The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เนื้อหาแผนการสอนเครื่องเสียงรวม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by anont989, 2022-05-21 03:35:07

วิชาเครื่องเสียง

เนื้อหาแผนการสอนเครื่องเสียงรวม

12.2.1 ลำโพงไดนามกิ
ลำโพงไดนามิก เป็นลำโพงที่ประกอบข้ึนด้วยขดลวดตวั นำพันอยู่โดยรอบกรวยทรงกระบอกวาง

อยู่ในสนามแม่เหล็กถาวร ปลายกรวยทรงกระบอกยึดติดกับกรวยไดอะแฟรม เป็นลำโพงชนิดท่ีนิยมใช้งานมาก
ทส่ี ุด ถกู นำไปใช้งานอยา่ งกว้างขวางและแพร่หลายท่ัวไป เพราะมีส่วนประกอบของโครงสร้างถูกออกแบบมาอยา่ ง
ดี ทนทาน แข็งแรง การนำไปใช้งานทำได้ง่าย ให้คุณภาพเสียงดี มีราคาไม่แพง และสามารถสร้างได้หลายขนาด
หลายรูปทรง โครงสรา้ งและรปู รา่ งของลำโพงไดนามกิ แสดงดังรูปที่ 12.6

รปู ท่ี 12.6 ลำโพงไดนามิก

หลักการทำงานของลำโพงไดนามิกเป็นดังน้ี เม่ือมีสัญญาณเสียงในรูปสัญญาณ ไฟฟ้าป้อนให้
ลำโพงไดนามิก ขดลวดเสียงเกิดสนามแมเ่ หล็กไฟฟา้ ข้ึน ทำให้เกดิ การผลักดนั กับสนามแม่เหล็กถาวร ขดลวดเสียง
เกิดการเคลื่อนที่เข้าหรือออกตามสัญญาณเสียงที่ป้อนเข้ามาในรูปสัญญาณไฟฟ้า กรวยลำโพงที่ยึดติดกับ
ขดลวดเสียงเกดิ การเคลือ่ นที่เข้าหรือออกตามไปด้วย อากาศท่ีอยู่โดยรอบกรวยลำโพงเกิดการสั่น ไดส้ ัญญาณเสียง
ออกมามรี ูปคล่ืน ความถ่ี และความแรงเหมือนตน้ กำเนิดเสยี งทป่ี อ้ นเข้ามา แพร่กระจายออกไป

12.2.2 ลำโพงริบบอน
ลำโพงริบบอน เป็นลำโพงท่ีมีความแตกต่างไปจากลำโพงไดนามิก โครงสร้างในส่วนของขดลวด

ตัวนำสั่นเคลื่อนที่ทำให้เกิดเสียง ไม่ได้ใช้ขดลวดเสียงพันบนกรวยทรงกระบอกในการทำงาน แต่ใช้แผ่นริบบอน
อะลูมิเนียมสร้างไวใ้ นรูปลกู ฟูกเปน็ ขดลวดเสยี งแทน และทำหน้าท่ีเปน็ ไดอะแฟรมไปในเวลาเดียวกัน ลำโพงชนิดนี้
ให้การตอบสนองต่อความถี่สูงได้ดีมาก แต่ด้วยขบวนการผลิตท่ีความยุ่งยาก จึงมีการผลิตออกจำหน่ายไม่มาก มี
การใช้งานไมแ่ พร่หลายมากนัก นิยมใช้เป็นลำโพงเสียงแหลม รูปร่างและโครงสร้างของลำโพงริบบอน แสดงดังรูป
ที่ 12.7

รูปที่ 12.7 ลำโพงรบิ บอน

การทำงานของลำโพงรบิ บอนเปน็ ดังน้ี เมอื่ มีสญั ญาณเสยี งในรูปสัญญาณไฟฟ้าปอ้ นใหล้ ำโพงริบ
บอน แผ่นโลหะริบบอนเกิดสนามแม่เหล็กไฟฟา้ ขึ้น ทำให้เกิดการผลกั ดนั กบั สนามแมเ่ หลก็ ถาวร แผน่ โลหะริบ
บอนเกดิ การเคลื่อนทเี่ ข้าหรือออกตามสัญญาณเสยี งที่ปอ้ นเข้ามาในรูปสัญญาณไฟฟา้ ทำให้อากาศที่อยโู่ ดยรอบ
แผน่ โลหะริบบอนเกิดการสน่ั ตามไปดว้ ย ได้คล่ืนเสียงออกมา มีรปู คล่นื ความถี่ และความแรงเหมือนต้นกำเนดิ
เสยี งท่ีป้อนเข้ามา

12.2.3 ลำโพงคลสิ ตอล
ลำโพงชนดิ น้ีให้การตอบสนองต่อความถสี่ ูงไดด้ ีมาก แตเ่ นอ่ื งจากลำโพงครสิ ตอลมีอิมพแี ดนซส์ ูง

รวมกับการท่ตี ้องใช้แผ่นโลหะประกบผลกึ แร่เกิดผลเป็นตวั เก็บประจุ ทำให้การสง่ ถ่ายกำลงั ไปยังผลกึ แร่ทำได้
ลำบากมากข้ึน ตลอดจนขบวนการผลติ มีความยุ่งยาก ดว้ ยหลายสาเหตดุ ังกลา่ วลำโพงคริสตอลไม่แพร่หลายในการ
ใช้งานมากนัก นยิ มใชเ้ ปน็ ลำโพงเสยี งแหลม รูปร่างและโครงสร้างของลำโพงคริสตอล แสดงดงั รปู ท่ี 12.8

