เขา้ มา สง่ ผลตอ่ ระบบการทำงานของวงจรเกิดการเปล่ียนแปลงไป ช่วยเสริมหรือหักล้างสญั ญาณก่อนส่งไปควบคุม
ใหเ้ กดิ การทำงานท่ีถูกต้องเหมาะสม
การทำงานที่มีการป้อนกลับเป็นส่ิงท่ีหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะเกิดประโยชน์อย่างมากต่อระบบการทำงาน
ต่างๆ การป้อนกลับสัญญาณจากเอาต์พุตมายังอินพุตทำได้ 2 แบบ คือ การป้อนกลับแบบบวก (Positive
Feedback) และการป้อนกลับแบบลบ (Negative Feedback) หลักการทำงานของวงจรท่ีมีการป้อนกลับ แสดง
ดงั รูปที่ 7.7
รปู ท่ี 7.7 หลกั การทำงานของวงจรท่ีมีการปอ้ นกลับ
7.5 การปอ้ นกลับแบบลบ
การปอ้ นกลับแบบลบ หรือการป้อนกลับแบบหักลา้ ง คือการนำสัญญาณเอาต์พุตบางสว่ นป้อนกลับมา
เขา้ อินพตุ ในลักษณะสัญญาณท่ีมเี ฟสตรงข้ามกับสญั ญาณอินพตุ นำไปรวมเขา้ กับสญั ญาณอินพุตท่ีป้อนเข้ามา ทำ
ให้เกิดการหักล้างกันได้สัญญาณออกเอาต์พุตมีระดับความแรงลดลง มีผลต่ออัตราขยายสัญญาณทั้งหมดของ
วงจรขยายลดลงตามไปด้วย เป็นการช่วยลดทอนอัตราขยายสัญญาณของวงจรให้ต่ำลง วงจรขยายทำงานมคี วาม
คงที่สม่ำเสมอ ไดส้ ัญญาณถกู ขยายออกมามคี ่าคงท่ตี ลอดเวลา
ประโยชน์ในการทำงานของวงจรขยายสัญญาณมีการป้อนกลบั แบบลบ คือ ให้อัตราขยายแรงดันไฟฟ้า
ที่คงท่ี ส่งผลให้วงจรมีการตอบสนองต่อความถี่ได้ดีข้ึน ช่วยลดทอนความผิดเพี้ยนของสัญญาณท่ีป้อนเข้ามา
ลดทอนค่าสัญญาณรบกวนที่ปะปนเข้ามา ช่วยเพิ่มแถบความกว้าง (Bandwidth) ในการขยายสัญญาณของ
วงจรขยาย และวงจรมีการทำงานที่เป็นเชิงเส้นมากขึ้น การป้อนกลับแบบลบจะได้สัญญาณทางเอาต์พุตมีเฟสต่าง
ไปจากสัญญาณอนิ พตุ เป็นมุม 180o การต่อวงจรป้อนกลับแบบลบแบบพน้ื ฐานต่อวงจรได้ 4 ชนดิ ได้แก่
1. ป้อนกลับแบบลบชนิดป้อนกลับแรงดันไฟฟ้าแบบอนุกรม คือการป้อนกลับที่เกิดจากการจ่าย
แรงดนั ไฟฟ้าของวงจรขยายภาคเอาต์พตุ กลบั มายงั วงจรขยายภาคอินพุต ซ่ึงมีผลทำให้อิมพีแดนซท์ างเอาต์พุตของ
วงจรขยายลดลง และช่วยเพม่ิ อิมพีแดนซ์ทางอนิ พุตใหส้ ูงขึ้น การปอ้ นกลบั แบบนี้แรงดนั ไฟฟา้ ทั้งสองค่าทางอนิ พุต
ต่ออนุกรมกัน แต่มีเฟสตรงข้ามกันจึงเกิดการหักล้างกัน วงจรป้อนกลับแบบลบชนิดป้อนกลับแรงดันไฟฟ้าแบบ
อนกุ รม แสดงดังรปู ท่ี 7.8
รปู ท่ี 7.8 วงจรปอ้ นกลับแบบลบชนดิ ปอ้ นกลบั แรงดันไฟฟา้ แบบอนกุ รม
2. ป้อนกลับแบบลบชนิดป้อนกลับกระแสไฟฟ้าแบบอนุกรม คือการป้อนกลับที่เกิดจากการจ่าย
กระแสไฟฟ้าจากภาระไปทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมตัวต้านทานท่ีต่ออนุกรมอยู่กับภาระกลับมายังอินพุตของ
วงจรขยาย ด้วยการควบคุมระดับแรงดันไฟฟ้าและแก้ไขเฟสสัญญาณใหถ้ ูกต้องทางอนิ พุต คา่ ความต้านทานท่ีมีค่า
สูงในส่วนน้ี เป็นการช่วยเพิ่มอิมพีแดนซ์ทางเอาต์พุตให้สูงขึ้นด้วย วงจรป้อนกลับแบบ ลบชนิดป้อนกลับ
กระแสไฟฟา้ แบบอนกุ รม แสดงดงั รูปท่ี 7.9
รปู ที่ 7.9 วงจรปอ้ นกลับแบบลบชนิดปอ้ นกลับกระแสไฟฟ้าแบบอนกุ รม
3. ป้อนกลับแบบลบชนิดป้อนกลับแรงดันไฟฟ้าแบบขนาน คือการป้อนกลับท่ีเกิดจากการจ่าย
แรงดันไฟฟ้าของวงจรขยายภาคเอาต์พุต กลับมายังวงจรขยายภาคอินพุต ซึ่งมีผลทำให้อิมพีแดนซ์ทางอินพุตและ
เอาต์พุตของวงจรขยายลดลง การป้อนกลับแบบนี้แรงดันไฟฟ้าท้ังสองค่าทางอินพุตต่อขนานกัน แต่มีเฟสตรงข้าม
กนั จงึ เกิดการหกั ลา้ งกัน วงจรปอ้ นกลบั แบบลบชนดิ ป้อนกลบั แรงดนั ไฟฟา้ แบบขนาน แสดงดงั รปู ท่ี 7.10
รูปท่ี 7.10 วงจรปอ้ นกลบั แบบลบชนิดปอ้ นกลบั แรงดันไฟฟา้ แบบขนาน
4. ป้อนกลับแบบลบป้อนกลับกระแสไฟฟ้าแบบขนาน คือการป้อนกลับที่เกิดจากการจ่าย
กระแสไฟฟ้าจากเอาตพ์ ุต ทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมตัวต้านทานทต่ี ่ออนุกรมอยกู่ ับวงจรขยายเอาต์พุตกลับมา
ยังวงจรขยายอินพุต ด้วยการควบคุมระดับแรงดันไฟฟ้าและแก้ไขเฟสสัญญาณให้ถูกต้องทางอินพุต ส่งผลต่อ
อิมพีแดนซ์ทางอินพุตต่ำลง และเพ่ิมอิมพีแดนซ์ทางเอาต์พุตให้มากขึ้น วงจรป้อนกลับแบบลบชนิดป้อนกลับ
กระแสไฟฟา้ แบบขนาน แสดงดงั รูปท่ี 7.11
รปู ที่ 7.11 วงจรป้อนกลับแบบลบชนิดป้อนกลับกระแสไฟฟ้าแบบขนาน
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เครื่องเสียง......…………
ชื่อหน่วย....................การเช่ือมต่อโดยตรงลิมิตเตอร์ และการป้อนกลบั .................................
แบบประเมนิ หลังการเรยี นบทท่ี 7
ตอนท1ี่ อธบิ ายใหไ้ ด้ใจความถกู ต้องสมบรู ณ์
1. การตอ่ วงจรตามรูปคือการต่อ
V1 1 V2 2 V3 แบบใด มคี ุณสมบตั ิและการ
ทำงานอย่างไร
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
2. อธบิ ายการเชือ่ มต่อโดยตรงใช้ IC ออปแอมปม์ าให้เข้าใจ พร้อมวาดรูปประกอบ
............................................................................................. ..............................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
3. +12V จากรปู คือวงจรอะไร อธิบาย
R2 R4 การทำงานของวงจรมาให้
12kW 1kW เข้าใจ
C2 D2 Q2
14N7401n4FD81 BC547B
1N4148 R5
C1 BCQ5147B 5.6kW C4
R1=10kW 1N414D83
47nF 1mCF3+ R3 1N41D484 47nF 20mVpp–50mVpp
100mVpp–10Vpp 220kW R6
100kW
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
4. การป้อนกลับที่ใช้ในงานการควบคุมอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติทำหน้าท่ีอะไร มีประโยชน์ต่อการใช้งาน
อย่างไร
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
5. เขียนวงจรการป้อนกลับแบบลบชนิดป้อนกลับแรงดันไฟฟ้าแบบอนุกรมมา 1 วงจร พร้อมท้ังอธิบายการ
ทำงานของวงจรมาใหเ้ ขา้ ใจ
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั วชิ า..20105-2008..วิชา........เครอื่ งเสยี ง......…………
ชอื่ หน่วย.....................การเช่อื มต่อโดยตรงลมิ ติ เตอร์ และการปอ้ นกลับ............................
ตอนท2่ี เขียนเครอื่ งหมายกากบาท (X) ลงในขอ้ ที่ถูกตอ้ งที่สดุ
1. การต่อแบบใดเรียกว่าการต่อคาสเคด
ก. ตอ่ เพื่อลดอัตราขยายสญั ญาณให้น้อยลง
ข. ต่อคร่อมขนานรบั สญั ญาณอนิ พตุ ค่าเดยี วกัน
ค. ต่อเพ่ิมวงจรขยายสัญญาณในการทำงานมากขึ้น
ง. ตอ่ เช่ือมวงจรเขา้ ด้วยกันให้สามารถทำงานรว่ มกันได้
2. การเช่ือมต่อแบบใดจะใหก้ ารตอบสนองต่อความถ่ีได้ดีทุกคา่ ความถ่ี
ก. การเช่ือมต่อโดยตรง ข. การเชอ่ื มตอ่ ดว้ ย LC
ค. การเชือ่ มต่อด้วย RC ง. การเชื่อมต่อดว้ ยหม้อแปลง
3. S Q1 D S Q2 D วงจรตามรูปการเช่ือมตอ่ ระหว่าง Q1
C1 R1 R5 และ Q2 เป็นการเชื่อมต่อแบบใด
ก. ซอสเช่ือมต่อ
G G R4
+VDD ข. เดรนเช่ือมต่อ
R2 R3 C2 ค. เชอ่ื มต่อโดยตรง
ง. ดารล์ งิ ตันเช่อื มต่อ
4. จากรปู ขอ้ 3 ตวั Q1 จัดวงจรขยายชนดิ ใด ข. ซอสรว่ ม
ก. RC ร่วม ง. เดรนร่วม
ค. เกตรว่ ม
5. จากรปู ขอ้ 3 มีข้อดีในการเชอื่ มตอ่ คอื อะไร
ก. ความถี่ผ่านไดห้ มด
ข. สัญญาณไมผ่ ิดเพ้ยี น
ค. ลดคา่ การใชก้ ำลงั ไฟฟ้า
ง. เฟสสญั ญาณไมเ่ ปลี่ยนแปลง
6. การจำกัดขนาดความแรงสัญญาณในวงจร จะต้องใชว้ งจรอะไรในการทำงาน
ก. คับปลิง ข. คัตเตอร์
ค. ดาร์ลงิ ตัน ง. ลิมติ เตอร์
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั วิชา..20105-2008..วิชา........เครอื่ งเสียง......…………
ชอ่ื หน่วย....................การเชอ่ื มต่อโดยตรงลิมติ เตอร์ และการป้อนกลับ..............................
7. R1 วงจรตามรูปเปน็ วงจรอะไร
D1 D2 ก. คบั ปลิง ข. สวติ ชิง
ค. ลิมติ เตอร์ ง. เรกตฟิ ายเออร์
8. จากรปู ขอ้ 7 ไดโอด D1, D2 ทำหนา้ ทีอ่ ะไร
ก. กำจัดความถ่ีต่ำ ข. ตัดสญั ญาณส่วนเกนิ
ค. กำจดั สญั ญาณรบกวน ง. แปลงไฟสลบั เปน็ ไฟตรง
9. จากรูปข้อ 7 วงจรทำงานหนา้ ทอ่ี ะไร
ก. กรองสัญญาณ ข. จำกดั สญั ญาณ
ค. เพ่ิมระดับสญั ญาณ ง. เปล่ียนรปู สญั ญาณ
10. การปอ้ นกลับแบบลบถูกนำไปใชใ้ นวงจรอะไร
ก. กำเนดิ ความถี่ ข. กำจดั สญั ญาณรบกวน
ค. แปลงไฟสลบั เป็นไฟตรง ง. ควบคมุ ระดบั สญั ญาณให้คงที่
พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา........เคร่อื งเสียง......…………
ช่ือหน่วย...............การเชอ่ื มต่อโดยตรงลิมิตเตอร์ และการปอ้ นกลบั ........................
เร่อื ง..การเชอ่ื มต่อโดยตรงลิมิตเตอร์ และการป้อนกลับ...จำนวนชั่วโมงทีส่ อน...4..ช่ัวโมง
ใบงานที่ 7 วงจรปอ้ นกลบั แบบลบชนิดปอ้ นกลับแรงดนั ไฟฟ้าแบบอนุกรม
ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั
1. ประกอบวงจรขยายปอ้ นกลบั แบบลบได้
2. ใช้ออสซิลโลสโคปวัดและบนั ทึกรปู เฟสสัญญาณจุดต่างๆ ท่ีเกิดข้นึ ในวงจรได้
3. ประพฤติตนรอบคอบอยา่ งมีสติ
เคร่อื งมือและอุปกรณ์
1. ทรานซสิ เตอร์เบอร์ 2N2222 2 ตวั
2. ตัวต้านทาน 10 kW ; 0.25 W 3 ตัว
3. ตัวต้านทาน 1 kW ; 0.25 W 2 ตวั
4. ตัวตา้ นทาน 4.7 kW, 5.6 kW, 24 kW, 80 kW, 100 kW ; 0.25 W ค่าละ 1 ตวั
5. ตวั ตา้ นทานปรบั เปลยี่ นค่าได้ 20 kW ; 1 W 1 ตวั
6. ตัวเก็บประจุ 1 mF ; 25 V 3 ตัว
7. ตวั เกบ็ ประจุ 10 mF ; 25 V 2 ตวั
8. เครอื่ งกำเนิดสัญญาณเสียง 1 เคร่อื ง
9. มัลติมิเตอร์ชนิดเข็มชี้ 1 เครอ่ื ง
10. แหลง่ จา่ ยแรงดนั ไฟฟ้ากระแสตรงปรบั ค่าได้ 0 – 30 VDC 1 เครื่อง
11. ออสซิลโลสโคปชนิดสองเสน้ ภาพพร้อมสายโพรบ 1 เครอื่ ง
12. แผงประกอบวงจรและสายตอ่ วงจร 1 ชดุ
ลำดับข้นั การทดลอง
1. ปรบั แต่งออสซลิ โลสโคปใหพ้ ร้อมใชง้ าน
2. ปรับเครื่องกำเนิดสัญญาณเสียงไว้ที่คล่ืนไซน์ ความถ่ีเสียงที่ 1 kHz ความแรงสัญญาณ เสียงท่ีส่งออก
ประมาณ 20 mVP-P
3. ปรับแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงไว้ท่ี + 12 V และปรับตัวต้านทาน VR1 ให้มีค่าความต้านทาน
ประมาณ 5 kW
4. ประกอบวงจรตามรูปที่ 7.1 พร้อมทั้งจ่ายเครื่องกำเนิดสัญญาณเสียง และแหล่งจ่ายแรงดันไฟฟ้า
กระแสตรง + 12 V เข้าวงจร
พส.14
ใบปฎิบตั งิ าน (Operation Sheets)
รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา........เครอื่ งเสยี ง......…………
ชอื่ หน่วย...............การเชอ่ื มตอ่ โดยตรงลิมิตเตอร์ และการป้อนกลับ.........................
