The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข (ฉบับสมบูรณ์ 15

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phrapairat22, 2022-02-28 17:19:37

คู่มือ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข (ฉบับสมบูรณ์ 15

คู่มือ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข (ฉบับสมบูรณ์ 15

โดย คณะกรรมการฝา่ ยสาธารณปู การ ของมหาเถรสมาคม

คู่มือและแนวปฏิบตั ิโครงการวัด ประชา รฐั สร้างสขุ

ท่ีปรกึ ษา สมเดจ็ พระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม
ประธานคณะกรรมการฝา่ ยสาธารณปู การ มหาเถรสมาคม
พระธรรมรตั นาภรณ ์ เจ้าคณะจงั หวัดปทมุ ธาน ี
พระเทพปวรเมธี, รศ.ดร. รองอธกิ ารบดีผ่ายบรหิ าร
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
พระเทพเวที, รศ.ดร. รองอธกิ ารบดีผา่ ยกจิ การนสิ ิต
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คณะผู้จดั ท�ำ พระสธุ ีรัตนบัณฑิต, รศ.ดร. ผู้อ�ำ นวยการสถาบันวจิ ัยพุทธศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
พระมหาชุตภิ ัค อภนิ นฺโท ผอู้ ำ�นวยการสว่ นวางแผน และสง่ เสรมิ การวจิ ยั
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย
คณะอนุกรรมการโครงการวัด ประชา รฐั สร้างสขุ

ปที ่พี มิ พ ์ พ.ศ.๒๕๖๓
จำ�นวนท่ีพิมพ ์ พมิ พ์ครั้งที่ ๑ จำ�นวน ๒,๐๐๐ เลม่
ปกและรปู เลม่ พระมหาเกรยี งศกั ด์ิ อนิ ทฺ ปญโฺ ญ สถาบนั วจิ ยั พุทธศาสตร์
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ภาพประกอบ โครงการวดั สร้างสขุ
พมิ พ์ที่ : นิตธิ รรมการพมิ พ์
๗๖/๒๕๑-๓ หมทู่ ี่ ๑๕ ตำ�บลบางม่วง อ�ำ เภอบางใหญ่ จังหวดั นนทบรุ ี ๑๑๑๔๐
โทร.๐๒-๔๐๓-๔๕๖๗-๘, ๐๘ ๑๓๐๙-๕๒๑๕
E-mail: [email protected]

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ

สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก

สมั โมทนยี พจน์

มหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบให้โครงการ
วัด ประชา รัฐ สร้างสุข เป็นหน่ึงในงานปฏิรูป
กจิ การพระพทุ ธศาสนา โดยมงุ่ พฒั นาใหเ้ รยี บรอ้ ย
รื่นรมย์ เป็นศูนย์การเรียนรู้และการพัฒนาจิตใจ
ของประชาชน มีแผนการดำ�เนินงานเป็นระบบ
และระยะอย่างชัดเจน บัดน้ีถึงระยะซึ่งคณะสงฆ์
ท่ัวราชอาณาจักรมีภารธุระที่จะยังให้เกิดผลสัมฤ
ทธผิ ลเปน็ รปู ธรรมยงิ่ ขน้ึ อย่างครอบคลมุ ทกุ วดั ทว่ั
ประเทศ
หัวใจของโครงการน้ีคือกลไกการสร้าง
สายสัมพนั ธค์ วามรว่ มแรงร่วมใจกนั ของวัด ชมุ ชน
และภาคเครือข่ายในท้องถ่ินด้วยอุดมการณ์ร่วม
กันคือศรัทธาปสาทะในบวรพระพุทธศาสนา
และเจตจำ�นงให้วัดเป็นสถานสัปปายะ อำ�นวย
สันติรสแก่ผู้เข้ามาพ่ึงพาบำ�บัดทุกข์และเสริม
สร้างความสุขทั้งแก่กายและใจ อันจะนำ�ไปสู่
ความวัฒนาสถาวรของชาติและสถาบันพระพุทธ
ศาสนา ด้วยเหตุนี้ ทุกท่านทุกฝ่ายจึงจำ�เป็นต้อง
เพิ่มพูนสามัคคีธรรมให้งอกงามไพบูลย์ข้ึนในใจ
ตน ในชมุ ชน และในประเทศชาติ อันนบั เปน็ การ
น้อมนำ�พระสงั ฆราโชบายของเจา้ พระคณุ สมเด็จ
พระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกล
มหาสังฆปริณายก ที่ประทานไว้เมื่อวันที่ ๑๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง

ดังพระโอวาทความตอนหนึ่งวา่ กจ็ ะทรงอยไู่ ด้ตลอดกาลนาน”
“ขอมอบภาษิตน้ีให้ท่านท้ังหลายไป ขออนุโมทนากุศลจริยาท่ีคณะสงฆ์
ปฏบิ ัตดิ ู ภาษติ น้ันเปน็ ภาษาบาลี ค�ำ ว่า สพเฺ พสํ และคณะอนุกรรมการโครงการวดั ประชา รฐั
สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วฑุ ฺฒิสาธิกา ความพรอ้ ม สร้างสุข พร้อมด้วยสาธุชนทุกภาคส่วนร่วม
เพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความ กันสนับสนุนโครงการนี้ ด้วยเจตนาหมายมุ่ง
เจริญวัฒนาถาวรให้สำ�เร็จ คำ�น้ีใช้ได้ทุกกาล ผดุงประโยชน์ของประเทศชาติและพระพุทธ
เวลา ทุกรัชสมัย จนในรัชสมัยรัชกาลปัจจุบันก็ ศาสนา ขอกุศลสมบัติน้ี จงเก้ือกูลให้ท่านทั้ง
ทำ�ได้ เราท้ังหลายในฐานะท่ีเป็นประชาชนชาว หลายเจริญพร้อมด้วยสรรพกำ�ลังในอันที่จะ
ไทยสืบมา บางท่านก็หลายรัชกาล บางท่านก็ กอปรกรณียกิจเพ่ีอสร้างสุขมาสู่วัด ประชา
สองรัชกาล บางท่านก็หนึ่งรัชกาล จงรักษาคำ� และรฐั สบื ไปตลอดกาล
นี้ไว้ ความพร้อมเพรียงแห่งชนผู้อยู่ร่วมกันเป็น
หมู่ ยงั ความวฑุ ฒฺ สิ าธกิ า ยงั ความเจรญิ รงุ่ เรอื งให้ (สมเด็จพระมหาวีรวงศ)์
สำ�เร็จได้ ขณะนี้เป็นท่ีทราบอยู่แล้วว่า ประเทศ กรรมการมหาเถรสมาคม
ของเรากำ�ลังต้องการพัฒนา ต้องการให้ชาติ ประธานคณะกรรมการฝา่ ยสาธารณปู การของ
ของเรา ประเทศของเราพัฒนาเจริญก้าวหน้า
ยิ่งๆ ขึ้นไป ก็ขอให้ท่านท้ังหลายนำ�ธรรมภาษิต มหาเถรสมาคม
น้ีไปนึกดู ไปคิดดู แล้วไปกระทำ�ร่วมกับความ
ปกติกาย ความปกติวาจา ความตั้งใจทำ�งานใน
สิ่งทเี่ รากระทำ� และมปี ญั ญาควบคมุ รวมอยู่ในน้ี
เสรจ็ หมด เพราะฉะนนั้ หวงั วา่ ทา่ นทง้ั หลายคงจะ
เข้าใจ และยึดถือคำ�สอนของพระพุทธองค์ ใน
ฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน เมื่อมีหลักศีล หลัก
สมาธิ หลกั ปัญญา และความสามคั คี ความเป็น
อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์

ค�ำ นิยม

ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงหรือ
แผน “ตำ�บล มน่ั คง มง่ั ค่งั ยงั่ ยืน” มีเป้าหมายการ
พฒั นาที่ส�ำ คญั คอื ประเทศชาติมน่ั คง ประชาชน
มีความสขุ เน้นการบริหารจัดการสภาวะแวดลอ้ ม
ของประเทศให้มีความมั่นคง ปลอดภัย เอกราช
อธิปไตย และมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับ
ต้ังแต่ระดับชาติ สังคม ชุมชน กอปรกับมติมหา
เถรสมาคมในคราวประชุมคร้ังท่ี ๒๓/๒๕๖๐
เรื่อง “ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการประจำ�
ปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ตามแผนยุทธศาสตร์การ
ปฏริ ปู กจิ การพระพทุ ธศาสนา” มหาเถรสมาคมได้
มมี ตเิ หน็ ชอบ แผนปฏบิ ตั กิ ารประจ�ำ ปงี บประมาณ
๒๕๖๑ ตามแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการ
พระพุทธศาสนาตามท่ีคณะกรรมการประสาน
งานแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธ
ศาสนา (คปพ.) ได้ประสานงานและจัดทำ�แผน
ปฏบิ ัติการ ฯ ซ่ึงด้านสาธารณปู การไดก้ ำ�หนดให้
ดำ�เนนิ โครงการวดั สร้างสขุ ดว้ ยแนวทาง ๕ส และ
มติมหาเถรสมาคมที่ ๓๔/๒๕๖๑ เรื่องขอความ
เห็นชอบดำ�เนินโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข
โดยมหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบให้สำ�นักงาน
พระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ ด�ำ เนนิ โครงการดงั กลา่ ว
โดยใช้กลไก “สานพลังประชารัฐ” เป็นนโยบาย
ในการขับเคลื่อนการพัฒนาคน และองค์กร โดยมี
จดุ เรม่ิ ต้นจากความเขม้ แขง็ ขององคก์ ร และคนใน

องค์กร ขยายสู่ชุมชน โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง โดยมวี ดั เปน็ ศนู ยก์ ลางพฒั นาสขุ ภาวะ ทง้ั ดา้ น
ผ่านกระบวนการความคิดสร้างสรรค์ ด้วยหลัก สขุ ภาวะทางกาย สขุ ภาวะทางจติ สขุ ภาวะทาง
การโดยใช้เคร่ืองมือ ๕ส เข้ามาเป็นองค์ความรู้ สังคม และสุขภาวะ ทางปัญญาด้วยแนวทาง
ขับเคล่ือน ความมีวินัยในตัวคน และการปรับ ๕ส ท่ีทกุ ภาคส่วนมสี ่วนร่วม
สภาพวัดให้เป็นท่ีพึ่งของประชาชนทุกคนได้ ท้ัง สำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
สุขภาวะทางร่างกาย ทางจติ ใจ ทางปญั ญา และ ในฐานะผู้สนับสนุนด้านนโยบายส่งเสริมให้วัด
ทางสังคม ดว้ ยหลักแนวคดิ “ชมุ ชนเข้มแขง็ โดย เข้าร่วมโครงการและอุดหนุนงบประมาณให้
มวี ดั เป็นศูนย์กลาง” การสนบั สนนุ พัฒนาวัด ให้ วัดต้นแบบประจำ�อำ�เภอท่ัวประเทศ จำ�นวน
เปน็ ศนู ยก์ ลางการเรยี นรแู้ ละศนู ยก์ ลางชมุ ชน ซงึ่ ๘๗๘ วดั ด�ำ เนนิ การจดั กจิ กรรมพฒั นาวดั ดว้ ย
กลยุทธ์ท่ีแข็งแกร่งสร้างความยั่งยืนได้ ด้วยการ แนวทาง ๕ส ท่ีเกิดจากการร่วมมือกันของวัด
ใชก้ ลยทุ ธ์การจับคู่กัน เป็น ๑ วัด ๑ องคก์ ร ท้ัง ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
ภาคเอกชนและภาครฐั รฐั วสิ าหกจิ ขยายไปสวู่ ดั รว่ มกนั พฒั นาวดั เพอื่ ใหว้ ดั เปน็ ศนู ยก์ ลางชมุ ชน
ทั่วประเทศให้มากข้นึ อันจะก่อให้เกิดความสุขร่วมกันอย่างมั่นคง
โครงการวัดกลางใจชุมชน โครงการวัด และยัง่ ยนื ตอ่ ไป
ประชา รัฐ สร้างสุข มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง
สัมพันธภาพที่ดีให้เกิดข้ึนระหว่างพระ ชุมชน นายณรงค์ ทรงอารมณ์
ตัวแทนชมุ ชน องค์กรท้ังภาครัฐ ภาคเอกชน ให้ ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ
เกดิ ความเขม้ แขง็ อกี ทง้ั ยงั เปน็ การจดั สงิ่ แวดลอ้ ม
ที่เอื้อต่อสุขภาพ รวมถึงกิจกรรมเชิงพุทธ โดย
จะก่อให้เกิดความเช่ือมโยงระหว่างวัดกับชุมชน
ทำ�ให้พระมีสุขภาพแข็งแรง วัดมีความม่ันคง
ชุมชนมีความเข้มแข็ง และขยายผลการดำ�เนิน
สู่โครงการวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น วัดพัฒนา
ตัวอย่าง และอุทยานการศึกษาในวัด โครงการ
วดั ประชารฐั สรา้ งสขุ คอื การท�ำ ชมุ ชนใหเ้ ขม้ แขง็



คำ�นำ�

โครงการวดั ประชา รฐั สร้างสขุ เปน็ หนึ่ง มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สถาบันอาศรมศ
ใน ๑๔ โครงการของแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธ ลิป์ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น และ
ศาสนา โดยฝา่ ยสาธารณปู การของมหาเถรสมาคม สำ�นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซ่ึงคู่มือ
มีมติเห็นชอบให้ดำ�เนินการเพื่อพัฒนาวัดให้เป็น โครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสขุ เลม่ น้ี เปน็ การน�ำ
สถานท่ีสัปปายะ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธ หลกั การ ๕ส และหลกั สปั ายะ ๗ มาประยุกตใ์ ช้
ศาสนา และเปน็ รมณยี สถานอนั เปน็ ความสงบทาง ในการพฒั นาพนื้ ทขี่ องวดั โดยมหี ลกั การทเี่ รยี กวา่
จิตใจของพุทธศาสนิกชน โครงการนี้มีป้าหมาย “๓-๕-๗-๙” ซง่ึ เปน็ กระบวนการพฒั นาโครงการ
สำ�คัญ คือ การส่งเสริมให้มีเกิดการขับเคลื่อน วัด ประชา รัฐ สร้างสุขให้สัมฤทธิผล รวมท้ังมี
กิจกรรมและองค์ความรู้ ๕ส ไปสู่การปรับปรุง ตัวช้ีวัดที่เป็นรูปธรรมในการนำ�ไปสู่การปฏิบัติ
สภาพภูมิทัศน์ การจดั การสิง่ แวดล้อม และรกั ษา เพ่ือพัฒนา “คุณภาพสิ่งแวดล้อม” ของวัดและ
ความสะอาดภายในวัดให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ ชุมชน
และการพัฒนาการเรียนรู้ทางสังคมวิถีพุทธ รวม ในฐานะประธานอนุรรมการโครงการฯ
ทงั้ การมีจติ อาสาเพอื่ การพัฒนาสงั คม ขออนโุ มนา ส�ำ นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสรา้ ง
คณะอนุกรรมการโครงการวดั ประชา รัฐ เสริมสุขภาพ (สสส.), สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์
ได้ต้ังเป้าหมายให้เกิดการขยายเครือข่ายวัดท่ีเป็น มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
สปั ปายะใหท้ ่วั ประเทศในระยะเวลา ๕ ปี จ�ำ นวน คณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี และภาคีท่ีเกี่ยวข้อง
๒๕,๐๐๐ วัด โดยมกี ารประสานความร่วมมือกับ ท่ีได้ร่วมพัฒนาและสร้างสรรค์กิจกรรมท่ีเป็น
หน่วยงานต่างๆ เช่น กรมส่งเสริมการปกครอง ประโยชน์เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติและ
ส่วนทอ้ งถนิ่ กรมการพัฒนาชมุ ชน กรมอนามัย พระพทุ ธศาสนา รวมทงั้ การสรา้ งความยง่ั ยนื ดา้ น
กรมส่งเสริมคุณภาพส่ิงแวดล้อม มหาวิทยาลัย สง่ิ แวดลอ้ ม สงั คม และวฒั นธรรมของชาตสิ บื ตอ่ ไป