รูปที่ 12.8 ลำโพงครสิ ตอล

การทำงานของลำโพงครสิ ตอลเป็นดังน้ี เม่ือมีสญั ญาณเสียงในรปู สญั ญาณไฟฟา้ ป้อนให้ลำโพง
ครสิ ตอล ผลกึ แรเ่ กดิ การสน่ั เคลอ่ื นท่เี ข้าออกตามสญั ญาณเสยี งทปี่ ้อนเข้ามาในรูปสัญญาณไฟฟ้า สง่ ผลให้
ไดอะแฟรมส่ันตามไปด้วย ทำใหอ้ ากาศท่ีอยู่โดยรอบแผ่นไดอะแฟรมเกดิ การส่ันไดค้ ลน่ื เสียงออกมา มีรปู คลืน่
ความถี่ และความแรงเหมือนตน้ กำเนดิ เสยี งทีป่ ้อนเขา้ มา

12.2.4 ลำโพงเสียงทุ้ม เสียงกลาง เสียงแหลม และลำโพงฮอรน์
1. ลำโพงเสียงทุ้ม เปน็ ลำโพงที่ผลติ ขนึ้ มาใชง้ านทีม่ ีการตอบสนองความถเ่ี สียงในยา่ นความถตี่ ่ำ

ประมาณ 20 Hz ถึง 1 kHz โดยกรวยลำโพงทำมาจากกระดาษ พลาสติก หรือวัสดุชนิดอื่นๆ ท่ีมีคุณสมบัติ
คลา้ ยกนั ลำโพงเสียงทุม้ จะมีขนาดใหญ่ มีขนาดเสน้ ผ่านศูนย์กลางของกรวยลำโพงตัง้ แต่ 8 นวิ้ ขนึ้ ไป จนถึง 15 นิ้ว
หรอื มากกว่าน้ี ลักษณะลำโพงเสียงทุ้ม แสดงดงั รปู ที่ 12.9 (ก)

รูปท่ี 12.9 ลำโพงเสยี งทุ้มและลำโพงเสยี งกลาง

2. ลำโพงเสยี งกลาง เป็นลำโพงที่ผลิตข้ึนมาใชง้ านให้มีการตอบสนองความถเ่ี สยี งในยา่ น
ความถป่ี านกลางประมาณ 400 Hz ถงึ 5 kHz โดยกรวยลำโพงทำมาจากกระดาษ พลาสติก หรอื วัสดชุ นิดอนื่ ๆ มี
คณุ สมบตั ิโครงสร้างลำโพงคล้ายกับลำโพงเสยี งทุ้ม เพยี งแต่ลำโพงเสียงกลางมีขนาดเสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางกรวยลำโพง
เล็กลงมา ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางของกรวยลำโพงตั้งแต่ 4 น้ิว ถงึ ประมาณ 6.5 นวิ้ ลักษณะลำโพงเสียงกลาง
แสดงดงั รปู ที่ 12.9 (ข)

3. ลำโพงเสยี งแหลม เป็นลำโพงที่ผลติ ข้ึนมาใช้งานใหม้ ีการตอบสนองความถ่ีเสยี งในยา่ น
ความถีส่ ูงประมาณ 2 kHz ถึง 20 kHz โครงสรา้ งของลำโพงสว่ นใหญ่เป็นโลหะลว้ นไมม่ กี รวยลำโพง มีแต่
ไดอะแฟรมเป็นตวั สัน่ ทำให้เกิดเสียง จึงใหก้ ารตอบสนองต่อเสียงความถ่ีสูงได้ดี ลำโพงเสียงแหลมมขี นาดเล็ก
ขนาดเส้นผา่ นศูนย์กลางของไดอะแฟรมตงั้ แต่ 1 นว้ิ ถึงประมาณ 3 นว้ิ ลักษณะลำโพงเสียงแหลม แสดงดงั รูปที่
12.10 (ก)

รปู ที่ 12.10 ลำโพงเสียงแหลมและลำโพงฮอร์น

4. ลำโพงฮอร์น เปน็ ลำโพงท่ีมีโครงสรา้ งและรปู รา่ งแตกตา่ งออกไปจากลำโพงเสียงทุ้ม เสยี ง
กลาง และเสียงแหลม โดยมลี ักษณะลำโพงเป็นรปู กรวยโลหะยาวขยายกวา้ งออก ผลติ ข้นึ มาใชก้ ับงานทัว่ ไป งาน
กลางแจ้ง และงานกระจายเสียงตามสาย ทไ่ี ม่ต้องการคุณภาพของสัญญาณเสียงครอบคลมุ ทุกความถ่เี สยี ง แต่
ตอ้ งการกำหนดทิศทางของเสียงใหไ้ ปได้ไกลมากขนึ้ ลักษณะลำโพงฮอรน์ แสดงดังรปู ที่ 12.10 (ข)

12.3 สายสญั ญาณใช้ในระบบเสยี ง
สายสัญญาณท่ีผลิตออกมาใช้งานมีด้วยกันหลายชนิด หลายลักษณะ หลายรูปแบบ และหลาย

โครงสร้าง ผลติ ออกมาโดยมีจุดประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันไป ส่งผลให้ขบวนการผลิตมีความแตกตา่ งกัน ได้
คุณภาพของสายสัญญาณที่แตกต่างกัน สายสัญญาณแบบมาตรฐาน ถูกผลิตมาใช้งานมี 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดแรก
สายสัญญาณ (Signal Cable) อาจเรียกว่า สายเคเบิลระดับเส้น (Line - Level Cable) หรือสายเครื่องใช้
(Instrument Cable) และชนิดสองสายลำโพง (Speaker Cable) อาจเรียกว่า สายเคเบิลระดับ สูง (High -
Level Cable) สายสัญญาณทัง้ สองชนิดมีความแตกต่างกันท้ังโครงสร้าง ขบวนการผลิต และจุดประสงค์ในการใช้
งาน

12.3.1 สายสัญญาณแบบ Balance และ Unbalance
สายสัญญาณท่ีผลิตมาใช้งานแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ สายสัญญาณแบบบาลานซ์

(Balanced Cable) หรือสายสัญญาณสมดุล และสายสัญญาณอันบาลานซ์ (Unbalanced Cable) หรือ
สายสัญญาณไม่สมดุล สายสัญญาณทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติในการทำงาน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ท่ีนำมาใช้ผลิต
เหมอื นกนั แตกตา่ งกนั เฉพาะจำนวนสายตัวนำท่ีถกู สรา้ งบรรจอุ ยภู่ ายในสายสญั ญาณไมเ่ ท่ากัน