เร่อื ง...การเช่อื มต่อโดยตรงลิมติ เตอร์ และการป้อนกลับ...จำนวนชั่วโมงทีส่ อน...4..ชั่วโมง
R1 R3 C2+ R6 R8 +12V
80kW 100kW 1mF 24kW 5.6kW
C1+ 10RCm5F3+ B C4+ C
A 1mF 1kW 1mF
R10 CH1 CH2
10kW
R2 R4 R7 R9 10CmF5+
10kW 10kW 4.7kW 1kW
GND
VR1=20kW
รูปท่ี 7.1 วงจรปอ้ นกลับแบบลบชนิดปอ้ นกลับแรงดันไฟฟา้ แบบอนกุ รม
5. วดั บนั ทกึ รูปสญั ญาณไซนแ์ ละค่าแรงดนั ไฟฟ้าที่จุด A, B และ C ลงในตารางที่ 7.1
6. ปรบั ตัวต้านทาน VR1 ให้มีค่าความต้านทานเพิ่มขน้ึ เปน็ 20 kW
7. วดั สญั ญาณทุกจุดดว้ ยออสซิลโลสโคปบนั ทึกค่าแรงดนั ไฟฟ้าลงในตารางท่ี 7.2
ตารางที่ 7.1 รูปร่างและค่าแรงดนั ไฟฟ้าวดั ด้วยออสซิลโลสโคป ตารางที่ 7.2 แรงดนั ไฟฟ้า
ตำแหนง่ ท่ี สญั ญาณวัดด้วยออสซลิ โลสโคป แรงดนั ไฟฟา้ (VP- ตำแหนง่ แรงดันไฟฟา้
วดั P) ทวี่ ัด (VP-P)
A – GND A – GND
B – GND B – GND
C – GND
C – GND
สรปุ ผลการทดลอง
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
คำถามและการวเิ คราะห์
1. แรงดนั ไฟฟ้าทวี่ ัดไดจ้ ากตารางท่ี 7.1 และ 7.2 แตล่ ะตำแหน่งแตกต่างกันอย่างไร
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
..........................................................................................................................................................................
พส.15
ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)
รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เครือ่ งเสยี ง......…………
ชือ่ หน่วย...............การเชอ่ื มตอ่ โดยตรงลิมิตเตอร์ และการปอ้ นกลับ.........................
เรื่อง...การเช่อื มต่อโดยตรงลิมติ เตอร์ และการป้อนกลบั ...จำนวนชว่ั โมงท่สี อน...4..ชั่วโมง
R1 R3 C2+ R6 R8 +12V
80kW 100kW 1mF 24kW 5.6kW
C1+ 10RCm5F3+ B C4+ C
A 1mF 1kW 1mF
R10 CH1 CH2
10kW
R2 R4 R7 R9 10CmF5+
10kW 10kW 4.7kW 1kW
GND
VR1=20kW
รปู ท่ี 7.1 วงจรป้อนกลบั แบบลบชนิดป้อนกลบั แรงดนั ไฟฟา้ แบบอนกุ รม
5. วดั บันทกึ รูปสัญญาณไซน์และคา่ แรงดนั ไฟฟา้ ที่จุด A, B และ C ลงในตารางที่ 7.1
6. ปรับตัวตา้ นทาน VR1 ใหม้ ีค่าความต้านทานเพิ่มขน้ึ เปน็ 20 kW
7. วดั สัญญาณทุกจดุ ด้วยออสซิลโลสโคปบันทึกคา่ แรงดันไฟฟ้าลงในตารางที่ 7.2
ตารางที่ 7.1 รูปร่างและคา่ แรงดนั ไฟฟา้ วดั ดว้ ยออสซิลโลสโคป ตารางที่ 7.2 แรงดันไฟฟา้
ตำแหนง่ ที่ สัญญาณวดั ด้วยออสซิลโลสโคป แรงดนั ไฟฟา้ (VP- ตำแหน่ง แรงดนั ไฟฟ้า
วัด P) ทวี่ ัด (VP-P)
A – GND A – GND
B – GND B – GND
C – GND
C – GND
สรุปผลการทดลอง
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
คำถามและการวิเคราะห์
1. แรงดนั ไฟฟา้ ทีว่ ดั ได้จากตารางท่ี 7.1 และ 7.2 แต่ละตำแหน่งแตกต่างกันอย่างไร
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
..........................................................................................................................................................................
พส.16
ใบกจิ กรรมท่ี 7
รหสั วิชา..20105-2008..วิชา........เครอื่ งเสยี ง......…………ท-ป-น 1-3-2 สอนครงั้ ท่ี 7
ชอ่ื หน่วย....................การเชอื่ มต่อโดยตรงลิมิตเตอร์ และการปอ้ นกลบั .........เวลา 4 ชว่ั โมง
ชื่อกิจกรรม......การเชื่อมต่อโดยตรงลิมติ เตอร์ และการป้อนกลับ..... เวลา ....4....ชั่วโมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
วัสด/ุ อุปกรณ์
คำสัง่
แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยที่ 7 การเชือ่ มตอ่ โดยตรงลมิ ิตเตอร์ และการป้อนกลับ
แบบทดสอบหลังเรียน หน่วยที่ 7 การเชื่อมต่อโดยตรงลมิ ิตเตอร์ และการป้อนกลับไอซี
แบบทดสอบทา้ ย หนว่ ยที่ 7 การเชื่อมต่อโดยตรงลิมิตเตอร์ และการป้อนกลับ
การประเมนิ ผล
หนงั สอื ประกอบการเรียนรายวชิ า เครื่องเสียง
ใบงานการทดลอง
พส.8
กรอบการจัดการเรียนรแู้ บบบรู ณาการเปน็ เรอื่ ง/ช้ินงาน/โครงการ
และบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
สมรรถนะดา้ นความมเี หตุผล สมรรถนะด้านความพอประมาณ สมรรถนะด้านความมภี มู คิ มุ้ กัน
1. สามารถปฏิบตั งิ านไฟฟ้าดว้ ยความปลอดภัย 1.นักเรยี นเตรียมเครื่องมือไดถ้ ูกตอ้ งตามขน้ั ตอน 1.นักเรยี นทำงานดว้ ยความมีวนิ ยั รอบคอบ
อดทน รักษาความปลอดภยั และสงิ่ แวดล้อม
2. ใชว้ ัสดุ และอุปกรณ์อย่างประหยัด และคมุ้ ค่า ห่างไกลยาเสพติด
โดยใหผ้ ูเ้ รียนใช้สมดุ ที่ใชแ้ ลว้ แตม่ ีหน้ากระดาษ
เหลือเยอะ เพ่ือให้ร้จู ักความประหยัดและ
พอประมาณ
เงอ่ื นไขดา้ นความรแู้ ละทกั ษะ การควบคมุ เสยี งท้มุ เงือ่ นไขดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม
แหลมและกราฟิกอิค ค่านิยม คุณลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์
1.บอกคุณสมบตั ิของไฟฟ้าได้
2.บอกถึงอนั ตรายของไฟฟา้ ต่อร่างกายมนุษยไ์ ด้ วาไลเซอร์ 1.หม่นั เพียร เสาะแสวงหาความรเู้ พ่ิมเติม ท่ชี ่วย
3.อธิบายขอ้ ควรปฎิบตั ิในการใช้ไฟฟ้าอย่าง แบง่ ปัน ความเอือ้ เฟื้อเผอื่ แผน่ อกเหนือจากการเรียน
การสอนใหก้ บั ตนเอง ความ
ถกู ต้องปลอดภัยได้ 2.มีระเบียบวินยั ปฏบิ ัติตามกฎของวิทยาลัยฯ ตรงต่อ
4.บอกวิธกี ารปฏิบตั ิงานด้านไฟฟา้ อยา่ ง เวลา มคี วามขยนั หม่ันเพียรเสาะแสวงหาความรู้
ปลอดภยั ได้ เพม่ิ เติม ที่นอกเหนอื จากการเรยี นการสอนใหก้ ับ
5.แสดงวิธกี ารชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบอนั ตรายจาก ตนเอง
ไฟฟ้าดูดได้
6.แสดงวธิ ีการปฐมพยาบาลผปู้ ระสบอนั ตราย 3มีคณุ ธรรมและจริยธรรมเหมาะสำหรบั การเป็นช่าง
ทดี่ ตี อ่ ไปในอนาคต
จากไฟฟ้าดดู ได้ 4.มคี วามซื่อสัตยส์ ุจริตไม่เหน็ แก่ประโยชนส์ ว่ นตัว
มากกวา่ สว่ นรวม
5.มคี ณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ มและคณุ ลกั ษณะอนั
พงึ ประสงค์
ผลกระทบเพื่อความสมดุล พร้อมรับการเปลีย่ นแปลง
ดา้ นสงั คม ด้านเศรษฐกิจ ดา้ นวัฒนธรรม ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม
1.ผูเ้ รยี นมรี ะเบยี บวนิ ยั รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ 1.สามารถลดรายจ่ายท่ีจะเกิดขน้ึ จากไฟฟา้ 1.สรา้ งวัฒนธรรมในการเรยี นรู้ทดี่ สี ำหรบั 1.ในการทำงานตอ้ งใชว้ ัสดุ เชน่ กระดาษ
และมีภูมคิ ้มุ กันห่างไกลยาเสพติด ลัดวง ทท่ี ำให้เสียชวี ิตและทรพั ย์สนิ แก่ ผ้เู รียน ทำใหผ้ เู้ รียนมีความม่นั ใจ และมคี วาม ปากกา รวมท้ังอุปกรณ์อืน่ ๆ ทีเ่ กย่ี ว โดยเน้น
เจา้ ของ พรอ้ มในการศึกษาเรยี นรู้ด้วยตนเองต่อไป ใหผ้ ทู้ ่ีเรียนประหยัดการใช้หรอื อาจนำมาใช้
กิจการหรอื ประหยัดงบประมาณในป้องกนั เพอ่ื ใหป้ ระหยัดมากขึ้น
อคั คีภัย
หมายเหตุ หากเป็นการบรู ณาการในหนว่ ยการเรียนรหู้ น่วยใดหน่วยหนง่ึ ให้นำแผนภูมนิ ไี้ ปนำเสนอในหนว่ ยการเรยี นรู้นั้น
พส.9
แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 8
รหัสวชิ า 20105-2008 วชิ า เคร่ืองเสยี ง ท-ป-น 1-3-2 เวลารวม 72 ชม.
ชื่อหน่วย การควบคุมเสยี งทุ้มแหลมและกราฟิกอคิ วาไลเซอร์ สัปดาห์ 8-9 /18
เรือ่ ง การควบคุมเสยี งทุ้มแหลมและกราฟิกอิควาไลเซอร์ จำนวน 8 ชม.
