แผนการจัดการเรียนรู้วิชา ภาษาไทย ป.๕ ส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำประถมศึกษำหนองคำย เขต ๒ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร โรงเรียนท ุ่งธาต ุท่าลี่ดอนกลางสามัคคี นางสาวนริศรา บ ุตรศรี ต าแหน่ง ครูผู้ช่วย รหัสวิชา ท ๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๒ ปี การศึกษา ๒๕๖๖ กล ุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตวัชีว้ัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย พุทธศักราช ๒๕๕๑
คำอธิบายรายวิชา ท ๑๕๑๐๑ ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลาเรียน ๑๖๐ ชั่วโมง ศึกษาและฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง พร้อมทั้งอธิบายความหมาย ของ คำ ประโยคและข้อความที่เป็นการบรรยายและการพรรณนา อธิบายความหมายโดยนัยจากเรื่องที่อ่านอย่าง หลากหลาย อ่านจับใจความจากสื่อต่าง ๆ แล้วสามารถแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น วิเคราะห์และแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่านเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต อ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คำสั่ง ข้อแนะนำและ ปฏิบัติตาม อ่านหนังสือที่มีคุณค่าตามความสนใจอย่างสม่ำเสมอ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน และมีมารยาทในการอ่าน คัดลายมือตัวบรรจงเต็มบรรทัดและครึ่งบรรทัดตามรูปแบบการเขียนตัวอักษรไทย เขียนคำขวัญ คำอวยพร คำแนะนำและคำอธิบาย แสดงขั้นตอนโดยใช้คำได้ถูกต้องชัดเจน และเหมาะสม เขียน แผนภาพโครงเรื่องและแผนภาพความคิดเพื่อ ใช้พัฒนางานเขียน เขียนย่อความจากเรื่องที่อ่าน เขียนจด หมายถึงผู้ปกครองและญาติ เขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นได้ตรงตามเจตนา กรอกแบบรายการ ได้แก่ ใบฝากเงิน และใบถอนเงิน ธนาณัติ แบบฝากส่งพัสดุไปรษณียภัณฑ์ เขียนเรื่องตามจินตนาการ และ มีมารยาทในการเขียน จับใจความของเรื่องที่ฟังและดูจากสื่อต่าง ๆ แล้วสามารถพูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น ความรู้สึก ตั้งคำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผล วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากเรื่องที่ฟังและดู อย่างมีเหตุผล พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาค้นคว้าจากการฟัง การดู การสนทนาและมีมารยาทในการ ฟัง การดู และการพูด ระบุชนิดและหน้าที่ของคำบุพบท คำเชื่อม และคำอุทานในประโยค จำแนก ส่วนประกอบของประโยค เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น ใช้คำราชาศัพท์ บอกคำ ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย แต่งกาพย์ยานี ๑๑ และใช้สำนวนได้ถูกต้อง สรุปเรื่อง อธิบายคุณค่า ระบุ ความรู้และข้อคิดจากการอ่านวรรณคดีและวรรณกรรมที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง และท่องจำบทอาขยาน ตามที่กำหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจ กิจกรรมการเรียนรู้เน้นให้ผู้เรียนสังเกตและตอบคำถามที่กระตุ้นความคิด เพื่อนำข้อมูลที่ได้ มาสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ฝึกประมวลคำ และนำคำไปใช้อย่างถูกต้อง ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทยจากสื่อ ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และมุ่งพัฒนาการทำงานด้วยกระบวนการกลุ่มและการระดมความคิด เพื่อให้เกิดความเข้าใจหลักภาษา เกิดทักษะในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สามารถนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ มีความชื่นชม เห็นคุณค่าภูมิปัญญาไทยและภูมิใจในภาษาประจำชาติ รหัสตัวชี้วัด ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔, ป. ๕/๕, ป. ๕/๖, ป. ๕/๗, ป. ๕/๘ ท ๒.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔, ป. ๕/๕, ป. ๕/๖, ป. ๕/๗, ป. ๕/๘, ป. ๕/๙ ท ๓.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔, ป. ๕/๕ ท ๔.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔, ป. ๕/๕, ป. ๕/๖, ป. ๕/๗
ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ป. ๕/๒, ป. ๕/๓, ป. ๕/๔ รวมทั้งหมด ๓๓ ตัวชี้วัด
โครงสร้างรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เวลาเรียน ๑๖๐ ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๖ รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๑ หลักภาษา และการใช้ภาษาไทย บุพบท...นำหน้าคำ สื่อสัมพันธ์ ท ๔.๑ ป. ๕/๑ คำบุพบทอยู่หน้าคำนาม หรือคำสรรพนามในประโยค เพื่อบอกเวลา บอกตำแหน่ง ที่ตั้ง สถานที่ บอกความเป็นเจ้าของ บอกความเกี่ยวข้อง บอกผู้รับผล บอกความมุ่งหมาย บอกสาเหตุ ทำให้ประโยคสื่อสารนั้นมีใจความ สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ๔ ๒ คำเชื่อม...สะพาน ประสานความหมาย ท ๔.๑ ป. ๕/๑ คำเชื่อม ใช้เชื่อมคำ กลุ่มคำ หรือประโยคเข้าด้วยกัน เพื่อให้แสดง ความหมายคล้อยตามกัน แตกต่างกัน ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเป็นเหตุเป็นผลกัน ตามจุดประสงค์ของผู้ส่งสาร ๓ ๓ คำอุทาน...สื่อสาร อารมณ์ ท ๔.๑ ป. ๕/๑ คำอุทานเป็นเสียงที่เปล่งออกมา แตกต่างจากเสียงของคำทั่ว ๆ ไป ทำให้ทราบอารมณ์ความรู้สึกของผู้พูด ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยไม่เน้นความหมาย ของคำ ๔ ๔ ภาษาไทยน่าเรียน... ฝึกเขียนประโยค ท ๔.๑ ป. ๕/๒ การสื่อสารในชีวิตประจำวัน ต้องใช้ประโยคเพื่อสื่อความหมาย ดังนั้น การรู้จักจำแนกและเรียบเรียง ประโยคให้ถูกต้อง มีส่วนประกอบ ของประโยคครบถ้วนสมบูรณ์ จะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ๕
ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๕ ภาษาถิ่น... บอกความเป็นไทย ท ๔.๑ ป. ๕/๓ ภาษาไทยในแต่ละท้องถิ่น มีการใช้ถ้อยคำสำนวนที่แตกต่างกัน การรู้และเข้าใจความหมายของคำ จะทำให้การสื่อสารดียิ่งขึ้น ๕ ๖ ใช้ให้ถูกพึงจำ... คำราชาศัพท์ ท ๔.๑ ป. ๕/๔ คำราชาศัพท์เป็นคำในภาษาไทย ที่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบุคคล ระดับต่าง ๆ ๕ ๗ คำในภาษาไทย... ที่นำมาใช้จาก ภาษาต่างประเทศ ท ๔.๑ ป. ๕/๕ ภาษาไทยมีการนำคำจาก ภาษาต่างประเทศมาใช้เป็นจำนวน มาก เราควรทราบที่มาของคำ เรียนรู้ การอ่าน การเขียน และการใช้คำ เหล่านั้นให้ถูกต้อง ๕ ๘ กาพย์ยานีลำนำ... สิบเอ็ดคำจำได้ง่าย ท ๔.๑ ป. ๕/๖ กาพย์ยานี ๑๑ นิยมใช้ในการแต่ง พรรณนาเรื่องต่าง ๆ ลักษณะของ คำประพันธ์ ทำให้บทร้อยกรอง มีความไพเราะ งดงาม สละสลวย ผู้อ่านจดจำได้ง่าย และเกิดจินตนาการ ตามเนื้อเรื่องเป็นอย่างดี ๕ ๙ สำนวน คำพังเพย สุภาษิต...ให้ข้อคิด สอนใจ ท ๔.๑ ป. ๕/๗ การใช้สำนวนได้ถูกต้อง ทำให้สื่อความหมายชัดเจน ได้เรียนรู้ ความงดงามของภาษาไทย และเป็นการอนุรักษ์ภาษาไทย ๕ ๑๐ อ่านได้คล่อง... ต้องรู้วิธี ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓, ท ๔.๑ ป. ๕/๔, ท ๔.๑ ป. ๕/๕, ท ๔.๑ ป. ๕/๖, ท ๔.๑ ป. ๕/๗, ท ๔.๑ ป. ๕/๘ ๑. การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว ได้ถูกต้องตามอักขรวิธี โวหาร และประเภทของงานเขียน จะทำให้เกิดความไพเราะ การอ่าน มีประสิทธิภาพ ผู้ฟังสามารถเข้าใจ ได้ชัดเจน ๒๖
ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๒. การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง เป็นทำนองเสนาะได้ถูกต้อง ตามอักขรวิธีและฉันทลักษณ์ ของบทร้อยกรองนั้น ๆ รู้จักทอด จังหวะ เอื้อนเสียงแสดงอารมณ์ตาม เนื้อหา จะทำให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องได้ชัดเจน และบทร้อยกรองนั้นมีความไพเราะ ยิ่งขึ้น ๓. การอ่านจับใจความ โดยสามารถ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และสรุปความจากการอ่าน ทำให้เรามีเหตุผล ไม่หลงเชื่อสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ รู้จัก เลือกพิจารณานำความรู้ที่ได้จากการ อ่าน ไปใช้ในการดำเนินชีวิต ๔. การอ่านงานเขียนเชิงอธิบาย คำสั่ง ข้อแนะนำให้เข้าใจชัดเจนเสียก่อน จะทำให้ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยในการใช้งาน ๕. การเลือกอ่านหนังสือให้เหมาะสม กับความต้องการและวัยทำให้ได้รับ คุณค่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้อย่างเท้จริง ๖. การมีมารยาทในการอ่าน ทำให้เป็นที่น่าชื่นชมต่อผู้พบเห็น
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๒. การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง เป็นทำนองเสนาะได้ถูกต้องตาม อักขรวิธีและฉันทลักษณ์ของบทร้อยกรอง นั้น ๆ รู้จักทอดจังหวะ เอื้อนเสียงแสดง อารมณ์ตามเนื้อหา จะทำให้ผู้ฟัง เข้าใจเรื่องได้ชัดเจน และบทร้อยกรอง นั้นมีความไพเราะยิ่งขึ้น ๓. การอ่านจับใจความโดยสามารถแยก ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และสรุปความ จากการอ่านทำให้เรามีเหตุผลไม่หลง เชื่อสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งก่อให้เกิด ประโยชน์ รู้จักเลือกพิจารณานำความรู้ ที่ได้จากการอ่านไปใช้ในการดำเนินชีวิต ๔. การอ่านงานเขียนเชิงอธิบายคำสั่ง ข้อแนะนำ ให้เข้าใจชัดเจนเสียก่อน จะทำให้ปฏิบัติตามได้ถูกต้อง ทำงาน อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยใน การใช้งาน ๕. การเลือกอ่านหนังสือให้เหมาะสมกับ ความต้องการและวัยทำให้ได้รับคุณค่า สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่าง แท้จริง ๖. การมีมารยาทในการอ่านทำให้เป็น ที่น่าชื่นชมต่อผู้พบเห็น ๑๑ เขียนชำนาญ... งานสร้างสรรค์ ท ๒.๑ป. ๕/๑, ป. ๕/๒,ป. ๕/๓, ป. ๕/๔,ป. ๕/๕, ป. ๕/๖,ป. ๕/๗, ๑. การคัดลายมือเป็นการฝึกเขียนตัว อักษรไทยให้สวยงามและถูกต้อง ๒. การเขียนสื่อสารควรเลือกใช้ถ้อยคำ สำนวนให้ถูกต้องเหมาะสมกับงานเขียน ประเภทนั้น ๆ จึงจะสื่อความหมาย
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ป. ๕/๘,ป. ๕/๙ ได้ชัดเจนตรงตามวัตถุประสงค์ ๓. แผนภาพโครงเรื่องใช้ในการวางโครง เรื่องที่มีการดำเนินเรื่องเป็นไปตามลำดับ เหตุการณ์ ส่วนแผนภาพความคิดใช้ใน การวางโครงเรื่องที่มีความคิดรวบยอด เป็นสำคัญ การนำแผนภาพโครงเรื่องและ แผนภาพความคิดมาใช้ในงานเขียนทำให้ งานเขียนมีคุณภาพ และได้ความครบถ้วน สมบูรณ์ ๔. ย่อความเป็นการนำใจความสำคัญของ แต่ละตอนจากเรื่องที่อ่านมาเรียบเรียง ใหม่เพื่อให้เข้าใจเรื่องที่ต้องการสื่อสารได้ ง่ายยิ่งขึ้น ๕. การเขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและ ญาติ ต้องใช้ภาษาที่สุภาพ แสดงถึงความ เคารพให้เหมาะสมกับบุคคล ๖. การเขียนแสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็น เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริง ที่ได้จากการตรวจสอบโดยใช้เหตุผล ประกอบ ซึ่งทำให้ผู้อ่านได้รับทราบข้อมูล และข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ๗. การกรอกแบบรายการต่าง ๆ ได้ อย่างถูกต้อง ใช้ภาษาที่กระชับ ชัดเจน ทำให้สื่อสารได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และสะดวกในการติดต่อทำธุระ ๘. การเขียนเรื่องตามจินตนาการได้ดี ต้องหมั่นฝึกการคิด การสังเกต และมี ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ๓๕
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๙. การมีมารยาทในการเขียนจะทำให้ ผู้อ่านสามารถเข้าใจสารที่ผู้เขียน ถ่ายทอดได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น ๑๒ ฟัง ดู รู้สนทนา... ภาษาสื่อสาร ท ๓.๑ป. ๕/๑, ป. ๕/๒,ป. ๕/๓, ป. ๕/๔,ป. ๕/๕ ๑. การพูดแสดงความรู้ ความคิดเห็น และความรู้สึกจากเรื่องที่ฟังและดู ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนพูด เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับผู้อื่น เพราะ ในเรื่องเดียวกันแต่ละคนอาจมีมุมมอง และความคิดเห็นแตกต่างกันได้ ๒. การตั้งคำถามและตอบคำถาม เชิงเหตุผลจากเรื่องที่ฟังและดู ทำให้ สามารถวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของ เรื่อง และนำความรู้หรือข้อคิดที่ได้รับไป ใช้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ๓. การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากเรื่อง ที่ฟังและดูในชีวิตประจำวันต้องใช้เหตุผล มีข้อเท็จจริงและหลักฐานมาประกอบ ๔. การพูดรายงานตามหลักการที่ถูกต้อง จะทำให้การนำเสนอข้อมูลมีความ น่าสนใจและผู้ฟังได้รับประโยชน์จากการ ฟังนั้น ๕. การมีมารยาทในการฟัง การดู และ การพูด ทำให้การติดต่อสื่อสารมี ประสิทธิภาพและเป็นมารยาททางสังคม ที่พึงปฏิบัติ ๑๕
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา เรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๑๑ เขียนชำนาญ... งานสร้างสรรค์ ท ๒.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓, ท ๔.๑ ป. ๕/๔, ท ๔.๑ ป. ๕/๕, ท ๔.๑ ป. ๕/๖, ท ๔.๑ ป. ๕/๗, ท ๔.๑ ป. ๕/๘, ท ๔.๑ ป. ๕/๙ ๑. การคัดลายมือเป็นการฝึกเขียน ตัวอักษรไทยให้สวยงามและถูกต้อง ๒. การเขียนสื่อสารควรเลือกใช้ถ้อยคำ สำนวนให้ถูกต้องเหมาะสมกับ งานเขียนประเภทนั้น ๆ จึงจะสื่อความหมายได้ชัดเจน ตรงตามวัตถุประสงค์ ๓. แผนภาพโครงเรื่องใช้ ในการวางโครงเรื่องที่มีการดำเนินเรื่องเป็นไป ตามลำดับเหตุการณ์ ส่วนแผนภาพความคิดใช้ ในการวางโครงเรื่องที่มี ความคิดรวบยอดเป็นสำคัญ การนำแผนภาพโครงเรื่อง และแผนภาพความคิดมาใช้ ในงานเขียน ทำให้งานเขียนมีคุณภาพ และได้ ความครบถ้วนสมบูรณ์ ๔. ย่อความเป็นการนำใจความสำคัญ ของแต่ละตอนจากเรื่องที่อ่าน มาเรียบเรียงใหม่เพื่อให้เข้าใจเรื่อง ที่ต้องการสื่อสารได้ง่ายยิ่งขึ้น ๕. การเขียนจดหมายถึงผู้ปกครอง และญาติ ต้องใช้ภาษาที่สุภาพ แสดงถึงความเคารพให้เหมาะสม กับบุคคล ๖. การเขียนแสดงความรู้สึก และความคิดเห็น เป็นการนำเสนอ ข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบ โดยใช้เหตุผลประกอบ ซึ่งทำให้ผู้อ่าน ได้รับทราบข้อมูลและข้อคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ ๓๔
ลำดับ ที่ ชื่อหน่วยการ เรียนรู้ มาตรฐานการ เรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลา เรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๗. การกรอกแบบรายการต่าง ๆ ได้อย่าง ถูกต้อง ใช้ภาษาที่กระชับชัดเจน ทำให้ สื่อสารได้ตรงตามวัตถุประสงค์และสะดวก ในการติดต่อทำธุระ ๘. การเขียนเรื่องตามจินตนาการได้ดีต้อง หมั่นฝึกการคิด การสังเกตและมีความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์ ๙. การมีมารยาทในการเขียนจะทำให้ผู้อ่าน สามารถเข้าใจสารที่ผู้เขียนถ่ายทอดได้ง่าย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๑๒ ฟัง ดู รู้สนทนา... ภาษาสื่อสาร ท ๓.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓, ท ๔.๑ ป. ๕/๔, ท ๔.๑ ป. ๕/๕ ๑. การพูดแสดงความรู้ ความคิดเห็นและ ความรู้สึกจากเรื่องที่ฟังและดูควรพิจารณา อย่างรอบคอบก่อนพูดเพื่อไม่ให้เกิดความ ขัดแย้งกับผู้อื่นเพราะในเรื่องเดียวกันแต่ละ คน อาจมีมุมมองและความคิดเห็นแตกต่างกัน ได้ ๒. การตั้งคำถามและตอบคำถามเชิงเหตุผล จากเรื่องที่ฟังและดูทำให้สามารถวิเคราะห์ ความน่าเชื่อถือของเรื่อง และนำความรู้หรือ ข้อคิดที่ได้รับไปใช้เป็นประโยชน์ใชีวิตประ จำวัน ๓. การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือจากเรื่องที่ ฟังและดูในชีวิตประจำวันต้องใช้เหตุผล มี ข้อเท็จจริงและหลักฐานมาประกอบ ๔. การพูดรายงานตามหลักการที่ถูกต้องจะ ทำให้การนำเสนอข้อมูลมีความน่าสนใจ และผู้ฟังได้รับประโยชน์จากการฟังนั้น ๑๕
