วดั นางเหลียว
ทต่ี งั้ : ภายในบรเิ วณโรงเรียนยพุ ราชวิทยาลัย ตำบลศรภี มู ิ อำเภอเมืองเชียงใหม่
จังหวดั เชียงใหม
่
ประวตั ิความเป็นมา : จากข้อมลู เอกสาร ระบวุ า่ พ.ศ. 2440 “วดั นางเหลยี ว
ตั้งอย่แู ขวงดา้ วแจง่ ศรีภมู ิ ในเวยี งเชียงใหม่ เจา้ อธิการชอื่ ทบุ ุญมา นิกายเชียงใหม่
รองอธกิ ารชอ่ื ทุอินทะ ขนึ้ กบั วดั หวั ข่วง...” (รายชอ่ื วัด, หนา้ 2) และ
“จุลศักราช 1286 (พ.ศ. 2447) ปมี ะเมียอัฐศก (เจ้าอินทวโรรสสรุ ยิ ะวงศ์) ได้
สร้างวหิ ารวัดนางเหลียว เดือน 7 ทำบญุ ฉลอง...” (จดหมายเหตเุ มอื งเชยี งใหม,่
ประชมุ ตำนานลานนาไทย, หนา้ 637)
ลกั ษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม : เจดีย์ทรงแปดเหล่ยี ม ประกอบดว้ ย
ฐานหนา้ กระดาน 3 ช้ันรองรับฐานบัวยอ่ เกจ็ มาลัยเถาใต้องค์ระฆงั เป็นแบบบัวคว่ำ
ทอ้ งไม้แปดเหล่ียมซ้อนกนั หลายชนั้ องค์ระฆงั แปดเหล่ยี ม ยอดเปน็ ปล้องไฉน
วงกลม ได้รบั การบรู ณะแล้วอยูใ่ นสภาพคอ่ นขา้ งสมบรู ณ์
วัดเจดีย์แดง(นอก)
ที่ตงั้ : ตำบลชา้ งเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชยี งใหม่
ประวัตคิ วามเป็นมา : ไมป่ รากฏชอ่ื วดั เจดยี ์แดง (นอก) ในเอกสารตำนานและ
พงศาวดาร ผังรปู แบบวดั จากลักษณะการวางตวั ของเจดีย์ วดั สรา้ งหนั หนา้ ไปทาง
ทิศตะวันออก
ลกั ษณะทางสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรม : เจดียเ์ ปน็ ทรงระฆังแบบล้านนา
ปจั จบุ นั เหลอื แตฐ่ าน ประกอบด้วยฐานหน้ากระดานสเี่ หลยี่ มและฐานหน้ากระดาน
สเี่ หล่ยี มยกเก็จสองครั้งซอ้ นกนั สามชน้ั รับฐานบัวลูกแก้วอกไกส่ องฐานทซ่ี อ้ นกนั อยูใ่ น
ฐานปัทม์ฐานเดยี ว เหนือข้ึนไปเป็นฐานสี่เหลย่ี มยกเกจ็ หนึ่งชน้ั มีปนู ปัน้ แบ่งเป็นชอ่ ง
สเ่ี หลีย่ ม ชอ่ งสี่เหลย่ี มแต่ละช่องเจาะเปน็ ชอ่ งตีนกา ฐานน้ีรองรับฐานหนา้ กระดานทรง
กลมสามชน้ั และมาลยั เถา ซงึ่ เหลอื เพียงช้ันเดียว ส่วนนอกเหนอื จากน้นั พังทลายไป
จากลักษณะของฐานบวั ลกู แกว้ อกไก่สองฐานที่ซอ้ นกันอยู่ในฐานปทั มใ์ หญ่ เจดียอ์ งค์
น้นี ่าจะอย่ใู นครง่ึ หลงั พทุ ธศตวรรษท่ี 21 ลงมา
วัดป่าคา
ทต่ี ัง้ : ถนนชา้ งเผือก ซอย 2 ตำบลชา้ งเผอื ก อำเภอเมอื ง
เชียงใหม่ จงั หวัดเชยี งใหม
่
ประวตั ิความเป็นมา : ไม่ปรากฏหลกั ฐานและประวัตคิ วามเป็นมา