1. สาระสำคัญ
เคร่ืองขยายเสียงท่ีผลิตมาใช้งาน มีหน้าที่ขยายสัญญาณเสียงให้มีความดังมากขึ้นโดยไม่เกิดความผิดเพี้ยน
นอกจากน้ันยังมีหน้าท่ีช่วยปรับแต่งเสียงให้มีความดัง และความไพเราะได้ตามความต้องการของผู้ฟัง วงจรท่ีช่วย
ปรบั เร่งลดความดังเสียงคือวงจรควบคุมความดังเสียง หรือโวลุ่มปรบั ความดังเสียง ความไพเราะของเสียงจะต้องใช้
ชุดโทนคอนโทรลช่วยในการปรับระดับความถี่เสียงท้ังเสียงทุ้มเสียงกลางและเสียงแหลม ได้สัญญาณเสียงมีความ
เหมาะสมตามความตอ้ งการ
กราฟิกอิควาไลเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์ปรับแต่งความไพเราะของเสียงอีกชนิดหน่ึง ผลิตขึ้นมาใช้งานช่วยใน
การปรับแต่งความถี่สัญญาณเสียงตามค่าท่ีกำหนด ให้เพ่ิมขึ้นหรือลดลงตามความต้องการของผู้ฟัง มีข้อดีกว่าการ
ปรบั แตง่ เสียงดว้ ยโทนคอนโทรล เพราะสามารถปรบั ความถเี่ สียงได้รายละเอียดมากกว่า
2. สมรรถนะประจำหน่วย
ควบคมุ เสียงทมุ้ แหลมและกราฟิกอควาไลเซอร์ได้
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกหลักการปรบั เร่งลดความดังเสยี งได้ (ดา้ นพทุ ธพิ ิสยั )
2. บอกหลกั การกรองความถ่เี สยี งแบบปรับคา่ ได้ (ดา้ นพุทธิพสิ ัย)
3. บอกหลกั การทำงานของวงจรไจเรเตอร์ได้ (ดา้ นพุทธพิ ิสยั )
4. อธิบายวงจรกราฟกิ อคิ วาไลเซอร์ปรับหลายยา่ นความถไี่ ด้ (ดา้ นพทุ ธพิ ิสยั )
5. เขียนวงจรควบคมุ เสยี งทุ้มแหลมแบบกรองผา่ นได้ (ดา้ นทักษะพสิ ยั )
6. เขยี นวงจรควบคมุ เสียงทุ้มแหลมแบบมีการขยายได้ (ด้านทักษะพิสยั )
7. เขยี นวงจรควบคมุ เสยี งทมุ้ กลางแหลมแบบมีการขยายได้ (ด้านทักษะพิสยั )
8. เขยี นวงจรกรองความถ่ีเสียงแบบปรบั คา่ หลายความถ่ีได้ (ด้านทกั ษะพสิ ยั )
9. ประยุกต์ใช้วิธีการควบคุมเสียงทุ้มแหลม และกราฟิกอิควาไลเซอร์ในงานเคร่ืองเสียงได้
(ด้านจิตพิสยั )
4. สาระการเรียนรู้
1. การปรับเรง่ ลดความดงั เสียง
2. การควบคมุ เสยี งทุ้มแหลมแบบกรองผา่ น
3. การควบคุมเสยี งทมุ้ แหลมแบบมีการขยาย
4. การควบคุมเสียงทุ้มกลางแหลมแบบมีการขยาย
5. วงจรกรองความถเ่ี สียงแบบปรบั คา่ ได้
6. วงจรกรองความถ่ีเสียงแบบปรับค่าได้หลายความถ่ี
7. วงจรไจเรเตอร์
8. วงจรกราฟกิ อิควาไลเซอรป์ รบั หลายยา่ นความถ่ี
5. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้
1. การเตรียมใบงานให้สอดคล้องกับหน่วยการเรยี นการสอน
2. การเตรียมการสอนในแต่ละสปั ดาห์
3. การสอนแบบสาธติ
4. การทดลองจรงิ ได้จัดทำวงจรเองและไดส้ รา้ งเครอ่ื งเสยี งเองได้
5. ผูส้ อนใหผ้ ้เู รียนทำใบงานที่ 8 การควบคมุ เสยี งทมุ้ แหลมและกราฟกิ อิควาไลเซอร์
6. ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนทำแบบฝึกหดั หนว่ ยท่ี 8
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
1. ผู้สอนช้ีแจงหัวข้อการเรียนและจุดประสงค์การเรียนประจำหน่วยท่ี 8 การควบคุมเสียงทุ้มแหลมและ
กราฟิกอคิ วาไลเซอร์
2. ผูส้ อนใหผ้ ู้เรียนแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับการควบคมุ เสียงทุ้มแหลมและกราฟิกอคิ วาไลเซอร์
ข้นั สอน
1. ผสู้ อนเปิดงานนำเสนอวิชา เคร่อื งเสยี ง หนว่ ยท่ี 8 การควบคุมเสยี งทมุ้ แหลมและกราฟกิ อคิ วาไลเซอร์
2. ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิดเอกสารประกอบการสอนวิชา เคร่ืองเสียง หน่วยท่ี 8 การควบคุมเสียงทุ้มแหลมและ
กราฟกิ อิควาไลเซอร์
3. ผสู้ อนเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนซกั ถามในข้อสงสัยเมอ่ื อธบิ ายเน้ือหาในหนว่ ยเรยี นจบ
ขน้ั ประยุกต์ใช้
1. ผู้สอนให้ผเู้ รยี นทำใบงานที่ 8 วงจรปรบั แตง่ เสียงท้มุ แหลม แบบกรองผา่ นสญั ญาณเสยี ง
2. ผู้สอนใหผ้ ู้เรยี นทำแบบฝึกหัด หนว่ ยท่ี 8
ขนั้ สรปุ
1.ผสู้ อนรว่ มกบั ผู้เรียนทบทวนความเข้าใจและสรุปเน้ือหาในหนว่ ยที่ 8 การควบคุมเสียงทุ้มแหลมและกราฟิก
อิควาไลเซอร์
2.ให้มคี วามเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกนั
3.ผู้สอนให้ผู้เรียนทำแผนผังความคิดสรุปเน้ือหาหน่วยท่ี 8 การควบคุมเสียงทุ้มแหลมและกราฟิกอิควาไล
เซอร์
7. บรรยากาศที่ส่งเสรมิ และพัฒนาผู้เรยี น
สภาพห้องเรียน สะอาดหน้าเรียน ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียน ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความรู้
ส่งผลใหเ้ กิดผลให้เกิดเรียนรู้ทดี่ ี
8. คณุ ธรรม จริยธรรมประจำหนว่ ย
มคี วามซอ่ื สัตย์ มคี วามรับผดิ ชอบ ความตอ่ เวลา มีคณุ ธรรม
9. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้
1. เอกสารประกอบการเรยี นเรือ่ ง การควบคมุ เสยี งทุ้มแหลมและกราฟิกอิควาไลเซอร์
2. ใบงาน
3. ของจริง
4. Google Classroom
5. Power point เรอื่ ง การควบคมุ เสียงทมุ้ แหลมและกราฟิกอิควาไลเซอร์
10. การวดั ผลและประเมนิ ผล
10.1แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยที่ 8 การควบคมุ เสยี งท้มุ แหลมและกราฟิกอิควาไลเซอร์
10.2แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยที่ 8 การควบคุมเสยี งทุ้มแหลมและกราฟิกอิควาไลเซอร์
10.3 แบบทดสอบทา้ ย หน่วยท่ี 8 การควบคุมเสยี งทุม้ แหลมและกราฟกิ อิควาไลเซอร์
11. หลักฐานการเรยี นรู้
1.สมุดจดงาน
2.แบบทดสอบประจำหน่วยการเรยี น
12. เอกสารอา้ งอิง
- หนงั สือประกอบการเรียนรายวิชา เครอ่ื งเสยี ง
พส.10
เคร่ืองมอื ทใ่ี ช้ในการประเมนิ
รหัสวชิ า 20105-2008 วชิ า เคร่ืองเสียง ท-ป-น 1-3-2
แบบประเมนิ แบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑ์การให้คะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมิน
1.บอกหลักการปรับเรง่ ลดความดังเสียงได้ (ดา้ นพุทธิพสิ ยั )
2.บอกหลกั การกรองความถ่ีเสียงแบบปรับค่าได้ (ดา้ นพุทธพิ สิ ัย)
3.บอกหลกั การทำงานของวงจรไจเรเตอรไ์ ด้ (ดา้ นพุทธิพสิ ัย)
4.อธิบายวงจรกราฟิกอคิ วาไลเซอร์ปรบั หลายยา่ นความถไี่ ด้ (ด้านพุทธิพสิ ยั )
5.เขยี นวงจรควบคุมเสียงท้มุ แหลมแบบกรองผ่านได้ (ด้านทักษะพิสัย)
6.เขยี นวงจรควบคุมเสยี งทุม้ แหลมแบบมกี ารขยายได้ (ด้านทกั ษะพสิ ัย)
7.เขยี นวงจรควบคุมเสยี งทุ้มกลางแหลมแบบมกี ารขยายได้ (ด้านทักษะพสิ ยั )
8.เขียนวงจรกรองความถ่เี สียงแบบปรบั ค่าหลายความถไ่ี ด้ (ดา้ นทกั ษะพิสัย)
9.ประยุกต์ใช้วิธีการควบคุมเสียงทุ้มแหลม และกราฟิกอิควาไลเซอร์ในงาน
เครอื่ งเสยี งได้ (ด้านจิตพิสยั )
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)
พส.11
บันทึกหลงั การเรยี นรู้
รหัสวิชา 20105-2008 ช่อื วชิ า เครอ่ื งเสยี ง ระดบั ชน้ั ปวช 2 ห้อง 1,2
แผนกวชิ า อเิ ล็กทรอนกิ ส์ สัปดาห์ที่ วนั ท่สี อน
หนว่ ยท่ี..8..ช่ือหน่วย การควบคมุ เสยี งทมุ้ แหลมและกราฟกิ อคิ วาไลเซอร์ จำนวน 8 ช่ัวโมง
จำนวนผเู้ รยี น คน มาเรยี น คน ขาดเรียน คน ลาปว่ ย คน ลากจิ คน
1. ผลการจดั การเรียนรู้
…............................................................................................................................................ ……………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………….
…............................................................................................................................................ ……………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………….
…............................................................................................................................................ ……………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………….
2. ปญั หาและอปุ สรรค
……..............................................................................................................……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……..................................................………………………………..………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……..................................................………………………………..………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
3.ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
ความคิดเหน็ ............................................................................ ลงชอ่ื ...........................................ครูผสู้ อน
................................................................................................ (....นายอนนท์....ทาเทียว....)
................................................................................................ .........../................/............
ลงชือ่ ...........................................หวั หนา้ แผนกวชิ า ความเหน็ ............................................................................
(.....นางรัศมี....นลิ เนตร.....) ................................................................................................
........../................/............ ................................................................................................
ลงชอ่ื ...........................................รองผ้อู ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ
( นางสาวนิศากร เจรญิ ดี )
............/................../............
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั วิชา..20105-2008..วิชา…………..…เครื่องเสียง..............................…
ช่ือหน่วย...............การควบคมุ เสยี งทมุ้ แหลมและกราฟฟกิ อีควาไลเซอร์........................
เร่อื ง.......การควบคุมเสียงทุ้มแหลมและกราฟฟกิ อีควาไลเซอร์..............จำนวนชวั่ โมงสอน.......4...ชั่วโมง......
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ รายการเรยี นรู้
- จุดประสงค์ท่วั ไป
1.อธบิ ายการทำงานของวงจรกราฟิกอิควาไลเซอรป์ รบั หลาย 1.การปรบั เร่งลดความดังเสียง
ยา่ นความถ่ีอยา่ งละเอยี ดถูกต้อง(ด้านพทุ ธิพสิ ยั ) 2.การควบคมุ เสยี งทุ้มแหลมแบบกรองผา่ น
2.เขยี นวงจรควบคมุ เสยี งทุ้มแหลมแบบต่างๆ อย่างถูกต้องเปน็ 3.การควบคุมเสยี งทุ้มแหลมแบบมีการขยาย
ลำดบั (ด้านทักษะพิสยั ) 4.การควบคุมเสียงทุ้มกลางแหลมแบบมีการ
3.นำวงจรปรบั แต่งเสยี งชนดิ ตา่ งๆ ไปใช้งานอยา่ งเหมาะสม ขยาย
ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง(ด้านจิตพสิ ัย) 5.วงจรกรองความถีเ่ สยี งแบบปรบั ค่าได้
- จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 6.วงจรกรองความถ่ีเสียงแบบปรับค่าได้หลาย
1.บอกหลกั การปรับเร่งลดความดังเสยี งได้ (ด้านพทุ ธิพิสยั ) ความถ่ี
2.บอกหลักการกรองความถ่ีเสียงแบบปรับค่าได้ (ด้านพุทธิ 7.วงจรไจเรเตอร์
พิสัย) 8.วงจรกราฟิกอิควาไลเซอร์ปรับหลายย่าน
3.บอกหลักการทำงานของวงจรไจเรเตอรไ์ ด้ (ด้านพุทธิพิสัย) ความถ่ี
4.อธิบายวงจรกราฟิกอิควาไลเซอร์ปรับหลายย่านความถี่ได้
(ด้านพุทธิพสิ ัย)
5.เขียนวงจรควบคุมเสียงทุ้มแหลมแบบกรองผ่านได้ (ด้าน
ทักษะพสิ ยั )
6.เขียนวงจรควบคุมเสียงทุ้มแหลมแบบมีการขยายได้ (ด้าน
ทักษะพสิ ัย)
7.เขียนวงจรควบคุมเสียงทุ้มกลางแหลมแบบมีการขยายได้
(ด้านทกั ษะพิสัย)
8.เขียนวงจรกรองความถ่ีเสียงแบบปรับค่าหลายความถ่ีได้
(ด้านทกั ษะพสิ ัย)
9.ประยุกต์ใชว้ ิธีการควบคมุ เสยี งทุ้มแหลม และกราฟกิ อคิ วาไล
เซอร์ในงานเคร่ืองเสียงได้ (ดา้ นจติ พิสัย)
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั วชิ า..20105-2008..วิชา....................เครื่องเสียง............…………………
ชอื่ หน่วย.............การควบคุมเสียงทุ้มแหลมและกราฟฟิกอคี วาไลเซอร์.............................
