี
1. การศึกษาตน้ ทุนเดิม เป็นข้ันท่ีศึกษานิเทศก์หรือผู้ให้คาช้ีแนะทาความเข้าใจวธิ คี ดิ วธิ กี าร
ทางานและผลทเี่ กิดขึ้นจากการทางานของคุณครูวา่ อยู่ในระดับใด เพื่อเป็นข้อมลู ในการต่อยอดประสบการณ์ใน
ระดับท่ีเหมาะสมกับครูแต่ละคน ซึ่งในขั้นนี้อาจใช้วิธกี ารต่าง ๆ กันไปตามสถานการณ์ ไดแ้ ก่
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 12
1.1 การให้ครบู อกเลา่ อธบิ ายวิธีการทางานและผลทีเ่ กดิ ขึน้
1.2 การพิจารณาร่องรอยการทางานร่วมกนั เชน่ แผนการสอน ชนิ้ งานของนักเรยี น
1.3 การสังเกตการสอนในชน้ั เรียน
2. การให้ครูประเมินการทางานของตนเอง เป็นข้ันท่ีช่วยให้ครูได้ทบทวนการทางานท่ีผ่านมา
ของตนเองโดยใช้ตัวอย่างท่ีเป็นรูปธรรม ได้แก่ การสอนท่ีเพิ่งสอนจบไปแล้ว ชิ้นงาน ที่นักเรียนทาเสร็จมา
ใช้ประกอบการประเมิน จัดใหค้ รูมีโอกาสได้ “นกึ ย้อนและสะท้อนผล การทางาน” ชว่ ยให้ครูไดท้ บทวนและ
ไตร่ตรองว่าตนเองไดใ้ ชค้ วามรู้ ความเข้าใจไปสู่การปฏิบัตอิ ย่างไร มอี ุปสรรคปัญหาใดเกิดขึ้นบ้าง คาถามที่
มักใชก้ ันในข้ันนม้ี ี 2 คาถามหลกั คอื “อะไร ท่ีทาไดด้ ี..” “จะให้ดกี วา่ น้ี ถ้า...”
3. ข้ันต่อยอดประสบการณ์ เป็นขั้นท่ีศึกษานิเทศก์หรือผู้ให้คาช้ีแนะมีข้อมูลจาก
การสังเกต การทางานและฟังครูอธิบายความคิดของตนเอง แล้วจึงลงมือต่อยอดประสบการณ์ ในเร่ือง
เฉพาะน้ันเพ่ิมเติม ซึ่งศึกษานิเทศก์ หรือผู้ชี้แนะต้องอาศัยปฏิภาณในการวินิจฉัย ให้ได้ว่าครูต้องการความ
ชว่ ยเหลือในเรอื่ งใด หากไม่แน่ใจก็อาจใชว้ ิธีการสอบถามขอข้อมูลเพิ่มเติม ในข้ันตอ่ ยอดประสบการณ์มักมี
การดาเนนิ การใน 2 ลักษณะ ดงั น้ี
3.1 เมื่อพบว่าคุณครูมีความเข้าใจที่ผิดพลาดบางประการ ก็ต้องแก้ไข ปรับความรู้ความ
เขา้ ใจใหถ้ ูกต้องและช่วยเหลอื ในการแก้ไขปญั หา
3.2 เมอ่ื พบว่าคณุ ครเู ขา้ ใจหลักการสอนดี แต่ยงั ขาดประสบการณ์ ในการออกแบบการ
เรยี นการสอน ก็จาเป็นเพ่ิมเติมความรู้ แบ่งปนั ประสบการณ์
การสรุปผลการนิเทศแบบให้คาชี้แนะเป็นข้ันตอนทศ่ี ึกษานิเทศก์ หรอื ผู้ให้คาชี้แนะเปดิ โอกาสให้
ครูได้สรุปผลการนิเทศแบบให้คาชี้แนะเพ่ือให้ไดห้ ลักการสาคัญไปปรับปรุงหรือพัฒนาการเรียนการสอนของ
ตนเองต่อไป มกี ารวางแผนที่จะกลับมาช้แี นะร่วมกันอกี คร้ัง ว่าความรคู้ วามเข้าใจใหม่ท่ีได้รับการช้ีแนะครั้ง
นี้จะเกิดผลในทางปฏิบัติเพียงใด รวมไปถึงการตกลงร่วมกันเร่ืองให้ความช่วยเหลืออ่ืนๆ เช่น หาเอกสารมา
ใหศ้ ึกษา ประสานงานกับบุคคลอื่นๆ แนะนาแหล่งเรียนร้เู พิ่มเตมิ เปน็ ต้น
ขนั้ ตอนตอ่ มาหลังจากศึกษานเิ ทศกห์ รือผู้ให้คาช้แี นะไดด้ าเนินการทา AAR แลว้ คือ การสรุปผล
การนิเทศแบบให้คาชี้แนะท่ีศึกษานิเทศก์ และครูผู้สอนหรือผู้บริหารสถานศึกษา ได้มีการเรียนรู้ร่วมกัน
เช่น การจัดการเรียนรู้แบบคละช้ัน การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน และการใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา
ศักยภาพการเรียนรู้ ตามแนวการยกระดับคุณภาพผู้เรียน ของโครงการพัฒนาระบบการประกันคุณภาพ
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 13
ภายในของสถานศึกษาให้เข้มแข็ง โดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการในช้ันเรียน และควรสรุปผลการ
นิเทศแบบใหค้ าชแ้ี นะในประเด็นตา่ งๆ เชน่
1. ระดับการรบั รใู้ นเนอื้ หา สาระ รายละเอยี ดของวธิ กี ารจดั การเรียนรู้
2. ความสามารถในการจัดการเรียนรู้
3. การใชส้ ่ือ/แหลง่ เรียนรู้
4. ปญั หา อุปสรรค และขอ้ เสนอแนะ
การนิเทศแบบให้คาช้ีแนะเปน็ กระบวนการทช่ี ่วยให้ครไู ด้ค้นพบพลัง หรือวธิ ีการทางาน สามารถ
พ่ึงพาความสามารถของตนเองได้ เป้าหมายของการนิเทศแบบให้คาชี้แนะ คือ การให้ครูสามารถ
พัฒนาการจดั กระบวนการเรยี นรู้ไดด้ ้วยตนเอง ดังนน้ั การนิเทศแบบให้คาช้ีแนะของศึกษานิเทศก์หรอื ผู้ให้
คาช้ีแนะเพียงคร้ังเดียวจึงไม่สามารถบรรลุผลได้ ศึกษานิเทศก์หรือผู้ให้คาชี้แนะจาเป็นต้องวางแผนการ
นิเทศแบบให้คาช้ีแนะในครั้งต่อไปร่วมกับครู ผู้บริหารสถานศึกษา เพื่อเช่ือมโยงต่อยอดการจัดการเรียนรู้
ในแต่ละเรื่อง ตามบริบทของสถานศึกษาเพื่อให้เกิดผลสาเร็จที่เป็นรูปธรรม ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมี
คุณภาพและยกระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาให้สูงขึ้น มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา ซ่ึง
สถานศึกษาควรดาเนินการ ดงั นี้
1. วางแผน การพั ฒ น าคุณ ภ าพ การศึกษ า โดยผู้ให้ คาช้ีแน ะและสถาน ศึ กษ า
วางแผนการทางานร่วมกัน ดังนี้
1.1 การจดั ทาแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษาให้มองเห็นทิศทางในการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาทช่ี ัดเจนสอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหาและความจาเป็นอยา่ งเป็นระบบมีแผนปฏบิ ัติการประจาปี ที่มี
โครงการกิจกรรมรองรบั
1.2 การกาหนดสภาพความสาเร็จของการพฒั นาไว้อยา่ งต่อเนอ่ื ง ชัดเจนเป็นรปู ธรรม
1.3 การกาหนดวิธีการดาเนินงานที่มีหลักการ มีผลการวิจัยหรือข้อมูลเชิงประจักษ์ที่
อ้างอิงได้ครอบคลุมการพัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การส่งเสริม การเรียนรู้ การวัดและ
ประเมินผลการเรยี นรู้ การพฒั นาบคุ ลากร และการบริหารจดั การ
1.4 ควรส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของครู ผู้บริหารสถานศึกษา บิดามารดา
ผู้ปกครอง บุคลากรในชุมชน โดยเฉพาะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐานของสถานศึกษาซึ่งมีบทบาทใน
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 14
การกากับ ติดตาม และให้ความเห็นชอบต่อแผนการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ซึ่งจะช่วยให้การคุณภาพการ
จดั การศึกษาบรรลผุ ลตามเจตนารมณ์
2. น าเสน อผล การป ฏิ บั ติ งาน ที่ เป็ น เลิศ (Best Practices) หลังจากสถานศึกษา
ได้พัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ และทาให้สถานศึกษา มีคุณภาพ
การศึกษาสูงขึ้นเพ่ือให้เกิดความภูมิใจในการปฏิบัติงาน สถานศึกษาควรคัดเลือกผลการปฏิบัติงานท่ีเป็นเลิศ
นาเสนอและเผยแพร่ โดยมปี ระเด็นที่ควรนาเสนอ ดงั น้ี
2.1 ชอ่ื ผลงาน Best Practice
2.2 หลกั การ/แนวคิด/ทฤษฎี
2.3 วัตถุประสงค์
2.4 กลุม่ เปา้ หมาย
2.5 การดาเนินการ
2.6 ปจั จยั สคู่ วามสาเรจ็
2.7 ผลการดาเนินการ
เงื่อนไขความสาเรจ็ ของการนเิ ทศแบบใหค้ าชี้แนะ
การนิเทศแบบให้คาชี้แนะเป็นวิธีการที่มีส่วนช่วยให้ครู และผู้บริหารสถานศึกษาได้รับการพัฒนา
สมรรถภาพการทางานในหน้าที่ให้สาเร็จตามเป้าหมาย หรือช่วยให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา สามารถนา
ความรู้ ความเข้าใจท่ีมีอยู่ และหรือที่ได้รับการอบรมมาสู่การปฏิบัติได้ เพ่ือให้การนิเทศแบบให้คาช้ีแนะ
ประสบผลสาเร็จ ศึกษานิเทศก์หรือผู้ทาหน้าท่ีให้คาช้ีแนะ ควรมีหลักการนิเทศแบบให้คาชี้แนะ คือ มี
ความรู้ในเนื้อหาสาระท่ีจะทาการนิเทศแบบให้คาช้ีแนะ การนิเทศแบบให้คาช้ีแนะ ในแต่ละครั้งผู้ให้คา
ชีแ้ นะควรมีการศึกษาค้นคว้า และทาความเข้าใจในเนือ้ หาสาระท่ีจะทาการชแ้ี นะ และเตมิ เตม็ ความรู้ในส่วน
ท่ียังขาดความรู้ความเข้าใจเพ่ือพร้อมท่ีจะให้คาชี้แนะแก่ครู และผู้บริหารสถานศึกษาให้ได้รับความรู้ที่
ถกู ตอ้ งสมบูรณ์
สรปุ กระบวนการนิเทศเป็นกระบวนการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้ได้รับการนิเทศ
เป็นไปอย่างกัลยาณมิตร เป็นไปเพื่อส่งเสริมการจัดกระบวนการจดั การเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพโดย
เป็นแชร์ความรู้รว่ มกันระหว่างผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ เพ่ือศึกษาสภาพปจั จุบัน ปญั หาของโรงเรียน จัด
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 15
เวทที างวิชาการเพ่ือหาผลงานที่เป็นวิธีการที่เป็นเลิศสาหรับจัดการศึกษาและนาผลการปฏิบัติงานท่ีเป็นเลิศ
เพอ่ื เผยแพร่ให้กับโรงเรยี นในเครือขา่ ยและนาเผยแพร่ท่ัวไป ส่งเสริมความกา้ วหน้าในวิชาชีพครูร่วมคิดรว่ ม
ทางานอย่างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study : LS) เป็นแนวทางการพัฒนา
รปู แบบการสอนของผู้เขา้ รบั การฝึกทีเ่ นน้ การพัฒนาการเรียนร้ใู ห้นา่ สนใจ และมคี ุณภาพรวมทง้ั เป็นการชว่ ย
สนับสนุนให้ผู้เข้ารับการฝึกผู้สอนได้ปรับปรุง และพัฒนาศักยภาพการสอนของตนเองได้เน่ืองจากตัวผู้สอน
และวธิ ีการสอนของผเู้ ขา้ รับการฝึกผ้สู อนเปน็ ปัจจัยหนง่ึ ทม่ี อี ทิ ธิพลต่อคุณภาพการเรยี นการสอน ในโรงเรยี น
8.2.5 เทคนคิ การนเิ ทศ
8.2.5.1 การนิเทศโดยใช้เทคนคิ การโคช้ (Coaching)
เปน็ การดงึ ศักยภาพของผูร้ บั การโคช้ เพอื่ ขบั เคลอื่ นกระบวนการเรียนการสอนและการจัด
กิจกรรมส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ด้วยการทาให้ผรู้ ับการโคช้ ตระหนกั ในความสามารถของตนเอง และมีการสรา้ ง
แรงจงู ใจใหเ้ กิดแรงบนั ดาลใจ(Inspiration) สามารถ กาหนดวธิ ีปฏิบตั ิให้บรรลเุ ป้าหมายด้วยวธิ ีของตนเอง
หรือสามารถสร้างทางเลอื กในการปฏบิ ัตงิ านทเ่ี กิดจากกระบวนการโค้ชได้อย่างเหมาะสม ผู้ทที่ าหน้าท่ีโค้ช
สามารถพฒั นาการคิดอย่างเป็นระบบด้วยการใช้คาถาม เสนอแนะทางเลือก กากับให้ไปสเู่ ป้าหมายดว้ ยการ
กระทาท่ีเป็นระบบ พร้อมทง้ั บนั ทกึ ข้อมูลการสะท้อนการคิดเพอื่ ใช้เปน็ ขอ้ มูล การพัฒนาและเรียนรรู้ ่วมกัน
โคช้ จึงต้องมีการเปล่ยี นแปลงตนเองก่อนไปเปลย่ี นแปลงคนอื่น โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในเรอ่ื งขอบข่ายของงาน
และภารกิจท่ีรับผิดชอบ มีการสรา้ งการเรยี นรโู้ ดยการนาตนเอง (Self directed learner) เพ่อื พฒั นาตนเอง