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๕. การมีมารยาทในการฟัง การดู และการพูด ทำให้การติดต่อสื่อสาร มีประสิทธิภาพและเป็นมารยาท ทางสังคมที่พึงปฏิบัติ ๑ วรรณคดี และวรรณกรรม บทละครนอก เรื่อง สังข์ทอง ตอน กำเนิดพระสังข์ ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๕, ท ๔.๑ ป. ๕/๗ ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓, ท ๔.๑ ป. ๕/๔ บทละครนอก เรื่อง สังข์ทอง ตอน กำเนิดพระสังข์ แสดงให้เห็นถึง ความรักของแม่ที่มีต่อลูก ไม่ว่าลูกจะเกิดมาเป็นเช่นไร ก็ย่อมเป็นที่รักดั่งดวงใจของแม่เสมอ นอกจากนั้นยังแสดงถึงความกตัญญู กตเวทีของพระสังข์ที่รู้จักช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระของแม่เท่าที่เด็ก จะทำได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกทุกคน ควรประพฤติปฏิบัติตาม ๘ ๒ ราชาธิราช ตอน กำเนิดมะกะโท ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๕, ท ๔.๑ ป. ๕/๗ ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓ เรื่อง ราชาธิราช ตอน กำเนิดมะกะโท แสดงให้เห็นถึงคุณธรรม และคุณลักษณะพิเศษของมะกะโท ซึ่งจะเป็นผู้นำในภายหน้า เช่น ความกตัญญู ความจงรักภักดี ความเมตตา ความมานะอุตสาหะ สติปัญญาไหวพริบอันชาญฉลาด มองเห็นการณ์ไกล และรู้จักแก้ปัญหา เมื่อเกิดเหตุยุ่งยากต่าง ๆ นอกจากจะได้รับความเพลิดเพลิน จากเนื้อเรื่องแล้ว ยังได้รับความรู้ เกี่ยวกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในอดีต รวมทั้งข้อคิดต่าง ๆ ที่นำไปใช้ ในชีวิตจริงได้เป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้คือ ประโยชน์หลายประการที่ได้รับ จากวรรณคดี ๘
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๓ กระเช้าสีดา ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๕, ท ๔.๑ ป. ๕/๗ ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓ นิทานเรื่อง กระเช้าสีดา มีเนื้อเรื่อง สนุกสนาน ใช้ภาษาบรรยายได้ สละสลวย ชัดเจน อ่านเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับเด็ก แฝงแนวคิดใน เรื่องผลของการทำความดี คือ การ เชื่อฟังผู้ใหญ่ ความมีน้ำใจ และ ความสุภาพ อ่อนโยน ซึ่งนักเรียน ควรนำไป ประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ให้สม่ำเสมอจนเป็นนิสัย ๖ ๔ บทประพันธ์ ร้อยกรองสุภาษิต ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๕, ท ๔.๑ ป. ๕/๗ ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓, ท ๔.๑ ป. ๕/๔ บทประพันธ์ร้อยกรองสุภาษิต มีคุณค่าด้านวรรณศิลป์ และให้คติสอนใจ เพื่อประพฤติ ในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ผู้นำไปปฏิบัติ ย่อมประสบความสุข ความเจริญ ในการดำเนินชีวิต ๔ ๕ โคลงโลกนิติ ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๕, ท ๔.๑ ป. ๕/๗ ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓, ท ๔.๑ ป. ๕/๔ คำสอนจากโคลงโลกนิติ พระนิพนธ์ของสมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร ที่กรม วิชาการ กระทรวงศึกษาธิการได้รวบรวมไว้ นั้น ล้วนเป็นคำสอนที่เหมาะสม จะนำไปใช้เป็นหลักปฏิบัติ ในการดำเนินชีวิตปัจจุบันได้อย่างดี ทั้งให้ข้อคิดเตือนใจสำหรับตนเอง หรือใช้แนะนำสั่งสอนผู้อื่น คำสอน ในโคลงโลกนิติจึงทรงคุณค่าเสมอ สำหรับผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตาม ๖
ลำดับที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ ตัวชี้วัด สาระสำคัญ เวลาเรียน (ชั่วโมง) น้ำหนัก คะแนน ๖ นิทานคติธรรม เรื่อง พญาช้างผู้ เสียสละ ท ๑.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๕, ท ๔.๑ ป. ๕/๗ ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓ นิทานคติธรรม เรื่อง พญาช้างผู้ เสียสละ ให้คติว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ในสังคมย่อมมีทั้งคนดีและคนชั่ว เราจึงควรนำคุณธรรมของคนดี มาเป็นแบบอย่าง พร้อมทั้งใช้ สติปัญญาพิจารณาให้รู้ทันเล่ห์ เหลี่ยมของคนชั่ว เพื่อหลีกเลี่ยง การคบหา อันอาจจะนำภัยมาสู่ตนเอง ๔ ๗ เพลงชาติไทย ท ๑.๑ ป. ๕/๕ ท ๕.๑ ป. ๕/๑, ท ๔.๑ ป. ๕/๒, ท ๔.๑ ป. ๕/๓, ท ๔.๑ ป. ๕/๔ เพลงชาติไทยเป็นเพลงประจำชาติ ที่แสดงถึงความเป็นชาติ เอกราช ศิลปวัฒนธรรม และลักษณะนิสัย ของชนในชาติ เราจึงควรรู้ประวัติ ตระหนักถึงความสำคัญของเพลง ชาติ และร้องเพลงชาติไทยอย่างภาคภูมิ ๔ ๘ บทอาขยาน ท ๕.๑ ป. ๕/๔ การท่องจำบทอาขยาน สามารถนำไปใช้อ้างอิงและนำ ข้อคิด ไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ๔ รวม ๑๖๐
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท ๑๑๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย เวลาเรียน ๕ ชั่วโมง เรื่อง ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่น เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวนริศรา บุตรศรี ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๕ วันที่สอน ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. ๑. สาระสำคัญ การศึกษาภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นให้มีความรู้ความเข้าใจ และใช้ได้อย่างถูกต้อง จะต้อง เปรียบเทียบ ภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่นได้ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๒.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๑.๑ ใชกระบวนการอานสรางความรูและความคิด เพื่อนําไปใชในการตัดสินใจ แกปญหา ในการดํารงชีวิต และมีนิสัยรักการอาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๒.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ป. ๕/๓ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ภาษาไทยมาตรฐาน ๓.๒ ภาษาถิ่น ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๔.๑ นักเรียนสามารถบอกความหมายของภาษาถิ่นได้(K) ๔.๒ นักเรียนสามารถจำแนกภาษาถิ่นแต่ละภาคได้(P) ๔.๓ นักเรียนกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ (A) ๕. สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ๕.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๕.๒ ความสามารถในการคิด ๕.๓ ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค ๖.๑ ใฝ่เรียนรู้ ๖.๒ มุ่งมั่นในการทำงาน ๖.๓ รักความเป็นไทย ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ๗.๑ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๗.๑.๑ นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามนำเข้าสู่บทเรียน ดังนี้ - คนต่างท้องถิ่นกันจะสื่อสารกันได้อย่างไร ๗.