8.1 การปรับเรง่ ลดความดงั เสยี ง
สัญญาณเสียงท่ีผ่านวงจรขยายเสียงออกมา จะมีความดังของสัญญาณเสียงถูกขยายเพิ่ม มากข้ึนจน
มากพอที่จะนำไปใช้งานได้ ซึ่งความดังของเสียงดังกล่าวเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความต้องการใช้งาน แต่ในการใช้
งานความดังของเสียงทุกครั้งไม่จำเป็นต้องใช้ความดังเสียงทั้งหมดน้ี หรือกรณีที่นำเครื่องขยายเสียงไปใช้งานต่าง
สถานที่ต่างเวลา ความดังของเสียงที่ต้องการใช้งานก็ไม่เท่ากัน บางสถานที่ต้องการใช้ความดังเสียงมาก บาง
สถานที่ต้องการใช้ความดังเสียงน้อย ไม่คงท่ีในการใช้งาน จึงจำเป็นต้องใส่ส่วนควบคุมความดังเสียง (Volume
Control) เพ่ิมเข้าไปในวงจร ขยายเสียง ชว่ ยในการปรบั เร่งลดความดงั เสยี งใหไ้ ดต้ ามความต้องการของผใู้ ช้
การแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวทำได้โดยการต่อเพิ่มวงจรยกระดับความดังเสียงทุ้มและเสียงแหลม ที่
เรียกว่าลาวด์เนส (loudness) ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความดังเสียงทุ้มและเสียงแหลมให้ส่งออกเพิ่มมากข้ึนในขณะที่
เปิดเครื่องขยายเสียงที่ระดับความดังเสียงน้อย ในวงจรควบคุมความดังเสียงจะมีวงจรยกระดับความดังเสียงทุ้ม
แหลม หรือวงจรลาวด์เนสต่อรวมกันอยู่ เป็นชุดวงจรปรับเร่งลดความดังเสียง โดยใช้ตัวต้านทานควบคุมความดัง
เสยี งชนิดปรับเปล่ียนค่าได้แบบมีขาต่อแยกกึ่งกลาง (Center Tap) ลักษณะตัวตา้ นทานปรบั เปลี่ยนค่าได้แบบมีขา
ตอ่ แยกกึง่ กลาง แสดงดังรปู ที่ 8.1
รูปท่ี 8.1 แสดงตัวต้านทานปรบั เปลี่ยนค่าได้
8.2 การควบคุมเสียงทุ้มแหลมแบบกรองผา่ น
การควบคุมเสียงทุ้มและเสียงแหลมแบบกรองผ่าน หรือพาสซีฟโทนคอนโทรล (Passive Tone
Control) เป็นการนำวงจรกรองความถ่ีชนิดต่างๆ มาต่อใช้งานร่วมกัน วงจรจะทำหน้าท่ีเป็นตัวกรองความถี่ใน
ย่านท่ีกำหนดไวใ้ ห้ผา่ นออกไปได้มากน้อยตามความต้องการของผู้ใช้งาน วงจรทผี่ ลิตมาใช้งานมีท้ังชนิดปรับแต่ง 2
ยา่ น คือเสียงทุ้ม เสียงแหลม และชนดิ ปรบั แต่ง 3 ยา่ น คอื เสียงทมุ้ เสยี งกลาง เสียงแหลม
วงจรปรับเสียงทุ้ม ก็คือวงจรกรองความถี่ต่ำผ่าน (LPF) ทำหน้าที่กรองผ่านหรือลดทอนสัญญาณเสียง
ความถ่ตี ่ำ (เสียงทมุ้ ) ผา่ นออกไปมากหรือน้อย โดยสามารถปรับแต่งได้ตามความตอ้ งการ
วงจรปรับเสียงกลาง ก็คือวงจรกรองย่านความถี่ผ่าน (Band Pass Filter ; BPF) ทำหน้าที่กรองผ่าน
หรือลดทอนสัญญาณเสียงความถี่กลาง (เสียงกลาง) ผ่านออกไปมากหรอื น้อย โดยสามารถปรับแต่งได้ตามความ
ตอ้ งการ
วงจรปรบั เสยี งแหลม กค็ ือวงจรกรองความถี่สงู ผ่าน (High Pass Filter ; HPF) ทำหน้าท่ีกรองผา่ นหรือ
ลดทอนสญั ญาณเสียงความถส่ี งู (เสยี งแหลม) ผ่านออกไปมากหรอื นอ้ ย โดยสามารถปรบั แต่งได้ตามความต้องการ
วงจรพาสซีฟโทนคอนโทรลนี้เป็นวงจรชนิดกรองผ่านและลดทอนสัญญาณเสียงเท่านั้น ไม่มีการขยาย
สัญญาณเสียงใดๆ เม่ือเสียงผ่านออกไป อุปกรณ์ที่นำมาใช้งาน ได้แก่ ตัวต้านทาน (R) และตัวเก็บประจุ (C) วงจร
พาสซีฟโทนคอนโทรลท่ีนิยมใช้งานเป็นชนิดปรับแต่งเสียง 2 ย่าน คือปรับเสียงทุ้ม และปรับเสียงแหลม วงจรพาส
ซีฟโทนคอนโทรล แสดงดงั รูปที่ 8.2
รปู ที่ 8.2 วงจรพาสซฟี โทนคอนโทรล ชนดิ ปรบั เสียงท้มุ และเสยี งแหลม
8.3 การควบคมุ เสียงทุ้มแหลมแบบมีการขยาย
การควบคุมเสียงทุ้มแหลมแบบมีการขยาย หรือแอกตีฟโทนคอนโทรล เป็นวงจรปรับแต่งเพิ่มลดเสียง
ทุ้มและเสียงแหลม ที่ภายในวงจรมีการเพิ่มวงจรขยายสัญญาณเสียงเข้าไปด้วย วงจรจะทำหน้าท่ีทั้งลดทอน
สัญญาณเสียงและขยายสัญญาณเสียงได้ โดยต่อเพ่ิมอุปกรณ์สารก่ึงตัวนำร่วมใช้งานเป็นวงจรขยายสัญญาณเสียง
เช่น ทรานซิสเตอร์ เฟต หรือไอซีออปแอมป์ เป็นต้น สัญญาณเสียงทุ้มแหลมท่ีผ่านวงจรแอกตีฟโทนคอนโทรล มี
โอกาสถูกขยายให้สัญญาณเสียงดังมากข้ึน หรือถูกลดทอนให้สัญญาณเสียงดังเบาลงได้ก่อนถูกส่งออกเอาต์พุต
วงจรแอกตฟี โทนคอนโทรลชนดิ ปรับเสียงทุ้มและเสียงแหลม แสดงดงั รูปที่ 8.3
รูปที่ 8.3 วงจรแอกตีฟโทนคอนโทรล ชนดิ ปรับเสยี งทุม้ และเสยี งแหลม
ข้อดีของวงจรแอกตีฟโทนคอนโทรลปรับเสียงทุ้มและเสียงแหลม คือสามารถปรับเพ่ิมระดับความดัง
ของสัญญาณเสียงทุ้มแหลม หรือปรับลดระดับความดังของสัญญาณเสียงทุ้มแหลมได้ตามค่าที่ปรับแต่งไว้ ทำให้
คณุ ภาพของสญั ญาณเสียงทุ้มและเสยี งแหลมท่ีผา่ นเข้าวงจรแอกตีฟโทนคอนโทรลขยายสัญญาณเสียงจ่ายออกมามี
ความชัดเจนและมีระดบั ความดังเสียงเพมิ่ ข้นึ
8.4 การควบคุมเสียงทุ้มกลางแหลมแบบมกี ารขยาย
การควบคุมระดับความดังของเสียง ที่เสียงทุ้มและเสียงแหลมของเครื่องขยายเสียงท่ัวไป เป็นการ
ควบคุมระดับความดังของเสียงท่ียังไม่ครอบคลุมความถ่ีเสียงทุกย่าน ความถ่ีเสียงกลางท่ีจ่ายเข้าวงจรไม่ถูก
ปรับแต่งเสียง ถูกขยายและจ่ายออกโดยตรง ทำให้เคร่ืองขยายเสียงบางรุ่นบางชนิดอาจมีการขยายความถ่ีเสียง
กลางจ่ายออกมามากเกินไปหรืออาจจะน้อยเกินไป ไม่เป็นที่พอใจของผู้ฟังแต่ละคน ถือเป็นการปรับแต่งที่ยังไม่
ครบสมบรู ณอ์ ย่างแทจ้ รงิ
การออกแบบวงจรปรับแต่งเสียงให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ฟังแต่ละคนได้มากข้ึน
และมีความสมบูรณ์ครบถ้วนมากขึ้น จึงทำให้มีการผลิตวงจรปรับแตง่ เสียงทุ้มเสยี งกลางและเสียงแหลมออกมาใช้
งาน วงจรท่ีนิยมใช้งานเป็นชนิดแอกตีฟโทนคอนโทรล แยกการปรับแต่งเสียงออกเป็น 3 ย่าน คือเสียงทุ้ม เสียง
กลาง และเสยี งแหลม พรอ้ มท้งั มวี งจรขยายสัญญาณเสยี งตอ่ อยู่ดว้ ย ช่วยให้การปรับแต่งเสียงเหลา่ นัน้ สามารถเพ่ิม
หรือลดความดังของเสียงทุ้มกลางแหลมก่อนส่งออกเอาต์พุต วงจรแอกตีฟโทนคอนโทรลชนิดปรับเสียงทุ้มกลาง
แหลม แสดงดังรปู ท่ี 8.4
รูปท่ี 8.4 วงจรแอกตฟี โทนคอนโทรล ชนิดปรับเสียงท้มุ เสยี งกลางและเสียงแหลม
8.5 วงจรกรองความถี่เสียงแบบปรับค่าได้
วงจรกรองความถี่เสียงที่นำมาใช้งานถูกจัดวงจรอยู่ในรูป วงจรเรโซแนนซ์แบบอนุกรม (Series
Resonance Circuit) นิยมเรียกว่าวงจรแทรป (Trap Circuit) หรือวงจรดักสัญญาณ เป็นวงจรท่ีประกอบด้วยตัว
เหน่ียวนำ (L) และตัวเก็บประจุ (C) ต่อวงจรร่วมกันแบบอนกุ รม นำไปต่อแบบขนานเข้ากับวงจรกำเนิดเสียง หรือ
วงจรขยายเสียง วงจรแทรปทำหน้าท่ีเป็นตัวกรองความถ่ีเสียงที่ตรงกับค่าความถ่ีเรโซแนนซ์ท่ีกำหนดไว้ท้ิงลง
กราวด์ ส่วนความถ่ีเสียงค่าอื่นๆ ที่ไม่ตรงกับค่าความถี่เรโซแนนซ์ที่กำหนดไว้ของวงจรแทรปแต่ละวงจรสามารถ
ผ่ า น ว งจ ร แ ท ร ป ไป ได้ โด ย ไม่ ถู ก ล ด ท อ น ลั ก ษ ณ ะ ว งจ ร แ ท ร ป แ ล ะ ก ร า ฟ ต อ บ ส น อ งค ว า ม ถ่ี
แสดงดงั รปู ท่ี 8.5
รูปที่ 8.5 วงจรแทรป
เม่ือนำวงจรแทรปไปใช้ในการกรองความถ่ีเสียงของวงจรขยายเสียง สามารถทำได้โดยการต่อวงจร
แทรปร่วมกับวงจรขยายเสียง และตัวต้านทานชนิดปรับเปล่ียนค่าได้ สร้างเป็นวงจรกรองความถ่ีเสียง ท่ีสามารถ
ปรับเปลี่ยนค่าการกรองความถี่เสียงให้ส่งออกเอาต์พุตมากข้ึนหรือน้อยลงได้ ลักษณะวงจรกรองความถี่เสียงแบบ
ปรับค่าได้ แสดงดงั รูปที่ 8.6
รูปที่ 8.6 วงจรกรองความถี่เสยี งแบบปรับค่าได้
8.6 วงจรกรองความถ่ีเสยี งแบบปรับคา่ ได้หลายความถ่ี
วงจรแทรป CL ที่อยู่ในวงจรอิควาไลเซอร์ถือเป็นตัวสำคัญ สามารถกรองความถ่ีเสียงตามค่าท่ี
กำหนดให้ผา่ นออกเอาต์พุตได้มากหรือนอ้ ย การกำหนดค่าความถ่ีเรโซแนนซ์ของวงจรแทรป CL ท่ีเปลยี่ นแปลงไป
มีผลต่อค่าการตอบสนองความถี่ของวงจรแทรป CL เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ดังน้ันเม่ือต้องการให้วงจรอิควาไล
เซอร์สามารถกรองความถี่เสียงได้หลายค่าความถ่ีเสียง ก็สามารถทำได้โดยการต่อเพ่ิมวงจรแทรป CL พร้อมตัว
ต้านทานปรับค่าได้ขนานเข้าในวงจรหลายชุดตามความต้องการ และกำหนดค่าความถี่เรโซแนนซ์ของวงจรแทรป
CL แต่ละชุดเปล่ียนแปลงไปเป็นแต่ละย่านความถี่ตามต้องการ ยิ่งต่อจำนวนชุดวงจรแทรป CL มาก ก็ย่ิงปรับแต่ง
ความถ่เี สยี งไดม้ ากชดุ เพมิ่ ขึน้ วงจรกรองความถ่เี สยี งแบบปรบั ค่าไดห้ ลายความถี่ แสดงดังรูปที่ 8.7
รปู ที่ 8.7 วงจรกรองความถเี่ สียงแบบปรบั ค่าได้หลายความถี่
วงจรกรองความถี่เสียงแบบปรบั ค่าไดห้ ลายความถี่ตามรูปที่ 8.8 เรียกได้อกี ชื่อหน่ึงว่า วงจรกราฟิกอิค
วาไลเซอร์ (Graphic Equalizer Circuit) เป็นชนิดแบ่งช่วงความถี่เสียงสำหรับการปรับแต่งแบบ 2 ออกเทฟ โดย
ความถี่เสียงถูกแบ่งออกเป็น 5 ย่านการปรับแต่ง ค่าความถ่ีเสียงเพิ่มขึ้นย่านละ 4 เท่าตามลำดับ ตามการกำหนด
ของผู้ออกแบบ เช่น ใช้ความถ่ี 60 Hz, 250 Hz, 1 kHz, 4 kHz และ 16 kHz เป็นต้น ค่าการปรับแต่งเสียงเม่ือ
นำไปเขยี นกราฟแสดงการตอบสนองความถเี่ สยี ง เขยี นกราฟออกมาได้ แสดงดังรปู ที่ 8.8
รปู ที่ 8.8 กราฟตอบสนองความถเ่ี สียงของวงจรกรองความถเี่ สยี งแบบปรบั คา่ ได้หลายความถ่ี
8.7 วงจรไจเรเตอร์
วงจรไจเรเตอร์ เป็นวงจรทสี่ รา้ งขึ้นมาจากอุปกรณ์สารก่ึงตัวนำประกอบเป็นวงจร สร้างขึ้นได้โดยใช้ IC
ออปแอมป์ หรือทรานซิสเตอร์โดยทำหน้าที่ขยายสัญญาณ ต่อวงจรร่วมกับตัวเก็บประจุ และตัวต้านทาน ทำให้
วงจรท่ีสร้างขึ้นมามีคุณสมบัติในการทำงานเหมือนตัวเหน่ียวนำตัวจริง ค่าความเหนี่ยวนำของตัวเหน่ียวนำท่ีใช้
สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้ ข้ึนอยู่กับการกำหนด ค่าใช้งานของตัวเก็บประจุ และตัวต้านทานท่ีต่อใช้งานในวงจร
ไจเรเตอร์ สามารถสร้างตัวเหนี่ยวนำด้วยวงจรไจเรเตอร์ได้ค่าความเหนี่ยวนำตามต้องการ แต่ตัวเหน่ียวนำท่ีสร้าง
จากวงจรไจเรเตอร์มีข้อจำกัดอยู่ท่ี ต้องเป็นตัวเหน่ียวนำที่มีขาใดขาหน่ึงต่อลงกราวด์ ตัวเหนี่ยวนำสร้างจากวงจร
ไจเรเตอร์และตวั เหนย่ี วนำจริง แสดงดังรูปที่ 8.9
รปู ที่ 8.9 ตวั เหน่ยี วนำสร้างจากวงจรไจเรเตอร์และตัวเหน่ยี วนำจรงิ
วงจรกรองความถ่ีเสียงแบบปรับค่าได้ ที่ดัดแปลงวงจรแทรป CL โดยใช้วงจรไจเรเตอร์ใส่แทนตัว
เหนยี่ วนำจรงิ สามารถเขยี นวงจรเปรยี บเทยี บวงจรทง้ั สองแบบได้ แสดงดังรูปที่ 8.10
รปู ท่ี 8.10 เปรียบเทียบวงจรกรองความถเ่ี สยี งแบบปรับค่าไดค้ วามถเ่ี ดยี ว
8.8 วงจรกราฟกิ อคิ วาไลเซอร์ปรบั หลายย่านความถี่
กราฟิกอิควาไลเซอร์ที่ผลิตขึ้นมาใช้งาน มีด้วยกันหลายแบบหลายชนิดแตกต่างกันไป ทั้งย่านการ
ปรับแต่งความถี่เสียง อุปกรณ์ที่นำมาใช้งาน และรูปร่างลักษณะของเคร่ือง ย่านความถี่เสียงท่ีใช้ปรับแต่งมีอย่าง
น้อย 5 ย่าน และมากสุดถึง 31 ย่าน โดยแบ่งระยะห่างย่านความถี่เสียงใช้ปรับแต่งออกเท่าๆ กันแบบทวีคูณเป็น
จำนวนเทา่ แตล่ ะค่าความถสี่ ามารถปรับเพ่มิ ลดระดับความดังความถเี่ สียงออกมาได้ ± 10 dB หรือมากกวา่ วงจร
กราฟกิ อคิ วาไลเซอร์ชนิดปรบั แตง่ 5 ย่านความถี่เสยี ง แสดงดงั รปู ท่ี 8.11
รปู ท่ี 8.11 วงจรกราฟิกอิควาไลเซอรช์ นิดปรับแต่ง 5 ยา่ นความถ่เี สยี ง
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา........เครื่องเสียง......…………
ช่อื หน่วย............การควบคมุ เสียงทุ้มแหลมและกราฟฟกิ อคี วาไลเซอร์..................
แบบประเมนิ หลังการเรียนบทท่ี 8
ตอนท1ี่ อธบิ ายให้ได้ใจความถูกต้องสมบรู ณ์
1. วาดวงจรปรับเรง่ ลดความดงั เสยี ง และวงจรลาวด์เนสมา 1 วงจร พรอ้ มอธิบายการทำงานมาให้เข้าใจ
............................................................................................................................. ..............................................
.......................................................................................................................................... .................................