เพือ่ นร่วมงาน และผเู้ กย่ี วข้องในองค์กรในช่วงเวลาสาคัญแหง่ การเปล่ยี นแปลง เพอื่ เพ่ิมประสิทธภิ าพของ
งานดังกล่าว สมาชิกในองค์กรหรอื ผรู้ ับการโค้ชจะต้องการสนบั สนุนจากโคช้ ในลักษณะการโค้ช (coaching)
โดยใชเ้ ทคนคิ การชแี้ นะ สะท้อนการคิด (reflective coaching) ในการโคช้ โค้ชตอ้ งสร้างความพร้อมให้กับ
ตนเองมากยงิ่ ขน้ึ เก่ียวกับเทคนคิ การโค้ช เพ่ือสง่ เสรมิ การการเปลีย่ นแปลง ตนเองตนเองและผู้รับการโคช้ ใน
การขบั เคลื่อนอยา่ งมีประสิทธิภาพ เทคนิคการโคช้ แบ่งเป็น 2 แบบ คอื
1) การโค้ชแบบรายบุคคล (face to face coaching)
2) การโคช้ แบบกลุ่ม (Group Coaching)
โดยมี ขั้นตอนสาคัญ 5 ขั้น หรอื เรยี กว่า บันได 5 ขั้น คือ
1) การสร้างความคนุ้ เคยและขอ้ ตกลงรว่ มกนั (Appreciate Rapport) สร้างความคุ้นเคย ดว้ ย
บรรยากาศท่ีอบอุ่นและสรา้ งสรรคอ์ ย่างกลั ยาณมิตร และสรา้ งขอ้ ตกลงระหวา่ งผรู้ ับการโคช้ ใหท้ ราบถงึ
บทบาทของการโค้ชและผ้รู ับการโค้ช เพือ่ กาหนดแนวทางการดาเนนิ งานรว่ มกัน
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 16
2) การสรา้ งความตระหนักรู้และประเมนิ ตนเองระหวา่ งโคช้ และผรู้ ับการโค้ชกาหนด เปา้ หมาย
ผลลัพธ์ และแผนดาเนินการ การรว่ มกนั สรา้ งความตระหนักรู้โดยการใช้คาถามสะท้อนคิด (Reflective
Thinking) เพื่อประเมินบริบทและความพรอ้ มของโค้ชและผรู้ บั การโคช้ ให้เกดิ การยอมรับในด้าน ที่เป็นจดุ
แข็งและจดุ ท่ีรว่ มกันพัฒนา แลว้ กาหนดเปา้ หมาย ผลลพั ธ์ และแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ทีจ่ ะเดนิ ไปสู่
กระบวนการสร้างการเปลี่ยนแปลงและขบั เคล่ือนการดาเนินงานให้เกิดประสทิ ธิภาพสูงสุด
3) ดาเนนิ การโค้ช (Coaching) การดาเนินการโค้ชตามแผนทร่ี ่วมกนั กาหนดแนวทาง การ
ขับเคลอ่ื นการดาเนินงาน ในข้ันตอนนี้โคช้ จะต้องให้หลักการ ทฤษฎีตา่ งๆ องค์ความรู้ แนวความคดิ และ
ประสบการณ์ตรงของตวั เองที่ได้สะสมมาในขณะที่เริ่มตน้ การโคช้ โดยเรมิ่ จากการรบั ฟงั (Listening) สิ่งท่ี
ผรู้ ับ การโค้ชได้ดาเนินการผา่ นมาแลว้ ระยะหนึ่ง และร่วมกันกาหนดเปา้ หมายโดยการตงั้ คาถามสะท้อนการ
คิด (Questioning & reflective thinking) ของผ้รู ับการโค้ช และต่อยอดการคดิ โดยใหข้ ้อมลู ป้อนกลบั
(Feed back ) ตลอดจนการกระตนุ้ สรา้ งแรงจูงใจ (Motivation) และสรา้ งแรงบนั ดาลใจ (Inspiration) ให้
ผ้รู ับการโคช้ ดาเนนิ การตามแผนปฏบิ ตั ิการของตนเองทกี่ าหนดไว้ และตรวจสอบความก้าวหน้า พร้อมท้ัง
ปรับปรงุ แผนตามความเหมาะสม ซงึ่ อาจจาเปน็ ต้องใช้การโคช้ หลายครง้ั เพ่ือใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายและผลลัพธ์
ท่ีตัง้ ไว้
4) การประเมิน ทบทวนและสรา้ งความเชื่อม่นั ระหว่างผูโ้ ค้ชและผรู้ ับการโคช้ จากบทบาท ทโี่ ค้ช
เปน็ เพอื่ นผูส้ ะท้อนความคิด (Reflective Thinking) จะมีการประเมนิ ผลเพ่ือทบทวนกระบวนการ
ดาเนนิ การตามแผนและการประเมินตนเองรวมถึงบรบิ ทที่เกย่ี วข้องกับการขับเคลื่อนการดาเนินงาน
ระหว่าง โค้ชและผู้รับการโค้ช จนสามารถปรับปรงุ แผนปฏิบตั กิ าร (Action Plan) และสร้างแนวทางใหม่
รวมถึงขัน้ ตอน และกิจกรรมต่าง ๆ แนวทางการประเมินความก้าวหนา้ ของเป้าหมายและผลลพั ธท์ ี่ตอ้ งการ
ว่าเปน็ ไปตามแผน ที่กาหนดไว้หรือไม่
5) การส่อื สารทางบวก ชนื่ ชมและเห็นคณุ ค่าของความสาเร็จในระหวา่ งการโค้ช จะมีการสือ่ สาร
ทางบวก ชนื่ ชมและเห็นคุณค่าของความสาเร็จเม่ือกิจกรรมเปน็ ไปตามแผนและถงึ เปา้ หมาย ระหว่างการ
โคช้ มกี ารใหข้ ้อเสนอแนะเท่าท่จี าเปน็ ต้ังแต่ 2 ทางเลอื กข้ึนไปเพ่ือเปน็ แนวทางทจี่ ะช่วยในการปพู น้ื ฐาน
ต่าง ๆ ในการโค้ชทาให้เหน็ ว่าสิ่งใดท่ีเหมาะสม เป็นท่ีต้องการหรอื จาเป็นเพ่ือให้ผู้รบั การโคช้ สามารถต่อยอด
ความคดิ ให้ถงึ เป้าหมายได้ ซึ่งการสอบถามจะเป็นไปเพื่อค้นหาโอกาสที่จะมงุ่ ไปส้กู ารกระทาเชงิ รกุ มากกวา่
การต้งั รบั โดยโค้ชจะทาการกระตนุ้ สรา้ งแรงบันดาลใจ ทา้ ทายความคิดและการกระทาของผู้รับการโคช้ ให้
กล้าคิด กลา้ ทา กล้าแสดงออก เพื่อการเปล่ยี นแปลงหรือพัฒนาตนเองให้กา้ วหนา้ ยิ่งข้ึน
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 17
8.2.5.2 การนเิ ทศแบบร่วมพัฒนา
การนิเทศแบบรว่ มพฒั นา คือ ปฏิสมั พนั ธ์ทางการนิเทศระหวา่ งผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา
ศกึ ษานเิ ทศก์และครู ในกระบวนการนเิ ทศการศึกษาที่ม่งุ แก้ปญั หาและพฒั นาการเรยี นการสอนอยา่ งเปน็
ระบบ โดยใชเ้ ทคนคิ การนเิ ทศการสอนเป็นปจั จยั หลกั บนพื้นฐานของสมั พันธ์ภาพแห่งการรว่ มคิด ร่วมทา
พึงพา ชว่ ยเหลือ ยอมรับซึ่งกันและกนั ให้เกยี รตแิ ละจริงใจต่อกันระหว่างผู้นิเทศ ผ้สู อนและคูส่ ญั ญา เพอ่ื
ร่วมกัน พัฒนาทักษะวิชาชีพ อันจะส่งผลโยตรงตอ่ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา ลกั ษณะสาคญั ของการ
นิเทศแบบร่วมพฒั นา เปน็ ปฏิสัมพนั ธ์ทางการนิเทศจากใจถึงใจ บนพน้ื ฐานของความรัก ความเข้าใจและ
ความจริงใจต่อกันในการพัฒนาทกั ษะวิชาชีพ ซ่งึ มลี ักษณะสาคญั ดงั น้ี
1) เปน็ การนเิ ทศท่ีพฒั นามาจากการผสมผสานกนั ระหวา่ งการนิเทศจากบุคลากร
ภายนอก และการนิเทศภายในโรงเรียน โยมจี ุดมุง่ หมายเดียวกนั คือการพัฒนาคณุ ภาพการเรยี นการสอน
ด้วยวธิ กี าร ท่ีเป็นระบบและมีขนั้ ตอนการดาเนินงานที่ชัดเจน
2) ในกระบวนการปฏิสมั พนั ธ์ทางการนิเทศแบบรว่ มพฒั นา จะมีศนู ย์กลางอยู่ที่ตัวครูใน
กลมุ่ สาระการเรยี นร้แู ละโรงเรยี น ซึงมีบทบาทหน้าท่แี ตกต่างกนั เช่น หัวหนา้ กลุ ม่ สาระการเรียนรมู้ ีหน้าท่ี
เป็น ผ้นู ิเทศหรอื คสู่ ญั ญา (ถ้าผู้รับนเิ ทศต้องการ) เพ่ือนครูท่สี นิทสนมไวว้ างใจกนั และพรอ้ มทจี่ ะร่วมมือกัน
ในการ พฒั นาทักษะวชิ าชพี มีบทบาทหน้าทีเ่ ปน็ คู่สัญญา และครทู ่ีมีความสนใจต้องการมสี ่วนรว่ มแต่ยงั ขาด
ความพร้อม สามารถมีส่วนร่วมไดใ้ นบทบาทของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ และมีเครือข่ายทเี่ ปน็ บุคลากร จาก
ภายนอก เชน่ ศกึ ษานเิ ทศก์ หรอื ครผู รู้ ว่ มนเิ ทศ ซึ่งกจ็ ะมีบทบาทเป็นผ้นู ิเทศหรอื ที่ปรึกษา
3) เป็นรปู แบบการนเิ ทศที่ให้ความสาคญั ทั้งกระบวนการนิเทศทั่วไป และกระบวนการ
นิเทศ การสอน โดยทั้งสองกระบวนการจะเอื้อประโยชนซ์ งึ่ กนั และกนั และสง่ ผลใหค้ ุณภาพการจดั การเรียน
การสอนดขี ึน้ และสาหรบั การนิเทศการสอนในรูปแบบของการนิเทศแบบรว่ มพฒั นานี้ได้พฒั นามาจาก
แนวคดิ ในการนิเทศการสอนแบบคลนิ ิกและการนเิ ทศเชิงเน้นวตั ถุประสงค์
4) เปน็ การวมกลุ่มกนั เพื่อพัฒนาวิชาชพี ของครูท่ีมคี วามรับผิดชอบต่อวิชาชีพสงู และมี
ความกระตอื รือรน้ ท่จี ะพฒั นาความเจริญงอกงามทางวชิ าชพี โดยกาหนดเป็นโครงการนเิ ทศ มีระยะเวลาใน
การ ดาเนนิ งานสามารถติดตามผลการปฏิบัติงานได้ ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษาและผู้นิเทศจะต้องรบั รู้มีส่วน
รว่ มในการ ตดิ ตามผลใหค้ วามสนับสนนุ และอานวยความสะดวก
5) การสังเกตการสอนในกระบวนการนิเทศแบบรว่ มพฒั นา ผู้นิเทศตอ้ งไมส่ ร้าง
ภาพลกั ษณ์ ในการวดั ผลหรือประเมินผลการสอน แต่จะเป็นการบนั ทึกและอธบิ ายภาพท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรยี น
ว่าผสู้ อนมีพฤติกรรมอยา่ งไร มากน้อยเท่าใด ไม่ใช่ดีหรือไม่ดอี ยา่ งไรเพราะไมต่ ้องการให้ครูเกิดความรู้หว่ัน
กลัว การประเมนิ และวติ กกงั วลต่อปฏิสัมพันธ์ทางการนเิ ทศ
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 18
6) การวเิ คราะห์พฤตกิ รรมการสอนของครู จะต้องขึ้นอยู่กบั ขอ้ มูลท่ีได้จากการสังเกต
การสอนไมใ่ ช่จากความคดิ เห็นส่วนตัว ค่านยิ ม หรือประสบการณ์ของผูน้ เิ ทศเอง
7) การใชข้ ้อมูลป้อนกลบั หลังจากการสังเกตการสอน และการวเิ คราะห์พฤติกรรมการ
สอน ผนู้ ิเทศจะใชเ้ ทคนิคนิเทศทางออ้ ม เพื่อพฒั นาให้ครูสามารถวางแผนการสอนไดเ้ อง วเิ คราะห์การสอน
ของตนเองได้ ประเมนิ ผลการสอนของตนเองได้ และสามารถนิเทศตนเองไดใ้ นทีส่ ดุ
8) การปฏบิ ัตกิ ารนิเทศ ยึดหลกั การนิเทศแบบมสี ่วนร่วม คือ ทง้ั ผนู้ ิเทศและผูร้ ับการ
นเิ ทศ จะทางานรว่ มกนั ทั่งกระบวนการ ต้ังแต่การหาความตอ้ งการจาเปน็ ในการนิเทศ การกาหนด
วตั ถปุ ระสงค์ ใน การนเิ ทศ การวางแผนการนเิ ทศ การดาเนนิ การนเิ ทศและการประเมนิ ผลการนเิ ทศด้วย
ความเสมอภาคกัน ยอมรบั ยกย่อง ให้เกียรติซึง่ กันและกนั ในฐานะผูร้ ว่ มวิชาชีพ
8.2.5.3 การนเิ ทศแบบบรู ณาการโดยใช้พน้ื ที่เป็นฐาน
การนิเทศบรู ณาการโดยใช้พื้นทีเ่ ปน็ ฐานเพ่อื พัฒนาคุณภาพการศกึ ษา การพัฒนาคุณภาพ
การศึกษา จะสาเร็จได้ตามเป้าหมาย จาเปน็ ต้องมีองคป์ ระกอบสาคัญ ในการพัฒนา คือกระบวนการบริหาร
กระบวนการจัดการเรียนรู้ และกระบวนการนิเทศ ที่ต้องรว่ มกัน สนบั สนนุ ส่งเสรมิ ไปด้วยกนั ในลกั ษณะ ของ
“เกลียวเชอื ก” กระบวนการนเิ ทศการศกึ ษา เปน็ กระบวนการที่ทาใหเ้ กดิ การพัฒนาและปรับปรงุ
กระบวนการเรียนการสอนของครู โดยมุ่งใหเ้ กิดการจดั การเรยี นรู้ ท่ีมีประสทิ ธภิ าพ สง่ ผลถงึ คณุ ภาพของ
ผู้เรยี น กระบวนการนิเทศการศึกษาชว่ ยทาใหเ้ กิดการพัฒนาคน พฒั นางาน สร้างการประสานสัมพนั ธ์ และ
ขวญั กาลังใจ ซ่ึงต้องดาเนนิ งานใหป้ ระสานสมั พนั ธ์กบั กระบวนการ อื่นในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาให้
บรรลุ ตามเป้าหมาย ทาใหเ้ กิดการพฒั นาท่ีย่ังยนื ถาวร
การนิเทศ 5 ขั้นตอน ดังนี้
ขัน้ ท่ี 1 การศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและความตอ้ งการ เป็นการกาหนดปญั หาและความ
ตอ้ งการในแก้ปญั หาหรือพฒั นา ดงั น้ี
1.1 การจดั ทาข้อมลู สารสนเทศพ้นื ฐาน เพ่อื เปน็ ข้อมลู ในการพิจารณาวางแผน การ
ดาเนินงาน
1.2 การแลกเปล่ียนระดมความคิด วิเคราะหเ์ พ่ือหาสภาพปัญหาที่เกิดขึน้ และ ความ
