The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พื้นฐานธุรกิจดิจิทัล (2)_compressed

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yingnetnaphit2546, 2024-01-29 09:18:21

พื้นฐานธุรกิจดิจิทัล (2)_compressed

พื้นฐานธุรกิจดิจิทัล (2)_compressed

นวัตกรรมโมเดลธุรกิจดิจิทัล หมายถึง นวัตกรรมเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาประเทศ หรือดำ เนินธุรกิจให้ประสบผลสำ เร็จซึ่งในระดับประเทศหมายถึงแนวทางใหม่ๆในการ เปลี่ยนหรือพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวไกลบนเวทีโลกระดับองค์กร นวัตกรรมโมเดลธุรกิจดิจิทัล คือ กลไกสำ คัญที่จะเปลี่ยนและนำ องค์กรให้ประสบความ สำ เร็จอย่างมีคุณค่าต่อสังคมและเติบโตอย่างยั่งยืนโดยในปัจจุบันนวัตกรรมโมเดลธุรกิจ ดิจิทัลส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักเป็นการพัฒนามาจากโมเดลธุรกิจแบบดั้งเดิมแล้วนำ มา ทำ งานอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ - การเรียนการสอนออนไลน์ที่เป็นการนำ คลิปวิดีโอของผู้สอนหรือติวเตอร์มาอยู่บน แพลตฟอร์มออนไลน์โดยผู้เรียนสามารถเลือกเรียนวิชาหรือเนื้อหาใดก็ให้ตามความ ต้องการแล้วชำ ระเงินเป็นรายครั้ง - สังคมยุคดิจิทัลในปัจจุบันได้เอื้อให้เกิดข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยหากผู้ ประกอบการรายใดสามารถนำ ข้อมูลดังกล่าวมาทำ การสังเคราะห์และวิเคราะห์ได้ก็จะ สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและยังสามารถสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆที่มี ความเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมได้มากขึ้น - การวิเคราะห์ฐานข้อมูลทางด้านการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยตาม โรงพยาบาลต่างๆเพื่อนำ เสนอแพ็กเกจประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพผ่านทาง แพลตฟอร์มออนไลน์ 3.9 นวัตกรรมโมเดลธุรกิจดิจิทัล 48


3.10 ข้อเสนอแนะในการสร้างนวัตกรรม โมเดลธุรกิจดิจิทัล 1. การออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่หมดโดยการพิจารณาองค์ประกอบต่างๆว่าในปัจจุบัน จะสามารถเปลี่ยนแนวคิดหรือเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้แทนได้อย่างไรหรือมีโอกาสทาง ธุรกิจใหม่และธุรกิจสามารถแสวงการแทนที่เพิ่มขึ้นได้จากการนำ เสนอโมเดลสรุปกิจ ใหม่ที่พลิกโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง 2. การปรับเปลี่ยนรูปแบบโมเดลธุรกิจเดิมให้มีประสิทธิภาพและตอบใหม่ทางธุรกิจได้ดี ขึ้นซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับน้อยกว่าวิธีแรกอาจทำ ได้โดยการทบทวนปรับเปลี่ยน เพิ่มความคล่องตัวหรือสร้างความยืดหนุ่มเพิ่มขึ้น 49


การจัดการประสบการลูกค้าเป็นกลยุทธ์นโยบายและกระบวนการที่บริษัทใช้ในการ ออกแบบและส่งมอบการได้ตอบระหว่างลูกค้ากับองค์กรประสบการณ์ของลูกค้าคือการ รับรู้ที่สะสมของลูกค้าทั้งในอดีตและในอนาคตของบริษัทผลิตภัณฑ์หรือบริการจากการ สังเกตการณ์การเผชิญหน้าและการทำ ธุรกรรมการขายสินค้าและบริการในตลาดที่มีการ แข่งขันมากขึ้นภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและความต้องการที่ชะลอตัวความเป็นไปได้ในการ เติบโตของธุรกิจผ่านคุณสมบัติผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมมักจำ กัดอยู่ในขณะ เดียวกันธุรกิจมีแนวโน้มที่จะได้รับผลดีจากคู่แข่งและแนวคิดที่มีต้นทุนต่ำ กว่าและในขณะ ที่ข้อเสนอที่น่าสนใจมากมายทำ ให้ความภักดีของลูกค้าโดยรวมลดลงนอกจากนี้บริษัท ต่างๆยังมีการเปิดรับและเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไปมากขึ้นรวมถึงความคิดเห็นที่ไม่เป็น ที่พอใจของผลิตภัณฑ์และบริการที่ตีพิมพ์บนอินเทอร์เน็ตหรือประสบการณ์ในการให้ บริการลูกค้าที่ไม่ดีที่แชร์กันในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการแพร่ขยายอาจส่งผลต่อยอดขาย และผลกำ ไรขององค์กรบริษัทที่ต้องการเพิ่มความเป็นศูนย์กลางของลูกค้าและความพึง พอใจของลูกค้ารวมถึงการบริหารประสบการณ์ลูกค้าเป็นส่วนสำ คัญของยุทธศาสตร์ทาง ธุรกิจและแปลงกลยุทธ์ให้เป็นธุรกิจจริงแม้แนวทางการจัดการประสบการณ์ลูกค้าจะมุ่ง เน้นไปที่ลูกค้าและพนักงานโดยคำ นึงถึงเทคโนโลยีด้วย 3.11 กระบวนการสร้างนวัตกรรมสำ หรับธุรกิจดิจิทัล กระบวนการสร้างนวัตกรรมสำ หรับธุรกิจดิจิทัล ประกอบด้วย 3.11.3 การประสบการณ์ลูกค้า 50


3.11.2 นวัตกรรมทางสินค้าและบริการ นวัตกรรมทางสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมทางสินค้าและบริการนวัตกรรมทางสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เป็นการนำ นวัตกรรมมาพัฒนาและปรับปรุงสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าไม่ว่าจะ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณสมบัติในการใช้งานวิธีใช้งานหรือยืดอายุการใช้ งาน/การเก็บรักษาเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า เพื่อตอบสนอง ความ ต้องการของลูกค้าได้มากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการกำ หนดราคาภายได้สูงขึ้น นวัตกรรมการบริการเป็นการนำ นวัตกรรมมาพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบและขั้น ตอนการให้บริการเพื่อบริการที่ตรงกับความต้องการลูกค้าโดยเน้นการอำ นวยความ สะดวกและความรวดเร็วในการเข้ารับบริการเพื่อสร้างความแตกต่างในการบริการ เพื่อความพึงพอใจให้กับลูกค้า 3.11.3 เทคโนโลยีดิจิทัล บริษัทและองค์กรได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับปรุงส่วนงานต่างๆ เช่น การตลาดรูปแบบการทำ งาน การดำ เนินงาน และการบำ รุงรักษา ยิ่งไปกว่านั้น โครงการปรับปรุงดังกล่าวได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ทางด้านธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม เช่น รายได้เพิ่มขึ้นสัมพันธภาพกับลูกค้าดีขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น การเสริมสร้างศักยภาพ ของบุคลากรโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างคุณประโยชน์ที่สำ คัญสำ หรับ ธุรกิจและสังคมจะถือเป็นกุญแจสำ คัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ 52


ผู้ใช้งานสื่อดิจิทัลและสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้าใจบรรทัดฐานของการปฏิบัติตัวให้เหมาะ สม และมีความรับผิดชอบในการใช้เทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารในยุค ดิจิทัลเป็นการสื่อสารที่ไร้พรมแดน พลเมืองดิจิทัลจึงต้องเป็นพลเมืองที่มีความรับผิด ชอบ มีจริยธรรม เห็นอกเห็นใจและเคารพผู้อื่น มีส่วนร่วม และมุ่งเน้นความเป็น ธรรมในสังคม การเป็นพลเมืองในยุคดิจิทัลนั้น มีทักษะที่สำ คัญ 8 ประการ 1. ทักษะในการรักษาอัตลักษณ์ที่ดีของตนเอง (Digital Citizen Identity) ความ สามารถ ในการสร้างและบริหารจัดการอัตลักษณ์ที่ดีของตนเองไว้ได้อย่างดีทั้งในโลก ออนไลน์และโลกความจริง 2. ทักษะในการรักษาข้อมูลส่วนตัว (Privacy Management) มีดุลพินิจในการบริหาร จัดการข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะการแชร์ข้อมูลออนไลน์เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัว ทั้งของตนเองและผู้อื่น 3. ทักษะในการคิดวิเคราะห์มีวิจารณญาณที่ดี (Critical Thinking) ความสามารถใน การวิเคราะห์แยกแยะระหว่างข้อมูลที่ถูกต้องและข้อมูลที่ผิด ข้อมูลที่มีเนื้อหาดีและ ข้อมูลที่เข้าข่ายอันตราย ข้อมูลติดต่อทางออนไลน์ที่น่าตั้งข้อสงสัยและน่าเชื่อถือได้ 4. ทักษะในการจัดสรรเวลาหน้าจอ (Screen Time Management) ความสามารถใน การบริหารเวลาในการใช้อุปกรณ์ยุคดิจิทัล รวมไปถึงการควบคุมเพื่อให้เกิดสมดุล ระหว่างโลกออนไลน์ และโลกภายนอก 3.11.4 การปฏิบัติตามดิจิทัล 53


5. ทักษะในการรับมือกับการคุกคามทางโลกออนไลน์ (Cyberbullying Management) ความสามารถในการรับรู้และรับมือการคุกคามข่มขู่บนโลกออนไลน์ได้อย่างชาญฉลาด 6. ทักษะในการบริหารจัดการข้อมูล ที่ผู้ใช้งานมีการทิ้งไว้บนโลกออนไลน์ (Digtal Foot- prints) ความสามารถในการเข้าใจธรรมชาติของการใช้ชีวิตในโลก ดิจิทัลว่าจะหลงเหลือร่องรอยข้อมูลทิ้งไว้เสมอรวมไปถึงเข้าใจผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นเพื่อ การดูแลสิ่งเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบ 7. ทักษะในการรักษาความปลอดภัยของตนเองในโลกออนไลน์ (Cybersecurity Manage- ment) ความสามารถในการป้องกันข้อมูลด้วยการสร้างระบบความปลอดภัย ที่เข้มแข็งและป้องกันการโจรกรรมข้อมูลหรือการโจมตีทางออนไลน์ได้ 8. ทักษะในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม (Digital Empathy) ความสามารถใน การเห็นอกเห็นใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นบนโลกออนไลน์ 54