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม : ปจั จุบนั พบมีเจดยี ์ทรงระฆงั กลม
ตง้ั อยบู่ นฐานกลมซอ้ นกัน 3 ชัน้ ทีก่ ้านฉัตรเหนือองค์ระฆงั ประดับกลีบบัวปูนปั้นโดย
รอบ สนั นษิ ฐานว่า ส่วนประกอบอ่ืน ๆ ของวัดนีถ้ กู ทบั ถมอยใู่ ตด้ นิ จากรปู แบบของ
สถาปตั ยกรรม วดั นีส้ รา้ งขน้ึ และมีอายุราวพุทธศตวรรษท่ี 21-22
(สำนกั งานโบราณคดแี ละพิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ ท่ี 6 เชียงใหม่)
วัดแสนขาน
ทีต่ ั้ง : ด้านหลงั ตลาดชา้ งเผือก ตำบลช้างเผือก อำเภอเมอื งเชียงใหม่
จังหวัดเชียงใหม
่
ประวัติความเป็นมา : วัดแสนขาน ปรากฏในตำนานพืน้ เมืองเชียงใหม่ กลา่ วถงึ
เทพสิงห์จากเมืองยวมไดน้ ำทัพมาล้มพม่า ในปี พ.ศ. 2270 ซงึ่ มงั แรนร่ากษตั ริย์
ไดใ้ หค้ นไปบอกเทพสิงห์ใหม้ าเฝ้า เทพสงิ ห์ไมย่ อมจงึ ให้คน 500 ไปเรยี กมาทว่ี ดั
สังขาร มขี ้อความวา่ “จงึ แต่งคนไป 500 ไปเรยี กมายังวดั สงั ขาร ริมประตูช้างเผอื ก
” ไม่ปรากฏในเอกสาร
ลกั ษณะทางสถาปัตยกรรมและศลิ ปกรรม : เจดีย์ชำรดุ 1 องค์ เหลอื เพยี ง
ส่วนฐาน เรอื นธาตสุ เี่ หลย่ี มประดับดว้ ยซุ้มพระพุทธรูปท้งั 4 ด้าน คาดว่าสรา้ งในชว่ ง
พุทธศตวรรษที่ 21
วดั ปา่ อ้อย
ที่ตัง้ : หลงั ตลาดเอราวัณ ใกลถ้ นนชา้ งเผือกซอย 4
ตำบลช้างเผอื ก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวดั เชยี งใหม่
ประวตั ิความเป็นมา : ไม่ปรากฏหลกั ฐาน
ลักษณะทางสถาปัตยกรรมและศลิ ปกรรม : เจดยี ์วดั ปา่ ออ้ ย เปน็ เจดยี ์แบบแผน
เชยี งใหม่ ประมาณพุทธศตวรรษท่ี 21 คือเป็นเจดยี ป์ ระกอบดว้ ยฐานหน้ากระดาน
สเี่ หลย่ี มรองรับฐานบัวลกู แกว้ ย่อเก็จแบบพเิ ศษที่มฐี านบัวลูกแกว้ ซอ้ นกนั 2 ชัน้
อยู่ภายใน รองรับฐานหน้ากระดานแปดเหลย่ี ม 3 ชั้น มาลยั เถาใต้องคร์ ะฆัง
มบี ัวปากฐาน รองรับองค์ระฆงั กลม ยอดเป็นปล้องไฉนและไมม่ ีบัลลงั ก
์
วัดพระเจ้าอมเมยี่ ง
ทตี่ ้ัง : ทิศเหนือของโรงเรยี นโกวิทธำรง ตำบลชา้ งเผือก
อำเภอเมอื งเชยี งใหม่ จังหวัดเชียงใหม
่
ประวัติความเป็นมา : ไมป่ รากฏในเอกสาร
ลกั ษณะทางสถาปตั ยกรรมและศิลปกรรม : เจดยี ์ชำรุด 1 องค์ เหลอื เพยี ง
ส่วนฐาน เรอื นธาตสุ ี่เหลี่ยมประดับดว้ ยซุม้ พระพุทธรูปทงั้ 4 ดา้ น คาดว่าสร้างในช่วง
พุทธศตวรรษท่ี 21