93
n
∑ F⃑i=ma⃑
i=0
กฎข้อที่สามของนิวตัน - กฎของแรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา กล่าวว่า "เมื่อวัตถุชิ้นหน่ึง
ออกแรง (แรงกิริยา , action) กระทำต่อวัตถุอีกชิ้นหนึ่ง วัตถุอันหลังจะออกแรงด้วยขนาดท่ี
เท่ากนั แตท่ ิศตรงกนั ขา้ ม (แรงปฏิกริ ิยา - reaction) กบั แรงท่ีเกดิ จากวตั ถอุ ันแรก"
4.2 ครูอธิบายการคำนวณสำหรับกฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตันตามตัวอย่าง 3.2 ในหนังสือ
เรียนจากนั้นครูให้ความรเู้ ก่ียวกบั กฎการเคลื่อนท่ีข้อท่สี ามของนวิ ตนั แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา
ตามรายละเอียดในหนงั สอื เรยี น
5. ขั้นประเมนิ ผล
5.1 ครใู ห้นักเรียนทำแบบฝึกหดั 3.3 ในหนังสอื เรยี นรายวชิ าเพ่ิมเตมิ ฟิสิกส์1 สสวท. โดยเฉลยคำตอบ
และอภปิ รายคำตอบรว่ มกนั
9. สอื่ การเรยี นรู้/วัสดุอุปกรณ์ /แหล่งเรยี นรู้
สอ่ื 1. เอกสารประกอบการเรียนเร่ือง แรง มวลและกฎการเคลื่อนทข่ี องนวิ ตนั
2. แบบฝกึ หดั
3. ชดุ อุปกรณ์กจิ กรรม 3.2 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งแรง มวลและความเร่ง
แหล่งเรยี นรู้ 1. www.google.co.th 2. หนังสือเรียนรายวชิ าเพิม่ เติม ฟิสกิ ส์ เลม่ 1 (สสวท.)
10. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เครื่องมือวดั เกณฑก์ ารผา่ น
การวัดประเมนิ ผลดา้ น
1. ดา้ นความรู้ (K) 1. ทดสอบ 1. แบบทดสอบ ได้คะแนนในระดับพอใช้ขน้ึ ไป
2. สรุปความคิด
2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) สงั เกตจากการปฏบิ ตั ิ 1. แบบสงั เกต ได้คะแนนในระดับพอใช้ขึ้นไป
กิจกรรมในชัน้ เรยี น 2. แบบประเมิน
3. ดา้ นคุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ (A) การสังเกตพฤติกรรมความ แบบสังเกต ได้คะแนนในระดบั พอใช้ขนึ้ ไป
สนใจและตั้งใจเรียน แบบประเมนิ ได้คะแนนในระดับพอใช้ขนึ้ ไป
4. ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน แบบประเมิน ไดค้ ะแนนในระดับพอใช้ขน้ึ ไป
5 ประการ การสงั เกตพฤติกรรมความ
5. ดา้ นทักษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 สนใจและต้ังใจเรียน
(21st Century Skills
การสงั เกตพฤติกรรมความ
สนใจและตงั้ ใจเรยี น
94
บันทกึ หลังการจดั กิจกรรมการเรียนร้ทู ่ี 15
เรอื่ ง มวล แรง และกฎการเคลื่อนที่ (คำนวณ)
1. ผลการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
จากการประเมนิ ผลจาก การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการทดลอง โดยใหน้ กั เรยี นแบ่งกลุม่ ทำการทดลอง และร่วมกนั อภิปราย ของนกั เรยี น
ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 จำนวน 80 คน โดยการประเมนิ ตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ผลปรากฏดังน้ี
1.1 ผลการประเมินด้านความรู้
1.1.1 จากการประเมนิ แบบทดสอบหลงั เรียน พบว่ามนี ักเรยี น
- ได้ระดบั ดีมาก จำนวน 30 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 37.5
- ไดร้ ะดบั ดี จำนวน 27 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 33.8
- ได้ระดับปานกลาง จำนวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 13.8
- ไดร้ ะดบั พอใช้ จำนวน 7 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 8.8
- ได้ระดับปรบั ปรุง จำนวน 5 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 6.3
1.2 ผลการประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ/ด้านทักษะผู้เรยี นในศตวรรษที่ 21
1.2.1 จากการประเมนิ โดยใช้แบบประเมินทกั ษะในการ สงั เกตความสนใจในการร่วมกจิ กรรม
พบว่ามีนกั เรียน
- ได้ระดับดี จำนวน 35 คน คิดเปน็ ร้อยละ 43.8
- ไดร้ ะดบั พอใช้ จำนวน 35 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 43.8
- ได้ระดับปรบั ปรงุ จำนวน 10 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12.4
1.2.2 จากการประเมนิ โดยใชแ้ บบประเมินการเขยี นรายงานและการนำเสนอ ในการจดั กจิ กรรม
พบว่ามนี ักเรียน
- ได้ระดบั ดี จำนวน 45 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 56.3
- ได้ระดับพอใช้ จำนวน 30 คน คดิ เป็นร้อยละ 37.5
- ได้ระดับปรบั ปรุง จำนวน 5 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 6.2
1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์/สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน โดยใชแ้ บบประเมนิ พฤติกรรมการ
ทำงานกลุ่มของนักเรยี น พบว่ามีนกั เรยี น
- ได้ระดบั ดี จำนวน 74 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 92.5
- ได้ระดบั พอใช้ จำนวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 7.5
- ได้ระดับปรบั ปรงุ จำนวน - คน คดิ เป็นร้อยละ -
2. ปญั หา/อปุ สรรค
นักเรยี นบางส่วนเลน่ กันเวลามทำการทดลอง
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกป้ ัญหา
ควรกำหนดเวลาการทดลอง และส่มุ ตวั แทนกลุ่มออกมานำเสนอผลการทดลอง พรอ้ มทงั้ หาขอ้ สรปุ รว่ มกนั
ลงชือ่ ………………ก……า…………………
(นางสาวนปิ ทั มา นเิ ฮง)
ครผู ้สู อน
นิ
95
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 16 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
โรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จังหวดั ปตั ตานี
วิชา ว 31201 ฟิสกิ ส์ 1 ชอ่ื หน่วย : แรงและกฎการเคลื่อนที่
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 3 จำนวน 4 ชั่วโมง
เรอื่ ง แรงเสยี ดทาน
1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู/้ ผลการเรียนรู้/ตวั ช้ีวดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสกิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคล่ือนที่แนวตรง แรงและกฎการเคลอ่ื นที่ของ
นิวตนั กฎความโน้มถว่ งสากล แรงเสยี ดทาน สมดุลกลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล โมเมนตมั และ
กฎการอนรุ ักษ์โมเมนตมั การเคล่อื นทแ่ี นวโคง้ รวมทั้งนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้
1. วิเคราะห์ อธิบาย และคำนวณแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีที่วัตถุหยุดนิ่ง
และวตั ถเุ คลอ่ื นท่ี รวมทงั้ ทดลองหาสมั ประสิทธิค์ วามเสยี ดทานระหว่างผวิ สัมผัสของวตั ถุคหู่ นึง่ ๆ และ
นำความรู้เร่ืองแรงเสียดทานไปใช้ในชีวิตประจำวัน
2. สาระสำคัญ (ความคดิ รวบยอด)
แรงเสียดทาน (frictional force) คือ แรงที่ต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุซึ่งเกิดขึ้นระหว่างผิววัตถุกับพื้นท่ี
สมั ผัสและมที ศิ ตรงกนั ข้ามกบั ทศิ การเคล่ือนที่ของวตั ถเุ สมอ แรงเสยี ดทานแบ่งเป็น 2 ชนดิ คือ
1. แรงเสยี ดทานสถิต เปน็ แรงเสยี ดทานที่เกดิ ขนึ้ ในขณะท่วี ตั ถุอยู่น่ิงจนถึงเรม่ิ ต้นเคล่ือนที่
2. แรงเสยี ดทานจลน์ เปน็ แรงเสยี ดทานขณะวัตถกุ ำลังเคลือ่ นที่ด้วยความเรว็ คงตวั ซ่งึ จะมคี า่ น้อยกว่าแรง
เสียดทานสถิต
3. สาระการเรียนรู้
แรงเสยี ดทาน (frictional force) คือ แรงที่ต้านการเคลอ่ื นทีข่ องวตั ถุซึ่งเกดิ ขน้ึ ระหว่างผิววัตถุกบั พืน้ ที่
สมั ผัสและมที ิศตรงกันขา้ มกบั ทศิ การเคล่ือนท่ีของวตั ถเุ สมอ แรงเสยี ดทานแบง่ เปน็ 2 ชนิด คอื
1. แรงเสยี ดทานสถิต เปน็ แรงเสียดทานทเี่ กิดข้นึ ในขณะท่ีวัตถุอยนู่ ่ิงจนถงึ เร่ิมตน้ เคล่อื นท่ี
fs = sN = smg
2. แรงเสยี ดทานจลน์ เปน็ แรงเสียดทานขณะวตั ถุกำลงั เคลื่อนท่ีดว้ ยความเรว็ คงตวั ซ่งึ จะมีคา่ น้อยกวา่ แรง
เสียดทานสถิต
fk = kN = smg
96
4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. ความรู้ (K)
สามารถบอกความหมายแรงเสยี ดทาน แรงเสียดทานสถิต และแรงเสยี ดทานจลนไ์ ด้
2. ทักษะ/กระบวนการ (P)
ทดลองและคำนวณหาสัมประสทิ ธคิ์ วามเสียดทานสถติ และสมั ประสทิ ธิ์ความเสียดทานจลน์ได้ถกู ต้อง
3. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับ
ปรบั ปรงุ 2560)
มวี ินัย ใฝ่เรยี นรู้ มุง่ มน่ั ในการทำงาน
คณุ ลักษณะของผู้เรียนตามหลักสตู รมาตรฐานสากล
เปน็ เลศิ วชิ าการ ล้ำหนา้ ทางความคิด
5. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น
ความสามารถและทักษะผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 ( 3Rs 8Cs 2Ls )
1. ทักษะในสาระวิชาหลกั (3Rs)
1.1 Reading (อา่ น) 1.2 (W)Riting (เขยี น) 1.3 (A)Rithemetics (คณติ ฯ)
2. ทักษะการเรยี นร้แู ละนวัตกรรม (8Cs)
2.1 Critical Thinking and Problem Solving (การคิดวจิ ารณญาณ และแก้ปัญหา)
2.4 Collaboration, Teamwork and Leadership (การทำงานเปน็ ทมี ภาวะผนู้ ำ)
2.8 Compassion (คุณธรรม เมตตา กรุณา ระเบียบวินัย)
3. ทกั ษะการเรียนรู้และภาวะผูน้ ำ (2Ls)
3.1 Learning (ทกั ษะการเรียนรู)้ 3.2 Leadership (ภาวะผนู้ ำและความรบั ผดิ ชอบ)
6. การบูรณาการตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหง่ ชาติ ( เฉพาะทเ่ี กิดในแผนการจดั การเรียนรู้ )
บรู ณาการกับค่านยิ ม 12 ประการ
2. ซือ่ สตั ย์ เสียสละ อดทน มอี ดุ มการณ์ในส่งิ ทดี่ ีงามเพ่ือส่วนรวม
4. ใฝ่หาความรู้ หม่ันศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรงและทางออ้ ม
9. มสี ติรูต้ ัว ร้คู ิด รู้ทำ
7. ภาระงาน / ชิ้นงาน
ภาระงาน - ศึกษาใบความรู้ ปฏบิ ัติกิจกรรมในแบบฝึกหัด
97
8. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. ขนั้ สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูถามนักเรียนว่า หากฝนตกและถนนลื่นรถเบรกไถลไม่หยุด สาเหตุน่าจะมาจากอะไรได้บ้าง
และมีแรงอะไรทีเ่ ก่ียวข้องบ้าง (แนวคำตอบ : แรงเสยี ดทานน้อย ดอกยางโลน้ ฝนทำให้แรงเสียด
ทานทล่ี อ้ ลดลง)
1.2 ครูให้นักเรียนออกแรงผลักวัตถุ แล้วสังเกตขนาดของแรงที่ใช้ผลักวัตถุ ในขณะที่วัตถุยังไม่
เคลอื่ นที่ ขณะที่วัตถเุ ริ่มจะเคล่อื นที่ และ ขณะท่วี ัตถุกำลงั เคลือ่ นที่ จากนนั้ ใหค้ วามรเู้ ก่ยี วกับแรง
เสียดทานสถิต และแรงเสียดทานจลน์ตามรายละเอียดในหนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติม ฟิสิกส์ 1
ชนั้ ม.4 สสวท.
2. ขน้ั สำรวจและค้นหา
2.1 ครูให้นักเรียนทำการทดลองกิจกรรม 3.3 การทดลองเรื่องแรงเสียดทานในหนังสือเรียนรายวิชา
เพมิ่ เตมิ ฟิสกิ ส์ 1 ชนั้ ม.4 สสวท.