พระธรรมรัตนาภรณ์
ประธานคณะอนกุ รรมการ
โครงการวดั ประชา รฐั สร้างสุข



สารบญั

สัมโมทนยี พจน์
ค�ำ นยิ ม
ค�ำ น�ำ
สารบัญ
บทท่ี ๑ ความเป็นมาของโครงการวดั ประชา รฐั สร้างสุข.........................................................๑
๑.๑ ความเป็นมาของโครงการวัด ประชา รฐั สร้างสุข......................................................๑
๑.๒ วัตถปุ ระสงคข์ องโครงการวัด ประชา รฐั สร้างสุข.....................................................๓
๑.๓ พนั ธกิจของโครงการวัด ประชา รัฐ สรา้ งสขุ .............................................................๔
๑.๔ หลักการทำ�งานโครงการวดั ประชา รัฐ สรา้ งสุข.......................................................๔
๑.๕ มติมหาเถรสมาคมทเี่ กีย่ วข้องกับโครงการวัด ประชา รฐั สร้างสุข............................๖
บทท่ี ๒ การวางผังบรเิ วณ การจดั การมรดกวฒั นธรรม และส่งิ แวดล้อมภายในวดั ...................๗
๒.๑ รูปแบบการวางผังบรเิ วณและพื้นที่ภายในวัด............................................................๘
๒.๒ หลักการออกแบบผังบรเิ วณและการปรบั ปรงุ ภมู ิทศั นต์ ามหลกั ภมู สิ ถาปตั ยกรรม..๑๒
๒.๓ การจดั การมรดกวฒั นธรรมและพทุ ธศลิ ปกรรมภายในวัด.......................................๑๓
๒.๔ ความส�ำ คญั และประโยชน์ของทรัพยากรทางวัฒนธรรม.........................................๑๖
๒.๕ แนวทางการดูแลรักษาโบราณสถานและทรัพยากรวฒั นธรรมภายในวัด................๑๖
๒.๖ การจดั การสิง่ แวดล้อมภายในวัด.............................................................................๑๘
๒.๗ การส่งเสรมิ ความรอบรู้ด้านสุขภาพภายในวดั (วดั รอบรสู้ ุขภาพ)............................๒๗
บทที่ ๓ แนวปฏบิ ตั โิ ครงการวดั ประชา รัฐ สร้างสขุ (๓-๕-๗-๙ สู่ความยงั่ ยืน).....................๒๙
๓ พันธกจิ สู่ วดั สวยด้วยความสุข...................................................................................๓๑
๕ เคร่อื งมือการท�ำ งาน (๕ส) โครงการวัด ประชา รฐั สรา้ งสุข.....................................๓๒
๗ แนวทางการดำ�เนนิ การเพอื่ สร้างสัปปายะ..................................................................๓๕
๙ แนวปฏบิ ตั กิ ารพัฒนาพ้ืนท่ี สู่ วดั สรา้ งสขุ ...................................................................๔๓
บทท่ี ๔ เกณฑก์ ารประเมินโครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสุข....................................................๕๓
๔.๑ หมวดการบริหารจดั การโครงการ............................................................................๕๔
๔.๒ หมวดการพัฒนาพ้นื ทภี่ ายในวัด ๙ แห่ง..................................................................๕๔
๔.๓ หมวดการส่งเสรมิ สุขภาพและการจดั การสง่ิ แวดล้อม.............................................๕๕
๔.๔ หมวดการจดั การทรัพยากรวัฒนธรรม....................................................................๕๕
๔.๕ หมวดการจัดการพน้ื ท่จี ิตใจและปญั ญา...................................................................๕๖
๔.๖ ตัวชว้ี ดั การประเมินโครงการวดั ประชา รัฐ สร้างสุข..............................................๕๗

บทท่ี๕ การตดิ ตามและประเมินผลโครงการวดั ประชา รฐั สร้างสขุ ........................................๖๓
๕.๑ การตดิ ตามและประเมินผลโครงการวดั ประชา รฐั สร้างสขุ ...................................๖๔
๕.๒ รปู แบบการติดตามและประเมินผลโครงการวดั ประชา รัฐ สร้างสุข.......................๖๕
๕.๓ คณุ สมบัติของคณะกรรมการผู้ตรวจประเมินโครงการวัด ประชา รฐั สรา้ งสขุ .........๖๖
๕.๔ เทคนคิ การตรวจประเมินโครงการวดั ประชา รฐั สร้างสุข.......................................๖๖
๕.๕ การรายงานผลโครงการวัด ประชา รฐั สร้างสขุ ......................................................๖๗
สรปุ ..................................................................................................................................๖๘
ภาคผนวก.........................................................................................................................................๖๙
ภาคผนวก ก บนั ทกึ ขอ้ ตกลง (MOU) วา่ ดว้ ยความรว่ มมอื โครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสขุ .........๗๑
ภาคผนวก ข ค�ำ สง่ั แตง่ ตงั้ คณะอนุกรรมการโครงการวัด ประชา รฐั สรา้ งสขุ .................๗๕
ภาคผนวก ค แบบประเมนิ โครงการวดั ประชา รฐั สร้างสุข............................................๘๗
ภาคผนวก ง แบบรายงานโครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสุข.............................................๙๕

บ ท ท่ี ๑

ความเป็นมาของโครงการ
วัด ประชา รฐั สรา้ งสขุ

2 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๑.๑ ความเป็นมาของโครงการวัด ประชา รฐั สร้างสุข

สังคมไทยเป็นสังคมที่ยอมรบั นบั ถือพระพทุ ธศาสนามาแตค่ ร้งั โบราณกาล คนไทยสว่ นใหญ่

นับถือพระพุทธศาสนา ได้รับการหล่อหลอมด้วยหลักธรรมค�ำสอนและวิถีวัฒนธรรมทางพระพุทธ
ศาสนา วถิ ชี วี ติ ของคนไทยจงึ มคี วามสมั พนั ธเ์ ปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั กบั พระพทุ ธศาสนา แตเ่ มอื่ สงั คม
โลกเปดิ กวา้ งขน้ึ ทง้ั ในด้านเศรษฐกจิ สังคม การเมอื ง เทคโนโลยีและวัฒนธรรม สง่ ผลใหส้ งั คมไทย
เขา้ ไปสูก่ ระแสแห่งยุคโลกาภิวตั น์ซ่ึงมีผลท้งั ทางบวกและทางลบ ท�ำใหส้ ังคมไทยต้องเผชิญกับภาวะ
วิกฤติในหลายดา้ นทงั้ ด้านการเมือง เศรษฐกจิ สงั คมและดา้ นส่ิงแวดล้อม จากภาวะวิกฤติท่เี กดิ ข้นึ
ส่งผลกระทบต่อกิจการพระพุทธศาสนาท้ังทางตรงและทางอ้อม แม้ว่าหลักธรรมค�ำสั่งสอนทาง
พระพทุ ธศาสนาจะเป็นสจั ธรรม ทนั สมยั แตก่ ารปรบั ตวั ทล่ี ่าช้าขององค์กรทางพระพทุ ธศาสนาและ
บคุ ลากรทางศาสนาเป็นเหตุน�ำมาซึ่งวกิ ฤตศิ รัทธา สง่ ผลกระทบตอ่ ความม่ันคงของพระพุทธศาสนา
สงั คมไทย ทำ� ใหเ้ กดิ การปฏริ ปู กจิ การพระพทุ ธศาสนา เพอื่ ใหพ้ ระพทุ ธศาสนาเปน็ ทพี่ ง่ึ ทางจติ ใจและ
เป็นหลักในการดำ� เนินชวี ิตไดอ้ ยา่ งแทจ้ รงิ
ต่อมามหาเถรสมาคมและรฐั บาลได้เหน็ ชอบรว่ มกนั ในการอนมุ ตั แิ ผนยทุ ธศาสตร์การปฏริ ปู
กิจการพระพทุ ธศาสนาระยะ ๕ ปี และ ๒๐ ปี ซ่งึ เกดิ จากการระดมความคิด กลัน่ กรองและเห็นชอบ
ร่วมกันของคณะสงฆ์ทั่วทุกภูมิภาคตามมิติมหาเถรสมาคมในการประชุมคร้ังท่ี ๕/๒๕๕๙ (มติท่ี
๑๐๖/๒๕๕๙) และในการประชุมครัง้ ที่ ๒/๒๕๖๐ เม่ือวันท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๖๐ ทมี่ ีมตเิ หน็ ชอบ
แผนแมบ่ ทการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา โดยมวี ิสัยทศั น์ คือ “พุทธศาสนม์ น่ั คง ด�ำรงศีลธรรม
น�ำสงั คมสันตสิ ุขอย่างยั่งยนื ” อันเปน็ การดำ� เนนิ ตามแผนยทุ ธศาสตร์ชาตทิ ่วี ่า “ม่ันคง ม่ังคง่ั ยัง่ ยนื ”
อย่างเป็นรปู ธรรม
แผนยทุ ธศาสตร์การปฏริ ูปกจิ การพระพุทธศาสนาน้ี ประกอบดว้ ยพันธกิจ ๖ ด้าน ตามพนั ธ
กจิ คณะสงฆ์ คอื ๑) ดา้ นการปกครอง ๒) ด้านศาสนศกึ ษา ๓) ดา้ นศกึ ษาสงเคราะห์ ๔) ดา้ นเผยแพร่
๕) ด้านสาธารณูปการ ๖) ด้านสาธารณสงเคราะห์ นอกจากนี้ ยงั ไดเ้ พมิ่ ภาระงานพเิ ศษอีก ๑ ดา้ น
คือ ด้านการพัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก เป็นการด�ำเนินการภายใต้ค่า
นิยม (Core Value) ทีว่ ่า “อทุ ศิ ตนเพ่ือพระพุทธศาสนา สกู่ ารพัฒนาสังคมอยา่ งยั่งยืน”
สำ� หรบั แผนยทุ ธศาสตรก์ ารปฏริ ปู กจิ การพระพทุ ธศาสนายงั ไดก้ ำ� หนดยทุ ธศาสตรไ์ ว้ ๔ ดา้ น
คอื (๑) สรา้ งความมัน่ คงด้านพระพทุ ธศาสตร์ (๒) ยกระดบั กระบวนการบรหิ ารจดั การภายใน (๓)
พฒั นาองคก์ ร แหง่ การเรยี นรเู้ ชงิ พทุ ธ และ (๔) มที รพั ยากรเพยี งพอในการขบั เคลอื่ นกจิ การพระพทุ ธ
ศาสนา ประกอบดว้ ย ๑๐ กลยุทธ์ และ ๑๔ ตัวชีว้ ัด
ดังน้ัน เพ่ือให้การด�ำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา บรรลุ
วตั ถปุ ระสงคต์ ามวสิ ยั ทศั นท์ ก่ี ำ� หนด คณะกรรมการประสานงานแผนยทุ ธศาสตรใ์ นการปฏริ ปู กจิ การ

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 3

พระพุทธศาสนา (คปพ.) จึงได้ด�ำเนินการจัดท�ำแผนปฏิบัติการประจ�ำปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ซึ่งมี
โครงการเชิงยุทธศาสตร์ จ�ำนวน ๑๔ โครงการ เช่น โครงการขยายโอกาสทางการศึกษาสู่สังคม
โครงการยกระดบั หมบู่ า้ นรกั ษาศลี ๕ โครงการวิปัสสนากรรมฐานเพอื่ พัฒนาทุนมนุษย์ โครงการวัด
ประชา รัฐ สร้างสุข โครงการสาธารณสงเคราะหเ์ พอ่ื สังคม โครงการพัฒนาพุทธมณฑลสศู่ นู ยก์ ลาง
พระพทุ ธศาสนาโลก เป็นต้น
“โครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสขุ ” มแี นวคดิ ทว่ี า่ วถิ ชี วี ติ ดง้ั เดมิ ของคนไทย มวี ดั เปน็ ศนู ยก์ ลาง
ของชมุ ชน เปน็ เสาหลกั ในการพฒั นาคนใหม้ คี ณุ ภาพทง้ั ดา้ นสขุ ภาพกายและสขุ ภาพใจ วดั จงึ ถอื เปน็
สถานที่ส�ำคัญต่อวิถีชีวิตคนไทย ต่อมาวัดกลายเป็นสถานท่ีผู้คนในทุกระดับมาใช้จนท�ำให้วัดกลาย
เปน็ ทสี่ กปรก ไมเ่ รยี บรอ้ ย ขาดการวางระบบการจดั การเพอื่ อำ� นวยความสะดวกใหก้ บั วดั รวมทงั้ การ
จัดการสิ่งแวดล้อมและขยะภายในวัดยังไม่เป็นระบบ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น สถาบัน
อาศรมศลิ ป์ ได้ร่วมมอื กับส�ำนกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสร้างเสริมสขุ ภาพ (สสส.) และสถาบนั วจิ ยั
พุทธศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จงึ ไดด้ ำ� เนนิ การพฒั นาโครงการวดั สรา้ งสขุ
และวดั บนั ดาลใจ เพอื่ พฒั นารูปแบบและนำ� แนวคิด ๕ ส ซงึ่ ประกอบไปด้วย สะสาง สะดวก สะอาด
สรา้ งมาตรฐาน และสรา้ งวนิ ยั ลงสบู่ รบิ ทของวดั เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหว้ ดั เปน็ สถานทรี่ ม่ รน่ื สวยงาม เหมาะ
สมกับการเรียนรู้ เป็นพื้นท่ีแบบอย่างทางด้านกายภาพและด้านจิตใจ รวมถึงการน�ำแนวคิดการ
ออกแบบพน้ื ทต่ี ามหลกั ภมู สิ ถาปตั ยกรรมมาใชใ้ นการพฒั นาวดั ใหเ้ ปน็ สถานทสี่ ปั ปายะ เปน็ อารามท่ี
รน่ื รมย์ มคี วามสวยงามตามหลกั ภมู สิ ถาปตั ยกรรมไทย เปน็ ศนู ยก์ ลางของชมุ ชนทจี่ ะนำ� ไปสกู่ ารเสรมิ
สร้างสุขภาวะท้งั ทางดา้ นกายภาพ จติ ใจ สงั คม และปญั ญาสืบต่อไป

๑.๒ วตั ถุประสงค์ของโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสขุ

๑. เพือ่ พฒั นารูปแบบและน�ำแนวคดิ ของ ๕ส ซ่ึงประกอบไปดว้ ย สะสาง สะดวก สะอาด
สรา้ งมาตรฐาน และสรา้ งวินยั ลงสู่บรบิ ทของวัดและชมุ ชน
๒. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหว้ ดั เปน็ พน้ื ทตี่ น้ แบบของการพฒั นาพนื้ ทท่ี างกายภาพ พน้ื ทก่ี ารเรยี นรู้ พน้ื ที่
ทางจิตใจและปัญญา โดยการบรู ณาการแนวคดิ ๕ ส หลักสปั ปายะ ๗ และหลักความรบั ผิดชอบตอ่
สงั คมสปู่ ระชาชนโดยมีวดั เปน็ ศูนย์กลาง
๓. เพื่อพัฒนาและจัดระบบฐานข้อมูล องค์ความรู้ในการพัฒนาวัดและชุมชน รวมทั้งการ
ออกแบบพ้นื ทขี่ องวัดให้เป็นสปั ปายะสถานและการพฒั นาสูว่ ิถแี หง่ อารยสถาปัตย์
๔. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนในสงั คมไทย รวมถงึ กลุ่มวชิ าชพี ตืน่ ตัวเร่อื งการชว่ ยเหลือสังคม
การมีจิตอาสา ความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม เพ่อื ท�ำใหเ้ กดิ สงั คมสุขภาวะและความย่ังยืน

4 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๑.๓ พนั ธกจิ ของโครงการวัด ประชา รัฐ สรา้ งสุข

๑. การพฒั นาพน้ื ทที่ างกายภาพของวดั และชมุ ชนใหส้ ะอาด รม่ รน่ื สวยงามเปน็ สถานทสี่ ปั ปายะ
๒. การพฒั นาพื้นทท่ี างสังคมและการเรียนรู้ของวดั และชมุ ชนดว้ ยวิถวี ัฒนธรรมเชิงพุทธ
๓. การพฒั นาพื้นท่จี ติ ใจและปญั ญาของวัดและชมุ ชนตามแนวพระพทุ ธศาสนา
โดยมเี ปา้ หมายสำ� คัญ “วดั สวยดว้ ยความสุข” และ “การสร้างวดั ในใจคน”

๑.๔ หลกั การท�ำงานโครงการวดั ประชา รัฐ สรา้ งสขุ

โครงการใช้กระบวนการ ๕ส หลักสปั ปายะ ๗ และหลักความรับผิดชอบตอ่ สังคม เป็นหลัก
การสำ� คญั ในการพฒั นากิจกรรมและพ้นื ทีท่ างกายภาพของวดั โดยมีหลักการสำ� คญั ได้แก่
๑. การจัดการพื้นท่ีทางกายภาพ โดยมีการจัดการพ้ืนที่ทางกายภาพของวัดให้มีสภาพ
แวดล้อมท่เี หมาะสม โดยมีการด�ำเนินการใน ๒ ดา้ น ประกอบดว้ ย

๑) การออกแบบผงั แม่บทและการปรับปรงุ ภูมทิ ศั น์ เพอ่ื ฟ้ืนฟคู วามศักดิส์ ิทธิ์ สัปปา
ยะ และความศรทั ธาในพ้นื ทีว่ ดั ท่วั ประเทศ
(๑) การออกแบบผงั แมบ่ ท และจดั ทำ� แผนพฒั นากายภาพของวดั เพื่อให้
วัดมีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่และอาคารอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการวางแผนและออกแบบ
สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพเพ่ือรองรับกิจกรรมต่างๆ อยา่ งเหมาะสม ไม่พฒั นาไปอย่างสะเปะสปะ
(๒) การออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์และการจัดการพื้นที่สีเขียว-พื้นที่
สาธารณะ โดยมงุ่ เนน้ การจดั การพน้ื ท่ีทางกายภาพของวัดให้มีพนื้ ทสี่ เี ขยี วเพอื่ เป็นสถานทพ่ี กั ผ่อน
และเปน็ ทที่ ำ� กจิ กรรมทางพระพทุ ธศาสนา เพมิ่ พนื้ ทส่ี เี ขยี วของวดั ใหเ้ ปน็ สถานทเ่ี รยี นรทู้ างพระพทุ ธ
ศาสนา เพื่อให้วัดมีพื้นท่ีสาธารณะส�ำหรับคนทั่วไปท่ีเข้ามาในวัด มุ่งเน้นการเรียนรู้ทางพระพุทธ
ศาสนา การเดินทางพกั ผ่อนเพอื่ ให้รวู้ า่ พน้ื ทขี่ องวดั เป็นพน้ื ทข่ี องทกุ คน
(๓) การออกแบบและการจดั การอาคารอนรุ กั ษ-์ สถาปตั ยกรรม ใหว้ ดั มกี าร
จัดการเพื่ออนุรักษ์อาคารอนุรักษ์ สถาปัตยกรรมของวัดเพื่อทรงไว้ซึ่งคุณค่าของอาคารแบบดั้งเดิม
โดยมกี ารออกแบบการปรบั ปรงุ การใชเ้ ทคนคิ และกระบวนการอนรุ กั ษต์ ามแนวคดิ ของอาคารแตล่ ะ
ยุคสมัย เป็นตน้
(๔) การปรบั ปรงุ วธิ กี ารบรหิ ารจดั การการกอ่ สรา้ งภายในวดั เกดิ การจดั สรร
งบประมาณของวดั และหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ ง เพอื่ การปรบั ปรงุ ภมู ทิ ศั นแ์ ละพฒั นาสงิ่ แวดลอ้ มตามผงั
แม่บท อยา่ งเปน็ รปู ธรรม