1. สายสญั ญาณบาลานซ์ หรือสายสัญญาณสมดลุ เป็นสายสัญญาณท่ีภายในสายประกอบด้วย
สายตัวนำ 2 เส้นแยกจากกันด้วยฉนวนหุ้มเฉพาะแต่ละเส้น สายตัวนำแต่ละเส้นใช้ต่อรับสัญญาณแต่ละข้ัว
แบ่งเป็นสายบวก (+) หรือสายร้อน (Hot) สายลบ (–) หรือสายเย็น (Cold) และมีสายตัวนำทำหน้าที่ป้องกันหุ้ม
ล้อมรอบภายนอกอีกชั้นหนึ่ง เพื่อใช้ต่อลงกราวด์ตัวถัง หรือแท่นเครื่อง (Chassis) ช่วยในการป้องกันสัญญาณ
รบกวนจากภายนอกเหน่ียวนำเข้ามาในสาย สัญญาณ ช้ันนอกสุดของสายหุ้มด้วยฉนวนอีกช้ันหน่ึง ถือว่าเป็น
สายสัญญาณท่มี ีคุณภาพดี นยิ มนำไปใช้งานในการเช่ือมต่อทต่ี อ้ งการคุณภาพสงู

2. สายสัญญาณอันบาลานซ์ หรือสายสัญญาณไม่สมดุล เป็นสายสัญญาณท่ีภายในสาย
ประกอบด้วยสายตัวนำเพียงเส้นเดียวอยู่ตรงกลางหุ้มด้วยฉนวน และมีสายตัวนำหุ้มภายนอกอีกชั้นหนึ่งทำหน้าท่ี
ป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกผ่านเข้ามา ช้ันนอกสุดหุ้มด้วยฉนวนอีกช้ันหนึ่ง สายแบบน้ีนิยมเรียกว่า
สายสญั ญาณแบบแกนเดยี ว (Single Core Cable)

สายสัญญาณท่ีมีคุณภาพดีจะต้องประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนวัสดุตัวนำ
(Conductor) สว่ นวัสดฉุ นวน (Insulator) และสว่ นป้องกนั หรือชีลด์ (Shield) โดยแตล่ ะสว่ นมีคุณสมบัติดงั น้ี

1. ส่วนวัสดุตัวนำ ผลิตขึ้นมาจากโลหะทองแดงบริสุทธ์ิ (Pure Copper) ท่ีแยกเอาก๊าซ
ออกซิเจนและไฮโดรเจนออกจากทองแดงจนหมด ได้ทองแดงบริสุทธ์ิถึง 99.999 % นำ ไปใช้เป็นสายสัญญาณ
เสียงทมี่ คี ณุ ภาพดี บางชนดิ ทผี่ ิวภายนอกจะถูกชบุ ด้วยเงนิ ช่วยทำให้วัสดุตัวนำนำไฟฟ้าไดด้ ีเพ่มิ ข้ึน

2. ส่วนวัสดุฉนวน ผลิตขึ้นมาจากวัสดุจำพวกพลาสติกสังเคราะห์มีหลายชนิด เช่น เทฟลอน
(Teflon) โพลีไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride ; PVC) โพลีเอทีลีน (Polyethylene ; PE) และโพลีโพรพิลีน
(Polypropylene ; PP) เป็นต้น เปน็ ฉนวนพิเศษมีความยืดหยุ่นสูง รักษาสภาพสายสัญญาณใหค้ งสภาพในการบิด
งอ ทนแรงเสยี ดทานไดด้ ี ไม่แข็งตวั แตกหักไดง้ า่ ย และทนอุณหภูมิได้สูง

3. ส่วนชีลด์ ผลิตข้ึนมาจากโลหะทองแดงเส้นเล็กถักหุ้มล้อมรอบส่วนวัสดุตัวนำตอนใน เพ่ือ
ป้องกันสัญญาณคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าจากภายนอกเข้ามารบกวน และรักษาสัดส่วนของสัญญาณไฟฟ้าในส่วนตัวนำ
แบบฉนวนคู่ ทำให้สญั ญาณไฟฟ้าเดนิ ทางภายในสายสัญญาณถงึ เปา้ หมายได้รูปสญั ญาณคงเดิมท่ีถกู ต้องสมบูรณ์

12.3.2 สายลำโพง
สายลำโพง หรือสายเคเบิลระดับสูง เป็นสายสัญญาณเสียงทำหน้าท่ีเชื่อมต่อและส่งผ่าน

สัญญาณเสียงในรูปสัญญาณไฟฟ้าจากเคร่ืองขยายเสียงไปยังลำโพง สัญญาณเสียงท่ีอยู่ในรูปสัญญาณไฟฟ้านี้มี
ระดับความแรงสัญญาณมาก (มคี วามดังมาก) ทำให้สายตัวนำชนิดนี้ทถี่ ูกนำมาใช้งานจะต้องมขี นาดตัวนำใหญก่ ว่า
สายสัญญาณ โดยใช้สายทองแดงบริสุทธิ์ 99.99998 % ที่เกิดจากกรรมวิธีการผลิตด้วยวิธีการ OCC (Ohno
Continuous Casting) ทำเป็นเส้นลวดขนาดเล็กหลายเส้นรวมกันเป็นกลุ่ม โครงสร้างสายลำโพงประกอบด้วย
สว่ นประกอบหลัก 2 สว่ น ได้แก่ ส่วนตัวนำ และส่วนฉนวน ลักษณะโครงสร้างสายลำโพง แสดงดงั รปู ที่ 12.11