๑.๒ นักเรียนสังเกตคำใต้ภาพที่ครูติดให้ดู ๓ ภาพ ดังนี้ ภาพกิ้งก่า คำว่า กะปอม, ภาพ จระเข้ คำว่า เค้ และภาพช้าง คำว่า จ๊าง และบอกว่า คำใดเป็นภาษาของถิ่นใด (กะปอม ภาษาถิ่นอีสาน, เค้ ภาษาถิ่นใต้, จ๊าง ภาษาถิ่นเหนือ) ๗.๑.๓ นักเรียนทบทวนความรู้ โดยเลือกคำภาษาถิ่นไปเติมให้ตรงกับภาพ แล้วสังเกตคำ จากนั้นร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ๗.๒ ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ ๗.๒.๑ นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง ภาษาถิ่น จากหนังสือเรียนหลักภาษาและการใช้ ภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ หน้า แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ๗.๒.๒ นักเรียนออกมาเขียนคำภาษาถิ่น คนละ ๑ คำ เขียนความหมาย หรือวาด ภาพประกอบคำ และเขียนในวงเล็บว่าเป็นภาษาของถิ่นใด เช่น กาด (ตลาด- ถิ่นเหนือ) / ซ่าง (ช้าง - ถิ่นอีสาน) / ลูกนาว (มะนาว - ถิ่นใต้) / ทวัน (ตะวัน, ดวงอาทิตย์ - ถิ่นใต้) / จ้อง (ร่ม - ถิ่นเหนือ) แล้วร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ๗.๒.๓ ให้นักเรียนสังเกตคำว่า จ๊าง กับ ซ้าง ที่หมายถึง ช้างในภาษาไทยมาตรฐาน และ บอกข้อสังเกตที่นักเรียนพบเกี่ยวกับการใช้ตัวพยัญชนะในภาษาถิ่นเหนือ และถิ่นอีสานเทียบจาก ภาษาไทยมาตรฐานที่มีตัว ช เป็นพยัญชนะต้น เช่น คำว่า เชือก (ภาษาไทยมาตรฐาน) เซือก (ถิ่นอีสาน) เจื้อก (ถิ่นเหนือ) เฉือก (ถิ่นใต้) ชิงช้า (ภาษาไทยมาตรฐาน) ซิ่งซ่า (ถิ่นอีสาน) จุ่งจา (ถิ่นเหนือ) ฉิ่งชา (ถิ่นใต้)
๗.๒.๔ นักเรียนหรืออาสาสมัครออกมาพูด หรือแต่งประโยคที่มีคำภาษาถิ่นเหนือ ถิ่น อีสาน และ ถิ่นใต้ เช่น -สวัสดีเจ้า ข้าเจ้าเป็นสาวจาวเหนือเจ้า (เหนือ) - หมู่เฮากางจ้องกันต๋าวันฮ้อนแต๊ (เหนือ) -ข้าวปุ้นเอามากินกับตำบักหุ่งของแมแซบหลาย (อีสาน) - พ้อไปลาด แม่ปอกยานัด (ใต้) ให้ทุกคนพิจารณาแต่ละประโยคหรือคำพูดที่เพื่อนพูด ครูและนักเรียนร่วมกัน ตรวจสอบความถูกต้องในการใช้ภาษาถิ่นต่าง ๆ ๗.๒.๕ ครูติดภาพผลไม้ หรือเขียนคำภาษาไทยมาตรฐาน จากนั้นให้นักเรียนเลือกคำจาก บัตรคำ ไปติดใต้ภาพผลไม้ ๓ ชนิด ให้ถูกต้อง - (คำจากบัตรคำ ๖ คำ : หนุน บักเขียบ พ้าว บะน้อยแหน้ บะหนุน บักพ้าว) - มะพร้าว ตรงกับคำว่า พ้าว (ถิ่นใต้) บักพ้าว (อีสาน) - ขนุน ตรงกับคำว่า บะหนุน (ถิ่นเหนือ) หนุน (ถิ่นใต้) - น้อยหน่า ตรงกับคำว่า บะน้อยแหน้ (ถิ่นเหนือ) บักเขียบ (ถิ่นอีสาน) ทุกคนร่วมกันพิจารณาความถูกต้องของคำตอบ ครูให้นักเรียนช่วยกันคิด หรือทายว่า คำใดเป็นภาษา ถิ่นใด ๗.๒.๖ ให้นักเรียนสังเกตคำว่า คำในถิ่นอีสานที่เป็นผลไม้ต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะมีคำว่า - บัก นำหน้า เช่น บักหุ่ง (มะละกอ) บักพ้าว (มะพร้าว) บักเขียบ (น้อยหน่า) ส่วนคำเรียกผลไม้ของภาษาถิ่นเหนือ ส่วนมากจะมีคำว่า บะ นำหน้า เช่น - บะหนุน (ขนุน) บะน้อยแหน่ (น้อยหน่า) บะก้วยเตด (มะละกอ) ส่วนคำภาษาถิ่นใต้ บางคำจะออกเสียงสั้นกว่าภาษาไทยมาตรฐาน หรือไม่ออกเสียงพยางค์ หน้า เช่น - พ้าว (มะพร้าว) หนุน (ขนุน) เค้ (จระเข้) ลาด (ตลาด) ๗.๓ ขั้นสรุปบทเรียน ๗.๓.๑ นักเรียนตอบคำถามเพื่อสรุปบทเรียน ดังนี้ - การศึกษาภาษาถิ่น นักเรียนคิดว่า มีผลดีอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของ นักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน)
๗.๓.๒ นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น ดังนี้ภาษาไทยมาตรฐานเป็นภาษากลางในการติดต่อ สื่อสารระหว่างภาษาถิ่นอื่นเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ส่วนภาษาถิ่นเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารกันในชีวิตประจำวันเฉพาะท้องถิ่น ๘. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นและร่วมกิจกรรมอย่างมีอิสระ ครูเป็นผู้แนะนำช่วยกระตุ้นเสริมแรง บวก ให้เกิดความกระตือรือร้น เพลิดเพลิน และมีความสุขในการเรียน ๙. สื่อและแหล่งเรียนรู้ ๙.๑ บัตรคำภาษาถิ่น ๙.๒ บัตรภาพ ๙.๓ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๙.๔ แบบฝึกหัดรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย ชุด ภาษาเพื่อชีวิต ทักษะภาษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เล่ม ๑ ๑๐. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑.ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถบอก ความหมายของภาษาถิ่นได้ นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒. ด้านทักษะ (P) นักเรียนสามารถจำแนก ภาษาถิ่นแต่ละภาคได้ - การทำแบบฝึกหัด - ตรวจแบบฝึกหัดที่ ๙ ข้อที่ ๑ ๓. ด้านจิตพิสัย (A) นักเรียนกระตือรือร้นในการ เข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ การสังเกต แบบสังเกตพฤติกรรม
แบบบันทึกการส่งงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนทุ่งธาตุท่าลี่ดอนกลาง สามัคคี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย คำชี้แจง : ให้ครูประเมินการส่งงานของนักเรียน โดยทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องที่ตรงกับ พฤติกรรมของนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ผ่าน หมายถึง ส่งงานตามเวลาที่กำหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่ส่งงานตามเวลาที่กำหนด ลำดับที่ ชื่อ – สกุล รายการประเมิน ผ่าน ไม่ผ่าน ๑ เด็กชาย ๒ เด็กชาย ๓ เด็กชาย ๔ เด็กชาย ๕ เด็กชาย ๖ เด็กชาย ๗ เด็กชาย ๘ เด็กหญิง ๙ เด็กหญิง ๑๐ เด็กหญิง ๑๑ เด็กหญิง ๑๒ เด็กหญิง ๑๓ เด็กหญิง ๑๔ เด็กหญิง ๑๕ เด็กหญิง ลงชื่อ...............................................ผู้ประเมิน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. .............
แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนทุ่งธาตุท่าลี่ดอนกลาง สามัคคี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องคะแนนตามระดับพฤติกรรม ลำดับที่ ชื่อ – สกุล พฤติกรรม/ประเด็นการให้คะแนน รวม ๒๐ คะแนน สรุปผล การ ประเมิน ความตั้งใจ(๔) ความร่วมมือ(๔) นความมีวินัย(๔) ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เสียสละ (๔) การรับฟังความ คิดเห็น(๔) ผ่าน ไม่ผ่าน หมายเหตุ : นักเรียนที่ได้ 16 คะแนนขึ้นไป ผ่านเกณฑ์การประเมิน ลงชื่อ...............................................ผู้ประเมิน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. .............
เกณฑ์การวัดและประเมินผล : ให้คะแนนระดับคุณภาพของแต่ละพฤติกรรม ดังนี้ คะแนน ระดับคุณภาพ ๔ ดีมาก สนใจฟัง ไม่พูดคุยกันในชั้นเรียน ตอบคำถาม ถูกต้อง มีความตั้งใจ ในการปฏิบัติงาน ทำงานตามที่รับมอบหมายได้ ๓ ดี การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒ ปานกลาง การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ ๕๐ ๑ แสดงพฤติกรรมน้อยมาก ไม่ตั้งใจปฏิบัติงาน พูดคุยและเล่นกันในเวลาเรียน
๑๑. บันทึกผลหลังจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑๑.๑ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๑๑.๒ ปัญหาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๑๑.๓ ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ....................................................ผู้สอน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. ...............