3.11.5 การจัดการความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยง เป็นกระบวนการในการระบุ (Risk Identification) การวิเคราะห์ (Risk Analysis) การประเมิน (Risk Assessment) การดูแลตรวจสอบและควบคุม ความเสี่ยง (Risk Control) ที่สัมพันธ์กับกิจกรรมและกระบวนการทำ งานเพื่อให้องค์กร ลดความเสียหายจากความเสี่ยงมากที่สุดอันเนื่องมาจากความเสี่ยงที่องค์กรต้องเผชิญใน ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในการทำ ธุรกิจองค์กรย่อมมีการกำ หนดวัตถุประสงค์ของภาพรวม (Objective Establishment) องค์กรและหน่วยงานต่างๆที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ นั่นคือสิ่งแรกก่อนที่จะทำ การจัดการความเสี่ยงใน 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การระบุความเสี่ยง (Risk Identification) 2. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) 3. การวางแผนรับมือกับความเสี่ยง (Risk Response Planning) 4. การลงมือทำ ติดตามและควบคุม (Risk Implement & Control) 55


3.11.6 การปรับปรุง การควบคุมดูแลกิจการ การกำ กับดูแลกิจการเป็นปัจจัยสำ คัญอย่างหนึ่งในการปรับปรุงประสิทธิภาพของ องค์กรซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายจัดการคณะกรรมการเจ้าของและผู้มีส่วน ได้เสียอื่นการกำ กับดูแลกิจการยังช่วยให้เกิดโครงสร้างที่สำ คัญซึ่งเป็นกลไกในการ กำ หนดวัตถุประสงค์ของกิจการและการกำ หนดวิธีที่จะบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านั้น รวมถึงการสอดส่องดูแลผลการปฏิบัติงานของกิจการวัตถุประสงค์หลักในการกำ กับ ดูแลกิจการ คือ การกำ กับ การติดตาม การควบคุม และการดูแล ผู้ที่ได้รับมอบ หมายอำ นาจ หน้าที่ให้ไปทำ หน้าที่ทางการบริหารเพื่อให้ทรัพยากรขององค์กรได้นำ ไป ใช้อย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผลตรงตามเป้าหมายอย่างคุ้มค่า ทั้งนี้เพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุดตอบแทนกลับไปยังผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรมกล่าวโดยสรุป การกำ กับดูแลกิจการช่วยสร้างค่าของกิจการ 56


สรุปสาระสำ คัญ แนวโน้มสำ คัญที่จะทำ ให้ธุรกิจมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องก็คือ นวัตกรรมดิจิทัลที่องค์กร หรือบริษัท อาจจะมีการใช้งานออนไลน์ และแอปพลิเคชันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เรียกว่าธุรกิจ ดิจิทัลที่มุ่งหน้าไปสู่นวัตกรรม ดิจิทัลนั้น ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการใช้แอปพลิเคชันในการ ทำ งานเพียงอย่างเดียว แต่มีเป้าหมายสูงสุดคือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำ งานไปพร้อม ๆ กับนำ เสนอคุณค่าใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้า เปิดตลาดใหม่ และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าปัจจุบันให้สูงขึ้น 57


หน่น่ น่ ว น่ วยที่ที่ ที่ที่ 4 ระบบการ ทำทำทำทำธุธุธุร ธุรกรรมในธุธุธุร ธุรกิกิ กิจกิ ดิดิ ดิจิดิจิ จิทัจิทั ทั ล ทั ล


4.1. ความหมายของธุรกรรม 4.2 ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 4.3 ระบบธุรกรรมดิจิทัล 4.4 รูปแบบการทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หัหั หั วหั วข้ข้ ข้ อข้ อเเรื่รื่ รื่อรื่องง 59


สสมมรรรรถถนนะะย่ย่ ย่ อ ย่ อยย เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของ ธุรกรรมธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ระบบธุรกรรมดิจิทัลและ รูปแบบการทำ ธุรกรรมทาอิเล็กทรอนิกส์ 60


1. อธิบายความหมายของธุรกรรมได้ 2. อริบายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ 3. อธิบายระบบธุรกรรมดิจิทัลได้ 4. อธิบายความแตกต่างของรูปแบบการทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ 5. เลือกใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการทำ ธุรกรรมดิจิทัลได้ 6. จำ แนกข้อดีและข้อเสียของการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อทำ ธุรกรรมได้ 7. มีเจตคติที่ดี ปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ เอียดรอบคอบ วัวั วั ตวั ตถุถุถุ ป ถุ ปรระะสสงงค์ค์ ค์ เค์ เชิชิชิงชิงพพฤฤติติ ติ กติ กรรรรมม 61


เเนื้นื้ นื้อนื้อหหาาสสาารระะ โลกออนไลน์ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมและทัศนคติของผู้บริโภคในการทำ ธุรกรรมทางการเงินและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในโลกการเงินได้ส่งผลให้เกิดรูปแบบ การให้บริการทางการเงินต่างๆ ที่อำ นวยความสะดวกและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ บริโภคยุคใหม่โดยเฉพาะการทำ ธุรกรรมทางการเงินสมัยใหม่ที่สามารถทำ ธุรกรรมการเงิน ได้ทุกที่ ทุกเวลา รวดเร็วและสะดวกสบายผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์ มือถือ แท็บเล็ต เป็นต้น โดยผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้บริการดิจิทัลแบงก์กิง (Digital Banking) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิง (Internet Banking) และโมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) เพราะสะดวกสบายกว่าและ สามารถทำ ธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลาด้วยตนเองโดยไม่ต้องไปที่สาขาของธนาคาร 4.1 ความหมายของธุรกรรม ธุรกรรม (Transaction) หมายถึง กิจกรรมที่เกี่ยวกับการทำ นิติกรรมสัญญาหรือการ ดำ เนินการใดๆกับผู้อื่นการประกอบกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะด้านธุรกิจและ การเงิน เช่น การฝากเงินในธนาคารเป็นการทำ ธุรกรรมอย่างหนึ่งการจ่ายค่าบริการ โดยหักบัญชีจากธนาคารเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตทำ ให้เราสามารถทำ ธุรกรรมได้โดยไม่ต้องใช้กระดาษ 61


4.2 ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Transaction) หมายถึง กิจกรรมใดๆที่กระทำ ขึ้น ระหว่างหน่วยงานธุรกิจบุคคลรัฐตลอดจนองค์กรเอกชนหรือองค์กรของรัฐใดๆเพื่อ วัตถุประสงค์ทางธุรกิจการค้าและการติดต่องานราชการโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ยกตัวอย่างเช่น การซื้อ-ขายสินค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การสมัครสมาชิกผ่านระบบออนไลน์ การตกลงทำ สัญญาซื้อขาย หรือสัญญาตกลงตามข้อบังคับต่างๆบนเครือข่าย การโอนเงินด้วยระบบอัตโนมัติ ผ่านระบบเครือข่าย การสื่อสารรับ-ส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วยเครือข่ายการสื่อสาร และการสอบถามข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น 4.3 ระบบธุรกรรมดิจิทัล ในยุคดิจิทัลที่แทบจะกลายเป็นสังคมไร้เงินสดอย่างเบ็ดเสร็จเพราะไม่ว่าจะทำ ธุรกรรมใดๆ ก็สามารถทำ ผ่านแค่ปลายนิ้วผ่านสมาร์ตโฟนได้แทบทุกทีและทำ ได้ทุกคนที่มีบัญชีธนาคาร หรือมีพรอมต์เพย์ร้านค้า ร้านอาหารต่างก็มีบริการระบบจ่ายเงิน ชำ ระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด (QR Code) ซึ่งสร้างความสะดวกสบ อีกทั้งทุกการจ่ายและชำ ระเงินนั้นก็จะบันทึกลงไป อย่างอัตโนมัติ สามารถตรวจสอบการโอนได้แบบเรียลไทม์ (Real Time) ไม่ต้องคอยเช็ค สมุดเงินฝาก (Bank Book) ให้เสียเวลา กล่าวได้ว่าระบบธุรกรรมดิจิทัลนั้นได้เข้ามามี บทบาทกับสังคมไทยทุกธนาคารต่างก็มีแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำ ธุรกรรม นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีแอปพลิเคชันทางเลือกอื่นๆที่เข้ามาช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นทั้งในเรื่อง การจองตั๋วหนัง การเติมเงินมือถือ หรือจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปโภค บริโภคต่างๆแต่ถ้ามอง ในเรื่องการทำ ธุรกิจแน่นอนว่าระบบธุรกรรมดิจิทัลนั้นมีความจำ เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจประเภทใดและขนาดใดออนไลน์ ออฟไลน์ ต่างก็ต้องใช้ความรวดเร็วในการทำ ธุรกรรม ทางการเงินเพราะทุกกระบวนการของธุรกิจนั้นขับเคลื่อนด้วยต้นทุนหากมีความขัดข้อง ทางการเงิน อาจทำ ให้ธุรกิจนั้นติดขัดและมีปัญหาได้ 62


คิวอาร์โค้ดระบบชำ ระเงินรูปแบบใหม่ไม่ต้องใช้เงินสด QR Code มาจากคำ ว่า “Quick Response Code” ซึ่งเป็นรหัสที่พัฒนาต่อยอดมาจากบาร์โค้ด (Barcode) ให้สามารถใช้ งานง่ายขึ้นเก็บข้อมูลได้มากกว่าเพียงแค่มีสมาร์ตโฟนก็สามารถสแกนข้อมูลผ่าน QR Code ได้แล้วทำ ให้จะเห็นว่าปัจจุบันนิยมนำ QR Code มาเป็นช่องทางเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น การเพิ่มเพื่อนในไลน์ก็เป็นหนึ่งในความสามารถของ QR Code เช่นกัน ด้วยความสามารถของ QR Code ทำ ให้ในหลายประเทศมีการพัฒนา QR Code มาเป็นสื่อกลางเพื่อชำ ระสินค้าโดยใส่ข้อมูลที่จำ เป็นสำ หรับการจ่ายเงินซื้อสินค้า และนำ มาใช้ควบคู่กับแอปพลิเคชันในมือถือที่เชื่อมต่อกับบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชี ธนาคารซึ่งเป็นการชำ ระเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายประเทศ โดยเฉพาะ ประเทศจีนที่มีการใช้ QR Code อย่างแพร่หลายในชีวิตประจำ วันซึ่งนอกจากการซื้อ ขาย เช่าสินค้าแล้ว ยังมีการสแกน QR Code แจกลูกๆหลานๆในวันตรุษจีน ให้เงินเป็น ของขวัญแต่งงาน หรือแม้แต่ให้ทิปพนักงานเพราะใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว ไม่จำ เป็นต้องพก เงินสด 4.4 รูปแบบการทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ รูปแบบการทำ ธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตหลักๆก็คือรูปแบบของธนาคาร อินเทอร์เน็ต(Internet Banking) การชำ ระเงินออนไลน์ (Payment Gateway or Bill Payment) และธนาคารมือถือ (Mobile Banking) โดยมีรูปแบบการให้บริการที่ต่างกัน นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการทำ ธุรกรรมมีดังนี้ 4.4.1 คิวอาร์โค้ด (QR Code) 63