2. วาดวงจรแอกตฟี โทนคอนโทรลชนดิ ปรับเสียงทมุ้ แหลมมา 1 วงจร พรอ้ มอธิบายการทำงานมาให้เข้าใจ
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
3. จากกราฟคุณสมบัตติ ามรปู ท่ี 1 เป็นกราฟของวงจรอะไร บอกให้ทราบถงึ อะไรบา้ ง
+20 R1 +Vs
+
+10 VR1 - U1
(dB)
0 C1 R2
-10 1k 10k 100k C2 +R3
-2010 100 R4 - U2
(Hz)
รูปท่ี 1 รูปท่ี 2
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
4. จากรูปท่ี 2 คอื วงจรอะไร อธิบายการทำงานของวงจรมาใหเ้ ขา้ ใจ
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
5. วาดวงจรกราฟิกอคิ วาไลเซอรช์ นิดปรับแต่ง 5 ย่านความถ่ีเสียงมา 1 วงจร พร้อมอธิบายการทำงานของวงจร
มาใหเ้ ขา้ ใจ
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั วิชา..20105-2008..วิชา........เครอื่ งเสียง......…………
ชอ่ื หน่วย.............การควบคมุ เสียงท้มุ แหลมและกราฟฟิกอคี วาไลเซอร์....................
ตอนท2ี่ เขยี นเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลงในข้อทีถ่ ูกต้องที่สุด
1. วงจรท่ใี ชท้ ำหน้าทป่ี รับเร่งลดความดงั สญั ญาณเสยี งคืออะไร
ก. โวลมุ่ ข. ลาวดเ์ นส
ค. อคิ วาไลเซอร์ ง. โทนคอนโทรล
2. วงจรท่ีใช้ทำหน้าที่เพ่ิมระดับเสียงทุ้มแหลมให้ออกเอาต์พุตมากขึ้นขณะเปิดเครื่องขยายเสียงเบาๆ
คอื อะไร
ก. โวลมุ่ ข. ลาวด์เนส
ค. อคิ วาไลเซอร์ ง. โทนคอนโทรล
3. ข้อใดเปน็ คณุ สมบัติของวงจรโทนคอนโทรล
ก. เพ่มิ การป้อนกลบั แบบลบให้วงจรทำงานน้อยลง
ข. ปรับเพ่ิมลดสัญญาณเสยี งทุกความถ่ี
ค. ปรับเพ่ิมลดสญั ญาณเสียงทุ้มแหลม
ง. เพิ่มอตั ราขยายเสียงให้วงจร
4. R1=10kW VR1=100kWA R2=1kW วงจรตามรูปเป็นวงจรอะไร
C1=1F 33Cn2F 3C330nF ก. ปรับเปล่ียนความถผ่ี ่าน
+ 10kRW3 1Rk5W ข. ปรบั กรองความถร่ี บกวน
ค. ปรับเพ่ิมลดเสียงทุ้มแหลม
10kRW4 ง. ปรับลดทอนเสยี งท้มุ แหลม
C4=15nF VR2=100kWA C5=150nF
5. จากรูปขอ้ 4 อุปกรณส์ ว่ นใดทำหน้าท่ีเปน็ วงจรกรองความถ่ีสงู ผา่ น
ก. C2, C3, VR1 ข. R4, R5, VR2
ค. C4, C5, R4, R5, VR2 ง. C2, C3, R1, R2, R3, VR1
6. จากรูปขอ้ 4 อปุ กรณส์ ว่ นใดทำหน้าท่เี ป็นวงจรกรองความถตี่ ่ำผา่ น
ก. C2, C3, VR1 ข. R4, R5, VR2
ค. C4, C5, R4, R5, VR2 ง. C2, C3, R1, R2, R3, VR1
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา........เครอื่ งเสยี ง......…………
ชื่อหน่วย...........การควบคมุ เสียงทุ้มแหลมและกราฟฟกิ อีควาไลเซอร์........................
7. จากรปู ขอ้ 4 เมื่อปรับ VR1 ไปทางซ้ายจะเกิดผลเชน่ ไร
ก. ความถี่ตำ่ ออกเอาตพ์ ุตน้อยลง ข. ความถ่ีตำ่ ออกเอาต์พุตมากขึ้น
ค. ความถีส่ ูงออกเอาต์พุตน้อยลง ง. ความถ่สี ูงออกเอาต์พตุ มากขน้ึ
8. ระดบั ความดังของสญั ญาณเสียงค่าใดแสดงให้ทราบว่าเสยี งถูกลดทอนมากท่สี ดุ
ก. 0 dB ข. – 5 dB
ค.– 10 dB ง. + 10 dB
9. วงจรแทรปท่ีใช้ในวงจรปรับแต่งเสียงทำหน้าทีอ่ ะไร
ก. ดักสญั ญาณความถี่เรโซแนนซ์ ข. ปอ้ งกันสญั ญาณรบกวนผ่าน
ค. กำหนดความถี่เสียงผ่าน ง. ลดความดังเสียง
10. วงจรไจเรเตอรค์ ือวงจรอะไร
ก. กำหนดคา่ ความถ่ผี า่ น ข. ขยายความถ่เี ฉพาะค่า
ค. กรองความถ่สี ูงต่ำผา่ น ง. ตวั เหนย่ี วนำแบบแอกตีฟ
พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เครื่องเสยี ง......…………
ช่อื หน่วย..............การควบคมุ เสยี งทมุ้ แหลมและกราฟฟิกอีควาไลเซอร์..................
เร่อื ง การควบคมุ เสียงทมุ้ แหลมและกราฟฟิกอีควาไลเซอร์ จำนวนชัว่ โมงทีส่ อน 4 ชั่วโมง
ใบงานที่ 8 วงจรปรบั แต่งเสยี งทุ้มแหลม แบบกรองผ่านสัญญาณเสยี ง
ผลการเรยี นร้ทู ่ีคาดหวงั
1. ประกอบวงจรปรบั แตง่ เสยี งท้มุ แหลมแบบกรองผา่ นสญั ญาณเสยี งได้
2. ใชอ้ อสซลิ โลสโคปวดั และบนั ทกึ รปู สญั ญาณตามจุดตา่ งๆ ในวงจรได้
3. ใช้วัสดุถกู ต้องพอเพียง
เครือ่ งมือและอุปกรณ์
1. ตวั ตา้ นทาน 10 kW ; 0.25 W 3 ตวั
2. ตัวตา้ นทาน 4.7 kW ; 0.25 W 1 ตัว
3. ตัวตา้ นทานปรบั เปล่ียนคา่ ได้ 100 kWA ; 1 W 2 ตวั
4. ตัวเก็บประจุ 3.3 nF, 33 nF ; 50 V ค่าละ 2 ตวั
5. ตวั เก็บประจุ 1 F ; 25 V 1 ตวั
6. เครื่องกำเนดิ สัญญาณเสยี ง 1 เคร่ือง
7. ออสซลิ โลสโคปชนดิ สองเส้นภาพพร้อมสายโพรบ 1 เครื่อง
8. แผงประกอบวงจรและสายตอ่ วงจร 1 ชุด
ลำดบั ขน้ั การทดลอง
1. ประกอบวงจรตามรูปท่ี 8.1
10Rk1W (Log) 10Rk2W
VR1=100kWA
33Cn2F 3C33nF
C1+ 10kRW3 CH1 CH2
1F 4.7kRW4
C4 C5
3.3nF VR2=(L1o0g0)kWA 3.3nF
รปู ที่ 8.1 วงจรปรบั แต่งเสยี งทมุ้ แหลมแบบกรองผ่านสญั ญาณเสียง
2. ปรบั แต่งออสซลิ โลสโคปให้พรอ้ มใช้งาน
3. ปรับเคร่ืองกำเนิดสัญญาณเสียงไปท่ีตำแหน่งคล่ืนไซน์ ปรับความถี่เสียงที่ 20 Hz ปรับความแรงของ
สญั ญาณเสียงทีส่ ่งออกใหไ้ ด้ 200 mVP-P
พส.14
ใบปฎบิ ตั ิงาน (Operation Sheets)
รหสั วิชา..20105-2008..วิชา........เครือ่ งเสยี ง......…………
ช่ือหน่วย..............การควบคุมเสยี งท้มุ แหลมและกราฟฟิกอีควาไลเซอร์..................
เร่อื ง การควบคุมเสียงทุ้มแหลมและกราฟฟิกอีควาไลเซอร์ จำนวนชัว่ โมงทีส่ อน 4 ชั่วโมง
4. ป้อนสัญญาณเสียงคล่ืนไซน์เข้าวงจร วัดสัญญาณเสียงในวงจรด้วยออสซิลโลสโคป โดยการปรับโวลุ่ม
ปรับเสียงทุ้มแหลม VR1, VR2 ปรับไว้ท่ีลดสัญญาณต่ำสุด (ปรับขากลางไปทาง ขวาสุด) ปรับไว้ที่กึ่งกลาง (ปรับขา
กลางไวก้ ึ่งกลาง) และปรบั ไว้ทเ่ี พ่ิมสัญญาณสงู สุด (ปรับขากลางไปทางซา้ ยสุด) วดั ความแรงสญั ญาณเสียงอินพุตและ
เอาต์พตุ ที่จอออสซิลโลสโคปทกุ ตำแหนง่ การปรับ บันทกึ ค่าลงในตารางที่ 8.1 แถวความถ่ี 20 Hz ช่องแรงดันไฟฟ้า
อินพตุ และเอาตพ์ ตุ ทกุ คา่ การปรบั แต่ง VR1, VR2
ตารางท่ี 8.1 ค่าแรงดันไฟฟ้าสญั ญาณเสียงอินพุตและเอาต์พุตที่วดั ไดด้ ้วยออสซิลโลสโคป
ความถ่ี แรงดันไฟฟา้ แรงดนั ไฟฟา้ เอาต์พุต VR1 (VP-P) แรงดนั ไฟฟ้าเอาตพ์ ุต VR2 (VP-P)
(Hz) อินพตุ
(VP-P) ลดตำ่ สดุ กึ่งกลาง เพมิ่ สงู สดุ ลดตำ่ สุด กง่ึ กลาง เพมิ่ สงู สดุ
(ขวาสดุ ) (ซ้ายสุด) (ขวาสดุ ) (ซา้ ยสดุ )
100
300
500
800
1k
3k
5k
8k
10 k
15 k
สรุปผลการทดลอง
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
คำถามและการวิเคราะห์
1. ผลการปรับแต่งเสียงทุ้มแหลมทว่ี ัดไดใ้ นตารางท่ี 8.1 มผี ลเป็นอยา่ งไร
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
พส.15
ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)
รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เครือ่ งเสียง......…………
ชอื่ หน่วย..............การควบคุมเสียงทุม้ แหลมและกราฟฟิกอีควาไลเซอร์..................
เรื่อง การควบคมุ เสียงท้มุ แหลมและกราฟฟิกอคี วาไลเซอร์ จำนวนช่ัวโมงทส่ี อน 4 ชั่วโมง
4. ป้อนสัญญาณเสียงคลื่นไซน์เข้าวงจร วัดสัญญาณเสียงในวงจรด้วยออสซิลโลสโคป โดยการปรับโวลุ่ม
ปรับเสียงทุ้มแหลม VR1, VR2 ปรับไว้ท่ีลดสัญญาณต่ำสุด (ปรับขากลางไปทาง ขวาสุด) ปรับไว้ที่กึ่งกลาง (ปรับขา
กลางไว้กึ่งกลาง) และปรับไว้ที่เพมิ่ สัญญาณสงู สุด (ปรบั ขากลางไปทางซา้ ยสุด) วดั ความแรงสัญญาณเสียงอินพุตและ
เอาต์พุตที่จอออสซิลโลสโคปทกุ ตำแหนง่ การปรับ บันทกึ ค่าลงในตารางท่ี 8.1 แถวความถี่ 20 Hz ช่องแรงดันไฟฟ้า
อินพุตและเอาต์พุตทุกค่าการปรบั แตง่ VR1, VR2
ตารางท่ี 8.1 ค่าแรงดนั ไฟฟา้ สญั ญาณเสียงอนิ พุตและเอาต์พุตท่วี ดั ไดด้ ้วยออสซิลโลสโคป
ความถี่ แรงดันไฟฟา้ แรงดนั ไฟฟ้าเอาต์พุต VR1 (VP-P) แรงดันไฟฟ้าเอาตพ์ ุต VR2 (VP-P)
(Hz) อนิ พุต
(VP-P) ลดต่ำสุด กึ่งกลาง เพม่ิ สูงสดุ ลดตำ่ สดุ ก่ึงกลาง เพม่ิ สงู สดุ
(ขวาสุด) (ซา้ ยสดุ ) (ขวาสดุ ) (ซ้ายสดุ )
100
300
500
800
1k
3k
5k
8k
10 k
15 k
สรุปผลการทดลอง
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
คำถามและการวิเคราะห์
1. ผลการปรับแต่งเสยี งทุ้มแหลมทว่ี ดั ได้ในตารางที่ 8.1 มีผลเปน็ อยา่ งไร
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
พส.16
ใบกจิ กรรมท่ี 8
รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เครอื่ งเสยี ง......…………ท-ป-น 1-3-2 สอนครง้ั ท่ี 8
ช่ือหน่วย...การควบคุมเสียงทุม้ แหลมและกราฟฟิกอคี วาไลเซอร์.........เวลา 4 ชั่วโมง
ชือ่ กิจกรรม...การควบคุมเสยี งทุ้มแหลมและกราฟฟกิ อคี วาไลเซอร์.....เวลา ....4....ช่วั โมง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
วสั ดุ/อุปกรณ์
คำส่ัง
แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยที่ 8 การควบคมุ เสียงทมุ้ แหลมและกราฟฟกิ อคี วาไลเซอร์
แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยท่ี 8 การควบคุมเสียงทมุ้ แหลมและกราฟฟิกอคี วาไลเซอร์
แบบทดสอบท้าย หนว่ ยที่ 8 การควบคมุ เสียงทมุ้ แหลมและกราฟฟิกอคี วาไลเซอร์
การประเมินผล
หนังสอื ประกอบการเรยี นรายวิชา เครื่องเสียง
ใบงานการทดลอง
พส.8
กรอบการจดั การเรียนร้แู บบบรู ณาการเป็นเร่อื ง/ชิ้นงาน/โครงการ
และบูรณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
สมรรถนะดา้ นความมีเหตผุ ล สมรรถนะด้านความพอประมาณ สมรรถนะดา้ นความมภี มู คิ มุ้ กัน
1. สามารถปฏิบตั ิงานไฟฟ้าด้วยความปลอดภัย 1.นักเรยี นเตรียมเคร่ืองมือได้ถูกตอ้ งตามขั้นตอน 1.นกั เรยี นทำงานด้วยความมวี ินยั รอบคอบ
อดทน รกั ษาความปลอดภัยและส่ิงแวดลอ้ ม
2. ใช้วสั ดุ และอปุ กรณ์อย่างประหยัด และคุ้มค่า หา่ งไกลยาเสพตดิ
โดยใหผ้ ู้เรยี นใช้สมดุ ท่ใี ชแ้ ลว้ แต่มีหน้ากระดาษ
เหลือเยอะ เพอ่ื ใหร้ จู้ ักความประหยัดและ
พอประมาณ
เงอื่ นไขดา้ นความร้แู ละทกั ษะ การขยายเสียงภาคต้น เงื่อนไขด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม
และการผสม ค่านิยม คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์
1.บอกคุณสมบัติของไฟฟ้าได้ สัญญาณเสียง
2.บอกถึงอนั ตรายของไฟฟา้ ตอ่ รา่ งกายมนุษย์ 1.หม่นั เพียร เสาะแสวงหาความรูเ้ พิ่มเติม ท่ีชว่ ย
ได้ แบง่ ปนั ความเอ้อื เฟอ้ื เผอ่ื แผน่ อกเหนือจากการ
3.อธบิ ายข้อควรปฎบิ ัติในการใช้ไฟฟา้ อย่าง เรียนการสอนใหก้ บั ตนเอง ความ
ถูกต้องปลอดภยั ได้ 2.มีระเบียบวนิ ัยปฏบิ ตั ิตามกฎของวิทยาลยั ฯ ตรง
4.บอกวิธีการปฏิบตั ิงานดา้ นไฟฟ้าอยา่ ง ต่อเวลา มีความขยนั หมัน่ เพียรเสาะแสวงหาความรู้
เพม่ิ เติม ท่ีนอกเหนือจากการเรียนการสอนใหก้ ับ
ปลอดภยั ได้ ตนเอง
5.แสดงวิธกี ารชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบอันตราย
จากไฟฟ้าดดู ได้ 3มีคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมเหมาะสำหรับการเปน็
6.แสดงวิธกี ารปฐมพยาบาลผู้ประสบ ชา่ งทด่ี ีต่อไปในอนาคต
อันตรายจากไฟฟ้าดูดได้ 4.มีความซ่ือสตั ยส์ ุจริตไมเ่ หน็ แกป่ ระโยชนส์ ่วนตวั
มากกว่าส่วนรวม
5.มีคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ มและคณุ ลกั ษณะอัน
พึงประสงค์
ผลกระทบเพ่ือความสมดุล พร้อมรบั การเปลี่ยนแปลง
ดา้ นสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านวฒั นธรรม ด้านส่ิงแวดล้อม
1.ผเู้ รยี นมีระเบยี บวนิ ัย รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ที่ 1.สามารถลดรายจา่ ยท่ีจะเกิดขึน้ จากไฟฟ้า 1.สรา้ งวฒั นธรรมในการเรียนรู้ท่ดี ีสำหรบั 1.ในการทำงานต้องใช้วสั ดุ เชน่ กระดาษ
และมีภูมิคุ้มกันหา่ งไกลยาเสพติด ลดั วง ท่ที ำใหเ้ สยี ชวี ิตและทรพั ยส์ นิ แก่ ผูเ้ รียน ทำใหผ้ เู้ รียนมีความมนั่ ใจ และมคี วาม ปากกา รวมทั้งอปุ กรณ์อืน่ ๆ ที่เกย่ี ว โดยเน้น
เจา้ ของ พร้อมในการศึกษาเรยี นรู้ด้วยตนเองต่อไป ใหผ้ ู้ทเ่ี รียนประหยดั การใช้หรืออาจนำมาใช้
กจิ การหรือประหยดั งบประมาณในปอ้ งกัน เพือ่ ให้ประหยัดมากขึ้น
อัคคภี ัย
หมายเหตุ หากเป็นการบรู ณาการในหน่วยการเรยี นรหู้ น่วยใดหนว่ ยหนงึ่ ใหน้ ำแผนภมู ินไ้ี ปนำเสนอในหน่วยการเรียนรนู้ ั้น
แผนการจดั การเรยี นรู้ พส.9
รหัสวชิ า 20105-2008 วชิ า เครอ่ื งเสยี ง ท-ป-น 1-3-2 หนว่ ยท่ี 9
เวลารวม 72 ชม.
