The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 17 เรื่อง ของแข็งและของไหล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phanudech123k, 2022-10-18 23:14:40

แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 17 เรื่อง ของแข็งและของไหล

แผนการจัดการเรียนรู้หน่วยที่ 17 เรื่อง ของแข็งและของไหล

แผนการจัดการเรียนรู้ โ ร ง เ รี ย น น้ำ โ ส ม พิ ท ย า ค ม

หน่วยการเรียนรู้ที่ 17

ของแข็งและของไหล
รายวิชา ฟิสิกส์เพิ่มเติม5 ว30205

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

น า ย ภ า นุ เ ด ช คำ ห ล้ า

รหัสประจำตัวนักศึกษา 62040113114
สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไปและฟิสิกส์
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

แผนการจัดการเรยี นรู้
วิชาฟสิ ิกสเ์ พ่มิ เตมิ ว30205
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 17 ของแข็งและของไหล
ระดับช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นน้าโสมพิทยาคม

นายภานุเดช คาหลา้
รหัสประจาตวั นักศกึ ษา 62040113114

สาขาวิทยาศาสตรท์ ว่ั ไปและฟสิ ิกส์

การปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา 1
รหสั วิชา ED16401 (INTERNSHIP IN SCHOOL 1)

คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั อุดรธานี
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2565



คานา

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาฟสิ กิ ส์เพ่มิ เตมิ 5 รหัสวชิ า ว30205 ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6
จดั ทาขึน้ เพ่ือใชเ้ ปน็ แนวทางในการจดั การเรียนการสอนใหม้ ีประสิทธิภาพ และบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/
ตวั ชวี้ ัด ทกี่ าหนดไว้ในหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ 2560)
ผจู้ ดั ทาจึงได้ศึกษาสาระการเรียนรู้ มาจดั ทาแผนการจัดการเรียนรู้ในครั้งนี้

แผนการจัดการเล่มที่ 1 น้ี ประกอบไปด้วย แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 17 เรอ่ื ง ของแขง็ และของไหล
ผู้จัดทาหวงั เปน็ อย่างย่งิ วา่ แผนการจัดการเรยี นรูฉ้ บับนี้ จะสามารถนาไปใชป้ ระกอบการจดั การเรียน
การสอนรายวิชาฟสิ กิ ส์เพมิ่ เตมิ และเกดิ ประสทิ ธิภาพแกผ่ ู้เรียน

นายภานุเดช คาหลา้
นกั ศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ครู
สาขาวทิ ยาศาสตรท์ ั่วไปและฟสิ กิ ส์ คณะครูศาสตร์

สารบญั ข

คานา ก
สารบัญ ข

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 15 ของแข็งและของไหล 1
10
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง ของแข็งและสภาพยดื หยุน่ ของของแขง็ 19
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 เรอื่ ง ความตึงผิวของของเหลว 27
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรื่อง ความดนั ในของไหล 33
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 4 เรอื่ ง หลอดแกว้ ตวั ยู 42
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5 เรอ่ื ง กฎของพาสคัลและอาร์คมิ ดิ สี 49
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 เร่ือง สมการแบรน์ ูลลี
เอกสารประกอบการเรียนการสอน

1

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 1
รายวชิ า ฟสิ กิ สเ์ พ่ิมเตมิ 5
สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รหัสวชิ า ว 30205 จานวน 12 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรู้ ของแขง็ และของไหล ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 6
แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง ของแขง็ และสภาพยืดหยุ่นของของแข็ง
สอนโดย นายภานเุ ดช คาหลา้ เวลา 2 ชว่ั มง

1. สาระวทิ ยาศาสตร์เพม่ิ เติม สาระฟสิ ิกส์
2. มาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ 4 เข้าใจความสัมพันธ์ของความร้อนกับการเปลี่ยนอุณหภูมิและสถานะของสสาร สภาพ
ยดื หยุน่ ของวัสดุและมอดุลัสของยัง ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลักของอารค์ ิมีดีส ความตึงผิวและแรง
หนดื ของของเหลว ของไหลอดุ มคติละสมการแบรน์ ลู ลี กฎของแกส๊ ทฤษฎจี ลนข์ องแก๊สอุดมคติ และพลังงาน
ในระบบ ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทรกิ ทวิภาวะของคล่ืนและอนุภาค กัมมันตภาพรงั สี
แรงนิวเคลียร์ ปฏิกริ ยิ านวิ เคลียร์ พลังงานนวิ เคลยี ร์ ฟิสิกส์อนุภาค รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
2. อธิบายสภาพยืดหยุ่นและลักษณะการยืดและหดตัวของวัสดุที่เป็นแท่ง เมื่อถูกกระทาด้วยแรงค่า

ต่าง ๆ รวมทั้งทดลอง อธิบายและคานวณความเค้นตามยาว ความเครียดตามยาวและมอดุลสั ของยัง และนา
ความรู้เร่อื ง สภาพยดื หยนุ่ ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน

4. สาระสาคัญ
สสารและสงิ่ ของตา่ งๆ ในสภาพปกตโิ ดยทวั่ ไปมี 3 สถานะไดแ้ ก่ ของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารที่มี

สถานะเปน็ ของเหลวหรือแก๊สสามารถเรยี กว่า ของไหล เนอ่ื งจากของเหลวและแกส๊ สามารถไหลไดส้ สารในสถา
นะของแข็งมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมากพอที่จะทาให้โมเลกลุ ของของแข็งอยู่ ใกล้กันและรูปทรงของ
ของแข็งไมเ่ ปลี่ยนแปลงมาก ของแข็งจะมีรูปร่างและปริมาตรคงตัว สาหรับของแข็ง ที่ถูกแรงกระทาแล้วเกิด
การเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปจากเดิม และเมื่อหยุดแรงกระทาวัตถุสามารถกลับคืนสู่ รูปร่างเดิมได้ เรียกว่ามี
สภาพยืดหยุ่น (elasticity) ถ้าหยุดแรงกระทาแล้ววัตถุคงรูปร่างที่เปลี่ยนไป เรียกว่ามีสภาพพลาสติก
(plasticity)แรงกระทาตั้งฉากต่อหน่วยพื้นที่หน้าตัดของวัตถุ เรียกว่า ความเค้นตามยาว (longitudinal
stress) หาได้จากสมการ = ความยาวของวัตถุที่เปลี่ยนไปต่อ ความยาวเดิมเรียกว่าความเครียด



ตามยาว (longitudinal strain) หาได้จากสมการ = ∆ อัตราส่วนระหว่างความเค้นตามยาวต่อ

0

ความเครียดตามยาวเรียกว่า มอดุลัสของยัง (Young’s modulus) หาได้จากสมการ = เมื่อออกแรง



2

กระทาตามยาวกับวัตถุไม่เกินขีดจากัดการแปรผันตรง (proportional limit) ความเค้นจะแปรผันตรงกับ
ความเครียด หากออกแรงกระทามากกว่าขีดจากดั การแปรผนั ตรง แต่ไมเ่ กินขดี สภาพยืดหยนุ่ (Elastic limit)
วตั ถสุ ามารถคนื รูปร่างเดิมได้ และถ้าแรงมากกว่าขีดจากดั สภาพยืดหยุ่นไม่สามารถคืนรูปร่างเดมิ ได้ การเลือก
วัสดไุ ปใชง้ านตอ้ งคานงึ ถึงสภาพยืดหยุ่นให้เหมาะสมกบั งาน

5. จุดประสงค์การเรยี นรู้
5.1 จุดประสงคด์ ้านความรู้ (K)
1. นกั เรยี นมีความเข้าใจเกย่ี วกบั ความเค้น ความเครยี ดและมอดูลัสของยัง
5.2 จดุ ประสงค์ด้านกระบวนการ (P)
1. นักเรียนสามารถคานวณหาปริมาณต่าง ๆ ท่เี กี่ยวข้องความเค้น ความเครยี ดและมอดูลสั ของยงั
5.3 จุดประสงค์ด้านคุณลักษณะ (A)
1. นักเรยี นมคี วามร่วมมอื ในการทางาน

6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
1. ความสามารถในการส่ือสาร
- การอธบิ าย การเขียน การพดู หนา้ ช้ันเรยี น
2. ความสามารถในการคิด
- การสังเกต การคิดวเิ คราะห์ การเปรียบเทยี บ การจดั ระบบความคิดเป็นแผนภาพ การสรา้ ง
คาอธบิ าย การอภปิ ราย การสอื่ ความหมาย การสบื ค้นโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4. ความสามารถในการแกป้ ัญหา

7. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ใฝ่เรียนรู้
แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรียนรตู้ ่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรยี นด้วยการเลอื กใช้ส่ืออย่าง

เหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้
มุ่งมัน่ ในการทางาน
มีความตั้งใจปฏิบตั ิหน้าทีท่ ี่ได้รับมอบหมายด้วยความเพียรพยายาม ทุ่มเทกาลังกาย กาลังใจ ในการ

ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ให้สาเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่กาหนดด้วยความรับผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจใน
ผลงาน

8. ภาระงาน/ช้ินงาน
- ใบงานที่ 1 เรอื่ ง ของแขง็ และสภาพยดื หยุ่นของของแขง็

3

9. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขนั้ ท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1.1 นาเขา้ สู่บทเรียนโดยการรว่ มกนั อภิปราย เร่ือง สภาพยดื หยนุ่ ของของแข็ง ดังน้ี
- ครนู าภาพมาใหน้ ักเรียนศกึ ษา จากน้ันครูตั้งคาถามเพื่อนาไปสู่กจิ กรรม ดงั น้ี
1. ยางรดั ของ

2. ดนิ น้ามัน

1) เมอ่ื ออกแรงกดดินนา้ มันกอ้ นน้นั จะยบุ หรอื บบุ หรอื ไม่
2) เมอ่ื ออกแรงกดดินน้ามันกอ้ นนน้ั แลว้ ปล่อยมือ กระปอ๋ งจะมีสภาพเหมอื นกับกอ่ นของแรง
หรอื ไม่ อยา่ งไร
3) หากออกแรงดงึ หนังยาง จากนนั้ ปล่อยมอื หนงั ยางจะมีสภาพเหมอื นกบั กอ่ นออกแรงดงึ
หรือไม่ อย่างไร
(ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็นอยา่ งอสิ ระ ไมค่ าดหวงั คาตอบทถี่ กู ตอ้ ง)

- โดยอาจยกสถานการณห์ รอื ใช้การสาธติ เพอื่ อธบิ ายสภาพยืดหยุ่นสภาพพลาสติก โดย
ครูใช้ยางหนงั ยาง กับขวดนา้ พลาสตกิ เปน็ อปุ กรณ์ ครูให้นกั เรยี นสังเกตรูปร่างของหนังยาง
และขวดน้าพลาสติก จากนั้นครตู ้ังคาถามเพ่ือนาไปสกู่ จิ กรรม ดังนี้
1. ถ้าออกแรงกระทาต่อวัตถทุ ้งั สองจะเกิดการเปลยี่ นแปลงอย่างไร
2. เม่อื ไดร้ บั แรงกระทามากเกินคา่ หนึ่งสภาพยืดหยุน่ ของวตั ถเุ ก่ียวข้องกบั แรงกระทาและการ
เปลย่ี นรูปรา่ งอย่างไร
(ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระ ไม่คาดหวงั คาตอบท่ีถูกตอ้ ง)

4

ขั้นที่ 2 ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration)
2.1 ให้นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน
2.2 ให้นักเรยี นศึกษา ในหนังสือเรยี น หนา้ 192 - 202 และสามารถศกึ ษาค้นคว้าเพิม่ เติมใน
อินเทอร์เน็ต
2.3 ให้นกั เรียนสรปุ องค์ความรทู้ ่ไี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ลงในกระดาษ A4 ในรูปแบบ
Mind mapping
2.4 ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอขอ้ มูลทไ่ี ด้จากการสบื คน้

