The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by hmandambig, 2018-08-24 13:00:41

Portfolio_Thada Hmandam

Portfolio_Thada Hmandam

52

10. แหล่งการเรียนรู้

10.1 ในสถานศึกษา
 หอ้ งสมุดภายในวทิ ยาลยั
 หอ้ งปฏิบตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทาง Internet

10.2 นอกสถานศึกษา
 หอ้ งสมุดประชาชน
 สถานประกอบการ

11. การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วิชาอน่ื

 บรู ณาการดา้ นการพดู ถาม-ตอบ
 บูรณาการดา้ นการอ่าน
 บูรณาการดา้ นการเขยี น
 บูรณาการดา้ นการฝึกปฏิบตั ิ
 บูรณาการดา้ นสงั คมการเตรียมความพรอ้ ม
 บูรณาการดา้ นความรบั ผดิ ชอบ
 บูรณาการดา้ นความสนใจใฝ่รู้

53

12. การประเมนิ ผลการเรียนรู้

12.1 หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้
12.1.1 ก่อนเรียน
 ตรวจเชค็ ช่ือนกั เรียน
 นาเขา้ สู่บทเรียน
 ทดสอบก่อนเรียน
 ตรวจแบบฝึกหดั

12.1.2 ขณะเรียน
 ตรวจผลงาน
 อธิบายบทเรียน ถาม-ตอบ
 แบง่ กลุ่มใหน้ กั เรียนทางานเป็ นกลุ่ม
 สงั เกตการทางานกลุ่ม

12.1.3 หลงั เรียน
 ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน
 ตรวจแบบฝึกหดั

12.2 ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน

 ตรวจผลงานของนกั เรียน
 นกั เรียนส่วนมากทาแบบทดสอบไดค้ ะแนนดีข้นึ
 นกั เรียนช่วยกนั ทางานจนสาเร็จ

54

12.3 รายละเอียดการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 70 คะแนน
การวดั ผล คะแนนระหว่างภาค 20 คะแนน
20 คะแนน
คะแนนสอบยอ่ ย 10 คะแนน
คะแนนส่งแบบฝึ กหดั 20 คะแนน
งานมอบหมาย 30 คะแนน
จติ พสิ ยั
คะแนนสอบปลายภาค 100 คะแนน

รวม

หมายเหตุ นกั ศกึ ษาตอ้ งเขา้ เรียนไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมด

การประเมนิ ผล

กาหนดค่าระดบั คะแนนตามเกณฑด์ งั น้ี

80 - 100 ข้นั ดีเยยี่ ม ระดบั คะแนน 4
75 - 79 ข้นั ดีมาก ระดบั คะแนน 3.5
70 - 74 ข้นั ดี ระดบั คะแนน 3
65 - 69 ข้นั ดีพอใช้ ระดบั คะแนน 2.5
60 - 64 ข้นั พอใช้ ระดบั คะแนน 1.5
45 - 59 ข้นั อ่อน ระดบั คะแนน 1
0 - 44 ข้นั ตก ระดบั คะแนน 0

55

13. บนั ทกึ หลงั สอน

13.1 ผลการใช้แผนการสอน

13.1.1 แผนการสอนท่กี าหนดไวส้ ามารถใชส้ อนไดท้ นั ตามเวลาทกี่ าหนด
13.1.2 สามารถนาไปใชป้ ฎิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน

13.2 ผลการเรียนของนักเรียน

13.2.1 นกั เรียนส่วนใหญ่มีความเขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่มและร่วมกนั ปฎิบตั งิ าน
ที่ไดร้ บั มอบหมาย

13.2.2 คะแนนการทดสอบหลงั เรียนดีข้นึ เม่ือเทียบกบั คะแนนการทดสอบก่อนเรียน
13.2.3 นกั เรียนบางคนไม่คอ่ ยแสดงความคิดเห็นภายในกลุ่ม

13.3 ผลการสอนของครู

13.3.1 สอนเน้ือหาไดค้ รบทกุ กระบวนการ
13.3.2 แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหา
13.3.3 การสอนทาใหค้ รูผสู้ อน สอนไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจ
13.3.4 นกั เรียนบางคนไม่คอ่ ยแสดงความคิดเห็นภายในกลุ่ม ครูผสู้ อนตอ้ งคอยกระตนุ้ นกั เรียนให้

แสดงความคิดเห็น

56

แผนการสอน/จดั การเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยที่ 5

ช่ือวชิ า คณิตศาสตร์ช่างยนต์ สอนคร้งั ท่ี 14-16

ชื่อหน่วย เครื่องล่างรถยนต์ รวม 6 ชวั่ โมง

1. หวั ข้อเรื่อง

1.1 ดา้ นความรู้

1.1.1 เแหนบ สปริง และกระปุกพวงมาลยั

1.1.2 เบรกและอตั ราหน่วง

1.1.3 ระบบเบรกแบบต่างๆ

1.2 ดา้ นทกั ษะ

1.2.1 ฝึกทาแบบฝึกหดั

1.2.2 ฝึกการคานวณและการเปล่ียนหน่วย

1.1.3 ฝึกตอบแบบทดสอบ

1.3 ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม / บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง

1.3.1 ความรับผดิ ชอบ

1.3.2 ความประหยดั

1.3.3 ความสนใจใฝ่รู้ ความรอบรู้ รอบครอบ ระมดั ระวงั

2. สาระสาคญั

ล้อและยางรถยนต์ ลอ้ ของรถยนตจ์ ะประกอบดว้ ย ยางรถยนตม์ ีหน้าทช่ี ่วยผอ่ นการสนั่ สะเทือนและ

รองรับน้าหนกั ของรถยนต์ โครงสรา้ งของยางรถยนตม์ ีส่วนประกอบทส่ี าคญั คือ ความกวา้ งของแกม้ ยาง ขนาด
เสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางของขอบลอ้ ขดี จากดั ความเร็ว โครงยาง

ระบบเบรก เบรกเป็นระบบหน่ึงของรถยนต์ ทีม่ ีความสาคญั มากอีกระบบหน่ึงเบรกยงั ทาหนา้ ที่ ลด

ความเร็วของรถยนต์ ทาใหร้ ถยนตเ์ คล่ือนทชี่ า้ ลง หรือหยดุ การเคล่ือนท่ีเพอ่ื ความปลอดภยั ของผขู้ บั ขร่ี ถยนต์

3. สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (ส่ิงทต่ี ้องการให้เกดิ การประยกุ ต์ใช้ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรม

เข้าด้วยกนั )

3.1. ใชค้ วามรู้เก่ียวกบั เครื่องล่างรถยนตแ์ กป้ ัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ
3.2 คานวณระบบเบรกและอตั ราหน่วง

57

4. จดุ ประสงค์การสอน/การเรียนรู้

4.1 จดุ ประสงค์ทวั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง (ด้านความรู้ ด้านทักษะ ด้านคุณธรรม จริยธรรม)
4.1.1 ด้านความรู้
4.1.1.1 เพอื่ ใหม้ ีความรู้เกี่ยวกบั เครื่องล่างรถยนตแ์ กป้ ัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ

4.1.2 ด้านทกั ษะ
4.1.2.1 เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในแกป้ ัญหาเก่ียวกบั เครื่องล่างรถยนต์

4.1.3 ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม
4.1.3.1 เพอ่ื ใหม้ ีกิจนิสยั ในการศกึ ษาคน้ ควา้ หาความรูเ้ พม่ิ เตมิ

4.2 จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมของผู้เรียน / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง (นาจากจุดประสงค์เชิง
พฤตกิ รรมของหมวดน้ัน ๆ มาใส่ให้ครบท้ัง 3 ด้าน คอื ด้านความรู้ ด้านทกั ษะ และด้านคณุ ธรรม
จริยธรรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)
4.2.2 ด้านความรู้
4.2.2.1 บอกความหมายขนาดของยางรถยนตไ์ ด้
4.2.2.2 คานวณหาอตั ราส่วนของยางได้
4.2.2.3 คานวณหาอตั ราหน่วงของระบบเบรกได้
4.2.2.4 คานวณหาระยะปลอดภยั ในการเบรกได้

4.2.3 ด้านทกั ษะ
4.2.3.1 ทกั ษะการคานวณหาอตั ราหน่วงของระบบเบรก
4.2.3.2 คานวณหาระยะปลอดภยั ในการเบรกได้

4.2.4 ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง
4.2.3.1 ความมีวนิ ยั : การแตง่ กาย , การตรงตอ่ เวลา
4.2.3.2 ความรบั ผดิ ชอบ : ทางานเสร็จทนั ตามเวลาท่ีกาหนด
4.2.3.3 ความสนใจใฝ่รู้ : มีความสนใจในการหาความรู้ เพม่ิ เติม
การกระตอื รือรน้ ทจ่ี ะเรียนรู้

