The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การให้คำแนะนำสำหรับผู้ดูแล
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sklat12345zz, 2021-10-21 11:21:09

การให้คำแนะนำสำหรับผู้ดูแล ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด

การให้คำแนะนำสำหรับผู้ดูแล
ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด

Keywords: การให้คำแนะนำสำหรับผู้ดูแล ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด,การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด,ืคำแนะนำดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด,การฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด,การบริหารร่างกายผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด,การดูแลกิจวัตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด

ค่มู ือ

คมู่ อืการใหค้ าแนะนาสาหรับผดู้ ูแล

ผ้ปู ่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลอื ด

การใหค้ าแนะนาสาหรบั ผู้ดแู ล

ผูป้ ว่ ยโรคหลอดเลอืื ดสมองขาดเลือด



คานา

โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดื(Ischemic stroke)ืืเป็นโรคที่มีอาการ
ผ ิ ดปกติ ทา ง ระ บบประ สา ท และ เป็ นสา เ ห ตุ กา รตา ย ท ี ่ ส า ค ั ญ ใน อ ั นดั บต้ นื ๆืืืืืืืืืืืืื
ของประเทศืหากมีอาการที่รุนแรงแล้วได้รับการรักษาไม่ทันท่วงทีืส่วนใหญ่ืืืื
จะมคี วามพิการตามมาืทาให้ผู้ปว่ ยไม่สามารถชว่ ยเหลือตนเองจงึ ตอ้ งมีผดู้ แู ล

คู่มือการให้คาแนะนาสาหรับผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด
เลม่ น้ีืจดั ทาขึ้นเพื่อให้คาแนะนาในโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดืสาหรับผู้ดูแล
และญาติของผู้ป่วยืซึ่งคู่มือเล่มนี้ประกอบด้วยืความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสาเหตุื
อาการของโรคอันตรายืความพิการืการใหก้ ารดูแลืการฟื้นฟูสภาพืรวมทั้งการ
ป้องกันและการบาบัดของโรคหลอดเลือดสมองืมีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้
เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดเมื่อกลับไปรักษาตัวที่บ้านื
รวมถึงการให้ความรู้ในการฟื้นฟูสุขภาวะให้กับผู้ป่วยทั้งด้านร่างกายืและจิตใจื
โดยจดั ทาเปน็ รูปแบบหนังสอื เลม่ เล็กทมี่ เี นื้อหาครอบคลุมกะทัดรัดืเพื่อให้สะดวก
ตอ่ การอา่ นและการนาไปปฏบิ ัติได้จรงิ ในชีวิตประจาวันื

ผู้จัดท า ห วังเป็นอย ่างย ิ่งว่า ค ู่ม ือการให ้ค าแนะน า ส า หรับผ ู้ดูแลผ ู้ป่วยืืืืืื
โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดนี้ืจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ดูแลในด้านการฟื้นฟูืืืืืืื
สุขภาวะใหก้ ับผปู้ ่วยท้ังดา้ นรา่ งกายและจติ ใจืและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจหรือ
ประชาชนท่วั ไปใหบ้ รรลุตามวตั ถุประสงค์

คณะผ้จู ดั ทาื

สารบัญ ข

เรอื่ ง หน้า
คานา ก
สารบญั ข
สารบญั ตาราง ค
สารบัญรูปภาพ ง
สารบัญรปู ภาพ (ต่อ) จ
บททีื่ 1ืบทนา 1
บททื่ี 2ืความรู้เกย่ี วกับโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด 3
3
ประเภทของโรคหลอดเลือดสมองขาดเลอื ด 4
สาเหต/ุ ปจั จัยทเี่ ส่ยี งต่อการเกิดโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลือดื 5
พยาธิสภาพของโรคหลอดเลอื ดสมอง 6
อาการและอาการแสดงของโรคหลอดเลือดสมองขาดเลอื ด 10
ผลกระทบต่อผปู้ ่วยโรคหลอดเลือดสมอง 12
บททืี่ 3ืการดูแลสขุ วทิ ยาสว่ นบคุ คลและการดแู ลการทากิจวัตรประจาวนั 13
การจัดบริบทและสิง่ แวดล้อมสาหรบั ผูป้ ่วยโรคหลอดเลือดสมอง 14
การดแู ลสขุ วทิ ยาส่วนบุคคลของผู้ปว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง 24
การดูแลกิจวัตรประจาวนั ของผปู้ ่วยโรคหลอดเลือดสมอง 27
การเคลอื่ นยา้ ยผปู้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมอง 29
การดแู ลความสุขสบายของผปู้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมอง 34
บทที่ื4ืการฟ้นื ฟูสมรรถภาพผปู้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมอง 34
การฟ้ืนฟูด้านรา่ งกายื 43
การฟ้นื ฟดู ้านสังคมื 45
บททืี่ 5ืวิธกี ารผอ่ นคลายและลดความเครียดของผ้ดู แู ล 45
แนวทางเบอ้ื งต้นในการผ่อนคลายความเครียดในการดูแลผู้ป่วยโรคืืื
หลอดเลอื ดสมอง 48
บรรณานกุ รมื

ค หน้า
4
สารบญั 10
ตาราง 11

ตารางทื่ี
1ืปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
2ืผลกระทบต่อผูป้ ่วยโรคหลอดเลือดสมองื
3ืผลกระทบตอ่ ผู้ปว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองื(ตอ่ )

สารบญั ง
รูปภาพ
หนา้
รปู ที่ 5
1ืพยาธสิ ภาพของโรคหลอดเลือดสมอง 6
2ือาการอ่อนแรงื 7
3ือาการชา 7
4ืปัญหาเก่ยี วกับการพูดื 8
5ืปัญหาเกยี่ วกับการทรงตัว 8
6ืการสูญเสยี การมองเห็นบางสว่ น 14
7ืการอาบน้าในผูป้ ว่ ยทีส่ ามารถอาบนา้ ไดเ้ อง 15
8ืจัดทา่ นอนืและถอดเส้ือผ้าผูป้ ว่ ยออก 16
9ืเช็ดตวั ให้ท่วั ร่างกายจากศรี ษะจรดปลายเท้าืื 16
10ืรูปจดั ท่าืหัวเตยี งต่าลง 17
11ืยาสีฟันบนแปรงและแกว้ นา้ ืืืื 18
12ืผ้ดู แู ลแปรงฟันให้จากดา้ นหลัง 19
13ืชว่ ยใส่เส้ือืื 20
14ืยกขาใส่กางเกงแบบนง่ั 21
15ืนอนยกก้นใส่กางเกง 21
16ืยืนใส่กางเกงืืื 22
17ืช่วยถอดกางเกงกรณผี ปู้ ่วยทรงตวั ได้ไมด่ ีืื 23
18ืแขวนสายสวนให้ถูกวิธีืื 25
19ืใหอ้ าหารทางสายยางืื 27
20ืน่งั หอ้ ยข้าเกา้ ออี้ ยขู่ ้างเตยี ง

จ หน้า

สารบญั รปู ภาพื 28
(ตอ่ ) 28
29
รปู ท่ี 30
21ืนงั่ ให้ผ้ปู ่วยน่ังืืผูด้ ูแลประคอง 31
22ืการเคล่อื นย้ายผปู้ ว่ ยจากรถเข็นไปเตียง 33
23ืทา่ นอนหงาย 35
24ืทา่ นอนตะแคงทบั ปกตืิ 36
25ืทา่ นอนตะแคงทับข้างอ่อนแรงื 36
26ืท่านอนมีหมอนรองขา 37
27ืการเคล่ือนไหวขอ้ ไหล่ 37
28ืกางและหุบแขน 38
29ืงอและเหยยี ดขอ้ ศอก 38
30ืกระดกขอ้ มือ 39
31ืกานิว้ มอื 40
32ืงอขาเข้า-ออก 40
33ืการกระตกุ ข้อเทา้ ขนึ้ และลง 42
34ืกระดกน้วิ เท้า
35ืจบั มอื ข้นึ - ลง
36ืคอ่ ยๆงอเขาืขาปกติ
37ืจดั ทา่ งอสะโพกืก้มหนา้

1

บททื่ี 1
บทนา

โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดื(ischemic stroke) โรคที่มีอาการ
ผิดปกติทางระบบประสาทืทเี่ ปน็ สาเหตสุ าคญั ของการเสียชีวิตและืความพิการท่ี
พบได้บ่อยในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุทั่วโลกืเกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงสมองื
ส่งผลให้เซลล์สมองตายในที่สุดืจากรายงานขององค์การอัมพาตโลกื (world
stroke organization) ในปีืค.ศ.ื2019 พบว่าืืโรคสมองขาดเลือดเฉียบพลันเป็น
สาเหตุการเสยี ชีวิตเปน็ ลาดบั ื2ืของโลกในกลุม่ โรคไมต่ ดิ ต่อืโดยพบผู้ป่วยจานวนื
80ืล้านคนืผู้เสียชีวิตประมาณื5.5ืล้านคน และยังพบผู้ป่วยรายใหม่ถึงืืืืืื
13.7ืล้านคนต่อปีื(wso, 2019) สาหรับประเทศไทยจากรายงานข้อมูลย้อนหลังื
5ืปีืของกองยุทธศาสตร์และแผนงานืกระทรวงสาธารณสุขพบว่าืจานวนผู้ป่วยืืืื
โรคสมองขาดเลือดเฉียบพลันตั้งแต่ปีืพ.ศ.ื2556ื- 2560ืมีแนวโน้มสูงขึ้นืืืื
โดยในปีพ.ศ.ื2559ืและพ.ศ.2560ืืพบผู้ป่วยจานวนื293,463ืและื304,807ื
รายืตามลาดับื(กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงานืสานักโรคไม่ติดต่อืกรมควบคุม
โรค, 2560)ื

จากสถานการณท์ ี่เกิดขน้ึ ืแสดงใหเ้ หน็ ถึงความรุนแรงของโรคหลอด
เลือดสมองขาดเลือดที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่บ่งชี้ว่าอาการในโรคหลอดเลือดสมองืืื
ขาดเลอื ดขณะนนั้ เปน็ อันตรายทาให้มีอาการแสดงทางระบบประสาททันทีทันใด
อยา่ งนอ้ ยืื1 ในื6 อาการืไดแ้ ก่ื
1. แขนขาืชาืหรืออ่อนแรงขา้ งใดข้างหนึง่ ื
2.ืพดู ไม่ชัดืพดู สบั สนืพูดไม่ได้ืพดู ไม่รู้เรอื่ งทันทที ันใดื
3.ืปากเบ้ยี วืหนา้ เบี้ยวืมุมปากตกไปข้างใดขา้ งหน่ึงื
4.ืตามวั ืมองเหน็ ภาพซอ้ นืมองไม่เห็นืื
5.ืซมึ ืหมดสตืิ เรยี กไมร่ ู้สกึ ื
6.ือาการกลนื ลาบากื
(รพีภทั รืชานาญเพาะืและคณะ,ื2563)

2

โดยอา กา รเห ล่านี้ืสา ม ารถแบ่งระย ะของโรค ออกเป็นื 3ืระย ะได้แก่
1.ืระยะเฉียบพลนั ืระยะนผ้ี ปู้ ว่ ยจะเริ่มมอี าการจนกระทั่งอาการคงที่

ระยะนี้ผู้ป่วยมักจะเกิดอาการอัมพาตขึ้นทันทีือาจมีอาการไม่รู้สึกตัวร่วมด้วย
2.ืระยะวิกฤตืระยะนผ้ี ู้ปว่ ยเร่มิ มีอาการคงท่ผี า่ นพ้นืระยะเฉยี บพลัน

แล้วืโดยมีระดับความรู้สึกตัวไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางลดลงใช้เวลาหลังืืืืืืืื
48ืชว่ั โมงืใชเ้ วลาตั้งแต่ื1-14ืวนั

