The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูการงานอาชีพ-ม3

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by haris24460, 2021-09-19 22:41:12

คู่มือครูการงานอาชีพ-ม3

คู่มือครูการงานอาชีพ-ม3

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

¡Ô¨¡ÊÃÃÃÒé Á§ÊÃÃ¤ì¾²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙé ขน้ั สรปุ
ใบมอบหมายงาน
ขั้นที่ 5 สรปุ สิง่ ที่ไดเ รยี นรู
àÃÍ×è § ¡Òë͋ Áá«Á µ¡áµ‹§ ´´Ñ á»Å§ áÅеѴàÂçº
2. ครูและนักเรยี นรวมกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง การ
ค�าชี้แจง ให้นกั เรยี นปฏิบัติงานกลุ่ม โดยปฏบิ ัติกจิ กรรมตามหัวขอ้ ท่กี า� หนดให้ ดงั น้� ตัดเยบ็
๑. สมาชิกภายในกลุ่มแต่ละคนท�าการส�ารวจเส้ือผ้า หรือเศษผ้าเหลือใช้ของตนเอง จากน้ัน
ขน้ั ที่ 6 นาํ เสนอผลงาน
เลือกมาคนละ ๑ ชิ้น เพื่อให้สมาชิกภายในกลุ่มทุกคนร่วมกันลงความเห็นและเลือก เพื่อน�ามาฝกปฏิบัติ
การซอ่ มแซม ตกแตง่ ดัดแปลง และตดั เยบ็ ตามความสนใจกลมุ่ ละ ๑ ชน้ิ 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1-2 คน ออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
๒. แสวงหาความรู้เพื่อการปฏิบัติงานจากส่ือท่ีหลากหลาย เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เน็ต หนาช้ันเรียน พรอมท้ังสรุปส่ิงท่ีไดเรียนรู
นติ ยสาร ปรึกษาผู้รู้ ผชู้ �านาญการในท้องถ�นิ ครูผูส้ อน จากการปฏิบัติในประเด็นที่ครูกําหนดให คือ
สิ่งทตี่ อ งการตัดเยบ็ วัสดุ อปุ กรณ เครอ่ื งมอื
๓. วางแผนการปฏิบัตงิ านในรูปแบบโครงงานและน�าส่งเอกสารพร้อมผลงาน โดยมรี ายละเอยี ด เครื่องใชในการตัดเย็บ ขั้นตอนการปฏิบัติ
ดงั น้� ปญ หาทพี่ บ หรอื อปุ สรรคระหวา งการปฏบิ ตั งิ าน
และแนวทางการแกป ญหา
• ชอ่ื กลุ่ม
• รายช่ือหัวหน้ากลุ่มและสมาชิกภายในกลมุ่ 4. ครใู หน กั เรยี นกลมุ อน่ื รว มกนั ซกั ถามในประเดน็
• การแบง่ หน้าทก่ี ารปฏบิ ัติงานภายในกลมุ่ ที่สงสัย และเปดโอกาสใหเสนอแนะเพ่ิมเติม
• รูปแบบงานท่ีปฏิบัติ ในประเดน็ ตางๆ ได
• หลักการและเหตุผลท่ีปฏบิ ตั ิงาน
• วัตถปุ ระสงค์ 5. ครูใหน กั เรียนทําแบบทดสอบหลงั เรยี น หนวย
• ระยะเวลาในการปฏบิ ัติงาน การเรยี นรูที่ 2
• งบประมาณที่ใช้
• บญั ชีรายรบั -รายจา่ ย ขน้ั ประเมนิ
• วิธีการดา� เนินงาน
• บนั ทึกผลการปฏิบัติงาน 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
• ปัญหา หรืออปุ สรรคในการปฏิบตั งิ าน เพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น
• วิธแี กป้ ญั หา
• ผลการปฏบิ ตั งิ าน 2. ครูตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง
• ความภาคภมู ิใจในการปฏบิ ตั งิ าน การตัดเยบ็ สิง่ ของเคร่ืองใชภายในบาน

3๗ผ้าและการตัดเย็บ 3. ครตู รวจสอบความรู ความเขา ใจของนักเรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ
การสรุปความรู

4. ครปู ระเมนิ ผลระหวา งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู
จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน
และการสังเกตคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค

กิจกรรม Mini Project แนวทางการวัดและประเมินผล

1. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั โดยใหส มาชกิ ภายในกลมุ ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
ประชมุ วางแผนการปฏบิ ตั งิ านรว มกนั เพอ่ื ออกแบบและสรา งสรรค เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2
ช้ินงานการตัดเย็บสิ่งของเครื่องใชภายในบานตามความสนใจ
กลุมละ 1 ช้นิ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน

2. ใหนกั เรยี นแตล ะกลุมรว มกันคิดและออกแบบช้นิ งาน พรอมท้ัง คาชี้แจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ีตรง คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องท่ตี รงกับระดบั
สรางแบบ คดั ลอกแบบ และลงมอื ตดั เย็บชนิ้ งาน (อาจใชว ธิ กี าร คะแนน
เยบ็ ดว ยมอื หรือวิธกี ารเยบ็ ดว ยจักรเย็บผา กไ็ ด) กบั ระดบั คะแนน

3. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านกลมุ ของ การมี
ตนเอง หากพบปญ หา หรอื อปุ สรรคในการทาํ งานใหจ ดบนั ทกึ ไว
เพอ่ื หาแนวทางการแกไ ข ลาดบั ที่ ช่ือ-สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
ของนักเรียน ความ ฟังคนอ่ืน ตามท่ีไดร้ ับ น้าใจ 15 321
4. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1-2 คน ออกมานาํ เสนอ คิดเห็น มอบหมาย การ คะแนน 1 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
ผลงานใหเพือ่ นชมหนาช้ันเรียน 2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเรื่อง
ปรับปรุง 3 วิธีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
ผลงานกลุ่ม 4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมสี ่วนรว่ มของสมาชิกในกลุ่ม
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1

รวม

ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ
............./.................../............... ............/................./................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติ หรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นส่วนใหญ่

ปฏิบตั ิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางส่วน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12-15 ดี 12-15 ดี

8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรุง

T43

Chapter Overview

แผนการจัด สือ่ ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะท่ีได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ท่ี 1 - หนงั สอื เรียนการงาน 1. อ ธิบายหลักการเตรียม แบบสืบเสาะ - ต รวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ทักษะ - รกั ชาติ ศาสน์
อาหาร
ประเภทสำ� รบั อาชพี ม.3 และการประกอบอาหาร หาความรู้ - ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 กระบวนการ กษตั ริย์

2 - แบบวัดและบันทกึ ผล ประเภทสำ� รับไดอ้ ยา่ ง (5Es เรื่อง อาหารประเภทส�ำรบั ท�ำงาน - ซือ่ สัตย์สุจริต

ช่วั โมง การเรียนรูก้ ารงาน ถกู ตอ้ ง Instructional - ตรวจกจิ กรรมในแบบวดั และ 2. ทกั ษะ - มวี ินยั

อาชพี ม.3 2. เห็นคุณค่าของการจัด Model) บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ การจัดการ - ใฝ่เรยี นรู้

- แบบทดสอบกอ่ นเรียน รายการอาหารประเภท - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน 3. ทักษะ - อยอู่ ยา่ ง

- PowerPoint ส�ำรับ - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน กระบวนการ พอเพียง

3. จดั รายการอาหารประเภท รายบคุ คล แกป้ ัญหา - มงุ่ มั่น

สำ� รับในแตล่ ะมอ้ื - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน 4. ทักษะ ในการทำ� งาน

ได้ถูกต้องตามหลักการ กลมุ่ การแสวงหา - รักความ

จดั รายการอาหาร - สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ ความรู้ เปน็ ไทย

อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มน่ั 5. ทกั ษะการทำ� งาน - มีจติ

ในการทำ� งาน รว่ มกนั สาธารณะ

6. ทักษะการคิด

วเิ คราะห์

7. ทักษะการท�ำงาน

กลุ่ม

8. ทกั ษะการสรุป

ลงความคดิ เห็น

T44

แผนการจัด สอ่ื ท่ีใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สอื เรียนการงาน 1. อธิบายหลักการจัดและ แบบ - ต รวจชิ้นงาน/ภาระงาน 1. ทกั ษะ - รกั ชาติ ศาสน ์
การจดั และ
ตกแต่งอาหาร อาชีพ ม.3 ตกแต่งอาหารประเภท กระบวนการ (รวบยอด) กระบวนการ กษตั รยิ ์
ประเภทส�ำรบั
- แบบทดสอบหลงั เรยี น ส�ำรบั ได้ กล่มุ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน ทำ� งาน - ซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
2
- PowerPoint 2. เหน็ ความสำ� คญั ของการ - ส งั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน 2. ทกั ษะ - มวี ินัย
ช่ัวโมง
จดั และตกแตง่ อาหาร รายบคุ คล การจดั การ - ใฝเ่ รียนรู้

ประเภทส�ำรับ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน 3. ทกั ษะ - อยอู่ ย่าง

3. จัดและตกแต่งอาหาร กล่มุ กระบวนการ พอเพียง

ประเภทสำ� รบั ไดอ้ ย่าง - ส ังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ แกป้ ัญหา - มงุ่ ม่นั

สวยงามและน่า อยอู่ ยา่ งพอเพียง มุ่งมนั่ 4. ทกั ษะ ในการทำ� งาน

รบั ประทาน ในการท�ำงาน การแสวงหา - รักความ

- ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน ความรู้ เปน็ ไทย

5. ทกั ษะการท�ำงาน - มีจิต

รว่ มกนั สาธารณะ

6. ทกั ษะการประยกุ ต์

ใชค้ วามรู้

7. ทักษะการท�ำงาน

กลมุ่

T45

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ (แบบสบื เสาะหาความรู (5Es)) ó »ÃÐàÀ·ÊÓúÑÍÒËÒÃหนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี

ขั้นท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ อาหารเป็นปัจจัยพื้นฐานในการด�ารงชีวิตของมนุษย์ อาหารท่ีรับประทานอยู่นั้นมีด้วยกัน

1. ครูแจงชื่อเรื่องท่ีจะเรียนรูและจุดประสงคการ หลายชนิดและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปตามวัฒนธรรมของแต่ละชนชาติ อาหารไทย
เรียนรูใหนักเรียนทราบ จากน้ันใหนักเรียน ประเภทสา� รบั จดั เปน็ มรดกทางวฒั นธรรมทสี่ า� คญั อยา่ งหนงึ่ สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ เอกลกั ษณท์ าง
แตละคนทําแบบทดสอบกอ นเรยี น หนวยการ ภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ขึ้น และถ่ายทอดให้แก่ชนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อมาจนถึง
เรยี นรทู ี่ 3 เรื่อง อาหารประเภทสํารับ ปัจจบุ นั จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยา่ งหนงึ่ ของชนชาตไิ ทย

2. ครูนําภาพการจัดอาหารประเภทสํารับของ ตวั ชว้ี ัด
แตละภูมิภาคมาใหนกั เรียนดู
■ อภปิ รายขน้ั ตอนการทํางานท่ีมีประสิทธภิ าพ (ง ๑.๑ ม.๓/๑)
3. ครูถามนักเรยี นวา ■ ใชท กั ษะในการทํางานรวมกนั อยา งมีคุณธรรม (ง ๑.๑ ม.๓/๒)
• ภาพดังกลาวเปนการจัดอาหารที่เรียกวา ■ อภปิ รายการทาํ งานโดยใชท กั ษะการจัดการ เพ่อื การประหยัดพลังงาน ทรัพยากร และสงิ่ แวดลอม (ง ๑.๑ ม.๓/๓)
อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน อาหารชดุ สาํ รบั อาหาร)
• นักเรียนเคยรับประทานอาหารเหมือนใน
ภาพหรือไม อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ)
• นักเรียนคิดวาในภาพนาจะเปนอาหาร
พืน้ เมอื งของคนในภูมิภาคใด เพราะเหตุใด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ เชน ภาคเหนือ เพราะ
พิจารณาจากอาหารที่ปรากฏอยูในภาพ
ไดแก ขาวเหนียว นํ้าพริกหนุม แคบหมู
ผักตม แกงฮังเล ซึ่งเปนเอกลักษณของ
ชาวเหนือท่ีนิยมรับประทานขาวเหนียว
กับน้ําพริกตางๆ รวมท้ังอาหารพื้นเมือง
ชนิดอื่นๆ เชน แคบหมู ผักตม แกงฮังเล
ภาคใต เพราะพจิ ารณาจากอาหารทปี่ รากฏ
ในภาพ ไดแก ขาวเจา แกงเหลือง หรือ
แกงสม สะตอผัดพริกแกงกุง ค่ัวกล้ิง
ใบเหลียงผัดไข แกงไตปลา ซ่ึงเปน
เอกลักษณของชาวใตที่นิยมรับประทาน
อาหารที่มีรสชาติจัดจานและมีการนํา
เครอื่ งเทศและขมนิ้ มาใชเ ปน สว นประกอบใน
การปรุงอาหาร เพ่ือชวยดับกล่ินคาวของ
อาหารทะเล)

เกร็ดแนะครู

ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเกย่ี วกับอาหารประเภทสํารบั ใหนกั เรียนฟง เพ่อื ใหเกดิ ความรู ความเขาใจ เรื่อง หลกั การเตรยี มอาหารประเภทสํารับ
ประเภทของอาหาร หลักการจัดรายการอาหารแตละม้ือ หลักการจัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ สามารถนําความรูทางศิลปะมาประยุกตใชในการ
จัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับไดอยางสวยงามและสรางสรรค เลือกและใชภาชนะท่ีใชสําหรับบรรจุอาหารไดอยางเหมาะสม โดยคํานึงถึงขอควรระวัง
ในการจัดและตกแตงอาหารประเภทสํารบั รว มดว ย พรอ มทั้งนาํ ทักษะการทาํ งานรว มกนั และทกั ษะการจดั การมาประยกุ ตใ ชใ นการทํางาน เพอื่ ใหก ารทํางาน
สาํ เร็จตามเปา หมายอยา งมีประสทิ ธิภาพ คาํ นึงถงึ การประหยัดพลังงาน ทรัพยากร และสิง่ แวดลอม โดยสามารถจดั กิจกรรมได ดังนี้

• ใหนักเรยี นตอบคําถามและรวมกนั แสดงความคดิ เห็น เพือ่ ใหนกั เรยี นเกิดความรู ความเขา ใจเก่ยี วกับอาหารประเภทสํารับ
• ใหน กั เรยี นนาํ หลกั การเตรยี มและการประกอบอาหารประเภทสาํ รบั มาประยกุ ตใ ชใ นการจดั รายการอาหารแตล ะมอื้ ของตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั

ไดอ ยา งเหมาะสม
• ใหนักเรียนฝก ปฏบิ ัติการจัดและตกแตงอาหารประเภทสาํ รบั โดยนาํ ความรทู างศิลปะมาประยุกตใชอยางสรา งสรรค

T46

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

¤ÇèѴÍÒËÒûÃÐàÀ·ÊÓÃѺ ๑ อาหารประเภทสาํ รับ ขน้ั นาํ
Í‹ҧäà à¾×èÍãËŒ¼ÙŒºÃÔâÀ¤ä´Œ
ÃѺ»ÃÐ⪹Í‹ҧ¤ØŒÁ¤‹ÒáÅÐ ทง้ั เดคก็ ร วอยับรคนุ่ ร ัววไยั ทผยใู้ หในญส ่ มวยััยชกร่อาน1 มซง่ึีกแาตรอล่ ะยวู่รยั่ว มแกตันล่ ขะคอนงคมนคี วหาลมาชยอวบัย ข้นั ท่ี 1 กระตุน ความสนใจ
¶Ù¡ËÅ¡Ñ ÊØ¢Í¹ÒÁÑ ในอาหารที่แตกต่างกัน การประกอบอาหารในแต่ละม้ือจึงต้อง
มีความหลากหลาย เพ่ือให้สมาชิกในครอบครัวได้รับประทาน 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “จากภาพท่ีนักเรียนได
เอพาหียงาพรทอ่ีดตี ่อมคีปวราะมโตยช้อนงก์ าถรูกขสอุขงอรน่าางมกัยา ยม2 ีคดว้วายมเหเหตมุนา้ี ะสจมึงก ่อแใลหะ้ ดูไปนั้นจะเรียกการจัดอาหารในลักษณะน้ี
เกดิ วฒั นธรรมการบรโิ ภคอาหารประเภทสา� รบั ขน้ึ วา “อาหารประเภทสํารบั ” โดยคําวา “สาํ รับ”
หมายถึง ภาชนะ เชน ถาดใสถ วยชามพรอม
๑.๑ ความสา� คัญของอาหารประเภทส�ารบั บรรจุอาหารคาว หรืออาหารหวานเปนชุด
ซ่งึ จะเรียกวา “สํารบั คาว” หรอื “สาํ รบั หวาน”
อาหารประเภทส�ารบั เปน็ การจดั อาหารที่หลากหลายชนิด สว น “อาหารสํารับ” หมายถงึ การจดั อาหาร
ให้อยู่ในส�ารับเดียวกัน ส�ารับอาหารไทยแต่ละมื้อถูกจัดข้ึน หลากหลายชนดิ ใหอ ยใู นสาํ รบั เดยี วกนั อาหาร
อย่างพิถีพิถัน กับข้าวทุกจานที่จัดขึ้นต้องมีความสัมพันธ์กัน ทนี่ าํ มาจดั ตอ งมคี วามหลากหลายและอดุ มไป
โดยนิยมจัดส�ารับให้มีความสมดุลกัน หากส�ารับใดมีอาหาร ดว ยคณุ คา ทางอาหารครบถว นทงั้ 5 หมู สาํ รบั
จานเปรี้ยวจะต้องมอี าหารจานหวานกนิ แก้รสกนั ม้อื ใดมีอาหาร อาหารไทยในแตละมื้อถูกจัดขึ้นอยางพิถีพิถัน
จานเผ็ดจะตอ้ งมอี าหารจานเคม็ และแกงจดื รวมอย่ดู ว้ ย นบั เป็น สะทอนใหเห็นถึงเอกลักษณและภูมิปญญา
เอกลกั ษณท์ างภมู ปิ ญ ญาของคนไทยในการสรา้ งสรรคเ์ มนอู าหาร ของคนไทยในการรังสรรคอาหารตางๆ ใหมี
ให้มีรสชาติอร่อยและอุดมไปดว้ ยคณุ คา่ ทางโภชนาการ อาหาร รสชาตอิ รอ ย ทงั้ ยงั อดุ มไปดว ยคณุ คา ทางสาร
ประเภทสา� รบั มคี วามสา� คญั ดงั น้ี อาหารครบถว นอกี ดวย”
๑. สะท้อนให้เห็นถึงวิถีการด�ารงชีวิตและวัฒนธรรม
การบรโิ ภคอาหารของคนไทย 5. ครูถามนกั เรียนวา
๒. ได้รับประทานอาหารที่หลากหลายและได้รับสาร • นักเรียนเคยจัดอาหารประเภทสํารับ หรือ
อาหารทจี่ า� เปน็ ตอ่ รา่ งกายครบถว้ นทงั้ ๕ หมู่ รบั ประทานอาหารประเภทสาํ รบั บา งหรอื ไม
๓. ชว่ ยใหร้ า่ งกายเจรญิ เตบิ โต ซอ่ มแซมสว่ นทส่ี กึ หรอ อยา งไร
เสรมิ สรา้ งภมู ติ า้ นทานโรค ใหพ้ ลงั งานและความอบอนุ่ แกร่ า่ งกาย (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
๔. มีความสะดวกสบายในขณะรับประทานอาหาร ไดอยางอิสระ เชน เคยรับประทานอาหาร
หรือขณะบรกิ ารอาหาร เนอ่ื งจากอาหารถูกจัดวางอยู่ในภาชนะ ประเภทสํารับ เนื่องจากครอบครัวอาศัย
ทเ่ี หมาะสม อยูด วยกนั หลายคนและหลายวัย คุณแมจ งึ
จัดอาหารประเภทสํารับใหสมาชิกทุกคนได
สาระการเรยี นรูแกนกลาง รบั ประทานอาหารอยา งหลากหลาย เพือ่ ให
ไดค ุณคาทางโภชนาการครบถวน)
■ ขน้ั ตอนการทํางานทม่ี ปี ระสิทธิภาพ เปน การปฏบิ ัติตามกระบวนการทํางาน โดยการทาํ ตามลาํ ดบั ข้ันตอน มคี วามสามารถทาํ งานสาํ เรจ็ ตาม • เพราะเหตุใดคนไทยจึงนิยมบริโภคอาหาร
เปาหมายที่วางไว หลายอยางใน 1 มอื้
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
■ ทกั ษะการทาํ งานรว มกนั เปน การสรา งใหผ เู รยี นสามารถทาํ งานและอยรู ว มกนั ไดอ ยา งมคี วามสขุ และมคี ณุ ธรรม เชน การเตรยี ม ประกอบอาหารประเภทสาํ รบั ไดอ ยางอสิ ระ เชน เพือ่ ใหไดรับสารอาหาร
ครบถวนท้ัง 5 หมู ไดบริโภคอาหารอยาง
■ ทกั ษะการจดั การ เปนการจัดระบบงานและระบบคน เพ่ือใหทาํ งานสําเรจ็ ตามเปา หมายอยางมปี ระสทิ ธิภาพ อาหารประเภทสํารับ ๓9 หลากหลาย เพื่อไมใหเกิดความเบ่ือหนาย
ในการรับประทานอาหาร)