58

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้

5.1. ด้านความรู้
หน่วยที่ 5 เคร่ืองล่างรถยนต์

14. แหนบ สปริงขด และกระปุกพวงมาลยั
14.1 แหนบแผน่
14.2 สปริงขด
14.3 กระปุกพวงมาลยั

15. เบรกและอตั ราหน่วง
15.1 การคานวณหาอตั ราหน่วง
15.2 การหาระยะเวลาเบรก
15.3 การหาระยะทางเบรก
15.4 การหาระยะปลอดภยั ในการเบรก

16. ระบบเบรกแบบต่างๆ
16.1 แบบดรมั เบรก
16.2 แบบจานหรือดิสเบรก
16.3 การหาแรงเบรกที่ลอ้
5.2. ด้านทักษะ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม)
 ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียน
 ใหน้ ดั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน
5.3. ด้านคุณธรรม จริยธรรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม)

(ครูจะพดู อยา่ งไรใหผ้ เู้ รียนมีพฤติกรรมตามจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมขอ้ ทกี่ าหนด ใหน้ าคาพดู น้นั มาลงตรงน้ี)
 การเตรียมความพรอ้ มดา้ นเอกสารประกอบการสอน
 เครื่องคอมพวิ เตอร์
 เครื่องโปรเจค็ เตอร์
 นกั เรียนมีความพร้อมในการเรียน มีความสนใจใฝ่รู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั

6. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ 59

ข้นั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้ันตอนการเรียนรู้หรือกิจกรรมของนกั เรียน
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 1. ข้นั เตรียม
1. ข้นั เตรียม  จดั เตรียมเอกสารประกอบการเรียน
 เตรียมตวั ทดสอบก่อนเรียน
 ครูทกั ทายนกั ศึกษา แนะนาตวั และให้  ทาแบบทดสอบก่อนเรียน
นกั ศึกษาแนะนาตวั  ทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จดุ ประสงค์
การเรียนของหน่วย
2. ข้นั สอน  การใหค้ วามร่วมมือในการทา
 ครูอธิบายจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ กิจกรรม
มาตรฐานรายวชิ าและคาอธิบาย 2. ข้นั การเรียนของผู้เรียน
รายวชิ าคณิตศาสตร์ช่างยนต์  นกั เรียนฟังและคิดตามพรอ้ มท้งั จด
รหสั วชิ า 2101-2113 บนั ทึก
 ครูบอกวธิ ีการเรียนการสอนการวดั ผล  แสดงแนวคดิ ในการตอบคาถาม
รายวชิ าคณิตศาสตร์ช่างยนต์  ใหค้ วามร่วมมือในการตอบคาถาม
 ครูใช้ Power Point อธิบายการให้  นกั ร้ ียนเห็นความสาคญั ของการเรียน
คะแนนคุณธรรม จริยธรรม พร้อมท้งั  มีวนิ ยั มีความรบั ผดิ ชอบ
ยกตวั อยา่ งอธิบายโดยการถามตอบ  มีมนุษยสมั พนั ธก์ บั เพอื่ นร่วมช้นั เรียน
 ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียน
3. ข้นั ฝึ กหัด  เตรียมตวั ทดสอบหลงั เรียน
 ครูใหน้ กั ศกึ ษาลองยกตวั อยา่ งเก่ียวกบั
คะแนนคุณธรรม จริยธรรม พร้อมกบั
ลองใหค้ ะแนนตามความคดิ ของ
นกั ศกึ ษาเอง

4. ข้นั ตรวจผลการฝึ กหัด
 ครูเฉลยการใหค้ ะแนนในแตล่ ะแบบที่
นกั ศึกษาคดิ มา

60

7. งานทม่ี อบหมายหรือกจิ กรรม

7.1 ก่อนเรียน
 จดั เตรียมเอกสาร
 ส่ือการเรียนการสอน
 ทาแบบทดสอบ
 ทาแบบฝึกหดั
 ใหค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรม

7.2 ขณะเรียน
 เอกสารประกอบการสอน
 ดูตวั อยา่ งในเอกสารประกอบการสอน
 จดั ทาส่ือประกอบรายงาน
 ทาแบบฝึกหดั

7.3 หลังเรียน
 ทาแบบทดสอบหลงั เรียน
 ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียน

8. ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผ้เู รียน

 ทารายงาน
 ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท
 ทดสอบก่อนเรียน
 ทดสอบหลงั เรียน

61

9. ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้

9.1 สื่อสิ่งพิมพ์
 เอกสารประกอบการสอน
 แบบทดสอบก่อนเรียน
 แบบทดสอบหลงั เรียน

9.2 ส่ือโสตทศั น์ (ถ้าม)ี
 เคร่ืองคอมพวิ เตอร์
 เคร่ืองฉาย Projector
 สื่อ Power Point

9.3 หุ่นจาลองหรือของจริง (ถ้าม)ี
 ไม่มี

.

62

10. แหล่งการเรียนรู้

10.1 ในสถานศึกษา
 หอ้ งสมุดภายในวทิ ยาลยั
 หอ้ งปฏิบตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทาง Internet

10.2 นอกสถานศึกษา
 หอ้ งสมุดประชาชน
 สถานประกอบการ

11. การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วิชาอน่ื

 บรู ณาการดา้ นการพดู ถาม-ตอบ
 บูรณาการดา้ นการอ่าน
 บูรณาการดา้ นการเขยี น
 บูรณาการดา้ นการฝึกปฏิบตั ิ
 บูรณาการดา้ นสงั คมการเตรียมความพรอ้ ม
 บูรณาการดา้ นความรบั ผดิ ชอบ
 บูรณาการดา้ นความสนใจใฝ่รู้

63

12. การประเมนิ ผลการเรียนรู้

12.1 หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้
12.1.1 ก่อนเรียน
 ตรวจเชค็ ช่ือนกั เรียน
 นาเขา้ สู่บทเรียน
 ทดสอบก่อนเรียน
 ตรวจแบบฝึกหดั

12.1.2 ขณะเรียน
 ตรวจผลงาน
 อธิบายบทเรียน ถาม-ตอบ
 แบง่ กลุ่มใหน้ กั เรียนทางานเป็ นกลุ่ม
 สงั เกตการทางานกลุ่ม

12.1.3 หลงั เรียน
 ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน
 ตรวจแบบฝึกหดั

12.2 ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน

 ตรวจผลงานของนกั เรียน
 นกั เรียนส่วนมากทาแบบทดสอบไดค้ ะแนนดีข้นึ
 นกั เรียนช่วยกนั ทางานจนสาเร็จ

64

12.3 รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 70 คะแนน

การวดั ผล คะแนนระหว่างภาค 20 คะแนน
20 คะแนน
คะแนนสอบยอ่ ย 10 คะแนน
คะแนนส่งแบบฝึ กหดั 20 คะแนน
งานมอบหมาย 30 คะแนน
จิตพสิ ยั
คะแนนสอบปลายภาค 100 คะแนน

รวม

หมายเหตุ นกั ศึกษาตอ้ งเขา้ เรียนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมด

การประเมนิ ผล

กาหนดคา่ ระดบั คะแนนตามเกณฑด์ งั น้ี

80 - 100 ข้นั ดีเยยี่ ม ระดบั คะแนน 4
75 - 79 ข้นั ดีมาก ระดบั คะแนน 3.5
70 - 74 ข้นั ดี ระดบั คะแนน 3
65 - 69 ข้นั ดีพอใช้ ระดบั คะแนน 2.5
60 - 64 ข้นั พอใช้ ระดบั คะแนน 1.5
45 - 59 ข้นั อ่อน ระดบั คะแนน 1
0 - 44 ข้นั ตก ระดบั คะแนน 0

65

13. บนั ทกึ หลงั สอน

13.1 ผลการใช้แผนการสอน

13.1.1 แผนการสอนท่กี าหนดไวส้ ามารถใชส้ อนไดท้ นั ตามเวลาทกี่ าหนด
13.1.2 สามารถนาไปใชป้ ฎิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน

13.2 ผลการเรียนของนักเรียน

13.2.1 นกั เรียนส่วนใหญ่มีความเขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่มและร่วมกนั ปฎิบตั งิ าน
ที่ไดร้ บั มอบหมาย

13.2.2 คะแนนการทดสอบหลงั เรียนดีข้นึ เมื่อเทียบกบั คะแนนการทดสอบก่อนเรียน
13.2.3 นกั เรียนบางคนไม่คอ่ ยแสดงความคดิ เห็นภายในกลุ่ม

