คูมือการใชเครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรูและสมรรถนะของผูเรียน จํานวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ปีที่พิมพ์ พ.ศ. 2565 จ�ำนวนพิมพ์ 500 เล่ม จัดท�ำโดย ส�ำนักทดสอบทางการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์ที่ ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด โรงพิมพ์อักษรไทย (น.ส.พ.ฟ้าเมืองไทย) 85-91 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร 10700 โทร. 0-2424-4557 โทรสาร 0-2433-2858
ค�ำน�ำ คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 จัดท�ำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเครื่องมือวัดและประเมิน สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน และเพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางส�ำหรับการวัดและประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งได้ก�ำหนดสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน 5 สมรรถนะ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถ ในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี และแนวปฏิบัติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่ก�ำหนดวิธีการประเมินไว้ 12 รูปแบบ ได้แก่ การสังเกตพฤติกรรม การสอบปากเปล่า การพูดคุย การใช้ค�ำถาม การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ การประเมินการปฏิบัติ การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน การวัดและประเมิน ด้วยแบบทดสอบ การประเมินด้านความรู้สึกนึกคิด การประเมินตามสภาพจริง การประเมินตนเองของผู้เรียน และการประเมินโดยเพื่อน ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยส�ำนักทดสอบทางการศึกษาได้น�ำกรอบนิยาม สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนทั้ง 5 สมรรถนะ มาด�ำเนินการพัฒนาเป็นเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 โดยใช้วิธีการประเมิน 12 รูปแบบ และจัดท�ำเป็นคู่มือการใช้ เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อให้ผู้ใช้เครื่องมือสามารถศึกษารายละเอียดของ เครื่องมือประเมินแต่ละรูปแบบ และเลือกเครื่องมือประเมินไปใช้ประเมินผู้เรียนได้ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม คู่มือนี้ได้แสดงกรอบโครงสร้างและเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนทั้ง 5 สมรรถนะ ตามวิธีการประเมิน 12 รูปแบบ ซึ่งในเครื่องมือประเมินแต่ละรูปแบบจะมีการอธิบายเกี่ยวกับลักษณะ เครื่องมือประเมิน แบบประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การประเมิน วิธีการใช้เครื่องมือประเมิน เพื่ออ�ำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เครื่องมือสามารถใช้เครื่องมือได้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ส�ำนักทดสอบทางการศึกษา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผล เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 เล่มนี้ จะอ�ำนวยความสะดวกให้ครูผู้สอน สร้างความเข้าใจ
และสามารถใช้เครื่องมือประเมินนี้ในการกระตุ้นและพัฒนาผู้เรียน และตัดสินผลการประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน ได้ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สุดท้ายนี้ ส�ำนักทดสอบทางการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ขอขอบคุณคณะท�ำงานทุกท่าน ที่ได้พัฒนาเครื่องมือและคู่มือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนจนส�ำเร็จ ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ ส�ำนักทดสอบทางการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สารบัญ ตอนที่ 1 บทน�ำ 1 1.1 หลักการและเหตุผล 1 1.2 วัตถุประสงค์ 2 1.3 แนวคิดการสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 2 1.4 แนวทางการใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 6 1.5 บทบาทในการน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนไปใช้ 7 ตอนที่ 2 กรอบโครงสร้างและเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 9 2.1 กรอบโครงสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 9 2.2 เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ตามวิธีการประเมิน 12 รูปแบบ 10 2.2.1 การสังเกตพฤติกรรม 11 2.2.2 การสอบปากเปล่า 16 2.2.3 การพูดคุย 26 2.2.4 การใช้ค�ำถาม 33 2.2.5 การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ 39 2.2.6 การประเมินการปฏิบัติ 43 2.2.7 การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน 48 2.2.8 การวัดและประเมินด้วยแบบทดสอบ 56 2.2.9 การประเมินด้านความรู้สึกนึกคิด 69 2.2.10 การประเมินตามสภาพจริง 73 2.2.11 การประเมินตนเองของผู้เรียน 78 2.2.12 การประเมินโดยเพื่อน 83 บรรณานุกรม 89 คณะผู้จัดท�ำ 91 หน้า
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 1.1 หลักการและเหตุผล หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้เป็นมนุษย์ ที่มีความสมดุลทั้งทางด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตส�ำนึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลกที่ดี ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ก�ำหนดขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ ซึ่งจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในข้อ 2 ที่มุ่งให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า “มีความรู้ อันเป็นสากลและมีความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวิต” ดังนั้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับนี้ ได้ก�ำหนดสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนที่หลักสูตร ต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนในลักษณะความสามารถไว้ 5 ประการ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถ ในการใช้เทคโนโลยี และได้มีแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่ก�ำหนดวิธีการประเมินไว้ 12 รูปแบบ ได้แก่ การสังเกตพฤติกรรม การสอบปากเปล่า การพูดคุย การใช้ค�ำถาม การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ การประเมินการปฏิบัติ การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน การวัดและประเมินด้วยแบบทดสอบ การประเมิน ด้านความรู้สึกนึกคิด การประเมินตามสภาพจริง การประเมินตนเองของผู้เรียน และการประเมินโดยเพื่อน สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนทั้ง 5 ประการ และวิธีการประเมิน 12 รูปแบบ ดังกล่าว เป็นส่วนที่จะสะท้อน ให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาภายในตนเอง เพื่อให้รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในตนเอง เรียนรู้และเติบโต ภาคภูมิใจในความเป็นไทย ใช้ชีวิตอย่างเห็นคุณค่าและสร้างสรรค์การท�ำงาน รวมทั้งเข้าใจ ความหลากหลายในสังคม ส�ำนักทดสอบทางการศึกษา เป็นหน่วยงานที่มีพันธกิจหลักในการสนับสนุนเครื่องมือและ ประเมินผลทางการศึกษาที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อให้บริการแก่เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา และมีอ�ำนาจหน้าที่ในการบริการเครื่องมือวัดและประเมินคุณภาพการศึกษาที่มีมาตรฐาน และระบบ คลังเครื่องมือในการประเมินคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ทั้งด้านความรู้ ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะของผู้เรียน รวมทั้งให้บริการเครื่องมือแก่หน่วยงานต่าง ๆ ก�ำกับติดตาม ตอนที่ 1 บทน�ำ
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 และตรวจสอบความรู้ความสามารถพื้นฐาน ทักษะกระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะ ของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อน�ำผลไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการสอนของครูผู้สอน และการเรียนรู้ของผู้เรียน จึงได้จัดท�ำคู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และ สมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ครูผู้สอน และผู้เกี่ยวข้องให้สามารถน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนไปใช้พัฒนาผู้เรียนให้เกิด ประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อไป 1.2 วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ครูผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเครื่องมือวัดและประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน โดยใช้วิธีการประเมิน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 2. เพื่อให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางส�ำหรับการวัดและประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 1.3 แนวคิดการสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน การสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 น�ำเสนอเนื้อหาโดยเริ่มจากความหมายของสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน สมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และการวัดและประเมินสมรรถนะ ส�ำคัญของผู้เรียน ตามล�ำดับ ดังนี้ 1.3.1 ความหมายของสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน สมรรถนะ คือ บุคลิกลักษณะที่ซ่อนอยู่ภายในปัจเจกบุคคล ซึ่งผลักดันให้บุคคลนั้นสามารถ สร้างผลการปฏิบัติงานที่ดีหรือปฏิบัติงานที่ได้รับผิดชอบได้ตามเกณฑ์ที่ก�ำหนด โดยความหมายในบริบทของ ผู้เรียน สมรรถนะ หมายถึง คุณลักษณะเชิงพฤติกรรมที่มีผลมาจากความรู้ ทักษะความสามารถ และคุณลักษณะ อื่น ๆ ที่ท�ำให้นักเรียนสามารถเรียนรู้หรือปฏิบัติงานหรือสร้างผลงานได้โดดเด่นกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ในชั้นเรียน (ส�ำนักทดสอบทางการศึกษา, 2555 หน้า 1) สอดคล้องกับที่ส�ำนักงานราชบัณฑิตยสภา (2564, หน้า 129) ได้ให้ความหมายของค�ำว่า สมรรถนะ หมายถึง ความสามารถที่แสดงออกทางพฤติกรรมและการกระท�ำ ในการปฏิบัติตนและปฏิบัติงานให้ประสบความส�ำเร็จ โดยประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะต่าง ๆ
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ที่ตนมีให้เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของสังคมและวัฒนธรรมในสถานการณ์ที่หลากหลาย ส�ำหรับสมรรถนะ ส�ำคัญของผู้เรียน หมายถึง ระดับของความสามารถของพฤติกรรมแต่ละบุคคล ที่แสดงออกถึงความรู้ ทักษะ และเจตคติ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งประกอบด้วย ความสามารถ ในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี (พรพิชิต ทิทา, 2561 หน้า 7) สอดคล้องกับกันต์กนิษฐ์ ชลสีมัธยา (2562, หน้า 5) ที่กล่าวว่า สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน หมายถึง ความรู้ ความสามารถ ทักษะ คุณลักษณะที่ผู้เรียนทุกคนมี และใช้ได้อย่างเหมาะสม เพื่อผลักดันให้ผลการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพบรรลุตามเป้าหมายของสมรรถนะ ส�ำคัญของผู้เรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ดังนั้น อาจสรุปได้ว่า สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน หมายถึง ระดับความสามารถ พฤติกรรมของผู้เรียนที่มา จากทักษะ ความรู้ และเจตคติทั้งด้านการสื่อสาร ความคิด การแก้ปัญหา ทักษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยี 1.3.2 สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กระทรวงศึกษาธิการ (2551, หน้า 6 - 7) อธิบายว่า หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ก�ำหนดไว้ว่า สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนนั้นต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซึ่งการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุมาตรฐานการเรียนรู้ที่ก�ำหนดนั้นจะช่วยให้ผู้เรียน เกิดสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนและให้ค�ำนิยามไว้ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการ ใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัด และลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยค�ำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อน�ำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยค�ำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคม และสิ่งแวดล้อม