2.2 ครใู ห้นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายคำถามทา้ ยกจิ กรรม บันทึกผลและเขียนกราฟความสมั พนั ธ์
3. ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายคำถามทา้ ยกิจกรรม 3.3 ดังนี้
ตอนที่ 1
- ขณะออกแรงดึงแผน่ ไม้ มีแรงเสยี ดทานกระทำต่อแผ่นไม้หรือไม่ (แนวคำตอบ : มี)
- เมื่อออกแรงดึงแผ่นไม้แตล่ ะกรณี แรงลัพธ์ที่กระทำต่อแผ่นไม้มคี ่าเท่าใด อธิบาย(แนว
คำตอบ : แรงลัพธ์มีค่าเป็นศูนย์ เนื่องจากวัตถุคงสภาพการเคลื่อนที่เดิมของวัตถุ คือ หยุดนิ่ง
หรอื เคลอ่ื นทด่ี ้วยความเร็วคงตวั )
- เมื่อออกแรงดึงแผ่นไม้แต่ละกรณี แรงเสียดทานมีขนาดเท่าใด และมีทิศทางอย่างไร
(แนวคำตอบ : แรงเสียดทานมขี นาดเทา่ กับแรงท่ใี ชด้ งึ แต่มที ิศทางตรงข้ามกัน)
- แรงเสียดทานในกรณใี ดมีค่ามากกว่า (แนวคำตอบ : แรงเสยี ดทานสถิตขณะแผน่ ไม้เร่ิม
จะเคลื่อนท่ี จะมีคา่ มากกวา่ กรณอี ่นื ๆ)
ตอนท่ี 2
- น้ำหนักของถุงทรายรวมกับแผ่นไม้มีความสัมพันธ์กับแรงแนวฉากที่กระทำต่อแผ่นไม้
อยา่ งไร (แนวคำตอบ : มขี นาดเท่ากนั แต่มที ิศทางตรงข้ามกัน)
- ขนาดนำ้ หนกั ของถุงทรายรวมกับแผน่ ไม้มีความสัมพนั ธ์กับแรงเสยี ดทานอย่างไร (แนว
คำตอบ : แปรผนั ตรงกัน)
- กราฟที่ได้จากกิจกรรมมีลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ : เป็นกราฟเส้นตรง มีที่ความ
ชันเป็นบวก)
- ความชันของกราฟคอื คา่ อะไร (แนวคำตอบ : สมั ประสทิ ธค์ิ วามเสียดทานสถติ )
98
ตอนที่ 3
- น้ำหนักของถุงทรายรวมกับแผ่นไม้มีความสัมพันธ์กับแรงแนวฉากที่กระทำต่อแผ่นไม้
อย่างไร (แนวคำตอบ : มขี นาดเท่ากนั แตม่ ที ศิ ทางตรงขา้ มกัน)
- ขนาดนำ้ หนักของถุงทรายรวมกับแผน่ ไม้มีความสมั พนั ธ์กับแรงเสยี ดทานอย่างไร (แนว
คำตอบ : แปรผนั ตรงกัน)
- กราฟที่ได้จากกิจกรรมมีลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ : เป็นกราฟเส้นตรง มีที่ความ
ชันเป็นบวก)
- ความชนั ของกราฟคือคา่ อะไร (แนวคำตอบ : สมั ประสิทธิ์ความเสยี ดทานจลน์)
- ความชันของเส้นกราฟจากกิจกรรมตอนที่ 2 และ 3 เท่ากันหรือไม่ ถ้าไม่เท่ากันกราฟ
ใดมีความ ชันมากกว่า (แนวคำตอบ ไม่เท่ากัน ความชันของกราฟจากกิจกรรมตอนที่ 2 (แรง
เสยี ดทานสถติ สงู สดุ ) มคี วามชนั มากกว่า)
3.2 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายสรปุ ผลการทดลองกิจกรรม 3.3 ดังน้ี
จากการทดลองตอนท่ี 1 พบวา่
1. เมื่อวางแผ่นไม้(ที่มีถุงทรายทับ)บนรางไม้ ขณะที่ยังไม่ออกแรงดึง จะมีแรง 2 แรง
กระทำต่อแผ่นไม้และถุงทราย ได้แก่ แรงเนื่องจากน้ำหนักของแผ่นไม้และถุงทรายและแรงที่พ้ืน
กระทำต่อวัตถุในแนวตั้งฉากกับพื้น ซึ่งแรงทั้งสองมีขนาดเท่ากันอยู่ในแนวดิ่งและมีทิศตรงกัน
ขา้ ม ทงั้ นเ้ี น่อื งจากวัตถอุ ยู่น่ิงตามกฎการเคลื่อนท่ีข้อหนึ่งของนิวตัน มีผลทำให้แรงลพั ธบ์ นแผ่นไม้
และถุงทรายเทา่ กบั ศนู ย์
2. เมื่อออกแรงดึงแผ่นไม้โดยแผ่นไม้อยูน่ ิ่ง แสดงว่าแรงลัพธ์บนแผ่นไมแ้ ละถงุ ทรายมีค่า
เท่ากับศูนย์ จะได้แรงในแนวดิ่งมีค่าเช่นเดียวกับข้อ 1. และแรงในแนวระดับ มี 2 แรง คือ แรง
ดึง และ แรงต้านการเคลื่อนที่เป็นแรงที่เกิดขึน้ ระหว่างผิวสัมผัสของแผน่ ไม้และพื้นราง เรียกวา่
แรงเสียดทาน มขี นาดเทา่ กบั ขนาดของแรงดงึ และมีทศิ ตรงกนั ข้าม
3. เมื่อออกแรงดึงแผ่นไม้ด้วยขนาดของแรงมากขึ้น โดยแผ่นไม้ยังไม่เคลื่อนที่แสดงว่า
แผ่นไม้อยู่ในสมดุล หมายความว่าแรงเสียดทานมีขนาดมากขึ้นด้วย และค่าเพิ่มมากขึ้นตามแรง
ดงึ จนถงึ ค่าหนึง่ เมื่อแผน่ ไม้เริม่ เคลอ่ื นที่เรยี กแรงเสียดทานคา่ นว้ี า่ แรงเสยี ดทานสถติ สงู สุด
4. เมื่อแผ่นไม้เริ่มเคล่ือนที่ ออกแรงดึงต่อไปเพื่อให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัวแสดงว่า
แผ่นไม้อยู่ในสภาพสมดุล ตามกฎการเคลื่อนที่ข้อ1ของนิวตัน จะได้แรงลัพธ์ที่กระทำต่อแผ่นไม้
เป็นศูนย์ได้ผลเช่นเดียวกันกบั ข้อ2 แรงเสียดทานระหว่างแผ่นไม้กับพื้นโตะ๊ ขณะทแ่ี ผ่นไมเ้ คล่ือนที่
ด้วยความเร็วคงตัวเรียกว่า แรงเสียดทานจลน์ มีขนาดเท่ากับแรงดึงมีค่าคงตัวสำหรับผิวสัมผสั คู่
หนึ่ง แรงนจ้ี ะมีคา่ น้อยกวา่ แรงดึงสงู สดุ ท่ดี งึ แผ่นไม้ใหเ้ รม่ิ เคล่ือนท่ี
จากการทดลองตอนที่ 2 และ 3 พบวา่
1. ในแตล่ ะค่าของน้ำหนักแผ่นไมร้ วมกับถงุ ทราย ขนาดของแรงที่ใชด้ งึ แผ่นไม้ขณะแผ่น
ไมเ้ ร่มิ เคลือ่ นทแ่ี ละเคล่ือนที่ด้วยความเร็วคงตวั ตามลำดับ
99
2. เขียนกราฟระหว่างน้ำหนักแผ่นไม้รวมกับถุงทรายและแรงดึงทั้งสองค่าเป็นกราฟ
เส้นตรงที่ผ่านจุดกำเนิดแสดงว่าแรงดึงแปรผนั ตรงกับนำ้ หนักแผน่ ไม้รวมกับถุงทราย
3. กราฟระหว่างแรงดึงกับน้ำหนักแผ่นไม้รวมกับถุงทรายขณะแผ่นไม้เริ่มเคลื่อนที่ มี
ความชนั มากกวา่ ความชันของกราฟระหวา่ งแรงดึงกับน้ำหนกั แผน่ ไมร้ วมกบั ถุงทรายขณะแผ่นไม้
เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว ซึ่งความชันนี้คืออัตราส่วนระหว่างแรงดึงกับน้ำหนักแผ่นไม้รวมกับ
ถุงทรายเรียกวา่ สัมประสทิ ธิ์ความเสียดทานระหวา่ งผวิ สมั ผสั ค่หู นึง่
4. ขนั้ ขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพม่ิ เติมและสรุปความรเู้ รือ่ งแรงเสียดทาน ดงั นี้
แรงเสียดทาน (frictional force) คือ แรงที่ต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุซึ่งเกิดขึ้นระหว่างผิววัตถุ
กับพื้นที่สัมผัสและมีทิศตรงกันข้ามกับทิศการเคลื่อนที่ของวัตถุเสมอ แรงเสียดทานแบ่งเป็น 2
ชนดิ คือ
1. แรงเสียดทานสถิต เป็นแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในขณะที่วัตถุอยู่นิ่งจนถึงเริ่มต้น
เคล่ือนที่
fs = sN = smg
2. แรงเสียดทานจลน์ เป็นแรงเสียดทานขณะวัตถุกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว ซ่ึง
จะมีค่าน้อยกวา่ แรง เสียดทานสถิต
fk = kN = smg
5. ขนั้ ประเมินผล
5.1 ครูให้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจและทำแบบฝึกหัด 3.4 ในหนังสือเรียนรายวิชา
เพ่ิมเติม ฟสิ ิกส์ 1 ชั้นม.4 สสวท. โดยเฉลยคำตอบและอภปิ รายคำตอบรว่ มกัน
9. สอื่ การเรียนร้/ู วสั ดุอุปกรณ์ /แหล่งเรียนรู้
สอ่ื 1. เอกสารประกอบการเรยี นเร่อื ง แรง มวลและกฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตนั
2. แบบฝกึ หัด
2. ชุดอปุ กรณ์การทดลองกจิ กรรม 3.3 การทดลองเรือ่ งแรงเสียดทาน
แหล่งเรยี นรู้ 1. www.google.co.th 2. หนังสือเรยี นรายวิชาเพิ่มเตมิ ฟิสิกส์ เล่ม 1 (สสวท.)
100
10. การวดั และประเมนิ ผล
การวัดประเมินผลดา้ น วิธีการวัด เคร่ืองมือวัด เกณฑก์ ารผ่าน
1. ดา้ นความรู้ (K)
1. ทดสอบ 1. แบบทดสอบ ได้คะแนนในระดับพอใช้ขน้ึ ไป
2. สรปุ ความคิด
2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) สังเกตจากการปฏบิ ัติ 1. แบบสังเกต ไดค้ ะแนนในระดบั พอใช้ขน้ึ ไป
กจิ กรรมในชัน้ เรียน 2. แบบประเมิน
3. ดา้ นคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ (A) การสังเกตพฤติกรรมความ แบบสงั เกต ไดค้ ะแนนในระดบั พอใช้ขน้ึ ไป
สนใจและตง้ั ใจเรยี น
4. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน การสังเกตพฤติกรรมความ แบบประเมิน ไดค้ ะแนนในระดับพอใช้ขึ้นไป
5 ประการ สนใจและตง้ั ใจเรยี น
5. ด้านทกั ษะผู้เรยี นในศตวรรษที่ 21 การสงั เกตพฤติกรรมความ แบบประเมิน ไดค้ ะแนนในระดับพอใช้ขึ้นไป
(21st Century Skills สนใจและต้งั ใจเรยี น
101
บนั ทึกหลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ ่ี 16
เร่อื ง แรงเสียดทาน
1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
จากการประเมินผลจาก ........................................................................................................ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
จำนวน ........... คน โดยการประเมนิ ตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ผลปรากฏดังน้ี
1.1 ผลการประเมินด้านความรู้
1.1.1 จากการประเมนิ แบบทดสอบหลงั เรียน พบวา่ มีนักเรยี น
- ไดร้ ะดบั ดีมาก จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ
- ได้ระดบั ดี จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ
- ไดร้ ะดับปานกลาง จำนวน คน คิดเปน็ ร้อยละ
- ไดร้ ะดบั พอใช้ จำนวน คน คดิ เป็นร้อยละ
- ไดร้ ะดบั ปรบั ปรงุ จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ
1.2 ผลการประเมินด้านทกั ษะกระบวนการ/ดา้ นทกั ษะผูเ้ รียนในศตวรรษท่ี 21
1.2.1 จากการประเมินโดยใช้แบบประเมนิ ทักษะในการ...............................................................................................
พบวา่ มีนักเรยี น
- ได้ระดับดี จำนวน คน คดิ เป็นร้อยละ
- ไดร้ ะดับพอใช้ จำนวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ
- ไดร้ ะดับปรับปรงุ จำนวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ
1.2.2 จากการประเมนิ โดยใช้แบบประเมินการเขียนรายงานและการนำเสนอ ............................................................