13.3 ผลการสอนของครู

13.3.1 สอนเน้ือหาไดค้ รบทกุ กระบวนการ
13.3.2 แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหา
13.3.3 การสอนทาใหค้ รูผสู้ อน สอนไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจ
13.3.4 นกั เรียนบางคนไม่คอ่ ยแสดงความคดิ เห็นภายในกลุ่ม ครูผสู้ อนตอ้ งคอยกระตนุ้ นกั เรียนให้

แสดงความคิดเห็น

แผนการสอน/จัดการเรียนรู้ภาคทฤษฎี 66

ช่ือวชิ า คณิตศาสตร์ช่างยนต์ หน่วยที่ 6
ชื่อหน่วย ความเร็วของรถยนต์ สอนคร้ังที่ 17-18

1. หวั ข้อเร่ือง รวม 4 ชว่ั โมง

1.1 ดา้ นความรู้
1.1.1 ความเร็วของรถยนต์
1.1.2 ลอ้ และยางรถยนต์

1.2 ดา้ นทกั ษะ
1.2.1 ฝึกทาแบบฝึกหดั
1.2.2 ฝึกการคานวณและเปลี่ยนหน่วย
1.1.3 ฝึกตอบแบบทดสอบ

1.3 ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.3.1 ความรบั ผดิ ชอบ
1.3.2 ความประหยดั
1.3.3 ความสนใจใฝ่รู้ ความรอบรู้ รอบครอบ ระมดั ระวงั

2. สาระสาคญั

ความเร็วรถยนต์ หมายถึง ระยะทางท่ีรถยนตเ์ คลื่อนทไี่ ปไดใ้ น 1 หน่วยเวลา หรือ การ
เปรียบเทียบระยะทางท่ีรถยนตเ์ คล่ือนทไ่ี ดต้ ่อเวลา หน่วยเป็ น กิโลเมตรต่อชว่ั โมง

ความเร็วรอบล้อรถยนต์ การคานวณหาความเร็วของรถยนตส์ ามารถหาไดจ้ ากการหมุนของลอ้
เมื่อลอ้ หมุนไป 1 รอบ ระยะทางท่ีรถเคลื่อนท่ีเทา่ กบั ความยาวของเสน้ รอบวงของลอ้ เท่ากบั πd การหมุนของลอ้
เม่ือลอ้ หมุนไป 1 รอบ ระยะทางทร่ี ถเคล่ือนทีเ่ ท่ากบั ความยาวของเสน้ รอบวงของลอ้

3. สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย (ส่ิงทตี่ ้องการให้เกดิ การประยุกต์ใช้ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรม

เข้าด้วยกนั )

3.1 คาดคะเนความเร็วของรถยนต์
3.2 คานวณความเร็วของรถยนตแ์ ละอตั ราเร่ง

67

4. จดุ ประสงค์การสอน/การเรียนรู้

4.1 จุดประสงค์ทว่ั ไป / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง (ด้านความรู้ ด้านทักษะ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม)
4.1.1 ด้านความรู้
4.1.1.1 เพอื่ ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ความเร็วของรถยนต์

4.1.2 ด้านทักษะ
4.1.2.1 เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในการคานวณความเร็วของรถยนตแ์ ละอตั ราเร่ง

4.1.3 ด้านคุณธรรม จริยธรรม
4.1.3.1 เพอื่ ใหม้ ีกิจนิสยั ในการศึกษาคน้ ควา้ หาความรูเ้ พมิ่ เติม

4.2 จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรมของผู้เรียน / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง (นาจากจุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม
ของหมวดน้ัน ๆ มาใส่ให้ครบท้ัง 3 ด้าน คอื ด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านคุณธรรม จริยธรรม /
บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง)
4.2.1 ด้านความรู้
4.2.1.1 คานวณหาความเร็วรถยนตไ์ ด้
4.2.1.2 คานวณหาอตั ราเร่งและอตั รา หน่วงได้
4.2.1.3 คานวณหาระยะทางเนื่องจาก อตั ราเร่งและอตั ราหน่วงได้
4.2.1.4 คานวณหาอตั ราเร่งและอตั ราหน่วงจากผลตา่ งของความเร็วได้

4.2.2 ด้านทักษะ
4.2.2.1 ทกั ษะในการคานวณหาความเร็วรถยนตไ์ ด้
4.2.2.2 ทกั ษะในการคานวณหาอตั ราเร่งและอตั ราหน่วงได้

4.2.3 ด้านคุณธรรม จริยธรรม บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพียง
4.2.3.1 ความมีวนิ ยั : การแตง่ กาย , การตรงตอ่ เวลา
4.2.3.2 ความรบั ผดิ ชอบ : ทางานเสร็จทนั ตามเวลาทีก่ าหนด
4.2.3.3 ความสนใจใฝ่รู้ : มีความสนใจในการหาความรู้ เพม่ิ เติม
การกระตอื รือรน้ ท่จี ะเรียนรู้

68

5. เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้

5.1. ด้านความรู้
หน่วยที่ 6 ความเร็วของรถยนต์

17. ความเร็วรถยนต์
17.1 การหาความเร็วรถยนต์
17.2 ความเร็วรอบของลอ้ รถยนต์

18. ล้อและยางรถยนต์
18.1 การบอกขนาดของยางรถยนต์
18.2 การหาขนาดเสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของลอ้
18.3 การหาอตั ราส่วนของยาง
 สอบปลายภาคเรียน

5.2. ด้านทกั ษะ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง (จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม)
 ใหน้ กั เรียนทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียน
 ใหน้ ดั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน

5.3. ด้านคุณธรรม จริยธรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม)
(ครูจะพดู อยา่ งไรใหผ้ เู้ รียนมีพฤตกิ รรมตามจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ทีก่ าหนด ใหน้ าคาพดู น้นั มาลงตรงน้ี)

 การเตรียมความพร้อมดา้ นเอกสารประกอบการสอน
 เคร่ืองคอมพวิ เตอร์
 เคร่ืองโปรเจค็ เตอร์
 นกั เรียนมีความพรอ้ มในการเรียน มีความสนใจใฝ่รู้ รอบคอบ และระมดั ระวงั

6. กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ 69

ข้นั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้ันตอนการเรียนรู้หรือกิจกรรมของนกั เรียน
ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 1. ข้นั เตรียม
1. ข้นั เตรียม  จดั เตรียมเอกสารประกอบการเรียน
 เตรียมตวั ทดสอบก่อนเรียน
 ครูทกั ทายนกั ศึกษา แนะนาตวั และให้  ทาแบบทดสอบก่อนเรียน
นกั ศึกษาแนะนาตวั  ทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จดุ ประสงค์
การเรียนของหน่วย
2. ข้นั สอน  การใหค้ วามร่วมมือในการทา
 ครูอธิบายจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ กิจกรรม
มาตรฐานรายวชิ าและคาอธิบาย 2. ข้นั การเรียนของผู้เรียน
รายวชิ าคณิตศาสตร์ช่างยนต์  นกั เรียนฟังและคิดตามพรอ้ มท้งั จด
รหสั วชิ า 2101-2113 บนั ทึก
 ครูบอกวธิ ีการเรียนการสอนการวดั ผล  แสดงแนวคดิ ในการตอบคาถาม
รายวชิ าคณิตศาสตร์ช่างยนต์  ใหค้ วามร่วมมือในการตอบคาถาม
 ครูใช้ Power Point อธิบายการให้  นกั ร้ ียนเห็นความสาคญั ของการเรียน
คะแนนคุณธรรม จริยธรรม พร้อมท้งั  มีวนิ ยั มีความรบั ผดิ ชอบ
ยกตวั อยา่ งอธิบายโดยการถามตอบ  มีมนุษยสมั พนั ธก์ บั เพอื่ นร่วมช้นั เรียน
 ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียน
3. ข้นั ฝึ กหัด  เตรียมตวั ทดสอบหลงั เรียน
 ครูใหน้ กั ศกึ ษาลองยกตวั อยา่ งเก่ียวกบั
คะแนนคุณธรรม จริยธรรม พร้อมกบั
ลองใหค้ ะแนนตามความคดิ ของ
นกั ศกึ ษาเอง

4. ข้นั ตรวจผลการฝึ กหัด
 ครูเฉลยการใหค้ ะแนนในแตล่ ะแบบที่
นกั ศึกษาคดิ มา

70

7. งานทม่ี อบหมายหรือกจิ กรรม

7.1 ก่อนเรียน
 จดั เตรียมเอกสาร
 ส่ือการเรียนการสอน
 ทาแบบทดสอบ
 ทาแบบฝึกหดั
 ใหค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรม

7.2 ขณะเรียน
 เอกสารประกอบการสอน
 ดูตวั อยา่ งในเอกสารประกอบการสอน
 จดั ทาส่ือประกอบรายงาน
 ทาแบบฝึกหดั

7.3 หลังเรียน
 ทาแบบทดสอบหลงั เรียน
 ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรียน

8. ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผ้เู รียน

 ทารายงาน
 ทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบท
 ทดสอบก่อนเรียน
 ทดสอบหลงั เรียน

71

9. สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้

9.1 สื่อสิ่งพิมพ์
 เอกสารประกอบการสอน
 แบบทดสอบก่อนเรียน
 แบบทดสอบหลงั เรียน

9.2 สื่อโสตทศั น์ (ถ้าม)ี
 เคร่ืองคอมพวิ เตอร์
 เคร่ืองฉาย Projector
 สื่อ Power Point

9.3 หุ่นจาลองหรือของจริง (ถ้าม)ี
 ไม่มี

.