๒) การจดั การสิง่ แวดล้อม อาคารสถานทแี่ ละโครงสรา้ งพื้นฐานของวดั
(๑) การจัดการขยะ ของเสีย น�้ำเสียและบริเวณท่ีสกปรก โดยให้วัดและ

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 5

ชมุ ชนไดม้ กี ารพฒั นาระบบการจดั การขยะของเสยี และน�ำ้ เสียภายในวัด เร่ิมตั้งแต่การคดั แยกขยะ
ของเสีย การมีถังหรือภาชนะรองรับการทิ้งขยะของคนท่ีเข้ามาในวัดและพระภิกษุ-สามเณร ตลอด
จนการใหค้ วามร้เู รือ่ งความสะอาด การเป็นระเบียบเรยี บร้อยของวัดและพืน้ ทส่ี ่วนกลางของวดั
(๒) การจัดการพน้ื ทหี่ อ้ งน้�ำ-ลานจอดรถ ให้วัดและชมุ ชนมีการจัดการพื้นทห่ี ้องนำ�้ -
ลานจอดรถใหม้ คี วามสะอาด สวยงามเปน็ สดั สว่ น มกี ารดแู ลหอ้ งนำ�้ และระบบการจอดรถ เชน่ การนำ�
ป้ายมาบ่งบอกเพือ่ ให้ประชาชนได้เข้าใจและมรี ะเบียบในการจอดรถ-การใช้หอ้ งน�ำ้
(๓) การจดั การสวนพทุ ธธรรม-สวนสมนุ ไพร-สวนสขุ ภาพ ใหว้ ดั ทม่ี คี วามพรอ้ มมกี าร
จัดการสวนพุทธธรรมหรือสวนแบบเซน รวมทั้งสวนสมุนไพร สถานที่บริการสุขภาพ เพ่ือให้เป็นที่
เรยี นรทู้ างพระพทุ ธศาสนา ภมู ปิ ญั ญาดา้ นสขุ ภาพ และการสรา้ งความสงบใหก้ บั บคุ คลทเี่ ขา้ มาเรยี น
รภู้ ายในวดั ตามหลักพทุ ธธรรม
(๔) การจดั การดา้ นพลังงานและส่ิงแวดล้อม ใหว้ ัดและชุมชนมีการจดั การเพื่อการ
ประหยัดพลงั งาน ลดการใช้ขยะและมกี ารจดั การสิง่ แวดล้อมตามหลัก ๕ส และ 3R เป็นตน้
(๕) การจัดการพ้ืนที่บ�ำเพ็ญกุล เช่น อุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ หรือพื้นท่ี
ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ให้มีความสะอาด เหมาะสมต่อการบ�ำเพ็ญกุศล ให้มีความ
เรียบงา่ ยเพือ่ ปลูกฝงั ศรทั ธาและสรา้ งปัญญาตามหลกั พระพุทธศาสนา
๒. การจดั การพนื้ ทท่ี างสงั คมและการเรยี นรู้ ใหว้ ดั และชมุ ชนไดม้ กี ารจดั การพน้ื ทที่ างสงั คม
เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้และกิจกรรมเชิงพุทธที่สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายในวัด โดยพัฒนากิจกรรม
ทางสงั คม เช่น
(๑ ) การจดั กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิถีพุทธ เชน่ การท�ำจติ อาสาของคนในชุมชน การ
จดั การพนื้ ทส่ี ง่ เสรมิ สขุ ภาวะเปน็ ลานวดั ลานกฬี า ลานวฒั นธรรม ลานกจิ กรรมตอ่ ตา้ นยาเสพตดิ การ
จัดกจิ กรรมเชิงประเพณีของสังคมไทย การทำ� บุญตักบาตร เปน็ ตน้
(๒) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มภายในวัดและชมุ ชน เช่น การ
บวชปา่ การอนรุ กั ษ์พืน้ ที่ป่าต้นนำ�้ การจัดพนื้ ท่ีอนุรกั ษข์ องวดั และชมุ ชน เปน็ ต้น
(๓) การจดั การทรพั ยากรวฒั นธรรม เชน่ การสง่ เสรมิ ประเพณสี งกรานต์ ลอยกระทง
และประเพณอี ืน่ ๆ ของแตล่ ะชุมชน/ทอ้ งถนิ่ ให้เป็นกจิ กรรมที่เปน็ มิตรกับสิง่ แวดล้อม
๓. การจัดการพ้ืนที่ทางจิตวิญญาณและปัญญา โดยการจัดให้พ้ืนท่ีของวัด เช่น อุโบสถ
วหิ าร ศาลาการเปรยี ญ เปน็ สถานทแ่ี สดงธรรมเทศนา บรรยายธรรม สง่ เสรมิ การเรยี นรวู้ ถิ พี ทุ ธ เชน่
(๑) การจดั กจิ กรรมบรรยายธรรมประจำ� วนั พระ และวนั ส�ำคัญทางศาสนา
(๒) สง่ เสรมิ การเจริญวปิ สั สนากรรมฐาน
(๓) ส่งเสรมิ การเรยี นรูด้ า้ นจิตวิญญาณ
(๔) การจดั ใหม้ พี น้ื ท่กี ารเรียนรู้ทางจิตใจและปญั ญาผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น

6 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๑.๕ มตมิ หาเถรสมาคมทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั โครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสขุ

มติมหาเถรสมาคม ครง้ั ที่ ๒/๒๕๖๑ มติท่ี ๓๔/๒๕๖๑ ทีป่ ระชมุ มีมติ เหน็ ชอบการดำ�เนนิ งาน
โครงการวัด ประชา รฐั สรา้ งสขุ เพื่อประสานเจ้าคณะจงั หวัดแต่งตงั้ คณะกรรมการพิจารณาคดั เลือก
วัดเขา้ ร่วมโครงการฯ และจดั ประชุมทำ�ความเข้าใจแก่สำ�นกั งานพระพุทธศาสนาจังหวดั เพอ่ื ให้ทราบถึง
นโยบายการดำ�เนนิ โครงการฯ มติมหาเถรสมาคม ครง้ั ท่ี ๑๔/๒๕๖๑ มตทิ ่ี ๓๒๐/๒๕๖๑ ทป่ี ระชมุ มี
มติ เหน็ ชอบแนวทางการดำ�เนนิ งานโครงการวดั ประชา รัฐ สรา้ งสขุ สูก่ ารปฏิบตั ริ ะดบั จังหวัด และให้
เจ้าคณะจงั หวัดและสำ�นกั งานพระพทุ ธศาสนาจงั หวัดนำ�สกู่ ารปฏิบตั ิในระดับจังหวดั ตอ่ ไป

มตมิ หาเถรสมาคม ครงั้ ท่ี ๒๐/๒๕๖๑ มตทิ ่ี ๔๒๐/๒๕๖๑ ทปี่ ระชมุ มมี ติ รบั ทราบการลงนามบนั ทกึ
ขอ้ ตกลง (MOU) วา่ ดว้ ยความรว่ มมอื ดำ� เนนิ งานโครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสขุ : พฒั นาวดั ตามแนวทาง ๕ส
ทที่ กุ ภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ ม” โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์ เพอื่ ใหท้ กุ ภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ มในการใชแ้ นวทาง ๕ส เพอื่ จดั การ
ส่งิ แวดลอ้ มท่เี ออ้ื ตอ่ สขุ ภาพ และกจิ กรรมเชิงพทุ ธ กอ่ ใหเ้ กดิ ความเชื่อมโยงและสัมพนั ธภาพทด่ี ใี ห้เกดิ ขึน้
ระหวา่ งวดั กบั ชมุ ชน ทำ� ใหพ้ ระสงฆ์ “มสี ขุ ภาพแขง็ แรง” ทำ� ใหว้ ดั “มคี วามมนั่ คง” ทำ� ใหช้ มุ ชน “มคี วามเขม้
แขง็ ” ตอ่ มาสำ� นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง่ ชาติ ไดม้ หี นงั สอื แจง้ เจา้ คณะจงั หวดั ทกุ จงั หวดั ทง้ั ๒ ฝา่ ย เลขานกุ าร
เจา้ คณะจงั หวดั ทกุ จงั หวดั ทงั้ ๒ ฝา่ ย ตวั แทนองคก์ ารบรหิ ารสว่ นทอ้ งถนิ่ ทว่ั ประเทศ ผแู้ ทนสำ� นกั งานพระพทุ ธ
ศาสนาจงั หวดั ทกุ จงั หวดั ทงั้ สว่ นกลาง และสว่ นภมู ภิ าค ผแู้ ทนองคก์ รภาคเี ครอื ขา่ ย และสอื่ มวลชน และ
ประชาชนทว่ั ไป เขา้ รว่ มการประชมุ สมั มนาเพอื่ ขบั เคลอ่ื นโครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสขุ ระดบั ประเทศ ใน
วนั องั คารที่ ๒๖ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ณ หอประชมุ มวก.๔๘ พรรษา มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราช
วทิ ยาลยั อำ� เภอวงั นอ้ ย จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา

บ ท ท่ี ๒

การวางผังบริเวณ การจัดการมรดก
วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมภายในวัด

8 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๒.๑ รูปแบบการวางผังบริเวณและพ้ืนท่ีภายในวัด

การวางผงั บริเวณเป็นกจิ กรรมท่ีสำ�คญั ในการจดั การและการพัฒนาพ้ืนทภ่ี ายในวดั เปน็ การ
กำ�หนดตำ�แหน่งทต่ี ัง้ ของอาคาร สิง่ ปลกู สร้างให้สอดคลอ้ งกบั สภาพแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วยปัจจัย
สำ�คญั เชน่ ปัจจยั ทางธรรมชาติ ปัจจัยดา้ นสนุ ทรยี ภาพ ปัจจัยดา้ นวฒั นธรรม และปัจจยั การใชส้ อย
ทด่ี นิ หรือการใชป้ ระโยชนข์ องอาคาร โดยมีการกำ�หนดเขตไวด้ ังนี้

๑. เขตพทุ ธาวาส เป็นเขตสำ�หรับการวางผงั บรเิ วณวัดในประเทศไทยนั้น วัดโดยท่ัวไปนยิ ม
แบง่ เขตพืน้ ทภ่ี ายในออกเป็น ๓ ส่วนใหญ่ๆ คือ ๑)เขตพุทธาวาส ๑) เขตสงั ฆาวาส และ ๓) เขตธรณี
สงฆ์ สญั ลักษณห์ รือสถานท่ีประทบั ขององค์พระสมั มาสมั พุทธเจา้ เพราะคำ�ว่า “พุทธาวาส” มคี วาม
หมายวา่ เปน็ สถานทปี่ ระทบั ของพระพทุ ธเจา้ ในเขตพทุ ธาวาสมกั ประกอบดว้ ยสถาปตั ยกรรมสำ�คญั ๆ
ท่เี กีย่ วเนอ่ื งกบั พระพุทธองค์และพธิ ีกรรมทางพระพทุ ธศาสนา ไดแ้ ก่
๑) พระเจดยี ์ พระมณฑป พระปรางค์ : อาคารทส่ี รา้ งเพอื่ ใชเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลางหลกั ของวดั
๒) พระอุโบสถ : อาคารที่ใชป้ ระกอบพิธีกรรมในการทำ�สงั ฆกรรม
๓) พระวหิ าร : อาคารทใ่ี ชป้ ระกอบพธิ กี รรมทางศาสนาระหวา่ งพระสงฆแ์ ละฆราวาส
๔) เจดยี ์ มณฑป ปรางค์ : อาคารที่ใชบ้ รรจุอัฐิ หรือประกอบเพ่อื ให้ผังรวมสมบรู ณ์
๕) ศาลา เชน่ ศาลาราย : อาคารทใ่ี ช้เป็นท่นี ง่ั พักของผู้มาเยือน
๖) ศาลาทิศ : อาคารทีใ่ ช้ล้อมอาคารสำ�คัญสำ�หรับให้คฤหสั ถน์ งั่ พกั
๗) พระระเบยี ง : อาคารท่ีล้อมอาคารหลักสำ�คญั แสดงขอบเขตแหง่ พุทธาวาส
๘) หอไตร : อาคารทใี่ ชเ้ ก็บรักษาคัมภรี ์ทางศาสนา
๙) พลบั พลาเปลอ้ื งเครอ่ื ง : อาคารทใี่ ชส้ ำ�หรบั เปน็ ทพี่ ระมหากษตั รยิ เ์ ปลยี่ นชดุ ฉลอง
พระองค์ในวาระทที่ รง เสด็จพระราชดำ�เนนิ เพอื่ บำ�เพ็ญพระราชกศุ ล

เขตธรณสี งฆ์ เขตธรณีสงฆ์
พ้นื ทว่ี ดั เพื่อสงั คม สวนพทุ ธธรรม/พ้นื ที่เรียนรู้

เขตสังฆาวาส เขตพุทธาวาส เขตสงั ฆาวาส

เขตธรณีสงฆ์ มุมสงบ

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 9

พระเจดีย์ พระปรางค์ และพระมณฑป ถือเป็นอาคารท่ีสำ�คัญที่สุดในฐานะหลักประธาน
ของวัด จึงมักถูกวางตำ�แหน่งลงในผังตรงส่วนที่สำ�คัญท่ีสุดของเขตพุทธาวาส เช่น บริเวณ
ก่ึงกลางหรือศูนย์กลางหรือแกนกลางของผัง อาคารสำ�คัญรองลงมากลุ่มแรกคือ พระ
อุโบสถและพระวิหาร ซึ่งอาคารทั้ง ๒ ประเภทน้ี มักใช้ประกอบคู่กันกับพระเจดีย์เสมอ
หรืออาจใช้ประกอบร่วมกันท้ัง ๓ ประเภท คือ พระอุโบสถ พระเจดีย์ และพระวิหาร

ภาพผังบริเวณวัดพระเชตุพนวิมลมงั คลารามราชวรมหาวิหาร

๒. เขตสังฆาวาส เป็นบรเิ วณพน้ื ทีส่ ว่ นหนึง่ ของวดั ทกี่ �ำ หนดไว้ใหเ้ ป็นทอี่ ย่อู าศยั ของพระ
ภกิ ษุสงฆ์ เพือ่ ให้สามารถปฏิบตั ิภารกจิ ส่วนตัวท่ีไมเ่ กี่ยวเน่ืองกบั พิธีการใดทางศาสนา พืน้ ท่บี ริเวณ
นี้ประกอบไปด้วยอาคารสถานทสี่ มั พันธ์เฉพาะกับกจิ กรรมและวัตรปฏิบัติท่เี ป็นวถิ ีแหง่ การดำ�เนนิ
ชวี ติ ของเพศสมณะ เชน่

๑) กุฏิ : อาคารทใี่ ชส้ ำ�หรับพกั อาศยั
๒) กัปปยิ กุฎี : โรงเกบ็ อาหาร

10 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข
ลักษณะการวางต�ำแหน่งอาคารในผังเขตสังฆาวาส กุฏิ ถือเป็นอาคารหลักส�ำคัญ โดยมีอาคาร
ประเภทอื่นประกอบเพื่อประโยชน์ใช้สอยท่ีเก่ียวเน่ืองกัน ส่วนใหญ่ไม่มีกฎเกณฑ์การวางผังมาก
นกั นอกจากบางประเภทของวดั ช้นั ของวัด ที่ตงั้ รวมท้งั ขนาดยังมผี ลต่อการจัดวางผังของเขตนี้
กล่าวคือ หากเป็นวัดราษฎร์ขนาดเล็กอยู่ในแถบถ่ินชนบท นิยมวางตัวกุฏิกระจายตัวเป็นหลังๆ
อาคารทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบรองหลงั อนื่ ๆ กจ็ ะจดั วางอยใู่ นตำ� แหนง่ ทสี่ ะดวกตอ่ การใชส้ อยของพระ
ภิกษุ

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 11
๓. เขตธรณสี งฆ์ หมายถึง เขตพน้ื ทีใ่ นพระอารามทีว่ ดั ก�ำหนดพนื้ ท่ีบางส่วนที่เหลือจาก
การจดั แบ่งเขตสำ� คญั คือ เขตพุทธาวาส และเขตสงั ฆาวาส ให้เป็นเขตพืน้ ทีส่ �ำหรับเอ้อื ประโยชน์
ใชส้ อยในเชงิ สาธารณะประโยชนใ์ นลกั ษณะตา่ งๆของวดั เชน่
๑) ธรรมศาลา : อาคารหรือโรงเทศนาธรรม
๒) หอระฆงั : อาคารทใ่ี ช้เปน็ เครอ่ื งตีบอกเวลาส�ำหรับพระภกิ ษุสงฆ์
๓) พน้ื ทสี่ เี ขยี ว : พน้ื ทเ่ี ชอ่ื มระหวา่ งเขตพทุ ธาวาสและสงั ฆาวาส หรอื บรเิ วณหลงั วดั
๔) พพิ ธิ ภณั ฑ์ : อาคารทเ่ี กบ็ รกั ษาและแสดงวตั ถโุ บราณหรอื สง่ิ ของสำ� คญั ของวดั
๕) ศูนย์เรยี นร้ชู มุ ชน : อาคารท่ปี ระชมุ และสถานทท่ี �ำกจิ กรรมของวดั และชมุ ชน
๖) ศาลาอเนกประสงค์ : อาคารทใ่ี ช้ประโยชนไ์ ดห้ ลายอยา่ ง แลว้ แตค่ วามตอ้ งการ
๗) เมรุ : อาคารที่ใชใ้ นการจดั การเผาศพ เปน็ ตน้
เขตธรณีสงฆด์ ังกลา่ ว ใช้เปน็ พน้ื ท่ีเปิดโลง่ เพอ่ื สรา้ งความร่มร่นื ให้วดั หรือใช้เป็นสถานที่
กอ่ สรา้ งอาคารอนื่ ๆ เชน่ สรา้ งเมรสุ ำ� หรบั ฌาปนกจิ ศพชมุ ชน ศนู ยเ์ รยี นรชู้ มุ ชนหรอื การตงั้ โรงเรยี น
เพอื่ ให้การศกึ ษาแกส่ ังคม โดยเปน็ พื้นที่ใหค้ ฤหัสถ์เข้ามาเรียนรู้ พักผอ่ น เปน็ ต้น
การแบ่งพนื้ ทีว่ ัดออกเปน็ ๓ สว่ นน้ี ในเชงิ การออกแบบทางสถาปัตยกรรมมคี วามหมาย
สว่ นหนง่ึ คือ เขตพุทธาวาส ใชเ้ ป็นพ้ืนท่ีกึง่ สาธารณะ (Semi-Public Zone)
สว่ นสอง คือ เขตสงั ฆาวาส ใช้เป็นพนื้ ท่ีสว่ นตัว (Private Zone) เฉพาะของพระสงฆ์
ส่วนสาม คือ เขตธรณีสงฆ์ เป็นเสมือนเขตพื้นท่ีสาธารณะ (Public Zone) ส�ำหรับ
ประชาชนทั่วไป
การวางผงั บริเวณภายในวัดดังกลา่ วมีความจำ� เป็นต่อการพฒั นาวดั การบรู ณปฏิสังขรณ์
และการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในวัดให้มีความเหมาะสมกับคติความเช่ือทางพระพุทธศาสนา
สถาปตั ยกรรม ภมู ปิ ัญญาและวิถีวฒั นธรรมของสงั คมไทย

