นาํ สอน สรปุ ประเมิน
¡Ô¨¡ÊÃÃÃÒé Á§ÊÃÃ¤ì¾²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙé ขน้ั สรปุ
ใบมอบหมายงาน
ขั้นที่ 5 สรปุ สิง่ ที่ไดเ รยี นรู
àÃÍ×è § ¡Òë͋ Áá«Á µ¡áµ‹§ ´´Ñ á»Å§ áÅеѴàÂçº
2. ครูและนักเรยี นรวมกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง การ
ค�าชี้แจง ให้นกั เรยี นปฏิบัติงานกลุ่ม โดยปฏบิ ัติกจิ กรรมตามหัวขอ้ ท่กี า� หนดให้ ดงั น้� ตัดเยบ็
๑. สมาชิกภายในกลุ่มแต่ละคนท�าการส�ารวจเส้ือผ้า หรือเศษผ้าเหลือใช้ของตนเอง จากน้ัน
ขน้ั ที่ 6 นาํ เสนอผลงาน
เลือกมาคนละ ๑ ชิ้น เพื่อให้สมาชิกภายในกลุ่มทุกคนร่วมกันลงความเห็นและเลือก เพื่อน�ามาฝกปฏิบัติ
การซอ่ มแซม ตกแตง่ ดัดแปลง และตดั เยบ็ ตามความสนใจกลมุ่ ละ ๑ ชน้ิ 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1-2 คน ออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
๒. แสวงหาความรู้เพื่อการปฏิบัติงานจากส่ือท่ีหลากหลาย เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต หนาช้ันเรียน พรอมท้ังสรุปส่ิงท่ีไดเรียนรู
นติ ยสาร ปรึกษาผู้รู้ ผชู้ �านาญการในท้องถ�นิ ครูผูส้ อน จากการปฏิบัติในประเด็นที่ครูกําหนดให คือ
สิ่งทตี่ อ งการตัดเยบ็ วัสดุ อปุ กรณ เครอ่ื งมอื
๓. วางแผนการปฏิบัตงิ านในรูปแบบโครงงานและน�าส่งเอกสารพร้อมผลงาน โดยมรี ายละเอยี ด เครื่องใชในการตัดเย็บ ขั้นตอนการปฏิบัติ
ดงั น้� ปญ หาทพี่ บ หรอื อปุ สรรคระหวา งการปฏบิ ตั งิ าน
และแนวทางการแกป ญหา
• ชอ่ื กลุ่ม
• รายช่ือหัวหน้ากลุ่มและสมาชิกภายในกลมุ่ 4. ครใู หน กั เรยี นกลมุ อน่ื รว มกนั ซกั ถามในประเดน็
• การแบง่ หน้าทก่ี ารปฏบิ ัติงานภายในกลมุ่ ที่สงสัย และเปดโอกาสใหเสนอแนะเพ่ิมเติม
• รูปแบบงานท่ีปฏิบัติ ในประเดน็ ตางๆ ได
• หลักการและเหตุผลท่ีปฏบิ ตั ิงาน
• วัตถปุ ระสงค์ 5. ครูใหน กั เรียนทําแบบทดสอบหลงั เรยี น หนวย
• ระยะเวลาในการปฏบิ ัติงาน การเรยี นรูที่ 2
• งบประมาณที่ใช้
• บญั ชีรายรบั -รายจา่ ย ขน้ั ประเมนิ
• วิธีการดา� เนินงาน
• บนั ทึกผลการปฏิบัติงาน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
• ปัญหา หรืออปุ สรรคในการปฏิบตั งิ าน เพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น
• วิธแี กป้ ญั หา
• ผลการปฏบิ ตั งิ าน 2. ครูตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง
• ความภาคภมู ิใจในการปฏบิ ตั งิ าน การตัดเยบ็ สิง่ ของเคร่ืองใชภายในบาน
3๗ผ้าและการตัดเย็บ 3. ครตู รวจสอบความรู ความเขา ใจของนักเรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ
การสรุปความรู
4. ครปู ระเมนิ ผลระหวา งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู
จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน
และการสังเกตคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค
กิจกรรม Mini Project แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั โดยใหส มาชกิ ภายในกลมุ ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
ประชมุ วางแผนการปฏบิ ตั งิ านรว มกนั เพอ่ื ออกแบบและสรา งสรรค เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2
ช้ินงานการตัดเย็บสิ่งของเครื่องใชภายในบานตามความสนใจ
กลุมละ 1 ช้นิ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
2. ใหนกั เรยี นแตล ะกลุมรว มกันคิดและออกแบบช้นิ งาน พรอมท้ัง คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ีตรง คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องท่ตี รงกับระดบั
สรางแบบ คดั ลอกแบบ และลงมอื ตดั เย็บชนิ้ งาน (อาจใชว ธิ กี าร คะแนน
เยบ็ ดว ยมอื หรือวิธกี ารเยบ็ ดว ยจักรเย็บผา กไ็ ด) กบั ระดบั คะแนน
3. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านกลมุ ของ การมี
ตนเอง หากพบปญ หา หรอื อปุ สรรคในการทาํ งานใหจ ดบนั ทกึ ไว
เพอ่ื หาแนวทางการแกไ ข ลาดบั ที่ ช่ือ-สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ของนักเรียน ความ ฟังคนอ่ืน ตามท่ีไดร้ ับ น้าใจ 15 321
4. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1-2 คน ออกมานาํ เสนอ คิดเห็น มอบหมาย การ คะแนน 1 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
ผลงานใหเพือ่ นชมหนาช้ันเรียน 2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเรื่อง
ปรับปรุง 3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
ผลงานกลุ่ม 4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
รวม
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ
............./.................../............... ............/................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติ หรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่
ปฏิบตั ิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12-15 ดี 12-15 ดี
8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง
T43
Chapter Overview
แผนการจัด สือ่ ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรียนการงาน 1. อ ธิบายหลักการเตรียม แบบสืบเสาะ - ต รวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ทักษะ - รกั ชาติ ศาสน์
อาหาร
ประเภทสำ� รบั อาชพี ม.3 และการประกอบอาหาร หาความรู้ - ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 กระบวนการ กษตั ริย์
2 - แบบวัดและบันทกึ ผล ประเภทสำ� รับไดอ้ ยา่ ง (5Es เรื่อง อาหารประเภทส�ำรบั ท�ำงาน - ซือ่ สัตย์สุจริต
ช่วั โมง การเรียนรูก้ ารงาน ถกู ตอ้ ง Instructional - ตรวจกจิ กรรมในแบบวดั และ 2. ทกั ษะ - มวี ินยั
อาชพี ม.3 2. เห็นคุณค่าของการจัด Model) บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ การจัดการ - ใฝ่เรยี นรู้
- แบบทดสอบกอ่ นเรียน รายการอาหารประเภท - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน 3. ทักษะ - อยอู่ ยา่ ง
- PowerPoint ส�ำรับ - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน กระบวนการ พอเพียง
3. จดั รายการอาหารประเภท รายบคุ คล แกป้ ัญหา - มงุ่ มั่น
สำ� รับในแตล่ ะมอ้ื - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน 4. ทักษะ ในการทำ� งาน
ได้ถูกต้องตามหลักการ กลมุ่ การแสวงหา - รักความ
จดั รายการอาหาร - สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ ความรู้ เปน็ ไทย
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มน่ั 5. ทกั ษะการทำ� งาน - มีจติ
ในการทำ� งาน รว่ มกนั สาธารณะ
6. ทักษะการคิด
วเิ คราะห์
7. ทักษะการท�ำงาน
กลุ่ม
8. ทกั ษะการสรุป
ลงความคดิ เห็น
T44
แผนการจัด สอ่ื ท่ีใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สอื เรียนการงาน 1. อธิบายหลักการจัดและ แบบ - ต รวจชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ทกั ษะ - รกั ชาติ ศาสน ์
การจดั และ
ตกแต่งอาหาร อาชีพ ม.3 ตกแต่งอาหารประเภท กระบวนการ (รวบยอด) กระบวนการ กษตั รยิ ์
ประเภทส�ำรบั
- แบบทดสอบหลงั เรยี น ส�ำรบั ได้ กล่มุ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ทำ� งาน - ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
2
- PowerPoint 2. เหน็ ความสำ� คญั ของการ - ส งั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน 2. ทกั ษะ - มวี ินัย
ช่ัวโมง
จดั และตกแตง่ อาหาร รายบคุ คล การจดั การ - ใฝเ่ รียนรู้
ประเภทส�ำรับ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน 3. ทกั ษะ - อยอู่ ย่าง
3. จัดและตกแต่งอาหาร กล่มุ กระบวนการ พอเพียง
ประเภทสำ� รบั ไดอ้ ย่าง - ส ังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ แกป้ ัญหา - มงุ่ ม่นั
สวยงามและน่า อยอู่ ยา่ งพอเพียง มุ่งมนั่ 4. ทกั ษะ ในการทำ� งาน
รบั ประทาน ในการท�ำงาน การแสวงหา - รักความ
- ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน ความรู้ เปน็ ไทย
5. ทกั ษะการท�ำงาน - มีจิต
รว่ มกนั สาธารณะ
6. ทกั ษะการประยกุ ต์
ใชค้ วามรู้
7. ทักษะการท�ำงาน
กลมุ่
T45
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ (แบบสบื เสาะหาความรู (5Es)) ó »ÃÐàÀ·ÊÓúÑÍÒËÒÃหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี
ขั้นท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานในการด�ารงชีวิตของมนุษย์ อาหารท่ีรับประทานอยู่นั้นมีด้วยกัน
1. ครูแจงชื่อเรื่องท่ีจะเรียนรูและจุดประสงคการ หลายชนิดและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปตามวัฒนธรรมของแต่ละชนชาติ อาหารไทย
เรียนรูใหนักเรียนทราบ จากน้ันใหนักเรียน ประเภทสา� รบั จดั เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทสี่ า� คญั อยา่ งหนงึ่ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ เอกลกั ษณท์ าง
แตละคนทําแบบทดสอบกอ นเรยี น หนวยการ ภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ขึ้น และถ่ายทอดให้แก่ชนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อมาจนถึง
เรยี นรทู ี่ 3 เรื่อง อาหารประเภทสํารับ ปัจจบุ นั จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยา่ งหนงึ่ ของชนชาตไิ ทย
2. ครูนําภาพการจัดอาหารประเภทสํารับของ ตวั ชว้ี ัด
แตละภูมิภาคมาใหนกั เรียนดู
■ อภปิ รายขน้ั ตอนการทํางานท่ีมีประสิทธภิ าพ (ง ๑.๑ ม.๓/๑)
3. ครูถามนักเรยี นวา ■ ใชท กั ษะในการทํางานรวมกนั อยา งมีคุณธรรม (ง ๑.๑ ม.๓/๒)
• ภาพดังกลาวเปนการจัดอาหารที่เรียกวา ■ อภปิ รายการทาํ งานโดยใชท กั ษะการจัดการ เพ่อื การประหยัดพลังงาน ทรัพยากร และสงิ่ แวดลอม (ง ๑.๑ ม.๓/๓)
อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน อาหารชดุ สาํ รบั อาหาร)
• นักเรียนเคยรับประทานอาหารเหมือนใน
ภาพหรือไม อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ)
• นักเรียนคิดวาในภาพนาจะเปนอาหาร
พืน้ เมอื งของคนในภูมิภาคใด เพราะเหตุใด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ เชน ภาคเหนือ เพราะ
พิจารณาจากอาหารที่ปรากฏอยูในภาพ
ไดแก ขาวเหนียว นํ้าพริกหนุม แคบหมู
ผักตม แกงฮังเล ซึ่งเปนเอกลักษณของ
ชาวเหนือท่ีนิยมรับประทานขาวเหนียว
กับน้ําพริกตางๆ รวมท้ังอาหารพื้นเมือง
ชนิดอื่นๆ เชน แคบหมู ผักตม แกงฮังเล
ภาคใต เพราะพจิ ารณาจากอาหารทปี่ รากฏ
ในภาพ ไดแก ขาวเจา แกงเหลือง หรือ
แกงสม สะตอผัดพริกแกงกุง ค่ัวกล้ิง
ใบเหลียงผัดไข แกงไตปลา ซ่ึงเปน
เอกลักษณของชาวใตที่นิยมรับประทาน
อาหารที่มีรสชาติจัดจานและมีการนํา
เครอื่ งเทศและขมนิ้ มาใชเ ปน สว นประกอบใน
การปรุงอาหาร เพ่ือชวยดับกล่ินคาวของ
อาหารทะเล)
เกร็ดแนะครู
ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเกย่ี วกับอาหารประเภทสํารบั ใหนกั เรียนฟง เพ่อื ใหเกดิ ความรู ความเขาใจ เรื่อง หลกั การเตรยี มอาหารประเภทสํารับ
ประเภทของอาหาร หลักการจัดรายการอาหารแตละม้ือ หลักการจัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ สามารถนําความรูทางศิลปะมาประยุกตใชในการ
จัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับไดอยางสวยงามและสรางสรรค เลือกและใชภาชนะท่ีใชสําหรับบรรจุอาหารไดอยางเหมาะสม โดยคํานึงถึงขอควรระวัง
ในการจัดและตกแตงอาหารประเภทสํารบั รว มดว ย พรอ มทั้งนาํ ทักษะการทาํ งานรว มกนั และทกั ษะการจดั การมาประยกุ ตใ ชใ นการทํางาน เพอื่ ใหก ารทํางาน
สาํ เร็จตามเปา หมายอยา งมีประสทิ ธิภาพ คาํ นึงถงึ การประหยัดพลังงาน ทรัพยากร และสิง่ แวดลอม โดยสามารถจดั กิจกรรมได ดังนี้
• ใหนักเรยี นตอบคําถามและรวมกนั แสดงความคดิ เห็น เพือ่ ใหนกั เรยี นเกิดความรู ความเขา ใจเก่ยี วกับอาหารประเภทสํารับ
• ใหน กั เรยี นนาํ หลกั การเตรยี มและการประกอบอาหารประเภทสาํ รบั มาประยกุ ตใ ชใ นการจดั รายการอาหารแตล ะมอื้ ของตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั
ไดอ ยา งเหมาะสม
• ใหนักเรียนฝก ปฏบิ ัติการจัดและตกแตงอาหารประเภทสาํ รบั โดยนาํ ความรทู างศิลปะมาประยุกตใชอยางสรา งสรรค
T46
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
¤ÇèѴÍÒËÒûÃÐàÀ·ÊÓÃѺ ๑ อาหารประเภทสาํ รับ ขน้ั นาํ
Í‹ҧäà à¾×èÍãËŒ¼ÙŒºÃÔâÀ¤ä´Œ
ÃѺ»ÃÐ⪹͋ҧ¤ØŒÁ¤‹ÒáÅÐ ทง้ั เดคก็ ร วอยับรคนุ่ ร ัววไยั ทผยใู้ หในญส ่ มวยััยชกร่อาน1 มซง่ึีกแาตรอล่ ะยวู่รยั่ว มแกตันล่ ขะคอนงคมนคี วหาลมาชยอวบัย ข้นั ท่ี 1 กระตุน ความสนใจ
¶Ù¡ËÅ¡Ñ ÊØ¢Í¹ÒÁÑ ในอาหารที่แตกต่างกัน การประกอบอาหารในแต่ละม้ือจึงต้อง
มีความหลากหลาย เพ่ือให้สมาชิกในครอบครัวได้รับประทาน 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “จากภาพท่ีนักเรียนได
เอพาหียงาพรทอ่ีดตี ่อมคีปวราะมโตยช้อนงก์ าถรูกขสอุขงอรน่าางมกัยา ยม2 ีคดว้วายมเหเหตมุนา้ี ะสจมึงก ่อแใลหะ้ ดูไปนั้นจะเรียกการจัดอาหารในลักษณะน้ี
เกดิ วฒั นธรรมการบรโิ ภคอาหารประเภทสา� รบั ขน้ึ วา “อาหารประเภทสํารบั ” โดยคําวา “สาํ รับ”
หมายถึง ภาชนะ เชน ถาดใสถ วยชามพรอม
๑.๑ ความสา� คัญของอาหารประเภทส�ารบั บรรจุอาหารคาว หรืออาหารหวานเปนชุด
ซ่งึ จะเรียกวา “สํารบั คาว” หรอื “สาํ รบั หวาน”
อาหารประเภทส�ารบั เปน็ การจดั อาหารที่หลากหลายชนิด สว น “อาหารสํารับ” หมายถงึ การจดั อาหาร
ให้อยู่ในส�ารับเดียวกัน ส�ารับอาหารไทยแต่ละมื้อถูกจัดข้ึน หลากหลายชนดิ ใหอ ยใู นสาํ รบั เดยี วกนั อาหาร
อย่างพิถีพิถัน กับข้าวทุกจานที่จัดขึ้นต้องมีความสัมพันธ์กัน ทนี่ าํ มาจดั ตอ งมคี วามหลากหลายและอดุ มไป
โดยนิยมจัดส�ารับให้มีความสมดุลกัน หากส�ารับใดมีอาหาร ดว ยคณุ คา ทางอาหารครบถว นทงั้ 5 หมู สาํ รบั
จานเปรี้ยวจะต้องมอี าหารจานหวานกนิ แก้รสกนั ม้อื ใดมีอาหาร อาหารไทยในแตละมื้อถูกจัดขึ้นอยางพิถีพิถัน
จานเผ็ดจะตอ้ งมอี าหารจานเคม็ และแกงจดื รวมอย่ดู ว้ ย นบั เป็น สะทอนใหเห็นถึงเอกลักษณและภูมิปญญา
เอกลกั ษณท์ างภมู ปิ ญ ญาของคนไทยในการสรา้ งสรรคเ์ มนอู าหาร ของคนไทยในการรังสรรคอาหารตางๆ ใหมี
ให้มีรสชาติอร่อยและอุดมไปดว้ ยคณุ คา่ ทางโภชนาการ อาหาร รสชาตอิ รอ ย ทงั้ ยงั อดุ มไปดว ยคณุ คา ทางสาร
ประเภทสา� รบั มคี วามสา� คญั ดงั น้ี อาหารครบถว นอกี ดวย”
๑. สะท้อนให้เห็นถึงวิถีการด�ารงชีวิตและวัฒนธรรม
การบรโิ ภคอาหารของคนไทย 5. ครูถามนกั เรียนวา
๒. ได้รับประทานอาหารที่หลากหลายและได้รับสาร • นักเรียนเคยจัดอาหารประเภทสํารับ หรือ
อาหารทจี่ า� เปน็ ตอ่ รา่ งกายครบถว้ นทงั้ ๕ หมู่ รบั ประทานอาหารประเภทสาํ รบั บา งหรอื ไม
๓. ชว่ ยใหร้ า่ งกายเจรญิ เตบิ โต ซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอ อยา งไร
เสรมิ สรา้ งภมู ติ า้ นทานโรค ใหพ้ ลงั งานและความอบอนุ่ แกร่ า่ งกาย (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
๔. มีความสะดวกสบายในขณะรับประทานอาหาร ไดอยางอิสระ เชน เคยรับประทานอาหาร
หรือขณะบรกิ ารอาหาร เนอ่ื งจากอาหารถูกจัดวางอยู่ในภาชนะ ประเภทสํารับ เนื่องจากครอบครัวอาศัย
ทเ่ี หมาะสม อยูด วยกนั หลายคนและหลายวัย คุณแมจ งึ
จัดอาหารประเภทสํารับใหสมาชิกทุกคนได
สาระการเรยี นรูแกนกลาง รบั ประทานอาหารอยา งหลากหลาย เพือ่ ให