72

10. แหล่งการเรียนรู้

10.1 ในสถานศึกษา
 หอ้ งสมุดภายในวทิ ยาลยั
 หอ้ งปฏิบตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มูลทาง Internet

10.2 นอกสถานศึกษา
 หอ้ งสมุดประชาชน
 สถานประกอบการ

11. การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วิชาอน่ื

 บรู ณาการดา้ นการพดู ถาม-ตอบ
 บูรณาการดา้ นการอ่าน
 บูรณาการดา้ นการเขยี น
 บูรณาการดา้ นการฝึกปฏิบตั ิ
 บูรณาการดา้ นสงั คมการเตรียมความพรอ้ ม
 บูรณาการดา้ นความรบั ผดิ ชอบ
 บูรณาการดา้ นความสนใจใฝ่รู้

73

12. การประเมนิ ผลการเรียนรู้

12.1 หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้
12.1.1 ก่อนเรียน
 ตรวจเชค็ ช่ือนกั เรียน
 นาเขา้ สู่บทเรียน
 ทดสอบก่อนเรียน
 ตรวจแบบฝึกหดั

12.1.2 ขณะเรียน
 ตรวจผลงาน
 อธิบายบทเรียน ถาม-ตอบ
 แบง่ กลุ่มใหน้ กั เรียนทางานเป็ นกลุ่ม
 สงั เกตการทางานกลุ่ม

12.1.3 หลงั เรียน
 ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน
 ตรวจแบบฝึกหดั

12.2 ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน

 ตรวจผลงานของนกั เรียน
 นกั เรียนส่วนมากทาแบบทดสอบไดค้ ะแนนดีข้นึ
 นกั เรียนช่วยกนั ทางานจนสาเร็จ

74

12.3 รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 70 คะแนน

การวดั ผล คะแนนระหว่างภาค 20 คะแนน
20 คะแนน
คะแนนสอบยอ่ ย 10 คะแนน
คะแนนส่งแบบฝึ กหดั 20 คะแนน
งานมอบหมาย 30 คะแนน
จิตพสิ ยั
คะแนนสอบปลายภาค 100 คะแนน

รวม

หมายเหตุ นกั ศึกษาตอ้ งเขา้ เรียนไม่นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้งั หมด

การประเมนิ ผล

กาหนดคา่ ระดบั คะแนนตามเกณฑด์ งั น้ี

80 - 100 ข้นั ดีเยยี่ ม ระดบั คะแนน 4
75 - 79 ข้นั ดีมาก ระดบั คะแนน 3.5
70 - 74 ข้นั ดี ระดบั คะแนน 3
65 - 69 ข้นั ดีพอใช้ ระดบั คะแนน 2.5
60 - 64 ข้นั พอใช้ ระดบั คะแนน 1.5
45 - 59 ข้นั อ่อน ระดบั คะแนน 1
0 - 44 ข้นั ตก ระดบั คะแนน 0

75

13. บนั ทกึ หลงั สอน

13.1 ผลการใช้แผนการสอน

13.1.1 แผนการสอนทก่ี าหนดไวส้ ามารถใชส้ อนไดท้ นั ตามเวลาทกี่ าหนด
13.1.2 สามารถนาไปใชป้ ฎิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน

13.2 ผลการเรียนของนักเรียน

13.2.1 นกั เรียนส่วนใหญ่มีความเขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่มและร่วมกนั ปฎิบตั งิ าน
ที่ไดร้ บั มอบหมาย

13.2.2 คะแนนการทดสอบหลงั เรียนดีข้นึ เมื่อเทยี บกบั คะแนนการทดสอบก่อนเรียน
13.2.3 นกั เรียนบางคนไม่คอ่ ยแสดงความคดิ เห็นภายในกลุ่ม

13.3 ผลการสอนของครู

13.3.1 สอนเน้ือหาไดค้ รบทกุ กระบวนการ
13.3.2 แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหา
13.3.3 การสอนทาใหค้ รูผสู้ อน สอนไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ
13.3.4 นกั เรียนบางคนไม่คอ่ ยแสดงความคดิ เห็นภายในกลุ่ม ครูผสู้ อนตอ้ งคอยกระตนุ้ นกั เรียนให้

แสดงความคดิ เห็น

76

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนและความสนใจ

ความสนใจ แสดงความ การตอบ ยอมรับฟัง ทางานตาม

ที่ ช่ือ-สกลุ คิดเห็น คาถาม ผอู้ ่ืน คาส่ัง
หมายเหตุ
ีดมาก
ีด
ปานกลาง
ป ัรบป ุรง
ีดมาก
ีด
ปานกลาง
ป ัรบป ุรง
ีดมาก
ีด
ปานกลาง
ป ัรบป ุรง
ีดมาก
ีด
ปานกลาง
ป ัรบป ุรง
ีดมาก
ีด
ปานกลาง
ป ัรบป ุรง

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20

ลงช่ือ................................ผสู้ งั เกต
(นายธาดา หมานดา)

77

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม

ความ แสดงความ การรับฟัง ความต้งั ใจ การมีส่วน
ร่วมมือ คิดเห็น ความคดิ เห็น
ท่ี ช่ือ-สกุล ร่วม รวมคะแนน

1 ีดมาก 20 คะแนน
2 ีด
3 ปานกลาง
4 ป ัรบป ุรง
5 ีดมาก
6 ีด
7 ปานกลาง
8 ป ัรบป ุรง
9 ีดมาก
10 ีด
11 ปานกลาง
12 ป ัรบป ุรง
13 ีดมาก
14 ีด
15 ปานกลาง
16 ป ัรบป ุรง
17 ีดมาก
18 ีด
19 ปานกลาง
20 ป ัรบป ุรง

หมายเหตุ ดีมาก = 4 ดี = 3 ปานกลาง = 2 ปรบั ปรุง = 1

ลงช่ือ................................ผสู้ งั เกต
(นายธาดา หมานดา)

78

แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานรายบุคคล

บุคลิก มารยาทใน การใชภ้ าษา วิธีการ เน้ือหาท่ี รวมคะแนน
นาเสนอ
ท่ี ช่ือ-สกุล การแต่งกาย การพดู นาเสนอ

10 10 10 10 10 50 คะแนน

1

2

3

4

5

6

7

8

9

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

ลงช่ือ................................ผสู้ งั เกต
(นายธาดา หมานดา)

79

แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

มมี นุษย มีวินยั มีความ ความสนใจ ความรัก รวมคะแนน

ท่ี ช่ือ-สกลุ สัมพนั ธ์ ตรงต่อเวลา รับผดิ ชอบ ใฝ่รู้ สามคั คี

4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 20 คะแนน

1
2

3
4

5

6
7

8
9

10
11

12

13

14

15
16

17

18

19

20

ลงช่ือ................................ผสู้ งั เกต
(นายธาดา หมานดา)

ชุดการสอนที่ 1
พนื้ การทาความเย็นและปรับอากาศ

17

โครงการสอนท่ี 1 หน่วยท่ี 1
สอนคร้ังท่ี 1
ชื่อวชิ า เคร่ืองทำควำมเยน็ และปรับอำกำศ รหสั 3101 2002 เวลำ 5 ชม.