12 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๒.๒ หลกั การออกแบบผังบรเิ วณและการปรบั ปรงุ ภมู ทิ ัศน์ตาม
หลักภมู สิ ถาปัตยกรรม

๑) การจดั ทำ� ผงั แมบ่ ท เปน็ การกำ� หนดพน้ื ทใี่ ชส้ อยใหเ้ ออ้ื สำ� หรบั การทำ� กจิ กรรมในวดั ผสม
ผสาน เรอ่ื งประโยชนใ์ ชส้ อยและความงามเขา้ ดว้ ยกนั ภายใตบ้ รบิ ทของสภาพทตี่ ง้ั ผใู้ ชแ้ ละกจิ กรรม
เพอื่ ท�ำใหเ้ กดิ สภาวะนา่ สบาย น่าอยู่ นา่ ใชง้ าน เป็นการวางแผนการใชง้ านพ้นื ที่อยา่ งมีประสิทธิภาพ
ประหยัด ปลอดภยั เกดิ ประโยชน์สงู สุดทัง้ ในปัจจุบันและอนาคต มสี ่ิงอ�ำนวยความสะดวกครบถ้วน
เพ่ือรองรบั การใชง้ าน มบี รรยากาศทีส่ ง่ เสริมและสนบั สนุนกจิ กรรม
ผังแม่บทจะเป็นเคร่ืองมือช่วยในการวางแผนและบริหารจัดการกายภาพของวัดให้สามารถ
ใชส้ อยพ้ืนทไี่ ดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ และเปน็ ระบบ มีทศิ ทาง ทง้ั การกอ่ สรา้ งอาคาร การวางระบบ
สาธารณปู โภค และการออกแบบปรับปรุงภูมิทศั นใ์ ห้อย่ใู นต�ำแหน่งและมีรปู แบบที่เหมาะสม น�ำไป
สกู่ ารจดั ทำ� แผนการพฒั นาตามผงั แมบ่ ท โดยแบง่ เปน็ ชว่ งเวลา (phasing) เพอื่ ประโยชนใ์ นการบรหิ าร
จดั การ จัดเตรียมพนื้ ท่ี บคุ ลากร และงบประมาณได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ ตลอดจนการดแู ลรกั ษา
และซอ่ มบำ� รุง
การวางผังแม่บทจะประกอบด้วยรายละเอียดการพัฒนาสภาพกายภาพในด้านต่างๆ ได้แก่
การจดั แบ่งเขตการใชท้ ี่ดนิ (zoning) การจัดวางอาคารและส่งิ ก่อสร้าง (Building) ระบบการสญั จร
(Circulation) พ้ืนที่เปิดโล่ง (Open Space) พ้ืนท่ีสีเขียว (Green Area) ระบบสาธารณูปโภค
(Utilities & Infrastructures) และการแบง่ ระยะการพฒั นา (phasing)
๒) งานภูมทิ ัศน์ คอื สภาพทางธรรมชาตแิ ละสิง่ ก่อสร้างท่มี นษุ ย์สร้างขน้ึ เฉพาะภายนอก
อาคารหรือพ้นื ที่ใช้สอยภายนอกอาคาร ทงั้ สงิ่ กอ่ สรา้ ง องค์ประกอบภูมิทศั น์ และ บรรยากาศ เช่น
สวน บรเิ วณพน้ื ทเ่ี วน้ วา่ งระหวา่ งอาคาร พน้ื ทสี่ เี ขยี ว พชื พนั ธ์ุ กอ้ นหนิ กรวด สระนำ�้ นำ�้ พุ งานศลิ ปะ
กลางแจ้ง ศาลา ผนงั ม้านงั่ รั้ว ทจ่ี งกรม ทน่ี งั่ วิปัสสนา ฯลฯ
งานออกแบบภูมิทัศน์ให้ความส�ำคัญกับการศึกษาท�ำความเข้าใจเพ่ือรักษาสภาพธรรมชาติ
เดมิ พยายามรบกวนหรอื เปลย่ี นแปลงใหน้ อ้ ยทสี่ ดุ และตอบสนองตอ่ การเขา้ ไปใชส้ อยพน้ื ทขี่ องมนษุ ย์
เป็นกระบวนการออกแบบ การวางแผน การจัดการ การสร้างสรรค์การปรับใช้หรือพัฒนาพื้นท่ี
ภายนอกอาคาร เพื่อสนองต่อประโยชน์ใชส้ อย มีความงาม กลมกลืนกับสภาพธรรมชาติเดิม รกั ษา
สงิ่ แวดล้อมและทรัพยากร
องค์ประกอบส�ำคญั ของงานภูมิทศั นค์ ือพืชพนั ธ์ุ ทั้งไมย้ ืนต้น (Tree )ไมพ้ ่มุ (Shrub)ไมค้ ลมุ
ดิน (Groundcover) ไมน้ �ำ้ (Aquatic plants)ไม้เลื้อย (Vines or climbers) ซึ่งมีการเจรญิ เตบิ โต

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 13

ออกดอก ออกผล ผลัดใบ อาจมคี วามแตกต่างในแตล่ ะฤดกู าล พชื ตอ้ งการการดูแลรกั ษา จึงทำ� ให้
งานภมู ทิ ศั นเ์ ปน็ งานทไ่ี มห่ ยดุ นง่ิ มกี ารเปลยี่ นแปลงไปตามกาลเวลา และยงั ตอ้ งทำ� ความเขา้ ใจปจั จยั
ที่มีผลต่อพืชพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศ สภาพดิน สภาพน�้ำ แสงแดด อากาศ ธาตุอาหาร
อณุ หภมู ิ และระบบนเิ วศน์ ฯลฯ โดยหลกั การออกแบบสถาปตั ยกรรม ภมู สิ ถาปตั ยกรรมและการวาง
ผังใหก้ บั วัดน้ัน จะคำ� นึงถึงเรือ่ งตอ่ ไปนี้
๑) สง่ เสรมิ ความเปน็ “ศูนย์รวมทางจติ วญิ ญาณ” ของชุมชนและสงั คม พฒั นากายภาพวดั
ใหส้ ่งเสริมความเป็น “พน้ื ท่ศี กั ด์สิ ทิ ธ์”ิ ทสี่ งบ สปั ปายะ เพื่อเออื้ ตอ่ การเรียนรู้ทางจิตวญิ ญาณของ
ชุมชนและสังคมเอ้ือต่อการเรียนรู้และพัฒนาทางจิตวิญญาณ ทั้งบุญกริยา ทาน ศีล ภาวนา และ
ไตรสกิ ขา ศลึ สมาธิ ปญั ญา โดยการออกแบบกายภาพ พนื้ ทกี่ จิ กรรมและการบรหิ ารจดั การทเ่ี หมาะ
สม สร้างความรู้สึกร่วมเป็นเจ้าของวัดร่วมกันกับชุมชน เพื่อส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์ท่ีเข้มแข็ง
การเข้ามาใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีวัด และการร่วมดูแลรักษาร่วมพัฒนาวัดต่อไป โดยให้ความส�ำคัญกับ
กระบวนการมีส่วนร่วมในการออกแบบและพัฒนาวัด
๒) การออกแบบด้วยความสมถะ สมประโยชน์ การน�ำปจั จยั มาใช้ถึงต้องคำ� นงึ และยดึ หลกั
ท่วี ่า “ประโยชน์สูง ประหยดั สุด” ประโยชนส์ งู สุด โดยการออกแบบกายภาพวัดใหต้ อบสนองการใช้
งานและดำ� เนินกจิ กรรมตา่ งๆได้โดยสะดวก มปี ระสทิ ธิภาพ เปน็ สัดส่วน
ประหยัดโดยการใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่แล้ว หรือหามาได้เพื่อน�ำมาใช้ร่วมกับการออกแบบให้มี
ประสทิ ธผิ ลสูงสดุ
๓) การออกแบบใหก้ ลมกลนื กบั ประวตั ศิ าสตร์ สนุ ทรยี ภาพของวดั วถิ ชี วี ติ ชมุ ชน ทง้ั รปู แบบ
และการใชง้ านใหผ้ ใู้ ชง้ านจรงิ เชน่ คณะกรรมการวดั ญาตโิ ยม ชมุ ชน หรอื หนว่ ยงานในพน้ื ทท่ี ท่ี ำ� งาน
ใกล้ชิดกับวดั มสี ว่ นร่วมในการก�ำหนดรูปแบบอาคารและการใชง้ าน การเลอื กวสั ดใุ ห้เหมาะสมกับ
พื้นที่ ความเข้าใจในความงามและคุณค่าของแต่ละพ้ืนที่มีความต่างกันความงามเกิดจากการใช้งาน
น�ำไปสู่รูปแบบที่เหมาะสม สอดคล้อง น�ำหลักสัปปายะมาใช้ในการออกแบบ เพื่อส่งเสริมบทบาท
หลกั คอื การเผยแผธ่ รรมะอาจสอดแทรกภาพปรศิ นาธรรมในอาคารเพอื่ การเรยี นรขู้ องเดก็ นกั เรยี น
ประชาชนในพ้ืนท่ี

๒.๓ การจัดการมรดกวฒั นธรรมและพทุ ธศิลปกรรมภายในวัด

วดั สถานที่โบราณและสงิ่ แวดล้อมศิลปกรรมจดั เปน็ ส่วนหนง่ึ ของ “มรดกวฒั นธรรม” ที่มี
ความหมายครอบคลุมถึงทรัพยากรประเภทต่างๆ ท้ังที่เป็นวัฒนธรรมทางวัตถุและนามธรรม เป็น
มรดกของมนษุ ยชาติ (Heritages) ในทน่ี ีห้ มายถงึ สถานที่ สิง่ กอ่ สรา้ ง และวตั ถสุ ง่ิ ของทเี่ กีย่ วขอ้ งกับ
มนุษย์และวัฒนธรรมที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมาต้ังแต่ในอดีต เป็นส่ิงท่ีสามารถนำ� มาจัดการให้เกิด
ประโยชน์ต่อการด�ำรงชีวติ ของผูค้ นสมยั ปัจจบุ นั “ทรัพยากรวัฒนธรรม” มคี วามหมายถงึ สิ่งต่อไปน้ี

14 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๑) ทรพั ยส์ นิ ทางประวตั ิศาสตร์ (Historic Properties)
๒) โบราณวตั ถุ สิง่ ประดษิ ฐ์ (Artifacts)
๓) เอกสารโบราณ (Documents / Archives)
๔) สง่ิ แวดลอ้ มทางกายภาพทมี่ คี วามเกยี่ วขอ้ งกบั วฒั นธรรม (Physical Environment) ไดแ้ ก่
สถานท่ีมีภมู ิทศั นส์ วยงาม รวมถึงสิง่ แวดลอ้ มท่ีมนุษยส์ ร้างขนึ้ (Built Environment)
๕) ทรพั ยากรที่เป็นนามธรรม (Non- Physical Resources) ไดแ้ ก่ แบบแผนวิถชี ีวิต (Way
of life) แบบแผนพฤติกรรม (Standard of Practice) ขนมธรรมเนียม/วิถีประชา (Norm) คา่ นยิ ม
(Values) ความเชอื่ (Beliefs) ศาสนา (Religion) แบบแผนของปฏิสมั พนั ธใ์ นสงั คม (Pattern of
Interaction) รปู แบบสถาบนั /องคก์ ร (Organizations)
ซ่ึงสายันต์ ไพรชาญจิตร์ ได้ระบุทรัพยากรวัฒนธรรมว่า หมายถึง ส่วนประกอบของระบบ
วัฒนธรรมทั้งหมดในสังคมมนุษย์ทั้งที่เป็นวัฒนธรรมทางวัตถุท่ีจับต้องมองเห็นได้ และท่ีเป็นความ
หมาย ความรู้ ภมู ปิ ญั ญา ความเชอ่ื กฎระเบยี บแบบแผนการปฏบิ ตั ิ จนิ ตนาภาพ และความรสู้ กึ นกึ คดิ
ที่ไมส่ ามารถจับต้องมองเหน็ หรอื สมั ผัสได้ เป็นสง่ิ ที่สามารถจัดการใหเ้ กดิ ประโยชน์แก่การดำ� รงชวี ติ
ของมนุษย์ในแต่ชุมชน แต่ละสังคม แต่ละยุคสมัยได้ และทรัพยากรวัฒนธรรมในสังคมปัจจุบัน
ประกอบด้วยสิง่ ทีเ่ ป็นมรดกสืบทอดมาจากอดีตและสิง่ ทยี่ งั มีการสร้างสรรคด์ ดั แปลงขึ้นมาใหม่ เพื่อ
ใช้สอยให้สมประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของสังคมและชุมชน ในปัจจุบันสามารถจัดแบ่ง
ทรัพยากรวฒั นธรรมออกเป็นประเภทต่างๆ ตามแนวทางการศกึ ษาดา้ นโบราณคดีชมุ ชน ไดแ้ ก่
๑. แหลง่ โบราณคดี (Archaeological Site) หมายถงึ สถานทท่ี เี่ คยมมี นษุ ยใ์ นอดตี เขา้ ไป
ใช้ประโยชนใ์ นการท�ำกจิ กรรมตา่ งๆในการดำ� รงชีวติ หรือกิจกรรมทางวัฒนธรรม ทงั้ ท่ีเป็นการถาวร
หรอื เปน็ ครงั้ เปน็ คราว อาจจะมสี ง่ิ กอ่ สรา้ งหรอื ไมม่ สี ง่ิ กอ่ สรา้ งกไ็ ด้ เชน่ บรเิ วณวดั เกา่ เมอื งเกา่ สสุ าน
ฝงั ศพ กำ� แพงเมอื ง คเู มอื ง สถานทผ่ี ลติ เครอ่ื งถว้ ยชามหมอ้ ไห (แหลง่ เตาโบราณ) ซงึ่ อยภู่ ายในบรเิ วณ
วัดและชมุ ชน เช่น แหลง่ โบราณคดพี ระนครศรอี ยธุ ยา สโุ ขทัย ศรสี ัชนาลัย ก�ำแพงเพชร ย่านเมอื ง
เก่านครศรีธรรมราช แหล่งลูกปัด บา้ นเชยี ง จงั หวัดอดุ รธานี เป็นต้น
๒. โบราณสถาน (Ancient Structures) หมายถึง ส่ิงกอ่ สรา้ งที่มีสภาพและใชว้ สั ดคุ งทน
ที่เกิดจากมนุษยส์ รา้ ง เปน็ ศาสนสถาน สถานท่ปี ระกอบพิธีกรรม สถานท่ธี รรมชาติประเภทถ�้ำและ
เพงิ ผาทค่ี นสมยั โบราณได้ดัดแปลงก่อสร้างตอ่ เตมิ เปน็ อาคาร โรงเรือนหรอื อาคารท่ปี ระกอบกจิ การ
งานอาชพี (ปัน้ หมอ้ ทอผ้า จักสาน หล่อโลหะ ทำ� ลูกปัด ตเี หล็ก ฯลฯ) เชน่ อนสุ าวรยี ์ โบสถ์
วหิ าร หอไตร กฏุ ิ เจดีย์ พระปรางค์ ต้นโพธิ์ ตน้ ไทร ต้นไม้ศักดิส์ ทิ ธิ์ ศาลเจ้า เสาอนิ ทขลี
ปราสาทขอม เสาชงิ ชา้ พราหมณ์ ฯลฯ ทมี่ สี ภาพตดิ ทไ่ี มส่ ามารถเคลอ่ื นยา้ ยได้ โดยในพระราชบญั ญตั ิ
โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศลิ ปวตั ถุ และพิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ( แก้ไขเพ่มิ เตมิ