ไดค ุณคาทางโภชนาการครบถวน)
■ ขน้ั ตอนการทํางานทม่ี ปี ระสิทธิภาพ เปน การปฏบิ ัติตามกระบวนการทํางาน โดยการทาํ ตามลาํ ดบั ข้ันตอน มคี วามสามารถทาํ งานสาํ เรจ็ ตาม • เพราะเหตุใดคนไทยจึงนิยมบริโภคอาหาร
เปาหมายที่วางไว หลายอยางใน 1 มอื้
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
■ ทกั ษะการทาํ งานรว มกนั เปน การสรา งใหผ เู รยี นสามารถทาํ งานและอยรู ว มกนั ไดอ ยา งมคี วามสขุ และมคี ณุ ธรรม เชน การเตรยี ม ประกอบอาหารประเภทสาํ รบั ไดอ ยางอสิ ระ เชน เพือ่ ใหไดรับสารอาหาร
ครบถวนท้ัง 5 หมู ไดบริโภคอาหารอยาง
■ ทกั ษะการจดั การ เปนการจัดระบบงานและระบบคน เพ่ือใหทาํ งานสําเรจ็ ตามเปา หมายอยางมปี ระสทิ ธิภาพ อาหารประเภทสํารับ ๓9 หลากหลาย เพื่อไมใหเกิดความเบ่ือหนาย
ในการรับประทานอาหาร)
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
อาหารประเภทสาํ รบั มคี วามสําคัญตอ คนไทยอยา งไร 1 วยั ผใู หญ วัยชรา เปน ชวงวยั ที่รา งกายจะเริ่มหยุดการเจรญิ เตบิ โต อวยั วะ
1. เปน อาหารท่รี สชาตถิ กู ปากคนไทย ตา งๆ ภายในรา งกายเรมิ่ มกี ารเปลยี่ นแปลงและสกึ หรอ ความตอ งการรบั ประทาน
2. เปนอาหารทเ่ี หมาะสมกับคนไทยทอ่ี ยูในชวงวยั เจริญพันธุ เนอื้ สัตว ไข นม ขาว ไขมนั จะลดนอยลง ผูท่อี ยูในชวงวยั น้ี (อายุ 20 ป ข้ึนไป)
3. เปนอาหารทม่ี คี ณุ ภาพและมีราคาถกู กวาอาหารจานเดียว ควรเลือกรับประทานผักและผลไมใหมากข้ึน เพ่ือใหรางกายไดรับวิตามินและ
4. เปนอาหารทมี่ ีคุณคาทางโภชนาการและมคี วามหลากหลาย เกลอื แรใ นปรมิ าณทเ่ี หมาะสม ซง่ึ จะชว ยใหร ะบบขบั ถา ยสามารถทาํ งานไดอ ยา ง
มีประสิทธิภาพ
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะอาหารประเภทสาํ รบั จะแสดง 2 มีความเหมาะสม และเพียงพอตอความตองการของรางกาย อาหารนับ
ใหเ ห็นถงึ วถิ ีชีวติ ความเปน อยขู องคนไทยในภูมภิ าคตางๆ รวมถึง เปนส่ิงที่จําเปนและสําคัญตอการเจริญเติบโตและการทํางานของอวัยวะตางๆ
วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยท่ีมีมาอยางยาวนาน ภายในรางกาย การไดรับสารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอตอความตองการ
อาหารไทยมีใหเลือกรับประทานอยางหลากหลาย ซ่ึงจะสงผล ของรา งกายในแตล ะวยั นนั้ จะสง ผลทาํ ใหร า งกายเจรญิ เตบิ โตและมพี ัฒนาการ
ทาํ ใหผ บู ริโภคไดรบั สารอาหารทีม่ ีประโยชน จาํ เปน และเพยี งพอ ตามวยั ทเ่ี หมาะสม ไมว า จะเปน พฒั นาการทางดา นรา งกาย พฒั นาการทางดา น
ตอความตอ งการของรา งกายในแตล ะวนั มีคุณคา ทางโภชนาการ อารมณ พัฒนาการทางดานสติปญญา ฯลฯ
ครบถว นทงั้ 5 หมู ในทุกมื้ออาหาร)
T47
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๑.๒ หลกั การเตรียมและการประกอบอาหารประเภทส�ารบั
ขัน้ ที่ 2 สาํ รวจและคน หา การประกอบอาหารประเภทสา� รบั สามารถดดั แปลง หรอื ปรบั เปลยี่ นไดต้ ามความเหมาะสม
การเตรยี มและการประกอบอาหารควรยดึ หลกั การทจ่ี ะชว่ ยใหอ้ าหารแตล่ ะมอื้ มคี ณุ คา่ ทางโภชนาการ
1. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอื่ ง อาหารประเภทสาํ รบั ทเี่ พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกายในแตล่ ะวนั
จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 3 หรือ
ศกึ ษาเพิ่มเตมิ จากอินเทอรเ นต็ ๑) หลักการก�าหนดรายการอาหาร การก�าหนดรายการอาหารในแต่ละมื้อ เพื่อให้
2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับอาหาร ผรู้ บั ประทานอาหารเกดิ ความพงึ พอใจ ควรจดั รายการอาหารไวล้ ว่ งหนา้ อยา่ งนอ้ ย ๒ สปั ดาห ์ หรอื
ประเภทสํารับ จาก PowerPoint ม.3 หนวย ๑ เดือน หรอื อย่างน้อยทสี่ ดุ ๑ สัปดาห์ โดยหลกั เกณฑ์ในการกา� หนดรายการอาหาร มีดังน้ี
การเรียนรูท่ี 3
คุณคา่ ทางโภชนาการ ฤดูกาลของอาหาร หลกั เศรษฐกจิ
3. ครถู ามนักเรียนวา
• อาหารมคี วามสาํ คญั ตอ รางกายอยา งไร ก�าหนดรายการอาหารให้มี เลอื กใหเ้ หมาะสมกับฤดกู าล คา� นึงถึงรายได้ ความพอเพียง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ คุณคา่ ครบถ้วนและเพยี งพอ เพื่อใหไ้ ด้อาหารท่สี ดใหม่ แรงงาน อปุ กรณอ์ �านวยความ
ไดอยางอิสระ เชน ชวยใหรางกายเจริญ ตอ่ ความต้องการของรา่ งกาย มคี ณุ ค่า อรอ่ ย และราคาไมส่ ูง สะดวก เงนิ และเวลาร่วมดว้ ย
เติบโตสมวัย ชวยซอมแซมสวนที่สึกหรอ
ใหพลังงานและความอบอุนแกรางกาย ชนดิ ของอาหาร ความหลากหลายของอาหาร
ชว ยใหอวยั วะตา งๆ ภายในรา งกายทาํ งาน อาหารต่างชนิดกัน ไม่มี ควรมคี วามหลากหลาย
ไดอยางมีประสิทธิภาพ ชวยเสริมสราง อาหารซ้�ากนั และไมท่ า�
ภูมิตานทานโรคใหแกรางกาย ดังน้ัน ทัง้ ในเรอ่ื งของรสชาติ รปู ร่าง
จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณคา อาหารชนดิ เดียวกนั สสี ัน กล่นิ และผวิ สัมผัส
ครบถวนและมีปริมาณเพียงพอตอความ
ตองการของรางกายในแตล ะวัน) หลกั การกาํ หนด
• การกําหนดรายการอาหารในแตละมื้อควร รายการอาหาร
คาํ นึงถงึ สง่ิ ใดเปน สาํ คัญ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ งบประมาณ สภาพแวดล้อม
ไดอยางอิสระ เชน คํานึงถึงคุณคาทาง ต้ังงบในการซอ้ื อาหาร ไม่ควร สถานทป่ี ระกอบอาหารมคี วาม
โภชนาการท่ีจะไดรับ ปริมาณสารอาหารท่ี สะอาด ปราศจากฝุน ละออง
เหมาะสมกับเพศ วัย อายุ อาชีพ กิจกรรม จา่ ยเกินวงเงนิ ที่กา� หนดไว้
ของแตล ะบคุ คล ชนดิ และความหลากหลาย โดยต้องใชจ้ า่ ยอยา่ งคุ้มคา่ ไม่มีกลิ่นเหมน็ รบกวน
ของอาหาร งบประมาณในการซื้ออาหาร)
• นักเรียนคิดวาในแตละชวงวัยตองการ เวลา หรอื มื้ออาหาร ผู้รบั ประทานอาหาร การจัดอาหาร
ปริมาณและสารอาหารที่เหมือน หรือ พิจารณาอายุ เพศ วัย อาชพี ไม่จัดอาหารทมี่ ีคนชอบ
แตกตา งกนั หรอื ไม อยา งไร มคี วามเข้าใจในการเลอื ก กิจกรรม และความต้องการ และไมช่ อบในมอ้ื เดยี วกัน
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ชนิดของอาหารใหเ้ หมาะสม ควรเปลีย่ นแปลงอาหาร
ไดอยางอิสระ) ทางโภชนาการของ
ส�าหรบั การรับประทาน แตล่ ะบุคคล อยู่เสมอ
ในแต่ละม้ือ
4๐
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพของคนไทย “มีนามีนองชายอายุ 8 ป” หากตองการประกอบอาหารให
ใหนกั เรียนฟง วา สขุ ภาพท่ีดีมผี ลมาจากการรบั ประทานอาหาร ผทู ่ีมสี ุขภาพดี นองชายรับประทาน มีนาควรเลือกประกอบอาหารตามขอใด
ยอ มทาํ งานไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพและมปี ระสทิ ธผิ ล ซง่ึ เปน พน้ื ฐานในการพฒั นา จึงจะเหมาะสมท่สี ุด
สงั คมและประเทศชาตใิ หเ จรญิ กา วหนา ซงึ่ การบรโิ ภคอาหารเพอ่ื สขุ ภาพสามารถ
ปฏิบัติไดโดยรบั ประทานอาหารใหครบทัง้ 5 หมู แตละหมูใหห ลากหลาย และ 1. ตบั ไกท อดกระเทียม
หม่ันดูแลน้ําหนักตัวเสมอ รับประทานขาวเปนหลักสลับกับอาหารประเภทแปง 2. แกงสมปลากะพง
เปน บางม้อื รับประทานผัก ผลไม ปลา เนื้อสตั วไมตดิ มัน ไข และถั่วเมลด็ แหง 3. แกงจดื ลกู รอก
เปนประจํา ด่ืมนมใหเหมาะสมตามวัย รับประทานอาหารท่ีมีไขมันแตพอควร 4. น้ําพรกิ หนมุ
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารท่ีมีรสหวานจัดและมีรสเค็มจัด รับประทาน
อาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปอน รวมถึงงด หรือลดบริโภคเคร่ืองด่ืมที่มี (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะนองชายของมีนาอยใู นชว ง
แอลกอฮอล วัยเด็ก (อายุ 7-12 ป) เปนวัยที่รางกายกําลังเจริญเติบโต ควร
รับประทานอาหารท่ีมีรสชาติออนๆ ไมจัดจาน และจําเปนตอง
T48 รับประทานไข เน้ือสตั ว ผกั ผลไม และด่มื นมเปน ประจําทกุ วนั
เพ่ือเสริมสรางสุขนิสัยท่ีดีในการรับประทานอาหาร และเพ่ือให
พฒั นาการในดานตา งๆ เปน ไปอยางมปี ระสิทธภิ าพ)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
Know More ขน้ั สอน
¡¹Ô à·Ò‹ äö֧¨Ð¾Í´Õã¹ ñ ǹÑ
อาหารเปนส่ิงสําคัญและจําเปนตอการดํารงชีวิตของมนุษย ความตองการอาหารท้ังในดานของ ข้ันท่ี 2 สาํ รวจและคนหา
ปริมาณและสารอาหารแตกตางกันไปตามแตละชวงวัย การรับประทานอาหารในปริมาณที่เพียงพอ 4. ครูใหน กั เรยี นศึกษา เรอื่ ง กินเทาไรถงึ จะพอดี
ตอ ความตองการของรา งกายจะชวยใหม สี ุขภาพรางกายทีแ่ ขง็ แรง สง ผลใหม สี ขุ ภาพจติ ท่ดี ีตามไปดวย ใน 1 วนั ในกรอบ Know More จากหนงั สอื เรยี น
หนว ยการเรยี นรูที่ 3
¹Á1 »ÃÔÁÒ³·àèÕ ËÁÒÐÊÁã¹ ñ Çѹ
5. ครูถามนกั เรยี นวา
ñ-ò á¡ŒÇ à¹×éÍÊµÑ Ç ¹Á à¹×éÍÊµÑ Ç • เพราะเหตุใดจึงตองรับประทานอาหารให
ö ªÍŒ ¹âµÐ ñ á¡ÇŒ ù ªÍŒ ¹âµÐ ครบทงั้ 5 หมู
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
¢ÒŒ Ç-á»§‡ ¢ÒŒ Ç-á»§‡ ไดอยางอิสระ เชน รางกายของคนเรา
ø ·Ñ¾¾Õ ñð ·Ñ¾¾Õ ตองการสารอาหารตางๆ อยางครบถวน
ซึ่งไมมีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งท่ีใหสาร
¼¡Ñ ¼ÅäÁŒ (ËÇÒ¹¹ÍŒ Â) ¼¡Ñ ¼ÅäÁŒ (ËÇÒ¹¹ÍŒ Â) อาหารตางๆ ครบถวนในปริมาณท่ีรา งกาย
ô-ö ·¾Ñ ¾Õ ó-ô ÊÇ‹ ¹ õ ·Ñ¾¾Õ ô ÊÇ‹ ¹ ตอ งการได จงึ จาํ เปน ตอ งรบั ประทานอาหาร
ใหห ลากหลาย ครบทั้ง 5 หมู และเพยี งพอ
เดก็ อายุ ๖-๑๓ ป วัยรุน ชายและหญงิ ตอ ความตองการของรางกายในแตละวนั )
หญงิ วยั ทาํ งาน ผสู งู อายุ ๑,๖๐๐ แคลอรตี อ วนั ชายวยั ทาํ งาน ๒,๐๐๐ แคลอรีตอ วัน • เพราะเหตุใดจึงควรรับประทานอาหารท่ีมี
ไขมันในปริมาณท่เี หมาะสม
¹Á à¹Íé× ÊµÑ Ç ÊÇ‹ ¹¹¡Õé Êç Ó¤ÑÞ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ñ á¡ŒÇ ñò ªŒÍ¹âµÐ ไดอยางอิสระ เชน การรับประทานอาหาร
ท่ีมีไขมัน หรือคอเลสเตอรอลมากเกินไป
¢ÒŒ Ç-á»§‡ อาจทาํ ใหเ กดิ โรคอว น หรอื โรคอนื่ ๆ ตามมาได
ñò ·¾Ñ ¾Õ เชน โรคหวั ใจ โรคความดันโลหติ สงู )
• นักเรียนคิดวาตนเองรับประทานอาหารได
»ÃÁÔ Ò³â«à´ÂÕ Á2µÍ‹ Ç¹Ñ »ÃÁÔ Ò³ä¢Á¹Ñ 3µÍ‹ Ç¹Ñ เหมาะสมหรอื ไม อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
äÁà‹ ¡¹Ô ò,óðð ÁÅÔ Å¡Ô ÃÁÑ äÁà‹ ¡¹Ô öõ ¡ÃÁÑ ไดอยา งอิสระ)
»ÃÐÁÒ³ ñ ªÍŒ ¹ªÒ »ÃÐÁÒ³ ñö ªÍŒ ¹ªÒ
6. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “คนเราจะมีสุขภาพท่ีดี
¼¡Ñ ¼ÅäÁŒ (ËÇÒ¹¹ÍŒ Â) ไดน้ัน การรับประทานอาหารนับเปนปจจัย
ö ·¾Ñ ¾Õ õ ʋǹ สาํ คญั ลาํ ดบั แรกๆ ซง่ึ จาํ เปน ตอ งมคี วามรทู าง
ดา นโภชนาการและสารอาหาร เพอื่ จะไดเ ลอื ก
ผใู ชแรงงาน »ÃÁÔ Ò³¹Òíé µÒŵ͋ Ç¹Ñ รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน ไดสัดสวน
ชายและหญงิ ๒,๔๐๐ แคลอรตี อ วนั à´¡ç ô ªÍŒ ¹ªÒ ในปริมาณที่เหมาะสมกับความตองการของ
¼ãŒÙ ËÞ‹ ö ªÍŒ ¹ªÒ รางกาย ซึ่งจะเปนการเสริมสรางสุขภาพที่ดี
4๑อาหารประเภทสํารับ และหา งไกลจากโรคภัยไขเจบ็ ”
กิจกรรม สรา งเสริม นักเรียนควรรู
ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับปริมาณอาหาร 1 นม ผทู มี่ อี าการแพน มมกั จะทอ งอดื เนอ่ื งจากรา งกายไมส ามารถยอ ยนา้ํ ตาล
ใน 1 วัน สาํ หรบั คนในชวงวัยตา งๆ จากนั้นเขยี นสรุปขอมูลทไ่ี ด แลกโทส (Lactose) ทีม่ ีอยใู นนมวัว หรือนมแพะได หากผูทแ่ี พน มแตตอ งการ
จากการศกึ ษาลงในกระดาษรายงานในรปู แบบของตาราง ตกแตง ไดร บั แคลเซยี มและโปรตนี จากนม ควรเลอื กดม่ื นมถว่ั เหลอื งสตู รเจ (นมถว่ั เหลอื ง
ใหส วยงาม นาํ สง ครูผูส อน สตู รธรรมดาอาจผสมนมววั ผงลงไป) หรอื เลอื กรบั ประทานโยเกริ ต แทน เนอื่ งจาก
มจี ุลนิ ทรยี ที่ยอยน้ําตาลแลกโทสมาแลวในระดับหนง่ึ
กจิ กรรม ทา ทาย 2 โซเดยี ม สารอาหารชนดิ หนงึ่ ทม่ี คี วามจาํ เปน ตอ รา งกาย ชว ยควบคมุ สมดลุ
ของเหลวในรางกาย ชว ยในการทาํ งานของระบบประสาทและกลา มเน้ือ ดดู ซึม
ใหนักเรียนจัดทําปายนิเทศนําเสนอความรูภายใตหัวขอ สารอาหารบางอยางในไตและลําไสเล็ก ซ่ึงรางกายของคนเราตองการโซเดียม
“กินใหพอดีและกินใหครบ” โดยปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน คือ นอยกวา 2,300 มลิ ลกิ รมั หรือเทากบั นา้ํ ปลา 1 ชอนโตะครง่ึ
วางแผนการปฏิบัติงาน ต้ังจุดประสงคในการจัดทําปายนิเทศ 3 ไขมนั วัยรุนตอ งการไขมนั วันละประมาณ 1 กรมั ตอนํา้ หนักตวั 1 กโิ ลกรัม
เตรยี มเนอื้ หาทเ่ี หมาะสมและสอดคลอ งกบั หวั ขอ ทกี่ าํ หนด จดั เตรยี ม หรือประมาณรอยละ 15-20 ของพลังงานท้ังหมดท่ีไดรับจากอาหารใน 1 วัน
วัสดุ อุปกรณ เครื่องมือ เครื่องใชใหพรอม ออกแบบโครงราง หากเปนผูท่ีตองใชพลังงานมาก ควรไดรับไขมันในปริมาณที่มากกวาปกติ
ปายนิเทศ จดั ทําและจัดแสดงปายนเิ ทศ พรอ มประเมินผลงาน
Tซ่ึงไขมนั ทีไ่ ดจากพชื จะมคี ุณคา ทางโภชนาการมากกวา ไขมนั ทไ่ี ดจ ากเนอ้ื สตั ว
49
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๒) การรับประทานอาหารในแต่ละมอื้ ใน ๑ วัน ควรรับประทานอาหารให้ครบท้ัง
ขนั้ ท่ี 2 สํารวจและคน หา ๓ มือ้ ตามความตอ้ งการของรา่ งกาย และเลอื กรบั ประทานอาหารท่ดี ี มปี ระโยชน ์ เพอ่ื ใหร้ า่ งกาย
เจรญิ เติบโตไดอ้ ยา่ งสมวยั โดยอาหารในแตล่ ะมอ้ื มลี ักษณะทแี่ ตกต่างกนั ดังน้ี
7. ครถู ามนักเรยี นวา
• อาหารในแตล ะม้ือใน 1 วัน ควรมลี ักษณะ ÍÒËÒÃàªÒŒ
อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ เป็นอาหารมื้อส�าคัญท่ีสุด ควรเป็นอาหาร
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน อาหารเชา ควรเปน อาหาร ท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะท�าให้
ท่ีใหคุณคาทางโภชนาการสูง เนื่องจาก สมองและร่างกายกระปร้ีกระเปร่า เช่น
เปน อาหารมอื้ ทส่ี าํ คญั ทสี่ ดุ อาหารกลางวนั ข้าวตม้ โจ๊ก ผลไม้ นมสด น้�าผลไม้
ควรเปนอาหารท่ีใหพลังงานมากกวามื้อ
อ่ืนๆ เนื่องจากรางกายตองใชพลังงานใน ⨡
การทาํ กจิ กรรมตางๆ ตลอดทงั้ วัน อาหาร
เยน็ ควรเปน อาหารทย่ี อ ยงา ย เนอื่ งจากเปน á¡§à¢ÂÕ ÇËÇÒ¹ ÍÒËÒáÅÒ§Çѹ
ชวงท่ีกระเพาะอาหารทํางานนอยลง และ
อาหารกอนนอน ควรเปนอาหารที่ยอยงาย อาหารมอื้ สา� คัญรองลงมา ควรเปน็ อาหาร
และใหพลังงานนอย เพื่อชวยใหนอนหลับ ทใ่ี ห้พลังงานมากกว่าอาหารม้ืออนื่ เพราะ
สบายมากยิ่งขนึ้ ) ร่างกายต้องใช้พลังงานตลอดท้ังวัน เช่น
• เพราะเหตุใดอาหารม้ือเชาจึงจัดเปนม้ือ ขา้ วผดั ปู ราดหน้า ขนมจีนแกงเขียวหวาน
อาหารท่สี ําคญั ทส่ี ดุ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ¢¹Á·Í§ËÂÍ´ ½Í·ͧ ÍÒËÒÃNjҧ
ไดอยางอิสระ เชน การรับประทานอาหาร
ม้อื เชา จะชว ยเพมิ่ พลงั ใหก บั สมอง สง ผลให ควรเป็นอาหารเบา ๆ ท่ีแทรกระหว่างมื้อ
สมองทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพ ซ่ึงจะ อาหารหลกั แบ่งเป็น ๓ ช่วง คอื อาหาร
สง ผลใหร า งกายเกดิ ความรสู กึ กระปรกี้ ระเปรา ว่างเช้า อาหารว่างบ่าย และอาหารว่าง
จึงควรรับประทานอาหารมื้อเชาใหครบ กอ่ นนอน เช่น ขนมไทย ชา กาแฟ ผลไม้
ทงั้ 5 หมู เพ่ือใหไ ดรบั สารอาหารครบถว น
ในปรมิ าณทเี่ หมาะสมตามทร่ี า งกายตอ งการ 4๒ 2 1 1 จานอาหารเพือ่ สุขภาพ
ในแตละวนั โดยเนน บรโิ ภคอาหารประเภท
คารโบไฮเดรตเชิงซอน เชน ขาวตม หรือ
โจกขาวกลอง ขนมปงโฮลวีต รวมไปถึง
ผลไมแ หง หรอื ผลไมสดตางๆ ตามฤดกู าล
และเสริมดวยโปรตีนและไขมันดี เชน ไข
ถั่วเมลด็ แหง นา้ํ เตา ห)ู
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั อาหารมอ้ื เชา ใหน กั เรยี นฟง วา อาหารมอ้ื เชา เปน อาหารในขอใดมีความเหมาะสมท่ีจะนํามารับประทานเปน