รปู ท่ี 12.11 โครงสร้างสายลำโพง

1. ส่วนวัสดุตัวนำ ผลิตข้ึนมาจากโลหะทองแดงบริสุทธ์ิถึง 99.99998 % โดยใช้กรรมวิธีการ
ผลิตด้วยวิธีการ OCC ท่ีแยกเอาก๊าซออกซิเจนและไฮโดรเจนออกจากทองแดงจนหมด ด้วยการหลอม
โลหะทองแดงให้กลายเป็นเนือ้ เดียวกนั ไม่เหลอื ชอ่ งวา่ งให้ก๊าซออกซิเจนเข้าไปอยู่ จึงทำใหเ้ นื้อทองแดงไม่เกิดสนิม
มคี วามทนทานใช้ไดด้ ใี นทกุ ความถี่เสยี ง นำไปใช้เป็นสายสญั ญาณเสยี งท่มี ีคุณภาพดี

2. ส่วนวัสดุฉนวน ผลิตขึ้นมาจากวัสดุจำพวกพลาสติกสังเคราะห์มีหลายชนิด เช่น เทฟลอน
ไฟเบอร์ โพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) โพลีเอทีลีน (PE) และโพลีโพรพิลีน (PP) เป็นต้น เป็นฉนวนชนิดพิเศษมีความ
ยืดหยุ่นสูง รักษาสภาพสายสัญญาณให้คงสภาพในการบิดงอ ทนแรงเสียดทานได้ดี ไม่แข็งตัวแตกหักได้ง่าย และ
ทนอุณหภูมิได้สูง ส่วนของไฟเบอร์นอกจากทำหน้าที่ฉนวนแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดแรงดันไฟฟ้าสถิต ช่วยลด
ความผิดเพยี้ นและสญั ญาณรบกวนท่ีอาจเกดิ ขน้ึ ได้

12.4 แมตชงิ แบบ Balance และ Unbalance
แมตชิง (Matching) หรือการแมตช์ เป็นการปรับทำให้เกิดความสมดุลกันหรือเกิดความเหมาะสมกัน

ของค่าอิมพีแดนซ์ (Impedance) ในอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ช่วยทำให้การส่งผ่านสัญญาณเสียงจาก
อุปกรณ์ชนิดหนึ่งไปยังอุปกรณอ์ ีกชนิดหนึ่ง ไมเ่ กดิ การลดทอนสัญญาณ เสยี งลง หรือเกิดการลดทอนสัญญาณเสยี ง
นอ้ ยท่ีสุด ทำให้สัญญาณเสยี งเมอ่ื สง่ ถึงปลายทางยังมีคุณภาพเสยี งที่ดี เกิดการลดทอนและเกดิ ความผิดเพีย้ นน้อย

แมตชิงที่ที่ถูกนำมาใชง้ าน คือ แมตชงิ แบบบาลานซแ์ ละอนั บาลานซ์ หรอื นิยมเรยี กสน้ั ๆ ว่า แมตชงิ
แบบบาลนั (Balun Matching) คำวา่ Balun เป็นคำที่ผสมขน้ึ ใหมเ่ กดิ จากการรวมกนั ของคำว่า Balance +
Unbalance = Balun ถอื เปน็ อุปกรณ์ทำหนา้ ทีเ่ ชื่อมต่อช่วยในการปรับสมดลุ ของท้งั การตอ่ สายสัญญาณ และ
คา่ อิมพแี ดนซ์ของสายสัญญาณชนดิ บาลานซ์และอันบาลานซ์ ท่ีนำมาเช่อื มต่อเขา้ ดว้ ยกัน ทำใหเ้ กิดการแมตชใ์ น
การเชอ่ื มต่อกัน เพราะสายสญั ญาณทงั้ สองชนิดมีลักษณะการต่อสายสัญญาณแตกตา่ งกนั หลกั การเชอ่ื มตอ่ คา่
อมิ พีแดนซแ์ บบบาลานซแ์ ละอันบาลานซ์เข้าดว้ ยกนั

บาลันท่ีนิยมผลติ มาใช้งานด้านเคร่ืองเสียง มักจะอยู่ในรปู ของหม้อแปลงบาลนั (Balun Transformer)
ช่วยต่อเชื่อมจากไมโครโฟนไปยังมิกเซอร์ หรือเคร่ืองขยายเสียง โดยปกติเอาต์พตุ อิมพีแดนซ์ของไมโครโฟนจะมีค่า
ต่ำประมาณ 150  ส่วนอินพุตอิมพีแดนซ์ของมิกเซอร์หรือเคร่ืองขยายเสียงจะมีค่าสูงประมาณ 10 k
ข้ึนไป การเช่ือมต่อไมโครโฟนเข้ากับมิกเซอร์หรือเครื่องขยายเสียงจำเป็นต้องต่อผ่านหม้อแปลงบาลัน เพื่อปรับ
สภาวะต่างๆ ให้เกิดความถูกตอ้ งเหมาะสมก่อนนำไปใช้งาน ลักษณะการเชื่อมตอ่ วงจรดว้ ยหม้อแปลงบาลัน แสดง
ดงั รูปท่ี 12.12

รูปที่ 12.12 การเชอื่ มต่อเอาตพ์ ตุ อิมพแี ดนซไ์ มโครโฟนเข้ากับอนิ พตุ อมิ พีแดนซม์ ิกเซอร์
หรอื เครอื่ งขยายเสยี ง ผ่านการแมตช์ในการเชอ่ื มตอ่ ดว้ ยหม้อแปลงบาลนั

12.5 แมตชิงแบบต่อลำโพงระยะไกล
การตอ่ ไลนแ์ มตชิงทรานสฟอรเ์ มอรช์ นดิ น้ี ทางเอาต์พุตเคร่ืองขยายเสียงจะต้องมีขวั้ ตอ่ เอาต์พุตสง่ ออก

