โบราณสถานรา้ ง
ด้านทศิ เหนอื เมอื งเชียงใหม่
ผศ.จรลั ศักดิ์ ลอยมี
ปกหนา : เจดยี ว ดั หมื่นกอง
ปกใน : เจดียว ดั ปาตาล
15 โบราณสถานราง
--------
โดย...ผชู วยศาสตราจารยจรลั ศกั ด์ิ ลอยมี
ทุนอุดหนุนงานวจิ ยั และวิจยั สรางสรรค
จากงบประมาณเงินรายได คณะวิจติ รศลิ ป มหาวิทยาลัยเชียงใหม
ประจําปงี บประมาณ พ.ศ. 2564
โบราณสถานรา้ ง ทเี่ ลอื กเปน็ จุดศกึ ษาคร้ังนม้ี รี ายละเอียด
เโกบยี่ รวาณกับสถปารนะรวาตังทิกีเ่าลรือกก่อเปส็นรจา้ ดุ งศกึกษาารคบรูร้ังณนี้มะรีปาฏยลสิ ะังเอขียรดณเก์ ่ยี ตวกลบั อด
จนลักษณะปทราะวงัตสกิ ถาารปกอัตสยรกา งรรกมารแบลรู ะณศะลิ ปปฏกสิ รังรขมรณจ ำนวน 15
ตปวลัดรวอเะจัดกแดดอเหจจยี บนง่ดแ ดลดยี วกัปงย์แษ(รดณะใวนงกัดะ)(ทอชาานบงงอดวเสผัดก้วถือป)ยากาปตวัตววาัดยดั ลัดกกชเเูรจา้บวรงดดัี้ยมเียปผแวาแ์ลอืัดอดะปกอศงายลิ (ดวปูดัใกววนกดัรัด)รเู่เปบจมันดยี้ สียจวาาํแวัดทนดดั ปวงปน(่าวต่าดัน1ดปอา5ู่ลาก
คว)าัด
วัดพระเจา อวมัดเมปยี่่างออ้ วยัดแสวนดั ขปาันนสวาดั ทนางวเหัดลปยี ่าวควาัดหม่ืนคอง
วัดพระวเัดจอ้าินอทมขเลีม(ีย่ สงะดือวเดัมแอื สง)นขแาลนะววัดัดเชนษาฐงาเหลียว
วดั หม่ืนคอง วัดอนิ ทขีล(สะดือเมือง) และวดั เชษฐา
วัดช้างเผอื ก
ทีต่ งั้ : ภายในศูนยค์ อมพวิ เตอรแ์ ละการศกึ ษา cm ถนนซุปเปอรไ์ ฮเวย์ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมอื งเชียงใหม่
จงั หวัดเชยี งใหม่ พืน้ ทท่ี ศิ เหนือตดิ กบั ถนนทางเข้าศูนย์ cm ทศิ ใต้ตดิ ลานจอดรถ ทิศตะวันออกตดิ บ้านเรอื น
ประชาชน และทิศตะวนั ตกตดิ อาคารศนู ย์ cm
ประวตั คิ วามเป็นมา : ไม่ปรากฏในเอกสาร
หลักฐานทางโบราณคดี : เจดีย์ทรงระฆัง 1 องค์ ส่วนยอดเดิมตั้งแต่ปากระฆัง บลั ลงั ก์ไปจนถงึ ปลียอดอยู่
ในสภาพค่อนขา้ งสมบรู ณ์ โดยมีซากวิหารวางอยทู่ างทิศตะวันออกของเจดีย์ เปน็ รอ่ งรอยของสถาปตั ยกรรมลา้ น
นาในสมัยพทุ ธศตวรรษท่ี 21
วัดป่าตาล
ทต่ี ั้ง : ซอยโปลคิ ลนี ิค ถนนชา้ งเผือก ตำบลช้างเผอื ก
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม
่
ประวัตคิ วามเป็นมา : ในพงศาวดารโยนกเรยี กว่า วดั ตาลวนั มหาวิหาร ในสมัย
พระเจ้าติโลกราช เมื่อมีการสังคายนาพระไตรปิฎกท่ีวัดมหาโพธาราม(วดั เจ็ดยอด)
พระธรรมทนิ มหาเถรเจา้ อาวาสวัดปา่ ตาล ไดม้ าเป็นประธานในการสงั คายนาในปี
พ.ศ. 2053 พระเจ้าติโลกราชทรงโปรดใหห้ ลอ่ พระพุทธรปู ด้วยทองสัมฤทธิห์ นกั
33 แสน บรรจพุ ระบรมธาตุ 500 องค์ ขนานนามวา่ พระป่าตาลนอ้ ย ประดิษฐานไว้
ทีว่ ดั ปา่ แห่งน้
ี
ลักษณะทางสถาปตั ยกรรมและศิลปกรรม : เจดียส์ เี่ หลี่ยมผสมทรงกลม
