สัปดาหท์ ่ี 6
โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรียนที่ ……2…/…….……... ชือ่ ผสู้ อน ….…..….................................................……...
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 8 โลกรอ้ น ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 6 คาบ
เร่อื ง โลกร้อน
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด
มาตรฐานท่ี ท 2.1ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอ่ื สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรอ่ื งราวในรปู แบบตา่ งๆ
เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตัวชว้ี ดั ที่ ป 2/2 เขียนเร่อื งสัน้ ๆ เกย่ี วกบั ประสบการณ์
ตวั ชี้วดั ที่ ป 2/4 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐานท่ี ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา
ภูมิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
ตัวช้วี ัดท่ี ป 2/3เรียบเรยี งคาเป็นประโยคไดต้ รงตามเจตนาของการสอ่ื สาร
มาตรฐานท่ี ท 5.1เขา้ ใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คณุ คา่ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ใน
ชวี ิตจริง
ตัวช้ีวดั ท่ี ป 2/1 ระบขุ อ้ คดิ ที่ไดจ้ ากการอ่าน หรอื การฟงั วรรณกรรมสาหรบั เดก็ เพอ่ื นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การอา่ นจบั ใจความสาคัญ คอื การอา่ นเพ่ือจบั ใจความหรอื ขอ้ คดิ ความคิดสาคญั หลักของข้อความ หรือเรือ่ งท่อี า่ น
การอา่ นจบั ใจความสาคญั ถอื เป็นทกั ษะสาคญั ท่ใี ชใ้ นการอา่ นเพ่ือการสอ่ื สารมากทสี่ ดุ เพราะเป็นพน้ื ฐานสาคัญในการศกึ ษาหา
ความรู้ จึงควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
การเขียนเรือ่ งตามประสบการณ์ คือ การเขียนเรือ่ งจากส่ิงที่เราได้กระทา หรือเขยี นเรอื่ งจากสง่ิ ทเี่ ราพบเหน็ เมือ่ เวลา
ผ่านไปจะทาใหเ้ ราจดจาความประทบั ใจเลา่ นั้น
ประโยค หมายถึง ข้อความทม่ี ที งั้ ภาคประธาน และภาคแสดง ทม่ี ใี จความสมบรู ณค์ รบถว้ น รวู้ ่าใครทาอะไร ท่ไี หน
อย่างไร การจะสอื่ สารใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจผู้เขียนตอ้ งเรยี นรู้องคป์ ระกอบของประโยค
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.รแู้ ละเขา้ ใจหลักการเขยี นเลา่ ประสบการณไ์ ด้ (K)
2.อธิบายลกั ษณะของประโยค (K)
3.อธบิ ายความหมาย และหลกั การอ่านจบั ใจความสาคัญ (K)
4.อ่านเร่อื งไดค้ ล่องแคลว่ รวดเร็วและถูกตอ้ งตามอักขรวิธี (P)
5.แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และข้อคดิ เหน็ จากเรอ่ื งทอี่ า่ น (P) สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
6.เขยี นเล่าประสบการณไ์ ดถ้ ูกต้อง(P)
7.วเิ คราะห์คาและเรียบเรยี งคาใหเ้ ป็นประโยค (P)
8.มีความกระตอื รอื ร้นในการร่วมกจิ กรรม (A)
9.มคี วามสนใจในการเรยี นภาษาไทย (A )
10.เหน็ ความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
3.1 ความรู้ : Knowledge (K) การอา่ นจบั ใจความไก่แจแ้ ซ่เสยี ง
(วรรณคดลี านา) การเขยี นเล่าประสบการณ์ (วันหยุด)
การเรยี บเรยี งคาให้เปน็ ประโยค
3.2 กระบวนการจัดการเรยี นรู้ : Process (P)
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน
คาบที่ 1-2 สาระสาคญั
การอา่ นจบั ใจความสาคัญ คือ การอ่านเพื่อจับใจความหรือข้อคดิ ความคดิ สาคญั หลกั ของ
การอ่านจับ
ใจความ ข้อความ หรอื เร่อื งท่อี ่าน
(ไก่แจแ้ ซเ่ สียง) การอ่านจบั ใจความสาคญั ถือเป็นทกั ษะสาคัญทใ่ี ชใ้ นการอา่ นเพือ่ การสอ่ื สารมากทส่ี ดุ เพราะเป็น
พืน้ ฐานสาคัญในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
ข้ันท่ี 1 ขนั้ รวบรวมข้อมูล
6. ครนู าเขา้ สบู่ ทเรียนโดยนาภาพไกข่ ันให้นกั เรียนดู โดยใช้คาถามดังนี้
- ในภาพนกั เรียนเหน็ อะไรบา้ ง
- หนูเหน็ ไกแ่ จไ้ หม ครอบครวั ไกค่ ยุ้ เขยี่ ดนิ
ก๊กุ กกุ๊ เรียกลกู กิน เอ้ก อ๋ี เอก้ แซเ่ สียงขัน
* จากบทรอ้ ยกรองนีน้ กั เรียนเขา้ ใจวา่ อยา่ งไร
2.นกั เรียนเขา้ กลมุ่ ศึกษาเรอ่ื ง ไก่แจ้แซ่เสียง แล้วร่วมกนั สนทนาโดยใชค้ าถามดังนี้
- เมื่อนกั เรยี นได้ศึกษาจากเรื่องนี้แล้ว นกั เรียนรสู้ ึกอย่างไร
- ความหมายของไก่คยุ้ เข่ียดนิ เปรยี บเหมอื นคนในเรอ่ื งใด
ขั้นที่ 2 ขนั้ คิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วิเคราะห์เกีย่ วกบั เรอ่ื งที่อา่ น โดยครใู ช้คาถามดังน้ี
- ตัวละครในเรอื่ งมใี ครบา้ ง มเี หตุการณอ์ ะไรเกิดข้ึนบา้ ง
- นกั เรยี นอ่านเร่ืองไกแ่ จแ้ ซเ่ สยี ง แล้วรหู้ รอื ไมว่ า่ อะไรคอื ความดีของไก้แจ้ทเี่ ราควรเอา
เป็นตวั อยา่ ง
4. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั สรปุ ใจความสาคญั ของเร่อื งไกแ่ จแ้ ซ่เสยี ง และตง้ั คาถามกลมุ่ ละ
10 คาถาม
5.ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ คดิ ประเมนิ เพื่อเพ่ิมคณุ ค่าโดยครใู ชค้ าถามดงั ตอ่ ไปนี้
- จากเร่ืองทอ่ี ่านนักเรยี นสามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั อยา่ งไร
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลงั การปฏบิ ตั ิ
6. เมือ่ นกั เรยี นอา่ นจบแล้วครูให้นกั เรยี นสรปุ เร่ืองทีอ่ ่าน
7. ครูสมุ่ ถามนักเรยี นโดยใช้ไมเ้ รยี กเลขท่ี ใหส้ รปุ เรือ่ งใจความสาคญั
ขน้ั ท่ี 4 ข้ันส่อื สารและนาเสนอ
8. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอการอ่านจบั ใจความเรอ่ื งสายร้งุ ประมาณ 4-5 คน
ครสู ุม่ เรียกนกั เรียนโดยใชไ้ มเ้ รยี กที่
ขนั้ ท่ี 5ขั้นประเมินเพ่ือเพ่ิมคุณค่าบริการสังคมและจติ สาธารณะ
9. นกั เรยี นชว่ ยกนั สรุปบทเรยี น ครสู รปุ เพมิ่ เตมิ ด้วยการสมุ่ ถามนักเรยี นบางคน เพอ่ื เปน็
การประเมินความเข้าใจไปในตวั ดว้ ย
10. นักเรยี นร่วมกนั แสงดความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถามต่อไปน้ี
- นักเรียนสามาถนาความรเู้ กีย่ วกับเรือ่ งท่ีเรยี นไปใช้ประโยชน์ในสงั คมไดอ้ ยา่ งไร
สาระสาคัญ
คาบที่ 3-4 การเขยี นเรอื่ งตามประสบการณ์ คอื การเขยี นเรื่องจากสิ่งทเี่ ราไดก้ ระทา หรอื เขียนเรือ่ ง
การเขยี นเรอ่ื งตาม จากสง่ิ ทเี่ ราพบเห็น เมื่อเวลาผ่านไปจะทาให้เราจดจาความประทบั ใจเลา่ นัน้
ประสบการณ์ ขั้นที่ 1 ข้นั รวบรวมข้อมูล
9. นกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเพอื่ เขา้ ส่บู ทเรยี นโดยครใู ชค้ าถามดงั นี้
- นกั เรยี นทาอะไรในวันหยุดชว่ งปดิ ภาคเรยี น (สุ่มถามนักเรียนโดยใชเ้ รยี กเลขที่ 4-5
คน )
10. นักเรยี นศกึ ษาการเขยี นเล่าประสบการณ์แลว้ ร่วมกันสนทนาโดยใชค้ าถามดงั น้ี
- นกั เรยี นรจู้ กั คาว่าประสบการณ์หรอื ไม่
คาบที่ 5-6 - การเขยี นเลา่ ประสบการณค์ วรเขยี นในลักษณะใด
การเรียบเรียงคา ขั้นท่ี 2 ขนั้ คิดวิเคราะห์และสรปุ ความ
ให้เป็นประโยค 11. นักเรียนดตู ัวอยา่ งการเขยี นเลา่ ประสบการณ์และร่วมกนั วเิ คราะห์ ถงึ รปู แบบการเขียน
12. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มคดิ ประเมินเพอื่ เพมิ่ มลู คา่ โดยครใู ช้คาถามตอ่ ไปนี้
- นักเรียนสามาถนาความร้ทู ไ่ี ดร้ บั ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้อย่างไร
ข้นั ที่ 3 ขั้นปฏิบตั แิ ละสรปุ ความรู้หลงั การปฏบิ ตั ิ
5. นกั เรยี นเขยี นเล่าประสบการณ์( วนั หยดุ )
6. นักเรยี นร่วมกันสรุปเกย่ี วกบั การเขยี นเล่าประสบการณ์ (วันหยุด)
ขัน้ ที่ 4 ข้ันสอ่ื สารและนาเสนอ
7. นกั เรียนนาเสนอการเขยี นเลา่ ประสบการณ์(วันหยุด) โดยครใู ช้ไม้เรียกเลขที่ เรียก
นกั เรยี นออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรยี นประมาณ 4-5 คน
ขน้ั ท่ี 5ขั้นประเมนิ เพ่ือเพม่ิ คุณคา่ บริการสังคมและจติ สาธารณะ
8. นักเรยี นรว่ มกันแสงดความคดิ เหน็ โดยครูใช้คาถามต่อไปนี้
- นกั เรยี นสามาถนาความรู้เก่ยี วกับเร่ืองท่ีเรียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมไดอ้ ย่างไร
สาระสาคญั
ประโยค หมายถึง ข้อความท่ีมีทั้งภาคประธาน และภาคแสดง ที่มีใจความสมบูรณ์
ครบถ้วน รู้ว่าใครทาอะไร ท่ีไหน อย่างไร การจะส่ือสารให้ผู้อ่านเข้าใจผู้เขียนต้องเรียนรู้
องค์ประกอบของประโยค
ขน้ั ที่ 1 ขัน้ รวบรวมข้อมูล
17. ครใู ห้นักเรียนดบู ัตรคาจากเรอื่ ง โลกรอ้ น แลว้ รว่ มกนั สนทนาแสดงความคิดเห็นและ
อภปิ รายถึงลักษณะของคา ความหมายของคา
18. จากนั้นครูถามนาเพอ่ื กระตนุ้ และจุดประกายความคิดใหน้ กั เรียนตอบดงั ตวั อย่าง
ต่อไปน้ี
- นักเรยี นรู้หรือไม่ว่า คาเหล่านีม้ คี วามหมายอยา่ งไร ?
- คาเหล่านที้ าหน้าทใ่ี นประโยคอะไรบ้าง?
19. นักเรียนศึกษาเรอื่ งการเรยี บเรยี งคาใหเ้ ป็นประโยค แล้วรว่ มกนั สนทนาโดยใชค้ าถาม
ดงั น้ี
- การเรยี บเรยี งคาควรข้ึนอย่างไร
- ในการเขียนเรียบเรยี งคาใหเ้ ปน็ ประโยคควรใช้ภาษาใดในการเขยี น
ขั้นที่ 2 ข้ันคิดวเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
20. นกั เรยี นสงั เกตประโยคจากแถบประโยคบนกระดาน ให้ทุกคนช่วยกนั พิจารณาความ
ถกู ต้องของประโยค
21. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ คดิ ประเมนิ เพื่อเพม่ิ มลู ค่าโดยครูใช้คาถามต่อไปนี้
- นักเรยี นสามาถนาความรู้ท่ไี ดร้ บั ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างไร
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏิบตั แิ ละสรุปความรู้หลงั การปฏบิ ัติ
22. นกั เรยี นอ่านคาศัพท์ เช่น เปลวไฟ หลอดไฟ ลกุ ไหม้ เสอื้ กันหนาว หอ้ งสมุด
เหม็น อาคาร ก๊าซพิษ สปั ดาห์ พลาสตกิ ภาพยนตร์ อศั จรรย์ อนั ตราย สารคดี
ปรกติ
23. นกั เรียนเรยี นรูค้ า คายาก กลมุ่ คา ชนดิ ของคา เช่น คานาม คากริยาและกรรม
24. นกั เรียนหาความหมายของคาในพจนานกุ รมงา่ ยๆ การเรยี งลาดับตามพจนานุกรม
25. ครแู นะนาให้นักเรยี นฝกึ อา่ นออกเสียง อา่ นหนังสือเพมิ่ เตมิ หรอื ส่งเสรมิ การอ่านและ
ฝกึ คัดลายมอื บอ่ ยๆ
26. นกั เรียนเขยี นเรียงเรียงประโยค โดยครูแนะนาและดูความถกู ตอ้ ง
ขนั้ ที่ 4 ขั้นสอ่ื สารและนาเสนอ
11.นักเรียนนาเสนอผลงานโดยครูใชไ้ ม้เรยี กเลขท่ี เพอ่ื ใหน้ ักเรียนนาเสนอทลี ะคน
เพ่อื นๆช่วยกนั
ตรวจสอบความถูกต้อง
ขัน้ ท่ี 5ข้ันประเมนิ เพื่อเพิ่มคุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
12. นักเรยี นร่วมกันแสงดความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ าถามต่อไปนี้
- นักเรียนสามาถนาความรเู้ ก่ียวกับเรื่องทเ่ี รียนไปใชป้ ระโยชน์ในสงั คมไดอ้ ยา่ งไร
3.3 คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ : Attitude (A) ซ่ือสัตย์สจุ รติ มีวินัย ใฝเ่ รยี นรู้ อยูย่ ่างพอเพียง
มงุ่ มั่นในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มจี ิตสาธารณะ
6. สื่อ/อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรยี นรู้
1. แบบฝกึ หดั 2. บทร้อยกรอง 3. บตั รคา
6.ภาพไกแ่ จ้
4. ไม้เรยี กเลขท่ี 5.คาถาม
7. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
การประเมนิ วิธกี าร เคร่ืองมอื
-คาถาม
ด้านความรู้ (K) -การตอบคาถาม -แบบฝกึ หดั
-แบบประเมินการอ่าน
-ทาแบบฝกึ หดั -แบบประเมินการเขยี น
-แบบฝกึ หดั
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอา่ น -แบบสังเกตพฤติกรรม
-ทักษะการเขยี น
-ทกั ษะการคิดวิเคราะห์
ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ ม (A) -สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วมกจิ กรรม
การทางานกลมุ่
-สงั เกตพฤตกิ รรมการใช้คาศพั ท์
8. กิจกรรมเสนอแนะ
......................................................................... ............................................................................................................................. ....
............................................................................................................................. .............................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................
ลงชือ่ .............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)
สัปดาหท์ ่ี 7
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นท่ี ……2…/…….……... ชอ่ื ผูส้ อน ….…..….................................................……...