วิธีจ่ายผ่าน คิวอาร์โค้ด (QR Code) การจ่ายผ่าน QR Code ทำ ได้ง่ายๆเพียงแค่มีสมาร์ตโฟนและดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน สำ หรับการจ่ายเงินด้วยระบบ QR Code สามารถทำ ได้ 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1. เข้าไปในแอปพลิเคชั่นสำ หรับชำ ระเงินผ่าน QR Code แล้วเลือกประเภทว่าจะ ชำ ระเงิน ด้วยอะไร เช่น บัตรเครดิต โอนเงินจากบัญชีหรืออีวอลเล็ต (e-Wallet) เป็นต้น 2. สแกน QR Code ของร้านค้าผ่านแอปพลิเคชันที่อยู่บนสมาร์ตโฟน 3. ใส่จำ นวนเงินที่ต้องการจ่าย และกดยืนยันการชำ ระเงิน 4. ระบบแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการจะส่งข้อมูลยืนยันการชำ ระเงินกลับมาให้เรา โดยอาจจะเป็นเอสเอ็มเอส (SMS) หรืออีเมล (E-Mail) เพื่อเป็นหลักฐานการชำ ระ เงิน ข้อดีในการใช้ QR CODE 1. ความสะดวกสบายในการใช้งาน เพราะไม่ต้องพกเงินสดหรือบัตรหลายใบให้ยุ่งยาก 2. ปลอดภัยกว่าการชำ ระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิต เพราะไม่ต้องยื่นบัตรให้ร้านค้า จึงไม่เสี่ยงต่อการโดนขโมยข้อมูลทางการเงิน 3. สำ หรับร้านค้าก็ได้ประโยชน์จากการใช้ QR Code เช่นกัน คือ ไม่ต้องมีเครื่องรูดบัตร ใด มารองรับการชำ ระเงิน ทำ ให้ประหยัดต้นทุนไปได้อย่างมาก 64


4.4.2 อินเทอร์เน็ตแบงก์กิง (internet Banking) การธนาคารอินเทอร์เน็ตมีชื่อเรียก มากมาย เช่น อีแบงก์กิง (E-Bankin) การธนาคาร เสมือนจริง (Virtual Banking) การธนาคารออนไลน์ (Online Banking) การธนาคาร อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Banking) เป็นระบบที่ใช้ในการชำ ระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีลูกค้าของสถาบันการเงินทำ ธุรกรรมทางด้านการเงิน เช่น ซื้อสินค้า เสื้อผ้า กระเป๋า ได้หลายรูปแบบโดยผ่านเว็บไซต์ของสถาบันการเงินนั้นๆที่ลูกค้าเป็นสมาชิกอยู่ โดยตัวระบบการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์มักเชื่อมต่อกับระบบธนาคารแกนโดยระบบ ธนาคารแกนจะมีสถาบันการเงินเป็นผู้บริหารจัดการและจะมีความแตกต่างจากการ ธนาคารสาขาซึ่งการธนาคารสาขาจะมีวิธีการแบบดั้งเดิมคือต้องให้ลูกค้าเข้าถึงการ บริการของการธนาคารเอง ในประเทศไทยธนาคารที่เป็นธนาคารอิเล็กทรอนิกส์แห่งแรกก็คือธนาคารไทยพาณิชย์ จำ กัด (มหาชน) ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ได้เริ่มมีเว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลทั่วๆไป ของธนาคารเองผ่านระบบอินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2538 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 การที่ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยมีเว็บไซต์ขึ้นมาทำ ให้มีกันอย่างแพร่หลายเมื่อผ่านไปในส่วน ของผู้ที่พัฒนาระบบธนาคารอิเล็กทรอนิกส์มีการพัฒนาให้มีการทำ ธุรกรรมกับธนาคารได้ด้วย ตนเองโดยไม่ต้องไปธนาคารโดยริเริ่มในปี พ.ศ. 2540 แต่ธนาคารนำ มาใช้งานได้จริงจัง หลังจากได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถนำ ไปใช้งานได้ในปี พ.ศ. 2542 โดยธนาคารแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติให้สามารถเปิดใช้บริการนี้ได้ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2543 คือ ธนาคารเอเชีย จำ กัด (มหาชน) ธนาคารที่เปิดใช้เป็นธนาคารที่สอง คือ ธนาคารไทย พาณิชย์ จำ กัด (มหาชน) โดยมีการเปิดให้ใช้บริการในกลางปี พ.ศ. 2543 แล้วธนาคารที่ ใช้ตามมาในปีเดียวกันอีกสองธนาคาร คือ ธนาคารกสิกรไทย จำ กัด (มหาชน) และ ธนาคารกรุงไทย จำ กัด (มหาชน) 65


ประเภทของอินเทอร์เน็ตแบงก์กิง (Internet Banking) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท 1. ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต บริการสำ หรับธนาคารที่ให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต มีบริการที่ เกี่ยวข้องดังนี้ - บริการโอนเงินระหว่างบัญชีของผู้ใช้บริการเอง หรือการโอนเงินไปยังบุคคลอื่น - บริการสอบถามสถานะเช็ค - บริการอายัดเช็ค - บริการสอบถามรายการเคลื่อนไหวในบัญชี - บริการสอบถามรายการชำ ระ - บริการสอบถามยอดคงเหลือในบัญชี - บริการชำ ระค่าสินค้าหรือบริการ - บริการสอบถาม - บริการชำ ระค่าบัตรเครดิต - บริการขอสินเชื่อ 2. ให้บริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ธนาคารที่ให้บริการผ่านสื่อในเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ มี บริการ ได้แก่ - บริการเอทีเอ็ม (ATM) - บริการสมาร์ตการ์ด (Smart Card) - บริการธนาคารทางโทรศัพท์ (Tele-Banking) 66


การสมัครใช้งานอินเทอร์เน็ตแบงก์กิง (Internet Banking) 1. นำ สมุดบัญชีธนาคารไปยังสาขาใดก็ได้ของธนาคารแล้วแจ้งขอเปิดอินเทอร์เน็ต แบงก์กิง (Internet Banking) 2. รับชื่อและรหัสผ่านการใช้งานซึ่งในการเข้าสู่ระบบทุกครั้งต้องกรอกข้อมูลนี้ 3. มีการเพิ่มระดับความปลอดภัยด้วยระบบ OTP หรือ One Time Password ซึ่ง ใช้ยืนยันตัวอีกครั้งโดยธนาคารจะส่งรหัส OTP มายังหมายเลขโทรศัพท์ที่แจ้งไว้ ผ่าน SMS แนวทางการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบงก์กิง (Internet Banking) ให้ปลอดภัย 1. หมั่นเปลี่ยนรหัสผ่านอยู่เสมอ 2. หลีกเลี่ยงการใช้งานผ่าน Wi-Fi สาธารณะ เพราะมีโอกาสข้อมูลรั่วไหล มากกว่า 3. หมั่นตรวจสอบยอดเงินในบัญชี 4. Log out ทุกครั้งเมื่อเข้าใช้งาน 67


4.4.3 โมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) โมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) คล้ายอินเทอร์เน็ตแบงก์กิง (Internet Banking) เพียงแต่เป็นการใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารทำ ให้สามารถโอนเงิน สอบถาม ยอดในบัญชี ซื้อสินค้า และบริการจ่ายบิลต่างๆผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือ สมาร์ตโฟนได้เลยซึ่งแต่ละธนาคารมีการพัฒนาแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิงให้อำ นวย ความสะดวกในการซื้อขายของออนไลน์มากขึ้นเพื่อเข้ากับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ บริโภคในปัจจุบัน เช่น K PLUS ของธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น การสมัครใช้งานโมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) การจะใช้งานไมบายแบงก์กิงได้ จำ เป็นต้องมีบัตรเดบิตของธนาคารที่ต้องการใช้งาน ก่อน ซึ่งสามารถสมัครทำ บัตรได้ที่สาขาของธนาคารส่วนขั้นตอนการสมัครใช้โมบาย แบงก์กิงของแต่ละธนาคารอาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไปแต่โดยทั่วไปแล้วมีขั้นตอน ดังนี้ 1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) 2. กรอกหมายเลขบัตรเดบิต รหัสบัตร หมายเลขบัตรประชาชน 3. กำ หนดรหัสผ่านสำ หรับเข้าใช้งานบนแอปพลิเคชันในครั้งต่อไป หรือสมัครผ่านตู้เอทีเอ็ม (ATM) โดยเลือกรายการสมัครโมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) โดยอาจมีการยืนยันการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร 68


แนวทางการใช้งานโมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) ให้ปลอดภัย 1. ใช้บนอุปกรณ์ส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย 2. ตั้งค่าแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมลเมื่อมีการทำ ธุรกรรมเพื่อให้ทราบทันทีเมื่อมี การใช้งานผิดปกติ 3. ออกจากระบบ (Log Out) ทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน สำ หรับผู้ที่รู้ดีกว่าการทำ ธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ด้วยอินเทอร์เน็ตแบงก์กิง (Internet Banking) หรือโมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) นั้นไม่ปลอดภัย ซึ่งทางเว็บไซต์และ แอปพลิเคชันของ ธนาคารนั้นมีการป้องกันเพื่อความปลอดภัยอยู่แล้ว ดังนั้นที่ควร ระมัดระวังคือการรักษารหัสผ่าน การใช้งาน ผ่าน Wi-Fi หรืออุปกรณ์สาธารณะรวม ถึงไม่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวให้ใครรู้ได้ง่ายๆ เพื่อป้องกันผู้อื่นนำ รหัสไปงานได้ 4.4.4 พรอมต์เพย์ (PromptPay) พรอมต์เพย์เดิมมีชื่อว่า AnyID คือ ระบบการทำ ธุรกรรมแบบ E-Payment ที่ผูก บัญชีเงินฝากไว้กับหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือเลขบัตรประชาชนทำ ให้ไม่ต้องเสีย เวลาจำ เลขบัญชีที่ยาวและจำ ยากโดยเกิดจากความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่ง ประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย ผู้ให้บริการพรอมต์เพย์ (PromptPay) คือ ธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง เช่น ธนาคาร กรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ เป็นต้น และ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร ทำ ให้การทำ ธุรกรรมไม่ว่าโอนเงินหรือใช้จ่ายซื้อของสามารถทำ ได้ง่ายขึ้นสามารถทำ รายการผ่านโมบายแบงก์กิงหรือตู้เอทีเอ็มก็ได้ 69