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 15

พ.ศ. ๒๕๓๕ ) มาตรา ๔ ระบวุ า่ โบราณสถาน หมายถงึ อสงั หาริมทรัพย์ ซง่ึ โดยอายุหรือโดย
ลักษณะแห่งการก่อสร้างหรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์น้ันเป็นประโยชน์ใน
ทางศิลป์ ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี ท้ังน้ี ให้รวมถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งโบราณคดี แหล่ง
ประวัตศิ าสตรแ์ ละอุทยานประวัตศิ าสตร์ดว้ ย
๓. วัตถุโบราณ (Ancient Objects) หมายถงึ วตั ถุสิ่งของ เคร่อื งมอื เครื่องใช้ ที่เกิดจาก
การประดษิ ฐด์ ว้ ยฝมี อื คนหรอื เกดิ จากการดดั แปลงจากวสั ดทุ ม่ี อี ยตู่ ามธรรมชาตติ ามภมู ปิ ญั ญาความ
รขู้ องคนในยคุ สมยั ตา่ งๆ เพอื่ ใชป้ ระโยชนใ์ นการดำ� รงชวี ติ และเกยี่ วขอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ วฒั นธรรม ทงั้ ดา้ น
เศรษฐกจิ (การทำ� มาหากนิ ) การศึกษา (การอบรมสงั่ สอน) การรักษาพยาบาลและปอ้ งกนั โรคภยั ไข้
เจบ็ การประกอบพิธีกรรมตามความเช่ือในวาระต่างๆ ของชวี ติ เช่น การสรา้ งงานศิลปะและชิ้นงาน
ศลิ ปะประเภทแกะสลักไม้ แกะสลักหิน ภาพวาด พระพทุ ธรูป ปูนปัน้ หล่อโลหะ หนังสอื ศลิ า
จารึก คมั ภรี ์ใบลาน สมดุ ขอ่ ย ปบ๊ั สา ปั๊บหลนั่ เงนิ เหรียญ วตั ถุสมมติแทนเงนิ ตรา ธนบัตร รปู
เคารพในศาสนาและระบบความเชอ่ื ต่างๆ ธรรมาสน์ อาสนะ เฟอรน์ เิ จอร์ ตู้ โตะ๊ เตยี ง เกา้ อ้ี
ฯลฯ ซงึ่ วัตถุโบราณในที่นี้หมายรวมถงึ โบราณวัตถแุ ละศิลปวตั ถุ ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิ
โบราณสถานฯ พ.ศ. ๒๕๐๔ ระบุว่า โบราณวตั ถุ หมายถงึ สังหาริมทรพั ย์ท่เี ป็นของโบราณ ไมว่ า่
จะเปน็ สงิ่ ประดษิ ฐห์ รอื เปน็ สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ ตามธรรมชาติ หรอื เปน็ สว่ นใดสว่ นหนงึ่ ของโบราณสถาน ซาก
มนุษย์หรือซากสัตว์ ซึ่งโดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการประดิษฐ์หรือโดยหลักฐานเก่ียวกับประวัติ
ของสงั หารมิ ทรพั ยน์ นั้ เปน็ ประโยชนใ์ นทางศลิ ป์ ประวตั ศิ าสตร์ หรอื โบราณคดี และศลิ ปวตั ถุ หมาย
ถงึ สงิ่ ท่ีท�ำขน้ึ ดว้ ยมอื อย่างประณีตและมคี ุณคา่ สูงในทางศิลป์ด้วย
ทรพั ยากรวฒั นธรรมดงั กลา่ ว สว่ นใหญม่ อี ยภู่ ายในวดั ทกุ วดั ในสงั คม ลว้ นมคี วามสำ� คญั เปน็
ทรพั ยากรทม่ี คี ณุ คา่ และจดั เปน็ ทนุ ทางสงั คมเชงิ
วฒั นธรรมทใ่ี หท้ งั้ คณุ คา่ และมลู คา่ ทางดา้ นตา่ งๆ
เป็นเร่ืองราวที่บอกเล่าอดีตท่ีสะท้อนมาถึงภาพ
ความเป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงเป็น
สง่ิ ทสี่ ามารถนำ� มาจดั การใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ การ
ดำ� รงชีวติ ของผคู้ นสมยั ปัจจบุ ันได้

ตใู้ สค่ มั ภรี ใ์ บลานจดั เปน็ โบราณวตั ถคุ วรคา่ แกก่ ารอนรุ กั ษ์

16 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๒.๔ ความสำ�คญั และประโยชน์ของทรพั ยากรทางวฒั นธรรม

๑. เปน็ หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ แสดงถงึ ความเปน็ มาของชมุ ชนและสงั คมระดบั ตา่ งๆ
๒. เป็นส่งิ ที่แสดงถงึ ความเป็นอตั ลักษณ์ (Identity) และเอกลักษณ์ของชมุ ชน ชาติพันธ์ุ
และสงั คมในระดับชาติ
๓. เปน็ วัตถุพยานแสดงศักยภาพของชมุ ชนในการด�ำรงวถิ ีชีวิตและการปรบั ตัวเข้ากบั สง่ิ
แวดล้อมและสงั คมอน่ื ๆตามสถานการณ์และล�ำดบั เวลาทผี่ า่ นมา
๔. เปน็ ทนุ ของชมุ ชน ทสี่ ามารถนำ� ไปจดั การใหเ้ กดิ ประโยชนใ์ นกระบวนการพฒั นาชมุ ชน
ท้งั ทางดา้ นการศึกษา สงั คม วัฒนธรม เศรษฐกิจ การสาธารณสุข และกจิ กรรมการท่องเทยี่ ว
๕. เปน็ ปจั จยั พน้ื ฐานของการศกึ ษาเรยี นรแู้ ละการผลติ ซำ�้ ทางวฒั นธรรม ทส่ี ามารถนำ� ไป
สู่การสร้างสรรคแ์ ละการจัดประโยชน์ในสังคมรุน่ หลังได้

๒.๕ แนวทางการดแู ลรกั ษาโบราณสถานและทรพั ยากรวฒั นธรรม
ภายในวดั

กรมศลิ ปากรและหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งไดก้ ำ� หนดระเบยี บวา่ ดว้ ยการอนรุ กั ษโ์ บราณสถาน
พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยเสนอวธิ กี ารอนรุ กั ษโ์ บราณสถาน โบราณวตั ถุ และสง่ิ แวดลอ้ มศลิ ปกรรม อนั เปน็
มรดกวฒั นธรรม ซ่ึงต้งั อยสู่ ถานท่ตี า่ งๆ และภายในวดั ดังน้ี
๑. หลักการอนุรักษ์ การดูแลรักษาโบราณสถานเพ่ือให้คงคุณค่าไว้ รวมถึงการป้องกัน
การรกั ษา การสงวน การปฏสิ ังขรณ์ และการบรู ณะทรี่ วมเรียกวา่ “การอนรุ ักษ“์ การอนรุ กั ษ์
คอื การดูแลรักษาตวั โบราณสถานมใิ หช้ ำ� รุดหรือถูกทำ� ลายลงไปกวา่ ทเ่ี ป็นอยู่ การอนรุ กั ษ์มกี าร
ปฏิบัติงานหลายระดับซ่ึงแต่ละระดับเป็นไปตามค่านิยมของแต่ละท้องถ่ินและมีวิธีการที่แตกต่าง
ไปตามวสั ดุทใ่ี ชก้ อ่ สร้างเปน็ โบราณสถาน โดยการอนรุ กั ษจ์ �ำแนกออกได้ ๓ ระดับได้แก่
๑) การสงวนรักษา หมายถึง การดูแลรักษาไว้ตามสภาพเดิมเท่าท่ีเป็นอยู่และ
ป้องกนั มใิ ห้เสียหาย
๒) การปฏสิ ังขรณ์ หมายถึง การทำ� ใหก้ ลับคืนสู่สภาพท่เี คยเปน็ มา
๓) การบรู ณะ หมายถึง การซอ่ มแซมและการปรับปรงุ ใหม้ ีรูปทรงเดิมมากทีส่ ดุ
เท่าที่จะมากได้ แต่ต้องแสดงความแตกต่างของส่ิงที่มอี ยูเ่ ดมิ และสงิ่ น้ที ำ� ขึ้นใหม่
การอนรุ กั ษโ์ บราณสถานโดยหลกั การทถ่ี กู ตอ้ ง ตอ้ งกำ� หนดกรอบการอนรุ กั ษไ์ วใ้ หช้ ดั เจน
วา่ จะทำ� การอนรุ กั ษใ์ นระดบั ใดเปน็ หลกั หากเปน็ โบราณสถานขนาดใหญท่ ม่ี หี ลายสว่ นตอ้ งกำ� หนด
กรอบลงไปใหช้ ดั เจนวา่ จะทำ� การอนรุ กั ษส์ ว่ นไหนระดบั ใด เปน็ ตน้ การกำ� หนดกรอบดงั กลา่ วเรยี กวา่
การกำ� หนดวัตถุประสงคเ์ ปา้ หมายและมาตรการการอนรุ กั ษโ์ บราณสถาน

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 17

๒.วธิ ีการอนุรกั ษโ์ บราณสถาน มวี ิธีการอนรุ ักษ์ ดงั นี้
๑) ศึกษาคน้ ควา้ หาขอ้ มลู หลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ โบราณคดี ศิลปกรรม และ
สถาปัตยกรรมเพ่อื เป็นความร้พู นื้ ฐานในการก�ำหนดแนวทางการอนุรกั ษโ์ บราณสถานแต่ละแห่ง
๒) กำ� หนดกรอบการอนรุ กั ษ์โบราณสถานแต่ละแห่งใหช้ ัดเจน เพ่อื ใช้เป็นแนวทาง
ในการอนรุ กั ษ์ พรอ้ มทัง้ กำ� หนดนโยบาย วัตถปุ ระสงค์ เปา้ หมาย และการเลอื กใชว้ ิธีการอนุรกั ษ์
๓) การสร้างรูปแบบ ก�ำหนดวิธีการและรายละเอียดในการอนุรักษ์ ตลอดจนการ
กำ� หนดวสั ดุท่นี �ำมาใช้ โดยใช้แนวคิด (๓ E-Model) ได้แก่
- E1-Education ใหก้ ารศกึ ษาเรยี นรเู้ พอ่ื ใหเ้ หน็ คณุ คา่ และความสำ� คญั ของ
ทรพั ยากรวัฒนธรรมภายในวดั
- E2-Engineering การสร้างสรรค์เพ่ือให้เกิดการอนุรักษ์และประดิษฐ์
นวตั กรรมในการจดั การ โดยใชป้ ระเพณใี นการสง่ เสรมิ การอนรุ กั ษ์ เชน่ การสรงนำ้� พระธาตุ ประเพณี
ของแต่ละวดั เป็นตน้ เพือ่ ใหค้ นระลึกถึงสงิ่ ทีม่ ีคณุ ค่าในโบราณสถานน้นั ๆ
- E3-Enforcement การบังคับใช้กฎระเบียบ เช่น การขึ้นทะเบียนเป็น
โบราณวตั ถุ และโบราณสถานท่ถี กู ต้องตามกฎหมาย
๔) การด�ำเนนิ งานในการอนุรักษ์ โดยทวั่ ไปงานอนรุ ักษ์โบราณสถานเป็นหน้าที่ของ
กรมศิลปากร โดยการมีสว่ นร่วมของวดั ชุมชน และหน่วยงานท่เี กี่ยวข้อง
๕) การปรบั ปรงุ ภูมทิ ัศน์ ไดแ้ ก่ การทำ� ผงั บรเิ วณพ้ืนทโ่ี บราณสถานใหส้ อดคลอ้ งกบั
ประโยชนใ์ ชส้ อยปัจจบุ นั และสง่ เสรมิ ให้โบราณสถานสง่างาม ตามที่พ้ืนทส่ี ามารถรองรบั ได้
การจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมสามารถด�ำเนินการได้โดยความร่วมมือของหน่วยงานท่ี
เกี่ยวข้อง วัด และชมุ ชน ซึ่งเปน็ กระบวนการที่
เกยี่ วเนอ่ื งกบั ทรพั ยากรวฒั นธรรมทมี่ อี ยตู่ ง้ั แต่
ในอดีตของวัดและชุมชน รวมเรียกว่า มรดก
(Heritage) ซึ่งอาจเป็นแหล่งโบราณคดีสมัย
ก่อนประวัติศาสตร์ เมืองและชุมชนโบราณ
แหล่งเตาผลิตเคร่ืองถ้วยชาม วัดวาอาราม
โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวตั ถุ รวมทัง้
ภูมิปัญญา ความรู้ ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นต้น โดยมีแนวทางการจัดการและการ
อนุรักษ์ตามทีก่ ลา่ วแลว้

18 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๒.๖ การจัดการสงิ่ แวดลอ้ มภายในวดั

การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มภายในวดั เปน็ จดุ เรมิ่ ตน้ ทดี่ ใี นการดแู ลสขุ ภาพอนามยั ทง้ั ทางกายและ
จิตใจ โดยมุ่งเนน้ การจดั การ การดูแล และการปรับปรงุ สภาวะต่างๆ ควบคู่กับการใหค้ วามสำ�คัญกบั
การมสี ว่ นร่วมของทกุ ฝา่ ย โดยมีวัดและพระสงฆเ์ ปน็ ผู้นำ�ในเรอ่ื งการจดั การสงิ่ แวดล้อม และการเผย
แพรค่ วามรู้ แนวคดิ ดา้ นการอนรุ กั ษฟ์ น้ื ฟทู รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มใหแ้ กช่ มุ ชนและสงั คม
รวมท้ังการเสริมศักยภาพในการปลูกจิตสำ�นึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมและส่ิงแวดล้อมให้แก่
ชมุ ชนและสงั คม
แนวทางการจัดการส่ิงแวดล้อมภายในวัดมีเป้าหมายเพื่อให้วัดและชุมชน มีความสะอาด
ร่มรนื่ สวยงาม เป็นรมนียสถาน เหมาะสมกับกาเรียนร้แู ละการปฏิบตั ธิ รรม โดยแนวทางการจดั การ
น้นั โดยมุ่งเนน้ ให้พระภกิ ษสุ งฆแ์ ละพุทธศาสนิกชนไดป้ ฏิบัติดแู ลรักษาความสะอาด การปลกู ต้นไม้
การคดั แยกขยะ การบำ� บดั นำ้� เสยี และการดแู ลสขุ อนามยั ภายในวดั ควบคกู่ บั การสง่ เสรมิ ใหท้ กุ ภาค
ส่วนเข้ามามสี ว่ นร่วมดำ� เนนิ งาน นับตง้ั แต่การวางแผน การออกแบบพุทธศลิ ปกรรมภายในวดั การ
ด�ำเนินการ การติดตามประเมินผล และการสรุปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการจัดการตามหลัก
นิเวศวิทยาเชงิ พุทธ


กรมสง่ เสรมิ คณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม กระทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ไดก้ ำ� หนดแนวทาง
การจัดการสิ่งแวดลอ้ มภายในวัดไวเ้ พือ่ ประโยชน์ตอ่ การมีคณุ ภาพส่งิ แวดลอ้ มท่เี หมาะสม มีสุขภาพ
อนามัยทด่ี ี โดยมสี ่งิ แวดล้อมท่ีเกย่ี วข้องจ�ำนวน ๙ ประเดน็ ได้แกน้่ ที่สีเขยี ว
๑. การจดั การพน้ื ทีส่ เี ขียวภายในวดั พน้ื ทสี่ เี ขยี ว (green space) หมายถงึ พน้ื ทก่ี ลางแจง้
และกึ่งกลางแจ้งท่ีมีขอบเขตที่ดินท้ังหมดหรือบางส่วนหรืออาจมีอาคารตั้งอยู่บางส่วน เป็นพื้นท่ี
สาธารณะทปี่ ระชาชนสามารถเขา้ ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ ประกอบดว้ ยพนื้ ทสี่ เี ขยี วเพอ่ื นนั ทนาการและความ

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 19
งามทางภมู ทิ ศั นซ์ ง่ึ ตงั้ อยภู่ ายในวดั หรอื บรเิ วณรอบวดั แนวทางด�ำเนนิ การดังน้ี
(๑) การปลกู ตน้ ไมเ้ พอ่ื ความสวยงาม ดแู ลรกั ษาตน้ ไมแ้ ละพนื้ ทสี่ เี ขยี วอยเู่ ปน็ ประจำ�
เพอ่ื สรา้ งความรม่ รนื่ และสวยงามในเขตพน้ื ทต่ี ง้ั วดั เชน่ การปลกู ไมย้ นื ตน้ ไมพ้ มุ่ ไมด้ อก ไมป้ ระดบั
และไมก้ ระถาง เช่น บริเวณลานจอดรถ พื้นท่รี กร้าง พ้ืนท่ี สองขา้ งทางเดินเท้าและริมถนน ควรเปน็
ชนิดพันธุเ์ ดยี วกัน เพื่อใหเ้ กดิ ความความสมำ่� เสมอและดูแลจดั การไดง้ ่าย
(๒) การปลกู ตน้ ไมใ้ นพระพทุ ธศาสนา หรอื ตน้ ไมต้ ามทป่ี รากฏในคมั ภรี ท์ างพระพทุ ธ
ศาสนา โดยมีป้ายช่ือชนิดต้นไม้และความส�ำคัญทางพุทธศาสนา โดยมีการดูแลบ�ำรุงรักษาต้นไม้ใน
พระพุทธศาสนาอยา่ งสม่ำ� เสมอ
(๓) การอนุรกั ษต์ ้นไมใ้ หญภ่ ายในวัด (อายุ ๓๐ ปขี นึ้ ไป) แนวคิดและหลักการของ
พระพทุ ธศาสนาในการอนรุ กั ษต์ น้ ไมใ้ หญ่ คอื “การไมท่ ำ� ลายปา่ และตน้ ไมใ้ นทกุ มติ ”ิ ดงั นนั้ พระสงฆ์
ทมี่ บี ทบาทในการอนรุ กั ษป์ า่ และสงิ่ แวดลอ้ ม จงึ พยายามทจ่ี ะหาวธิ แี ละแนวทางทจ่ี ะรกั ษาปา่ ไวไ้ มใ่ ห้
ถกู ทำ� ลาย ขณะเดยี วกนั กพ็ ยายามเพม่ิ พน้ื ทปี่ า่ มากขน้ึ ดว้ ยแนวคดิ และวธิ กี ารตา่ งๆ ทเ่ี หมาะสม เชน่
การบวชตน้ ไม้ การขึน้ ทะเบยี นตน้ ไม้ เป็นตน้
(๔) การปลกู พชื สมนุ ไพร/การปลกู ผกั พืน้ บา้ น ประโยชนพ์ ชื สมนุ ไพร คอื พชื ท่ีใชท้ ำ�
เปน็ เครอื่ งยาชว่ ยสง่ เสรมิ สขุ ภาพและการรกั ษาโรค จงึ ควรสง่ เสรมิ การปลกู และการบรโิ ภคผกั พน้ื บา้ น
และพชื สมนุ ไพรของไทย โดยใชว้ ดั เปน็ แหลง่ เรยี นรใู้ นการสง่ เสรมิ การขยายพนั ธผ์ุ กั พน้ื บา้ นทห่ี ายาก
เพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่ชุมชนและวัด และควรมีการบ�ำรุงรักษาพืชสมุนไพรและผักพ้ืนบ้านอย่าง
ตอ่ เนื่อง