ช่ือหน่วย พ้นื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรบั อำกำศ

เรื่อง 1. อุณหภมู ิ
2. ควำมดนั
3. กำรใชเ้ ทอร์โมมิเตอร์และแมนนิโฟลดเ์ กจ

จุดประสงค์การสอน รายการสอน

1. แปลงหน่วยอุณหภูมิ C เป็ น F และ F เป็ น Cได้ 1. ปัจจยั ของควำมสุขสบำย
2. อธิบำยคุณสมบตั ขิ องควำมดนั ได้ 2. อุณหภูมิ
3. แปลงหน่วยควำมดนั ระหวำ่ ง psia ได้ psig ได้ 3. ควำมดนั หรือแรงดนั (Pressure)
4. อ่ำนคำ่ จำกเทอร์โมมิเตอร์และแมนนิโฟลดเ์ กจได้ 4. กำรแปลงหน่วยควำมดนั psia และ

psig
5. เทอร์โมมิเตอร์ (Thermometer)
6. แมนนิโฟลดเ์ กจ (Manifolds gauge)

วิธีการสอน บรรยำย/ถำม – ตอบ

สื่อการสอน สื่อประกอบกำรสอนอุปกรณ์ 2 ชนิด เทอร์โมมิเตอร์ และแมนนิโฟลดเ์ กจ

สื่อ วดี ีโอ ใบควำมรู้ แบบฝึกหดั ใบงำน แบบทดสอบ

การประเมนิ ผล คะแนนจำกกำรทำแบบทดสอบ หนังสืออ้างอิง บรรณำนุกรมลำดบั ที่

ก่อน/หลงั เรียน แบบประเมินผลใบงำน 1, 2, 4, 5, 7, 8, 9, 12

แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียน

18

…… แผนการสอนที่ 1 หน่วยท่ี 1

ช่ือวชิ า เครื่องทำควำมเยน็ และปรับอำกำศ รหัส 3101 2002 สอนคร้งั ท่ี 1

ชื่อหน่วย พ้นื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรับอำกำศ เวลำ 5 ชม.

สาระสาคญั
ในระบบปรับอำกำศรถยนต์ สิ่งทมี่ ีควำมสำคญั อีกอยำ่ งหน่ึงคอื ควำมดนั และอุณหภมู ิ

จะตอ้ งมีควำมเหมำะสมตอ่ ระดบั กำรใชง้ ำน อุณหภมู ิทเ่ี หมำะสมตอ่ ร่ำงกำย ประมำณ 23-25 C
ดงั น้นั กำรควบคุมอุณหภมู ิ และควำมดนั สำรทำควำมเยน็ ในระบบปรบั อำกำศรถยนต์ ควรใหม้ ี
ควำมเหมำะสม

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์ทว่ั ไป เพอ่ื ใหน้ กั เรียนเขำ้ ใจควำมสมั พนั ธ์ และคณุ สมบตั ขิ องอุณหภมู ิ

กบั ควำมดนั

จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม เมื่อนกั เรียนเรียนจบ แผนกำรเรียนที่ 1 แลว้ สำมำรถ

1. แปลงหน่วยอุณหภูมิ C เป็ น F และ F เป็ น C ได้
2. อธิบำยคุณสมบตั ขิ องควำมดนั ได้
3. แปลงหน่วยควำมดนั ระหวำ่ ง psia ได้ psig ได้
4. อ่ำนคำ่ จำกเทอร์โมมิเตอร์และแมนนิโฟลดเ์ กจได้
เนือ้ หา

1. ปัจจยั ของควำมสุขสบำย
2. อุณหภมู ิ
3. ควำมดนั หรือแรงดนั (Pressure)
4. กำรแปลงหน่วยควำมดนั psia และ psig
5. เทอร์โมมิเตอร์ (Thermometer)
6. แมนนิโฟลดเ์ กจ (Manifolds gauge)

…………..

19

กจิ กรรมการเรียนการสอน

กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. ข้นั นำเขำ้ สู่บทเรียน
1.1 นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน
1.2 นำเขำ้ สู่บทเรียน กล่ำวถึงสภำพภมู อิ ำกำศทว่ั ไป
2. ข้นั สำธิตหรือยกตวั อยำ่ ง
2.1 ผสู้ อน สอนตำมใบควำมรู้
2.2 อธิบำยรำยละเอียดและยกตวั อยำ่ ง
2.3 ดูวดี ีโอ เร่ืองอุณหภูมิและควำมดนั
3. ข้นั ฝึกปฏบิ ตั ิ
3.1 ทดลองทำแบบฝึกหดั และใบงำน
3.2 ทดลองอ่ำนคำ่ จำกเทอร์โมมิเตอร์และแมนนิโฟลดเ์ กจ
4. ข้นั สรุปและตรวจสอบ
4.1 ตรวจสอบกำรทำแบบฝึกหดั และใบงำน และทดสอบอ่ำนคำ่
4.2 ทบทวนข้นั ตอน และวธิ ีกำรใหถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น
5. ข้นั ฝึกใหเ้ กิดควำมชำนำญ
5.1 ทำแบบฝึกหดั เพม่ิ เตมิ
5.2 ฝึกอ่ำนค่ำจำกอุปกรณ์เพมิ่ เติม
6. ข้นั ประเมินผล
6.1 ซกั ถำม
6.2 สงั เกต
6.3 ตรวจสอบผลกำรปฏบิ ตั ติ ำมใบงำน

ส่ือการเรียนการสอน
1.วดี ีโอ
2. ใบควำมรู ้
3.สื่อประกอบกำรสอนอุปกรณ์ เทอร์โมมิเตอร์ แมนนิโฟลดเ์ กจ ซ่ึงเป็นของจริง
4.แบบทดสอบก่อน/หลงั เรียน
5. แบบฝึ กหดั
6. ใบงำน

.....

20

การวัดผล / ประเมินผล

การวัดผล วดั ผลโดยวธิ ีกำรดงั น้ี
1. กำรทำแบบทดสอบก่อนเรียน
2. กำรซกั ถำมระหวำ่ งเรียน
3. ควำมสนใจระหวำ่ งเรียน
4. บนั ทกึ กำรปฏิบตั ิงำน
5. สงั เกตจำกกำรทดลองอ่ำนคำ่ ตำ่ ง ๆ
6. ทำแบบทดสอบหลงั เรียน
7. คะแนนจำกกำรทำแบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิทำงกำรเรียน

การประเมนิ ผล ประเมินผลโดยถือเกณฑ์ กำหนดจำกระดบั คะแนนกำรวดั ผลดงั น้ี

คะแนนร้อยละ 0 ถึง 49 ระดบั คะแนน(เกรด) 0 ผลกำรเรียนต่ำกว่ำเกณฑข์ ้นั ต่ำ
คะแนนร้อยละ 50 ถึง 54 ระดบั คะแนน(เกรด) 1 ผลกำรเรียนอยใู่ นเกณฑอ์ ่อนมำก
คะแนนร้อยละ 55 ถึง 59 ระดบั คะแนน(เกรด) 1.5 ผลกำรเรียนอยใู่ นเกณฑอ์ ่อน
คะแนนร้อยละ 60 ถึง 64 ระดบั คะแนน(เกรด) 2 ผลกำรเรียนอยใู่ นเกณฑพ์ อใช้
คะแนนร้อยละ 65 ถึง 69 ระดบั คะแนน(เกรด) 2.5 ผลกำรเรียนอยใู่ นเกณฑพ์ อใช้
คะแนนร้อยละ 70 ถึง 74 ระดบั คะแนน(เกรด) 3 ผลกำรเรียนอยใู่ นเกณฑด์ ี
คะแนนร้อยละ 75 ถึง 79 ระดบั คะแนน(เกรด) 3.5 ผลกำรเรียนอยใู่ นเกณฑด์ ีมำก
คะแนนร้อยละ 80 ถึง 100 ระดบั คะแนน(เกรด) 4 ผลกำรเรียนอยใู่ นเกณฑด์ ีเยยี่ ม

หมายเหตุ

น้ำหนกั ของคะแนนในกำรประเมินผลคะแนนจำกกำรตรวจผลงำน 80 %
จำกกำรทดสอบหลงั เรียน 20 %

21

แบบทดสอบก่อนเรียน/หลงั เรียน หน่วยท่ี 1
สอนคร้ังที่ 1
ช่ือวชิ า เครื่องทำควำมเยน็ และปรบั อำกำศ รหสั 3101 2002 เวลำ 5 ชม.
ชื่อหน่วย พ้นื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรับอำกำศ

คาส่ัง ใหน้ กั เรียนทำเคร่ืองหมำย  ทบั ขอ้ ทถ่ี ูกตอ้ งทีส่ ุดเพยี งขอ้ เดียว (ขอ้ ละ 1 คะแนน)

1. ขอ้ ใดคือควำมหมำยของอุณหภูมิ ?

ก. ควำมรู้สึกทรี่ ่ำงกำยไดร้ ับ ข . เครื่องช้ีบอกถึงระดบั ควำมร้อนหรือเยน็

ค. อตั รำกำรเปล่ียนแปลงของควำมรอ้ น ง. ก และ ข ถูก

2. ควำมช้ืนในอำกำศนอ้ ยเกินไป จะทำใหร้ ่ำงกำยเป็ นอยำ่ งไร ?