มาที่อิมพีแดนซ์สงู เช่นเดยี วกัน การต่อใช้งานใหต้ ่อสายลำโพงจากเอาต์พตุ เครื่องขยายเสียงทีค่ ่าอิมพแี ดนซส์ ูง ยิ่ง
ต่อสายยาวมากขนึ้ เท่าไร ควรตอ่ เอาตพ์ ุตอิมพีแดนซ์เคร่ืองขยายเสยี งสงู มากขึ้นตามไปด้วย ส่งิ สำคัญคือจะต้องให้
อิมพแี ดนซ์ของทั้งเคร่ืองขยายเสยี งและไลน์แมตชงิ ทรานสฟอรเ์ มอรเ์ ท่ากันหรือมีการแมตช์กนั เพอื่ ใหเ้ กดิ การ
สูญเสียภายในสายน้อยลง การตอ่ ไลน์แมตชงิ ทรานสฟอร์เมอร์ชนดิ อิมพแี ดนซค์ งท่ี เขา้ กับเครอ่ื งขยายเสยี งในการ
สง่ เสียงตามสายระยะทางไกล แสดงดงั รูปท่ี 12.13

รูปท่ี 12.13 การสง่ เสยี งตามสายระยะทางไกลใช้ไลนแ์ มตชงิ ทรานสฟอร์เมอรช์ นิดอมิ พีแดนซค์ งที่

กรณีต้องการต่อลำโพงหลายตัวเข้ากับเคร่ืองขยายเสียง ส่ิงสำคัญของการต่อ คือ จะต้องทำให้
อิมพีแดนซ์ไลน์แมตชงิ ทรานสฟอรเ์ มอร์ทุกตัวทีต่ ่อรวมกนั ยังคงมีค่าเท่ากับอิมพแี ดนซ์ของเคร่อื งขยายเสยี ง ซง่ึ เป็น
ข้อเสียของการต่อไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ชนิดอิมพีแดนซ์คงท่ี ดังน้ันการต่อใช้งานทุกครั้งจึงต้องมีการจัดค่า
อิมพีแดนซ์ให้เกิดการแมตช์ทุกครั้ง เกิดความยุ่งยากในการต่อใช้งาน การต่อไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ชนิด
อิมพีแดนซ์คงทห่ี ลายตัวเขา้ กบั เครือ่ งขยายเสยี งใชใ้ นการส่งเสียงตามสายระยะทางไกล แสดงดงั รปู ที่ 12.14

รูปท่ี 12.14 การต่อไลน์แมตชิงทรานสฟอรเ์ มอรช์ นิดอมิ พีแดนซค์ งทห่ี ลายตัวเขา้ กับเครื่องขยายเสยี ง

การต่อไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ชนิดอิมพีแดนซ์คงท่ี ไม่เป็นท่ีนิยมใช้งาน เพราะดว้ ยสาเหตุหลาย
ประการดงั นี้

1. การต่อใช้งานทุกครง้ั จำเป็นต้องคำนึงถึงค่าอิมพีแดนซ์รวมของไลน์แมตชิง ทรานสฟอร์เมอร์

จะต้องเท่ากับค่าอิมพีแดนซ์ของเอาต์พตุ เคร่ืองขยายเสียงเสมอ
2. การต่อไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์หลายตัวเข้าวงจร จำเป็นต้องมีการคำนวณออกแบบวงจร

และกำหนดจำนวนการใช้งานทแี่ น่นอนก่อนการติดตั้งใช้งาน ซ่ึงทำให้ต้องตอ่ วงจรไลน์แมตชิงทรานสฟอรเ์ มอร์เข้า
วงจรทั้งแบบอนุกรมและแบบขนานร่วมกัน การต่อไลน์แมตชิง ทรานสฟอร์เมอร์แบบอนุกรม หากมีไลน์แมตชิงท
รานสฟอร์เมอร์ตัวใดในวงจรอนุกรมเกิดการขาดวงจรทางขดปฐมภูมิ ย่อมส่งผลให้ไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ตัว
ทีด่ ีในวงจรอนุกรมวงจรนัน้ ขาดวงจรตามไปด้วย

3. ค่าอิมพีแดนซ์ไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ที่นำมาใช้งานในวงจรไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับความ
ตอ้ งการในการใช้งาน ยงุ่ ยากในการพนั ไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอรใ์ ห้เหมาะสมในการใช้งาน

12.5.2 ไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอรช์ นิดแรงดันไฟฟ้าคงท่ี
การต่อไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ชนิดนี้ ทางเอาต์พุตเคร่ืองขยายเสียงจะต้องมีข้ัวต่อ

เอาต์พุตสง่ ออกมามคี ่าแรงดันไฟฟ้าสูงเช่นเดียวกัน การต่อใช้งานให้ต่อสายลำโพงมาจากเอาต์พุตเคร่ืองขยายเสียง
ท่ีค่าแรงดันไฟฟ้าสูง ยิ่งต่อสายยาวมากขึ้นเท่าไร ควรต่อท่ีแรงดันไฟฟ้าเอาต์พุตเคร่อื งขยายเสียงสูงมากข้ึนตามไป
ด้วย สิ่งสำคัญคือจะต้องให้แรงดันไฟฟ้าของทั้งเคร่ืองขยายเสยี งและไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์เท่ากันหรือมีการ
แมตช์กัน เพื่อให้เกดิ การสญู เสียภายในสายน้อยลง การต่อไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ชนิดแรงดันไฟฟ้าคงท่ี เข้า
กบั เครอ่ื งขยายเสียงในการสง่ เสียงตามสายระยะทางไกล แสดงดงั รปู ท่ี 12.15

รปู ที่ 12.15 การตอ่ ไลนแ์ มตชิงทรานสฟอร์เมอร์ชนดิ แรงดันไฟฟ้าคงท่ีหลายตัวเขา้ กับเครือ่ งขยายเสยี ง