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการน�ำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการด�ำเนินชีวิตประจ�ำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การท�ำงาน และการอยู่ร่วมกัน ในสังคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และรู้จักหลีกเลี่ยง พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยี ด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การท�ำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสม และมีคุณธรรม 1.3.3 การวัดและประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน การวัดและประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน เป็นการด�ำเนินการที่มุ่งวัดสมรรถนะ อันเป็นองค์รวมของความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณลักษณะต่าง ๆ ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยส�ำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2557, หน้า 88 - 93) ได้มีแนวปฏิบัติการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยก�ำหนด วิธีการประเมินไว้ 12 รูปแบบ ดังนี้ 1. การสังเกตพฤติกรรม เป็นการเก็บข้อมูลจากการดู การปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน โดยไม่ขัดจังหวะการท�ำงานหรือการคิดของผู้เรียน การสังเกตพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ท�ำได้ตลอดเวลา แต่ควรมีกระบวนการและจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการประเมินอะไร โดยอาจใช้เครื่องมือ เช่น แบบมาตร ประมาณค่า แบบตรวจสอบรายการ สมุดจดบันทึก เพื่อประเมินผู้เรียนตามตัวชี้วัด และควรสังเกตหลายครั้ง หลายสถานการณ์ หลายช่วงเวลาเพื่อขจัดความล�ำเอียง 2. การสอบปากเปล่า เป็นการให้ผู้เรียนได้แสดงออกด้วยการพูด ตอบประเด็นเกี่ยวกับ การเรียนรู้ตามมาตรฐาน ผู้สอนเก็บข้อมูล จดบันทึก รูปแบบการประเมินนี้ผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน โดยตรง สามารถมีการอภิปราย โต้แย้ง ขยายความ ปรับแก้ไขความคิดกันได้ มีข้อที่พึงระวัง คือ อย่าเพิ่งขัด ความคิดขณะที่ผู้เรียนก�ำลังพูด 3. การพูดคุย เป็นการสื่อสาร 2 ทางอีกประเภทหนึ่ง ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน สามารถ ด�ำเนินการเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ โดยทั่วไปมักใช้อย่างไม่เป็นทางการเพื่อติดตามตรวจสอบว่าผู้เรียน เกิดการเรียนรู้เพียงใด เป็นข้อมูลส�ำหรับพัฒนา วิธีการนี้อาจใช้เวลา แต่มีประโยชน์ต่อการค้นหา วินิจฉัย ข้อปัญหา ตลอดจนเรื่องอื่น ๆ ที่อาจเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการเรียนรู้ เช่น วิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เป็นต้น
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 4. การใช้ค�ำถาม เป็นเรื่องปกติมากในการจัดการเรียนรู้ แต่ข้อมูลงานวิจัยบ่งชี้ว่าค�ำถาม ที่ครูใช้เป็นด้านความจ�ำ และเป็นเชิงการจัดการทั่ว ๆ ไปเป็นส่วนใหญ่ เพราะถามง่ายแต่ไม่ท้าทายให้ผู้เรียน ต้องท�ำความเข้าใจและเรียนรู้ให้ลึกซึ้ง การพัฒนาการใช้ค�ำถามให้มีประสิทธิภาพแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่สามารถท�ำได้ผลรวดเร็วขึ้น หากผู้สอนมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินในชั้นเรียน โดยท�ำการประเมิน เพื่อพัฒนาให้แข็งขัน 5. การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ เป็นรูปแบบการบันทึกการเขียนอีกรูปแบบหนึ่งที่ให้ ผู้เรียนเขียนตอบกระทู้ หรือค�ำถามของครู ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับความรู้ ทักษะที่ก�ำหนดในตัวชี้วัด การเขียน สะท้อนการเรียนรู้นี้ นอกจากท�ำให้ผู้สอนทราบความก้าวหน้าในผลการเรียนรู้แล้ว ยังใช้เป็นเครื่องมือประเมิน พัฒนาการด้านทักษะการเขียนได้อีกด้วย 6. การประเมินการปฏิบัติ เป็นวิธีการประเมินงานหรือกิจกรรมที่ผู้สอนมอบหมาย ให้ผู้เรียนปฏิบัติงานเพื่อให้ทราบถึงผลการพัฒนาของผู้เรียน การประเมินลักษณะนี้ ผู้สอนต้องเตรียมสิ่งส�ำคัญ 2 ประการ คือ ภาระงาน (Tasks) หรือกิจกรรมที่จะให้ผู้เรียนปฏิบัติ เช่น การท�ำโครงการ/โครงงาน การส�ำรวจ การน�ำเสนอ การสร้างแบบจ�ำลอง การท่องปากเปล่า การสาธิต การทดลองวิทยาศาสตร์ การจัดนิทรรศการ การแสดงละคร เป็นต้น และเกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics) การประเมิน การปฏิบัติอาจจะปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะงานหรือประเภทกิจกรรม 7. การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน แฟ้มสะสมงานเป็นการเก็บรวบรวมชิ้นงานของผู้เรียน เพื่อสะท้อนความก้าวหน้าและความส�ำเร็จของผู้เรียน เช่น แฟ้มสะสมงานที่แสดงความก้าวหน้าของผู้เรียน ต้องมีผลงานในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่แสดงถึงความก้าวหน้าของผู้เรียน หากเป็นแฟ้มสะสมงานดีเด่นต้องแสดง ผลงานที่สะท้อนความสามารถของผู้เรียน โดยผู้เรียนต้องแสดงความคิดเห็นหรือเหตุผลที่เลือกผลงานนั้น เก็บไว้ตามวัตถุประสงค์ของแฟ้มสะสมงาน 8. การวัดและประเมินด้วยแบบทดสอบ เป็นการประเมินตัวชี้วัดด้านการรับรู้ข้อเท็จจริง (Knowledge) ผู้สอนควรเลือกใช้แบบทดสอบให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการวัดและประเมินนั้น ๆ เช่น แบบทดสอบเลือกตอบ แบบทดสอบถูก-ผิด แบบทดสอบจับคู่ แบบทดสอบเติมค�ำ แบบทดสอบความเรียง เป็นต้น ทั้งนี้ แบบทดสอบที่จะใช้ต้องเป็นแบบทดสอบที่มีคุณภาพ มีความเที่ยงตรง (Validity) และเชื่อมั่นได้ (Reliability) 9. การประเมินด้านความรู้สึกนึกคิด เป็นการประเมินคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะ และเจตคติที่ควรปลูกฝังในการจัดการเรียนรู้ ซึ่งการวัดและประเมินผลเป็นล�ำดับขั้นจากต�่ำสุดไปสูงสุด ได้แก่ ขั้นรับรู้ ขั้นตอบสนอง ขั้นเห็นคุณค่า ขั้นจัดระบบคุณค่า และขั้นสร้างคุณลักษณะ
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 10. การประเมินตามสภาพจริง เป็นการประเมินด้วยวิธีการที่หลากหลายดังที่กล่าวมาแล้ว ข้างต้น เพื่อให้ได้ผลการประเมินที่สะท้อนความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน จึงควรใช้การประเมินการปฏิบัติ (Performance Assessment) ร่วมกับการประเมินด้วยวิธีการอื่น ภาระงาน (Tasks) ควรสะท้อนสภาพ ความเป็นจริงหรือใกล้เคียงกับชีวิตจริงมากกว่าเป็นการปฏิบัติกิจกรรมทั่ว ๆ ไป ดังนั้น การประเมินตาม สภาพจริงจะต้องออกแบบการจัดการเรียนรู้และการประเมินผลไปด้วยกัน และก�ำหนดเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) ให้สอดคล้องหรือใกล้เคียงกับชีวิตจริง 11. การประเมินตนเองของผู้เรียน การประเมินตนเองนับเป็นทั้งเครื่องมือประเมินและ เครื่องมือพัฒนาการเรียนรู้ เพราะท�ำให้ผู้เรียนได้คิดใคร่ครวญว่าได้เรียนรู้อะไร เรียนรู้อย่างไร และผลงาน ที่ท�ำนั้นดีแล้วหรือยัง การประเมินตนเองจึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ที่สามารถเรียนรู้ ด้วยตนเอง การใช้การประเมินตนเองของผู้เรียนให้ประสบความส�ำเร็จได้ดีจะต้องมีเป้าหมายการเรียนรู้ที่ชัดเจน มีเกณฑ์ที่บ่งบอกความส�ำเร็จของชิ้นงาน/ภาระงาน และมาตรการการปรับปรุงแก้ไขตนเอง 12. การประเมินโดยเพื่อน เป็นเทคนิคการประเมินอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าจะน�ำมาใช้เพื่อพัฒนา ผู้เรียนให้เข้าถึงคุณลักษณะของงานที่มีคุณภาพ เพราะการที่ผู้เรียนจะบอกได้ว่าชิ้นงานนั้นเป็นเช่นไร ผู้เรียน ต้องมีความเข้าใจอย่างชัดเจนก่อนว่าเขาก�ำลังตรวจสอบอะไรในงานของเพื่อน ฉะนั้น ผู้สอนต้องอธิบาย ผลที่คาดหวังให้ผู้เรียนทราบก่อนที่จะลงมือประเมิน จากนิยามสมรรถนะและวิธีการประเมิน 12 รูปแบบ ดังกล่าว ส�ำนักทดสอบทางการศึกษา จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากรด�ำเนินการพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนขึ้น และจัดท�ำคู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 เพื่อเป็นแนวทาง ให้ครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้น�ำไปใช้ต่อไป 1.4 แนวทางการใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน การน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนที่พัฒนาขึ้นไปใช้นั้น ครูผู้สอนสามารถน�ำไป ใช้ในการจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนได้ โดยมีแนวทาง การด�ำเนินการ ดังนี้ 1. ศึกษา วิเคราะห์หลักสูตร เป้าหมาย การจัดการเรียนการสอน และสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 7 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2. ศึกษาคู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 - 6 พร้อมทั้งเครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนนและตัดสินผลการประเมินในแต่ละรูปแบบ 3. เลือกใช้เครื่องมือที่สอดคล้องกับเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนในแต่ละด้านให้เหมาะสม 4. น�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนไปใช้ในการวัดและประเมินผลผู้เรียน ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม 5. น�ำผลที่ได้จากการวัดและประเมินไปพัฒนา ปรับปรุง แก้ไข ซ่อมเสริมผู้เรียน ให้มีระดับ ความสามารถของสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น 1.5 บทบาทในการน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนไปใช้ บทบาทของผู้ใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และระดับ สถานศึกษา ซึ่งในแต่ละระดับมีบทบาทในการน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนไปใช้ ดังนี้ 1. ระดับส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่สนับสนุน ส่งเสริม อ�ำนวยความสะดวกให้ค�ำปรึกษาและค�ำแนะน�ำแก่สถานศึกษาในการน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียนไปใช้ เพื่อเป็นแนวทางการวัดและประเมินผลในชั้นเรียน ดังนี้ - สื่อสาร สร้างความเข้าใจ ให้กับสถานศึกษาเกี่ยวกับคู่มือและเครื่องมือประเมินสมรรถนะ ส�ำคัญของผู้เรียน - ประชุม ชี้แจง และวางแผนกับคณะท�ำงานเพื่อน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียนไปใช้ - เผยแพร่คู่มือและเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนแก่สถานศึกษาและผู้สนใจ ทั่วไป - ให้ค�ำปรึกษาและค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือเพื่อพัฒนาสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ทุกระดับชั้น - นิเทศ ก�ำกับ ติดตามการจัดการเรียนรู้และการน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียนไปใช้ประเมินผู้เรียน