ขัน้ ท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
3.1 สง่ ตัวแทนของแตล่ ะกล่มุ ออกมาตอบคาถาม
1) เมือ่ ออกแรงบบี กระปอ๋ งนา้ อัดลมเปล่า กระป๋องจะยบุ หรอื บบุ หรือไม่ และเมื่อหยุดออก
แรงกระทาตอ่ กระป๋อง กระป๋องมสี ภาพอย่างไร (แนวการตอบ กระปอ๋ งจะยุบและบบุ และเมอ่ื หยดุ
ออกแรงกระทาตอ่ กระปอ๋ ง กระปอ๋ งมีสภาพการผดิ รูป (deformation) ไปถาวรไมค่ นื สภาพเดมิ )
2) เม่ือถกู แรงกระทาเปลย่ี นรปู ร่างไปอย่างถาวรโดยไม่มีการฉีกขาดหรือแตกหัก เรียกสมบตั ิ
ของวสั ดทุ น่ี ามาทากระปอ๋ งนา้ อัดลมนี้วา่ อะไร (แนวการตอบ สภาพพลาสติก(plasticity))
3) เมือ่ ออกแรงบบี ฟองนา้ ฟองนา้ จะยุบหรอื ไม่ และเมอื่ หยุดออกแรงกระทาต่อฟองน้า
ฟองน้ามีสภาพอยา่ งไร (แนวการตอบ ฟองนา้ ยบุ และบบุ และเมอ่ื หยุดออกแรงกระทาต่อฟองน้า
ฟองนา้ กลบั สสู่ ภาพเดิม)
4) กรณฟี องน้าเมือ่ ถูกแรงกระทาเปล่ยี นรูปร่างและกลบั สรู่ ปู ร่างเดิมเม่อื หยดุ ออกแรงกระทา
เรียกสมบตั นิ ้วี า่ อะไร (แนวการตอบ สภาพยืดหยุ่น (elasticity))
5) ถ้าออกแรงขนาดต่าง ๆ กระทากบั ฟองน้าและกระปอ๋ งน้าอดั ลมเปลา่ ฟองนา้ จะมสี ภาพ
พลาสตกิ และกระปอ๋ งน้าอดั ลมเปลา่ จะมีสภาพยดื หยนุ่ ไดห้ รอื ไม่ (แนวการตอบ วัตถุแต่ละชนิดจะอยู่
ในสภาพยดื หยนุ่ ไดท้ แี่ รงกระทาชว่ งหนงึ่ แตจ่ ะเสียรูปอยา่ งถาวรหรือมสี ภาพพลาสติก เม่อื ได้รบั แรง
กระทามากเกนิ ค่าหนึ่ง)
6) เม่ือให้ ⃑ เปน็ ขนาดแรงดึงกระทาในแนวตามยาวและตง้ั ฉากกับพนื้ ที่หน้าตัด A ของเสน้
ลวด อัตราสว่ นระหวา่ งแรงดงึ กบั พ้ืนทีห่ นา้ ตดั เรียกว่า (แนวการตอบ ความเค้นดึง (tensile stress))
7) สมการหาความเค้นตามยาว (longitudinal stress) คอื (แนวการตอบ = )



8) อัตราสว่ นระหว่างความยาวท่ีเปลี่ยนไปกบั ความยาวเดิม เรยี กว่า (แนวการตอบ
ความเครียดตามยาว (longitudinal strain))
3.2 ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายจนได้ขอ้ สรปุ เรื่อง สภาพยืดหยนุ่ ของของแขง็ ดงั นี้

5

- วตั ถทุ ี่ทาจากวสั ดุท่ีเปล่ียนแปลงรูปรา่ งไดเ้ ม่ือมีแรงกระทาและ เม่ือหยุดออกแรงกระทาวัตถุ
กลบั คนื รูปรา่ งเดิมได้ เรียกสมบัตินีว้ า่ สภาพยดื หยนุ่ แตถ่ ้าออกแรงแล้ว วัตถเุ ปลี่ยนรูปรา่ งไปอยา่ ง
ถาวรโดยไม่มกี ารฉกี ขาดหรือแตกหกั เรยี กสมบตั ิน้วี า่ สภาพพลาสติก ตวั อย่าง เช่น ฟองน้ามสี ภาพ
ยืดหยุ่นและกระปอ๋ งน้าอดั ลมเปลา่ มีสภาพพลาสติก

- วัตถุแต่ละชนดิ จะอย่ใู นสภาพยดื หยนุ่ ได้ทแี่ รงกระทาช่วงหน่งึ แตจ่ ะเสียรูปอย่างถาวรหรือมี
สภาพพลาสติก เม่อื ได้รบั แรงกระทามากเกนิ คา่ หน่ึง

- เมื่อใช้แรงดงึ ลวดความยาวลวดเพิม่ ข้ึน นาคา่ ความเคน้ ตามยาวและความเครียดตามยาว
ของลวดมาเขียนกราฟ จะได้กราฟเสน้ ตรง แสดงวา่ ค่าความเค้นและความเครียดมีความสม้ พันธ์กนั
โดยความเค้นตามยาวแปรผันตรงกบั ความเครียดตามยาว

ขั้นท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 นาเสนอโจทย์ตัวอย่างการคานวณหาตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
1. ลวดทองแดงเส้นหนง่ึ ยาว 4 เมตร มีพื้นท่ีภาคตัดขวาง 1×10-8ตารางเมตร มีคา่ มอดูลัสของยงั ส์
เป็น 1.1×1011 นวิ ตนั /ตารางเมตร จะตอ้ งออกแรงดึงเท่าใด จงึ จะทาให้ลวดเส้นนีย้ ดื ออกอีก 1
มิลลเิ มตร (0.3 N)
2. แขวนมวล 400 กิโลกรัมกบั เส้นลวดโลนะชนิดหนง่ึ ยาว 10 เมตร มพี ้ืนที่หนา้ ตดั 2×10-4 เมตร
เส้นลวดนจี้ ะยืดออกเปน็ ระยะเท่าใด ถ้ากาหนดให้คา่ ยงั มอดูลสั ของเสน้ ลวดนเี้ ปน็ 2×1011 นิว
ตนั /เมตร2(0.1cm)
3. เอ็นสัตวช์ นิดหนึง่ มีเสน้ ผา่ ศูนยก์ ลาง 2.0 มลิ ลิเมตร มีคา่ มอดูลัสของยงั ส์ 10×107 นวิ ตนั ต่อตาราง
เมตร เมอ่ื แขวนวัตถุมวล 3.14 กิโลกรัม ไว้ทป่ี ลายขา้ งหนึ่ง เอน็ จะมคี วามยาวเพิม่ ขึ้นก่ีเปอรเ์ ซ็นต์
(10%)
4. ลวดทามาจากอะลูมเิ นียมมเี ส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 2.0 มิลลิเมตร ยาว 2.00 เมตรลวดถูกดึงดว้ ยแรง
200 นิวตนั จงหาความยาวของลวดท่ีเปลี่ยนไป กาหนดใหอ้ ะลมู เิ นียมมคี า่ มอดูลัสของยงั เท่ากับ
7.0×1010 นวิ ตนั ตอ่ ตารางเมตร ให้แทนค่า มคี ่าประมาณ 3.14 (1.80 mm)
4.2 อภิปรายความรเู้ พม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั ความเค้น หนา้ 194 หัวขอ้ ความรเู้ พม่ิ เติม
โดยทว่ั ไปแบง่ ความเค้นออกเปน็ 2 ชนิด คอื ความเค้นตามยาวและความเค้นเฉือนเมอ่ื มีแรง
มากระทาตอ่ วตั ถุในทิศทางท่ีต่างกนั จะสง่ ผลต่อลักษณะการเปลีย่ นแปลงรูปรา่ งของวัตถุ ทาใหเ้ รา
สามารถพจิ ารณาประเภทของความเค้นได้เป็นความเค้นตามยาว(longitudinal stress) นอกจากน้ียัง
มี ความเคน้ เฉอื น (shear stress) ท่ีเกดิ จากแรงกระทาตอ่ วัตถุในลกั ษณะขนานกบั พ้นื ทีห่ นา้ ตัดจะทา
ใหว้ ตั ถเุ ปลย่ี นแปลงรปู รา่ งไปจากเดิมในลกั ษณะ ดงั รูป

6

ขัน้ ที่ 5 ขน้ั ประเมนิ ผล (Evaluation)
5.1 ตรวจสอบความรเู้ ก่ยี วกบั เร่อื ง ของแข็งและสภาพยืดหยนุ่ ของของแข็ง โดยการตอบคาถาม
5.2 สังเกตจากพฤตกิ รรมของผู้เรียนระหวา่ งเรยี น

10. ส่ือ/แหลง่ เรียนรู้
1. หนงั สือรายวชิ าเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฟิสิกส์) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เลม่ 5
(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
2. ใบงานที่ 5 เร่ือง สภาพยืดหยุ่นของของแขง็
3. Power Point เรือ่ ง สภาพยืดหยนุ่ ของของแขง็
4. เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรอื่ ง ของไหล

11. การวัดและการประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารประเมิน เกณฑ์การประเมนิ
นักเรียนมคี วามเข้าใจเกีย่ วกับความเคน้ ความเครียดและ ใบงาน ผ่านรอ้ ยละ 80
มอดูลสั ของยงั ใบงาน
นกั เรยี นสามารถคานวณหาปรมิ าณตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วข้องความเค้น ผา่ นร้อยละ 80
ความเครยี ดและมอดูลัสของยัง ใบงาน นกั เรยี นส่งภาระงานท่ี
นกั เรียนมีความร่วมมือในการทางาน ได้รับมอบหมายตาม

เวลาทก่ี าหนด

7

ใบงานที่ 1
เร่อื ง ของแขง็ และสภาพยดื หย่นุ ของของแข็ง
ช่อื .................................................................................ชน้ั .................เลขที.่ ................
1. แขวนมวล 400 kg กบั เส้นลวดโลหะชนิดหนึ่งยาว 10 m มีพื้นทห่ี นา้ ตดั 2.0×10-4 m2เส้นลวดนีจ้ ะยดื
ออกเท่าใด กาหนดให้ค่ามอดูลสั ของยงั สาหรับเส้นลวดนเี้ ท่ากับ 2.0×1011 N/m2 (0.10 cm)

2. ลวดโลหะยาว 1.8 m มีพ้นื ท่หี นา้ ตดั 1.5 mm2 ถูกยืดออก 1.0 mm จงหาว่าลวดโลหะมคี วามตึงเทา่ ใด
กาหนดให้ลวดเสน้ น้ีมีคาโมดูลัสของยังเทา่ กับ 9.0×1010 N/m2 (75N)

3. ลวดอลูมเิ นยี มยาว 2 เมตร และมเี สน้ ผ่านศูนย์กลาง 0.1 เซนติเมตร เม่ือนาลวดเสน้ นีไ้ ปยกวตั ถมุ วล 1000
กโิ ลกรมั ลวดเสน้ นจี้ ะยดื ออกเทา่ ใด กาหนดให้ค่ามอดลู สั ของยัง 7.0×1010 N/m2 (0.36m)

4. ลวดเส้นหนงึ่ ยาว 3 เมตร มพี น้ื ที่หนา้ ตัด 10-6 ตารางเมตร และคา่ มอดูลัสของยงั 1.5×1011 N/m2 เมื่อมี
แรงขนาด 100 นวิ ตนั ดึงเสน้ ลวด ลวดจะยดื ออกเทา่ ใด (2mm)

8

บนั ทึกหลงั สอน

1. ผลการสอน
 สอนไดต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนือ่ งจาก ..........................................................................

............................................................................................................................................................................
2. ผลการเรยี นของนกั เรียน นกั ศึกษา
 จานวนนักเรยี นท่ผี ่านการประเมนิ .......................... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ .................................
 จานวนนกั เรยี นท่ีไมผ่ ่านการประเมนิ ...................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ .................................
 อ่นื ๆ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอปุ สรรค

 กจิ กรรมการจัดการเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกับเวลา
 มนี กั เรยี นทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทันตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรยี นท่ีไม่สนใจเรยี น

 อ่นื ๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

 ควรนาแผนไปปรับปรุง เร่ือง
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

 แนวทางแก้ไขนกั เรียนท่ไี ม่ผ่านการประเมิน
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

 ไม่มีข้อเสนอแนะ

ลงชือ่ ........................................... ผู้บันทึก
(นายภานุเดช คาหล้า)

ตาแหน่ง นักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชีพครู

9

ข้อเสนอแนะ/ผลการนิเทศ
1. ครพู ี่เลย้ี ง
.....................................................................................................................................................

ลงช่อื ...........................................
(นางไอรดา สารไกรกร)

ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพเิ ศษ
วันท.ี่ ......เดือน..................................พ.ศ................

2. กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
.....................................................................................................................................................

ลงชื่อ ...........................................
(นางสาววารศิ า ทีพารัตน์)

ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ
วนั ที่.......เดอื น..................................พ.ศ................

3. กลุ่มงานบริหารงานวชิ าการ (หัวหน้ากลุ่มงานบรหิ ารงานวชิ าการ)
.....................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...........................................
(นางสาวขนิษฐา พรหมทา)

ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ
วันที่.......เดือน..................................พ.ศ................

4. ผู้บริหารสถานศึกษา /รองผู้อานวยการกลมุ่ บรหิ ารงานวิชาการ
.....................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...........................................
(นายภราดร คณั ทักษ์)

ตาแหนง่ รองผู้อานวยการกลุม่ งานบริหารงานวิชาการ
วันท.่ี ......เดือน..................................พ.ศ................