ค่าธรรมเนียมพรอมต์เพย์ (PromptPay) ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างบุคคล ดังนี้ 1. โอนเงินครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท ไม่มีค่าธรรมเนียมการโอน 2. มากกว่า 5,000 ถึง 30,000 มาก มีค่าธรรมเนียม 2 บาท 3. มากกว่า 30,000 ถึง 100,000 มีค่าธรรมเนียม 5 บาท 4. 100,000 บาทขึ้นไป มีค่าธรรมเนียม 10 บาท ค่าธรรมเนียมการโอนระหว่างนิติบุคคล ดังนี้ 1. ไม่เกิน 100,000 บาท มีค่าธรรมเนียม ไม่เกิน 10 บาท 2. เกิน 100,000 บาท มีค่าธรรมเนียม ไม่เกิน 15 บาท การสมัครใช้พรอมต์เพย์ (PromptPay) สามารถสมัครได้ 3 ช่องทาง 1. โมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) 2. ตู้เอทีเอ็ม (ATM) 3. ธนาคารที่ให้บริการพรอมต์เพย์ ขั้นตอนการสมัครพรอมต์เพย์ (PromptPay) มีดังนี้ 1. กรอกหมายเลขบัตรเอทีเอ็มและรหัสบัตร 2. ตรวจสอบข้อมูลที่ผูกไว้กับบัตรเลือกว่าจะผูกบัญชีกับเลขโทรศัพท์หรือเลขบัตร ประชาชน 3. ยืนยันการหารายการหลายคนอาจกังวลว่าพรอมต์เพย์มีความปลอดภัยดีหรือไม่ เพราะเป็นการผูกหมายเลขบัตรประชาชนหรือเบอร์โทรศัพท์ไว้กับบัญชีเงินฝากเกรงว่า คนอื่นอาจนำ เงินออกจากบัญชีของตนได้เพียงรู้ข้อมูลเหล่านี้คำ ตอบคือมีความ ปลอดภัยเพราะการจะโอนเงินออกจากบัญชีต้องใช้ข้อมูลอื่นๆประกอบ เช่น Username รหัสผ่านกรณีที่ทำ รายการผ่านโมบายแบงก์กิงหรือต้องมีบัตรเอทีเอ็มเมื่อทำ รายการผ่านตู้เอทีเอ็ม 70


4.4.5 บัตรเครดิต (Credit Card) บัตรเครดิต คือ บัตรที่ธนาคารพาณิชย์หรือผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตออกให้กับ ลูกค้า ที่รายได้ต่อเดือนถึงเกณฑ์เพื่อที่จะสามารถนำ เงินมาใช้จ่ายล่วงหน้าทั้งซื้อสินค้า และบริการต่างๆทั้งยังซื้อของออนไลน์ จองตั๋วเครื่องบิน และจ่ายค่าสาธารณูปโภค ต่างๆ โดยต้องชำ ระหนี้ในภายหลังพร้อมอัตราดอกเบี้ยที่กำ หนดไว้นอกจากนี้บัตร เครดิตยังช่วยลดการพกพาเงินสดจำ นวนมากที่เสี่ยงต่อการสูญหาย บัตรเครดิตเหมาะกับผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าหรือบริการบางอย่างในราคาสูงแต่ไม่ ต้องการออมเงินเป็นเวลานานซึ่งบัตรเครดิตจะช่วยให้สามารซื้อสินค้าหรือบริการนั้นได้ เลยและค่อยๆผ่อนชำ ระจนครบพร้อมดอกเบี้ยซึ่งมีช่วงเวลาปลอดดอกเบี้ยสำ หรับสินค้า และบริการที่ร่วมรายการทั้งนี้สำ หรับผู้ที่มีวินัยทางการเงินหรือชอบวางแผนใช้ ประโยชน์จากคะแนนสะสมต่างๆการใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมคะแนนจะทำ ให้ได้สิทธิ ประโยชน์ต่างๆมากมายแบบที่การจ่ายเงินสดให้ไม่ได้ การสมัครบัตรเครดิต การสมัครบัตรเครดิตนั้นต้องเตรียมประวัติให้พร้อมเพราะทางธนาคารจะตรวจสอบ ประวัติการใช้เงินย้อนหลังว่ามีความเสี่ยง หรือเข้าเกณฑ์ที่ต้องการหรือไม่โดยสิ่งที่ควร เตรียมคือสำ เนาบัญชีออมทรัพย์ย้อนหลังประมาณ 3-6 เดือนเพื่อให้เห็นว่ามีรายได้เข้า บัญชีอย่างสม่ำ เสมอและคงที่ หรืออาจใช้ใบรับเงินเดือน (สลิปเงินเดือน) เป็นหลักฐาน ประกอบ นอกจากนี้ต้องไม่เคยค้างชำ ระจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมถึงประวัติการกู้ยืมเงิน ในอดีต ประวัติการทำ งาน เงินเดือน และอายุ ทั้งนี้ประวัติการสมัครบัตรเครดิตก่อน หน้านี้ก็สำ คัญเพราะถ้าธนาคารทราบว่ามีบัตรเครดิตหลายใบอาจแปลได้ว่ามีความ ต้องการใช้เงินมาก และมีความเสี่ยงสูงนั่นเอง 71


สำ หรับผู้ที่คิดว่าธนาคารคงไม่รู้ประวัติทั้งหมดจึงไม่กังวลกับการใช้จ่ายไม่คิดหน้าคิด หลังจนมีประวัติกู้ยืมที่ไม่ดีคือคืนไม่ตรงกำ หนดชำ ระหรือไม่สามารถคืนเงินที่ยืมมาได้ แท้จริงแล้วทางธนาคารสามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายๆจากเครดิตบูโร (Credit Bureau) หรือ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (National Credit Bureau) ที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆได้ส่งข้อมูลทางการเงินของลูกค้าไปรวบรวมเอาไว้ เพื่อความสะดวกในการประมวลข้อมูลเครดิตและให้ธนาคารและสถาบันการเงินใช้ใน การประกอบการ ตัดสินใจว่าจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่ ข้อดีของบัตรเครดิต 1. พกพาแทนเงินสดจำ นวนมากสะดวกและปลอดภัยการพกบัตรเครดิตนอกจากจะทำ ให้ ไม่ต้องถือเงินสดจำ นวนมากไว้กับตัวแล้วถ้าบัตรเครดิตหายหรือโดนขโมยสามารถแจ้ง อายัดบัตรกับธนาคารได้ทันทีถ้าถูกนำ ไปรูดบัตรก็สามารถเช็คได้ว่ามีการรูดบัตรที่ไหน และติดต่อสถานที่นั้นเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดและตามจับคนร้ายได้แตกต่างจากเงินสดที่ เปอร์เซ็นต์ในการได้คืนต่ำ กว่ามากเพราะตรวจเช็คไม่ได้ว่าใครเอาไปและนำ ไปใช้ 2. ผ่อนชำ ระสินค้าได้นานขึ้นสินค้าที่ร่วมรายการจะมีดอกเบี้ย 0% ในระยะเวลาที่ กำ หนดบัตรเครดิตช่วยอำ นวยความสะดวกสำ หรับคนที่ไม่มีเงินก้อนและต้องการซื้อสินค้า อย่างหนึ่งในตอนนั้นทันทีเพราะการใช้บัตรเครดิตจะทำ ให้ผ่อนชำ ระสินค้าได้โดยไม่ต้อง เสียเงินก้อนโตซื้อสินค้าภายในทีเดียวทั้งสินค้าที่ร่วมรายการจะมีดอกเบี้ย 0% ในระยะ เวลาที่กำ หนดและยังได้สิทธิต่างๆในการผ่อนชำ ระอีกด้วย 3. หักค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ จะมีการหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตาม รอบบิลได้ทันที เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต เป็นต้น การหักค่าใช้จ่ายรายเดือนได้ โดยอัตโนมัติ ทำ ให้ประหยัดเวลาในการเดินทางไปชำ ระเงิน และลดความยุ่งยากหากลืม ชำ ระค่าบริการ เช่น ถูกปรับ ถูกตัดการใช้น้ำ ประปา การใช้ไฟฟ้า เป็นต้น 72


4. ได้รับส่วนลดคะแนนสะสม สะสมไมล์หรือเครดิตเงินคืนซึ่งสามารถนำ แลกซื้อสินค้า และบริการต่างๆหรือซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลงสิทธิพิเศษจากบัตรเครคิดที่บางครั้งไม่ สามารถซื้อได้ด้วยเงินสด เช่น ที่จอดรถพิเศษเฉพาะในห้างสรรพสินค้าชื่อดังหรือใช้จ่าย ผ่านบัตรเครดิตกับร้านค้าที่อยู่ในรายการก็จะได้รับของแถมส่วนลดหรือสิทธิพิเศษอื่นๆ เป็นต้นๆ 5. ใช้ทำ ธุรกรรมต่างๆผ่านทางอินเทอร์เน็ตการซื้อของออนไลน์โดยชำ ระผ่านบัตรเครดิต นั้นปลอดภัยกว่าการโอนเงินโดยตรง 6. มอบประกันการเดินทางคุ้มครองชีวิตฟรีหากชำ ระค่าตั๋วเดินทางตรงตามเงื่อนไขที่ บัตรเครดิตเสนอก็จะได้รับสิทธิ์คุ้มครองเป็นวงเงินประกันชีวิตและอาจคุ้มครองถึงภรรยา และบุตรที่ร่วมเดินทางด้วย 7. ยกเลิกค่าใช้จ่ายได้หากสินค้า หรือบริการมีปัญหา การยกเลิกและขอเงินคืน การ ชำ ระด้วย เงินสดมักทำ ได้ยากกว่าหากร้านค้าไม่ให้ความร่วมมือ เช่น อ้างว่าไม่สามารถ ยืนยันได้ว่าเราชำ ระเงินหากไม่มี ใบเสร็จ ไม่มีกล้องวงจรปิดในการยืนยันตัวตนขณะซื้อ แต่การชำ ระเงินด้วยบัตรเครดิตจะมีข้อมูลบันทึก เอาไว้ในระบบ ทำ ให้ยืนยันการชำ ระ เงินได้ง่ายกว่า และยกเลิกได้ง่ายกว่า 8. ยืดระยะเวลาในการจ่ายเงินออกไปได้ บัตรเครดิตหลายแบบมีระยะเวลาในการจ่าย เงินคืน โดยไม่คิดดอกเบี้ย ตั้งแต่ 45-51 วัน 9. ใช้เป็นวงเงินฉุกเฉินได้ บางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ที่จำ เป็นต้องใช้เงินจำ นวนมาก แบบไม่คาดคิด หรืออาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำ งาน เช่น จ่ายเงินเพื่อรับรอง ลูกค้า การจ่ายผ่านบัตรเครดิต ไปก่อนจะสะดวกกว่าเพราะจะได้รายการค่าใช้จ่ายที่ ชัดเจน เบิกเงินกับทางบริษัทภายหลังได้ 10. ไปเมืองนอกก็ใช้บัตรเครดิตได้ การพกเงินสดไปต่างประเทศโอกาสสูญหายมี มากกว่า และการแลกเงินแล้วใช้ไม่หมดก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการแลกเงินคืน การ ใช้บัตรเครดิตเมื่อไปต่างประเทศ แม้ต้องเสียค่าประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% แต่ก็จะช่วยลดปัญหาจุกจิกเหล่านี้ได้ 73