ประกอบ ด้วยฐานหนา้ กระดานสเ่ี หลีย่ มซ้อนกนั สามชนั้ รองรบั ฐานบัวแบบพเิ ศษ เหนอื
ฐานบัวเปน็ ฐานเขียงรองรบั เรอื นธาตุ มซี ุม้ ประดิษฐานพระพทุ ธรูปท้ังส่ที ิศ องคร์ ะฆงั
ชลดู ยอดเปน็ ปลอ้ งไฉนคลา้ ยแบบสุโขทัย คาดว่ามอี ายุอยใู่ นราวพทุ ธศตวรรษที่ 21
ปัจจุบันไดร้ ับการบรู ณะแล้ว
วัดป่าดู
่
ท่ีตงั้ : ตดิ กบั ทจ่ี อดรถด้านหลังตลาดศิริวัฒนา ตำบลชา้ งเผือก อำเภอเมือง
เชียงใหม่ จังหวดั เชียงใหม่
ประวตั คิ วามเปน็ มา : วดั ป่าดู่ไมพ่ บเอกสารประวัติความเปน็ มา
ลกั ษณะทางสถาปัตยกรรมและศลิ ปกรรม : หลกั ฐานทางโบราณคดี พบเจดยี ์
จำนวน 1 องค์ ฐานเจดีย์แปดเหลย่ี ม ไมม่ ีองค์ระฆงั สูงประมาณ 10 เมตร อายุ
ประมาณพทุ ธศตวรรษที่ 21 ปจั จุบันสภาพโดยรวมถูกล้อมและบดบังไมเ่ หมาะสม
การเข้าถงึ ได้ยาก อีกท้งั เจดยี เ์ ปน็ ส่วนหนึ่งของเอกชนทำให้ขาดความเปน็ สาธารณะ
วดั กู่เบ้ยี
ทีต่ งั้ : ถนนเวยี งบัว ตำบลชา้ งเผือก อำเภอเมอื งเชยี งใหม่ จังหวัดเชียงใหม
่
ประวตั ิความเป็นมา : วดั ก่เู บี้ยไม่พบเอกสารประวัตคิ วามเปน็ มา
ลักษณะทางสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรม : เจดยี ์วดั ก่เู บย้ี เปน็ เจดยี ์ขนาดเลก็ ฐาน
เขียงเจดีย์ผงั ส่เี หลยี่ มจัตุรัสซอ้ นชัน้ ขน้ึ ไปเป็นฐานปัทมย์ ่อมุมส่วนบน
วัดเจดยี แ์ ดง(ใน)
ทต่ี ง้ั : ถนนโชตนา ซอย4 ตำบลชา้ งเผือก อำเภอเมอื งเชยี งใหม่ จงั หวดั เชยี งใหม่
ประวัติความเปน็ มา : ไมป่ รากฏหลกั ฐานในเอกสารตำนานและพงศาวดารใด
ลักษณะทางสถาปตั ยกรรมและศิลปกรรม : ประกอบดว้ ยเจดยี แ์ ละวิหาร ปจั จบุ นั
พบซากเจดียช์ ำรุด จำนวน 1 องค์ มีขนาด 16 x 16 เมตร สงู 4.50 เมตร ซาก
วิหารยังอย่ใู ต้ดิน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21
วดั อนิ ทขีล(สะดอื เมอื ง)
ท่ีต้งั : บรเิ วณภายในหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชยี งใหม(่ ศาลากลางเดิม)
ตำบลศรภี มู ิ อำเภอเมอื งเชียงใหม่ จงั หวดั เชยี งใหม
่
ประวัติความเปน็ มา : วดั น้ตี ง้ั อยบู่ ริเวณสะดอื เมืองของจงั หวัดเชยี งใหม่ ชาวบ้านจงึ
เรยี กวา่ วดั สะดอื เมอื ง ในตลอดรชั สมัยของพระมหากษตั รยิ แ์ ห่งราชวงศม์ ังรายวัด
สะดอื เมอื งไดเ้ จริญรุ่งเรอื งขึน้ โดยลำดบั สนั นษิ ฐานว่ากลมุ่ โบราณสถานสะดือเมอื ง
หรอื วัดอนิ ทขลี จะเปน็ เจดยี ท์ บ่ี รรจอุ ัฐขิ องพญามังราย ซ่ึงปรากฏความตรงกนั ใน
ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่และพงศาวดารโยนกวา่ พญามงั รายถกู ฟา้ ผ่าตายกลาง
ตลาดและพระยาไชยสงครามและราชโอรสใหก้ อ่ เจดีย์บรรจอุ ฐั ไิ ว้กลางตลาดนั้น