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 8 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2. ระดับสถานศึกษา มีหน้าที่หลักในการจัดการเรียนการสอนและการวัดและประเมินผู้เรียน ซึ่งมีบทบาทในการน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนไปใช้ ดังนี้ - บริหารจัดการให้ครูผู้สอนน�ำเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนไปใช้ในการพัฒนา ผู้เรียน - เปิดโอกาสให้ครูผู้สอนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และสะท้อนคิดจากการน�ำเครื่องมือประเมิน สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนไปใช้ เพื่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน - จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยเลือกใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียนที่เหมาะสม กับพฤติกรรมการเรียนรู้และเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียน - พัฒนาและต่อยอดความสามารถของผู้เรียน ด้วยการสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียนตามแนวทางที่ก�ำหนดให้ - ส่งเสริมให้ผู้เรียนเลือกใช้เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของตนเอง และประเมินเพื่อน ตามความเหมาะสมของกิจกรรมการเรียนรู้ - ฯลฯ
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 9 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ก�ำหนดสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 5 สมรรถนะ ได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โดยได้ก�ำหนดวิธีการประเมิน 12 รูปแบบ ตามแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ในการจัดท�ำคู่มือจึงได้น�ำมาก�ำหนดกรอบโครงสร้าง เครื่องมือ และเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ดังนี้ 1. กรอบโครงสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 2. เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ตามวิธีการประเมิน 12 รูปแบบ 2.1 กรอบโครงสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 - 6 กรอบโครงสร้างเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ตามวิธี การประเมิน 12 รูปแบบ มีรายละเอียด ดังนี้ วิธีการประเมิน เครื่องมือ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 1. การสังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 2. การสอบปากเปล่า - แบบบันทึกการสอบ (ภาษาไทย) - แบบบันทึกการสอบ (ภาษาอังกฤษ) ความสามารถในการสื่อสาร 3. การพูดคุย - แบบบันทึกการพูดคุย (ภาษาไทย) - แบบบันทึกการพูดคุย (ภาษาอังกฤษ) ความสามารถในการสื่อสาร 4. การใช้ค�ำถาม - แบบบันทึกการตอบค�ำถาม ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ - แบบบันทึกการเขียนสะท้อนการเรียนรู้ ความสามารถในการคิด 6. การประเมินการปฏิบัติ - แบบประเมินการปฏิบัติ ความสามารถในการคิด ตอนที่ 2 กรอบโครงสร้างและเครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 10 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 วิธีการประเมิน เครื่องมือ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน 7. การประเมิน ด้วยแฟ้มสะสมงาน - แบบประเมินแฟ้มสะสมงาน - แบบประเมินชิ้นงาน ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. การวัดและประเมิน ด้วยแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการแก้ปัญหา 9. การประเมินด้านความรู้สึก นึกคิด - แบบประเมินความรู้สึกนึกคิด ความสามารถในการคิด 10. การประเมินตามสภาพจริง - แบบประเมินตามสภาพจริง ความสามารถในการแก้ปัญหา 11. การประเมินตนเอง ของผู้เรียน - แบบประเมินตนเอง ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 12. การประเมินโดยเพื่อน - แบบประเมินโดยเพื่อน ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 2.2 เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ตามวิธีการประเมิน 12 รูปแบบ เครื่องมือประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ตามแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีวิธีการประเมินแบบต่าง ๆ ที่ครูผู้สอนสามารถ น�ำไปใช้ประเมินผู้เรียน 12 รูปแบบ ประกอบด้วย 2.2.1 การสังเกตพฤติกรรม 2.2.2 การสอบปากเปล่า 2.2.3 การพูดคุย 2.2.4 การใช้ค�ำถาม 2.2.5 การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ 2.2.6 การประเมินการปฏิบัติ 2.2.7 การประเมินด้วยแฟ้มสะสมงาน 2.2.8 การวัดและประเมินด้วยแบบทดสอบ 2.2.9 การประเมินด้านความรู้สึกนึกคิด 2.2.10 การประเมินตามสภาพจริง 2.2.11 การประเมินตนเองของผู้เรียน 2.2.12 การประเมินโดยเพื่อน แต่ละรูปแบบการประเมินมีรายละเอียดเครื่องมือประเมิน ดังนี้
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 11 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2.2.1 การสังเกตพฤติกรรม การสังเกตพฤติกรรม เป็นการเก็บข้อมูลจากการดู การปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียน โดยไม่ขัดจังหวะ การท�ำงานหรือการคิดของผู้เรียน วิธีการนี้ควรสังเกตหลายครั้ง หลายสถานการณ์ หลายชวงเวลา เพื่อขจัด ความลําเอียง ซึ่งในวิธีการประเมินนี้สามารถน�ำมาใช้ประเมินความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ส�ำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ซึ่งมีรายละเอียดเครื่องมือประเมิน ดังนี้ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน 1. น�ำกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายไปใช้ในชีวิตประจ�ำวัน 2. เรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องและมีเป้าหมาย 3. ท�ำงานและอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข 4. จัดการกับปัญหาและความขัดแย้งในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม 5. ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสภาพแวดล้อม 6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น ลักษณะเครื่องมือ แบบสังเกตพฤติกรรม วิธีการใช้เครื่องมือ การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลฉบับนี้ สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการจัด การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้แบบสังเกตพฤติกรรม ควรอยู่ในระดับ “พอใช้” ขึ้นไป
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 12 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ตัวอย่างเครื่องมือประเมินความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต แบบสังเกตพฤติกรรม ครั้งที่................. ชื่อ - สกุล..........................................................................ชั้น....................ภาคเรียนที่........ปีการศึกษา............. ผู้สังเกต ครู เพื่อน ********************************************************* แบบสังเกตพฤติกรรมฉบับนี้ เป็นการสังเกตพฤติกรรมนักเรียน ด้านความสามารถในการใช้ทักษะ ชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 แบ่งออกเป็น 2 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 รายการสังเกตพฤติกรรม โดยให้ผู้ประเมินท�ำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องว่าง ที่เห็นว่าตรงกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง ตอนที่ 2 ข้อค้นพบจากการสังเกตพฤติกรรมเพิ่มเติม เป็นสิ่งที่ผู้สังเกตพบได้นอกเหนือจาก รายการที่ก�ำหนดไว้ และเป็นพฤติกรรมที่สอดคล้องกับความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ซึ่งสามารถเขียนได้ ตามความเป็นจริง ค�ำชี้แจง ท�ำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องว่าง ตามที่ท่านเห็นว่าตรงกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง ตอนที่ 1 รายการสังเกตพฤติกรรม ที่ รายการสังเกตพฤติกรรม การแสดงพฤติกรรม ปร ข้อเสนอแนะ ากฏ (2) ไม่ปรากฏ (1) ตัวชี้วัดที่ 1 น�ำกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายไปใช้ในชีวิตประจ�ำวัน 1 นักเรียนน�ำแนวทางที่หลากหลายมาปรับใช้ ในกระบวนการท�ำงานกลุ่ม 2 นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ในการท�ำงาน 3 นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการน�ำความรู้ที่มีไปปรับใช้ ในชีวิตประจ�ำวันได้
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 13 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ที่ รายการสังเกตพฤติกรรม การแสดงพฤติกรรม ปร ข้อเสนอแนะ ากฏ (2) ไม่ปรากฏ (1) ตัวชี้วัดที่ 2 เรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องและมีเป้าหมาย 4 นักเรียนค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมในสิ่งที่ตนเองสนใจได้ 5 นักเรียนน�ำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด มาใช้ในการ ปรับปรุงตนเองได้ 6 นักเรียนบอกเป้าหมายในการด�ำเนินชีวิตของตนเองได้ 7 นักเรียนแสดงออกถึงความตั้งใจ รับผิดชอบ ที่จะท�ำตาม เป้าหมายชีวิตของตนเอง ตัวชี้วัดที่ 3 ท�ำงานและอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข 8 นักเรียนมีภาวะผู้น�ำและเป็นสมาชิกที่ดีของทีม 9 นักเรียนมีการตัดสินใจ โดยค�ำนึงถึงความต้องการและ การมีส่วนร่วมในการท�ำงานกลุ่ม 10 นักเรียนแสดงความยินดีและชื่นชม กับความส�ำเร็จของ สมาชิกในกลุ่มด้วยความจริงใจ 11 นักเรียนเคารพสิทธิและให้เกียรติผู้อื่น ในการอยู่ร่วมกัน ในสังคม ตัวชี้วัดที่ 4 จัดการกับปัญหาและความขัดแย้งในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม 12 นักเรียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่มีข้อโต้แย้งได้ อย่างสันติวิธี 13 นักเรียนจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ ต่าง ๆ ได้ 14 เมื่อเผชิญกับปัญหา นักเรียนมีวิธีจัดการปัญหานั้นได้ อย่างเหมาะสม
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 14 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ที่ รายการสังเกตพฤติกรรม การแสดงพฤติกรรม ปร ข้อเสนอแนะ ากฏ (2) ไม่ปรากฏ (1) ตัวชี้วัดที่ 5 ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสภาพแวดล้อม 15 นักเรียนรู้เท่าทันสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม 16 นักเรียนปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและ สภาพแวดล้อม 17 นักเรียนช่วยเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ที่มีส่วนแก้ไขหรือ ลดปัญหาทางสังคมและสภาพแวดล้อมได้ ตัวชี้วัดที่ 6 หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น 18 นักเรียนรับรู้พฤติกรรมของตนเอง และแสดงออกได้ อย่างเหมาะสม 19 นักเรียนมีความเข้าใจถึงผลกระทบที่ตามมาจากการแสดง พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม 20 นักเรียนปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้เหมาะสม รวม (คะแนนเต็ม 40 คะแนน) ตอนที่ 2 ข้อค้นพบจากการสังเกตพฤติกรรมเพิ่มเติม .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..........................................................ผู้สังเกต (.........................................................) ........................../........................./.........................