๑๑.๔ ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................... (...................................................) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. ...............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท ๑๑๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย เวลาเรียน ๕ ชั่วโมง เรื่อง คุณค่าของการเรียนรู้ภาษาถิ่น เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวนริศรา บุตรศรี ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๕ วันที่สอน ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๐.๐๐น. ๑. สาระสำคัญ การเรียนรู้ภาษาถิ่นทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกับคนในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้ดีขึ้น การเรียนรู้ภาษาถิ่น เป็นการช่วยอนุรักษ์ภาษา และช่วยให้เกิดความรักสามัคคี ความรู้สึกเป็นพวกพ้องเดียวกัน ๒. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๒.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๒.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ป. ๕/๓ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ประโยชน์ของการเรียนรู้คำภาษาถิ่น ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๔.๑ นักเรียนสามารถบอกประโยชน์ของการเรียนรู้คำภาษาถิ่นได้(K) ๔.๒ นักเรียนสามารถจำแนกคำภาษาถิ่นต่าง ๆได้(P) ๔.๓ นักเรียนเห็นความสำคัญของภาษาถิ่น (A) ๕. สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ๕.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๕.๒ ความสามารถในการคิด ๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค ๖.๑ ใฝ่เรียนรู้
๖.๒ มุ่งมั่นในการทำงาน ๖.๓ รักความเป็นไทย ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ๗.๑ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๗.๑.๑ นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามกระตุ้นความคิด ดังนี้ - การรู้จักคำภาษาถิ่นต่าง ๆ มีประโยชน์อย่างไร ๗.๒ ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ ๗.๒.๑ ให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติตามบทดังนี้รับประทานส้มตำจานนี้แล้วรู้สึกติดใจ มาก เริ่มจากภาษาไทยมาตรฐาน เป็นตัวอย่างเช่น ให้นักเรียนหรืออาสาสมัครออกมาจับฉลากภาษาถิ่น แล้วพูดประโยคข้างต้น ให้ตรงกับภาษาถิ่นที่ ตนเองจับฉลากได้ โดยทุกคนร่วมกันพิจารณาคำพูดว่าถูกต้องตรงตามภาษาถิ่นนั้น ๆ หรือไม่ ครูจะ ช่วยแนะนำเพิ่มเติมความรู้ให้ถูกต้องยิ่งขึ้น เช่น ภาษาถิ่นเหนือ : “ตำส้มจานนี้ลำขะหนาดเจ้า” ภาษาถิ่นอีสาน : “ตำบักหุ่งจานนี้แซบอีหลีเด้อ” ภาษาถิ่นใต้ : “ส้มตำจานนี้หรอยจังฮู้” ๗.๒.๒ ครูแนะนำท่วงทำนอง ลีลาการพูดในถิ่นต่าง ๆ คือ - ภาคเหนือ มักพูดลากเสียงยาว ช้า ๆ ทำเสียงเจ้าให้อ่อนหวานน่าฟัง - ภาคอีสาน มักพูดค่อนข้างเร็วใช้เสียงสูง ๆ - ภาคใต้ มักพูดเร็ว ๆ สั้น ๆ หรือสำเนียงห้วนสั้นกว่าภาคอื่น (เช่น ไปลาด = ไป ตลาด ,หนน = ถนน) ๗.๒.๓ ครูทำตาราง ๔ ช่อง ให้นักเรียนเติมคำภาษาถิ่นต่าง ๆ เท่าที่ทราบ หรือ เคยเรียน มาแล้วในชั้นก่อน ๆ หรือจากชั่วโมงก่อน เช่น ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาถิ่นใต้ ส้มตำ .................. .................. ส้มตำ อร่อย .................. แซ่บ .................. อร่อยมาก .................. .................. .................. มะละกอ .................. .................. .................. สับปะรด บ่าขะนัด บัก.................. .................. ตลาด .................. ตลาด .................. .................. จ้อง จ้อง (ฮ่ม) ..................หรอม แหม! ส้มตำจานนี้อร่อยมาก รสเด็ดจริง ๆ
ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาถิ่นใต้ .................. อู้ เว้า แหลง ยี่สิบ .................. .................. ยี่สิบ ตะวัน (พระอาทิตย์) ต๋าวัน .................. .................. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ช่วยกันแก้ไข และอ่านทบทวน ๗.๒.๔ ให้นักเรียนใช้คำในตาราง หรือที่เขียนในกิจกรรมข้อ ๔ แต่งประโยค หรือบท สนทนาถิ่นต่าง ๆ เช่น (เหนือ) : ป้ออุ๊ย กาง............ (ร่ม) ไป........... (ตลาด) เพราะ............... (ตะวัน) ฮ้อนจัดแต้ ๆ (อีสาน) : ข้อย (ฉัน) เห็น............ (ชาวไร่) เก็บ........... (สับปะรด) และ.............. (มะละกอ) (ใต้) : พ้อ.............. (พูด) ว่าจะเก็บ............. (สับปะรด) และ............(มะละกอ) หลังบ้าน ให้ทุกคนร่วมกันพิจารณาความถูกต้องของคำที่เติมแต่ละคำ ๗.๒.๕ ให้นักเรียนเล่นปริศนาคำทาย เพื่อทบทวนคำภาษาถิ่นต่าง ๆ เช่น ๑) กะ..............อะไร คนอีสานเรียกขานกิ้งก่าของภาษาไทยมาตรฐาน (กะปอม) ๒) ก๋าง...........อะไรเจ้า หมายถึงทุ่งนาของจาวเหนือ (ก๋างต้ง) ๓) ยา..............อะไร ไม่ใช่ยาของหมอ คนใต้นี้หนอใช้เรียกสับปะรด (ยานัด) ๔) แม่.............อะไร ไม่ใช่แม่จริง หมายถึงผู้หญิงสูงอายุ เช่น ย่า ยาย ทวดใน ภาษาเหนือ (แม่อุ๊ย) ๗.๒.๖ ให้นักเรียนดูแผนภูมิตารางคำภาษาถิ่นต่าง ๆ เทียบกับภาษาไทยมาตรฐาน แล้วสังเกตคำต่าง ๆ ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาถิ่นใต้ น้ำพริก น้ำพริก แจ่ว น้ำชุบ ทัพพี ป้าก สารพี หวัก อ้วน ตุ้ย อ้วน พี พูด อู้ เว้า แหลง แก้วน้ำ ก๊อก จอก จอก กางเกง เต่ว โส้ง กางเก๋ง เข็มขัด สายฮั้ง เข็มขัด สายเอว จริง แต๊ อีหลี จริง ดู ผ่อ เบิ่ง แล ชอบ มัก มัก ชอบ
จากนั้นครูใช้คำถาม ดังนี้ ๑) มีคำภาษาถิ่นใดบ้างที่ใช้คำเหมือนกัน (คำว่า แก้วน้ำ ภาษาถิ่นอีสานกับถิ่นใต้ เรียก เหมือนกันว่า จอก) - คำภาษาไทยมาตรฐานที่เหมือนกับถิ่นอีสานมีคำว่า อ้วน กับ เข็มขัด - คำภาษาไทยมาตรฐาน ๒ คำ คือ จริง ชอบ เหมือนภาษาถิ่นใต้ - คำภาษาถิ่นเหนือกับภาษาถิ่นอีสาน ใช้คำว่า มัก (หมายถึงชอบ) เหมือนกัน ๒) คำใดบ้างที่คนมักพูดเป็นกลุ่มคำ (คำว่า อ้วน ในภาษาไทยมาตรฐานและอีสานนั้น อาจพูดรวมกันว่า “อ้วนตุ้ยนุ้ย” “อ้วนพี” ซึ่งคำว่า ตุ้ย และ พี มีความหมายว่า อ้วน ในภาษาถิ่น เหนือ และถิ่นใต้ตามลำดับ) ๗.๒.๗ ให้นักเรียนทำกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ โดยเลือกภาษาถิ่นทางซ้ายมือ ไปเขียน ในช่องว่างทางขวามือที่มีความหมายตรงกัน แล้วร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง ๗.๓ ขั้นสรุปบทเรียน ๗.๓.๑ นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้ - การเรียนรู้ภาษาถิ่นทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกับคนในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้ดีขึ้น การเรียนรู้ภาษาถิ่นเป็นการช่วยอนุรักษ์ภาษา และช่วยให้เกิดความรักสามัคคี ความรู้สึกเป็นพวกพ้อง เดียวกัน ๗.๓.๒ ครูมอบหมายให้นักเรียนค้นหาคำภาษาถิ่นจากหนังสือ บทเพลง บทร้อยกรอง สื่อ ต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์สื่อสังคมออนไลน์จดบันทึกลงในสมุดประจำวิชา แล้วนำมาสนทนาเกี่ยวกับการ ใช้คำกับเพื่อน ๆ และครูต่อไป ๘. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นและร่วมกิจกรรมอย่างอิสระ ครูเป็นผู้แนะนำ รวมทั้งส่งเสริม ให้เกิดความมั่นใจ เกิดความกระตือรือร้น เรียนรู้อย่างสนุกเพลิดเพลิน ๙. สื่อและแหล่งเรียนรู้ ๘.๑ แถบประโยค ๘.๒ ฉลาก ๘.๓ แผนภูมิตารางคำเทียบคำภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่นต่าง ๆ ๘.๔ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๑๐. ภาระ/ชิ้นงาน ๑๐.๑ ให้นักเรียนค้นหาคำภาษาถิ่นจากหนังสือ บทเพลง บทร้อยกรอง สื่อต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์สื่อสังคมออนไลน์แล้วจดบันทึกลงในสมุด
๑๑. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑.ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถบอก ประโยชน์ของการเรียนรู้คำ ภาษาถิ่นได้ การตอบคำถาม คำถาม นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒. ด้านทักษะ (P) นักเรียนสามารถจำแนกคำ ภาษาถิ่นต่าง ๆได้ สังเกตพฤติกรรมของ นักเรียนในการเข้า ร่วมกิจกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ๓. ด้านจิตพิสัย (A) นักเรียนเห็นความสำคัญ ของภาษาถิ่น
แบบบันทึกการส่งงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนทุ่งธาตุท่าลี่ดอนกลาง สามัคคี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย คำชี้แจง : ให้ครูประเมินการส่งงานของนักเรียน โดยทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องที่ตรงกับ พฤติกรรมของนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ผ่าน หมายถึง ส่งงานตามเวลาที่กำหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่ส่งงานตามเวลาที่กำหนด ลำดับที่ ชื่อ – สกุล รายการประเมิน ผ่าน ไม่ผ่าน ๑ เด็กชาย ๒ เด็กชาย ๓ เด็กชาย ๔ เด็กชาย ๕ เด็กชาย ๖ เด็กชาย ๗ เด็กชาย ๘ เด็กหญิง ๙ เด็กหญิง ๑๐ เด็กหญิง ๑๑ เด็กหญิง ๑๒ เด็กหญิง ๑๓ เด็กหญิง ๑๔ เด็กหญิง ๑๕ เด็กหญิง ลงชื่อ...............................................ผู้ประเมิน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. .............
แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนทุ่งธาตุท่าลี่ดอนกลาง สามัคคี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องคะแนนตามระดับพฤติกรรม ลำดับที่ ชื่อ – สกุล พฤติกรรม/ประเด็นการให้คะแนน รวม ๒๐ คะแนน สรุปผล การ ประเมิน ความตั้งใจ(๔) ความร่วมมือ(๔) นความมีวินัย(๔) ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เสียสละ (๔) การรับฟังความ คิดเห็น(๔) ผ่าน ไม่ผ่าน หมายเหตุ : นักเรียนที่ได้ 16 คะแนนขึ้นไป ผ่านเกณฑ์การประเมิน ลงชื่อ...............................................ผู้ประเมิน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. .............
เกณฑ์การวัดและประเมินผล : ให้คะแนนระดับคุณภาพของแต่ละพฤติกรรม ดังนี้ คะแนน ระดับคุณภาพ ๔ ดีมาก สนใจฟัง ไม่พูดคุยกันในชั้นเรียน ตอบคำถาม ถูกต้อง มีความตั้งใจ ในการปฏิบัติงาน ทำงานตามที่รับมอบหมายได้ ๓ ดี การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒ ปานกลาง การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ ๕๐ ๑ แสดงพฤติกรรมน้อยมาก ไม่ตั้งใจปฏิบัติงาน พูดคุยและเล่นกันในเวลาเรียน
๑๒. บันทึกผลหลังจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑๒.๑ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๑๒.๒ ปัญหาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๑๒.๓ ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ....................................................ผู้สอน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. ...............
๑๒.๔ ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................... (...................................................) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. ...............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท ๑๑๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย เวลาเรียน ๕ ชั่วโมง เรื่อง เรียนสนุกทุกภาษาถิ่น เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวนริศรา บุตรศรี ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๕ วันที่สอน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๒.๐๐น. ๑. สาระสำคัญ การศึกษาภาษาถิ่นภาคต่างๆ จะต้องทำความเข้าใจความหมายของคำที่เป็นภาษาถิ่น เพราะ ภาษาถิ่นแต่ละภาคมีลักษณะเฉพาะถิ่น โดยการเปรียบเทียบคำในภาษาไทยมาตรฐานกับคำ ในภาษาถิ่น ๒. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๒.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๒.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ป. ๕/๓ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ลักษณะของคำภาษาถิ่น ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๔.๑ นักเรียนสามารถบอกความหมายของคำภาษาถิ่นได้(K) ๔.๒ นักเรียนสามารถจำแนกคำภาษาถิ่นได้(P) ๔.๓ นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ (A) ๕. สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ๕.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๕.๒ ความสามารถในการคิด
๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค ๖.๑ ใฝ่เรียนรู้ ๖.๒ มุ่งมั่นในการทำงาน ๖.๓ รักความเป็นไทย ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ๗.๑ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๗.๑.๑ นักเรียนร่วมกันทบทวนความรู้เกี่ยวกับความแตกต่างของคำในภาษาไทยมาตรฐาน กับคำในภาษาถิ่น ๗.๑.๒ ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาว่า นักเรียนคนใดมีถิ่นฐานเดิมอยู่ในจังหวัดใด ภาคใดบ้าง หรือมีญาติพี่น้อง คนใกล้ชิดอยู่ในถิ่นใด ภาคใด มีคำพูดใดบ้างที่นักเรียนเคยได้ยินในภาษา ถิ่นต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ให้นักเรียนยกตัวอย่างถ้อยคำนั้น ๆ ให้เพื่อนฟัง ๗.๑.๒ นักเรียนตอบคำถามนำเข้าสู่บทเรียน ดังนี้ - ประเทศไทยมีภาษาถิ่นที่ใช้ในการสื่อสาร นักเรียนคิดว่า เป็นผลดีหรือผลเสียต่อ สังคมไทยอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) ๗.๒ ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ ๗.๒.๑ นักเรียนสังเกตบัตรคำที่ครูติดบนกระดาน ดังนี้
ครูใช้คำถาม ดังนี้ ๑) มีคำใดบ้างเป็นภาษาถิ่นเหนือ สังเกตจากอะไร (บะหนุน บะผาง เพราะภาษา ถิ่นเหนือมักเรียกชื่อผลไม้โดยมีคำว่า บะ นำหน้า) ๒) คำใดบ้างเป็นภาษาอีสาน สังเกตจากอะไร (บักสีดา บักปราง บักมี่ เพราะมีคำ ว่า บัก นำหน้าชื่อ ครูให้ความรู้เพิ่มเติมถึงความหมายของแต่ละคำ บักสีดา คือ ฝรั่ง บักปราง คือ มะปราง บักมี่ คือ ขนุน) ๓) คำที่เหลือจะเป็นคำในภาษาถิ่นใต้ นักเรียนคิดว่าคำใดไม่ใช่ชื่อผลไม้ (คำว่า หนน ที่หมายถึงถนน ซึ่งคนใต้จะเรียกสั้น ๆ ว่า หนุน เรียกจระเข้ ว่า เค้ ส่วนคำว่า หนุน คือ ขนุน ลูก ปราง หมายถึง มะปราง และหน่อยนา คือ น้อยหน่า) * หมายเหตุ ครูใช้ภาพผลไม้ต่าง ๆ เช่น ฝรั่ง มะปราง ประกอบความหมายของ คำภาษาถิ่น ๗.๒.๒ ครูให้ความรู้เพิ่มเติมในความหมายของคำในภาคเหนือ เช่น บะหนุน (ขนุน) บะ ผาง (มะปราง) และการเรียกชื่อบางครั้งจะทอดเสียงยาวจากบะเป็นบ่า เช่น บ่าข่านัด ๗.๒.๓ ให้นักเรียนช่วยกันนึกถึงเพลง บทร้อยกรองที่มีคำภาษาถิ่นต่าง ๆ ครูแนะนำเพลง เก่าเพลงหนึ่งที่ขึ้นต้นว่า “ไป ไปเต๊อะไปแอ่ว ไปเต๊อะไปแอ่ว จังวัดเจียงฮาย...........” จากนั้นครูใช้ คำถาม ดังนี้ ๑) เพลงนี้ควรเป็นเพลงของถิ่นใด (ถิ่นเหนือ สังเกตจากชื่อ “จังวัดเจียงฮาย คือ จังหวัดเชียงราย” อยู่ภาคเหนือ) ๒) คำว่าไปแอ่ว ควรมีความหมายว่าอย่างไร (ไปเที่ยว เป็นการร้องเชิญชวนคนใน ภาคอื่น ๆ ให้ไปเที่ยวที่จังหวัดนี้) ๗.๒.๔ ให้นักเรียนสังเกตจากบัตรคำที่ครูติดบนกระดาน ดังนี้ ครูใช้คำถาม ดังนี้ ๑) คำเหล่านี้นักเรียนคิดว่าเป็นคำในภาษาถิ่นใด (ถิ่นเหนือ ออกเสียงโดยใช้วิธีเปลี่ยนตัว ร เป็น ฮ)