พบว่ามนี ักเรียน
- ไดร้ ะดบั ดี จำนวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ
- ได้ระดบั พอใช้ จำนวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ
- ไดร้ ะดบั ปรบั ปรุง จำนวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ
1.3 ผลการประเมินดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์/สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน โดยใชแ้ บบประเมนิ พฤตกิ รรมการ
ทำงานกล่มุ ของนักเรียน พบว่ามีนกั เรียน
- ได้ระดับดี จำนวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ
- ได้ระดับพอใช้ จำนวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ
- ได้ระดบั ปรบั ปรุง จำนวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ
2. ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
ลงชอ่ื ………………………………………
(นางสาวนปิ ทั มา นิเฮง)
ครผู ้สู อน
102
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 17 กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
โรงเรียนเบญจมราชูทศิ จงั หวดั ปตั ตานี
วชิ า ว 31201 ฟสิ ิกส์ 1 ชื่อหน่วย : แรงและกฎการเคลอ่ื นที่
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 จำนวน 4 ชั่วโมง
เรอื่ ง แรงดงึ ดดู ระหว่างมวล
1. สาระ/มาตรฐานการเรยี นรู้/ ผลการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั
มาตรฐานการเรียนรู้
เข้าใจธรรมชาติทางฟิสกิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลอ่ื นที่แนวตรง แรงและกฎการเคลื่อนที่ของ
นวิ ตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทาน สมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนรุ ักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และ
กฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตัม การเคล่ือนทแ่ี นวโคง้ รวมทั้งนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้
1. อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงที่ทำให้วัตถุมีน้ำหนัก รวมทั้งคำนวณปริมาณ
ต่าง ๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง
2. สาระสำคัญ (ความคดิ รวบยอด)
กฎแรงดึงดูดระหว่างมวลของนิวตัน กล่าวว่า วัตถุทั้งหลายในเอกภพจะออกแรงดึงดูดซึ่งกันและกันโดย
ขนาดของแรงดึงดูดระหว่างวตั ถุคูห่ นึ่งๆ แปรผันตรงกับผลคณู ระหว่างมวลวัตถุทั้งสอง และแปรผกผนั กับกำลังสอง
ระยะทางระหว่างวตั ถุท้ังสองเป็นไปตามสมการ
F= Gm1m2
R2
เมื่อ m1 , m2 เม่อื มวลของวัตถสุ องก้อน
3. สาระการเรียนรู้
มวลมีแรงดงึ ดูดซ่ึงกนั และกันเสมอ เรียกว่า แรงดึงดูดระหวา่ งมวล โดยขนาดของแรงเป็นไปตามกฎความ
โน้มถ่วงสากล (Newton’s law of universal gravitation) ดงั สมการ
F= Gm1m2
R2
สนามโน้มถ่วง (gravitational field) ของวัตถุใดทำให้เกิดแรงดึงดูดหรือแรงโน้มถ่วงของวัตถุนั้น กระทำ
ต่อวัตถุอื่นที่อยู่ ณ ตำแหน่งในสนามโน้มถ่วง เช่น ถ้าทราบสนามโน้มถ่วงของโลกที่ตำแหน่งใดจะสามารถหาแรง
โน้มถว่ งที่กระทำตอ่ วตั ถุท่ีตำแหน่งน้ันหรือนำ้ หนักของวตั ถุได้
4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. ความรู้ (K)
อธิบายกฎแรงดงึ ดูดระหว่างมวลของนวิ ตันได้
103
2. ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
สามารถคำนวณสถานการณ์ท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั แรงดึงดดู ระหวา่ งมวลและสนามโนม้ ถ่วง และคำนวณหา
ความเรง่ โน้มถว่ ง ณ ตำแหน่งหา่ งจากผิวโลกได้ถูกตอ้ งได้
3. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
คุณลกั ษณะอนั พึงประสงคต์ ามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั
ปรบั ปรุง 2560)
มวี นิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งม่นั ในการทำงาน
คุณลกั ษณะของผู้เรียนตามหลักสตู รมาตรฐานสากล
เปน็ เลิศวชิ าการ ล้ำหนา้ ทางความคิด
5. จดุ เน้นสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รียน
ความสามารถและทักษะผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 ( 3Rs 8Cs 2Ls )
1. ทกั ษะในสาระวิชาหลัก (3Rs)
1.1 Reading (อ่าน) 1.2 (W)Riting (เขียน) 1.3 (A)Rithemetics (คณติ ฯ)
2. ทกั ษะการเรยี นรู้และนวตั กรรม (8Cs)
2.1 Critical Thinking and Problem Solving (การคดิ วิจารณญาณ และแก้ปัญหา)
2.4 Collaboration, Teamwork and Leadership (การทำงานเป็นทีม ภาวะผู้นำ)
2.8 Compassion (คณุ ธรรม เมตตา กรุณา ระเบยี บวินยั )
3. ทักษะการเรยี นรูแ้ ละภาวะผู้นำ (2Ls)
3.1 Learning (ทักษะการเรยี นรู้) 3.2 Leadership (ภาวะผ้นู ำและความรับผดิ ชอบ)
6. การบรู ณาการตามพระราชบญั ญตั กิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ ( เฉพาะทีเ่ กิดในแผนการจดั การเรยี นรู้ )
บูรณาการกับค่านิยม 12 ประการ
2. ซือ่ สัตย์ เสยี สละ อดทน มอี ุดมการณ์ในสงิ่ ทด่ี งี ามเพื่อส่วนรวม
4. ใฝห่ าความรู้ หมน่ั ศึกษาเลา่ เรยี นท้ังทางตรงและทางออ้ ม
9. มีสติร้ตู วั รู้คิด รู้ทำ
7. ภาระงาน / ชิ้นงาน
ภาระงาน - ศึกษาใบความรู้ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมในแบบฝึกหัด
8. กิจกรรมการเรียนรู้
1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครทู บทวนความรู้เดิมเกยี่ วกบั เรอ่ื งนำ้ หนกั W = mg
1.2 ครูถามนักเรียนว่า ทำไมดวงจันทร์ ดาวเคราะห์อื่น ๆ และดวงอาทิตย์ จึงปรากฏให้คนบนโลก
เห็นตลอดไป (แนวคำตอบ : การโคจรของดวงจันทร์รอบโลก เกิดจากแรงดึงดูดระหว่างมวลโลก
104
และมวลดวงจนั ทรท์ ำหนา้ ท่เี ป็นแรงสู่ศนู ย์กลาง ให้ดวงจันทร์สามารถโคจรรอบโลกเป็นวงกลมได้
โลกกับดวงอาทิตย์ก็เช่นกันปรากฎการณ์นี้อธิบายได้ด้วยกฎแห่งความโน้มถ่วง (The law of
gravity))
1.3 ครูปลอ่ ยยางลบ แลว้ ต้ังคำถามวา่ ทำไมยางลบจึงตกลงสูพ่ ื้น แตถ่ า้ เราปลอ่ ยในที่หา่ งจากโลกมาก
ๆ ยางลบจะตกลงสู่พื้นหรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : เป็นผลมาจากแรงโน้มถ่วงของโลก
ดึงดูดวตั ถ)ุ
2. ข้นั สำรวจและค้นหา
2.1 ครูให้ความรู้เกี่ยวกับกฎความโน้มถ่วงสากลและยกตัวอย่างประกอบ เพื่อให้ทราบว่าแรงดึงดูด
ระหว่างมวลเปน็ แรงคกู่ ริ ิยา-ปฏิกริ ิยา ซึง่ มคี วามสมั พันธต์ ามสมการ
F= Gm1m2
R2
2.2 ให้ความรู้และความหมายของสนามโน้มถ่วง (g) โดย g = FG/m จากนั้นตั้งคำถามเกี่ยวกับค่า
สนามโนม้ ถ่วงในกรณีเมอ่ื วตั ถุอย่ทู ต่ี ำแหน่งใด ๆ หา่ งจากผิวโลก ใหน้ กั เรยี นอภิปรายร่วมกนั
3. ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 ครูและนักเรยี นร่วมกันอภิปรายจนสรปุ ได้ว่า คา่ สนามโนม้ ถ่วงของโลกที่ตำแหนง่ ใดจะแปรผกผัน
กับกำลังสองของระยะทางทต่ี ำแหน่งนน้ั ห่างจากศนู ยก์ ลางของโลก
3.2 ครใู หค้ วามร้เู กี่ยวกับความสัมพันธ์ระหวา่ งมวลและนำ้ หนักของวตั ถุ อภิปรายรว่ มกนั จนสรุปได้ว่า
นำ้ หนักเปน็ แรงดงึ ดูดของโลกท่กี ระทำตอ่ วตั ถุ เปน็ ไปตามความสมั พนั ธ์ W=mg
3.3 ครูตั้งคำถามเกี่ยวกับน้ำหนักของวตั ถุ เมื่อวัตถุอยู่ที่ผิวโลกและห่างจากผิวโลกออกไป จากนั้นให้
นักเรียนอภิปรายร่วมกัน จนสรุปได้ว่าน้ำหนักของวัตถุจะเปลี่ยนไปตามตำแหน่งที่ห่างจาก
ศูนยก์ ลางโลก
4. ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูขยายความรู้เพิ่มเติม โดยการตั้งคำถามนักเรียนว่า น้ำหนักของวัตถุก้อนเดียวกันที่บริเวณข้ัว
โลกและบรเิ วณเส้นศูนย์สูตร มคี า่ ต่างกนั หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ : มคี า่ ตา่ งกัน เพราะ
ที่บริเวณขั้วโลกอยู่ห่างจากศูนย์กลางโลกน้อยกว่าบริเวณเส้นศูนย์สูตรเล็กน้อย ขนาดสนามโน้ม
ถ่วงท่ีสองบริเวณดงั กลา่ วจึงมคี า่ ต่างกัน ทำใหน้ ำ้ หนักของวตั ถตุ ่างกนั แตเ่ พียงเล็กนอ้ ยเทา่ น้นั )
4.2 ครูตั้งคำถามเพื่อนำไปสู่การสืบค้นเกี่ยวกับสนามโน้มถ่วงของดาวอื่น ๆ และน้ำหนักของวัตถุบน
ดาวนน้ั ๆ จากน้ันครูใหน้ กั เรียนสบื ค้นและอภปิ รายร่วมกนั และนำเสนอผล
5. ข้ันประเมนิ ผล
5.1 ครูให้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจและทำแบบฝึกหัด 3.5 ในหนังสือเรียนรายวิชา
เพิ่มเติม ฟิสิกส์ 1 ชนั้ ม.4 สสวท.โดยเฉลยคำตอบและอภิปรายคำตอบร่วมกัน
105
9. ส่ือการเรยี นรู้/วสั ดุอุปกรณ์ /แหล่งเรยี นรู้
สอ่ื 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง แรง มวลและกฎการเคล่ือนท่ีของนิวตนั
2. แบบฝึกหัด
2. ส่ือรูปภาพการเคล่อื นทข่ี องวัตถตุ า่ ง ๆ ในโลกและนอกนอก
แหลง่ เรียนรู้ 1. www.google.co.th 2. หนังสอื เรยี นรายวชิ าเพม่ิ เตมิ ฟิสกิ ส์ เลม่ 1 (สสวท.)
10. การวดั และประเมนิ ผล
การวัดประเมินผลด้าน วธิ กี ารวดั เครื่องมือวัด เกณฑ์การผ่าน
1. ดา้ นความรู้ (K) 1. ทดสอบ 1. แบบทดสอบ ได้คะแนนในระดับพอใช้ขน้ึ ไป
2. สรุปความคิด
2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) สังเกตจากการปฏบิ ตั ิ 1. แบบสังเกต ไดค้ ะแนนในระดบั พอใช้ขน้ึ ไป
กิจกรรมในชนั้ เรยี น 2. แบบประเมนิ
3. ด้านคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ (A) การสงั เกตพฤติกรรมความ แบบสังเกต ได้คะแนนในระดับพอใช้ขน้ึ ไป
สนใจและตงั้ ใจเรยี น แบบประเมิน ได้คะแนนในระดบั พอใช้ขึ้นไป
4. ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
5 ประการ การสังเกตพฤติกรรมความ
สนใจและตั้งใจเรียน
5. ด้านทักษะผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 การสังเกตพฤติกรรมความ แบบประเมิน ไดค้ ะแนนในระดบั พอใช้ขึ้นไป
(21st Century Skills สนใจและตัง้ ใจเรียน
106
บันทกึ หลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรูท้ ี่ 17
เร่ือง แรงดึงดูดระหวา่ งมวล
1. ผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
จากการประเมนิ ผลจาก ........................................................................................................ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
จำนวน ........... คน โดยการประเมินตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ผลปรากฏดงั น้ี
1.1 ผลการประเมนิ ดา้ นความรู้
1.1.1 จากการประเมินแบบทดสอบหลงั เรยี น พบว่ามนี กั เรยี น
- ไดร้ ะดับดีมาก จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ
- ไดร้ ะดบั ดี จำนวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ
- ไดร้ ะดบั ปานกลาง จำนวน คน คดิ เป็นร้อยละ
- ไดร้ ะดบั พอใช้ จำนวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ
- ไดร้ ะดับปรับปรุง จำนวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ
1.2 ผลการประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ/ดา้ นทักษะผูเ้ รียนในศตวรรษที่ 21
1.2.1 จากการประเมินโดยใช้แบบประเมนิ ทกั ษะในการ...............................................................................................
พบวา่ มีนกั เรียน
- ได้ระดับดี จำนวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ
- ไดร้ ะดับพอใช้ จำนวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ
- ได้ระดับปรบั ปรุง จำนวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ
1.2.2 จากการประเมินโดยใช้แบบประเมนิ การเขยี นรายงานและการนำเสนอ ............................................................