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 15 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เกณฑ์การให้คะแนน การแสดงพฤติกรรม คะแนนรายข้อ ปรากฏพฤติกรรม 2 ไม่ปรากฏพฤติกรรม 1 เกณฑ์ตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน ระดับคุณภาพ 36 - 40 ดีเยี่ยม 31 - 35 ดี 26 - 30 พอใช้ 20 - 25 ปรับปรุง นักเรียนต้องได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป จึงจะถือว่า “ผ่าน” ******************************
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 16 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2.2.2 การสอบปากเปล่า การสอบปากเปล่า เป็นการให้ผู้เรียนได้แสดงออกด้วยการพูด ตอบประเด็นเกี่ยวกับการเรียนรู้ ตามมาตรฐาน ผู้สอนเก็บข้อมูล จดบันทึก ซึ่งในวิธีการประเมินนี้ สามารถน�ำมาใช้ประเมินความสามารถ ในการสื่อสาร ส�ำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ซึ่งมีรายละเอียดเครื่องมือประเมิน ดังนี้ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน 1. มีความสามารถในการรับสารอย่างมีสติเพื่อให้เกิดความเข้าใจด้วยการฟัง การดู และการอ่าน 2. ใช้ภาษาถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ความคิด ความรู้สึก และทัศนะของตนเองด้วยการพูด และการเขียน 3. เลือกใช้กลวิธีในการสื่อสารอย่างเหมาะสมโดยค�ำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อบรรลุ วัตถุประสงค์ในการสื่อสาร ลักษณะเครื่องมือ แบบบันทึกการสอบฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ วิธีการใช้เครื่องมือ การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลฉบับนี้ สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการจัด การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้แบบบันทึกการสอบ ควรอยู่ในระดับ “พอใช้” ขึ้นไป
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 17 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ตัวอย่างเครื่องมือประเมินความสามารถในการสื่อสาร แบบบันทึกการสอบ (ภาษาไทย) ค�ำชี้แจง 1. ให้นักเรียนดูภาพข่าว มหาชนนับหมื่น หลั่งไหลขอพรท้าวเวสสุวรรณรับปีใหม่ ประชาชนนับหมื่นคน จากหลากหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย หลั่งไหลเข้าบูชาท้าวเวสสุวรรณ ภายในวัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม ต้อนรับปีใหม่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวันจนแน่นวัด โดยมีความเชื่อ กันว่า ผู้ที่บูชาท้าวเวสสุวรรณ หากอยู่ในศีลธรรม รักษาความดี จะมีภูตผีปีศาจ คอยป้องกันภัยจากสิ่งต่าง ๆ และยังก่อให้เกิดโชคลาภ ร�่ำรวยเงินทอง มีวาสนาเป็นที่นับถือ ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย ช่างภาพไทยรัฐ ออนไลน์ ที่มา : https://www.thairath.co.th/multimedia/gallery/lifestyle/travel/33107
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 18 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2. ตอบค�ำถามของครูในประเด็นต่อไปนี้ 1. การน�ำเสนอข่าวนี้เป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนเดินทางไปสถานที่นี้เพิ่มขึ้น หรือไม่ เพราะอะไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. หลังจากข่าวนี้ได้เผยแพร่ออกไป คิดว่าจะเกิดผลด้านบวกหรือด้านลบ เพราะเหตุใด .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ลงชื่อ..........................................................ผู้บันทึก (.........................................................) ........................../........................./......................... แนวค�ำตอบข้อที่ 1 เพิ่มขึ้น เพราะ - มีความเชื่อในท้าวเวสสุวรรณ ว่าจะท�ำให้ได้รับโชคลาภและป้องกันภัยจากสิ่งต่าง ๆ ได้จริง - จ�ำนวนผู้สักการะท้าวเวสสุวรรณ ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นในหมู่คณะได้จริง จึงมีคนเดินทางไป สักการะเพิ่มขึ้น - ท้าวเวสสุวรรณศักดิ์สิทธิ์ สามารถดลบันดาลให้ได้รับสิ่งที่ขอและมุ่งหวังได้จริง ฯลฯ ไม่เพิ่มขึ้น เพราะ - มีคนบูชาท้าวเวสสุวรรณจนแน่นวัด จึงไม่อยากเดินทางไป - การรักษาความดี ท�ำได้ด้วยตนเอง ไม่จ�ำเป็นต้องบูชาท้าวเวสสุวรรณ - ท้าวเวสสุวรรณมีให้บูชาอยู่ในหลายพื้นที่และหลายวัด จึงไม่จ�ำเป็นต้องเดินทางไปที่วัดจุฬามณี เท่านั้น ฯลฯ
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 19 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 แนวค�ำตอบข้อที่ 2 ประเด็นด้านบวก เพราะ - เสริมสร้างรายได้ให้ชุมชน - เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด - มีรายได้เข้าจังหวัดมากขึ้น ฯลฯ ประเด็นด้านลบ เพราะ - ส่งเสริมผู้แสวงหาผลประโยชน์จากวัด - ส่งเสริมความเชื่อที่งมงาย ฯลฯ เกณฑ์การให้คะแนน ข้อที่ เกณฑ์การให้คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 1. ตอบค�ำถามว่า “เพิ่มขึ้น” หรือ “ไม่เพิ่มขึ้น” พร้อมให้เหตุผล ประกอบได้ครอบคลุมและ สอดคล้องกัน ตอบค�ำถามว่า “เพิ่มขึ้น” หรือ “ไม่เพิ่มขึ้น” แต่ให้เหตุผล ประกอบไม่สอดคล้องกัน ตอบค�ำถามเฉพาะค�ำว่า “เพิ่มขึ้น” หรือ “ไม่เพิ่มขึ้น” แต่ไม่สามารถให้เหตุผล ประกอบได้ 2. ตอบค�ำถามว่า “เกิดผลด้าน บวก” หรือ “เกิดผลด้านลบ” พร้อมให้เหตุผลประกอบ ได้ครอบคลุมและสอดคล้องกัน ตอบค�ำถามว่า “เกิดผลด้าน บวก” หรือ “เกิดผลด้านลบ” แต่ให้เหตุผลประกอบ ไม่สอดคล้องกัน ตอบค�ำถามเฉพาะค�ำว่า “เกิดผลด้านบวก” หรือ “เกิดผลด้านลบ” แต่ไม่สามารถ ให้เหตุผลประกอบได้
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 20 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เกณฑ์ตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน ระดับคุณภาพ 6 ดีเยี่ยม 5 ดี 3 - 4 พอใช้ 2 ปรับปรุง นักเรียนต้องได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป จึงจะถือว่า “ผ่าน” ****************************** แบบบันทึกการสอบ (ภาษาอังกฤษ) Directions: Work in pairs. Read a situation and discuss it with your partner. “What can Facebook do to prevent people from sharing false information? What can ordinary people do in this situation? What do you believe would be effective, particularly with younger users?” 1. Share and discuss your experience with sharing false information. 2. Discuss how sharing false information affects younger users. 3. Discuss how to handle this situation. 4. What is the purpose of fake news? What are the reasons for the existence of fake news? 5. What do you think about the roles of the journalists or influencers in Thailand? 6. What do you think about the role of the Facebook Company in Thailand? Keys The answers are varied.