10

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 ภาคเรียนท่ี 1
รายวชิ า ฟิสกิ สเ์ พมิ่ เติม 5
สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รหัสวชิ า ว30205 จานวน 12 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ ของแข็งและของไหล ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ เรือ่ ง ความตงึ ผวิ ของของเหลว
สอนโดย นายภานเุ ดช คาหลา้ เวลา 2 ชัว่ มง

1. สาระวทิ ยาศาสตรเ์ พิ่มเติม เรื่อง ความตึงผิวของของเหลว
2. มาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ 4 เข้าใจความสัมพนั ธ์ของความร้อนกบั การเปลีย่ นอณุ หภมู แิ ละสถานะของสสาร สภาพ
ยดื หยุ่นของวัสดุและมอดุลัสของยงั ความดันในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอาร์คิมดี สี ความตึงผิวและแรง
หนดื ของของเหลว ของไหลอุดมคติละสมการแบร์นูลลี กฎของแกส๊ ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอดุ มคติ และพลังงาน
ในระบบ ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคลน่ื และอนุภาค กมั มนั ตภาพรังสี
แรงนวิ เคลยี ร์ ปฏกิ ิรยิ านิวเคลียร์ พลงั งานนวิ เคลียร์ ฟสิ ิกส์อนภุ าค รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
5. ทดลอง อธิบาย และคานวณความตึงผวิ ของ ของเหลว รวมทงั้ สงั เกตและอธิบายแรงหนดื ของ

ของเหลว

4. สาระสาคญั

สาหรับของเหลวจะมแี รงระหวา่ งโมเลกลุ มีแรงเชอ่ื มแน่น (cohesive force) ซง่ึ เป็นแรงระหวา่ ง

โมเลกุลชนดิ เดียวกนั ยึดโมเลกลุ ของเหลวเข้าดว้ ยกนั และแรงยึดติด (adhesive force) ซ่งึ เป็นแรงระหวา่ ง

โมเลกุลต่างชนดิ กันสว่ นบริเวณผิวของเหลวจะมแี รงกระทาตอ่ วตั ถุโดยแรงน้ีขนานกับผวิ ของเหลวและ ตงั้ ฉาก

กับวตั ถทุ ่ีผิวของเหลวสมั ผัส เรยี กวา่ แรงดึงผวิ ค่าแรงดึงผิวตอ่ หน่วยความยาววัตถทุ ผี่ ิวของเหลวสัมผสั เรยี กวา่

ความตึงผิว (Surface tension) หาได้จากสมการ = ในขณะที่วตั ถเุ คลื่อนทขี่ องเหลว จะเกิดแรง

ตา้ นการเคลื่อนท่ขี องวตั ถเุ รียก แรงหนดื และเรียกสมบัตนิ ้ีว่า ความหนดื (Viscosity)

5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
5.1 จุดประสงคด์ ้านความรู้ (K)
1. นกั เรยี นมคี วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความตงึ ผิวของของเหลวได้
5.2 จดุ ประสงคด์ ้านกระบวนการ (P)
1. นกั เรยี นสามารถทดลองความตึงผวิ ของของเหลวได้
2. นกั เรียนสามารถคานวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งความตึงผิวของของเหลวได้

11

5.3 จดุ ประสงคด์ า้ นคุณลกั ษณะ (A)
1. นกั เรยี นมคี วามรว่ มมือในการทางาน

6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่ือสาร
- การอธิบาย การเขียน การพดู หนา้ ช้ันเรียน
2. ความสามารถในการคดิ
- การสงั เกต การคิดวิเคราะห์ การเปรียบเทียบ การจดั ระบบความคิดเปน็ แผนภาพ การสร้าง
คาอธิบาย การอภปิ ราย การส่อื ความหมาย การสบื ค้นโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
4. ความสามารถในการแก้ปัญหา

7. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ใฝเ่ รียนรู้
แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการเลอื กใชส้ ือ่ อยา่ ง

เหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วิเคราะห์ สรปุ เปน็ องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้
มงุ่ มัน่ ในการทางาน
มีความต้งั ใจปฏิบตั ิหน้าที่ทไี่ ดร้ บั มอบหมายดว้ ยความเพยี รพยายาม ทุ่มเทกาลงั กาย กาลังใจ ในการ

ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ให้สาเร็จลุล่วงตามเป้าหมายทก่ี าหนดด้วยความรบั ผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจใน
ผลงาน

8. ภาระงาน/ชน้ิ งาน
- ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง ความตงึ ผวิ ของของเหลว

9. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขั้นท่ี 1 ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)
1.1 นาเข้าสู่บทเรยี นโดยการร่วมกนั อภิปราย เรือ่ ง สภาพยืดหยนุ่ ของของแข็ง ดงั น้ี
- ครนู าภาพมาให้นกั เรียนศึกษา และรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็

12

- ครูสอบถามนักเรยี นเกย่ี วกับหยดนา้ ท่กี ล้ิงบนใบไม้บางชนดิ เกดิ ข้นึ ได้อย่างไร
- เพราะเหตใุ ด แมลงบางชนิดอยู่น่งิ หรอื เคล่อื นท่ีบนผิวน้าโดยไมจ่ มได้อยา่ งไร
(เปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นแสดงความคิดเห็นอยา่ งอิสระ ไมค่ าดหวงั คาตอบทถี่ กู ตอ้ ง)

ขั้นที่ 2 ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration)
2.1 ใหน้ ักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5-7 คน
2.2 ให้นกั เรียนทาการศึกษาเก่ยี วกับเร่ือง ความตึงผวิ ของของเหลว หนา้ 203-208
2.3 ให้นกั เรยี นทาการทดลองเร่อื ง ความตึงผิวของของเหลว และจดบันทกึ ลงในใบกจิ กรรม เรื่อง
ความตึงผิวของของเหลว พร้อมตอบคาถาม

ขนั้ ท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
3.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลการทากจิ กรรมหน้าชน้ั เรยี น
3.2 รว่ มกันอภิปรายเพ่ือนาไปสกู่ ารสรปุ โดยใช้คาถามต่อไปนี้
1) นักเรียนแต่ละกลุ่มไดผ้ ลการสืบค้นและผลการทดลองเหมอื นกันหรอื ต่างกันอยา่ งไร
เพราะเหตุใด
2) ขณะทห่ี ว่ งวงกลมกาลังจะหลุดออกจากผิวของเหลว มีผวิ ของเหลวสมั ผสั กบั ห่วงวงกลมกี่
ดา้ น อย่างไร (แนวการตอบ ขณะทหี่ ่วงวงกลมกาลงั จะหลุดออกจากผวิ ของเหลว มีผิว
ของเหลวสมั ผัสกับหว่ งวงกลมสองด้าน คือดา้ นนอกและด้านในของห่วงวงกลม)
3) ความตงึ ผิวของของเหลวชนดิ เดยี วกัน มีคา่ แตกตา่ งกันหรือไม่
(แนวการตอบ ความตงึ ผวิ ของของเหลวชนดิ เดียวกนั มีคา่ เท่ากัน)
4) ความตงึ ผิวของของเหลวต่างชนดิ กัน มีค่าแตกต่างกันหรอื ไม่
(แนวการตอบความตึงผวิ ของของเหลวต่างชนิดกัน มคี า่ ตา่ งเท่ากัน)
3.3 ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายจนได้ขอ้ สรปุ เรื่อง ความตงึ ผิวของของเหลว ดงั นี้
- ในขณะที่หว่ งวงกลมของอปุ กรณห์ าคา่ ความตงึ ผิวกาลงั จะหลดุ จากของเหลว ของเหลวท่ี
สัมผัสหว่ งสองดา้ นคอื ด้านนอกและด้านในของห่วงวงกลม ความยาวในแนวตั้งฉากกบั แรงจึง
เป็นสองเทา่ ของเสน้ รอบวง
- ของเหลวชนดิ เดียวกันความตงึ ผิวมีคา่ เท่ากนั
- ของเหลวต่างชนิดกนั คา่ ความตงึ ผิว ตา่ งกนั

13

ขน้ั ที่ 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 ครอู ธิบายเนื้อหาเพ่ิมเติมเกี่ยวกบั ความหนืดของของเหลว
ความหนืด (Viscosity) เปน็ สมบัตเิ ฉพาะตัวของของไหลทบ่ี อกถงึ ความสามารถในการตา้ นการ

เคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุในของไหลนน้ั ๆ ถ้าของไหลมีความหนืดมากวตั ถจุ ะเคล่อื นท่ไี ดช้ า้ โดนแรงทีต่ ้านการเคลื่อนท่ี
น้ันเรยี กวา่ แรงหนืด (Viscosity force)

กฎของสโตกส์ (Stokes’s Law) เป็นบุคคลท่ีทาการทดลองเก่ยี วกบั ความหนืด จงึ ไดส้ ตู รท่ใี ชใ้ นการ
คานวณ คือ

= 6
เมื่อ F คือ แรงหนืดของของไหล มีหนว่ ย นวิ ตนั

คอื ความหนดื ของของไหล มีหน่วย วนิ าทีตอ่ ตารางเมตร
r คือ รศั มขี องวัตถุทงกลม มหี น่วย เมตร
v คอื ความเรว็ ของวตั ถุ มหี นว่ ย เมตรต่อวินาที

4.2 นาเสนอโจทย์ตัวอยา่ งการคานวณหาตัวแปรที่เก่ียวข้อง
1. นาห่วงลวดกลมรศั มี 3.5 cm จุ่มลงในน้า จงหาวา่ เมื่อดงึ ห่วงลวดขนึ้ มาจะต้องออกแรงเอาชนะแรงตึงผวิ
เท่าใด กาหนดให้น้ามคี วามตงึ ผิว 7 x 10-2 N/m (0.031N)
1. วงแหวนบางมากผกู ดว้ ยเชอื กวางอยูบ่ นผิวของเหลวชนิดหน่ึง วงแหวนนี้มีขนาดเสน้ ผ่านศูนยก์ ลาง 4.0

เซนติเมตร และมมี วล 1.0 กรมั พบว่า ถ้าต้องการดึงวงแหวนใหห้ ลดุ ออกจากผิว
ของเหลวพอดดี งั รูป ต้องออกแรงดงึ เชอื ก T เท่ากับ 3.3 x 10-2 นิวตนั หาความตงึ ผิว
ของของเหลวน้ี ใหแ้ ทนค่า π มีคา่ ประมาณเท่ากับ 3.14

2. ในการทดลองวดั ความตงึ ผิวของของเหลวชนิดหนง่ึ โดยใชเ้ คร่ืองมือดังรปู พบวา่ ตอ้ งใชม้ วล 150 กรัม จะทา
ให้หว่ งวงกลมรศั มี 10 เซนติเมตร หลุดออกจากผิวของของเหลวพอดี จงหา
ความตงึ ผวิ ของของเหลวนี้

3.จงหาแรงหนดื ซงึ่ ต้านการเคลอ่ื นท่ีทรงกลมซึ่งมรี ัศมี 2 mm ในกลเี ซอรีนมีความหนาแนน่ 3 x 103 kg/m3
ในขณะทีล่ กู กลมมีอัตราเรว็ 0.2 m/s กาหนดให้ความหนดื เปน็ 0.84 N.s/m2 (6.63 x 10-3 N)

14

4.3 ครใู หค้ วามรูเ้ พมิ่ เติมเกี่ยวกับปัจจัยตา่ ง ๆ เชน่ ส่งิ เจอื ปนในของเหลว อณุ หภมู ิของของเหลวมผี ล
ตอ่ ความตึงผิวหรือไมอ่ ยา่ งไร
(ความตงึ ผวิ ของของเหลว นอกจากจะขึน้ กับชนิดของเหลวยังขึ้นอยกู่ ับอุณหภมู อิ ีกด้วย เมอ่ื อณุ หภมู เิ พิ่มขึ้น
ความตึงผวิ ของน้าลดลงและเมือ่ ของเหลวชนดิ หนึ่งมีสงิ่ อื่นเจอื ปนค่าความตงึ ผิวจะเปล่ียนไป)

ขน้ั ท่ี 5 ข้ันประเมนิ ผล (Evaluation)
5.1 ครตู รวจใบกิจกรรม เร่อื ง ความตึงผิวของของเหลว

10. ส่อื /แหล่งเรยี นรู้
1. หนังสอื รายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฟสิ กิ ส)์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 เล่ม 5
(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
2. ใบกิจกรรม เร่อื ง ความตงึ ผิวของของเหลว
3. ชดุ กิจกรรมการทาลอง เร่อื ง ความตึงผิวของของเหลว

11. การวดั และการประเมนิ ผล วิธีการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
ใบกิจกรรม ผา่ นร้อยละ 80
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนมีความเข้าใจเกย่ี วกับ
ความตงึ ผวิ ของของเหลวได้

นกั เรยี นสามารถทดลองความตึง ใบกิจกรรม ปฏบิ ัติตามขนั้ ตอนได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
ผิวของของเหลวได้

นักเรียนสามารถคานวณหา ใบกจิ กรรม ผ่านรอ้ ยละ 80
ปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งความ ใบกจิ กรรม
ตงึ ผิวของของเหลวได้ นักเรยี นสง่ ภาระงานทไ่ี ดร้ ับ
นักเรียนมคี วามร่วมมอื ในการ มอบหมายตามเวลาทกี่ าหนด
ทางาน

15

ใบกจิ กรรม เร่อื ง แรงตึงผิวของของเหลว
รายชอื่ สมาชกิ กลุ่มท…ี่ ……………ชัน้ ……………

ชื่อ…………………..................................เลขท.่ี ........... ชือ่ …………………..................................เลขท.่ี ...........
ชอื่ …………………..................................เลขท.่ี ........... ชื่อ…………………..................................เลขท.่ี ...........
ชอื่ …………………..................................เลขที่............ ช่อื …………………..................................เลขท่ี............
ชอื่ …………………..................................เลขท.่ี ........... ชอื่ …………………..................................เลขท.่ี ...........