สิ่งสำคัญของการต่อใช้งานไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ชนิดแรงดันไฟฟ้าคงท่ี ต้องคำนึงถึง
จำนวนไลน์แมตชิงทรานสฟอร์เมอร์ท่ีต่อเข้าวงจร (ภาระวงจร) ต้องเหมาะสมกับกำลัง ไฟฟ้าของเคร่ืองขยายเสียง
ท่ีสามารถจ่ายออกมาได้ การตรวจสอบโดยวัดแรงดันไฟฟ้าท่ีภาระ จากขณะต่อภาระน้อยสุดและต่อภาระมากสุด
แรงดันไฟฟ้าทว่ี ัดออกมาได้ตอ้ งเปลย่ี นแปลงไปไม่มาก เช่น ขณะต่อภาระนอ้ ยสุดวัดแรงดันไฟฟา้ ได้ 100 V เมอื่ ต่อ
ภาระมากสุดวัดแรงดันไฟฟ้าได้ 60 V เป็นต้น ถือว่ายังพอใช้ได้ แต่ถ้าแรงดันไฟฟ้าแตกต่างไปมากกว่านี้ไม่ควรใช้
งาน ย่ิงแรงดันไฟฟา้ แตกตา่ งกันน้อยเทา่ ใดกย็ ่งิ ดเี ท่านนั้

12.6 ปลกั๊ แจค็ และหัวต่อ
ปล๊ัก (Plug) แจ๊ค (Jack) และหัวต่อ (Connector) เป็นอุปกรณ์ท่ีผลิตขึ้นมาใช้งานร่วมกับเครื่องเสียง

ชว่ ยในการต่อเชอ่ื มอุปกรณร์ ะบบเสียงแตล่ ะชนดิ เขา้ ดว้ ยกัน โดยทำหน้าทีต่ ่อเชอื่ มวงจร ระบบทำงาน หรือเสน้ ทาง
เดนิ ของสัญญาณไฟฟา้ ทำให้อปุ กรณ์ระบบเสยี งแตล่ ะชนิดทำงานรว่ มกันได้

ปล๊ักมีลักษณะโครงสร้างเป็นเดือย หรือแกนยาวย่ืนออกมาจากตัวอุปกรณ์ตัวน้ัน ในการใช้งานต้องนำ
ปล๊กั ไปเสียบเข้ากับแจ๊คในอุปกรณช์ นดิ เดยี วกัน เพอื่ เชอ่ื มต่อระบบเขา้ ดว้ ยกัน ปลัก๊ ทใ่ี ช้งานในระบบเสียงมดี ้วยกัน
หลายชนดิ มีช่อื เรียกและรปู รา่ งท่ีแตกต่างกัน เชน่ ปลกั๊ ไมโครโฟน ปลั๊ก RCA ปลั๊ก XLR ปลั๊กสปีคอน (Speakon)
ปลกั๊ บานานา (Banana) และปลกั๊ USB เป็นต้น

แจ๊คมีลักษณะโครงสร้างเป็นรู หรือเป็นช่องอยู่ภายในอุปกรณ์ตัวน้ัน เวลาใช้งานโดยรับการเสียบใส่
ของปล๊ักชนิดเดียวกัน ทำให้เกิดการเชื่อมต่อระบบเข้าดว้ ยกัน แจค๊ ท่ีใช้งานในระบบเสียงมีด้วยกันหลายชนิด มีชื่อ
เรียกและรูปร่างท่ีแตกต่างกัน เชน่ แจ๊คไมโครโฟน แจ๊ค RCA แจ๊ค XLR แจ๊คสปีคอน แจ๊คบานานา และแจ๊ค USB
เป็นตน้ ปลก๊ั และแจค๊ แบบตา่ งๆ แสดงดังรูปท่ี 12.16

รูปท่ี 12.16 ปล๊ักและแจ๊คแบบตา่ งๆ

ส่วนหัวต่อ เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตข้ึนมาใช้งานร่วมกับเคร่ืองเสียงเช่นเดียวกัน ใช้ต่อพ่วงเข้ากับปลั๊กหรือ
แจ๊ค เพ่ือการแปลงหัวให้เหมาะสมกันในการต่อเช่ือมการทำงาน เพราะปล๊ักหรือแจ๊คท่ีใช้ในการต่อเช่ือมระบบ
เสียงเข้าดว้ ยกันมีหลายชนิดแตกต่างกันไป ต่อใช้งานร่วมกันไม่ได้ การแปลงหัวต่อให้สามารถต่อเช่ือมกันได้จึงเป็น
เร่ืองจำเป็น หัวต่อที่ผลิตมาใช้งานมีด้วยกันหลายชนิดแตกต่างกันไป เช่น หัวต่อหัวปล๊ักไมโครโฟนท้ายแจ๊ค RCA
หรือหัวต่อหัวปลั๊ก RCA ท้ายแจ๊คไมโครโฟน เป็นต้น และใช้เป็นขั้วต่อยึดสายเข้ากับอุปกรณ์ระบบเสียงท่ีต้องการ
เช่น ขั้วต่อหางปลา (Spade Terminal) และข้ัวต่อลำโพง (Speaker Terminal) เป็นต้น จะต้องเลือกต่อให้
ถูกตอ้ งเหมาะสมกบั งานแตล่ ะชนิด หวั ต่อแบบตา่ งๆ แสดงดังรูปท่ี 12.17

รูปที่ 12.17 หวั ตอ่ แบบตา่ งๆ

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เครื่องเสียง......…………

ชื่อหน่วย............อุปกรณ์ประกอบเครอ่ื งขยายเสียง..................

แบบประเมินหลังการเรียนบทที่ 12

ตอนท1่ี อธบิ ายให้ได้ใจความถกู ต้องสมบรู ณ์
1. ไมโครโฟนไดนามิกมีโครงสรา้ งและหลกั การทำงานอยา่ งไร
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
2. ลำโพงครสิ ตอลมีโครงสรา้ งและหลกั การทำงานอยา่ งไร
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................................................... ............
...................................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. ..............................................
3. สายสัญญาณในระบบเสียงมหี น้าที่ทำอะไร แบง่ ออกเป็นกชี่ นิดอะไรบา้ ง
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. .............................................
4. แมตชงิ แบบบาลานซแ์ ละอันบาลานซ์คืออะไร ถูกนำมาใช้งานเพ่ือประโยชน์อะไร
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
5. ปล๊กั แจ๊ค และหวั ต่อผลติ ข้ึนมาเพื่อใช้งานอะไร มีแบบใชง้ านอะไรบ้าง
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา........เคร่อื งเสียง......…………

ชอื่ หน่วย.............อุปกรณ์ประกอบเครือ่ งขยายเสยี ง....................