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 21 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 Performance Record Form Instructions: As you watch each student’s performance, decide which things they did well for each criteria and give them a mark on the form. No. Student’s name Level Note *Details of performance 1. 2. 3. 4. 5. * Details of the performance What are the students’ strengths? What do you consider to be students’ weaknesses? Oral Assessment Criteria Category Score 5 4 3 2 1 Intelligibility - Easily understood. - Communication is not impeded by a few pronunciation or prosodic errors and/or noticeable L1 accent. - Easily understood most of the time. - Pronunciation or prosodic errors and/or L1 accent at times cause strain for the listener. - Produces some acceptable features of spoken English. - Difficult to understand because errors in pronunciation/ stress/ - Often unintelligible. - Frequent errors in pronunciation/ stress/intonation and/ or L1 accent cause severe strain for the listener. - Almost entirely unintelligible.
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 22 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 Category Score 5 4 3 2 1 - Minimal strain for the listener. intonation and/or L1 accent cause serious strain for the listener. Fluency - Fluent speech at normal speed, with only occasional repetition or self-correction. - Hesitation may occasionally indicate searching for words or structures but is generally appropriate. - Uneven flow, with some repetition, especially in longer utterances. - Some evidence of searching for words which do not cause serious strain. - Delivery may be staccato or too fast/slow. - Very uneven. - Frequent pauses and repetitions indicate searching for words or structures. - Excessive use of fillers and difficulty sustaining longer utterances cause serious strain for the listener. - Extremely uneven. - Long pauses, numerous repetitions and selfcorrections make speech difficult to follow. - Impossible to follow, consisting of isolated words and phrases and selfcorrections, separated by long pauses. Appropriateness of Language - Entirely appropriate register, tone and lexis for the context. - Generally appropriate register, tone and lexis for the context. - Some evidence of appropriate register, tone and lexis for the context. - Mostly inappropriate register, tone and lexis for the context. - Entirely inappropriate register, tone and lexis for the context.
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 23 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 Category Score 5 4 3 2 1 Resources of Grammar and Expression - Rich and flexible. - Wide range of grammar and vocabulary is generally used accurately and flexibly. - Occasional errors in grammar or vocabulary are not intrusive. - Sufficient resources to maintain the interaction. - Inaccuracies in vocabulary and grammar, particularly in more complex sentences, are sometimes intrusive. - Meaning is generally clear. - Limited vocabulary and control of grammatical structures, except for very simple sentences. - Persistent inaccuracies are intrusive. - Very limited resources of vocabulary and grammar, even in simple sentences. - Numerous errors in word choice. - Limited in all respects. เกณฑ์การให้คะแนน รายการ เกณฑ์การให้คะแนน 5 คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน เนื้อหา - เนื้อหา เข้าใจง่าย - สื่อสาร ได้สมบูรณ์ แต่มี ปัญหาเล็กน้อย ในการออกเสียง จังหวะการพูด หรือการออกเสียง ส�ำเนียงภาษาแม่ ส่งผลต่อผู้ฟัง เพียงเล็กน้อย - เนื้อหาส่วนใหญ่ เข้าใจง่าย - การออกเสียง จังหวะการพูด และการออกเสียง ของส�ำเนียง ภาษาแม่ส่งผลต่อ ผู้ฟังบ้าง - สื่อสารได้บ้าง จับใจความ ไม่ค่อยได้เนื่องจาก ปัญหาการออกเสียง การเน้นหนัก จังหวะการพูด หรือการออกเสียง ของส�ำเนียงภาษา แม่ส่งผลต่อผู้ฟัง - สื่อสารแทบจะ ไม่ได้ใจความ - ปัญหาส่วนใหญ่ มาจากการ ออกเสียง ไม่ถูกต้อง การเน้นหนัก จังหวะการพูด หรือการออกเสียง ของส�ำเนียง ภาษาแม่ส่งผล ต่อผู้ฟัง - สื่อสารไม่ได้ ใจความ
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 24 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 รายการ เกณฑ์การให้คะแนน 5 คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน ความ คล่องแคล่ว - พูดได้ คล่องแคล่วอย่าง เป็นธรรมชาติ แก้ไขค�ำพูดที่ผิด ด้วยตนเอง - มีความลังเล ในการคิดหาค�ำ หรือโครงสร้างภาษา แต่โดยรวม แล้วใช้ภาษาได้ อย่างเหมาะสม - พูดได้ คล่องแคล่วอย่าง เป็นธรรมชาติ พูดซ�้ำ ๆ ค�ำเดิม โดยเฉพาะค�ำที่ ออกเสียง หลายพยางค์ - มีการหยุดพูด เพื่อคิดหาค�ำศัพท์ และไม่ก่อให้เกิด ความร�ำคาญ ในการฟัง - การทิ้งช่วงเวลา ในขณะที่พูดนาน หรือพูดเร็ว/ช้า เกินไป - พูดได้แต่ไม่เป็น ธรรมชาติ - การหยุดคิด และพูดค�ำซ�้ำ ๆ บ่อย ๆ เพื่อคิด หาค�ำศัพท์หรือ โครงสร้างภาษา - การเว้นวรรค และเว้นระยะ เวลาในการพูด นานเกินไป ก่อให้เกิด ความร�ำคาญ ในการฟัง อย่างมาก - พูดไม่เป็น ธรรมชาติ - การหยุดคิด เป็นเวลานาน และพูดค�ำซ�้ำ จ�ำนวนหลายครั้ง และแก้ไขค�ำพูด ที่ผิดด้วยตนเอง ส่งผลให้สื่อสาร ไม่ได้ใจความ - พูดไม่เป็น ธรรมชาติ จับใจความไม่ได้ พูดทีละค�ำ วลี และแก้ไขค�ำพูด ที่ผิดด้วยตนเอง โดยเว้นจังหวะ ในการพูดนาน ความเหมาะสม ของภาษา - เลือกใช้ค�ำศัพท์ ส�ำนวน และ น�้ำเสียงได้ หลากหลาย สอดคล้องกับ บริบท - เลือกใช้ค�ำศัพท์ ส�ำนวน และ น�้ำเสียงได้ สอดคล้องกับ บริบท - ใช้ค�ำศัพท์ ส�ำนวน และ น�้ำเสียงได้ สอดคล้องกับ บริบทบางส่วน - ใช้ค�ำศัพท์ ส�ำนวน และ น�้ำเสียงได้บ้าง แต่ยังคงไม่ สอดคล้องกับ บริบท - ใช้ค�ำศัพท์ ส�ำนวน และ น�้ำเสียง ไม่สอดคล้องกับ บริบท
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 25 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 รายการ เกณฑ์การให้คะแนน 5 คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน ไวยากรณ์ และลักษณะ โครงสร้าง ประโยค - การเลือกใช้ ค�ำ ข้อความที่ หลากหลายและ ประโยคที่ซับซ้อน ถูกต้องตาม หลักไวยากรณ์ ใช้เครื่องหมาย วรรคตอนได้ ถูกต้อง สื่อ ความหมาย ได้อย่างชัดเจน - การเลือกใช้ค�ำ ข้อความ ไม่ถูกต้อง ในบางค�ำ และ มีบางประโยค ไม่ถูกต้องตาม หลักไวยากรณ์ โครงสร้าง ใช้เครื่องหมาย วรรคตอนที่ ถูกต้อง สื่อ ความหมายได้ - มีข้อจ�ำกัด ในการเลือกใช้ค�ำ ข้อความ และใช้ ประโยคอย่างง่าย ได้ถูกต้องตาม หลักไวยากรณ์ ใช้เครื่องหมาย วรรคตอนที่ ถูกต้อง สื่อ ความหมาย ได้บ้าง - มีข้อจ�ำกัด อย่างมาก ในการเลือกใช้ค�ำ ข้อความ และใช้ เฉพาะประโยค อย่างง่ายเท่านั้น มีปัญหาในการ เลือกใช้ค�ำศัพท์ - มีข้อจ�ำกัด ในการใช้ภาษา อย่างมาก Quality Total Scores Level 17 - 20 Excellent 13 - 16 Good 9 - 12 Fair 4 - 8 Poor เกณฑ์ตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน ระดับคุณภาพ 17 - 20 ดีเยี่ยม 13 - 16 ดี 9 - 12 พอใช้ 4 - 8 ปรับปรุง นักเรียนต้องได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป จึงจะถือว่า “ผ่าน” ******************************
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 26 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2.2.3 การพูดคุย การพูดคุย เป็นการสื่อสาร 2 ทาง ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน ซึ่งสามารถด�ำเนินการเป็นกลุ่มหรือ รายบุคคลเพื่อติดตามตรวจสอบระดับการเรียนรู้ของผู้เรียน และใช้เป็นข้อมูลส�ำหรับพัฒนาผู้เรียน ซึ่งในวิธี การประเมินนี้ สามารถน�ำมาใช้ประเมินความสามารถในการสื่อสาร ส�ำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ซึ่งมีรายละเอียดเครื่องมือประเมิน ดังนี้ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน 1. มีความสามารถในการรับสารอย่างมีสติเพื่อให้เกิดความเข้าใจด้วยการฟัง การดู และการอ่าน 2. ใช้ภาษาถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ความคิด ความรู้สึก และทัศนะของตนเองด้วยการพูด และการเขียน 3. เลือกใช้กลวิธีในการสื่อสารอย่างเหมาะสมโดยค�ำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อบรรลุ วัตถุประสงค์ในการสื่อสาร ลักษณะเครื่องมือ แบบบันทึกการพูดคุยฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ วิธีการใช้เครื่องมือ การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลฉบับนี้ สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการจัด การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้แบบบันทึกการพูดคุย ควรอยู่ในระดับ “พอใช้” ขึ้นไป
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 27 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ตัวอย่างเครื่องมือประเมินความสามารถในการสื่อสาร แบบบันทึกการพูดคุย (ภาษาไทย) นักเรียน ชื่อ - สกุล .......................................................................................ชั้น..................เลขที่................... ค�ำชี้แจง 1. ให้นักเรียนแต่ละคนพูดแสดงความคิดเห็น 2. เมื่อนักเรียนร่วมพูดคุยในประเด็นข้างต้นแล้ว จากนั้นให้ครูผู้ประเมิน พูดคุยในประเด็นย่อย เพิ่มเติม พร้อมบันทึกในแบบบันทึกการพูดคุย 3. ครูผู้ประเมินบันทึกการพูดคุยกับนักเรียนเป็นรายบุคคล ในหัวข้อ “ลักษณะของคนดีกับคนเก่ง” (ผู้ถามสามารถปรับภาษาในการสนทนาได้ตามกาลเทศะและความเหมาะสม) ประเด็นการพูดคุย ครู : คนดี มีลักษณะเป็นอย่างไร นักเรียน : ……………………………………………………………………………………………………………………………..... ครู : คนเก่ง มีลักษณะเป็นอย่างไร นักเรียน : ……………………………………………………………………………………………………………………………..... ครู : คนดีกับคนเก่ง มีข้อดี ข้อเสีย เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร นักเรียน : ……………………………………………………………………………………………………………………………..... ครู : คนดีกับคนเก่ง ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไร นักเรียน : ……………………………………………………………………………………………………………………………..... ครู : เราควรเน้นการปลูกฝังความดี หรือความเก่ง ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเหตุใด นักเรียน : ……………………………….....……………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ..........................................................ผู้ประเมิน (.........................................................) ........................../........................./.........................