พบวา่ มนี กั เรยี น
- ได้ระดับดี จำนวน คน คิดเปน็ ร้อยละ
- ได้ระดบั พอใช้ จำนวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ
- ได้ระดับปรับปรงุ จำนวน คน คดิ เป็นร้อยละ
1.3 ผลการประเมินด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค/์ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ พฤตกิ รรมการ
ทำงานกล่มุ ของนกั เรียน พบวา่ มนี กั เรยี น
- ไดร้ ะดับดี จำนวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ
- ได้ระดบั พอใช้ จำนวน คน คดิ เปน็ ร้อยละ
- ได้ระดับปรบั ปรุง จำนวน คน คดิ เป็นร้อยละ
2. ปัญหาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
ลงช่อื ………………………………………
(นางสาวนิปทั มา นิเฮง)
ครผู สู้ อน
107
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 18 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4
โรงเรยี นเบญจมราชูทิศ จงั หวัดปตั ตานี
วิชา ว 31201 ฟิสกิ ส์ 1 ช่ือหน่วย : แรงและกฎการเคลื่อนที่
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 จำนวน 4 ชว่ั โมง
เรอ่ื ง การประยุกตใ์ ช้กฎการเคล่อื นท่ี
1. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้/ ผลการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด
มาตรฐานการเรียนรู้
เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสิกส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคล่อื นทีแ่ นวตรง แรงและกฎการเคลอ่ื นที่ของ
นวิ ตัน กฎความโนม้ ถว่ งสากล แรงเสียดทาน สมดลุ กลของวัตถุ งาน และกฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตมั และ
กฎการอนรุ ักษโ์ มเมนตมั การเคลือ่ นท่แี นวโค้ง รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้
1. เขียนแผนภาพของแรงทีก่ ระทำต่อวัตถุอิสระ ทดลอง และอธิบายกฎการเคล่อื นที่ของนิวตันและการใช้
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกบั สภาพการเคล่ือนท่ีของวัตถุ รวมทั้งคำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ้ ง
2. สาระสำคัญ (ความคิดรวบยอด)
กฎการเคลื่อนที่ เป็นกฎที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับสภาพการเคลื่อนที่และการเปลี่ยนสภาพของวัตถุ
ประกอบด้วยกฎการเคล่ือนทขี่ องนิวตนั ทง้ั สามขอ้
กฎขอ้ ที่ 1 " กฎความเฉอ่ื ย "
กฎข้อที่ 2 เมื่อมีแรงลัพธ์ที่มีค่าไม่เท่ากับศูนย์มากระทำต่อวัตถุ จะทำให้วัตถุเกิดความเร่งในทิศ
เดียวกับแรงลัพธ์ที่มากระทำและขนาดของความเร่งนี้จะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลพั ธ์ และแปรผกผันกับมวล
ของวัตถุ
กฎข้อที่ 3 ว่าดว้ ย ทกุ แรงกิริยาย่อมมแี รงปฏิกริ ิยาขนาดเทา่ กนั
3. สาระการเรียนรู้
กฎการเคลื่อนที่ เป็นกฎที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับสภาพการเคลื่อนที่และการเปลี่ยนสภาพของวัตถุ
ประกอบด้วยกฎการเคลื่อนที่ของนวิ ตันทัง้ สามขอ้
กฎข้อที่ 1 ว่าด้วย วัตถุจะรักษาสภาพอยู่นิ่งหรือสภาพเคลื่อนที่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะมีแรงลัพธ์ที่มี
ค่าไมเ่ ทา่ กับศูนย์ แสดงวา่ วัตถุพยายามรักษาสภาพเดิมของวตั ถุอยู่เสมอ ถา้ อย่นู ง่ิ ก็จะอยู่นิง่ ตลอด ถ้าเคล่ือนท่ีก็จะ
เคลือ่ นทด่ี ว้ ย ความเรว็ คงท่ี กฎขอ้ น้จี ึงเรียกว่า " กฎความเฉื่อย "
กฎข้อที่ 2 ว่าด้วย เมื่อมีแรงลัพธ์ที่มีค่าไม่เท่ากับศูนย์มากระทำต่อวัตถุ จะทำให้วัตถุเกิดความเร่งในทิศ
เดียวกับแรงลัพธ์ที่มากระทำและขนาดของความเร่งนี้จะแปรผันตรงกับขนาดของแรงลพั ธ์ และแปรผกผันกับมวล
ของวตั ถุ
กฎข้อที่ 3 ว่าด้วย ทุกแรงกิริยาย่อมมีแรงปฏิกิริยาขนาดเท่ากันกระทำในทิศตรงกันข้ามเสมอ หรือแรง
กระทำซ่งึ กนั และกันของวัตถุสองก้อนยอ่ มมขี นาดเท่ากนั แต่มีทิศทางตรงกันขา้ ม
108
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. ความรู้ (K)
อธบิ ายกฎการเคล่อื นท่ีของนิวตันทั้งสามข้อได้
2. ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
คำนวณการเคลื่อนที่ของนิวตนั ทงั้ สามข้อและคำนวณปริมาณทเี่ กย่ี วข้องได้ถูกต้อง
3. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคต์ ามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับ
ปรบั ปรุง 2560)
มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
คุณลกั ษณะของผู้เรียนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล
เป็นเลศิ วชิ าการ ล้ำหนา้ ทางความคิด
5. จดุ เนน้ สู่การพฒั นาคุณภาพผู้เรียน
ความสามารถและทักษะผเู้ รยี นในศตวรรษท่ี 21 ( 3Rs 8Cs 2Ls )
1. ทักษะในสาระวิชาหลัก (3Rs)
1.1 Reading (อา่ น) 1.2 (W)Riting (เขยี น) 1.3 (A)Rithemetics (คณิตฯ)
2. ทักษะการเรยี นรแู้ ละนวตั กรรม (8Cs)
2.1 Critical Thinking and Problem Solving (การคดิ วจิ ารณญาณ และแก้ปัญหา)
2.4 Collaboration, Teamwork and Leadership (การทำงานเปน็ ทมี ภาวะผู้นำ)
2.8 Compassion (คุณธรรม เมตตา กรณุ า ระเบียบวินัย)
3. ทักษะการเรยี นร้แู ละภาวะผูน้ ำ (2Ls)
3.1 Learning (ทักษะการเรียนร)ู้ 3.2 Leadership (ภาวะผู้นำและความรบั ผิดชอบ)
6. การบรู ณาการตามพระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ ( เฉพาะทีเ่ กิดในแผนการจัดการเรยี นรู้ )
บรู ณาการกับคา่ นยิ ม 12 ประการ
2. ซอื่ สตั ย์ เสยี สละ อดทน มีอุดมการณ์ในสงิ่ ท่ดี ีงามเพื่อส่วนรวม
4. ใฝห่ าความรู้ หมั่นศกึ ษาเลา่ เรยี นทัง้ ทางตรงและทางออ้ ม
9. มีสติรู้ตัว ร้คู ดิ รู้ทำ
7. ภาระงาน / ช้ินงาน
ภาระงาน - ศึกษาใบความรู้ ปฏิบตั กิ ิจกรรมในแบบฝึกหัด
109
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
1. ขน้ั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรู้เกี่ยวข้องกับ แรงบางชนิดที่ควรรู้ การเขียนแผนภาพ วัตถุอิสระ การหาขนาด
และทศิ ทางของแรงลพั ธ์ แรงเสยี ดทาน และแรงโน้มถว่ ง
1.2 ครูทบทวนกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันว่า กฎการเคลื่อนที่ เป็นกฎที่ใช้อธิบายเกี่ยวกับสภาพการ
เคลื่อนท่แี ละการเปลีย่ นสภาพของวตั ถุ ประกอบดว้ ยกฎการเคลอื่ นทีข่ องนิวตนั ทง้ั สามข้อ
กฎข้อที่ 1 ว่าดว้ ย วัตถจุ ะรกั ษาสภาพอยนู่ ง่ิ หรือสภาพเคล่ือนท่ีอยา่ งสมำ่ เสมอ นอกจาก
จะมีแรงลัพธ์ที่มีค่าไม่เท่ากับศูนย์ แสดงว่าวัตถุพยายามรักษาสภาพเดิมของวัตถุอยู่เสมอ ถ้าอยู่
นิ่งก็จะอยู่นิ่งตลอด ถ้าเคลื่อนที่ก็จะเคลื่อนที่ด้วย ความเร็วคงที่ กฎข้อนี้จึงเรียกว่า " กฎความ
เฉือ่ ย "
กฎข้อท่ี 2 วา่ ด้วย เมือ่ มีแรงลพั ธ์ท่มี ีคา่ ไม่เท่ากับศูนย์มากระทำต่อวัตถุ จะทำให้วัตถุเกิด
ความเร่งในทิศเดียวกับแรงลัพธ์ที่มากระทำและขนาดของความเร่งนี้จะแปรผนั ตรงกับขนาดของ
แรงลพั ธ์ และแปรผกผันกบั มวลของวัตถุ
กฎข้อที่ 3 ว่าด้วย ทุกแรงกริ ิยาย่อมมีแรงปฏิกิรยิ าขนาดเท่ากนั กระทำในทิศตรงกันข้าม
เสมอ หรอื แรงกระทำซ่ึงกันและกนั ของวัตถสุ องก้อนย่อมมีขนาดเทา่ กนั แต่มที ศิ ทางตรงกนั ข้าม
2. ขนั้ สำรวจและค้นหา
2.1 ครใู หน้ กั เรยี นศึกษาตวั อย่าง 3.7-3.12 และอภปิ รายร่วมกนั กับเพอื่ นในกล่มุ
2.2 ครูส่มุ ถามนกั เรียนถงึ วธิ กี ารทำในแตล่ ะตัวอยา่ ง
3. ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครูอธิบายตัวอย่าง 3.7 และ 3.8 ในหนังสือเรียนโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนแผนภาพวัตถุ
อสิ ระ กฎการเคลื่อนทขี่ องนิวตัน การแยกแรงองค์ประกอบ แรงแนวฉากและนำ้ หนกั ของวตั ถุ
3.2 ครูอธบิ ายตัวอย่าง 3.9 ในหนังสอื เรียนโดยใช้ความรูเ้ กี่ยวกบั การเขียนแผนภาพวตั ถุอสิ ระ กฎการ
เคลอ่ื นทข่ี องนวิ ตนั การแยกแรงองคป์ ระกอบ แรงแนวฉาก น้ำหนักของวัตถุ และแรงเสียดทาน
3.3 ครูอธิบายตัวอย่าง 3.10 ในหนังสือเรียนโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนแผนภาพวัตถุอิสระ กฎ
การเคล่อื นท่ขี องนวิ ตัน และแรงดงึ เชือก
3.4 ครูอธิบายตัวอย่าง 3.11 ในหนังสือเรียนโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนแผนภาพวัตถุอิสระ กฎ
การเคลื่อนที่ของนิวตัน การแยกแรงองค์ประกอบ แรงแนวฉาก น้ำหนักของวัตถุ และแรงเสียด
ทาน
3.5 ครูอธิบายตัวอย่าง 3.12 ในหนังสือเรียนโดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการเขียนแผนภาพวัตถุอิสระ กฎ
การเคลื่อนที่ของนิวตัน การแยกแรงองค์ประกอบ แรงแนวฉาก น้ำหนักของวัตถุ และแรงเสียด
ทาน
4. ขัน้ ขยายความรู้
4.1 ครใู หค้ วามรู้เพิม่ เตมิ เกย่ี วกับการนำกฎของนวิ ตันไปใชใ้ นสถานการณ์ต่าง ๆ
110
5. ขน้ั ประเมินผล
5.1 ครูให้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจและทำแบบฝึกหัด 3.6 โดยเฉลยคำตอบและ
อภิปรายคำตอบร่วมกัน
9. ส่อื การเรียนร/ู้ วัสดุอปุ กรณ์ /แหลง่ เรยี นรู้
สอ่ื 1. เอกสารประกอบการเรียนเรือ่ ง แรง มวลและกฎการเคล่ือนท่ีของนิวตัน
2. แบบฝกึ หดั
แหล่งเรียนรู้ 1. www.google.co.th 2. หนงั สือเรยี นรายวิชาเพิม่ เติม ฟิสิกส์ เลม่ 1 (สสวท.)