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

อาหารประเภทสาํ รบั มคี วามสําคัญตอ คนไทยอยา งไร 1 วยั ผใู หญ วัยชรา เปน ชวงวยั ที่รา งกายจะเริ่มหยุดการเจรญิ เตบิ โต อวยั วะ
1. เปน อาหารท่รี สชาตถิ กู ปากคนไทย ตา งๆ ภายในรา งกายเรมิ่ มกี ารเปลยี่ นแปลงและสกึ หรอ ความตอ งการรบั ประทาน
2. เปนอาหารทเ่ี หมาะสมกับคนไทยทอ่ี ยูในชวงวยั เจริญพันธุ เนอื้ สัตว ไข นม ขาว ไขมนั จะลดนอยลง ผูท่อี ยูในชวงวยั น้ี (อายุ 20 ป ข้ึนไป)
3. เปนอาหารทม่ี คี ณุ ภาพและมีราคาถกู กวาอาหารจานเดียว ควรเลือกรับประทานผักและผลไมใหมากข้ึน เพ่ือใหรางกายไดรับวิตามินและ
4. เปนอาหารทมี่ ีคุณคาทางโภชนาการและมคี วามหลากหลาย เกลอื แรใ นปรมิ าณทเ่ี หมาะสม ซง่ึ จะชว ยใหร ะบบขบั ถา ยสามารถทาํ งานไดอ ยา ง
มีประสิทธิภาพ
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะอาหารประเภทสาํ รบั จะแสดง 2 มีความเหมาะสม และเพียงพอตอความตองการของรางกาย อาหารนับ
ใหเ ห็นถงึ วถิ ีชีวติ ความเปน อยขู องคนไทยในภูมภิ าคตางๆ รวมถึง เปนส่ิงที่จําเปนและสําคัญตอการเจริญเติบโตและการทํางานของอวัยวะตางๆ
วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทยท่ีมีมาอยางยาวนาน ภายในรางกาย การไดรับสารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอตอความตองการ
อาหารไทยมีใหเลือกรับประทานอยางหลากหลาย ซ่ึงจะสงผล ของรา งกายในแตล ะวยั นนั้ จะสง ผลทาํ ใหร า งกายเจรญิ เตบิ โตและมพี ัฒนาการ
ทาํ ใหผ บู ริโภคไดรบั สารอาหารทีม่ ีประโยชน จาํ เปน และเพยี งพอ ตามวยั ทเ่ี หมาะสม ไมว า จะเปน พฒั นาการทางดา นรา งกาย พฒั นาการทางดา น
ตอความตอ งการของรา งกายในแตล ะวนั มีคุณคา ทางโภชนาการ อารมณ พัฒนาการทางดานสติปญญา ฯลฯ
ครบถว นทงั้ 5 หมู ในทุกมื้ออาหาร)

T47

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๑.๒ หลกั การเตรียมและการประกอบอาหารประเภทส�ารบั

ขัน้ ที่ 2 สาํ รวจและคน หา การประกอบอาหารประเภทสา� รบั สามารถดดั แปลง หรอื ปรบั เปลยี่ นไดต้ ามความเหมาะสม
การเตรยี มและการประกอบอาหารควรยดึ หลกั การทจ่ี ะชว่ ยใหอ้ าหารแตล่ ะมอื้ มคี ณุ คา่ ทางโภชนาการ
1. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอื่ ง อาหารประเภทสาํ รบั ทเี่ พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของรา่ งกายในแตล่ ะวนั
จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูที่ 3 หรือ
ศกึ ษาเพิ่มเตมิ จากอินเทอรเ นต็ ๑) หลักการก�าหนดรายการอาหาร การก�าหนดรายการอาหารในแต่ละมื้อ เพื่อให้

2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับอาหาร ผรู้ บั ประทานอาหารเกดิ ความพงึ พอใจ ควรจดั รายการอาหารไวล้ ว่ งหนา้ อยา่ งนอ้ ย ๒ สปั ดาห ์ หรอื
ประเภทสํารับ จาก PowerPoint ม.3 หนวย ๑ เดือน หรอื อย่างน้อยทสี่ ดุ ๑ สัปดาห์ โดยหลกั เกณฑ์ในการกา� หนดรายการอาหาร มีดังน้ี
การเรียนรูท่ี 3
คุณคา่ ทางโภชนาการ ฤดูกาลของอาหาร หลกั เศรษฐกจิ
3. ครถู ามนักเรียนวา
• อาหารมคี วามสาํ คญั ตอ รางกายอยา งไร ก�าหนดรายการอาหารให้มี เลอื กใหเ้ หมาะสมกับฤดกู าล คา� นึงถึงรายได้ ความพอเพียง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ คุณคา่ ครบถ้วนและเพยี งพอ เพื่อใหไ้ ด้อาหารท่สี ดใหม่ แรงงาน อปุ กรณอ์ �านวยความ
ไดอยางอิสระ เชน ชวยใหรางกายเจริญ ตอ่ ความต้องการของรา่ งกาย มคี ณุ ค่า อรอ่ ย และราคาไมส่ ูง สะดวก เงนิ และเวลาร่วมดว้ ย
เติบโตสมวัย ชวยซอมแซมสวนที่สึกหรอ
ใหพลังงานและความอบอุนแกรางกาย ชนดิ ของอาหาร ความหลากหลายของอาหาร
ชว ยใหอวยั วะตา งๆ ภายในรา งกายทาํ งาน อาหารต่างชนิดกัน ไม่มี ควรมคี วามหลากหลาย
ไดอยางมีประสิทธิภาพ ชวยเสริมสราง อาหารซ้�ากนั และไมท่ า�
ภูมิตานทานโรคใหแกรางกาย ดังน้ัน ทัง้ ในเรอ่ื งของรสชาติ รปู ร่าง
จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณคา อาหารชนดิ เดียวกนั สสี ัน กล่นิ และผวิ สัมผัส
ครบถวนและมีปริมาณเพียงพอตอความ
ตองการของรางกายในแตล ะวัน) หลกั การกาํ หนด
• การกําหนดรายการอาหารในแตละมื้อควร รายการอาหาร
คาํ นึงถงึ สง่ิ ใดเปน สาํ คัญ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ งบประมาณ สภาพแวดล้อม
ไดอยางอิสระ เชน คํานึงถึงคุณคาทาง ต้ังงบในการซอ้ื อาหาร ไม่ควร สถานทป่ี ระกอบอาหารมคี วาม
โภชนาการท่ีจะไดรับ ปริมาณสารอาหารท่ี สะอาด ปราศจากฝุน ละออง
เหมาะสมกับเพศ วัย อายุ อาชีพ กิจกรรม จา่ ยเกินวงเงนิ ที่กา� หนดไว้
ของแตล ะบคุ คล ชนดิ และความหลากหลาย โดยต้องใชจ้ า่ ยอยา่ งคุ้มคา่ ไม่มีกลิ่นเหมน็ รบกวน
ของอาหาร งบประมาณในการซื้ออาหาร)
• นักเรียนคิดวาในแตละชวงวัยตองการ เวลา หรอื มื้ออาหาร ผู้รบั ประทานอาหาร การจัดอาหาร
ปริมาณและสารอาหารที่เหมือน หรือ พิจารณาอายุ เพศ วัย อาชพี ไม่จัดอาหารทมี่ ีคนชอบ
แตกตา งกนั หรอื ไม อยา งไร มคี วามเข้าใจในการเลอื ก กิจกรรม และความต้องการ และไมช่ อบในมอ้ื เดยี วกัน
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ชนิดของอาหารใหเ้ หมาะสม ควรเปลีย่ นแปลงอาหาร
ไดอยางอิสระ) ทางโภชนาการของ
ส�าหรบั การรับประทาน แตล่ ะบุคคล อยู่เสมอ
ในแต่ละม้ือ

4๐

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด

ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพของคนไทย “มีนามีนองชายอายุ 8 ป” หากตองการประกอบอาหารให
ใหนกั เรียนฟง วา สขุ ภาพท่ีดีมผี ลมาจากการรบั ประทานอาหาร ผทู ่ีมสี ุขภาพดี นองชายรับประทาน มีนาควรเลือกประกอบอาหารตามขอใด
ยอ มทาํ งานไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพและมปี ระสทิ ธผิ ล ซง่ึ เปน พน้ื ฐานในการพฒั นา จึงจะเหมาะสมท่สี ุด
สงั คมและประเทศชาตใิ หเ จรญิ กา วหนา ซงึ่ การบรโิ ภคอาหารเพอ่ื สขุ ภาพสามารถ
ปฏิบัติไดโดยรบั ประทานอาหารใหครบทัง้ 5 หมู แตละหมูใหห ลากหลาย และ 1. ตบั ไกท อดกระเทียม
หม่ันดูแลน้ําหนักตัวเสมอ รับประทานขาวเปนหลักสลับกับอาหารประเภทแปง 2. แกงสมปลากะพง
เปน บางม้อื รับประทานผัก ผลไม ปลา เนื้อสตั วไมตดิ มัน ไข และถั่วเมลด็ แหง 3. แกงจดื ลกู รอก
เปนประจํา ด่ืมนมใหเหมาะสมตามวัย รับประทานอาหารท่ีมีไขมันแตพอควร 4. น้ําพรกิ หนมุ
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารท่ีมีรสหวานจัดและมีรสเค็มจัด รับประทาน
อาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปอน รวมถึงงด หรือลดบริโภคเคร่ืองด่ืมที่มี (วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะนองชายของมีนาอยใู นชว ง
แอลกอฮอล วัยเด็ก (อายุ 7-12 ป) เปนวัยที่รางกายกําลังเจริญเติบโต ควร
รับประทานอาหารท่ีมีรสชาติออนๆ ไมจัดจาน และจําเปนตอง
T48 รับประทานไข เน้ือสตั ว ผกั ผลไม และด่มื นมเปน ประจําทกุ วนั
เพ่ือเสริมสรางสุขนิสัยท่ีดีในการรับประทานอาหาร และเพ่ือให
พฒั นาการในดานตา งๆ เปน ไปอยางมปี ระสิทธภิ าพ)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

Know More ขน้ั สอน
¡¹Ô à·Ò‹ äö֧¨Ð¾Í´Õã¹ ñ ǹÑ
อาหารเปนส่ิงสําคัญและจําเปนตอการดํารงชีวิตของมนุษย ความตองการอาหารท้ังในดานของ ข้ันท่ี 2 สาํ รวจและคนหา

ปริมาณและสารอาหารแตกตางกันไปตามแตละชวงวัย การรับประทานอาหารในปริมาณที่เพียงพอ 4. ครูใหน กั เรยี นศึกษา เรอื่ ง กินเทาไรถงึ จะพอดี
ตอ ความตองการของรา งกายจะชวยใหม สี ุขภาพรางกายทีแ่ ขง็ แรง สง ผลใหม สี ขุ ภาพจติ ท่ดี ีตามไปดวย ใน 1 วนั ในกรอบ Know More จากหนงั สอื เรยี น
หนว ยการเรยี นรูที่ 3
¹Á1 »ÃÔÁÒ³·àèÕ ËÁÒÐÊÁã¹ ñ Çѹ
5. ครูถามนกั เรยี นวา
ñ-ò á¡ŒÇ à¹×éÍÊµÑ Ç ¹Á à¹×éÍÊµÑ Ç • เพราะเหตุใดจึงตองรับประทานอาหารให
ö ªÍŒ ¹âµÐ ñ á¡ÇŒ ù ªÍŒ ¹âµÐ ครบทงั้ 5 หมู
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
¢ÒŒ Ç-á»§‡ ¢ÒŒ Ç-á»§‡ ไดอยางอิสระ เชน รางกายของคนเรา
ø ·Ñ¾¾Õ ñð ·Ñ¾¾Õ ตองการสารอาหารตางๆ อยางครบถวน
ซึ่งไมมีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งท่ีใหสาร
¼¡Ñ ¼ÅäÁŒ (ËÇÒ¹¹ÍŒ Â) ¼¡Ñ ¼ÅäÁŒ (ËÇÒ¹¹ÍŒ Â) อาหารตางๆ ครบถวนในปริมาณท่ีรา งกาย
ô-ö ·¾Ñ ¾Õ ó-ô ÊÇ‹ ¹ õ ·Ñ¾¾Õ ô ÊÇ‹ ¹ ตอ งการได จงึ จาํ เปน ตอ งรบั ประทานอาหาร
ใหห ลากหลาย ครบทั้ง 5 หมู และเพยี งพอ
เดก็ อายุ ๖-๑๓ ป วัยรุน ชายและหญงิ ตอ ความตองการของรางกายในแตละวนั )
หญงิ วยั ทาํ งาน ผสู งู อายุ ๑,๖๐๐ แคลอรตี อ วนั ชายวยั ทาํ งาน ๒,๐๐๐ แคลอรีตอ วัน • เพราะเหตุใดจึงควรรับประทานอาหารท่ีมี
ไขมันในปริมาณท่เี หมาะสม
¹Á à¹Íé× ÊµÑ Ç ÊÇ‹ ¹¹¡Õé Êç Ó¤ÑÞ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ñ á¡ŒÇ ñò ªŒÍ¹âµÐ ไดอยางอิสระ เชน การรับประทานอาหาร
ท่ีมีไขมัน หรือคอเลสเตอรอลมากเกินไป
¢ÒŒ Ç-á»§‡ อาจทาํ ใหเ กดิ โรคอว น หรอื โรคอนื่ ๆ ตามมาได
ñò ·¾Ñ ¾Õ เชน โรคหวั ใจ โรคความดันโลหติ สงู )
• นักเรียนคิดวาตนเองรับประทานอาหารได
»ÃÁÔ Ò³â«à´ÂÕ Á2µÍ‹ Ç¹Ñ »ÃÁÔ Ò³ä¢Á¹Ñ 3µÍ‹ Ç¹Ñ เหมาะสมหรอื ไม อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
äÁà‹ ¡¹Ô ò,óðð ÁÅÔ Å¡Ô ÃÁÑ äÁà‹ ¡¹Ô öõ ¡ÃÁÑ ไดอยา งอิสระ)
»ÃÐÁÒ³ ñ ªÍŒ ¹ªÒ »ÃÐÁÒ³ ñö ªÍŒ ¹ªÒ
6. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “คนเราจะมีสุขภาพท่ีดี
¼¡Ñ ¼ÅäÁŒ (ËÇÒ¹¹ÍŒ Â) ไดน้ัน การรับประทานอาหารนับเปนปจจัย
ö ·¾Ñ ¾Õ õ ʋǹ สาํ คญั ลาํ ดบั แรกๆ ซง่ึ จาํ เปน ตอ งมคี วามรทู าง
ดา นโภชนาการและสารอาหาร เพอื่ จะไดเ ลอื ก
ผใู ชแรงงาน »ÃÁÔ Ò³¹Òíé µÒŵ͋ Ç¹Ñ รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน ไดสัดสวน
ชายและหญงิ ๒,๔๐๐ แคลอรตี อ วนั à´¡ç ô ªÍŒ ¹ªÒ ในปริมาณที่เหมาะสมกับความตองการของ
¼ãŒÙ ËÞ‹ ö ªÍŒ ¹ªÒ รางกาย ซึ่งจะเปนการเสริมสรางสุขภาพที่ดี
4๑อาหารประเภทสํารับ และหา งไกลจากโรคภัยไขเจบ็ ”

กิจกรรม สรา งเสริม นักเรียนควรรู

ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับปริมาณอาหาร 1 นม ผทู มี่ อี าการแพน มมกั จะทอ งอดื เนอ่ื งจากรา งกายไมส ามารถยอ ยนา้ํ ตาล
ใน 1 วัน สาํ หรบั คนในชวงวัยตา งๆ จากนั้นเขยี นสรุปขอมูลทไ่ี ด แลกโทส (Lactose) ทีม่ ีอยใู นนมวัว หรือนมแพะได หากผูทแ่ี พน มแตตอ งการ
จากการศกึ ษาลงในกระดาษรายงานในรปู แบบของตาราง ตกแตง ไดร บั แคลเซยี มและโปรตนี จากนม ควรเลอื กดม่ื นมถว่ั เหลอื งสตู รเจ (นมถว่ั เหลอื ง
ใหส วยงาม นาํ สง ครูผูส อน สตู รธรรมดาอาจผสมนมววั ผงลงไป) หรอื เลอื กรบั ประทานโยเกริ ต แทน เนอื่ งจาก
มจี ุลนิ ทรยี ที่ยอยน้ําตาลแลกโทสมาแลวในระดับหนง่ึ
กจิ กรรม ทา ทาย 2 โซเดยี ม สารอาหารชนดิ หนงึ่ ทม่ี คี วามจาํ เปน ตอ รา งกาย ชว ยควบคมุ สมดลุ
ของเหลวในรางกาย ชว ยในการทาํ งานของระบบประสาทและกลา มเน้ือ ดดู ซึม
ใหนักเรียนจัดทําปายนิเทศนําเสนอความรูภายใตหัวขอ สารอาหารบางอยางในไตและลําไสเล็ก ซ่ึงรางกายของคนเราตองการโซเดียม
“กินใหพอดีและกินใหครบ” โดยปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน คือ นอยกวา 2,300 มลิ ลกิ รมั หรือเทากบั นา้ํ ปลา 1 ชอนโตะครง่ึ
วางแผนการปฏิบัติงาน ต้ังจุดประสงคในการจัดทําปายนิเทศ 3 ไขมนั วัยรุนตอ งการไขมนั วันละประมาณ 1 กรมั ตอนํา้ หนักตวั 1 กโิ ลกรัม
เตรยี มเนอื้ หาทเ่ี หมาะสมและสอดคลอ งกบั หวั ขอ ทกี่ าํ หนด จดั เตรยี ม หรือประมาณรอยละ 15-20 ของพลังงานท้ังหมดท่ีไดรับจากอาหารใน 1 วัน
วัสดุ อุปกรณ เครื่องมือ เครื่องใชใหพรอม ออกแบบโครงราง หากเปนผูท่ีตองใชพลังงานมาก ควรไดรับไขมันในปริมาณที่มากกวาปกติ
ปายนิเทศ จดั ทําและจัดแสดงปายนเิ ทศ พรอ มประเมินผลงาน
Tซ่ึงไขมนั ทีไ่ ดจากพชื จะมคี ุณคา ทางโภชนาการมากกวา ไขมนั ทไ่ี ดจ ากเนอ้ื สตั ว

49

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๒) การรับประทานอาหารในแต่ละมอื้ ใน ๑ วัน ควรรับประทานอาหารให้ครบท้ัง