ตอ้ งการในการพัฒนาตามบริบทของหน่วยงาน
1.3 การจดั ลาดบั ปญั หาและเลอื กปญั หาทเ่ี ปน็ ความจาเปน็ หรอื ตอ้ งการในลาดับ
เร่งด่วนหรอื ลาดบั ท่ีเห็นว่าสาคัญทีส่ ดุ
1.4 การสร้างการรบั ร้รู ะหวา่ งผนู้ เิ ทศและผรู้ บั การนิเทศด้วยวธิ ีการตา่ งๆ เชน่ การ
ประชมุ การสมั มนา ฯลฯ เพ่ือสร้างวิสยั ทัศนห์ รอื สร้างเปา้ หมายรว่ มกันในการดาเนนิ งาน
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 19
ข้ันที่ 2 การวางแผนการนิเทศ เปน็ การนาปญั หาและความต้องการ กาหนดรายละเอยี ดของ
กจิ กรรมในการจัดทาแผนนิเทศ ดงั นี้
2.1 กาหนดแนวทาง/วธิ ีการการพฒั นาท่ีหลากหลายตามปญั หาท่ีเกดิ ข้นึ ตามความ
ต้องการและจาเป็น มกี ารใชก้ ระบวนการชมุ ชนการเรียนร้วู ิชาทางวชิ าชีพ (Professional Learning
Community : PLC) และการศกึ ษาช้นั เรียน (Lesson Study) เปน็ เคร่อื งมือสาคญั ในการพัฒนาวชิ าชีพครู
และ การพฒั นาผเู้ รยี นอยา่ งเป็นระบบและต่อเนื่อง
2.2 เลือกแนวทาง/วธิ กี ารในการพฒั นาโดยการมสี ว่ นรว่ มของทกุ ฝ่ายท่ีเกีย่ วข้อง
2.3 วางแผนการดาเนินงานพัฒนา 1) การประชมุ เตรยี มการนเิ ทศ เพ่ือสร้างความรู้
ความเขา้ ใจร่วมกัน 2) สรา้ งคณะนเิ ทศ เป็นทีมงานในการนิเทศรว่ มกนั 3) กาหนดประเด็นการนเิ ทศ เปน็
การกาหนดเนื้อหาที่จะนิเทศ 4) กาหนดระยะเวลาในการนิเทศ โดยกาหนดระยะเวลาในการนิเทศที่
เหมาะสม กับการแก้ปญั หาและการพัฒนา 5) กาหนดวธิ ีการนิเทศและกจิ กรรมการนิเทศที่เหมาะสมตาม
สภาพปญั หาและ ความตอ้ งการ เช่น การประชุมสัมมนา การแลกเปล่ยี นเรียนรู้ การสงั เกตชั้นเรยี น การ
สาธิต การบันทกึ วิดีโอ และการถา่ ยภาพ การสัมภาษณ์ การ Coaching & Mentoring ฯลฯ โดยเนน้ การใช้
ICT ในรูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ การใช้ Line Application, Clip Video, Conference, Video Line YouTube,
Facebook Live เปน็ ตน้
2.4 จดั ทาแผนนิเทศ ประกอบด้วย หลกั การและเหตุผล วัตถุประสงค์ เปา้ หมาย
แผนการดาเนินการ กจิ กรรมสาคัญ ปฏทิ ินการปฏบิ ัติงาน ทรพั ยากรทีต่ ้องการ เครอ่ื งมือนเิ ทศ ผลที่คาดว่า
จะไดร้ ับ
ขน้ั ที่ 3 การสรา้ งสือ่ และเคร่ืองมือนิเทศ สื่อและเคร่ืองมือนิเทศเป็นสิ่งทจ่ี ะชว่ ยให้การนิเทศ มี
ประสิทธิภาพบรรลุวัตถปุ ระสงค์ และเป็นส่งิ ทีจ่ ะชว่ ยเก็บรายละเอียดที่ผู้รับการนิเทศไมส่ ามารถแสดงออก
มาไดแ้ ละสามารถเก็บขอ้ มลู นามาเปรยี บเทียบผลท่ีเกดิ ขนึ้ เพือ่ เป็นแนวทางในการพฒั นาและสิง่ ที่ทาให้มี
ความเข้าใจตรงกนั ระหว่างผู้นิเทศและผู้รบั การนิเทศ
3.1 สรา้ งส่ือการนเิ ทศที่ทาให้การนิเทศบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ เชน่ วธิ ีการนเิ ทศ ทกั ษะ
การ นเิ ทศเทคนคิ การนเิ ทศ โดยเป็นสื่อทีส่ อดคลอ้ งคลอ้ งในยคุ ศตวรรษท่ี 21 เน้นการใช้ ICT ในรปู แบบ
ตา่ งๆ เช่น การใช้Line Application, Clip Video, Conference, Video Line YouTube, Facebook
Live เป็นตน้
3.2 สรา้ งเครือ่ งมอื การนิเทศเพ่ือเกบ็ ข้อมลู เปน็ แนวทางในการแกป้ ญั หาและพฒั นา
ตรวจสอบตดิ ตามความกา้ วหนา้ ของการดาเนนิ งาน และการประเมนิ ผลการดาเนินงาน ซ่ึงเปน็ เครื่องมือทีม่ ี
คุณภาพ ใชง้ า่ ย สามารถเก็บข้อมลู ที่ตอบประเดน็ ปญั หาความต้องการ และเป็นประโยชน์ในการแกป้ ัญหา
ปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพการศึกษา
การพัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 20
ขัน้ ที่ 4 การปฏิบตั ิการนิเทศ ดาเนินการนเิ ทศตามวธิ กี ารการนิเทศและกจิ กรรมการนิเทศ ท่ี
กาหนด
4.1 ประชมุ เตรียมการกอ่ นการนเิ ทศ เพ่อื สร้างความเข้าใจของผู้นเิ ทศ ให้การนิเทศ
เป็นไป อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
4.2 นเิ ทศตามขัน้ ตอน ระยะเวลา และใช้เคร่ืองมือตามท่ีกาหนด
4.3 การสะท้อนผลการนิเทศ
4.4 ปรับปรงุ และพัฒนาการดาเนินงาน
ขนั้ ท่ี 5 การประเมินผล และรายงานผล
5.1 ประเมินความกา้ วหน้าของการดาเนินงาน เช่น การดาเนินงานของผรู้ บั การนเิ ทศ
เพื่อนาผลไปปรับปรุงแนวทางการดาเนนิ งาน
5.2 ประเมินผลการนิเทศเม่ือเสร็จสนิ้ การปฏิบัตกิ ารนเิ ทศตามระยะเวลาท่ีต้องการ ใน
การนาผลไปใช้ในการพัฒนา หรอื ในแต่ละปกี ารศึกษา
5.3 รายงานผลการนิเทศต่อผู้เกยี่ วขอ้ ง
5.4 นาผลการนิเทศทเ่ี ป็นปญั หา อปุ สรรคและข้อเสนอแนะไปพฒั นาการนเิ ทศในครง้ั
ต่อไป หรือในปีการศกึ ษาต่อไป
8.2.5.4 การนเิ ทศรูปแบบออนไลน์ การนิเทศออนไลนเ์ กิดข้ึนหลังจากการเปล่ยี นแปลง
ของสงั คมโลกอย่างรวดเร็ว ระบบการ สอ่ื สารไร้พรมแดน สงั คมเปลีย่ นเปน็ สังคมยคุ ดจิ ิทัลปัจจยั เหลา่ นี้ส่งผล
ต่อรปู แบบการใชช้ ีวติ ของบุคคลและวิถีการทางานของบคุ คล เพือ่ มงุ่ ตอบสนองความต้องการที่ รวดเรว็
ทันเวลา เพื่อขจัดปญั หาและอุปสรรคในเรื่อง เวลา และระยะทางอนั จะส่งผลต่อความสาเรจ็ ของงาน จุดเด่น
ของการติดต่อส่ือสารผ่านระบบดจิ ิทัลทสี่ ามารถ ทาได้เพยี งเสี้ยววนิ าที ทาใหเ้ กิดรูปแบบการทางานแบบ
ใหม่ๆของคนรนุ่ ใหม่ และเกดิ ขนึ้ ในหลากหลาย สาขาวิชา อาทเิ ชน่ ดา้ นการแพทยเ์ รม่ิ มีการนาระบบดิจิทลั
มาใชใ้ นการรักษาพยาบาลคนไขท้ ี่อยูส่ ถานทที่ ่ี ห่างไกลผเู้ ชี่ยวชาญเฉพาะทางและใชใ้ นการติดต่อส่อื สาร
ระหว่างกันในการทางานเป็นทีมทตี่ ้องใช้สหวทิ ยาการ และบุคคลเหลา่ นนั้ ท่ีอยู่คนละพน้ื ที่ เช่น มรี ะบบการ
ผ่าตดั ด้วยระบบกลไกหนุ่ ยนต์ ทีต่ อ้ งอาศัยผเู้ ชย่ี วชาญ เฉพาะทางท่ีหลากหลายสาขาในการทางาน ทางด้าน
การศึกษาก็มี เครื่องมือการนเิ ทศออนไลน์ ได้แก่
1. Microsoft Teams ความสามารถของโปรแกรมนค้ี รอบคลมุ มาก สามารถใช้สาหรบั
การจัดการเรียนการสอนได้ เต็มรปู แบบ สง่ งาน ส่งการบ้าน ครูตรวจงาน Video Call ดูย้อนหลงั ได้ ใช้ใน
เคร่ือง PC หรอื โหลด App บน มอื ถือได้
2. Google Hangouts Meet ความสามารถของโปรแกรมนีเ้ หมาะสาหรบั การประชุม
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 21
ทรัพยากรอินเทอรเ์ น็ตน้อย มีเมนนู ้อย ทาใหผ้ ้ใู ช้งานไมส่ ับสน บนั ทึกการประชมุ ได้ สามารถ Call ได้ มาก
ถงึ 250 คน เมื่อส้นิ สดุ การประชุมระบบจะ ส่ง Video ทีบ่ นั ทกึ ไปยัง Email ใชใ้ นเครือ่ ง PC หรือ โหลด
App บนมือถือได้
3. Zoom Cloud Meetings ความสามารถของโปรแกรมนี้เหมาะสาหรบั การประชุม
สามารถ VDO Call แชร์หนา้ จอกันได้ ใช้ในเคร่ือง PC หรอื โหลด App บนมือถอื ได้
4. Line ความสามารถของโปรแกรมนี้เหมาะสาหรับ Video Call ได้ คยุ งาน แชท สง่
งานกนั ได้ในกล่มุ ใช้งานง่าย ใชใ้ นเครื่อง PC หรอื โหลด App บนมอื ถือได้
5. Facebook Live ความสามารถของโปรแกรมเหมาะสาหรบั ถ่ายทอดสดบน
Facebook เพอ่ื แพรภ่ าพ การสนทนา ประสทิ ธิภาพ การถามตอบ หรืองานกิจกรรมแบบออนไลน์ เม่อื แพร่
ภาพสด ผู้ร่วมสนทนา จะสามารถเข้ารว่ มการสนทนาและถามคาถาม แสดงความคดิ เหน็ แสดงความรูส้ กึ
หรอื ดูไปพร้อมกันได้แบบเรยี ลไทม์
8.2.5.5 การนิเทศแบบเพ่ือนชว่ ยเพอื่ น
การนิเทศแบบเพ่ือนช่วยเพื่อน มีความแตกตา่ งจากการนิเทศรูปแบบด้งั เดิมที่ไม่จาเปน็ ต้องมี
การระบผุ ูเ้ ชี่ยวชาญหรอื ผนู้ ิเทศ แตเ่ ปน็ การทางานรว่ มกันระหว่างเพ่ือนร่วมงาน เพือ่ ผลประโยชน์รว่ มกันใน
เร่ืองการพัฒนาการเรียนการสอน การให้ข้อมูลย้อนกลับจะเป็นส่งิ สาคญั มาก การทางานร่วมกนั ยังเปน็ การ
เรียนรู้ด้วยตนเองและเป็นการสนับสนนุ ใหเ้ กดิ การประเมินตนเองด้วย เป็นการสง่ ผา่ นการเรียนรซู้ ง่ึ กนั และ
กัน แบ่งปันประสบการณล์ ดบทบาทของการพงึ่ พาผู้เชยี่ วชาญ (Benshoff : 1992) การนเิ ทศแบบเพอื่ นช่วย
เพือ่ นเริ่มแรกเป็นแนวคิดของ Joyce และ Shower : 1984 เปน็ การนิเทศการสอนระหว่างเพือ่ นครใู น
สาขาวชิ าเดยี วกัน หรอื ในโรงเรียนเดียวกันที่ทาให้ครูเป็นท้งั ผูน้ ิเทศและผูร้ ับการนเิ ทศ ซึ่งมีการนา ไปใช้
อยา่ งแพรห่ ลายในโรงเรียนตา่ งๆ เพื่อปรบั ปรุงและพฒั นาคุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียนตงั้ แต่
ทศวรรษที่ 20 เปน็ ต้นมา มาจนถึงปัจจบุ นั
หลักการของการนิเทศแบบเพื่อนช่วยเพอื่ น
การนเิ ทศแบบเพ่ือนช่วยเพ่ือนเป็นวิธกี ารนิเทศท่ีมงุ่ เน้นการชว่ ยเหลือระหวา่ งเพื่อนครูด้วยกนั
ดงั นั้นการนาเอาวิธีนีม้ าใช้ ครูจะต้องเขา้ ใจบทบาท หน้าท่ีและข้อควรปฏิบัตทิ ี่เปน็ หลกั การสาคัญคือ
(National Staff Development Council : 1991, Blackwell : 2002, Lubin : 2002)
1. เป็นการสง่ เสริมการร่วมมือกนั สะท้อนความคดิ ใหข้ ้อมลู ยอ้ นกลับ
ในเชิงสร้างสรรค์ ไมม่ ีการวพิ ากษ์วจิ ารณ์ หรอื ใช้บทบาทของการเป็นผู้นิเทศกับดแู ลเพ่ือนร่วมนเิ ทศ ทงั้ สอง
ฝา่ ยตอ้ งผลัดกันทาบทบาท
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 22
2. ใหค้ วามสาคัญกับการกาหนดขอ้ ตกลงในแตล่ ะขน้ั ตอนของการดาเนินการอย่างชัดเจนทที่ ง้ั สอง
ฝ่ายตอ้ งปฏบิ ตั ิตามอยา่ งเคร่งครัดเพ่ือไมใ่ หเ้ กดิ ความขัดแย้ง
3. การสังเกตการสอนเป็นการเกบ็ ข้อมลู เพื่อการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ทง้ั สองฝ่ายควรไดร้ ับประโยชน์
จากการร่วมกันวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็น
4. บรรยากาศในการทางานมีความเปน็ กันเอง รว่ มกันค้นหา อธิบาย และประเมินผลในส่ิงทีป่ ฏบิ ตั ิ
ไมใ่ ช่การทา เพื่อแขง่ ขันว่าใครดีกว่าใคร หลกี เลย่ี งการตัดสิน หรอื แสดงความคดิ เห็นในเชงิ ลบ
5. ควรมีการเปล่ยี นเพ่ือนนเิ ทศ เมือ่ เสร็จสนิ้ วงรอบของการนเิ ทศ ไม่ควรทาซ้าๆ กับคนเดิม ครูควร
ได้รับประสบการณ์การแลกเปลีย่ นเรียนรูท้ ห่ี ลากหลายจากคนอืน่ ๆ บ้าง แต่ท้งั น้ีกค็ วรเป็นคนท่ีครเู ลือกเอง
กระบวนการนิเทศแบบเพอื่ นชว่ ยเพื่อน