ข้อเสียของบัตรเครดิต 1. สร้างนิสัยที่ไม่ดีในการใช้เงินอาจทำ ให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัวเนื่องจากความสะดวก รวดเร็วของการใช้เงินอีกทั้งเรายังสามารถถือบัตรเครดิตได้หลายธนาคารซึ่งมีวงเงิน ในการใช้งานที่แยกกันไปจะทำ ให้เกิดหนี้ก้อนโตหากชำ ระบัตรเครดิตเพียงขั้นต่ำ และ ยังใช้จ่ายซื้อสินค้าต่อไปก็จะมีหนี้ก้อนใดขึ้นเรื่อย ๆ 2. ดอกเบี้ยสูงหากไม่สามารถชำ ระคืนได้ตามกำ หนดมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 20-28% ต่อปีและหากไม่สามารถชำ ระเงินคืนได้ตามที่กำ หนดหรือเต็มจำ นวนก็จะมีการปรับ ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก 3. มีโอกาสถูกฉ้อโกงบัตรเครดิตโจรไม่จำ เป็นต้องขโมยบัตรเครดิตแต่สามารถขโมย ข้อมูลในบัตรจากร้านค้าที่ไปใช้บัตรเครดิตหรือขโมยข้อมูลบนบัตรเพื่อนำ ไปซื้อสินค้า ซึ่งหากไม่มีการป้องกัน เช่น การส่งรหัส OTP มายังหมายเลขโทรศัพท์เจ้าของบัตร เพื่อใช้กรอกตอนชำ ระเงินโจรก็สามารถใช้วงเงินซื้อสินค้าได้ทันที 4. มีค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต บางบัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์สูงมักมีการ กำ หนดการใช้งาน ขั้นต่ำ ต่อปี เราจำ เป็นต้องใช้ให้ถึงยอดจึงจะไม่คิดค่าธรรมเนียม รายปี 74


ข้อดีของอีวอลเล็ต (1) เพียงมีโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ตโฟนก็ใช้ได้ (2) ชำ ระค่าสินค้าได้สะดวกและรวดเร็วเพียงสแกนกับเครื่องที่ร้านค้า (3) หักเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตได้ (4) ไม่ต้องพกเงินสดจำ นวนมาก (5) มีการสะสมแย้ม ส่วนลด หรือใต้เงินคืน ข้อควรระวังในการใช้งาน (1) ร้านค้าหลายร้านยังไม่รับชำ ระเงินด้วยระบบอีวอลเล็ต (2) ผู้ให้บริการบางแห่งยังไม่สามารถทำ ให้โอนเงินเข้าธนาคารได้ (3) ควรเติมเงินเท่าที่จำ เป็นต้องใช้เพื่อลดโอกาสที่เป็นสูญหายหากมีผู้อื่นนำ ไปใช้ ตัวอย่างอีวอลเล็ต ที่ได้รับความนิยมในไทย TrueMoney (ทรูมันนี่) หมายถึง เงินแบบดิจิทัลโดยใช้เงินสดซื้อเมื่อได้รหัสมาสามารถ นำ ไปเติมเป็นค่าใช้จ่ายออนไลน์ต่างๆส่วน True Wallet (ทรูวอลเล็ต) คือ บริการอี วอลเล็ตหรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์สำ หรับเก็บเงิน True Money นั่นเองนอกจากนี้มีวี การ์ด (Wecard) บัตรที่เชื่อมต่อเงินในอีวอลเล็ตเพื่อให้นำ เงินไปรูดใช้จ่ายได้ True Money สามารถซื้อผ่านร้านค้าได้ เช่น ร้าน 7-11 ร้าน Family Mart (แฟมิลี มาร์ด) หรือ ผูกบัญชีธนาคารกับแอปพลิเคชันได้เลย ส่วนเงิน True Money สามารถใช้ จ่ายที่ร้านซึ่งรองรับระบบอีวอลเล็ต ซื้อของออนไลน์ โอนเงิน เติมเน็ต เติมเงินในเกม ซื้อ ตั๋วคอนเสิร์ต ซื้อตั๋วเครื่องบิน ไปจนถึงการสั่งอาหาร 75


สรุปสาระสำ คัญ ธุรกิจในยุคดิจิทัลที่แทบจะกลายเป็นสังคมไร้เงินสดเพราะไม่ว่าจะทำ ธุรกรรมใดๆก็ สามารถทำ ผ่านแค่ปลายนิ้วผ่านสมาร์ตโฟนได้แทบทุกที่และทำ ได้ทุกคนที่มีบัญชีธนาคาร หรือมีพรอมต์เพย์ร้านค้าร้านอาหารต่างก็มีบริการระบบจ่ายเงินชำ ระเงินผ่านคิวอาร์โค้ด ซึ่งสร้างความสะดวกสบายอีกทั้งการจ่ายและชำ ระเงินนั้นก็จะบันทึกลงไปอย่างอัตโนมัติ สามารถตรวจสอบการโอนได้แบบเรียลไทม์ (Real Time) ไม่ต้องคอยเช็คสมุดเงินฝาก (Bank Book) ให้เสียเวลา กล่าวได้ว่าระบบธุรกรรมดิจิทัลนั้นได้เข้ามามีบทบาทกับสังคม ไทยทุกธนาคารนั้นต่างก็มีแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำ ธุรกรรมเทคโนโลยีในการทำ ธุรกรรม ได้แก่ การใช้คิวอาร์โค้ด อินเทอร์เน็ตแบงก์กิง โมบายแบงก์กิง พรอมต์เพย์ บัตรเครดิต บัตรเงินสด และอีวอลเล็ต เป็นธุรกรรมไร้เงินสด 76


หน่น่ น่ ว น่ วยที่ที่ ที่ที่ 5 สื่สื่สื่อสื่ สัสัสั ง สั งคม ออนไลน์น์ น์ กั น์ กั กั บกั บธุธุธุร ธุรกิกิ กิจกิ ดิดิ ดิจิดิจิ จิทัจิทั ทั ล ทั ล


5.1 ความหมายของสื่อ5.2 ประเภทของสื่อ5.3 ความหมายของสื่อสังคมออนไลน์5.4 ประเภทของสื่อสังคมออนไลน์5.5 อุปกรณ์เครื่องมือทางสื่อสังคมออนไลน์5.6 ประโยชน์และข้อจำ กัดของสังคมออนไลน์5.7 พัฒนาการของสื่อสังคมออนไลน์5.8 ปัญหาการใช้สื่อสังคมออนไลน์5.9 ข้อดีและข้อเสียของสื่อสังคมออนไลน์5.10 การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในประเทศไทย หัหัหัวหัวข้ข้ข้อข้อเเรื่รื่รื่อรื่องง 78


เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของสื่อ ประเภทของสื่อ ความหมายของสื่อ- สังคมออนไลน์ ประเภท ของสื่อสังคมออนไลน์อุปกรณ์เครื่องมือทางสื่อสังคมออนไลน์ ประโยชน์และข้อจำ กัดของสังคมออนไลน์ พัฒนาการของสื่อ สังคมออนไลน์ปัญหาการใช้สื่อสังคมออนไลน์ข้อดีและข้อเสีย ของสื่อสังคมออนไลน์และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ใน ประเทศไทย สสมมรรรรถถนนะะย่ย่ ย่ อ ย่ อยย 79


วัวั วั ตวั ตถุถุถุ ป ถุ ปรระะสสงงค์ค์ ค์ เค์ เชิชิชิงชิงพพฤฤติติ ติ กติ กรรรรมม 1. อธิบายความหมายของสื่อได้ 2. จำ แนกประเภทของสื่อได้ 3. อธิบายความหมายของสื่อสังคมออนไลน์ได้ 4. จำ แนกประเภทของสื่อสังคมออนไลน์ได้ 5. เลือกใช้อุปกรณ์เครื่องมือทางสื่อสังคมออนไลน์ ได้ 6. จำ แนกประโยชน์และข้อจำ กัดของสังคม ออนไลน์ได้ 7. อธิบายพัฒนาการของสื่อสังคมออนไลน์ได้ 8. วิเคราะห์ปัญหาการใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้ 9. จำ แนกข้อดีและข้อเสียของสื่อสังคมออนไลน์ 10. อธิบายการใช้สื่อสังคมออนไลน์ใน ประเทศไทย 11. เลือกใช้สื่อสังคมออนไลน์ได้ 12. มีเจตคติที่ดี ปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ละเอียดรอบคอบ 80


เเนื้นื้ นื้อนื้อหหาาสสาารระะ โลกออนไลน์ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมและทัศนคติของผู้บริโภคในการ ทำ ธุรกรรมทางการเงินและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในโลกการเงินได้ส่งผลให้เกิด รูปแบบการให้บริการทางการเงินต่างๆ ที่อำ นวยความสะดวก และตอบสนองต่อ ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะการทำ ธุรกรรมทางการเงินสมัยใหม่ที่ สามารถทำ ธุรกรรมการเงินได้ทุกที่ ทุกเวลา รวดเร็ว และสะดวกสบายผ่านอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต เป็นต้น โดยผู้บริโภคมีแนวโน้ม ที่จะใช้บริการดิจิทัลแบงก์กิง (Digital Banking) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิง (Internet Backing) และโมบายแบงก์กิง (Mobile Banking) เพราะสะดวกสบายกว่า และสามารถทำ ธุรกรรมได้อย่าง รวดเร็วตลอด เวลาด้วยตนเองโดยไม่ต้องไปที่สาขาของธนาคาร 5.1 ความหมายของสื่อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2543 ได้ให้ความหมายไว้ว่า สื่อ (กริยา) หมายถึง ติดต่อให้ถึงกัน เช่น สื่อความหมายชักนำ ให้รู้จักกัน สื่อ (นาม) หมายถึง ผู้หรือสิ่งที่ติดต่อให้ถึงกันหรือชักนำ ให้รู้จักกัน 5.2 ประเภทของสื่อ สื่อสามารถจำ แนกตามลักษณะได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ 1. สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ หนังสือ เอกสารสิ่งพิมพ์ต่างๆซึ่งมีอยู่หลายชนิด เช่น เอกสาร หนังสือเรียน หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร รายงานและอื่นๆ เป็นต้น 2. สื่อเทคโนโลยี ได้แก่ สื่อการเรียนรู้ที่ผลิตขึ้นหรือเครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ เช่น การใช้อินเทอร์เน็ต การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นต้น 81