ขนั้ ท่ี 2 สํารวจและคน หา ๓ มือ้ ตามความตอ้ งการของรา่ งกาย และเลอื กรบั ประทานอาหารท่ดี ี มปี ระโยชน ์ เพอ่ื ใหร้ า่ งกาย
เจรญิ เติบโตไดอ้ ยา่ งสมวยั โดยอาหารในแตล่ ะมอ้ื มลี ักษณะทแี่ ตกต่างกนั ดังน้ี
7. ครถู ามนักเรยี นวา
• อาหารในแตล ะม้ือใน 1 วัน ควรมลี ักษณะ ÍÒËÒÃàªÒŒ
อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ เป็นอาหารมื้อส�าคัญท่ีสุด ควรเป็นอาหาร
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน อาหารเชา ควรเปน อาหาร ท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะท�าให้
ท่ีใหคุณคาทางโภชนาการสูง เนื่องจาก สมองและร่างกายกระปร้ีกระเปร่า เช่น
เปน อาหารมอื้ ทส่ี าํ คญั ทสี่ ดุ อาหารกลางวนั ข้าวตม้ โจ๊ก ผลไม้ นมสด น้�าผลไม้
ควรเปนอาหารท่ีใหพลังงานมากกวามื้อ
อ่ืนๆ เนื่องจากรางกายตองใชพลังงานใน ⨡
การทาํ กจิ กรรมตางๆ ตลอดทงั้ วัน อาหาร
เยน็ ควรเปน อาหารทย่ี อ ยงา ย เนอื่ งจากเปน á¡§à¢ÂÕ ÇËÇÒ¹ ÍÒËÒáÅÒ§Çѹ
ชวงท่ีกระเพาะอาหารทํางานนอยลง และ
อาหารกอนนอน ควรเปนอาหารที่ยอยงาย อาหารมอื้ สา� คัญรองลงมา ควรเปน็ อาหาร
และใหพลังงานนอย เพื่อชวยใหนอนหลับ ทใ่ี ห้พลังงานมากกว่าอาหารม้ืออนื่ เพราะ
สบายมากยิ่งขนึ้ ) ร่างกายต้องใช้พลังงานตลอดท้ังวัน เช่น
• เพราะเหตุใดอาหารม้ือเชาจึงจัดเปนม้ือ ขา้ วผดั ปู ราดหน้า ขนมจีนแกงเขียวหวาน
อาหารท่สี ําคญั ทส่ี ดุ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ¢¹Á·Í§ËÂÍ´ ½Í·ͧ ÍÒËÒÃNjҧ
ไดอยางอิสระ เชน การรับประทานอาหาร
ม้อื เชา จะชว ยเพมิ่ พลงั ใหก บั สมอง สง ผลให ควรเป็นอาหารเบา ๆ ท่ีแทรกระหว่างมื้อ
สมองทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพ ซ่ึงจะ อาหารหลกั แบ่งเป็น ๓ ช่วง คอื อาหาร
สง ผลใหร า งกายเกดิ ความรสู กึ กระปรกี้ ระเปรา ว่างเช้า อาหารว่างบ่าย และอาหารว่าง
จึงควรรับประทานอาหารมื้อเชาใหครบ กอ่ นนอน เช่น ขนมไทย ชา กาแฟ ผลไม้
ทงั้ 5 หมู เพ่ือใหไ ดรบั สารอาหารครบถว น
ในปรมิ าณทเี่ หมาะสมตามทร่ี า งกายตอ งการ 4๒ 2 1 1 จานอาหารเพือ่ สุขภาพ
ในแตละวนั โดยเนน บรโิ ภคอาหารประเภท
คารโบไฮเดรตเชิงซอน เชน ขาวตม หรือ
โจกขาวกลอง ขนมปงโฮลวีต รวมไปถึง
ผลไมแ หง หรอื ผลไมสดตางๆ ตามฤดกู าล
และเสริมดวยโปรตีนและไขมันดี เชน ไข
ถั่วเมลด็ แหง นา้ํ เตา ห)ู

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั อาหารมอ้ื เชา ใหน กั เรยี นฟง วา อาหารมอ้ื เชา เปน อาหารในขอใดมีความเหมาะสมท่ีจะนํามารับประทานเปน
อาหารมอื้ แรกของวนั จากการศกึ ษาวจิ ยั ทางโภชนาการพบวา อาหารมอ้ื เชา เปน อาหารวา งบาย
มอ้ื อาหารทสี่ าํ คญั ทส่ี ดุ ของแตล ะวนั เนอ่ื งจากตลอดทง้ั คนื ทน่ี อนหลบั รา งกายไมไ ด
รับอาหาร แตอวัยวะตางๆ ภายในรางกายยังคงทํางานอยู ซึ่งตองใชพลังงาน 1. ขนมจบี กับซาลาเปา
และรา งกายยงั ตอ งใชพ ลงั งานในการสรา งและซอ มแซมสว นทส่ี กึ หรอ พลงั งานที่ 2. โกโกรอนกับนมสดอนุ
มอี ยจู งึ หมดไป ดว ยเหตนุ ี้ เมอื่ ตนื่ เชา รา งกายจงึ ตอ งการพลงั งาน เพอื่ การทาํ งาน 3. มันฝรัง่ ทอดกบั นํ้าอัดลม
ในวนั ใหม หากไมไ ดร บั ประทานอาหารมอ้ื เชา รางกายจะตอ งไปดงึ สารอาหาร 4. สาคูไสหมูกับน้ําสมนุ ไพร
ทส่ี ะสมไวม าใช เมอื่ ขาดพลงั งานจะทาํ ใหร า งกายออ นเพลยี หงดุ หงดิ อาจทาํ ให
เรยี นหนงั สอื ไมร เู รอื่ ง ทาํ งานไดไ มม ปี ระสทิ ธภิ าพ เจบ็ ปว ยงา ย สว นการงดอาหาร (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะอาหารวางเปนอาหาร
มอื้ เชา เพ่อื ลดความอวน หรือไมมีเวลารับประทานเปนสงิ่ ทไี่ มควรปฏิบัติ เพราะ ที่รับประทานในระหวางวัน อาหารท่ีนํามารับประทานควรเปน
อาจกอใหเ กดิ โรคตางๆ ตามมาได เชน โรคอว น โรคเบาหวาน โรคอลั ไซเมอร อาหารท่ีมคี ณุ คาทางโภชนาการ ไมท าํ ใหร ูสกึ อมิ่ มากเกินไป เชน
โรคเสนเลอื ดในสมอง โรคหวั ใจ โรคกรดไหลยอน โรคน่วิ ขนม ผลไม น้าํ สมนุ ไพรตางๆ)

T50

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ÍÒËÒÃà¹ç ขนั้ สอน
เปน็ อาหารม้ือส�าคัญ หลงั จากรบั ประทาน
เสร็จจะเป็นช่วงท่ีกระเพาะอาหารท�างาน ข้นั ที่ 2 สํารวจและคนหา
น้อยลง แจกึงคงจวดืรเปผ็นัดอผาักหยารา� ทไ่ียข่เ่อจยียงว่ายผลเไชม่น1้
แกงเผ็ด ¼Ñ´¼¡Ñ ÃÇÁ¡§ŒØ 8. ครูใหนักเรียนศึกษาการแบงชวงเวลาของ
อาหารในแตละม้ือวามีวิธีการแบงอยางไร
ÍÒËÒá͋ ¹¹Í¹ จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3 เพอื่ ให
เป็นอาหารที่รับประทานหลังอาหารเย็น นกั เรยี นเกดิ ความรู ความเขา ใจเก่ียวกับการ
ควรเปน็ อาหารทย่ี อ่ ยง่าย ใหพ้ ลังงานนอ้ ย แบง ชว งเวลาของอาหารในแตล ะมอื้ มากยงิ่ ขนึ้
เพื่อช่วยให้นอนหลับสบายมากย่ิงข้ึน เช่น
นมสดอนุ่ โกโก้รอ้ น น้�าผลไม้ น�้าเต้าหู้ 9. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “อาหารมื้อเย็นมีความ
สําคัญเทากับอาหารมื้อเชาและอาหารมื้อ
Tip 2 ¹Òíé ᤹µÒÅÙ»»˜›¹ กลางวัน จึงควรจัดอาหารม้ือเย็นใหมีคุณคา
ทางโภชนาการสูง เหมาะสมกับเพศ วัย อายุ
ขนมไทยมงคล อาชพี และสภาพของรา งกายของแตล ะบคุ คล
การประกอบอาหารม้ือเย็นอาจใชเวลาและ
ขนมไทยนอกจากจะขนึ้ ชอ่ื ในเรอื่ งของความอรอ่ ยแลว้ การต้ังช่ือของขนมแต่ละชนิด ขนั้ ตอนมากกวา การจดั อาหารในมอ้ื อนื่ ๆ จาก
ยงั เน้นการตัง้ ช่ือที่มคี วามหมายเปน็ สิรมิ งคลอกี ด้วย เช่น ความเช่ือที่วาการรับประทานอาหารมื้อเย็น
สมาชกิ ในครอบครวั จะอยพู รอ มหนา พรอ มตา
ทองหยบิ ทองเอก ทองหยอด ฝอยทอง มีโอกาสไดรับประทานอาหารรวมกัน จึงจัด
มเี งินทอง ชวี ิตท่เี ปน็ ท่ีหนง่ึ มีเงนิ ทองใช้ มคี วามรัก ปริมาณอาหารและรายการอาหารไวอยาง
ใหห้ ยิบใช้ ท่ยี นื ยาว หลากหลาย ซงึ่ เปน ความคดิ ทไี่ มถ กู ตอ ง โดย
ตลอดกาล ไม่ขาด เม็ดขนุน นักโภชนาการไดใหคําแนะนําไววา อาหาร
จา่ มงกฎุ มคี นคอย ม้ือเย็นควรจัดเปนสํารับใหมีอาหารครบทั้ง
มกี ารเลอ่ื น สนบั สนนุ 5 หมู ซ่ึงอาจเปนอาหารจานเดียวที่ยอย
ต�าแหนง่ งา ย รสชาตดิ ี ไมเล่ยี น ในบางครอบครัวอาจ
4๓อาหารประเภทสํารับ รับประทานอาหารกลางวันเปนอาหารม้ือ
หนกั สว นอาหารมอื้ เย็นสามารถรับประทาน
เปน อาหารเบาก็ไดเ ชน กัน”

10. ครถู ามนกั เรยี นวา
• นักเรียนจะรับประทานอาหารตรงตามการ
แบง ชว งเวลาของอาหารในแตล ะมอื้ หรอื ไม
อยางไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยางอสิ ระ)
• นกั เรยี นจะรบั ประทานอาหารอยา งไรใหถ กู
หลกั โภชนาการ เพื่อการมสี ขุ ภาพที่ดี
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ)

ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

หากตองการจัดอาหารมื้อกลางวันใหสมาชิกในครอบครัว 1 ผลไม เปนอาหารท่ีใหวิตามิน เกลือแร และใหประโยชนเชนเดียวกับผัก
ของตนเองไดรับประทาน ควรจดั อาหารม้อื กลางวนั ในลักษณะใด โดยใน 1 วนั วยั รนุ ควรรบั ประทานผลไมส ดตามฤดกู าลอยา งนอ ยวนั ละ 1-2 ครง้ั
จงึ จะเหมาะสมท่ีสดุ และหลกี เลี่ยงผลไมท ี่มีรสหวานจดั หรอื รบั ประทานเพียงเล็กนอย เชน ทเุ รยี น
มะมว งสกุ องนุ ลาํ ไย ขนนุ นอยหนา ลน้ิ จี่ เงาะ กลวยไข อนิ ทผลัม
(แนวตอบ อาหารมอ้ื กลางวนั จะรบั ประทานในชวงเวลา 11.00- 2 ขนมไทย เอกลกั ษณท โี่ ดดเดน ของขนมไทย คอื การมรี สชาตทิ หี่ วานมนั ซง่ึ
13.00 น. ซึ่งเปนชวงระยะเวลาที่สั้น สวนใหญนิยมรับประทาน ขนมไทยแทจะตองใสกะทิควบคูกับนํ้าตาลเสมอ โดยความมันของกะทิจะชวย
อาหารหลกั เพียงอยา งเดยี ว ไมน ยิ มรบั ประทานอาหารหลายอยาง ลดความหวานของนา้ํ ตาล เมอ่ื นาํ มาจดั วางอยา งเปน ระเบยี บจะมคี วามสวยงาม
เนนอาหารท่ีประกอบและรับประทานไดงาย ดังน้ัน ในการจัด และมกี ลน่ิ หอมอยใู นตัว ชวนใหน า รบั ประทานมากยิ่งขึ้น
อาหารม้ือกลางวันใหสมาชิกในครอบครัวไดรับประทาน จึงจัด
หรือเลือกอาหารประเภทจานเดียว แตอาหารชนิดน้ันตองมี สื่อ Digital
คุณคาทางอาหารครบถวน มีประโยชน และเหมาะสมตามหลัก
โภชนาการ เชน ผดั ไทย กวยเต๋ียวราดหนา ขา วผดั ขา วคลกุ กะป ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกบั 10 อันดับ ผลไมทีม่ นี า้ํ ตาลมากและมีนาํ้ ตาลนอ ย
สุกี้นํ้า และจัดเตรียมผลไมตามฤดูกาลใหรับประทานแทน ไดท ี่ https://www.dek-d.com/board/view/2726151/
ขนมหวาน) T51

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๑อา.๓หา รปไทรยะ1เมภอี ทยดู่ขว้ อยงกอนั าหหลาารก หลายชนดิ และมเี อกลกั ษณท์ แ่ี ตกตา่ งกนั ออกไปในแตล่ ะภมู ภิ าค

ขั้นท่ี 2 สาํ รวจและคน หา
ตามสภาพภมู ศิ าสตร ์ เศรษฐกจิ สงั คม ความเชอ่ื วฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณที สี่ บื ทอด
• นักเรียนทราบหรือไมว า อาหารประเภทสาํ รบั ตอ่ กนั มา โดยชนดิ ของอาหารประเภทสา� รบั แบง่ เปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี
แบงออกเปน ก่ีประเภท
(แนวตอบ อาหารประเภทสาํ รบั สามารถแบง ได ๑) อาหารคาว เป็นอาหารทป่ี ระกอบด้วยรสชาติหลัก ๆ ๔ รสชาติ ไดแ้ ก ่ เค็ม หวาน
2 ประเภท ไดแ ก อาหารคาวและอาหารหวาน) เปร้ยี ว และเผ็ด อาหารคาวโดยทัว่ ไปแบ่งตามลกั ษณะขั้นตอนการปรงุ เชน่ ตม้ ผดั แกง ทอด
หลน ยา� โดยในสา� รบั อาจมเี ครอ่ื งจิ้มและเครือ่ งเคียงอยู่ดว้ ย
11. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอ่ื ง ประเภทของอาหาร
จากหนงั สือเรยี น หนวยการเรียนรูท ี่ 3 หรือ »Åҡо§2ÂÒ‹ § ¹éíÒ¾Ã¡Ô ÍÍ‹ §
ศึกษาเพ่ิมเติมจากอนิ เทอรเน็ต
๒) อาหารหวาน เปน็ อาหารทร่ี บั ประทานตามหลงั อาหารคาว นยิ มรบั ประทานเปน็ ของ
12. ครูใหน ักเรียนศึกษาเพมิ่ เตมิ เก่ียวกับประเภท
ของอาหาร จาก PowerPoint ม.3 หนวย วา่ ง อาหารหวานโดยทวั่ ไปจะแบง่ ตามลกั ษณะของเครอื่ งปรงุ ขน้ั ตอนการปรงุ และการหงุ ตม้ เชน่
การเรียนรูท่ี 3 ประเภทไข ่ นงึ่ ตม้ กวน อบและผิง ทอด ปง เชอื่ ม ฉาบ น�้ากะทิ นา้� เชือ่ ม บวด แช่อ่มิ

13. ครนู าํ ภาพอาหารคาวและอาหารหวานประเภท ¢¹Áªé¹Ñ ÅÍ´ª‹Í§¹íÒé ¡Ð·Ô
ตา งๆ มาใหน กั เรยี นดู พรอ มทง้ั อธบิ ายลกั ษณะ
ของอาหารทงั้ 2 ประเภท ใหน กั เรยี นฟง เพอื่ ให Tip
นักเรียนเกิดความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
อาหารคาวและอาหารหวานมากยงิ่ ข้ึน กนิ อาหารหวานอย่างไรไม่ใหอ้ ้วน

14. ครถู ามนักเรยี นวา อาหารหวานแต่ละชนิดจะมีน�้าตาลเป็นส่วนประกอบหลัก หากรับประทานในปริมาณ
• เครอ่ื งจม้ิ และเครอ่ื งเคยี งมลี กั ษณะทเ่ี หมอื น ท่ีมากเกินไปอาจท�าใหเ้ กดิ โรคอว้ นได้ วิธีรบั ประทานอาหารหวานไม่ให้อ้วนสามารถปฏบิ ัติ
หรอื แตกตางกันหรอื ไม อยา งไร ได้หลายวิธี เช่น รับประทานเพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือน้อยกว่านั้นในปริมาณที่เหมาะสม
(แนวตอบ มีลักษณะทีแ่ ตกตา งกนั กลาวคือ รบั ประทานคกู่ บั อาหารท่ีมปี ระโยชน์ ออกกา� ลงั กายควบคอู่ ย่างสมา�่ เสมอ
เคร่ืองจิ้ม เปน กบั ขา วของไทยประเภทหนึ่ง
ซึ่งเคร่ืองจิ้มแบบพื้นๆ ท่ีทุกคนรูจักเปน 44
อยา งดี คอื นา้ํ พรกิ และหลน โดยมเี ครอ่ื งจมิ้
เปนผักนานาชนิดท่ีมีอยูในทองถ่ินน้ันๆ
นอกจากน้ี ยงั มอี าหารวา งทถี่ อื เปน เครอื่ งจมิ้
เชนเดียวกัน เชน สะเดานํ้าปลาหวาน
หมูสะเตะ ขาวตังหนาต้ัง สวนเครื่องเคียง
เปนอาหารที่รับประทานคูกับอาหารอีก
อยางหนึง่ เชน ขนมจนี น้าํ พริกมผี กั สดเปน
เคร่ืองเคียง ขาวแชมีไชโปผัด กะปทอด
เปนเครื่องเคียง ขาวคลุกกะป มีหมูหวาน
กุงแหง ทอดเปนเคร่อื งเคียง)

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด

1 อาหารไทย เปนอาหารท่ีถูกประกอบขึ้น เพ่ือใหมีรสชาติที่กลมกลอม เพราะเหตุใดจึงควรเลือกจัดอาหารประเภทสํารับใหสมาชิก
เขมขน และจัดจาน มกี ารนาํ เคร่ืองปรุงหลายอยา งมาใชในการประกอบอาหาร ในครอบครวั ไดร บั ประทาน
โดยอาหารจะถูกประกอบขนึ้ อยา งงา ยๆ ดว ยวิธีการทีห่ ลากหลายอยางพถิ พี ถิ นั
และประณตี ในทุกข้นั ตอน เพือ่ ใหไดอาหารที่มคี ุณภาพ รสชาตดิ ี และถูกปาก 1. ตอ งการแสดงใหเ หน็ ถงึ ความสามารถในการประกอบอาหาร
ผูรบั ประทาน 2. ไดร บั คณุ คา ทางอาหารจากการรบั ประทานอาหารทหี่ ลากหลาย
2 ปลากะพง เปนปลาท่ีมีไขมันตํ่าเม่ือเทียบกับปลาทะเลชนิดอ่ืน กลาวคือ 3. สมาชิกในครอบครัวไดใชเวลาในการรับประทานอาหาร
ไขมนั 2-4 กรมั ตอ เน้ือปลา 1 ขดี มโี อเมกา 3 มาก เม่อื เทยี บกบั ปลาทะเล
ดวยกัน การรับประทานปลากะพงจะไดรับประโยชนหลายประการ เชน รวมกนั
ลดนาํ้ หนกั เพราะใหพ ลงั งานนอ ยกวา เนอ้ื สตั วป ระเภทอนื่ บาํ รงุ สมอง กรด DHA 4. พัฒนาความคิดริเร่ิมสรางสรรคในการจดั และตกแตงสํารับ
(Docosahexaenoic Acid) ในปลาจะชว ยพฒั นาสมอง ความจาํ และการเรยี นรู
ชว ยใหผ วิ พรรณผอ งใส โอเมกา 3 ในปลาจะชว ยบาํ รงุ ผวิ พรรณและการไหลเวยี น อาหาร
เลอื ดในรา งกาย
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะการจัดอาหารประเภทสาํ รบั
T52 จะชวยใหผูรับประทานอาหาร หรือสมาชิกในครอบครัวไดรับ
ประทานอาหารทด่ี ี มปี ระโยชน สะอาด ถกู หลกั โภชนาการ มคี วาม
หลากหลาย ทําใหไ ดรบั คณุ คา ทางอาหารทเ่ี หมาะสม)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๑.๔ หลกั การจดั รายการอาหารแตล่ ะม้ือ ขนั้ สอน

รายการอาหารสา� รบั ไทยในแต่ละมอ้ื ควรจัดชนิดของอาหารให้ควบคกู่ ัน อาหารท่ีรบั ประทาน ขน้ั ที่ 2 สาํ รวจและคนหา
ร่วมกนั ควรมีรสชาตทิ ่ีแตกตา่ งกนั หากรับประทานอาหารรสชาตเิ ดยี วกนั จะทา� ใหอ้ าหารมคี วาม
อร่อยลดน้อยลง โดยอาหารทน่ี ิยมนา� มารบั ประทานควบคกู่ ันมหี ลายชนิด เชน่ 15. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอ่ื ง หลกั การจดั รายการ
อาหารแตล ะม้ือ จากหนงั สือเรียน หนว ยการ
เรยี นรทู ี่ 3 หรอื ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็

16. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั หลกั การ
จดั รายการอาหารแตล ะมอื้ จาก PowerPoint
ม.3 หนว ยการเรียนรทู ี่ 3

+ µŒÁÂíÒ ขนั้ ที่ 3 อธบิ ายความรู

¢ÒŒ ǼѴ á¡§¨×´ ä¡·‹ Í´ 17. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ใหแ ตล ะ
กลมุ รว มกนั อภปิ รายแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็
+ 䢵‹ ÁŒ เกย่ี วกับหลกั การจัดรายการอาหารแตละม้ือ