การนเิ ทศแบบเพื่อนชว่ ยเพ่ือนสามารถทาได้โดยง่ายสะดวก เนือ่ งจากเปน็ เพื่อนครดู ว้ ยกนั เอง
รว่ มมอื กนั จากความสนใจในเร่ืองเดยี วกันและพึงพอใจทจ่ี ะรว่ มกันพัฒนาปรบั ปรงุ การเรียนการสอนของกัน
และกนั กระบวนการนเิ ทศแบบเพือ่ นชว่ ยเพื่อนสามารถนากระบวนการนิเทศการสอนแบบตา่ งๆ มาใชไ้ ด้
เพียงแต่ผูท้ ่นี เิ ทศ คือ เพอื่ นครทู ี่รว่ มโครงการดว้ ยกนั ผลัดกันเป็นผทู้ ท่ี าหนา้ ทนี่ เิ ทศการนิเทศแบบเพอื่ นช่วย
เพื่อนมปี ระโยชน์ในการพฒั นาวิชาชีพครูเปน็ อย่างยิ่ง แบบอนื่ อาจจะสร้างความอึดอัดหรือการไมย่ อมรับ แต่
การนเิ ทศแบบเพ่ือนชว่ ยเพื่อนเปน็ การส่งเสริมให้ครูได้มโี อกาสรว่ มกนั แกป้ ัญหา แบง่ ปันประสบการณ์
แลกเปลย่ี นเรยี นรใู้ นศักยภาพทแี่ ตล่ ะคนมี สร้างความเช่ือถือไวว้ างใจระหว่างเพ่ือนครดู ้วยกัน มีบรรยากาศ
ในการทางานทเ่ี ป็นกนั เอง ครูลดความกดดันและสร้างความม่ันใจในการทางานได้มากข้ึนเมื่อมีเพื่อนเป็น
คคู่ ดิ เป็นการพฒั นาวชิ าชีพครูด้วยการนิเทศทย่ี ั่งยนื เพราะครทู า ด้วยความเต็มใจ สามารถเลือกทางานกับ
คนที่ตนเองพึงพอใจและเป็นการสร้างชุมชนแหง่ การเรียนรใู้ ห้เกิดข้ึนในโรงเรยี นเพือ่ สง่ เสริมศักยภาพครู ใน
ขณะเดียวกนั แม้วา่ การนิเทศแบบเพื่อนจะเป็นการนิเทศท่ีเป็นกันเองไมเ่ ปน็ ทางการมากนัก แตค่ รคู วรได้รับ
การฝกึ อบรมการเป็นผู้นเิ ทศ ผรู้ ับการนิเทศ ฝกึ ทักษะการสังเกตการสอน เพราะถ้าครไู ม่มีทักษะในการ
สังเกตการสอน ซ่งึ เปน็ ขน้ั ตอนสาคัญในการแก้ปญั หาหรือพฒั นา การเรียนการสอน ก็อาจจะ
ให้ข้อมูลป้อนกลบั ที่ไม่ถูกต้อง และท่สี าคญั คอื กอ่ นท่ีครูจะเร่มิ การนเิ ทศแบบเพอ่ื นชว่ ย
เพ่อื นครตู ้องรบู้ ทบาทวา่ ต้องเป็นทงั้ ผูน้ เิ ทศและผู้รบั การนเิ ทศ จงึ ตอ้ งทาบทบาท ทง้ั สองอย่างใหเ้ กิดความ
สมดุล ไมเ่ น้นดา้ นใดด้านหนง่ึ มฉิ ะน้นั แลว้ จะทาให้ผิดหลกั การแนวคดิ ของการนเิ ทศแบบเพือ่ นช่วยเพื่อน
อาจกลับกลายเป็นวธิ กี ารนเิ ทศในรปู แบบอน่ื
การนิเทศแบบเพ่ือนชว่ ยเพื่อนเปน็ กระบวนการนิเทศการสอนที่เพ่ือนครตู ง้ั แต่ 2 คนข้นึ ไปจบั ค่หู รอื
รวมกลุม่ กนั เพอื่ ปรับปรุง และพฒั นาการจดั การเรียนการสอน เพือ่ พฒั นาผลการเรียนของนกั เรยี นด้วย
เทคนคิ วธิ สี อน หรอื รปู แบบการสอนรปู แบบใดรูปแบบหน่ึงท่เี หมาะสม การนเิ ทศการสอนแบบเพื่อนชว่ ย
เพ่อื นจงึ ทาไดง้ ่าย สะดวก เน่ืองจากเพ่ือนครูด้วยกนั รว่ มมือกันจากสนใจในเร่ืองเดียวกนั และพงึ พอใจท่ี
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 23
รว่ มมือกนั ปรับปรุง พฒั นาการเรยี นการสอนของกนั และกนั กระบวนการนเิ ทศการสอนแบบเพื่อนชว่ ยเพื่อน
สามารถนากระบวนการนเิ ทศการสอนแบบต่างๆ มาใช้ได้ เพียงแต่ผ้เู ทศคือเพือ่ นครูท่รี ่วมโครงการดว้ ยกนั
ผลดั กนั เปน็ ผทู้ าหน้าทน่ี ิเทศจนกว่าจะบรรจุวตั ถปุ ระสงคท์ ี่ตงั้ ไว้รว่ มกัน ทง้ั นี้ผู้บริหารหวั หน้าวชิ าการ ทา
หน้าทปี่ ระสานงาน ใหค้ วามสะดวก โดยกระบวนการนเิ ทศแบบเพื่อนช่วยเพ่ือนมขี ้ันตอน ดังนี้
1. การเตรยี มความพร้อมก่อนการนิเทศ โดยควรประชุมชแี้ จงสร้างความเข้าใจก่อนดาเนินการ
นเิ ทศ โดยมีแนวทางการดาเนินงานได้แก่
1.1 การสารวจความตอ้ งการ/ความสนใจร่วมกนั
1.2 ศกึ ษาความรู้เรอื่ งวิธีการนิเทศ การสงั เกตการสอน เทคนิควิธีจัดการเรยี นรู้ ทง้ั น้ี ผู้บริหาร
ครูหวั หนา้ กลุ่ม หรอื ผนู้ เิ ทศจากภายนอก เป็นผู้อานวยความสะดวกประสานงานใหค้ าแนะนา หรอื จดั
ฝึกอบรมในเร่อื งทีค่ รตู ้องการ
1.3 เลอื กวิธสี อนและเครื่องมือสังเกตการสอน
1.4 เขยี นแผนการนเิ ทศและแผนการสอน
2. การสังเกตการสอน โดยครูสังเกตการณก์ ารสอนกันตามแผนการนเิ ทศของตนเอง
3. การวิเคราะหข์ ้อมลู โดยครูร่วมกันวิเคราะหผ์ ลการสังเกตการณ์การสอนกนั และกนั
4. การประชมุ หลังการสงั เกตการสอน มีแนวทางดาเนนิ การ ไดแ้ ก่
4.1 นาเสนอผลการสงั เกตการณ์สอนกนั และกัน
4.2 วเิ คราะหข์ ้อมลู พจิ ารณาพฤติกรรมที่ควรปรบั ปรงุ ตอ่ ไป
4.3 รว่ มกันพิจารณาประเดน็ ทีต่ อ้ งปรับปรุงแก้ไข เสนอวธิ ีแกป้ ัญหา หรอื พิจารณาปัญหาอ่นื
พรอ้ มวธิ ีแกต้ ่อไป
กระบวนการนิเทศแบบเพ่ือนชว่ ยเพอ่ื นทีน่ าไปส่ปู ระสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลใน
การปรบั ปรุงและพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาภายในโรงเรียนได้ ดงั น้ี
1. การวางแผนร่วมกันระหว่างผนู้ ิเทศ ผรู้ ับการนิเทศ (ครู หรอื คณะครู)
2. การเลือกประเดน็ หรอื เรอ่ื งทีส่ นใจ ควรมกี ารปรบั ปรุงและพฒั นาอยา่ งเร่งด่วนและ
มากทีส่ ดุ
3. การนาเสนอโครงการพัฒนา และขนั้ ตอนการปรับปรุง (โครงการนเิ ทศ และโครงการวิจัยเพอื่
ปรบั ปรงุ และพฒั นาการเรียนการสอน
4. การให้ความรแู้ กค่ รู/และผูน้ ิเทศในเรื่องทเ่ี กี่ยวขอ้ งดว้ ยการจดั เอกสารให้ศึกษาหรอื การฝึกอบรม
เชงิ ปฏิบตั ิการเกี่ยวกับนวัตกรรมใหมๆ่ รปู แบบการสอนและเทคนิคการจดั การเรยี นการสอนทเี่ หมาะสมกับ
ปญั หาหรือประเดน็ ที่เลือกปรับปรงุ และพัฒนา
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 24
5. การจดั ทาแผนการสอนและแผนการนเิ ทศ กาหนดเคร่ืองมอื สังเกตการณ์สอน ปฏิทิน
กาหนดเวลา และประเดน็ ท่สี ังเกตการสอนแต่ละครง้ั และกาหนดวันเวลา ประชุมเพื่อปรกึ ษาหารือและให้
ข้อมูลย้อนกลับ
6. ครดู าเนินการสอนตามแผนการจดั เรยี นรู้ ผู้นเิ ทศดาเนินตามแผนการนิเทศจนครบวงจร
7. ผู้นิเทศและครูรว่ มกันสรปุ ผลการนิเทศเพือ่ การปรับปรุงและพฒั นาครัง้ ต่อไป
8. ผูน้ ิเทศนาเสนอรายงานผลสาเร็จ และผบู้ รหิ ารเผยแพร่ผลสาเร็จของโครงการ การนิเทศใน
โรงเรยี น
จากการศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยเก่ียวกบั การนเิ ทศการศึกษา ผ้รู ายงานจึงสังเคราะห์กรอบ
แนวคดิ การพฒั นารูปแบบการนเิ ทศโดยใช้รูปแบบ 5D โมเดล ของโรงเรยี นดรณุ วิทยา เทศบาลเมืองน่าน
(บ้านสวนตาล) สามารถเช่ือมโยงองคป์ ระกอบของรูปแบบกับแนวคดิ ของการนเิ ทศการศกึ ษา ดังน้ี
1. หลักการของรปู แบบ คือ การนิเทศโดยใช้รูปแบบ 5D โมเดล เป็นกระบวนการหนง่ึ
ของการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา โดยเป็นการสนับสนุนการจัดการเรยี นรู้ ใหค้ รูประเมนิ การทางานของ
ตนเอง ต่อยอดประสบการณ์ และสรุปผลการนิเทศรว่ มกนั ระหว่างผูน้ เิ ทศกบั ผูร้ บั การนเิ ทศ
2. วัตถุประสงคข์ องรูปแบบ คือ ดาเนินการนิเทศโดยใช้รปู แบบ 5D โมเดล เปน็ กระบวนการหน่ึง
ของการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา เพื่อใหโ้ รงเรียนมรี ูปแบบและกระบวนการนิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
ภายในโรงเรยี น อยา่ งเป็นระบบมคี วามเข้มแข็งและเกิดการเปล่ียนแปลงในทางทด่ี ีขนึ้ ปรบั ปรุงและ
พฒั นาการจัดการเรยี นการสอนของครใู ห้มีคุณภาพ
3. ระบบและกลไกของรปู แบบ คอื กระบวนการนเิ ทศประกอบด้วย D1 = Data Analysis การ
วเิ คราะห์ข้อมลู D2 = Design การออกแบบการนิเทศ D3 = Deep supervision การนิเทศเชิงลึก
D4 = Definite Assessment & Report การประเมนิ ผลและรายงาน D5 = Development การพัฒนา
โดยกลไกของการนิเทศเป็นกลไกภายในสถานศกึ ษา ประกอบด้วย ผ้บู รหิ ารและครูผใู้ ห้คาชี้แนะ และครู
ผ้รู ับการนเิ ทศ
4. แผนการดาเนนิ งานของรูปแบบ จากระบบและกลไกของการนิเทศ มีแนวทางการดาเนินงาน
ดังน้ี
4.1 การวางแผนรว่ มกันระหวา่ งผู้นเิ ทศ ผรู้ บั การนิเทศ (ผูบ้ ริหาร และคณะคร)ู
4.2 การเลอื กประเดน็ หรือเรือ่ งทส่ี นใจ ควรมีการปรับปรุงและพฒั นาอยา่ งเร่งดว่ นและมากทส่ี ดุ
4.3 การนาเสนอแนวทางการนเิ ทศผ่านกระบวนการ PLC
4.4 การใหค้ วามรูแ้ ก่คร/ู และผู้นิเทศในเร่ืองท่ีเกย่ี วข้องด้วยการจัดเอกสาร ให้ศึกษาหรือการ
ฝกึ อบรมเชงิ ปฏิบตั ิการเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ ๆ รูปแบบการสอนและเทคนคิ การจดั การเรียนการสอนท่ี
เหมาะสมกับปญั หา หรือประเด็นทเี่ ลือกปรับปรุงและพัฒนา
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 25
4.5 การจดั ทาแผนการสอนและแผนการนิเทศ กาหนดเครอ่ื งมือสงั เกตการณส์ อน ปฏิทิน
กาหนดเวลา และประเดน็ ท่ีสังเกตการสอนแตล่ ะครงั้ และกาหนดวันเวลา ประชุมเพ่ือปรกึ ษาหารือและให้
ข้อมลู ย้อนกลบั
4.6 ครดู าเนนิ การสอนตามแผนการจดั เรียนรู้ ผ้นู เิ ทศดาเนินตามแผนการนเิ ทศ จนครบวงจร
ทงั้ การนิเทศในชน้ั เรียนและการนเิ ทศออนไลน์
4.7 ผู้นิเทศและครรู ว่ มกันสรปุ ผลการนเิ ทศเพ่ือการปรับปรุงและพฒั นาครัง้ ต่อไป
4.8 ผู้นิเทศนาเสนอรายงานผลสาเรจ็ และผบู้ ริหารเผยแพร่ผลสาเรจ็ ของโครงการการนิเทศใน
โรงเรยี น
5. แนวทางการประเมินผล คือ การประเมนิ ความสามารถในการจัดการเรียนรขู้ องครู
6. เงือ่ นไขการนารปู แบบไปใช้ คอื การจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมและการชแี้ จงทาความเข้าใจ
ใหค้ รูผ้ใู หค้ าชี้แนะและครผู รู้ บั การนเิ ทศมเี ป้าหมายและความเข้าใจที่ตรงกนั พรอ้ มท้ังเห็นความสาคญั หรือ
ประโยชน์ท่ีจะได้รบั จากการนิเทศ
9. การออกแบบนวัตกรรม
โรงเรยี นดรุณวทิ ยา เทศบาลเมอื งน่าน (บ้านสวนตาล) ใช้กระบวนการนิเทศเป็นกระบวนการหน่ึง
ของการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ในการพฒั นาการนิเทศ จงึ ไดอ้ อกแบบกระบวนการนเิ ทศตามรูปแบบ 5D
โมเดล เพอ่ื สนบั สนนุ การจัดการเรยี นรู้ ดังรายละเอียดน้ี
1. การศกึ ษาเอกสารแนวคดิ หลักการ
คณะทางานได้สารวจว่าในทางวชิ าการมพี ฒั นาเรื่องน้ีไว้วา่ อยา่ งไร มีใครที่เคยประสบ
ปญั หาการพัฒนาการเรียนรูห้ รอื การบรหิ ารสถานศกึ ษาเช่นเดยี วกนั น้ีมาก่อน และคนที่หาปัญหา
เชน่ เดยี วกนั นม้ี ีแนวทางในการแกไ้ ขปญั หานี้ในห้องเรียนของตนเองอย่างไร เพ่ือใหไ้ ดแ้ นวคิดและแนวทางที่
จะนามาแก้ปัญหาของตนเองต่อไป
1.1 การแลกเปล่ียนเรียนรูแ้ ละการแสวงหาแนวคิดและหลักการ