อาหารมอื้ แรกของวนั จากการศกึ ษาวจิ ยั ทางโภชนาการพบวา อาหารมอ้ื เชา เปน อาหารวา งบาย
มอ้ื อาหารทสี่ าํ คญั ทส่ี ดุ ของแตล ะวนั เนอ่ื งจากตลอดทง้ั คนื ทน่ี อนหลบั รา งกายไมไ ด
รับอาหาร แตอวัยวะตางๆ ภายในรางกายยังคงทํางานอยู ซึ่งตองใชพลังงาน 1. ขนมจบี กับซาลาเปา
และรา งกายยงั ตอ งใชพ ลงั งานในการสรา งและซอ มแซมสว นทส่ี กึ หรอ พลงั งานที่ 2. โกโกรอนกับนมสดอนุ
มอี ยจู งึ หมดไป ดว ยเหตนุ ี้ เมอื่ ตนื่ เชา รา งกายจงึ ตอ งการพลงั งาน เพอื่ การทาํ งาน 3. มันฝรัง่ ทอดกบั นํ้าอัดลม
ในวนั ใหม หากไมไ ดร บั ประทานอาหารมอ้ื เชา รางกายจะตอ งไปดงึ สารอาหาร 4. สาคูไสหมูกับน้ําสมนุ ไพร
ทส่ี ะสมไวม าใช เมอื่ ขาดพลงั งานจะทาํ ใหร า งกายออ นเพลยี หงดุ หงดิ อาจทาํ ให
เรยี นหนงั สอื ไมร เู รอื่ ง ทาํ งานไดไ มม ปี ระสทิ ธภิ าพ เจบ็ ปว ยงา ย สว นการงดอาหาร (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะอาหารวางเปนอาหาร
มอื้ เชา เพ่อื ลดความอวน หรือไมมีเวลารับประทานเปนสงิ่ ทไี่ มควรปฏิบัติ เพราะ ที่รับประทานในระหวางวัน อาหารท่ีนํามารับประทานควรเปน
อาจกอใหเ กดิ โรคตางๆ ตามมาได เชน โรคอว น โรคเบาหวาน โรคอลั ไซเมอร อาหารท่ีมคี ณุ คาทางโภชนาการ ไมท าํ ใหร ูสกึ อมิ่ มากเกินไป เชน
โรคเสนเลอื ดในสมอง โรคหวั ใจ โรคกรดไหลยอน โรคน่วิ ขนม ผลไม น้าํ สมนุ ไพรตางๆ)
T50
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ÍÒËÒÃà¹ç ขนั้ สอน
เปน็ อาหารม้ือส�าคัญ หลงั จากรบั ประทาน
เสร็จจะเป็นช่วงท่ีกระเพาะอาหารท�างาน ข้นั ที่ 2 สํารวจและคนหา
น้อยลง แจกึงคงจวดืรเปผ็นัดอผาักหยารา� ทไ่ียข่เ่อจยียงว่ายผลเไชม่น1้
แกงเผ็ด ¼Ñ´¼¡Ñ ÃÇÁ¡§ŒØ 8. ครูใหนักเรียนศึกษาการแบงชวงเวลาของ
อาหารในแตละม้ือวามีวิธีการแบงอยางไร
ÍÒËÒá͋ ¹¹Í¹ จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3 เพอื่ ให
เป็นอาหารที่รับประทานหลังอาหารเย็น นกั เรยี นเกดิ ความรู ความเขา ใจเก่ียวกับการ
ควรเปน็ อาหารทย่ี อ่ ยง่าย ใหพ้ ลังงานนอ้ ย แบง ชว งเวลาของอาหารในแตล ะมอื้ มากยงิ่ ขนึ้
เพื่อช่วยให้นอนหลับสบายมากย่ิงข้ึน เช่น
นมสดอนุ่ โกโก้รอ้ น น้�าผลไม้ น�้าเต้าหู้ 9. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “อาหารมื้อเย็นมีความ
สําคัญเทากับอาหารมื้อเชาและอาหารมื้อ
Tip 2 ¹Òíé ᤹µÒÅÙ»»˜›¹ กลางวัน จึงควรจัดอาหารม้ือเย็นใหมีคุณคา
ทางโภชนาการสูง เหมาะสมกับเพศ วัย อายุ
ขนมไทยมงคล อาชพี และสภาพของรา งกายของแตล ะบคุ คล
การประกอบอาหารม้ือเย็นอาจใชเวลาและ
ขนมไทยนอกจากจะขนึ้ ชอ่ื ในเรอื่ งของความอรอ่ ยแลว้ การต้ังช่ือของขนมแต่ละชนิด ขนั้ ตอนมากกวา การจดั อาหารในมอ้ื อนื่ ๆ จาก
ยงั เน้นการตัง้ ช่ือที่มคี วามหมายเปน็ สิรมิ งคลอกี ด้วย เช่น ความเช่ือที่วาการรับประทานอาหารมื้อเย็น
สมาชกิ ในครอบครวั จะอยพู รอ มหนา พรอ มตา
ทองหยบิ ทองเอก ทองหยอด ฝอยทอง มีโอกาสไดรับประทานอาหารรวมกัน จึงจัด
มเี งินทอง ชวี ิตท่เี ปน็ ท่ีหนง่ึ มีเงนิ ทองใช้ มคี วามรัก ปริมาณอาหารและรายการอาหารไวอยาง
ใหห้ ยิบใช้ ท่ยี นื ยาว หลากหลาย ซงึ่ เปน ความคดิ ทไี่ มถ กู ตอ ง โดย
ตลอดกาล ไม่ขาด เม็ดขนุน นักโภชนาการไดใหคําแนะนําไววา อาหาร
จา่ มงกฎุ มคี นคอย ม้ือเย็นควรจัดเปนสํารับใหมีอาหารครบทั้ง
มกี ารเลอ่ื น สนบั สนนุ 5 หมู ซ่ึงอาจเปนอาหารจานเดียวที่ยอย
ต�าแหนง่ งา ย รสชาตดิ ี ไมเล่ยี น ในบางครอบครัวอาจ
4๓อาหารประเภทสํารับ รับประทานอาหารกลางวันเปนอาหารม้ือ
หนกั สว นอาหารมอื้ เย็นสามารถรับประทาน
เปน อาหารเบาก็ไดเ ชน กัน”
10. ครถู ามนกั เรยี นวา
• นักเรียนจะรับประทานอาหารตรงตามการ
แบง ชว งเวลาของอาหารในแตล ะมอื้ หรอื ไม
อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยางอสิ ระ)
• นกั เรยี นจะรบั ประทานอาหารอยา งไรใหถ กู
หลกั โภชนาการ เพื่อการมสี ขุ ภาพที่ดี
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ)
ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
หากตองการจัดอาหารมื้อกลางวันใหสมาชิกในครอบครัว 1 ผลไม เปนอาหารท่ีใหวิตามิน เกลือแร และใหประโยชนเชนเดียวกับผัก
ของตนเองไดรับประทาน ควรจดั อาหารม้อื กลางวนั ในลักษณะใด โดยใน 1 วนั วยั รนุ ควรรบั ประทานผลไมส ดตามฤดกู าลอยา งนอ ยวนั ละ 1-2 ครง้ั
จงึ จะเหมาะสมท่ีสดุ และหลกี เลี่ยงผลไมท ี่มีรสหวานจดั หรอื รบั ประทานเพียงเล็กนอย เชน ทเุ รยี น
มะมว งสกุ องนุ ลาํ ไย ขนนุ นอยหนา ลน้ิ จี่ เงาะ กลวยไข อนิ ทผลัม
(แนวตอบ อาหารมอ้ื กลางวนั จะรบั ประทานในชวงเวลา 11.00- 2 ขนมไทย เอกลกั ษณท โี่ ดดเดน ของขนมไทย คอื การมรี สชาตทิ หี่ วานมนั ซง่ึ
13.00 น. ซึ่งเปนชวงระยะเวลาที่สั้น สวนใหญนิยมรับประทาน ขนมไทยแทจะตองใสกะทิควบคูกับนํ้าตาลเสมอ โดยความมันของกะทิจะชวย
อาหารหลกั เพียงอยา งเดยี ว ไมน ยิ มรบั ประทานอาหารหลายอยาง ลดความหวานของนา้ํ ตาล เมอ่ื นาํ มาจดั วางอยา งเปน ระเบยี บจะมคี วามสวยงาม
เนนอาหารท่ีประกอบและรับประทานไดงาย ดังน้ัน ในการจัด และมกี ลน่ิ หอมอยใู นตัว ชวนใหน า รบั ประทานมากยิ่งขึ้น
อาหารม้ือกลางวันใหสมาชิกในครอบครัวไดรับประทาน จึงจัด
หรือเลือกอาหารประเภทจานเดียว แตอาหารชนิดน้ันตองมี สื่อ Digital
คุณคาทางอาหารครบถวน มีประโยชน และเหมาะสมตามหลัก
โภชนาการ เชน ผดั ไทย กวยเต๋ียวราดหนา ขา วผดั ขา วคลกุ กะป ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกบั 10 อันดับ ผลไมทีม่ นี า้ํ ตาลมากและมีนาํ้ ตาลนอ ย
สุกี้นํ้า และจัดเตรียมผลไมตามฤดูกาลใหรับประทานแทน ไดท ี่ https://www.dek-d.com/board/view/2726151/
ขนมหวาน) T51
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๑อา.๓หา รปไทรยะ1เมภอี ทยดู่ขว้ อยงกอนั าหหลาารก หลายชนดิ และมเี อกลกั ษณท์ แ่ี ตกตา่ งกนั ออกไปในแตล่ ะภมู ภิ าค
ขั้นท่ี 2 สาํ รวจและคน หา
ตามสภาพภมู ศิ าสตร ์ เศรษฐกจิ สงั คม ความเชอ่ื วฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณที สี่ บื ทอด
• นักเรียนทราบหรือไมว า อาหารประเภทสาํ รบั ตอ่ กนั มา โดยชนดิ ของอาหารประเภทสา� รบั แบง่ เปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี
แบงออกเปน ก่ีประเภท
(แนวตอบ อาหารประเภทสาํ รบั สามารถแบง ได ๑) อาหารคาว เป็นอาหารทป่ี ระกอบด้วยรสชาติหลัก ๆ ๔ รสชาติ ไดแ้ ก ่ เค็ม หวาน
2 ประเภท ไดแ ก อาหารคาวและอาหารหวาน) เปร้ยี ว และเผ็ด อาหารคาวโดยทัว่ ไปแบ่งตามลกั ษณะขั้นตอนการปรงุ เชน่ ตม้ ผดั แกง ทอด
หลน ยา� โดยในสา� รบั อาจมเี ครอ่ื งจิ้มและเครือ่ งเคียงอยู่ดว้ ย
11. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอ่ื ง ประเภทของอาหาร
จากหนงั สือเรยี น หนวยการเรียนรูท ี่ 3 หรือ »Åҡо§2ÂÒ‹ § ¹éíÒ¾Ã¡Ô ÍÍ‹ §
ศึกษาเพ่ิมเติมจากอนิ เทอรเน็ต
๒) อาหารหวาน เปน็ อาหารทร่ี บั ประทานตามหลงั อาหารคาว นยิ มรบั ประทานเปน็ ของ
12. ครูใหน ักเรียนศึกษาเพมิ่ เตมิ เก่ียวกับประเภท
ของอาหาร จาก PowerPoint ม.3 หนวย วา่ ง อาหารหวานโดยทวั่ ไปจะแบง่ ตามลกั ษณะของเครอื่ งปรงุ ขน้ั ตอนการปรงุ และการหงุ ตม้ เชน่
การเรียนรูท่ี 3 ประเภทไข ่ นงึ่ ตม้ กวน อบและผิง ทอด ปง เชอื่ ม ฉาบ น�้ากะทิ นา้� เชือ่ ม บวด แช่อ่มิ
13. ครนู าํ ภาพอาหารคาวและอาหารหวานประเภท ¢¹Áªé¹Ñ ÅÍ´ª‹Í§¹íÒé ¡Ð·Ô
ตา งๆ มาใหน กั เรยี นดู พรอ มทง้ั อธบิ ายลกั ษณะ
ของอาหารทงั้ 2 ประเภท ใหน กั เรยี นฟง เพอื่ ให Tip
นักเรียนเกิดความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
อาหารคาวและอาหารหวานมากยงิ่ ข้ึน กนิ อาหารหวานอย่างไรไม่ใหอ้ ้วน
14. ครถู ามนักเรยี นวา อาหารหวานแต่ละชนิดจะมีน�้าตาลเป็นส่วนประกอบหลัก หากรับประทานในปริมาณ
• เครอ่ื งจม้ิ และเครอ่ื งเคยี งมลี กั ษณะทเ่ี หมอื น ท่ีมากเกินไปอาจท�าใหเ้ กดิ โรคอว้ นได้ วิธีรบั ประทานอาหารหวานไม่ให้อ้วนสามารถปฏบิ ัติ
หรอื แตกตางกันหรอื ไม อยา งไร ได้หลายวิธี เช่น รับประทานเพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือน้อยกว่านั้นในปริมาณที่เหมาะสม
(แนวตอบ มีลักษณะทีแ่ ตกตา งกนั กลาวคือ รบั ประทานคกู่ บั อาหารท่ีมปี ระโยชน์ ออกกา� ลงั กายควบคอู่ ย่างสมา�่ เสมอ
เคร่ืองจิ้ม เปน กบั ขา วของไทยประเภทหนึ่ง
ซึ่งเคร่ืองจิ้มแบบพื้นๆ ท่ีทุกคนรูจักเปน 44
อยา งดี คอื นา้ํ พรกิ และหลน โดยมเี ครอ่ื งจมิ้
เปนผักนานาชนิดท่ีมีอยูในทองถ่ินน้ันๆ
นอกจากน้ี ยงั มอี าหารวา งทถี่ อื เปน เครอื่ งจมิ้
เชนเดียวกัน เชน สะเดานํ้าปลาหวาน
หมูสะเตะ ขาวตังหนาต้ัง สวนเครื่องเคียง
เปนอาหารที่รับประทานคูกับอาหารอีก
อยางหนึง่ เชน ขนมจนี น้าํ พริกมผี กั สดเปน
เคร่ืองเคียง ขาวแชมีไชโปผัด กะปทอด
เปนเครื่องเคียง ขาวคลุกกะป มีหมูหวาน
กุงแหง ทอดเปนเคร่อื งเคียง)
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด
1 อาหารไทย เปนอาหารท่ีถูกประกอบขึ้น เพ่ือใหมีรสชาติที่กลมกลอม เพราะเหตุใดจึงควรเลือกจัดอาหารประเภทสํารับใหสมาชิก
เขมขน และจัดจาน มกี ารนาํ เคร่ืองปรุงหลายอยา งมาใชในการประกอบอาหาร ในครอบครวั ไดร บั ประทาน
โดยอาหารจะถูกประกอบขนึ้ อยา งงา ยๆ ดว ยวิธีการทีห่ ลากหลายอยางพถิ พี ถิ นั
และประณตี ในทุกข้นั ตอน เพือ่ ใหไดอาหารที่มคี ุณภาพ รสชาตดิ ี และถูกปาก 1. ตอ งการแสดงใหเ หน็ ถงึ ความสามารถในการประกอบอาหาร
ผูรบั ประทาน 2. ไดร บั คณุ คา ทางอาหารจากการรบั ประทานอาหารทหี่ ลากหลาย
2 ปลากะพง เปนปลาท่ีมีไขมันตํ่าเม่ือเทียบกับปลาทะเลชนิดอ่ืน กลาวคือ 3. สมาชิกในครอบครัวไดใชเวลาในการรับประทานอาหาร
ไขมนั 2-4 กรมั ตอ เน้ือปลา 1 ขดี มโี อเมกา 3 มาก เม่อื เทยี บกบั ปลาทะเล
ดวยกัน การรับประทานปลากะพงจะไดรับประโยชนหลายประการ เชน รวมกนั
ลดนาํ้ หนกั เพราะใหพ ลงั งานนอ ยกวา เนอ้ื สตั วป ระเภทอนื่ บาํ รงุ สมอง กรด DHA 4. พัฒนาความคิดริเร่ิมสรางสรรคในการจดั และตกแตงสํารับ
(Docosahexaenoic Acid) ในปลาจะชว ยพฒั นาสมอง ความจาํ และการเรยี นรู
ชว ยใหผ วิ พรรณผอ งใส โอเมกา 3 ในปลาจะชว ยบาํ รงุ ผวิ พรรณและการไหลเวยี น อาหาร
เลอื ดในรา งกาย
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะการจัดอาหารประเภทสาํ รบั
T52 จะชวยใหผูรับประทานอาหาร หรือสมาชิกในครอบครัวไดรับ
ประทานอาหารทด่ี ี มปี ระโยชน สะอาด ถกู หลกั โภชนาการ มคี วาม
หลากหลาย ทําใหไ ดรบั คณุ คา ทางอาหารทเ่ี หมาะสม)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑.๔ หลกั การจดั รายการอาหารแตล่ ะม้ือ ขนั้ สอน
รายการอาหารสา� รบั ไทยในแต่ละมอ้ื ควรจัดชนิดของอาหารให้ควบคกู่ ัน อาหารท่ีรบั ประทาน ขน้ั ที่ 2 สาํ รวจและคนหา
ร่วมกนั ควรมีรสชาตทิ ่ีแตกตา่ งกนั หากรับประทานอาหารรสชาตเิ ดยี วกนั จะทา� ใหอ้ าหารมคี วาม
อร่อยลดน้อยลง โดยอาหารทน่ี ิยมนา� มารบั ประทานควบคกู่ ันมหี ลายชนิด เชน่ 15. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอ่ื ง หลกั การจดั รายการ
อาหารแตล ะม้ือ จากหนงั สือเรียน หนว ยการ
เรยี นรทู ี่ 3 หรอื ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็
16. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั หลกั การ
จดั รายการอาหารแตล ะมอื้ จาก PowerPoint
ม.3 หนว ยการเรียนรทู ี่ 3
+ µŒÁÂíÒ ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู
¢ÒŒ ǼѴ á¡§¨×´ ä¡·‹ Í´ 17. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ใหแ ตล ะ
กลมุ รว มกนั อภปิ รายแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็
+ 䢵‹ ÁŒ เกย่ี วกับหลกั การจัดรายการอาหารแตละม้ือ
á¡§¨×´ ¼Ñ´¾ÃÔ¡ »ÅÒ·Í´ 18. ครูนําภาพอาหารไทยมาใหนักเรียนดู โดย
ติดภาพไวบนกระดาน เชน ตมยํากุง
+ 4๕อาหารประเภทสํารับ ปก ไกท อด นาํ้ พรกิ ปลาทู แกงจดื เตา หู จากนนั้
ใหส มาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั ระดมความคดิ วา
¢¹Á¨Õ¹ ¹íéÒÂÒ/ᡧ༴ç รายการอาหารดงั กลา วควรจดั ใหร บั ประทาน
ควบคูกับรายการอาหารชนิดใด โดยให
+ นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน
ออกมาเขียนรายการอาหารใหตรงกับภาพ
à¤ÃÍ×è §¨ÁÔé ¡§ØŒ à¼Ò ที่ครูนาํ มาติดไว
19. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา “การจดั รายการอาหาร
สาํ รบั ไทยในแตล ะมอื้ ควรจดั ประเภทของอาหาร
ใหควบคูกัน อาหารท่ีรับประทานคูกันควรมี
รสชาตทิ ่แี ตกตางกนั เชน เปรยี้ วรับประทาน
กับหวาน เผ็ดรับประทานกับเค็ม การจัด
อาหารที่มีรสชาติเดียวกันและรับประทาน
ดว ยกนั จะทาํ ใหร สชาตคิ วามอรอ ยของอาหาร
ลดนอ ยลง รวมถึงตองจัดอาหารใหมีคุณคา
ทางโภชนาการครบถว นอีกดว ย”
20. ครถู ามนักเรยี นวา
• ประโยชนข องการจดั อาหารแตล ะมอ้ื คอื สง่ิ ใด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอสิ ระ)
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
การจัดอาหารในขอ ใดสมั พนั ธก นั ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการจัดรายการอาหารแตละมื้อใหนักเรียน
1. ขา วคลุกกะปก ับหมูหวาน ฟงวา ในการจัดอาหารไทยแบบสํารับใน 1 มอื้ จะตอ งพจิ ารณาเรอ่ื งชนิดและ
2. แกงสมชะอมไขก ับตมยํากุง รสชาติของอาหารใหมีความแตกตางกัน เพราะหากอาหารมีรสชาติเดียวกัน
3. นาํ้ พริกมะขามกบั แกงค่วั สับปะรด ท้ังหมด จะสงผลใหความอรอยลดนอยลง ทั้งยังตองนําความรูเกี่ยวกับ
4. แกงจืดเตา หูห มูสับกับแกงเลียงกงุ ผักรวม หลักการกําหนดรายการอาหารมาใชควบคูกัน โดยจะตองกําหนดใหมีปริมาณ
สัดสวน และความหลากหลายของอาหารใน 1 ม้ือ มีคุณคาทางโภชนาการ
(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เพราะขาวคลุกกะปเปนอาหาร ท่ีเพียงพอ ปริมาณและสัดสวนของอาหารตองมีความเหมาะสมกับความ
จานเดยี วทน่ี าํ ขา วมาคลกุ กบั กะป จากนน้ั จงึ นาํ ไปผดั ใหส กุ จนเกดิ ตองการของรางกาย รายการอาหารไมควรซ้าํ กนั ในแตล ะมือ้ ของวนั ไมค วรอด
กลนิ่ หอม นยิ มนาํ มารบั ประทานคกู บั เครอื่ งเคยี งตา งๆ เชน หมหู วาน อาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง แตควรรับประทานอาหารใหครบในปริมาณและสัดสวนท่ี
กุงแหงทอดกรอบ ไขเจียวหั่นฝอย กุนเชียงทอด หอมแดงซอย เหมาะสม และเลอื กรบั ประทานอาหารใหเ หมาะสมตามวัย
พริกข้ีหนูซอย มะมวงดิบ (เปรี้ยว) ห่ันฝอย ผักชี และแตงกวา
เพอ่ื เพมิ่ รสชาตคิ วามอรอยใหกับอาหาร)
T53
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๑.๕ ตวั อยา่ งการจัดรายการอาหาร
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู อาหารเปน็ สง่ิ จา� เปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย การไดร้ บั สารอาหารทเี่ หมาะสมจะทา� ให้
ร่างกายเจริญเติบโตและมีพัฒนาการท่ีดี การจัดรายการอาหารเป็นการก�าหนดอาหารที่จะบริโภค
21. ครูเนนยํ้าใหนักเรียนเขาใจวา “ในการจัด ไวล้ ว่ งหนา้ อาจเปน็ ๑ วนั หรอื ๑ สปั ดาห ์ ขน้ึ อยกู่ บั วตั ถปุ ระสงคข์ องผจู้ ดั เปน็ หลกั ดงั ตวั อยา่ ง
รายการอาหารแตล ะมอ้ื เพ่อื ใหผ ูรบั ประทาน
เกดิ ความพงึ พอใจไดน น้ั ควรคาํ นงึ ถงึ หลกั การ ตวั อยา่ ง การจัดรายการอาหารแต่ละมอ้ื ใน ๑ วนั
สาํ คัญตางๆ คอื อาหารแตละประเภทควรมี
รสชาตทิ ี่ไมซ ํ้ากัน สี รปู รา ง และลกั ษณะของ ð÷.ðð ¹. ñô.ðð ¹.