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 28 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เกณฑ์การให้คะแนน หัวข้อ การประเมิน รายการประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน 1. การใช้ภาษา 1.1 ใช้ภาษาที่เป็นกลาง ไม่ต�ำหนิผู้อื่นหรือ ตนเอง 1.2 ไม่ใช้ค�ำหยาบ 1.3 ใช้ระดับภาษา ได้เหมาะสม มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมินทุกข้อ มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด 2 ข้อ อีกข้อไม่ชัดเจน หรือไม่มี มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด 1 ข้อ อีกสองข้อไม่ ชัดเจนหรือไม่มี ไม่มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด 2. เนื้อหา 2.1 เนื้อหาตรงประเด็น 2.2 แสดงความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ 2.3 พูดคุยอยู่บน พื้นฐานความเป็นจริง มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมินทุกข้อ มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด 2 ข้อ อีกข้อไม่ชัดเจน หรือไม่มี มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด 1 ข้อ อีกสองข้อไม่ ชัดเจนหรือไม่มี ไม่มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด 3. ความเหมาะสม ของค�ำตอบ 3.1 ระบุความคิดเห็น โดยมีเหตุผลประกอบ 3.2 เหตุผลมีความ สมเหตุสมผล 3.3 ตัดสินใจเลือกตอบ ด้วยเหตุผล มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมินทุกข้อ มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด 2 ข้อ อีกข้อไม่ชัดเจน หรือไม่มี มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด 1 ข้อ อีกสองข้อไม่ ชัดเจนหรือไม่มี ไม่มีคุณสมบัติ ตามรายการ ประเมิน ที่ก�ำหนด เกณฑ์ตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน ระดับคุณภาพ 8 - 9 ดีเยี่ยม 6 - 7 ดี 4 - 5 พอใช้ 0 - 3 ปรับปรุง นักเรียนต้องได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป จึงจะถือว่า “ผ่าน”
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 29 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 แบบบันทึกการพูดคุย (ภาษาอังกฤษ) Student’s name: ………………………………………………………….....….. Class: ……………….....No: ……....…. Date: …………………………………………....................Time: ………………………......................................………. Instructions: Use the questions provided to discuss with students and write down their speech. Question Student’s speech 1. What are the pros and cons of learning foreign languages? .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. 2. Do you prefer studying abroad? Why?/Why not? .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. 3. What are the similarities and differences between riding a bicycle and a motorcycle? .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. 4. Which one will you recommend for tourists to stay between a hotel and camping? Why? .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. 5. What are your opinions about eating at a restaurant and buying street food? .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. .................................................................................................................................. Note: A voice recorder is recommended. Signature.......................................................... (.........................................................) ........................./......................./.......................
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 30 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 Talking Journal Criteria Scoring Criteria Student’s Speech Notes 0 No answer was given, or the answer was completely irrelevant. No examples were given. ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 1 A few good points but the main issues were missing. No examples/ irrelevant examples given. ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 2 Some points were covered, but not all relevant. Some examples were given. ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 3 Some points were covered. Relevant information was given. Some examples were given. ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 4 Good answer. Relevant information. All or most points are covered with suitable examples. ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 5 Perfect answer. All points addressed. All topics were relevant with suitable examples. ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 31 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 Criteria Total Scores Level 5 Excellent 3 - 4 Good 1 - 2 Fair 0 Poor เกณฑ์การให้คะแนน คะแนน รายการประเมิน บันทึกการพูดของนักเรียน 0 ไม่ตอบค�ำถาม หรือตอบค�ำถามแต่ค�ำตอบ ไม่สมบูรณ์ ไม่เกี่ยวข้องกับค�ำถาม และไม่มี การยกตัวอย่าง ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 1 ตอบค�ำถามได้บางประเด็น แต่ยังไม่ครอบคลุม ประเด็นหลัก ไม่มีการยกตัวอย่างหรือตัวอย่าง ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นค�ำถาม ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 2 ตอบค�ำถามได้บางประเด็น แต่ยังไม่ครอบคลุม ประเด็นทั้งหมด และมีการยกตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง กับประเด็นค�ำถาม ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 3 ตอบค�ำถามได้ แต่ยังไม่ครอบคลุมประเด็นทั้งหมด และมีการยกตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับประเด็น ค�ำถาม ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 4 ตอบค�ำถามได้ครอบคลุมเกือบทุกประเด็น และ มีการยกตัวอย่างที่เกี่ยวข้องเกือบครบทุกประเด็น ค�ำถาม ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ 5 ตอบค�ำถามได้ครอบคลุมทุกประเด็น และมีการ ยกตัวอย่างที่เกี่ยวข้องครบทุกประเด็นค�ำถาม ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 32 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เกณฑ์ตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน ระดับคุณภาพ 5 ดีเยี่ยม 3 - 4 ดี 1 - 2 พอใช้ 0 ปรับปรุง นักเรียนต้องได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป จึงจะถือว่า “ผ่าน” ******************************
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 33 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2.2.4 การใช้ค�ำถาม การใช้ค�ำถาม เป็นวิธีการประเมินที่มุ่งเน้นการใช้ค�ำถามที่มีลักษณะกระตุ้นให้ผู้เรียนจะต้อง ท�ำความเข้าใจและเรียนรู้ให้ลึกซึ้ง อาจเน้นค�ำถามที่น�ำมาซึ่งค�ำตอบที่เป็นไปได้อย่างหลากหลาย พร้อมทั้ง ให้ผู้เรียนได้เกิดการอธิบาย และการอภิปรายโต้ตอบ ซึ่งในวิธีการประเมินนี้สามารถน�ำมาใช้ประเมิน ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ส�ำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ซึ่งมีรายละเอียดเครื่องมือประเมิน ดังนี้ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน 1. เลือกและใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาตนเองและสังคม 2. มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี ลักษณะเครื่องมือ แบบบันทึกการตอบค�ำถาม วิธีการใช้เครื่องมือ การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลฉบับนี้ สามารถใช้หลังการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 - 6 การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้แบบบันทึกการตอบค�ำถาม ควรอยู่ในระดับ “พอใช้” ขึ้นไป
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 34 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ตัวอย่างเครื่องมือประเมินความสามารถในการใช้เทคโนโลยี แบบบันทึกการตอบค�ำถาม นักเรียน ชื่อ - สกุล .........................................................................................