๒) คำเหล่านี้มีความหมายว่าอย่างไร (หมู่เฮา คือ พวกเรา ฮักกัน คือ รักกัน ฮอย คือ รอย เฮ็ดเฮือน คือ สร้างบ้าน) ๓) คำเหล่านี้นักเรียนทราบไหมว่า ส่วนใหญ่ใช้ในภาษาของถิ่นใดได้ด้วย (ถิ่น อีสาน เพราะออกเสียง ฮ เป็น ร เหมือนกัน เช่น นักเฮียน) ๗.๒.๕ ให้นักเรียนสังเกตบัตรคำในภาษาถิ่นใต้บ้าง เช่น ลองทายดูว่าคำใดต่างจากพวก หรือไม่ได้มีความหมายเป็นพืชผลไม้ (ลูกบ่าว ที่หมายถึง ลูกชาย ลูก ปราง คือ มะปราง ลูกนาว คือ มะนาว พ้าว คือ มะพร้าว) ๗.๒.๖ ให้นักเรียนเขียนคำภาษาถิ่นต่าง ๆ ที่เรียนแล้วและรู้จักในวันนี้ในกระดาษที่ ครูแจกให้ คนละ ๑๐ - ๑๕ คำ ให้อาสาสมัคร ๓ - ๔ คน ออกมานำเสนอผลงานทีละคน โดยการอ่าน และบอกความหมายของคำ ๓ - ๕ คำ หรือให้เพื่อนทายว่าหมายถึงอะไร ทุกคนร่วมกันพิจารณา ความถูกต้องแล้วรวบรวมผลงานส่งให้ครูตรวจสอบอีกครั้ง ๗.๒.๗ ครูให้ความรู้เพิ่มเติมบางคำ เช่น คำแทนตัวเองของภาษาถิ่นเหนือ (ข้าเจ้า) และ ของภาษาถิ่นอีสาน (ข้อย) และบอกคำที่ควรทราบ เช่น เคย ของภาษาถิ่นใต้ หมายถึง กะปิ ของกิ๋น ที่ เป็นอาหารของถิ่นเหนือ ๗.๒.๘ นักเรียนสังเกตข้อความบนกระดาน ช่วยกันทายความหมาย เช่น ๑) “ข้อยบ่ฮู้ว่าเขาเฮ็ดอิหยัง ข้อยเว้าซื่อ ๆ บ่ได้ขี่ตั๋ว” (ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอะไร ฉันพูด จริง ๆ ไม่ได้โกหก) ๒) “ฉันได้ยินแม่แหลงว่า ลูกบ่าวอย่าขี้คร้านนักเดี๋ยวสอบตก” (ฉันได้ยินแม่พูดว่า ลูกชายอย่าเกียจคร้านประเดี๋ยวจะสอบตก) ๓) “ข้าเจ้าจะพาหมู่เฮาไปแอ่วน้ำตกงาม ๆ ที่ดอยนั่นนะเจ้า” (ดิฉันจะพาพวกเรา ไปเที่ยวน้ำตกที่สวยงามที่ดอยนั่นนะคะ)
๗.๓ ขั้นสรุปบทเรียน ๗.๓.๑ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปการใช้คำของภาษาถิ่นต่าง ๆ ดังนี้ ภาษาถิ่นเหนือและถิ่นอีสาน มักจะออกเสียงคำที่มี ร เป็นพยัญชนะต้น เช่น รู้ รัก เรียน เป็นตัว ฮ คือ ฮู้ ฮัก เฮียน เหมือนกัน แต่คนเหนือมักพูดลากเสียงยาว พูดช้า สำเนียงอ่อนหวาน กว่าภาคอื่น ๆ คนภาคอีสานมักพูดค่อนข้างเร็ว หนักแน่น มักใช้เสียงสูง ๆ คนในถิ่นใต้มักพูดสั้น ๆ ออกเสียงห้วน ๆ พูดเร็ว บางคำจะตัดพยางค์หน้าออก เช่น เค้ (จระเข้) หนน (ถนน) หนุน (ขนุน) ตอ (สะตอ) เดา (สะเดา) ๗.๓.๒ นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้ - ภาษาถิ่นแต่ละภาษามีลักษณะเฉพาะถิ่น ๘. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นและร่วมกิจกรรมอย่างอิสระ ครูเป็นผู้แนะนำ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิด กำลังใจ ความมั่นใจ มีความสุข และเพลิดเพลินในกิจกรรมทุกส่วน ๙. สื่อและแหล่งเรียนรู้ ๘.๑ บัตรคำภาษาถิ่นต่าง ๆ ๘.๒ แถบประโยค ๘.๓ ภาพผลไม้ต่าง ๆ เช่น ขนุน มะปราง ฝรั่ง ๘.๔ กระดาษเขียนคำภาษาถิ่น ๘.๕ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
๑๐. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑.ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถบอก ความหมายของคำภาษาถิ่น ได้ นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒. ด้านทักษะ (P) นักเรียนสามารถจำแนกคำ ภาษาถิ่นได้ ๓. ด้านจิตพิสัย (A) นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเข้าร่วม กิจกรรมการเรียนรู้
แบบบันทึกการส่งงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนทุ่งธาตุท่าลี่ดอนกลาง สามัคคี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย คำชี้แจง : ให้ครูประเมินการส่งงานของนักเรียน โดยทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องที่ตรงกับ พฤติกรรมของนักเรียน เกณฑ์การประเมิน ผ่าน หมายถึง ส่งงานตามเวลาที่กำหนด ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่ส่งงานตามเวลาที่กำหนด ลำดับที่ ชื่อ – สกุล รายการประเมิน ผ่าน ไม่ผ่าน ๑ เด็กชาย ๒ เด็กชาย ๓ เด็กชาย ๔ เด็กชาย ๕ เด็กชาย ๖ เด็กชาย ๗ เด็กชาย ๘ เด็กหญิง ๙ เด็กหญิง ๑๐ เด็กหญิง ๑๑ เด็กหญิง ๑๒ เด็กหญิง ๑๓ เด็กหญิง ๑๔ เด็กหญิง ๑๕ เด็กหญิง ลงชื่อ...............................................ผู้ประเมิน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. .............
แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนทุ่งธาตุท่าลี่ดอนกลาง สามัคคี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย คำชี้แจง : ให้ครูผู้สอนทำเครื่องหมาย √ ลงในช่องคะแนนตามระดับพฤติกรรม ลำดับที่ ชื่อ – สกุล พฤติกรรม/ประเด็นการให้คะแนน รวม ๒๐ คะแนน สรุปผล การ ประเมิน ความตั้งใจ(๔) ความร่วมมือ(๔) นความมีวินัย(๔) ความมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ เสียสละ (๔) การรับฟังความ คิดเห็น(๔) ผ่าน ไม่ผ่าน หมายเหตุ : นักเรียนที่ได้ 16 คะแนนขึ้นไป ผ่านเกณฑ์การประเมิน ลงชื่อ...............................................ผู้ประเมิน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. .............
เกณฑ์การวัดและประเมินผล : ให้คะแนนระดับคุณภาพของแต่ละพฤติกรรม ดังนี้ คะแนน ระดับคุณภาพ ๔ ดีมาก สนใจฟัง ไม่พูดคุยกันในชั้นเรียน ตอบคำถาม ถูกต้อง มีความตั้งใจ ในการปฏิบัติงาน ทำงานตามที่รับมอบหมายได้ ๓ ดี การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ๒ ปานกลาง การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ร้อยละ ๕๐ ๑ แสดงพฤติกรรมน้อยมาก ไม่ตั้งใจปฏิบัติงาน พูดคุยและเล่นกันในเวลาเรียน
๑๒. บันทึกผลหลังจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ๑๒.๑ ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๑๒.๒ ปัญหาและอุปสรรค ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ๑๒.๓ ข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ....................................................ผู้สอน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. ...............
๑๒.๔ ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ลงชื่อ................................................... (...................................................) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. ...............