á¡§¨×´ ¼Ñ´¾ÃÔ¡ »ÅÒ·Í´ 18. ครูนําภาพอาหารไทยมาใหนักเรียนดู โดย
ติดภาพไวบนกระดาน เชน ตมยํากุง
+ 4๕อาหารประเภทสํารับ ปก ไกท อด นาํ้ พรกิ ปลาทู แกงจดื เตา หู จากนนั้
ใหส มาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั ระดมความคดิ วา
¢¹Á¨Õ¹ ¹íéÒÂÒ/ᡧ༴ç รายการอาหารดงั กลา วควรจดั ใหร บั ประทาน
ควบคูกับรายการอาหารชนิดใด โดยให
+ นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ 1 คน
ออกมาเขียนรายการอาหารใหตรงกับภาพ
à¤ÃÍ×è §¨ÁÔé ¡§ØŒ à¼Ò ที่ครูนาํ มาติดไว

19. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา “การจดั รายการอาหาร
สาํ รบั ไทยในแตล ะมอื้ ควรจดั ประเภทของอาหาร
ใหควบคูกัน อาหารท่ีรับประทานคูกันควรมี
รสชาตทิ ่แี ตกตางกนั เชน เปรยี้ วรับประทาน
กับหวาน เผ็ดรับประทานกับเค็ม การจัด
อาหารที่มีรสชาติเดียวกันและรับประทาน
ดว ยกนั จะทาํ ใหร สชาตคิ วามอรอ ยของอาหาร
ลดนอ ยลง รวมถึงตองจัดอาหารใหมีคุณคา
ทางโภชนาการครบถว นอีกดว ย”

20. ครถู ามนักเรยี นวา
• ประโยชนข องการจดั อาหารแตล ะมอ้ื คอื สง่ิ ใด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอสิ ระ)

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

การจัดอาหารในขอ ใดสมั พนั ธก นั ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการจัดรายการอาหารแตละมื้อใหนักเรียน
1. ขา วคลุกกะปก ับหมูหวาน ฟงวา ในการจัดอาหารไทยแบบสํารับใน 1 มอื้ จะตอ งพจิ ารณาเรอ่ื งชนิดและ
2. แกงสมชะอมไขก ับตมยํากุง รสชาติของอาหารใหมีความแตกตางกัน เพราะหากอาหารมีรสชาติเดียวกัน
3. นาํ้ พริกมะขามกบั แกงค่วั สับปะรด ท้ังหมด จะสงผลใหความอรอยลดนอยลง ทั้งยังตองนําความรูเกี่ยวกับ
4. แกงจืดเตา หูห มูสับกับแกงเลียงกงุ ผักรวม หลักการกําหนดรายการอาหารมาใชควบคูกัน โดยจะตองกําหนดใหมีปริมาณ
สัดสวน และความหลากหลายของอาหารใน 1 ม้ือ มีคุณคาทางโภชนาการ
(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. เพราะขาวคลุกกะปเปนอาหาร ท่ีเพียงพอ ปริมาณและสัดสวนของอาหารตองมีความเหมาะสมกับความ
จานเดยี วทน่ี าํ ขา วมาคลกุ กบั กะป จากนน้ั จงึ นาํ ไปผดั ใหส กุ จนเกดิ ตองการของรางกาย รายการอาหารไมควรซ้าํ กนั ในแตล ะมือ้ ของวนั ไมค วรอด
กลนิ่ หอม นยิ มนาํ มารบั ประทานคกู บั เครอื่ งเคยี งตา งๆ เชน หมหู วาน อาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง แตควรรับประทานอาหารใหครบในปริมาณและสัดสวนท่ี
กุงแหงทอดกรอบ ไขเจียวหั่นฝอย กุนเชียงทอด หอมแดงซอย เหมาะสม และเลอื กรบั ประทานอาหารใหเ หมาะสมตามวัย
พริกข้ีหนูซอย มะมวงดิบ (เปรี้ยว) ห่ันฝอย ผักชี และแตงกวา
เพอ่ื เพมิ่ รสชาตคิ วามอรอยใหกับอาหาร)

T53

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๑.๕ ตวั อยา่ งการจัดรายการอาหาร

ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู อาหารเปน็ สง่ิ จา� เปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกาย การไดร้ บั สารอาหารทเี่ หมาะสมจะทา� ให้
ร่างกายเจริญเติบโตและมีพัฒนาการท่ีดี การจัดรายการอาหารเป็นการก�าหนดอาหารที่จะบริโภค
21. ครูเนนยํ้าใหนักเรียนเขาใจวา “ในการจัด ไวล้ ว่ งหนา้ อาจเปน็ ๑ วนั หรอื ๑ สปั ดาห ์ ขน้ึ อยกู่ บั วตั ถปุ ระสงคข์ องผจู้ ดั เปน็ หลกั ดงั ตวั อยา่ ง
รายการอาหารแตล ะมอ้ื เพ่อื ใหผ ูรบั ประทาน
เกดิ ความพงึ พอใจไดน น้ั ควรคาํ นงึ ถงึ หลกั การ ตวั อยา่ ง การจัดรายการอาหารแต่ละมอ้ื ใน ๑ วนั
สาํ คัญตางๆ คอื อาหารแตละประเภทควรมี
รสชาตทิ ี่ไมซ ํ้ากัน สี รปู รา ง และลกั ษณะของ ð÷.ðð ¹. ñô.ðð ¹.
อาหารควรจัดใหมีความหลากหลายและ
สวยงาม เพื่อดึงดูดสายตาและอารมณของ •ÍÒขËา้ Òว1Ãตàม้ ªไÒŒ ก่ ÍÒËÒÃÇÒ‹ §ºÒ‹ Â
ผูรับประทาน ทําใหเกิดความสุข กระตุน
ใหอยากรับประทานอาหารเพิ่มมากข้ึน • นมสด • ขนมปังไสล้ กู เกด
สภาพแวดลอมเปนองคประกอบสําคัญที่ • นมถว่ั เหลอื ง
ทาํ ใหจ ติ ใจสบาย เชน ภาชนะทน่ี าํ มาใสอ าหาร
ควรมีความสะอาด เมื่อมองแลวสบายตา ñð.ðð ¹. ñø.ðð ¹.
และไมเปนอันตรายในขณะใชงาน สถานท่ี
ประกอบและรบั ประทานอาหาร ควรปราศจาก ÍÒËÒÃÇÒ‹ §àªÒŒ ÍÒËÒÃà¹ç
ฝุน ละออง จดั อยูใ นสถานที่ทีเ่ หมาะสม ไมมี
กลิ่นเหม็นรบกวน เปนอาหารท่ีสมสวน มี • ขนมป้นั สบิ น่ึง • ข้าวสวย แกงจดื วนุ้ เส้น
ปริมาณที่เพียงพอตอความตองการของ • น�า้ ส้มคั้น • ปลาทอด ยา� เห็ด องุ่น
รางกายในแตละวนั ”
ñò.ðð ¹. òñ.ðð ¹.
22. ครถู ามนักเรยี นวา
• นกั เรยี นสามารถจดั รายการอาหารแตล ะมอ้ื ÍÒËÒáÅÒ§Çѹ ÍÒËÒÃÇÒ‹ §¡Í‹ ¹¹Í¹
ใหกับสมาชิกในครอบครัวของตนเองได
หรอื ไม อยางไร • ราดหน้าทะเล • น้า� ผลไม้
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ • ผลไมต้ ามฤดกู าล • เคร่อื งด่ืมร้อน
ไดอ ยา งอิสระ)
Trick : การท�าขาวตม ใหอร่อย
ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา ใจ การท�าข้าวตม้ ให้เมด็ ข้าวออ่ นนมุ่ สามารถทา� ไดง้ ่าย ๆ ดังนี้
• ข้าวเก่า น�าข้าวมาซาวน้�า เติมน้�าลงในหม้อให้มากกว่าข้าว ใช้ไฟแรงและคนบ่อย ๆ จะช่วยให้
23. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันจัดรายการ เมด็ ขา้ วสกุ งา่ ยและออ่ นนุ่ม
อาหารแตละมอื้ ใน 1 วนั และรายการอาหาร • ข้าวใหม่ น�าข้าวมาซาวน้�า ตั้งน�้าให้เดือดจึงใส่ข้าวลงไปและคนบ่อย ๆ เม็ดข้าวจะสุกง่ายและ
แตล ะมอ้ื ใน 1 สปั ดาห โดยนกั เรยี นอาจศกึ ษา อ่อนนุ่ม
จากตวั อยา งการจดั รายการอาหารเพม่ิ เตมิ ได • หากต้องการเพิ่มความเหนียวให้ผสมข้าวเหนียวลงไปในอัตราส่วน ๑๐ : ๑ เช่น ข้าวหอมมะล ิ
จากหนงั สอื เรยี น หนวยการเรยี นรูที่ 3 หรือ ๑๐ สว่ น ต่อข้าวเหนียว ๑ ส่วน
ศกึ ษาเพ่ิมเติมจากอินเทอรเน็ต
4๖

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 ขาว เปนอาหารหลักของคนไทย มีหลายชนิด ขาวทุกชนิดลวนมีคุณคา ขอใดเปนการจัดรายการอาหาร 1 วัน ที่เหมาะสําหรับเด็ก
และประโยชนมากนอยแตกตางกันไป การรับประทานขาวควรคํานึงถึงคุณคา ในวัยเรียนมากท่สี ุด
ทางโภชนาการท่ีจะไดรับ เพ่ือจะไดรับประโยชนจากการรับประทานขาว
อยางเต็มที่ เชน ขาวขาว เปนขาวท่ีถูกขัดสีคอนขางมาก ทําใหคุณประโยชน 1. โกโกร อ น ขา วไขเ จยี ว สกุ แี้ หง
ของขา วลดนอ ยลง แตเ ปน ขา วทไี่ ดร บั ความนยิ มมากกวา ขา วชนดิ อน่ื ๆ เพราะมี 2. ขา วเหนียวหมูปง ยําวนุ เสน นาํ้ เตา หู
ความออ นนมุ มากกวา นอกจากน้ี ยงั มคี ารโ บไฮเดรตสงู ถงึ 71-77% ซงึ่ ทาํ หนา ที่ 3. นมสด ขนมปงสังขยา ตม ยําปลากะพง
ใหพลังงานแกร างกาย มีวิตามินบี 1 ชว ยปอ งกันโรคเหนบ็ ชา และวิตามนิ บี 2 4. ขาวตม กุง กวยเตีย๋ วราดหนา ขา วแกงเขียวหวานไก
ชวยปอ งกันโรคปากนกกระจอก
(วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เพราะเดก็ ในวยั เรยี นควรรบั ประทาน
ส่ือ Digital อาหารใหค รบถว นตามทรี่ า งกายตอ งการภายใน 1 วนั อาหารมอื้ เชา
ควรเปนอาหารท่ีมีคุณคาทางโภชนาการสูง อาหารม้ือกลางวัน
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชนของขาวแตละชนิด ไดที่ http://www. ควรเปนอาหารท่ีใหพลังงานมาก และอาหารม้ือเย็นควรเปน
cpram.co.th/th/knowledge-detail/11/ประโยชนของขา วแตละชนิด อาหารท่ียอยงาย ใหพลังงานต่ํา แตมีคุณคาทางอาหารครบถวน
ดงั นน้ั คาํ ตอบในขอ 4. จงึ เปน อาหารทเี่ หมาะสมกบั เดก็ ในวยั เรยี น
T54 มากที่สดุ )

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

ตวั อย่าง การจดั รายการอาหารแต่ละมอื้ ใน ๑ สัปดาห์ ขน้ั สอน

วนั อาหารเช้า อาหารกลางวัน อาหารเยน็ ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขาใจ

• ข้าวตม้ ไก่ • ข้าวผัดปู กงุ้ ใสไ่ ข่ • ข้าวสวย ปลาเค็มทอด 24. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
• กล้วยหอม • แกงจดื ผักกาดขาว • ถวั่ ลันเตาผัดกับก้งุ 1-2 คน ออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
• เครื่องด่ืมรอ้ น • ถว่ั ด�าแกงบวด • แกงเผ็ดไก่ใสห่ น่อไม้ หนาช้ันเรียน จากน้ันใหเพ่ือนรวมชั้นเรียน
• นา้� ผลไม้ • ตะโกแ้ ห้ว รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เติม
• ขา้ วสวย นา�้ พรกิ ปลาทู ผกั ตม้
• ข้าวสวย • ขนมจีนน้า� ยา • ผกั กาดดองต้มน่องไก่ 25. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 3.1.1
• แกงจืดฟักใสไ่ ก่ • ไข่ต้ม • ผัดผักน�า้ มันหอย เรอ่ื ง อาหารประเภทสํารับ
• ไขเ่ จยี วกงุ้ สับ • ข้าวเหนยี วดา� เปียก • สังขยาฟกั ทอง
• ผลไมต้ ามฤดูกาล • นา้� สมนุ ไพร • ขา้ วสวย ปลาทอด ขนั้ สรปุ
• แกงจดื ว้นุ เสน้
• ขนมปังปิ้ง • ข้าวมนั สม้ ต�า • ผดั พริกขงิ ถว่ั ฝกั ยาว ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล
• ไข่ดาว ไส้กรอก • เนอ้ื เคม็ ฝอย • ผลไมต้ ามฤดกู าล
• ผลไม้ตามฤดูกาล • แกงเขียวหวานไก่ • ขา้ วสวย เนือ้ เคม็ ทอด 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง อาหาร
• เคร่ืองดืม่ ร้อน • วุ้นนา�้ เช่ือม • แกงนพเก้า ประเภทสํารับ
• วุ้นเส้นผดั ใส่ไก่ กุง้ ไข่
• ขา้ วต้มเปลา่ • ผัดซีอวิ๊ ใสไ่ ข่ • ขนมชน้ั 2. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นทาํ กจิ กรรมในแบบวดั
• กงุ้ ทอดกระเทยี มพรกิ ไทย • ฟักทองแกงบวด • ข้าวสวย ย�ามะม่วง และบนั ทึกผลการเรยี นรู หนว ยการเรียนรทู ่ี 3
• ผลไม้ตามฤดกู าล • น�้าสมุนไพร • แกงเผ็ดปลากราย
• เครอื่ งดื่มรอ้ น • ไชโปผ๊ ดั ไข่ 3. ครูตรวจสอบความรู ความเขาใจของนักเรียน
• กลว้ ยบวชชี จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วิจารณ และ
• ขา้ วสวย • ขา้ วคลุกกะปิ • ข้าวสวย แกงจืดเต้าหู้ การสรุปความรู
• แกงจดื ลกู ช้นิ • เนื้อหวาน • ปลาเก๋าทอดราดพรกิ
• ดอกกุยชา่ ยผดั กับตบั • แกงเลียง • ดอกกะหลา�่ ผดั ใสก่ ้งุ ขนั้ ประเมนิ
• ผลไมต้ ามฤดกู าล • วุ้นกะทิ • ขนมกลว้ ย
• ข้าวสวย 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน
• ข้าวต้มเปลา่ • ขา้ วสวย • แกงกะหร่ไี ก่ เพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจกอ นเรยี นของนกั เรยี น
• ปลาไสต้ ันทอด • ตม้ จับฉ่าย • เนือ้ อบ ยา� ไขเ่ ค็ม
• ไกผ่ ดั เคม็ • ผัดกะเพราไก่ • เม็ดขนุน 2. ครตู รวจสอบใบงานท่ี 3.1.1 เรอ่ื ง อาหารประเภท
• ผลไม้ตามฤดูกาล • แกงบวดเผือก สาํ รับ
47อาหารประเภทส�ารับ
• โจ๊กกุ้งใสไ่ ขแ่ ละตบั • ผัดไทยใสไ่ ข่ 3. ครูตรวจสอบการทํากิจกรรมในแบบวัดและ
• ผลไมต้ ามฤดูกาล • ข้าวเหนียวทุเรยี น บันทึกผลการเรียนรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3
• เครอื่ งดม่ื ร้อน • น�า้ สมุนไพร
4. ครปู ระเมนิ ผลระหวา งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู
จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน
และการสังเกตคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค

กิจกรรม สรางเสรมิ แนวทางการวัดและประเมินผล

ใหน ักเรยี นจัดรายการอาหารแตละม้ือใน 1 วนั ใหก บั ตนเอง ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
เขียนลงในกระดาษรายงานในรูปแบบของตาราง ตกแตงให เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3
สวยงาม จากนน้ั นาํ เสนอผลงานใหเ พอ่ื นชมหนา ชนั้ เรยี น พรอ มทง้ั
อธิบายแนวคิดในการเลอื กรายการอาหารแตละชนดิ ประกอบ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน

กจิ กรรม ทา ทาย คาชแี้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ตี รง คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกับระดับ
คะแนน
ใหนักเรียนจัดรายการอาหารแตละมื้อใน 1 สัปดาห ใหกับ กบั ระดับคะแนน
สมาชิกในครอบครัวของตนเอง โดยเลือกสมาชิกในครอบครัว
อยา งนอ ย 3 ทานขึ้นไปที่มวี ัยแตกตางกัน จากน้ันนําเสนอผลงาน การมี
ใหเพอื่ นชมหนาชน้ั เรียนในรปู แบบ PowerPoint พรอมท้ังอธบิ าย
แนวคิดในการเลือกรายการอาหารแตละชนิดประกอบ ลาดับที่ ชือ่ -สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
ของนกั เรียน ความ ฟงั คนอื่น ตามท่ไี ดร้ ับ น้าใจ การ 321
คิดเหน็ มอบหมาย 15 1 ความถูกตอ้ งของเน้อื หา
ปรบั ปรงุ คะแนน 2 การลาดับขั้นตอนของเรื่อง
ผลงานกลุ่ม 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 5 การมสี ว่ นร่วมของสมาชิกในกล่มุ

รวม

ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมนิ ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............./.................../............... ............/................./................

เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่
ปฏบิ ตั ิ หรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง
ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

12-15 ดี 12-15 ดี

8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ

T55

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (แบบกระบวนการกลมุ ) ๒ การจัดและตกแตงอาหารประเภทสาํ รบั

1. ครูเปดคลิปวิดีโอศิลปะการจัดและตกแตง การจดั และตกแตง่ อาหารนบั เปน็ รปู แบบหนงึ่ ของงานศลิ ปะ เปน็ การนา� เสนออาหารชนดิ ตา่ ง ๆ
อาหารใหน กั เรยี นดู เพอื่ ใหน กั เรยี นไดฝ ก การ สสู่ ายตาของผบู้ รโิ ภค โดยผจู้ ดั จะตอ้ งคา� นงึ ถงึ ความสะอาด ถกู สขุ อนามยั ใหค้ ณุ คา่ ทางสารอาหาร
สังเกตและรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ครบถว้ น มกี ลนิ่ หอมชวนให้รับประทาน สีสันสวยงาม และถกู ออกแบบจดั วางอย่างสรา้ งสรรค์
วิธีการจัดและเทคนิคการตกแตงอาหารใหมี
ความสวยงามและนา รบั ประทานมากยิง่ ขึ้น ๒.๑ ความสา� คญั ของการจดั และตกแต่งอาหารประเภทส�ารับ

2. ครูถามนกั เรยี นวา การจดั และตกแตง่ อาหาร เปน็ การประดบั การจดั อาหารใหด้ ี มคี วามสวยงาม นา่ รบั ประทาน
• หากมคี นมาเสริ ฟ อาหารใหก บั นกั เรยี นเหมอื น ซง่ึ จะสง่ ผลโดยตรงตอ่ ผบู้ รโิ ภค คอื ทา� ใหเ้ กดิ ความสขุ และสง่ ผลทางออ้ ม คอื ทา� ใหอ้ าหารดนู า่
ในคลิปวิดีโอ นักเรียนอยากรับประทาน รบั ประทานมากยงิ่ ขน้ึ แสดงถงึ การมรี สนยิ มทด่ี ี รวมถงึ ความตง้ั ใจในการประกอบอาหารไดอ้ กี ดว้ ย
อาหารจานนั้นหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ๒.๒ หลกั การจดั และตกแตง่ อาหารประเภทสา� รับ
ไดอยา งอิสระ)
• การจัดและตกแตงอาหารมีความสําคัญ ในการประกอบอาหาร นอกจากจะตอ้ งคา� นงึ ถงึ ความสะอาด อรอ่ ย ถกู สขุ อนามยั แลว้ สง่ิ สา� คญั
หรอื ไม อยา งไร ทข่ี าดไมไ่ ด ้ คอื การจดั และตกแตง่ อาหารใหด้ สู วยงามและนา่ รบั ประทานมากยง่ิ ขนึ้ ซง่ึ จะสรา้ งความ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ประทบั ใจใหแ้ กผ่ บู้ รโิ ภคไดอ้ กี ดว้ ย โดยหลกั การจดั และตกแตง่ อาหารประเภทสา� รบั มดี งั นี้
ไดอยางอิสระ เชน การจัดและตกแตง
อาหารมีความสําคัญ เน่ืองจากการจัดและ ควรจดั รปู ร่างของอาหาร ควรประกอบอาหารให้ ควรเลือกอาหารแหง้ หากต้อง
ตกแตงอาหารใหมีความสวยงามและนา ที่แตกตา่ งกนั ใหเ้ ป็นลวดลาย นา่ รบั ประทาน มีกลน่ิ หอมตาม การจดั ใหอ้ ย่ใู นจานเดียวกัน
รับประทาน จะสงผลใหผูรับประทานเกิด ลักษณะของอาหารชนิดนั้น ๆ ปอ้ งกันรสชาตปิ นกนั
ความรูสึกมีความสุขเม่ือไดรับประทาน ทีน่ ่าสนใจ
อาหารจานน้ันๆ และมีความตองการ
รบั ประทานอาหารเพิม่ มากขึ้น) ควรเลือกขนาดของภาชนะ ควรมีอาหารที่ปรงุ ด้วยวธิ ี ควรมีจานรอง หรือมถี าดรอง
• หากตองการจัดและตกแตงอาหารประเภท ให้เหมาะสมกับปรมิ าณของ หลากหลาย เพือ่ ใหเ้ กดิ หากตอ้ งการประกอบอาหาร
สาํ รบั ใหด สู วยงามและนา รบั ประทานมากขน้ึ ลกั ษณะสัมผัสทแี่ ตกตา่ งกัน
จะมหี ลกั ในการจดั และตกแตง อาหารอยา งไร อาหารและจัดให้พอดี ชนดิ ท่ีเป็นน้�า
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ เชน จัดวางอาหารใหมีระยะ ควรจัดจานอาหารใหม้ สี สี ัน
หางที่เหมาะสม จัดและตกแตงจานใหมี สวยงาม เพ่ือกระตนุ้ ให้อยาก
สีสนั ที่สวยงาม จัดรปู รา งของอาหารใหเ ปน รบั ประทานอาหารมากขึ้น
ลวดลายตางๆ ท่ีนาสนใจ เลือกใชภาชนะ
ใหเหมาะสมกับปริมาณของอาหาร มีจาน ควรรักษาพ้นื ทข่ี องจาน
รองสาํ หรับอาหารทเี่ ปนนํ้า) หรอื ชามให้สะอาด และเปน็
• การจดั และตกแตง อาหารชว ยเพม่ิ มลู คา ใหก บั
อาหารไดห รอื ไม อยา งไร ระเบียบเรยี บรอ้ ย
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ) ควรจดั และตกแตง่ จานอาหาร ความสวยงามของการจัดและตกแตง่ อาหารจะชว่ ยใหผ้ บู้ รโิ ภคเจรญิ อาหารมากยงิ่ ขนึ้
เลก็ ๆ นอ้ ย ๆ เพ่ือให้อาหาร

ดนู ่ารบั ประทานย่งิ ขนึ้

4๘

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ

ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการจัดและตกแตงอาหาร : การจัดวางแบบ เพราะเหตใุ ดจึงตองมกี ารจัดและตกแตง อาหารประเภทสําหรับ
คลาสสกิ ใหนักเรยี นฟงวา การจดั วางแบบคลาสสกิ (Classic Plating) เปน การ
นาํ อาหารพื้นฐาน 3 อยาง ไดแก แปง ผัก และอาหารหลัก มาจัดวางในภาชนะ (แนวตอบ การจัดและตกแตงอาหารเปนศิลปะอยางหนึ่งใน
อยางงายๆ ในลักษณะคลายหนาปดนาฬกา พรอมท้ังนําภาพการจัดวางแบบ การนําเสนออาหารสูสายตาของผูบริโภค การจัดและตกแตง
คลาสสิกมาใหนักเรียนดูเปนตัวอยาง เพื่อใหนักเรียนเกิดความรู ความเขาใจ อาหารจะมสี วนชวยทําใหอาหารเกดิ ความสวยงาม ซ่ึงสงผลดตี อ
เกยี่ วกบั การจัดวางแบบคลาสสกิ มากยงิ่ ข้นึ โดยการจดั วางแบบคลาสสกิ มหี ลัก จิตใจ กอ ใหเ กิดความสุข นา รนื่ รมย เปน การสนองความตอ งการ
ในการจดั ดังน้ี ทางดานจติ ใจ นอกจากน้ี ยังมสี ว นชว ยใหอาหารดูนารับประทาน
• แปง (Starch) จัดไวระหวา ง 9 แปง ผกั มากยิ่งขึ้น แสดงใหเห็นถึงรสนิยมที่ดี และแสดงถึงความตั้งใจ
ในการประกอบอาหารอีกดวย)
ถึง 11
• ผกั (Vegetables) จดั ไวร ะหวาง 11
ถึง 3
• อาหารหลกั (Main) จัดไวระหวาง 3
ถงึ 9
T56 อาหารหลกั

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๒.๓ ศลิ ปะในการจดั และตกแต่งอาหารประเภทส�ารับ ขน้ั สอน

ศิลปะไดเ้ ข้ามามีส่วนเก่ียวข้องในการจัดและตกแต่งอาหาร จัดเป็นสิ่งส�าคัญอยา่ งหนึง่ ท่ีช่วย 1. ครูใหน ักเรยี นศกึ ษา เรอื่ ง การจดั และตกแตง
ทา� ใหอ้ าหารมสี สี นั ทส่ี วยงาม ชวนใหร้ บั ประทานมากยงิ่ ขน้ึ ผปู้ ระกอบอาหารจงึ ตอ้ งนา� ความรเู้ กยี่ วกบั อาหารประเภทสํารับ จากหนังสือเรียน
การจดั องคป์ ระกอบศิลป์มาประยุกต์ใชค้ วบคกู่ ัน ดังน้ี หนวยการเรียนรูที่ 3 หรือศึกษาเพิ่มเติมจาก
อินเทอรเนต็
องคป์ ระกอบศลิ ป์ การนา� องคป์ ระกอบศลิ ปม์ าใชใ้ นการจดั และตกแตง่ อาหาร
กบั การจัดและตกแต่งอาหาร 49อาหารประเภทส�ารับ 2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ
จัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ จาก
เป็นการน�าทัศนธาตุมาจัดวาง เพ่ือสร้าง PowerPoint ม.3 หนวยการเรยี นรทู ี่ 3
รูปแบบอย่างเหมาะสม ลงตัว มีความสวยงาม
3. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การจัดและตกแตง
เแอลกะภมาคี พวา1มกลมกลนื กัน อาหารประเภทสํารับ จําเปนตองนําความรู
ทางศิลปะเขามาประยุกตใชอยางสรางสรรค
จัดให้มีปริมาณอาหารท่ีพอเหมาะ ไม่แผ่ เพ่ือชวยใหการจัดและตกแตงอาหารมีความ
กระจายออกนอกภาชนะ สวยงามและนารับประทานมากย่ิงข้ึน ดังน้ัน
ความสมดุล ผูประกอบอาหารจึงตองมีความรูพื้นฐาน
เกี่ยวกบั องคประกอบศิลป ซึ่งจะทาํ ใหการจดั
จัดวางอย่างลงตัว ไม่ควรจัดวางอยู่รวมกัน และตกแตงอาหารมีความสวยงามและมี
เปน็ กลุ่ม เพราะอาจท�าใหเ้ กิดความหนาแนน่ ความกลมกลืนกัน”
ความกลมกลนื
4. ครถู ามนักเรียนวา
จัดภาชนะให้เหมาะสมและกลมกลืนกับ • องคประกอบศิลปที่นํามาใชในการจัด
อาหารทป่ี ระกอบขนึ้ และตกแตงอาหารประกอบไปดวยส่ิงใด
ความขัดแยง้ จงยกตวั อยางประกอบ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
สสี นั จ2ทัดีแ่อตากหตา่ารงใกหนั ้มีลักษณะของรูปร่าง ขนาด ไดอยางอิสระ เชน องคประกอบศิลปที่นํา
มาใชในการจัดและตกแตงอาหาร ไดแก
จงั หวะ เอกภาพ ความสมดุล ความกลมกลืน
จดั วางอาหารใหซ้ อ้ นกนั อยา่ งมรี ะเบยี บ หรอื ความขัดแยง จงั หวะ การเนน หรอื จดุ สนใจ
สัดสวน ตัวอยาง เชน ความเปนเอกภาพ
จดั วางโดยเวน้ ระยะช่องไฟอยา่ งเหมาะสม การจัดอาหารไมใหแผกระจายออกนอก
การเน้น หรือจุดสนใจ ภาชนะ ความสมดุล การจดั อาหารไมใ หอ ยู
รวมกันเปน กลุม กอน การเนน หรือจุดสนใจ
จัดให้มีส่วนใดส่วนหน่ึงเด่นขึ้น เพื่อป้องกัน การจดั อาหารใหม สี ว นใดสว นหนงึ่ ของอาหาร
เดนชัดข้ึน สัดสวน การจัดองคประกอบ
สอาัดหสาว่ รนก3ลมกลนื กันทั้งจาน ท้ังหมดของอาหารใหม ีความสัมพนั ธกัน)

จัดให้องค์ประกอบท้ังหมดของอาหารทั้ง
ขนาด รูปทรง มคี วามสัมพันธเ์ หมาะสมกนั

กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู

ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั รว มกนั ฝก ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 1 เอกภาพ การสรางเอกภาพใหเกิดข้ึนในการจัดและตกแตงอาหาร
“การจัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ” โดยนําทักษะการ สามารถทําไดหลายวิธี เชน การรวมกลุมของการจัดโตะอาหาร โดยจัดวาง
ทํางานรวมกันและทักษะการจัดการมาประยุกตใชอยางเหมาะสม ชอ น สอ ม และมดี ใหเ ปน ชดุ เดยี วกนั เพอ่ื ความสะดวกในการใชง าน โดยคาํ นงึ ถงึ
คํานงึ ถงึ การประหยดั พลังงาน ทรพั ยากร และสง่ิ แวดลอมรวมดวย ความเหมาะสมของอาหารท่อี ยูใ นจานรว มดวย และเคร่ืองปรุงควรจัดวางใหอยู
โดยปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ดังน้ี ดว ยกนั กับอาหารทีต่ องการเสริ ฟ
2 สีสัน เปนส่ิงที่ชวยดึงดูดใหอาหารดูนารับประทานมากย่ิงข้ึน สามารถ
1. เตรยี มอาหารกลมุ ละ 3 ชนดิ ทมี่ ลี กั ษณะแตกตา งกนั เพอ่ื นาํ สรา งจดุ เดนใหก บั อาหารได การนาํ สีมาใชใ นการตกแตง อาหารควรเลือกสีทมี่ า
มาฝกปฏบิ ัติการจดั และตกแตง อาหารประเภทสาํ รบั จากวตั ถดุ บิ ธรรมชาติ เพือ่ ใหเกิดความปลอดภัยในการรับประทาน
3 สัดสวน การจัดวางภาชนะบนโตะอาหาร ควรเลือกใชภาชนะที่มีขนาด
2. เตรียมวัสดุ อุปกรณ เครื่องมือ เคร่ืองใชในการจัดและ และสัดสวนเหมาะสมกับขนาดของโตะ ไมควรจดั อาหารจนแนน โตะ เพราะจะ
ตกแตง อาหารประเภทสาํ รบั มาใหพ รอ ม โดยคาํ นงึ ถงึ ความประหยดั สงผลใหต กั อาหารไมถนัด
รวมดวย
T57
3. ฝก ปฏบิ ตั กิ ารจดั และตกแตง อาหารประเภทสาํ รบั
(กิจกรรมน้ีเสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงคดานมีวินัย
ใฝเ รยี นรู อยอู ยางพอเพยี ง และมุงมน่ั ในการทํางาน)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๒.๔ ภาชนะท่ีใชส �าหรบั บรรจุอาหาร

5. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “องคประกอบศิลปที่ การเลอื กใชภ้ าชนะทีเ่ หมาะสม สวยงาม จะทา� ให้อาหารดูนา่ รบั ประทาน ภาชนะที่ใชส้ า� หรับ
นํามาใชในการจัดและตกแตงอาหารน้ัน ทุก บรรจุอาหารมหี ลายรปู แบบ การเลอื กใช้งานภาชนะรูปแบบใดและขนาดใดนั้น ควรพิจารณาจาก
องคประกอบที่นักเรียนไดศึกษาเรียนรูจาก สงิ่ ต่าง ๆ ดังน้ี
หนังสือเรยี น หนว ยการเรียนรูที่ 3 หรอื ศึกษา
เรียนรูจากอินเทอรเน็ต หรือศึกษาเรียนรูจาก ภาชนะชุด
PowerPoint ม.3 ลวนมีความสําคัญทั้งส้ิน มีลวดลายเหมือนกันทั้งชุด ช่วยให้การจัดวาง
เพราะทุกองคประกอบมีความเทาเทียมกัน อาหารบนโต๊ะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย
หากขาดส่ิงใดส่ิงหน่ึงไปอาจทําใหอาหารจาน การล้างท�าความสะอาดสามารถทา� ไดส้ ะดวก
นน้ั ขาดความสวยงาม ขาดความสมบูรณ ดูไม
นาสนใจและไมน ารับประทานได” ภาชนะในโอกาสพิเศษ

6. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับภาชนะท่ีใช มสี สี นั ลวดลาย รปู แบบเหมอื นกนั ทง้ั ชดุ ชว่ ยเพมิ่
สาํ หรบั บรรจุอาหารวา “อาหารนอกจากจะจดั ความสวยงามให้กับอาหาร รวมถึงบรรยากาศ
และตกแตงไดอยางสวยงามแลว ภาชนะท่ีใช พเิ ศษท่ีเกดิ ขึ้นในงานนนั้ ๆ ก ารเลือกใช้ภาชนะท่ีเหมือนกัน จะช่วยให้การจัดวางบน
ก็เปนส่ิงสําคัญที่จะชวยใหอาหารจานน้ันดู โตะอาหารสวยงามย่ิงขน้ึ
สวยงามและนารบั ประทานมากข้ึน ซึ่งภาชนะ
ที่ใชบรรจุอาหารมีหลายรูปแบบ ทั้งภาชนะ ๒.๕ ขอควรค�านึงในการจัดและตกแตง่ อาหารประเภทสา� รบั
ชุดและภาชนะในโอกาสพิเศษ ในการใชงาน ในการจัดและตกแต่งอาหารประเภทส�ารับ
จึงควรเลือกใชใหเหมาะสมกับประเภทและ ผู้จัดควรพิจารณาเกี่ยวกับชนิดของอาหารและ
ปริมาณของอาหารดว ย” ลักษณะของอาหารร่วมด้วย เนื่องจากอาหาร
แต่ละชนิดมีลักษณะที่แตกต่างกัน เพ่ือท่ี
7. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “ส่ิงท่ีผูประกอบอาหาร จะจัดเตรียมภาชนะที่ใช้ส�าหรับบรรจุอาหาร
หรอื ผทู จี่ ดั และตกแตง อาหารจะทราบวา อาหาร ได้อย่างถูกต้อง เช่น ผัด จัดใส่จานก้นต้ืน
ที่ตนเองไดประกอบขึ้น หรือท่ีจัดและตกแตง แกงเผด็ จดั ใส่ชามเปล หรือชามแกง
ขึ้นนั้น ผูรับประทานมีความช่ืนชอบหรือไม
สามารถสงั เกตไดจ ากการวางชอ นและสอ ม หรอื Tip
การวางสอมและมีด หลังจากที่ผูรับประทาน
ไดร บั ประทานอาหารเสรจ็ เรียบรอยแลว ” การวางสอ้ มและมีด

8. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอื่ ง การวางสอ มและมดี ส้อมและมดี เป็นอุปกรณ์สา� คญั ในการรับประทานอาหารตามแบบวฒั นธรรมตะวันตก
ในกรอบ Tip จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรู โดยส้อมถูกจัดวางอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนมีดถูกจัดวางอยู่ทางขวามือ การวางส้อมและมีด
ท่ี 3 เพื่อใหนักเรียนไดฝกการสังเกตและ อย่างถูกตอ้ งจะช่วยสื่อความหมายและความต้องการของผู้บริโภคได ้ ดังนี ้
รว มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั การวางสอ ม
และมีดในลักษณะตางๆ เพื่อใหเกิดความรู พร้อมรับประทาน พกั รอจานทสี่ อง อิม่ แล้ว อรอ่ ยยอดเยี่ยม ไม่อรอ่ ย
ความเขา ใจทเ่ี พิม่ มากขึ้น
๕๐

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด

ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการเลือกภาชนะท่ีใชบรรจุอาหารใหเหมาะสม บุคคลในขอใดเลอื กและใชภ าชนะบรรจุอาหารไดอยา งเหมาะสม
กบั ชนดิ และลกั ษณะของอาหารใหน กั เรยี นฟง วา ในการใชง านภาชนะทใี่ ชบ รรจุ 1. แปง ใชช ามเปลใสผัดผักคะนา ปลาเคม็
อาหาร ควรพจิ ารณาชนดิ และลกั ษณะของอาหารรว มดว ย โดยพจิ ารณาวา อาหาร 2. ปนใชจานแกวใสฟกทองแกงบวด
ชนดิ นนั้ เปน อาหารนาํ้ หรอื อาหารแหง มปี รมิ าณมากนอ ยเพยี งใด เพอื่ จะไดเ ลอื ก 3. โปงใชช ามแกงใสแกงจดื วุนเสน
ใชภ าชนะไดอ ยางเหมาะสม เชน แกง จดั ใสห มอหยวนโล (หมอไฟ) ชามเปล 4. ปานใชถ วยขนาดเลก็ ใสส ม ตาํ ปู
ชามแกงพรอมจานรอง ผดั ทอด ยํา จดั ใสจ านคาวกนตืน้ เคร่อื งจม้ิ จัดใสถว ย
เลก็ พรอ มจานรอง ของหวาน (นา้ํ ) เสริ ฟ ในถว ยแกว พรอ มจานรอง ของหวาน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. เพราะอาหารประเภทแกงจืด
(แหง ) หากมลี ักษณะเปน ชิ้นและมนี ํ้าหนกั เบา เชน คกุ ก้ี จดั ใสจานแกว หากมี ควรจดั ใสภ าชนะประเภทชามเปล ชามแกง พรอ มจานรองกอ นเสริ ฟ
ลกั ษณะเปนหอ เชน ขนมกลว ย จดั ใสจานกระเบื้อง ผลไม ควรปอก ควาน และ เพอื่ กนั รอ นและปอ งกนั นา้ํ แกงหก)
จดั เปนคาํ ๆ เพอื่ ใหรับประทานงาย จดั เรยี งในจานแกว หรอื จานที่ประดษิ ฐข นึ้
จากใบตอง

T58

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ตัวอยา่ ง การจัดและตกแตง่ อาหารประเภทสา� รบั ขนั้ สอน

ข้าวสวย 9. ครใู หน กั เรียนแบง กลมุ กลมุ ละเทาๆ กัน ให
แตล ะกลมุ จดั ทาํ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
แกงเผด็ เปด็ ยา่ ง น้�าผลไม้ เรอ่ื ง การจดั และตกแตง อาหารประเภทสาํ รบั

ไข่ตม้ ผลไม้ 10. ครใู หส มาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั ระดมความคดิ
วากลุมของตนเองจะจัดและตกแตงอาหาร
ผดั ผกั รวมก้งุ ประเภทสาํ รบั ในลกั ษณะใด จะเลอื กใชภ าชนะ
ในรูปแบบใด โดยใหนักเรียนแตละกลุม
ครองแครงนา�้ กะทิ จัดเตรียมอาหาร พรอมท้ังวัสดุ อุปกรณ
เครื่องมือ เคร่ืองใชในการจัดและตกแตง
น�้าพริกผกั ตม้ อาหารมาใหพรอม เพ่ือนํามาจัดและตกแตง
อาหารในชั่วโมงถัดไป
คนไทยคดิ และสรา้ งสรรคอ์ าหารขน้ึ จากภมู ปิ ญั ญาอนั ชาญฉลาด ทา� ใหอ้ าหารไทยกลายเปน็
11. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเทคนิคการ
ศลิ ปะทม่ี ีความสวยงาม กบั ข้าวจานตา่ ง ๆ ลว้ นมีหลากหลายรสชาติ ทง้ั นี้ ขน้ึ อยกู่ บั ชนิดของอาหาร จัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ เพ่ือให
เป็นส�าคัญ นอกจากนี้ คนไทยยังให้ความส�าคัญเรื่องของกล่ิน สีสัน ตลอดจนการจัดและตกแต่ง นักเรียนแตละกลุมสามารถนําเทคนิคและ
อาหารอย่างสวยงาม เพ่ือให้อาหารดูน่ารับประทานมากย่ิงข้ึน ความประณีตละเอียดอ่อนเหล่าน้ี วิธีการตางๆ ไปประยุกตใชในการจัดและ
ล้วนเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย ทั้งยังแฝงสรรพคุณทางยาเอาไว้อีกด้วย จึงนับเป็นอาหาร ตกแตงอาหารประเภทสํารับของกลุมตนเอง
ท่อี ดุ มไปดว้ ยคุณคา่ อย่างมากมาย ไดอยางสวยงาม เหมาะสม และสรางสรรค

12. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นทาํ ชน้ิ งาน/ภาระงาน
(รวบยอด) เร่ือง การจัดและตกแตงอาหาร
ประเภทสาํ รบั โดยใหส มาชกิ แตล ะกลมุ รว มกนั
ฝกปฏิบัติการจัดและตกแตงอาหารประเภท
สํารับตามหลักการจัดและตกแตงอาหารที่
ไดศึกษามา พรอมทั้งนําองคประกอบศิลป
มาประยุกตใชในการจัดและตกแตงอาหาร
เพื่อใหเกิดความสวยงามและสรางสรรค
หากนักเรียนเกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน
หรือตองการความชวยเหลือใหสอบถามครู
เปน รายกลมุ โดยครจู ะคอยสงั เกตการปฏบิ ตั งิ าน
ของนักเรียนแตละกลุมอยางใกลชิดและ
คอยใหความชว ยเหลือ

๕๑อาหารประเภทสํารับ

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน รวมกันศึกษาคนควา ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับมารยาทในการรับประทานอาหารใหนักเรียน
ขอ มลู เกยี่ วกบั วธิ กี ารจดั อาหารประเภทสาํ รบั ในโอกาสสาํ คญั ตา งๆ ฟง วา มารยาทในการรบั ประทานอาหาร เปน สงิ่ ทที่ าํ ใหผ พู บเหน็ เกดิ ความศรทั ธา
เชน การจดั อาหารในงานครบรอบวนั คลา ยวนั เกดิ การจดั อาหารใน เลอื่ มใส หรอื อาจตาํ หนติ ิเตยี นได ดงั นนั้ จึงควรฝก มารยาทในการรบั ประทาน
งานทําบญุ เลย้ี งพระ จากนนั้ ใหป ฏบิ ตั ิกจิ กรรม ดงั น้ี อาหารท่ีถูกตอง โดยฝกปฏิบัติใหเกิดเปนนิสัย เพราะนอกจากจะรับประทาน
อาหารตามปกติในครอบครัวแลว เรายังใชอาหารเปนส่ือในการพบปะสังสรรค
1. สมาชิกแตละกลุมนําความรูท่ีไดมาแลกเปลี่ยนเรียนรูซ่ึงกัน การดาํ เนนิ งานทางธรุ กิจ การเขา สังคมรว มกบั ผอู นื่ ฯลฯ การมคี วามรูเกี่ยวกบั
และกัน และสรุปประเด็นสําคัญที่ไดจากการศึกษาลงในกระดาษ มารยาทในการรับประทานอาหาร จะชวยใหสามารถปฏิบัติตนไดอยางถูกตอง
รายงาน และเหมาะสม

2. สมาชิกแตละกลุมนําความรูท่ีไดจากการสรุปสาระสําคัญ ส่ือ Digital
มาจัดทําปายนิเทศ เพ่ือนําเสนอความรูเกี่ยวกับวิธีการจัดอาหาร
ประเภทสํารบั ในโอกาสสําคญั ตางๆ ศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับมารยาทในการรับประทานอาหาร ไดที่ https://
hilight.kapook.com/view/90805
3. แตล ะกลมุ สงตัวแทนกลุมละ 1-2 คน ออกมานําเสนอผลงาน
ใหเพือ่ นชมหนา ช้ันเรยี น T59

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน Know More
ø »ÃÐ⪹ àÁè×ÍÃºÑ »ÃзҹÍÒËÒÃà¾×Íè 梯 ÀÒ¾
13. ครใู หนกั เรยี นศึกษา เรอื่ ง 8 ประโยชนเ ม่อื รบั
ประทานอาหารเพ่อื สขุ ภาพ ในกรอบ Know คนเราจะมีสุขภาพดีไดนั้น การรับประทานอาหารนับเปนส่ิงสําคัญลําดับแรกๆ ท่ีจําเปนที่จะ
More จากหนงั สอื เรยี น หนวยการเรยี นรูท่ี 3 ตองเรียนรู การเลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน และเหมาะสมกับความตองการของบุคคล
ในแตละวยั เปน การชว ยเสริมสรางสขุ ภาพทดี่ ขี องรางกาย เพ่อื ใหห างไกลจากโรคภัยไขเจบ็
14. ครขู ออาสาสมคั รนกั เรยี น 3-4 คน ออกมาเลา
เกยี่ วกบั วธิ กี ารเลอื กบรโิ ภคอาหารของตนเอง ๑ à¾èÔÁÀÁÙ Ô¤ÁØŒ ¡¹Ñ âä ๕ Å´¤ÇÒÁàÊÂèÕ §¢Í§¡ÒÃà¡´Ô âääÁµ‹ ´Ô µÍ‹ àÃÍé× Ã§Ñ
ใหเพ่ือนฟงหนาชั้นเรียน จากน้ันใหเพื่อน
รวมชั้นเรียนรวมกันวิเคราะหวาเพ่ือนคน ก า ร รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร เ พื่ อ การรับประทานผักผลไมท่ีอุดม
ดังกลาวเลือกบริโภคอาหารไดอยางถูกตอง สขุ ภาพเปน ประจาํ จะชว ยทาํ ใหร ะบบ ไปดวยวิตามิน เกลือแร จะชวยลด
และเหมาะสมหรอื ไม ภูมิคุมกันโรคดีขึ้น สงผลใหรางกาย ความเส่ียงจากการเกิดโรคไมติดตอ
เจรญิ เติบโตอยา งสมบูรณ เรื้อรงั ได
15. ครถู ามนกั เรียนวา
• นักเรียนคิดวาตนเองเลือกรับประทาน ๒ ª‹ÇµҌ ¹Í¹ØÁÙÅÍÔÊÃÐ ๖ Á¤Õ ÇÒÁÊ¢Ø ã¹¡ÒôÒí çªÕÇÔµ
อาหารท่ีเปนประโยชนตอรางกายหรือไม การรบั ประทานผลไมต ระกลู เบอรร ี การรบั ประทานอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ
อยา งไร เชน เชอรร ี สตรอวเ บอรรี บลูเบอรรี จะสงผลดีตอสุขภาพและรางกาย
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ มัลเบอรรี จะชวยใหระบบตอตาน ทําใหสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี
ไดอยางอิสระ) อนมุ ูลอสิ ระดีขึน้ มคี วามสขุ ในการดาํ รงชวี ติ ประจาํ วนั
• การรับประทานผักและผลไมเปนประจํา
จะกอ ใหเกิดประโยชนตอ ตนเองอยา งไร ๓ Å´¤ÇÒÁàÊÂÕè §¢Í§¡ÒÃà¡Ô´âäÁÐàÃç§ ๗ ª‹Ç»ÃÐË嫄 ¤‹Ò㪨Œ ‹ÒÂ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน ผกั และผลไมนอกจาก การนําผักสวนครัวมาประกอบ การเลือกผักผลไมมาประกอบ
จะใหวิตามิน แรธาตุ และใยอาหารแลว อาหาร จะชวยลดความเสย่ี งจากการ อาหารเพื่อสุขภาพ จะสงผลดีใน
ยงั มสี ารอาหารอนื่ ๆ ทชี่ ว ยปอ งกนั ไมใ หไ ขมนั เกิดโรคมะเร็ง เพราะผักมีสรรพคุณ หลายๆ ดาน เชน หาซื้อไดงาย
ไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทําใหเย่ือบุ ทางยาที่หลากหลาย บางชนดิ ปลกู เองไดท บี่ าน
ของเซลลร วมถึงอวัยวะตา งๆ ของรา งกาย
มีความแข็งแรง ชวยใหการขับถายเปนไป ๔ Å´¤ÇÒÁàÊèÕ§¢Í§¡ÒÃà¡´Ô âä¢ÍŒ µÍ‹ ÍÑ¡àʺ ๘ 梯 ÀÒ¾ÃÒ‹ §¡ÒÂᢧç áç
อยา งปกติ ปอ งกนั และลดความเสย่ี งตอ การ
เกิดโรคชนิดตา งๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง) ก า ร รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร เ พ่ื อ การรบั ประทานอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ
• เพราะเหตุใดนักเรียนจึงควรด่ืมนมวันละ สุขภาพ จะชวยชะลอความเส่ือมของ เปนประจํา นอกจากจะชว ยใหม อี ายุ
1-2 แกว รางกายและลดความเส่ียงจากการ ท่ียืนยาวแลว ยังสามารถชวยชะลอ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ เกิดโรคขอ ตอ อกั เสบได ความแกช ราได
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน นมมสี ารอาหารประเภท
โปรตนี และแคลเซยี มทชี่ ว ยในการเสรมิ สรา ง ๕๒
กระดกู และฟนใหมคี วามแขง็ แรง)

บูรณาการอาเซียน ขอ สอบเนน การคิด

ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของประเทศใน ขอใดเปน การประกอบอาหารทีค่ าํ นงึ ถงึ สขุ อนามัยเปนหลกั
อาเซียนใหนักเรียนฟงวา ประเทศในอาเซียนมีวัฒนธรรมที่แตกตางกันออกไป 1. ใชว ตั ถดุ บิ และเครอ่ื งปรุงท่มี รี าคาสูง
ในหลายๆ ดา น รวมไปถงึ การบรโิ ภคอาหาร ซง่ึ แตล ะประเทศจะมอี าหารทน่ี ยิ ม 2. นาํ วตั ถดุ บิ ไปลางใหส ะอาดกอ นนํามาปรุง
รับประทานแตกตางกันออกไป โดยถือเปนเอกลักษณของประเทศนั้นๆ เชน 3. ใชเตาถา นแทนเตาแกสในการประกอบอาหาร
นาซิ เลอมกั (Nasi Lemak) อาหารประจาํ ชาติของประเทศมาเลเซยี เปนขา ว 4. ประกอบอาหารในหอ งท่อี บั ชน้ื และไมม ที ีร่ ะบายอากาศ
ท่ีนํามาหุงกับกะทิและใบเตย แลวนํามารับประทานคูกับเครื่องเคียง ไดแก
ปลากะตกั ทอดกรอบ แตงกวาหนั่ ไขตม สกุ และถ่ัวอบ ดังน้นั เพือ่ ใหเกิดการ (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะการประกอบอาหารทคี่ าํ นงึ ถงึ
เรียนรูในเร่ืองวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของประเทศในอาเซียน นักเรียน สขุ อนามยั คือ การประกอบอาหารทีค่ ํานึงถงึ ความปลอดภยั ของ
จึงควรศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับอาหารท่ีแตละประเทศในอาเซียนนิยม สขุ ภาพรา งกายของผบู รโิ ภคเปน สาํ คญั เพอ่ื การมสี ขุ ภาวะทด่ี ี เชน
รบั ประทาน แลว นาํ ขอมลู มาแลกเปล่ยี นเรยี นรซู ง่ึ กันและกัน การนาํ วตั ถดุ บิ ไปลา งใหส ะอาดกอ นนาํ มาปรงุ และประกอบอาหาร
การทาํ ความสะอาดรา งกายกอ นปรงุ อาหาร การประกอบอาหารใน
หอ งท่ีสะอาดและมอี ากาศถา ยเทไดอ ยา งสะดวก)

T60

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

¡¨Ô ¡ÊÃÃÃéÒÁ§ÊÃä¾ì Ѳ¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ขนั้ สรปุ
ใบมอบหมายงาน
àÃèÍ× § ¡ÒèѴÍÒËÒûÃÐàÀ·ÊÒí ÃѺ 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปส่ิงที่ได
เรียนรูจากการจัดและตกแตงอาหารประเภท
ตอนท่ี ๑ ให้นกั เรียนปฏบิ ตั งิ านกลมุ่ โดยปฏิบัตกิ ิจกรรมตามหวั ข้อทก่ี �าหนดให้ ดังน้� สํารับ เพื่อเตรียมนําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
๑. แ ต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิดในประเด็นที่ว่า “ส�ารับอาหารไทยท่ีดีควรจัดรายการอาหาร หนาช้ันเรียน ในประเด็นที่ครูกําหนดให คือ
ใหม ีความสมดลุ กนั อยา่ งไร” ลักษณะการจัดและตกแตงอาหารประเภท
๒. เ ขียนรายการที่ต้องการให้มีในส�ารับอาหารมื้อกลางวัน ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วยอาหารคาว สํารับ วัสดุ อุปกรณ เครื่องมือ เคร่ืองใช
อาหารหวาน อาหารว่าง ผลไม ้ และเคร่อื งดื่ม โดยอาหารท่รี ะบุนน้ั จะต้องมสี ารอาหารครบถว้ น ในการจัดและตกแตงอาหารประเภทสํารับ
ท้งั ๕ หมู่ ขั้นตอนการจัดและตกแตงอาหารประเภท
๓. เ ลือกรายการอาหารตามความสนใจ ๑ ชนิด จากรายการอาหารท่ีจัดเตรียมไว้ จากนั้น สํารับ ปญหาที่พบ หรืออุปสรรคระหวางการ
ออกมาน�าเสนอผลงานให้เพื่อนชมหน้าชั้นเรียน (โดยไม่ให้ซ�้ากับกลุ่มอ่ืน ๆ) พร้อมทั้งอธิบาย ปฏบิ ตั งิ าน และแนวทางการแกป ญ หา
ส่วนประกอบและข้นั ตอนวิธกี ารประกอบอาหารชนิดดงั กล่าว
2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
ตอนที่ ๒ ใ ห้นักเรียนปฏิบัติงานกลุ่ม (กลุ่มเดิม) ฝกปฏิบัติการจัดอาหารประเภทส�ารับ เพ่ือรับประทาน 1-2 คน ออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
รว่ มกนั ในมอ้ื กลางวัน โดยปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามหัวขอ้ ทีก่ า� หนดให ้ ดงั น้� หนาชั้นเรียน จากน้ันใหเพื่อนรวมชั้นเรียน
๑. ส มาชิกในแต่ละกลุ่มจัดเตรียมอาหารมาคนละ ๑ ชนิด เมื่อน�ามาจัดวางร่วมกันจะได้อาหาร รว มกนั เสนอแนะเพิม่ เตมิ
๑ มอ้ื ซึ่งจะประกอบไปด้วยขา้ ว อาหารคาว อาหารหวาน อาหารว่าง ผลไม ้ และเครื่องด่มื
๒. ร่วมกันจัดเตรียมอุปกรณ์ในการจัดโตะอาหาร เช่น โตะ เก้าอ้ี ผ้าปูโตะ ภาชนะใส่อาหาร 3. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง การจดั
แก้วนา�้ แจกนั ดอกไม้ และตกแตง อาหารประเภทสาํ รับ
๓. ลงมอื ฝก ปฏบิ ตั กิ ารจดั อาหารประเภทสา� รบั รวมถงึ จดั ตกแตง่ อาหารและโตะ อาหารใหเ้ กดิ ความ
สวยงาม 4. ครูใหน ักเรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ย
การเรยี นรทู ่ี 3 เรอื่ ง อาหารประเภทสาํ รับ
๕๓อาหารประเภทสํารับ
ขนั้ ประเมนิ

1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
เพอื่ ตรวจสอบความเขา ใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น

2. ครูตรวจช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง
การจดั และตกแตง อาหารประเภทสาํ รับ

3. ครตู รวจสอบความรู ความเขาใจของนกั เรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ
การสรุปความรู

4. ครปู ระเมนิ ผลระหวา งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู
จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน
และการสงั เกตคุณลกั ษณะอันพึงประสงค

กิจกรรม Mini Project แนวทางการวัดและประเมินผล

1. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั โดยใหส มาชกิ ภายในกลมุ ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
ศึกษาข้ันตอนการประกอบอาหารตามความสนใจกลุมละ เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแี่ นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 3
2 ชนิด เพือ่ เตรียมฝกปฏิบตั กิ ารประกอบอาหารประเภทสํารบั
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน
2. วางแผนการประกอบอาหารประเภทสํารับกลุมละ 2 ชนิด
จากนนั้ ใหนําอาหารของแตล ะกลุมมาจัดวางรวมกันเปนสํารบั คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งท่ีตรง คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดบั
คะแนน
3. ฝกปฏิบัติการประกอบอาหารประเภทสํารับตามขั้นตอนท่ีได กบั ระดบั คะแนน
ศกึ ษามา
การมี
4. นําอาหารที่แตละกลุมประกอบเสร็จแลวมาจัดวางใหเรียบรอย
พรอมท้ังตกแตง โตะ อาหารใหส วยงาม ลาดับท่ี ชือ่ -สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
ของนกั เรยี น ความ ฟังคนอ่นื ตามทไ่ี ด้รบั น้าใจ การ 321
5. นกั เรยี นทกุ คนรว มกนั รบั ประทานอาหาร และหลงั จากรบั ประทาน คิดเห็น มอบหมาย 15 1 ความถกู ต้องของเน้อื หา
อาหารเสรจ็ ใหช ว ยกนั ทาํ ความสะอาดสถานที่ อปุ กรณ เครอื่ งมอื ปรับปรงุ คะแนน 2 การลาดบั ขนั้ ตอนของเร่ือง
เครือ่ งใชในการประกอบอาหาร และเก็บเขา ทีใ่ หเรยี บรอ ย ผลงานกลุ่ม 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่

รวม

ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............./.................../............... ............/................./................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน
ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่
ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั้
ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมินบางส่วน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

12-15 ดี 12-15 ดี

8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ

T61

Chapter Overview

แผนการจดั สอ่ื ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คณุ ลักษณะ
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1
งานช่างในบา้ น - หนงั สือเรยี นการงาน 1. อธบิ ายความสำ� คญั แบบ - ต รวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ทกั ษะ - รกั ชาติ ศาสน์
อาชีพ ม.3 ของงานช่างในบา้ นได้ กระบวนการ - ต รวจใบงานท่ี 4.1.1 กระบวนการ กษตั ริย์
1 - แ บบวัดและบนั ทกึ ผล 2. อธิบายหลกั การ เรยี น ความรู้ เรอ่ื ง งานชา่ งในบา้ น ท�ำงาน - ซื่อสัตยส์ จุ ริต
การเรียนรู้การงาน ปฏิบัตงิ านและหลัก ความเข้าใจ - ต รวจกจิ กรรมในแบบวดั และ 2. ทกั ษะ - มวี ินยั
ชั่วโมง อาชีพ ม.3 ความปลอดภัยในการ บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ การจดั การ - ใฝเ่ รียนรู้
- แบบทดสอบก่อนเรียน ปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ นได้ - ป ระเมนิ การนำ� เสนอผลงาน 3. ทักษะ - อยูอ่ ยา่ ง
- PowerPoint 3. ปฏิบตั งิ านช่างตาม - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน กระบวนการ พอเพียง
กระบวนการปฏบิ ตั ิงาน รายบคุ คล แก้ปญั หา - มุ่งมัน่
ช่างในบ้านไดอ้ ย่าง - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน 4. ทักษะ ในการทำ� งาน
ถูกตอ้ ง เหมาะสม กลมุ่ การแสวงหา - รกั ความ
4. มีทักษะกระบวนการ - สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝเ่ รยี นรู้ ความรู้ เป็นไทย
ทำ� งานและทักษะการ อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง มงุ่ มนั่ ใน 5. ทกั ษะการให้ - มีจติ
จดั การ เพอ่ื การประหยดั การทำ� งาน เหตุผล สาธารณะ
พลังงาน ทรพั ยากร 6. ทักษะการคิด
และสิง่ แวดลอ้ ม วเิ คราะห์
7. ทกั ษะการทำ� งาน
กลมุ่
8. ทกั ษะการสรุป
ลงความคิดเหน็