3.ืระยะฟื้นฟูสภาพืระยะนี้ผู้ป่วยมีอาการคงที่มีความสามารถที่จะ
รบั การฟืน้ ฟสู มรรถภาพเพ่ือลดความพกิ ารทาให้ผปู้ ว่ ยสามารถช่วยตัวเองได้มาก
ที่สุดื(เมธิณีืเกตวาธิมาตร,ื2560)ืโดยจะมีผู้ดูแลเข้ามามีบทบาทในการดูแล
ผู้ป่วยมากยิ่งขึ้นืซึ่งในการดูแลผู้ป่วยในระยะนี้ต้องใช้ระยะเวลายาวนานอย่าง
ต่อเนื่องและอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตทั้งทางด้านร่างกายืจิตใจืและสังคมของ
ผู้ดแู ลื(ภทั ราวดี แซ่ลี,ื2564)

ดังนั้นืผู้จัดทาจึงมีความสนใจที่จะจัดทาคู่มือการให้คาแนะนาสาหรับ
ผูด้ ูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดืเพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยืและผู้ดูแล
เองให้มีความรู้ืความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง โดยมีรายละเอียดท่ี
เ ก ี ่ ย ว ข ้ อ ง ื ป ร ะ ก อ บ ด ้ ว ย ื 1.ค ว า ม ร ู ้ เ ก ี ่ ย ว ก ั บ โ ร ค ห ล อ ด เ ล ื อ ด ส ม อ ง ข า ด เ ล ื อ ดืืืืืืืืืืื
2.ืการดูแลสุขวทิ ยาส่วนบุคคลและการดูแลการทากจิ วตั รประจาวันื3.ืการฟื้นฟู
สม รรถภ า พ ในผ ู้ป่วย โรค ห ลอดเลือดสม องขา ดเลือดื 4. วิธีกา รผ่อนค ลา ย และืืืืืื
ลดความเครียดของผดู้ ูแล การศึกษาคู่มือฉบับนี้ืจะทาให้ผู้อ่านืบุคคลทั่วไปและ
ผดู้ แู ลรแู้ ละเขา้ ใจเกย่ี วกับโรคมากยงิ่ ข้ึน

3

บททีื่ 2
ความรูเ้ ก่ียวกับโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดื

Ischemic stroke

โรคหลอดเลอื ดสมอง
โรคเลือดเลือดสมองืหมา ยถึงืโรคทา งระบบประสา ทที่มีืืืืืืืืืื

ความผิดปกตขิ องหลอดเลือดในสมองเปน็ สาเหตใุ ห้เนื้อสมองบางส่วนหรือทั้งหมด
ทางานผิดปกติไปืทาให้เกิดอาการทางระบบประสาทเฉียบพลันืเช่นือ่อนแรง
ครึ่งซีกืพูดไม่ชัดืหรือพูดไม่ได้ืืซึ่งเรียกว่าโรคอัมพฤกษ์ืและหากอาการและ
อา กา รแ สดง เก ิ ดข ึ้ นแ ล ะ ห า ย ไ ปื 24 ื ช ั ่ว โม ง ื จ ะ เ ร ีย กว ่ า ื ภ า วะ ส ม อ งข า ดเ ลื อ ด
ชั่วคราวืแตถ่ ้ามากกว่าื24ืชวั่ โมงืจะเรยี กว่าืโรคหลอดเลือดสมองืความผิดปกติ
ของกลุ่มอาการทางระบบประสาทเฉพาะที่ืที่เกิดขึ้นเฉียบพลันืหรือทันทีทันใด
และอาการนั้นคงอยู่นานเกินกว่าื24ืชั่วโมงืโดยที่สาเหตุของความผิดปกติของ
อาการทางระบบประสาทนั้นืเกิดขึ้นจากความผิดปกติของหลอดเลือดโดยที่ไม่
รวมถึงสาเหตอุ น่ื ืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืื

1. ประเภทของโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดื(นภัสุนันท์ิ ภู้ขาวื2653)
ประเภทของืIschemic stroke แบ่งออกเปน็ ื2 ประเภทืดงั น้ืี ืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืื

1.1ืโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดจากภาวะหลอดเลือดสมองตีบืเป็นผลมา
จากหลอดเลือดแดงแข็งืเกิดจากภาวะไขมันในเลือดสูงืความดันโลหิตสูงื
เบาหวานืทาใหเ้ ลอื ดไม่สามารถไหลเวียนไปยังสมองได้

1.2ืโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลือดจากการอุดตนั ืเกดิ จากการอดุ ตันของหลอด
เลือดจนทาให้ืเลอื ดไม่สามารถไหลเวยี นไปทีส่ มองได้อย่างเพียงพอ

4

2.ืสาเหตุ/ปจั จยั เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลือด
2.1 สาเหตุ
2.1.1 เส้นเลือดใหญ่ในสมองแข็งและตีบตันืซึ่งอาจเกิดจากการเสื่อมของืืืืืืื

ผ นั งห ลอ ด เลื อ ด ื ที ่ ม ี แค ลเซ ี ย ม ม า เกา ะ ื ห รื อ ตะ กอ นไขม ั นม า เกา ะ ื ท า ให ้ รู ขอ งืืืื
หลอดเลือดแคบลงืและทาให้เลอื ดไปเลี้ยงสมองไมเ่ พียงพอืทาใหเ้ นื้อสมองตายืืืืืืืืืืืื

2.1.2ืมลี ิ่มเลือดหลุดจากทีอ่ ืน่ ืเช่นืจากหัวใจมาอุดตันหลอดเลือดมองืมักพบ
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจืเช่นืโรคหัวใจรูมาติกืกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดืืืืืืืืืืื
หวั ใจเต้นผิดจังหวะืทาใหส้ มองสว่ นบนขาดเลือดืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืื

2.2 ปจั จัยเส่ียงต่อการเกิดโรคหลอดเลอื ดสมองืแบ่งไดเ้ ปน็ ื2ืประเภทคือื

ปัจจัยเสย่ี งทป่ี รับเปลี่ยนไม่ได้ ปัจจัยเส่ยี งทส่ี ามารถืืืปรบั เปลยี่ น
ได้

1.ือายืุ มากกวา่ ื65ืปขี นึ้ ไปืืืืืืืืืื ความดันโลหิตสูงืภาวะหัวใจเต้น

ความเสยี่ งจะเพิม่ ขน้ึ เมอื่ อายุมากขนึ้ ืื พล้ิวื(atrial fibrillation)

2.ืเพศืเกอื บทกุ ช่วงอายเุ พศชายมี เบาหวานืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืื

ความเส่ียงทีจ่ ะเปน็ โรคหลอดเลือด- ภาวะไขมันในเลือดสูงื

สมองมากกว่าเพศหญงิ ืื1.5ืเท่า ความอ้วนืการสูบบุหรี่ืื

3.ืชาวผวิ ดาจะมคี วามเส่ยี งืโรคหลอด- การดื่มแอลกอฮอล์ืเป็นต้น

เลอื ดสมองมากกว่าชาวผิวขาว

4. ประวตั กิ ารเกดิ โรคหลอดเลือดสมอง

มากอ่ นืหรือืในครอบครวั ืโดย

ครอบครวั ทเ่ี ป็นโรคหลอดเลอื ดสมองืื

มีความเสี่ยงสงู ท่ีจะเป็นโรคน้ีืมากกวา่ ืื

คนปกติ

ตารางท่ืี 1 ปจั จยั เส่ยี งต่อการเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมอง
ท่ีมาื: ตวงทพิ ย์ืบนิ ไทยสงค,์ ื2557ื

5

3ืพยาธิสภาพของโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน
โรคหลอดเลือดสมองตีบตันเกิดจากลิ่มเลือดไปอุดตันหลอดเลือดสมองื

ทาให้ลือดไปเลี้ยงสมองลดลงส่งผลให้สมองขนาดเลือดและเกิดการตายของืืืื
เน้อื สมองืมีความสัมพันธก์ ับการมคี ราบไขมนั เกาะหลอดเลอื ดและความดันเลือดสูง
เป็นเวลานานส่งผลให้หลอดเลือดแดงแข็งและตีบซึ่งจะเกิดขึ้นทีละน้อยเมื่อมีืืืื
การเส่อื มของหลอดเลือดและมกี ารทาลายของผนังหลอดเลือดก็จะเกิดการรวมตัว
ของเกล็ดเลือดและกระตุ้นการทางานของสารที่ทาให้เกิดการแข็งตัวของเลือด
กอ่ ให้เกดิ การแข็งตัวของลิ่มเลือดขึ้นบริเวณนั้นเมื่อลิ่มเลือดนี้ไปอุดหลอดเลือดจะ
ทาให้เน้ือสมองบริเวณนนั้ ขาดเลือดและเกดิ การตายของเนื้อสมอง

รปู ท่ี 1ืพยาธสิ ภาพของโรคหลอดเลือดสมอง
ท่ีมาื: ตวงทพิ ย์ืบนิ ไทยสงค,์ 2557

6

4.ือาการและอาการแสดงของโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลือดืืืืืืื
อาการของโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดสามารถพบอาการได้หลายรูปแบบื

ขึ้นกบั ตาแหนง่ ของสมองที่เกิดการขาดเลือดหรือถูกทาลายืโดยอาการที่สามารถ
พบได้บ่อยืได้แก่

4.1ือาการชาหรืออ่อนแรงืหรือมีอาการอัมพฤกษ์ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของ
รา่ งกายืโดยมากมกั เกิดกับร่างกายข้างใดข้างหน่ึงืเช่นืครึง่ ซกี ด้านซา้ ยืเปน็ ต้น

รูปที่ 2ือาการอ่อนแรงื

7

4.2ือาการปวดศรี ษะืเวยี นศีรษะืทนั ทที ันใดื

รปู ที่ 3ืปวดศีรษะื
4.3ืมปี ัญหาเก่ยี วกบั การพดู ืเชน่ ืพูดไมไ่ ด้ืพดู ติดืเสยี งไม่ชัดืหรือไมเ่ ขา้ ใจคาพดู ื

รูปท่ี 4ืปัญหาเก่ียวกับการพูดื

8
4.4ืมีปัญหาเก่ียวกับการทรงตัวืเชน่ ืเดินเซืหรอื มีอาการเวยี นศรี ษะ

เฉียบพลนั

รปู ท่ี 5ืปัญหาเกย่ี วกบั การทรงตวั ื
4.5ืการสญู เสียการมองเห็นบางส่วนืหรอื เหน็ ภาพซ้อน

รปู ที่ 6ืการสูญเสยี การมองเห็นบางส่วนื

9

สัญญาณเตือนโรคหลอดเลอื ดสมองคอื ื“F.A.S.T”

F หมายถึงืfacial palsy: คอื ือาการกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงืผู้ป่วยจะมีอาการ
ปากเบี้ยวืหลับตาไม่สนิทืยิงฟนั และย้ิมไมไ่ ดื้ น้าลายไหลออกจากมุมปากข้างท่ีตก

A หมายถึงืArm drip: คือือาการออ่ นแรงของแขนและ/หรือขาืซีกใดซีกหนึ่ง
ของร่างกายืถ้าเป็นมากืคือืขยับไม่ได้ืยกไม่ขึ้นืถ้าอ่อนแรงไม่มากืยกขึ้นค้างได้ื
แต่ไมน่ านกต็ กลงืไม่สามารถยกค้างได้

S หมายถึงืSpeech: คอื ืการพดู ลาบากืพูดตดิ ๆืขัดๆืพดู ไมช่ ัดืนกึ คาพดู ไมอ่ อก
T หมายถึงืTime:คือืรู้เวลาที่เกิดอาการผิดปกติืรู้ว่าเกิดเป็นเวลาเท่าไหร่ืืื
เกดิ ทันที