จดุ ประสงค์ของกิจกรรม
เพือ่ ศึกษาและคานวณหาค่าสัมประสทิ ธ์ิความตงึ ผิวของของเหลว

วัสด-ุ อปุ กรณ์ 4. เคร่อื งชงั่ 7. น้าสบู่
1. น้าเปลา่ 5. ชุดทาการทดลองหาแรงตงึ ผิว 8. นา้ มันพชื
2. ไม้บรรทดั 6. นอ็ ต
3. ภาชนะบรรจุนา้

วธิ ที ากิจกรรม
1. นาหว่ งท่ีติดอยู่อีกดา้ นของรอก จุ่มลงบนผวิ น้า
2. ชั่งน้าหนักของนอ็ ต
3. นานอ็ ตวางทีละช้นิ จนกวา่ จะทาใหห้ ่วงที่แตะผิวน้าหลุดหรือลอยออกจากผวิ น้า
4. นานอ็ ตทวี่ างมาชง่ั หานา้ หนัก พร้อมจดบันทกึ
5. ทาแบบเดมิ ทัง้ หมด 3 ครงั้ เพอื่ ทาการเฉลี่ยหาแรงตึงเชือก
6. เปลี่ยนของเหลวชนิดใหม่

สมการทใ่ี ชค้ านวณ
1) = โดยท่ี F คือ นา้ หนกั ของนอ็ ตที่ใช้วาง และ L คือ ความยาวหรือเส้นรอบวง

2

2) เสน้ รอบวง = 2 กาหนดให้ = 3.14
3) น้าหนัก = mg โดยค่า ≈ 10 / 2

ตารางผลการทดลอง 16

ชนดิ ของ แรงตึงผิว (น้าหนักนอ็ ต) แรงตึงเฉลี่ย ความตึงเฉล่ยี

ของเหลว ครงั้ ที่ 1 คร้งั ท่2ี ครง้ั ท่ี 3

1. น้าเปลา่

2. น้ามนั พชื

3. นา้ สบู่

ตัวอยา่ งการคานวณ

สรปุ ผลการทดลอง

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

คาถามท้ายการทดลอง
1. ของเหลวแต่ละชนิด มคี วามตงึ ผิวแตกตา่ งกันหรือไม่ เพราะเหตุใด
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. จงเรยี นลาดับความตงึ ของของเหลวทก่ี าหนดให้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. อุณหภมู มิ ผี ลต่อความตึงผิวหรือไม่ เพราะเหตใุ ด และมีความสัมพนั ธอ์ ย่างไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

17

บนั ทกึ หลังสอน

1. ผลการสอน
 สอนได้ตามแผนการจัดการเรียนรู้
 สอนไม่ได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนือ่ งจาก ..........................................................................

............................................................................................................................................................................
2. ผลการเรยี นของนักเรยี น นกั ศกึ ษา
 จานวนนักเรยี นที่ผ่านการประเมิน .......................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................
 จานวนนกั เรียนทไี่ ม่ผ่านการประเมิน ...................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................
 อ่ืน ๆ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. ปญั หาและอปุ สรรค

 กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไมท่ นั ตามกาหนดเวลา
 มนี ักเรียนทไี่ มส่ นใจเรียน

 อ่นื ๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
4. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

 ควรนาแผนไปปรับปรุง เร่อื ง
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

 แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทไี่ มผ่ า่ นการประเมนิ
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

 ไม่มขี อ้ เสนอแนะ

ลงชอ่ื ........................................... ผ้บู นั ทึก
(นายภานเุ ดช คาหล้า)

ตาแหน่ง นกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครู

18

ข้อเสนอแนะ/ผลการนเิ ทศ
5. ครพู ี่เล้ียง
.....................................................................................................................................................

ลงชื่อ ...........................................
(นางไอรดา สารไกรกร)

ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการพิเศษ
วนั ที.่ ......เดอื น..................................พ.ศ................

6. กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
.....................................................................................................................................................

ลงช่อื ...........................................
(นางสาววาริศา ทีพารัตน)์

ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพเิ ศษ
วันท.ี่ ......เดอื น..................................พ.ศ................

7. กลุ่มงานบริหารงานวชิ าการ (หัวหน้ากลุ่มงานบรหิ ารงานวชิ าการ)
.....................................................................................................................................................

ลงชื่อ ...........................................
(นางสาวขนิษฐา พรหมทา)

ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพิเศษ
วันท่.ี ......เดอื น..................................พ.ศ................

8. ผ้บู ริหารสถานศกึ ษา /รองผ้อู านวยการกลุม่ บรหิ ารงานวิชาการ
.....................................................................................................................................................

ลงช่อื ...........................................
(นายภราดร คัณทกั ษ)์

ตาแหน่ง รองผ้อู านวยการกลมุ่ งานบรหิ ารงานวชิ าการ
วันท่ี.......เดอื น..................................พ.ศ................

19

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 ภาคเรยี นที่ 1
รายวชิ า ฟสิ กิ ส์เพ่ิมเตมิ 5
สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รหสั วิชา ว30205 จานวน 12 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ ของแขง็ และของไหล ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ความดนั ในของไหล
สอนโดย นายภานเุ ดช คาหล้า เวลา 2 ช่วั มง

1. สาระวิทยาศาสตร์เพ่ิมเติม เรือ่ ง ความดันในของไหล
2. มาตรฐานการเรียนรู้

สาระท่ี 4 เข้าใจความสัมพันธข์ องความร้อนกับการเปลีย่ นอุณหภมู ิและสถานะของสสาร สภาพยืดหย่นุ
ของวัสดุและมอดลุ ัสของยงั ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอาร์คิมีดสี ความตึงผิวและแรงหนืดของ
ของเหลว ของไหลอดุ มคติละสมการแบรน์ ลู ลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลนข์ องแกส๊ อดุ มคติ และพลงั งานในระบบ
ทฤษฎอี ะตอมของโบร์ ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเลก็ ทริก ทวิภาวะของคล่ืนและอนุภาค กัมมันตภาพรงั สี แรง
นวิ เคลียร์ ปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี ร์ พลังงานนวิ เคลยี ร์ ฟิสกิ ส์อนภุ าค รวมท้งั นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
3. อธิบาย และคานวณความดันเกจ ความดนั สมั บรู ณ์ และความดันบรรยากาศ รวมท้ัง อธิบาย

หลักการทางานของแมนอมเิ ตอร์ บารอมิเตอร์ และเคร่อื งอดั ไฮดรอลกิ

4. สาระสาคญั
ของไหลมีแรงกระทาทุกทิศทกุ ทางและตัง้ ฉากกบั พื้นท่ีท่ขี องไหลสมั ผัสแรงกระทาตั้งฉากต่อหน่งึ หนว่ ย

พ้ืนท่ีทีข่ องไหลสมั ผสั เรียกวา่ ความดัน (pressure) ความดันในของเหลวข้นึ อยูก่ ับความลกึ และ ความ

หนาแน่นของเหลวตามสมการ = ℎ เรยี กวา่ ความดนั เกจ (gauge pressure) และผลรวมของ
ความดนั เกจกับความดันบรรยากาศ (Atmosphere pressure) เรียกว่า ความดนั สมั บรู ณ์ (Absolute

pressure) ตามสมการ = 0 + ℎ ในของเหลวชนิดเดียวกนั ทีร่ ะดบั ความลกึ เดียวกันมีความดนั
เท่ากัน
5. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

5.1 จุดประสงคด์ า้ นความรู้ (K)
1. นักเรยี นมีความเขา้ ใจเก่ียวกับความดนั เกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดนั บรรยากาศ
5.2 จดุ ประสงค์ดา้ นกระบวนการ (P)
1. นักเรียนสามารถคานวณหาความดัน แรงดัน และปริมาณตา่ ง ๆ ทีเ่ กย่ี วข้องได้
5.3 จดุ ประสงค์ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A)
1. นกั เรยี นมีความร่วมมอื ในการทางาน

20

6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
- การอธบิ าย การเขียน การพูดหน้าชนั้ เรียน
2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การคิดวเิ คราะห์ การเปรียบเทยี บ การจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ การสรา้ ง
คาอธิบาย การอภิปราย การส่อื ความหมาย การสบื ค้นโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
4. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

7. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ใฝเ่ รยี นรู้
แสวงหาความรูจ้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียนดว้ ยการเลือกใช้สื่ออย่าง

เหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวันได้
มงุ่ มน่ั ในการทางาน
มคี วามตัง้ ใจปฏิบัติหนา้ ท่ีทไี่ ดร้ ับมอบหมายดว้ ยความเพียรพยายาม ทมุ่ เทกาลังกาย กาลังใจ ในการ

ปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆ ให้สาเร็จลุลว่ งตามเป้าหมายท่กี าหนดด้วยความรบั ผิดชอบ และมีความภาคภูมิใจใน
ผลงาน

8. ภาระงาน/ช้นิ งาน
- เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรอื่ ง ของไหล

9. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement)
1.1 ครูนาเข้าสู่หัวข้อ 17.3.1 เร่ือง ความดนั ในของไหล โดยนาภาพลกั ษณะของน้าทีพ่ งุ่ ออกจากรูท่ี
เจาะ ณ ตาแหน่งต่าง ๆ บนขวดพลาสติก ใหน้ ักเรียนสังเกตการไหลของนา้ ทอ่ี อกจากรูท่ีเจาะไว้

21

1.2 จากน้ันร่วมกนั อภปิ รายจนสรุปได้วา่ การทน่ี ้าพงุ่ ออกจากรู แสดงวา่ มีแรงกระทาต่อน้า แรงนี้ดนั
ให้นา้ ออกมาในทศิ ทางตง้ั ฉากกับผนังภาชนะผ่านท่เี จาะ ไม่ว่าผนังจะอยูใ่ นแนวใด ถา้ ปิดรแู รงกรทานีก้ ็
ยงั มอี ยู่และจะกระทาตอ่ ผนงั ภาชนะและวัตถทุ กุ ส่วนทีส่ มั ผัสของเหลวและแรงมีทิศทางตงั้ ฉากกบั ผนัง
ส่วนนัน้ ๆ

ข้ันท่ี 2 ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration)
2.1 ใหน้ ักเรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 5-7 คน
2.2 ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สืบค้นหาความหมายของคาที่กาหนดให้ ดังนี้
1. ความดันเกจ
2. ความดันสัมบรู ณ์
3. ความดนั บรรยากาศ
2.3 ใหน้ ักเรยี นส่งตัวแทน 3-4 คน นาเสนอข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการสืบค้น

ข้นั ที่ 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
3.1 นักเรียนนาข้อมลู ที่ไดจ้ ากขน้ั สบื คน้ ขอ้ มลู มาร่วมกันอภิปรายในช้ันเรยี น
1. ความดันเกจ (Gauge Pressure)
ความดันเกจ (Gauge Pressure) คือ ความดนั ที่วัดเทียบกบั ความดันของบรรยากาศ ถา้ ตา่ กว่าความ
ดนั บรรยากาศจะเรียกวา่ ความดนั เกจลบ (Negative Gauge Pressure หรือ Vacuum) และถ้า
สงู กว่าความดนั บรรยากาศ จะเรียกว่า ความดนั เกจบวก (Positive Gauge Pressure)
โดยส่วนใหญ่ในงานอตุ สาหกรรมจะบอกเป็นความดันเกจแทบทงั้ ส้นิ โดย Gauge Pressure จะมคี า่
เปน็ 0 ท่คี วามดันบรรยากาศ สัญลักษณ์ท่ใี ช้คือ “g” หรอื “G” ซึ่งจะเขยี นสัญลักษณ์นั้นไว้ต่อท้ายชื่อ
หนว่ ย เช่น barg, Psig เป็นตน้
2. ความดนั สัมบรู ณ์ (Absolute Pressure)
ความดนั สัมบรู ณ์ (Absolute Pressure) คือการวัดความดันเทียบกับภาวะสญุ ญากาศ สัญลกั ษณท์ ่ีใช้
คือ “a” หรอื “abs” ซง่ึ จะเขยี นสัญลกั ษณ์น้ันไวต้ ่อทา้ ยช่อื หน่วย เช่น barabs, Psia เปน็ ต้น ความ
ดันสมั บรู ณ์มีค่า เท่ากบั 101.325 kpa ที่ความดันบรรยากาศ (1 atm) ค่าความดันสัมบูรณ์จะใช้
สาหรับในการคานวณทาง Thermodynamic เป็นส่วนใหญ่ เชน่ การหา Boiler Efficiency เป็นต้น
3. ความดนั บรรยากาศ ( Atmospheric Pressure : Po )
ความดนั บรรยากาศ ( Atmospheric Pressure : Po ) คอื ความดนั ท่ีเกิดจากบรรยากาศท่ที บั ถมอยู่
เหนอื จุดท่พี จิ ารณา มีคา่ เท่ากบั น้าหนักของอากาศในช้นั บรรยากาศที่ทับถมอยู่เหนอื พ้ืนท่ี 1 ตาราง
หนว่ ยซง่ึ ความดนั บรรยากาศปกติ ที่ระดบั น้าทะเล คอื 1 บรรยากาศ ( 1 atm)
Po = 1.01235 X 105 N/m2