T62

แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คณุ ลักษณะ
การเรยี นรู้ อันพึงประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สอื เรียนการงาน 1. อ ธบิ ายวิธกี ารตดิ ตงั้ แบบ - ตรวจการตดิ ต้งั และประกอบ 1. ทักษะ - รกั ชาติ ศาสน ์
การปฏบิ ัติ อาชพี ม.3 และประกอบผลิตภณั ฑ์ กระบวนการ ผลิตภัณฑ์ กระบวนการ กษัตรยิ ์
งานช่างในบา้ น : - แบบวัดและบนั ทึกผล - ต รวจกจิ กรรมสร้างสรรค์ ท�ำงาน - ซ่ือสัตย์สจุ ริต
การติดตง้ั และ การเรยี นรกู้ ารงาน เครอ่ื งใช้ภายในบา้ น สาธติ พัฒนาการเรียนรู้ 2. ทกั ษะ - มวี ินยั
ประกอบ อาชพี ม.3 ไดอ้ ยา่ งถูกต้อง - ประเมินช้ินงาน/ภาระงาน การจัดการ - ใฝ่เรยี นรู้
ผลิตภัณฑ์ - แบบทดสอบหลังเรียน 2. ต ดิ ต้งั และประกอบ (รวบยอด) 3. ทกั ษะ - อย่อู ยา่ ง
- PowerPoint - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน กระบวนการ พอเพียง
2 ผลติ ภณั ฑ์เคร่ืองใช้ - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน แก้ปัญหา - ม่งุ ม่ัน
ภายในบ้านง่าย ๆ ได้ รายบคุ คล 4. ทกั ษะ ในการทำ� งาน
ช่ัวโมง ดว้ ยตนเอง - ส งั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน
3. เลือกและใชอ้ ุปกรณ์ กลมุ่
เคร่อื งใชใ้ นการติดต้งั - สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ การแสวงหา - รกั ความ
และประกอบผลติ ภัณฑ์ อยู่อยา่ งพอเพยี ง มุ่งมั่นใน ความรู้ เปน็ ไทย
เครือ่ งใชภ้ ายในบ้านได้ การท�ำงาน 5. ทักษะการท�ำงาน - มจี ติ
อย่างถูกต้อง เหมาะสม - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน ร่วมกัน สาธารณะ
4. เ ก็บรกั ษาอุปกรณ์ 6. ทกั ษะการประยกุ ต์
เครือ่ งใช้ในการติดต้ัง ใชค้ วามรู้
และประกอบผลติ ภัณฑ์ 7. ทักษะการท�ำงาน
เครอ่ื งใช้ภายในบา้ นได้ กลมุ่
อยา่ งถกู ต้อง เหมาะสม
5. มที ักษะกระบวนการ
ทำ� งานและทกั ษะการ
จดั การ เพอื่ การประหยดั
พลังงาน ทรพั ยากร
และสงิ่ แวดลอ้ ม

T63

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ (แบบกระบวนการเรยี น ความรู ความเขา ใจ) ¡ÒÃô »¯ÔºÑµÔหน่วยการเรยี นรู้ท่ี§Ò¹ªÒ‹ §
㹺ŒÒ¹
1. ครูแจงช่ือเรื่องที่จะเรียนรูและจุดประสงคการ งานชา งในบา น เปน งานชา งพน้ื ฐานทนี่ าํ ไปใชป ระโยชนไ ดใ นชวี ติ ประจาํ วนั สามารถเรยี นรแู ละ
เรียนรูใหนักเรียนทราบ จากนั้นใหนักเรียน
แตล ะคนทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนวยการ ปฏบิ ตั ไิ ดด ว ยตนเอง โดยเฉพาะการซอ มแซม การบาํ รงุ รกั ษา การตดิ ตงั้ และประกอบผลติ ภณั ฑ
เรยี นรูท่ี 4 เร่อื ง การปฏิบตั งิ านชางในบา น เครื่องมือ เครื่องใช และสงิ่ อาํ นวยความสะดวกตาง ๆ เพอ่ื ยดื อายกุ ารใชง านใหย าวนานยงิ่ ข้ึน
ชว ยประหยดั คา ใชจ า ย การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นผปู ฏบิ ตั งิ านจะตอ งมคี วามรู ความเขา ใจเกย่ี วกบั
2. ครูเปดคลิปวิดีโอการปฏิบัติงานชางในบานใน งานชา งลกั ษณะตา งๆ มที กั ษะกระบวนการทาํ งาน เพอื่ จะไดป ฏบิ ตั งิ านชา งไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ
ลกั ษณะตา งๆ ใหน กั เรยี นดู เชน การซอ มแซม
ขาเกา อี้ การซอมสีประตูร้วั การลางทําความ ตัวชวี้ ดั
สะอาดหนากากเครื่องปรับอากาศ การใช
นํ้ามันจักร หรือสารหลอลื่นหยอดมอเตอร ■ อภปิ รายข้ันตอนการทาํ งานที่มีประสทิ ธิภาพ (ง ๑.๑ ม.๓/๑)
พดั ลม เพ่อื แกป ญ หาใบพัดฝด การตดิ ต้ังและ ■ ใชท ักษะในการทํางานรวมกันอยางมคี ณุ ธรรม (ง ๑.๑ ม.๓/๒)
ประกอบชนั้ วางรองเทา การตดิ ตงั้ และประกอบ ■ อภิปรายการทาํ งานโดยใชทกั ษะการจดั การ เพ่ือการประหยดั พลังงาน ทรพั ยากร และส่ิงแวดลอม (ง ๑.๑ ม.๓/๓)
โตะคอมพิวเตอร

3. ครถู ามนักเรยี นวา
• ผูปฏิบัติงานปฏิบัติไดถูกตองและปลอดภัย
หรอื ไม อยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ)
• นักเรียนเคยซอมแซม บํารุงรักษา ติดตั้ง
และประกอบผลติ ภณั ฑเ ครอ่ื งใชภ ายในบา น
ดวยตนเองหรือไม หากเคย ปฏิบัติสิ่งใด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ)

4. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 3 คน ออกมาเลา
เก่ียวกับการปฏิบัติงานชางในบานของตนเอง
ใหเ พอ่ื นฟง หนา ชน้ั เรยี น โดยกาํ หนดใหค นท่ี 1
เลาเกี่ยวกับการซอมแซมสิ่งของเครื่องใช
คนท่ี 2 เลาเก่ียวกับการบํารุงรักษาสิ่งของ
เคร่ืองใช และคนท่ี 3 เลาเก่ียวกับการติดต้ัง
และประกอบผลิตภัณฑส่ิงของเครื่องใช
จากนั้นครูใหนักเรียนท่ีเหลือรวมกันวิเคราะห
การปฏิบัติงานของเพื่อนวาถูกตองหรือไม
และมีความปลอดภัยมากนอยเพียงใด

เกร็ดแนะครู

ครคู วรจัดการเรยี นรู โดยอธิบายเกี่ยวกบั การปฏิบตั งิ านชางในบานใหนกั เรยี นฟง เพ่อื ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจ เรอ่ื ง ความสําคญั ของงานชา งในบาน
หลกั การปฏิบตั ิงานชา งในบา น หลักความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น และกระบวนการปฏบิ ัติงานชา งในบาน สามารถอธิบายข้ันตอนการปฏบิ ตั ิ
งานชางในบานไดอยางมีประสิทธิภาพ ใชทักษะการทํางานรวมกันอยางมีคุณธรรม และใชทักษะการจัดการ เพื่อใหการทํางานสําเร็จตามเปาหมายอยางมี
ประสิทธิภาพ คํานงึ ถงึ การประหยดั พลังงาน ทรพั ยากร และสิ่งแวดลอ ม โดยสามารถจัดกจิ กรรมได ดงั นี้

• ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกนั แสดงความคิดเห็น เพื่อใหนกั เรยี นเกดิ ความรู ความเขาใจเกีย่ วกับทกั ษะการปฏิบัติงานชางในบา น
• ใหนักเรียนฝกปฏิบัติการติดตั้งและประกอบผลิตภัณฑเคร่ืองใชภายในบาน เพ่ือใหสามารถนําไปปฏิบัติไดดวยตนเอง เชน การติดต้ังโทรทัศน

แบบแขวนผนงั การติดตง้ั ชั้นวางอเนกประสงคแ บบติดผนัง

T64

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ËÒ¡äÁà‹ ¤Â»¯ºÔ µÑ §Ô Ò¹ªÒ‹ §áÅÐ ๑ งานชา งในบา น ขนั้ นาํ
µÍŒ §¡ÒûÃСͺµàŒÙ ÊÍé× ¼ÒŒ ·«Õè Íé×
ÁÒãËÁ´‹ ÇŒ µ¹àͧ ¤ÇÃàÃÁÔè µ¹Œ งานชา งในบา นเปน การใช การเลอื กใช การตดิ ตง้ั และประกอบ 5. ครูต้ังคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
Í‹ҧäà ผลิตภัณฑ รวมถึงการซอมแซม การบํารุงรกั ษา การดดั แปลง วา “หากไมม คี วามรเู กย่ี วกบั การปฏบิ ตั งิ านชา ง
การปรับปรุงแกไ ข การสราง หรือการผลิตชิ้นงาน วัสดุส่งิ ของ ในบานและตองการฝกปฏิบัติงานดวยตนเอง
เครอื่ งมอื เครอื่ งใชต า ง ๆ ภายในบา น เพ่อื อํานวยความสะดวก ควรเรม่ิ ตน อยา งไร เพราะเหตใุ ด” โดยครเู ปด
ในการดํารงชีวิต การปฏิบัติงานชางในบานเปนการใชเวลาวาง โอกาสใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น
ใหเกิดประโยชน ชวยลดคาใชจายในการซ้ือของใชใหม หรือ จากนน้ั ครจู งึ กลา วเชอื่ มโยงเขา สบู ทเรยี น
ลดการจางชางมาซอม เปนงานที่สามารถเรียนรูและฝกฝน
ขนั้ สอน
เพมิ่ เ๑ตมิ.๑เพคอ่ื วปารมะกสอําบคอัญาชขพี อชงางงาไนดใชนา องน1ใานคบตาน
ขั้นท่ี 1 สังเกต ตระหนกั
งานชา งในบา นประกอบดว ยงานชา งหลากหลายสาขา ซง่ึ จดั
เปน งานทม่ี คี วามเกย่ี วขอ งกบั การดาํ รงชวี ติ ของมนษุ ย สงิ่ สาํ คญั 1. ครูใหนักเรียนศึกษา เร่ือง ความสําคัญของ
ทขี่ าดไมไ ดใ นการปฏบิ ตั งิ านชา ง คอื ผปู ฏบิ ตั งิ านจะตอ งยดึ หลกั งานชางในบาน จากหนังสือเรียน หนวยการ
ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านอยเู สมอ มนษุ ยจ ะไดร บั ประโยชน เรยี นรทู ี่ 4 หรอื ศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จากอนิ เทอรเนต็
หลายประการจากการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นดว ยตนเอง ดงั น้ี
2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การปฏิบัติงานชางใน
๑. รูจักซอ มแซม บาํ รุงรกั ษา ปรับปรุงแกไ ขช้นิ งาน หรือ บา นเปน การปฏบิ ตั งิ านในรปู แบบหนงึ่ ทมี่ คี วาม
ผลิตภัณฑ สิง่ ของเครอ่ื งใชใหส ามารถใชง านไดยาวนานยง่ิ ข้นึ สัมพันธเกี่ยวของกับการดํารงชีวิตของมนุษย
เนื่องจากเปนสิ่งที่อยูใกลตัว สามารถพบได
๒. ใชว สั ดุ อปุ กรณ เครอ่ื งมอื เครอื่ งใชใ นงานชา ง เพอ่ื สรา ง ในชีวิตประจําวัน หากมีความรู ความเขาใจ
หรือผลิตชิ้นงานในชวี ิตประจาํ วัน หรือเพ่อื การประกอบอาชีพ เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นทถ่ี กู ตอ ง กจ็ ะ
สามารถปฏิบัติงานชางในบานงายๆ ไดดวย
๓. สง เสรมิ ความคดิ สรา งสรรคแ ละจนิ ตนาการในการคดิ คน ตนเอง ซงึ่ จะสง ผลใหก ารดาํ เนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั
หรอื ประดษิ ฐน วตั กรรม เพอ่ื ตอบสนองการใชง านของมนษุ ย เปนไปอยางราบร่นื และมคี วามสุข”

๔. คาํ นึงถงึ ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัตงิ าน ฝก ทักษะการ 3. ครูถามนักเรยี นวา
ทํางานรวมกัน ทักษะการจัดการ และฝกคิดวิเคราะหดวยการ • นักเรียนจะไดรับประโยชนอยางไรจากการ
แกปญ หา ฝกปฏิบตั งิ านชา งในบา นดว ยตนเอง
(แนวตอบ ไดร บั ประโยชนหลายประการ เชน
๕. เปนการใชเวลาวางใหเกิดประโยชน สงเสริมใหรูจัก เปนการใชเวลาวางใหเกิดประโยชน ชวย
รบั ผดิ ชอบตอ หนา ทที่ ี่ไดร บั มอบหมาย รวมถงึ ฝก ทกั ษะนสิ ยั เรอื่ ง ประหยัดคาใชจา ยในครอบครัว สรา ง หรอื
ความประหยัดอดออม ผลิตช้ินงานงายๆ ไดดวยตนเอง เพิ่มพูน
ความรูและพัฒนาทักษะการปฏิบัติงานชาง
สาระการเรียนรูแกนกลาง มคี วามรแู ละมที กั ษะในการใชเ ครอื่ งมอื ชา ง
■ ขั้นตอนการทํางานทีม่ ีประสทิ ธิภาพ เปนการปฏิบัตติ ามกระบวนการทํางาน โดยการทําตามลําดับขัน้ ตอน มคี วามสามารถทาํ งานสาํ เร็จ ประเภทตางๆ อยา งถกู ตอ งและปลอดภยั )
ตามเปา หมายทวี่ างไว เชน การสรา งชิน้ งาน หรือผลงาน
■ ทกั ษะการทํางานรวมกัน เปน การสรา งใหผูเ รยี นสามารถทาํ งานและอยรู ว มกันไดอ ยา งมคี วามสุขและมคี ณุ ธรรม
■ ทกั ษะการจดั การ เปน การจดั ระบบงานและระบบคน เพอ่ื ใหทํางานสําเร็จตามเปา หมายอยางมี
ประสทิ ธิภาพ เชน การตดิ ตง้ั /ประกอบผลิตภัณฑ ๕๕การปฏิบัติงานช่างในบ้าน

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

หากตอ งการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นใหม ปี ระสทิ ธภิ าพ ควรปฏบิ ตั ิ ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกีย่ วกับงานชางในบานใหนกั เรียนฟงวา งานชา งในบาน
อยา งไร จะประกอบไปดวยงานชา งหลากหลายสาขา ซ่ึงผปู ฏบิ ัติงานสามารถนาํ เทคนิค
และวิธีการปฏิบัติงานชางเหลานั้นมาประยุกตใชในการติดต้ังและประกอบ
1. ทดลองฝกปฏบิ ัตงิ านชา งในบานทกุ ประเภทดว ยตนเอง ผลิตภณั ฑ รวมถงึ การซอ มแซม การบาํ รงุ รกั ษา การปรับปรงุ แกไขชน้ิ งาน หรอื
2. เลอื กใชอ ปุ กรณ เครอื่ งมอื งานชา งทมี่ คี ณุ ภาพและมรี าคาสงู องคป ระกอบตา งๆ ของบานใหมสี ภาพทีส่ มบูรณ คงทน แขง็ แรง สวยงาม และ
3. เรยี นรจู ากชา งมอื อาชพี หรอื ชา งทม่ี คี วามเชยี่ วชาญเฉพาะทาง ใชง านไดด ี โดยใชทักษะพ้ืนฐานการปฏิบตั ิงานชา งนน้ั ๆ รว มกบั ความรู ทกั ษะ
4. มีความเช่ียวชาญและวางแผนการปฏิบัติงานอยางเปน กระบวนการปฏิบตั งิ านชา งในการปฏิบัตงิ านทุกคร้ังอยา งถกู ตอ งและปลอดภยั

ข้ันตอนและคาํ นึงถงึ ความปลอดภยั เสมอ นักเรียนควรรู

(วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการปฏิบัติงานชางในบาน 1 ความสําคัญของงานชาง เมื่อไดเรียนรูเก่ียวกับงานชาง ไดทดลองฝก
ทกุ ประเภท ผปู ฏบิ ตั งิ านควรมคี วามรู ความเชยี่ วชาญการวางแผน ปฏบิ ตั งิ าน กจ็ ะปฏบิ ตั งิ านชา งงา ยๆ ไดด ว ยตนเอง และหากฝก ฝนจนเกดิ ความ
การปฏบิ ตั งิ านอยา งเปน ขนั้ ตอน เพอ่ื ใหส ามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ ยา ง ชํานาญ กจ็ ะสามารถนําความรไู ปประกอบเปนอาชีพไดใ นอนาคต
ราบร่ืน เพื่อใหการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ และตองคํานึงถึง
ความปลอดภยั ในขณะปฏิบัตงิ านรวมดว ย) T65

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๑.๒ หลกั การปฏบิ ัตงิ านช่างในบ้าน1 ผปู้ ฏบิ ตั งิ าน2

ขัน้ ท่ี 2 วางแผนปฏิบัติ การปฏบิ ตั งิ านซอ่ มแซม บา� รงุ รกั ษา ตดิ ตง้ั และประกอบผลติ ภณั ฑภ์ ายในบา้ น
จะตอ้ งรแู้ ละเขา้ ใจหลกั การปฏบิ ตั งิ านทถี่ กู ตอ้ ง เพอื่ สามารถปฏบิ ตั งิ านไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและ
4. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ จาํ นวน 6 กลมุ กลมุ ละ เกดิ ความปลอดภยั หลกั การปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ น มดี งั นี้
เทาๆ กนั ใหน กั เรียนแตล ะกลุมรว มกนั ศกึ ษา
เรอ่ื ง หลกั การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น หลกั ความ ร้ขู นั้ ตอนการปฏิบัตงิ านจากการอ่านคมู่ ือการใชง้ าน3 รจู้ ักอุปกรณ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นงานช่าง เข้าใจ
ปลอดภัยในการปฏิบัติงานชางในบาน และ
กระบวนการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น จากหนงั สอื ข้นั ตอน วิธีการซ่อมแซม บา� รุงรักษา ตดิ ต้ังและประกอบผลิตภัณฑ ์ สามารถปฏิบตั งิ านไดอ้ ย่างปลอดภัย
เรียน หนว ยการเรียนรูท ่ี 4 หรอื ศกึ ษาเพิม่ เติม
จากอนิ เทอรเ นต็ รอบรู วิเคราะห์ขั้นตอนการท�างาน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่พบในระหว่าง
เขาใจ การปฏบิ ตั งิ านได ้ มที กั ษะกระบวนการปฏบิ ตั งิ านชา่ งทหี่ ลากหลาย
5. ครูใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับหลักการ มคี วาม
ปฏิบตั ิงานชา งในบา น หลกั ความปลอดภัยใน สามารถ
การปฏิบัติงานชางในบาน และกระบวนการ ช่างสังเกต จดจ�า ใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการ
ปฏบิ ัตงิ านชา งในบา น จาก PowerPoint ม.3 ปรับปรุงแก้ไข หรือดัดแปลงสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นสิ่งใหม ่
หนว ยการเรยี นรทู ่ี 4 คดิ รเิ ริ่ม เพ่ือตอบสนองความต้องการของมนุษย์
สรา งสรรค์
6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย
แลกเปล่ยี นความรใู นเรือ่ งทีไ่ ดศ กึ ษามา ปลอดภยั ค�านึงถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน ใช้
รอบคอบ อปุ กรณ ์ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชใ้ นงานชา่ งเหมาะสม
7. ครถู ามนักเรยี นวา ใช้ทรัพยากรที่มีอย่างประหยดั และคมุ้ ค่า
• เพราะเหตุใดนักเรียนจึงตองเรียนรูเก่ียวกับ
หลักการปฏิบตั งิ านชา งในบา น ทนั ตอ่ การ กา้ วทนั เทคโนโลย ี นา� เทคโนโลยมี าปรบั ปรงุ แกไ้ ข
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ เปลยี่ นแปลง และประยุกต์ใช้ในการท�างานอยู่เสมอ เพ่ือให้
ไดอยา งอิสระ เชน เพอ่ื ใหปฏบิ ตั ิงานชา งใน ไดผ้ ลิตภณั ฑ์ หรอื นวตั กรรม
บานไดอยางถูกตองและปลอดภัย เพ่ือจะ
ไดปฏิบัติงานไดอยางถูกตองตามขั้นตอน ละเอยี ด พจิ ารณา วางแผน ทดลอง ตรวจสอบการปฏิบตั ิงาน
เพ่ือนําหลักการปฏิบัติงานชางไปประยุกต ลออ อย่างละเอียด เพ่ือลดข้อผิดพลาด หรืออันตราย
ใชในการปฏิบัติงานชางประเภทตางๆ ได ทีอ่ าจเกิดข้นึ จากการปฏบิ ตั งิ าน
อยา งเหมาะสม) เช่อื ม่ัน
• หัวใจสําคัญของหลักการปฏิบัติงานชาง มีวนิ ยั และ ในตนเอง
ในบานคือสิ่งใด มีไหวพริบ
(แนวตอบ ความปลอดภัย เพราะเปนงาน กล้าคิด กล้าท�า กล้าตัดสินใจ มุ่งม่ันที่จะปฏิบัติงานให้ประสบ
ที่มีโอกาสไดรับอันตรายและอาจกอใหเกิด ผลสา� เรจ็ หม่นั ศึกษาหาความรู้เพ่ิมเตมิ ฝกการวิเคราะหแ์ ละตัดสินใจ
ความเสียหายแกทรัพยสิน หรือชีวิตได
จึงควรศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการปฏิบัติ เม่ือเห็นช้ินงานต้องบอกได้ว่าชิ้นงานถูกสร้างข้ึนมาได้อย่างไร จัดเก็บอุปกรณ์ เครื่องมือ เคร่ืองใช้
งานชา งประเภทตา งๆ ใหเ ขา ใจ ใชเ ครอ่ื งมอื ในงานช่างใหเ้ หมาะสมและปลอดภัย ทา� ความสะอาดสถานท่ีท่ีใช้ในการปฏบิ ัติงานให้เรียบรอ้ ย
ในงานชางอยา งถูกตอง และคาํ นึงถงึ ความ ๕6
ปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านอยูเสมอ)