10. การวดั และประเมนิ ผล
การวดั ประเมนิ ผลด้าน วิธีการวัด เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารผา่ น
1. ด้านความรู้ (K)
1. ทดสอบ 1. แบบทดสอบ ไดค้ ะแนนในระดับพอใช้ข้ึนไป
2. สรุปความคดิ
2. ด้านทักษะกระบวนการ (P) สังเกตจากการปฏิบัติ 1. แบบสังเกต ไดค้ ะแนนในระดับพอใช้ขนึ้ ไป
กิจกรรมในชั้นเรยี น 2. แบบประเมิน
3. ด้านคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ (A) การสังเกตพฤติกรรมความ แบบสังเกต ไดค้ ะแนนในระดบั พอใช้ขนึ้ ไป
สนใจและตง้ั ใจเรยี น
4. ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น การสงั เกตพฤติกรรมความ แบบประเมิน ได้คะแนนในระดับพอใช้ขึ้นไป
5 ประการ สนใจและตั้งใจเรียน
5. ด้านทักษะผูเ้ รียนในศตวรรษที่ 21 การสงั เกตพฤติกรรมความ แบบประเมนิ ได้คะแนนในระดบั พอใช้ขึ้นไป
(21st Century Skills สนใจและต้ังใจเรียน
111
บนั ทกึ หลังการจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ 18
เรื่อง การประยุกตใ์ ช้กฎการเคลอ่ื นท่ี
1. ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
จากการประเมนิ ผลจาก ........................................................................................................ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
จำนวน ........... คน โดยการประเมนิ ตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ผลปรากฏดังน้ี
1.1 ผลการประเมนิ ดา้ นความรู้
1.1.1 จากการประเมินแบบทดสอบหลงั เรียน พบว่ามนี กั เรยี น
- ไดร้ ะดับดีมาก จำนวน คน คิดเปน็ รอ้ ยละ
- ไดร้ ะดับดี จำนวน คน คดิ เป็นร้อยละ
- ไดร้ ะดับปานกลาง จำนวน คน คิดเปน็ ร้อยละ
- ได้ระดบั พอใช้ จำนวน คน คิดเปน็ ร้อยละ
- ไดร้ ะดบั ปรบั ปรุง จำนวน คน คิดเปน็ ร้อยละ
1.2 ผลการประเมินด้านทักษะกระบวนการ/ด้านทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
1.2.1 จากการประเมนิ โดยใชแ้ บบประเมินทักษะในการ...............................................................................................
พบวา่ มนี ักเรยี น
- ไดร้ ะดบั ดี จำนวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ
- ได้ระดบั พอใช้ จำนวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ
- ไดร้ ะดับปรบั ปรงุ จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ
1.2.2 จากการประเมินโดยใช้แบบประเมินการเขียนรายงานและการนำเสนอ ............................................................
พบวา่ มีนักเรียน
- ได้ระดับดี จำนวน คน คิดเปน็ ร้อยละ
- ไดร้ ะดับพอใช้ จำนวน คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ
- ไดร้ ะดบั ปรบั ปรุง จำนวน คน คดิ เป็นร้อยละ
1.3 ผลการประเมนิ ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์/สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ พฤตกิ รรมการ
ทำงานกลมุ่ ของนักเรยี น พบวา่ มีนกั เรยี น
- ได้ระดบั ดี จำนวน คน คดิ เป็นร้อยละ
- ไดร้ ะดับพอใช้ จำนวน คน คิดเป็นรอ้ ยละ
- ได้ระดับปรับปรุง จำนวน คน คิดเป็นร้อยละ
2. ปญั หาและอุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….........…………………………
ลงชือ่ ………………………………………
(นางสาวนิปัทมา นิเฮง)
ครูผู้สอน
ภาคผนวก
เอกสารประกอบการเรยี น เร่อื ง ธรรมชาติทางฟิสกิ ส์
เอกสารประกอบการเรียน เรือ่ งการเคล่ือนที่แนวตรง
เอกสารประกอบการเรียน เรือ่ งแรง มวลและกฎการ
เคลื่อนที่ของนิวตัน
แบบประเมินการทำกิจกรรม
เรอ่ื ง……………………………………………………………………….……….………………….ชน้ั ……………………………วนั /เดอื น/ป…ี ……………………….…………………
จุดประสงค์การเรียนรู้
ดา้ น ดา้ น ด้าน รวม ระดบั
ที่ ชอื่ – สกลุ ความรู้ กระบวนการ คณุ ลักษณะ คะแนน คุณภาพ
(K) (P) (A)
33 39
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
ระดับคุณภาพ 7-9 หมายถงึ ระดับดี
คะแนน 5-6 หมายถึง ระดับพอใช้
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรับปรงุ
คะแนน
เกณฑก์ ารประเมินผลงานนักเรียน
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม
ประเด็นการ คา่ น้ำหนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้าน 3 สรปุ ผลของกิจกรรมได้ถกู ต้องครบถว้ น
ความรู้ 2 สรุปผลของกจิ กรรมได้คอ่ นข้างถูกต้อง
(K) 1 สรุปผลของกจิ กรรมไมถ่ กู ต้อง
ด้าน 3 บนั ทกึ ผลของกิจกรรมได้ถูกต้องครบถ้วน
กระบวนการ 2 บันทึกผลของกิจกรรมได้ค่อนข้างถูกต้อง
(P) 1 บนั ทกึ ผลของกิจกรรมไมถ่ ูกต้อง
ดา้ น 3 ทำภาระงานที่ไดร้ ับมอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาทกี่ ำหนด และเรยี บรอ้ ยถูกต้องครบถว้ น
คุณลกั ษณะ 2 ทำภาระงานท่ีได้รบั มอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนด แตง่ านยงั ผดิ พลาดบางส่วน
(A) 1 ทำภาระงานท่ีได้รับมอบหมายเสรจ็ แตล่ ่าช้า และเกิดข้อผิดพลาดบางส่วน
ระดับคณุ ภาพ 3 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 2 หมายถงึ ระดบั พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั ปรบั ปรงุ
คะแนน
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
เรอ่ื ง……………………………………………………………….……….……………….ช้นั ………………………วัน/เดอื น/ปี………………………….…………………
พฤตกิ รรม ใฝ่ มุ่งมัน่ ใน มีจติ รวม ระดับ
เลขที่ เรยี นรู้ การทำงาน สาธารณะ คะแนน คุณภาพ
321321321 9
ช่ือ – สกุล
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
เกณฑก์ ารให้คะแนน คะแนนชว่ ง 7-9 คะแนน
3 = ดี คะแนนชว่ ง 3-6 คะแนน
2 = พอใช้ คะแนนช่วง 1-3 คะแนน
1 = ควรปรับปรุง
แนวทางการให้คะแนนแบบสังเกตพฤติกรรมด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
พฤตกิ รรม 3 (ดี) ระดับคุณภาพการประเมนิ 1 (ปรับปรุง)
1. ใฝ่เรยี นรู้ 2 (พอใช้)
มคี วามต้ังใจเรยี น
แสวงหาความรู้ เพียร มีความตง้ั ใจเรยี น แสวงหา ไม่ตั้งใจเรียน ไมแ่ สวงหา
พยายามในการเรยี น ความรู้ เพยี รพยายามในการ ความรู้ สง่ เสียงดังและ
และเขา้ ร่วมกิจกรรม เรียน ไม่เล่นในเวลาทคี่ รู เล่นในขณะท่ีครูสอน
การเรยี นรู้ สอน และส่งเสียงรบกวน
เพือ่ นเปน็ บางครั้ง
2. มุ่งมัน่ ในการทำงาน มีความตัง้ ใจและ มคี วามตงั้ ใจและรับผิดชอบ ไมม่ ีความตง้ั ใจ ไมม่ ี
รับผดิ ชอบในการปฏิบัติ ในการปฏบิ ัติหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบในการ
หน้าทีก่ ารงาน ดว้ ย เปน็ บางครง้ั ชอบเล่นใน ปฏิบตั ิหน้าท่ีการงาน
ความเพยี รพยายาม เวลาเรียนบ้างเปน็ บางครงั้ และไมม่ คี วามอดทน
และอดทนเพื่อให้งาน ไม่ค่อยมีความอดทนในการ ทำงานไมส่ ำเร็จได้ตาม
สำเร็จตามเปา้ หมาย ทำงานให้ สำเรจ็ เทา่ ทคี่ วร เป้าหมาย ชอบเล่นใน
เวลาเรียน ไม่สนใจงานท่ี
รบั มอบหมาย
3. มจี ิตสาธารณะ ชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื ด้วยความ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผอู้ ่ืน ไม่ใหค้ วามชว่ ยเหลอื
เต็มใจโดยไมห่ วังผล อยา่ งเตม็ ใจเปน็ บางครั้ง เพื่อนในการทำงานที่
ตอบแทน เขา้ ร่วม และให้ความร่วมมือใน ไดร้ บั มอบหมายในกล่มุ
กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ การเข้าร่วมกิจกรรม ชอบเกเรเพือ่ น ไมใ่ ห้
ตอ่ โรงเรียน ชุมชน ของโรงเรยี นหรอื ชุมชน ความร่วมมอื ในการเขา้
และสงั คม รว่ มกจิ กรรมของ
โรงเรยี นหรือชมุ ชน
แบบประเมนิ สมรรถนะผู้เรียน
เรื่อง……………………………………………………………….……….……………….ชั้น………………………วนั /เดอื น/ปี………………………….…………………
เลข พฤติกรรม ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถ รวม ระดบั
ที่ ในการสอื่ สาร ในการคิด ในการแก้ปญั หา ในการใช้ทกั ษะชวี ิต คะแนน คณุ ภาพ
ช่ือ – สกลุ 321 321 321 321 12
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
เกณฑ์การใหค้ ะแนน คะแนนชว่ ง 9-12 คะแนน
3 = ดี คะแนนช่วง 5-8 คะแนน
2 = พอใช้ คะแนนช่วง 1-4 คะแนน
1 = ควรปรับปรงุ
แนวทางการให้คะแนนแบบประเมินสมรรถนะผเู้ รียน
พฤตกิ รรม 3 (ดี) ระดบั คณุ ภาพการประเมนิ 1 (ปรับปรงุ )
1. ความสามารถใน 2 (พอใช้)
มคี วามสามารถในการ ไมส่ ามารถถา่ ยทอด
การสือ่ สาร รบั -สง่ สารและถา่ ยทอด สามารถถ่ายทอดความรู้ ความรู้ ความเข้าใจของ
ความรู้ ความคิด ความ ความเขา้ ใจของตนเองให้ ตนเองให้ผู้อน่ื เข้าใจได้
2. ความสามารถใน เขา้ ใจของตนเองใหผ้ ู้อืน่ ผู้อ่นื เข้าใจไดเ้ ปน็ บางครั้ง
การคดิ เขา้ ใจได้
3. ความสามารถใน มีความสามารถในการ สามารถคิดวเิ คราะหแ์ ละคิด ไม่สามารถคิดวเิ คราะห์
การแกป้ ญั หา คดิ วเิ คราะห์และคิด
อย่างเปน็ ระบบ เพ่ือ อย่างเปน็ ระบบได้ไมด่ ี และคดิ อยา่ งเป็นระบบ
4. ความสามารถใน สรา้ งองค์ความรูไ้ ด้
การใชท้ กั ษะชวี ติ เท่าท่ีควร ได้ ทำให้สร้างองค์
ความรู้ไม่ได้
มีความสามารถในการ สามารถแก้ปญั หาโดยใช้ ไม่สามารถแกป้ ัญหา
แกป้ ญั หาอยา่ งมเี หตุผล เหตุผลและตัดสนิ ใจ โดย อยา่ งมเี หตุผลได้ และ
และตัดสินใจ โดย คำนึงถึงผู้อืน่ เป็นบางครั้ง ตัดสินใจโดยไมค่ ำนึงถงึ
คำนึงถงึ ผู้อื่น ผู้อ่นื
มคี วามสามารถในการ สามารถปฏบิ ัติงานและ ไมส่ ามารถปฏิบัตงิ าน
ปฏบิ ตั งิ านและทำงาน ทำงานกลมุ่ ร่วมกับผู้อื่นได้ และทำงานกลุ่มร่วมกบั
กลมุ่ ร่วมกับผู้อ่ืนได้อยา่ ง อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพเปน็ ผ้อู ่นื ได้
มปี ระสิทธิภาพและ บางคร้ัง
สร้างสรรค์
แบบประเมนิ ทกั ษะในการปฏิบัติการทดลองของนกั เรยี นแต่ละกลมุ่
การทดลองเร่อื ง…………………....................................................................................................…………………..
สมาชิกในกลุ่ม ช้นั ม. 4/…..