ตอนท2ี่ เขยี นเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในข้อที่ถูกต้องท่ีสดุ

1. ไมโครโฟนทำหนา้ ทีอ่ ะไร

ก. กำเนดิ ความถี่เสียงข้ึนมาด้วยตวั เอง ข. เพิ่มความแรงของสญั ญาณเสียงใหม้ ากข้ึน

ค. เปลี่ยนการส่ันของอากาศเปน็ สญั ญาณไฟฟา้ ง. เปลีย่ นสญั ญาณไฟฟ้าเป็นการสั่นของอากาศ

2. ไมโครโฟนมีคณุ สมบตั ใิ นการทำงานเหมือนตัวเก็บประจุคือชนิดใด

ก. ริบบอน ข. ไดนามิก

ค. ครสิ ตอล ง. คอนเดนเซอร์

3. ไมโครโฟนใชห้ ลักการทำงานของขดลวดตดั ผา่ นสนามเหลก็ คือชนิดใด

ก. ริบบอน ข. ไดนามิก

ค. ครสิ ตอล ง. คอนเดนเซอร์

4. ไมโครโฟนใช้การทำงานของอะลูมเิ นียมลอนลูกฟกู เกิดการสน่ั คือชนดิ ใด

ก. รบิ บอน ข. ไดนามิก

ค. ครสิ ตอล ง. คอนเดนเซอร์

5. ลำโพงทำหนา้ ที่อะไร

ก. กำเนิดความถ่ีเสยี งขน้ึ มาด้วยตัวเอง ข. เพิม่ ความแรงของสัญญาณเสยี งใหม้ ากขน้ึ

ค. เปล่ียนการสั่นของอากาศเปน็ สญั ญาณไฟฟา้ ง. เปล่ยี นสญั ญาณไฟฟ้าเปน็ การสน่ั ของอากาศ

6. ลำโพงพีโซอิเลก็ ตริกเปน็ ลำโพงชนิดใด

ก. รบิ บอน ข. ไดนามิก

ค. คริสตอล ง. คอนเดนเซอร์

7. การเกดิ เสยี งของลำโพงพีโซอเิ ล็กตริกเกิดจากอะไร

ก. ผลกึ แร่ ข. ขดลวดเสียง

ค. แผน่ เพลตโลหะ ง. แผน่ ลูกฟูกโลหะ

8. ลำโพงไดนามิกใหก้ ำเนิดสญั ญาณเสยี งโดยใชอ้ ุปกรณช์ นิดใด

ก. ผลึกแร่ ข. ขดลวดเสียง

ค. แผน่ เพลตโลหะ ง. แผน่ ลกู ฟกู โลหะ

9. สายสญั ญาณเสยี งคณุ ภาพดีผลิตจากวสั ดุตัวนำชนดิ ใด

ก. เงิน ข. เหลก็

ค. ทองแดง ง. อะลูมเิ นยี ม

10. สายชลี ด์ทีอ่ ยู่ในสายสัญญาณเสียงทำหน้าท่อี ะไร

ก. ป้องกนั สัญญาณรบกวนจากภายนอก ข. ตัวนำใช้สง่ สญั ญาณเสียงไปปลายทาง

ค. ปอ้ งกันความผดิ เพย้ี นของสญั ญาณเสียง ง. ปรับความสมดุลสายสัญญาณใหเ้ หมาะสม

พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เครอื่ งเสียง......…………

ช่อื หน่วย..............อุปกรณ์ประกอบเครื่องขยายเสยี ง..................

เรอ่ื ง อปุ กรณป์ ระกอบเครื่องขยายเสยี ง จำนวนชั่วโมงที่สอน 4 ช่ัวโมง

ใบงานท่ี 12 การประกอบลำโพง และวงจรแยกเสยี งทมุ้ แหลมเข้าต้ลู ำโพง

ผลการเรียนรูท้ ค่ี าดหวัง

1. ประกอบวงจรแยกเสยี งทุ้มแหลมแบบแยกเสียง 3 ทางเข้ากับลำโพงและต้ลู ำโพงได้

2. ทดสอบคุณภาพเสยี งของต้ลู ำโพงทป่ี ระกอบวงจรเรียบรอ้ ยได้

3. ปฏบิ ัติโดยยดึ มนั่ กตกิ า ข้อตกลง กฎ ระเบียบ ของสถานศึกษา

เคร่อื งมือและอุปกรณ์

1. วงจรแยกเสียงทมุ้ แหลมแบบแยกเสียง 3 ทาง 1 ชดุ

2. ลำโพงท้มุ กลาง แหลม ตลู้ ำโพง และข้วั ต่อลำโพง 1 ชดุ

3. สายต่อวงจรแยกเสียงทมุ้ แหลมเข้าลำโพง 1 ชุด

4. หวั แร้งแชพ่ รอ้ มตะก่ัวบัดกรี 1 ชดุ

5. เครอื่ งขยายเสยี ง 1 เคร่ือง

6. สายลำโพงชนิดคู่ยาว 2 เมตร 1 เสน้

ลำดบั ข้นั การทดลอง

1. ประกอบวงจรแยกเสยี งทุ้มแหลมชนดิ 3 ทางทตี่ ้องการใช้งานใหเ้ รียบรอ้ ยสมบรู ณ์ พร้อมตรวจสอบความถกู ตอ้ ง

วงจรและชดุ อุปกรณ์ท่พี รอ้ มใช้งาน แสดงดังรปู ที่ 12.1

- 0.85mLH2 0.85mLH2 C2
- C2 7mF
7mF C2 7mCF2
+ 7mF --
++
+ 8 0.85mLH2 80.85mL2H 8

(ก) วงจร (ข) อปุ กรณ์

รปู ท่ี 12.1 วงจรแยกเสียงทมุ้ แหลมชนิดแยกเสยี ง 3 ทาง

พส.14

ใบปฎิบตั ิงาน (Operation Sheets)