ก. รูส้ ึกอึดอดั ข. ไม่สบำยใจ

ค. ผวิ หนงั สวยงำม ง. ผวิ หนงั แหง้ ริมฝีปำกแตก

3. อุณหภมู ิท่คี นเรำรู้สึกสบำยประมำณเท่ำไร ?

ก. 19-21 ซ ข. 23-25 ซ

ค. 26-28 ซ ง. 29-31 ซ

4. หน่วยทีใ่ ชว้ ดั อุณหภูมิท่ีนิยมใชห้ น่วยอะไร ?

ก. องศำเซลเซียส ข. องศำฟำเรนไฮต์

ค. องศำแรงคนิ ง. ถูกท้งั ขอ้ ก , ข

5. ขอ้ ใดคือสูตรทีใ่ ชใ้ นกำรแปลงหน่วยอุณหภูมิระหวำ่ ง ซ กบั ฟ

ก. C  F-9 ข.

ค. 5 32 5  F - 32
C  F - 32 C9
59
ง.

5  F-9
C 32

22

6. 50 ฟ มีค่ำเท่ำกบั เท่ำใด

ก. 14 ซ ข. 12 ซ

ค. 10 ซ ง. 8 ซ

7. ควำมดนั ท่บี รรยำกำศ มีค่ำเท่ำใด

ก. 1.47 psi ข. 14.7 psi

ค. 147 psi ง. –147 psi

8. ทีจ่ ดุ สุญญำกำศเกจจะอ่ำนค่ำไดเ้ ทำ่ ใด

ก. 0 psi ข. 14.7 psi

ค. 30 "Hg ง. 30 psi

9. ควำมดนั 60 psig เท่ำกบั เทำ่ ใด

ก. 57 psia ข. –57 psia

ค. 75 psia ง. –75 psia

10. เกจทม่ี ีสเกลวดั กำรเป็นสุญญำกำศรวมอยกู่ บั สเกลวดั แรงดนั และมีเกจท้งั ควำมดนั สูงและควำม
ดนั ต่ำในชุดเดียวกนั เรียกวำ่

ก. Common gauge ข. Combines gauge

ค. Manifold gauge ง. Compound gauge

23

แบบเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน/หลงั เรียน หน่วยที่ 1
สอนคร้งั ท่ี 1
ช่ือวชิ า เคร่ืองทำควำมเยน็ และปรบั อำกำศ รหสั 3101 2002 เวลำ 5 ชม.
ช่ือหน่วย พน้ื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรับอำกำศ

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน/หลังเรียน ชุดการสอนที่ 1

1. ง 2. ง 3. ข 4. ง 5. ค
6. ค 7. ข 8. ค 9. ค 10. ค

24

ใบความรู้ท่ี 1.1 หน่วยที่ 1
สอนคร้งั ท่ี 1
ชื่อหน่วย พ้นื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรับอำกำศ เวลำ 5 ชม.
ช่ือเรื่อง อุณหภูมิ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้

เพอื่ ใหน้ กั เรียน สำมำรถแปลงหน่วยอุณหภมู ิได้

เนื้อหา
1. ปัจจยั ของควำมสุขสบำย
2. อุณหภมู ิ

1. ปัจจยั ของความสุขสบาย
ปัจจยั ที่ทำใหค้ นเรำรู้สึกสบำยของร่ำงกำย มีดงั น้ี

1.1 อุณหภูมิ
อุณหภูมิเป็ นขดี บอกระดบั ควำมรู้สึกร้อนหรือเยน็ ใหร้ ่ำงกำย เช่น เมื่อสภำพอำกำศมี
ควำมรอ้ นมำก อุณหภูมิก็จะสูงทำใหร้ ่ำงกำยรู้สึกร้อน อุณหภูมิทีเ่ หมำะสมตอ่ ร่ำงกำยมนุษยจ์ ะอยู่
ระหวำ่ ง 23-25 ซ

1.2 ความชื้น
ควำมช้ืนในอำกำศน้นั จะตอ้ งมีควำมช้ืนพอเหมำะ ถำ้ หำกควำมช้ืนมำกเกินไปจะทำใหเ้ รำ
รู้สึกอึดอดั ไม่สบำย และถำ้ หำกควำมช้ืนนอ้ ยเกินไป กจ็ ะทำใหผ้ วิ หนงั แหง้ ริมฝีปำกแหง้
ดงั น้นั จะมีปริมำณควำมช้ืนทต่ี ำแหน่งหน่ึงท่ที ำให้ ร่ำงกำยรู้สึกสบำย ๆ คอื 50-55 % หมำยถึง
เปอร์เซ็นต์ ไอน้ำในอำกำศนนั่ เอง

1.3 ความสะอาดของอากาศ
อำกำศมีควำมสำคญั อยำ่ งมำกตอ่ ร่ำงกำย อำกำศท่ีสะอำดปลอดภยั จำกฝ่นุ ละออง ควนั
จะทำใหบ้ ริเวณน้นั มีควำมสุขสบำย กำรทำใหอ้ ำกำศสะอำดเป็ นสิ่งที่จำเป็น เช่นเดียวกบั กำรปรบั
อุณหภมู ิ
1.4 กลน่ิ
เน่ืองจำกบริเวณทป่ี รับอำกำศจะตอ้ งเป็นบริเวณท่ีมิดชิด กำรใชง้ ำนจะทำใหเ้ กิดกลิ่น
ท่ไี ม่พงึ ปรำรถนำ เช่น เกิดจำกควนั บหุ รี่ กล่ินเหงื่อไคล ทำใหบ้ ริเวณทป่ี รบั อำกำศไม่เหมำะสม
กบั ร่ำงกำย กำรกำจดั กลิ่นทไ่ี ม่ตอ้ งกำรสำมำรถทำได้ ดว้ ยกำรตดิ ต้งั พดั ลมดูดอำกำศ ทำให้
บริเวณท่ีปรบั อำกำศ ท่มี ีควำมรู้สึกสดช่ืน สบำยกำยสบำยใจ
……..

25

1.5 การถ่ายเทอากาศ
กำรถ่ำยเทของอำกำศใหอ้ ำกำศบริสุทธ์ิ ภำยในห้องปรับอำกำศตอ้ งคำนึงถึงควำมเร็วของ
ลมที่ผำ่ นเขำ้ ไป และลมทอี่ อกจำกหอ้ งปรบั อำกำศ เช่น คนเรำเม่ือนอนน้นั ถำ้ หำกนอนในทีแ่ คบ ๆ
อำกำศถ่ำยเทไม่สะดวก กบั นอนในท่ีโล่ง มีลมพดั ผำ่ นเรำจะรู้สึกถึงควำมแตกต่ำงวำ่ นอนในทโี่ ล่ง
จะรูส้ ึกสดชื่น สบำยกำย
ดงั น้นั หอ้ งปรบั อำกำศทว่ั ๆ ไปจึงจำเป็นตอ้ งตดิ พดั ลมดูดอำกำศ เพอ่ื เป็นกำรถ่ำยเท
อำกำศเสียออกไป และในขณะเดียวกนั ถำ้ เลิกใชร้ ะบบปรับอำกำศ ควรเปิ ดประตหู นำ้ ตำ่ งระบำย
อำกำศ เพอื่ เป็นกำรลดกลิ่นอบั
2. อณุ หภูมิ (Temperature)
อุณหภมู ิเป็นขดี บอกควำมรู้สึกรอ้ นหนำว หรือเป็นกำรวดั ระดบั ควำมหนำแน่นของควำม
ร้อนถำ้ อณุ หภูมิสูงเป็นเคร่ืองช้ีวำ่ ระดบั ของควำมร้อนมีมำก ทำใหร้ ่ำงกำยมีควำมรูส้ ึกร้อน ในทำง
ตรงกนั ขำ้ มถำ้ อุณหภูมิต่ำเป็นเครื่องช้ีวำ่ ระดบั ของควำมร้อนมีนอ้ ย ทำใหร้ ่ำงกำยรู้สึกเยน็
ความหมายและข้อแตกต่างระหว่างความร้อนและอณุ หภูมิ
2.1 ความร้อน (heat) คอื พลงั งำนรูปหน่ึง ปกติควำมร้อนจะไหลจำกสำรท่ีมอี ุณหภูมิสูง
ไปสู่สำรทม่ี ีอุณหภูมิต่ำกวำ่ ซ่ึงเรียกวำ่ กำรส่งผำ่ นควำมร้อน
2.2 การเปลยี่ นสถานะของสาร (phase change) จะเกิดข้นึ เม่ือมีกำรใหค้ วำมร้อนหรือเม่ือมี
กำรระบำยควำมรอ้ นออก