ช่อื หน่วย การขยายเสียงภาคต้นและการผสมสัญญาณเสียง สัปดาห์ 10-11/18
เร่อื ง การขยายเสียงภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสยี ง จำนวน 8 ชม.
1. สาระสำคญั
สัญญาณเสยี งที่กำเนิดข้ึนมาจากแหล่งกำเนิดเสียงทแี่ ตกต่างกัน มีระดับความแรงเสียงแตกต่างกนั เม่อื ผา่ น
การขยายเสียงออกมาทำให้เสียงมีความดังไม่สม่ำเสมอ แก้ไขได้โดยการใส่วงจรขยายภาคต้น หรือวงจรปรีแอมปลิ
ฟายเออร์เข้าไปช่วยในการขยาย โดยปรับระดับความดงั เสยี งให้ออกมามีความดังเสยี งใกลเ้ คียงกัน วงจรปรีแอมปลิ
ฟายเออร์สร้างขนึ้ มาไดจ้ ากอปุ กรณ์สารกงึ่ ตวั นำหลายชนิด เช่น ทรานซิสเตอร์ เฟต และ IC ออปแอมป์
สัญญาณเสียงที่ส่งเข้าวงจรขยายเสียง ในสภาวะปกติจะสามารถรับสัญญาณเสียงเข้ามาทำการขยายได้
เพียงครั้งละหนึ่งอินพุตเท่านั้น การใช้งานขยายสัญญาณเสียงบางครั้งมีความจำเป็น ต้องใช้สัญญาณเสียงอินพุต
พร้อมกันมากกวา่ หนึ่งอินพุต สามารถทำได้โดยใช้มิกเซอร์หรือตัวผสมสัญญาณเสียง ทำหนา้ ที่รวมสัญญาณเสยี งทุก
อินพุตที่ส่งเข้ามาให้เป็นสัญญาณเสียงเพียงชุดเดียว ทำให้ได้สัญญาณเสียงส่งออกเอาต์พุต เป็นเสียงจากอินพุตทุก
อินพตุ ทส่ี ง่ เข้ามาส่งรวมกนั ส่งออกไปใชง้ านตามความต้องการ
2. สมรรถนะประจำหนว่ ย
ขยายเสียงภาคแรก และผสมสญั ญาณเสียงได้
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. บอกความสำคัญของหลกั การขยายเสียงภาคต้นได้ (ดา้ นพทุ ธิพสิ ยั )
2. อธิบายวงจรขยายภาคตน้ แตล่ ะแบบได้ (ดา้ นพุทธิพสิ ัย)
3. อธิบายวงจรผสมสัญญาณเสียงแตล่ ะแบบได้ (ดา้ นพทุ ธิพิสัย)
4. อธบิ ายการทำงานของวงจรมิกเซอรช์ นดิ มภี าคขยายแยกเปน็ ชุดได้ (ด้านพทุ ธิพิสัย)
5. เขยี นวงจรขยายภาคตน้ ได้ (ด้านทักษะพิสัย)
6. ชใ้ี หเ้ หน็ ถึงประโยชนข์ องการเช่อื มตโ่ ดยตรงได้ (ดา้ นเจตพิสยั )
4. สาระการเรียนรู้
1. การขยายเสียงภาคตน้
2. วงจรขยายภาคต้น
3. การผสมสัญญาณเสยี ง
4. วงจรมกิ เซอร์ชนดิ มภี าคขยายแยกเป็นชุด
5. การออกแบบการจัดการเรยี นรู้
1. การเตรียมใบงานให้สอดคล้องกบั หนว่ ยการเรยี นการสอน
2. การเตรยี มการสอนในแต่ละสปั ดาห์
3. การสอนแบบสาธติ
4. การทดลองจรงิ ได้จัดทำวงจรเองและได้สรา้ งเคร่อื งเสียงเองได้
5. ผสู้ อนให้ผเู้ รยี นทำใบงานที่ 9 การขยายเสยี งภาคตน้ และการผสมสญั ญาณเสยี ง
6. ผู้สอนใหผ้ ้เู รียนทำแบบฝกึ หัด หน่วยที่ 9
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขน้ั นำ
1. ผสู้ อนช้แี จงหวั ข้อการเรยี นและจุดประสงคก์ ารเรยี นประจำหน่วยที่ 9 การขยายเสยี งภาคต้นและการผสม
สัญญาณเสียง
2. ผสู้ อนให้ผ้เู รยี นแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับการขยายเสียงภาคต้นและการผสมสญั ญาณเสยี ง
ข้ันสอน
1. ผ้สู อนเปิดงานนำเสนอวิชา เครื่องเสยี ง หน่วยที่ 9 การขยายเสยี งภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสยี ง
2. ผู้สอนให้ผู้เรียนเปิดเอกสารประกอบการสอนวิชา เครื่องเสียง หน่วยท่ี 9การขยายเสียงภาคต้นและการ
ผสมสญั ญาณเสยี ง
3. ผ้สู อนเปดิ โอกาสใหผ้ ูเ้ รยี นซักถามในขอ้ สงสัยเมอ่ื อธบิ ายเนื้อหาในหน่วยเรยี นจบ
ขน้ั ประยกุ ต์ใช้
1. ผู้สอนให้ผ้เู รยี นทำใบงานท่ี 9 วงจรปรแี อมปลฟิ ายเออร์ ชนดิ ใช้ทรานซสิ เตอร์ 2 ตวั
2. ผ้สู อนให้ผ้เู รยี นทำแบบฝกึ หัด หนว่ ยที่ 9
ข้นั สรุป
1.ผู้สอนร่วมกับผู้เรียนทบทวนความเข้าใจและสรุปเนื้อหาในหน่วยที่ 9 การขยายเสียงภาคต้นและการผสม
สญั ญาณเสียง
2.ใหม้ ีความเขา้ ใจในทศิ ทางเดยี วกัน
3.ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นทำแผนผังความคิดสรุปเน้ือหาหน่วยท่ี 9 การขยายเสยี งภาคต้นและการผสมสัญญาณเสยี ง
7. บรรยากาศทีส่ ่งเสรมิ และพัฒนาผู้เรยี น
สภาพห้องเรียน สะอาดหน้าเรียน ผู้เรียนมีความสนใจในการเรียน ผเู้ รียนไดแ้ สดงความคิดเห็นแลกเปล่ียน
ความรู้ ส่งผลให้เกดิ ผลใหเ้ กิดเรียนรู้ทดี่ ี
8. คุณธรรม จรยิ ธรรมประจำหนว่ ย
มคี วามซื่อสัตย์ มีความรับผดิ ชอบ ความตอ่ เวลา มีคณุ ธรรม
9. สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้
1. เอกสารประกอบการเรยี นเร่อื ง การขยายเสียงภาคต้นและการผสมสัญญาณเสียง
2. ใบงาน
3. ของจรงิ
4. Google Classroom
5. Power point เรื่อง การขยายเสียงภาคต้นและการผสมสญั ญาณเสียง
10. การวัดผลและประเมินผล
10.1แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยท่ี 9 การขยายเสียงภาคต้นและการผสมสัญญาณเสียง
10.2แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 9 การขยายเสยี งภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสียง
10.3 แบบทดสอบท้าย หน่วยท่ี 9 การขยายเสยี งภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสียง
11. หลักฐานการเรยี นรู้
1.สมดุ จดงาน
2.แบบทดสอบประจำหน่วยการเรียน
12. เอกสารอ้างอิง
- หนงั สือประกอบการเรียนรายวิชา เคร่ืองเสียง
พส.10
เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการประเมิน
รหสั วิชา 20105-2008 วิชา เครือ่ งเสยี ง ท-ป-น 1-3-2
แบบประเมินแบบประมาณค่า (Ratting scale) เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
5 4 3 21
ประเดน็ การประเมนิ
1.บอกความสำคญั ของหลกั การขยายเสียงภาคตน้ ได้ (ดา้ นพทุ ธิพิสยั )
2.อธิบายวงจรขยายภาคต้นแตล่ ะแบบได้ (ด้านพทุ ธิพิสัย)
3.อธิบายวงจรผสมสญั ญาณเสยี งแตล่ ะแบบได้ (ดา้ นพทุ ธิพสิ ยั )
4.อธิบายการทำงานของวงจรมิกเซอร์ชนิดมีภาคขยายแยกเป็นชุดได้ (ด้านพุทธิ
พสิ ัย)
5.เขียนวงจรขยายภาคต้น ได้ (ด้านทกั ษะพสิ ัย)
6.ชีใ้ ห้เหน็ ถึงประโยชนข์ องการเชอ่ื มต่โดยตรงได้ (ด้านเจตพสิ ยั )
รวม
รวมท้งั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)
พส.11
บนั ทึกหลงั การเรียนรู้
รหัสวชิ า 20105-2008 ชอ่ื วิชา เครอ่ื งเสียง ระดับช้นั ปวช 2 หอ้ ง 1,2
แผนกวชิ า อิเลก็ ทรอนิกส์ สัปดาหท์ ่ี วนั ท่สี อน
หนว่ ยท่ี..9...ช่ือหนว่ ย การขยายเสียงภาคต้นและการผสมสญั ญาณเสยี ง จำนวน 8 ชวั่ โมง
จำนวนผู้เรียน คน มาเรียน คน ขาดเรียน คน ลาปว่ ย คน ลากิจ คน
1. ผลการจดั การเรียนรู้
…............................................................................................................................................ ……………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………….
…............................................................................................................................................ ……………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………….
…............................................................................................................................................ ……………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……………….
2. ปัญหาและอุปสรรค
……..............................................................................................................……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……..................................................………………………………..………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……..................................................………………………………..………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
3.ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………..
ความคดิ เหน็ ............................................................................ ลงชื่อ...........................................ครผู สู้ อน
................................................................................................ (....นายอนนท์....ทาเทียว....)
................................................................................................ .........../................/............
ลงชือ่ ...........................................หัวหน้าแผนกวิชา ความเหน็ ............................................................................
(.....นางรศั มี....นลิ เนตร.....) ................................................................................................
........../................/............ ................................................................................................
ลงชือ่ ...........................................รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ
( นางสาวนิศากร เจรญิ ดี )
............/................../............
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา…………..…เครอ่ื งเสียง..............................…
ชอ่ื หน่วย...............การขยายเสียงภาคต้นและการผสมสัญญาณเสียง................
เร่ือง.......การขยายเสียงภาคต้นและการผสมสญั ญาณเสยี ง..............จำนวนชั่วโมงสอน.......4...ชวั่ โมง......
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ รายการเรยี นรู้
- จดุ ประสงค์ทวั่ ไป
1.อธบิ ายวงจรขยายภาคต้นแต่ละแบบอย่างถูกต้องเป็นลำดับ 1.การขยายเสยี งภาคต้น
(ดา้ นพุทธิพิสัย) 2.วงจรขยายภาคต้น
2.อธิบายวงจรการผสมสญั ญาณเสยี งแตล่ ะแบบอยา่ งละเอียด 3.การผสมสัญญาณเสียง
ชดั เจน (ด้านทักษะพิสัย) 4.วงจรมิกเซอร์ชนิดมภี าคขยายแยกเปน็ ชุด
3.นำวงจรขยายภาคตน้ และวงจรผสมสญั ญาณเสียงไปใช้งาน
อย่างเหมาะสมตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ (ดา้ นจติ พสิ ยั )
- จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม
1.บอกความสำคัญของหลักการขยายเสียงภาคต้นได้ (ด้าน
พุทธพิ ิสยั )
2.อธบิ ายวงจรขยายภาคต้นแต่ละแบบได้ (ด้านพทุ ธพิ สิ ัย)
3.อธบิ ายวงจรผสมสัญญาณเสยี งแต่ละแบบได้ (ด้านพทุ ธิพิสยั )
4.อธิบายการทำงานของวงจรมกิ เซอร์ชนิดมีภาคขยายแยกเป็น
ชุดได้ (ด้านพทุ ธพิ สิ ัย)
5.เขยี นวงจรขยายภาคตน้ ได้ (ดา้ นทักษะพิสยั )
6.ช้ีให้เห็นถึงประโยชน์ของการเชื่อมต่โดยตรงได้ (ด้านเจต
พิสัย)
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหสั วิชา..20105-2008..วิชา....................เครื่องเสียง............…………………
ช่ือหน่วย.............การขยายเสยี งภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสียง.............................