ลกั ษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม : เจดีย์ ต้งั อย่บู นฐานส่เี หล่ียม มฐี านบัว
ควำ่ บัวหงายแปดเหล่ยี ม รองรบั องคเ์ รือนธาตุแปดเหลยี่ ม มซี ุม้ อยโู่ ดย รอบ 8 ซุ้ม
ถดั องค์เรือนธาตขุ ้นึ ไปเปน็ ชั้นมาลัยเถาแปดเหลีย่ ม 3 ช้นั รบั องค์ระฆงั ไมม่ บี ัลลงั ก์
รองรบั ปลอ้ งไฉน จากรปู แบบสถาปตั ยกรรมของพระเจดียท์ ่ี ซึ่งเปน็ เจดยี ์ทรงกลม
ผสมเรือนธาตุแปดเหลย่ี มองคร์ ะฆังคว่ำ ซงึ่ นิยมสรา้ งกันมากในสมัยหริภญุ ไชย ซง่ึ
พบท่ีวัดจามเทวี จังหวดั ลำพูน ดงั นนั้ จงึ สนั นิษฐานวา่ เจดยี ์ดงั กล่าวนา่ จะสร้างขนึ้ ใน
ชว่ งเวลาเดยี วกนั คอื ราวตน้ พทุ ธศตวรรษท่ี 19
วัดเชษฐา
ท่ีตง้ั : บรเิ วณด้านหน้าโรงเรยี นพุทธิโสภณ ถนนพระปกเกลา้ ตำบลพระสงิ ห์ อำเภอ
เมอื งเชยี งใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติความเปน็ มา : จากเอกสาร ระบวุ า่ “...วดั เชษฐา ตง้ั อย่ใู นแขวงด้าวกลาง
เชียงใหม่ เจ้าอธกิ ารช่ือ สริ ิไซ นิกายเชียงใหม่ ยังไม่ได้เป็นอปุ ชั ฌายะ รองอธิการชือ่
ทุแพง จำนวนพระลกู วดั ในพรรษานี้มี 2 องค์ พรรษากอ่ นยงั ไม่มี มีเณร 4 ตน ข้ึนกับ
วดั พนั เทา่ ...”
ลักษณะทางสถาปตั ยกรรมและศิลปกรรม: เจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา
ประกอบดว้ ยฐานหนา้ กระดานสีเ่ หล่ยี มใหญร่ องรบั ฐานหนา้ กระดานยอ่ เก็จ 3 ชน้ั
ถัดข้ึนไปเป็นฐานปทั มย์ อ่ เก็จแบบพิเศษ ประกอบดว้ ยฐานบัวลกู แกว้ 2 ชน้ั ซอ้ นกนั
อยูใ่ นฐานปัทมใ์ หญ่ รองรับชดุ มาลัยเถาทเ่ี ปน็ ฐานบวั คว่ำทอ้ งไมแ้ ปดเหลยี่ มซอ้ นกนั
5 ชน้ั จนถงึ องค์ระฆงั ทรงกลม บัลลังก์ส่เี หล่ยี มยกเก็จ ยอดเปน็ ปลอ้ งไฉนกลมจนถึง
ปลยี อด เจดยี ก์ อ่ ดว้ ยอฐิ ฉาบปูน จากลักษณะน่าจะสร้างข้นึ ในครึ่งหลงั พุทธศตวรรษ
ที่ 21
วดั หมื่นคอง
ทตี่ งั้ : ภายในบรเิ วณโรงเรยี นยุพราชวทิ ยาลัย ตำบลศรภี มู ิ
อำเภอเมอื เชียงใหม่ จงั หวดั เชยี งใหม
่
ประวัติความเป็นมา : จากข้อความบนแผน่ ปา้ ยประวัตวิ ดั หมืน่ คอง ระบุวา่ วดั หมื่น
คอง สรา้ งขน้ึ ในสมยั พญาติโลกราช ประมาณ พ.ศ. 1985 และจากข้อมลู เอกสาร
รายชอ่ื วัด, หนา้ 4 ระบวุ า่ พ.ศ. 2440 “...วดั หมืน่ คอง ตง้ั อยแู่ ขวงดา้ วกลาง
เวยี งเชยี งใหม่ เจ้าอธิการชื่อ สวี ไิ ซ นกิ ายเชียงใหม่ ยงั ไม่ไดเ้ ปน็ อปุ ชั ฌายะ รอง
อธิการชือ่ ทุสุภา จำนวนพระลูกวัดพรรษานม้ี ี 2 องค์ พรรษากอ่ น 2 องคเ์ ณรมี 4
ตน ขึน้ กบั วัดองมง(อุโมงคใ์ นเมือง)...” (รายช่อื วัด, หนา้ 2)
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม : เจดีย์รูปทรงพมา่ โดยมีลักษณะเป็น
ปูนปน้ั ประดบั ตกแตง่ และยอ่ เกจ็ รูปแบบพม่า