3. สื่ออื่น ๆ เช่น สื่อบุคคล ซึ่งสามารถถ่ายทอดสาระความรู้แนวคิดและประสบการณ์ไปสู่ บุคคลอื่นหรือสื่อกิจกรรมที่กำ หนดหรือสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการฝึกทักษะความรู้และสื่อวัสดุ เพื่อประกอบการเรียนรู้ เช่น เครื่องมือช่าง แผนที่ หุ่นจำ ลองและอื่นๆเป็นต้น 5.3 ความหมายของสื่อสังคมออนไลน์ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) หมายถึง สื่อดิจิทัลซึ่งเป็นสื่อกลางที่ให้บุคคลทั่วไปมี ส่วนร่วมสร้างและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆผ่านอินเทอร์เน็ตได้เป็นเครื่องมือในการ ปฏิบัติการทางสังคม (Social Tool) เพื่อใช้สื่อสารระหว่างกันในเครือข่ายทางสังคม (Social Networks) ผ่านทางเว็บไซด์และโปรแกรมประยุกต์บนสื่อใดๆที่มีการเชื่อมต่อกับ อินเทอร์เน็ตโดยเน้นให้ผู้ใช้ทั้งที่เป็นผู้ส่งสารและผู้รับสารมีส่วนร่วม (Collaborative) อย่าง สร้างสรรค์ในการผลิตเนื้อหาขึ้นเอง (User-Generate Content : UGC) ในรูปของข้อมูล ภาพและเสียงสิ่งเหล่านี้เป็นของบริษัทต่างๆที่ให้บริการผ่านเว็บไซต์ของตน เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ วิกิพีเดีย เป็นต้น 82


เว็บบล็อกหรือเรียกสั้น ๆ ว่า บล็อก (Blogs) คือ สื่อส่วนบุคคลบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารความรู้ข้อคิดเห็นบันทึกส่วนตัว โดยสามารถแบ่งปันให้บุคคลอื่นๆ โดยผู้รับสารสามารถเข้าไปอ่านหรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ซึ่งการแสดงเนื้อหาของ บล็อกนั้นจะเรียงลำ ดับจากเนื้อหาใหม่ ไปสู่เนื้อหาเก่า ผู้เขียนและผู้อ่านสามารถค้นหา เนื้อหาย้อนหลังเพื่ออ่านและแก้ไขเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา เช่น เอ็กซ์ทีน (Exteen) บล็อกแก๊ง (Bloggang) เวิร์ดเพรส (Wordpress) บล็อกเกอร์ (Blogger) เป็นต้น การทำ เว็บบล็อกเหมาะกับธุรกิจที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการ เพราะความ น่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ เช่น ธุรกิจทางด้านการศึกษา ด้านที่ปรึกษา การเงิน การ ลงทุน ธุรกิจประเภท B2B (Business to Business) เป็นต้น เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าจะ ตัดสินใจเลือกจากความน่าเชื่อถึงที่ได้อ่าน รู้จักผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ และสื่อออนไลน์ที่ สร้างน้ำ หนักความน่าเชื่อถือได้มาก 5.4 ประเภทของสื่อสังคมออนไลน์ ประเภทของสื่อสังคมออนไลน์มีด้วยกันหลายชนิดขึ้นอยู่กับลักษณะของการนำ มาใช้โดย สามารถแบ่งเป็นกลุ่มหลักๆ ดังนี้ 5.4.1 เว็บบล็อก (Weblogs) 82


5.4.2 เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking) เครือข่ายสังคมออนไลน์หรือเครือข่ายทางสังคมในอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นเครือข่าย ทางสังคมที่ใช้สำ หรับเชื่อมต่อระหว่างบุคคลกลุ่มบุคคลเพื่อให้เกิดเป็นกลุ่มสังคม (Social Community)เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันทั้งด้าน ธุรกิจการเมือง การศึกษา เช่น เฟชบุ๊ก (Facebook) ลิงก์อิน (Linkedin) มายสเปซ (MySpace) เป็นต้น ธุรกิจได้นำ เครือข่ายสังคมออนไลน์มาใช้ในการโฆษณา โดยการใช้เครือข่ายส่วน บุคคลของเพื่อนบริษัทสามารถใช้เว็บเครือข่ายสังคมออนไลน์ในการโฆษณาไปยัง เครือข่ายส่วนบุคคลที่ต้องการติดต่อ เช่น เครือข่ายเฟซบุ๊กนั่นหมายความว่าบริษัท ก็สามารถส่งข้อความหรือโฆษณาไปยังกลุ่มหมู่เพื่อนของลูกค้าที่ติดต่ออยู่ได้และ เป็นการจูงใจให้คนได้ตัดสินใจบนพื้นฐานของการนำ เข้าข้อมูลจากกลุ่มของเพื่อนที่ ใกล้ชิดของพวกเขา ผู้บริโภคสามารถใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในการแบ่งปัน ประสบการณ์และช่วยในการ แสวงหาลูกค้า 5.4.3 บล็อกจิ๋ว (Micro Blogging และ Micro Sharing) บล็อกจิ๋วเป็นเว็บเซอร์วิสหรือเว็บไซต์ที่ให้บริการแก่บุคคลทั่วไปสำ หรับให้ผู้ใช้บริการ เขียนข้อความสั้นๆประมาณ 140 ตัวอักษร ที่เรียกว่า “Status” หรือ “Notice” เพื่อ แสดงสถานะของตัวเองว่ากำ ลังทำ อะไรอยู่หรือแจ้งข่าวสารต่างๆแก่กลุ่มเพื่อนในสังคม ออนไลน์ (Online Social Network) ทั้งนี้การกำ หนดให้ใช้ข้อมูลในรูปข้อความสั้นๆก็ เพื่อให้ผู้ใช้ที่เป็นทั้งผู้เขียนและผู้อ่านเข้าใจง่ายที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ ทวิตเตอร์ (Twitter) 83


วีดีโอออนไลน์เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการวิดีโอออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งปัจจุบันได้รับ ความนิยมอย่างแพร่หลายและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเนื้อหาที่นำ เสนอในวิดีโอ ออนไลน์ไม่ถูกจำ กัด โดยผังรายการที่แน่นอนและตายตัว ทำ ให้ผู้ใช้บริการสามารถ ติดตามชมได้อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีโฆษณาคั่น รวมทั้งผู้ใช้สามารถเลือกชมเนื้อหาได้ ตามความต้องการและยังสามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บวิดีโออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้จำ นวน มากอีกด้วย เช่น ยูทูบ (Youtube) เอ็มเอสเอ็น (MSN) ยาฮู (Yahoo) เป็นต้น ธุรกิจสามารถนำ บล็อกจิ๋วมาช่วยทำ การประชาสัมพันธ์ในเรื่องต่างๆรวมไปถึง สินค้าและบริการให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นการทำ บล็อกจะได้ประโยชน์ในเรื่องการตลาด อย่างมากหากใช้อย่างมีเป้าหมายมีการวางแผนด้วยความรอบคอบระมัดระวังและ บริหารบล็อกอย่างมืออาชีพหรือด้วยมืออาชีพเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของบล็อก ทำ ธุรกิจได้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่หารายได้จากการจำ หน่ายสินค้าบริการหรือหารายได้ จากการเป็นสมาชิก การลงโฆษณาได้พื้นที่ใช้งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย มีผู้ช่วยคอย บริการให้ความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาทางด้านเทคนิค หรือปัญหาทั่ว ๆ ไปที่เกี่ยว กับบล็อก 5.4.4 วิดีโอออนไลน์ (Online Video) 84


เครื่องมือสำ คัญทางด้านการตลาดของธุรกิจดิจิทัลคือการนำ คลิปวิดีโอโปรดักส์ลงใน หน้าแรกของเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่เข้าชมได้มากถึง 80% จะเป็นการพูดถึงการสมัครสมาชิกหรือการซื้อขายก็ตามแต่ต้องทำ ให้มั่นใจว่าวิดีโอที่นำ มาปรับใช้ในงานแต่ละประเภทนั้นสามารถทำ งานได้ดีนอกจากนั้นวิดีโอยังสามารถ นำ พาไปสู่การขายได้เช่นเดียวกันโดยมีรายงานการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า 74% ของผู้ ที่ดูวิดีโอที่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มักจะตัดสินใจซื้อสินค้าหลังจากดูวิดิโอ จบลงจะเห็นว่าเมื่อมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยว กับมือถือหรืออุปกรณ์ไอทีเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็จะต้องมีการสร้างวิดีโอเพื่อแสดงให้เห็น ถึงวิธีการใช้งานอย่างละเอียดออกมาด้วยทั้งนี้ 98% ของผู้ชมกล่าวว่าลูกค้ามักจะ เลือกดูวิดิโอเพื่อเรียนรู้การใช้งานรวมทั้งคำ อธิบายข้อมูลของสินค้าและบริการ มากกว่าการอ่านในคู่ที่แนบมาและนั่นก็เป็นเหตุผล 45% ของผู้ประกอบการธุรกิจ เลือกที่จะใช้ Video Marketing เป็นกลยุทธ์หลักของแผนการตลาดและมักจะฝังวิดีโอ ไว้บนหน้าแรกของเว็บเพจและวิดีโอที่ฝังไว้สามารถสร้างเอฟเฟกต์ต่อสินค้าและบริการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 85


บริการแชร์ภาพเป็นเว็บไซต์ที่เน้นให้บริการฝากรูปภาพหรือวิดีโอผ่านไอคลาวด์ (Cloud) โดยผู้ใช้บริการสามารถอัปโหลดและดาวน์โหลดรูปภาพเพื่อนำ มาใช้งาน ได้ที่สำ คัญนอกเหนือจากผู้ใช้บริการจะมีโอกาสแบ่งปันรูปภาพแล้วยังสามารถใช้เป็น พื้นที่เพื่อเสนอขายภาพที่ตนเองนำ เข้าไปฝากได้อีกด้วย เช่น ฟลิกเกอร์ (Flickr) โฟโตบักเก็ต (Photo Bucket) เป็นต้น การโพสต์แบบรูปภาพเป็นวิธีที่แบรนด์สินค้าต่างๆนิยมใช้เป็นอันดับต้นๆเพราะเข้า ถึงลูกค้าได้ง่ายสะดุดสายตาก่อให้เกิดการแชร์ได้ดีสัดส่วนการโพสต์แบบนี้สูงถึง ประมาณ 50% จากผลการสำ รวจพบว่า 77% ปฏิเสธการอ่านข้อมูลข่าวสารที่มีแต่ ตัวอักษรโดยจะ “เลือกอ่านเฉพาะที่มีรูปภาพประกอบ”มากกว่าพวกเขาให้เหตุผลว่า เรื่องราวจะดูน่าสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อมีรูปภาพนอกจากนี้ยังสามารถสร้างความเข้าใจ ในเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้นปัจจุบันนี้ผู้ผลิตสื่อและข้อมูลข่าวสารนิยมหันมาใช้เทคนิค “การ ให้ภาพเล่าเรื่อง” หรือที่รู้จักกันว่า Info graphic ซึ่งเป็นการอธิบายข้อมูลต่างๆ ภายในภาพเดียวเท่านั้นผู้อ่านจะเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดได้ง่ายๆและสามารถบันทึกภาพ นั้นเก็บไว้อ่านในเวลาที่ว่างได้เช่นกัน 5.4.5 บริการแชร์ภาพ (Photo Sharing) 86