ทีม่ าืื: นิสสาือาชวชาลื,2562

10

5 ผลกระทบตอ่ ผปู้ ่วยโรคหลอดเลือดสมองื
โ ร ค ห ล อ ด เ ล ื อ ด ส ม อ ง ข า ด เ ล ื อ ด ื เ ส ้ น เ ล ื อ ด ใ น ส ม อ ง แ ต ก ื ตี บ ื ห ร ื อ ต ั นืืืืืืื

จะทาให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างเฉียบพลันืสมองตายหรือหยุดทางาน
อวัยวะท่ีสมองส่วนที่ควบคุมหยุดการทางานหรือสูญเสียสมรรถภาพ ทาให้เกิด
อาการอ่อนแรงืการรับความรู้สึกผิดปกติืดังนั้นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองืืืืื
จะืมีการสูญเสียหน้าที่ต่างๆืของร่างกายืผู้ป่วยมักได้รับผลกระทบจากการ
เจบ็ ป่วยในระยะยาวืสามารถสรุปไดื้ 3ืดา้ นืคอื ืดา้ นร่างกายืดา้ นจิตใจืและดา้ นสงั คมืืืืืืืืื

ผลกระทบ ผลกระทบ ผลกระทบตอ่ ภาวะ
ด้านร่างกาย ด้านจติ ใจ เศรษฐกิจ

1.อาจเกิดความพิการื 1.ผู้ปว่ ยจะรู้สกึ สูญเสยี ื 1.ผู้ปว่ ยทาหน้าทีไ่ ด้
ทาใหม้ กี ารบกพรอ่ งใน
การปฏิบตั ิกิจวตั ร อานาจในการควบคมุ ลดลงืกระทบต่อการ
ประจาวันืต้องพึ่งพา
ผูอ้ ่ืนหรอื ต้องมผี ดู้ ูแลที่ ตนเองืไม่สามารถคิด ประกอบอาชพี ื
บา้ น
2.ระดับความร้สู กึ ตัว และตดั สินใจเองไดื้ รายไดข้ องครอบครวั
ลดลงจนถงึ ืไม่รสู้ กึ ตวั
ทาให้มีขอ้ จากดั ในการ ความจาเสื่อมืืืืืืืืืืืืืืืืืืลืืดืืลงืเเต่มภี าระ
เคลอ่ื นไหวร่างกายมี
ความผิดืปกติของการ 2.อารมณแ์ ปรปรวนื คา่ ใช้จ่ายในการดูแล
พูดือา่ นืเขยี น
3.ประสาทสมั ผสั ที่ บางครัง้ อาจหัวเราะ สขุ ภาพของผู้ป่วยท่ี
เปล่ียนแปลงไปืเกดิ
อบุ ตั เิ หตุไดง้ า่ ย และร้องไห้โดยไมม่ ี สูงขึน้ ืทัง้ จากการ

เหตุผลื รักษาืค่าใชจ้ ่ายใน

3.ความพิการที่ การเดินทางเพื่อรบั

หลงเหลืออาจทาให้ การรักษาื

ผปู้ ่วยืไมส่ ามารถทา

บทบาทไดเ้ ชน่ เดมิ

4.การเขา้ รว่ มกิจกรรม

ในสงั คมลดลงทาให้

ผปู้ ว่ ยต้องเป็นผทู้ ่ี

พง่ึ พาืผู้อน่ื ตลอด

ตารางทื่ี 2 ผลกระทบต่อผู้ปว่ ยโรคหลอดเลือดสมองื

11

ผลกระทบ ผลกระทบ ผลกระทบตอ่ ภาวะ
ด้านรา่ งกาย ด้านจิตใจ เศรษฐกจิ

4.ไมส่ ามารถขบั เสมหะไดื้ 5.การส่ือสารบกพรอ่ งื และการดารงชวี ติ
ทาใหต้ อ้ งใสท่ อ่ ชว่ ย ไมส่ ามารถบอกใหผ้ ูอ้ ่นื ให้ ประจาวันืผู้ป่วยบาง
หายใจืเกดิ การสาลกั เขา้ ใจตนเองไดห้ รือพูด รายอาจมีคา่ ใช้จ่ายใน
อาหารไดง้ ่าย ไม่ชดั ืซึ่งอาจเกิด การดูแลสุขภาพืสว่ น
5.ไม่สามารถควบคุมการ ผลกระทบตอ่ ืการดูแล บุคคลและป้องกัน
ขบั ถา่ ยได้ื ของบุคคลในครอบครัวืมี ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
6.ประสิทธิภาพทางเพศ ปญั หาด้านสมั พนั ธภาพื ของผู้ป่วยเพิ่มข้นึ ืเช่นื
ลดลง ทาให้ผูป้ ว่ ยมีอัตมโน- ผ้าออ้ มืท่ีนอนลม
7.เกดิ แผลกดทบั ืขอ้ ตดิ ื ทัศน์ตอ่ ตนเองในทางลบื สาหรบั ป้องกนั แผล
ติดเชื้อทางเดนิ หายใจ มองตนเองวา่ ไมม่ ืี คุณค่าื กดทบั ืเครอื่ งดดู เสมหะื
และทางเดินืปสั สาวะื เกดิ ปัญหาด้านจติ ใจ เป็นต้นื
6.อาจมีอาการโรค 2.ผปู้ ว่ ยท่ีไม่สามารถ
ซมึ เศร้าืซง่ึ มกั พบในช่วงื ช่วยเหลือตนเองได้
6ืเดือนืถงึ ื2ืปีืภายหลงั ญาตผิ ูด้ แู ลอาจต้อง
เกิดโรคืสง่ ผลให้ผู้ป่วย ลาออกจากงานืทาให้
ร้สู ึกไมม่ ีความสขุ ืไมอ่ ยาก สูญเสยี รายไดข้ อง
พูดคยุ กบั ใครืเกบ็ ตัวื ครอบครัวเพ่ิมข้นึ
แยกตวั ออกจากสงั คมื
เนื่องจากรูส้ ึกวา่ ตนเองไม่
มคี ่าืไม่มปี ระโยชน์ืไม่
สามารถทาืกิจกรรมได้
เหมอื นเดิม

ตารางทีื่ 3 ผลกระทบต่อผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองื(ต่อ)
ทม่ี าื: ณฐกรืนลิ เนตร,ื2562

12

บทที่3
การดูแลสุขวทิ ยาสว่ นบุคคลและการดแู ลืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืื

การทากจิ วตั รประจาวนั

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดเป็นผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพของโรคืืืืืื
ทเ่ี กดิ ขึ้นอย่างเรื้อรังและแตกต่างจากโรคอื่นๆืเนื่องจากทาให้เกิดความผิดปกติ
ทางด้านร่างกายและจิตใจืโดยเฉพาะด้านร่างกายที่เกิดความบกพร่องและ
ผิดปกติืเช่นือัมพฤกษ์ือัมพาตครึ่งซีกหรือทั้งตัวืทาให้ผู้ป่วยบกพร่องด้านืืืืื
สุขวิทยาส่วนบุคคลและบกพร่องด้านกิจวัตรประจาวันืซึ่งผู้ป่วยจาเป็นต้องมี
ผ ู ้ ด ู แ ล ค อ ย ช ่ ว ย เ ห ล ื อ ื เ ร ื ่ อ ง ก า ร ด ู แ ล ส ุ ข ว ิ ท ย า ส ่ ว น บ ุ ค ค ล แ ล ะ ก า ร ด ู แ ลืืืืืืืืืื
การทากิจวัตรประจาวันโดยมีแนวทางในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
ขาดเลอื ดไดถ้ ูกต้องืดงั นืี้

1.ืการจดั บรบิ ทและส่ิงแวดล้อมสาหรบั ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด
1.1 จัดสิ่งของเครอื่ งใช้ต่าง
1.2 การจดั เตียงผู้ปว่ ย
1.3ืทาราวกนั้ เตียงใหผ้ ้ปู ว่ ย
1.4ืจัดทาราวเกาะในห้องน้า

2. การดแู ลสุขวทิ ยาส่วนบคุ คลของผูป้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลอื ด
2.1ืการอาบน้าในผปู้ ว่ ยท่ีสามารถอาบนา้ ไดเ้ องแตต่ อ้ งมคี นช่วยบางส่วนืื
2.2ืการเชด็ ตัวอาบนา้ ในผปู้ ่วยท่ีไม่สามารถอาบน้าเองไดื้
2.3.การดแู ลสุขภาพช่องปากและฟนั ื
2.4ืการดแู ลเร่อื งการแตง่ กายื
2.5ืการดูแลระบบขบั ถ่ายปัสสาวะและอุจจาระ

13

3. การดูแลกิจวตั รประจาวนั ของผู้ป่วยโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลือด
3.1 การดูแลการรับประทานอาหารสาหรับผู้ป่วยที่สามารถรับประทาน

อาหารทางปากได้
3.2 การดูแลการรับประทานอาหารสาหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทาน

อาหารทางปากได้ื(การรบั ประทานอาหารทางสายยาง)
3.3 การเตรยี มอาหารเหลวหรืออาหารปน่ั สาหรบั ใหท้ างสายยางอาหารื

4. การเคล่อื นยา้ ยผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลอื ด
4.1ืการเคลอื่ นยา้ ยผู้ป่วยจากเตยี งไปนัง่ ในรถเข็น
4.2ืการเคล่ือนยา้ ยผูป้ ่วยจากรถเขน็ ไปเตียง

5. การดแู ลความสขุ สบายของผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลือด
5.1ืการดแู ลความสุขสบายโดยการจัดท่านอน
5.2ืการดแู ลปอ้ งกนั แผลกดทบั
5.3ืการดแู ลอาการบวมของืแขน-ขาืมอื และเทา้ ื

1.ืการจัดบริบทและสิง่ แวดลอ้ มสาหรบั ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืืื
1.1 จัดสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆืเช่นืแก้วน้าืกระโถนืขวดน้าวางไว้ใกล้มือ

ผู้ป่วยืกรณีที่ผู้ป่วยอ่อนแรงด้านขวาืควรจัดอุปกรณ์ด้านซ้ายมือของผู้ป่วยื
เพื่อใหผ้ ปู้ ่วยหยบิ จบั ของใชไ้ ด้

1.2ืการจัดเตียงผ้ปู ่วยืไม่ควรจดั ให้อย่ใู นบรเิ วณทพ่ี ลกุ พล่านจะทาให้ผู้ป่วย
พกั ผอ่ นได้นอ้ ยลงืร่างกายจะออ่ นแอมากยิ่งขึ้นืควรจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในบริเวณที่มี
อากาศถา่ ยเทสะดวก

1.3ืทาราวก้นั เตยี งใหผ้ ปู้ ว่ ยทม่ี อี มั พาตครึ่งซีกหรอื ืระดบั การรูส้ ติของผู้ป่วย
ผิดปกติืเพื่อป้องกันผู้ป่วยตกเตียงืนอกจากนั้นยังใช้สาหรับเกาะลุกนั่งหรือ
เปลยี่ นอิริยาบถแสงสว่างืควรจัดให้เพียงพอโดยเฉพาะห้องน้าห้องส้วมพื้นห้อง
ไม่ควรขัดเงาหรือขัดมันเพราะจะทาให้เกดิ การหกลม้ ได้งา่ ยจากการทรงตวั ไม่ดี

1.4 จัดท าราวเกาะในห้องน ้าเพื่อช่วยในการท ากิจวัตรประจ าวันได้ืืืืืืืืืืืื
ดว้ ยความร้สู กึ ม่ันใจมากขนึ้

14

2.ืการดแู ลสุขวิทยาสว่ นบคุ คลของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดื
2.1ืการอาบน้าในผู้ป่วยที่สามารถอาบน้าได้เองแต่ต้องมีคนช่วยบางส่วน