อาหารควรจัดใหมีความหลากหลายและ
สวยงาม เพื่อดึงดูดสายตาและอารมณของ •ÍÒขËา้ Òว1Ãตàม้ ªไÒŒ ก่ ÍÒËÒÃÇÒ‹ §ºÒ‹ Â
ผูรับประทาน ทําใหเกิดความสุข กระตุน
ใหอยากรับประทานอาหารเพิ่มมากข้ึน • นมสด • ขนมปังไสล้ กู เกด
สภาพแวดลอมเปนองคประกอบสําคัญที่ • นมถว่ั เหลอื ง
ทาํ ใหจ ติ ใจสบาย เชน ภาชนะทน่ี าํ มาใสอ าหาร
ควรมีความสะอาด เมื่อมองแลวสบายตา ñð.ðð ¹. ñø.ðð ¹.
และไมเปนอันตรายในขณะใชงาน สถานท่ี
ประกอบและรบั ประทานอาหาร ควรปราศจาก ÍÒËÒÃÇÒ‹ §àªÒŒ ÍÒËÒÃà¹ç
ฝุน ละออง จดั อยูใ นสถานที่ทีเ่ หมาะสม ไมมี
กลิ่นเหม็นรบกวน เปนอาหารท่ีสมสวน มี • ขนมป้นั สบิ น่ึง • ข้าวสวย แกงจดื วนุ้ เส้น
ปริมาณที่เพียงพอตอความตองการของ • น�า้ ส้มคั้น • ปลาทอด ยา� เห็ด องุ่น
รางกายในแตละวนั ”
ñò.ðð ¹. òñ.ðð ¹.
22. ครถู ามนักเรยี นวา
• นกั เรยี นสามารถจดั รายการอาหารแตล ะมอ้ื ÍÒËÒáÅÒ§Çѹ ÍÒËÒÃÇÒ‹ §¡Í‹ ¹¹Í¹
ใหกับสมาชิกในครอบครัวของตนเองได
หรอื ไม อยางไร • ราดหน้าทะเล • น้า� ผลไม้
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ • ผลไมต้ ามฤดกู าล • เคร่อื งด่ืมร้อน
ไดอ ยา งอิสระ)
Trick : การท�าขาวตม ใหอร่อย
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา ใจ การท�าข้าวตม้ ให้เมด็ ข้าวออ่ นนมุ่ สามารถทา� ไดง้ ่าย ๆ ดังนี้
• ข้าวเก่า น�าข้าวมาซาวน้�า เติมน้�าลงในหม้อให้มากกว่าข้าว ใช้ไฟแรงและคนบ่อย ๆ จะช่วยให้
23. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันจัดรายการ เมด็ ขา้ วสกุ งา่ ยและออ่ นนุ่ม
อาหารแตละมอื้ ใน 1 วนั และรายการอาหาร • ข้าวใหม่ น�าข้าวมาซาวน้�า ตั้งน�้าให้เดือดจึงใส่ข้าวลงไปและคนบ่อย ๆ เม็ดข้าวจะสุกง่ายและ
แตล ะมอ้ื ใน 1 สปั ดาห โดยนกั เรยี นอาจศกึ ษา อ่อนนุ่ม
จากตวั อยา งการจดั รายการอาหารเพม่ิ เตมิ ได • หากต้องการเพิ่มความเหนียวให้ผสมข้าวเหนียวลงไปในอัตราส่วน ๑๐ : ๑ เช่น ข้าวหอมมะล ิ
จากหนงั สอื เรยี น หนวยการเรยี นรูที่ 3 หรือ ๑๐ สว่ น ต่อข้าวเหนียว ๑ ส่วน
ศกึ ษาเพ่ิมเติมจากอินเทอรเน็ต
4๖
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 ขาว เปนอาหารหลักของคนไทย มีหลายชนิด ขาวทุกชนิดลวนมีคุณคา ขอใดเปนการจัดรายการอาหาร 1 วัน ที่เหมาะสําหรับเด็ก
และประโยชนมากนอยแตกตางกันไป การรับประทานขาวควรคํานึงถึงคุณคา ในวัยเรียนมากท่สี ุด
ทางโภชนาการท่ีจะไดรับ เพ่ือจะไดรับประโยชนจากการรับประทานขาว
อยางเต็มที่ เชน ขาวขาว เปนขาวท่ีถูกขัดสีคอนขางมาก ทําใหคุณประโยชน 1. โกโกร อ น ขา วไขเ จยี ว สกุ แี้ หง
ของขา วลดนอ ยลง แตเ ปน ขา วทไี่ ดร บั ความนยิ มมากกวา ขา วชนดิ อน่ื ๆ เพราะมี 2. ขา วเหนียวหมูปง ยําวนุ เสน นาํ้ เตา หู
ความออ นนมุ มากกวา นอกจากน้ี ยงั มคี ารโ บไฮเดรตสงู ถงึ 71-77% ซงึ่ ทาํ หนา ที่ 3. นมสด ขนมปงสังขยา ตม ยําปลากะพง
ใหพลังงานแกร างกาย มีวิตามินบี 1 ชว ยปอ งกันโรคเหนบ็ ชา และวิตามนิ บี 2 4. ขาวตม กุง กวยเตีย๋ วราดหนา ขา วแกงเขียวหวานไก
ชวยปอ งกันโรคปากนกกระจอก
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เพราะเดก็ ในวยั เรยี นควรรบั ประทาน
ส่ือ Digital อาหารใหค รบถว นตามทรี่ า งกายตอ งการภายใน 1 วนั อาหารมอื้ เชา
ควรเปนอาหารท่ีมีคุณคาทางโภชนาการสูง อาหารม้ือกลางวัน
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชนของขาวแตละชนิด ไดที่ http://www. ควรเปนอาหารท่ีใหพลังงานมาก และอาหารม้ือเย็นควรเปน
cpram.co.th/th/knowledge-detail/11/ประโยชนของขา วแตละชนิด อาหารท่ียอยงาย ใหพลังงานต่ํา แตมีคุณคาทางอาหารครบถวน
ดงั นน้ั คาํ ตอบในขอ 4. จงึ เปน อาหารทเี่ หมาะสมกบั เดก็ ในวยั เรยี น
T54 มากที่สดุ )
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
ตวั อย่าง การจดั รายการอาหารแต่ละมอื้ ใน ๑ สัปดาห์ ขน้ั สอน
วนั อาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเยน็ ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขาใจ
• ข้าวตม้ ไก่ • ข้าวผัดปู กงุ้ ใสไ่ ข่ • ข้าวสวย ปลาเค็มทอด 24. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
• กล้วยหอม • แกงจดื ผักกาดขาว • ถวั่ ลันเตาผัดกับก้งุ 1-2 คน ออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
• เครื่องด่ืมรอ้ น • ถว่ั ด�าแกงบวด • แกงเผ็ดไก่ใสห่ น่อไม้ หนาช้ันเรียน จากน้ันใหเพ่ือนรวมชั้นเรียน
• นา้� ผลไม้ • ตะโกแ้ ห้ว รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เติม
• ขา้ วสวย นา�้ พรกิ ปลาทู ผกั ตม้
• ข้าวสวย • ขนมจีนน้า� ยา • ผกั กาดดองต้มน่องไก่ 25. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 3.1.1
• แกงจืดฟักใสไ่ ก่ • ไข่ต้ม • ผัดผักน�า้ มันหอย เรอ่ื ง อาหารประเภทสํารับ
• ไขเ่ จยี วกงุ้ สับ • ข้าวเหนยี วดา� เปียก • สังขยาฟกั ทอง
• ผลไมต้ ามฤดูกาล • นา้� สมนุ ไพร • ขา้ วสวย ปลาทอด ขนั้ สรปุ
• แกงจดื ว้นุ เสน้
• ขนมปังปิ้ง • ข้าวมนั สม้ ต�า • ผดั พริกขงิ ถว่ั ฝกั ยาว ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล
• ไข่ดาว ไส้กรอก • เนอ้ื เคม็ ฝอย • ผลไมต้ ามฤดกู าล
• ผลไม้ตามฤดูกาล • แกงเขียวหวานไก่ • ขา้ วสวย เนือ้ เคม็ ทอด 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง อาหาร
• เคร่ืองดืม่ ร้อน • วุ้นนา�้ เช่ือม • แกงนพเก้า ประเภทสํารับ
• วุ้นเส้นผดั ใส่ไก่ กุง้ ไข่
• ขา้ วต้มเปลา่ • ผัดซีอวิ๊ ใสไ่ ข่ • ขนมชน้ั 2. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมในแบบวดั
• กงุ้ ทอดกระเทยี มพรกิ ไทย • ฟักทองแกงบวด • ข้าวสวย ย�ามะม่วง และบนั ทึกผลการเรยี นรู หนว ยการเรียนรทู ่ี 3
• ผลไม้ตามฤดกู าล • น�้าสมุนไพร • แกงเผ็ดปลากราย
• เครอื่ งดื่มรอ้ น • ไชโปผ๊ ดั ไข่ 3. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรียน
• กลว้ ยบวชชี จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วิจารณ และ
• ขา้ วสวย • ขา้ วคลุกกะปิ • ข้าวสวย แกงจืดเต้าหู้ การสรุปความรู
• แกงจดื ลกู ช้นิ • เนื้อหวาน • ปลาเก๋าทอดราดพรกิ
• ดอกกุยชา่ ยผดั กับตบั • แกงเลียง • ดอกกะหลา�่ ผดั ใสก่ ้งุ ขนั้ ประเมนิ
• ผลไมต้ ามฤดกู าล • วุ้นกะทิ • ขนมกลว้ ย
• ข้าวสวย 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน
• ข้าวต้มเปลา่ • ขา้ วสวย • แกงกะหร่ไี ก่ เพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจกอ นเรยี นของนกั เรยี น
• ปลาไสต้ ันทอด • ตม้ จับฉ่าย • เนือ้ อบ ยา� ไขเ่ ค็ม
• ไกผ่ ดั เคม็ • ผัดกะเพราไก่ • เม็ดขนุน 2. ครตู รวจสอบใบงานท่ี 3.1.1 เรอ่ื ง อาหารประเภท
• ผลไม้ตามฤดูกาล • แกงบวดเผือก สาํ รับ
47อาหารประเภทส�ารับ
• โจ๊กกุ้งใสไ่ ขแ่ ละตบั • ผัดไทยใสไ่ ข่ 3. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ
• ผลไมต้ ามฤดูกาล • ข้าวเหนียวทุเรยี น บันทึกผลการเรียนรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3
• เครอื่ งดม่ื ร้อน • น�า้ สมุนไพร
4. ครปู ระเมนิ ผลระหวา งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู
จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน
และการสังเกตคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค
กิจกรรม สรางเสรมิ แนวทางการวัดและประเมินผล
ใหน ักเรยี นจัดรายการอาหารแตละม้ือใน 1 วนั ใหก บั ตนเอง ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
เขียนลงในกระดาษรายงานในรูปแบบของตาราง ตกแตงให เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3
สวยงาม จากนน้ั นาํ เสนอผลงานใหเ พอ่ื นชมหนา ชนั้ เรยี น พรอ มทง้ั
อธิบายแนวคิดในการเลอื กรายการอาหารแตละชนดิ ประกอบ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
กจิ กรรม ทา ทาย คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ตี รง คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกับระดับ
คะแนน
ใหนักเรียนจัดรายการอาหารแตละมื้อใน 1 สัปดาห ใหกับ กบั ระดับคะแนน
สมาชิกในครอบครัวของตนเอง โดยเลือกสมาชิกในครอบครัว
อยา งนอ ย 3 ทานขึ้นไปที่มวี ัยแตกตางกัน จากน้ันนําเสนอผลงาน การมี
ใหเพอื่ นชมหนาชน้ั เรียนในรปู แบบ PowerPoint พรอมท้ังอธบิ าย
แนวคิดในการเลือกรายการอาหารแตละชนิดประกอบ ลาดับที่ ชือ่ -สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
ของนกั เรียน ความ ฟงั คนอื่น ตามท่ไี ดร้ ับ น้าใจ การ 321
คิดเหน็ มอบหมาย 15 1 ความถูกตอ้ งของเน้อื หา
ปรบั ปรงุ คะแนน 2 การลาดับขั้นตอนของเรื่อง
ผลงานกลุ่ม 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ
รวม
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............./.................../............... ............/................./................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่
ปฏบิ ตั ิ หรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง
ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
12-15 ดี 12-15 ดี
8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ
T55
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (แบบกระบวนการกลมุ ) ๒ การจัดและตกแตงอาหารประเภทสาํ รบั
1. ครูเปดคลิปวิดีโอศิลปะการจัดและตกแตง การจดั และตกแตง่ อาหารนบั เปน็ รปู แบบหนงึ่ ของงานศลิ ปะ เปน็ การนา� เสนออาหารชนดิ ตา่ ง ๆ
อาหารใหน กั เรยี นดู เพอื่ ใหน กั เรยี นไดฝ ก การ สสู่ ายตาของผบู้ รโิ ภค โดยผจู้ ดั จะตอ้ งคา� นงึ ถงึ ความสะอาด ถกู สขุ อนามยั ใหค้ ณุ คา่ ทางสารอาหาร
สังเกตและรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ครบถว้ น มกี ลนิ่ หอมชวนให้รับประทาน สีสันสวยงาม และถกู ออกแบบจดั วางอย่างสรา้ งสรรค์
วิธีการจัดและเทคนิคการตกแตงอาหารใหมี
ความสวยงามและนา รบั ประทานมากยิง่ ขึ้น ๒.๑ ความสา� คญั ของการจดั และตกแต่งอาหารประเภทส�ารับ
2. ครูถามนกั เรยี นวา การจดั และตกแตง่ อาหาร เปน็ การประดบั การจดั อาหารใหด้ ี มคี วามสวยงาม นา่ รบั ประทาน
• หากมคี นมาเสริ ฟ อาหารใหก บั นกั เรยี นเหมอื น ซง่ึ จะสง่ ผลโดยตรงตอ่ ผบู้ รโิ ภค คอื ทา� ใหเ้ กดิ ความสขุ และสง่ ผลทางออ้ ม คอื ทา� ใหอ้ าหารดนู า่
ในคลิปวิดีโอ นักเรียนอยากรับประทาน รบั ประทานมากยงิ่ ขน้ึ แสดงถงึ การมรี สนยิ มทด่ี ี รวมถงึ ความตง้ั ใจในการประกอบอาหารไดอ้ กี ดว้ ย
อาหารจานนั้นหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ๒.๒ หลกั การจดั และตกแตง่ อาหารประเภทสา� รับ
ไดอยา งอิสระ)
• การจัดและตกแตงอาหารมีความสําคัญ ในการประกอบอาหาร นอกจากจะตอ้ งคา� นงึ ถงึ ความสะอาด อรอ่ ย ถกู สขุ อนามยั แลว้ สง่ิ สา� คญั
หรอื ไม อยา งไร ทข่ี าดไมไ่ ด ้ คอื การจดั และตกแตง่ อาหารใหด้ สู วยงามและนา่ รบั ประทานมากยง่ิ ขนึ้ ซง่ึ จะสรา้ งความ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ประทบั ใจใหแ้ กผ่ บู้ รโิ ภคไดอ้ กี ดว้ ย โดยหลกั การจดั และตกแตง่ อาหารประเภทสา� รบั มดี งั นี้
ไดอยางอิสระ เชน การจัดและตกแตง
อาหารมีความสําคัญ เน่ืองจากการจัดและ ควรจดั รปู ร่างของอาหาร ควรประกอบอาหารให้ ควรเลือกอาหารแหง้ หากต้อง
ตกแตงอาหารใหมีความสวยงามและนา ที่แตกตา่ งกนั ใหเ้ ป็นลวดลาย นา่ รบั ประทาน มีกลน่ิ หอมตาม การจดั ใหอ้ ย่ใู นจานเดียวกัน
รับประทาน จะสงผลใหผูรับประทานเกิด ลักษณะของอาหารชนิดนั้น ๆ ปอ้ งกันรสชาตปิ นกนั
ความรูสึกมีความสุขเม่ือไดรับประทาน ทีน่ ่าสนใจ
อาหารจานน้ันๆ และมีความตองการ
รบั ประทานอาหารเพิม่ มากขึ้น) ควรเลือกขนาดของภาชนะ ควรมีอาหารที่ปรงุ ด้วยวธิ ี ควรมีจานรอง หรือมถี าดรอง
• หากตองการจัดและตกแตงอาหารประเภท ให้เหมาะสมกับปรมิ าณของ หลากหลาย เพือ่ ใหเ้ กดิ หากตอ้ งการประกอบอาหาร
สาํ รบั ใหด สู วยงามและนา รบั ประทานมากขน้ึ ลกั ษณะสัมผัสทแี่ ตกตา่ งกัน
จะมหี ลกั ในการจดั และตกแตง อาหารอยา งไร อาหารและจัดให้พอดี ชนดิ ท่ีเป็นน้�า
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ เชน จัดวางอาหารใหมีระยะ ควรจัดจานอาหารใหม้ สี สี ัน
หางที่เหมาะสม จัดและตกแตงจานใหมี สวยงาม เพ่ือกระตนุ้ ให้อยาก
สีสนั ที่สวยงาม จัดรปู รา งของอาหารใหเ ปน รบั ประทานอาหารมากขึ้น
ลวดลายตางๆ ท่ีนาสนใจ เลือกใชภาชนะ
ใหเหมาะสมกับปริมาณของอาหาร มีจาน ควรรักษาพ้นื ทข่ี องจาน
รองสาํ หรับอาหารทเี่ ปนนํ้า) หรอื ชามให้สะอาด และเปน็
• การจดั และตกแตง อาหารชว ยเพม่ิ มลู คา ใหก บั
อาหารไดห รอื ไม อยา งไร ระเบียบเรยี บรอ้ ย
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ) ควรจดั และตกแตง่ จานอาหาร ความสวยงามของการจัดและตกแตง่ อาหารจะชว่ ยใหผ้ บู้ รโิ ภคเจรญิ อาหารมากยงิ่ ขนึ้
เลก็ ๆ นอ้ ย ๆ เพ่ือให้อาหาร
ดนู ่ารบั ประทานย่งิ ขนึ้
4๘
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการจัดและตกแตงอาหาร : การจัดวางแบบ เพราะเหตใุ ดจึงตองมกี ารจัดและตกแตง อาหารประเภทสําหรับ
คลาสสกิ ใหนักเรยี นฟงวา การจดั วางแบบคลาสสกิ (Classic Plating) เปน การ
นาํ อาหารพื้นฐาน 3 อยาง ไดแก แปง ผัก และอาหารหลัก มาจัดวางในภาชนะ (แนวตอบ การจัดและตกแตงอาหารเปนศิลปะอยางหนึ่งใน
อยางงายๆ ในลักษณะคลายหนาปดนาฬกา พรอมท้ังนําภาพการจัดวางแบบ การนําเสนออาหารสูสายตาของผูบริโภค การจัดและตกแตง
คลาสสิกมาใหนักเรียนดูเปนตัวอยาง เพื่อใหนักเรียนเกิดความรู ความเขาใจ อาหารจะมสี วนชวยทําใหอาหารเกดิ ความสวยงาม ซ่ึงสงผลดตี อ
เกยี่ วกบั การจัดวางแบบคลาสสกิ มากยงิ่ ข้นึ โดยการจดั วางแบบคลาสสกิ มหี ลัก จิตใจ กอ ใหเ กิดความสุข นา รนื่ รมย เปน การสนองความตอ งการ
ในการจดั ดังน้ี ทางดานจติ ใจ นอกจากน้ี ยังมสี ว นชว ยใหอาหารดูนารับประทาน
• แปง (Starch) จัดไวระหวา ง 9 แปง ผกั มากยิ่งขึ้น แสดงใหเห็นถึงรสนิยมที่ดี และแสดงถึงความตั้งใจ