1.2 การศึกษาเอกสารงานวจิ ัยและประสบการของผูเ้ ก่ียวขอ้ ง
2. การเลอื กและการวางแผนสรา้ งนวัตกรรมโดยพิจารณาเลอื กจากลักษณะของนวตั กรรมการ
เรียนรูท้ ่ดี ี ดงั น้ี
2.1 เปน็ นวัตกรรมการเรียนรู้ท่ตี รงกบั ความต้องการและความจาเปน็
2.2 มีความหนา้ เชื่อถอื และเป็นไปไดส้ งู ทจี่ ะสามารถแกป้ ัญหา และพัฒนาการเรียนรขู้ อง
ผ้เู รยี น
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 26
2.3 เป็นนวตั กรรมท่ีมีแนวคิดหรือหลักการทางวิชาการรองรับจนน่าเช่ือถือ
2.4 สามารถนาไปใช้ในหอ้ งเรียนไดจ้ รงิ ใช้ไดง้ า่ ย สะดวกต่อการใช้และการพัฒนา
นวตั กรรม
2.5 มผี ลการพิสูจนเ์ ชงิ ประจักษ์ว่าได้ใช้ในสถานการณ์จรงิ แลว้ สามารถแกป้ ัญหาหรือ
พฒั นาคุณภาพการจัดการเรยี นรูไ้ ดอ้ ย่างน่าเพ่ิงพอใจ
3. สรา้ งและพฒั นานวตั กรรมการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D โมเดล โดยมหี ลกั คดิ วา่
ใชก้ ารนเิ ทศภายใน และการบริหารจดั การสถานศึกษาจะเป็นตัวสนับสนนุ การจดั การเรียนรู้ของครู และการ
เรียนรูข้ องนักเรยี นโดยมเี ป้าหมายให้นกั เรยี นคดิ เก่ง แก้ปัญหาเก่ง และใชเ้ ทคโนโลยีเก่ง โดยได้ออกแบบ
กระบวนการนิเทศ โดยการนาวงจรคุณภาพ (Quality Loop) หรือวธิ รี ะบบ (System Approach) มาใชใ้ น
การดาเนินงานตามขั้นตอนดังน้ี
การพัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 27
สภาพปจั จบุ ันปญั หา กระบวนการบรหิ าร คุณภาพผเู้ รยี น
และความตอ้ งการ S= SWOT Analysis การวิเคราะห์สถานศกึ ษา Core learning Outcome
U= Understanding การสร้างความเขา้ ใจ T: Thinking คิดเกง่
A = Active Teachers การสร้างครูเชิงรกุ P: Problem Solving
N= Normal Actions การปฏบิ ัตทิ ีเ่ ป็นปกติ แกป้ ญั หาเก่ง
T= Team Work การทางานเปน็ ทมี T: Technology
A= Assessment การประเมนิ ผล ใชเ้ ทคโนโลยเี ก่ง
N = Knowledge Transfer การถ่ายทอดความรู้
กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
S= Student Analysis วิเคราะหน์ ักเรยี น
U= Unit design การออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้
A = Active learning Plan การจัดทาแผนการจัดการ
เรียนรเู้ ชิงรุก
N= New normal Learning การจัดการเรียนรู้รูปแบบ
ปกตใิ หม่
T= Test การทดสอบความรู้
A= Assessment การประเมินผล
N = Knowledge Link การเชื่อมโยงความรู้
กระบวนการนิเทศ
D = Data Analysis การวเิ คราะหข์ ้อมูล
D = Design การออกแบบการนเิ ทศ
D = Deep supervision การนิเทศเชิงลกึ
D = Definite Assessment & Report
การประเมินผลและรายงาน
D = Development การพฒั นา
การพัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 28
.......
...1. ขน้ั การวเิ คราะห์ข้อมลู (Data Analysis)
................ขัน้ การวิเคราะห์ขอ้ มลู เป็นขัน้ ตอนการทางานข้ันแรกที่โรงเรยี นให้ความสาคัญกับการวเิ คราะห์
ข้อมูลในหัวข้อที่สาคัญ ดังนี้
............1.1 การวิเคราะหค์ วามต้องการ ความจาเปน็
..................การวเิ คราะห์ความตอ้ งการ ความจาเปน็ โดยใชเ้ ทคนิคและวธิ กี ารหลายอย่าง เพื่อใหไ้ ด้ขอ้ มลู ท่ี
ครอบคลุม เช่น การนเิ ทศและตรวจเยย่ี ม การสมั ภาษณค์ รูผสู้ อน นักเรยี น การสง่ แบบสารวจความต้องการ
แลว้ นาข้อมูลเหลา่ นัน้ มาวเิ คราะหผ์ ล จะทาให้ไดร้ ับข้อมลู เกย่ี วกบั ความต้องการจาเปน็ ในการพัฒนา การ
เรยี นการสอน ท่หี ลากหลายและครอบคลมุ เป็นประโยชน์ต่อการออกแบบ กจิ กรรมการนิเทศ ทตี่ รงกับ
ความ ตอ้ งการของโรงเรยี น
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 29
............1.2 การวเิ คราะหเ์ นือ้ หาและภารกิจ
..................เม่ือได้ขอ้ มูลเกีย่ วกับความต้องการ ความจาเป็นแล้ว ผนู้ เิ ทศไดด้ าเนนิ การกาหนดหลักสตู ร
กจิ กรรม ตามลาดับความต้องการ แล้วกาหนดเน้อื หาในการนิเทศการศกึ ษา การจดั โครงสรา้ งและลาดบั การ
นาเสนอ ให้ง่ายต่อการสรา้ งความร้คู วามเขา้ ใจ ผู้รับการนิเทศไดร้ ับความสะดวก มีความร้คู วามเข้าใจ และ
ทักษะในการ ปฏบิ ัติงาน มคี วามพึงพอใจในการนเิ ทศ สามารถชักจูงใหเ้ กดิ การเปล่ียนแปลงพฤติกรรมไป
ในทางท่ดี ีขนึ้ ได้
............1.3 การวเิ คราะหผ์ รู้ บั การนเิ ทศ
..................ผนู้ เิ ทศทาความรจู้ ัก กบั ผู้รับการนิเทศในทุกมิติ เชน่ เพศ วยั วุฒกิ ารศกึ ษา ประวตั ิการรบั
ราชการ นิสยั ใจคอ ความสนใจ ความถนัด เป็นตน้ ทงั้ น้ีเพ่ือให้สามารถวางแผนการนิเทศ การเลอื กวธิ ีการ
สือ่ รวมทั้ง เทคนิคการนเิ ทศทเ่ี หมาะสมได้ ซ่ึงก็คือ หลกั การนิเทศ ทีย่ ดึ ผรู้ ับการนเิ ทศเป็นศนู ย์กลางในการ
นเิ ทศ
............1.4 การวเิ คราะห์สภาพการณ์และนโยบาย
..................ผ้นู ิเทศวิเคราะหส์ ภาพการณ์และนโยบายโรงเรียน เช่น การเปลย่ี นแปลงเกย่ี วกับหลกั สูตร
วิธีการจดั การเรยี นรู้ การบรหิ ารจัดการท่สี นองกลยุทธข์ องฝ่ายนโยบาย เป็นตน้
............2. ขั้นการออกแบบ (Design)
................เมือ่ มกี ารวเิ คราะห์ความตอ้ งการ ความจาเป็น วิเคราะหผ์ รู้ ับการนิเทศ เน้ือหา ภารกิจ และ
สภาพการณ์ตา่ งๆ อยา่ งครอบคลุมแล้ว นาขอ้ มลู พ้นื ฐานที่สาคัญมาการออกแบบและพัฒนา ในหัวข้อต่าง ๆ
ดงั นี้
..................2.1 การออกแบบวตั ถปุ ระสงค์ของการนเิ ทศ
........................การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ โดยกาหนดจุดวตั ถุประสงค์ ท้งั เป้าหมาย (Goals) และวัตถุประสงค์
เชงิ พฤติกรรม (Behavioral Objectives) ให้มคี วามครอบคลมุ ทงั้ ดา้ นพุทธิพิสยั จิตพสิ ัยและทักษะพสิ ยั
..................2.2 การออกแบบวธิ ีการและกจิ กรรมการนเิ ทศ
........................เมือ่ ผู้นเิ ทศ ได้มีการวเิ คราะหค์ วามต้องการ ความจาเป็น และประเด็นอ่นื ๆ ทเี่ กย่ี วข้องแลว้
กาหนดวธิ กี ารนิเทศ ให้สอดคลอ้ งกับผลการวเิ คราะห์ ในเบื้องตน้ เช่น กรณขี องการนเิ ทศออนไลน์ ของผู้
นิเทศ อาจจะเลือกแนวทางการนิเทศ ดังนี้
........................2.2.1 การนิเทศการสอนผ่านไลนก์ ลุ่มแต่ละห้องเรยี น
........................2.2.2 การนเิ ทศและให้คาแนะนาปรึกษาทางไลน์กลุม่ โรงเรียน
........................2.2.3 การนิเทศการสอนทางสอื่ สงั คมออนไลน์ เช่น ชอ่ งยูทูปของครู
การพัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 30
............3. ขนั้ การนิเทศเชงิ ลึก ( Deep Supervision )
..................3.1 การเตรยี มการและประสานงานการนิเทศ
........................เมื่อผนู้ ิเทศวิเคราะหค์ วามต้องการ ความจาเป็น วิเคราะหผ์ ู้รบั การนเิ ทศ เน้ือหา ภารกจิ
สภาพการณต์ า่ งๆ มกี ารสร้างและพัฒนาส่ือและกิจกรรมการนิเทศแล้ว มีการเตรียมการประสานงาน และ
นเิ ทศการศกึ ษา ดงั น้ี
........................3.1.1 การจัดทาตารางและกาหนดการนเิ ทศ ทีส่ อดคล้องกับวัตถุประสงค์
........................3.1.2 ประสานงานกับคณะนิเทศ เพือ่ ให้มีการบูรณาการการนเิ ทศ ให้ครอบคลุมภารกิจ และ
กลยทุ ธ์ต่างๆ รวมท้ังการบูรณาการการนเิ ทศตามความเหมาะสมกบั สถานการณ์
........................3.1.3 ประสานงานกบั ผรู้ ับการนิเทศ เพื่อนัดหมายวัน เวลา ตารางการนเิ ทศ รวมท้งั การ
เตรยี มขอ้ มลู เบื้องตน้ ในดา้ นต่างๆ
..................3.2 การปฏบิ ัตกิ ารนิเทศ
........................เปน็ ขนั้ ตอนท่ีผู้นเิ ทศ ลงมอื ดาเนินการนเิ ทศ โดยใชห้ ลกั การนิเทศทีส่ าคัญๆ เช่น การมมี นุษย์
สัมพนั ธ์อนั ดตี ่อกนั การทางานเป็นทีม มกี ารรว่ มคิด ร่วมทา รว่ มรบั ผลสาเร็จ ภายใตค้ วามเชอ่ื ท่วี ่า ผ้รู บั การ
นเิ ทศทุกคน สามารถพัฒนาใหบ้ รรลผุ ลตามศกั ยภาพได้ ให้ความสาคญั ในการพฒั นา การจัดการเรยี นการ
สอน ตามแนวทางการปฏิรูปกระบวนการเรยี นรู้ ท่ีเน้นประโยชนส์ งู สุดแกผ่ ้เู รียน ฝกึ ทกั ษะ กระบวนการคดิ
การจดั การ การเผชิญปญั หาและการประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะ ในการป้องกันและการแก้ไขปญั หาให้
ผเู้ รียน เนน้ ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ รยี นรู้จากประสบการณจ์ ริง ฝกึ ให้คิดเปน็ ทาเป็น รักการแสวงหาความรู้ ดว้ ยตนเอง
เกดิ การใฝ่รูใ้ ฝเ่ รยี นอย่างต่อเน่ือง ผสมผสานสาระความรดู้ ้านตา่ งๆ อย่างสมดุล ผู้สอน สามารถจัด
บรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรยี นการสอน การอานวยความสะดวกให้ผ้เู รียน มีการใช้
กระบวนการวจิ ยั เปน็ สว่ นหน่ึงของกระบวนการเรยี นรู้ เป็นต้น
............4. ขน้ั การประเมนิ ผลและรายงาน ( Definite Assessment & Report )
................การดาเนินกจิ กรรมการนเิ ทศ มีการประเมนิ ที่ชดั เจน เชอ่ื ถอื ได้ สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ของ
กิจกรรม ท้งั ก่อนการดาเนนิ กิจกรรม ระหวา่ งดาเนินกจิ กรรม และหลงั การดาเนนิ กิจกรรม ท้ังน้ีเพ่ือให้ได้
ข้อมลู ทีเ่ ปน็ ประโยชนห์ ลายประการ กล่าวคือ การประเมินก่อนการดาเนินกิจกรรม จะทาใหไ้ ด้ข้อมูล
เกี่ยวกบั ผ้รู บั การนเิ ทศ เกยี่ วกับความสนใจ ความรู้พ้นื ฐาน การประเมนิ ระหวา่ งดาเนินกิจกรรมจะทาให้
ทราบขอ้ มูล เกย่ี วกบั พฒั นาการของผู้รบั การนเิ ทศ ส่วนการประเมินหลงั การดาเนินกจิ กรรม จะทาให้ทราบ
ถึงผลสมั ฤทธิ์ของการดาเนินงาน มีการเลอื กใชว้ ิธีการและเคร่ืองมือในการประเมนิ ผล ที่ครอบคลุม
วัตถุประสงค์ เมื่อการประเมินผลสน้ิ สุดลงก็จะมกี ารสรุปและรายงานผลใหผ้ ูเ้ กีย่ วข้องไดท้ ราบ โดยจดั ทาเปน็
รายงานอย่างงา่ ย แลว้ รวบรวมไวใ้ นเอกสารการนิเทศ เพอ่ื ใหเ้ หน็ การพฒั นาของการดาเนินงานได้อยา่ งเปน็
รูปธรรม
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 31
............5. ขน้ั การพฒั นา ( Development )