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 9 รักพ่อ รักแม่ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 6 คาบ
เรอ่ื ง รักพอ่ รักแม่
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐานที่ ท 1.1ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพื่อนาไปใช้ตัดสนิ ใจ แก้ปญั หาในการดาเนนิ ชีวิต
และมีนสิ ยั รกั การอ่าน
ตวั ช้ีวัดที่ ป 2/1 อา่ นออกเสียงคาคลอ้ งจอง ข้อความ และบทร้อยกรองง่ายๆได้อย่างถกู ตอ้ ง
ตัวชี้วดั ที่ ป 2/2 อธบิ ายความหมายของคาและขอ้ ความทีอ่ า่ น
ตัวชว้ี ัดท่ี ป 2/3 ตง้ั คาถามและตอบคาถามเกย่ี วกบั เรอ่ื งทอ่ี า่ น
ตัวชี้วัดท่ี ป 2/4 ระบใุ จความสาคัญและรายละเอยี ดจากเร่อื งทอี่ า่ น
ตวั ชว้ี ัดที่ ป 2/5 แสดงความคิดเห็นและคาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรื่องทีอ่ า่ น
ตวั ช้วี ดั ท่ี ป 2/8 มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท 2.1ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเรือ่ งราวในรปู แบบต่างๆ
เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ช้ีวดั ท่ี ป 2/2 เขียนเรอ่ื งสัน้ ๆ เกย่ี วกบั ประสบการณ์
ตัวชวี้ ัดที่ ป 2/4 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐานท่ี ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญา
ทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ
ตัวชี้วัดที่ ป 2/2เขียนสะกดคาและบอกความหมาย ของคา
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอา่ นจบั ใจความสาคญั คอื การอ่านเพอื่ จบั ใจความหรอื ขอ้ คดิ ความคดิ สาคญั หลักของข้อความ หรือเรือ่ งทอี่ ่าน
การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถือเปน็ ทกั ษะสาคญั ทใี่ ชใ้ นการอา่ นเพอ่ื การส่อื สารมากทสี่ ดุ เพราะเปน็ พน้ื ฐานสาคญั ในการศึกษาหา
ความรู้ จึงควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
การเขยี นบรรยายวนั พอ่ เป็นการเขยี นเพื่อฝึกจินตนาการและพฒั นาให้นกั เรียนมที กั ษะในการคดิ และการเขียนสรา้ งสรรค์
คาใหม่ ๆ ให้มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.อธิบายความหมาย และหลกั การอ่านจบั ใจความสาคญั (K)
2. ร้แู ละเขา้ ใจหลกั การอ่านการเขียนคาท่มี ี มาตรา ก กา ได้(K)
3.รูแ้ ละเขา้ ใจหลกั การเขยี นบรรยายวนั พอ่ (K)
4.อ่านเร่ืองได้คลอ่ งแคลว่ รวดเรว็ และถกู ตอ้ งตามอกั ขรวิธี (P)
5.แยกขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คิดเหน็ จากเร่ืองทอ่ี ่าน (P)
6. เขยี นบรรยายวันพอ่ ได้ถูกตอ้ ง(P)
7.อ่านและเขียนคาทม่ี ีมาตรา ก กา ได้ (P)
8.เห็นความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A)
9. มมี ารยาทในการเขยี นภาษาไทยและมคี วามกระตือรอื รน้ (A)
10.กระตือรือรน้ และมสี ่วนร่วมกบั การจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ ละมีมารยาทในการเรียน (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถิ่น
3.1 ความรู้ : Knowledge (K) การอ่านจบั ใจความรกั พ่อ รกั แม่
การเขยี นบรรยายภาพวันพอ่ มาตรา ก .กา
3.2 กระบวนการจัดการเรยี นรู้ : Process (P)
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรียนการสอน
คาบท่ี 1-2 สาระสาคัญ
การอา่ นจบั ใจความสาคญั คือ การอา่ นเพอ่ื จบั ใจความหรอื ขอ้ คิด ความคิดสาคัญหลกั
การอา่ น
จับใจความ ของข้อความ หรือเรอื่ งที่อา่ น
( รกั พอ่ รักแม่) การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถือเปน็ ทกั ษะสาคัญท่ใี ชใ้ นการอา่ นเพ่อื การส่ือสารมากทส่ี ดุ เพราะ
เป็นพื้นฐานสาคญั ในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความชานาญ
ขน้ั ที่ 1 ขัน้ รวบรวมขอ้ มูล
7. ครนู าเข้าสบู่ ทเรยี นโดยให้ดภู าพ รว่ มกันสนทนาเพอ่ื เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครใู ช้คาถาม
ดังนี้
- นกั เรยี นเห็นอะไรในภาพนี้
- ร้สู ึกอยา่ งไรเกย่ี วกบั ภาพ
* ในการตอบคาถามใหน้ กั เรียนใช้ไมเ้ รียกเลขที่ เพ่ือใหน้ กั เรยี นตอบคาถามทีละคน
โดยถามกอ่ นจะเรยี กเลขท่เี พอ่ื ใหท้ กุ คนได้คิดในแต่ละคาถามควรใหน้ กั เรยี นนาเสนอ
4-5 คน
2. นกั เรยี นเขา้ กลมุ่ ศึกษาเรื่อง รักพอ่ รักแม่ แลว้ ร่วมกันสนทนาโดยใชค้ าถามดังนี้
- เม่อื นักเรียนไดศ้ ึกษาจากเรื่องนแ้ี ลว้ นกั เรยี นรสู้ กึ อย่างไร
- การแสดงความกตญั ญูต่อพอ่ แม่ทาไดอ้ ยา่ งไรบ้าง
ข้ันที่ 2 ขัน้ คดิ วิเคราะหแ์ ละสรุปความ
3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันวเิ คราะหเ์ ก่ยี วกบั เรอื่ งทอ่ี ่าน โดยครใู ช้คาถามดงั นี้
- ตวั ละครในเรือ่ งมใี ครบา้ ง มเี หตกุ ารณ์อะไรเกิดขน้ึ บา้ ง
- จากเร่ืองทอ่ี ่านนักเรยี นสามารถนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั อยา่ งไร
4.ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ คิดประเมินเพ่อื เพม่ิ คณุ คา่ โดยครใู ชค้ าถามดังต่อไปนี้
- จากเร่ืองท่ีอา่ นนกั เรยี นสามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั อย่างไร
ขั้นท่ี 3 ข้ันปฏิบตั ิและสรปุ ความรู้หลังการปฏิบตั ิ
5.นักเรยี นเข้ากลมุ่ ทากจิ กรรมการตง้ั คาถามและตอบคาถามเรอ่ื งทีอ่ า่ น กลมุ่ ละ 5 ข้อ
กติกาในการตั้งคาถาม คณุ ครูแบง่ จานวนหน้าท่แี ตล่ ะกลุ่มจะต้องรบั ผิดชอบในการตงั้
คาบที่ 3-4 คาถาม เพอ่ื ปอ้ งกันไมใ่ หก้ ารต้งั คาถามของแตล่ ะกลมุ่ ไมใ่ ห้ซา้ กัน
6.นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ข้อคดิ ทไี่ ดจ้ ากการอา่ น
การเขียน
บรรยายภาพวันพ่อ ขน้ั ท่ี 4 ข้ันสื่อสารและนาเสนอ
7. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอเรอ่ื ง รักพ่อ รักแม่ หนา้ ชัน้ เรยี น
ขน้ั ท่ี 5ข้ันประเมินเพ่ือเพมิ่ คุณค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
8. นักเรียนช่วยกนั สรปุ บทเรียน ครสู รปุ เพมิ่ เตมิ ด้วยการสมุ่ ถามนกั เรียนบางคน เพ่ือ
เปน็ การประเมนิ ความเข้าใจไปในตวั ดว้ ย
9. นกั เรียนร่วมกนั แสงดความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ าถามต่อไปน้ี
- นักเรียนสามาถนาความรเู้ กยี่ วกบั เรื่องท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชนใ์ นสังคมได้อยา่ งไร
สาระสาคญั
การเขียนบรรยายวนั พ่อเปน็ การเขยี นเพือ่ ฝกึ จนิ ตนาการและพฒั นาใหน้ กั เรยี นมีทกั ษะใน
การคิดและการเขยี นสร้างสรรคค์ าใหม่ ๆ ให้มคี วามถกู ต้องมากย่ิงข้นึ
ขน้ั ที่ 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มูล
13. นักเรียนรว่ มกันสนทนาเพ่อื เขา้ สู่บทเรยี นโดยให้นกั เรียนดภู าพ แล้วตอบคาถามโดย
ครูใช้คาถามดังนี้
- นกั เรียนรจู้ กั บุคคลในภาพหรือไม่
- เป็นวันสาคญั ของชาวไทยอยา่ งไร
14. นกั เรยี นศึกษาการเขยี นบรรยายจากภาพ โดยมหี ัวข้อ วนั พอ่ แลว้ รว่ มกนั สนทนาโดย
ใชค้ าถามดังน้ี
- การเขียนบรรยายภาพ เราเขียนอย่างไร
ขน้ั ที่ 2 ขน้ั คดิ วิเคราะห์และสรุปความ
15. นักเรียนดูตวั อย่างการเขียนบรรยายภาพและรว่ มกันวิเคราะห์ ถึงรูปแบบการเขียน
16. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มคดิ ประเมนิ เพ่ือเพมิ่ มลู คา่ โดยครูใช้คาถามต่อไปน้ี
- นกั เรยี นสามาถนาความรทู้ ่ีไดร้ บั ไปใช้ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างไร
ข้นั ที่ 3 ขั้นปฏิบัตแิ ละสรุปความรหู้ ลงั การปฏิบัติ
5. นกั เรยี นเขียนบรรยายภาพ วนั พ่อ
6. นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เกย่ี วกบั การเขยี นบรรยายภาพ วันพ่อ
คาบท่ี 5-6 ขัน้ ที่ 4 ข้ันสอื่ สารและนาเสนอ
มาตรา ก.กา
7. นักเรียนนาเสนอการเขยี นบรรยายภาพ(วันพ่อ) โดยครใู ช้ไมเ้ รยี กเลขท่ี เรยี กนกั เรียน
ออกมานาเสนอหนา้ ชั้นเรยี นประมาณ 4-5 คน
ขน้ั ที่ 5ข้ันประเมนิ เพื่อเพม่ิ คุณคา่ บริการสังคมและจติ สาธารณะ
8. นักเรยี นร่วมกนั แสงดความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามต่อไปน้ี
- นกั เรยี นสามาถนาความรู้เก่ยี วกับเรื่องที่เรียนไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมไดอ้ ย่างไร
สาระสาคญั
การเขยี นคาและบอกความหมายเปน็ การฝกึ ใหใ้ ชค้ าในภาษาไทยอยา่ งถูกต้อง และ
การร้คู วามหมายของคาทาให้สามารถนา คามาตรา ก กาไปใช้ ในชีวติ ประจาวัน ได้อย่างถูกตอ้ ง
ข้นั ที่ 1 ข้นั รวบรวมขอ้ มลู
27. นักเรยี นรว่ มกันเล่นเกม “ปรศิ นาคาทาย” โดยครเู ขียนประโยคปริศนาบนกระดาน
ดงั น้ี
- อะไรเอย่ มหี สู องขา้ ง คตู่ ะหลวิ ( กระทะ)
- อะไรเอ่ยสี่ตนี เดนิ มาหลังคามงุ กระเบ้ือง ( เตา่ )
28. นกั เรยี นศึกษาเร่อื งมาตรา ก .กา แลว้ รว่ มกันสนทนาโดยใช้คาถามดังนี้
- หลกั การเขยี นมาตรา ก.กา เขยี นอยา่ งไร
- ให้นกั เรียนยกตวั อย่างคาทมี่ ีมาตรา ก .กา มาคนละ 1คา
ขัน้ ที่ 2 ขัน้ คดิ วเิ คราะห์และสรุปความ
29. ครตู ิดบัตรคาทม่ี ีคามาตรา ก.กา เช่น เสอื้ แกะ หนา ครัว หม้อ มะเขือ หน่อไม้
- นกั เรยี นเล่นเกมทายคา กับภาพ
- ครูอธิบายเกย่ี วกบั การอานออกเสยี ง มาตรา ก.กา
30. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มคิดประเมินเพอ่ื เพมิ่ มลู คา่ โดยครูใชค้ าถามตอ่ ไปนี้
- นักเรยี นสามาถนาความรทู้ ี่ไดร้ บั ไปใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างไร
ขน้ั ท่ี 3 ขั้นปฏิบัตแิ ละสรุปความรหู้ ลงั การปฏบิ ัติ
5 . นักเรียนเข้ากลุ่ม อา่ นบตั รคาทม่ี มี าตรา ก.กา ตวั แทนกลมุ่ ออกมาเขียนคาท่มี ีมาตรา
ก.กา จากบัตรคาท่ีนักเรยี นไดร้ บั ไปกลมุ่ ใดตอบถกู ใหแ้ รงเสรมิ เป็นคะแนนกลมุ่
6. นักเรยี นฝกึ อ่านพรอ้ มกันจากหนงั สือแบบฝกึ หดั หลกั ภาษาไทยเล่ม4
7. นักเรียนทาแบบฝกึ หัด
8. นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เรื่อง มาตรา ก.กา
ขัน้ ที่ 4 ข้ันสอื่ สารและนาเสนอ
9.นกั เรยี นนาเสนอการทาแบบฝึกหดั โดยครูใชไ้ ม้เรยี กเลขที่ เพ่อื ให้นกั เรยี นนาเสนอที
ละคน เพ่อื นๆชว่ ยกนั
ตรวจสอบความถูกต้อง
ขนั้ ที่ 5ข้ันประเมนิ เพ่ือเพมิ่ คุณคา่ บรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
10. นักเรียนรว่ มกนั แสงดความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามตอ่ ไปนี้
- นกั เรยี นสามาถนาความรูเ้ กยี่ วกบั เรือ่ งท่เี รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้อยา่ งไร
3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ : Attitude (A) ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซอ่ื สัตย์สจุ รติ มวี นิ ัย ใฝ่
เรยี นรู้ อยยู่ ่างพอเพียง มุ่งมน่ั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ
6. ส่อื /อปุ กรณ์/แหล่งการเรียนรู้
1. แบบฝกึ หดั 2. ภาพครอบครวั 3. ภาพร.9
4. ไม้เรียกเลขที่ 5.คาถาม 6.ปริศนาคาทาย
7.บตั รคาศพั ท์ 8. หนงั สอื หลักภาษาเลม่ 4ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2
7. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้
การประเมนิ วธิ กี าร เครื่องมอื
ด้านความรู้ (K) -การตอบคาถาม -คาถาม
-ทาแบบฝกึ หดั -แบบฝกึ หดั
ด้านทกั ษะและกระบวนการ (P) -ทกั ษะการอา่ น -แบบประเมนิ การอา่ น
-ทักษะการเขยี น -แบบประเมินการเขียนเล่าประสบการณ์
-ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ -แบบฝึกหัด
ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและค่านิยม (A) -สังเกตพฤตกิ รรมในการรว่ มกจิ กรรม -แบบสังเกตพฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่
-สังเกตพฤตกิ รรมการใช้คาศพั ท์
8. กิจกรรมเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................
............................................................................................................................. ............................................................................ .
ลงชอื่ .............................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ...................................................ฝ่ายวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอื่ ................................................... ผบู้ รหิ าร
(...........................................................)
สัปดาหท์ ่ี 8
โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรียนท่ี ……2…/……..……... ชื่อผสู้ อน ….…..….................................................……...