ในการประกอบอาหารอีกดวย)
ถึง 11
• ผกั (Vegetables) จดั ไวร ะหวาง 11
ถึง 3
• อาหารหลกั (Main) จัดไวระหวาง 3
ถงึ 9
T56 อาหารหลกั
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๒.๓ ศลิ ปะในการจดั และตกแต่งอาหารประเภทส�ารับ ขน้ั สอน
ศิลปะไดเ้ ข้ามามีส่วนเก่ียวข้องในการจัดและตกแต่งอาหาร จัดเป็นสิ่งส�าคัญอยา่ งหนึง่ ท่ีช่วย 1. ครูใหน ักเรยี นศกึ ษา เรอื่ ง การจดั และตกแตง
ทา� ใหอ้ าหารมสี สี นั ทส่ี วยงาม ชวนใหร้ บั ประทานมากยงิ่ ขน้ึ ผปู้ ระกอบอาหารจงึ ตอ้ งนา� ความรเู้ กยี่ วกบั อาหารประเภทสํารับ จากหนังสือเรียน
การจดั องคป์ ระกอบศิลป์มาประยุกต์ใชค้ วบคกู่ ัน ดังน้ี หนวยการเรียนรูที่ 3 หรือศึกษาเพิ่มเติมจาก
อินเทอรเนต็
องคป์ ระกอบศลิ ป์ การนา� องคป์ ระกอบศลิ ปม์ าใชใ้ นการจดั และตกแตง่ อาหาร
กบั การจัดและตกแต่งอาหาร 49อาหารประเภทส�ารับ 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ
จัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ จาก
เป็นการน�าทัศนธาตุมาจัดวาง เพ่ือสร้าง PowerPoint ม.3 หนวยการเรยี นรทู ี่ 3
รูปแบบอย่างเหมาะสม ลงตัว มีความสวยงาม
3. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การจัดและตกแตง
เแอลกะภมาคี พวา1มกลมกลนื กัน อาหารประเภทสํารับ จําเปนตองนําความรู
ทางศิลปะเขามาประยุกตใชอยางสรางสรรค
จัดให้มีปริมาณอาหารท่ีพอเหมาะ ไม่แผ่ เพ่ือชวยใหการจัดและตกแตงอาหารมีความ
กระจายออกนอกภาชนะ สวยงามและนารับประทานมากย่ิงข้ึน ดังน้ัน
ความสมดุล ผูประกอบอาหารจึงตองมีความรูพื้นฐาน
เกี่ยวกบั องคประกอบศิลป ซึ่งจะทาํ ใหการจดั
จัดวางอย่างลงตัว ไม่ควรจัดวางอยู่รวมกัน และตกแตงอาหารมีความสวยงามและมี
เปน็ กลุ่ม เพราะอาจท�าใหเ้ กิดความหนาแนน่ ความกลมกลืนกัน”
ความกลมกลนื
4. ครถู ามนักเรียนวา
จัดภาชนะให้เหมาะสมและกลมกลืนกับ • องคประกอบศิลปที่นํามาใชในการจัด
อาหารทป่ี ระกอบขนึ้ และตกแตงอาหารประกอบไปดวยส่ิงใด
ความขัดแยง้ จงยกตวั อยางประกอบ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
สสี นั จ2ทัดีแ่อตากหตา่ารงใกหนั ้มีลักษณะของรูปร่าง ขนาด ไดอยางอิสระ เชน องคประกอบศิลปที่นํา
มาใชในการจัดและตกแตงอาหาร ไดแก
จงั หวะ เอกภาพ ความสมดุล ความกลมกลืน
จดั วางอาหารใหซ้ อ้ นกนั อยา่ งมรี ะเบยี บ หรอื ความขัดแยง จงั หวะ การเนน หรอื จดุ สนใจ
สัดสวน ตัวอยาง เชน ความเปนเอกภาพ
จดั วางโดยเวน้ ระยะช่องไฟอยา่ งเหมาะสม การจัดอาหารไมใหแผกระจายออกนอก
การเน้น หรือจุดสนใจ ภาชนะ ความสมดุล การจดั อาหารไมใ หอ ยู
รวมกันเปน กลุม กอน การเนน หรือจุดสนใจ
จัดให้มีส่วนใดส่วนหน่ึงเด่นขึ้น เพื่อป้องกัน การจดั อาหารใหม สี ว นใดสว นหนงึ่ ของอาหาร
เดนชัดข้ึน สัดสวน การจัดองคประกอบ
สอาัดหสาว่ รนก3ลมกลนื กันทั้งจาน ท้ังหมดของอาหารใหม ีความสัมพนั ธกัน)
จัดให้องค์ประกอบท้ังหมดของอาหารทั้ง
ขนาด รูปทรง มคี วามสัมพันธเ์ หมาะสมกนั
กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู
ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั รว มกนั ฝก ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 1 เอกภาพ การสรางเอกภาพใหเกิดข้ึนในการจัดและตกแตงอาหาร
“การจัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ” โดยนําทักษะการ สามารถทําไดหลายวิธี เชน การรวมกลุมของการจัดโตะอาหาร โดยจัดวาง
ทํางานรวมกันและทักษะการจัดการมาประยุกตใชอยางเหมาะสม ชอ น สอ ม และมดี ใหเ ปน ชดุ เดยี วกนั เพอ่ื ความสะดวกในการใชง าน โดยคาํ นงึ ถงึ
คํานงึ ถงึ การประหยดั พลังงาน ทรพั ยากร และสง่ิ แวดลอมรวมดวย ความเหมาะสมของอาหารท่อี ยูใ นจานรว มดวย และเคร่ืองปรุงควรจัดวางใหอยู
โดยปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ดังน้ี ดว ยกนั กับอาหารทีต่ องการเสริ ฟ
2 สีสัน เปนส่ิงที่ชวยดึงดูดใหอาหารดูนารับประทานมากย่ิงข้ึน สามารถ
1. เตรยี มอาหารกลมุ ละ 3 ชนดิ ทมี่ ลี กั ษณะแตกตา งกนั เพอ่ื นาํ สรา งจดุ เดนใหก บั อาหารได การนาํ สีมาใชใ นการตกแตง อาหารควรเลือกสีทมี่ า
มาฝกปฏบิ ัติการจดั และตกแตง อาหารประเภทสาํ รบั จากวตั ถดุ บิ ธรรมชาติ เพือ่ ใหเกิดความปลอดภัยในการรับประทาน
3 สัดสวน การจัดวางภาชนะบนโตะอาหาร ควรเลือกใชภาชนะที่มีขนาด
2. เตรียมวัสดุ อุปกรณ เครื่องมือ เคร่ืองใชในการจัดและ และสัดสวนเหมาะสมกับขนาดของโตะ ไมควรจดั อาหารจนแนน โตะ เพราะจะ
ตกแตง อาหารประเภทสาํ รบั มาใหพ รอ ม โดยคาํ นงึ ถงึ ความประหยดั สงผลใหต กั อาหารไมถนัด
รวมดวย
T57
3. ฝก ปฏบิ ตั กิ ารจดั และตกแตง อาหารประเภทสาํ รบั
(กิจกรรมน้ีเสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงคดานมีวินัย
ใฝเ รยี นรู อยอู ยางพอเพยี ง และมุงมน่ั ในการทํางาน)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๒.๔ ภาชนะท่ีใชส �าหรบั บรรจุอาหาร
5. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “องคประกอบศิลปที่ การเลอื กใชภ้ าชนะทีเ่ หมาะสม สวยงาม จะทา� ให้อาหารดูนา่ รบั ประทาน ภาชนะที่ใชส้ า� หรับ
นํามาใชในการจัดและตกแตงอาหารน้ัน ทุก บรรจุอาหารมหี ลายรปู แบบ การเลอื กใช้งานภาชนะรูปแบบใดและขนาดใดนั้น ควรพิจารณาจาก
องคประกอบที่นักเรียนไดศึกษาเรียนรูจาก สงิ่ ต่าง ๆ ดังน้ี
หนังสือเรยี น หนว ยการเรียนรูที่ 3 หรอื ศึกษา
เรียนรูจากอินเทอรเน็ต หรือศึกษาเรียนรูจาก ภาชนะชุด
PowerPoint ม.3 ลวนมีความสําคัญทั้งส้ิน มีลวดลายเหมือนกันทั้งชุด ช่วยให้การจัดวาง
เพราะทุกองคประกอบมีความเทาเทียมกัน อาหารบนโต๊ะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
หากขาดส่ิงใดส่ิงหน่ึงไปอาจทําใหอาหารจาน การล้างท�าความสะอาดสามารถทา� ไดส้ ะดวก
นน้ั ขาดความสวยงาม ขาดความสมบูรณ ดูไม
นาสนใจและไมน ารับประทานได” ภาชนะในโอกาสพิเศษ
6. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับภาชนะท่ีใช มสี สี นั ลวดลาย รปู แบบเหมอื นกนั ทง้ั ชดุ ชว่ ยเพมิ่
สาํ หรบั บรรจุอาหารวา “อาหารนอกจากจะจดั ความสวยงามให้กับอาหาร รวมถึงบรรยากาศ
และตกแตงไดอยางสวยงามแลว ภาชนะท่ีใช พเิ ศษท่ีเกดิ ขึ้นในงานนนั้ ๆ ก ารเลือกใช้ภาชนะท่ีเหมือนกัน จะช่วยให้การจัดวางบน
ก็เปนส่ิงสําคัญที่จะชวยใหอาหารจานน้ันดู โตะอาหารสวยงามย่ิงขน้ึ
สวยงามและนารบั ประทานมากข้ึน ซึ่งภาชนะ
ที่ใชบรรจุอาหารมีหลายรูปแบบ ทั้งภาชนะ ๒.๕ ขอควรค�านึงในการจัดและตกแตง่ อาหารประเภทสา� รบั
ชุดและภาชนะในโอกาสพิเศษ ในการใชงาน ในการจัดและตกแต่งอาหารประเภทส�ารับ
จึงควรเลือกใชใหเหมาะสมกับประเภทและ ผู้จัดควรพิจารณาเกี่ยวกับชนิดของอาหารและ
ปริมาณของอาหารดว ย” ลักษณะของอาหารร่วมด้วย เนื่องจากอาหาร
แต่ละชนิดมีลักษณะที่แตกต่างกัน เพ่ือท่ี
7. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “ส่ิงท่ีผูประกอบอาหาร จะจัดเตรียมภาชนะที่ใช้ส�าหรับบรรจุอาหาร
หรอื ผทู จี่ ดั และตกแตง อาหารจะทราบวา อาหาร ได้อย่างถูกต้อง เช่น ผัด จัดใส่จานก้นต้ืน
ที่ตนเองไดประกอบขึ้น หรือท่ีจัดและตกแตง แกงเผด็ จดั ใส่ชามเปล หรือชามแกง
ขึ้นนั้น ผูรับประทานมีความช่ืนชอบหรือไม
สามารถสงั เกตไดจ ากการวางชอ นและสอ ม หรอื Tip
การวางสอมและมีด หลังจากที่ผูรับประทาน
ไดร บั ประทานอาหารเสรจ็ เรียบรอยแลว ” การวางสอ้ มและมีด
8. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอื่ ง การวางสอ มและมดี ส้อมและมดี เป็นอุปกรณ์สา� คญั ในการรับประทานอาหารตามแบบวฒั นธรรมตะวันตก
ในกรอบ Tip จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรู โดยส้อมถูกจัดวางอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนมีดถูกจัดวางอยู่ทางขวามือ การวางส้อมและมีด
ท่ี 3 เพื่อใหนักเรียนไดฝกการสังเกตและ อย่างถูกตอ้ งจะช่วยสื่อความหมายและความต้องการของผู้บริโภคได ้ ดังนี ้
รว มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั การวางสอ ม
และมีดในลักษณะตางๆ เพื่อใหเกิดความรู พร้อมรับประทาน พกั รอจานทสี่ อง อิม่ แล้ว อรอ่ ยยอดเยี่ยม ไม่อรอ่ ย
ความเขา ใจทเ่ี พิม่ มากขึ้น
๕๐
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการเลือกภาชนะท่ีใชบรรจุอาหารใหเหมาะสม บุคคลในขอใดเลอื กและใชภ าชนะบรรจุอาหารไดอยา งเหมาะสม
กบั ชนดิ และลกั ษณะของอาหารใหน กั เรยี นฟง วา ในการใชง านภาชนะทใี่ ชบ รรจุ 1. แปง ใชช ามเปลใสผัดผักคะนา ปลาเคม็
อาหาร ควรพจิ ารณาชนดิ และลกั ษณะของอาหารรว มดว ย โดยพจิ ารณาวา อาหาร 2. ปนใชจานแกวใสฟกทองแกงบวด
ชนดิ นนั้ เปน อาหารนาํ้ หรอื อาหารแหง มปี รมิ าณมากนอ ยเพยี งใด เพอื่ จะไดเ ลอื ก 3. โปงใชช ามแกงใสแกงจดื วุนเสน
ใชภ าชนะไดอ ยางเหมาะสม เชน แกง จดั ใสห มอหยวนโล (หมอไฟ) ชามเปล 4. ปานใชถ วยขนาดเลก็ ใสส ม ตาํ ปู
ชามแกงพรอมจานรอง ผดั ทอด ยํา จดั ใสจ านคาวกนตืน้ เคร่อื งจม้ิ จัดใสถว ย
เลก็ พรอ มจานรอง ของหวาน (นา้ํ ) เสริ ฟ ในถว ยแกว พรอ มจานรอง ของหวาน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะอาหารประเภทแกงจืด
(แหง ) หากมลี ักษณะเปน ชิ้นและมนี ํ้าหนกั เบา เชน คกุ ก้ี จดั ใสจานแกว หากมี ควรจดั ใสภ าชนะประเภทชามเปล ชามแกง พรอ มจานรองกอ นเสริ ฟ
ลกั ษณะเปนหอ เชน ขนมกลว ย จดั ใสจานกระเบื้อง ผลไม ควรปอก ควาน และ เพอื่ กนั รอ นและปอ งกนั นา้ํ แกงหก)
จดั เปนคาํ ๆ เพอื่ ใหรับประทานงาย จดั เรยี งในจานแกว หรอื จานที่ประดษิ ฐข นึ้
จากใบตอง
T58
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ตัวอยา่ ง การจัดและตกแตง่ อาหารประเภทสา� รบั ขนั้ สอน
ข้าวสวย 9. ครใู หน กั เรียนแบง กลมุ กลมุ ละเทาๆ กัน ให
แตล ะกลมุ จดั ทาํ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แกงเผด็ เปด็ ยา่ ง น้�าผลไม้ เรอ่ื ง การจดั และตกแตง อาหารประเภทสาํ รบั
ไข่ตม้ ผลไม้ 10. ครใู หส มาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั ระดมความคดิ
วากลุมของตนเองจะจัดและตกแตงอาหาร
ผดั ผกั รวมก้งุ ประเภทสาํ รบั ในลกั ษณะใด จะเลอื กใชภ าชนะ
ในรูปแบบใด โดยใหนักเรียนแตละกลุม
ครองแครงนา�้ กะทิ จัดเตรียมอาหาร พรอมท้ังวัสดุ อุปกรณ
เครื่องมือ เคร่ืองใชในการจัดและตกแตง
น�้าพริกผกั ตม้ อาหารมาใหพรอม เพ่ือนํามาจัดและตกแตง
อาหารในชั่วโมงถัดไป
คนไทยคดิ และสรา้ งสรรคอ์ าหารขน้ึ จากภมู ปิ ญั ญาอนั ชาญฉลาด ทา� ใหอ้ าหารไทยกลายเปน็
11. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเทคนิคการ
ศลิ ปะทม่ี ีความสวยงาม กบั ข้าวจานตา่ ง ๆ ลว้ นมีหลากหลายรสชาติ ทง้ั นี้ ขน้ึ อยกู่ บั ชนิดของอาหาร จัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ เพ่ือให
เป็นส�าคัญ นอกจากนี้ คนไทยยังให้ความส�าคัญเรื่องของกล่ิน สีสัน ตลอดจนการจัดและตกแต่ง นักเรียนแตละกลุมสามารถนําเทคนิคและ
อาหารอย่างสวยงาม เพ่ือให้อาหารดูน่ารับประทานมากย่ิงข้ึน ความประณีตละเอียดอ่อนเหล่าน้ี วิธีการตางๆ ไปประยุกตใชในการจัดและ
ล้วนเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย ทั้งยังแฝงสรรพคุณทางยาเอาไว้อีกด้วย จึงนับเป็นอาหาร ตกแตงอาหารประเภทสํารับของกลุมตนเอง
ท่อี ดุ มไปดว้ ยคุณคา่ อย่างมากมาย ไดอยางสวยงาม เหมาะสม และสรางสรรค
12. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นทาํ ชน้ิ งาน/ภาระงาน
(รวบยอด) เร่ือง การจัดและตกแตงอาหาร
ประเภทสาํ รบั โดยใหส มาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั
ฝกปฏิบัติการจัดและตกแตงอาหารประเภท
สํารับตามหลักการจัดและตกแตงอาหารที่
ไดศึกษามา พรอมทั้งนําองคประกอบศิลป
มาประยุกตใชในการจัดและตกแตงอาหาร
เพื่อใหเกิดความสวยงามและสรางสรรค
หากนักเรียนเกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน
หรือตองการความชวยเหลือใหสอบถามครู
เปน รายกลมุ โดยครจู ะคอยสงั เกตการปฏบิ ตั งิ าน
ของนักเรียนแตละกลุมอยางใกลชิดและ
คอยใหความชว ยเหลือ
๕๑อาหารประเภทสํารับ
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกันศึกษาคนควา ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับมารยาทในการรับประทานอาหารใหนักเรียน
ขอ มลู เกยี่ วกบั วธิ กี ารจดั อาหารประเภทสาํ รบั ในโอกาสสาํ คญั ตา งๆ ฟง วา มารยาทในการรบั ประทานอาหาร เปน สงิ่ ทที่ าํ ใหผ พู บเหน็ เกดิ ความศรทั ธา
เชน การจดั อาหารในงานครบรอบวนั คลา ยวนั เกดิ การจดั อาหารใน เลอื่ มใส หรอื อาจตาํ หนติ ิเตยี นได ดงั นนั้ จึงควรฝก มารยาทในการรบั ประทาน
งานทําบญุ เลย้ี งพระ จากนนั้ ใหป ฏบิ ตั ิกจิ กรรม ดงั น้ี อาหารท่ีถูกตอง โดยฝกปฏิบัติใหเกิดเปนนิสัย เพราะนอกจากจะรับประทาน
อาหารตามปกติในครอบครัวแลว เรายังใชอาหารเปนส่ือในการพบปะสังสรรค
1. สมาชิกแตละกลุมนําความรูท่ีไดมาแลกเปลี่ยนเรียนรูซ่ึงกัน การดาํ เนนิ งานทางธรุ กิจ การเขา สังคมรว มกบั ผอู นื่ ฯลฯ การมคี วามรูเกี่ยวกบั
และกัน และสรุปประเด็นสําคัญที่ไดจากการศึกษาลงในกระดาษ มารยาทในการรับประทานอาหาร จะชวยใหสามารถปฏิบัติตนไดอยางถูกตอง
รายงาน และเหมาะสม
2. สมาชิกแตละกลุมนําความรูท่ีไดจากการสรุปสาระสําคัญ ส่ือ Digital
มาจัดทําปายนิเทศ เพ่ือนําเสนอความรูเกี่ยวกับวิธีการจัดอาหาร
ประเภทสํารบั ในโอกาสสําคญั ตางๆ ศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับมารยาทในการรับประทานอาหาร ไดที่ https://
hilight.kapook.com/view/90805
3. แตล ะกลมุ สงตัวแทนกลุมละ 1-2 คน ออกมานําเสนอผลงาน
ใหเพือ่ นชมหนา ช้ันเรยี น T59
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน Know More
ø »ÃÐ⪹ àÁè×ÍÃºÑ »ÃзҹÍÒËÒÃà¾×Íè 梯 ÀÒ¾
13. ครใู หนกั เรยี นศึกษา เรอื่ ง 8 ประโยชนเ ม่อื รบั
ประทานอาหารเพ่อื สขุ ภาพ ในกรอบ Know คนเราจะมีสุขภาพดีไดนั้น การรับประทานอาหารนับเปนส่ิงสําคัญลําดับแรกๆ ท่ีจําเปนที่จะ