9.1 การขยายเสียงภาคตน้
สญั ญาณเสียงท่ีกำเนดิ ขนึ้ มาจากแหล่งกำเนิดเสียงทแี่ ตกตา่ งกัน จะมีระดับความแรงของสัญญาณเสียง
แตกต่างกันไป บางแหล่งกำเนิดมีความแรงมาก บางแหล่งกำเนิดมคี วามแรงน้อย ความแรงของสัญญาณเสียงท่ีไม่
เท่ากันน้ันเมื่อนำไปให้ทำการขยายสัญญาณเสียงในระดับอัตราการขยายที่เท่ากัน จะส่งผลต่อความแรงของ
สัญญาณเสียงท่ีถูกขยายออกมาแตกต่างกัน เกิดปัญหาต่อการนำไปใช้งาน เสียงเบาไปบ้างหรือเสียงดังไปบ้าง
ความดังของเสียงไม่สม่ำเสมอ ทำให้การได้ยินเสียงเกิดความรำคาญ เสียงขาดความไพเราะ ความไม่เหมาะสมที่
เกิดขน้ึ จำเปน็ ตอ้ งแก้ไขใหค้ วามดังของเสียงมีความสมำ่ เสมอ เพอื่ ใหง้ า่ ยและสะดวกตอ่ การใชง้ าน
การแก้ไขทำให้ความดังเสียงที่ผ่านวงจรขยายเสียงมาแล้วมีค่าความดังใกล้เคียงกัน ทำได้โดยการใส่
วงจรขยายภาคต้น หรือวงจรปรีแอมปลิฟายเออร์เข้าไปช่วยในการขยาย วงจรขยายภาคต้นน้ีทำหน้าท่ีขยาย
สัญญาณเสียงที่รับเข้ามามีระดับเสียงเบา ให้มีระดับความดังเสียงมากขึ้นแบบไม่ผิดเพ้ียน และควบคุมอัตราการ
ขยายสัญญาณเสียงมีระดับความดังเสียงไม่เท่ากันทุกค่า ที่ป้อนเข้ามา ให้มีระดับความดังของเสียงส่งออกใกล้เคียง
กนั โดยไมเ่ กิดความผิดเพยี้ น หลักการทำงานของวงจรขยายภาคต้น แสดงดังรูปท่ี 9.1
รูปที่ 9.1 หลักการทำงานของวงจรขยายภาคต้น
วงจรขยายภาคต้น หรือวงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ ทำหน้าท่ีขยายสัญญาณเสียงเป็นภาคแรก วงจร
สามารถสร้างขึ้นได้จากอุปกรณ์สารก่ึงตัวนำหลายชนิด เช่น ทรานซิสเตอร์ เฟต และ IC ออปแอมป์ เป็นต้น
นำไปใช้สร้างวงจรไดจ้ ากอปุ กรณห์ ลายชนิด หลายรูปแบบวงจร และหลายลักษณะการทำงาน โดยสามารถกำหนด
อัตราขยายสัญญาณเสียงไดต้ ามตอ้ งการ
9.2 วงจรขยายภาคต้น
วงจรขยายภาคต้น หรือวงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ เป็นวงจรขยายสัญญาณเสียงภาคแรกท่ีสามารถ
สร้างวงจรได้จากการใช้อุปกรณ์สารก่ึงตัวนำหลายชนิด ประกอบร่วมกับตัวต้านทานและตัวเก็บประจุ ทำหน้าท่ี
ขยายสัญญาณเสียงให้มีความดังเสียงเพ่ิมข้ึนระดับหน่ึง โดยสัญญาณ เสียงท่ีขยายออกมาต้องมีรูปร่างสัญญาณไม่
ผิดเพ้ียนไปจากเดิม การกำหนดอัตราขยายสัญญาณ เสียงข้ึนอยู่กับการจัดวงจรขยายตามความต้องการ สามารถ
จัดวงจรขยายได้หลายรูปแบบอุปกรณ์ หลายหน้าท่ีการใช้งาน และหลายค่าความแรงของอัตราขยาย มีลักษณะ
วงจรทำงานที่แตกต่างกันไป วงจรปรีแอมปลิฟายเออรผ์ ลิตใชง้ านด้วยทรานซสิ เตอร์ เฟต และ IC ออปแอมป์ เป็น
ดังนี้
1. วงจรปรีแอมปลฟิ ายเออร์ใชท้ รานซสิ เตอร์ เป็นวงจรขยายสญั ญาณเสียงภาคตน้ ท่ีใช้ทรานซสิ เตอร์
มาสร้างเป็นวงจรขยายเสียงข้ึนมา โดยจะใช้ทรานซิสเตอร์ต่อวงจรตั้งแต่ 1 ตัวข้ึนไป การจะใช้ตัวทรานซิสเตอร์
จำนวนเทา่ ไร ข้ึนอยกู่ บั ความต้องการอัตราการขยายสัญญาณ เสียงให้เพ่ิมขึ้นมากน้อยเพยี งไร วงจรปรีแอมปลิฟาย
เออร์ใชท้ รานซสิ เตอร์ แสดงดังรปู ที่ 9.2
รูปที่ 9.2 วงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ใชท้ รานซสิ เตอร์
2. วงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ใช้เฟต เป็นวงจรขยายสัญญาณเสียงภาคต้น ที่ใช้เฟตมาสร้างเป็น
วงจรขยายเสียงข้ึนมา เพราะดว้ ยคุณสมบัติในการทำงานคล้ายกับทรานซสิ เตอร์ แต่มีข้อดีกว่าทรานซิสเตอร์หลาย
ประการ เช่น มอี ิมพีแดนซ์สูง มีอัตราขยายสงู และมสี ัญญาณรบกวนต่ำ เป็นต้น โดยจะใชเ้ ฟตต่อวงจรทำงานต้งั แต่
1 ตัวข้ึนไป การจะใช้เฟตจำนวนเท่าไร ข้ึนอยู่กับความต้องการอัตราการขยายสัญญาณเสียงให้เพิ่มข้ึนมากน้อย
เพียงไร วงจรปรแี อมปลิฟายเออรใ์ ชเ้ ฟต แสดงดังรปู ท่ี 9.3
รปู ที่ 9.3 วงจรปรแี อมปลฟิ ายเออร์ใช้เฟต
3. วงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ใช้ออปแอมป์ เป็นวงจรขยายสัญญาณเสียงภาคต้น ท่ีใช้ออปแอมป์มา
สร้างเป็นวงจรขยายเสียงข้ึนมา ตัวออปแอมป์เป็น IC แบบแอนะลอกใช้งานได้ดีในวงจรขยายสัญญาณไฟฟ้า
กระแสสลับ ให้อัตราการขยายกำลังไม่สูงมาก แต่มีประสิทธิภาพของการขยายดีมาก มีสัญญาณรบกวนต่ำ ใช้
อุปกรณ์ประกอบวงจรน้อยช้ิน การต่อวงจรไม่ยุ่งยาก ปรับเปล่ียนอัตราขยายกำลังได้ตามต้องการ ทำให้ออป
แอมป์เป็น IC ท่ีนิยมใช้งานในวงจรขยายสัญญาณตา่ งๆ รวมทง้ั วงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ด้วย วงจรปรแี อมปลิฟาย
เออรแ์ บบใช้ออปแอมป์ แสดงดังรปู ท่ี 9.4
รูปท่ี 9.4 วงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ใช้ออปแอมป์
9.3 การผสมสัญญาณเสยี ง
สัญญาณเสียงท่ีส่งเข้าวงจรขยายเสียง ในสภาวะปกติจะสามารถรับสญั ญาณเสียงเขา้ มาทำการขยายได้
เพียงครั้งละหนึ่งอินพุตเท่าน้ัน ในการใช้งานขยายสัญญาณเสียงบางคร้ังมีความจำเป็นต้องการใช้แหล่ง
สัญญาณเสียงอินพุตในเวลาพร้อมกันมากกว่าหนึ่งอินพุต เช่น ต้องการใช้ไมโครโฟนพร้อมกันมากกว่าหน่ึงตัว
ต้องการใช้ไมโครโฟนรว่ มกับเคร่ืองเล่น CD และ DVD หรือต้องการให้เครื่องดนตรีหลายชนดิ สง่ เสียงเข้ามาพร้อมๆ
กัน เป็นต้น การจะทำให้สัญญาณเสียงถูกส่งเข้าวงจรขยายเสียงได้ในเวลาพร้อมกันมากกว่าหนึ่งอินพุต ทำได้โดย
เพิ่มอุปกรณ์ท่ีทำหน้าท่ีผสมสัญญาณเสียงจากแหล่งกำเนิดสัญญาณเสียงแต่ละแหล่งกำเนิดเข้าด้วยกัน อุปกรณ์ท่ี
ทำหน้าที่น้ีเรียกว่า ตัวผสมสัญญาณเสียง (Audio Mixer) หรือเรียกสั้นๆ ว่า มิกเซอร์ (Mixer) สามารถรวม
สัญญาณเสียงทุกอินพุตเข้าด้วยกันได้ พร้อมทั้งสามารถปรับระดับความแรงของสัญญาณเสียงจ่ายออกมาได้ตาม
ต้องการ ลักษณะเครอ่ื งมกิ เซอร์ แสดงดังรูปที่ 9.5
รูปท่ี 9.5 การเช่อื มต่อโดยตรงใชว้ งจรทรานซิสเตอร์
การสร้างวงจรมิกเซอร์แบบง่าย หรือแบบพ้ืนฐาน วงจรมิกเซอร์แต่ละชุดประกอบข้ึนด้วยขั้วต่ออินพุต
ต่อร่วมกับโวลุ่มปรับเพ่ิมลดความดังเสียง นำวงจรมิกเซอร์แต่ละชุดดังกล่าวมาต่อขนานกันท้ังหมด และนำไปต่อ
เข้าวงจรขยายเสียงเพียงชุดเดียวขยายสัญญาณเสียงที่ผสมน้ันก่อนส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียง ลักษณะวงจร
มกิ เซอร์แบบพ้นื ฐานแตล่ ะชนดิ เป็นดังนี้
1. วงจรมิกเซอร์แบบพื้นฐานใช้ภาคขยายทรานซิสเตอร์ วงจรมิกเซอร์แต่ละอินพุตประกอบด้วย
ขั้วต่ออินพุต ต่อไปเข้าตัวต้านทานปรับค่าได้ ต่อขากลางตัวต้านทานปรับค่าได้เป็นข้ัวจ่ายสัญญาณเสียงออก นำ
วงจรมิกเซอรแ์ ต่ละชุดที่ขากลางตัวต้านทานปรับค่าได้มาต่อรวมกนั ทง้ั หมด นำไปต่อเข้าวงจรขยายเสียงท่ีสร้างจาก
วงจรขยายทรานซิสเตอร์ วงจรมิกเซอร์แบบพ้นื ฐานใช้ภาคขยายทรานซสิ เตอร์ แสดงดังรูปท่ี 9.6
รปู ท่ี 9.6 วงจรมิกเซอร์แบบพื้นฐานใชภ้ าคขยายทรานซสิ เตอร์
2. วงจรมิกเซอร์แบบพ้ืนฐานใช้ภาคขยายเฟต วงจรมิกเซอร์ใช้ภาคขยายเฟตแบบนี้ มีลักษณะวงจร
คลา้ ยวงจรมกิ เซอรแ์ บบพน้ื ฐานใชภ้ าคขยายทรานซสิ เตอร์ โดยแต่ละอินพตุ ประกอบ ด้วยขว้ั ต่ออินพตุ ตอ่ ไปเข้าตัว
ต้านทานปรับค่าได้ ต่อขากลางตัวต้านทานปรับค่าได้เป็นข้ัวจ่ายสัญญาณเสียงออก นำวงจรมิกเซอร์แต่ละชุดที่ขา
กลางตัวต้านทานปรับค่าได้มาต่อรวมกันทั้งหมด นำไปต่อเข้าวงจรขยายเสียงท่ีสร้างจากวงจรขยายเฟต วงจร
มกิ เซอรแ์ บบพ้ืนฐานใช้ภาคขยายเฟต แสดงดังรูปที่ 9.7
รูปที่ 9.7 วงจรมิกเซอรแ์ บบพ้ืนฐานใช้ภาคขยายเฟต
3. วงจรมิกเซอร์แบบพ้ืนฐานใช้ภาคขยาย IC ออปแอมป์ วงจรมิกเซอร์ใช้ภาคขยาย IC ออปแอมป์
แบบนี้ มีลักษณะวงจรคล้ายวงจรมิกเซอร์แบบพื้นฐานใช้ภาคขยายทรานซิสเตอร์ และเฟต โดยแต่ละอินพุต
ประกอบด้วยข้ัวต่ออินพุต ต่อไปเข้าตัวต้านทานปรับค่าได้ ต่อขากลางตัวต้านทาน ปรับค่าได้เป็นขั้วจ่าย
สัญญาณเสียงออก นำวงจรมิกเซอร์แต่ละชุดท่ีขากลางตัวต้านทานปรับค่าได้มาต่อรวมกันทั้งหมด นำไปต่อเข้า
วงจรขยายเสียงที่สร้างจากวงจรขยาย IC ออปแอมป์ วงจรมิกเซอร์แบบพื้นฐานใช้ภาคขยาย IC ออปแอมป์ แสดง
ดังรูปท่ี 9.8
รปู ท่ี 9.8 วงจรมกิ เซอรแ์ บบพนื้ ฐานใชภ้ าคขยาย IC ออปแอมป์
วงจรมิกเซอร์แบบพ้ืนฐานดังกล่าว จะเห็นว่าสัญญาณเสียงแต่ละอินพุตที่ส่งเข้ามาไม่มีการขยายเสียง
สัญญาณเสียงจะถกู ลดทอนเพยี งอย่างเดียว ส่งผา่ นไปเข้าวงจรขยายเสียงรวมเพยี งชดุ เดียว ทำใหป้ ระสิทธิภาพการ
ควบคุมการทำงานของวงจรต่ำ สัญญาณเสียงท่ไี ด้ออกมาไม่มีคุณภาพ การควบคุมในการผสมสญั ญาณเสยี งทำได้
ยาก เป็นวงจรมกิ เซอรช์ นิดที่ไม่เป็นท่ีนยิ มใชง้ าน
9.4 วงจรมิกเซอร์ชนิดมภี าคขยายแยกเปน็ ชุด
วงจรมิกเซอร์ท่ีนิยมผลิตข้ึนมาใช้งาน เป็นชนิดที่แต่ละอินพุตป้อนสัญญาณเสียงเข้ามา จะถูกส่งผ่าน
เขา้ วงจรขยายเสยี งเบือ้ งต้นก่อน เสมือนเป็นวงจรขยายเสียงภาคต้นของแตล่ ะอินพุตโดยเฉพาะแยกเป็นอสิ ระ ทำ
ให้สัญญาณเสียงแต่ละอนิ พตุ ถกู ขยายให้มคี วามแรงเพ่มิ ขึ้นระดับหน่ึง การปรับแตง่ ควบคุมสัญญาณเสียงกอ่ นส่งไป
เข้าวงจรมิกเซอร์ทำไดง้ ่ายข้นึ ไดค้ ุณภาพและประสิทธิภาพของสญั ญาณเสียงเพ่ิมข้ึน วงจรมิกเซอร์ชนดิ มีภาคขยาย
แยกเป็นชุด แสดงดังรปู ท่ี 9.9
รปู ท่ี 9.9 วงจรมกิ เซอร์ชนิดมีภาคขยายแยกเป็นชดุ
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา........เครื่องเสียง......…………
ชอ่ื หน่วย............การขยายเสียงภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสยี ง..................