๒. การจัดการอาคารและสถานที่ การสุขาภบิ าลอาคารและสถานท่ี หมายถงึ การจดั การ
ควบคุมดูแลอาคารและสถานท่ีให้สะอาดถูกสุขลักษณะ เพื่อให้วัดมีสุขาภิบาลท่ีดี มีความปลอดภัย

20 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

และ ไม่เปน็ แหล่งก�ำเนดิ โรคระบาด โดยมวี ธิ ดี ำ� เนินการ ดงั นี้
(๑) การก�ำหนดแผนผังการใช้พ้ืนที่ โดยก�ำหนดพื้นท่ีภายในวัดเป็นสัดส่วนชัดเจน
วดั โดยทวั่ ไปนยิ มแบ่งเขตพื้นท่ีภายในออกเป็น ๓ สว่ นใหญๆ่ คอื เขตพทุ ธาวาส เขตสงั ฆาวาส เขต
ธรณสี งฆ์ ตามทกี่ ล่าวแลว้ เพ่ือใหม้ คี วามเปน็ ระเบยี บ เรยี บรอ้ ย สวยงาม
(๒) การรกั ษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ โดยเริ่มจากบริเวณรอบวดั (ถนน
ทางเดิน ลานวัด ที่จอดรถ พื้นที่เปดิ โลง่ ) ศาลาการเปรยี ญ/อุโบสถ/อาคาร บรเิ วณกุฎิ หรือท่พี กั ห้อง
ครวั หอ้ งนำ�้ ห้องสขุ าสาธารณะ รา้ นคา้ สามารถนำ� หลัก ๕ส มาประยกุ ต์ใช้ในการดำ� เนนิ การจดั การ
ความสะอาดและความเปน็ ระเบียบภายในวัด
(๓) การดแู ลบรเิ วณห้องครวั ให้มีความสะอาด มรี ะบบการจดั เกบ็ ที่ปลอดภยั มแี สง
สว่างทีเ่ หมาะสม เปน็ ต้น
(๔) การจัดการร้านค้า/สังฆทานภายในวัด โดยมีการดูแลความสะอาด บริเวณร้าน
ค้า มถี งั ขยะรองรบั ขยะอยา่ งเพยี งพอ มีฝาปิด มกี ารคัดแยกขยะท่เี หมาะสม
(๕) ห้องน้�ำ ห้องสุขาสาธารณะ โดยการจัดการห้องน้�ำ ห้องสุขาสาธารณะให้ได้
มาตรฐาน ไมใ่ หเ้ ปน็ แหลง่ แพรโ่ รคตดิ ตอ่ และสรา้ งความพงึ พอใจของผู้ ใชบ้ รกิ าร จะเนน้ การพฒั นาเรอ่ื ง
สะอาด เพยี งพอ และปลอดภยั โดยครอบคลมุ ในประเด็น พนื้ ผนัง เพดาน โถสว้ ม/โถปัสสาวะ ที่กด
โถส้วม/โถปสั สาวะ สะอาด ไม่มคี ราบสกปรก อยู่ในสภาพดี ใช้งานได้ มนี �้ำใช้ สะอาด เพียงพอ และ
ไมเ่ ปน็ แหล่งเพาะพนั ธย์ ุง รวมถึงภาชนะเกบ็ กกั นำ�้ ขันตกั น้ำ� สะอาด อยใู่ นสภาพดี ใชง้ านได้ เปน็ ตน้

๓. การจัดการขยะมูลฝอยและพวงหรดี การจัดการขยะภายในวัดและขยะจากการใช้หรีด
การใช้พวงหรีดดอกไมส้ ด พวงหรีดพลาสตกิ โฟม เมื่อเสร็จงานแลว้ จะมขี ยะจ�ำนวนมากทวี่ ดั จะต้อง
กำ� จัด ดงั นนั้ วดั ควรมีแนวทางในการจดั การขยะทว่ั ไปและขยะจากพวงหรีดทเี่ กดิ ข้ึน และรณรงคใ์ ห้
มีการใช้พวงหรดี ชนิดท่ีสามารถก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์หลังเสร็จสิน้ งานศพ โดยมแี นวทางดังน้ี
(๑) เรมิ่ จากการลดขยะให้เหลอื น้อยทสี่ ดุ เพือ่ ใหส้ ะดวกกบั การบริหารจดั การ
(๒) ควรมีการรณรงค์ ใหพ้ ุทธศาสนิกชนชว่ ยกันลดปริมาณขยะ หรือหันมาใช้บรรจุ
ภัณฑ์ทยี่ อ่ ยสลายได้งา่ ย
(๓) การคัดแยกขยะตามประเภทขยะ ได้แก่ ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ขยะอินทรีย์

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 21
เศษใบไม้ และขยะอนั ตราย รวมถงึ การกำ� จดั อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม และเกดิ ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม
น้อยท่ีสุด เชน่ การจดั การขยะรไี ซเคลิ ถา้ วดั มกี ารคดั แยก สามารถนำ� ไปขายเพอ่ื สรา้ งรายได้ ขยะ
ประเภทนไี้ ดแ้ ก่ กระดาษ ขวดพลาสตกิ ขวดแกว้ เปน็ ตน้
(๔) สร้างความเขา้ ใจให้แกพ่ ุทธศาสนกิ ชนถงึ ปญั หาปรมิ าณขยะทัว่ ไปและขยะจาก
พวงหรดี เพอื่ ใหพ้ ทุ ธศาสนกิ ชนเลอื กใชพ้ วงหรดี ทสี่ ามารถนำ� มาใชป้ ระโยชนห์ ลงั เสรจ็ งานศพได้ และ
ลดปรมิ าณขยะทว่ี ัดตอ้ งจัดการ เช่น พวงหรีดตน้ ไม้ พวงหรดี จากเครอื่ งครัวท้งั จาน ชอ้ น ถว้ ย ชาม
จักรยาน เกา้ อ้ี ผา้ ห่ม เคร่ืองใช้ไฟฟา้ เชน่ พดั ลม กานำ�้ รอ้ น เครื่องป่นั อาหาร นาฬิกา หม้อหงุ ขา้ ว
เป็นต้น ส�ำหรับพวงหรีดดอกไม้สด ดอกไม้อาจน�ำไปท�ำปุ๋ยหมัก ส่วนโครงฟางพวงหรีดสามารถน�ำ
กลบั มาเป็นโครงใหม่ หรือแยกจ�ำหน่าย


๔. การจัดการน้�ำเสีย ปัญหาน้�ำเสียภายในวัดส่วนใหญ่เกิดจากการซักล้างทำ� ความสะอาด
การประกอบอาหาร และสิ่งขับถ่าย ซ่ึงมีการปนเปื้อนของสารอินทรีย์ และ อาจมีเชื้อโรคที่แพร่
กระจายออกสู่ส่ิงแวดล้อม ดังนั้น น�้ำเสียเหล่าน้ีควรผ่านการบ�ำบัดก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม
ภายนอก เพอื่ ลดความสกปรก และความเปน็ พษิ ของนำ�้ เสยี รวมถงึ ทางวดั ควรมมี าตรการการประหยดั
นำ้� ซงึ่ จะชว่ ยลดปรมิ าณนำ�้ เสยี ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากกจิ กรรมตา่ งๆ เชน่ การลา้ งภาชนะ การชำ� ระลา้ งทำ� ความ
สะอาด เป็นต้น รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑท์ �ำความสะอาดทเ่ี ป็นมติ รกับส่ิงแวดล้อม ส�ำหรับการบ�ำบัด
น้ำ� เสยี ในแต่ละแหลง่ กำ� เนดิ มแี นวทางการจดั การ ดงั นี้
(๑) การจัดการเศษอาหาร และกากไขมัน โดยการส�ำรวจปริมาณน้�ำเสียท่ีเกิดขึ้น
เพอื่ หาขนาดถงั ดกั ไขมนั ใหเ้ หมาะสมกบั ปรมิ าณนำ�้ เสยี และลดการใชน้ ำ้� มนั ในการปรงุ อาหาร เทเศษ
อาหารออกจากภาชนะก่อนนำ� ไปลา้ ง ไม่เทน้�ำมันทีใ่ ชแ้ ลว้ ลงน้�ำทง้ิ หรือทอ่ ระบายน้ำ� ควบคุมน้ำ� เสยี
จากกจิ กรรมตา่ งๆ และนำ� ไปจดั การอย่างเหมาะสม
(๒) การจดั การนำ้� เสยี จากสว้ ม นำ้� เสยี จากสว้ ม เปน็ นำ�้ เสยี ทมี่ สี ง่ิ ปฏกิ ลู และแอมโมเนยี

22 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

เจอื ปนอยู่ ซง่ึ นำ้� เสยี ทเ่ี กดิ ขน้ึ ควรบำ� บดั โดยใหน้ ำ�้ เสยี ไหลผา่ นถงั เกรอะกอ่ นโดยบอ่ เกรอะจะมลี กั ษณะ
เป็นบ่อปิด นำ�้ ซมึ ไม่ได้ โดยให้มีการดูแลอย่างต่อเน่อื ง
(๓) การจัดการน�้ำเสียจากกิจกรรมอ่ืนๆ จะต้องมีการจัดการ/ระบบบ�ำบัดน้�ำเสียท่ี
เหมาะสมกับต่อขนาดและกิจกรรมของวัด สามารถบ�ำบัดน�้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการ
ดแู ลบ�ำรงุ รกั ษาระบบจดั การน�ำ้ เสยี อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เชน่ ถ้าวัดมีนำ�้ เสียจาการอาบนำ�้ และการ
ซกั ล้าง จ�ำนวนมาก ควรใหน้ �้ำเสยี ไหลผา่ นบอ่ เกรอะเพื่อก�ำจดั สารอินทรีย์ เศษไขมัน คราบสบู่ แล้ว
ผ่านไปยังบ่อกรองไร้อากาศต่อไป หรือบ�ำบัดน้�ำเสียโดยติดตั้งถังบ�ำบัดน้�ำเสียส�ำเร็จรูป ระบบการ
ท�ำงานของถังบ�ำบัดน้�ำเสียสำ� เร็จรูป ใช้หลักการ “จลุ ินทรยี ก์ ำ� จดั จุลนิ ทรยี ”์ โดยกากของเสยี ซ่งึ ไหล
ลงสู่ถังบ�ำบัดน้�ำเสีย จะตกตะกอนอยู่ก้นถังท่ีเต็มไปด้วยจุลินทรีย์คอยย่อยสลาย ท�ำให้ไม่มีกลิ่น
เนอ่ื งจากไมม่ ตี ะกอนตกคา้ งในถงั และไมต่ อ้ งพง่ึ การระบายนำ้� ของบอ่ ซมึ สำ� หรบั นำ�้ ทผ่ี า่ นการบำ� บดั
แล้วจะปล่อยลงสู่ท่อระบายนำ้� สาธารณะ


ตวั อย่างการติดต้ังบ่อดกั ไขมันบรเิ วณพน้ื ทล่ี า้ งจาน
๕. การจัดการเตาเผาศพ (เมร)ุ “การเผาศพ” ถอื เปน็ ธรรมเนยี มประเพณขี องชาวพทุ ธที่
ยดึ ถอื ปฏบิ ตั กิ นั มาชา้ นานอาจจะมพี ธิ กี รรมทอ่ี าจแตกตา่ งกนั ไปขน้ึ อยกู่ บั ความเชอ่ื ของพทุ ธศาสนกิ ชน
ในท้องถิ่น เมรเุ ผาศพจะเป็นแหลง่ ก่อมลพษิ ทางอากาศ ประเภทฝ่นุ ละออง กา๊ ซคารบ์ อนมอนนอก
ไซด์ ก๊าซซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ เขม่าและขีเ้ ถา้ จากการเผาศพ แต่ถ้ามีการนำ� วสั ดุ สง่ิ ของใส่รวมลงไป
ในการเผาศพ เชน่ การใสว่ สั ดปุ ระเภทพลาสตกิ ใยสงั เคราะหอ์ ปุ กรณต์ กแตง่ โรงศพทเ่ี ปน็ วสั ดพุ ลาสตกิ
พวงหรีด กระดาษเงินกระดาษทอง เทพพนม เพราะยังสารพิษประเภท “ไดออกซิน/ฟิว
แรนส์”(Dioxins /Furans) ซ่ึงไดออกซนิ ฟวิ แรนส์ เพียง ๐.๐๐๐๐๐๐๑ มิลลิกรัม สามารถสง่ ผลต่อ
รา่ งกายมนุษย์ และหากได้รับพิษสะสมเขา้ ไปในรา่ งกายเปน็ ระยะเวลานาน กอ็ าจจะสง่ ผลออกมาใน
รปู ของ นำ�้ หนกั ลด โรคผวิ หนงั ตบั อกั เสบ ระบบภมู คิ มุ้ กนั บกพรอ่ ง อณั ฑะมรี ปู รา่ งผดิ ปกติ การสรา้ ง
อสุจิลดลง ตวั ออ่ นหรือทารกผิดปกติ กอ่ ใหเ้ กิดโรคมะเร็ง โดยมีแนวทางการจดั การ ดงั นี้

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 23

(๑) วดั ควรมกี ารดำ� เนินการเพ่อื กอ่ ใหเ้ กดิ มลพิษนอ้ ยท่สี ดุ โดยหลีกเล่ยี งการใสว่ ัสดุ
ประเภทพลาสตกิ ลงไปในโลงศพ การเกดิ มลพษิ ทางอากาศจากเตาเผาศพมสี าเหตหุ ลกั จาก เชอื้ เพลงิ
ทใ่ี ช้ เตาเผาศพทใี่ ชไ้ มฟ้ นื หรอื ถา่ นเปน็ เชอื้ เพลงิ มกั จะเกดิ ปญั หามลพษิ มากกวา่ การใชน้ ำ�้ มนั หรอื กา๊ ซ
รูปแบบของเตาเผาศพ เตาเผาศพแบบ ๒ ห้องเผา
จะมีห้องเผา ๒ หอ้ ง ห้องแรก เปน็ หอ้ งเผาศพ จะ
ต้องออกแบบให้เกิดการเผาไหม้ทีส่ มบูรณ์
(๒) หากมแี ผนงานปรบั ปรงุ เมรใุ หม่
ควรเป็นเตาเผาศพแบบ ๒ หัวเผาหรือเตาเผาไร้
มลพิษ เตาเผาแบบน้ีเป็นเตาเผาท่ีออกแบบและมี
เทคนิคการเผาทันสมัย โดยแบ่งห้องเผาไหม้ ออก
เป็น ๒ หอ้ ง เตาเผาแบบน้จี ะใชเ้ หล็กกลา้ เป็นผนงั
และบุด้วยอิฐทนไฟ นิยมใช้น้�ำมันดีเซล หรือก๊าซ
LPG เป็นเชื้อเพลิง มีหวั เผา ๒ หัว โดยหัวเผาใหญ่
ส�ำหรับห้องเผาศพ ส่วนหัวเผาเล็กส�ำหรับห้องเผา
ควันและกลิ่น เพ่ือก�ำจัดมลพิษให้หมดไปหรือให้
เหลือนอ้ ยทสี่ ดุ ก่อนปลอ่ ยออกไปทางปล่องควันและอาจจะมรี ะบบควบคุมมลพษิ ทางอากาศอ่ืนๆ ท่ี
จำ� เป็นเพอ่ื ควบคมุ การระบายมลพิษทางอากาศให้เปน็ ไปตามมาตรฐานท่ีกำ� หนด
(๓) ก�ำหนดให้พนักงาน (สัปเหร่อ) จะต้องเดินระบบเตาเผาเดินระบบการเผาไหม้
ตามเกณฑท์ ีเ่ หมาะสม และคอยตรวจระบบการเผาไหม้อยเู่ สมอ
(๔) มกี ารดูแลรักษาเตาเผาอย่างสม่ำ� เสมอ เช่น การซ่อมบำ� รุงปีละ ๒ คร้ัง รวมท้ัง
ความสะอาดบรเิ วณเตาเผาศพอย่างตอ่ เนือ่ ง

๖. การปอ้ งกันเพลงิ ไหม้ วัดควรจดั ทำ� วธิ ีการปอ้ งกันและแผนระงับเหตฉุ กุ เฉนิ พรอ้ มทั้งมี
การตรวจสอบวสั ดแุ ละอปุ กรณต์ า่ งๆ ในวดั เชน่ สายไฟและอปุ กรณอ์ ยใู่ นสภาพดี เพอ่ื เตรยี มรบั กรณี
ฉุกเฉนิ ที่อาจเกดิ ข้นึ ไดอ้ ยา่ งทนั การณ์ โดยมวี ธิ ดี ำ� เนินการ ดังนี้

(๑) สำ� รวจสายไฟและอปุ กรณว์ า่ ยงั อยใู่ นสภาพดี ไมช่ ำ� รดุ หรอื เสยี่ งตอ่ การเกดิ ไฟฟา้
ลดั วงจร