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 9 รกั พอ่ รักแม่ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 6 คาบ
เรอ่ื ง รักพอ่ รกั แม่
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐานที่ ท 2.1ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นส่ือสาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเรอื่ งราวในรปู แบบต่างๆ
เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
ตัวช้ีวัดที่ ป 2/2 เขยี นเรอื่ งสั้นๆ เกีย่ วกบั ประสบการณ์
ตัวช้ีวดั ท่ี ป 2/4 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐานท่ี ท 4.1 เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญา
ทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ
ตัวช้ีวัดท่ี ป 2/2เขยี นสะกดคาและบอกความหมาย ของคา
มาตรฐานท่ี ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคิดเหน็ วิจารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณคา่ และนามา
ประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจรงิ
ตวั ช้วี ดั ที่ ป 2/1 ระบขุ ้อคิด ทไี่ ด้จากการอ่าน หรอื การฟงั
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอา่ นจบั ใจความสาคัญ คือ การอา่ นเพอื่ จับใจความหรอื ข้อคิด ความคดิ สาคญั หลกั ของข้อความ หรอื เรอื่ งท่อี ่าน
การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถอื เป็นทกั ษะสาคญั ทใี่ ช้ในการอา่ นเพื่อการสอื่ สารมากทสี่ ดุ เพราะเปน็ พ้ืนฐานสาคัญในการศึกษาหา
ความรู้ จึงควรฝกึ ฝนให้เกิดความชานาญ
การเขยี นบรรยายภาพเป็นการเขยี นเพ่อื ฝึกจนิ ตนาการและพัฒนาให้นกั เรียนมที ักษะในการคดิ และการเขียนสรา้ งสรรค์
คาใหม่ ๆ ใหม้ ีความถกู ต้องมากย่ิงข้ึน
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1.อธบิ ายความหมาย และหลกั การอา่ นจบั ใจความสาคัญ (K)
2. รูแ้ ละเข้าใจหลักการอา่ นการเขียนคาที่มี มาตรา กง ได้(K)
3.รแู้ ละเขา้ ใจหลกั การเขียนบรรยายภาพ (K)
4.อ่านเรอ่ื งไดค้ ล่องแคล่ว รวดเร็วและถูกต้องตามอกั ขรวิธี (P)
5.แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เหน็ จากเร่ืองทอ่ี า่ น (P)
6. เขยี นบรรยายภาพไดถ้ กู ต้อง(P)
7.อ่านและเขยี นคาทม่ี ีมาตรา กง ได้ (P)
8.เห็นความสาคญั ของการอา่ นและมารยาทในการอ่าน (A)
9. มมี ารยาทในการเขยี นภาษาไทยและมคี วามกระตอื รอื รน้ (A)
10.กระตือรือร้นและมสี ่วนรว่ มกบั การจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ ละมมี ารยาทในการเรียน (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถ่ิน
3.1 ความรู้ : Knowledge (K) การอา่ นจบั ใจความภาพวาดของสี
เทยี น (วรรณคดลี านา ) การเขียนบรรยายภาพวันรัฐธรรมนญู มาตรา
กง
3.2 กระบวนการจัดการเรยี นรู้ : Process (P)
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบที่ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
คาบที่ 1-2 สาระสาคญั
การอ่านจบั ใจความสาคญั คือ การอ่านเพ่ือจบั ใจความหรอื ข้อคดิ ความคดิ สาคญั หลักของ
การอา่ นจบั
ใจความ ขอ้ ความ หรอื เรอื่ งทอ่ี า่ น
(ภาพวาดของสี การอา่ นจบั ใจความสาคญั ถอื เปน็ ทกั ษะสาคัญที่ใช้ในการอา่ นเพอ่ื การส่อื สารมากทสี่ ดุ เพราะเป็น
เทยี น) พื้นฐานสาคัญในการศกึ ษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
ขั้นท่ี 1 ข้นั รวบรวมขอ้ มลู
8. ครนู าเข้าสบู่ ทเรียนโดยใหด้ ูภาพ รว่ มกันสนทนาเพื่อเขา้ สบู่ ทเรียนโดยครูใชค้ าถามดังน้ี
- นักเรยี นเหน็ อะไรในภาพนี้
- รสู้ ึกอยา่ งไรเก่ียวกบั ภาพ
* ในการตอบคาถามให้นักเรยี นใช้ไม้เรยี กเลขท่ี เพอื่ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามทลี ะคน โดย
ถามกอ่ นจะเรยี กเลขทเ่ี พอ่ื ให้ทกุ คนได้คดิ ในแตล่ ะคาถามควรให้นกั เรยี นนาเสนอ 4-5
คน
2. นักเรียนเข้ากลมุ่ ศกึ ษาเร่ือง ภาพวาดของสีเทียนแลว้ ร่วมกนั สนทนาโดยใช้คาถามดังนี้
- จากเร่อื งท่ศี กึ ษานักเรียนได้ขอ้ คิดอะไร
- นกั เรยี นคดิ อย่างไรเกยี่ งกบั การช่วยกันรกั ษาปา่ ไม้
- นักเรยี นไปเทีย่ วปา่ จะวาดรปู อะไร
ขนั้ ที่ 2 ขัน้ คดิ วเิ คราะห์และสรปุ ความ
3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันวเิ คราะหเ์ กย่ี วกบั เร่อื งท่อี ่าน โดยครใู ช้คาถามดังน้ี
- ตวั ละครในเรือ่ งมใี ครบ้าง มเี หตุการณ์อะไรเกิดข้นึ บ้าง
4.ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ คิดประเมนิ เพ่อื เพม่ิ คณุ ค่าโดยครูใชค้ าถามดงั ต่อไปนี้
- จากเรือ่ งทีอ่ ่านนักเรียนสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั อยา่ งไร
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏิบัติและสรปุ ความรหู้ ลังการปฏิบตั ิ
5.นกั เรยี นเขา้ กลมุ่ ทากจิ กรรมการตงั้ คาถามและตอบคาถามเรอื่ งท่ีอา่ น กลุ่มละ 5 ขอ้
กติกาในการต้งั คาถาม คุณครแู บง่ จานวนหนา้ ที่แตล่ ะกลมุ่ จะต้องรบั ผิดชอบในการตง้ั คาถาม
เพ่อื ปอ้ งกนั ไมใ่ ห้การตงั้ คาถามของแตล่ ะกลมุ่ ไม่ใหซ้ า้ กนั
คาบที่ 3-4 6.นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ขอ้ คดิ ทไี่ ด้จากการอ่าน
ขั้นท่ี 4 ขั้นสื่อสารและนาเสนอ
การเขยี นบรรยาย
ภาพวนั 7. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอเรอ่ื ง ภาพวาดของสเี ทยี น หนา้ ช้นั เรียน
ขั้นที่ 5ขั้นประเมินเพื่อเพ่ิมคุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
รัฐธรรมนญู
8. นักเรียนช่วยกันสรปุ บทเรียน ครูสรปุ เพม่ิ เตมิ ด้วยการสมุ่ ถามนกั เรยี นบางคน เพอื่ เป็น
การประเมินความเขา้ ใจไปในตัวดว้ ย
9. นักเรียนร่วมกนั แสงดความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามต่อไปนี้
- นักเรยี นสามาถนาความร้เู ก่ยี วกับเร่อื งทเ่ี รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้อย่างไร
สาระสาคญั
การเขียนบรรยายภาพเปน็ การเขียนเพือ่ ฝกึ จินตนาการและพัฒนาให้นักเรยี นมที ักษะในการคดิ
และการเขียนสรา้ งสรรค์คาใหม่ ๆ ใหม้ ีความถกู ต้องมากยง่ิ ขนึ้
ขั้นที่ 1 ขน้ั รวบรวมข้อมลู
17. นักเรยี นร่วมกนั สนทนาเพอ่ื เข้าส่บู ทเรยี นโดยให้นักเรียนดูภาพ แล้วตอบคาถามโดยครู
ใช้คาถามดงั นี้
- นกั เรยี นร้จู กั สถานทน่ี ห้ี รอื
คาบที่ 5-6 - เป็นสถานทเ่ี กยี่ วกบั วันสาคญั ใด
มาตรา กง 18. นกั เรียนศกึ ษาการเขียนบรรยายจากภาพ โดยมหี ัวขอ้ วนั รัฐธรรมนูญ แลว้ รว่ มกัน
สนทนาโดยใช้คาถามดงั นี้
- วนั รฐั ธรรมนญู คือวนั อะไร
- เราให้ความสาคญั กบั วันรัฐธรรมนญู อยา่ งไร
ขั้นที่ 2 ขน้ั คิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
19. นกั เรยี นดตู วั อย่างการเขียนบรรยายภาพและรว่ มกนั วิเคราะห์ ถึงรปู แบบการเขยี น
20. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ คิดประเมินเพอื่ เพม่ิ มลู คา่ โดยครูใชค้ าถามตอ่ ไปนี้
- นกั เรยี นสามาถนาความรู้ทไ่ี ดร้ บั ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้อยา่ งไร
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏิบัติและสรปุ ความรู้หลังการปฏบิ ัติ
5. นกั เรียนเขียนบรรยายภาพ วันรัฐธรรมนูญ
6. นกั เรียนร่วมกันสรุปเกย่ี วกบั การเขียนบรรยายภาพ วนั รฐั ธรรมนญู
ขนั้ ท่ี 4 ข้ันสอ่ื สารและนาเสนอ
7. นกั เรียนนาเสนอการเขยี นบรรยายภาพ(วันรฐั ธรรมนูญ) โดยครใู ชไ้ มเ้ รยี กเลขที่ เรียก
นกั เรียนออกมานาเสนอหนา้ ชัน้ เรียนประมาณ 4-5 คน
ขน้ั ท่ี 5ข้ันประเมนิ เพ่ือเพ่ิมคุณคา่ บรกิ ารสังคมและจติ สาธารณะ
8. นักเรียนร่วมกันแสงดความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามตอ่ ไปน้ี
- นกั เรียนสามาถนาความรูเ้ กย่ี วกบั เรื่องทเี่ รยี นไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อยา่ งไร
สาระสาคญั
การเขยี นคาและบอกความหมายเปน็ การฝกึ ให้ใชค้ าในภาษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ ง และ การรู้
ความหมายของคาทาใหส้ ามารถนา คามาตรา กง ไปใช้ ในชีวติ ประจาวัน ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
ขน้ั ที่ 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู
31. นักเรียนรว่ มกนั เลน่ เกม “ปริศนาคาทาย” โดยครเู ขยี นประโยคปรศิ นาบนกระดาน
ดงั น้ี
- ฉันคอื อะไร รไู้ หมมคี ่า ผู้คนเสาะหา เอามาสวมใส่ ( ทอง)
- ฉนั คอื อะไร ผลไมก้ ลมโต เนื้อแดงโอ้โฮเปลือกโชวส์ เี ขยี ว ( แตงโม)
- ฉันคอื อะไร รไู้ หมสัตวป์ ่า เขาสวยหนักหนา หนา้ ตาคลา้ ยเกง้ (กวาง)
32. นักเรยี นศกึ ษาเรอื่ งมาตรา กง แลว้ ร่วมกนั สนทนาโดยใช้คาถามดังนี้
- คาท่มี ีตวั สะกด และไมม่ ีตวั สะกด ต่างกันอย่างไร
- นกั เรียนรหู้ รอื ไมว่ า่ มาตรา กง มีคาใดบา้ งใหบ้ อกมาคนละ 1คา
ขน้ั ท่ี 2 ข้ันคิดวิเคราะห์และสรปุ ความ
33. ครตู ิดบัตรคาทมี่ ีคามาตรา กง เช่น คาง ร้อง มุง้ เลย้ี ง โอง่ ธง กระบงุ กะละมงั ฆ้อง
กลอง ฉ่ิง
- นกั เรยี นเลน่ เกมทายคา กบั ภาพ
- ครอู ธบิ ายเกี่ยวกบั การอา่ นออกเสียง มาตรา กง
34. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ คิดประเมินเพื่อเพม่ิ มลู ค่าโดยครใู ช้คาถามต่อไปนี้
- นกั เรยี นสามาถนาความร้ทู ไ่ี ดร้ บั ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างไร
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏิบตั แิ ละสรปุ ความรู้หลังการปฏบิ ัติ
5 . นกั เรียนเขา้ กลุม่ อา่ นบัตรคาท่มี มี าตรา กง ตวั แทนกลมุ่ ออกมาเขยี นคาทมี่ ีมาตรา ก.กา
จากบัตรคาทีน่ ักเรยี นได้รบั ไปกลุ่มใดตอบถกู ใหแ้ รงเสรมิ เปน็ คะแนนกลมุ่
6. นกั เรียนฝกึ อ่านพร้อมกันจากหนังสอื แบบฝึกหดั หลักภาษาไทยเลม่ 4
7.นักเรยี นทาแบบฝึกหัด
8. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ เรอื่ ง มาตรา กง
ขน้ั ที่ 4 ขั้นส่อื สารและนาเสนอ
9.นกั เรียนนาเสนอการทาแบบฝกึ หดั โดยครูใช้ไม้เรียกเลขท่ี เพ่ือใหน้ ักเรียนนาเสนอที
ละคน เพ่อื นๆช่วยกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง
ขั้นที่ 5ข้ันประเมนิ เพ่ือเพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
10. นักเรยี นรว่ มกนั แสงดความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามต่อไปนี้
- นกั เรยี นสามาถนาความรเู้ กย่ี วกบั เรอื่ งทเี่ รยี นไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมได้อย่างไร
3.3 คุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ : Attitude (A) ซื่อสัตยส์ จุ รติ มวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ อยูย่ ่างพอเพยี ง
มุ่งมั่นในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มจี ติ สาธารณะ
6. ส่อื /อปุ กรณ์/แหลง่ การเรียนรู้
1. แบบฝกึ หัด 2. ภาพรัฐธรรมนญู 3. ภาพรักษป์ ่า
4. ไม้เรียกเลขที่ 5.คาถาม 6.ปริศนาคาทาย
7.บตั รคาศัพท์ 8. หนงั สอื หลกั ภาษาเลม่ 4ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2
7. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้
การประเมิน วิธกี าร เคร่อื งมอื
ด้านความรู้ (K) -การตอบคาถาม -คาถาม
-แบบฝึกหดั
-ทาแบบฝกึ หัด -แบบประเมนิ การอา่ น
-แบบประเมนิ การเขียน
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P) -ทกั ษะการอ่าน -แบบฝึกหดั
-แบบสังเกตพฤติกรรม
-ทกั ษะการเขียน
-ทกั ษะการคิดวิเคราะห์
ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม (A) -สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วมกจิ กรรม
การทางานกลมุ่
-สงั เกตพฤตกิ รรมการใช้คาศพั ท์
8. กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. .............................................................................
.................................................................................................................................................................... ......................................
..........................................................................................................................................................................................................
ลงช่ือ.............................................ครผู สู้ อน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอื่ ................................................... ผู้บรหิ าร
(...........................................................)
สปั ดาหท์ ่ี 11
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา
แผนการจัดการเรยี นรู้
ภาคเรยี นที่ ……2…/…….……... ช่ือผู้สอน ….…..….................................................……...