22

3.2 ร่วมกนั อภิปรายเพอ่ื นาไปสู่การสรปุ ดงั น้ี
แรงดนั (Force) คือ แรงหรอื นา้ หนักท้ังหมดท่กี ดลงบนพนื้ ท่ที งั้ หมด
ความดัน (Pressure) คอื แรงดนั บนพน้ื ที่ 1 ตารางหน่วย
ความดนั ของของไหล คอื อัตราส่วนของแรงท่ีกระทาตอ่ วตั ถตุ อ่ หน่วยพน้ื ทีท่ ่สี ัมผัสกับของไหล

สมมติ บนพื้นท่ี A ตร.ม. มีแรงดัน F นิวตัน ดงั นัน้ บนพ้ืนท่ี 1 ตร.ม. มีแรงดนั F/A นวิ ตันแตแ่ รงดัน
บน 1 หน่วยพ้ืนที่เรียกวา่ ความดนั

สูตรความสัมพันธ์


=

เม่ือ P คอื ความดนั มหี นว่ ยเป็น N/m2 หรือพาสคัล (pascal:Pa)
F คอื แรงท่ขี องเหลวกระทาตอ่ วัตถุ (นวิ ตัน)
A คอื พื้นที่ (ตารางเมตร) และเป็นพน้ื ทร่ี าบ (Flat area)
ระบบ SI ปาสคาล (Pascal) = นิวตันต่อตารางเมตร
ทางอตุ นุ ิยมวทิ ยา 1 บาร์ (Bar) = 105 ปาสคาล
1 บรรยากาศ (Atmosphere) = 1.01 บาร์ = 1.01 x 105 ปาสคาล

จาก = =

โดยมวลนัน้ เป็นมวลของน้า สามารถองิ ได้จาก = ดังนัน้ =

จะได้ = =



เมอ่ื P คอื ความดนั มีหน่วยเปน็ N/m2 หรอื พาสคัล (pascal:Pa)
คอื ความหนาแนน่ ของของเหลว (กโิ ลกรัม/ลูกบาศกเ์ มตร)
h คือ ความสงู ที่วดั จากพื้น (เมตร)

23

แรงดันทก่ี ระทาต่อเขื่อน

ลักษณะเขอื่ นมี 2 รปู แบบ ไดแ้ ก่ 1. เขอ่ื นตรง 2. เขื่อนเอียง

1. เขอื่ นตรง

เนอื่ งจากความดนั ท่ีกระทาต่อเขอ่ื นขนึ้ อยกู่ บั ความสงู ดังน้ัน ความดันแต่ละ

ความสูงที่ตาแหน่งใดๆ จะมีคา่ ไมเ่ ท่ากนั จงึ จาเป็นตอ้ งทาการเฉลย่ี ( )
โดยจะอิงจากความดนั ตาแหน่งลึกที่สุดและตนื้ ทีส่ ุด จะไดว้ า่

= บน + ล่าง
2
เนือ่ งจากทุกตาแหน่งมีความดนั บรรยากาศกดอยู่ จึงไดว้ า่

= 0 + ( 0 + ℎ) = 2 0 + ℎ = 0 + 1 ℎ
2 2 2
เนือ่ งจากความดนั บรรยากาศมคี ่าน้อยมากเมื่อเทียบกบั ความดันท่อี ยู่ลึก 0 จงึ ไมน่ ามาคานวณ

เพราะมผี ลนอ้ ยมาก

จาก =

จะไดว้ า่ =

ดงั น้นั จะได้แรงทีก่ ระทาดา้ นขา้ ง = (1 ℎ) = 1 2

2. เข่อื นเอยี ง 2 2

= 1 2 = (1 ℎ) = (1 )
22 2
จาก sin = ∴ =
sin
จะได้ = (1 ) ( )
2 sin
= 1 ∙ 2
2 sin

3.3 ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายจนได้ข้อสรุป เรื่อง ความดันของของเหลว ดงั นี้
1. เม่อื นาวัตถุลงไปในของเหลว จะมีแรงกระทาทุกดา้ นของวัตถุ
2. เมื่อความลึกของภาชนะท่ใี ส่ของเหลวเทา่ กนั จะมีความดนั เท่ากัน

ขัน้ ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 นาเสนอโจทย์ตวั อยา่ งการคานวณหาตวั แปรที่เกีย่ วขอ้ งจากเอกสารประกอบการเรยี นการสอน
เรื่อง ของไหล
4.2 ครูใหน้ ักเรยี นทาโจทย์ในเอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรอ่ื ง ของไหล
4.3 ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นทาโจทยใ์ นเอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรื่อง ของไหลขอ้ ที่เหลือ

24

ขั้นท่ี 5 ขั้นประเมินผล (Evaluation)
5.1 ครูตรวจจากเอกสารประกอบการเรียนการสอนเร่ือง ของไหล โดยกาหนดขอ้ ใหน้ กั เรียนทา

10. สือ่ /แหล่งเรียนรู้
1. หนังสอื รายวชิ าเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฟิสิกส)์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 5
(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
2. เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเร่อื ง ของไหล

11. การวัดและการประเมินผล วิธกี ารประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน
การถาม-ตอบ ผา่ นรอ้ ยละ 80
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
นักเรยี นมีความเข้าใจเกี่ยวกบั ความดนั เกจ ความดนั สมั บูรณ์ ตรวจเอกสาร ผา่ นรอ้ ยละ 80
และความดันบรรยากาศ นกั เรยี นส่งภาระงานที่
นกั เรยี นสามารถคานวณหาความดัน แรงดัน และปรมิ าณต่าง
ๆ ที่เกีย่ วขอ้ งได้ ตรวจเอกสาร ไดร้ ับมอบหมายตาม
นกั เรยี นมคี วามร่วมมือในการทางาน เวลาทกี่ าหนด

25

บนั ทึกหลงั สอน

1. ผลการสอน
 สอนได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้
 สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนือ่ งจาก ..........................................................................

............................................................................................................................................................................
2. ผลการเรยี นของนักเรียน นักศกึ ษา
 จานวนนกั เรยี นที่ผา่ นการประเมนิ .......................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................
 จานวนนักเรยี นท่ไี มผ่ า่ นการประเมนิ ...................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ .................................
 อ่ืน ๆ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค

 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทันตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนทไ่ี มส่ นใจเรยี น

 อื่น ๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

 ควรนาแผนไปปรบั ปรุง เรอื่ ง
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

 แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ไี มผ่ า่ นการประเมิน
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

 ไม่มขี ้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื ........................................... ผบู้ ันทกึ
(นายภานุเดช คาหล้า)

ตาแหนง่ นกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครู

26

ข้อเสนอแนะ/ผลการนเิ ทศ
9. ครพู ี่เล้ยี ง
.....................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...........................................
(นางไอรดา สารไกรกร)

ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพเิ ศษ
วันท่.ี ......เดือน..................................พ.ศ................

10. กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
.....................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...........................................
(นางสาววารศิ า ทีพารัตน์)

ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะครชู านาญการพเิ ศษ
วนั ท่ี.......เดือน..................................พ.ศ................

11. กลุ่มงานบรหิ ารงานวิชาการ (หวั หน้ากลุ่มงานบริหารงานวิชาการ)
.....................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...........................................
(นางสาวขนษิ ฐา พรหมทา)

ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพเิ ศษ
วันท่.ี ......เดอื น..................................พ.ศ................

12. ผู้บรหิ ารสถานศึกษา /รองผู้อานวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
.....................................................................................................................................................

ลงช่ือ ...........................................
(นายภราดร คณั ทักษ)์

ตาแหน่ง รองผ้อู านวยการกลุม่ งานบริหารงานวชิ าการ
วนั ท.่ี ......เดอื น..................................พ.ศ................

27

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4

สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี 1

รหัสวชิ า ว30205 รายวิชา ฟิสกิ สเ์ พ่มิ เติม 5

หนว่ ยการเรียนรู้ ของแขง็ และของไหล จานวน 12 ชั่วโมง

แผนการจัดการเรยี นรู้ เร่อื ง หลอดแกว้ ตัวยู ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 6

สอนโดย นายภานเุ ดช คาหลา้ เวลา 2 ชั่วมง

1. สาระวิทยาศาสตรเ์ พิ่มเตมิ เรื่อง หลอดแกว้ ตัวยู

2. มาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ 4 เข้าใจความสมั พนั ธ์ของความร้อนกบั การเปลย่ี นอณุ หภูมิและสถานะของสสาร สภาพยดื หยนุ่

ของวสั ดแุ ละมอดุลัสของยัง ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอาร์คมิ ดี ีส ความตงึ ผวิ และแรงหนืดของ

ของเหลว ของไหลอดุ มคตลิ ะสมการแบรน์ ลู ลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ อุดมคติ และพลงั งานในระบบ

ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเลก็ ทริก ทวิภาวะของคลืน่ และอนภุ าค กมั มันตภาพรงั สี แรง

นิวเคลียร์ ปฏกิ ิรยิ านิวเคลียร์ พลังงานนวิ เคลยี ร์ ฟิสิกสอ์ นภุ าค รวมทง้ั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

3. ผลการเรียนรู้

3. อธิบาย และคานวณความดันเกจ ความดัน สัมบูรณ์ และความดนั บรรยากาศ รวมท้ัง อธิบาย

หลกั การทางานของแมนอมเิ ตอร์ บารอมิเตอร์ และเครอื่ งอดั ไฮดรอลิก

4. สาระสาคญั

ของไหลมีแรงกระทาทกุ ทศิ ทกุ ทางและตง้ั ฉากกับพืน้ ท่ีท่ีของไหลสมั ผัสแรงกระทาตง้ั ฉากตอ่ หนึ่งหนว่ ย

พนื้ ทที่ ขี่ องไหลสัมผสั เรียกว่า ความดนั (pressure) ความดนั ในของเหลวขึ้นอยู่กบั ความลึกและ ความ

หนาแน่นของเหลวตามสมการ = ℎ เรยี กวา่ ความดันเกจ (gauge pressure) และผลรวมของ
ความดนั เกจกับความดนั บรรยากาศ (Atmosphere pressure) เรียกวา่ ความดันสมั บูรณ์ (Absolute

pressure) ตามสมการ = 0 + ℎ ในของเหลวชนดิ เดยี วกนั ทรี่ ะดบั ความลึกเดียวกนั มคี วามดัน
เท่ากัน บารอมเิ ตอร์ (Barometer) เปน็ เครื่องวดั ความดนั บรรยากาศ แมนอมิเตอร์ (Manometer) เป็น

เครอ่ื งวดั ความดันเกจ

5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

5.1 จดุ ประสงคด์ ้านความรู้ (K)

1. นกั เรยี นมคี วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั หลกั การทางานของหลอดแก้วรูปตวั ยู

5.2 จุดประสงค์ดา้ นกระบวนการ (P)

1. นักเรียนสามารถคานวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เก่ียวขอ้ งได้

5.3 จุดประสงค์ด้านคุณลักษณะ (A)

1. นักเรยี นมีความร่วมมอื ในการทางาน

28

6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร
- การอธบิ าย การเขยี น การพูดหนา้ ชน้ั เรยี น
2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การคิดวิเคราะห์ การเปรยี บเทียบ การจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ การสร้าง
คาอธบิ าย การอภปิ ราย การสื่อความหมาย การสืบคน้ โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4. ความสามารถในการแก้ปญั หา

7. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ใฝเ่ รียนรู้
แสวงหาความรู้จากแหลง่ เรยี นรู้ต่าง ๆ ทัง้ ภายในและภายนอกโรงเรยี นด้วยการเลอื กใช้สอ่ื อยา่ ง

เหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวันได้
มุง่ ม่นั ในการทางาน
มีความต้ังใจปฏิบัติหนา้ ท่ีทีไ่ ด้รบั มอบหมายด้วยความเพยี รพยายาม ท่มุ เทกาลังกาย กาลงั ใจ ในการ

ปฏิบัติกจิ กรรมตา่ งๆ ให้สาเร็จลุลว่ งตามเป้าหมายทก่ี าหนดด้วยความรบั ผดิ ชอบ และมีความภาคภมู ิใจใน
ผลงาน

8. ภาระงาน/ชิน้ งาน
- เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเร่ือง ของไหล

9. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขัน้ ท่ี 1 ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement)
1.1 ครนู าเข้าทบทวนความรูเ้ รอ่ื งความดนั ในของเหลวท่รี ะดับความลึกต่างๆ วา่ ในของเหลวแต่ละ
ชนดิ มคี วามดนั เท่ากัน
1.2 ใหน้ กั เรียนดูการสาธิตการใช้แมนอมิเตอร์จากครูผ้สู อน
1.3 ครเู ช่ือมโยงความรู้เกยี่ วกบั แมนนอมิเตอร์ เพื่อทาการเขา้ สบู่ ทเรียน

ข้ันท่ี 2 ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration)
2.1 ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 5-7 คน
2.2 ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ สืบค้นหาหลักการทางานของแมนอมเิ ตอร์
2.3 ให้นกั เรยี นส่งตวั แทน 3-4 คน นาเสนอขอ้ มลู ท่ีได้จากการสืบคน้

29

ขนั้ ท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
3.1 นักเรยี นนาข้อมูลที่ได้จากขั้นสืบค้นขอ้ มลู มาร่วมกันอภิปรายในชั้นเรยี น
3.2 ร่วมกนั อภิปรายเพ่ือนาไปส่กู ารสรปุ ดงั นี้
หลอดแก้วรปู ตัวยูท่ีเราเหน็ กันจนชินตามกั จะเป็นหลอดทีข่ าท้ังสองข้างมีขนาดและความ
ยาวเท่ากนั พอดีเป๊ะ แต่หลอดแกว้ ทม่ี ขี นาดของขาไมเ่ ท่ากนั กส็ ามารถใชใ้ นการทดลองได้ ไม่ถือ
วา่ เป็นปัญหาแตอ่ ย่างใด
หลักการของหลอดแกว้ รปู ตัวยู คอื เมอื่ เทของเหลวเขา้ ไปในหลอด แลว้ ปลอ่ ยให้
ของเหลวในหลอดหยุดนิ่ง เราจะเรยี กภาวะนี้วา่ “ภาวะสมดลุ ” ซ่ึงจะพบอกี วา่ ระดับความสูง
ของของเหลวของทง้ั สองขาจะเท่ากัน ถึงแมว้ ่าขนาดของขาหลอดรูปตัวยูจะไม่เทา่ กนั กต็ าม และ
ทรี่ ะดบั ความสูง เท่ากนั นี้ (วัดจากกน้ หลอดเเก้วขึ้นมาที่ระดับเดียวกันของท้งั สองขา) จะทาให้
ความดันของท้งั สองขา้ งมคี ่าเท่ากนั ด้วยเช่นกัน เมอ่ื เตมิ ของเหลวอกี หนง่ึ ชนดิ แต่มขี ้อแมว้ า่ ตอ้ ง
แตกต่างกบั ของเหลวชนิดแรก และตอ้ งไม่ผสมเปน็ เนอื้ เดียวกับชนดิ แรกด้วย เชน่ ให้นา้ เป็น
ของเหลวชนิดแรก ของเหลวทเี่ ตมิ ต่อจากน้า ควรเป็นนา้ มัน เป็นต้น จะทาให้ของเหลวเดมิ มี
ระดบั ลดลงในขาทเี่ ติมของเหลวชนดิ ใหม่ลงไป ในขณะทร่ี ะดบั ของเหลวเดมิ ในขาอีกขา้ งหนง่ึ กลบั
สูงขนึ้

3.3 ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายจนไดข้ อ้ สรปุ เร่ือง ความดันของของเหลว ดงั น้ี
1. ถ้าของเหลวชิดเดยี วกนั ท่ีระดับความสูงของของเหลวของท้ังสองขาจะเท่ากัน ทาให้

ความดนั ของทั้งสองขา้ งมคี า่ เทา่ กันด้วยเชน่ กัน
2. หลอดแกว้ นั้นไมไ่ ดท้ าการปิดฝาหรืออยู่ในระบบปิด จะมคี วามดนั อากาศกดทับลงมาด้วย

ข้นั ท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 นาเสนอโจทยต์ ัวอยา่ งการคานวณหาตวั แปรที่เก่ียวขอ้ งจากเอกสารประกอบการเรียนการสอน
เรื่อง ของไหล
4.2 ให้นกั เรยี นทาโจทย์ในเอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรื่อง ของไหล
4.3 ให้นักเรียนทาโจทย์ในเอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรื่อง ของไหลขอ้ ทเี่ หลือ

30

ข้นั ที่ 5 ข้ันประเมนิ ผล (Evaluation)
5.1 ครูตรวจจากเอกสารประกอบการเรียนการสอนเรือ่ ง ของไหล โดยกาหนดขอ้ ให้นกั เรยี นทา

10. สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้
1. หนงั สือรายวิชาเพม่ิ เตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฟิสกิ ส์) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 เลม่ 5
(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
2. เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรือ่ ง ของไหล
3. ชดุ การสาธิตหลอดแกว้ ตัวยู

11. การวัดและการประเมินผล วธิ ีการประเมิน เกณฑ์การประเมิน
การถาม-ตอบ
จุดประสงค์การเรยี นรู้ ตรวจเอกสาร ผ่านร้อยละ 80
นักเรยี นมคี วามเข้าใจเก่ยี วกบั หลกั การทางานของหลอดแกว้ รปู
ตัวยู ตรวจเอกสาร ผา่ นร้อยละ 80
นักเรียนสามารถคานวณหาปริมาณต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งได้ นกั เรยี นสง่ ภาระงานที่
นกั เรยี นมคี วามรว่ มมือในการทางาน ไดร้ บั มอบหมายตาม

เวลาที่กาหนด

31

บนั ทกึ หลงั สอน

1. ผลการสอน
 สอนได้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้
 สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนือ่ งจาก ..........................................................................

............................................................................................................................................................................
2. ผลการเรยี นของนักเรียน นักศึกษา
 จานวนนกั เรยี นที่ผา่ นการประเมนิ .......................... คน คดิ เป็นร้อยละ .................................
 จานวนนักเรยี นท่ไี มผ่ า่ นการประเมนิ ...................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ .................................
 อ่ืน ๆ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค

 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไมเ่ หมาะสมกบั เวลา
 มีนกั เรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทันตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนทไี่ ม่สนใจเรยี น

 อื่น ๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

 ควรนาแผนไปปรบั ปรุง เรอ่ื ง
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

 แนวทางแก้ไขนกั เรียนทไี่ มผ่ ่านการประเมนิ
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

 ไม่มขี ้อเสนอแนะ

ลงชื่อ ........................................... ผบู้ ันทกึ
(นายภานุเดช คาหล้า)

ตาแหนง่ นกั ศึกษาฝึกประสบการณว์ ิชาชพี ครู

32

ข้อเสนอแนะ/ผลการนเิ ทศ
13. ครพู เี่ ล้ยี ง
.....................................................................................................................................................

ลงชื่อ ...........................................
(นางไอรดา สารไกรกร)

ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครชู านาญการพเิ ศษ
วันท.่ี ......เดอื น..................................พ.ศ................

14. กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
.....................................................................................................................................................

ลงชอื่ ...........................................
(นางสาววารศิ า ทีพารตั น)์

ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการพเิ ศษ
วันที่.......เดอื น..................................พ.ศ................

15. กลุ่มงานบริหารงานวชิ าการ (หวั หนา้ กล่มุ งานบริหารงานวิชาการ)
.....................................................................................................................................................

ลงชอื่ ...........................................
(นางสาวขนิษฐา พรหมทา)

ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการพิเศษ
วนั ที.่ ......เดือน..................................พ.ศ................

16. ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา /รองผอู้ านวยการกลุ่มบรหิ ารงานวชิ าการ
.....................................................................................................................................................

ลงชื่อ ...........................................
(นายภราดร คณั ทกั ษ์)

ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการกลุ่มงานบรหิ ารงานวิชาการ
วนั ที.่ ......เดอื น..................................พ.ศ................

33

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1
รายวชิ า ฟิสิกส์เพม่ิ เตมิ 5
สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รหัสวชิ า ว30205 จานวน 12 ชวั่ โมง
หน่วยการเรยี นรู้ ของแขง็ และของไหล ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ เร่ือง กฎของพาสคัลและอาร์คมิ ดี ีส
สอนโดย นายภานเุ ดช คาหลา้ เวลา 2 ช่วั มง

1. สาระวทิ ยาศาสตรเ์ พม่ิ เติม เรื่อง กฎของพาสคัลและอาร์คมิ ีดสี

2. มาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 4 เข้าใจความสัมพนั ธข์ องความรอ้ นกับการเปล่ยี นอณุ หภูมิและสถานะของสสาร สภาพยดื หยุ่น

ของวสั ดุและมอดุลัสของยัง ความดนั ในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอารค์ มิ ีดีส ความตึงผิวและแรงหนืดของ
ของเหลว ของไหลอุดมคติละสมการแบรน์ ลู ลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแกส๊ อุดมคติ และพลงั งานในระบบ
ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทริก ทวภิ าวะของคล่นื และอนุภาค กมั มันตภาพรงั สี แรง
นิวเคลยี ร์ ปฏกิ ิริยานิวเคลียร์ พลังงานนวิ เคลยี ร์ ฟิสกิ สอ์ นุภาค รวมทง้ั นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

3. ผลการเรยี นรู้
3. อธิบาย และคานวณความดันเกจ ความดนั สมั บูรณ์ และความดันบรรยากาศ รวมทง้ั อธบิ าย

หลักการทางานของแมนอมิเตอร์ บารอมเิ ตอร์ และเคร่ืองอดั ไฮดรอลิก
4. ทดลอง อธบิ าย และคานวณขนาดแรงพยงุ จากของไหล

4. สาระสาคัญ
เมอ่ื เพม่ิ ความดันใหข้ องเหลวทีอ่ ยู่นิง่ ในภาชนะปดิ ความดันทเี่ พิ่มขนึ้ จะสง่ ผ่านไปทกุ ๆจดุ ในของเหลวนั้น

หลักการน้เี รียกวา่ กฎพาสคัล (Pascal’s law) และนาไปประยุกตใ์ ช้ในเคร่ืองอัดไฮดรอลกิ
เมอื่ วัตถุอยู่ในของไหลจะเกิด แรงพยงุ (buoyant force) กระทาตอ่ วัตถุมีค่าเท่ากับนา้ หนักของของ

ไหลทีม่ ีปรมิ าตรเทา่ กับวัตถุที่อยใู่ นของไหลน้นั ขนาดของแรงพยงุ หาได้จากสมการ =

5. จุดประสงค์การเรียนรู้
5.1 จดุ ประสงค์ดา้ นความรู้ (K)
1. นักเรียนมีความเขา้ ใจเกยี่ วกับหลักการของกฎของพาสคลั และอาร์คมิ ดี ีส
5.2 จดุ ประสงค์ด้านกระบวนการ (P)
1. นกั เรียนสามารถคานวณหาปริมาณต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องได้
5.3 จดุ ประสงค์ด้านคณุ ลกั ษณะ (A)
1. นักเรียนมคี วามร่วมมือในการทางาน

34

6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
- การอธบิ าย การเขียน การพูดหน้าช้ันเรียน
2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การคิดวิเคราะห์ การเปรยี บเทยี บ การจัดระบบความคิดเป็นแผนภาพ การสรา้ ง
คาอธบิ าย การอภิปราย การสอ่ื ความหมาย การสบื คน้ โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
4. ความสามารถในการแก้ปญั หา

7. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
ใฝเ่ รียนรู้
แสวงหาความรจู้ ากแหลง่ เรียนรูต้ ่าง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการเลอื กใช้สื่ออย่าง

เหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้
ม่งุ มั่นในการทางาน
มีความตั้งใจปฏิบตั หิ น้าท่ีทไ่ี ด้รับมอบหมายดว้ ยความเพียรพยายาม ทมุ่ เทกาลงั กาย กาลงั ใจ ในการ

ปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ งๆ ให้สาเร็จลลุ ว่ งตามเปา้ หมายท่ีกาหนดดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ และมีความภาคภมู ิใจใน
ผลงาน

8. ภาระงาน/ช้ินงาน
- เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรอ่ื ง ของไหล

9. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขั้นที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)
1.1 ใหน้ ักเรยี นดูการสาธิตการเคร่ืองอดั ไฮดรอลิกแบบจาลองจากครูผู้สอน
1.2 ครเู ชอื่ มโยงความรูเ้ กีย่ วกบั กฏของพาสคัลและแรงพยงุ เพ่อื ทาการเข้าสู่บทเรยี น

ขนั้ ท่ี 2 ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration)
2.1 ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5-7 คน
2.2 ให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ สบื คน้ หาหลักการกฎของพาสคัลและอารค์ มิ ีดสี
2.3 ให้นกั เรยี นส่งตวั แทน 3-4 คน นาเสนอข้อมูลท่ีได้จากการสืบคน้

ขน้ั ที่ 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)
3.1 นักเรยี นนาข้อมูลทไี่ ด้จากขนั้ สืบคน้ ข้อมูล มารว่ มกันอภปิ รายในชั้นเรยี น
3.2 ร่วมกันอภิปรายเพอื่ นาไปสกู่ ารสรุปดงั นี้