(๒) จดั หาเครอื่ งมอื และอปุ กรณท์ เี่ กยี่ วขอ้ งใหเ้ พยี งพอและพรอ้ มใชง้ าน รวมทงั้ ระบุ
ต�ำแหนง่ เพ่ือสะดวกต่อการใช้งาน ไดแ้ ก่ สญั ญาณเตือนภัย ถังดบั เพลิง (Fire Extinguishers) โดย
ติดต้ังอุปกรณ์บริเวณจุดเส่ียงหรือจุดท่ีมีสามารถหยิบใช้งานได้อย่างสะดวก เช่น ครัว กุฏิ ศาลา
การเปรียญ เปน็ ตน้ โดยถงั ดับเพลิงใหต้ ดิ ตง้ั ตามมาตรฐานทีก่ �ำหนดและสะดวกกับการนำ� มาใช้

24 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

(๓) จัดเตรียมหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เช่น สถานีดับเพลิง สถานี
ตำ� รวจ สำ� นกั งานไฟฟ้า เป็นตน้

ภาพอุปกรณแ์ ละสญั ญาณเตือนภัยแบบต่างๆ และถงั ดับเพลิง
๗. การลดมลพษิ จากควนั ธปู ผลการวจิ ยั ของสถาบนั วจิ ยั จฬุ าภรณ์ พบสารกอ่ มะเรง็ ในควนั
ธูป ๓ ชนิด คือ เบนซิน บิวทาไดอีน และเบนโซเอโพรีม
เนอ่ื งจากสว่ นประกอบของควนั ธปู มาจากกาว ขเี้ ลอ่ื ย นำ้� มนั
หอม และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้�ำหอม โดยสารก่อ
มะเรง็ เกดิ จากการเผาไหมข้ องกาวและนำ้� หอมเปน็ สำ� คญั ดงั
นน้ั ธปู ๑ ดอก จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ๓๒๕ กรมั
และก๊าซมีเทน ๗ กรัม ซ่ึงมีศักยภาพเท่ากับการปล่อยก๊าซ
คาร์บอนไดออกไซด์ถงึ ๒๓ เทา่ นอกจากน้ี ยงั มสี ารพษิ อื่นๆ อกี มากมาย ซึง่ มีสว่ นในการกอ่ ใหเ้ กิด
มะเร็งชนิดต่างๆ อาทิ มะเร็งเม็ดเลอื ดขาว มะเร็งในระบบเลือด มะเรง็ ปอด และมะเร็งในกระเพาะ
ปสั สาวะ นอกจากนี้ ยังพบวา่ ปรมิ าณสารกอ่ มะเรง็ ที่พบในวัดมคี วามเข้มข้นสูงกวา่ เกณฑม์ าตรฐาน
ดงั นนั้ เพื่อสขุ ภาพดขี องพระสงฆ์ เจ้าหนา้ ท่ี และพุทธศาสนิกชนทีเ่ ขา้ วัด ควรมมี าตรการลดปรมิ าณ
ท่ตี ้องสูดควนั ธปู โดยมีวิธกี ารจดั การ ดงั น้ี
(๑) ลดจำ� นวนกระถางธูปตามความเหมาะสมเหลอื เพยี งจดุ ส�ำคัญ
(๒) ควรต้ังกระถางธูปไว้นอกอาคาร ส�ำหรับในกรณีที่จุดธูปในอาคาร ควรติดตั้ง
พดั ลมระบายเพอื่ ดึงควนั ธูปออกส่ภู ายนอกให้เร็วท่ีสุด
(๓) รณรงค์ลดมลพษิ จากควันธูปในงานบุญประเพณี
๘. การส่งเสริมให้วัดเป็นเขตปลอดอบายมุข บุหรี่ เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ วัดและชุมชน
ควรรณรงค์ส่งเสริมให้วัดเป็นเขตปลอดอบายมุข บุหร่ี เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด เนื่องจาก
อบายมุข เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ รวมถึงยาเสพติดก่อให้เกิดปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ ปัญหา
อาชญากรรม สรา้ งความเดอื ดรอ้ นใหแ้ กส่ งั คมและประเทศชาติ และเพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั การควบคมุ

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 25

เครือ่ งดื่มแอลกอฮอล์เปน็ ไปตามนยั แหง่ พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ เครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑
ซึ่งห้ามขาย และบริโภคเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ในวัด โดยมีบทลงโทษคือต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกิน
หกเดอื น หรอื ปรบั ไมเ่ กินหนึง่ หมน่ื บาท หรอื ทั้งจำ� ท้งั ปรับ โดยมีวธิ ีด�ำเนินการ ดงั นี้
(๑) การไม่จำ� หนา่ ย ถวาย เลี้ยง ดืม่ เสพ สบู บุหร่ี ยาเสพตดิ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์
ในเขตพ้นื ทีว่ ัด
(๒) มกี ารประชาสัมพันธส์ รา้ งความเข้าใจให้แกพ่ ุทธศาสนิกชนถงึ การส่งเสริมใหว้ ดั
เปน็ เขตปลอดอบายมขุ บหุ ร่ี เครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล์ โดยวิธตี ่างๆ เชน่ มีป้ายรณรงคห์ ้ามในเรอ่ื งเหล้า
บุหร่ี ยาเสพตดิ การพนนั
(๓) ควรมีการอบรม เทศน์ สอน บอกกล่าวหรอื ฝึกปฏิบตั ธิ รรมในเรอ่ื งอบายมขุ และ
สงิ่ เสพติด
(๔) การจดั กจิ กรรมเพอื่ ใหว้ ดั เปน็ เขตปลอดอบายมขุ บหุ ร่ี เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์ ยา
เสพติด เชน่ การศพปลอดอบายมขุ เปน็ ตน้

๙. การสง่ เสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการส่ิงแวดล้อม และภัยพิบัติ ปญั หาสง่ิ แวดลอ้ ม
เกดิ จากการเพมิ่ ของประชากร (Population growth) เมอื่ ผคู้ นมากขนึ้ ความตอ้ งการบรโิ ภคทรพั ยากร
กเ็ พม่ิ มากไมว่ า่ จะเปน็ เรอื่ งอาหาร ทอี่ ยอู่ าศยั พลงั งาน และเกดิ จากการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ และความ
กา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยี (Economic Growth & Technological Progress) ความเจรญิ ทางเศรษฐกจิ
นน้ั ทำ� ใหม้ าตรฐานในการดำ� รงชวี ติ สงู ตามไปดว้ ย มกี ารบรโิ ภคทรพั ยากรจนเกนิ ความจำ� เปน็ ขน้ั พน้ื ฐาน
ของชวี ติ มคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งใชพ้ ลงั งานมากขน้ึ ในขณะเดยี วกนั ความกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยกี ช็ ว่ ย
เสรมิ ใหว้ ธิ กี ารนำ� ทรพั ยากรมาใชไ้ ดง้ า่ ยขนึ้ และมากขนึ้
การใหค้ วามรเู้ รอื่ งทรพั ยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ ม และภยั พบิ ตั ิ แกพ่ ทุ ธศาสนกิ ชนจงึ เปน็ เรอ่ื ง
ทสี่ ำ� คญั ทง้ั ปญั หาภยั แลง้ โลกรอ้ น อทุ กภยั วาตภยั นำ�้ เนา่ เสยี ขยะลน้ เมอื ง พนื้ ทปี่ า่ ลดลง เพอ่ื ให้
ประชาชนทราบและเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการแกไ้ ขปญั หาภยั แลง้ การจดั การขยะ นำ�้ เสยี การอนรุ กั ษด์ นิ
นำ้� ปา่ และการเพม่ิ พน้ื ทสี่ เี ขยี ว เปน็ ตน้
ดงั นนั้ การใหป้ ระชาชนเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการจดั การสงิ่ แวดลอ้ ม จงึ มคี วามสำ� คญั เพราะเปน็ ก
ระบวนการทที่ ำ� ใหป้ ระชาชนในชมุ ชนรว่ มมอื รว่ มใจเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี ว นำ� ไปสกู่ ารพฒั นาทสี่ มดลุ และ

26 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข
ยงั่ ยนื การมสี ว่ นรว่ มนน้ั มเี ปา้ หมายใหบ้ คุ คลหรอื คณะบคุ คลเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการดำ� เนนิ การพฒั นา
ชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ ในกจิ กรรมตา่ งๆ รวมถงึ การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มของวดั ตงั้ แตร่ ว่ มคดิ รว่ มตดั สนิ ใจ
รว่ มดำ� เนนิ การ รว่ มรบั ผลประโยชนแ์ ละรว่ มประเมนิ ผลเพอื่ ใหเ้ กดิ การยอมรบั และกอ่ ใหเ้ กดิ ผลประโยชน์
สงู สดุ ทกุ ฝา่ ย โดยวธิ กี ารดำ� เนนิ การรว่ มกนั ของหลายๆ ภาคสว่ น ไดแ้ ก่ วดั ชมุ ชน โรงเรยี น หนว่ ย
งานทอ้ งถน่ิ ตามแนวทางทเ่ี รยี กวา่ “บวร” (บา้ น วดั โรงเรยี น) โดยมแี นวทางการดำ� เนนิ การ ดงั นี้
(๑) การใหค้ วามรดู้ า้ นการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ้ ม หรอื ภยั พบิ ตั ิ ผา่ น
สอื่ ประชาสมั พนั ธต์ า่ งๆ เชน่ ตดิ ปา้ ยรณรงค์ ตดิ บอรด์ เวบ็ ไซด์ รวมถงึ การใชเ้ สยี งตามสาย หรอื การ
เทศนาในวนั สำ� คญั เพอื่ ถา่ ยทอดหรอื บอกขา่ วสารใหแ้ กป่ ระชาชนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจและรบั รอู้ ยา่ งเทา่
เทยี มกนั และ มกี จิ กรรมเรอ่ื งการจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดลอ้ ม และภยั พบิ ตั ริ ว่ มกบั ชมุ ชน
(๒) มกี ารรว่ มกนั วเิ คราะหป์ ญั หาสงิ่ แวดลอ้ มในวดั จดั อนั ดบั ความสำ� คญั ของปญั หา
(๓) มกี ารรว่ มกนั กำ� หนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายในการดำ� เนนิ การตามปญั หาสง่ิ
แวดลอ้ มทเี่ กดิ ขน้ึ
(๔) มกี ารรว่ มกนั กำ� หนดมาตรการ แนวทางในการดำ� เนนิ การ และรบั ผดิ ชอบเพอื่ ให้
บรรลตุ ามเปา้ หมายทต่ี ง้ั ไว้
(๕) มกี ารรว่ มกนั กำ� หนดระยะเวลาดำ� เนนิ การ และวธิ กี ารตดิ ตามประเมนิ ผล
(๖) มกี ารรว่ มกนั ดำ� เนนิ การตามแผนการดำ� เนนิ การทวี่ างไว้
(๗) มกี ารรว่ มกนั ตดิ ตามผลการดำ� เนนิ งาน และปรบั ปรงุ /พฒั นาหากผลการดำ� เนนิ งาน
ไมเ่ ปน็ ไปตามวตั ถปุ ระสงค์ เปา้ หมายทกี่ ำ� หนด

แนวทางการพฒั นาวดั เพอื่ เปน็ ศนู ยก์ ลางของชมุ ชน วดั เปน็ สถานทปี่ ระกอบกจิ กรรมทาง
ศาสนา และเปน็ ศนู ยร์ วมจติ ใจของชาวพทุ ธ อกี ทง้ั เปน็ ศนู ยก์ ลางพฒั นาทจี่ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ความเขม้ แขง็ ของ
ชมุ ชนอยา่ งยงั่ ยนื เพอ่ื ใหว้ ดั เปน็ ศนู ยก์ ลางพฒั นาชมุ ชนนน้ั สามารถทำ� ไดด้ งั น้ี
(๑) สรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งวดั กบั ชมุ ชน โดยมกี จิ กรรมรว่ มกบั ชาวบา้ น มคี วาม
พรอ้ มทจี่ ะใหบ้ รกิ ารแกช่ าวบา้ นทต่ี อ้ งการจะเขา้ วดั  เพอื่ ประกอบกจิ กรรมทางศาสนา หรอื กจิ กรรมอน่ื ๆ
พฒั นาวดั ใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ แกพ่ ทุ ธศาสนกิ ชนในชมุ ชนวา่ วดั เปน็ สว่ นหนง่ึ ของชมุ ชน และเปน็ หนา้ ทขี่ อง

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 27

ตนในการชว่ ยกนั ดแู ลรกั ษา
(๒) กำ� หนดกจิ กรรมเพอ่ื เปน็ ศนู ยก์ ลางพฒั นาชมุ ชนดา้ นสงั คม ประเพณี วฒั นธรรม
เชน่ ศนู ยพ์ ฒั นาชมุ ชน ชมรมผสู้ งู อายุ ทป่ี ระชมุ ประชาคม ศนู ยก์ ลางวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ เปน็ ตน้
(๓) สรา้ งความเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดยี วกนั ระหวา่ งวดั กบั ชมุ ชน ใชว้ ดั เปน็ ศนู ยก์ ลางในการจดั
กจิ กรรมดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มจากความรว่ มมอื ของวดั /ชมุ ชน/โรงเรยี น/หนว่ ยงานทอ้ งถน่ิ ฯลฯ เพอื่ พฒั นา/
ปรบั ปรงุ สง่ิ แวดลอ้ ม เชน่ กจิ กรรมรณรงคอ์ นรุ กั ษฟ์ น้ื ฟแู มน่ ำ�้ คคู ลอง กจิ กรรมรณรงคก์ ารจดั การสงิ่ แวดลอ้ ม
ชมุ ชน กจิ กรรมการจดั การสง่ิ แวดลอ้ มภายในวดั เพมิ่ เตมิ กจิ กรรมรณรงคก์ ารเพมิ่ พน้ื ทส่ี เี ขยี ว เชน่ การปลกู
ตน้ ไม้ การปลกู ปา่ การรกั ษาปา่ เปน็ ตน้ กจิ กรรมการทำ� ฝายชะลอนำ้� การพฒั นาคคู ลอง การจดั การขยะ

๒.๗ การส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพภายในวัด
(วัดรอบรู้สุขภาพ)

การสง่ เสริมสขุ ภาพและอนามัยสงิ่ แวดลอ้ มภายในวัดเปน็ ส่ิงส�ำคัญ เพราะว่า การทพี่ ระสงฆ์
หรือประชาชนมีสุขภาพดีนั้น หมายถึง การมีสภาวะความสมบูรณ์และความสมดุลของบุคคลทั้ง
ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม รวมทัง้ มีสภาวะท่ปี ราศจากโรค และมีการใชช้ วี ิตอยรู่ ่วมกับคนอนื่ ใน
สงั คมอยา่ งปกติสุข ดังนัน้ วัดจงึ ควรมกี ารสง่ เสรมิ เพ่อื ใหพ้ ระสงฆแ์ ละประชาชนมสี ุขภาพดีท้ังทาง
ด้านรา่ งกาย จิตใจ และสังคม ในการสง่ เสรมิ สุขภาพจะต้องมคี วามรูค้ วามเข้าใจเกีย่ วกับมิติสุขภาพ
เข้าใจหลกั และวธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อน�ำไปสกู่ ารปฏิบตั ใิ นการส่งเสริมสุขภาพไดอ้ ย่าง
ถูกตอ้ ง
แนวทางการสง่ เสริมการสรา้ งความรอบรู้ด้านสุขภาพภายในวัด (วดั รอบร้สู ขุ ภาพ) ทางกรม
อนามัยและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ได้ก�ำหนดแนวทางการปฏิบัติการจัดการพ้ืนท่ีและบริบท เพ่ือให้
เกิดการขบั เคล่อื นการส่งเสรมิ สขุ ภาพและอนามยั สิ่งแวดล้อมแบบบรู ณาการ โดยมแี นวทางดังน้ี
(๑) การส่งเสริมสุขภาพและอนามัยส่ิงแวดล้อม วัดมีระบบหรือฐานข้อมูลสุขภาพพระสงฆ์
สามเณร และนักบวช จากการคัดกรองประเมินสุขภาพประจ�ำปีของทีมสาธารณสุขในพ้ืนท่ี (อย่าง
นอ้ ยรอ้ ยละ ๖๐ ) โดยมกี ารจัดเก็บข้อมูลเป็นรายบคุ คล รายวัดทส่ี ถานบริการสาธารณสขุ ดว้ ย
(๒) สอ่ื สาร วดั มชี ่องทางใหพ้ ระสงฆ์ สามเณรและนกั บวช ในการเขา้ ถึงขอ้ มูล เพ่อื สนับสนนุ
การเกิดความรอบรดู้ า้ นสขุ ภาพ เชน่ มปี า้ ย บอรด์ หรอื มมุ ในเชงิ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพภายในวดั ทสี่ ามารถนำ�
สกู่ ารเฝา้ ระวงั โรคไดอ้ ยา่ งเปน็ องคร์ วม
(๓) พฤตกิ รรมทพ่ี งึ ประสงค์ พระสงฆ์ สามเณรและนกั บวช มพี ฤตกิ รรมดา้ นการฉนั อาหาร การ
บรหิ ารขนั ธท์ เี่ หมาะสม การดแู ลสง่ เสรมิ สขุ ภาพกายสขุ ภาพใจรวมถงึ การดแู ลอนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม ภายในวดั