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 10 เข็ดแลว้ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 6 คาบ
เร่ือง เข็ดแลว้
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐานที่ ท 1.1ใช้กระบวนการอา่ นสร้างความรู้และความคิดเพอ่ื นาไปใช้ตัดสินใจ แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชีวิต
และมีนสิ ัยรักการอา่ น
ตัวชี้วดั ท่ี ป 2/1 อ่านออกเสยี งคาคล้องจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
ตัวชวี้ ดั ท่ี ป 2/2 อธบิ ายความหมายของคาและข้อความทอี่ า่ น
ตัวชี้วดั ที่ ป 2/3 ต้งั คาถามและตอบคาถามเกย่ี วกบั เรอ่ื งทีอ่ า่ น
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 2/4 ระบใุ จความสาคัญและรายละเอียดจากเรอ่ื งทอ่ี า่ น
ตัวช้วี ัดที่ ป 2/5 แสดงความคดิ เห็นและคาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรือ่ งทอ่ี ่าน
ตวั ชี้วดั ที่ ป 2/8 มมี ารยาทในการอ่าน
มาตรฐานที่ ท 2.1ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่อื สาร เขียนเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเรือ่ งราวในรปู แบบตา่ งๆ
เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ตวั ชี้วัดท่ี ป 2/2 เขียนเรอ่ื งสั้นๆ เก่ยี วกบั ประสบการณ์
ตัวชี้วดั ท่ี ป 2/4 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐานท่ี ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญา
ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ิของชาติ
ตัวชวี้ ดั ท่ี ป 2/2เขียนสะกดคาและบอกความหมาย ของคา
มาตรฐานที่ ท 5.1 เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วิจารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คณุ ค่าและนามา
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจรงิ
ตัวชี้วดั ที่ ป 2/1 ระบุขอ้ คดิ ทไี่ ด้จากการอ่าน หรอื การฟงั
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การอ่านจบั ใจความสาคัญ คือ การอา่ นเพอื่ จับใจความหรอื ข้อคิด ความคดิ สาคัญหลกั ของข้อความ หรือเร่อื งทีอ่ ่าน
การอ่านจบั ใจความสาคญั ถอื เป็นทกั ษะสาคญั ทีใ่ ช้ในการอา่ นเพ่อื การส่ือสารมากทสี่ ุด เพราะเป็นพ้นื ฐานสาคัญในการศึกษาหา
ความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกิดความชานาญ
การเขยี นบรรยายภาพเป็นการเขียนเพ่อื ฝึกจินตนาการและพฒั นาให้นักเรียนมที กั ษะในการคดิ และการเขยี นสรา้ งสรรค์
คาใหม่ ๆ ใหม้ ีความถกู ตอ้ งมากยิ่งขนึ้
การเขยี นคาและบอกความหมายเปน็ การฝกึ ใหใ้ ชค้ าในภาษาไทยอย่างถกู ต้อง และ การรู้ความหมายของคาทาให้
สามารถนา คามาตรา กมไปใช้ ในชวี ิตประจาวัน ได้อยา่ งถกู ต้อง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.อธิบายความหมาย และหลกั การอา่ นจบั ใจความสาคญั (K)
2. รแู้ ละเข้าใจหลักการอ่านการเขียนคาทีม่ ี มาตรา กม ได(้ K)
3.อธิบายลกั ษณะของประโยค (K)
4.อ่านเรือ่ งได้คล่องแคลว่ รวดเรว็ และถกู ต้องตามอกั ขรวิธี (P)
5.แยกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็นจากเรอื่ งท่อี า่ น (P)
6.อา่ นและเขียนคาทมี่ ีมาตรา กม ได้ (P)
7.วิเคราะห์ภาพและเรียบเรียงคาหรอื ข้อความให้เปน็ ประโยค (P)
8.มคี วามกระตอื รือร้นในการร่วมกจิ กรรม (A)
9.เห็นความสาคญั ของการอา่ นและมารยาทในการอ่าน (A)
10.กระตอื รอื รน้ และมสี ว่ นร่วมกบั การจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ ละมมี ารยาทในการเรียน (A)
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
3.1 ความรู้ : Knowledge (K) การอ่านจับใจความเรอื่ งเขด็ แลว้
การเขยี นประโยคจากภาพ มาตรากม
3.2 กระบวนการจัดการเรียนรู้ : Process (P)
5.กจิ กรรมการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนการสอน
คาบท่ี สาระสาคัญ
การอา่ นจบั ใจความสาคญั คือ การอา่ นเพอ่ื จบั ใจความหรอื ขอ้ คดิ ความคดิ สาคญั หลัก
คาบท่ี 1-2
การอ่าน ของขอ้ ความ หรือเร่อื งทีอ่ ่าน
จบั ใจความ การอา่ นจบั ใจความสาคญั ถือเป็นทกั ษะสาคัญทใี่ ชใ้ นการอา่ นเพื่อการสอื่ สารมากทสี่ ุด เพราะ
(เข็ดแล้ว) เป็นพนื้ ฐานสาคญั ในการศกึ ษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
ขน้ั ที่ 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู
9. ครนู าเข้าสบู่ ทเรียนโดยใหด้ ภู าพ ร่วมกันสนทนาเพ่อื เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครใู ช้คาถาม
ดงั นี้
- นักเรยี นเหน็ อะไรในภาพนี้
- รู้สึกอย่างไรเกยี่ วกบั ภาพ
* ในการตอบคาถามให้นกั เรยี นใชไ้ มเ้ รียกเลขท่ี เพอื่ ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามทีละคน
โดยถามกอ่ นจะเรยี กเลขทีเ่ พือ่ ใหท้ กุ คนไดค้ ิดในแตล่ ะคาถามควรใหน้ ักเรยี นนาเสนอ
4-5 คน
2. นักเรียนเขา้ กลุม่ ศึกษาเรอ่ื ง เขด็ แล้ว แลว้ รว่ มกนั สนทนาโดยใชค้ าถามดงั น้ี
- เพอื่ นๆชอบโจเ๋ พราะอะไร
- ฟันของโจม๋ ีลักษณะอยา่ งไร เพราะอะไร
- ทาไมโจม๋ รี ูปรา่ งอว้ น
ข้นั ที่ 2 ขนั้ คิดวเิ คราะห์และสรุปความ
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะหเ์ ก่ียวกบั เร่อื งทีอ่ ่าน โดยครูใชค้ าถามดังนี้
- ตวั ละครในเรื่องมใี ครบา้ ง มเี หตุการณ์อะไรเกิดขน้ึ บา้ ง
- นกั เรยี นไดข้ อ้ คดิ อะไรจากเรอ่ื งทศี่ กึ ษามา
4.ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ คิดประเมินเพ่ือเพม่ิ คุณค่าโดยครใู ชค้ าถามดงั ต่อไปนี้
- จากเร่ืองท่อี ่านนักเรยี นสามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวันอย่างไร
ขั้นที่ 3 ข้ันปฏิบัตแิ ละสรุปความรหู้ ลังการปฏบิ ตั ิ
5.นกั เรยี นเข้ากลมุ่ ทากจิ กรรมการตง้ั คาถามและตอบคาถามเรื่องท่อี า่ น กลมุ่ ละ 5 ขอ้
คาบที่ 3-4 กตกิ าในการต้ังคาถาม คณุ ครูแบง่ จานวนหนา้ ท่ีแตล่ ะกลมุ่ จะต้องรบั ผดิ ชอบในการตง้ั
คาถาม เพือ่ ป้องกันไม่ให้การตัง้ คาถามของแตล่ ะกลมุ่ ไมใ่ หซ้ า้ กนั
การเขยี นบรรยาย
ภาพ 6.นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ข้อคดิ ท่ไี ด้จากการอ่าน
ข้นั ท่ี 4 ข้ันสื่อสารและนาเสนอ
7. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอเรือ่ ง เข็ดแล้ว หนา้ ชน้ั เรียน
ขน้ั ที่ 5ข้ันประเมินเพ่ือเพม่ิ คุณคา่ บริการสังคมและจติ สาธารณะ
8. นกั เรียนช่วยกนั สรุปบทเรียน ครูสรปุ เพมิ่ เตมิ ด้วยการสมุ่ ถามนักเรียนบางคน เพ่ือ
เปน็ การประเมนิ ความเข้าใจไปในตัวด้วย
9. นักเรียนร่วมกนั แสงดความคิดเหน็ โดยครุใช้คาถามต่อไปนี้
- นักเรียนสามาถนาความรู้เก่ียวกับเรือ่ งท่เี รียนไปใช้ประโยชนใ์ นสงั คมไดอ้ ย่างไร
สาระสาคัญ
การเขยี นบรรยายภาพเป็นการเขยี นเพอ่ื ฝึกจนิ ตนาการและพฒั นาใหน้ กั เรียนมีทักษะในการ
คิดและการเขียนสรา้ งสรรคค์ าใหม่ ๆ ใหม้ ีความถูกตอ้ งมากยิง่ ขึ้น
ขน้ั ที่ 1 ข้ันรวบรวมขอ้ มลู
21. นักเรียนรว่ มกันสนทนาเพอ่ื เข้าสบู่ ทเรยี นโดยครูใชค้ าถามดังน้ี
- นกั เรียนรู้จกั การเขยี นประโยคจากภาพหรอื ไม่
- การเขียนประโยคจากภาพมีองคป์ ระกอบในการเขยี นอย่างไรบา้ ง
22. นกั เรียนศึกษาการเขยี นประโยคจากภาพ แล้วรว่ มกันสนทนาโดยใช้คาถามดังนี้
-การเขียนประโยคจากภาพดงั กลา่ วนักเรยี นคิดว่าดหี รอื ไมเ่ พราะอะไร
-นักเรียนทราบหรอื ไมว่ า่ การเขยี นประโยคจากภาพมหี ลกั การเขียนอยา่ งไร
ขน้ั ที่ 2 ขัน้ คดิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นกั เรียนดภู าพแล้วร่วมกนั วิเคราะห์ โดยครูใช้คาถามดงั นี้
ทิง้ ลา้ ง แบง่ กวาด
-ภาพที่นกั เรียนเหน็ มอี งคป์ ระกอบอะไรบ้าง
-การเขยี นประโยคจากภาพมคี วามสาคญั อย่างไร
นักเรยี นช่วยกนั เขยี นประโยคจากภาพบนกระดาน เพ่อื นตรวจสอบความถกู ต้อง
ครแู นะนาเพ่มิ เติมวา่ ควรปรับปรงุ อย่างไร
4.นักเรยี นคิดประมูลเพอื่ เพิ่มคุณค่าโดยครใู ชค้ าถามดังตอ่ ไปนี้
- นกั เรยี นสามารถนาความรทู้ ่ีไดร้ บั ไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งไร
คาบที่ 5-6 ขั้นท่ี 3 ขั้นปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความรูห้ ลงั การปฏบิ ัติ
มาตรา กม 5. ครูแบง่ นักเรียนเป็นกลุม่ กล่มุ ละ 4 คน แล้วใหแ้ ตล่ ะกลุ่มดภู าพท่กี าหนดแล้วฝกึ
เขียนประโยคจากภาพ
6.นกั เรียนสรปุ เกย่ี วกบั การเขยี นประโยคจากภาพ แล้วครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ ดังน้ี
* การเขยี นประโยคจากภาพ เป็นการใชป้ ระสบการณร์ ่วมกบั จินตนาการของ
ผูเ้ ขียน โดยดรู ายละเอยี ดต่างๆจากภาพเปน็ พ้ืนฐาน เขียนเปน็ เรื่องราวที่นา่ สนใจหรอื สนกุ สนาน
เพลดิ เพลนิ แก่ผู้อา่ น
ขั้นที่ 4 ข้ันส่ือสารและนาเสนอ
7.นักเรยี นนาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรยี น โดยครใู ชไ้ มเ้ รยี กเลขท่ี เรียกนกั เรียนออกมา
นาเสนอหนา้ ชัน้ เรียนประมาณ 4-5 คน
ข้ันที่ 5ข้ันประเมินเพ่ือเพิม่ คุณค่าบริการสังคมและจติ สาธารณะ
8. นักเรยี นร่วมกันแสงดความคดิ เห็น โดยครูใชค้ าถามต่อไปน้ี
- นักเรยี นสามาถนาความร้เู กีย่ วกับเรอ่ื งท่เี รยี นไปใช้ประโยชน์ในสังคมได้อย่างไร
สาระสาคัญ
การเขียนคาและบอกความหมายเป็นการฝกึ ให้ใชค้ าในภาษาไทยอย่างถกู ต้อง และ
การรคู้ วามหมายของคาทาให้สามารถนา คามาตรา กมไปใช้ ในชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
ขั้นท่ี 1 ข้ันรวบรวมข้อมลู
35. นักเรยี นรว่ มกนั เลน่ เกม “ปรศิ นาคาทาย” โดยครเู ขียนประโยคปริศนาบนกระดาน
ดงั น้ี
- อะไรเอย่ เปน็ เคร่อื งมือสาหรับขุด แซะและพรวนดิน ( เสยี ม )
36. นักเรยี นศึกษาเรื่องมาตรา กม แล้วรว่ มกันสนทนาโดยใชค้ าถามดงั น้ี
- คาท่ีมตี วั สะกด และไมม่ ตี วั สะกด ต่างกันอย่างไร
- นกั เรยี นรหู้ รือไม่วา่ มาตรา กม มคี าใดบา้ งใหบ้ อกมาคนละ 1คา
ข้ันที่ 2 ขัน้ คิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
37. ครูตดิ บตั รคาทมี่ มี าตรากม เช่น เหมาะสม นา้ ท่วม สบิ สาม ซกั ถาม ดอกเขม็
หกลม้ นกั เรยี นอา่ นออกเสียงพรอ้ มกัน แลว้ ร่วมกันสนทนาโดยครูใชค้ าถามดังนี้
-คาทม่ี ีตัวสะกดและไมม่ ีตัวสะกดแตกต่างกันอย่างไร
-นักเรียนรจู้ กั คาอะไรอีกบา้ งทปี่ ระสมดว้ ยมาตรากม ยกตัวอยา่ งคาใหค้ รูใช้ไม้
เรียกเลขท่ี เพอ่ื ให้นกั เรียนตอบทีละคน โดยถามคาถามก่อนจะเรยี กเลขทเี่ พ่อื ใหท้ ุก
คนได้คิด และให้นักเรยี นนาเสนอ 4-5 คน
4. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ คิดประมลู เพอ่ื เพม่ิ คณุ คา่ โดยครใู ช้คาถามดงั ตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นสามารถนาความรทู้ ไี่ ด้รับไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้อย่างไร
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏิบตั แิ ละสรปุ ความรหู้ ลังการปฏบิ ตั ิ
5. ครตู ดิ บัตรคาทมี่ ีคามาตรา กม เช่น นาม งาม ดอกเข็ม แก้ม ส้อม ยาม
- นักเรยี นเล่นเกมทายคา กบั ภาพ
- ครอู ธบิ ายเกยี่ วกบั การอา่ นออกเสยี ง มาตรา กม
6 . นักเรียนเขา้ กลุม่ อา่ นบัตรคาทมี่ มี าตรา กม ตัวแทนกลมุ่ ออกมาเขยี นคาทมี่ มี าตรา
ก.กา จากบตั รคาทน่ี กั เรยี นไดร้ บั ไปกลมุ่ ใดตอบถกู ใหแ้ รงเสรมิ เปน็ คะแนนกลุม่
7. นักเรยี นฝกึ อ่านบัตรคาพรอ้ มกนั
8. นักเรียนทาแบบฝึกหัด
9 นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เร่ือง มาตรา กม ซง่ึ จะใช้ในชวี ติ ประจาวันได้ ในการเขยี นคา
ต่างๆ
ขัน้ ที่ 4 ขั้นส่อื สารและนาเสนอ
10.นักเรียนนาเสนอการทาแบบฝึกหดั โดยครใู ชไ้ ม้เรยี กเลขที่ เพื่อให้นกั เรียนนาเสนอ
ทีละคน เพ่ือนๆชว่ ยกนั
ตรวจสอบความถูกต้อง
ขั้นท่ี 5ข้ันประเมนิ เพื่อเพ่ิมคุณค่าบริการสังคมและจติ สาธารณะ
11. นักเรียนรว่ มกนั แสงดความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามตอ่ ไปนี้
- นกั เรยี นสามาถนาความรเู้ กี่ยวกบั เร่ืองทเี่ รียนไปใชป้ ระโยชน์ในสงั คมได้อยา่ งไร
3.3 คณุ ลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude (A) ซ่ือสตั ยส์ จุ รติ มวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่ย่าง
พอเพียง มุ่งม่นั ในการทางาน รักความเป็นไทย มจี ิตสาธารณะ
6. สื่อ/อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้
1. แบบฝึกหัด 2. ภาพแต่งประโยค 3. ไมเ้ รยี กเลขท่ี
5.คาถาม 6.ปรศิ นาคาทาย
7.บตั รคาศัพท์ 8. หนงั สอื หลักภาษาเลม่ 4 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 2
7. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้
การประเมิน วธิ กี าร เครือ่ งมอื
ดา้ นความรู้ (K) -การตอบคาถาม
-คาถาม
-ทาแบบฝกึ หัด -แบบฝกึ หดั
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทกั ษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่าน
-ทกั ษะการเขียน -แบบประเมินการเขยี นแต่งประโยคจาก
-ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ ภาพ
-แบบฝึกหัด
ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและคา่ นยิ ม (A) -สงั เกตพฤตกิ รรมในการรว่ มกจิ กรรม -แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่
-สงั เกตพฤตกิ รรมการใช้คาศพั ท์
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. .............................................................................
................................................................................................................................................................... .......................................
........................................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ.............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงช่ือ................................................... ผู้บริหาร
(...........................................................)
สปั ดาหท์ ี่ 12
โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นที่ ……2…/……..……... ช่ือผ้สู อน ….…..….................................................……...