35

กฎของปาสคาล (Pascal Law)
กฎของปาสคาลใช้อธบิ ายเกยี่ วกบั การสง่ ตอ่ ความดันในของไหล มีหลักการว่า “ถา้ เพ่ิมความดนั ให้กับ

ของไหล ท่ีบรรจุในภาชนะปดิ ณ จุดใด ความดัน น้นั จะสง่ กระจายกันตอ่ ไปทาใหท้ ุก ๆ ส่วนของของไหลได้รับ
ความดันท่เี พิ่มขนึ้ (Increased Pressure) เทา่ กันหมด”

กฎของอาร์คิมดี สี (Archimedes Law)
หลกั การของอารค์ มิ ดิ ีส (Archimedes' principle) ต้งั ช่ือตามอาร์คมิ ิดสี แห่งซรี าควิ ส์ ผู้คน้ พบกฎนี้

เป็นคนแรก ซึ่งเปน็ กฎเกย่ี วกบั แรงลอยตวั และการแทนท่ี โดยกล่าววา่ เมื่อนาวัตถุลงไปแทนทขี่ องเหลวจะมี
แรงตา้ นเทา่ กบั น้าหนักของของเหลวปริมาตรเท่าส่วนจม จากหลกั การนีท้ าให้เขา้ ใจในหลักการหลายอย่าง เช่น
เรอื เหล็กทาไมจงึ ลอยน้า ของเหลวตา่ งชนิดกนั มีความหนาแน่นตา่ งกนั อาร์คมี ีดีสชใ้ี ห้เหน็ ถงึ เร่ืองความ
หนาแน่นและนามาเทียบกับน้าเรียกว่าความถ่วงจาเพาะ จากหลักการนี้ทาให้อารด์ ีมีดีสสามารถพิสูจน์มงกุฎ
ทองคา ท่ีช่างทามงกฎุ หลอมส่ิงเจือปนลงไปในเนอ้ื ทอง อาร์คมี ีดสี หาวิธวี ัดปรมิ าตรมงกุฎทองคาได้ด้วยการเอา
ไปแทนทีน่ า้ และปล่อยใหน้ า้ ลน้ ออกมา สาระสาคัญของหลักการของอาร์คมี ีดิส

1. ปริมาตรของเหลวทถ่ี กู แทนที่ จะเท่ากบั ปรมิ าตรของวตั ถุส่วนทจี่ มลงในของเหลว
2. น้าหนักของวัตถุทชี่ ่ังในของเหลว จะมคี า่ น้อยกว่าน้าหนักของวัตถทุ ีช่ ่งั ในอากาศ เนื่องจากแรงพยุง

ของของเหลวมมี ากกว่าแรงพยุงของอากาศ
3. น้าหนกั ของวัตถุท่หี ายไปในของเหลว จะเท่ากบั นา้ หนกั ของของเหลวทถ่ี กู วัตถุแทนท่ี ซง่ึ คานวณได้

จากผลต่างของนา้ หนักของวตั ถทุ ชี่ ัง่ ในอากาศกับนา้ หนักของวตั ถทุ ่ีชงั่ ในของเหลว
4. นา้ หนักของของเหลวท่ถี กู แทนท่ี จะเท่ากบั นา้ หนักของของเหลวที่มปี รมิ าตรเท่ากับวัตถุส่วนที่จม
3.3 ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายจนได้ข้อสรปุ เร่อื ง ความดนั ของของเหลว ดังนี้
กฎของพาสคลั มใี จความสาคัญว่า “ถ้าเพมิ่ แรงดัน(ความดัน)ใหก้ ับของไหล ทีบ่ รรจุในภาชนะปิด ณ จดุ
ใดๆ ความดัน นนั้ จะสง่ กระจายกันต่อไป ทาใหท้ ุกๆส่วนของของไหลไดร้ บั ความดันทเ่ี พิ่มข้ึนเท่ากนั หมด”

36

ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 อภิปรายเนอ้ื หาเพมิ่ เติมเก่ยี วกับกฎของอาร์คิมดิ สี โดยใช้การทดลองตามกลมุ่

แรงลอยตวั (Buoyancy)
แรงลอยตัว คือ แรงพยงุ ของของเหลวและแกส๊ ท่กี ระทาต่อวัตถุทีอ่ ยใู่ นของเหลวและแก๊สน้นั ทาให้

วตั ถลุ อยอย่ไู ด้ โดยในชวี ิตประจาวันเราจะพบว่าวตั ถบุ างชนิดลอยอยู่ในน้าได้ เพราะแรงลอยตัวทก่ี ระทาต่อ
วตั ถนุ ัน้ มีคา่ เพียงพอทจ่ี ะตา้ นนา้ หนักของวัตถุ ที่เกดิ จากแรงโน้มถ่วงของโลกได้ แตส่ าหรับวัตถบุ างชนดิ ทจี่ มลง
ในนา้ แสดงว่าแรงลอยตวั ทก่ี ระทาต่อวตั ถนุ ัน้ มีค่านอ้ ยกว่าน้าหนักของวตั ถุ

4.1 นาเสนอโจทยต์ วั อยา่ งการคานวณหาตัวแปรท่ีเก่ยี วข้องจากเอกสารประกอบการเรยี นการสอน
เร่ือง ของไหล
4.2 ใหน้ ักเรยี นทาโจทย์ในเอกสารประกอบการเรียนการสอนเรื่อง ของไหล และมอบหมายให้ทาข้อท่ี
เหลอื
ขั้นท่ี 5 ข้นั ประเมินผล (Evaluation)
5.1 ตรวจจากเอกสารประกอบการเรียนการสอนเรื่อง ของไหล โดยกาหนดข้อให้นกั เรยี นทา
5.2 ตรวจใบกิจกรรม เรื่อง แรงพยงุ ของของเหลว
10. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้
1. หนังสือรายวิชาเพ่มิ เติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฟิสกิ ส)์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 เลม่ 5
(ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560)
2. เอกสารประกอบการเรียนการสอนเรือ่ ง ของไหล
3. ชุดการสาธิตเคร่ืองอดั ไฮดรอลิกแบบจาลอง
4. ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง แรงพยุงของของเหลว

37

11. การวัดและการประเมินผล วธิ ีการประเมนิ เกณฑก์ ารประเมิน
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ - การถาม-ตอบ
- ใบกจิ กรรม ผา่ นรอ้ ยละ 80
นักเรยี นมคี วามเข้าใจเกย่ี วกบั หลักการของกฎของพาสคลั และ ตรวจเอกสาร
อารค์ มิ ดี ีส ผ่านรอ้ ยละ 80
นักเรียนสามารถคานวณหาปริมาณตา่ ง ๆ ที่เกีย่ วขอ้ งได้ ตรวจเอกสาร นกั เรียนสง่ ภาระงานที่
นักเรยี นมีความร่วมมือในการทางาน ได้รบั มอบหมายตาม

เวลาท่ีกาหนด

38

ใบกิจกรรม เรอื่ ง แรงพยุงของของเหลว
ชั้น.....................
ช่อื ..........................................................เลขที่........... ชื่อ..........................................................เลขท่.ี ..........
ชื่อ..........................................................เลขท่.ี .......... ชอ่ื ..........................................................เลขที.่ ..........
ชื่อ..........................................................เลขที่........... ชื่อ..........................................................เลขที่...........
จุดประสงค์

เพือ่ ศึกษาแรงพยุงท่กี ระทาตอวตั ถเุ ปรยี บเทียบกับนา้ หนักของวัตถุ

วสั ด/ุ อุปกรณการทดลอง 4. บกิ เกอร 250 ml 5. ถ้วยยูเรกา
1. ดนิ น้ามัน 2. เชือกยาว 30 cm 3. เคร่ืองชั่งสปริง

วธิ กี ารทดลอง
1. นาปลายเชอื กข้างหนึ่งผูกกอนดนิ นา้ มัน ปลายเชือกท่ีเหลอื ผูกคลองกับตะขอเครอื่ งชัง่ สปรงิ ช่ัง
นา้ หนกั ของดินน้ามนั ขณะอย่ใู นอากาศ ดังภาพ ก. สงั เกตและบันทึกผล
2. ใชเคร่อื งชั่งสปรงิ ชั่งน้าหนกั ดินน้ามันขณะจมอยู่ในนา้ คร่งึ กอน ดังภาพ ข. สงั เกตและ
บันทกึ ผล
3. ใชเคร่ืองชั่งสปริง ชง่ั นา้ หนักดินน้ามนั ขณะจมอย่ใู นน้าท้ังกอน ดงั ภาพ ค. สงั เกตและ
บันทกึ ผล

ตารางบนั ทึกผล นา้ หนักของดินน้ามัน (นวิ ตนั ) หมายเหตุ
กจิ กรรมทท่ี า
ชั่งในอากาศ
ชั่งครง่ึ กอ้ น
ช่งั ท้ังก้อน

39

สรุปผลการทดลอง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

คาถามทา้ ยบท

1. น้าหนักก้อนดินน้ามนั เมื่ออ่านจากเครื่องชง่ั ในอากาศ และชงั่ ในนา้ เท่ากันหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

2. จากการเปรียบเทียบปริมาณของน้าท่ลี น้ ออกมา กับผลต่างของน้าหนักกอ้ นดนิ น้ามัน เม่อื ชง่ั ในอากาศกบั ชง่ั
ในน้า สามารถหาขอ้ สรปุ ไดด้ ังน้ี
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

40

บนั ทึกหลงั สอน

1. ผลการสอน
 สอนได้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้
 สอนไมไ่ ด้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ เนือ่ งจาก ..........................................................................

............................................................................................................................................................................
2. ผลการเรยี นของนักเรียน นักศกึ ษา
 จานวนนกั เรยี นที่ผา่ นการประเมนิ .......................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................
 จานวนนักเรยี นท่ไี มผ่ า่ นการประเมนิ ...................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ .................................
 อ่ืน ๆ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. ปัญหาและอุปสรรค

 กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ ไม่เหมาะสมกับเวลา
 มีนกั เรียนทาใบงาน/ใบกจิ กรรมไม่ทันตามกาหนดเวลา
 มนี กั เรียนทไ่ี มส่ นใจเรยี น

 อื่น ๆ
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
4. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข

 ควรนาแผนไปปรบั ปรุง เรอื่ ง
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................

 แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ไี มผ่ า่ นการประเมิน
..............................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................

 ไม่มขี ้อเสนอแนะ

ลงชอ่ื ........................................... ผบู้ ันทกึ
(นายภานุเดช คาหล้า)

ตาแหนง่ นกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ครู

41

ข้อเสนอแนะ/ผลการนเิ ทศ
17. ครพู เี่ ล้ยี ง
.....................................................................................................................................................

ลงชื่อ ...........................................
(นางไอรดา สารไกรกร)

ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะครชู านาญการพิเศษ
วันท.่ี ......เดือน..................................พ.ศ................

18. กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
.....................................................................................................................................................

ลงชื่อ ...........................................
(นางสาววาริศา ทีพารัตน)์

ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชานาญการพเิ ศษ
วันที.่ ......เดอื น..................................พ.ศ................

19. กลุ่มงานบริหารงานวชิ าการ (หวั หนา้ กลุ่มงานบรหิ ารงานวิชาการ)
.....................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...........................................
(นางสาวขนิษฐา พรหมทา)

ตาแหนง่ ครู วทิ ยฐานะครูชานาญการพิเศษ
วันท.ี่ ......เดือน..................................พ.ศ................

20. ผ้บู รหิ ารสถานศึกษา /รองผูอ้ านวยการกลุม่ บริหารงานวชิ าการ
.....................................................................................................................................................

ลงชื่อ ...........................................
(นายภราดร คัณทกั ษ์)

ตาแหน่ง รองผู้อานวยการกลุ่มงานบรหิ ารงานวิชาการ
วันท่.ี ......เดือน..................................พ.ศ................