................เปน็ ข้ันตอนสาคัญทีผ่ ู้นิเทศควรดาเนินการอยู่เสมอ ในทุกขน้ั ตอนการนิเทศ เพราะในการ
พฒั นาการปฏบิ ัติงานนน้ั ต้องมีการปรับปรงุ แกไ้ ข และพฒั นาอย่ตู ลอดเวลา เมื่อมีการประเมนิ ผลการ
ดาเนินการทุกคร้งั จะได้ขอ้ มูลสาคัญทผ่ี รู้ บั การนิเทศ ผู้นิเทศ บุคลากร หน่วยงานผ้รู บั ผดิ ชอบ จะนาไป
ประกอบการปรับปรุง แก้ไข หรือพฒั นาให้การทางานเป็นไปอยา่ งสอดคล้อง เหมาะสมตามบทบาทหน้าที่
และมกี ารผลดาเนินงานทีเ่ กิดประสทิ ธภิ าพสูงสดุ การพฒั นาปรบั ปรงุ ไดด้ าเนินการในทุกข้ันตอนของการ
นเิ ทศ เช่น การพฒั นาปรบั ปรุงวธิ กี ารและเคร่ืองมือ ในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู เพื่อให้ได้ผลท่ีแม่นยา มี
ประโยชนใ์ นการดาเนินการนิเทศการศึกษาอย่างสงู สดุ การพฒั นาปรบั ปรงุ ในข้ันตอนการออกแบบ เพอื่ ให้
วตั ถุประสงค์ของการนิเทศมีความครอบคลมุ สอดคล้องกบั สภาพปญั หา และความต้องการของครูและ
โรงเรียน เลือกวิธีการนเิ ทศทเี่ หมาะสมกับกลมุ่ ผู้รบั การนิเทศ บรบิ ท เนือ้ หาสาระ งบประมาณ รวมทั้งการ
พัฒนาปรบั ปรุงแผนการนเิ ทศใหม้ ีประสทิ ธิภาพ ตลอดจนการพฒั นาปรบั ปรงุ วิธกี ารประเมนิ ผลการนเิ ทศ
ให้ไดเ้ คร่ืองมือที่มีคุณภาพตามหลกั วิชาการ ซึง่ จะส่งผลถึงข้อมลู ที่ไดจ้ ากการประเมิน มีความถูกต้องตาม
ความเป็นจรงิ สามารถพฒั นาการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ของครเู พ่ือพัฒนาคุณภาพนักเรียนได้เต็มศกั ยภาพ
10. วธิ ดี าเนินการ
โรงเรียนดรณุ วทิ ยา เทศบาลเมอื งน่าน (บ้านสวนตาล) ไดด้ าเนนิ การนเิ ทศภายในสถานศึกษาตาม
ขัน้ ตอน ดังนี้
1. ข้นั การวเิ คราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
1.1 วิเคราะห์ปัญหาความตอ้ งการการพัฒนาตามบริบทโรงเรียน
1.2 จัดลาดบั ความสาคัญเร่งดว่ น กาหนดค่าเป้าหมายการพัฒนาเช่อื มโยงมาตรฐานการศกึ ษา
ของสถานศกึ ษา
1.3 จัดทาข้อมูลสารสนเทศสาหรบั ผ้บู รหิ ารครนู กั เรียน
1.4 สร้างการรับรแู้ ก่ทุกฝา่ ยให้มเี ป้าหมายการพัฒนารว่ มกนั
2. ข้นั การออกแบบ (Design)
2.1 คณะทางานวางแผนการนเิ ทศ กาหนด เลือกแนวทาง วธิ ีการ เป้าหมายการพฒั นา
2.2 คณะทางานกาหนดวิธีการนเิ ทศ และกจิ กรรมการนิเทศทเ่ี หมาะสมกบั สภาพปญั หาความ
ต้องการเนน้ การใช้ ICT
2.3 คณะทางานจัดการทาแผนการนเิ ทศภายในโรงเรียน
2.4 คณะทางานสรา้ งสื่อและเครื่องมือการนเิ ทศ
2.5 คณะทางานจดั ทาคู่มอื การนเิ ทศภายในโรงเรยี น
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 32
3. ขัน้ การนเิ ทศเชงิ ลึก (Deep Supervision)
3.1 ครเู ย่ียมช้ันเรียน ท้งั รูปแบบon-site และ online สงั เกตบรรยากาศการสอน พฤติกรรม
นักเรียน ผลงานนักเรยี น
3.2 สงั เกตการณ์สอน พฤติกรรมครู/นักเรยี น การใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ติ ลั ในการจัดการเรยี นรู้
3.3 การนเิ ทศโดยใช้กระบวนการชมุ ชนการเรยี นร้ทู างวิชาชีพ (PLC)
4. ข้นั การประเมนิ ผลและรายงาน (Definite Assessment & Report)
4.1 คณะทางานรว่ มกันประเมินการใช้หลกั สูตร
4.2 คณะทางานร่วมกันประเมนิ การจดั การเรยี นรู้ของครู
4.3 คณะทางานร่วมกันประเมินทักษะการคดิ การแก้ปัญหาและการใช้เทคโนโลยี
4.4 คณะทางานร่วมกนั การสะทอ้ นและสรุปผลการนเิ ทศ
4.5 คณะทางานร่วมกันสรุป รายงานผลการดาเนนิ งานต่อผเู้ กี่ยวข้อง
5. ขน้ั การพัฒนา (Development)
5.1 คณะทางานรว่ มกันวิเคราะห์ สงั เคราะหผ์ ลการดาเนินงาน
5.2 คณะทางานร่วมกนั นาผลไปใชใ้ นการปรบั ปรงุ พัฒนา
5.3 นาผลการนิเทศไปใช้ในการวางแผนพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา
11. ผลการสร้างหรอื พัฒนานวตั กรรม
โรงเรียนดรุณวิทยา เทศบาลเมืองน่าน (บ้านสวนตาล) ได้พัฒนานวัตกรรมการนิเทศภายใน
สถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model มรี ายละเอียดดังนี้
1. หลกั การของรูปแบบ
รปู แบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model มีหลกั การสาคญั ดังนี้
1.1 เป็นรปู แบบการนิเทศที่เน้นสง่ เสริมให้ครูไดร้ ับการพัฒนาใหม้ ีความรู้ ทกั ษะ เจตคติที่
ดีต่อการนิเทศ สามารถปรับเปล่ียนมโนทัศน์และนาประสบการณ์ท่ีได้ไปใช้ประโยชน์ในการจัดกิจกรรมการ
เรียนการสอน โดยการบรู ณาการศาสตร์ ศิลป์ ชวี ิตและเทคโนโลยีเข้าดว้ ยกนั อย่างกลมกลืน เพื่อสง่ เสรมิ ให้
ผเู้ รยี นไปสลู่ กั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ โดยมผี ลลัพธ์การเรียนรหู้ ลัก คอื คิดเกง่ แก้ปัญหาเกง่ และใช้เทคโนโลยีเกง่
1.2 ดาเนินการนิเทศพร้อมกับการพัฒนาชุมชนการเรียนรู้ของครูด้วยกระบวนการPLC
การเรยี นรู้จากการปฏิบัติการสอน การสะท้อนผลการปฏิบัติงาน การให้คาช้ีแนะ การสะท้อนคิดด้วยตนเอง
ของครู โดยเป็นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่มการแลกเปล่ียนเรียนรู้การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 33
และการสะท้อนผลหลังปฏิบัติกิจกรรมส้ินสุดในแต่ละครั้ง โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการปรับปรุงสภาพการ
เรยี นการสอนใหม้ คี ณุ ภาพดขี ึน้
1.3 ใช้เครือข่ายชุมชนการเรียนรู้ของครูเพื่อการให้คาแนะนาปรึกษา (Mentoring) โดยให้
ครูผู้ท่ีมีประสบการณ์หรือประสบความสาเร็จในการจัดการเรียนรู้ และมีผลงานชัดเจน เป็นผู้คอยชี้แนะให้
คาแนะนาปรึกษาแก่ครูผู้ท่ียังไม่ประสบความสาเร็จตามเป้าหมาย การสะท้อนผลการปฏิบัติ (Reflection)
ก่อนหรือหลังการให้คาแนะนาปรึกษา เพ่ือเป็นการเพ่ิมเติมการคิดของบุคคลให้มีความเข้าใจทักษะการ
ปฏิบัติในการจัดการเรียนรู้ ตามทผ่ี ู้ให้คาแนะนาไดเ้ สนอแนะไว้
1.4 ปรับการนเิ ทศตามสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น ในช่วงทโี่ รงเรียนมกี ารสอนออนไลน์ใช้การ
นิเทศออนไลน์โดยผู้บริหารเข้านิเทศครูในขณะท่ีครูสอนออนไลน์ และครูเข้านิเทศเพ่ือนครู เพื่อให้เกิดการ
เรียนรรู้ ว่ มกันส่งผลตอ่ การปรบั วิธคี ดิ เปล่ยี นแปลงวิธีการทางานทส่ี รา้ งสรรค์ และมีประสทิ ธภิ าพใหส้ งู ข้นึ
2. วัตถปุ ระสงค์ของรูปแบบ
1) เพื่อให้โรงเรียนมีรูปแบบและกระบวนการนิเทศ ติดตามและประเมินผลภายในโรงเรียน
อยา่ งเปน็ ระบบมคี วามเขม้ แขง็ และเกิดการเปล่ียนแปลงในทางทด่ี ีขนึ้
2) เพ่ือปรบั ปรุงและพฒั นาการจัดการเรียนการสอนของครใู ห้มีคุณภาพ
3) เพือ่ ยกระดับผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนใหส้ งู ข้ึน โดยเน้นการพฒั นาทักษะการคดิ การ
แก้ปัญหาและการใชเ้ ทคโนโลยี
3. กระบวนการและกลไกของรปู แบบ
3.1 กระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษาโดยใช้ตามรูปแบบ 5D Model ของโรงเรียน
ดรุณวิทยาฯ ได้แก่ ข้ันที่ 1 เตรียมความพร้อมด้านชุมชนการเรียนรู้ของครู ข้ันท่ี 2 เตรียมความพร้อมด้าน
การเรียนรู้ที่เน้นผลลัพธ์การเรียนรู้หลัก (Core Learning Outcomes) คือนักเรียนคิดเก่ง แก้ปัญหาเก่ง
และเทคโนโลยีเก่ง ขั้นท่ี 3 การสังเกตชั้นเรียนและให้คาช้ีแนะเชิงบวก ข้ันที่ 4 การประชุมแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ สะท้อนผลการนิเทศ (AAR) และ ข้นั ที่ 5 ประเมินและพัฒนาการเรยี นรู้
3.2 กลไกการนิเทศ ของโรงเรยี นดรณุ วทิ ยาฯ มรี ายละเอียด ดงั น้ี
1) กลไกดา้ นผบู้ ริหาร มบี ทบาทใน 2 ขนั้ ตอน ดังนี้
1.1) การเตรียมความพร้อมด้านชุมชนการเรียนรู้ของครู โดยผู้บริหารทาหน้าท่ี
สนับสนุนให้ครูสร้างชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ โดยกาหนดนโยบายการดาเนินงานให้ครู มีเป้าหมาย
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 34
ร่วมกัน มุ่งเน้นความสาเร็จของผู้เรียน เปิดใจยอมรับการเปล่ียนแปลง การเรียนรู้เพื่อพัฒนางานเป็นทีม
การสร้างความสัมพันธ์ของบุคลากร นอกจากนั้นยังดาเนินการออกคาสั่งแต่งต้ังครูผู้ให้คาชี้แนะอย่างเป็น
ทางการเพ่ือให้เป็นกลไกการดาเนินงานที่ชัดเจน โดยผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้ให้คาช้ีแนะและครูผู้รับการ
สังเกต อาจสลับหมุนเวียนกันภายในระดับชั้นหรือช่วงช้ันเดียวกัน เพ่ือให้ทุกคนได้มีบทบาทเป็นท้ังผู้ให้คา
ชีแ้ นะและผู้รับการนเิ ทศ
1.2) การเตรียมความพร้อมด้านการเรียนรู้ตามจุดเน้น โดยผู้บริหารดาเนินการจัด
ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อให้ครูมาออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการ ท่ีทาให้มีการผลิตผลงานที่ใช้
ประโยชนไ์ ด้จรงิ ในชมุ ชน
2) กลไกด้านครูผู้ให้คาชี้แนะ มีบทบาทใน 4 ขนั้ ตอน ดังน้ี
2.1) การเตรียมความพร้อมด้านการเรียนรู้ที่เน้นผลลัพธ์การเรียนรหู้ ลัก โดยร่วมกัน
ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ทาให้มีทักษะการคิด ทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการใช้
เทคโนโลยี
2.2) การสังเกตชั้นเรียนและให้คาช้ีแนะเชิงบวก เป็นการสังเกตกิจกรรมการเรียนรู้
แบบบูรณาการท่ีไดว้ างแผนร่วมกัน เพอื่ วิเคราะหก์ ระบวนการจดั การเรยี นรู้และผลที่เกิดกับผู้เรียนวา่ เป็นไป
ตามรูปแบบ Active Learning มากน้อยเพียงใด และให้คาช้ีแนะเพื่อปรับปรุงพัฒนาโดยการช้ีแนะด้วยการ
ส่อื สารเชงิ บวก เพ่ือให้ครผู ู้ใหค้ าช้ีแนะ และครูผ้รู ับการนเิ ทศมสี มั พนั ธภาพที่ดีตอ่ กนั
2.3) ประชุมแลกเปล่ียนเรียนรู้ เป็นการจัดประชุมร่วมกันระหว่างครูผู้ให้คาช้ีแนะ
และครผู ู้รับการนิเทศท่อี ยู่ในชัน้ เดียวกนั หรือช่วงช้ันเดยี วกัน ท้ังในการประชุมเชงิ ปฏบิ ัติการและการประชุม
ตามกระบวนการ PLC เพ่ือสะท้อนผลการดาเนินงานท่ีประสบผลสาเร็จให้สมาชิกในกลุ่มได้เรียนรู้และ
พัฒนาแนวคิดในการสอนให้เป็นไปตามรูปแบบ Active Learning มากขึ้น โดยกระบวนการประชุม
แลกเปล่ียนเรียนรู้ให้เน้นการส่ือสารเชิงบวก ผู้เข้าประชุมทุกคนมองปัญหาเป็นโอกาสในการพัฒนา มอง