ชั้น.................. เลขที่................... ค�ำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านสถานการณ์ จากนั้นตอบค�ำถามข้อ 1 - 3 “ไซเบอร์บูลลี่” ภัยร้ายที่คนถูกกระท�ำไม่ข�ำด้วย สภาพสังคมหลายประเทศในปัจจุบันที่เกิดปัญหา ไซเบอร์บูลลี่ (Cyberbullying) นับวันยิ่งมี มากขึ้น เนื่องจากสื่อสังคมออนไลน์เป็นสื่อที่เข้าถึงได้ง่าย และสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ การระราน ทางไซเบอร์ (Cyberbullying) หมายถึง การกลั่นแกล้ง การให้ร้าย การต่อว่า หรือการรังแกผู้อื่นทาง สื่อสังคมต่าง ๆ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ฯลฯ สาเหตุของการระราน (ไซเบอร์บูลลี่) อาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากการแกล้งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ล้อเล่นกัน ข�ำ ๆ แล้วบานปลายไปด้วยความไม่ตั้งใจ หรืออาจเกิดจากความขัดแย้ง ความไม่พอใจ ทั้งที่มีเหตุผล และไม่มีเหตุผล อาจแค่ไม่ชอบหน้า หรือความคิดเห็นบางอย่างไม่ตรงกัน แล้วใช้พื้นที่ในโลกออนไลน์ โจมตีกัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ที่โดนระราน อาจท�ำให้เกิดความหงุดหงิดร�ำคาญใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และอาจจะมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา นอกจากนี้ ผู้ที่โดนระรานหรือบูลลี่บางราย อาจเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นแกล้งคนอื่นต่อไป คล้ายกับที่ตัวเองเคยโดนแกล้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความสามารถในการรับมือของผู้ถูก กลั่นแกล้งด้วย นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต เคยแนะน�ำว่า การป้องกันการใช้สื่อออนไลน์ ในทางที่ผิดส�ำหรับผู้ที่ใช้สื่อออนไลน์ ควรมีการเขียนข้อความหรือตอบข้อความต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวัง ควรใช้เวลาในการไตร่ตรองข้อความที่ตนเองจะเขียน เสนอความเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ให้โอกาสผู้อื่น ได้อธิบายเสนอความคิดเห็น เปิดใจยอมรับมุมมองของผู้อื่นที่มีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 35 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 นอกจากนั้น ควรเน้นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา หากมีสิ่งไหนที่เราไม่ชอบก็ไม่ควรน�ำไปใช้ กับบุคคลอื่น หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยค�ำที่รุนแรงเพื่อโจมตีบุคคลอื่น หรือวิจารณ์อย่างรุนแรง โดยขาดข้อมูล ที่สนับสนุนอย่างรอบด้าน และหยุดส่งต่อข้อความที่รุนแรงเหล่านั้นออกไปโดยไม่มีขอบเขต ซึ่งหากทุกคน สามารถช่วยสนับสนุนให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์เชิงบวกได้อย่างกว้างขวางแล้ว จะช่วยลดการระรานกัน ทางไซเบอร์ไปได้ ส�ำหรับวิธีจัดการกับการถูกบูลลี่ทางไซเบอร์ กรมสุขภาพจิต แนะว่า สามารถเริ่มต้นด้วยการ ประเมินการใช้งานโซเชียลมีเดียของตนเอง ปรับเวลาการใช้งานให้เหมาะสม ใช้เวลากับผู้คนในชีวิตจริง มากขึ้น หากเมื่อเกิดการระรานขึ้นกับตัวเอง ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/social/986974 1. หากนักเรียนถูกไซเบอร์บูลลี่จะเลือกตอบสนองหรือไม่กับเหตุการณ์นั้น เพราะเหตุใด .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. ถ้านักเรียนยังถูกไซเบอร์บูลลี่อย่างต่อเนื่องจากบุคคลเดิม จะด�ำเนินการอย่างไรจึงจะเหมาะสม (ระบุอย่างน้อย 3 วิธี) .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 3. นักเรียนคิดว่าจากการถูกไซเบอร์บูลลี่บ่อยครั้งจะส่งผลกระทบหรือไม่ อย่างไรบ้าง .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 36 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 แนวค�ำตอบ ข้อที่ 1 หากนักเรียนถูกไซเบอร์บูลลี่จะเลือกตอบสนองหรือไม่กับเหตุการณ์นั้น เพราะเหตุใด ตอบสนอง เพราะต้องการปกป้องสิทธิของตนเองเมื่อถูกผู้อื่นกลั่นแกล้ง โดยใช้เหตุผลที่เหมาะสมและไม่ตอบโต้ ด้วยข้อความที่รุนแรง เพราะต้องการอธิบายความเป็นจริงของข้อความที่ถูกกล่าวหาหรือบูลลี่ โดยใช้เหตุผลที่เหมาะสม และไม่ตอบโต้ด้วยข้อความที่รุนแรง เนื่องจากไม่เป็นความจริง ฯลฯ ไม่ตอบสนอง เพราะข้อความกลั่นแกล้ง ไม่ว่าข้อความนั้นจะรุนแรงต่อเราขนาดไหน ก็อย่าเขียนตอบโต้ เพราะ จะท�ำให้สถานการณ์แย่ลง และนั่นเป็นสิ่งที่ผู้ระรานต้องการให้เกิดขึ้น เพราะการแก้แค้นหรือตอบโต้ด้วยวิธีเดียวกันจะท�ำให้ไม่ต่างจากคนที่กลั่นแกล้งเรา อาจท�ำให้เรา กระท�ำความผิดและเป็นจ�ำเลยสังคมแทน ฯลฯ ข้อที่ 2 ถ้านักเรียนยังถูกไซเบอร์บูลลี่อย่างต่อเนื่องจากบุคคลเดิม จะด�ำเนินการอย่างไรจึงจะเหมาะสม (ระบุอย่างน้อย 3 วิธี) - เก็บหลักฐาน บันทึกภาพและข้อความที่ท�ำร้ายคุณ เพื่อแจ้งต�ำรวจ - ตัดช่องทางการติดต่อ โดยลบ แบน บล็อก ทุกช่องทางการเชื่อมต่อกับคนที่มาระราน - ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว - กดรายงาน (Report) - บอกผู้ปกครอง - ปรึกษาเพื่อนขอค�ำแนะน�ำ ฯลฯ ข้อที่ 3 นักเรียนคิดว่าจากการถูกไซเบอร์บูลลี่บ่อยครั้งจะส่งผลกระทบหรือไม่ อย่างไรบ้าง ส่งผลกระทบ เพราะการถูกไซเบอร์บูลลี่ท�ำให้เกิดความรู้สึกทางจิตใจ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคซึมเศร้า โรคเครียด เป็นต้น
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 37 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เพราะการถูกไซเบอร์บูลลี่กระทบต่อจิตใจ ซึ่งอาจท�ำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น ร่างกายซูบผอม เป็นต้น เพราะการถูกไซเบอร์บูลลี่ท�ำให้เกิดผลกระทบต่อการด�ำเนินชีวิตในสังคม ฯลฯ ไม่ส่งผลกระทบ เพราะสามารถอดทนต่อการถูกไซเบอร์บูลลี่ได้ เพราะมีจิตใจเข้มแข็ง การถูกไซเบอร์บูลลี่จึงไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ เพราะรู้จักปล่อยวางและให้อภัยต่อสิ่งที่ไม่ดี เพราะบุคคลนั้นอาจไม่ได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นประจ�ำ ฯลฯ เกณฑ์การให้คะแนน ข้อที่ เกณฑ์การให้คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน 1. หากนักเรียนถูก ไซเบอร์บูลลี่จะเลือก ตอบสนองหรือไม่ กับเหตุการณ์นั้น เพราะเหตุใด นักเรียนเลือกตอบ ค�ำถามว่า “ตอบสนอง” หรือ “ไม่ตอบสนอง” พร้อมให้เหตุผล ประกอบในเชิงบวก นักเรียนเลือกตอบ ค�ำถามว่า “ตอบสนอง” หรือ “ไม่ตอบสนอง” พร้อมให้เหตุผล ประกอบในเชิงลบ นักเรียนเลือกตอบ ค�ำถามว่า “ตอบสนอง” หรือ “ไม่ตอบสนอง” แต่ไม่ให้เหตุผล ประกอบ ไม่เขียนตอบ หรือ คัดลอกสถานการณ์ มาเป็นค�ำตอบ 2. ถ้านักเรียนยังถูก ไซเบอร์บูลลี่อย่าง ต่อเนื่องจากบุคคลเดิม จะด�ำเนินการอย่างไร จึงจะเหมาะสม (ระบุอย่างน้อย 3 วิธี) นักเรียนบอกวิธี ด�ำเนินการ ได้เหมาะสม 3 วิธี ขึ้นไป นักเรียนบอกวิธี ด�ำเนินการ ได้เหมาะสม เพียง 2 วิธี นักเรียนบอกวิธี ด�ำเนินการ ได้เหมาะสม เพียง 1 วิธี ไม่เขียนตอบ หรือ คัดลอกสถานการณ์ มาเป็นค�ำตอบ 3. นักเรียนคิดว่า จากการถูกไซเบอร์บูลลี่ บ่อยครั้งจะส่งผลกระทบ หรือไม่ อย่างไรบ้าง นักเรียนเลือก ตอบค�ำถามว่า “ส่งผลกระทบ” หรือ นักเรียนเลือก ตอบค�ำถามว่า “ส่งผลกระทบ” หรือ นักเรียนเลือก ตอบค�ำถามว่า “ส่งผลกระทบ” หรือ ไม่เขียนตอบ หรือ คัดลอกสถานการณ์ มาเป็นค�ำตอบ
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 38 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ข้อที่ เกณฑ์การให้คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 0 คะแนน “ไม่ส่งผลกระทบ” พร้อมให้เหตุผล ประกอบในเชิงบวก “ไม่ส่งผลกระทบ” พร้อมให้เหตุผล ประกอบในเชิงลบ “ไม่ส่งผลกระทบ” แต่ไม่ให้เหตุผล ประกอบ เกณฑ์ตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน ระดับคุณภาพ 8 - 9 ดีเยี่ยม 6 - 7 ดี 4 - 5 พอใช้ 0 - 3 ปรับปรุง นักเรียนต้องได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป จึงจะถือว่า “ผ่าน” ******************************
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 39 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2.2.5 การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ การเขียนสะท้อนการเรียนรู้ เป็นรูปแบบการบันทึกการเขียนที่ให้ผู้เรียนเขียนตอบกระทู้ หรือ ค�ำถามของครู ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับความรู้ ทักษะที่ก�ำหนดในตัวชี้วัด เพื่อให้ผู้สอนทราบความก้าวหน้า ในผลการเรียนรู้และพัฒนาการด้านทักษะการเขียน ซึ่งในวิธีการประเมินนี้สามารถน�ำมาใช้ประเมิน ความสามารถในการคิด ส�ำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ซึ่งมีรายละเอียดเครื่องมือประเมิน ดังนี้ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคิด ตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน การคิดสร้างสรรค์ พัฒนาชิ้นงาน วิธีการหรือนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาที่ยากและซับซ้อนโดยใช้ ความคิดที่แปลกใหม่ที่ไม่ซ�้ำใครหรือพัฒนาต่อยอดจากของเดิมให้เหมาะสมต่อการใช้งานจริง จากสิ่งที่มีอยู่ หรือน�ำสิ่งอื่นมาทดแทนสิ่งที่ขาด 2 วิธี ในเวลาที่ก�ำหนด แจกแจงรายละเอียดของการพัฒนาชิ้นงาน วิธีการ หรือนวัตกรรมและขยายความคิดได้ มีการประเมินชิ้นงาน วิธีการหรือนวัตกรรมจากเกณฑ์และเสนอแนวทาง ปรับปรุง ลักษณะเครื่องมือ แบบบันทึกการเขียนสะท้อนการเรียนรู้ วิธีการใช้เครื่องมือ การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลฉบับนี้ สามารถใช้ในการประเมินการจัดการเรียนรู้/การจัดท�ำ ผลงาน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้แบบบันทึกการเขียนสะท้อนการเรียนรู้ ควรอยู่ในระดับ “พอใช้” ขึ้นไป
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 40 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ตัวอย่างเครื่องมือประเมินความสามารถในการคิด แบบบันทึกการเขียนสะท้อนการเรียนรู้ ชื่อ - สกุล.................................................................................เลขที่..........................ชั้น................................... ค�ำชี้แจง 1. ครูให้นักเรียนผลิตผลงาน 2. เมื่อนักเรียนผลิตผลงานแล้ว ให้นักเรียนเขียนสะท้อนการเรียนรู้เกี่ยวกับผลงานที่สร้างขึ้นในประเด็น ต่อไปนี้ 1. ผลงานมีลักษณะแปลกใหม่ หรือดัดแปลงจากสิ่งที่มีอยู่อย่างไร .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... 2. รายละเอียดของการพัฒนาผลงานเป็นอย่างไร (อธิบายถึงการออกแบบ วิธีการพัฒนา/ปรับปรุง ระยะเวลาการจัดท�ำผลงาน และอุปสรรคในการพัฒนาผลงาน) .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ..........................................................................................................................................................................