42

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 6 ภาคเรียนท่ี 1
รายวชิ า ฟิสิกสเ์ พิ่มเตมิ 5
สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
รหัสวิชา ว30205 จานวน 12 ชัว่ โมง
หนว่ ยการเรยี นรู้ ของแขง็ และของไหล ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 6
แผนการจดั การเรยี นรู้ เร่ือง สมการแบรน์ ูลลี
สอนโดย นายภานเุ ดช คาหล้า เวลา 2 ชัว่ มง

1. สาระวทิ ยาศาสตร์เพิม่ เติม เรือ่ ง สมการแบร์นลู ลี
2. มาตรฐานการเรยี นรู้

สาระที่ 4 เข้าใจความสมั พนั ธ์ของความร้อนกบั การเปลีย่ นอณุ หภมู แิ ละสถานะของสสาร สภาพยืดหยนุ่
ของวสั ดแุ ละมอดลุ ัสของยงั ความดันในของไหล แรงพยุงและหลักของอาร์คิมดี สี ความตึงผวิ และแรงหนืดของ
ของเหลว ของไหลอดุ มคตลิ ะสมการแบรน์ ลู ลี กฎของแก๊ส ทฤษฎีจลน์ของแก๊สอดุ มคติ และพลงั งานในระบบ
ทฤษฎีอะตอมของโบร์ ปรากฏการณโ์ ฟโตอิเล็กทริก ทวิภาวะของคล่ืนและอนภุ าค กัมมนั ตภาพรังสี แรง
นิวเคลยี ร์ ปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี ร์ พลงั งานนิวเคลยี ร์ ฟิสิกสอ์ นภุ าค รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

3. ผลการเรียนรู้
6. อธบิ ายสมบตั ิของของไหลอดุ มคติ สมการ ความต่อเนอ่ื ง และสมการแบรน์ ูลลีรวมทัง้ คานวณปริมาณ

ตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งและนาความรู้เก่ยี วกบั สมการความตอ่ เนอ่ื งและสมการแบรน์ ลู ลีไปอธบิ ายหลักการทางาน
ของอุปกรณต์ ่าง ๆ

4. สาระสาคญั
พฤติกรรมการไหลของของไหลสามารถทาให้ง่ายต่อความเข้าใจด้วยของไหลอุดมคติ ซึ่งมีลักษณะ

ดังนี้ อย่างสม่าเสมอหรือที่ตาแหน่งใดตาแหนง่ หนึ่งในของไหลความเร็วและความดันคงตัว ไม่มีแรงหนดื
บีบอัดไม่ได้หรือมีความหนาแน่นคงตัว และไหลโดยไม่หมุนวน อนุภาคของของไหลเคลื่อนที่ไปตามสาย
กระแสที่ไม่ตัดกัน ปริมาตรของของไหลที่ผ่านพื้นที่หน้าตัดในหนึ่งหน่วยเวลาเป็นอัตราการไหล (Flow
rate) ตามสมการความตอ่ เนื่อง (Continuity equation) Av = ค่าคงตวั
เมื่อของไหลมกี ารไหลในทอ่ ผลรวมของความดนั พลงั งานจลน์ต่อหนึง่ หน่วยปรมิ าตรและพลงั งานศกั ยโ์ น้ม
ถ่วงต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร มีค่าคงตัวเสมอ ซึ่งเป็นไปตาม สมการแบร์นูลลี ดังนี้ + 1 2 +

2

ℎ คือ ค่าคง ตัวสามารถนาไปอธิบายการไหลของของเหลวที่ไหลออกจากรูรั่วของภาชนะ เครื่องฉีด
น้า และอากาศทเ่ี คลื่อนที่ผา่ นปีกเคร่ืองบนิ

43

5. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
5.1 จดุ ประสงคด์ า้ นความรู้ (K)
1. นักเรียนมีความเขา้ ใจเกยี่ วกับนกั เรยี นอธิบายสมการแบรน์ ลู ลี
2. นกั เรยี นอธิบายหลกั การทางานของอุปกรณ์ตา่ งๆ โดยใชส้ มการความตอ่ เนอ่ื ง และสมการแบร์นูลลี
ได้
5.2 จุดประสงคด์ า้ นกระบวนการ (P)
1. นักเรียนสามารถคานวณหาปรมิ าณต่าง ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งได้
5.3 จุดประสงคด์ ้านคุณลกั ษณะ (A)
1. นกั เรียนมีความร่วมมอื ในการทางาน

6. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร
- การอธิบาย การเขยี น การพูดหนา้ ชัน้ เรยี น
2. ความสามารถในการคิด
- การสงั เกต การคิดวเิ คราะห์ การเปรียบเทียบ การจดั ระบบความคิดเปน็ แผนภาพ การสร้าง
คาอธิบาย การอภปิ ราย การสือ่ ความหมาย การสืบค้นโดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์
3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
4. ความสามารถในการแก้ปัญหา

7. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ใฝเ่ รยี นรู้
แสวงหาความรูจ้ ากแหล่งเรยี นรตู้ า่ ง ๆ ทงั้ ภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการเลือกใชส้ ่ืออย่าง

เหมาะสม บนั ทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรุปเปน็ องค์ความรู้ สามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวันได้
มุ่งม่นั ในการทางาน
มีความต้ังใจปฏิบัติหน้าที่ท่ไี ดร้ บั มอบหมายดว้ ยความเพียรพยายาม ทุ่มเทกาลงั กาย กาลงั ใจ ในการ

ปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ให้สาเรจ็ ลลุ ว่ งตามเปา้ หมายทก่ี าหนดดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ และมีความภาคภมู ิใจใน
ผลงาน

8. ภาระงาน/ชน้ิ งาน
- เอกสารประกอบการเรียนการสอนเร่อื ง ของไหล

44

9. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ข้นั ท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1.1 รว่ มกันอภปิ รายโดยใช้คาถามวา่ “เหตุใดเมอ่ื บีบสายยางท่ตี ่อกับกอ๊ กนา้ ทเ่ี ปิดอยู่ แล้วน้าจะพ่งุ
ออกแรงกว่าเดิม” ซ่ึงนักเรยี นสามารถแสดงความคิดเห็นได้อยา่ งอสิ ระโดยไมม่ ีการเฉลยวา่ ถกู หรือผิด
1.2 ครเู ชือ่ มโยงไปสู่การเรียนรู้ เรื่อง พลศาสตรข์ องไหลหรอื ของไหลในอุดมคติ

ขน้ั ที่ 2 ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration)
2.1 ให้นักเรียนศกึ ษาเนอื้ หาในหนงั สอื หนา้ 238 – 242
2.2. ใหน้ กั เรยี นส่งตัวแทน 3-4 คน นาเสนอข้อมลู ทไี่ ด้จากการสบื คน้

ขั้นท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
3.1 นกั เรียนนาข้อมูลทไ่ี ด้จากขนั้ สืบคน้ ขอ้ มูล มารว่ มกนั อภปิ รายในชนั้ เรียน
3.2 ร่วมกันอภปิ รายเพอื่ นาไปสูก่ ารสรุปดังนี้

การไหลของของไหลอดุ มคติ
การไหลของของไหลในอุดมคติน้ันเปน็ การไหลอย่างสม่าเสมอ เมอื่ พิจารณาจากอนุภาคหน่งึ ๆ ของ

ของไหลจะไดว้ า่ ของไหลจะเคลื่อนไปตามเส้นทางเดินเส้นหนึ่งเรียกว่า เสน้ กระแสหรือเสน้ ทางการไหล
(Streamiline) โดยความเรว็ ของอนภุ าคของของไหลทตี่ าแหน่งต่างๆ จะมที ศิ ในแนวเส้นสัมผัสกบั เส้นกระแส
น้ันๆ โดยเสน้ กระแสอนุภาคของของไหลแตล่ ะเส้นจะไมต่ ิดกัน โดยเรยี กเสน้ กระแสจานวนหน่ึงอยเู่ รยี งกนั เป็น
มดั ว่า หลอดการไหล (Tube of flow) ซ่งึ หลอดการไหลน้เี ปน็ เหมอื นทอ่ ท่ีมีของไหลไหลเข้าจากปลายด้าน
หนึง่ ไปยังปลายดา้ นหน่งึ

สมการความตอ่ เนอื่ ง
เน่ืองจากของไหลอุดมคตจิ ะมอี ัตราการไหลท่ีคงตัวเสมอ หากอัตราการไหลสทุ ธิของมวลของไหลท่ี

ผา่ นพื้นที่ตดั ขวางในพื้นที่ผวิ ปิดใด ๆ หาได้จากอตั ราการเพม่ิ มวลภายในพ้ืนที่ผิวปดิ นน้ั การไหลของของไหล
อุดมคติ จงึ กลา่ วไดว้ ่า "มวลของไหลท่ีไหลเขา้ จดุ ที่ 1 ในช่วงเวลาหนึง่ จะเทา่ กับมวลของไหลที่ไหลเข้าจุดท่ี 2
ในช่วงเวลาทเ่ี ทา่ กนั " เขียนเป็นสมการได้คอื 1 1 = 2 2 จะได้วา่ Av = ค่าคงตัว ซ่งึ จะเรยี กสมการ
นี้วา่ สมการความต่อเนือ่ ง (cquation of continuity) ซ่งึ สรุปได้วา่ "ผลคณู ของพน้ื ท่ีหน้าตดั กับอตั ราเรว็
ของของไหลอดุ มคติ จะมีคา่ คงตวั เสมอ ไม่ว่าจะอยูใ่ นตาแหน่งใด" และเนอ่ื งจากผลคณู ระหวา่ งพ้ืนทห่ี น้าตดั
กับอัตราเรว็ ของของไหลทไ่ี หลผา่ น เรยี กวา่ อตั ราการไหล (volume flow rale; Q) มหี นว่ ยเปน็
ลกู บาศก์เมตรต่อวนิ าที เขยี นเปน็ สมการ = ∆ =



45

สมการของแบร์นลู ลี
นักฟสิ ิกส์ชาวสวิส ได้ใช้หลกั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงาน (W) และพลงั งาน (E) ในการอธบิ ายการไหล

ของของไหล โดยเริ่มจากกฎอนุรกั ษพ์ ลังงานท่วี า่ พลงั งานจะไมม่ กี ารสญู หายแตม่ ีการเปล่ียนรปู ได้ ดงั น้นั ทุก ๆ
ตาแหนง่ จะมีพลังงานเทา่ กัน

จะได้ + 1 2 + ℎ = ค่าคงตวั

2

สมการขา้ งต้นเรียกวา่ สมการของแบรน์ ลู ลี (Bernoulli’s equetion) กล่าวว่า “ผลรวมของความ
ดัน พลงั งานจลนแ์ ละพลงั งานศักยโ์ นม้ ถว่ งตอ่ หนง่ึ หนว่ ยปริมาตร ทตี่ าแหน่งใดๆ ภายในทอ่ ที่ของไหลไหลผ่าน
มคี า่ คงตัวเสมอ”

ข้ันท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration)
4.1 รว่ มกนั อภปิ รายเพ่ิมเตมิ การประยุกต์ใช้กฎของแบรน์ ูลลีกบั ปกี เคร่ืองบนิ
การออกแบบปีกเครอื่ งบนิ เปน็ สว่ นท่สี าคัญอกี ชิน้ ส่วนหนง่ึ ของเครื่องบนิ ในการออกแบบปกี

เคร่ืองบนิ น้ันวิศวกรตอ้ งออกแบบปกี เครือ่ งบินใหด้ า้ นบนของปีกมคี วามโคง้ มากกวา่ ดา้ นลา่ งของปกี เพราะเสน้
กระแสอากาศเหนอื ปีกเครอ่ื งบินเคลอื่ นทใี่ นระยะทางไกลกวา่ ใตป้ กี แตก่ ระแสอากาศเคล่ือนทใี่ นเวลาที่เท่ากัน
อตั ราเร็วของอากาศบรเิ วณเหนอื ปีกเครอ่ื งบินมากกว่าบริเวณใต้ปีกเคร่อื งบิน และเมอ่ื อัตราเรว็ เพิ่มข้ึน ความ
ดันเหนอื ปกี ลดลง ส่วนบริเวณใตป้ ีกเครือ่ งบินจะมคี วามดันเกอื บเท่าความดันบรรยากาศ เกดิ แรงยกข้ึนของปกี
เคร่ืองบิน เครอ่ื งบนิ จงึ บนิ ขนึ้ ได้

4.2 นาเสนอโจทย์ตัวอย่างการคานวณหาตัวแปรที่เกี่ยวขอ้ งจากเอกสารประกอบการเรยี นการสอน
เรื่อง ของไหล
4.3 ให้นักเรยี นทาโจทย์ในเอกสารประกอบการเรยี นการสอนเร่อื ง ของไหล
4.3 ให้นักเรียนทาโจทย์ในเอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรอื่ ง ของไหลข้อทเ่ี หลอื

46

ขั้นท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ ผล (Evaluation)
5.1 ครูตรวจจากเอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรอ่ื ง ของไหล โดยกาหนดข้อให้นกั เรียนทา

10. ส่อื /แหลง่ เรียนรู้
1. หนังสือรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ฟิสกิ ส)์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เลม่ 5
(ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
2. เอกสารประกอบการเรยี นการสอนเรื่อง ของไหล

11. การวัดและการประเมินผล

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ วธิ ีการประเมิน เกณฑ์การประเมิน

นักเรียนมคี วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั นักเรียนอธิบายสมการแบร์นูลลี การถาม-ตอบ ผา่ นรอ้ ยละ 80

นักเรียนอธบิ ายหลักการทางานของอุปกรณ์ตา่ งๆ โดยใชส้ มการ การถาม - ตอบ
ความต่อเนอ่ื ง และสมการแบรน์ ูลลไี ด้

นกั เรยี นสามารถคานวณหาปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งได้ ตรวจเอกสาร ผ่านร้อยละ 80

นักเรยี นมีความรว่ มมอื ในการทางาน นกั เรียนส่งภาระงานที่

ตรวจเอกสาร ได้รับมอบหมายตาม

เวลาท่กี าหนด


Click to View FlipBook Version