รูปที่ 1.1 กำรเปล่ียนสถำนะของสำร

26
2.3 กรณรี ะบายความร้อนออก

- แกส๊ กลำยเป็ นของเหลว เรียกวำ่ กำรควบแน่น (condensation)
- ของเหลวกลำยเป็ นของแขง็ เรียกวำ่ กำรแขง็ ตวั (solidification)
2.4 กรณใี ห้ความร้อน
- ของแขง็ กลำยเป็ นของเหลว เรียกวำ่ กำรหลอมละลำย (fusion)
- ของแขง็ กลำยเป็ นแกส๊ เรียกวำ่ กำรระเหิด (sublimation)
- ของเหลวกลำยเป็ นแกส๊ เรียกวำ่ กำรระเหยหรือกำรเดือด (vaporization)
3. เทอร์โมมิเตอร์ (Thermometers)
เทอร์โมมิเตอร์เป็นเคร่ืองมือท่ใี ชส้ ำหรบั วดั อุณหภูมิ เทอร์โมมิเตอร์ส่วนมำกอำศยั หลกั กำร
ขยำยตวั และหดตวั ของของเหลวในหลอดแกว้ เมื่อไดร้ ับควำมรอ้ น ส่วนใหญ่จะใชข้ องเหลวที่ใช้
บรรจุในหลอดแกว้ แอลกอฮอลห์ รือปรอท แตท่ ี่นิยมใชม้ ำกกค็ ือ ปรอทท้งั น้ีเพรำะปรอทมีจุดเดือด
สูงกวำ่ แอลกอฮอลม์ ำก เทอร์โมมิเตอร์ทใ่ี ชโ้ ดยทวั่ ไปแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดเซลเซียสหรือ
เซนติเกรด (Celcius or Centigrade) และชนิดฟำเรนไฮต์ (Fahrenheit)

รูปท่ี 1.2 เทอร์โมมิเตอร์ (Thermometers)

27

3.1 เทอร์โมมเิ ตอร์ชนิดเซลเซียส (  C, ซ) กำหนดใหจ้ ดุ เยอื กแขง็ ของน้ำภำยใตค้ วำมดนั
บรรยำกำศอยทู่ ่ี 0 องศำ และจุดเดือดของน้ำอยทู่ ่ี 100 องศำ ช่วงระหวำ่ งจุดท้งั สองแบ่งออกเป็ น 100
ช่องเท่ำ ๆ กนั แต่ละช่องมีคำ่ เป็น 1 องศำ ฉะน้นั ระยะระหวำ่ งจุดเยอื กแขง็ และจุดเดือดของน้ำ บน
สเกลของเทอร์โมมิเตอร์ชนิดเซลเซียสจงึ มีคำ่ เป็ น 100 องศำ จดุ เยอื กแขง็ ของน้ำอยทู่ ่ี 0 องศำ
เซลเซียสและจดุ เดือดอยทู่ ่ี 100 องศำเซลเซียส

3.2 เทอร์โมมิเตอร์ชนิดฟาเรนไฮต์ (  F,  ฟ) กำหนดจดุ เยอื กแขง็ ของน้ำอยทู่ ี่ 32 องศำ
และจดุ เดือดของน้ำอยทู่ ่ี 212 องศำภำยใตค้ วำมดนั บรรยำกำศ ช่วงระหวำ่ งจดุ เยอื กแขง็ และจุดเดือด
ของน้ำแบง่ ออกเป็น 180 ส่วนเท่ำ ๆ กนั จุด 0 บนสเกลของเทอร์โมมิเตอร์ชนิดฟำเรนไฮตก์ ำหนด
ไวท้ ่ตี ่ำกวำ่ จดุ เยอื กแขง็ ของน้ำลงไปอีก 32 ช่อง จุดเยอื กแขง็ ของน้ำอยทู่ ่ี 32 องศำฟำเรนไฮต์ และ
จดุ เดือดอยทู่ ่ี 212 องศำฟำเรนไฮต์

3.3 การแปลงค่าอุณหภูมิ (Temperature conversion)
คำ่ อุณหภมู ิทอี่ ่ำนไดบ้ นสเกลใดสเกลหน่ึงสำมำรถแปลงคำ่ เป็ นสเกลอื่นไดโ้ ดยสูตรต่อไปน้ี

สูตร c  F  32

59

ตวั อย่างท่ี 1.1 ถำ้ เทอร์โมมิเตอร์ชนิดเซลเซียสอ่ำนคำ่ ได้ 100  C ถำ้ ชนิดฟำเรนไฮตจ์ ะอ่ำนค่ำได้
เท่ำไร?

วิธีทา จำกสูตร c  F  32
ในทน่ี ้ี 59

C = 100

F = 1.8  C + 32

= (1.8 x 100) + 32

= 180 + 30

= 212  F ตอบ

28

ตวั อย่างที่ 1.2 ถำ้ เทอร์โมมิเตอร์ซ่ึงตดิ บนผนงั หอ้ งอ่ำนค่ำได้ 32  F อุณหภูมิชนิดเซลเซียสจะมีค่ำ
เท่ำไร?

วธิ ีทา จำกสูตร c  F  32
59

C = F  32

1.8

= 32  32

1.8

=0

1.8

= 0  C ตอบ

29

… แบบฝึ กหัดท่ี 1.1 หน่วยท่ี 1
สอนคร้ังท่ี 1
ช่ือหน่วย พ้นื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรบั อำกำศ เวลำ 5 ชม.
เรื่อง อุณหภูมิ

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
เพอื่ ใหน้ กั เรียนสำมำรถแปลงหน่วยอุณหภูมิระหวำ่ ง C ( ซ ) และ F ( ฟ ) ได้

คาส่ัง ใหน้ กั เรียนแสดงลำดบั ข้นั ตอนตอ่ ไปน้ี

1. จงแปลงหน่วยอุณหภมู ิ 5 C ใหเ้ ป็ น F
2. จงแปลงหน่วยอุณหภูมิ - 150 F ใหเ้ ป็ น C
3. ถำ้ เทอร์โมมิเตอร์ตวั หน่ึงอ่ำนค่ำได้ 50 C ถำ้ เป็ น F จะไดเ้ ทำ่ ใด
4. เทอร์โมมิเตอร์ตวั หน่ึงอ่ำนค่ำได้ 86 F ถำ้ แปลงเป็ น C จะไดเ้ ทำ่ ใด
5. จงพสิ ูจนว์ ำ่ 100 C = 212 F

… แบบตรวจผลงานที่ 1.1 30
หน่วยท่ี 1
ชื่อหน่วย พน้ื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรับอำกำศ สอนคร้ังท่ี 1
เรื่อง อุณหภมู ิ
คะแนนได้
ความหมายระดับคะแนน
5 ดีมำก
4 ดี
3 ปำนกลำง
2 พอใช้
1 ตอ้ งปรบั ปรุง

ขอ้ ท่ี ผลกำรตรวจ คะแนน
ถูก ผดิ
01
1.
2. รวม
3.
4.
5.

สรุปผลคะแนนอยใู่ นระดบั ………………………………
ลงช่ือ…………………………….ผตู้ รวจ

(…………………………..)

…. แบบเฉลยใบงานที่ 1.1 31

ช่ือหน่วย พ้นื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรบั อำกำศ หน่วยท่ี 1
เรื่อง อุณหภมู ิ สอนคร้งั ที่ 1
เวลำ 5 ชม.