1. ชอื่ ………………………………………………… นามสกุล………………………….. เลขที่…………
2. ชือ่ ………………………………………………… นามสกุล………………………….. เลขที่…………
3. ชื่อ………………………………………………… นามสกลุ ………………………….. เลขท่…ี ………
4. ช่ือ………………………………………………… นามสกุล………………………….. เลขท…่ี ………
5. ชอ่ื ………………………………………………… นามสกลุ ………………………….. เลขท่ี…………
6. ชื่อ………………………………………………… นามสกุล………………………….. เลขท่ี…………
รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
321 0
1. การวางแผนการทดลอง
2. การปฏิบตั ิการทดลอง
3. การบันทกึ และการจัดกระทำข้อมูล
4. การอภปิ รายผลการทดลองและการนำเสนอผลการทดลอง
รวม
เกณฑ์การประเมนิ ผล ระดับคุณภาพ
คะแนนทไ่ี ด้ ดี
9-12 พอใช้
5-8 ควรปรับปรุง
1-4
เกณฑ์การประเมนิ ทกั ษะในการปฏิบตั ิการทดลองของนักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม
1. การวางแผนการทดลอง
- ร่วมกันวางแผนและแบง่ หนา้ ทีใ่ นการทดลอง
- รว่ มกันออกแบบการทดลอง
- รว่ มกันกำหนดวัตถุประสงค์การทดลอง
2. การปฏิบตั ิการทดลอง
- ดำเนนิ การทดลองตามข้นั ตอนในเวลาท่กี ำหนด
- เลอื กใช้อุปกรณไ์ ดอ้ ย่างถกู ต้อง
- รกั ษาความสะอาด และเก็บอปุ กรณไ์ ด้อย่างเรียบร้อย
3. การบนั ทกึ และการจดั กระทำข้อมลู
- บันทกึ ผลการทดลองได้อยา่ งถูกตอ้ ง
- จดั กระทำข้อมลู ไดอ้ ย่างเหมาะสมตามลกั ษณะของข้อมูล
- บนั ทึกผลการทดลองตรงตามผลของการทดลองของกลุ่ม
4. การอภปิ รายผลการทดลองและการนำเสนอผลการทดลอง
- รว่ มกันอภิปรายผลการทดลอง เพ่ือวิเคราะห์และสรปุ ผลการทดลอง
- รว่ มกนั สรุปผลการทดลอง โดยใชข้ ้อมลู การทดลองของกลมุ่ ทบ่ี นั ทกึ ไว้
- นำเสนอผลการทดลองได้อย่างถูกต้องและตรงกับข้อสรุปของกลุ่ม
การประเมินในแตล่ ะหัวขอ้ ใหค้ ะแนนพจิ ารณาตามเกณฑต์ อ่ ไปน้ี
ปฏบิ ัตไิ ด้ 3 ประเด็นได้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ไิ ด้ 2 ประเดน็ ได้ 2 คะแนน
ปฏิบัติได้ 1 ประเดน็ ได้ 1 คะแนน
ไม่ไดป้ ฏบิ ตั ิ 3 ประเดน็ ได้ 0 คะแนน
แบบทดสอบหลังเรียน
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ธรรมชาตแิ ละพัฒนาการทางฟสิ กิ ส์
คำช้ีแจง : ข้อสอบมี 2 ตอน คะแนนเตม็ 30 คะแนน
ตอนที่ 1 ข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน ให้นักเรียน X
ขอ้ ทถ่ี ูกท่สี ุดเพียง 1 ข้อ ลงในกระดาษคำตอบ
ตอนที่ 2 ขอ้ สอบอัตนยั จำนวน 1 ข้อ ขอ้ ละ 10 คะแนน ใหน้ กั เรยี นแสดงวิธที ำให้ถกู ตอ้ ง
ตอนที่ 1 ข้อสอบแบบปรนยั ชนดิ เลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ ขอ้ ละ 1 คะแนน ใหน้ กั เรียนระบายคำตอบ
ดว้ ยดนิ สอ 2B ลงในกระดาษคำตอบ
ผลการเรยี นรู้ 1 สืบคน้ และอธิบายการคน้ หาความรู้ทางฟสิ ิกส์ ประวัตคิ วามเป็นมา รวมทัง้ พัฒนาการของหลักการ
และแนวคิดทางฟสิ ิกสท์ ี่มผี ลต่อการแสวงหาความรใู้ หม่และการพัฒนาเทคโนโลยไี ด้
1. จงพิจารณาข้อความต่อไปน้ี
1. ปรากฎการณธ์ รรมชาติคนในสมยั โบราณอธบิ ายวา่ เป็นเหตุการณ์ท่ีเทพเจ้าและภูตผีเปน็ ผู้กระทำให้เกดิ
2. วชิ าฟิสกิ ส์มุ่งศกึ ษาปรากฏการณธ์ รรมชาตโิ ดยไม่คำนงึ ถึงการนำไปประยกุ ต์
3. การสงั เกต การบนั ทกึ ขอ้ มูล การวิเคราะห์ข้อมลู ทำให้เกิดการพฒั นาความรู้
ข้อใดถกู ตอ้ ง
ก. 1 และ 2 ข. 1 และ 3
ค. 2 และ 3 ง. 1 2 และ 3
2. ความมุงหมายในการศกึ ษาวชิ าฟสิ กิ ส์ เปน็ ไปตามข้อใด
ก. ร้แู ละเขา้ ใจกฎเกณฑใ์ นการอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ
ข. หาหนทางในการดำรงชวี ิตใหป้ ลอดภัยจากโรค และภัยธรรมชาติ
ค. ประดษิ ฐ์อุปกรณ์ และเคร่อื งมอื ที่ชว่ ยอำนวยความสะดวกให้กบั ชีวติ
ง. คดิ คน้ และพฒั นาเทคโนโลยี เพ่ือขยายพ้ืนทก่ี ารมีชวี ติ ไปยังนอกโลก
3. พ้ืนฐานความรู้ทางฟสิ กิ สไ์ ดม้ าจากสิ่งใด
ก. การสังเกตและต้งั ทฤษฎี ข. ต้ังทฤษฎแี ละทดลอง
ค. การสงั เกตและรวบรวมขอ้ มลู ง. การทดลองและตง้ั กฎ
4. จงพิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้
1. ความซอ่ื สัตยต์ รงไปตรงมา
2. ความเออ้ื เฟือ้ เผ่อื แผ่ โอบออ้ มอารี
3. ความมัน่ ใจในตัวเอง
ขอ้ ใดคือลักษณะนสิ ยั ท่ีดีของนักวิทยาศาสตร์
ก. 1 ข. 1 และ 2
ค. 2 และ 3 ง. 1 2 และ 3
5. จากการสร้างแบบจำลองทางความคิดอย่างมีเหตุผล สามารถนำไปอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆได้อย่างดี
สอดคลอ้ งกบั ข้อมลู ที่ได้ จากการทดลองเปน็ วธิ ีหนง่ึ ซง่ึ นำไปสู่
ก. สมมตุ ฐิ าน ข.ทฤษฎี
ค. กฎเกณฑ์ ง.ระเบียบทีย่ ึดถอื ปฏบิ ัติ
ผลการเรียนรู้ 2 วัดและรายงานผลการวดั ปรมิ าณทางฟิสิกส์ได้ถกู ต้องเหมาะสมโดยนำความคลาดเคล่ือนในการวัด
มาพิจารณาในการนำเสนอผลรวมทั้งแสดงผลการทดลองในรปู ของกราฟ วิเคราะห์และแปลความหมายจากกราฟ
เส้นตรงได้
6. ในการวดั ทางวชิ าฟสิ ิกส์ จะต้องบันทกึ ผลโดยวธิ ใี นขอ้ ใด
ก. ใช้คำอปุ สรรคนำหนา้ หนว่ ย ข. บันทึกตามหลกั เลขนยั สำคญั
ค. ตอ้ งใชห้ น่วยในระบบระหว่างชาติ ง. ถกู ทกุ ขอ้
7. ปรมิ าณใดต่อไปนีเ้ ป็นหน่วยฐานทง้ั หมด
ก. อุณหภูมิ , มมุ , พลงั งาน
ข. มวล , กระแสไฟฟา้ , ปริมาณของสาร
ค. ระยะทาง , พ้ืนท่ี , ปรมิ าตร
ง. มวล , ความยาว , แรง
8. หนว่ ยทเ่ี ป็นมาตรฐานสากลของปริมาณตอ่ ไปนี้คือหนว่ ยอะไร ( ความยาว , มวล , เวลา , กระแสไฟฟา้ )
ก. เซนติเมตร,กิโลกรมั , ชัว่ โมง ,แอมแปร์ ข. เมตร ,กโิ ลกรัม , วนิ าที, แอมแปร์
ค. กโิ ลเมตร,กโิ ลกรมั ,วนิ าที,แอมแปร์ ค. มิลลิเมตร,กโิ ลกรัม ,วนิ าที,แอมแปร์
9. 0.00956000 × 10-12 จำนวนดังกล่าวมเี ลขนัยสำคญั ก่ตี วั
ก. 3 ตัว ข. 11 ตัว
ค. 9 ตวั ง. 6 ตัว
10. จำนวน 4.8603 แปลงให้มีเลขนยั สำคญั 3 ตัวตรงกบั ข้อใด
ก. 4.86 ข. 4.860
ค. 4.87 ง. 4.9
11. 40.7345 – 21.223 + 33.556 เท่ากบั เทา่ ไร (ตอบในรปู เลขนัยสำคญั )
ก. 53.0675 ข. 53.067
ค. 53.068 ง. 53.07
12. 8.9 x 6.33 เท่ากบั เท่าไร (ตอบในรปู เลขนยั สำคญั )
ก. 57 ข. 56.0
ค. 56.3 ง. 56
13. ปริมาณ 0.5 เดซเิ มตรเปลย่ี นใหอ้ ย่ใู นหน่วยมลิ ลิเมตรตรงกับข้อใด
ก. 0.5 มิลลิเมตร ข. 5 มลิ ลเิ มตร
ค. 50 มลิ ลิเมตร ง. 500 มลิ ลเิ มตร
14. 1.5 ตารางเซนติเมตร มีคา่ เท่ากบั ก่ีตารางเมตร
ก. 1.5 x 10-4 ข. 1.5 x 10-2
ค. 1.5 x 102 ง. 1.4 x 104
15. ถงั น้ำสเี่ หล่ยี มก้นถงั มีพื้นท่ี 3 ตารางเมตร สงู 2 เมตร จะบรรจุนำ้ ได้มากที่สดุ กล่ี ติ ร
( 1 ลูกบาศกเ์ มตร = 1000 ลิตร )
ก. 500 ลิตร ข. 5000 ลติ ร
ค. 600 ลิตร ง. 6000 ลิตร
16. ความเรว็ ขนาด 1 เมตรต่อวนิ าที เป็นเทา่ ใดในหนว่ ยกิโลเมตรตอ่ ชัว่ โมง
ก. 1 ข. 3.6
3.6 ง. 3.6 x 10-2
ค. 3.6 x 103
17. จากรปู อา่ นค่าสเกลมีคา่ เท่าไร
ก. 9.35
ข. 9.37
ค. 7.35
ง. 7.37
18. ในการทดลองวดั คาบการแกว่งของลูกตุ้มอย่างงา่ ย ได้ผลดงั ตาราง
คร้ังท่ี 1 2 3 4 5
5.6 5.6
คาบ (s) 5.9 5.5 5.7
คา่ เฉลยี่ และความคลาดเคลอื่ นของคา่ เฉลย่ี มีคา่ เป็นเทา่ ไร ตามลำดบั
ก. 5.66 , 0.2 ข. 28.3 , 5.66
ค. 5.66 , 0.3 ง. 4.71 , 0.25
19. จงหาความชันของเสน้ ตรงทผี่ ่านจุด ( 3 , 6 ) , ( 6 , -15 )
ก. 3 ข. -3
ค. -7 ง. 7
20. กราฟระหวา่ งความเรว็ กบั เวลาของการเคลื่อนที่ของวัตถเุ ป็นดงั รูป
V (m/s)
5
1
t (s)
35
ความเรง่ ของวัตถุซ่ึงหาได้จากความชนั ของกราฟมคี า่ เท่าใด
ก. 10 ข. 15
ค. 20 ง. 25
ช่อื .....................................................................................ชัน้ .......................เลขท.่ี ...............
กระดาษคำตอบ
ตอนที่ 1 ข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน ให้นักเรียน X ข้อที่ถูก
ที่สดุ เพียง 1 ขอ้ ลงในกระดาษคำตอบ
ข้อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
ก
ข
ค
ง
ตอนที่ 2 ข้อสอบอัตนยั จำนวน 1 ข้อ ขอ้ ละ 10 คะแนน ให้นักเรยี นแสดงวิธีทำให้ถกู ต้อง
1. ในการทดลองลูกตุ้มอย่างงา่ ยทค่ี วามยาวเชอื กค่าหน่งึ ๆ ผู้ทดลองวัดเวลาการแกว่งของลูกต้มุ 3 ครัง้ ๆละ
10 รอบ โดยใช้นาฬิกาจบั เวลา ได้ผลดังตาราง
ความยาวเชอื ก เวลา 10 รอบ ( s ) คาบ T
l(m) (s)
2 ครัง้ ที่ 1 ครั้งที่ 2 คร้งั ท่ี 3 คา่ เฉล่ีย
4 9
6 13 8 10
8 16
10 18 10 13
19
16 13
17 19
20 24
1.1 จงเขยี นกราฟระหวา่ งคาบการแกวง่ ( T ) และ ความยาว ( l ) ( 3 คะแนน )
1.2 จงหาความชันของกราฟ ( 3 คะแนน )
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
1.3 จงหาค่าเฉลยี่ และความคาดเคลื่อนของค่าเฉลี่ย ( 4 คะแนน )
............................................................................................... ..............................................................................
............................................................................................................................. ................................................