ผู้ป่วยที่อ่อนแรงครึ่งซีกที่ยังสามารถช่วยเหลือตนเองได้บ้างเล็กน้อยือาจจะมี
ปัญหาเรื่องสุขลักษณะบางด้านืเช่นืการถูสบู่ไม่ทั่วตัวืหรือการจับแปรงสีฟันื
ดังนั้นควรได้รับการดูแลอยู่เสมอช่วยเหลือจากผู้ดูแลืและควรมีอุปกรณ์ช่วยใน
การทาความสะอาดรา่ งกายพเิ ศษเพอ่ื ความสะดวกและปลอดภัยืดงั น้ีื

2.1.1ืแปรงสีฟันเสริมดา้ มื
2.1.2ืแผน่ รองกนั ลนื่ ใต้พ้นื ทอี่ าบน้าื
2.1.3ืเก้าอนี้ ง่ั อาบน้าื

รูปทื่ี 7 การอาบน้าในผปู้ ว่ ยท่ีสามารถอาบน้าได้เอง

15

2.2ืการเช็ดตัวอาบนา้ ในผู้ปว่ ยทไ่ี มส่ ามารถอาบน้าเองไดื้
2.2.1 ปิดพัดลมและเครื่องปรับอากาศขณะเช็ดตัวืป้องกันการ

เสยี สมดลุ ของอุณภมู ิร่างกายื
2.2.2ืเตรียมกะละมังและเครื่องใช้ต่างืๆืมาวางไว้ข้างเตียงผู้ป่วยื

เช่นืผ้าเชด็ ตวั ืเสอื้ ผา้ ืหวืี สบู่ืแป้ง
2.2.3 ดแู ลจัดทา่ นอนืหนุนหมอนศีรษะสูงื30-45 องศาืให้ผู้ป่วย

ทาความสะอาดปากและฟันืแต่ถ้าผู้ป่วยทาเองไม่ได้ืให้ทาความสะอาดปากและ
ฟันให้

2.2.4ืถอดเสื้อผ้าผู้ป่วยออกืใช้ผ้าเช็ดตัวปิดบริเวณที่ยังไม่เช็ดตัวื
เปิดเฉพาะสว่ นทีจ่ ะเช็ดเทา่ นนั้

รปู ทื่ี 8 จดั ทา่ นอนืและถอดเสอ้ื ผ้าผู้ป่วยออกื

16
2.2.5 ใช้ผ้าผนื ทีห่ นง่ึ ชุบน้าบดิ หมาดๆืเชด็ ให้ทั่วร่างกายจากศีรษะ

จรดปลายเท้าืจากนั้นใช้ผ้าผืนที่ื2ืชุบน้าสบู่ถูให้ทั่วร่างกายืใช้น้าสะอาดเช็ด
ตามด้วยผา้ ผืนทห่ี นง่ึ อกี ครัง้ และซบั ใหแ้ ห้ง

รูปทืี่ 9ืเชด็ ตัวใหท้ วั่ รา่ งกายจากศีรษะจรดปลายเทา้ ื
2.2.6ืหลังจากซับร่างกายผู้ป่วยให้แห้งืเสร็จแล้วืทาแป้งืและ
ควรนวดหลงั ให้ผ้ปู ่วยเพือ่ ชว่ ยการไหลเวียนเลือดและป้องกันการเกดิ แผลกดทับ
2 . 2 . 7 ื ใ ห ้ ผ ู ้ ป ่ ว ย น อ น ห ง า ย แ ล ะ ท า แ ป ้ ง ื ใ ส ่ เ ส ื ้ อ แ ล ะ ก า ง เ ก งืืืืืืืืืืืืืืื
หวผี มใหเ้ รียบร้อย
2.2.8ืจัดใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนในท่าท่สี บาย

รูปทืี่ 10 รปู จัดท่าืหัวเตยี งตา่ ลงื

17
2.2.9ืนาเครื่องใช้ไปทาความสะอาดและตากให้แห้ง
2.2.10ืถา้ เล็บมอื ืเล็บเท้ายาวืควรตดั เลบ็ หลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้วื

2.3ืการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันื
2.3.1ืในกรณีที่ผู้ป่วยสามารถแปรงฟันได้เองอาจจะช่วยผู้ป่วยใน

การเตรียอุปกรณื์ สาหรับืการแปรงฟันืเชน่ ืบีบยาสีฟันและเตรียมแก้วน้าเติมน้า
เอาไวื้ โดยใช้ยาสีฟันท่มี ีสว่ นผสมของฟลอู อไรดอ์ ยา่ งนอ้ ยวนั ละื2ืครั้งื

รูปทีื่ 11 ยาสฟี ันบนแปรงและแกว้ น้าืืืื

18

2.3.2ืกรณผี ู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้หรือืมีความลาบาก
ในการใชม้ อื ืผูด้ แู ลจะชว่ ยืแปรงฟันใหก้ บั ผูป้ ่วยืให้ผู้ดูแลอยู่ข้างหลังใช้แขนข้าง
หนง่ึ หนบี ศีรษะผ้ปู ว่ ยไว้และอีกข้างหนงึ่ ถือแปรงเข้าปากของผปู้ ่วยื

รูปทื่ี 12 ผดู้ แู ลแปรงฟนั ใหจ้ ากด้านหลงั ื
2.3.3ืกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาการกลืนืการบ้วนน้าืผู้ดูแลจะต้องใช้
ผ้าก็อซชบุ น้าสะอาดเชด็ ในช่องปากบริเวณชอ่ งข้างกระพุ้งแก้มืใต้ลิ้นืและเพดาน
ปากซา้ ืทุกครั้งหลังรับประทานอาหารื

19

2.4 การดูแลเรอ่ื งการแต่งกายื
2.4.1 การสวมเส้ือติดกระดมุ ดา้ นหนา้
2.4.1.1 ผดู้ ูแลจัดเตรยี มเส้ือและกางเกงใหพ้ รอ้ มื
2.4.1.2 จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านั่งืนาเสื้อมาใส่ให้ผู้ป่วยจากทาง

ดา้ นหลังฝง่ั ทอี่ ่อนแรงื
2.4.1.3 ให้ผู้ป่วยใช้มือด้านแข็งแรงจับแขนด้านอ่อนแรงสอดเข้าไป

ในเสอื้ ฝั่งทีผ่ ดู้ แู ลกาลงั จะสวมให้
2.4.1.4 ผู้ดูแลช่วยดึงเสื้อขึ้นจนถึงไหลืจากนั้นสวมแขนเสื้ออีกข้างืืื

โดยใหผ้ ปู้ ว่ ยยกแขนข้างทีม่ ีแรงสอดเขา้ ในแขนเสื้อื
2.4.1.5 ผู้ดูแลช่วยติดกระดุมเส้ือให้ผู้ปว่ ยื

รปู ทีื่ 13ืช่วยใส่เส้อื ื

20

2.4.2 การถอดเส้ือติดกระดมุ ดา้ นหน้า
2.4.2.1 ผู้ดแู ลช่วยถอดกระดมุ เส้อื ใหผ้ ปู้ ว่ ย
2.4.2.2 ให้ผ้ปู ่วยใชม้ อื ดา้ นแขง็ แรงจับแขนด้านอ่อนแรงยกขึ้นื

จากนน้ั ผู้ดแู ลช่วยดึงแขนเสือออกในด้านทอ่ี อ่ นแรงื
2.4.2.3 จากนั้นให้ผู้ป่วยยกแขนข้างแข็งแรงให้แขนเสื้อหลุด

ออกจากตัวผูป้ ว่ ยืและผดู้ ูแลช่วยใชม้ อื ดึงเสือ้ ออกจากแขนของผปู้ ว่ ยื
2.4.3 การสวมกางเกง
2.4.3.1ืกรณีที่ผู้ป่วยสามารถลุกนั่งได้จัดผู้ป่วยในท่านั่งห้อย

เท้าข้างเตยี งืผ้ดู ูแลเตรียมกางเกงให้อยู่ในลักษณะพร้อมที่จะสวมืจากนั้นผู้ดูแล
ช่วยสวมกางเกงืดึงให้ขอบกางเกงถึงต้นขาบนจากนั้นให้ผู้ป่วยใช้มือข้างที่มี
แรงดนั ตวั ยกกน้ ข้ึนเท่าทจ่ี ะทาได้ืและผดู้ แู ลชว่ ยดงึ กางเกงจนสุดทบ่ี รเิ วณเอว

รูปทื่ี 14ืยกขาใสก่ างเกงแบบนัง่

21
2.4.3.2ืกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถยืนได้ืให้ผู้ป่วยนอนหงายลง
บนเตียงแล้วืผู้ดูแลช่วยยกเข่าให้งอืจากนั้นผู้ดูแลช่วยสวมกางเกงถึงต้นขาบนื
ผู้ดแู ลพลกิ ตะแคงตวั ผ้ปู ว่ ยทีละข้างแลว้ สวมกางเกงแต่ละดา้ นให้ถึงเอว

รูปทื่ี 15ืนอนยกกน้ ใส่กางเกงื
2.4.3.3ืกรณีที่ผู้ป่วยสามารถยืนได้ืให้ผู้ป่วยลุกขึ้นยืนและใช้
มือจับทีไ่ มเ้ ทา้ หรือเกาะกาแพงืผ้ปู ว่ ยยกขาทีละข้างให้ผู้ดูแลสวมกางเกงที่ปลาย
เท้าืจากนน้ั ผ้ดู ูแลดึงกางเกงจนถงึ เอวื

รปู ท่ีื16 ยืนใส่กางเกงืืื

22
2.4.4 การถอดกางเกง
2.4.4.1.ืกรณีผูป้ ว่ ยสามารถทรงตัวได้ดีืสามารถถอดกางเกงได้

ในทา่ ยนื และใช้มอื จับทไี่ ม้เทา้ หรอื เกาะกาแพงืืจากน้ันผ้ดู แู ลชว่ ยถอดกางเกง
2.4.4.2ืกรณีผู้ป่วยทรงตัวได้ไม่ดีืแนะนาว่าควรอยู่ในท่านั่ง

ห้ อ ย เท้ า ข ้ า ง เตี ยง ื ให ้ ผ ู ้ ป่ วย ใช ้ม ื อ ข ้ า ง ที ่ ม ี แรงด ั นตั ว ย ก ก ้ นข ึ ้ นเท่ า ที ่ จะ ท า ได้ ื
จากน้นั ผู้ดูแลช่วยถอดกางเกง

รูปที่ื17 ช่วยถอดกางเกงกรณีผปู้ ว่ ยทรงตวั ได้ไม่ดืี ื

23

2.5 การดแู ลระบบขบั ถ่ายปัสสาวะและอุจจาระื
2.5.1 การปสั สาวะื
2.5.1.1ืผู้ปว่ ยมักจะมคี วามรู้สึกปวดปัสสาวะแต่จะกลั้นไม่ได้นานทาให้

เกิดปัญหาปัสสาวะราดืผู้ดูแลควรฝึกให้ผู้ป่วยฝึกควบคุมการถ่าย ปัสสาวะืืืืืืืืื
ทุกื2ืชัว่ โมงื

2.5.1.2 ในกรณีท่ผี ูป้ ว่ ยสามารถเคลื่อนไหวช่วยเหลือตนเองได้ืผู้ดูแล
ควรคอยช่วยเหลือพาผปู้ ว่ ยไปห้องนา้ ืปอ้ งกนั การเกิดอุบัตเิ หตืุ

2.5.1.3ืในกรณีท่ีไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ืแนะนาให้ผู้ดูแลดูแล
สวมใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้ผู้ป่วยืและหมั่นตรวจเช็คผ้าอ้อมเต็มหรือไม่ืพร้อม ทั้งืืืื
ทาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธื์ุ และทวารหนักกอ่ นเปล่ียนผ้าออ้ มเสมอื