1. จงแปลงอุณหภมู ิ 5 C ให้เป็ น F

วธิ ีทา C F  32
จำกสูตร 5 9
C
5 F  32
9

จะได้ F - 32  1

9
F  (9 x1)  32

F  41

 5 C = 41 F ตอบ

2. จงแปลงอุณหภมู ิ - 150F ใหเ้ ป็ น C

วธิ ีทา

จำกสูตร C  - 150  32
จะได้ 59

C  F  32
59
C  - 182
59

C  20.2 x 5

C  101

 - 150 F = - 101 C ตอบ

32

3. ถำ้ เทอร์โมมิเตอร์ตวั หน่ึงอ่ำนค่ำได้ 50C ถำ้ แปลงเป็ น F จะไดเ้ ทำ่ ใด

วธิ ีทา จำกสูตร C  F  32

59

จะได้ 50  - F  32

59

F  32  10
9

F  122

F  90  32

 50 C = 122 F ตอบ

4. เทอร์โมมิเตอร์ตวั หน่ึงอ่ำนค่ำได้ 86F ถำ้ แปลงเป็ น C จะไดเ้ ท่ำใด

วิธีทา จำกสูตร C  F  32
จะได้ 59
C  - 86  32
59
C  54 x 5

9

C  30

 86 F = 30 C ตอบ

5. จงพสิ ูจน์ วำ่ 100C = 212 F

วธิ ีทา C  - F  32
5 9
จำกสูตร 100
จะได้ 5  - F  32
F  32 9
9
 20

F  (20 x 9)  32

 212 F

 100 C = 212 F ตอบ

33

ใบความรู้ที่ 1.2 หน่วยที่ 1
สอนคร้ังท่ี 1
ช่ือหน่วย พ้นื ฐำนกำรทำควำมเยน็ และปรบั อำกำศ เวลำ 5 ชม.
เรื่อง ควำมดนั

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. เพอื่ ใหน้ กั เรียนสำมำรถอธิบำยคุณสมบตั ิของควำมดนั
2. เพอื่ ใหน้ กั เรียนสำมำรถแปลงหน่วยควำมดนั ได้
เนือ้ หา
1. ควำมดนั (Pressure)
2. กำรแปลงหน่วยควำมดนั psia และ psig
1. ความดัน (Pressure)
ควำมดนั คอื แรงทจี่ ะผลกั ดนั หรือน้ำหนกั ท่ีจะตกลงบนพน้ื ท่ี 1 ตำรำงพน้ื ทแ่ี ละส่วนมำก
จะออกในรูปของน้ำหนกั เป็นปอนดต์ ่อตำรำงน้ิว (Pound Per Square lnch หรือ psi) หรือ
กิโลกรมั ตอ่ ตำรำงเซนติเมตร หรือ นิวตนั ต่อตำรำงเมตร
สสำรที่อยบู่ นพน้ื ผวิ โลกทุกชนิดจะถูกแรงดนั ของอำกำศดนั อยรู่ อบ ๆ แรงกดดนั
ของอำกำศทม่ี ีอยทู่ ว่ั ไปน้ี เรียกวำ่ ควำมดนั ของบรรยำกำศ (Atmospheric Pressure) ซ่ึงจะมีคำ่
เท่ำกบั 14.7 ปอนดต์ อ่ ตำรำงน้ิว (14.7 psi) หรือ 1.033 kg ตอ่ ตำรำงเซนตเิ มตร หรือ 1.013
บำร์ (1bar 105 N/m2 )

รูปท่ี 1.2 แสดงควำมดนั บรรยำกำศ

34

1.1 ควำมดนั สมั บรู ณ์ และควำมดนั ทีเ่ กจวดั (Absolute Pressure and Gauge Pressure)
ควำมดนั สมั บูรณ์ (Absolute Pressure) คอื ควำมดนั ที่แทจ้ ริงซ่ึงวดั จำกจดุ เริ่มตน้ ท่ีศูนย์
ส่วนควำมดนั ทีเ่ กจวดั คือควำมดนั ขณะที่เอำเกจวดั ควำมดนั (Pressure Gauge) วดั ควำมดนั ขณะน้นั
ควำมดนั ทเี่ กจวดั ไดจ้ ะเริ่มวดั ตอ่ จำกควำมดนั ของบรรยำกำศ (14.7 psi) ดงั น้นั

ควำมดนั สมั บูรณ์ = ควำมดนั ทีเ่ กจวดั + ควำมดนั ของบรรยำกำศ
Absolute Pressure = Gauge Pressure + Atmospheric Pressure

psia = psi + 14.7
ในทำงคำนวณคดิ งำ่ ย ๆ psia = psi + 15

kPa (bar / psi)

ความดนั สัมบูรณ์ ช่วงความดนั เกจ
(Pabs) (Pg)
ความดันบรรยากาศ
14.7 ปอนด์ / ตร.นิ้ว
(P atm)

ช่วงความดันสุญญากาศ
(Pv)

รูปท่ี 1.3 แสดงควำมดนั สมั บรู ณ์

35

ในระบบองั กฤษ ระบบเมตริก ระบบ SI ขณะที่ psia มีคำ่ เท่ำกบั 14.7 น้นั psig จะมีค่ำเท่ำกบั
0 และเม่ือ psia มีคำ่ เท่ำกบั 0 แสดงวำ่ เป็ น Absolute Zero Pressure คือไม่มีอำกำศเลยจริง ๆ
เรียกวำ่ สุญญำกำศ (Vacuum) ดงั น้นั ท่ี 0 psia มีคำ่ = 29.92 น้ิวปรอท ของเกจ หรือ 760 มม.
โดยกำรอ่ำนค่ำจำกเกจจะอ่ำนในหน่วยองั กฤษ ซ่ึงนิยมมำกท่ีสุด

psia psig

39.7 25
34.7 20
29.7 15
24.7 10
19.7 5
15 หรือ (14.7) 0

10 10
5 20
0 29.92 หรือ 30 นิ้วปรอท

ABSOLUTE ZERO

รูปท่ี 1.4 แสดงกำรเปรียบเทยี บ psia และ psig

36

1.2 สุญญำกำศ (Vacuum) คอื บริเวณทไี่ ม่มีควำมดนั กระทำตอ่ พน้ื ที่เลย ซ่ึงจะวดั ควำมดนั
ทบี่ ริเวณน้นั ได้ 0 psia หรือ 29.92 นิ้วปรอท ประมำณเท่ำกบั 30 นิ้วปรอท (0 psia = 30" Hg psig)

รูปที่ 1.5 แสดงกำรเกิดสุญญำกำศ

2. การแปลงหน่วยความดนั สมบูรณ์ (psia) และความดนั เกจ (psig)
ถำ้ ตอ้ งกำรเปล่ียนหน่วยควำมดนั จำก psia เป็นคำ่ ของ psig โดยค่ำของ psia ต่ำกวำ่ 15 psia

ซ่ึงเป็นควำมดนั สุญญำกำศโดยหน่วยทอ่ี ่ำนไดม้ หี น่วยเป็นนิ้วปรอทหรือ มิลลิเมตรปรอท ใหเ้ อำ 2
ไปคูณ psia ท่ีตอ้ งกำรจะเปลี่ยนแลว้ เอำไปลบออกจำก 30

ตวั อย่างท่ี 1.3 วดั ควำมดนั ได้ 10 psia ถำ้ ใชเ้ กจวดั จะมีค่ำเทำ่ ไร

psig = 30 - (2 x psia)

= 30 - (2 x 10)

= 30 - 20

= 10" Hg ตอบ

ตวั อย่างท่ี 1.4 วดั ควำมดนั ได้ 0 psia ถำ้ ใชเ้ กจวดั จะมีค่ำเท่ำไร

psig = 30 - (2 x Psia)

= 30 - (2 x 0)

psig = 30" Hg ตอบ

37

สำหรับกำรเปล่ียนค่ำ psia และ psig ในกรณีทีค่ ่ำ psig เหนือ 0 ข้นึ ไป และคำ่ psia มำกกวำ่
14.7 (หรือ 15) ข้ึนไป กจ็ ะไม่ยงุ่ ยำก

ใชส้ ูตร psia = psig + 15

ตวั อย่างท่ี 1.5 คำ่ เกจวดั ได้ 30 psig เมื่อเป็ นหน่วย psia จะมีค่ำเทำ่ ไร

psia = 30 + 15 = 45

 30 psig = 45 psia ตอบ

ตัวอย่างที่ 1.6 ควำมดนั 60 psig มีค่ำเทำ่ กบั psia เท่ำไรในหน่วยของ psia
จำกสูตร psia = psig + 15
psia = 60 + 15
= 75
 60 psig = 75 psia ตอบ

กำรเปลี่ยนจำกควำมดนั ท่ีเกจวดั ท่วี ดั ต่ำกวำ่ 0 psig ใหเ้ ป็น psia ให้เอำ 30 ต้งั แลว้ ลบ
ดว้ ยจำนวนควำมดนั นิ้วปรอท (" Hg) ท่ีเรำจะตอ้ งเปลี่ยน ไดผ้ ลลพั ธเ์ ทำ่ ไร เอำ 2 ไปหำร

ตวั อย่างที่ 1.7 ควำมดนั ท่ีเกจวดั ได้ 5" Hg เปล่ียนเป็นหน่วย psia ไดเ้ ท่ำไร
psia = 30 - 55 = 12.5
2

 5"Hg = 12.5 psia ตอบ

ตัวอย่างท่ี 1.8 ควำมดนั ท่ีเกจวดั ได้ 10" Hg เปล่ียนเป็นหน่วย psia ไดเ้ ท่ำไร

psia = 30 - 10 ตอบ
2

Psia = 10
 10" Hg = 10 psia


Click to View FlipBook Version