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๘๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน รหัสวิชา ท ๑๑๑๐๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย เวลาเรียน ๕ ชั่วโมง เรื่อง ใช้ภาษาถิ่นอย่างเข้าใจให้ถูกต้อง เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวนริศรา บุตรศรี ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๕ วันที่สอน ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๑.๐๐น. ๑. สาระสำคัญ การศึกษาภาษาถิ่นภาคต่างๆ จะต้องทำความเข้าใจความหมายของคำที่เป็นภาษาถิ่น เพราะ ภาษาถิ่นแต่ละภาคมีลักษณะเฉพาะถิ่น เป็นสิ่งที่มีคุณค่าควรอนุรักษ์ไว้ ๒. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ๒.๑ มาตรฐานการเรียนรู้ ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง ของภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ๒.๒ ตัวชี้วัด ท ๔.๑ ป. ๕/๓ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ คำในภาษาไทยมาตรฐาน ๓.๒ คำภาษาถิ่นต่าง ๆ ๔. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๔.๑ นักเรียนสามารถบอกคำภาษาถิ่นต่าง ๆ เปรียบเทียบกับภาษาไทยมาตรฐานได้(K) ๔.๒ นักเรียนสามารถใช้คำภาษาถิ่นได้ถูกต้องเหมาะสม (P) ๔.๓ นักเรียนเห็นคุณค่าของการใช้ภาษาถิ่น (A) ๕. สมรรถนะสําคัญของผูเรียน ๕.๑ ความสามารถในการสื่อสาร ๕.๒ ความสามารถในการคิด
๖. คุณลักษณะอันพึงประสงค ๖.๑ ใฝ่เรียนรู้ ๖.๒ มุ่งมั่นในการทำงาน ๖.๓ รักความเป็นไทย ๗. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ๗.๑ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ๗.๑.๑ นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูใช้คำถามนำเข้าสู่บทเรียน ดังนี้ - ประเทศไทยมีภาษาถิ่นที่ใช้ในการสื่อสาร นักเรียนคิดว่า เป็นผลดีหรือผลเสียต่อ สังคมไทยอย่างไร (พิจารณาตามคำตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดุลยพินิจของครูผู้สอน) ๗.๑.๒ นักเรียนเล่นปริศนาคำทาย เพื่อทบทวนคำภาษาถิ่นต่าง ๆ เช่น - คำว่า เสื่อ ปูรองนั่ง ช่วยบอกให้ฟังว่า เรียกอย่างไรในภาษาถิ่นต่าง ๆ (เรียกว่า สาด ในภาษาถิ่นทุกภาษา) - บัก.........อะไรใช้เรียกน้อยหน่าในภาษาอีสาน (บักเขียบ) - บะตัน บะตื๋น คนจาวเหนือใช้เรียกผลไม้ชนิดใด (บะตัน คือ พุทรา บะตื๋น คือ กระท้อน) - คำใดบ้างในภาษาถิ่นใต้ออกเสียงคล้ายหรือเหมือนภาษาไทยมาตรฐานแต่ออก เสียงสั้น ๆ (มีหลายคำ เช่น พ้าว (มะพร้าว) นกแอ่น (นกนางแอ่น) แจ (กุญแจ) ไคร (ตะไคร้) หรอย ร้อย (อร่อย) ปราง (มะปราง)) ๗.๒ ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ ๗.๒.๑ ให้นักเรียนร่วมกันสนทนาถึงบุคคลสำคัญของประเทศ ที่มีภูมิลำเนาในถิ่นหรือภาค ต่าง ๆ ผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นต่าง ๆ เมื่ออยู่ในภูมิลำเนาเดิม หรือพบคนในท้องถิ่นเดียวกัน ก็จะใช้ภาษาถิ่น พูดคุยกัน มีความรู้สึกเป็นพวกพ้องเดียวกันและเป็นคนไทยด้วยกัน ๗.๒.๒ ให้นักเรียนร่วมกันสนทนาถึงละครโทรทัศน์ที่มีตัวละครใช้ภาษาถิ่น ถ้าเราเรียนรู้ ภาษาถิ่นได้มากเท่าใด เราก็จะสามารถติดต่อสื่อสารกับคนในท้องถิ่นนั้น หรือฟังคนท้องถิ่นพูดกันได้รู้ เรื่องมากขึ้น ๗.๒.๓ ครูแจกใบความรู้ เรื่อง ภาษาถิ่นใช้รู้ใช้ให้ถูกต้อง ให้นักเรียนสังเกตข้อความจาก แถบประโยคบนกระดาน แล้วช่วยกันบอกความหมายทีละข้อความ เช่น - “ที่บ้านลุงมีต้นไม้หลายอย่าง มี ลอกอ ต้นเฮาะ ต้นขาม ต้นพ้าว อ้อ! ลุงปลูก ต้นบองแพด ต้นหน้าฮัวด้วยออกดอกสวยงาม นั่น! ลุงกลับจากลาดแล้ว” (ที่บ้านลุงมีต้นไม้หลายอย่าง มีต้นมะละกอ ต้นเงาะ ต้นมะขาม อ้อ! ลุงปลูกต้นตะบองเพชร ต้นหน้าวัวด้วยออกดอกสวยงาม นั่น! ลุงกลับจากตลาดแล้ว)
- ป้อข้าเจ้ายะแก๋งฮังเลกับน่ำพิกบะเขือส้มได้ลำแต้ ๆ เจ้า (พ่อของฉันทำแกง ฮังเลกับน้ำพริกอ่องได้อร่อยจริง ๆ ค่ะ) - ซ้างย่างมาเป็นโขง บักหล้าของแมบ่ย่าน สิไปเบิ่งซ้างไก้ ๆ (ช้างเดินมาเป็น โขลง ลูกชายคนเล็กของแม่ไม่กลัว จะไปดูช้างใกล้ ๆ) ๗.๒.๔ ให้นักเรียนอาสาสมัครออกมาเลือกข้อความจากข้อ ๕ คนละ ๑ ข้อความ พูดให้มี สำเนียงใกล้เคียงที่คนท้องถิ่นพูดให้มากที่สุด โดยทำท่าประกอบ ให้เข้ากับข้อความที่พูด เพื่อน ๆ ร่วมกันประเมินผลการพูด ๗.๒.๕ ให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับสถานที่ ที่น่าสนใจในจังหวัดหนองคาย อาหาร ที่ขึ้นชื่อ หรือ สินค้า OTOPโดยเขียนคำแนะนำเชิญชวนให้มาเที่ยวด้วยภาษาถิ่นและภาษาไทย มาตรฐานลงในใบงานที่ ๘.๑ เรื่อง “มาเที่ยวจังหวัดหนูกันเถอะ” จากนั้นออกมานำเสนอผลงานหน้า ชั้นเรียนทีละคน ให้ทุกคนร่วมกันพิจารณาประเมินผลการนำเสนอ (ครูตรวจสอบและประเมินการ นำเสนอของนักเรียนตามสภาพจริง) ๗.๓ ขั้นสรุปบทเรียน ๗.๓.๑ ให้นักเรียนร่วมกันเปรียบเทียบลักษณะเด่นของภาษาถิ่นทั้ง ๓ ภาคได้ ดังนี้ - ภาษาถิ่นเหนือ : เสียงของคำจะลากยาว ช้า ๆ อ่อนหวาน ฟังไพเราะ - ภาษาถิ่นอีสาน : ออกเสียงค่อนข้างเร็ว หนักแน่น คำส่วนใหญ่จะมีเสียงสูง - ภาษาถิ่นใต้ : ใช้คำสั้น ๆ ออกเสียงห้วนและเร็ว ๗.๓.๒ นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดังนี้ - ภาษาถิ่นเป็นภาษาที่คนไทยในถิ่นต่าง ๆ ใช้สื่อสารกัน เป็นสิ่งที่มีคุณค่าควร อนุรักษ์ไว้ ๗.๓.๓ ครูมอบหมายให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด หน้า ๒๔ – ๒๕ ข้อ ๒ เป็นการบ้าน ๘. การจัดบรรยากาศเชิงบวก ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นและร่วมกิจกรรมอย่างอิสระ ครูเป็นผู้แนะนำรวมทั้งให้กำลังใจ ให้เกิดความกระตือรือร้น มีความมั่นใจ ร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ อย่างมีความสุขเพลิดเพลิน ๙. กิจกรรมเสนอแนะ ให้นักเรียนฝึกแต่งบทสนทนาในภาษาถิ่นต่าง ๆ ให้ครบทุกภาษาแล้วแสดงบทบาทสมมุติพูดหรือ แสดงบ่อยครั้งให้เกิดความคล่องแคล่ว เพื่อเข้าใจจดจำคำภาษาถิ่นต่าง ๆ ได้มากขึ้น ๑๐. สื่อและแหล่งเรียนรู้ ๑๐.๑ ปริศนาคำทาย ๑๐.๒ แถบประโยค ๑๐.๓ ใบความรู้เรื่อง ภาษาถิ่นใช้รู้ใช้ให้ถูกต้อง
๑๐.๔ ใบงานที่ ๘.๑ มาเที่ยวจังหวัดหนูกันเถอะ ๑๐.๕ หนังสือเรียนรายวิชาภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๑๐.๖ แบบฝึกหัด ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ๑๑. ภาระ/ชิ้นงาน ๑๑.๑ ใบงานที่ ๘.๑ มาเที่ยวจังหวัดหนูกันเถอะ ๑๑.๒ แบบฝึกหัด หน้า ๒๔ – ๒๕ ข้อ ๒ ๑๒. การวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือการวัด เกณฑ์การประเมิน ๑.ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถบอกคำ ภาษาถิ่นต่าง ๆ เปรียบเทียบ กับภาษาไทยมาตรฐานได้ - ตรวจชิ้นงานการ นำเสนอสิ่งที่น่าสนใจ ประจำจังหวัด - การทำแบบฝึกหัด - แบบประเมินการ นำเสนองาน -ตรวจแบบฝึกหัดหน้า ๒๔ – ๒๕ ข้อ ๒ นักเรียนผ่านเกณฑ์ การประเมินร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ๒. ด้านทักษะ (P) นักเรียนสามารถใช้คำภาษา ถิ่นได้ถูกต้องเหมาะสม ๓. ด้านจิตพิสัย (A) นักเรียนเห็นคุณค่าของการใช้ ภาษาถิ่น
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนทุ่งธาตุท่าลี่ดอนกลาง สามัคคี หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ ภาษาถิ่น...บอกความเป็นไทย คำชี้แจง : ให้ผู้สอน ประเมินการนำเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วลงคะแนน ตามเกณฑ์การให้คะแนน ลำดับที่ ชื่อ – สกุล พฤติกรรม/ประเด็นการให้คะแนน รวม ๑๕ คะแนน สรุปผล การ ประเมิน ความถูกต้อง ของเนื้อหา(๓) ความคิดสร้างสรรค์(๓)วิธีการนำเสนอ ผลงาน(๓) (๓)การนำไปใช้ ประโยชน์(๓) การตรงต่อเวลา(๓) ผ่าน ไม่ผ่าน หมายเหตุ : นักเรียนที่ได้ ๑๒ คะแนนขึ้นไป ผ่านเกณฑ์การประเมิน ลงชื่อ...............................................ผู้ประเมิน (นางสาวนริศรา บุตรศรี) วันที่..........เดือน......................พ.ศ. .............
เกณฑ์การการให้คะแนน พฤติกรรม คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบูรณ์ชัดเจน ๓ ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ๒ ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ๑ เกณฑ์การการตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๒ – ๑๕ ดี ๑๑ – ๘ พอใช้ ต่ำกว่า ๘ ปรับปรุง