More จากหนงั สอื เรยี น หนวยการเรยี นรูท่ี 3 ตองเรียนรู การเลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน และเหมาะสมกับความตองการของบุคคล
ในแตละวยั เปน การชว ยเสริมสรางสขุ ภาพทดี่ ขี องรางกาย เพ่อื ใหห างไกลจากโรคภัยไขเจบ็
14. ครขู ออาสาสมคั รนกั เรยี น 3-4 คน ออกมาเลา
เกยี่ วกบั วธิ กี ารเลอื กบรโิ ภคอาหารของตนเอง ๑ à¾èÔÁÀÁÙ Ô¤ÁØŒ ¡¹Ñ âä ๕ Å´¤ÇÒÁàÊÂèÕ §¢Í§¡ÒÃà¡´Ô âääÁµ‹ ´Ô µÍ‹ àÃÍé× Ã§Ñ
ใหเพ่ือนฟงหนาชั้นเรียน จากน้ันใหเพื่อน
รวมชั้นเรียนรวมกันวิเคราะหวาเพ่ือนคน ก า ร รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร เ พื่ อ การรับประทานผักผลไมท่ีอุดม
ดังกลาวเลือกบริโภคอาหารไดอยางถูกตอง สขุ ภาพเปน ประจาํ จะชว ยทาํ ใหร ะบบ ไปดวยวิตามิน เกลือแร จะชวยลด
และเหมาะสมหรอื ไม ภูมิคุมกันโรคดีขึ้น สงผลใหรางกาย ความเส่ียงจากการเกิดโรคไมติดตอ
เจรญิ เติบโตอยา งสมบูรณ เรื้อรงั ได
15. ครถู ามนกั เรียนวา
• นักเรียนคิดวาตนเองเลือกรับประทาน ๒ ª‹ÇµҌ ¹Í¹ØÁÙÅÍÔÊÃÐ ๖ Á¤Õ ÇÒÁÊ¢Ø ã¹¡ÒôÒí çªÕÇÔµ
อาหารท่ีเปนประโยชนตอรางกายหรือไม การรบั ประทานผลไมต ระกลู เบอรร ี การรบั ประทานอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ
อยา งไร เชน เชอรร ี สตรอวเ บอรรี บลูเบอรรี จะสงผลดีตอสุขภาพและรางกาย
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ มัลเบอรรี จะชวยใหระบบตอตาน ทําใหสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี
ไดอยางอิสระ) อนมุ ูลอสิ ระดีขึน้ มคี วามสขุ ในการดาํ รงชวี ติ ประจาํ วนั
• การรับประทานผักและผลไมเปนประจํา
จะกอ ใหเกิดประโยชนตอ ตนเองอยา งไร ๓ Å´¤ÇÒÁàÊÂÕè §¢Í§¡ÒÃà¡Ô´âäÁÐàÃç§ ๗ ª‹Ç»ÃÐË嫄 ¤‹Ò㪨Œ ‹ÒÂ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน ผกั และผลไมนอกจาก การนําผักสวนครัวมาประกอบ การเลือกผักผลไมมาประกอบ
จะใหวิตามิน แรธาตุ และใยอาหารแลว อาหาร จะชวยลดความเสย่ี งจากการ อาหารเพื่อสุขภาพ จะสงผลดีใน
ยงั มสี ารอาหารอนื่ ๆ ทชี่ ว ยปอ งกนั ไมใ หไ ขมนั เกิดโรคมะเร็ง เพราะผักมีสรรพคุณ หลายๆ ดาน เชน หาซื้อไดงาย
ไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทําใหเย่ือบุ ทางยาที่หลากหลาย บางชนดิ ปลกู เองไดท บี่ าน
ของเซลลร วมถึงอวัยวะตา งๆ ของรา งกาย
มีความแข็งแรง ชวยใหการขับถายเปนไป ๔ Å´¤ÇÒÁàÊèÕ§¢Í§¡ÒÃà¡´Ô âä¢ÍŒ µÍ‹ ÍÑ¡àʺ ๘ 梯 ÀÒ¾ÃÒ‹ §¡ÒÂᢧç áç
อยา งปกติ ปอ งกนั และลดความเสย่ี งตอ การ
เกิดโรคชนิดตา งๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง) ก า ร รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร เ พ่ื อ การรบั ประทานอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ
• เพราะเหตุใดนักเรียนจึงควรด่ืมนมวันละ สุขภาพ จะชวยชะลอความเส่ือมของ เปนประจํา นอกจากจะชว ยใหม อี ายุ
1-2 แกว รางกายและลดความเส่ียงจากการ ท่ียืนยาวแลว ยังสามารถชวยชะลอ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ เกิดโรคขอ ตอ อกั เสบได ความแกช ราได
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน นมมสี ารอาหารประเภท
โปรตนี และแคลเซยี มทชี่ ว ยในการเสรมิ สรา ง ๕๒
กระดกู และฟนใหมคี วามแขง็ แรง)
บูรณาการอาเซียน ขอ สอบเนน การคิด
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของประเทศใน ขอใดเปน การประกอบอาหารทีค่ าํ นงึ ถงึ สขุ อนามัยเปนหลกั
อาเซียนใหนักเรียนฟงวา ประเทศในอาเซียนมีวัฒนธรรมที่แตกตางกันออกไป 1. ใชว ตั ถดุ บิ และเครอ่ื งปรุงท่มี รี าคาสูง
ในหลายๆ ดา น รวมไปถงึ การบรโิ ภคอาหาร ซง่ึ แตล ะประเทศจะมอี าหารทน่ี ยิ ม 2. นาํ วตั ถดุ บิ ไปลางใหส ะอาดกอ นนํามาปรุง
รับประทานแตกตางกันออกไป โดยถือเปนเอกลักษณของประเทศนั้นๆ เชน 3. ใชเตาถา นแทนเตาแกสในการประกอบอาหาร
นาซิ เลอมกั (Nasi Lemak) อาหารประจาํ ชาติของประเทศมาเลเซยี เปนขา ว 4. ประกอบอาหารในหอ งท่อี บั ชน้ื และไมม ที ีร่ ะบายอากาศ
ท่ีนํามาหุงกับกะทิและใบเตย แลวนํามารับประทานคูกับเครื่องเคียง ไดแก
ปลากะตกั ทอดกรอบ แตงกวาหนั่ ไขตม สกุ และถ่ัวอบ ดังน้นั เพือ่ ใหเกิดการ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะการประกอบอาหารทคี่ าํ นงึ ถงึ
เรียนรูในเร่ืองวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของประเทศในอาเซียน นักเรียน สขุ อนามยั คือ การประกอบอาหารทีค่ ํานึงถงึ ความปลอดภยั ของ
จึงควรศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับอาหารท่ีแตละประเทศในอาเซียนนิยม สขุ ภาพรา งกายของผบู รโิ ภคเปน สาํ คญั เพอ่ื การมสี ขุ ภาวะทด่ี ี เชน
รบั ประทาน แลว นาํ ขอมลู มาแลกเปล่ยี นเรยี นรซู ง่ึ กันและกัน การนาํ วตั ถดุ บิ ไปลา งใหส ะอาดกอ นนาํ มาปรงุ และประกอบอาหาร
การทาํ ความสะอาดรา งกายกอ นปรงุ อาหาร การประกอบอาหารใน
หอ งท่ีสะอาดและมอี ากาศถา ยเทไดอ ยา งสะดวก)
T60
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
¡¨Ô ¡ÊÃÃÃéÒÁ§ÊÃä¾ì Ѳ¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ขนั้ สรปุ
ใบมอบหมายงาน
àÃèÍ× § ¡ÒèѴÍÒËÒûÃÐàÀ·ÊÒí ÃѺ 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปส่ิงที่ได
เรียนรูจากการจัดและตกแตงอาหารประเภท
ตอนท่ี ๑ ให้นกั เรียนปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ โดยปฏิบัตกิ ิจกรรมตามหวั ข้อทก่ี �าหนดให้ ดังน้� สํารับ เพื่อเตรียมนําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
๑. แ ต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิดในประเด็นที่ว่า “ส�ารับอาหารไทยท่ีดีควรจัดรายการอาหาร หนาช้ันเรียน ในประเด็นที่ครูกําหนดให คือ
ใหม ีความสมดลุ กนั อยา่ งไร” ลักษณะการจัดและตกแตงอาหารประเภท
๒. เ ขียนรายการที่ต้องการให้มีในส�ารับอาหารมื้อกลางวัน ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วยอาหารคาว สํารับ วัสดุ อุปกรณ เครื่องมือ เคร่ืองใช
อาหารหวาน อาหารว่าง ผลไม ้ และเคร่อื งดื่ม โดยอาหารท่รี ะบุนน้ั จะต้องมสี ารอาหารครบถว้ น ในการจัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ
ท้งั ๕ หมู่ ขั้นตอนการจัดและตกแตงอาหารประเภท
๓. เ ลือกรายการอาหารตามความสนใจ ๑ ชนิด จากรายการอาหารท่ีจัดเตรียมไว้ จากนั้น สํารับ ปญหาที่พบ หรืออุปสรรคระหวางการ
ออกมาน�าเสนอผลงานให้เพื่อนชมหน้าชั้นเรียน (โดยไม่ให้ซ�้ากับกลุ่มอ่ืน ๆ) พร้อมทั้งอธิบาย ปฏบิ ตั งิ าน และแนวทางการแกป ญ หา
ส่วนประกอบและข้นั ตอนวิธกี ารประกอบอาหารชนิดดงั กล่าว
2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
ตอนที่ ๒ ใ ห้นักเรียนปฏิบัติงานกลุ่ม (กลุ่มเดิม) ฝกปฏิบัติการจัดอาหารประเภทส�ารับ เพ่ือรับประทาน 1-2 คน ออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
รว่ มกนั ในมอ้ื กลางวัน โดยปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามหัวขอ้ ทีก่ า� หนดให ้ ดงั น้� หนาชั้นเรียน จากน้ันใหเพื่อนรวมชั้นเรียน
๑. ส มาชิกในแต่ละกลุ่มจัดเตรียมอาหารมาคนละ ๑ ชนิด เมื่อน�ามาจัดวางร่วมกันจะได้อาหาร รว มกนั เสนอแนะเพิม่ เตมิ
๑ มอ้ื ซึ่งจะประกอบไปด้วยขา้ ว อาหารคาว อาหารหวาน อาหารว่าง ผลไม ้ และเครื่องด่มื
๒. ร่วมกันจัดเตรียมอุปกรณ์ในการจัดโตะอาหาร เช่น โตะ เก้าอ้ี ผ้าปูโตะ ภาชนะใส่อาหาร 3. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง การจดั
แก้วนา�้ แจกนั ดอกไม้ และตกแตง อาหารประเภทสาํ รับ
๓. ลงมอื ฝก ปฏบิ ตั กิ ารจดั อาหารประเภทสา� รบั รวมถงึ จดั ตกแตง่ อาหารและโตะ อาหารใหเ้ กดิ ความ
สวยงาม 4. ครูใหน ักเรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ย
การเรยี นรทู ่ี 3 เรอื่ ง อาหารประเภทสาํ รับ
๕๓อาหารประเภทสํารับ
ขนั้ ประเมนิ
1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
เพอื่ ตรวจสอบความเขา ใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น
2. ครูตรวจช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง
การจดั และตกแตง อาหารประเภทสาํ รับ
3. ครตู รวจสอบความรู ความเขาใจของนกั เรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ
การสรุปความรู
4. ครปู ระเมนิ ผลระหวา งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู
จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน
และการสงั เกตคุณลกั ษณะอันพึงประสงค
กิจกรรม Mini Project แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั โดยใหส มาชกิ ภายในกลมุ ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
ศึกษาข้ันตอนการประกอบอาหารตามความสนใจกลุมละ เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแี่ นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3
2 ชนิด เพือ่ เตรียมฝกปฏิบตั กิ ารประกอบอาหารประเภทสํารบั
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
2. วางแผนการประกอบอาหารประเภทสํารับกลุมละ 2 ชนิด
จากนนั้ ใหนําอาหารของแตล ะกลุมมาจัดวางรวมกันเปนสํารบั คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ีตรง คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดบั
คะแนน
3. ฝกปฏิบัติการประกอบอาหารประเภทสํารับตามขั้นตอนท่ีได กบั ระดบั คะแนน
ศกึ ษามา
การมี
4. นําอาหารที่แตละกลุมประกอบเสร็จแลวมาจัดวางใหเรียบรอย
พรอมท้ังตกแตง โตะ อาหารใหส วยงาม ลาดับท่ี ชือ่ -สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ของนกั เรยี น ความ ฟังคนอ่นื ตามทไ่ี ด้รบั น้าใจ การ 321
5. นกั เรยี นทกุ คนรว มกนั รบั ประทานอาหาร และหลงั จากรบั ประทาน คิดเห็น มอบหมาย 15 1 ความถกู ต้องของเน้อื หา
อาหารเสรจ็ ใหช ว ยกนั ทาํ ความสะอาดสถานที่ อปุ กรณ เครอื่ งมอื ปรับปรงุ คะแนน 2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเร่ือง
เครือ่ งใชในการประกอบอาหาร และเก็บเขา ทีใ่ หเรยี บรอ ย ผลงานกลุ่ม 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่
รวม
ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............./.................../............... ............/................./................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่
ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้
ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางส่วน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
12-15 ดี 12-15 ดี
8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ
T61
Chapter Overview
แผนการจดั สอ่ื ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คณุ ลักษณะ
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1
งานช่างในบา้ น - หนงั สือเรยี นการงาน 1. อธบิ ายความสำ� คญั แบบ - ต รวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ทกั ษะ - รกั ชาติ ศาสน์
อาชีพ ม.3 ของงานช่างในบา้ นได้ กระบวนการ - ต รวจใบงานท่ี 4.1.1 กระบวนการ กษตั ริย์
1 - แ บบวัดและบนั ทกึ ผล 2. อธิบายหลกั การ เรยี น ความรู้ เรอ่ื ง งานชา่ งในบา้ น ท�ำงาน - ซื่อสัตยส์ จุ ริต
การเรียนรู้การงาน ปฏิบัตงิ านและหลัก ความเข้าใจ - ต รวจกจิ กรรมในแบบวดั และ 2. ทกั ษะ - มวี ินยั
ชั่วโมง อาชีพ ม.3 ความปลอดภัยในการ บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ การจดั การ - ใฝเ่ รียนรู้
- แบบทดสอบก่อนเรียน ปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ นได้ - ป ระเมนิ การนำ� เสนอผลงาน 3. ทักษะ - อยูอ่ ยา่ ง
- PowerPoint 3. ปฏิบตั งิ านช่างตาม - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน กระบวนการ พอเพียง
กระบวนการปฏบิ ตั ิงาน รายบคุ คล แก้ปญั หา - มุ่งมัน่
ช่างในบ้านไดอ้ ย่าง - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน 4. ทักษะ ในการทำ� งาน
ถูกตอ้ ง เหมาะสม กลมุ่ การแสวงหา - รกั ความ
4. มีทักษะกระบวนการ - สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ ความรู้ เป็นไทย
ทำ� งานและทักษะการ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ใน 5. ทกั ษะการให้ - มีจติ
จดั การ เพอ่ื การประหยดั การทำ� งาน เหตุผล สาธารณะ
พลังงาน ทรพั ยากร 6. ทักษะการคิด
และสิง่ แวดลอ้ ม วเิ คราะห์
7. ทกั ษะการทำ� งาน
กลมุ่
8. ทกั ษะการสรุป
ลงความคิดเหน็
T62
แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คณุ ลักษณะ
การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สอื เรียนการงาน 1. อ ธบิ ายวิธกี ารตดิ ตงั้ แบบ - ตรวจการตดิ ต้งั และประกอบ 1. ทักษะ - รกั ชาติ ศาสน ์
การปฏบิ ัติ อาชพี ม.3 และประกอบผลิตภณั ฑ์ กระบวนการ ผลิตภัณฑ์ กระบวนการ กษัตรยิ ์
งานช่างในบา้ น : - แบบวัดและบนั ทึกผล - ต รวจกจิ กรรมสร้างสรรค์ ท�ำงาน - ซ่ือสัตย์สจุ ริต
การติดตง้ั และ การเรยี นรกู้ ารงาน เครอ่ื งใช้ภายในบา้ น สาธติ พัฒนาการเรียนรู้ 2. ทกั ษะ - มวี ินยั
ประกอบ อาชพี ม.3 ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง - ประเมินช้ินงาน/ภาระงาน การจัดการ - ใฝ่เรยี นรู้
ผลิตภัณฑ์ - แบบทดสอบหลังเรียน 2. ต ดิ ต้งั และประกอบ (รวบยอด) 3. ทกั ษะ - อย่อู ยา่ ง
- PowerPoint - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน กระบวนการ พอเพียง
2 ผลติ ภณั ฑ์เคร่ืองใช้ - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน แก้ปัญหา - ม่งุ ม่ัน
ภายในบ้านง่าย ๆ ได้ รายบคุ คล 4. ทกั ษะ ในการทำ� งาน
ช่ัวโมง ดว้ ยตนเอง - ส งั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน
3. เลือกและใชอ้ ุปกรณ์ กลมุ่
เคร่อื งใชใ้ นการติดต้งั - สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ การแสวงหา - รกั ความ
และประกอบผลติ ภัณฑ์ อยู่อยา่ งพอเพยี ง มุ่งมั่นใน ความรู้ เปน็ ไทย