แบบประเมนิ หลงั การเรียนบทที่ 9
ตอนท1ี่ อธบิ ายใหไ้ ด้ใจความถกู ต้องสมบูรณ์
1. บอกหลกั การทำงานของการขยายเสียงภาคตน้ มาใหเ้ ข้าใจ
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
2. เขียนวงจรขยายสัญญาณเสยี งภาคต้นท่ีใช้เฟตมา 1 วงจร พร้อมอธิบายการทำงานมาให้เขา้ ใจ
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
3. การผสมสัญญาณเสียงในระบบเสียงคืออะไร นำไปใชป้ ระโยชนอ์ ะไรไดบ้ ้าง
............................................................................................................................. ..............................................
..................................................................................................................................... ......................................
............................................................................................ ...............................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
4. เขียนวงจรมิกเซอร์ที่ใชภ้ าคขยาย IC ออปแอมป์มา 1 วงจร พร้อมอธิบายการทำงานมาให้เข้าใจ
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................... ............................................
...................................................................................... .....................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
5. เขียนวงจรมิกเซอรช์ นิดมีภาคขยายแยกเป็นชดุ แบบมีอินพุตต่อใชง้ าน 2 อินพุต พรอ้ มอธิบายการทำงานมาให้
เขา้ ใจ
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา........เครื่องเสยี ง......…………
ชอ่ื หน่วย.............การขยายเสยี งภาคต้นและการผสมสัญญาณเสยี ง....................
ตอนท2ี่ เขยี นเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในขอ้ ที่ถูกตอ้ งท่ีสุด
1. คณุ สมบัตทิ ี่สำคญั ของการขยายเสยี งภาคต้นคืออะไร
ก. ขยายเสียงเฉพาะทีม่ ีระดบั ความดังน้อยๆ เท่านัน้
ข. ขยายเสียงให้มีความดังมากสดุ ท่ีไม่เกดิ ความผดิ เพย้ี น
ค. ขยายเสียงส่งออกทุกอินพุตให้มคี วามดังเสยี งใกลเ้ คียงกัน
ง. ปรบั ความผิดเพ้ียนของเสียงและขยายสญั ญาณเสยี งให้มีความดงั มากข้นึ
2. วงจรปรแี อมปลิฟายเออร์คือวงจรอะไร
ก. ขยายเสยี งใหด้ งั มากทส่ี ดุ
ข. ขยายเสียงหลายภาคอย่างต่อเน่ือง
ค. แก้ไขความผิดเพยี้ นและขยายเสยี ง
ง. ขยายเสยี งภาคตน้ ให้ดังใกล้เคียงกนั
3. R3 R4 +9V วงจรตามรูปเปน็ วงจรอะไร
47kW ก. บฟั เฟอร์แอมปลิฟายเออร์
BC549CQ1 12kW 47Cm3F+ ข. ปรีแอมปลฟิ ายเออร์
BQC2 547B ค. ควบคมุ สญั ญาณ
ง. มิกเซอร์
C3=470nF R7=1kW
R1 R2 R5 2.2Cm4F+
470W 22kW 820W R8
2.2Cm1F+
R6 100kW
M1 100W
4. จากรปู ขอ้ 3 ตัว M1 คอื อะไร
ก. ไมโครโฟน ข. บซั เซอร์
ค. ลำโพง ง. กระด่ิง
5. จากรูปข้อ 3 ตวั Q2 ทำหน้าทอ่ี ะไร
ก. กำจดั สญั ญาณรบกวน ข. ขยายสัญญาณภาคทส่ี อง
ค. ปอ้ นกลบั สญั ญาณแบบลบ ง. ควบคุมการทำงานของ Q1
6. เครือ่ งมิกเซอร์ท่ีนำไปใชง้ านด้านสญั ญาณเสยี งทำหน้าที่อะไร
ก. ผสมสญั ญาณเสียง ข. ขยายสญั ญาณเสียง
ค. กำจดั สญั ญาณเสียงรบกวน ง. แกไ้ ขความผิดเพย้ี นและขยายเสียง
พส.12
ใบความรู้ (Information Sheets)
รหัสวิชา..20105-2008..วิชา........เคร่อื งเสยี ง......…………
ชือ่ หน่วย...........การขยายเสียงภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสียง........................
1 C1=220nF +9V วงจรตามรปู เปน็ วงจรอะไร
VR1 ก. บฟั เฟอร์แอมปลิฟายเออร์
7. R1 R5 +C5 ข. ปรีแอมปลิฟายเออร์
500kW 2.2MW 2.2kW QM110PmFF102 ค. ควบคมุ สญั ญาณ
2 C2=220nF ง. มกิ เซอร์
R2 D 10CmF4 +
VR2 2.2MW G
500kW
3 C3=220nF R3 S
2.2MW R6
VR3 470W
500kW R4
10MW
8. จากรูปข้อ 7 ตัว VR1, VR2, VR3 ทำหนา้ ท่ีอะไร
ก. เลือกอินพุต ข. เปลีย่ นอิมพีแดนซ์
ค. เร่งลดเสียงอนิ พุต ง. ควบคมุ สัญญาณรบกวน
9. จากรูปข้อ 7 ตวั Q1 ทำหน้าทอี่ ะไร
ก. ชดเชยความถี่ ข. ขยายสญั ญาณ
ค. ปรบั สมดลุ สญั ญาณ ง. ควบคมุ กระแสไฟฟา้
10. จากรูปข้อ 7 ถ้าป้อนสญั ญาณเสยี งแตกต่างกนั เข้ามามีความแรงเท่ากันทุกอินพตุ สัญญาณ เสียงสง่ ออก
เอาต์พตุ จะเปน็ อย่างไร
ก. ถกู ผสมรวมกัน ข. ถูกหกั ลา้ งกนั หมด
ค. ถูกลดทอนความดงั ลง ง. ถกู ปรับเปลย่ี นไปได้เสียงที่แปลกใหม่
พส.13
ใบงาน (Job Sheets)
รหสั วชิ า..20105-2008..วิชา........เครือ่ งเสยี ง......…………
ชือ่ หน่วย..............การขยายเสียงภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสยี ง..................
เรอื่ ง การขยายเสยี งภาคต้นและการผสมสัญญาณเสียง จำนวนช่วั โมงทส่ี อน 4 ช่ัวโมง
ใบงานท่ี 9 วงจรปรแี อมปลิฟายเออร์ ชนิดใช้ทรานซสิ เตอร์ 2 ตัว
ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั
1. ประกอบวงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ชนิดใชท้ รานซสิ เตอร์ 2 ตวั ได้
2. ใชอ้ อสซิลโลสโคปวัดและบันทึกรูปสัญญาณตามจุดต่างๆ ในวงจรได้
3. เกบ็ ถนอมดแู ลการใชท้ รัพยส์ ิน
เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์
1. ตวั ตา้ นทาน 100 W, 470 W, 820 W, 1 kW, 12 kW,
22 kW, 47 kW, 100 kW ; 0.25 W คา่ ละ 1 ตัว
2. ตัวเก็บประจุ 2.2 mF ; 25 V 2 ตวั
3. ตัวเกบ็ ประจุ 470 nF ; 50 V, 47 mF ; 25 V ค่าละ 1 ตวั
4. ทรานซสิ เตอรเ์ บอร์ BC547B, BC549C เบอร์ละ 1 ตวั
5. เคร่ืองกำเนิดสญั ญาณเสียง 1 เครื่อง
6. มลั ติมิเตอร์ชนดิ เข็มชี้ 1 เคร่ือง
7. แหลง่ จา่ ยแรงดันไฟฟา้ กระแสตรงปรับค่าได้ 0 – 30 VDC 1 เครื่อง
8. ออสซลิ โลสโคปชนดิ สองเส้นภาพพร้อมสายโพรบ 1 เครอ่ื ง
9. แผงประกอบวงจรและสายต่อวงจร 1 ชดุ
ลำดับข้ันการทดลอง
1. ประกอบวงจรตามรูปท่ี 9.1
R3 R4 +12V
47kW
BC549CQ1 12kW 47Cm3F+
BQC2 547B
C3=470nF R7=1kW
R1 R2 R5 2.2Cm4F+
470W 22kW 820W
2.2Cm1F+
R6 R8 CH1 CH2
100W 100kW
รูปท่ี 9.1 วงจรปรีแอมปลิฟายเออร์ชนิดใชท้ รานซสิ เตอร์ 2 ตัว
2. ปรับแต่งออสซิลโลสโคปใหพ้ รอ้ มใชง้ าน
3. ปอ้ นแรงดนั ไฟฟ้า + 12 V และสญั ญาณเสยี งคลื่นไซน์เข้าวงจร ปรับความถ่ีเสียงท่ี 1 kHz ปรับความแรงสญั ญาณเสียงจาก
เครื่องกำเนิดส่งออกประมาณ 16 mVp-p (เสียงไมผ่ ดิ เพ้ยี น)
4. วดั สญั ญาณเสยี งในวงจรดว้ ยออสซลิ โลสโคปท้ังอนิ พุตและเอาตพ์ ุต บนั ทกึ รูปสญั ญาณและคา่ แรงดนั ไฟฟ้า ลงในตารางท่ี 9.1
พส.14
ใบปฎบิ ตั ิงาน (Operation Sheets)
รหสั วชิ า..20105-2008..วิชา........เครอ่ื งเสียง......…………
ชื่อหน่วย..............การขยายเสยี งภาคต้นและการผสมสัญญาณเสยี ง..................
เร่อื ง การขยายเสยี งภาคต้นและการผสมสัญญาณเสยี ง จำนวนชวั่ โมงที่สอน 4 ช่ัวโมง
ตารางที่ 9.1 รปู ร่างสญั ญาณและคา่ แรงดนั ไฟฟ้าวดั ดว้ ยออสซิลโลสโคป
5. ปรับความถี่เสียงเครื่องกำเนิดสัญญาณเสียงตามความถ่ีในตารางท่ี 9.2 วัดและบันทึกค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับวัดจาก
ออสซิลโลสโคป ทัง้ อนิ พตุ และเอาตพ์ ตุ ทกุ คา่ ลงในตารางที่ 9.2
6. นำคา่ แรงดนั ไฟฟ้าอินพตุ และเอาต์พุตทว่ี ัดได้ มาคำนวณหาค่าอตั ราขยายสญั ญาณ จากสูตรอตั ราขยาย = Vo/Vi ทกุ ค่าความถ่ใี น
ตารางท่ี 9.2 บนั ทึกค่าลงในช่องอัตราขยาย
ตารางท่ี 9.2 แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลับวดั ไดด้ ว้ ยออสซลิ โลสโคปของวงจรปรแี อมปลฟิ ายเออร์
ความถี่ (Hz) แรงดนั ไฟฟ้าอนิ พตุ Vi (V) แรงดันไฟฟา้ เอาต์พุต Vo (V) อตั ราขยาย (เท่า)
100
1k
5k
10 k
15 k
สรปุ ผลการทดลอง
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
คำถามและการวิเคราะห์
1. อัตราขยายที่วดั ได้ในตารางท่ี 9.2 มีผลเป็นอยา่ งไร เท่ากับหรอื ไม่ในแตล่ ะความถ่ี
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
พส.15
ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)
รหสั วิชา..20105-2008..วิชา........เครื่องเสียง......…………
ชอ่ื หน่วย..............การขยายเสยี งภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสยี ง..................
เรอ่ื ง การขยายเสียงภาคตน้ และการผสมสัญญาณเสียง จำนวนชัว่ โมงทส่ี อน 4 ช่ัวโมง
ตารางที่ 9.1 รปู ร่างสัญญาณและคา่ แรงดนั ไฟฟ้าวัดด้วยออสซลิ โลสโคป
5. ปรับความถ่ีเสียงเครื่องกำเนิดสัญญาณเสียงตามความถ่ีในตารางท่ี 9.2 วัดและบันทึกค่าแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับวัดจาก
ออสซลิ โลสโคป ทัง้ อนิ พตุ และเอาตพ์ ตุ ทุกคา่ ลงในตารางท่ี 9.2
6. นำคา่ แรงดันไฟฟ้าอินพตุ และเอาตพ์ ตุ ที่วดั ได้ มาคำนวณหาคา่ อตั ราขยายสญั ญาณ จากสูตรอตั ราขยาย = Vo/Vi ทกุ ค่าความถ่ีใน
ตารางท่ี 9.2 บันทกึ คา่ ลงในชอ่ งอตั ราขยาย
ตารางท่ี 9.2 แรงดนั ไฟฟ้ากระแสสลบั วดั ไดด้ ว้ ยออสซลิ โลสโคปของวงจรปรแี อมปลิฟายเออร์
ความถ่ี (Hz) แรงดนั ไฟฟ้าอินพุต Vi (V) แรงดันไฟฟ้าเอาตพ์ ุต Vo (V) อัตราขยาย (เท่า)
100
1k
5k
10 k
15 k
สรุปผลการทดลอง
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
คำถามและการวเิ คราะห์
1. อตั ราขยายทวี่ ัดได้ในตารางที่ 9.2 มีผลเปน็ อย่างไร เทา่ กบั หรือไมใ่ นแต่ละความถ่ี
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
พส.16
ใบกิจกรรมท่ี 9
รหัสวชิ า..20105-2008..วิชา........เคร่อื งเสียง......…………ท-ป-น 1-3-2 สอนครง้ั ที่ 9
ชื่อหน่วย...การขยายเสียงภาคตน้ และการผสมสญั ญาณเสยี ง.........เวลา 4 ชั่วโมง
ช่ือกจิ กรรม...การขยายเสียงภาคตน้ และการผสมสญั ญาณเสียง.....เวลา ....4....ช่ัวโมง
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
วสั ดุ/อุปกรณ์
คำสัง่
แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 9 การขยายเสียงภาคต้นและการผสมสัญญาณเสียง
แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยที่ 9 การขยายเสยี งภาคตน้ และการผสมสญั ญาณเสยี ง
แบบทดสอบท้าย หน่วยที่ 9 การขยายเสยี งภาคต้นและการผสมสญั ญาณเสียง
การประเมนิ ผล
หนงั สือประกอบการเรยี นรายวชิ า เครื่องเสียง
ใบงานการทดลอง