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 41 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 3. ระบุผลที่เกิดจากการผลิตชิ้นงานได้ (อธิบายถึงประโยชน์ของผลงาน ผลงานมีคุณภาพ แนวทาง การน�ำไปใช้งาน และข้อจ�ำกัดในการใช้งาน) .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... เกณฑ์การให้คะแนน ข้อที่ เกณฑ์การให้คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 1. ผลงานมีลักษณะ แปลกใหม่ หรือ ดัดแปลงจากสิ่ง ที่มีอยู่ ผลงานมีความ แปลกใหม่ หรือ ดัดแปลงต่อยอด จากสิ่งที่มีอยู่ โดยไม่เหมือนกับ ผลงานเดิม และไม่คล้ายผลงาน ของเพื่อน ผลงานมีการ ดัดแปลงต่อยอด จากสิ่งที่มีอยู่ โดยไม่เหมือนกับ ผลงานเดิม แต่คล้ายผลงาน ของเพื่อน ผลงานมีการ ดัดแปลงต่อยอด จากสิ่งที่มีอยู่ แต่ยังมีความเหมือน กับผลงานเดิมและ คล้ายผลงาน ของเพื่อน ผลงานไม่มีความ แปลกใหม่ หรือ ไม่มีการดัดแปลง ต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ โดยเหมือนกับ ผลงานเดิมและ เหมือนผลงาน ของเพื่อน 2. รายละเอียดของ การพัฒนาผลงาน - การออกแบบ - วิธีการพัฒนา/ ปรับปรุง - ระยะเวลาการจัดท�ำ ผลงาน - อุปสรรคในการ พัฒนาผลงาน มีการสะท้อน รายละเอียดของ การพัฒนาผลงาน ครบทั้ง 4 ประเด็น มีการสะท้อน รายละเอียดของ การพัฒนาผลงาน จ�ำนวน 3 ประเด็น มีการสะท้อน รายละเอียดของ การพัฒนาผลงาน จ�ำนวน 2 ประเด็น มีการสะท้อน รายละเอียดของ การพัฒนาผลงาน จ�ำนวน 1 ประเด็น
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 42 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ข้อที่ เกณฑ์การให้คะแนน 4 คะแนน 3 คะแนน 2 คะแนน 1 คะแนน 3. ระบุผลที่เกิดจาก การผลิตชิ้นงานได้ - ประโยชน์ของผลงาน - ผลงานมีคุณภาพ - แนวทางการน�ำไป ใช้งาน - ข้อจ�ำกัดในการใช้งาน ระบุผลที่เกิดจาก การผลิตชิ้นงานได้ ครบทั้ง 4 ประเด็น ระบุผลที่เกิดจาก การผลิตชิ้นงานได้ 3 ประเด็น ระบุผลที่เกิดจาก การผลิตชิ้นงานได้ 2 ประเด็น ระบุผลที่เกิดจาก การผลิตชิ้นงานได้ 1 ประเด็น เกณฑ์ตัดสินระดับคุณภาพ คะแนน ระดับคุณภาพ 10 - 12 ดีเยี่ยม 7 - 9 ดี 4 - 6 พอใช้ 1 - 3 ปรับปรุง นักเรียนต้องได้ระดับคุณภาพ พอใช้ ขึ้นไป จึงจะถือว่า “ผ่าน” ******************************
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 43 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 2.2.6 การประเมินการปฏิบัติ การประเมินการปฏิบัติ เป็นวิธีการประเมินงานหรือกิจกรรมที่ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติงาน เพื่อให้ทราบถึงผลการพัฒนาของผู้เรียน โดยสิ่งที่ส�ำคัญ 2 ประการ ส�ำหรับวิธีการประเมินนี้ ได้แก่ ภาระงาน (Tasks) หรือกิจกรรมที่จะให้ผู้เรียนปฏิบัติ และเกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics) ซึ่งในวิธีการประเมินนี้ สามารถน�ำมาใช้ประเมินความสามารถในการคิด ส�ำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 ซึ่งมีรายละเอียด เครื่องมือประเมิน ดังนี้ สมรรถนะส�ำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคิด ตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมิน การคิดเชิงระบบ วิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระบบหรือสถานการณ์ เชื่อมโยงจัดหมวดหมู่หรือ ก�ำหนดตัวแปร วิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล ระบุแบบแผนของพฤติกรรมและองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงและสร้างแบบจ�ำลองเพื่อแสดงโครงสร้างของระบบหรือสถานการณ์ได้ ลักษณะเครื่องมือ แบบประเมินการปฏิบัติ วิธีการใช้เครื่องมือ การใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลฉบับนี้ สามารถใช้ในการประเมินระหว่างเรียน และหลังการจัด การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และระดับความสามารถของผู้เรียน ตามแนวทางการประเมินสมรรถนะส�ำคัญ ของผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 การพัฒนาผู้เรียนด้วยการใช้แบบประเมินการปฏิบัติ ควรอยู่ในระดับ “พอใช้” ขึ้นไป
คู่มือการใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาการเรียนรู้และสมรรถนะของผู้เรียน จ�ำนวน 12 รูปแบบ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 44 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ตัวอย่างเครื่องมือประเมินความสามารถในการคิด แบบประเมินการปฏิบัติ กลุ่มที่.......................................................ชั้น....................................................................................................... รายชื่อสมาชิกกลุ่ม 1. ...............................................................................................เลขที่......................................... 2. ...............................................................................................เลขที่......................................... 3. ...............................................................................................เลขที่......................................... ค�ำชี้แจง 1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียน และแจ้งเกณฑ์การให้คะแนน/ระดับคุณภาพ ให้นักเรียนทราบ 2. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม ร่วมกันออกแบบวิธีการแก้ปัญหาและจัดการขยะภายในโรงเรียน จากนั้นน�ำเสนอผลงาน โดยครูสังเกตและประเมินการน�ำเสนอผลงาน ในประเด็นต่อไปนี้ - นักเรียนสามารถออกแบบวิธีการแก้ปัญหาและจัดการขยะภายในโรงเรียน ที่นักเรียนสามารถ น�ำไปปฏิบัติจริงได้ - นักเรียนคัดเลือกวิธีการจัดการขยะที่ดีที่สุดที่ออกแบบขึ้น และน�ำมาเปรียบเทียบกับวิธีการ จัดการขยะแบบเดิมได้ - หากต้องน�ำวิธีการจัดการขยะที่ได้คัดเลือกไปใช้ แล้วพบปัญหาว่าเพื่อนไม่ให้ความร่วมมือ นักเรียนจะสามารถบอกวิธีการแก้ปัญหาได้ - นักเรียนสามารถท�ำนายผลการแก้ปัญหาที่นักเรียนคิดขึ้นมาได้ 3. ให้ครูท�ำเครื่องหมาย ✓ลงในช่องว่างที่ตรงกับระดับความสามารถของนักเรียน รายการประเมิน ระดับคะแนน (4) (3) (2) (1) 1. นักเรียนสามารถออกแบบวิธีการแก้ปัญหาและจัดการขยะ ภายในโรงเรียน ที่นักเรียนสามารถน�ำไปปฏิบัติจริงได้ 2. นักเรียนคัดเลือกวิธีการจัดการขยะที่ดีที่สุดที่ออกแบบขึ้น และน�ำมาเปรียบเทียบกับวิธีการจัดการขยะแบบเดิมได้