เครือ่ งใชภ้ ายในบ้านได้ การท�ำงาน 5. ทักษะการท�ำงาน - มจี ติ
อย่างถูกต้อง เหมาะสม - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน ร่วมกัน สาธารณะ
4. เ ก็บรกั ษาอุปกรณ์ 6. ทกั ษะการประยกุ ต์
เครือ่ งใช้ในการติดต้ัง ใชค้ วามรู้
และประกอบผลติ ภัณฑ์ 7. ทักษะการท�ำงาน
เครอ่ื งใช้ภายในบา้ นได้ กลมุ่
อยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม
5. มที ักษะกระบวนการ
ทำ� งานและทกั ษะการ
จดั การ เพอื่ การประหยดั
พลังงาน ทรพั ยากร
และสงิ่ แวดลอ้ ม
T63
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ (แบบกระบวนการเรยี น ความรู ความเขา ใจ) ¡ÒÃô »¯ÔºÑµÔหน่วยการเรยี นรู้ท่ี§Ò¹ªÒ‹ §
㹺ŒÒ¹
1. ครูแจงช่ือเรื่องที่จะเรียนรูและจุดประสงคการ งานชา งในบา น เปน งานชา งพน้ื ฐานทนี่ าํ ไปใชป ระโยชนไ ดใ นชวี ติ ประจาํ วนั สามารถเรยี นรแู ละ
เรียนรูใหนักเรียนทราบ จากนั้นใหนักเรียน
แตล ะคนทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนวยการ ปฏบิ ตั ไิ ดด ว ยตนเอง โดยเฉพาะการซอ มแซม การบาํ รงุ รกั ษา การตดิ ตงั้ และประกอบผลติ ภณั ฑ
เรยี นรูท่ี 4 เร่อื ง การปฏิบตั งิ านชางในบา น เครื่องมือ เครื่องใช และสงิ่ อาํ นวยความสะดวกตาง ๆ เพอ่ื ยดื อายกุ ารใชง านใหย าวนานยงิ่ ข้ึน
ชว ยประหยดั คา ใชจ า ย การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นผปู ฏบิ ตั งิ านจะตอ งมคี วามรู ความเขา ใจเกย่ี วกบั
2. ครูเปดคลิปวิดีโอการปฏิบัติงานชางในบานใน งานชา งลกั ษณะตา งๆ มที กั ษะกระบวนการทาํ งาน เพอื่ จะไดป ฏบิ ตั งิ านชา งไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ลกั ษณะตา งๆ ใหน กั เรยี นดู เชน การซอ มแซม
ขาเกา อี้ การซอมสีประตูร้วั การลางทําความ ตัวชวี้ ดั
สะอาดหนากากเครื่องปรับอากาศ การใช
นํ้ามันจักร หรือสารหลอลื่นหยอดมอเตอร ■ อภปิ รายข้ันตอนการทาํ งานที่มีประสทิ ธิภาพ (ง ๑.๑ ม.๓/๑)
พดั ลม เพ่อื แกป ญ หาใบพัดฝด การตดิ ต้ังและ ■ ใชท ักษะในการทํางานรวมกันอยางมคี ณุ ธรรม (ง ๑.๑ ม.๓/๒)
ประกอบชนั้ วางรองเทา การตดิ ตงั้ และประกอบ ■ อภิปรายการทาํ งานโดยใชทกั ษะการจดั การ เพ่ือการประหยดั พลังงาน ทรพั ยากร และส่ิงแวดลอม (ง ๑.๑ ม.๓/๓)
โตะคอมพิวเตอร
3. ครถู ามนักเรยี นวา
• ผูปฏิบัติงานปฏิบัติไดถูกตองและปลอดภัย
หรอื ไม อยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ)
• นักเรียนเคยซอมแซม บํารุงรักษา ติดตั้ง
และประกอบผลติ ภณั ฑเ ครอ่ื งใชภ ายในบา น
ดวยตนเองหรือไม หากเคย ปฏิบัติสิ่งใด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ)
4. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 3 คน ออกมาเลา
เก่ียวกับการปฏิบัติงานชางในบานของตนเอง
ใหเ พอ่ื นฟง หนา ชน้ั เรยี น โดยกาํ หนดใหค นท่ี 1
เลาเกี่ยวกับการซอมแซมสิ่งของเครื่องใช
คนท่ี 2 เลาเก่ียวกับการบํารุงรักษาสิ่งของ
เคร่ืองใช และคนท่ี 3 เลาเก่ียวกับการติดต้ัง
และประกอบผลิตภัณฑส่ิงของเครื่องใช
จากนั้นครูใหนักเรียนท่ีเหลือรวมกันวิเคราะห
การปฏิบัติงานของเพื่อนวาถูกตองหรือไม
และมีความปลอดภัยมากนอยเพียงใด
เกร็ดแนะครู
ครคู วรจัดการเรยี นรู โดยอธิบายเกี่ยวกบั การปฏิบตั งิ านชางในบานใหนกั เรยี นฟง เพ่อื ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจ เรอ่ื ง ความสําคญั ของงานชา งในบาน
หลกั การปฏิบตั ิงานชา งในบา น หลักความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น และกระบวนการปฏบิ ัติงานชา งในบาน สามารถอธิบายข้ันตอนการปฏบิ ตั ิ
งานชางในบานไดอยางมีประสิทธิภาพ ใชทักษะการทํางานรวมกันอยางมีคุณธรรม และใชทักษะการจัดการ เพื่อใหการทํางานสําเร็จตามเปาหมายอยางมี
ประสิทธิภาพ คํานงึ ถงึ การประหยดั พลังงาน ทรพั ยากร และสิ่งแวดลอ ม โดยสามารถจัดกจิ กรรมได ดงั นี้
• ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกนั แสดงความคิดเห็น เพื่อใหนกั เรยี นเกดิ ความรู ความเขาใจเกีย่ วกับทกั ษะการปฏิบัติงานชางในบา น
• ใหนักเรียนฝกปฏิบัติการติดตั้งและประกอบผลิตภัณฑเคร่ืองใชภายในบาน เพ่ือใหสามารถนําไปปฏิบัติไดดวยตนเอง เชน การติดต้ังโทรทัศน
แบบแขวนผนงั การติดตง้ั ชั้นวางอเนกประสงคแ บบติดผนัง
T64
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ËÒ¡äÁà‹ ¤Â»¯ºÔ µÑ §Ô Ò¹ªÒ‹ §áÅÐ ๑ งานชา งในบา น ขนั้ นาํ
µÍŒ §¡ÒûÃСͺµàŒÙ ÊÍé× ¼ÒŒ ·«Õè Íé×
ÁÒãËÁ´‹ ÇŒ µ¹àͧ ¤ÇÃàÃÁÔè µ¹Œ งานชา งในบา นเปน การใช การเลอื กใช การตดิ ตง้ั และประกอบ 5. ครูต้ังคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
Í‹ҧäà ผลิตภัณฑ รวมถึงการซอมแซม การบํารุงรกั ษา การดดั แปลง วา “หากไมม คี วามรเู กย่ี วกบั การปฏบิ ตั งิ านชา ง
การปรับปรุงแกไ ข การสราง หรือการผลิตชิ้นงาน วัสดุส่งิ ของ ในบานและตองการฝกปฏิบัติงานดวยตนเอง
เครอื่ งมอื เครอื่ งใชต า ง ๆ ภายในบา น เพ่อื อํานวยความสะดวก ควรเรม่ิ ตน อยา งไร เพราะเหตใุ ด” โดยครเู ปด
ในการดํารงชีวิต การปฏิบัติงานชางในบานเปนการใชเวลาวาง โอกาสใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น
ใหเกิดประโยชน ชวยลดคาใชจายในการซ้ือของใชใหม หรือ จากนน้ั ครจู งึ กลา วเชอื่ มโยงเขา สบู ทเรยี น
ลดการจางชางมาซอม เปนงานที่สามารถเรียนรูและฝกฝน
ขนั้ สอน
เพมิ่ เ๑ตมิ.๑เพคอ่ื วปารมะกสอําบคอัญาชขพี อชงางงาไนดใชนา องน1ใานคบตาน
ขั้นท่ี 1 สังเกต ตระหนกั
งานชา งในบา นประกอบดว ยงานชา งหลากหลายสาขา ซง่ึ จดั
เปน งานทม่ี คี วามเกย่ี วขอ งกบั การดาํ รงชวี ติ ของมนษุ ย สงิ่ สาํ คญั 1. ครูใหนักเรียนศึกษา เร่ือง ความสําคัญของ
ทขี่ าดไมไ ดใ นการปฏบิ ตั งิ านชา ง คอื ผปู ฏบิ ตั งิ านจะตอ งยดึ หลกั งานชางในบาน จากหนังสือเรียน หนวยการ
ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านอยเู สมอ มนษุ ยจ ะไดร บั ประโยชน เรยี นรทู ี่ 4 หรอื ศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จากอนิ เทอรเนต็
หลายประการจากการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นดว ยตนเอง ดงั น้ี
2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การปฏิบัติงานชางใน
๑. รูจักซอ มแซม บาํ รุงรกั ษา ปรับปรุงแกไ ขช้นิ งาน หรือ บา นเปน การปฏบิ ตั งิ านในรปู แบบหนงึ่ ทมี่ คี วาม
ผลิตภัณฑ สิง่ ของเครอ่ื งใชใหส ามารถใชง านไดยาวนานยง่ิ ข้นึ สัมพันธเกี่ยวของกับการดํารงชีวิตของมนุษย
เนื่องจากเปนสิ่งที่อยูใกลตัว สามารถพบได
๒. ใชว สั ดุ อปุ กรณ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใชใ นงานชา ง เพอ่ื สรา ง ในชีวิตประจําวัน หากมีความรู ความเขาใจ
หรือผลิตชิ้นงานในชวี ิตประจาํ วัน หรือเพ่อื การประกอบอาชีพ เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นทถ่ี กู ตอ ง กจ็ ะ
สามารถปฏิบัติงานชางในบานงายๆ ไดดวย
๓. สง เสรมิ ความคดิ สรา งสรรคแ ละจนิ ตนาการในการคดิ คน ตนเอง ซงึ่ จะสง ผลใหก ารดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั
หรอื ประดษิ ฐน วตั กรรม เพอ่ื ตอบสนองการใชง านของมนษุ ย เปนไปอยางราบร่นื และมคี วามสุข”
๔. คาํ นึงถงึ ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัตงิ าน ฝก ทักษะการ 3. ครูถามนักเรยี นวา
ทํางานรวมกัน ทักษะการจัดการ และฝกคิดวิเคราะหดวยการ • นักเรียนจะไดรับประโยชนอยางไรจากการ
แกปญ หา ฝกปฏิบตั งิ านชา งในบา นดว ยตนเอง
(แนวตอบ ไดร บั ประโยชนหลายประการ เชน
๕. เปนการใชเวลาวางใหเกิดประโยชน สงเสริมใหรูจัก เปนการใชเวลาวางใหเกิดประโยชน ชวย
รบั ผดิ ชอบตอ หนา ทที่ ี่ไดร บั มอบหมาย รวมถงึ ฝก ทกั ษะนสิ ยั เรอื่ ง ประหยัดคาใชจา ยในครอบครัว สรา ง หรอื
ความประหยัดอดออม ผลิตช้ินงานงายๆ ไดดวยตนเอง เพิ่มพูน
ความรูและพัฒนาทักษะการปฏิบัติงานชาง
สาระการเรียนรูแกนกลาง มคี วามรแู ละมที กั ษะในการใชเ ครอื่ งมอื ชา ง
■ ขั้นตอนการทํางานทีม่ ีประสทิ ธิภาพ เปนการปฏิบัตติ ามกระบวนการทํางาน โดยการทําตามลําดับขัน้ ตอน มคี วามสามารถทาํ งานสาํ เร็จ ประเภทตางๆ อยา งถกู ตอ งและปลอดภยั )
ตามเปา หมายทวี่ างไว เชน การสรา งชิน้ งาน หรือผลงาน
■ ทกั ษะการทํางานรวมกัน เปน การสรา งใหผูเ รยี นสามารถทาํ งานและอยรู ว มกันไดอ ยา งมคี วามสุขและมคี ณุ ธรรม
■ ทกั ษะการจดั การ เปน การจดั ระบบงานและระบบคน เพอ่ื ใหทํางานสําเร็จตามเปา หมายอยางมี
ประสทิ ธิภาพ เชน การตดิ ตง้ั /ประกอบผลิตภัณฑ ๕๕การปฏิบัติงานช่างในบ้าน
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
หากตอ งการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นใหม ปี ระสทิ ธภิ าพ ควรปฏบิ ตั ิ ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกีย่ วกับงานชางในบานใหนกั เรียนฟงวา งานชา งในบาน
อยา งไร จะประกอบไปดวยงานชา งหลากหลายสาขา ซ่ึงผปู ฏบิ ัติงานสามารถนาํ เทคนิค
และวิธีการปฏิบัติงานชางเหลานั้นมาประยุกตใชในการติดต้ังและประกอบ
1. ทดลองฝกปฏบิ ัตงิ านชา งในบานทกุ ประเภทดว ยตนเอง ผลิตภณั ฑ รวมถงึ การซอ มแซม การบาํ รงุ รกั ษา การปรับปรงุ แกไขชน้ิ งาน หรอื
2. เลอื กใชอ ปุ กรณ เครอื่ งมอื งานชา งทมี่ คี ณุ ภาพและมรี าคาสงู องคป ระกอบตา งๆ ของบานใหมสี ภาพทีส่ มบูรณ คงทน แขง็ แรง สวยงาม และ
3. เรยี นรจู ากชา งมอื อาชพี หรอื ชา งทม่ี คี วามเชยี่ วชาญเฉพาะทาง ใชง านไดด ี โดยใชทักษะพ้ืนฐานการปฏิบตั ิงานชา งนน้ั ๆ รว มกบั ความรู ทกั ษะ
4. มีความเช่ียวชาญและวางแผนการปฏิบัติงานอยางเปน กระบวนการปฏิบตั งิ านชา งในการปฏิบัตงิ านทุกคร้ังอยา งถกู ตอ งและปลอดภยั
ข้ันตอนและคาํ นึงถงึ ความปลอดภยั เสมอ นักเรียนควรรู
(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการปฏิบัติงานชางในบาน 1 ความสําคัญของงานชาง เมื่อไดเรียนรูเก่ียวกับงานชาง ไดทดลองฝก
ทกุ ประเภท ผปู ฏบิ ตั งิ านควรมคี วามรู ความเชยี่ วชาญการวางแผน ปฏบิ ตั งิ าน กจ็ ะปฏบิ ตั งิ านชา งงา ยๆ ไดด ว ยตนเอง และหากฝก ฝนจนเกดิ ความ
การปฏบิ ตั งิ านอยา งเปน ขนั้ ตอน เพอ่ื ใหส ามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ ยา ง ชํานาญ กจ็ ะสามารถนําความรไู ปประกอบเปนอาชีพไดใ นอนาคต
ราบร่ืน เพื่อใหการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ และตองคํานึงถึง
ความปลอดภยั ในขณะปฏิบัตงิ านรวมดว ย) T65
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๑.๒ หลกั การปฏบิ ัตงิ านช่างในบ้าน1 ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน2
ขัน้ ท่ี 2 วางแผนปฏิบัติ การปฏบิ ตั งิ านซอ่ มแซม บา� รงุ รกั ษา ตดิ ตง้ั และประกอบผลติ ภณั ฑภ์ ายในบา้ น
จะตอ้ งรแู้ ละเขา้ ใจหลกั การปฏบิ ตั งิ านทถี่ กู ตอ้ ง เพอื่ สามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและ
4. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ จาํ นวน 6 กลมุ กลมุ ละ เกดิ ความปลอดภยั หลกั การปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ น มดี งั นี้
เทาๆ กนั ใหน กั เรียนแตล ะกลุมรว มกนั ศกึ ษา
เรอ่ื ง หลกั การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น หลกั ความ ร้ขู นั้ ตอนการปฏิบัตงิ านจากการอ่านคมู่ ือการใชง้ าน3 รจู้ ักอุปกรณ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นงานช่าง เข้าใจ
ปลอดภัยในการปฏิบัติงานชางในบาน และ
กระบวนการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น จากหนงั สอื ข้นั ตอน วิธีการซ่อมแซม บา� รุงรักษา ตดิ ต้ังและประกอบผลิตภัณฑ ์ สามารถปฏิบตั งิ านไดอ้ ย่างปลอดภัย
เรียน หนว ยการเรียนรูท ่ี 4 หรอื ศกึ ษาเพิม่ เติม
จากอนิ เทอรเ นต็ รอบรู วิเคราะห์ขั้นตอนการท�างาน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่พบในระหว่าง
เขาใจ การปฏบิ ตั งิ านได ้ มที กั ษะกระบวนการปฏบิ ตั งิ านชา่ งทหี่ ลากหลาย
5. ครูใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับหลักการ มคี วาม
ปฏิบตั ิงานชา งในบา น หลกั ความปลอดภัยใน สามารถ
การปฏิบัติงานชางในบาน และกระบวนการ ช่างสังเกต จดจ�า ใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการ
ปฏบิ ัตงิ านชา งในบา น จาก PowerPoint ม.3 ปรับปรุงแก้ไข หรือดัดแปลงสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นสิ่งใหม ่
หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4 คดิ รเิ ริ่ม เพ่ือตอบสนองความต้องการของมนุษย์
สรา งสรรค์
6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย
แลกเปล่ยี นความรใู นเรือ่ งทีไ่ ดศ กึ ษามา ปลอดภยั ค�านึงถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน ใช้
รอบคอบ อปุ กรณ ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นงานชา่ งเหมาะสม
7. ครถู ามนักเรยี นวา ใช้ทรัพยากรที่มีอย่างประหยดั และคมุ้ ค่า
• เพราะเหตุใดนักเรียนจึงตองเรียนรูเก่ียวกับ
หลักการปฏิบตั งิ านชา งในบา น ทนั ตอ่ การ กา้ วทนั เทคโนโลย ี นา� เทคโนโลยมี าปรบั ปรงุ แกไ้ ข
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ เปลยี่ นแปลง และประยุกต์ใช้ในการท�างานอยู่เสมอ เพ่ือให้
ไดอยา งอิสระ เชน เพอ่ื ใหปฏบิ ตั ิงานชา งใน ไดผ้ ลิตภณั ฑ์ หรอื นวตั กรรม
บานไดอยางถูกตองและปลอดภัย เพ่ือจะ
ไดปฏิบัติงานไดอยางถูกตองตามขั้นตอน ละเอยี ด พจิ ารณา วางแผน ทดลอง ตรวจสอบการปฏิบตั ิงาน
เพ่ือนําหลักการปฏิบัติงานชางไปประยุกต ลออ อย่างละเอียด เพ่ือลดข้อผิดพลาด หรืออันตราย
ใชในการปฏิบัติงานชางประเภทตางๆ ได ทีอ่ าจเกิดข้นึ จากการปฏบิ ตั งิ าน
อยา งเหมาะสม) เช่อื ม่ัน
• หัวใจสําคัญของหลักการปฏิบัติงานชาง มีวนิ ยั และ ในตนเอง
ในบานคือสิ่งใด มีไหวพริบ
(แนวตอบ ความปลอดภัย เพราะเปนงาน กล้าคิด กล้าท�า กล้าตัดสินใจ มุ่งม่ันที่จะปฏิบัติงานให้ประสบ