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 10 เขด็ แลว้ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 6 คาบ
เรือ่ ง เขด็ แล้ว
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวดั
มาตรฐานที่ ท 2.1ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสอื่ สาร เขียนเรยี งความ ย่อความ และเขยี นเร่ืองราวในรปู แบบตา่ งๆ
เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ตัวชี้วัดท่ี ป 2/3 เขียนเร่อื งส้ันๆตามจนิ ตนาการ
ตัวชว้ี ดั ที่ ป 2/4 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐานที่ ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญา
ทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ
ตัวชี้วัดที่ ป 2/2เขียนสะกดคาและบอกความหมาย ของคา
มาตรฐานที่ ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณคา่ และนามา
ประยุกต์ใช้ในชวี ิตจรงิ
ตวั ช้ีวัดที่ ป 2/1 ระบุข้อคดิ ทไ่ี ด้จากการอ่าน หรือการฟงั
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การอา่ นจบั ใจความสาคัญ คือ การอ่านเพอ่ื จบั ใจความหรอื ขอ้ คิด ความคดิ สาคัญหลักของขอ้ ความ หรอื เร่อื งทอี่ า่ น
การอา่ นจบั ใจความสาคัญ ถอื เป็นทกั ษะสาคญั ทใ่ี ชใ้ นการอา่ นเพอ่ื การสอื่ สารมากทส่ี ดุ เพราะเป็นพ้นื ฐานสาคัญในการศึกษาหา
ความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
การเขยี นตามจินตนาการ คือการเขียนเรื่องทม่ี าจากความคดิ ความรู้สกึ ความใฝฝ่ นั ของผู้เขยี นเอง เป็นการเขียนแบบ
อิสระ ผ้เู ขียนควรมีความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละชา่ งสงั เกต
การเขียนคาและบอกความหมายเปน็ การฝกึ ให้ใชค้ าในภาษาไทยอยา่ งถูกต้อง และ การรูค้ วามหมายของคาทาให้
สามารถนา คามาตรา กน ไปใช้ ในชีวิตประจาวัน ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.อธิบายความหมาย และหลกั การอา่ นจบั ใจความสาคัญ (K)
2. รู้และเข้าใจหลกั การอ่านการเขยี นคาทม่ี ี มาตรา กน ได(้ K)
3.ใชจ้ นิ ตนาการในการคดิ เรือ่ งราวตา่ ง ๆ (K)
4.อา่ นเรื่องได้คลอ่ งแคล่ว รวดเรว็ และถกู ต้องตามอักขรวิธี (P)
5.แยกข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เหน็ จากเรอ่ื งทอี่ า่ น (P)
6.เขียนเรอ่ื งสน้ั ๆ ตามจนิ ตนาการได้ (P)
7.อา่ นและเขียนคาทม่ี ีมาตรา กน ได้ (P)
8.เหน็ ความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอ่าน (A)
9.ตระหนกั ถึงความสาคัญของการรจู้ ักใช้จนิ ตนาการอย่างสรา้ งสรรค์ (A)
10.กระตือรือร้นและมสี ว่ นร่วมกบั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรแู้ ละมีมารยาทในการเรียน (A)
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิ่น
3.1 ความรู้ : Knowledge (K) การอ่านจบั ใจความยายกะตา
(วรรณคดีลานา) การเขียนตามจนิ ตนาการวันเดก็ มาตรา กน
3.2 กระบวนการจดั การเรยี นรู้ : Process (P)
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี กิจกรรมการเรียนการสอน
คาบที่ 1-2 สาระสาคญั
การอ่านจบั ใจความสาคัญ คือ การอ่านเพ่ือจับใจความหรอื ข้อคดิ ความคดิ สาคญั หลกั ของ
การอ่านจบั ใจความ ข้อความ หรอื เร่ืองทอ่ี า่ น
ยายกะตา การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถือเป็นทกั ษะสาคญั ทใี่ ชใ้ นการอา่ นเพื่อการสอื่ สารมากทส่ี ุด เพราะเปน็
(วรรณคดีลานา) พนื้ ฐานสาคญั ในการศกึ ษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความชานาญ
ข้นั ท่ี 1 ขัน้ รวบรวมขอ้ มูล
10. ครูนาเขา้ สบู่ ทเรียนโดยให้ดภู าพ รว่ มกันสนทนาเพ่ือเข้าสบู่ ทเรียนโดยครูใชค้ าถามดังนี้
- นักเรยี นเห็นอะไรในภาพน้ี
- รู้สึกอย่างไรเกีย่ วกบั ภาพ
* ในการตอบคาถามให้นกั เรียนใช้ไม้เรยี กเลขท่ี เพ่ือใหน้ กั เรยี นตอบคาถามทลี ะคน โดย
ถามก่อนจะเรยี กเลขทีเ่ พอื่ ให้ทกุ คนได้คิดในแต่ละคาถามควรใหน้ กั เรยี นนาเสนอ 4-5
คน
2. นักเรยี นเข้ากลุ่มศึกษาเรอ่ื ง ยายกะตา แล้วร่วมกนั สนทนาโดยใช้คาถามดงั น้ี
- ทุกวนั พระจะชว่ ยยายทาอะไร
- เหตใุ ดมะลจิ ึงเรียกเจดียท์ ่วี ดั พระเชตพุ นฯว่าเจดยี ์ดอกไม้
- ลกั ษณะนิสยั ท่ีน่าตาหนิของตัวละครทุกตัวทไี่ มย่ อมชว่ ยเหลือหลานคืออะไร
ขน้ั ท่ี 2 ขน้ั คดิ วิเคราะห์และสรปุ ความ
3. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะห์เกีย่ วกบั เรือ่ งท่ีอา่ น โดยครูใชค้ าถามดงั น้ี
- ตวั ละครในเร่อื งมใี ครบ้าง มเี หตกุ ารณ์อะไรเกิดขึน้ บ้าง
4.ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ คิดประเมนิ เพ่ือเพมิ่ คณุ คา่ โดยครูใชค้ าถามดังต่อไปน้ี
- จากเรอ่ื งทอ่ี ่านนักเรยี นสามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันอย่างไร
ขัน้ ท่ี 3 ข้ันปฏิบตั ิและสรปุ ความรู้หลังการปฏบิ ตั ิ
5.นักเรยี นเขา้ กลมุ่ ทากจิ กรรมการตง้ั คาถามและตอบคาถามเรื่องท่ีอ่าน กลุ่มละ 5 ขอ้
กติกาในการตัง้ คาถาม คณุ ครูแบง่ จานวนหนา้ ทแ่ี ตล่ ะกลุ่มจะต้องรบั ผดิ ชอบในการตงั้ คาถาม
เพอ่ื ปอ้ งกันไม่ให้การตงั้ คาถามของแต่ละกลุม่ ไม่ใหซ้ า้ กนั
6.นักเรียนรว่ มกันสรปุ ข้อคิดทไ่ี ด้จากการอ่าน
ขั้นที่ 4 ขั้นส่อื สารและนาเสนอ
7. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอเรื่อง ภาพวาดของสีเทยี น หน้าชั้นเรยี น
ขนั้ ท่ี 5ข้ันประเมนิ เพ่ือเพมิ่ คุณค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
8. นกั เรียนช่วยกันสรุปบทเรียน ครูสรปุ เพมิ่ เตมิ ด้วยการสมุ่ ถามนักเรียนบางคน เพื่อเป็น
การประเมินความเขา้ ใจไปในตัวด้วย
คาบที่ 3-4 9. นกั เรยี นร่วมกันแสงดความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามต่อไปนี้
- นักเรียนสามาถนาความรเู้ กย่ี วกบั เรอื่ งท่ีเรยี นไปใชป้ ระโยชนใ์ นสงั คมไดอ้ ยา่ งไร
สาระสาคัญ
การเขยี นตามจนิ ตนาการ คือการเขียนเรื่องที่มาจากความคดิ ความรสู้ กึ ความใฝฝ่ นั ของ
การเขยี นตาม ผเู้ ขยี นเอง เป็นการเขียนแบบอิสระ ผเู้ ขยี นควรมคี วามคิดสรา้ งสรรค์และชา่ งสงั เกต
จนิ ตนาการวนั เดก็ ขน้ั ที่ 1 ขั้นรวบรวมข้อมลู
23. นักเรียนร่วมกันสนทนาเพอื่ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครูใชค้ าถามดงั นี้
- นักเรียนร้หู รือไมว่ ่าวนั เด็กตรงกบั วนั ใดของทุกปี
- เราจดั กจิ กรรมวนั เพ่อื ใคร
24. นักเรยี นศกึ ษาการเขียนตามจนิ ตนาการ โดยมีหัวข้อ วนั เด็ก แล้วร่วมกนั สนทนาโดยใช้
คาถามดงั นี้
- นกั เรยี นอยากมีวันเดก็ ในฝันอย่างไร
- ถา้ นกั เรียนขอพรได้จะขออะไรจากนางฟ้า
ข้ันที่ 2 ขนั้ คิดวเิ คราะห์และสรปุ ความ
25. นกั เรียนดตู ัวอย่างการเขียนตามจินตนาการและร่วมกนั วเิ คราะห์ ถงึ รปู แบบการเขยี น
26. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มคิดประเมนิ เพ่อื เพม่ิ มลู คา่ โดยครใู ชค้ าถามตอ่ ไปนี้
- นกั เรยี นสามาถนาความรทู้ ่ีไดร้ ับไปใช้ในชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างไร
คาบที่ 5-6 ขน้ั ท่ี 3 ข้ันปฏิบตั แิ ละสรปุ ความรูห้ ลังการปฏิบตั ิ
มาตรา กน 5. นักเรียนเขียนตามจินตนาการ วนั เดก็ ลงในสมดุ
6. นักเรยี นรว่ มกันสรปุ เกย่ี วกบั การเขียนตามจินตนาการ วนั เด็ก
ขั้นที่ 4 ข้ันสื่อสารและนาเสนอ
7. นกั เรยี นนาเสนอการเขียนตามจนิ ตนาการ วนั เด็ก โดยครูใชไ้ มเ้ รยี กเลขท่ี เรยี กนกั เรียน
ออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียนประมาณ 4-5 คน
ขั้นที่ 5ข้ันประเมนิ เพ่ือเพม่ิ คุณคา่ บรกิ ารสงั คมและจิตสาธารณะ
8. นักเรยี นรว่ มกันแสงดความคิดเห็น โดยครใู ชค้ าถามตอ่ ไปนี้
- นกั เรยี นสามาถนาความรู้เก่ยี วกบั เร่ืองท่เี รียนไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมได้อยา่ งไร
สาระสาคญั
การเขียนคาและบอกความหมายเป็นการฝกึ ให้ใชค้ าในภาษาไทยอย่างถกู ตอ้ ง และ การรู้
ความหมายของคาทาใหส้ ามารถนา คามาตรา กน ไปใช้ ในชีวิตประจาวัน ได้อย่างถกู ตอ้ ง
ขั้นท่ี 1 ขน้ั รวบรวมขอ้ มลู
38. นักเรียนรว่ มกนั เลน่ เกม “ปรศิ นาคาทาย” โดยครเู ขียนประโยคปรศิ นาบนกระดาน
ดังนี้
- ปลาอะไรเอย่ ไมม่ งี วง แต่พน่ น้าได้ ( ปลาวาฬ)
- ฉนั คอื อะไรถา้ ไฟดบั พลันเขาจะจุดฉันแสงน้ันแทนไฟ ( เทียน)
2. นกั เรียนศกึ ษาเรอ่ื งมาตรา กน แลว้ ร่วมกันสนทนาโดยใชค้ าถามดังน้ี
- คาท่มี ตี วั สะกด และไมม่ ตี วั สะกดต่างกันอยา่ งไร
- คาหรือพยางคท์ ่มี เี สยี งเหมือน น เช่น ญ ร ล ณ ฬ อย่างไร ใหน้ ักเรยี นยกตวั อย่าง
คามาคนละ 1คา
ขน้ั ท่ี 2 ขั้นคดิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. ครูตดิ บตั รคาท่มี คี ามาตรา กน เชน่ ปลาวาฬ วันเพญ็ บาดาล เอกสาร เจรญิ อากาศ
บริเวณ บญุ คณุ
- นักเรียนเล่นเกมทายคา กับภาพ
- ครอู ธิบายเก่ียวกบั การอานออกเสยี ง มาตรา กน
4. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ คดิ ประเมินเพื่อเพิม่ มูลค่าโดยครูใช้คาถามต่อไปนี้
- นกั เรียนสามาถนาความร้ทู ี่ไดร้ บั ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏบิ ัติและสรุปความรหู้ ลังการปฏบิ ัติ
5 . นักเรยี นเขา้ กล่มุ อา่ นบัตรคาทมี่ มี าตรา กน ตวั แทนกลมุ่ ออกมาเขียนคาที่มีมาตรา กน
จากบตั รคาทนี่ ักเรยี นได้รบั ไปกลมุ่ ใดตอบถกู ใหแ้ รงเสรมิ เปน็ คะแนนกลุ่ม
6. นักเรียนฝกึ อ่านพรอ้ มกันจากหนงั สอื แบบฝกึ หดั หลกั ภาษาไทยเล่ม4
2. นกั เรียนทาแบบฝกึ หดั
3. นกั เรียนร่วมกันสรปุ เรื่อง มาตรา กน ซึง่ จะใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ ในการเขียนคาต่างๆ
ขน้ั ท่ี 4 ขั้นส่อื สารและนาเสนอ
9.นักเรยี นนาเสนอการทาแบบฝกึ หดั โดยครใู ช้ไม้เรยี กเลขที่ เพ่ือใหน้ ักเรียนนาเสนอที
ละคน เพื่อนๆช่วยกนั
ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
ข้นั ท่ี 5ข้ันประเมนิ เพื่อเพ่มิ คุณค่าบรกิ ารสงั คมและจติ สาธารณะ
10. นกั เรียนร่วมกนั แสงดความคิดเหน็ โดยครใู ชค้ าถามตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นสามาถนาความรูเ้ กีย่ วกบั เรือ่ งทเี่ รียนไปใช้ประโยชน์ในสงั คมได้อย่างไร
3.3 คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ : Attitude (A) ซอ่ื สัตย์สจุ รติ มีวินยั ใฝ่เรียนรู้ อยยู่ ่างพอเพยี ง
มงุ่ มั่นในการทางาน รกั ความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ
6. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหลง่ การเรียนรู้
1. แบบฝึกหัด 2. ภาพยายกะตา 3. บตั รภาพ
4. ไมเ้ รยี กเลขที่ 5.คาถาม 6.ปรศิ นาคาทาย
7.บตั รคาศัพท์ 8. หนังสือหลักภาษาเลม่ 4ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 2
7. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
การประเมนิ วธิ กี าร เครื่องมือ
ดา้ นความรู้ (K) -การตอบคาถาม -คาถาม
-ทาแบบฝกึ หัด -แบบฝกึ หัด
ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอา่ น -แบบประเมนิ การอ่าน
-ทักษะการเขียน -แบบประเมินการเขียน
-ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์ -แบบฝึกหัด
ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ ม (A) -สงั เกตพฤตกิ รรมในการร่วมกจิ กรรม -แบบสังเกตพฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่
-สังเกตพฤตกิ รรมการใชค้ าศพั ท์
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................
ลงชอื่ .............................................ครผู สู้ อน ลงช่อื ...................................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผูบ้ ริหาร
(...........................................................)
สัปดาหท์ ี่ 13
โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นที่ ……2…/……..……... ช่อื ผสู้ อน ….…..….................................................……...