................................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... ......................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 การเคลื่อนทแี่ นวตรง
คำชแ้ี จง : ข้อสอบมี 1 ตอน คะแนนเต็ม 30 คะแนน
ตอนที่ 1 ข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน ให้นักเรียน X ข้อที่ถูก
ทีส่ ดุ เพยี ง 1 ขอ้ ลงในกระดาษคำตอบ
ผลการเรยี นรทู้ ่ี 1 อธบิ ายเก่ยี วกบั การเคลื่อนท่แี นวตรง และปริมาณทีเ่ กย่ี วขอ้ ง
1. ขอ้ ใดคือความหมายของขนาดการกระจัดท่ีถกู ต้องทสี่ ุด
ก. ความยาวตามเส้นทางทว่ี ตั ถุเคลือ่ นทไี่ ปได้ท้ังหมด
ข. การเปล่ยี นตำแหนง่
ค. การเคล่อื นท่ีในหนึ่งหน่วยเวลา
ง. ความยาวของเส้นตรงท่ีเชอื่ มโยงระหวา่ งจุดเร่ิมตน้ และจดุ สดุ ทา้ ยของ
2. จากรูป ขนาดการกระจัดมีค่าเทา่ ใด
ก. 10 เมตร
ข. 12 เมตร
ค. 14 เมตร
ง. 16 เมตร
3. อับดลุ กอเด เดนิ ไปทางทิศตะวนั ออก 4 เมตร แลว้ เดินตอ่ ไป 6 เมตร ในทิศทางเดิมดังรปู
จงหาวา่ ระยะทางมีคา่ กีเ่ มตร
ก. 10 เมตร 4m 6m
ข. 12 เมตร
ค. 14 เมตร
ง. 16 เมตร
4. จงหาการกระจดั ลัพธข์ อง a⃑ + b⃑ จากเวกเตอรท์ ก่ี ำหนด
45˚ b⃑
a⃑ 45˚
ก. ข.
ค. ง.
5. จงหาการกระจดั ลัพธ์ของ a⃑ + b⃑ + c⃑ จากเวกเตอรท์ ี่กำหนด c⃑
a⃑ b⃑ ⃑c
ก. ข.
ค. ง.
6. จงหาการกระจัดลัพธ์ของ a⃑ - b⃑ - ⃑c จากเวกเตอรท์ ี่กำหนด
a⃑ b⃑
ก. ข.
ค. ง.
7. ข้อใดคือความหมายของอัตราเร็วทถ่ี กู ต้องทสี่ ุด
ก. ความยาวตามเส้นทางที่วัตถเุ คล่อื นที่ไปได้ทั้งหมด
ข. การกระจัดทว่ี ตั ถเุ คลื่อนท่ีไดใ้ นหนง่ึ หน่วยเวลา
ค. การเคลอื่ นท่ีของวัตถุในหนงึ่ หนว่ ยเวลา
ง. ระยะทางที่วตั ถุเคล่ือนที่ได้ในหนง่ึ หนว่ ยเวลา
8. พลอยชมพู แข่งวิ่งรอบสนาม ซึ่งมคี วามยาวเส้นรอบวง 800 เมตร ครบรอบใช้เวลา 80 วนิ าที
จงหาความเร็วเฉลี่ย
ก. 0 เมตรต่อวินาที ข. 5 เมตรตอ่ วนิ าที
ค. 10 เมตรต่อวนิ าที ง. 20 เมตรต่อวนิ าที
9. ซัลฟานี ซ้อมวง่ิ รอบสนาม ซ่งึ มคี วามยาวเสน้ รอบวง 300 เมตร ครบรอบใชเ้ วลา 1 นาที
จงหาอตั ราเร็วเฉล่ีย
ก. 5 เมตรตอ่ วินาที ข. 6 เมตรต่อวนิ าที
ค. 7 เมตรตอ่ วนิ าที ง. 8 เมตรต่อวินาที
10. การศกึ ษาการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถโุ ดยใหล้ ากแถบกระดาษผา่ นเครื่องเคาะสญั ญาณเวลาชนิดเคาะ
50 คร้งั ตอ่ วินาที ปรากฏไดจ้ ดุ บนแถบกระดาษดังรูป จงหาอัตราเรว็ ณ จดุ B ในหน่วยเมตรตอ่ วินาที
ก. 0.5
ข. 1.0
ค. 50
ง. 100
11. เมือ่ ดงึ แถบกระดาษผ่านเครื่องเคาะสญั ญาณเวลาชนิดเคาะ 50 คร้ังต่อวนิ าที ปรากฏไดจ้ ุดบนแถบ
กระดาษดังรปู จงหาอัตราเรว็ ณ จดุ D ในหนว่ ยเมตรตอ่ วนิ าที
ก. 0.50
ข. 0.75
ค. 50
ง. 75
จากตาราง ผลการทดลองการดงึ แถบกระดาษผา่ นเคร่อื งเคาะสัญญาณเวลาชนดิ 50 ครงั้ ต่อวินาที
จงตอบคำถามขอ้ 12 – 13
แถบกระดาษ ระยะใน 2 ชว่ ง เวลาช่วงจดุ
จุดท่ี จุด (cm) (s)
A 2.5 2/50
B 4.0 2/50
C 7.6 2/50
D 10.0 2/50
E 12.5 2/50
12. จงหาความเรว็ ณ จดุ C มคี ่ากีเ่ มตร/วินาที
ก. 190 ข. 1.9
ค. 3.8 ง. 380
13. จงหาความเร็วเฉลย่ี ของแถบกระดาษหน่วยเมตรต่อวินาที
ก. 0.36 ข. 36.6
ค. 183 ง. 1.83
14. ขอ้ ใดคือความหมายของความเรง่ ที่ถูกต้องที่สุด
ก. ความเรว็ ทเ่ี ปลี่ยนแปลงไปในหน่งึ หนว่ ยเวลา
ข. ระยะทางที่วตั ถุเคลื่อนท่ีไดใ้ นหนงึ่ หน่วยเวลา
ค. อัตราเรว็ ท่เี ปล่ยี นแปลงไปในหน่งึ หนว่ ยเวลา
ง. การกระจดั ทวี่ ัตถเุ คลือ่ นที่ได้ในหนึ่งหนว่ ยเวลา
15. วัตถุอนั หนึ่งเคล่ือนท่ดี ้วยความเร่ง 10 เมตรต่อวินาที2 จะตอ้ งใชเ้ วลานานเทา่ ไรในการเปล่ยี นความเรว็
จาก 20 เมตรต่อวนิ าทเี ป็น 50 เมตรต่อวินาที
ก. 2 วนิ าที ข. 3 วินาที
ค. 5 วนิ าที ง. 7 วินาที
16. รถยนต์เร่มิ เคล่ือนทจี่ ากจดุ หยดุ นงิ่ ในเวลา 20 วนิ าที ต่อมาวดั ความเร็วของรถยนต์ได้ 80 เมตรตอ่
วินาที อยากทราบว่ารถยนต์คนั น้เี คล่อื นทีด่ ้วยความเรง่ เฉลี่ยกี่เมตรต่อวนิ าที2
ก. 0 ข. 4
ค. 60 ง. 100
จากผลการทดลอง ได้ผลตามตาราง จงตอบคำถามขอ้ 17-18
แถบกระดาษตอนที่ ระยะทางใน 2 ชว่ งจดุ เวลา 2 ชว่ งจุด ขนาดความเรว็ ขณะหนง่ึ ใน
1 s (cm) t (s) 2 ชว่ งจดุ s (cm)
2 4.6 2/50 115.0
3 6.2 2/50 155.0
4 7.7 2/50 192.5
5 9.2 2/50 230.0
10.7 2/50 267.5
17. จากขอ้ มูลการเคลอ่ื นท่ีของวตั ถทุ ต่ี กอย่างเสรขี ้นึ อยกู่ บั แรงใด
ก. แรงผลักวตั ถุ ข. แรงโน้มถ่วงของโลก
ค. ถกู ทงั้ ข้อ ก และ ข ง. ไม่มขี ้อถกู
18. ความเรว็ กบั เวลามีความสัมพันธก์ นั อย่างไร
ก. เวลาเพ่มิ ขน้ึ ความเร็วเพิ่มขนึ้ ข. เวลาเพิ่มขึน้ ความเรว็ ลดลง
ค. เวลาเพม่ิ ขนึ้ ความเร็วคงที่ ง. ถูกทกุ ข้อ
19. การเคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุ แสดงโดยกราฟ v,t ดังรูป
V (m/s) d
40
c S3
20 6 8 10
0 b S2 t (s)
S1 2 4
12
-20 a
จงหาระยะทางและการกระจดั ที่วัตถเุ คลื่อนทไี่ ด้
ก. 200 เมตร , 220 เมตร ข. 220 เมตร , 260 เมตร
ค. 260 เมตร , 220 เมตร ง. 260 เมตร , 200 เมตร
20. จากกราฟของการเคลื่อนที่ตอ่ ไปนี้ จงหาระยะทาง และการกระจดั ของการเคล่ือนท่ี
V (m/s)
10
8 10 t (s)
-12 ข. 28 เมตร , 0 เมตร
ง. 52 เมตร , 28 เมตร
ก. 0 เมตร , 28 เมตร
ค. 28 เมตร , 52 เมตร
ผลการเรยี นรทู้ ่ี 2 อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างการกระจดั ความเรว็ และความเร่งของการเคลอื่ นท่ีของ
วตั ถุในแนวตรงท่มี ีความเร่งคงตวั
21. รถยนตค์ ันหน่งึ กำลังเคลื่อนท่บี นถนนตรง กำหนดให้การเคลอ่ื นทไ่ี ปขา้ งหนา้ มกี ารกระจดั เปน็ ค่าบวก
และการเคลื่อนท่ีถอยหลงั มกี ารกระจัดเป็นค่าลบ ถ้ารถยนต์คนั น้มี คี วามเรว็ เปน็ คา่ ลบแตม่ ีความเร่งเปน็
คา่ บวก สภาพการเคล่ือนทจ่ี ะเปน็ อย่างไร
ก. กำลงั แลน่ ไปข้างหน้า แต่กำลงั เหยยี บเบรกเพ่ือใหร้ ถช้าลง
ข. กำลังแล่นไปขา้ งหนา้ และกำลังเหยียบคันเรง่ เพอื่ ใหร้ ถเดนิ หนา้ เรว็ ขน้ึ
ค. กำลงั แล่นถอยหลัง แต่กำลงั เหยียบเบรกเพื่อใหร้ ถช้าลง
ง. กำลงั แล่นถอยหลงั และกำลงั เหยียบคันเรง่ เพ่ือใหร้ ถถอยหลงั เร็วขน้ึ
22. จากกราฟระหว่างความเร็วและเวลาในช่วงเวลาใด แสดงวา่ มคี วามเรง่ เปน็ ศูนย์
V (m/s)
10
8
6
4
2 t (s)
2 4 6 8 10 12
ก. ชว่ งเวลา 0 - 4 วนิ าที ข. ช่วงเวลา 4 - 10 วนิ าที
ค. ชว่ งเวลา 10 - 12 วินาที ง. ไมม่ ีข้อถกู
23. รถยนตค์ ันหนงึ่ ออกวงิ่ จากจุดหยุดนิ่งไปตามถนนตรงด้วยขนาดความเร่งคงตัว และวิ่งได้ไกล
75 เมตร ภายในเวลา 5 วนิ าที ขนาดของความเร่งของรถยนต์มคี ่าก่ีเมตรต่อวินาที 2
ก. 6 ข. 15
ค. 70 ง. 80
24. รถคนั หน่งึ วง่ิ ด้วยความเร็ว 10 เมตรต่อวินาที จนกระท่ังมีความเร็ว 15 เมตรต่อวนิ าที ในเวลา 1 วินาที
ในแนวเส้นตรง จงหาความเร่งเฉล่ียของ รถในหน่วยเมตรต่อวินาที 2
ก. 0 เมตรตอ่ วินาที 2 ข. 1 เมตรต่อวินาที 2
ค. 5 เมตรตอ่ วนิ าที2 ง. 10 เมตรต่อวินาที 2
25. วัตถมุ วล 2 กโิ ลเมตร เคลอ่ื นทใ่ี นแนวตรงจากหยุดนิ่งด้วยความเรง่ คงท่ี 2 เมตรตอ่ วินาที 2 เมือ่ ผา่ น
จดุ สงั เกต มอี ัตราเร็ว 10 เมตรต่อวินาที ขณะท่วี ตั ถมุ ีอัตราเรว็ 26 เมตรตอ่ วนิ าที วัตถอุ ยู่ห่างจาก
จุดสงั เกตกเ่ี มตร
ก. 84 ข. 104
ค. 124 ง. 144
26. อสั มา ขบั รถมอเตอร์ไซด์ดว้ ยความเรว็ 10 เมตรตอ่ วนิ าที ต่อมาเบรกทำให้ความเร็วลดลง
เหลอื 2 เมตรตอ่ วนิ าที ในเวลา 4 วนิ าที จงหาระยะทางในชว่ งทีเ่ บรกในหนว่ ยเปน็ เมตร
ก. 10 ข. 24
ค. 30 ง. 40
27. ยิงวตั ถุข้ึนไปในแนวดง่ิ จากหน้าผาสงู ดว้ ยความเรว็ 30 เมตรต่อวนิ าที ปรากฏว่าวัตถุตกกระทบเชงิ ผา
ด้วยความเรว็ 40 เมตรต่อวนิ าที จงหาวา่ หนา้ ผาแห่งนี้สูงกีเ่ มตร ( กำหนดให้ g = 10 เมตรต่อวนิ าที 2 )
ก. 35 ข. 125
ค. 275 ง. 400
28. โยนวตั ถุข้ึนจากพนื้ ด้วยความเรว็ ตน้ 30 เมตรตอ่ วนิ าที ผ่านไป 2 วนิ าที วตั ถุจะอยู่สูงจากพน้ื กเ่ี มตร
( กำหนดให้ g = 10 เมตรต่อวนิ าที 2 )
ก. 20 ข. 40
ค. 60 ง. 80
29. ปลอ่ ยวตั ถุใหต้ กลงมาในแนวดิ่งจากทีส่ งู 20 เมตร จงหาความเรว็ ขณะกระทบพ้ืน
( กำหนดให้ g = 10 เมตรตอ่ วินาที 2 )
ก. 10 เมตรตอ่ วนิ าที ข. 20 เมตรตอ่ วินาที
ค. 30 เมตรตอ่ วินาที ง. 40 เมตรตอ่ วนิ าที
30. วตั ถุช้นิ หนงึ่ ถกู ปล่อยใหต้ กลงมาในแนวด่ิง จงหาระยะทางท่ีเคลื่อนท่ีไดใ้ นวนิ าทีที่ 5
( กำหนดให้ g = 10 เมตรต่อวนิ าที 2 )
ก. 5 เมตร ข. 25 เมตร
ค. 50 เมตร ง. 125 เมตร
ชอื่ .....................................................................................ชัน้ .......................เลขที.่ ...............