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ

1 งานชางในบาน มีอยูดวยกันหลายประเภท เชน งานไม งานปูน หรือ ขอใดเปนสงิ่ สาํ คัญทค่ี วรคํานงึ ถึงมากที่สดุ ในการปฏบิ ัติ
คอนกรีต งานประปา งานไฟฟา งานโลหะ งานเคลือบผิว การเรียนรเู กี่ยวกบั งานชา งรว มกบั ผอู ่ืน
งานชางและการฝกปฏิบัติงานชางดวยตนเอง จะชวยใหเกิดความเช่ียวชาญ
และตอยอดเปน อาชพี ไดในอนาคต 1. ความรแู ละความสามารถของผปู ฏบิ ัติงาน
2 ผปู ฏบิ ตั งิ าน ลกั ษณะของผปู ฏบิ ตั งิ านชา งทด่ี มี อี ยดู ว ยกนั หลายประการ เชน 2. ความสวยงามและความทนั สมยั ของชิน้ งาน
มคี วามรู ความเขา ใจเกย่ี วกบั การปฏบิ ตั งิ านชา ง มที กั ษะกระบวนการปฏบิ ตั งิ าน 3. ความรว มมอื และความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ าน
ชา งทดี่ ี สามารถนาํ เทคโนโลยมี าปรบั ปรงุ แกไ ข ประยกุ ตใ ชใ นการปฏบิ ตั งิ านชา ง 4. ความสามารถในการใชอุปกรณ เครือ่ งมือในงานชา ง
อยูเ สมอ ตลอดจนมนี ิสยั รักการทาํ งาน ปฏิบตั ิงานดว ยความละเอยี ด รอบคอบ
อนั จะนํามาซง่ึ ความปลอดภัยในการปฏบิ ัตงิ าน อยางหลากหลาย
3 คมู อื การใชง าน เปน เอกสารสาํ คญั ท่มี ีการอธบิ าย หรอื การใหร ายละเอียด
เกี่ยวกับวธิ ีการ หรือข้ันตอนการปฏบิ ตั ิงานในการตดิ ตง้ั และประกอบผลิตภณั ฑ (วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. เพราะส่งิ สําคัญทีจ่ ะตอ งคํานึงถึง
เครื่องใชภายในบาน เพื่อใหการปฏิบัติงานเปนไปอยางถูกตองและเกิดความ มากทสี่ ดุ ในการปฏบิ ตั งิ านชา งรว มกบั ผอู น่ื คอื การใหค วามรว มมอื
การชวยเหลือซ่ึงกันและกัน ซึ่งในสวนของการปฏิบัติงานชางนั้น
Tปลอดภยั ควรคํานึงถึงความปลอดภัยในเร่ืองของการใชอุปกรณ เคร่ืองมือ
ในงานชางและวธิ ีการปฏิบัติงานรว มดวย)
66

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

การปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ นทสี่ า� คญั มอี ยดู่ ว้ ยกนั ๓ ลกั ษณะ ไดแ้ ก ่ การซอ่ มแซม การบา� รงุ รกั ษา ขนั้ สอน
การตดิ ตงั้ และประกอบผลติ ภณั ฑ ์ ซง่ึ นอกเหนอื จากหลกั การปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ นที่ไดก้ ลา่ วมาแลว้
การปฏบิ ตั งิ านชา่ งในบา้ นยงั มหี ลกั การปฏบิ ตั เิ ฉพาะทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะงาน ดงั นี้ ข้นั ท่ี 3 ลงมอื ปฏบิ ัติ

หลกั การซอ่ มแซม 8. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
• ซ อ่ มแซมทนั ท ี หากพบวา่ มอี ปุ กรณ ์ สงิ่ ของเครอ่ื งใช้ 1 คน ออกมาจับสลากเลือกภาพการปฏิบัติ
งานชา งในบา นประเภทตา งๆ กลมุ ละ 1 ภาพ
ท่ีช�ารุด ไม่ควรปล่อยท้ิงไว้จนไม่สามารถซ่อมได้
งดใชอ้ ปุ กรณ ์ สงิ่ ของเครอื่ งใชท้ ช่ี า� รดุ เพอ่ื ปอ้ งกนั 9. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาเกย่ี วกบั
ไมใ่ ห้เกดิ อันตรายต่อผ้ใู ช้ หรือบุคคลอนื่ ๆ การซอมแซม การบาํ รงุ รกั ษา การติดตั้งและ
• ส า� รวจชนดิ ของวสั ดทุ ใ่ี ชท้ า� และลกั ษณะการชา� รดุ ประกอบผลติ ภณั ฑส งิ่ ของเครอื่ งใชจ ากภาพที่
ของอปุ กรณ ์ สิ่งของเคร่อื งใช้อย่างละเอยี ด เพ่อื จับสลากได พรอมทงั้ บนั ทกึ ขอมลู ในประเดน็
จะได้จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ท่ีจ�าเป็นต้องใช้ใน ท่ีกําหนดให คือ ประเภทของงานชา งในบาน
การซอ่ มแซมได้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม หลกั ในการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น และขอ ควร
• ศึกษาวิธีการซ่อมแซมจากคู่มือการใช้งาน หรือ ระวงั ในการปฏิบัตงิ านชางในบาน
สบื คน้ จากแหลง่ การเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย เพอื่ ใหไ้ ด้
ขอ้ มลู และวธิ กี ารซอ่ มแซมทถ่ี กู ตอ้ ง หากซอ่ มแซม 10. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1-2 คน ออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนชม
• กเอางรไซม่อ่ไดม้ แคซวมรใอหุป้ชกา่ รงมณา์ปทร�ากะาเภรทซอ่ไฟมฟแซ้า1ม ผแทู้ปนฏิบัติงานควรปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง เพ่ือป้องกัน หนาชั้นเรียน จากน้ันใหเพื่อนรวมช้ันเรียน
รวมกนั เสนอแนะเพิม่ เตมิ
อนั ตรายทอ่ี าจเกิดข้ึนในขณะปฏบิ ตั งิ าน โดยจะต้องมคี วามละเอียดรอบคอบอย่เู สมอ
หลักการบาํ รุงรักษา 11. ครถู ามนักเรยี นวา
• อปุ กรณ ์ สงิ่ ของเครอื่ งใชแ้ ตล่ ะชนดิ มวี ธิ กี ารบา� รงุ • การซอ มแซม การบาํ รงุ รกั ษา การตดิ ตงั้ และ
รักษาที่ต่างกัน ควรศึกษาวิธีการบ�ารุงรักษาท่ี ประกอบผลิตภัณฑมีลักษณะและรูปแบบ
ถูกต้องจากคู่มอื การใชง้ าน หรือศกึ ษาจากแหล่ง การปฏบิ ตั ิงานท่ีแตกตางกนั อยา งไร
การเรยี นรอู้ น่ื ๆ เพอ่ื ใหบ้ า� รงุ รกั ษาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (แนวตอบ ลักษณะและรูปแบบการปฏิบัติ
• หมั่นเช็ดถูและท�าความสะอาดอุปกรณ์ สิ่งของ งานชางแตละลักษณะมีความแตกตางกัน
เครอ่ื งใชอ้ ยเู่ สมอ เพอื่ ปอ้ งกนั การเปน็ แหลง่ สะสม คอื การซอมแซม การวเิ คราะหอาการเสีย
ของเชอ้ื โรคตา่ ง ๆ ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ชวี ติ อาการเส่ือมสภาพของอุปกรณ เครื่องใช
และร่างกายได ้ ภายในบา น เพ่ือหาสาเหตแุ ละหาแนวทาง
• อุปกรณ์ประเภทไฟฟ้าทุกชนิด ควรตรวจสอบ การซอมแซมใหกลับมาใชงานไดตามปกติ
สภาพการใช้งานอยู่เสมอ เม่ือใช้เสร็จควรถอด การบาํ รงุ รกั ษา เปน งานทต่ี อ งอาศยั ความรู
และคําแนะนําจากคูมือการใชงาน การ
คปวลาั๊กมไรฟอ้ อนอ สกาทรุกเคคมร2 ี้ังเพ ไรมา่วะาองาสจทายา� ใไหฟฉ้ ฟน้าวในกชลา� ้แรหดุ ลได่ง้ ติดต้ังและประกอบผลิตภัณฑ การศึกษา
หลักการทํางาน ความเหมาะสมของ
• หากพบวา่ มเี สยี งดงั ผดิ ปกต ิ มกี ลนิ่ เหมน็ ไหม ้ ควรงดใชง้ านทนั ท ี เพอื่ ปอ้ งกนั การเกดิ อนั ตรายตอ่ ผใู้ ชง้ าน อุปกรณ สถานท่ีที่จะนําไปติดตั้ง เพ่ือ
ควรตรวจสอบเพือ่ หาสาเหตุทีเ่ กิดขึน้ และทา� การซอ่ มแซมใหถ้ กู ตอ้ งกอ่ นน�ากลบั มาใช้งานตามปกต ิ ทําใหอุปกรณ เครื่องใชภายในบานมี
๕๗การปฏิบัติงานช่างในบ้าน ประสิทธภิ าพ)

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

“มนี าตอ งการทําความสะอาดสวา นหลังจากใชงานเสร็จ” 1 การซอมแซมอุปกรณประเภทไฟฟา ควรปฏิบัติงานดวยความระมัดระวัง
มีนาควรปฏิบัติอยางไร เปนพิเศษ เพราะอันตรายของไฟฟามีผลตอชีวิต อาจทําใหไดรับบาดเจ็บไป
จนถึงขั้นเสียชีวิตได โดยลักษณะอันตรายของไฟฟาท่ีมีตอชีวิตมีอยูดวยกัน
1. ชโลมนํ้ามนั เคร่ืองชนิดขนและใชผา ชบุ นาํ้ บิดหมาดเช็ด หลายลักษณะ เชน กระแสไฟฟาใชรางกายเปนทางผานลงดิน หรือไฟฟาดูด
กอนนาํ ไปเก็บ เกดิ จากกระแสไฟฟา ผา นรา งกายลงดนิ ทาํ ใหม ลี กั ษณะอาการชกั กระตกุ สง ผลให
รา งกายเกดิ การเกร็งของกลามเนื้อ จนไมส ามารถสะบัดใหห ลดุ ออกมาได หาก
2. ชโลมนํา้ มนั จกั รบริเวณสวนหวั บงั คับดอกสวานกอนนาํ กระแสไฟฟาผานรางกายในปริมาณมาก จะไดรับอันตรายจนถึงข้ันเสียชีวิต
ไปเกบ็ ซ่ึงอันตรายจากไฟฟาดูดเปนลักษณะท่ีมนุษยไดรับอันตรายจากไฟฟามากที่สุด
ประมาณรอยละ 90 ของผูป ระสบอันตรายจากไฟฟา ทั้งหมด
3. แชในน้ําสะอาดและเช็ดใหแ หง กอ นนาํ ไปเกบ็
4. เช็ดดว ยแอลกอฮอลฆ า เช้ือแลว จงึ นาํ ไปเก็บ 2 สารเคมี ในการปฏิบตั งิ าน หากจําเปนตอ งใชง านสารเคมี ผูปฏิบัตงิ านควร
สวมใสอ ปุ กรณป อ งกนั ทเ่ี หมาะสม เชน หากตอ งใชง านสารเคมที ม่ี ฤี ทธกิ์ ดั กรอ น
(วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการบาํ รงุ รกั ษาสวา นทถี่ กู ตอ ง ควรสวมถงุ มอื เพอ่ื ปอ งกนั การซมึ ผา นของสารเคมี และสวมแวน ตา เพอื่ ปอ งกนั
คือ การถอดดอกสวานออก หมุนหัวบังคับดอกสวานใหแนน การกระเด็นของสารเคมี
ทาํ ความสะอาดทต่ี วั เครื่องและดอกสวาน ชโลมน้าํ มันเครื่องชนิด T67
ใส หรือน้าํ มนั จักรบริเวณสวนหวั บงั คับดอกสวา น มว นสายไฟให
เปนระเบยี บกอ นนาํ ไปเก็บ)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน หลักการตดิ ต้งั และประกอบผลติ ภณั ฑ์

ขั้นท่ี 3 ลงมอื ปฏิบตั ิ • ศ กึ ษาลกั ษณะเฉพาะของอปุ กรณ ์ สงิ่ ของเครอ่ื งใช้
ที่ต้องการติดต้ัง รวมถึงส่วนประกอบปลีกย่อย
• เพราะเหตุใดเม่ือพบอุปกรณ เครื่องใช อย่างละเอียด เพ่ือให้การติดต้ังและประกอบ
ภายในบานท่ีชํารุดจึงตองหยุดการใชงาน ผลิตภณั ฑเ์ ป็นไปอยา่ งถูกตอ้ งและปลอดภยั
และนาํ มาซอ มแซมโดยทนั ที
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ • กา� หนดตา� แหนง่ สถานทที่ ต่ี อ้ งการตดิ ตง้ั ใหเ้ หมาะสม
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน เพอื่ เปน การปอ งกนั ไมใ ห กับการใช้งาน ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน หลีกเล่ียง
สมาชิกในครอบครัวไดรับอันตราย หากนํา การติดต้งั อุปกรณ์ สิง่ ของเคร่ืองใชใ้ นสถานท่ีท่มี ี
อุปกรณ เครื่องใชภายในบานที่ชํารุดชิ้น ความช้ืนสงู เพราะอาจก่อให้เกดิ อนั ตรายได้
ดังกลาวไปใช เพื่อชวยแกไขใหอุปกรณ
เครื่องใชภายในบานท่ีชํารุดสามารถนํา • ศึกษาวิธีการติดต้ังและประกอบผลิตภัณฑ์ให้
กลับมาใชง านไดต ามปกต)ิ เขา้ ใจจากการอา่ นคมู่ อื หรอื คา� แนะนา� การใชง้ าน
เน่ืองจากอุปกรณ์ ส่ิงของเคร่ืองใช้แต่ละชนิด
• นกั เรยี นมแี นวทางในการบาํ รงุ รกั ษาอปุ กรณ ล้วนมีความแตกตา่ งกัน
เครื่องใชภายในบานที่เปนเคร่ืองใชไฟฟา
อยางไร เพ่ือชวยยืดอายุการใชงานของ • จ ัดเตรยี มอุปกรณ์ เครื่องมอื เครอื่ งใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั สภาพพน้ื ทแ่ี ละลกั ษณะของงานท่ีตอ้ งการตดิ ตงั้
อุปกรณ เครอ่ื งใชภ ายในบา นชิน้ ดงั กลาว เนือ่ งจากอุปกรณง์ านชา่ งมีอยูด่ ้วยกันหลายประเภท เพอื่ ใหก้ ารปฏิบตั งิ านเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยา งอสิ ระ เชน ปฏิบัติตามคาํ แนะนาํ ใน • ติดตั้งและประกอบผลิตภัณฑ์ตามคู่มือการใช้งานท่ีผู้ผลิตแนะน�าอย่างเคร่งครัด เพ่ือความปลอดภัย
การใชงานอยางเครงครัด ควรถอดปลั๊กไฟ ควรทดสอบการทา� งานของอุปกรณ์ สง่ิ ของเคร่อื งใช้หลังทา� การติดต้งั เสรจ็ ทกุ ครั้ง
ออกทุกคร้ังหลังใชงานเสร็จ หม่ันดูแล
ทําความสะอาดอยูเสมอ คอยสังเกตความ Tip
ผิดปกติจากการใชงาน หากพบความ
ผิดปกติใหหยุดใชงานทันที และทําการ สญั ลกั ษณค์ วามปลอดภัยในการปฏบิ ัติงานช่าง
ซอมแซมใหเรียบรอยกอนนาํ มาใชงาน)
ในโรงงานอุตสาหกรรมท่ีมีเคร่ืองจักรเปนจ�านวนมาก จะมีการใช้สัญลักษณ์ความ
• การศกึ ษาคมู อื การใชง านมปี ระโยชนต อ การ ปลอดภัยสีต่าง ๆ เพ่ือแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานทราบ เพ่ือจะได้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง
ตดิ ต้งั และประกอบผลติ ภัณฑอ ยา งไร โดยสีที่ใชม้ ี ๔ สี ดงั นี้
(แนวตอบ มีประโยชนหลายประการ เชน แดง : หยุด เขียว : แสดงสภาวะปลอดภยั
ชวยใหเขาใจวาควรปฏิบัติส่ิงใดกอน-หลัง
ควรปฏิบัติอยางไรจึงจะถูกตอง ชวยลด EXถTังINดFGับIRUเEพISลHิงER สาHยOฉีดSFนEIRา้ํ RดEEับEเพLลิง ปฐมพยาบาล โETทMEรLศEEพัRPทGHฉEOุกNNเCฉEYิน
ขอผิดพลาดท่ีอาจเกิดข้ึนจากการปฏิบัติ FIRST AID
งาน ชวยใหทราบเก่ียวกับรายละเอียดของ
ชิน้ สวน หรืออุปกรณต า งๆ รวมถึงหลกั การ น้ําเงิน : บังคับให้ต้องปฏิบัติ เหลือง : ระวงั มอี นั ตราย
ทํางานของอปุ กรณด ังกลาว)
สวมหมวกนริ ภัย สวมแWว่นEตAาRนิรภยั HระIGวBงั HไEฟVWฟOAาLRแTรEAงGสEงู ระวงั BสาTEรOWเคXAมIอีRCันEตราย
WEAR HEAD SAFETY GLASSES
PROTECTION

๕๘

เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสริม

ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับเหตุผลท่ีไมควรติดตั้งอุปกรณอิเล็กทรอนิกส ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติ
ในบริเวณท่ีมีความช้ืนสูงใหนักเรียนฟงวา สถานท่ี หรือบริเวณท่ีมีความชื้นสูง งานชางในบาน จากน้ันเขียนสรุปขอมูลที่ไดจากการศึกษาลงใน
ภายในบานมีอยดู วยกนั หลายจดุ เชน หอ งครวั หองนอน หอ งน้าํ ฯลฯ ความช้ืน กระดาษรายงานในรปู แบบของแผนผงั ความคดิ (Mind Mapping)
เปนสาเหตุสําคัญที่สงผลใหอุปกรณอิเล็กทรอนิกสเกิดการชํารุดเสียหายไดงาย ตกแตง ใหส วยงาม นําสง ครูผสู อน
ที่สามารถพบเห็นไดโดยทั่วไป คือ การเกิดสนิม โดยเฉพาะบริเวณฉนวนกัน
ความรอ นภายในตวั เครอ่ื ง ซง่ึ บางครงั้ อาจสง ผลทาํ ใหเ กดิ ไฟฟา ลดั วงจรได ดงั นนั้ กิจกรรม ทา ทาย
จึงควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งอุปกรณอิเล็กทรอนิกสในบริเวณท่ีมีความชื้นสูง
เพ่ือความปลอดภัยในขณะใชงาน และเพื่อชวยยืดอายุการใชงานของอุปกรณ ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับหลักการปฏิบัติงาน
ดงั กลาวใหยาวนานย่งิ ข้ึน ชางในบานตามความสนใจ 1 งาน ซึง่ เปนหลักการปฏบิ ัตเิ ฉพาะ
เจาะจงในการซอมแซม การบํารุงรักษา การติดต้ังและประกอบ
สื่อ Digital ผลิตภัณฑ จากน้ันนําเสนอผลงานใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน
ในรปู แบบของ PowerPoint
ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั สญั ลกั ษณค วามปลอดภยั ในการปฏบิ ตั งิ านชา ง ไดท ี่

Thttp://www.moro.co.th/เครอื่ งหมายความปลอดภัย

68










































Click to View FlipBook Version