2.5.1.4ืืบางรายปัสสาวะไม่ออกในระยะแรกผู้ป่วยอาจใส่สายสวน
ปัสสาวะคาไว้ืต้องดูแลสายสวนและถุงปัสสาวะให้อยู่ในระดับต่ากว่ากระเพาะ
ปสั สาวะืป้องกนั การติดเชอ้ื ทางเดนิ ปสั สาวะื

รปู ทืี่ 18 แขวนสายสวนปัสสาวะใหถ้ กู วิธืี ื

24

2.5.2 การขับถา่ ยอุจจาระื
ผปู้ ่วยมักมีปญั หาทอ้ งผูกเนื่องจากรบั ประทานอาหารได้น้อยและนอนอยู่บนเตียง
นานืทาให้ลาไส้ไม่เคล่ือนไหวืควรดูแลให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีกากใยื
ด่ืมน้าให้พอเพียงืและใหผ้ ู้ป่วยได้มีการเคลื่อนไหวร่างกายือาจดูแลให้ผู้ป่วยใส่
ผา้ อ้อมผูใ้ หญื่ ลกุ นั่งถา่ ยหรอื อาจจะถา่ ยบนเตยี งืชา้ งเตียงืหรือในหอ้ งส้วมืควรมี
การกระตนุ้ ใหถ้ า่ ยอุจจาระอยา่ งนอ้ ยวนั เว้นวันื

3. การดูแลกิจวัตรประจาวนั ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
3.1 การดูแลการรับประทานอาหารสาหรับผู้ป่วยที่สามารถรับประทานอาหาร

ทางปากได้ื
3.1.1ืจัดอาหารให้เหมาะสมกับผู้ป่วยืตามความต้องการและ

พลังงานืในกรณีทผ่ี ้ปู ่วยมีโรคประจาตัวืให้จัดอาหารพิเศษสาหรับผู้ป่วยที่เป็น
โรคเช่นืเบาหวานืไขมนั สูงในเลอื ดสูงืความดนั โลหิตสงู ืและโรคไตืเปน็ ต้น

3.1.2ืจัดเวลารับประทานอาหารให้เหมาะสมืให้ผู้ป่วยได้พักผ่อน
ก่อนรับประทานอาหารืงดสิ่งที่ทาให้การรับประทานอาหารได้ืโดยจัดวาง
อาหารให้อยูใ่ นลานสายตาที่ผู้ป่วยมองเห็นได้ืและให้เวลาในการรับประทานไม่
ควรเร่งผปู้ ว่ ย

3.1.3การจัดท่านั่งขณะรับประทานอาหารที่เหมาะสมืเพื่อความ
ปลอดภยั และปอ้ งกนั การสาลกั

3.1.3.1 ทา่ นั่งืคือืจัดที่นั่งพื้นเรียบไม่ยืดหยุ่นืเท้าวางราบบนพื้นื
มือวางบนโต๊ะลาตัวอยู่ในท่าสมดุลืเท้าวางพื้นืเข่างอื 90ืองศาืล าตัวโน้มไป
ดา้ นหนา้ เล็กนอ้ ยก้มหน้าเลก็ น้อย

3.1.3.2 ท่านอนืคือืศีรษะสูงื30-60ืองศาืสะโพกและเข่างอ
เล็กน้อยืกม้ ตวั ไปดา้ นหน้าเลก็ นอ้ ย

3.1.4 กรณีผู้ป่วยกลืนลาบากืตัดหรือหน่ั ใหช้ ้ินเล็กืควรเลือกอาหาร
ท่ีกลนื งา่ ยท่ีสดุ ืเช่นืมนั บดืสังขยาืตอ่ มาลองให้อาหารอ่อนข้นืเช่นืโจ๊กืข้าวสวย
นิ่มืๆืจนสามารถกลนื ไดด้ ืี จึงให้อาหารธรรมดาืเช่นืขา้ วสวยืผักต้มืผลไม้สุกืจน
สามารถรับประทานทเ่ี ปน็ น้าืได้ืเช่นืนา้ ืนมืนา้ ผลไม้

3.1.5ืหลงั รบั ประทานอาหารให้ผ้ปู ่วยด่มื น้าตามทุกครงั้ ืผู้ดแู ลช่วย
ยกแกว้ นา้ ใช้หลอดดูดืหรือใชช้ อ้ นปอ้ นใหด้ ม่ื ทีละน้อยแต่บอ่ ยคร้ัง

25
3.2ืการดูแลการรับประทานอาหารสาหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทาน
อาหารทางปากได้ื(การรับประทานอาหารทางสายยาง)
การใหอ้ าหารทางสายยางืหมายถึงืการให้อาหารเหลวผ่านทางสายอาหาร
เข้าสกู่ ระเพาะอาหารโดยตรงวิธีการให้อาหาร

3.2.1ืจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าศีรษะสูงหรือกึ่งนั่งกึ่งนอนืโดยใช้หมอน
หนุนหวั สูงื2 ใบืใบที่ื1 วางแนวตั้งืตั้งทามุมื90 องศาืและใบที่ื2 วางแนวนอนทา
มุมื45 องศาืเพือ่ ป้องกนั การไหลย้อนกลับของอาหารเข้าหลอดลมืืืืืืืืืืื

3.2.2ืผูด้ ูแลควรใส่ผา้ กันเป้อื นใหผ้ ้ปู ่วยืหรือนาผา้ มาปูรองที่หน้าอก
3.2.3 ผดู้ แู ลต้องลา้ งมือใหส้ ะอาดทกุ ครงั้
3.2.4ืเชด็ ปลายสายดว้ ยสาลีชบุ ื70%ืแอลกอฮอล์หรือืนา้ ตม้ สกุ
3.2.5ืผู้ดูแลตรวจสอบตาแหน่งสายและอาหารที่ค้างในกระเพาะ
อาหารโดยต่อปลายสายเข้ากับกระบอกให้อาหารืทดสอบดูว่าสายอยู่ในกระเพาะ
อาหารืหรือมีอาหารเหลือค้างหรือไม่ืดูดเอาอาหารที่ค้างเก่าในกระเพาะอาหาร
ออกถ้ามากกว่าื50ืชีซีืให้ดันกลับเข้าไปช้าๆืและเลื่อนเวลาให้อาหารออกไปื
หรืออาจต้องงดอาหารมื้อนั้นืแต่ถ้ามีอาหารไม่เกินื50ืซีซีืให้ดันกลับช้าๆืและ
ให้อาหารตอ่ ได้
3.2.6ืการให้อาหารืยาืและน้าืผู้ดูแลต่อปลายสายเข้ากับกระบอก
ให้อาหารืยกกระบอกอาหารสูงจากตัวผู้ป่วยืเพื่อป้องกันอากาศเข้าไปใน
กระ เพา ะ อ าห า รืเทอ าห า รเห ลวลงช ้ าๆ ื ประ ม า ณื 5 0ืซ ี ซ ีื ค อ ยเทอ าห า รเพ ิ ่ มืืื
เรื่อยืๆืเตรยี มยาหลังอาหารใหพ้ รอ้ มโดยบดให้ละเอียดืให้ยาหลังอาหารและให้
น้าตามประมาณื50ืซีซีืเพื่อเป็นการล้างสายให้สะอาดืหลังให้อาหารเสร็จยก
สายยางให้สูงขึ้นเพื่อไม่ให้อาหารไหลย้อนออกมาคาสายืเช็ดสายให้สะอาดืและ
ปิดจุกสายให้อาหารใหแ้ น่นื
3.2.7 หลังใหอ้ าหารืจัดใหผ้ ้ปู ่วยอยใู่ นท่าหัวสูงืนานื30 - 60 นาที

รปู ทื่ี 19 ให้อาหารทางสายยางืื

26

3.3 การเตรยี มอาหารเหลวหรืออาหารปนั่ สาหรับใหท้ างสายยางอาหาร
3.3.1 สาหรับอาหารป่นั ผสม
สูตรสาหรับโรคหลอดเลือดสมอง/หัวใจืใช้วัตถุดิบืคือืไข่ขาวื(ไข่

ไก)่ ื1ืขดี ือกไกบ่ ดื1ืขดี ื20ืกรัมืกลว้ ยนา้ วา้ สุกื1ืขีดืฟักทองื1ืขีดืข้าวต้มื1ืขีด
ครึ่งืน้าตาลื70ืกรัมืนา้ มันถ่วั เหลืองื3ืชอ้ นชาืเกลือป่นื1/2ืช้อนชาืน้าสะอาดื
700ืซซี ืี โดยวัตถุดบิ ทุกอย่างจะตอ้ งนาไปผ่านกระบวนการให้สุกเสียก่อนื
อุปกรณแ์ ละภาชนะทีใ่ ชใ้ นการเดรียมอาหารปนั่ ื

- ตาช่ัง
- เครือ่ งปั่นอาหาร
- ถว้ ยตวงืชอ้ นตวง
- ขวดแกว้ สาหรบั ใสอ่ าหาร
- กระชอนกรองอาหาร
- กรวยกรองอาหาร
- หมอ้ และทพั พี

3.3.2ืวธิ ที าอาหารปน่ั ื
3.3.2.1ืนาส่วนผสมทั้งหมดืใส่เครื่องปั่นืเติมน้าสุกหรือน้าต้ม

ผักพอท่วมอาหาร
3.3.2.2ืปั่นให้ละเอียดเทออกืผสมน้าอีกเล็กน้อยืคนให้เช้ากันื

แลว้ กรองเอากากออก
3.3.2.3ืกรอกใสข่ วดท่ีสะอาดแลว้ เติมนา้ สุกืหรือน้าต้มผักให้ได้

ปริมาณื300ืหรือื350ืหรอื ื400ืซีซี
3.3.2.4ืปิดฝาใหส้ นทิ ืแลว้ เกบ็ ในตเู้ ยน็ หรือกระตกิ นา้ แขง็ ื
3.3.2.5ืกอ่ นที่จะให้อาหารกับผู้ป่วยแต่ละมื้อืจะต้องนาอาหารื

เขยา่ ขวดเพื่อให้อาหารผสมเข้ากันดแี ลว้ อุ่นโดยการแช่ขวดลงในภาชนะทมี่ ีน้าร้อนื
ให้น้าร้อนสูงกว่าอาหารในขวดื1ืนิ้วือุ่นประมาณื5-10ืนาทีืยกลงสักครู่จึงให้
ผูป้ ่วยได้ื

27

3.3.3ืข้อควรปฏบิ ัตใิ นการเตรียมอาหาร
3.3.3.1ืความสะอาดเป็นสิ่งสาคัญที่สุดในการเตรียมอาหาร

ประเภทนื้ี ภาชนะทใ่ี ชท้ ุกชนดิ ตอ้ งตม้ หรือลวกด้วยน้ารอ้ นก่อนและหลังใชท้ ุกครั้งื
เพื่อป้องกันมิให้ยาหารมีเชื้อโรคืซึ่งอาจจะทาให้ผู้ป่วยเกิดอาการท้องร่วงหรือ
ท้องเดนิ ได้

3.3.3.2ืการชั่งตวงอาหารืต้องมีการชั่งืตวงอาหารและ
สว่ นผสมใหถ้ กู ต้องตามสัดสว่ นท่กี าหนดให้เพื่อให้ผู้ป่วยได้คุณค่าทางโภชนาการ
อย่างครบถ้วน

3.3.3.3ืการเก็บรกั ษาอาหารท่ีเตรียมให้ผู้ป่วยจะต้องเตรียมไว้
ภายในื24ืืชั่วโมงืเท่านั้นื(ห้ามเกินื1ืวัน)ืเพราะถ้าเก็บไว้นานกว่านี้จะทาให้
อาหารเนา่ เสยี ได้

4.ืืการเคล่ือนย้ายผปู้ ่วยโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลอื ด
4.1ืการเคลอื่ นย้ายผู้ปว่ ยจากเตยี งไปน่งั ในรถเข็น
4.1.1ืผู้ดูแลจัดท่าให้ผู้ป่วยลุกนั่งห้อยขาลงข้างเตียงืผู้ป่วยเตรียม