กระดาษคำตอบ
ตอนที่ 1 ข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน ให้นักเรียน X ข้อที่ถูก
ที่สุดเพียง 1 ขอ้ ลงในกระดาษคำตอบ
ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง
1 16
2 17
3 18
4 19
5 20
6 21
7 22
8 23
9 24
10 25
11 26
12 27
13 28
14 29
15 30
แบบทดสอบหลังเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 แรง มวลและกฎการเคลื่อนทีข่ องนิวตนั
คำช้แี จง : ข้อสอบมี 1 ตอน คะแนนเตม็ 30 คะแนน
ตอนที่ 1 ข้อสอบอัตนัย จำนวน 6 ข้อ ข้อละ 5 คะแนน ใหน้ กั เรยี นแสดงวิธที ำใหถ้ กู ต้อง
ตอนท่ี 1 ขอ้ สอบอตั นัย จำนวน 6 ขอ้ ข้อละ 5 คะแนน ใหน้ กั เรียนแสดงวิธที ำให้ถูกต้อง
1. วัตถกุ อ้ นหน่ึงเม่ือถกู แรง 50 นิวตนั กระทำ จะเคล่อื นที่ดว้ ยความเรง่ 4 เมตร/วินาที2 อยากทราบว่าวัตถนุ ม้ี ี
มวลก่กี ิโลกรมั
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
2. วางวตั ถุบนพนื้ เอียงทป่ี รับระดับได้ เม่ือค่อยๆ ยกพื้นเอียงขึ้นไปเร่ือยๆ ปรากฏวา่ เม่ือพื้นเอยี งทำมมุ 53 องศา
ปรากฏว่าวัตถเุ ร่มิ ไถลลงตามพื้นเอียง อยากทราบวา่ คา่ สมั ประสทิ ธ์ิความเสียดทานสถติ เปน็ เทา่ ไร
........................................................................................................................................................................ .....
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
................................................................................................................................................................ .............
...................................................................................................................... .......................................................
............................................................................................................................. ................................................
......................................................................................................................................................... ....................
............................................................................................................... ..............................................................
............................................................................................................................. ................................................
................................................................................................................................................. ............................
....................................................................................................... ......................................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
3. วัตถุมวล 2 กโิ ลกรมั วางอยบู่ นพ้นื ระดบั มีแรงดงึ 20 นิวตนั กระทำในทิศทางทำมมุ 30 องศา กบั พ้ืนทำให้
วตั ถุเคลอื่ นท่ีไปบนพ้นื ดว้ ยความเรว็ คงตัว จงหาสัมประสิทธ์ิของความเสยี ดทานทีก่ ระทำต่อวตั ถุ
F
A 30O
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
4. วัตถุสองกอ้ นซงึ่ มวล 50 และ 60 กิโลกรัม และอยู่หา่ งกนั 2 เมตร จงหาแรงดงึ ดดู ระหว่างมวล
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
....................................................................................................................................................................... ......
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................................................... ..............
..................................................................................................................... ........................................................
............................................................................................................................. ................................................
....................................................................................................................................................... ......................
5. ลิฟต์ขนของมวล 500 กิโลกรัม เคล่ือนที่ขึน้ ด้วยความเรง่ 5 m/s2 ถา้ ลวดทแ่ี ขวนลฟิ ตท์ นแรงดึงได้สูงสุด
10,000 นวิ ตนั ลิฟทจ์ ะบรรทุกส่งิ ของได้เท่าไร
............................................................................................................................. ................................................
................................................................................................................................. ............................................
...................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
............................................................................................................................. ................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
6. วตั ถุ A และ B มีมวล 1 และ 2 กิโลกรัม ตามลำดับวางติดกนั บนพ้ืนราบ ถา้ ออกแรงผลัก F เท่ากับ 20 นิวตัน
ดงั รูป ทำใหว้ ัตถทุ งั้ สองมีความเรง่ 3 m/s2 จงหาสมั ประสทิ ธิ์ความเสยี ดทานจลน์ระหว่างวัตถทุ ้งั สองกบั พื้น
F B
A
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................................................................. .......
............................................................................................................................ ........................................................
............................................................................................................................. .......................................................
................................................................................................................................................ ....................................
............................................................................................... .....................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
ชื่อ-สกุล................................................................................................ชน้ั .....................เลขที.่ ............
โรงเรียนเบญจมราชูทศิ จงั หวดั ปตั ตานี
แบบทดสอบวัดผลกลางภาค ภาคเรยี นท่ี 1 ประจำปกี ารศึกษา 2565 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4
รายวิชา ฟิสิกส์ 1 รหัสวชิ า ว 31201 จำนวน 2 หน่วยกติ คะแนนเต็ม 20 คะแนน เวลา 60 นาที
คำชีแ้ จง : ข้อสอบฉบับน้มี ี 3 ตอน จำนวน 15 ข้อ ประกอบด้วย
ตอนที่ 1 ขอ้ สอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 5 ตวั เลือก จำนวน 10 ขอ้ 10 คะแนน ให้นกั เรียนเลือกคำตอบทถ่ี ูก
ที่สุดเพียงคำตอบเดยี ว ลงในกระดาษคำตอบท่ีกำหนดให้
ตอนท่ี 2 ขอ้ สอบแบบปรนัย ชนดิ เลอื กตอบ 6 ตวั เลอื ก จำนวน 2 ข้อ 4 คะแนน คำตอบละ 1 คะแนน นกั เรยี น
สามารถเลอื กคำตอบท่ีถกู มากกวา่ หนึง่ ตวั เลือกได้ ลงในกระดาษคำตอบทกี่ ำหนดให้
ตอนท่ี 3 ข้อสอบแบบอตั นัย จำนวน 3 ขอ้ 6 คะแนน ใหน้ กั เรยี นทำลงในกระดาษคำตอบที่ กำหนดให้
หมายเหตุ 1. ไม่อนุญาตให้ใช้เครอื่ งคิดเลข
2. สามารถทดลงในขอ้ สอบได้
ตอนท่ี 1 ข้อสอบแบบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 5 ตัวเลอื ก จำนวน 10 ข้อ 10 คะแนน ให้นกั เรียนเลือกคำตอบท่ถี ูก
ทส่ี ุดเพียงคำตอบเดียว ลงในกระดาษคำตอบที่กำหนดให้
ผลการเรยี นรู้ที่ 1 อธบิ ายเกีย่ วกบั ธรรมชาตขิ องวชิ าฟสิ ิกส์ ปริมาณทางกายภาพและหนว่ ยในระบบเอสไอ
1. ข้อใดต่อไปน้เี ป็นหนว่ ยอนุพัทธ์ในระบบเอสไอ
ก. จูล ข. โมล
ค. แคนเดลา ง. แอมแปร์
จ. เมตร
2. แสงสเี หลอื งมีความยาวคล่ืน 0.0000007 เมตร จะมีค่าเทยี บเท่ากบั คา่ ใด
ก. 70 พิโกเมตร ข. 700 นาโนเมตร
ค. 7 ไมโครเมตร ง. 0.7 มลิ ลิเมตร
จ. 0.7 เมกะเมตร
3. จงเปลยี่ นปริมาตร 5 x 10-9 ลูกบาศก์เมตร ให้เป็นลกู บาศกเ์ ซนติเมตร
ก. 5 x 10-2 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร ข. 5 x 10-3 ลกู บาศก์เซนตเิ มตร
ค. 5 x 102 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร ง. 5 x 104 ลกู บาศก์เซนติเมตร
จ. 5 x 105 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร
ผลการเรียนรทู้ ่ี 2 อธบิ ายความสำคัญของการทดลอง การวัดปริมาณกายภาพต่าง ๆ และการบันทึกผลการวัด
4. ส่ิงใดทีม่ ผี ลกระทบตอ่ ความถูกต้องของการวัด
1. เครือ่ งมอื วัด 2. วิธกี ารวัด
3. ผูท้ ำการวดั 4. สภาพแวดลอ้ มขณะทำการวดั
คำตอบท่ถี ูกคอื ขอ้ ใด
ก. 1, 2, 3 และ 4 ข. 1, 2 และ 3
ค. 1, 3 และ 4 ง. 1 และ 2
จ. 1 และ 3
5. จงหาผลลพั ธ์ของ 18.425 + 7.21 + 5.0 ตามหลักเลขนัยสำคญั
ก. 30 ข. 30.6
ค. 30.64 ง. 30.635
จ. 31
6. ผลคณู ของเลขนัยสำคัญตอ่ ไปนี้ 345.65 x 6.7 มคี ่าเทา่ ใด
ก. 2.3 x 103 ข. 2316
ค. 2315.9 ง. 2315.86
จ. 2315.855
7. ผลหารของเลขนยั สำคญั ตอ่ ไปน้ี 375.45 ÷ 0.5 มีค่าเทา่ ใด
ก. 750.9 ข. 751
ค. 7.5 × 102 ง. 8 × 102
จ. 8 × 10-2
ผลการเรยี นรูท้ ่ี 3 อธิบายเกยี่ วกับการเคล่อื นทแ่ี นวตรงและปริมาณทเี่ ก่ียวข้อง
8. ชายคนหนึ่งเดินจากจุดอ้างอิง 0 ไปที่จุด A แล้วเดินกลับมาหยุดนิ่งที่ตำแหนง่ B ดังภาพ ระยะทางทั้งหมดท่ี
เดก็ คนนเ้ี ดนิ ไดม้ ีค1่า.เทเ่าดใ็กดคนน้เี ดนิ ไดม้ คี า่ เท่าไร
A
B
เมตร
0 56 10
ก. ระยะทาง 6 เมตร ข. ระยะทาง 10 เมตร
ค. ระยะทาง 14 เมตร ง. ระยะทาง 16 เมตร
จ. ระยะทาง 20 เมตร
9. ฝนวิ่งรอบสนามมีความยาวเส้นรอบวง 200 เมตร จำนวน 2 รอบ ใช้เวลา 50 วินาที อยากทราบว่าความเร็วเฉล่ีย
ของฝนมคี ่าเทา่ ใด
ก. 8 เมตรตอ่ วนิ าที ข. 0.8 เมตรต่อวินาที
ค. 4 เมตรต่อวนิ าที ง. 0.4 เมตรต่อวินาที
จ. 0 เมตรต่อวินาที
10. รถยนต์เริ่มเคลื่อนที่ออกจากจุดหยุดนิ่งในเวลา 12 วินาที ต่อมาวัดความเร็วของรถยนต์ได้ 48 เมตรต่อวินาที
อยากทราบว่ารถยนต์เคลื่อนท่ดี ว้ ยความเรง่ เฉล่ยี ก่เี มตรต่อวนิ าที2
ก. 0.25 เมตรตอ่ วนิ าที2
ข. 0.25 เมตรต่อวนิ าที2
ค. 0 เมตรต่อวนิ าที2
ง. 4 เมตรตอ่ วินาที2
จ. -4 เมตรตอ่ วนิ าที2
ตอนที่ 2 ข้อสอบแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 6 ตัวเลือก จำนวน 2 ข้อ 4 คะแนน คำตอบละ 1 คะแนน นักเรียน
สามารถเลอื กคำตอบที่ถูกมากกวา่ หนงึ่ ตวั เลือกได้ ลงในกระดาษคำตอบทกี่ ำหนดให้
ผลการเรียนรูท้ ่ี 2 อธบิ ายความสำคัญของการทดลอง การวัดปรมิ าณกายภาพตา่ ง ๆ และการบันทึกผลการวัดเมื่อ
11. ลากแถบกระดาษผ่านเครื่องเคาะสัญญาณเวลาชนิดเคาะ 50 ครั้งต่อวินาที ได้ดังรูป จงหาความเร็วเฉลี่ยช่วง
BD (เมตรต่อวินาที)BแDละ(ความเร่งที่จดุ D )(เมตรต่อวินาที2) D ( 2)
AB C DE F
0 0.8 2.2 4.8 8.2 12.4 (cm)
ก. 7.5 เมตรต่อวินาที
ข. 1.0 เมตรต่อวนิ าที
ค. 2 เมตรต่อวินาที
ง. 1.9 เมตรตอ่ วินาที2
จ. 17.5 เมตรตอ่ วินาที2
ฉ. 22.5 เมตรต่อวินาที2