5.4.6 วิกิ (Wikis) วิกิเป็นเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็นแหล่งความรู้ (Data/Knowledge) ซึ่งผู้เขียนส่วน ใหญ่อาจจะเป็นนักวิชาการ นักวิชาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต่างๆทั้ง การเมืองเศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม ซึ่งผู้ใช้สามารถเขียนหรือแก้ไขข้อมูลได้อย่าง อิสระ เช่น วิกิพีเดีย (Wikipedia) กูเกิ้ลเอิร์ท (Google Earth) เป็นต้น วิกิพีเดียมีข้อมูลความรู้มากมายและการดำ เนินงานภายใต้องค์กรการกุศลและทำ ให้ อินเทอร์เน็ตกลายเป็นโลกเสรีมากยิ่งขึ้นความรู้ทุกอย่างถูกเผยแพร่ถึงกันอย่างไร้ พรมแดนและไร้ราคาเทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำ คัญต่อประสิทธิภาพของ องค์กรหรือธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลามีการ แข่งขันทางธุรกิจสูงองค์กรที่มีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพการศึกษาหาข้อมูล การสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วย่อมทำ ให้องค์กรสามารถดำ เนินธุรกิจต่อไป ได้ดังนั้นการนำ เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในองค์กรสร้าง ความแข็งแกร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าบริการนำ สู่ธุรกิจยุคใหม่ต่อไป 5.4.7 โลกเสมือน (Virtual Worlds) โลกเสมือน คือ การสร้างโลกจินตนาการโดยจำ ลองส่วนหนึ่งของชีวิตลงไปจัดเป็นสื่อสังคม ออนไลน์ที่บรรดาผู้ท่องโลกไซเบอร์ใช้เพื่อสื่อสารระหว่างกันบนอินเทอร์เน็ตในลักษณะโลก เสมือนจริง (Virtual Reality : VR) ซึ่งผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการอาจจะเป็นบริษัทหรือองค์การ ด้านธุรกิจ ด้านการศึกษา รวมถึงองค์การด้านสื่อ เช่น สำ นักข่าวรอยเตอร์ สำ นักข่าวซี เอ็นเอ็น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อพื้นที่เพื่อให้บุคคลในบริษัทหรือองค์กรได้มีช่องทางใน การนำ เสนอเรื่องราวต่างๆไปยังกลุ่มเครือข่ายผู้ใช้สื่อออนไลน์ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มลูกค้าทั้ง หลักและรอง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทหรือองค์การก็ได้ปัจจุบันเว็บไซต์ที่ใช้หลัก โลกเสมือน (Virtual Worlds)ที่ประสบผลสำ เร็จและมีชื่อเสียง คือ เซคันด์ไลฟ์ (Second Life) เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (VR) เป็นที่ทราบดีว่าเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างภาพเสมือน จริงซึ่งในปัจจุบันเน้นนำ ระบบโลกเสมือนจริงมาใช้ในการเล่นเกมเพราะเหมือนคนเล่นเกมได้ เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง 87


มีแนวความคิดในการนำ โลกเสมือนจริงมาสร้างธุรกิจหรือส่งผลให้เกิดธุรกิจโดยรูปแบบ ธุรกิจที่เกิดจากอุปกรณ์โลกเหมือนจริง เช่น นักออกแบบ นักบำ บัดที่ปรึกษาทางกฎหมาย และการชำ ระเงิน เป็นต้น แนวโน้มการเติบโตของโลกเสมือนจริงยังคงเติบโตอย่างต่อ เนื่อง ดังนั้นความต้องการซอฟต์แวร์เพื่อนำ มาใช้กับโลกเสมือนจริงจึงยังคงมีความ ต้องการสูงซึ่งยังไม่นับรวมซอฟต์แวร์เพื่อนำ โลกเสมือนจริงไปใช้ในทางธุรกิจ เช่น โลก เสมือนจริงสำ หรับดีไซน์เนอร์โลกเสมือนจริงสำ หรับบัญชี เป็นต้น นอกจากจะสามารถใช้โลกเสมือนจริงเป็นช่องทางในการสื่อสารกับผู้บริโภคแล้วยัง สามารถนำ โลกเสมือนจริงมาเป็นหนึ่งในช่องทางการชำ ระเงินทั้งนี้มีความพยายามในการ สร้างการซื้อขายเสมือนจริงโดยระบบดังกล่าวมีความจำ เป็นอย่างยิ่งในการใช้เงินในรูป แบบดิจิทัลชำ ระแทนเงินสดหรือบัตรเครดิตซึ่งเงินในรูปแบบดิจิทัลที่รู้จักกันดีคือเงินในรูป แบบบิตคอยน์ (BitCoin) แต่ปัญหา ณ ปัจจุบันนี้คือหลายประเทศยังไม่ยอมรับในเงิน ดิจิทัลรูปแบบนี้แต่ในระยะเวลาไม่นานนี้การซื้อขายและชำ ระเงินผ่านโลกเสมือนจริงน่าจะ เกิดขึ้นได้เมื่อผู้ค้ารายใหญ่อย่างอาลิบาบา (Alibaba) ดำ เนินการเปิดตัวการชำ ระเงินผ่าน ระบบโลกเสมือนจริงแล้ว 88


ปัญญารวมหมู่มาจากการรวมของคำ สองคำ คือ Crowd และ Out Sourcing เป็นหลักการ ขอความร่วมมือจากบุคคลในเครือข่ายสังคมออนไลน์โดยสามารถจัดทำ ในรูปของเว็บไซต์ที่ มีวัตถุประสงค์- หลักเพื่อค้นหาคำ ตอบและวิธีการแก้ปัญหาต่างๆทั้งทางธุรกิจการศึกษา รวมทั้งการสื่อสารโดยอาจจะเป็นการดึงความร่วมมือจากเครือข่ายทางสังคมมาช่วยตรวจ สอบข้อมูลเสนอความคิดเห็นหรือให้ข้อเสนอแนะกลุ่มคนที่เข้ามาให้ข้อมูลอาจจะเป็น ประชาชนทั่วไปหรือผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่อยู่ในภาคธุรกิจหรือแม้แต่ในสังคม นักข่าวข้อดีของการใช้หลักปัญญาร่วมหมู่ (Crowd Sourclig) คือ ทำ ให้เกิดความหลาก หลายทางความคิดเพื่อนำ ไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพตลอดจนช่วยตรวจสอบหรือคัด กรองข้อมูลซึ่งเป็นปัญหาสาธารณะร่วมกันได้ เช่น ไอเดียสตอร์ม (Idea Storm) มายสตาร์บักส์ (Mystarbucks Idea) เป็นต้นปัญญารวมหมู่ “Crowd Sourcing" คือการ ร่วมสร้างสรรค์ของกลุ่มคน (Crowd) เพื่อร่วมกันทำ หรือสร้างสิ่งต่างๆรวมถึงแก้ไขปัญหา ร่วมกันจนกลายเป็นเทรนด์ฮิตของการทำ กิจกรรมในการตลาดออนไลน์ผ่านแคมเปญดิจิทัล (Digital Campaign) และการโฆษณาออนไลน์ในปัจจุบันกระแสของการมีส่วนร่วมแบบ กลุ่มเมฆกลายเป็นกระแสใหม่ในการทำ ธุรกิจ โดยประยุกต์มาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจพัฒนา สินค้าและแก้ไขปัญหาร่วมกันซึ่งรวมถึงในทางการทำ กิจกรรมทางการตลาดอย่างมี ประสิทธิภาพ 5.4.8 ปัญญารวมหมู่ (Crowd Sourcing) 89


มาจากการรวมตัวของสอง คือ “Pod” กับ “Broad casting คำ ” ซึ่ง “POD” หรือ Personal On-Demand คือ อุปสงค์หรือความต้องการส่วนบุคคลส่วน “Broadcasting” เป็นการนำ สื่อต่างๆมารวมกันในรูปของภาพและเสียงหรืออาจกล่าว ง่ายๆพอดแคสต์คือการบันทึกภาพและเสียงแล้วนำ มาไว้ในเว็บเพจ (Web Page) เพื่อ เผยแพร่ให้บุคคลภายนอก (The public in general) ที่สนใจดาวน์โหลดเพื่อนำ ไปใช้ งาน เช่น วิกกลีพอดแคสต์ (Wiggly Podcast) เป็นต้น ธุรกิจพอดแคสต์เป็นธุรกิจรายการเผยแพร่เสียงบนแพลตฟอร์มออนไลน์โดยจะมีผู้ ดำ เนินรายการยามาเล่าเรื่องหรือพูดคุยในเรียงราวต่างๆให้อารมณ์เหมือนเราฟัง รายการในวิทยุแต่ความพิเศษของพอดแคสต์ คือจะมีการแบ่งเรื่องราวออกเป็นตอนๆ หรือแบ่งหัวเรื่องอย่างชัดเจน เช่น เล่าเรื่องการเริ่มต้นการทำ ธุรกิจร้านอาหารทะเล เล่าเรียงประวัติศาสตร์ของพิซซา เป็นต้น โดยเนื้อหาที่มีหลากหลายแนวให้เลือกฟัง เนื้อเรื่องไม่ยาวนานไฟล์ไม่ใหญ่มากสามารถดาวน์โหลดมาฟังแบบออฟไลน์ได้ฟัง เพลินๆระหว่างทำ งานหรือกิจกรรมอื่นๆด้วยเอกลักษณ์ที่ตอบโจทย์พอดแคสต์จึงได้รับ ความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ พอดแคสต์ถือเป็นสิ่งใหม่ที่น่าจับตามองและกำ ลังจะกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ใน สหรัฐอเมริกาปัจจุบันยอดขายโฆษณาในอุตสาหกรรมพอดแคสต์ของสหรัฐคาดว่ามี มูลค่าประมาณ 659 ล้านเหรียญ สหรัฐต่อปี ต่างจากเมื่อก่อนที่อุตสาหกรรมสามารถ สร้างรายได้ที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ได้จากการระดมทุนและการขายสินค้าผ่าน โฆษณาเสียง 5.4.9 พอดแคสติง (Podcasting หรือ Podcast) 90