รถเข็นตั้งอยู่ทางด้านที่ปกติของผู้ป่วยโดยทามุมประมาณืื4ืองศาืและล็อกล้อ
รถเข็นไว้

รปู ท่ืี 20 นง่ั หอ้ ยขาเกา้ ออี้ ยู่ข้างเตยี ง

28
4.1.2ืผู้ดูแลช่วยจับตัวผู้ป่วยโน้มตัวลุกขึ้นยืนด้วยความระมัดระวังื

จากน้ันผ้ดู แู ลชว่ ยประคองให้ผู้ปว่ ยลุกอย่างม่นั คงื
4.1.3ืเมอื่ ผปู้ ว่ ยยืนได้มัน่ คงดีแล้วืให้ผู้ป่วยใช้มือข้างหนึ่งจับที่วาง

แขนของรถเข็นอยู่ใกล้ตัวืผู้ดูแลช่วยพยุงให้ผู้ป่วยก้าวขาไปที่รถเข็นืพร้อมกับ
การหันตัวและก้มตัวน่งั ลง

รปู ทืี่ 21ืพยุงให้ผู้ปว่ ยนัง่ ืืผู้ดแู ลประคอง
4.ื2ืืการเคลื่อนย้ายผปู้ ว่ ยจากรถเขน็ ไปเตยี ง

4.2.1ืผูป้ ว่ ยนง่ั ในรถเขน็ ไปทีข่ า้ งเตยี งืโดยให้ด้านที่ปกติของผู้ป่วย
เข้าหาเตยี งืลอ็ กลอ้ รถเขน็ ืและผูด้ แู ลชว่ ยยกเท้าทั้งสองขา้ งวางลงบนพนื้

4.2.2ืผู้ดแู ลหันหน้าเข้าหาผู้ป่วยืใช้มือทั้งื2ืข้างสอดเข้าไปที่ข้าง
ลาตัวผู้ป่วยจากนั้นประสานและกามือให้แน่นืจากนั้นออกแรงยกผู้ป่วยขึ้นและ
ย้ายผ้ปู ่วยลงไปนงั่ ื

รปู ท่ีื22 การเคลื่อนยา้ ยผ้ปู ่วยจากรถเขน็ ไปเตยี ง

29

5.ืการดแู ลความสุขสบายของผู้ปว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมอง
5.1ืการดูแลความสุขสบายโดยการจัดท่านอนผู้ป่วยหลายคนมีวงจรการ

นอนหลับท่เี ปล่ียนไปจากคนปกตืิ เชน่ ืนอนกลางวันืแต่ไม่ค่อยนอนตอนกลางคืน
หรือนอนหลับเป็นช่วงๆืตา่ งจากคนปกติืญาติควรจัดสิ่งแวดล้อมืให้สงบเงียบใน
ตอนกลางคืนื

5.1.1ืการจดั ทา่ นอนหงาย
5.1.1.1ืไมค่ วรหนุนหมอนสงู จนเกนิ ไปื
5.1.1.2ืศรี ษะและลาตัวอยใู่ นแนวตรง
5.1.1.3ืแขนเหยยี ดสบายวางข้างลาตวั
5.1.1.4ืขอ้ มอื ตรงจะคว่าหรอื หงายข้อมือกไ็ ด้
5.1.1.5 ขาเหยยี ดตรงมีผ้าขนหนหู รือหมอนรองใตเ้ ข่าื

ใหข้ ้อเข่างอเลก็ น้อย
5.1.1.6 ปลายเท้าควรใช้ผา้ ขนหนูเล็กๆรองดา้ นล่างของ

ขอ้ เทา้ ืเพ่ือให้เท้าตง้ั ตรง

รปู ทืี่ 23 ท่านอนหงาย

30
5.1.2ืการจัดท่านอนตะแคงทบั ข้างทีป่ กติ
5.1.2.1ืศรี ษะโนม้ ไปทางด้านหนา้ เลก็ น้อย
5.1.2.2ืแขนของผู้ป่วยข้างที่อ่อนแรงควรมีหมอนรองใต้แขนื

ยื่นแขนไปขา้ งหนา้
5.1.2.3ืขอ้ ศอกเหยยี ดืมอื หงายบนหมอน
5.1.2.4ืข้อมอื ตรงน้ิวมือเหยยี ดออก
5.1.2.5ืสะโพกและเข่าข้างที่อ่อนแรงมีหมอนรองตั้งแต่สะโพก

ถงึ ปลายเทา้ และขอ้ เขา่ งอประมาณื30ืองศา

รปู ท่ืี 24ืท่านอนตะแคงทับปกตืิ

31

5.1.3ืการจัดทา่ นอนตะแคงทับขา้ งที่อ่อนแรง
5.1.3.1ืศีรษะโนม้ ไปทางด้านหน้าเล็กน้อย
5.1.3.2 สะโพกและเขา่ ข้างดีืมีหมอนรองตั้งแต่สะโพก

ถึงปลายเท้า
5.1.3.3 แขนข้างทีอ่ ่อนแรงย่ืนมาข้างหนา้ ืข้อศอก

ตรงหงายมอื
5.1.3.4ืเหยยี ดขาขา้ งทอี่ อ่ นแรงืเข่างอเลก็ นอ้ ยืข้อเท้าอยู่ในืืืื

ทา่ ทป่ี กติ

รูปที่ื25 ท่านอนตะแคงทับขา้ งออ่ นแรงื

32

5.2ืการดูแลป้องกันแผลกดทับ
แผลกดทับเป็นภาวะทพ่ี บได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการเคลื่อนไหว

ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เองืผิวหนังถูกกดทับเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่องืทาให้
เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนังที่ถูกกดทับได้อย่างสะดวกืส่งผลให้
ผิวหนังมีลักษณะเป็นรอยแดงและมีการแตกทาลายของผิวหนังืถ้าไม่ได้รับการ
ป้องกันดแู ลต้งั แตร่ ะยะเรมิ่ แรกก็จะส่งผลให้เกิดแผลกดทับตามมาได้

5.2.1ืการจัดทา่ นอนป้องกันแผลกดทับ
5.2.1.1ืควรเปล่ียนท่านอนอย่างน้อยทุกื2ืชั่วโมงืเพื่อให้ส่วน

ใดส่วนหนึ่งไม่รับแรงกดนานเกินไปืถ้าเปลี่ยนท่านอนแล้วรอยแดงบริเวณ
ผวิ หนังไม่หายภายในื30ืนาทีือาจจะพิจารณาให้เปลี่ยนท่านอนได้บ่อยขึ้นืโดย
มีการหมุนเวียนเปลี่ยนท่านอนืเช่นืนอนหงายืนอนตะแคงซ้ายืนอนตะแคงขวาื
สลบั กันไป

5.2.1.2ืการนอนตะแคงืควรจัดใหน้ อนตะแคงก่งึ หงายใช้หมอน
ยาวรับตลอดแนวลาตัวืรวมทั้งบริเวณข้อเข่าืข้อเท้าืควรทาให้สะโพกทามุมืืืื
30 องศาืและใช้หมอนรองตามปมุ่ กระดูกืและใบหู

5.2.1.3ืการนอนหงายืควรมหี มอนสอดคน่ั ระหว่างหัวเข่าืตาตุ่ม
ท้ังื2ืขา้ งืขาื2ืข้างืและรองใต้นอ่ งและขาเพือ่ ใหเ้ ทา้ ลอยพ้นพื้นไม่กดท่ีนอน

5.2.1.4ืการจดั ทา่ นอนศีรษะสงู ไมเ่ กนิ ื30ืองศาื
5.2.1.5ืกรณีที่นั่งรถเข็นืควรให้มีเบาะรองกันืและกระตุ้นให้
เปลี่ยนถ่ายนา้ หนกั ตวั ืหรอื ยกก้นลอยพน้ พ้นื ทนี่ งั่ ทกุ ื30 นาที
5.2.2ืการใชอ้ ปุ กรณล์ ดแรงกด
5.2.2.1 อุปกรณ์ลดแรงกดอยู่กับที่ืเช่นืที่นอนที่ทาจากื
เจล โฟม ลมืเปน็ ตน้
5.2.2.2ือปุ กรณ์ลดแรงกดสลบั ไปมาืเช่นืทนี่ อนลมไฟฟา้
5.2.3ืการดแู ลผวิ หนังปอ้ งกันแผลกดั ทับ
5.2.3.1ืผ้ปู ่วยท่ีมีผิวหนังแห้งืควรหลีกเลี่ยงการใช้น้าอุ่นืหลัง
ทาความสะอาดร่างกายควรท่าโลช่ันื3-4ืคร้ัง/วนั ืเพอื่ ป้องกันผิวหนงั แตกแหง้
5.2.3.2ืผู้ป่วยที่ควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ืควรทาความสะอาด
ทกุ ครง้ั ืท่มี กี ารขบั ถ่ายืและซับให้แหง้ อย่างเบามอื

33
5.2.3.3ืทาวาสลนี ใหห้ นาบรเิ วณผิวหนังรอบๆืทวารหนักแก้มกัน
ทง้ั ื2ืขา้ งืเพอ่ื ป้องกันผิวหนังเปียกชนื้
5.2.3.4ืจัดสิง่ แวดล้อมเพอ่ื ให้อากาศถา่ ยเทได้สะดวกืไม่ให้ผิวหนัง
อับช้ืนืหลีกเลยี่ งการนวดป่มุ กระดกู โดยเฉพาะที่มีรอยแดงื
5.2.3.5ืระวังอบุ ตั เิ หตุที่เกดิ กบั ผิวหนังืเช่นืืการกระแทกืของมีคมื
เปน็ ตน้ ื
5.2.3.6ืหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนประคบบริเวณผิวหนังที่มี
ความรู้สึกน้อยหรืออ่อนแรงืและืไม่นวดหรือใช้ความร้อนประคบืหรือใช้สบู่กับ
ผิวหนังที่มีรอยแดง
5.2.3.7ืดูแลผ้าปูที่นอนให้สะอาดแห้งืและเรียบตึงเสมอืเพื่อลด
ความเปยี กชน้ื และลดแรงเสียดทาน
5.2.3.8ืจดั เสอ้ื ผ้าให้เรียบืหลีกเลี่ยงการนอนทับตะเข็บเสื้อืและปม
ผูกตา่ งๆเพอื่ ลดแรงกดบรเิ วณผวิ หนัง
5.2.4 กา รเค ลื่อนย้า ยผู้ป่วย ควรใช ้แรงยกไม ่ควรใช ้วิธีลา กื
5.2.4.1ืการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยควรยกไม่ลากและไม่ควรย้ายตาม
ลาพังถา้ ผูป้ ว่ ยช่วยเหลอื ตัวเองไมไ่ ดต้ ้องมผี ู้ดูแลชว่ ยเสมอื
5.2.4.2 ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไม่ควรอยู่ในท่านั่งนานเกินื
1 ช่วั โมงื
5.3ืการดูแลอาการบวมของืแขน-ขาืมือและเท้าือาการบวมซึ่งพบบ่อยใน
ข้างที่เป็นอัมพาดหรืออ่อนแรงืสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการใช้วัสดุอ่อนนุ่มื
เช่นืผ้าหม่ ืหมอนข้างืหนุนรองข้างที่บวมให้สูงืกระตุ้นให้เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆืื
ลดอาหารรสเคม็ โดยงดการเตมิ เกลอื และนา้ ปลา

รูปท่ีื26 ทา่ นอนมีหมอนรองขาื

34

บทท่ีื4
การฟื้นฟสู มรรถภาพผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลือดสมอง

การช่วยฟื้นฟูืเป็นการพัฒนาสมรรถภาพของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองื
ใหส้ ามารถช่วยเหลอื ตนเองได้มากขึ้นตามความสามารถที่ยังคงเหลืออยู่ืภายหลัง
การเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมองืสมรรถภาพของผู้ป่วยยังไม่สามารถกลับคืนสู่สภาวะ
ปกติได้ทันทีืจึงต้องมีการฟื้นฟูให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติหรือใกล้เคียงปกติมาก
ทสี่ ดุ ืทัง้ ดา้ นรา่ งกายืและสังคมืซ่ึงคมู่ ือเลม่ นีส้ ามารถทาใหผ้ ปู้ ว่ ยืครอบครัวืและ
ผดู้ แู ลไดบ้ รรลเุ ปา้ หมายทต่ี อ้ งการืโดยมีหวั ข้อดงั นี้

1.การฟืน้ ฟดู ้านรา่ งกายื
1.1ืการฝกึ เคล่ือนไหวร่างกาย
1.2ืการฝกึ การกลืนื

2.ืการฟ้นื ฟูด้านสังคมื
2.1 แนวทางในการฟ้ืนฟูดา้ นการส่อื ความหมายเบอ้ื งต้น

1.ืการฟน้ื ฟดู ้านรา่ งกายื
1.1 การฝึกเคล่ือนไหวรา่ งกาย
การฝึกความเคลื่อนไหวร่างกายืเป็นการออกกาลังกายในส่วนที่เกิดการ

สูญเสยี และการฝึกการเคล่ือนไหวกลา้ มเน้ือ/ขอ้ ต่างๆื
ให้มีความคงทนและความแข็งแรงืเป็นการออกกาลังกายเพื่อการรักษา
ความสามารถและส่งเสริมการเคลื่อนไหวข้อในแขน-ขาข้างที่อ่อนแรงของผู้ป่วยื
โดยการเคลื่อนไหวข้อควรทาท่าละื20-30 ครั้งืทาอย่างน้อยวันละื2 รอบื
เชา้ -เย็นืไมค่ วรทาหลังอาหารภายในื1ืชัว่ โมงืและการเคล่ือนไหวแต่ละครั้งควร
เป็นจังหวะสม่าเสมอืนุ่มนวลืเพื่อเสริมสร้างทักษะของด้านที่เสียไปตามกาลัง
ความสามารถและช่วยใหข้ ้อตา่ งๆทาหน้าทีไ่ ดอ้ ย่างปกติืป้องกนั การยดึ ติดของข้อื
ป้องกันการหดตัวของกล้ามเนื้อและช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นืืการออก
กาลงั กายสามารถแบง่ ออกเป็นื2 แบบืคือืการออกกาลังกายโดยผู้ดูแลเป็นผู้ทา
ให้ืและการออกกาลังกายโดยผูป้ ่วยทาเอง

35

1.1.1ืการออกกาลังกายโดยผดู้ ูแลเป็นผูท้ าให้
ออกกาลังกายโดยญาติหรือผู้ดูแลเป็นผู้ทาให้ืผู้ดูแลจะต้องพยุง
ส่วนที่จะท ากา รเคลื่อนไหวอย่างดีืมือของผู้ท าต้องจับอย่า งมั่นค งืืืืืืืืืืืืืืืืื
การออกกาลังกายใหผ้ ู้ปว่ ยจะเรม่ิ จากผู้ดูแลทาการเคลื่อนไหวจากส่วนต้นไปส่วน
ปลายเสมอืการเคลื่อนไหวในส่วนแขนืได้แก่ืข้อไหล่ืข้อศอกืข้อมือและบริหารื
ข้อน้วิ มอื ืการเคล่ือนไหวส่วนขาืไดแ้ กื่ ขอ้ เข่าืขอ้ เท้าืและนวิ้ เท้า

1.1.1.1ืการเคลื่อนไหวข้อไหล่ ผู้ดูแลใช้มือขวาจับบริเวณ
ขอ้ ศอกของผู้ป่วยืมือซ้ายจับบริเวณข้อมือของผู้ป่วยืค่อยๆยกแขนผู้ป่วยขึ้นช้าๆ
จนถึงศีรษะืและค่อยๆประคองแขนผ้ปู ่วยลงข้างลาตวั ช้าๆืโดยทาทง้ั ื2ืขา้ งื

รูปที่ื27 การเคล่ือนไหวข้อไหล่

36
1.1.1.2ืการเคลอื่ นไหวกางแขนและหุบแขนืืผ้ดู ูแลใช้มือขวาจับ

บริเวณข้อมือและมือซ้ายจับืบริเวณข้อศอกของผู้ป่วยืผู้ดูแลค่อยืๆืกางแขน
ผู้ป่วยออกห่างจากลาตัวขึ้นจนถึงศีรษะืจากนั้นค่อยๆจับแขนผู้ป่วยหุบลงเข้าหา
ลาตัวืทาท้ังื2ืข้างืและระวงั อย่าใหผ้ ปู้ ว่ ยเจบ็ ปวดแขนืื

รูปท่ืี 28 กางและหบุ แขน
1.1.1.3ืการเคล่อื นไหวงอและเหยียดข้อศอกืผู้ดูแลใช้มือซ้ายจับ
บริเวณขอ้ มือและมือขวาพยุงบริเวรด้านหลังข้อศอกของผู้ป่วยืจากนั้นงอข้อศอก
เขา้ ื(พับแขนเข้า)ืสลบั กับเหยียดออกทาท่าเดมิ ืโดยทาทงั้ ื2ืข้างืื

รปู ท่ืี 29 งอและเหยยี ดข้อศอก

37
1.1.1.4การเคลื่อนไหวข้อมือโดยการกระดกข้อมือขึ้น-ลงืผู้ดูแลจัด
แขนผปู้ ่วยยกแขนให้ตง้ั ฉากกับลาตัวืมือซ้ายจับบริเวณข้อมือืมือขวาพยุงบริเวณ
อุ้งมือของผู้ป่วยืจากนั้นค่อยๆกระดกข้อมือผู้ป่วยขึ้นืแล้วกระดกข้อมือผู้ป่วยลงื
โดยทาทงั้ ื2 ขา้ งื

รูปที่ื30 กระดกขอ้ มือ
1.1.1.5การเคลื่อนไหวนิ้วมือด้วยการกานิ้วมือเข้าและเหยียดนิ้วมือ
ออกืผูด้ ูแลจบั แขนผ้ปู ว่ ยยกแขนให้ตง้ั ฉากกบั ลาตวั ืผ้ดู ูแลใชม้ อื ซา้ ยจับบริเวณข้อ
นิ้วมือที่ต้องการเคลื่อนไหวมือขวาจับให้ข้อมือของผู้ป่วยืจากนั้นค่อยๆงอนิ้วมือ
ใหอ้ ยู่ในลักษณะกาน้ิวมือและเหยียดน้ิวมือออกืโดยทาทง้ั ื2ืขา้ งื

รปู ที่ื31 กานิ้วมอื

38
1.1.1.6ืการเคลื่อนไหวงอขาเข้าและเหยียดขาออกเริ่มืดูแลใช้มือ

ขวาจับบริเวณส้นเท้าผู้ปว่ ยืมอื ซ้ายประคองบรเิ วณใตเ้ ข่าเคล่ือนืจากนั้นงอเข่าเข้าื
แลว้ เหยียดขาผู้ปว่ ยออกกลบั สทู่ ่าเดมิ ืโดยทาทัง้ ื2 ขา้ งืื

รูปท่ีื32 งอขาเขา้ -ออก
1.1.1.7 การเคล่ือนไหวข้อเท้าืผู้ดูแลใช้มือขวาจับบริเวณปลายเท้าื
มือซ้ายจับข้อเท้าบริเวณเอ็นร้อยหวายของผู้ป่วยืจากนั้นกระดกข้อเท้าขึ้นืแล้ว
คอ่ ยๆจบั ปลายเทา้ งอกลบั ลงสู่ทา่ เดมิ ืโดยทาทง้ั ื2 ข้างื

รูปที่ื33 การกระตุกขอ้ เท้าขึน้ และลง

39

1.1.1.8การเคล่อื นไหวน้วิ เทา้ โดยการกระดกนิ้วเท้าขึ้น-ลงืผู้ดูแลใช้
มือขวาจับบริเวณนิ้วเท้าผู้ป่วยให้กระชับืมือซ้ายจับเหนือข้อเท้าค่อยๆกระดก
นวิ้ เทา้ ขน้ึ ืจากนนั้ กระดกนิว้ เทา้ ลงจนรู้สกึ ตงึ ทาทา่ เดิมืโดยทาทั้งื2 ข้างื

รปู ทีื่ 34 กระดกนิ้วเทา้
1.1.2ืการออกกาลงั กายโดยผปู้ ว่ ยทาเอง
การออกกาลังกายโดยผู้ป่วยทาเองืผู้ป่วยทุกรายจาเป็นต้องได้รับ
การฝึกทักษะเพื่อให้ได้ผลดีและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วยืแต่ผู้ป่วยจะฝึกทา
ไดม้ ากน้อยเพยี งใดขนึ้ อยกู่ ับระดับความสามารถและกาลงั กล้ามเนื้อของผู้ป่วยืแต่
ถ้าผู้ป่วยได้ฝึกอย่างต่อเนื่องจะทาให้ผู้ป่วยเรียนรู้และทาให้การเคลื่อนไหวส่วน
ต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้นืโดยการฝึกการออกก าลังกายด้วยตนเองที่บ้าน ของ
ผู้ป่วยืผู้ดูแลควรให้ความช่วยเหลือบ้างในบางท่าที่ผู้ป่วยไม่สามารถทาได้ด้วย
ตนเองื
หลกั พน้ื ฐานในการออกกาลังกายด้วยตนเองืมีดังนี้ืคือืต้องฝึกการ
เคลื่อนไหวท่าเดิมซ้าๆืเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดกระบวนการเรียนรู้และจดจาืควร
เคลอื่ นไหวในจังหวะท่รี าบรนื่ และสมา่ เสมอพยายามให้ผู้ป่วยใช้แขนและขาข้างท่ี
อ่อนแรงร่วมด้วยืและระยะแรกควรทาเท่าที่ผู้ป่วยสามารถทาได้ในท่าทางท่ี
ถูกต้องและมีการพักเป็นระยะืเพื่อไม่ให้เหนื่อยจนเกินไปืซึ่งท่าออกกาลังกายมี
ดังตอ่ ไปน้ี

40
1.1.2.1ืการเคลื่อนไหวแขนืโดยการยกแขนขึ้น-ลงืให้ผู้ป่วย

นอนหงายืจากนั้นให้ผู้ป่วยใช้มือข้างที่มีแรงจับมือด้านที่อ่อนแรงืโดยการจับ
สามารถจับได้ื2ืแบบืคือการประสานมือและการจับที่ข้อมือืให้ผู้ป่วยค่อยๆ
เหยียดมือทั้งื2ืข้างไปทางด้านหน้าของล าตัวแล้วยกแขนทั้งื 2ืขึ้นไปืืืืืืืืื
เหนือศีรษะอย่างช้าๆืจากนั้นค่อยๆลดแขนลงมายังท่าเดิมืและทาซ้าท่าเดิมืืืืืื
5ืครงั้ ืโดยทาทั้งื2ืขา้ งื

รปู ที่ื35 จับมือขึ้น - ลง
1.1.2.2ืการเคล่อื นไหวขาืใหผ้ ปู้ ่วยนอนราบบนเตียงขาเหยียดตรงื
จากนั้นให้ผู้ป่วยลากขาข้างที่มีแรงขึ้นโดยให้ส้นเท้าติดพื้นืงอจนเข่าตั้งฉากกับ
ลาตัวแล้วเหยียดกลับคืนท่าื (ให้ผู้ดูแลช่วยควบคุมทิศทางจนกว่าจะทาได้เอง )ื
ส่วนขาข้างที่อ่อนแรงให้งอเข่าขึ้นืเช่นเดียวกันกับข้างที่มีแรงืแต่หากเข่าไม่
สามารถตั้งฉากกับลาตัวให้นาหมอนมารองบริเวณใต้เข่าให้สูงและพยายามให้
ผู้ป่วยเหยียดขาตรงืและทาซา้ ท่าเดมิ ื5ืคร้งั ืโดยทาทั้งื2ืขา้ งืื