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 10 เข็ดแล้ว ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 6 คาบ
เรอื่ ง เข็ดแล้ว
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวช้ีวัด
มาตรฐานท่ี ท 2.1ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่อื งราวในรปู แบบต่างๆ
เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
ตัวชีว้ ัดที่ ป 2/2 เขียนเรือ่ งสน้ั ๆ เก่ียวกบั ประสบการณ์
ตัวชวี้ ัดท่ี ป 2/4 มมี ารยาทในการเขยี น
มาตรฐานท่ี ท 4.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญา
ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ
ตัวชี้วัดท่ี ป 2/2เขียนสะกดคาและบอกความหมาย ของคา
มาตรฐานท่ี ท 5.1 เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณคา่ และนามา
ประยุกต์ใช้ในชวี ิตจรงิ
ตัวชีว้ ัดท่ี ป 2/2 ร้อง บทรอ้ งเล่นสาหรบั เด็กในท้องถ่ิน
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอา่ นจบั ใจความสาคัญ คือ การอา่ นเพอ่ื จับใจความหรือขอ้ คิด ความคิดสาคญั หลกั ของข้อความ หรือเรื่องท่ีอ่าน
การอา่ นจบั ใจความสาคญั ถือเปน็ ทกั ษะสาคัญท่ใี ชใ้ นการอา่ นเพอ่ื การสือ่ สารมากทสี่ ดุ เพราะเป็นพนื้ ฐานสาคญั ในการศกึ ษาหา
ความรู้ จึงควรฝกึ ฝนให้เกดิ ความชานาญ
การเขยี นเรือ่ งตามประสบการณ์ คือ การเขยี นเร่ืองจากสิ่งทเี่ ราไดก้ ระทา หรอื เขียนเรื่องจากสง่ิ ทเ่ี ราพบเห็น เมอื่ เวลา
ผ่านไปจะทาใหเ้ ราจดจาความประทบั ใจเล่านั้น
การเขยี นคาและบอกความหมายเป็นการฝกึ ใหใ้ ชค้ าในภาษาไทยอย่างถกู ต้อง และ การร้คู วามหมายของคาทาให้
สามารถนา คามาตรา เกย ไปใช้ ในชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1.อธบิ ายความหมาย และหลกั การอ่านจบั ใจความสาคญั (K)
2. รู้และเข้าใจหลกั การอ่านการเขียนคาทีม่ ี มาตราเกย ได(้ K)
3.ร้แู ละเข้าใจหลักการเขยี นเล่าประสบการณ์ได้ (K)
4.อ่านเร่ืองได้คล่องแคลว่ รวดเร็วและถูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี (P)
5.แยกข้อเทจ็ จรงิ และขอ้ คิดเห็นจากเรอื่ งท่ีอ่าน (P)
6.เขียนเลา่ ประสบการณไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง(P)
7.อ่านและเขยี นคาทมี่ มี าตรา เกย ได้ (P)
8.กระตอื รอื ร้นและมีสว่ นร่วมกบั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้และมีมารยาทในการเรียน (A)
9.มคี วามสนใจในการเรียนภาษาไทย (A )
10.เหน็ ความสาคญั ของการอา่ นและมารยาทในการอ่าน (A)
4. สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถน่ิ
3.1 ความรู้ : Knowledge (K) การอ่านจบั ใจความกนิ ดี มีสขุ
การเขยี นเลา่ ประสบการณว์ ันเด็ก มาตรา เกย
3.2 กระบวนการจดั การเรยี นรู้ : Process (P)
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบที่ กจิ กรรมการเรยี นการสอน
คาบที่ 1-2 สาระสาคญั
การอ่านจบั ใจความสาคญั คือ การอ่านเพือ่ จับใจความหรือขอ้ คิด ความคดิ สาคญั หลักของ
การอ่านจบั ใจความ ขอ้ ความ หรอื เร่ืองทอ่ี า่ น การอ่านจับใจความสาคญั ถอื เปน็ ทกั ษะสาคัญท่ใี ชใ้ นการอา่ นเพอื่ การ
กินดี มีสุข ส่ือสารมากที่สดุ เพราะเป็นพ้ืนฐานสาคัญในการศึกษาหาความรู้ จึงควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความชานาญ
ข้นั ที่ 1 ขัน้ รวบรวมข้อมลู
11. ครูสนทนากับนักเรยี นเกยี่ วกับอาหารท่นี ักเรยี นชอบวา่ ชอบรับประทานอาหารประเภท
ใดพรอ้ มบอกเหตผุ ล
2. นกั เรียนเข้ากลมุ่ ศึกษาเรอ่ื ง กนิ ดี มีสุข แลว้ รว่ มกนั สนทนาโดยใชค้ าถามดงั น้ี
- บอกช่อื อาหารทม่ี ีประโยชน์
- บอกชอ่ื อาหารทไี่ ม่มีประโยชน์
ขน้ั ท่ี 2 ข้นั คิดวิเคราะหแ์ ละสรุปความ
3. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั วิเคราะหเ์ กี่ยวกับเร่ืองทอี่ ่าน โดยครใู ชค้ าถามดงั นี้
- อาหารอย่างไรเรียกวา่ อาหารที่ดี
- อาหารท่ีดคี วรมีราคาแพงหรอื ไม่ อย่างไร
- กินดมี ีสุขคืออาหารท่ีอยากกนิ ใชห่ รือไม่
4.ให้นักเรียนแต่ละกลมุ่ คิดประเมนิ เพอ่ื เพม่ิ คณุ คา่ โดยครูใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปน้ี
- จากเรอื่ งท่ีอา่ นนกั เรยี นสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันอย่างไร
ขั้นที่ 3 ขั้นปฏบิ ัติและสรุปความรู้หลงั การปฏิบตั ิ
5.นกั เรียนเข้ากลมุ่ ทากจิ กรรมการตง้ั คาถามและตอบคาถามเร่อื งที่อา่ น กลุ่มละ 5 ขอ้
กติกาในการต้งั คาถาม คณุ ครูแบง่ จานวนหนา้ ที่แตล่ ะกลุ่มจะตอ้ งรบั ผดิ ชอบในการตง้ั คาถาม
เพือ่ ปอ้ งกันไมใ่ ห้การตงั้ คาถามของแตล่ ะกลมุ่ ไมใ่ หซ้ ้ากนั
6.นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ขอ้ คิดทไ่ี ดจ้ ากการอา่ น
ขั้นที่ 4 ข้ันสื่อสารและนาเสนอ
7. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอเรอ่ื ง กนิ ดี มสี ขุ หน้าชน้ั เรียน
ขน้ั ท่ี 5ขั้นประเมนิ เพื่อเพิ่มคุณคา่ บริการสังคมและจติ สาธารณะ
8. นักเรียนช่วยกันสรุปบทเรยี น ครสู รปุ เพม่ิ เตมิ ด้วยการสมุ่ ถามนักเรยี นบางคน เพือ่ เป็น
การประเมินความเขา้ ใจไปในตวั ดว้ ย
9. นกั เรียนรว่ มกันแสงดความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามต่อไปน้ี
- นกั เรยี นสามาถนาความรู้เกย่ี วกบั เรอ่ื งที่เรียนไปใช้ประโยชน์ในสังคมไดอ้ ย่างไร
คาบที่ 3-4 สาระสาคัญ
การเขยี นเรอ่ื งตาม การเขยี นเร่ืองตามประสบการณ์ คือ การเขียนเรื่องจากส่งิ ทเ่ี ราได้กระทา หรือเขียนเร่อื ง
ประสบการณ์ จากสงิ่ ทเ่ี ราพบเหน็ เมอ่ื เวลาผ่านไปจะทาให้เราจดจาความประทับใจเลา่ นั้น
ข้ันที่ 1 ข้นั รวบรวมขอ้ มูล
27. นักเรยี นร่วมกนั สนทนาเพ่อื เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยครใู ช้คาถามดงั น้ี
- นกั เรยี นทาอะไรในวนั เด็ก (สุม่ ถามนกั เรียนโดยใชเ้ รยี กเลขท่ี 4-5 คน )
28. นักเรยี นศึกษาการเขียนเล่าประสบการณแ์ ล้วรว่ มกนั สนทนาโดยใชค้ าถามดงั นี้
- นักเรยี นรู้จกั คาวา่ ประสบการณห์ รอื ไม่
- การเขียนเล่าประสบการณค์ วรเขยี นในลักษณะใด
ขั้นที่ 2 ข้ันคิดวเิ คราะหแ์ ละสรปุ ความ
29. นักเรียนดูตัวอยา่ งการเขยี นเล่าประสบการณแ์ ละร่วมกนั วิเคราะห์ ถึงรูปแบบการเขียน
30. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มคิดประเมนิ เพื่อเพมิ่ มลู คา่ โดยครูใชค้ าถามต่อไปนี้
- นักเรียนสามาถนาความรทู้ ่ีไดร้ บั ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร
ขน้ั ท่ี 3 ขั้นปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรู้หลังการปฏิบัติ
5. นกั เรียนเขียนเลา่ ประสบการณ์( วนั เด็ก)
6. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกบั การเขียนเลา่ ประสบการณ์ (วันดก็ )
ขน้ั ที่ 4 ขั้นสอื่ สารและนาเสนอ
7. นกั เรยี นนาเสนอการเขียนเล่าประสบการณ์(วนั เดก็ ) โดยครใู ช้ไมเ้ รียกเลขท่ี เรียก
นกั เรยี นออกมานาเสนอหนา้ ชน้ั เรยี นประมาณ 4-5 คน
ขัน้ ที่ 5ขั้นประเมินเพื่อเพ่มิ คุณคา่ บรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
8. นักเรยี นร่วมกันแสงดความคดิ เห็น โดยครูใช้คาถามตอ่ ไปนี้
- นักเรียนสามาถนาความรู้เกี่ยวกับเรอ่ื งทีเ่ รยี นไปใช้ประโยชนใ์ นสังคมไดอ้ ยา่ งไร
คาบท่ี 5-6 สาระสาคัญ
มาตรา เกย การเขยี นคาและบอกความหมายเป็นการฝกึ ให้ใชค้ าในภาษาไทยอย่างถกู ต้อง และ การรู้
ความหมายของคาทาใหส้ ามารถนา คามาตรา เกย ไปใช้ ในชีวิตประจาวนั ได้อย่างถกู ตอ้ ง
ขน้ั ท่ี 1 ข้นั รวบรวมข้อมูล
39. นักเรยี นรว่ มกนั เล่นเกม “ปริศนาคาทาย” โดยครเู ขียนประโยคปริศนาบนกระดาน
ดังนี้
- ฉันคืออะไรเอาไว้ไถนา อาหารคอื หญ้า หนงั หนาทนทาน (ควาย)
- ฉันคอื อะไรใช้ทาขนมปัง สเี หลอื งสวยจงั ไดฟ้ งั โปรดเฉลย (เนย)
- ฉนั คอื อะไร หลายใบเรยี กหวี ลองกินดซู ี หลายหวเี ปน็ เครือ (กลว้ ย)
40. นกั เรียนศกึ ษาเร่ืองมาตรา เกย แลว้ รว่ มกนั สนทนาโดยใชค้ าถามดงั น้ี
- คาทม่ี ตี วั สะกด และไมม่ ตี ัวสะกดต่างกนั อย่างไร
- คาหรือพยางค์ทเี่ ขียนด้วนสระ เอีย ไม่ใชค่ าหรอื พยางค์ทม่ี ตี วั สะกดในแม่เกย เช่น
เสีย เปยี ก เรยี ก อะไรที่ต่างกนั และให้นักเรยี นยกตวั อยา่ งคามา คนละ 1คา
ขัน้ ท่ี 2 ขัน้ คิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
41. ครตู ดิ บตั รคาทมี่ ีคามาตรา เกย เชน่ ชมเชย ใบเตย ลกู เขย เปิดเผย เสยี ดาย ระเหย
ปวดเมอื่ ย
42. นกั เรียนเล่นเกมทายคา กบั ภาพ
43. ครูอธบิ ายเกีย่ วกบั การอานออกเสยี ง มาตรา เกย
44. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ คิดประเมินเพือ่ เพมิ่ มลู คา่ โดยครูใช้คาถามต่อไปนี้
- นักเรยี นสามาถนาความรู้ท่ีไดร้ บั ไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ได้อย่างไร
ขนั้ ที่ 3 ขั้นปฏบิ ัตแิ ละสรปุ ความรู้หลงั การปฏบิ ัติ
7 . นักเรยี นเข้ากลุม่ อ่านบตั รคาทมี่ มี าตรา เกย ตัวแทนกล่มุ ออกมาเขยี นคาทมี่ มี าตรา กน
จากบตั รคาที่นกั เรยี นได้รบั ไปกลมุ่ ใดตอบถกู ใหแ้ รงเสรมิ เป็นคะแนนกล่มุ
8. นกั เรยี นฝกึ อ่านพรอ้ มกนั จากหนงั สอื แบบฝกึ หัดหลกั ภาษาไทยเลม่ 4
9.นักเรยี นทาแบบฝึกหดั
10.นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเร่อื ง มาตรา เกย ซ่งึ จะใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้ ในการเขยี นคาตา่ งๆ
ข้ันท่ี 4 ขั้นสื่อสารและนาเสนอ
11.นกั เรียนนาเสนอการทาแบบฝึกหดั โดยครูใช้ไม้เรียกเลขท่ี เพื่อใหน้ กั เรียนนาเสนอทลี ะ
คน เพื่อนๆช่วยกัน
ตรวจสอบความถูกต้อง
ขัน้ ท่ี 5ขั้นประเมนิ เพื่อเพ่ิมคุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ
12. นกั เรียนรว่ มกนั แสงดความคิดเห็น โดยครใู ช้คาถามตอ่ ไปน้ี
- นกั เรียนสามาถนาความรู้เก่ยี วกบั เรอ่ื งท่ีเรยี นไปใชป้ ระโยชนใ์ นสงั คมไดอ้ ยา่ งไร
3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ : Attitude (A) ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ มวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่ยา่ งพอเพยี ง
มุ่งมน่ั ในการทางาน รักความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ
6. ส่ือ/อปุ กรณ์/แหล่งการเรยี นรู้
1. แบบฝกึ หัด 2. บัตรคา 3. ปรศิ นาทาย
8. หนังสอื หลักภาษาเลม่ 4ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 2
4. ไม้เรยี กเลขที่ 5.คาถาม
7. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้
การประเมิน วธิ กี าร เครอื่ งมอื
ดา้ นความรู้ (K) -การตอบคาถาม -คาถาม
-ทาแบบฝกึ หัด -แบบฝึกหัด
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่าน -แบบประเมนิ การอ่าน
-ทกั ษะการเขยี น -แบบประเมินการเขยี น
-ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ -แบบฝกึ หัด
ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ ม (A) -สงั เกตพฤตกิ รรมในการรว่ มกจิ กรรม -แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่
-สังเกตพฤตกิ รรมการใชค้ าศพั ท์
8. กิจกรรมเสนอแนะ
................................................................... ............................................................................................................................. ..........
..........................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................
ลงชือ่ .............................................ครผู สู้ อน ลงชอ่ื ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชื่อ................................................... ผ้บู ริหาร
(...........................................................)
สปั ดาหท์ ่ี 14
โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา
แผนการจัดการเรียนรู้
ภาคเรยี นท่ี ……1…/……………... ชอ่ื ผู้สอน ….…..….................................................……...