ที่มีโอกาสไดรับอันตรายและอาจกอใหเกิด ผลสา� เรจ็ หม่นั ศึกษาหาความรู้เพ่ิมเตมิ ฝกการวิเคราะหแ์ ละตัดสินใจ
ความเสียหายแกทรัพยสิน หรือชีวิตได
จึงควรศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการปฏิบัติ เม่ือเห็นช้ินงานต้องบอกได้ว่าชิ้นงานถูกสร้างข้ึนมาได้อย่างไร จัดเก็บอุปกรณ์ เครื่องมือ เคร่ืองใช้
งานชา งประเภทตา งๆ ใหเ ขา ใจ ใชเ ครอ่ื งมอื ในงานช่างใหเ้ หมาะสมและปลอดภัย ทา� ความสะอาดสถานท่ีท่ีใช้ในการปฏบิ ัติงานให้เรียบรอ้ ย
ในงานชางอยา งถูกตอง และคาํ นึงถงึ ความ ๕6
ปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านอยูเสมอ)
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
1 งานชางในบาน มีอยูดวยกันหลายประเภท เชน งานไม งานปูน หรือ ขอใดเปนสงิ่ สาํ คัญทค่ี วรคํานงึ ถึงมากที่สดุ ในการปฏบิ ัติ
คอนกรีต งานประปา งานไฟฟา งานโลหะ งานเคลือบผิว การเรียนรเู กี่ยวกบั งานชา งรว มกบั ผอู ่ืน
งานชางและการฝกปฏิบัติงานชางดวยตนเอง จะชวยใหเกิดความเช่ียวชาญ
และตอยอดเปน อาชพี ไดในอนาคต 1. ความรแู ละความสามารถของผปู ฏบิ ัติงาน
2 ผปู ฏบิ ตั งิ าน ลกั ษณะของผปู ฏบิ ตั งิ านชา งทด่ี มี อี ยดู ว ยกนั หลายประการ เชน 2. ความสวยงามและความทนั สมยั ของชิน้ งาน
มคี วามรู ความเขา ใจเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั งิ านชา ง มที กั ษะกระบวนการปฏบิ ตั งิ าน 3. ความรว มมอื และความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ าน
ชา งทดี่ ี สามารถนาํ เทคโนโลยมี าปรบั ปรงุ แกไ ข ประยกุ ตใ ชใ นการปฏบิ ตั งิ านชา ง 4. ความสามารถในการใชอุปกรณ เครือ่ งมือในงานชา ง
อยูเ สมอ ตลอดจนมนี ิสยั รักการทาํ งาน ปฏิบตั ิงานดว ยความละเอยี ด รอบคอบ
อนั จะนํามาซง่ึ ความปลอดภัยในการปฏบิ ัตงิ าน อยางหลากหลาย
3 คมู อื การใชง าน เปน เอกสารสาํ คญั ท่มี ีการอธบิ าย หรอื การใหร ายละเอียด
เกี่ยวกับวธิ ีการ หรือข้ันตอนการปฏบิ ตั ิงานในการตดิ ตง้ั และประกอบผลิตภณั ฑ (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. เพราะส่งิ สําคัญทีจ่ ะตอ งคํานึงถึง
เครื่องใชภายในบาน เพื่อใหการปฏิบัติงานเปนไปอยางถูกตองและเกิดความ มากทสี่ ดุ ในการปฏบิ ตั งิ านชา งรว มกบั ผอู น่ื คอื การใหค วามรว มมอื
การชวยเหลือซ่ึงกันและกัน ซึ่งในสวนของการปฏิบัติงานชางนั้น
Tปลอดภยั ควรคํานึงถึงความปลอดภัยในเร่ืองของการใชอุปกรณ เคร่ืองมือ
ในงานชางและวธิ ีการปฏิบัติงานรว มดวย)
66
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
การปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ นทสี่ า� คญั มอี ยดู่ ว้ ยกนั ๓ ลกั ษณะ ไดแ้ ก ่ การซอ่ มแซม การบา� รงุ รกั ษา ขนั้ สอน
การตดิ ตงั้ และประกอบผลติ ภณั ฑ ์ ซง่ึ นอกเหนอื จากหลกั การปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ นที่ไดก้ ลา่ วมาแลว้
การปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ นยงั มหี ลกั การปฏบิ ตั เิ ฉพาะทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะงาน ดงั นี้ ข้นั ท่ี 3 ลงมอื ปฏบิ ัติ
หลกั การซอ่ มแซม 8. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
• ซ อ่ มแซมทนั ท ี หากพบวา่ มอี ปุ กรณ ์ สงิ่ ของเครอ่ื งใช้ 1 คน ออกมาจับสลากเลือกภาพการปฏิบัติ
งานชา งในบา นประเภทตา งๆ กลมุ ละ 1 ภาพ
ท่ีช�ารุด ไม่ควรปล่อยท้ิงไว้จนไม่สามารถซ่อมได้
งดใชอ้ ปุ กรณ ์ สงิ่ ของเครอื่ งใชท้ ช่ี า� รดุ เพอ่ื ปอ้ งกนั 9. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาเกย่ี วกบั
ไมใ่ ห้เกดิ อันตรายต่อผ้ใู ช้ หรือบุคคลอนื่ ๆ การซอมแซม การบาํ รงุ รกั ษา การติดตั้งและ
• ส า� รวจชนดิ ของวสั ดทุ ใ่ี ชท้ า� และลกั ษณะการชา� รดุ ประกอบผลติ ภณั ฑส งิ่ ของเครอื่ งใชจ ากภาพที่
ของอปุ กรณ ์ สิ่งของเคร่อื งใช้อย่างละเอยี ด เพ่อื จับสลากได พรอมทงั้ บนั ทกึ ขอมลู ในประเดน็
จะได้จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ท่ีจ�าเป็นต้องใช้ใน ท่ีกําหนดให คือ ประเภทของงานชา งในบาน
การซอ่ มแซมได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม หลกั ในการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น และขอ ควร
• ศึกษาวิธีการซ่อมแซมจากคู่มือการใช้งาน หรือ ระวงั ในการปฏิบัตงิ านชางในบาน
สบื คน้ จากแหลง่ การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย เพอื่ ใหไ้ ด้
ขอ้ มลู และวธิ กี ารซอ่ มแซมทถ่ี กู ตอ้ ง หากซอ่ มแซม 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1-2 คน ออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
• กเอางรไซม่อ่ไดม้ แคซวมรใอหุป้ชกา่ รงมณา์ปทร�ากะาเภรทซอ่ไฟมฟแซ้า1ม ผแทู้ปนฏิบัติงานควรปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง เพ่ือป้องกัน หนาชั้นเรียน จากน้ันใหเพื่อนรวมช้ันเรียน
รวมกนั เสนอแนะเพิม่ เตมิ
อนั ตรายทอ่ี าจเกิดข้ึนในขณะปฏบิ ตั งิ าน โดยจะต้องมคี วามละเอียดรอบคอบอย่เู สมอ
หลักการบาํ รุงรักษา 11. ครถู ามนักเรยี นวา
• อปุ กรณ ์ สงิ่ ของเครอื่ งใชแ้ ตล่ ะชนดิ มวี ธิ กี ารบา� รงุ • การซอ มแซม การบาํ รงุ รกั ษา การตดิ ตงั้ และ
รักษาที่ต่างกัน ควรศึกษาวิธีการบ�ารุงรักษาท่ี ประกอบผลิตภัณฑมีลักษณะและรูปแบบ
ถูกต้องจากคู่มอื การใชง้ าน หรือศกึ ษาจากแหล่ง การปฏบิ ตั ิงานท่ีแตกตางกนั อยา งไร
การเรยี นรอู้ น่ื ๆ เพอ่ื ใหบ้ า� รงุ รกั ษาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (แนวตอบ ลักษณะและรูปแบบการปฏิบัติ
• หมั่นเช็ดถูและท�าความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ งานชางแตละลักษณะมีความแตกตางกัน
เครอ่ื งใชอ้ ยเู่ สมอ เพอื่ ปอ้ งกนั การเปน็ แหลง่ สะสม คอื การซอมแซม การวเิ คราะหอาการเสีย
ของเชอ้ื โรคตา่ ง ๆ ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ชวี ติ อาการเส่ือมสภาพของอุปกรณ เครื่องใช
และร่างกายได ้ ภายในบา น เพ่ือหาสาเหตแุ ละหาแนวทาง
• อุปกรณ์ประเภทไฟฟ้าทุกชนิด ควรตรวจสอบ การซอมแซมใหกลับมาใชงานไดตามปกติ
สภาพการใช้งานอยู่เสมอ เม่ือใช้เสร็จควรถอด การบาํ รงุ รกั ษา เปน งานทต่ี อ งอาศยั ความรู
และคําแนะนําจากคูมือการใชงาน การ
คปวลาั๊กมไรฟอ้ อนอ สกาทรุกเคคมร2 ี้ังเพ ไรมา่วะาองาสจทายา� ใไหฟฉ้ ฟน้าวในกชลา� ้แรหดุ ลได่ง้ ติดต้ังและประกอบผลิตภัณฑ การศึกษา
หลักการทํางาน ความเหมาะสมของ
• หากพบวา่ มเี สยี งดงั ผดิ ปกต ิ มกี ลนิ่ เหมน็ ไหม ้ ควรงดใชง้ านทนั ท ี เพอื่ ปอ้ งกนั การเกดิ อนั ตรายตอ่ ผใู้ ชง้ าน อุปกรณ สถานท่ีที่จะนําไปติดตั้ง เพ่ือ
ควรตรวจสอบเพือ่ หาสาเหตุทีเ่ กิดขึน้ และทา� การซอ่ มแซมใหถ้ กู ตอ้ งกอ่ นน�ากลบั มาใช้งานตามปกต ิ ทําใหอุปกรณ เครื่องใชภายในบานมี
๕๗การปฏิบัติงานช่างในบ้าน ประสิทธภิ าพ)
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
“มนี าตอ งการทําความสะอาดสวา นหลังจากใชงานเสร็จ” 1 การซอมแซมอุปกรณประเภทไฟฟา ควรปฏิบัติงานดวยความระมัดระวัง
มีนาควรปฏิบัติอยางไร เปนพิเศษ เพราะอันตรายของไฟฟามีผลตอชีวิต อาจทําใหไดรับบาดเจ็บไป
จนถึงขั้นเสียชีวิตได โดยลักษณะอันตรายของไฟฟาท่ีมีตอชีวิตมีอยูดวยกัน
1. ชโลมนํ้ามนั เคร่ืองชนิดขนและใชผา ชบุ นาํ้ บิดหมาดเช็ด หลายลักษณะ เชน กระแสไฟฟาใชรางกายเปนทางผานลงดิน หรือไฟฟาดูด
กอนนาํ ไปเก็บ เกดิ จากกระแสไฟฟา ผา นรา งกายลงดนิ ทาํ ใหม ลี กั ษณะอาการชกั กระตกุ สง ผลให
รา งกายเกดิ การเกร็งของกลามเนื้อ จนไมส ามารถสะบัดใหห ลดุ ออกมาได หาก
2. ชโลมนํา้ มนั จกั รบริเวณสวนหวั บงั คับดอกสวานกอนนาํ กระแสไฟฟาผานรางกายในปริมาณมาก จะไดรับอันตรายจนถึงข้ันเสียชีวิต
ไปเกบ็ ซ่ึงอันตรายจากไฟฟาดูดเปนลักษณะท่ีมนุษยไดรับอันตรายจากไฟฟามากที่สุด
ประมาณรอยละ 90 ของผูป ระสบอันตรายจากไฟฟา ทั้งหมด
3. แชในน้ําสะอาดและเช็ดใหแ หง กอ นนาํ ไปเกบ็
4. เช็ดดว ยแอลกอฮอลฆ า เช้ือแลว จงึ นาํ ไปเก็บ 2 สารเคมี ในการปฏิบตั งิ าน หากจําเปนตอ งใชง านสารเคมี ผูปฏิบัตงิ านควร
สวมใสอ ปุ กรณป อ งกนั ทเ่ี หมาะสม เชน หากตอ งใชง านสารเคมที ม่ี ฤี ทธกิ์ ดั กรอ น
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการบาํ รงุ รกั ษาสวา นทถี่ กู ตอ ง ควรสวมถงุ มอื เพอ่ื ปอ งกนั การซมึ ผา นของสารเคมี และสวมแวน ตา เพอื่ ปอ งกนั
คือ การถอดดอกสวานออก หมุนหัวบังคับดอกสวานใหแนน การกระเด็นของสารเคมี
ทาํ ความสะอาดทต่ี วั เครื่องและดอกสวาน ชโลมน้าํ มันเครื่องชนิด T67
ใส หรือน้าํ มนั จักรบริเวณสวนหวั บงั คับดอกสวา น มว นสายไฟให
เปนระเบยี บกอ นนาํ ไปเก็บ)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน หลักการตดิ ต้งั และประกอบผลติ ภณั ฑ์
ขั้นท่ี 3 ลงมอื ปฏิบตั ิ • ศ กึ ษาลกั ษณะเฉพาะของอปุ กรณ ์ สงิ่ ของเครอ่ื งใช้
ที่ต้องการติดต้ัง รวมถึงส่วนประกอบปลีกย่อย
• เพราะเหตุใดเม่ือพบอุปกรณ เครื่องใช อย่างละเอียด เพ่ือให้การติดต้ังและประกอบ
ภายในบานท่ีชํารุดจึงตองหยุดการใชงาน ผลิตภณั ฑเ์ ป็นไปอยา่ งถูกตอ้ งและปลอดภยั
และนาํ มาซอ มแซมโดยทนั ที
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ • กา� หนดตา� แหนง่ สถานทที่ ต่ี อ้ งการตดิ ตง้ั ใหเ้ หมาะสม
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน เพอื่ เปน การปอ งกนั ไมใ ห กับการใช้งาน ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน หลีกเล่ียง
สมาชิกในครอบครัวไดรับอันตราย หากนํา การติดต้งั อุปกรณ์ สิง่ ของเคร่ืองใชใ้ นสถานท่ีท่มี ี
อุปกรณ เครื่องใชภายในบานที่ชํารุดชิ้น ความช้ืนสงู เพราะอาจก่อให้เกดิ อนั ตรายได้
ดังกลาวไปใช เพื่อชวยแกไขใหอุปกรณ
เครื่องใชภายในบานท่ีชํารุดสามารถนํา • ศึกษาวิธีการติดต้ังและประกอบผลิตภัณฑ์ให้
กลับมาใชง านไดต ามปกต)ิ เขา้ ใจจากการอา่ นคมู่ อื หรอื คา� แนะนา� การใชง้ าน
เน่ืองจากอุปกรณ์ ส่ิงของเคร่ืองใช้แต่ละชนิด
• นกั เรยี นมแี นวทางในการบาํ รงุ รกั ษาอปุ กรณ ล้วนมีความแตกตา่ งกัน
เครื่องใชภายในบานที่เปนเคร่ืองใชไฟฟา
อยางไร เพ่ือชวยยืดอายุการใชงานของ • จ ัดเตรยี มอุปกรณ์ เครื่องมอื เครอื่ งใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั สภาพพน้ื ทแ่ี ละลกั ษณะของงานท่ีตอ้ งการตดิ ตงั้
อุปกรณ เครอ่ื งใชภ ายในบา นชิน้ ดงั กลาว เนือ่ งจากอุปกรณง์ านชา่ งมีอยูด่ ้วยกันหลายประเภท เพอื่ ใหก้ ารปฏิบตั งิ านเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยา งอสิ ระ เชน ปฏิบัติตามคาํ แนะนาํ ใน • ติดตั้งและประกอบผลิตภัณฑ์ตามคู่มือการใช้งานท่ีผู้ผลิตแนะน�าอย่างเคร่งครัด เพ่ือความปลอดภัย
การใชงานอยางเครงครัด ควรถอดปลั๊กไฟ ควรทดสอบการทา� งานของอุปกรณ์ สง่ิ ของเคร่อื งใช้หลังทา� การติดต้งั เสรจ็ ทกุ ครั้ง
ออกทุกคร้ังหลังใชงานเสร็จ หม่ันดูแล
ทําความสะอาดอยูเสมอ คอยสังเกตความ Tip
ผิดปกติจากการใชงาน หากพบความ
ผิดปกติใหหยุดใชงานทันที และทําการ สญั ลกั ษณค์ วามปลอดภัยในการปฏบิ ัติงานช่าง
ซอมแซมใหเรียบรอยกอนนาํ มาใชงาน)
ในโรงงานอุตสาหกรรมท่ีมีเคร่ืองจักรเปนจ�านวนมาก จะมีการใช้สัญลักษณ์ความ
• การศกึ ษาคมู อื การใชง านมปี ระโยชนต อ การ ปลอดภัยสีต่าง ๆ เพ่ือแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานทราบ เพ่ือจะได้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง
ตดิ ต้งั และประกอบผลติ ภัณฑอ ยา งไร โดยสีที่ใชม้ ี ๔ สี ดงั นี้
(แนวตอบ มีประโยชนหลายประการ เชน แดง : หยุด เขียว : แสดงสภาวะปลอดภยั
ชวยใหเขาใจวาควรปฏิบัติส่ิงใดกอน-หลัง
ควรปฏิบัติอยางไรจึงจะถูกตอง ชวยลด EXถTังINดFGับIRUเEพISลHิงER สาHยOฉีดSFนEIRา้ํ RดEEับEเพLลิง ปฐมพยาบาล โETทMEรLศEEพัRPทGHฉEOุกNNเCฉEYิน
ขอผิดพลาดท่ีอาจเกิดข้ึนจากการปฏิบัติ FIRST AID
งาน ชวยใหทราบเก่ียวกับรายละเอียดของ
ชิน้ สวน หรืออุปกรณต า งๆ รวมถึงหลกั การ น้ําเงิน : บังคับให้ต้องปฏิบัติ เหลือง : ระวงั มอี นั ตราย
ทํางานของอปุ กรณด ังกลาว)
สวมหมวกนริ ภัย สวมแWว่นEตAาRนิรภยั HระIGวBงั HไEฟVWฟOAาLRแTรEAงGสEงู ระวงั BสาTEรOWเคXAมIอีRCันEตราย
WEAR HEAD SAFETY GLASSES
PROTECTION
๕๘
เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสริม
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับเหตุผลท่ีไมควรติดตั้งอุปกรณอิเล็กทรอนิกส ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติ
ในบริเวณท่ีมีความช้ืนสูงใหนักเรียนฟงวา สถานท่ี หรือบริเวณท่ีมีความชื้นสูง งานชางในบาน จากน้ันเขียนสรุปขอมูลที่ไดจากการศึกษาลงใน
ภายในบานมีอยดู วยกนั หลายจดุ เชน หอ งครวั หองนอน หอ งน้าํ ฯลฯ ความช้ืน กระดาษรายงานในรปู แบบของแผนผงั ความคดิ (Mind Mapping)
เปนสาเหตุสําคัญที่สงผลใหอุปกรณอิเล็กทรอนิกสเกิดการชํารุดเสียหายไดงาย ตกแตง ใหส วยงาม นําสง ครูผสู อน
ที่สามารถพบเห็นไดโดยทั่วไป คือ การเกิดสนิม โดยเฉพาะบริเวณฉนวนกัน
ความรอ นภายในตวั เครอ่ื ง ซง่ึ บางครงั้ อาจสง ผลทาํ ใหเ กดิ ไฟฟา ลดั วงจรได ดงั นนั้ กิจกรรม ทา ทาย
จึงควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งอุปกรณอิเล็กทรอนิกสในบริเวณท่ีมีความชื้นสูง
เพ่ือความปลอดภัยในขณะใชงาน และเพื่อชวยยืดอายุการใชงานของอุปกรณ ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับหลักการปฏิบัติงาน
ดงั กลาวใหยาวนานย่งิ ข้ึน ชางในบานตามความสนใจ 1 งาน ซึง่ เปนหลักการปฏบิ ัตเิ ฉพาะ
เจาะจงในการซอมแซม การบํารุงรักษา การติดต้ังและประกอบ
สื่อ Digital ผลิตภัณฑ จากน้ันนําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน
ในรปู แบบของ PowerPoint
ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั สญั ลกั ษณค วามปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านชา ง ไดท ี่
Thttp://www.moro.co.th/เครอื่ งหมายความปลอดภัย
68