รูปทืี่ 36ืค่อยๆงอเขาืขาปกติ

41

1.2 การฝึกการกลนื ื
1.2.1ืการออกกาลงั เพอ่ื สง่ เสริมการทางานของกล้ามเน้ือท่ีเกี่ยวข้อง

กับการกลนื ื
1.2.1.1 ใช้ฟนั หนา้ กัดลิ้นไว้เบาๆแล้วกลืนน้าลายขณะที่อยู่ในท่า

นั้นืจะเป็นการออกกาลังเพื่อส่งเสริมความแข็งแรงของโคนลิ้นและผนังคอหอยื
ให้ผนงั คอหอยเกิดการบบี ตวั ืและชว่ ยผลักอาหารจากชอ่ งปากเข้าสคู่ อหอย

1.2.1.2ืการออกกาลงั เพอ่ื ส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใต้
ขากรรไกรืเปน็ กลา้ มเนอื้ ทจ่ี ะทาใหก้ ระดูกขากรรไกรเกดิ การยกและการเคลื่อนไป
ด้านหน้าืทาให้หูรูดหลอดอาหารส่วนต้นเปิดขณะกลืนอาหารืให้อาหารผ่านคอ
หอยเขา้ สรู่ ะยะหลอดอาหารไดด้ แี ละลดการเกิดการสาลกั ืโดยมีทงั้ หมดื4ืวธิ ีืดงั นี้ื

1.2.1.2.1 อ้าปากให้กว้างที่สุดแล้วค้างไว้ื10 วินาทีื
พกั ื10 วินาทืี แลว้ ทาซา้ อีกื

1.2.1.2.2ือ้าปากแบบมีแรงต้านืวางลูกบอลยาง
ขนาดพอเหมาะไวร้ ะหว่างใตค้ างกบั อกืแล้วพยายามอ้าปากเพื่อกดลูกบอลค้างไว้ื
60ืวินาทีืทาทั้งหมดื3ืรอบืหรือือ้าปากเพื่อกดบอลื30ืครั้งืโดยไม่ต้อง
กดค้างไว้

1.2.1.2.3ืวางลกู บอลยางขนาดพอเหมาะไว้ระหว่างใต้
คางกับอกืใช้คางกดบอลค้างไว้ื10ืวินาทีืจากนั้นให้กดบอลต่ออีกื10ืครั้งืืืืื
โดยไม่ต้องกดคา้ งไว้

1.2.1.2.4ืจัดผู้ป่วยให้นอนราบกับพื้นหรือเตียงืยก
ศรี ษะขนึ้ มองปลายเท้าืและคงท่านั้นไว้นานื1ืนาทีืแล้ววางศีรษะลงพักื1ืนาทีื
ทาท้ังหมดื3ืครั้งืจากนั้นยกืศีรษะขึ้นมองปลายเท้าต่ออีกื10ืครั้งืโดยไม่ต้อง
ยกคา้ งไว้

42

1.2.2ืการจัดท่าให้ปลอดภัยในการกลืนอาหารืให้ผู้ป่วยนั่งงอ
สะโพกื80-90ืองศาืศีรษะก้มมาด้านหน้าเล็กน้อยืกรณีไม่สามารถปรับนั่งได้ให้
ปรบั เตยี งข้นึ อย่างน้อยื30ืองศาืจดั ทา่ ใหศ้ รี ษะและลาตวั อยู่ในแนวตรงืและใช้
หมอนหนุนให้ศีรษะก้มมาด้านหน้าเพื่อป้องกันการสาลักื

รปู ทื่ี 37 จดั ท่างอสะโพกืกม้ หนา้

1.2.3ืการปรับระดับอาหารให้เหมาะสมกับความสามารถทางการ
กลืนได้แก่ือาหารปั่นข้นเป็นอาหารเนื้อเนียนละเอียดและข้นทาให้กลืนได้ง่ายื
ระดับตอ่ มาเปน็ อาหารอ่อนบดสับจะใช้เมื่อยังมีปัญหาในการกลืนอาหารบางชนิดืื
ส่วนอาหารอ่อนปกติอาหารที่มีลักษณะนิ่มและเปื่อยใช้กับผู้ที่มีปัญหาการกลืน
ลาบากเลก็ นอ้ ยและเคยี้ วอาหารไดื้ เช่นืขา้ วต้มืเน้ือสตั ว์นิ่มืผลไมเ้ น้อื น่มิ ื

1.2.4 การใชเ้ ทคนคิ อืน่ ๆืร่วมขณะกลืนอาหารืมีดังนืี้
1.2.4.1 ปรับอุณหภูมิอาหารให้เหมาะสมืให้อาหารอุ่นหรือเย็น
กวา่ ปกตืิ จะเหมาะสาหรับผู้ทีม่ ปี ัญหากลนื ช้าืจะชว่ ยใหก้ ลนื ไดง้ า่ ยขึ้น
1.2.4.2 ให้ผู้ป่วยกลั้นหายใจขณะกลืนแล้วไอทันทีหลังกลืน
ก่อนจะหายใจอกี คร้ังจะชว่ ยปดิ สายเสยี งขณะกลนื ื
1.2.4.3 การกลืนแรงจะช่วยในการบีบตัวของช่องปากและคอ
หอยทาใหก้ ลนื อาหารได้ดีข้ึนื
1.2.4.4ืผูด้ แู ลช่วงการจับยกกล่องเสียงขน้ึ ขณะผปู้ ว่ ยกลืนอาหารื
จะชว่ ยเพ่ิมการยกตัวของกล่องเสียงืและกระดูกขากรรไกรขณะกลืนืและเพิ่มการ
เปดิ ของหรู ดู หลอดอาหารสว่ นบน

43

2.ืการฟืน้ ฟูดา้ นสงั คม
การฟื้นฟูด้านสังคมเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถสื่อสารกับญาติและผู้ดูแล

ได้อย่างเข้าใจมากที่สุดืโดยส่งเสริมให้ใช้ภาษาพูดและภาษาท่าทางในการสื่อ
ความหมายตามความเหมาะสมกบั ผปู้ ว่ ยแต่
ละรายืืในการฝึกควรจะทาซา้ ๆืเรมิ่ จากกจิ กรรมที่ง่ายไปสู่กิจกรรมที่ยากขึ้นเป็น
ลาดับขั้นตอนืแนวทางการฝึกเบื้องต้นนี้หากทาแล้วประสบกับปัญหาควรส่ง
ปรึกษานักแก้ไขการพูดตามสถานพยาบาลหรือศูนย์ของรัฐที่มีนักเวช ศาสตร์ืืืืื
การสอื่ ความหมายืโดยเรว็ ที่สุดืหรอื อย่างชา้ ไมเ่ กินหกเดอื นื

2.1 การฝึกพูดืให้ผู้ปว่ ยฝกึ พูดจนเกดิ ความเคยชินโดยจะฝึกจากน้อยไปมาก
หรอื เทา่ ทผ่ี ูป้ ว่ ยทาไดื้ ื

2.1.1ืผู้ดูแลส่งเสริมและกระตุ้นืให้ผู้ป่วยบริหารอวัยวะในช่อง
ปาก นวดกลา้ มเนื้อโดยใชน้วิ โปง้ กบั น้ิวชน้ี วดบริเวณใบหนา้ ื
ลิน้ ืรมิ ฝปี ากืกระตุ้นการอา้ ปาก, หุบปาก, ห่อปาก, ยิงฟัน, เม้มปาก, ทาแก้มป่อง,
การเปา่ ลม, เปา่ เทยี น, การกลืนนา้ ลาย, แลบลิ้นเข้า, ออกจากปาก, ให้ลิ้นแตะฟัน
บนฟนั ลา่ งสลบั กนั , เดาะลน้ิ , ใช้ปลายลิ้นดันกระพ้งุ แกม้ เป็นตน้

2.1.2ืกระตุ้นให้ออกเสียงธรรมชาติืเช่นืไอืกระแอมืถอนหายใจื
หาวืหัวเราะืโดยฝึกการเปดิ ของหลอดเสียงืเหมาะกับผู้ที่มีเสียงเปลี่ยนไปจากเดิมื
เสียงแหบืไม่มเี สยี งหรือถูกระบวุ ่าสายเสยี งลีบฝ่อโดยให้อยู่ในท่านั่งแล้วใช้มือดัน
กับเตยี งหรือเกา้ อี้ืแล้วืออกเสยี งื“อา” ทาื5ืครง้ั ืและทาื5-10ืรอบต่อวนั

44

2.1.3ืืฝกึ ออกเสยี งคาหรือพยญั ชนะท่ีมีการขยับริมฝีปากืซึ่งผู้ป่วยออกเสียงตาม
ได้ง่ายืเช่นืเสียงของพยัญชนะืมืปืพืบืวืเป็นต้นืหรือืคาืเช่นืคาว่าืพ่อืเปิดื
บ้านืวัดืเปน็ ตน้

2.1.4ืให้นับเลขืท่องชื่อวันื- ชื่อเดือนืหรือฝึกร้องเพลงที่ผู้ป่วย
ชอบและคุน้ เคยซ่ึงผู้ปว่ ยมกั จะจดจาสงิ่ ที่ืเรยี งกันหรือคล้องจองกนั ไดด้ ี

2.1.5ืืฝึกใหพ้ ูดตามและ/หรือพดู เองระดบั คาืวลืี หรอื ืประโยค
2.1.6ืกระตุ้นและฝึกการพูดคุยืเรื่องง่ายๆืในชีวิตประจาวันืเช่นื
บอกชือ่ ืบุคคลืสถานท่ืี เวลาืคาพูดทกั ทายต่างๆืเป็นต้น
2.1.7ืืฝึกให้ผู้ป่วยอ่านตามหรืออ่านเองืตั้งแต่ระดับง่ายๆืคือืคา
พยางค์เดียวที่ผู้ป่วยคุ้นเคยืแล้วจึงค่อยๆืให้อ่านเป็นคาหลายๆืพยางค์ืจนถึง
ระดับประโยค

2.2ืืการฝกึ การสอ่ื สารด้วยภาษากายื
2.2.1ืฝึกชี้หรือทาตามคาสงั่ จากง่ายไปหายากืเช่น “ยกมือขึ้น” “ยก

มือขวาขึ้น” เลือกช้ีหรอื หยบิ สงิ่ ของหรือืรปู ภาพตา่ งๆืเป็นต้นืกรณีอาการรุนแรง
มากไม่สามารถสอนพูดหรอื เขยี นได้ให้ใชก้ ระดานที่เป็นืรูปภาพหรือตัวอักษรเพื่อ
ใช้สือ่ ความหมายในชวี ติ ประจาวนั ไปก่อน

2.2.2ืืฝึกให้ผู้ป่วยเขียนคาง่ายๆืเช่นืบ้านืข้าวืน้าืหวีืเป็นต้นื
โดยควรมีรูปภาพประกอบเพื่อให้ผู้ป่วยืระลึกค านั้นๆืได้ด้วยเมื่อ ผู้ป่วยืืืืืืืืืืื
มคี วามสามารถเพิม่ ข้ึนจึงคอ่ ยให้ฝึกเขยี นคาและประโยคทย่ี าวขึน้

2.2.3ืื ผู้ดูแ ลจัดท ารูปภา พสิ่งข องที่จ าเป็น ไว้ใกล ้เตียง ผู้ป่ว ยื
หากผ้ปู ว่ ยตอ้ งการสง่ิ ใดใหช้ ไี้ ปท่รี ปู ภาพนน้ั


Click to View FlipBook Version