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 11 เดก็ ดี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 2 จานวน 6 คาบ
เร่ือง เดก็ ดี
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชวี้ ดั
มาตรฐานที่ ท 1.1ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพ่ือนาไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปญั หาในการดาเนนิ ชวี ติ
และมนี สิ ัยรักการอ่าน
ตวั ชี้วัดที่ ป 2/1 อ่านออกเสียงคาคลอ้ งจอง ขอ้ ความ และบทรอ้ ยกรองง่ายๆได้อยา่ งถกู ต้อง
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 2/2 อธบิ ายความหมายของคาและขอ้ ความท่ีอา่ น
ตัวชว้ี ดั ที่ ป 2/3 ตั้งคาถามและตอบคาถามเก่ียวกบั เรื่องทอ่ี า่ น
ตัวช้ีวัดท่ี ป 2/4 ระบใุ จความสาคัญและรายละเอยี ดจากเรอ่ื งท่อี ่าน
ตัวชวี้ ดั ที่ ป 2/5 แสดงความคิดเหน็ และคาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรอื่ งทอี่ า่ น
ตวั ชีว้ ดั ท่ี ป 2/8 มีมารยาทในการอ่าน
มาตรฐานที่ ท 2.1ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขยี นเรยี งความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรปู แบบต่างๆ เขียน
รายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาค้นคว้าอย่าง มีประสิทธิภาพ
ตัวชวี้ ดั ท่ี ป 2/2เขยี นเร่อื งส้นั ๆ เกี่ยวกบั ประสบการณ์
ตัวช้ีวดั ที่ ป 2/4มีมารยาทในการเขยี น
มาตรฐานที่ ท 4.1เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทยการเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภมู ิปญั ญา
ทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบัตขิ องชาติ
ตัวชี้วดั ท่ี ป 2/2เขยี นสะกดคาและบอกความหมาย ของคา
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การอ่านจบั ใจความสาคญั คอื การอา่ นเพอ่ื จับใจความหรือข้อคดิ ความคิดสาคญั หลักของข้อความ หรือเรือ่ งทอ่ี ่าน
การอ่านจบั ใจความสาคัญ ถือเปน็ ทกั ษะสาคัญท่ใี ชใ้ นการอา่ นเพอ่ื การส่อื สารมากทสี่ ุด เพราะเป็นพ้นื ฐานสาคัญในการศึกษาหา
ความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนใหเ้ กิดความชานาญ
การเขยี นบรรยายภาพเปน็ การเขยี นเพ่ือฝกึ จินตนาการและพัฒนาใหน้ ักเรียนมีทกั ษะในการคดิ และการเขยี นสร้างสรรค์
คาใหม่ ๆ ใหม้ ีความถูกตอ้ งมากย่ิงขนึ้
การเขียนคาและบอกความหมายเปน็ การฝกึ ใหใ้ ชค้ าในภาษาไทยอยา่ งถูกตอ้ ง และ การร้คู วามหมายของคาทาให้
สามารถนา คามาตรา เกอว ไปใช้ ในชีวิตประจาวัน ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1.อธิบายความหมาย และหลกั การอ่านจบั ใจความสาคัญ (K)
2.อธิบายลักษณะของประโยค (K)
3. รู้และเข้าใจหลกั การอ่านการเขียนคาทม่ี ี มาตราเกอว ได้(K)
4.อ่านและเขยี นคาทมี่ ีมาตรา เกอว ได้ (P)
5.วิเคราะห์ภาพและเรียบเรียงคาหรอื ข้อความให้เป็นประโยค (P)
6.อ่านเร่อื งได้คลอ่ งแคล่ว รวดเรว็ และถกู ต้องตามอกั ขระวิธี (P)
7.แยกขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คิดเหน็ จากเร่ืองทีอ่ า่ น (P)
8.เหน็ ความสาคญั ของการอา่ นและมารยาทในการอา่ น (A)
9.กระตอื รือรน้ และมสี ว่ นร่วมกับการจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ ละมีมารยาทในการเรยี น (A)
10.มีความกระตือรือร้นในการรว่ มกจิ กรรม (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน
3.1 ความรู้ : Knowledge (K) การอา่ นจบั ใจความ เดก็ ดี การ
เขยี นบรรยายภาพ มาตรา เกอว
3.2 กระบวนการจัดการเรียนรู้ : Process (P)
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
คาบที่ กิจกรรมการเรียนการสอน
คาบที่ 1-2 สาระสาคัญ
การอ่าน การอา่ นจบั ใจความสาคัญ คือ การอา่ นเพอ่ื จบั ใจความหรือข้อคดิ ความคดิ สาคัญหลัก
จบั ใจความ
( เดก็ ด)ี ของข้อความ หรอื เรอ่ื งท่ีอา่ น การอา่ นจบั ใจความสาคญั ถือเป็นทกั ษะสาคัญท่ีใชใ้ นการอา่ นเพอ่ื
การสอื่ สารมากทสี่ ุด เพราะเปน็ พื้นฐานสาคัญในการศึกษาหาความรู้ จงึ ควรฝกึ ฝนให้เกิดความ
ชานาญ
ขนั้ ท่ี 1 ขัน้ รวบรวมขอ้ มูล
12. ครนู าเขา้ สบู่ ทเรียนโดยใหด้ ูภาพ รว่ มกันสนทนาเพอื่ เขา้ สบู่ ทเรียนโดยครใู ช้คาถาม
ดังน้ี
- นกั เรียนเหน็ อะไรในภาพน้ี
- รู้สึกอย่างไรเก่ียวกบั ภาพ
* ในการตอบคาถามใหน้ ักเรยี นใช้ไม้เรยี กเลขท่ี เพื่อให้นกั เรยี นตอบคาถามทลี ะคน
โดยถามกอ่ นจะเรยี กเลขทีเ่ พ่ือใหท้ กุ คนไดค้ ดิ ในแตล่ ะคาถามควรให้นักเรยี นนาเสนอ
4-5 คน
2.นักเรียนเข้ากลมุ่ ศึกษาเรอ่ื ง เดก็ ดี โดยครูใช้คาถามดงั นี้
- จากการอ่านเรอ่ื งเด็กดี เมอ่ื ครเู ดนิ เข้าหอ้ งเรยี นนักเรยี นในห้องเปน็ อย่างไร
- ขณะทค่ี รูกาลงั สอนเมอื่ นักเรียนสงสัยไม่เข้าใจ ควรทาอยา่ งไร
- หนา้ ที่ของเดก็ ดีของครอบครวั มีอะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ ง
ขัน้ ท่ี 2 ขั้นคิดวิเคราะห์และสรปุ ความ
3. นักเรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันสรุปใจความสาคญั ของเรอ่ื งเดก็ ดี
4.ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ คดิ ประเมนิ เพื่อเพ่มิ คณุ คา่ โดยครใู ชค้ าถามดงั ต่อไปนี้
- ตัวละครในเรอื่ งมใี ครบา้ ง มเี หตกุ ารณอ์ ะไรเกดิ ขึน้ บา้ ง
- จากเรอื่ งท่อี า่ นนกั เรยี นสามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันอยา่ งไร
ขั้นที่ 3 ขั้นปฏบิ ัตแิ ละสรุปความรหู้ ลังการปฏิบัติ
5. นกั เรียนทากิจกรรมการถามตอบจากเร่ืองทศี่ ึกษาและตงั้ คาถามกลมุ่ ละ 10 คาถาม
6. นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ข้อคดิ ที่ไดจ้ ากการอา่ นเรือ่ ง เดก็ ดี
คาบที่ 3-4 ข้นั ท่ี 4 ข้ันส่ือสารและนาเสนอ
7. นกั เรียนนาเสนอคาถาม โดยครใู ช้ไมเ้ รยี กเลขทเ่ี รยี กนักเรยี นออกมานาเสนอ
การเขียน
บรรยายภาพ ขั้นที่ 5ข้ันประเมนิ เพ่ือเพ่ิมคุณคา่ บริการสงั คมและจติ สาธารณะ
8. นักเรียนชว่ ยกนั สรุปบทเรียน โดยครูใชค้ าถามต่อไปนี้
- นกั เรียนสามารถนาความรเู้ กีย่ วกบั เร่อื งท่ีเรียนไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมอยา่ งไร
สาระสาคัญ
การเขยี นบรรยายภาพเป็นการเขยี นเพื่อฝึกจินตนาการและพฒั นาใหน้ ักเรยี นมที ักษะใน
การคิดและการเขียนสรา้ งสรรค์คาใหม่ ๆ ใหม้ ีความถกู ต้องมากยิ่งขึ้น
ขัน้ ที่ 1 ขั้นรวบรวมข้อมูล
3. นกั เรียนดูตัวอยา่ งการเขียนบรรยายภาพ แล้วรว่ มกนั สนทนาโดยครูใช้คาถาม
ตอ่ ไปนี้
- การเขยี นบรรยายภาพดังกลา่ วนกั เรียนคิดวา่ ดีหรอื ไมเ่ พราะอะไร
- นกั เรียนทราบหรอื ไม่วา่ การเขียนบรรยายภาพมหี ลักการเขยี นอย่างไร
2. ให้นักเรยี นศกึ ษาความรเู้ รอื่ งการเขยี นบรรยายภาพ แล้วร่วมกนั สนทนาโดยใช้
คาถามดงั นี้
- เด็กๆมลี กั ษณะนสิ ยั อยา่ งไร
- นกั เรยี นควรเอาเป็นแบบอยา่ งในเรอื่ งใด
- นักเรียนสามารถแสดงความกตญั ญูโดยการเป็นเด็กดีตอ่ พอ่ แมอ่ ย่างไร
ข้ันที่ 2 ขั้นคดิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
3.นักเรียนดรู ูปภาพแล้วรว่ มกนั วเิ คราะหโ์ ดยครใู ชค้ าถามดังน้ี
- ภาพที่นกั เรียนเห็นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
4. นักเรยี นชว่ ยกันเขยี นบรรยายภาพบนกระดาน เพ่อื นตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ครู
แนะนาเพิ่มเตมิ วา่ ควรปรบั ปรุงอย่างไร
5. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ คดิ ประเมินเพ่ือเพม่ิ มลู คา่ โดยครูใชค้ าถามต่อไปน้ี
- นักเรยี นสามาถนาความรู้ท่ีไดร้ บั ไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างไร
ขน้ั ท่ี 3 ขั้นปฏบิ ัติและสรุปความร้หู ลงั การปฏบิ ัติ
6. ครูแบ่งกล่มุ เป็นกลมุ่ ละ 4 คน แล้วให้แต่ละกลมุ่ ดภู าพแล้วฝกึ เขียนบรรยายภาพ
7. นักเรียนสรุปเกย่ี วกบั การเขียนบรรยายภาพแลว้ ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ดงั น้ี
* การเขียนบรรยายภาพเป็นการใช้ประสบการณร์ ่วมกบั จนิ ตนาการของผเุ้ ขียน โดยดู
คาบท่ี 5-6 รายละเอยี ดตา่ งจากภาพเปน็ พ้ืนฐาน เขยี นเป็นเร่ืองราวทนี่ า่ สนใจหรือสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ แก่
มาตรา เกอว
ผอู้ ่าน
ขน้ั ท่ี 4 ขั้นสอ่ื สารและนาเสนอ
8.นกั เรียนนาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน โดยครูใช้ไมเ้ รยี กท่ี เรยี กนกั เรยี นออกมา
นาเสนอหน้าชน้ั เรยี นประมาณ 4- 5คน
ขน้ั ท่ี 5ข้ันประเมินเพ่ือเพมิ่ คุณคา่ บรกิ ารสังคมและจิตสาธารณะ
9. นกั เรยี นรว่ มกันแสงดความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามต่อไปน้ี
- นักเรยี นสามาถนาความรู้เกย่ี วกบั เรือ่ งท่ีเรยี นไปใช้ประโยชน์ในสังคมไดอ้ ย่างไร
สาระสาคญั
การเขยี นคาและบอกความหมายเป็นการฝกึ ให้ใชค้ าในภาษาไทยอยา่ งถกู ตอ้ ง และ การ
ร้คู วามหมายของคาทาใหส้ ามารถนา คามาตรา เกอว ไปใช้ ในชีวติ ประจาวนั ได้อย่างถกู ต้อง
ขนั้ ที่ 1 ขนั้ รวบรวมข้อมูล
45. นักเรียนร่วมกนั เล่นเกม “ปรศิ นาคาทาย” โดยครเู ขยี นประโยคปริศนาบนกระดาน
ดงั น้ี
- ฉนั คืออะไร ลอยเด่นบนฟา้ กะพริบบางเวลา เรยี กว่าอะไร ( ดาว)
- ฉนั คอื อะไรมไี ว้เกี่ยวข้าว ใชเ้ อีย เสยี งยาว ชาวนาชอบใช้ (เคียว)
- ฉันคอื อะไรเล้ียงไวบ้ นบา้ น ปลาทูในจานเปน็ อาหารของฉนั (แมว)
2. นักเรยี นศึกษาเร่ืองมาตราเกอว แลว้ รว่ มกันสนทนาโดยใช้คาถามดงั น้ี
- คาทีม่ ีตัวสะกด และไมม่ ีตวั สะกดตา่ งกนั อย่างไร
- คาหรือพยางค์ทเี่ ขยี นดว้ ยสระ อวั ไมใ่ ชค่ าหรือพยางค์ทมี่ ตี ัวสะกดในแมเ่ กอว
เช่น บัว ววั ตวั
อะไรทีต่ ่างกนั และใหน้ กั เรียนยกตัวอย่างคามา คนละ 1คา
ขน้ั ท่ี 2 ข้นั คิดวิเคราะห์และสรปุ ความ
3 ครูติดบตั รคาทม่ี คี ามาตรา เกอว เชน่ มะนาว งูเขยี ว เหนียว รวั้ เปรี้ยว
- นักเรยี นเลน่ เกมทายคา กับภาพ
- ครูอธิบายเกี่ยวกบั การอานออกเสยี ง มาตรา เกอว
4 นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มคดิ ประเมินเพ่ือเพม่ิ มลู คา่ โดยครใู ช้คาถามต่อไปน้ี
- นักเรียนสามาถนาความรู้ท่ไี ดร้ ับไปใช้ในชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างไร
ขนั้ ที่ 3 ข้ันปฏบิ ตั ิและสรปุ ความรู้หลังการปฏบิ ัติ
5 . นักเรียนเข้ากลมุ่ อา่ นบัตรคาทม่ี ีมาตราเกอว ตวั แทนกล่มุ ออกมาเขยี นคาทม่ี ีมาตรา
เกอว จากบตั รคาทนี่ กั เรยี นไดร้ บั ไปกลุม่ ใดตอบถูกให้แรงเสริมเปน็ คะแนนกลุ่ม
7. ครตู ดิ บตั รคาและให้นักเรยี นสงั เกตคาต่อไปนี้
- ขาย บน กลว้ ย กระตา่ ย (ไมม่ มี าตราเกอว)
- ดาว สาว แก้ว เต๋ยี ว ( มาตราเกอว )
- คาท่เี ปน็ มาตราเกอว และ ไม่ใช่มาตรา เกอว ตา่ งกันอย่างไร
8. นกั เรยี นอ่านบัตรคามาตรา เกอว
9. นักรยี นทาแบบฝึกหดั
10. นักเรยี นร่วมกันสรุปเรอื่ งมาตรา เกอว ซึง่ จะใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้ ในการเขยี นคา
ตา่ งๆ
ขั้นที่ 4 ขั้นส่อื สารและนาเสนอ
10.นกั เรียนนาเสนอคาท่ี มมี าตรา เกอวโดยครูใชไ้ มเ้ รียกท่ี เรียกนักเรียนออกมานาเสนอ
หนา้ ช้ันเรยี นประมาณ 4- 5คน
ขน้ั ท่ี 5ขั้นประเมนิ เพื่อเพิม่ คุณค่าบริการสงั คมและจิตสาธารณะ
11. นกั เรียนรว่ มกันแสงดความคิดเห็น โดยครูใช้คาถามต่อไปน้ี
- นกั เรยี นสามาถนาความรู้เก่ยี วกับเรื่องทเี่ รยี นไปใชป้ ระโยชน์ในสังคมได้อยา่ งไร
3.3 คณุ ลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ : Attitude (A) ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ มวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อย่ยู า่ งพอเพยี ง
มงุ่ มนั่ ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ
6. สอ่ื /อปุ กรณ์/แหล่งการเรยี นรู้
1. แบบฝึกหัด 2. บตั รคา 3. หนังสอื ภาษาไทยชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 2
4. ไม้เรยี กเลขท่ี 5.คาถาม 6.ปรศิ นาคาทาย
7. หนงั สือหลกั ภาษาเลม่ 4 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 2
7. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้
การประเมิน วิธกี าร เคร่อื งมอื
ด้านความรู้ (K) -การตอบคาถาม -คาถาม
-ทาแบบฝกึ หัด -แบบฝกึ หัด
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P) -ทักษะการอ่าน -แบบประเมินการอ่าน
-ทักษะการเขียน -แบบประเมินการเขียน
ทักษะการคิดวิเคราะห์ -แบบฝกึ หดั
ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นิยม (A) -สังเกตพฤตกิ รรมในการร่วมกจิ กรรม -แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่
-สงั เกตพฤตกิ รรมการเขียน
8. กิจกรรมเสนอแนะ
............................................................................................................................. .............................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................
...................................................................................................................................... ....................................................................
ลงชื่อ.............................................ครผู ู้สอน ลงชื่อ...................................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผูบ้ รหิ าร
(...........................................................)
สปั ดาหท์ ่ี 15
โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา
แผนการจดั การเรียนรู้
ภาคเรยี นที่ ……1…/………………... ชอ่ื ผสู้ อน ….…..….................................................……...