ความสาเรจ็ เป็นแนวทางทตี่ อ้ งขยายผล เพอ่ื ให้การเรยี นการสอนมีประสทิ ธิภาพ
3) ครูผู้รับการนิเทศ
3.1) การเตรียมความพร้อมด้านการเรียนรู้ที่เน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ โดยร่วมกัน
ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการท่ีทาให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด การแก้ปัญหา และการใช้
เทคโนโลยี
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 35
3.2) การปฏิบัติการสอนในชั้นเรียน เป็นการจดั กิจกรรมการเรียนรแู้ บบบูรณาการที่
ได้วางแผนร่วมกันให้ไปตามรูปแบบ Active Learning และเรียนรู้จากคาชี้แนะด้วยการเปิดใจรับฟังอย่าง
ตัง้ ใจและใครค่ รวญ มองเหน็ โอกาสในการพัฒนางานจากคาชแี้ นะของเพือ่ นรว่ มงาน
3.3) ประชุมแลกเปล่ียนเรียนรู้ เป็นการจัดประชุมร่วมกันระหว่างครูผู้ให้คาช้ีแนะ
และครูผู้รับการนิเทศ ท่ีอยู่ในช้ันเดียวกันหรือช่วงชั้นเดียวกัน เพ่ือสะท้อนผลการดาเนินงาน ที่ประสบ
ผลสาเร็จให้สมาชิกในกลุ่มได้เรียนรู้ และพัฒนาแนวคิดในการสอนให้เป็นไปตามรูปแบบ Active Learning
มากข้ึน โดยกระบวนการประชุมแลกเปล่ียนเรียนรู้ให้เน้นการส่ือสารเชิงบวก ผ้เู ข้าประชุมทุกคนมองปัญหา
เป็นโอกาสในการพัฒนา มองความสาเร็จเป็นแนวทางท่ีต้องขยายผล เพ่ือให้การเรียนการสอนมี
ประสทิ ธภิ าพ
3.4) การประเมินและพัฒนาการเรียนรู้ เป็นการดาเนินงานของครูผู้สอนแต่ละคนที่
จะต้องประเมินผลการเรียนรู้ในรายวิชาของตนเอง ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ในรายวิชา
และต้องมีการประเมินทักษะการคิด การแก้ปัญหา และการใช้เทคโนโลยีของนักเรียน และสรุปผลการ
ประเมินตอ่ ผู้บรหิ ารเพ่ือรับทราบและนาข้อมูลเขา้ สู่การประชุมแลกเปล่ียนเรียนร้กู ารพัฒนาใหส้ อดคล้องกับ
รปู แบบ Active Learning อยา่ งเปน็ รปู ธรรมมากข้นึ
4. แผนการดาเนนิ งานของรูปแบบ
รูปแบบกระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษาโดยใช้ตามรูปแบบ 5D Model ของโรงเรยี นดรุณ
วิทยาฯ มแี ผนการดาเนนิ งานตามกระบวนการนเิ ทศภายใน 5 ระยะ ตามลาดับดงั นี้
ระยะที่ 1 ขั้นการวิเคราะหข์ ้อมลู (Data Analysis)
1.1 ผู้บรหิ ารและครรู ว่ มกันวิเคราะห์ปญั หาความต้องการการพัฒนาตามบรบิ ทโรงเรยี น
1.2 จัดลาดับความสาคัญเร่งด่วน กาหนดค่าเป้าหมายการพัฒนาเช่ือมโยงมาตรฐาน
การศึกษาของสถานศกึ ษา
1.3 จัดทาขอ้ มลู สารสนเทศสาหรับผบู้ ริหารครนู กั เรียน
1.4 สร้างการรบั รแู้ ก่ทุกฝา่ ยใหม้ ีเปา้ หมายการพฒั นารว่ มกัน
ระยะท่ี 2 ข้นั การออกแบบ (Design)
2.1 คณะทางานวางแผนการนเิ ทศ กาหนด เลือกแนวทาง วธิ กี าร เปา้ หมายการพฒั นา
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 36
2.2 กาหนดวิธีการนิเทศ และกิจกรรมการนิเทศท่ีเหมาะสมกับสภาพปัญหาความต้องการ
เนน้ การใช้ ICT
2.3 จดั การทาแผนการนิเทศภายในโรงเรยี น
2.4 สรา้ งสือ่ และเครอ่ื งมือการนเิ ทศ
2.5 จัดทาคูม่ ือการนิเทศภายในโรงเรียน
ระยะที่ 3 ขัน้ การนเิ ทศเชงิ ลึก (Deep Supervision)
3.1 การเย่ียมชัน้ เรียน (บรรยากาศการสอน พฤติกรรมนกั เรยี น ผลงานนกั เรียน)
3.2 สังเกตการณ์สอน พฤติกรรมคร/ู นักเรยี น การใช้เทคโนโลยดี จิ ิตลั ในการจัดการเรยี นรู้
3.3 การนเิ ทศโดยใช้กระบวนการชุมชนการเรียนรู้ทางวชิ าชพี (PLC)
ระยะที่ 4 ขั้นการประเมนิ ผลและรายงาน (Definite Assessment & Report)
4.1 ประเมนิ การใชห้ ลกั สตู ร
4.2 ประเมนิ การจัดการเรียนรูข้ องครู
4.3 ประเมนิ ทกั ษะการคดิ การแก้ปัญหาและการใชเ้ ทคโนโลยี
4.4 การสะท้อนและสรปุ ผลการนิเทศ
4.5 สรุป รายงานผลการดาเนินงานต่อผ้เู ก่ียวขอ้ ง
5. ข้นั การพฒั นา (Development)
5.1 คณะทางานร่วมกันวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ผลการดาเนินงาน
5.2 นาผลไปใช้ในการปรับปรงุ พฒั นา
5.3 นาผลการนเิ ทศไปใชใ้ นการวางแผนพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา
5. แนวทางการประเมินผล
รูปแบบกระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษาโดยใช้ตามรูปแบบ 5D Model ของโรงเรียนดรุณ
วิทยาฯ มแี นวทางการประเมนิ ผลเพอ่ื ตรวจสอบผลสาเรจ็ ของการดาเนนิ งาน ดังน้ี
5.1 การประเมินความสามารถด้านการจดั การเรียนรู้ ประกอบด้วย การออกแบบแผนการจัดการ
เรยี นรู้ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 37
5.2 การประเมินทักษะพ้ืนฐานการเรียนรู้ของนักเรียน ประกอบด้วย ทักษะการคิด ทักษะการ
แก้ปัญหา ทักษะการใชเ้ ทคโนโลยี การวัดและประเมินผลให้ตรงจุดประสงค์ท่ีต้ังไว้ วัดและประเมินผลตาม
สภาพจริง เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นได้ประเมินตนเอง เพ่ือนประเมิน วัดและประเมินผลรายบุคคล และโดยรวม
เคร่ืองมือท่ีใช้ต้องหลากหลาย เช่น แบบทดสอบ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ แบบสังเกต
แบบประเมินผลงานช้ินงาน ผลงาน ตอ้ งมีเกณฑ์การวัดและประเมินผลท่ีชัดเจน การวัดและประเมินผลควร
ใช้การประเมินตามสภาพจริงด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เช่น การทดสอบ การตรวจใบงาน การตรวจใบ
กิจกรรม การสงั เกตพฤตกิ รรม การสมั ภาษณ์ การบันทึก เครอื่ งมือทีใ่ ช้ ได้แก่ แบบทดสอบ แบบประเมินผล
งาน แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสมั ภาษณ์ แบบบนั ทกึ
6. เงอื่ นไขการนารูปแบบไปใช้
เพ่ือให้รูปแบบกระบวนการนิเทศภายในสถานศึกษาโดยใช้ตามรูปแบบ 5D Model ของ
โรงเรียนดรุณวิทยาฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรจดั สภาพแวดล้อมแบบชุมชนการเรียนรทู้ ี่สนบั สนุน
การดาเนนิ งานให้เหมาะสม ดงั น้ี
1. ระดับสถานศกึ ษา (School Level) ควรจดั สภาพแวดล้อมต่างๆ ระดับโรงเรียน ดงั นี้
1.1 การส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ให้นักเรียน โดยการเรียนรู้แบบสืบเสาะเน้น ให้
นกั เรียนเรียนรู้แสวงหาคาตอบ ทีส่ มเหตุสมผลสาหรบั ตนเองและสงั คม
1.2 การสนบั สนุนบรรยากาศการพ่ึงพาเปน็ ชุมชน มสี ภาพแวดลอ้ มของ การทางานด้วย
สัมพันธภาพท่ีดีต่อกันของทุกฝ่าย ลดการทางานแบบควบคุม สั่งการตามลาดับการบังคับบัญชา แต่ให้
ความสาคัญกับภาวะผู้นาแบบรวมหมู่ โดยเนน้ เป้าหมายความสาเร็จเป็นสาคัญ และใช้หลักปฏิบัติที่เกิดจาก
การมีสว่ นร่วมของทุกฝ่าย ได้กาหนดขึน้ ภายใต้ความสัมพันธ์ทด่ี ีของคน ในชมุ ชนเปน็ หลัก
1.3 การสนับสนุนจากผู้ปกครองและผู้นาชุมชนโดยบุคคลกลุ่มนี้จาเป็นต้องมีส่วนเข้า
มารว่ มสร้างและผลกั ดนั วิสัยทัศน์ของโรงเรียนใหบ้ รรลุผลตามเป้าหมาย กลา่ วคือ ผู้ปกครองนกั เรยี นผู้อาวโุ ส
ในชุมชนตลอดจนสถาบนั ต่างๆ ของชุมชนเหล่านีต้ อ้ งมสี ว่ นร่วมในการสง่ เสริมเป้าหมายการเรยี นรูข้ องชุมชน
และโรงเรียน ผู้ปกครองมีส่วนร่วมทางการศึกษาได้โดยการให้การดูแลแนะนาการเรียนท่ีบ้านของนักเรียน
รวมท้ังให้การสนับสนุนแก่ครู และผู้บริหารสถานศึกษา ในการจัดการเรียนรู้ให้แก่บุตรหลานของตน ผู้
อาวุโสในชมุ ชนสามารถเป็นอาสาสมัครถา่ ยทอดความรู้
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 38
2. ระดับกลุ่มเครือข่าย (Network Level) มีการรวมตัวกันของกลุ่มวิชาชีพจากองค์กร
หรือหน่วยงานต่างๆ ที่มุ่งมั่นรวมกันสร้างชุมชนเครอื ข่ายภายใต้วัตถุประสงค์รว่ ม คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ส่งเสริมสนับสนุนให้กาลังใจ สร้างความสัมพันธ์และพัฒนาวิชาชีพร่วมกัน โดยชุมชนเข้าใจและมีเป้าหมาย
ในการพัฒนาทักษะของนักเรียนตามรูปแบบ Active Learning ร่วมสนับสนุนอย่างชัดเจนโดยสามารถแบ่ง
ได้ 2 ลกั ษณะคือ
2.1 มีกลุ่มเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียน โดยการตกลงร่วมมือกันในการ
พัฒนาหน่วยการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning ระหว่างโรงเรียนใกล้เคียงให้เกิดพลังการขับเคล่ือนการ
แลกเปล่ียนเรียนรู้ของครูในการจัดการศึกษา ร่วมใช้ทรัพยากร แหล่งเรียนรู้ และการเกื้อหนุนเป็น
กัลยาณมติ รคอยสะทอ้ นการเรียนรู้ซง่ึ กันและกนั
2.2 มีกลุ่มเครอื ข่ายความร่วมมือของครูกับบุคลากรทางการศึกษาภายนอกโรงเรียน ใน
การพัฒนาการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Active Learning เพื่อการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เน้นให้
นกั เรยี นมีทกั ษะอันประกอบไปดว้ ย ทักษะการคิด ทกั ษะการแก้ปัญหา และการใชเ้ ทคโนโลยี
ผลของการใชน้ วตั กรรมการนิเทศภายในสถานศกึ ษา
ผลจากการนานวตั กรรมการนิเทศภายในสถานศึกษาตามรูปแบบ 5D โมเดล ของโรงเรยี นดรณุ
วทิ ยา เทศบาลเมืองน่าน (บา้ นสวนตาล) ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 ผลปรากฏว่า การจัดกิจกรรมการ
สอนของครเู ป็นรายบุคคล ในภาพรวมผลการประเมนิ การสอนของครู ไดค้ ่าคะแนนเฉลย่ี 4.23 และมีส่วน
เบีย่ งเบนมาตรฐาน 0.14 อยใู่ นระดบั คุณภาพมาก และจากบันทกึ ข้อสงั เกตเพ่ิมเติมของผู้นเิ ทศ พบว่า
ครผู ู้สอนของโรงเรียนดรุณวทิ ยา เทศบาลเมืองน่าน (บา้ นสวนตาล) ไดจ้ ัดการเรียนการสอนในรปู แบบ On
site On line และ on Hand ครไู ด้มีการพฒั นาตนเองในการจดั ทาส่อื การเรยี นร้โู ดยใช้เทคโนโลยี มา
จดั การเรียนการสอนได้มกี ารนา DLIT สอื่ นวัตกรรมการเรียนการสอนออนไลน์มาช่วยในการจัด
กระบวนการเรยี นการสอนทาใหน้ ักเรยี นสนใจการเรยี น มีความสขุ สนุกสนานในการเรยี น และเขา้ ใจเน้ือหา
ได้งา่ ยยิง่ ขน้ึ นกั เรยี นมีการสบื คน้ ขอ้ มลู และศกึ ษาค้นคว้าเพิ่มเตมิ จากแหล่งเรยี นรู้ ตามที่ครชู ี้แนะ
เมอ่ื พจิ ารณาผลการประเมนิ คุณภาพการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนของครเู ปน็ รายบุคคล จาก
จานวนครูผสู้ อนท้ังหมด 20 คน มผี ู้ท่ีมผี ลการประเมนิ อยู่ในระดบั คุณภาพมากทีส่ ุด จานวน 5 คน คดิ เป็น