การแลกเปลี่ยนความเห็น/การทบทวน/ความคิดเห็นเป็นเว็บบอร์ดที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต สามารถแสดงความคิดเห็นโดยอาจจะเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการประเด็นสาธารณะ ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เช่น พันทิป (Pantip) เยลพ์ (Yelp) เป็นต้น ในปัจจุบันมีเว็บบอร์ดมากมายซึ่งแต่ละเว็บบอร์ดก็จะมีการทำ งานรูปแบบความสามารถ ที่แตกต่างกัน เช่น เว็บบอร์ด phpBB (พีเอชพีบีบี) ก็เป็นอีกหนึ่งระบบเว็บบอร์ดที่ องค์กรธุรกิจทุกขนาดเลือกใช้เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจกล่าวคือเว็บบอร์ดเป็น เว็บไซต์ที่แลกเปลี่ยนบทสนทนาพูดคุยแชร์ความรู้บนเว็บที่เรียกอีกอย่างว่าเว็บบอร์ด บอร์ดกระดานข่าว กระดานสนทนาหรือชาวต่างชาติจะเรียกว่า ฟอรัม หรือเว็บฟอร์ม นั่นเองสำ หรับเว็บบอร์ด phpBB แล้วสามารถนำ มาประยุกต์พัฒนาให้เกิดธุรกิจและ สร้างรายได้อย่างมากมายอย่างแรกคือผู้ใช้เป็นสิ่งสำ คัญหากไม่มีผู้ใช้การสร้างรายได้ก็ จะทำ ได้ยาก การเจาะกลุ่มเป้าหมาย ก็เป็นอีกทางในการเรียกผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วม การแบ่งหมวดหมู่ เช่น ท่องเที่ยว การเดินทาง โรงแรม ที่พัก ก็ทำ ให้ผู้ใช้ที่สนใจใน เรื่องนี้เข้ามาใช้บอร์ดได้ต่อเนื่องไม่เพียงแต่ผู้ใช้ที่สนใจไปท่องเที่ยวยังมีผู้ให้บริการ แหล่งที่พัก การเดินทาง ที่พัก ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมและให้การสนับสนุนเว็บ บอร์ดในการลงพื้นที่โฆษณาด้วยความสามารถของเว็บบอร์ด php88 ยังสามารถเพิ่ม ลูกเล่นได้อีกมากมายสำ หรับผู้ดูแลระบบ เช่น ปรับเปลี่ยนเทมเพลต การอนุญาตผู้ใช้ การอนุญาตกลุ่ม ระบบป้องกันสแปม จัดการป้ายโฆษณาด้วยส่วนเสริมและอื่นๆ นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถโพสต์รูป แนบไฟล์ ข้อความ วิดีโอ หรืออีโม ได้อย่างอิสระ เว็บบอร์ด phpBB ถือเป็นบอร์ดที่เหมาะในการนำ มาใช้เพื่อธุรกิจ 5.4.10 การแลกเปลี่ยนความเห็น/การทบทวน/ความคิดเห็น (Discuss/Review/Opinion) 91


5.5 อุปกรณ์เครื่องมือทางสื่อสังคมออนไลน์ 5.5.1 คอมพิวเตอร์ (Computer) คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคำ นวณอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำ งานคำ นวณผลและเปรียบ เทียบค่าตามชุดคำ สั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติพจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คำ จำ กัดความของคอมพิวเตอร์ไว้ค่อนข้างกะทัดรัด ว่าเครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติทำ หน้าที่เสมือนสมองกลใช้สำ หรับแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์หรืออาจกล่าวได้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องมือที่ช่วยในการคำ นวณและการประมวลผลข้อมูลสามารถทำ งานได้ หลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับชุดคำ สั่งที่เลือกมาใช้งานทำ ให้สามารถนำ คอมพิวเตอร์ไป ประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้ในการตรวจคลื่นคอมพิวเตอร์ความถี่ของ หัวใจ การฝาก-ถอนเงินในธนาคารการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นต้น เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำ งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมีความถูกต้องและมีความ รวดเร็ว 5.5.2 สมาร์ตโฟน (SmartPhone) สมาร์ตโฟน คือ โทรศัพท์มือถือที่นอกเหนือจากใช้โทรออกรับสายแล้วก็ยังมีแอปพลิเคชัน ให้ใช้งานมากมายสามารถรองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน 4G Wifi และสามารถใช้งาน โซเชียลเน็ตเวิร์กและแอปพลิเคชันสนทนาชั้นนำ เช่น LINE Youtube Facebook Twitter เป็นต้น โดยที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งลูกเล่นการใช้งานสมาร์ตโฟนให้ตรงกับความต้องการได้ มากกว่ามือถือธรรมดาผู้ผลิตสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆนิยมผลิตสมาร์ตโฟนที่มีหน้าจอระบบสัมผัส ใส่กล้องถ่ายรูปที่มีความละเอียดสูงออกแบบดีไซน์ให้สวยงามทันสมัยมีแอปพลิเคชันและลูก เล่นที่น่าสนใจ 92


อุปกรณ์เครือข่าย คือ อุปกรณ์ที่นำ มาใช้ในเครือข่ายท่าหน้าที่จัดการเกี่ยวกับการรับส่ง ข้อมูลในเครือข่ายหรือใช้สำ หรับทวนสัญญาณเพื่อให้การรับส่งข้อมูลได้ดีและส่งในระยะที่ ไกลมากขึ้นหรือใช้สำ หรับขยายเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอุปกรณ์เครือข่ายที่พบเห็นโดย ทั่วไปมีดังนี้ 1. เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครื่องแม่ข่ายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ หลักในเครือข่ายที่ทำ หน้าที่จัดเก็บและให้บริการไฟล์ข้อมูลและทรัพยากรอื่นๆกับ คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆในเครือข่ายโดยปกติคอมพิวเตอร์ที่นำ มาใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์มักจะ เป็นเครื่องที่มีสมรรถนะสูงและมีฮาร์ดดิสก์ความจำ สูงกว่าคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆใน เครือข่าย 2. ไคลเอนต์ (Client) เรียกอีกอย่างว่า เครื่องลูกข่ายเป็นคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายที่ ร้องขอบริการและเข้าถึงไฟล์ข้อมูลที่จัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์หรือก็คือไคลเอนต์เป็น คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้แต่ละคนในระบบเครือข่าย 5.5.3 แท็บเล็ต (Tablet) แท็บเล็ต คือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่มีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 7 นิ้วขึ้นไปพกพาได้สะดวกสามารถใช้งานหน้าจอผ่านการสัมผัสผ่านปลายนิ้วได้โดยตรง มีแอปพลิเคชันมากมายให้เลือกใช้ไม่ว่าจะรับ-ส่งอีเมล เล่นอินเทอร์เน็ต ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมหรือแม้กระทั่งใช้ทำ งานเอกสารข้อดีของแท็บเล็ตคือมีหน้าจอที่กว้างทำ ให้มีพื้นที่ การใช้งานเยอะมีน้ำ หนักเบาพกพาได้สะดวกกว่าโน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์สามารถจด บันทึกหรือใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อการศึกษาได้เป็นอย่างดี 5.5.4 อุปกรณ์เครือข่าย 93


3. ฮับ (HUB) หรือ เรียก รีพีตเตอร์ (Repeater) คือ อุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อกลุ่ม คอมพิวเตอร์ฮั มีหน้าที่รับเฟรมข้อมูลทุกเฟรมที่ได้รับจากฟอร์ดใดพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ต ที่เหลือคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับฮับจะแชร์แบนด์วิธหรืออัตราข้อมูลของเครือข่าย เพราะฉะนั้นถ้ามีคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อมากจะทำ ให้อัตราการส่งข้อมูลดลง 4. เน็ตเวิร์ก สวิตช์ (Switch) คือ อุปกรณ์เครือข่ายที่ทำ หน้าที่ในเลเยอร์ที่ 2 และทำ หน้าที่ส่งข้อมูลที่ได้รับมาจากพอร์ตหนึ่งไปยังพอร์ตเฉพาะที่เป็นปลายทางเท่านั้นและ ทำ ให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับพอร์ตที่เหลือส่งข้อมูลถึงกันในเวลาเดียวกันดังนั้นอัตรา การรับส่งข้อมูลหรือแบนด์วิธจึงไม่ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์ปัจจุบันนิยมเชื่อมต่อแบบนี้มา กกว่าฮับเพราะลดปัญหาการชนกันของข้อมูล 5. เราเตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่ทำ หน้าที่ในเลเยอร์ที่ 3 เราเตอร์จะอ่านที่อยู่ (Address) ของสถานีปลายทางที่ส่วนหัว (Header) ข้อแพ็กเกจข้อมูลเพื่อที่จะกำ หนด และส่งแพ็กเกจต่อไปเราเตอร์จะมีตัวจัดเส้นทางในแพ็กเกจเรียกว่าเราติงเทเบิล (Routing Table) หรือตารางจัดเส้นทางนอกจากนี้ยังส่งข้อมูลไปยังเครือข่ายที่ให้ โพรโทคอลต่างกันได้ เช่น IP (Internet Protocol) IPX (Internet Package Exchange) และ AppleTalk เป็นต้น นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นได้ เช่น เครือข่าย อินเทอร์เน็ต เป็นต้น 94


6. บริดจ์(Bridge)เป็นอุปกรณ์ที่มักจะใช้ในการเชื่อมต่อวงแลน(LAN Segments) เข้าด้วยกัน ทำ ให้สามารถขยายขอบเขตของแลน (LAN) ออกไปได้เรื่อย ๆ โดยที่ประสิทธิภาพรวมของ ระบบไม่ลดลง มากนัก เนื่องจากการติดต่อของเครื่อง อยู่ในเซกเมนต์เดียวกันจะไม่ถูกส่ง ผ่านไปรบกวนการจราจรของ เซกเมนต์อื่น และเนื่องจากบริดจ์เป็นอุปกรณ์ที่ทำ งานอยู่ใน ระดับ Data Link Layer จึงทำ ให้สามารถใช้ ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่แตกต่างกันในระดับ Physical และ Data Link ได้ เช่น ระหว่าง Ethernet กับ Token Ring เป็นต้น บริดจ์มัก จะถูกใช้ในการเชื่อมเครือข่ายย่อย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายใหญ่ เพียงเครือข่าย เดียว เพื่อให้เครือข่ายย่อย ๆ เหล่านั้นสามารถติดต่อกับเครือข่ายย่อยอื่น ๆ ได้ 7. เกตเวย์ (Gateway) เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายต่างประเภทเข้าด้วยกัน เช่น การใช้เกตเวย์ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่เป็นคอมพิวเตอร์ประเภทพีซี (PC) เข้ากับ คอมพิวเตอร์ประเภท แมคอินทอช 95


1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้ 2. เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้หรือตั้งคำ ถามในเรื่องต่างๆเพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำ ตอบ ได้ช่วยกันตอบ 3. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นสะดวกและรวดเร็ว 4. เป็นสื่อในการนำ เสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วิดีโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น 5. ใช้เป็นสื่อในการโฆษณาประชาสัมพันธ์หรือบริการลูกค้าสำ หรับบริษัทและองค์กร ต่างๆช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า 6. ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งานเกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆขึ้น 7. คลายเครียดได้สำ หรับผู้ใช้ที่ต้องการหาเพื่อนคุณเล่นสนุก 8. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีจากเพื่อนสู่เพื่อนได้ 5.6 ประโยชน์และข้อจำ กัดของสังคมออนไลน์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นสื่อให้ข้อมูลข่าวสารสามารถกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และกว้างขวาง มีคุณประโยชน์มากมายในด้านการติดต่อสื่อสาร แต่ก็เปรียบเสมือน ดาบสองคมหากผู้ใช้ขาดคุณธรรมจริยธรรม สามัญสำ นึก การรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น และความระมัดระวังในการใช้แล้ว สังคมออนไลน์เหล่านี้ก็จะเป็น “สังคมอันตราย" ที่ จะเป็นด้านมืดของสังคมไทย ประโยชน์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ 96


Click to View FlipBook Version