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 11 เดก็ ดี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 2 จานวน 6 คาบ
เรื่อง เด็กดี
1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชี้วดั
มาตรฐานท่ี ท 1.1ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคิดเพอ่ื นาไปใช้ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หาในการดาเนนิ ชีวติ
และมีนสิ ัยรักการอา่ น
ตวั ช้วี ดั ท่ี ป 2/1 อา่ นออกเสียงคาคล้องจอง ข้อความ และบทรอ้ ยกรองงา่ ยๆได้อย่างถกู ตอ้ ง
ตัวชว้ี ดั ที่ ป 2/2 อธิบายความหมายของคาและข้อความทอี่ า่ น
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 2/3 ตงั้ คาถามและตอบคาถามเกีย่ วกบั เรอ่ื งท่ีอา่ น
ตัวชว้ี ัดที่ ป 2/4 ระบุใจความสาคญั และรายละเอียดจากเรอ่ื งทอ่ี า่ น
ตวั ช้วี ัดท่ี ป 2/5 แสดงความคดิ เห็นและคาดคะเนเหตกุ ารณจ์ ากเรื่องท่อี ่าน
ตัวชว้ี ัดที่ ป 2/8 มีมารยาทในการอา่ น
มาตรฐานท่ี ท3.1สามารถเลือกฟงั และดูสามารถเลือกฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณและพดู แสดงความรคู้ วามคดิ และความรู้สึก
ในโอกาสต่างๆอยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์
ตวั ชี้วัดที่ ป 2/2เลา่ เร่ือง ทีฟ่ งั และดูทั้งทเี่ ป็นความรู้และความบนั เทงิ
ตวั ช้ีวัดท่ี ป 2/3บอกสาระสาคญั ของเรื่องทฟ่ี งั และดู
ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป 2/4 ตง้ั คาถามและตอบคาถามเก่ยี วกบั เร่ืองท่ฟี งั และดู
ตัวช้ีวัดที่ ป 2/5 พดู แสดงความคดิ เห็นและความรสู้ กึ จากเรอื่ งทฟี่ งั และดู
มาตรฐานที่ ท 2.1ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขยี นเรื่องราวในรปู แบบตา่ งๆ เขยี น
รายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ ง มปี ระสทิ ธิภาพ
ตวั ชี้วดั ที่ ป 2/2เขยี นเรอื่ งส้ันๆ เกยี่ วกบั ประสบการณ์
ตวั ช้ีวัดที่ ป 2/4มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐานท่ี ท 4.1เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทยการเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปญั ญา
ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ
ตัวช้ีวดั ที่ ป 2/2เขยี นสะกดคาและบอกความหมาย ของคา
2. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
การเขยี นนิทาน เป็นเรื่องของการเขยี นบรรยาย ผเู้ ขยี นจะตอ้ งมีศลิ ปะในการเขียนเพื่อใหเ้ กดิ ความสนกุ สนาน
ปลูกฝงั คุณธรรมคติแง่คิดมุมมองต่างๆ แก่ผอู้ ่าน
การเขยี นประโยคจากภาพเปน็ การเขียนเชงิ สรา้ งสรรคเ์ พื่อพฒั นาใหน้ ักเรียนมีทักษะในการคดิ และการเขียนเชิง
สร้างสรรค์มากยิง่ ขึ้น
การเขียนคาและบอกความหมายเปน็ การฝกึ ให้ใช้คาในภาษาไทยอยา่ งถูกต้อง และ การรคู้ วามหมายของคา
ทาใหส้ ามารถนา คามาตรา กกไปใช้ ในชวี ติ ประจาวัน ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1.อธิบายความหมาย และหลกั การอ่านจบั ใจความสาคัญ (K)
2.อธิบายลกั ษณะของประโยค (K)
3. รแู้ ละเขา้ ใจหลกั การอ่านการเขียนคาทมี่ ี มาตรากก ได(้ K)
4.อา่ นและเขียนคาทม่ี ีมาตรา กก ได้ (P)
5.วเิ คราะห์ภาพและเรียบเรียงคาหรอื ข้อความใหเ้ ปน็ ประโยค (P)
6.อ่านเรอ่ื งได้คลอ่ งแคลว่ รวดเร็ว และถกู ต้องตามอักขรวิธี (P)
7.แยกข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เห็นจากเรือ่ งท่ีอา่ น (P)
8.เหน็ ความสาคญั ของการอ่านและมารยาทในการอา่ น (A)
9.กระตอื รือร้นและมีสว่ นรว่ มกบั การจดั กจิ กรรมการเรียนรแู้ ละมีมารยาทในการเรยี น (A)
10.มีความกระตือรอื รน้ ในการรว่ มกิจกรรม (A)
4. สาระการเรียนรู้
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถิ่น
3.1 ความรู้ : Knowledge (K) การอา่ นจบั ใจความนิทาน การ
เขียนประโยคจากภาพ มาตรา กก
3.2 กระบวนการจัดการเรียนรู้ : Process (P)
5. กิจกรรมการเรียนรู้
คาบท่ี กจิ กรรมการเรยี นการสอน
คาบที่ 1-2 สาระสาคัญ
การเขยี นนทิ าน เปน็ เร่ืองของการเขยี นบรรยาย ผเู้ ขียนจะตอ้ งมศี ิลปะในการเขยี นเพอ่ื ใหเ้ กิด
การอ่านจับ
ใจความนิทาน ความสนุกสนาน ปลูกฝังคณุ ธรรมคตแิ งค่ ดิ มุมมองต่างๆ แกผ่ ูอ้ ่าน
ขน้ั ที่ 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มลู
1.นกั เรยี นดูนทิ านเรือ่ งลูกหมสู ามตัวจากวดี ที ัศน์ แลว้ รว่ มสนทนาโยงเขา้ สู่บทเรียน โดยครู
ใชค้ าถามดังนี้
-นักเรียนชอบดนู ทิ านหรอื ไมเ่ พราะอะไร
-นกั เรียนเคยเขียนนิทานเองหรือไม่
2.นักเรียนศึกษาขน้ั ตอนการเขียนนทิ าน แล้วรว่ มสนทนาโดยครูใชค้ าถามดงั น้ี
-ในการเขยี นนทิ านตอ้ งคานงึ ถงึ สงิ่ ใด
-การเขยี นนิทานมีขนั้ ตอนอยา่ งไร
ขน้ั ที่ 2 ขนั้ คดิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
3.นักเรียนดตู ัวอย่างการเขยี นนทิ าน แล้วรว่ มสนทนาโดยครูใช้คาถามดังน้ี
-นิทานทีน่ ักเรียนอ่านเกี่ยวกบั เรอ่ื งอะไร
-ตัวละครมีใครบ้าง
-ตอนจบของนทิ านเปน็ อยา่ งไร
4. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ คดิ ประเมนิ เพอ่ื เพมิ่ คุณค่าโดยครูใชค้ าถามดงั ต่อไปน้ี
- นักเรยี นสามารถนาความรทู้ ี่ไดร้ บั ไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้อยา่ งไร
ขน้ั ท่ี 3 ข้ันปฏิบัติและสรุปความรูห้ ลังการปฏบิ ัติ
5. นกั เรยี นเข้ากลมุ่ เขยี นนิทานเร่ือง สนุ ัขจิง้ จอกกบั สงิ โตในกรง พรอ้ มวาด
ภาพประกอบ
6. นักเรยี นสรปุ เกย่ี วกับประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการฝกึ เขียนนิทาน
ข้นั ที่ 4 ข้ันส่อื สารและนาเสนอ
7.นกั เรยี นออกมานาเสนอนทิ านที่แตล่ ะกลุ่มช่วยกันแตง่
ข้ันที่ 5ขั้นประเมินเพื่อเพมิ่ คุณค่าบริการสังคมและจิตสาธารณะ
8.นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามดงั นี้
- นักเรยี นสามารถนาความรู้เก่ยี วกบั เร่อื งท่เี รยี นไปใช้ประโยชน์ในสังคมไดอ้ ยา่ งไร
คาบท่ี 3-4 สาระสาคญั
การเขียนประโยค การเขียนประโยคจากภาพเปน็ การเขยี นเชิงสร้างสรรคเ์ พอ่ื พฒั นาให้นกั เรียนมีทกั ษะในการ
คดิ และการเขยี นเชิงสร้างสรรคม์ ากย่งิ ขน้ึ
จากภาพ
ขั้นท่ี 1 ขั้นรวบรวมข้อมูล
1. นักเรียนดูภาพ แลว้ ให้ช่วยกนั คดิ และแตง่ ประโยคจากภาพ
ปลกู ขาย พยงุ
2. นักเรยี นศึกษาความรเู้ รือ่ ง การแต่งประโยคจากภาพ แลว้ รว่ มกันสนทนาโดยใช้คาถาม
ดงั น้ี
- นักเรียนเคยแตง่ ประโยคจากภาพหรือไม่
- ร้หู รือไม่ว่าการแตง่ ประโยคจากภาพมีองคป์ ระกอบใดบ้าง
- การแตง่ ประโยคจากภาพต้องมจี นิ ตนาการหรือไม่
ขั้นท่ี 2 ข้นั คิดวิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. นกั เรยี นดภู าพแล้วรว่ มกนั วเิ คราะห์ โดยครใู ชค้ าถามดังนี้
ไหว้
-ภาพท่นี ักเรียนเหน็ มอี งค์ประกอบอะไรบา้ ง
- การแตง่ ประโยคจากภาพมคี วามสาคญั อยา่ งไร
4. นกั เรียนอ่านแถบประโยค (การไหว)้ แล้วร่วมกนั บอกองคป์ ระกอบของประโยค
5.นักเรียนคดิ ประมลู เพ่ือเพมิ่ คณุ ค่าโดยครูใช้คาถามดงั ต่อไปนี้
- นักเรยี นสามารถนาความรทู้ ีไ่ ดร้ ับไปใช้ในชีวติ ประจาวันไดอ้ ยา่ งไร
*ในการตอบคาถามให้ครูใช้ไมเ้ รียกเลขท่ี เพอ่ื ให้นกั เรยี นตอบทีละคน โดยถามคาถาม
กอ่ นจะเรยี กเลขทีเ่ พอ่ื ให้ทกุ คนได้คดิ ในแตล่ ะคาถามควรใหน้ ักเรียนนาเสนอ 4-5 คน
ขน้ั ที่ 3 ขั้นปฏบิ ตั แิ ละสรปุ ความร้หู ลงั การปฏิบัติ
6. ครแู บง่ นักเรยี นเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วใหแ้ ต่ละกลุ่มดูภาพทีก่ าหนดแล้วฝกึ แตง่
ประโยคจากภาพ
7.นกั เรียนสรปุ เกย่ี วกับการเขียนประโยคจากภาพ แลว้ ครอู ธิบายเพ่ิมเติมดงั นี้
*การเขยี นประโยคจากภาพช่วยพฒั นาทกั ษะการคดิ การเขยี น รจู้ ักการเชอ่ื มโยง
ประโยคจากภาพทเี่ ห็นให้ เป็นเร่อื งราวใหส้ มั พันธก์ นั
ขัน้ ที่ 4 ข้ันสือ่ สารและนาเสนอ
8.นักเรียนนาเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน โดยครูใชไ้ มเ้ รยี กเลขที่ เรียกนักเรยี นออกมา
นาเสนอหนา้ ช้นั เรียนประมาณ 4-5 คน
ขนั้ ท่ี 5ขั้นประเมินเพื่อเพม่ิ คุณค่าบรกิ ารสังคมและจติ สาธารณะ
9.นกั เรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูใช้คาถามดงั นี้
- นกั เรยี นสามารถนาความรู้เก่ยี วกบั เรื่องทีเ่ รียนไปใชป้ ระโยชน์ในสงั คมได้อยา่ งไร
คาบที่ 5-6 สาระสาคัญ
มาตรา กก การเขยี นคาและบอกความหมายเป็นการฝกึ ให้ใชค้ าในภาษาไทยอย่างถกู ตอ้ ง และ การรู้
ความหมายของคาทาใหส้ ามารถนา คามาตรา กกไปใช้ ในชวี ิตประจาวนั ได้อย่างถูกต้อง
ขน้ั ท่ี 1 ขั้นรวบรวมขอ้ มูล
46. นักเรยี นรว่ มกันเลน่ เกม “ปรศิ นาคาทาย” โดยครเู ขียนประโยคปริศนาบนกระดาน
ดังนี้
- ฉนั คืออะไร ว่งิ ไวสี่ขา ซ่อื สัตย์หนกั หนา คนแปลกหน้ากลัว ( สนุ ัข)
- ฉันคอื อะไรอย่บู นท้องฟา้ บินไปบนิ มา หนๆู ทายมา (นก)
- ฉันคืออะไรลอยเด่นบนฟ้า สขี าว สีเทานนั้ หนา ตัวฉันคอื ใคร (เมฆ)
2. นักเรยี นศึกษาเรือ่ งมาตราเกอว แลว้ ร่วมกันสนทนาโดยใชค้ าถามดังนี้
- คาที่มตี วั สะกด และไม่มตี ัวสะกดตา่ งกันอย่างไร
- คาหรอื พยางคท์ ่อี อกเสียงเหมอื น ก เชน่ ข ค ฆ อย่างไร ใหน้ กั เรยี นยกตวั อย่าง
คามาคนละ 1คา
ขั้นท่ี 2 ขั้นคดิ วิเคราะหแ์ ละสรปุ ความ
3. ครูตดิ บัตรคาทม่ี คี ามาตรา กก เชน่ เลข พญานาค ก้อนเมฆ พรกิ เหยือก
- นักเรียนเล่นเกมทายคา กบั ภาพ
- ครูอธบิ ายเกย่ี วกบั การอานออกเสยี ง มาตรา กก
4. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มคิดประเมินเพอ่ื เพมิ่ มลู ค่าโดยครใู ช้คาถามตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นสามาถนาความรู้ที่ไดร้ ับไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้อยา่ งไร
ขนั้ ที่ 3 ขั้นปฏิบตั ิและสรุปความรู้หลังการปฏบิ ัติ
5 . นกั เรยี นเข้ากลุ่ม อา่ นบัตรคาท่ีมมี าตรากก ตวั แทนกลมุ่ ออกมาเขียนคาทมี่ ีมาตราเกอว
จากบัตรคาที่นักเรยี นได้รบั ไปกลุม่ ใดตอบถกู ให้แรงเสรมิ เป็นคะแนนกลุ่ม
11. ครูติดบตั รคาและใหน้ กั เรียนสงั เกตคาต่อไปน้ี
- เปลือก แกลง้ พรรค กระบอก เช้ือโรค สนกุ สนาน
12. นักเรียนฝึกอ่านคามาตรา กก จากบัตรคา
13. นักเรยี นทาแบบฝกึ หัด
14. นักเรียนร่วมกันสรปุ เรอ่ื งมาตรา กก ซง่ึ จะใชใ้ นชีวิตประจาวันได้ ในการเขยี นคา
ตา่ งๆ
ขัน้ ท่ี 4 ขั้นสือ่ สารและนาเสนอ
10.นกั เรยี นนาเสนอคาท่ี มีมาตรา กกโดยครใู ช้ไมเ้ รียกที่ เรยี กนกั เรียนออกมานาเสนอหนา้
ช้นั เรียนประมาณ 4- 5คน
ขน้ั ท่ี 5ขั้นประเมินเพ่ือเพมิ่ คุณค่าบริการสังคมและจติ สาธารณะ
11. นกั เรยี นรว่ มกนั แสงดความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ าถามตอ่ ไปน้ี
- นกั เรยี นสามาถนาความรเู้ ก่ียวกบั เร่ืองทเ่ี รียนไปใช้ประโยชน์ในสงั คมไดอ้ ยา่ งไร
3.3 คุณลักษณะที่พึงประสงค์ : Attitude (A) ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ มีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ อยยู่ ่างพอเพียง
มงุ่ มน่ั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย มจี ติ สาธารณะ
6. สือ่ /อปุ กรณ์/แหล่งการเรยี นรู้
1. แบบฝึกหัด 2. บตั รคา 3. หนงั สอื ภาษาไทยชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2
4. ไมเ้ รียกเลขท่ี 5.คาถาม 6.ปรศิ นาคาทาย
7. หนังสอื หลกั ภาษาเลม่ 4 ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2
7. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
การประเมิน วิธีการ เครื่องมอื
ดา้ นความรู้ (K) -การตอบคาถาม -คาถาม
-ทาแบบฝกึ หัด -แบบฝกึ หดั
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P) -ทกั ษะการอ่าน -แบบประเมนิ การอ่าน
-ทกั ษะการเขยี น -แบบประเมนิ การเขียน
ทักษะการคิดวิเคราะห์ -แบบฝกึ หดั
ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและคา่ นิยม (A) -สงั เกตพฤตกิ รรมในการร่วมกจิ กรรม -แบบสังเกตพฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่
-สงั เกตพฤตกิ รรมการเขยี น
8. กิจกรรมเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................................................
............................................................................................................................. ....................................................................... ..
ลงชอื่ .............................................ครผู สู้ อน ลงชือ่ ...................................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................................) (...........................................................)
ลงชอ่ื ................................................... ผู้บรหิ าร
(...........................................................)