ร้อยละ 20 ของจานวนครูผู้สอนทไ่ี ดร้ ับการประเมินทั้งหมด มีผู้ทม่ี ีผลการประเมินอยูใ่ นระดับคุณภาพมาก
จานวน 12 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 60 ของจานวนครูผู้สอนทไี่ ด้รับการประเมินทัง้ หมด ในภาพรวมผลการ
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 39
ประเมนิ การสอนของครู ไดค้ ่าคะแนนเฉลี่ย 4.23 และมสี ว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.14 อยใู่ นระดบั คุณภาพ
มาก หากพิจารณาคะแนนประเมนิ เป็นรายดา้ น ปรากฏวา่ ผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดบั คุณภาพ
มากทุกดา้ น โดยเรยี งลาดับคะแนนจากมากไปน้อย ดงั นี้ ลาดบั ที่ 1 ไดแ้ ก่ ด้านการเตรียมการสอน ค่าเฉลยี่
4.40 ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน 0.07 ลาดับท่ี 2 ดา้ นการเตรียมการสอน ได้ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.27 ส่วน
เบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.10 ลาดับท่ี 3 ด้านการใชส้ ่อื เทคโนโลยี นวตั กรรมการเรยี นรู้ และอุปกรณ์การสอน ได้
คะแนนเฉล่ีย 4.20 ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน 0.04 และสุดท้ายด้านการวดั และประเมินผล ได้คา่ คะแนน
เฉลยี่ 4.06 สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน 0.08 โดยสรุปภาพรวมทกุ ด้าน ได้ค่าคะแนนเฉลย่ี 4.23 ส่วนเบยี่ งเบน
มาตรฐาน 0.14 มีระดับคุณภาพมากทสี่ ดุ
จากการนิเทศตรวจเย่ียมช้ันเรียนของผ้บู ริหารและฝ่ายวชิ าการ ทั้งการเยีย่ มชั้นเรียนในรูปแบบ on
site และ on line พบว่าบรรยากาศในการเรยี น ท้ังครู นกั เรียน ผลงานนักเรียน เปน็ บรรยากาศทีน่ า่
เรียนรู้ และแปลกใหม่ ครูพยายามเรยี นรู้สงิ่ ใหมๆ่ เช่น การเรยี นร้กู ารใชเ้ ทคโนโลยี การทาส่ือการสอน
ออนไลน์ ผลการประเมินทั้ง 4 ดา้ น พบว่า ด้านการจัดการเรยี นการสอนอยใู่ นระดับมากที่สดุ คอื ร้อยละ
96.67 รองลงมาคือดา้ นการใชส้ อ่ื เทคโนโลยีและนวตั กรรม ร้อยละ 92.5 ลาดับท่ี 3 ด้านการจัดการเรียนรู้
ร้อยละ 87.5 และ ด้านสดุ ทา้ ยการวดั และประเมนิ ผล ร้อยละ 86.25 เม่ือเปรยี บเทียบกับการประเมินปี
การศึกษา 2563 ท่ผี ่านมาพบวา่ มีการพัฒนาการทด่ี ีขึน้ ทุกด้าน และจากการประเมินความพึงพอใจของ
ผู้ปกครองจากการจัดการเรียนการสอนพบว่า มีความพึงพอใจมากในการจดั การเรียนการสอนแบบออนไลน์
ระดบั มากทส่ี ดุ ร้อยละ 17.4ระดบั มาก รอ้ ยละ 43.9 ปานกลาง รอ้ ยละ 31.6 ระดบั นอ้ ย ร้อยละ 3.2 และ
ระดับนอ้ ยทีส่ ุด รอ้ ยละ 4.5
สาหรับผลการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรยี นได้รับ จากการวัดและประเมินผลสมรรถนะของนกั เรียน 3 ดา้ น
พบวา่ นักเรียนมีความสามารถในด้านการใชเ้ ทคโนโลยสี ูงสุด ร้อยละ 100 รองลงมา ดา้ นความสามารถใน
การแกป้ ัญหาร้อยละ 82.60 และดา้ นสุดทา้ ย ดา้ นการคิดรอ้ ยละ 78.26 ซ่ึงผลกการประเมนิ ทัง้ 3 ดา้ นของ
นกั เรยี นเม่ือเปรยี บเทียบกบั ปีการศึกษา 2563 ทผ่ี า่ นมาพบวา่ มีการพัฒนาการทักทง้ั ท้งั 3 ดา้ นที่สูงขนึ้ จาก
การจดั การเรียนการสอนและการใชร้ ปู แบบการนิเทศการสอน 5D Model
การพฒั นาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 40
ปัญหา ข้อเสนอแนะ
1. ปัญหาเรื่องเวลาทงั้ ของผู้นิเทศและผ้รู บั การนิเทศ เนือ่ งด้วยผนู้ ิเทศมภี าระงานท่ีตอ้ งรับผิดชอบ
ท้ังผ้บู ริหารทต่ี อ้ งเดนิ ทางไปราชการ ประชมุ สมั มนา และผู้นเิ ทศที่เป็นหวั หน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้ รวมท้งั
ครผู สู้ อนมีหนา้ ท่สี อนในรายวิชาท่ีตนเองรบั ผิดชอบ และภาระงานในหนา้ ที่พิเศษอ่ืนท่ตี ้องดูแลเอาใจใส่ ทา
ให้การดาเนินการนิเทศอาจไม่เปน็ ไปตามแผนท่วี างไว้ โรงเรียนจึงตอ้ งยืดหยนุ่ ปรบั เวลาในการนิเทศตาม
ความเหมาะสม
2. ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควดิ 19 ทาให้การจดั การเรียนการสอนต้องปรบั ในหลาย
รูปแบบ และครูต้องปรับตัวตามสถานการณ์ ทั้งการจดั การเรยี นรู้ การวดั ประเมนิ ผล การเกบ็ ข้อมูล และการ
ติดตอ่ สื่อสาร ท่ีต้องใช้เทคโนโลยี ครจู งึ ตอ้ งศึกษา และปรับเปล่ียนเรยี นรพู้ ฒั นาตนเอง จัดทาสอ่ื นวัตกรรมท่ี
สอดคล้องกบั รปู แบบการจดั การเรยี นรู้ ดงั น้นั กระบวนการนิเทศควรเป็นโอกาสของการให้กาลงั ใจ การ
พัฒนาการจัดการเรยี นรไู้ ปพร้อมกนั
12. การเผยแพร่นวัตกรรม
โรงเรยี นได้เผยแพรน่ วัตกรรมการพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D
Model โรงเรยี นดรณุ วทิ ยา เทศบาลเมืองนา่ น (บา้ นสวนตาล) ดงั นี้
1. โรงเรียนในสงั กัดเทศบาลเมืองน่าน
2. โรงเรยี นในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินท่ัวประเทศ
3. เผยแพร่ทางสอื่ สงั คมออนไลน์ เชน่ เฟสบุ๊คโรงเรยี น ไลนก์ ลุ่มผปู้ กครอง
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 41
13. คณะทางานผู้สรา้ งนวตั กรรม
คณะทางานผู้รว่ มสร้างนวัตกรรมการพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model
โรงเรยี นดรุณวทิ ยา เทศบาลเมืองนา่ น (บ้านสวนตาล) ประกอบด้วย
1. นางสาวนวพรรณ อินตะ๊ วงศ์ ประธานคณะทางาน
2. นายศภุ ฤกษ์ จันทร์ดาประดิษฐ์ รองประธานคณะทางาน
3. นางนา้ ทพิ ย์ เสนนนั ตา คณะทางาน
4. นางวัฒจนพร หาญสงคราม คณะทางาน
5. นางสุทธารกั ษ์ ดรณุ นารถ คณะทางาน
6. นางสาวกรกช ดนตรีเจริญ คณะทางาน
7. นางเฉลมิ พรรณ ศรสี วัสด์ิ คณะทางาน
8. นางวาสนา แสนอดุ คณะทางาน
9. นางสาวธนาภา ไชยวงศ์ คณะทางาน
10. นางจนิ ตนา จันทร์เสน คณะทางาน
11. นางสาวภคพร ทองอินต๊ะ คณะทางาน
12. นางจนั ทรเ์ พ็ญ สโี น คณะทางาน
13. นางสาวอรุณศรี พรมสาย คณะทางาน
14. นายอรรคกร กุศล คณะทางาน
15. นางสาวพวงผกา เทพคา คณะทางาน
16. นางธัญญลักษณ์ ทิพจันทร์ คณะทางาน
17. นางจนิ ตนา โสภา คณะทางาน
18. นางสาวพชั ชากนก วงศศ์ ิริ คณะทางาน
19. นางสาวจฑุ ารตั น์ ยศไชย คณะทางาน
20. นางสาวสายรุง้ ชราชิต คณะทางาน
21. นางสาวนันณิกา อนิ ไผ่ คณะทางาน
22. นายอรรถกร หาญสงคราม คณะทางาน
23. นางโสภิดา เยน็ ทรวง เลขานกุ าร
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 42
การนเิ ทศตามรปู แบบ 5D โมเดล ของโรงเรียนดรุณวทิ ยา เทศบาลเมืองนา่ น (บ้านสวนตาล) เป็น
นวตั กรรมการนิเทศทจ่ี ะพฒั นาการคณุ ภาพการศึกษาควบคู่กับการบริหารจัดการศึกษา และการจัดการ
เรยี นรตู้ ามรูปแบบ SUANTAN โมเดล ทาให้โรงเรยี นมรี ปู แบบและกระบวนการนเิ ทศ ติดตามและ
ประเมินผลภายในท่เี ปน็ ระบบมีความเข้มแข็ง ครูสามารถปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนใหม้ ี
คณุ ภาพย่งิ ข้ึน อันจะหนุนเสริมการพฒั นาผู้เรียนให้เปน็ ลกู ดรณุ ฯ คนดที ี่มีความสขุ ทค่ี ดิ เกง่ แกป้ ัญหาเกง่
และใชเ้ ทคโนโลยีเกง่ ต่อไป
ลงชือ่ ผรู้ ายงาน…………………........…………………………
( นางโสภิดา เย็นทรวง )
ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการพิเศษ
การพฒั นาระบบการนิเทศภายในสถานศึกษา ตามรปู แบบ 5D Model 43
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551.
กรุงเทพฯ : ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย
นงค์ลักษณ์ ทองมาศ. (2548). ผลการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตร์ที่ใช้เทคนคิ ผงั กราฟิกที่มตี ่อ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนความสามารถในการนาเสนอข้อความรู้ด้วยผงั กราฟิกและความคงทน
ในการเรยี นรู้ของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6. วทิ ยานพิ นธ์ครศุ าสตรมหาบณั ฑิตมหาวิทยาลยั
ราชภฏั อดุ รธาน.ี
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. (2559). คดิ เพือ่ ครู. พมิ พ์คร้ังท่ี1. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ,
มนสั บุญประกอบ และคณะ. (2545). การวิจยั และพัฒนาเทคนิคการสอนวทิ ยาศาสตรต์ ามแนว
ยกระดบั คุณภาพการวทิ ยาศาสตรศกึ ษา. กรุงเทพฯ : สถาบนั วิจัยพฤติกรรมศาสตร์มหาวทิ ยาลยั
ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.
วรางคณา จนั ทรค์ ง. (2557). ถอดบทเรยี น 1. จลุ สารวารสาขาวิทยาศาสตรอ์ อนไลน์,
มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. ฉบับที่ 1 ปี 2557 สบื ค้น 2 กุมภาพันธ์ 2560 จาก
www.stou.ac.th/Schools/Shs/booklet/book571/rsearch571.pdf,
สงดั อุทรานนั ท.์ (2530). การนเิ ทศการศึกษา หลักการ ทฤษฎี และปฏบิ ตั .ิ พมิ พ์ครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพฯ:
โรงพมิ พ์มติ รสยาม.
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน. (2559). รายงานผลการสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน
ปีการศกึ ษา 2558. สืบคน้ 2 มกราคม 2560. จากhttp://bet.obec.go.th/gat_ sat/bet_
58.pdf.
การพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา ตามรูปแบบ 5D Model 44
ภาคผนวก
การพัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามรปู แบบ 5D Model 45
ภำคผนวก ก
รปู ภาพกิจกรรมการพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศึกษา
ตามรปู แบบ 5D Model
รปู ภาพกจิ กรรมการพัฒนาระบบการนเิ ทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model
D1 : Data Analysis การวิเคราะหข์ ้อมูล
จัดทาข้อมลู สารสนเทศของผู้บริหาร ครู นกั เรยี น
วเิ คราะห์สภาพปัญหาและความตอ้ งการในการพฒั นาตามบริบทของโรงเรียน
จดั ลาดบั ความสาคญั เร่งด่วน กาหนดค่าเป้าหมายการพฒั นาเชื่อมโยงกบั มาตรฐานการศึกษาของ
สถานศึกษา
สรา้ งการรบั รทู้ ุกฝ่ายใหม้ เี ป้าหมายการพัฒนารว่ มกัน
การพัฒนาระบบการนิเทศภายในสถานศกึ ษา ตามรูปแบบ 5D Model 46