รหสั วชิ า..20105-2008..วิชา........เคร่อื งเสียง......…………
ช่อื หน่วย..............อปุ กรณ์ประกอบเคร่ืองขยายเสียง..................
เรื่อง อุปกรณ์ประกอบเครื่องขยายเสยี ง จำนวนชั่วโมงท่ีสอน 4 ช่ัวโมง

2. ติดตั้งลำโพงและวงจรแยกเสียงทุ้มแหลมแบบแยกเสียง 3
ทางเข้าตู้ลำโพงให้เรยี บร้อย

3. ต่อสายจากวงจรแยกเสียงทุ้มแหลมเข้ากับลำโพงแต่ละชนิด
ภายในตูใ้ ห้ถูกต้องสมบรู ณ์ แสดงดังรูปท่ี 12.2

4. ให้เพื่อนในกลุ่มช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยถูกต้องสมบูรณ์
ของวงจรอีกคร้ังจนกว่าจะแน่ใจ

5. นำลำโพงที่ประกอบวงจรต่างๆ ลงตู้เรียบร้อยไปทำการทดสอบ
เสียงกับเครือ่ งขยายเสียงที่เตรยี มไว้ ประกอบวงจรทดสอบ แสดงดงั รูป
ที่ 12.3

รูปท่ี 12.2 ประกอบวงจรแยก
เสียงท้มุ แหลมเข้าตู้ลำโพง

รปู ที่ 12.3 วงจรทดสอบการทำงานวงจรแยกเสยี งทมุ้ แหลมชนดิ แยกเสียง 3 ทาง

6. ปรบั แต่งปมุ่ ปรับเสียงทุ้มแหลมจากเครื่องขยายเสยี งเพ่ือทดสอบเสียงที่ไดอ้ อกมาจากลำโพงแต่ละชนดิ
สรปุ ผลการทดลอง

............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
คำถามและการวิเคราะห์

1. สัญญาณเสยี งท่ไี ด้ออกมาจากลำโพงแตล่ ะชนิดเป็นอย่างไร อธิบาย
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... ....................................................... ................................

พส.15

ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)

รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เคร่ืองเสียง......…………
ชอื่ หน่วย..............อุปกรณป์ ระกอบเคร่อื งขยายเสียง..................
เรอ่ื ง อุปกรณป์ ระกอบเครื่องขยายเสยี ง จำนวนชั่วโมงทส่ี อน 4 ชั่วโมง

2. ติดต้ังลำโพงและวงจรแยกเสียงทุ้มแหลมแบบแยกเสียง 3
ทางเขา้ ตลู้ ำโพงให้เรียบร้อย

3. ต่อสายจากวงจรแยกเสียงทุ้มแหลมเข้ากับลำโพงแต่ละชนิด
ภายในตู้ให้ถกู ต้องสมบูรณ์ แสดงดงั รูปที่ 12.2

4. ให้เพื่อนในกลุ่มช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยถูกต้องสมบูรณ์
ของวงจรอกี คร้ังจนกว่าจะแน่ใจ

5. นำลำโพงที่ประกอบวงจรต่างๆ ลงตู้เรียบร้อยไปทำการทดสอบ
เสียงกับเครอื่ งขยายเสยี งท่เี ตรียมไว้ ประกอบวงจรทดสอบ แสดงดงั รปู
ท่ี 12.3

รูปที่ 12.2 ประกอบวงจรแยก
เสียงท้มุ แหลมเขา้ ตู้ลำโพง

รูปท่ี 12.3 วงจรทดสอบการทำงานวงจรแยกเสยี งทุ้มแหลมชนิดแยกเสียง 3 ทาง

6. ปรบั แต่งป่มุ ปรับเสียงทุ้มแหลมจากเคร่ืองขยายเสียงเพ่ือทดสอบเสียงท่ีได้ออกมาจากลำโพงแตล่ ะชนดิ
สรปุ ผลการทดลอง

............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
คำถามและการวิเคราะห์

1. สัญญาณเสยี งทไี่ ดอ้ อกมาจากลำโพงแต่ละชนิดเป็นอย่างไร อธบิ าย
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... ....................................................... ................................

พส.16

ใบกิจกรรมที่ 12

รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เครือ่ งเสียง......…………ท-ป-น 1-3-2 สอนคร้งั ท่ี 12

ชอ่ื หน่วย..อุปกรณป์ ระกอบเครอื่ งขยายเสียง......... เวลา 4 ช่ัวโมง

ช่อื กิจกรรม.. อุปกรณ์ประกอบเคร่อื งขยายเสียง.เวลา ....4....ช่วั โมง

จุดประสงค์การเรยี นรู้

วัสด/ุ อุปกรณ์

คำสั่ง
แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยที่ 12 อปุ กรณป์ ระกอบเครอื่ งขยายเสียง
แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยที่ 12 อปุ กรณป์ ระกอบเคร่ืองขยายเสียง
แบบทดสอบท้าย หนว่ ยที่ 12 อุปกรณป์ ระกอบเครอื่ งขยายเสียง
การประเมนิ ผล

หนงั สอื ประกอบการเรียนรายวิชา เครื่องเสียง
ใบงานการทดลอง



บรรณานุกรม

หนังสอื เครื่องขยายเสียง ลำโพงและตูล้ ำโพง ผเู้ ขียน ฉตั รชัย นาคสวุ รรณ หนงั สอื คูม่ ืออเิ ล็กทรอนิกส์ ผเู้ ขยี น
ชยั วัฒน์ ล้มิ พรจติ รวิไล http://www.thaimicrotron.com/Referrence/LCD/LCD-Module2.html
http://www.thaimicrotron.com/Referrence/LCD/LCD-Module3.html
http://www.thaimicrotron.com/Referrence/LCD/LCD-Module4.html
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%87
www.buycoms.com/buyers-guide/speaker/index.asp
http://www.dpu.ac.th/techno/page.php?id=2993


Click to View FlipBook Version