28 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

(๔) วดั มกี ารสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ใหพ้ ระสงฆ์ สามเณร และนกั บวชนำ� องคค์ วามรู้ ภมู ปิ ญั ญา
มาปรับใช้ในการดแู ลสุขภาพตนเอง และมีการประยุกต์ในธรรมะเทศนาเกยี่ วกับเชงิ ส่งเสรมิ สุขภาพ
เชน่ การตักบาตรให้ได้บุญ การเลอื กฉันอาหารสขุ ภาพโดยมุ่งเนน้ ลดหวาน ลดมนั ลดเค็ม
(๕) วัดมีการส่งเสรมิ สนับสนุนให้พระสงฆ์ สามเณรและนักบวช มีความรู้ในระบบบริการ
สขุ ภาพและสิทธิการรกั ษา (สิทธิหลักประกันสขุ ภาพแหง่ ชาติ)
(๖) วัดมีส่วนสนับสนุนโครงการพระคิลานุปัฏฐากด้วยการส่งพระสงฆ์เข้ารับการอบรมภาย
ใต้หลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก เพ่ือเป็นผู้น�ำทางสุขภาวะของชุมชน (ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่ง
ชาตปิ ระจ�ำปี ๒๕๖๐) ท่ีสามารถขับเคลื่อนสู่ความยั่งยนื ด้วยพลังบวร (บา้ น วดั โรงเรยี นและสว่ น
ราชการ)
(๗) การจดั การสถานทแี่ ละกจิ กรรมทเ่ี ออื้ ตอ่ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ เชน่ มตี ยู้ าสามญั ประจำ� วดั
ตามพระราชด�ำรขิ องสมเดจ็ พระมหาธรี าจารย์ (ปสฤทธ์ิ เขมงั กโร) หรอื ห้องพยาบาลสำ� หรบั พระ
สงฆ์ และมีสถานทสี่ ่งเสริมกจิ กรรมทางสุขภาพส�ำหรับพระสงฆ์ สามเณร นักบวช และชมุ ชน เชน่
ลานกีฬา ลานทโ่ี ล่งแจ้ง
(๘) นวตั กรรมสขุ ภาพ สง่ เสริมให้เกดิ นวตั กรรมดา้ นการดูแลส่งเสริมสขุ ภาพและอนามยั สิ่ง
แวดลอ้ ม เชน่ ทางเดนิ กะลา ทางเดนิ หนิ กรวดสำ� หรบั นวดฝา่ เทา้ การหมกั ปยุ๋ ธรรมชาตจิ ากเศษอาหาร
การบ�ำบดั ล�ำรางด้วยน้�ำหมักชีวภาพ เป็นต้น
(๙) วัดเปน็ แหล่งศึกษาเรยี นรดู้ า้ นต่าง ๆ วดั เป็นแหลง่ ศึกษาเรียนรดู้ ้านคุณธรรม จริยธรรม
และสบื สานวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ในเชงิ การสง่ เสรมิ สขุ ภาพและอนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม โดยสรา้ ง
ชอ่ งทางส่อื สารทช่ี ุมชนสามารถเขา้ ถึงได้ เช่น เฟสบุ๊คของวดั QR code ภายใตโ้ ครงการพระสอน
ศีลธรรมในโรงเรียนสงั กดั กรงุ เทพมหานครเปน็ ตน้
(๑๐) วัดสามารถเปน็ ที่จดั การอบรม ประชมุ สัมมนา เขา้ คา่ ย ในดา้ นสง่ เสรมิ สขุ ภาพ และ
อนามัยสิ่งแวดล้อม เช่น มีพื้นที่ภายในวัดท่ีสามารถใช้ในการอบรมประชุมสัมมนาหรือเข้าค่ายด้าน
ส่งเสริมสุขภาพและอนามยั ส่งิ แวดลอ้ มตามบริบทของวัดในแต่ละพนื้ ท่ี

บ ท ที่ ๓

แนวปฏบิ ตั โิ ครงการ วดั ประชา รฐั
สรา้ งสขุ (๓-๕-๗-๙ สคู่ วามยงั่ ยนื )

30 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

น �ำแ๓นวคตดิพาขมันอทงธไี่ ดก๕้กสจิ ลา่ลวสงวสู่ ัตูบ่วถรัดุปิบรสทะวขสองยงคดวข์ ัดว้อแงยลโคะครชวงมุ กาชามนรวสเัดพุขปื่อไสรดะ่งแ้ เชสการ่ ิมรฐั๑ให)ส้วรดัก้าเางปรสน็พุขพัฒนื้คนทอื าเต่ี พพน้ ้ือื่นแพทบัฒี่ทบนาขงอากรงปูากยาแรภบพาบฒัพแลนะา

พนื้ ขทอ่ีทงาวงดั กแาลยะภชามุ พชพน้ืนใหทส้ ีก่ ะาอราเรดียรนม่ รรู้ พน่ื นื้ สทวท่ียงาางมจิตเปใจน็ แสลถะาปนญั ทญส่ี ปัาปแาลยะะเพ๒่ือ)สก่งาเรสพรฒัมิ ในหา้ปพรน้ื ะทชที่าชานงสในงั คสมงั คม
ไทยแลตะ่นื กตาัวรเเรื่อยี งนกราขู้ รอชงว่ วยดั เแหลละอื ชสมุ งั ชคนมดกว้ ายรวมถิ ีจวติฒั อนาธสรารมคเวชางิ มพรทุ บั ธผ๓ิดช) กอาบรตพ่อฒั สนงั คามพน้ื เพท่ือจี ทติ ใำ� จใหแลเ้ กะดิปสญั ังญคมาสขุ
ภาวขะอแงลวัดะคแวลาะมชยุมง่ั ชยนนื ตโาดมยแมนเี วปพา้ หระมพาทุยสธำ�ศคาญัสน“าว ดั สวยดว้ ยความสขุ ” และ “การสรา้ งวดั ในใจคน” ดงั
นน้ั แนวปฏิบตั ิของโครงการ วดั ประชา รฐั สร้างสุข จงึ กำ� หนดแนวปฏิบัตแิ บบง่าย คือ

แใ หล้สะส๕ะชู่วอมุดั าชดค๓เนคือดรพรม่ว้สนั ยร่ืะอธืน่วสกงิถาจิสวีงมว,ฒั สืยอสู่นวงะกธาดัดมรสาวรกวเมรปย,เทช็นสดิงสทะว้ำพถอยงทุาาคานดธว,ทนา๓สม่ีส)รัปสก้า(ขุปาง๕รามไพยดาสะตฒัแ้ )รกน๒ฐ่ า๑)เาคพน)กรนื้กา่ืแอรทาลงพรจ่ี มะพัฒิตสือฒัในรจกนา้าแางพาลรวพ้นืะดินน้ืทป�ำัยที่ทญัเนที่ าญินงาสางงกขังาคาอนยมงเวภแพดัาลื่อแพะสลขกระอา้าชรงงุมเวรสดัชียัปแนนปลตระาาู้ขชยมอมุะแงชนวนัดว

พระพุทธศาสนา

๗ ๕แนเควรท่ืองามงือกกาารรทดทำ�งำเานนนิ (ก๕าสร)เพเคร่อื ่ือสงมรือา้ กงาสรดัป�ำปเนาินยงะานไดเพแ้ ื่อกส่ กร้างรสดปัำ� เปนานิ ยงะาสนู่วสัดรา้คงอื สัปสปะสาาง,

สะดยวะกส,ูว่ สดั ะสอวยาด,้วสยรค้าวงามมาสตุขรฐคาือน๑แ)ลกะาสรแรา้ตงง่ วตินงั้ ยัค ณะกรรมการโครงการฯ ๒) การประกาศนโยบาย
ด ว้ ย๕๓ค))วกจาาัด๗มรทสอแ�ำขุบแนรคผวมอืนทใปหา๑งรค้ )กบัวกาาปารมรรดรงุ แู้�ำต๖๔เน่ง))ตนิ กลัง้ กางคมราณสรือเำ�ะปพรกฏวื่อริบจสรพตัมรินื้้าก(งBทาสรi่ีgจโัปคดัCปรทlางeำ� ยกaแะาnผรiนไnฯดผgแ้๒งั Dกว)a่ดั กกyาแา)รรลแปดะลรำ�วะะเเิ นคก๗นิรา)างศะาสนหนรโปุพ์สยรผบนื้ า้ลาทงยกเี่สพาปั๓รอื่ ป)ดกาก�ำายเารนะรพินอสฒั งบูว่ านดัรนาสมวใหย้
ความรู้ ๔) การส�ำรวจพื้นที่ จัดท�ำแผนผังวัด และวิเคราะห์พื้นท่ีเพื่อการพัฒนา ๕) จัดท�ำแผน

ปรับ๙ปรแุงน๖ว) ปลงฏมบิ อื ตปั ฏกิ ิบาตั ริ พ(Biฒัg Cนleาaพninนื้ gทD่ี ไaดyแ้ )กแ่ แลนะว๗ป)ฏสบิ รตั ุปใิ ผนลกการาพรดฒั ำ� นเนานิพงนื้ าทนภ่ี ายในวดั ๙ พน้ื ท่ี

คือ ๑๙) ปแา้ นยวชปือ่ ฏวัดิบตั บิกราิเวรณพฒัหนนา้ าวพัดนื้ แทล่ี ะไดแ้แผกน่ผแังนววัดปโดฏยิบสัตังใิ เนขกปา๒รพ) ัฒกานราจพัดืน้ กทาร่ีภจารยาใจนรวดั ป้า๙ยจพร้ืนาทจรี่ คอื
๑) แปล้าะยทชื่อจี อวัดรบถร๓ิเว)ณกหารนจา้ ดั วรดั ะแบลบะคแลผงั นวสผั ดังวสุ ัดงโฆด์ แยลสะงั เกขาปรค๒ว)บกคามุ รกจาดั รกเาบรกิ จ-รจา่ จยรสง่ิปขา้ อยงจ๔รา)จหรอ้ แงนละำ้� ท๕จ่ี )อด
รถก๓า)รกจาดั รกจาดั รรขะยบะบ๖ค)ลสงั ภวสัาพดสุแงวฆด์ลแอ้ ลมะทกว่ัารไปควไบดแ้คกุม่กคาวราเมบเกิป-น็จรา่ ะยเสบิ่งยี ขบอเงรยี๔บ) รหอ้ ้อยงนป�้ำล๕อด) ภกายั รขจอดั งกพาน้ื รทข่ียะ
๖) เสปภิดาโลพง่ แตว่าดงลๆ้อกมาทรั่วจไัดปกาไดรพ้แก้นื ่ทคส่ี วเี าขมียเวปภ็นารยะในเบวียดั บเปรียน็ บตรน้ ้อย๗ป) ลรอะบดภบัยไฟขฟอา้งพแล้ืนะทกี่เปาริดปโลอ้ ่งตก่าันงอๆคั คกี าร
จัดกภายั ร๘พ)้ืนโทร่ีสงคีเขรียวั วแภลาะยใ๙น)วกัดารเปสุข็นาตภ้นิบาล๗อ)ารคะาบรเบสไนฟาฟส้านแะลตะ่ากงๆารภปา้อยงใกนันวอดั ัคคีภัย ๘) โรงครัว และ
๙) การสขุ าภบิ าลอาคารเสนาสนะต่างๆ ภายในวัด

๓ พันธกิจ สู่ วดั สวยดว้ ยความสขุ

พนั ธกจิ โครงการวดั ประชา รฐั สรา้ งสขุ นนั้ มงุ่ เนน้ การพฒั นาพนื้ ทที่ างกายภาพของวดั และชมุ ชนให้
สะอาด ร่มรื่น สวยงาม เป็นสถานทส่ี ัปปายะ เหมาะสมกับการเรียนรู้ มีหลกั การจัดการสงิ่ แวดล้อมที่
เหมาะสม ตามหลกั 5ส หรอื หลกั สปั ปายะ ๗ เพอื่ ให้เกดิ รมนียสถาน การพัฒนาพ้ืนทที่ างสงั คมและ
การเรียนรู้ของวัดและชุมชนด้วยวิถีวัฒนธรรมเชิงพุทธ และการพัฒนาพื้นที่จิตใจและปัญญาของวัด
และชมุ ชนตามแนวพระพทุ ธศาสนา

๓ พันธกจิ สู่ “วดั สวยดว้ ยความสุข”

๑ ๒๓

การพัฒนาพื้นที่ทางกายภาพ ก า ร พั ฒ น า พื้ น ท่ี ท า ง สั ง ค ม ก า ร พั ฒ น า พ้ืน ท่ีท า ง จิ ต ใ จ
ของวัดและชุมชนให้สะอาดร่มร่ืน และการเรียนรู้ของวัดและชุมชน และปัญญาของวัดและชุมชน

สวยงามเป็นสถานทสี่ ัปปายะ ดว้ ยวถิ ีวัฒนธรรมเชิงพทุ ธ ตามแนวพระพุทธศาสนา

32 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๕ เครอื่ งมือการท�ำงาน (๕ส) โครงการวดั ประชา รัฐ สร้างสขุ

โครงการวดั ประชา รฐั สร้างสขุ ไดน้ ำ� หลกั ๕ ส หลกั สปั ปายะ ๗ และหลกั ความรบั ผิดชอบ
ตอ่ สังคม (CSR) มาเป็นเครือ่ งมอื การด�ำเนินงานเพ่ือสร้างสปั ปายะสู่วัด คอื สะสาง, สะดวก, สะอาด,
สร้างมาตรฐาน และสรา้ งวินัย หากวัดและชุมชนมกี ารใชห้ ลกั ๕ ส อยา่ งตอ่ เนอ่ื งจะทำ� ให้วัดมคี วาม
สะอาด ร่มร่นื สวยงาม และเปน็ การสรา้ งสุขลกั ษณะและนิสัยของประชาชน เพอ่ื ให้เกดิ รูปแบบการ
จัดการส่งิ แวดลอ้ มทีย่ ัง่ ยืน

เครอื่ งมอื การทำ� งาน (๕ส) กับการพฒั นาวดั และชุมชน

ในประเทศไทยไดเ้ ริม่ น�ำหลัก ๕ ส ใชต้ ้งั แต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ หลกั ๕ส นนั้ เปน็ วิธีการสอนของ
ชาวญปี่ นุ่ ซง่ึ แฝงดว้ ยพทุ ธศาสตร์ เปน็ การพฒั นาจติ ใจมนษุ ยอ์ ยา่ งแยบยล ไดฝ้ งั เปน็ วฒั นธรรมญปี่ นุ่
ทเ่ี ด็กเล็กๆ จะต้องถกู อบรมใหม้ ี ๕ส ในจิตใจ ในกระแสเลือด หรือ เรียกว่า “ฝังอยู่ใน DNA” ตาม
หลกั ฐานทอ่ี า้ งองิ ได้ คอื เนอ้ื หาใน VDO ทไี่ ดจ้ ดั ทำ� ขนึ้ โดย JPC (Japan Productivity Center) ศนู ย์
เพม่ิ ผลผลิตของประเทศญป่ี ่นุ ปจั จบุ ันได้เปลยี่ นเปน็ สถาบนั และ APO (Asian Productivity Or-
ganization) องค์กรเพิ่มผลิตภาพของอาเซียน ซ่ึงมีสมาชิกเป็นหน่วยงานเพ่ิมผลิตภาพของแต่ละ
ประเทศในอาเซยี น) อธิบายความหมายของ ๕ส ไวด้ งั นี้

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 33

๕ส เครื่องมือสู่ “วดั สวยด้วยความสขุ ” เพื่อสขุ ภาวะทางปัญญาดว้ ยแนวทาง ๕ส

ส๑ ส๒ ส๓ ส๔ ส๕
สะสาง สะดวก
สะอาด สรา้ งมาตรฐาน สรา้ งวนิ ยั

ก า ร ล ด ส่ิ ง ท่ี ไ ม่ การจัดสรรส่ิงต่างๆ ดูแลรกั ษาเครอ่ื งมอื การสร้างกฏเกณฑ์ การส่งเสริมให้ทุก
จำ�เป็นให้มีความ ใ ห้ เ ป็ น ร ะ เ บี ย บ เครื่องใช้หรือพ้ืนที่ ระเบียบปฏิบัติร่วม คนเคารพกติกาโดย
พอดสี มดลุ ไมม่ าก เรียบรอ้ ย เพ่อื ให้ ต่างๆให้สามารถ กันและปรับปรุงให้ สร้างความเข้าใจ
หรือน้อยเกินไป หยิบใช้ได้ง่ายได้ ตรวจสอบหาส่ิงผิด ดขี ึ้นอยู่เสมอ และช้ีแนะให้เห็น
อยา่ งทนั ท่วงที ปกตไิ ด้งา่ ยขนึ้ ถึงประโยชน์อย่างมี
ความสขุ
หลกั ๕ส ทใี่ ชอ้ ยใู่ นภาคเอกชน สามารถนำ� มาประยกุ ตใ์ ชก้ บั วดั ใหเ้ ปน็ รปู ธรรมจบั ตอ้ งได้ การนำ�
๕ส มาใชก้ บั วดั เพอ่ื ใหว้ ดั เปน็ ทส่ี ปั ปายะ กต็ อ้ งมกี ระบวนการ วธิ กี ารเชน่ เดยี วกนั แตอ่ าจจะมคี วามแตกตา่ ง
กนั บา้ ง เพราะเนอ่ื งจากเปา้ หมาย ภาระหนา้ ทแี่ ตกตา่ งกนั ระหวา่ งวดั กบั ภาคเอกชน โดยมแี นวทางดงั น้ี
ส๑ สะสาง หมายถงึ การเสยี สละ จาคะ ลดของใชส้ ว่ นตวั ของพระภกิ ษสุ งฆแ์ ละสง่ิ ของภายในวดั
นำ� ไปบรจิ าคหรอื แบง่ ปนั ใหก้ บั วดั โรงเรยี น ชมุ ชน หรอื บคุ คลทมี่ คี วามตอ้ งการ เพอื่ ลดสง่ิ ของภายในวดั ให้
นอ้ ยลง รวมทงั้ การจดั พน้ื ทขี่ องวดั เชน่ ศาลาการเปรยี ญ อโุ บสถ วหิ าร ใหม้ คี วามเรยี บงา่ ย สะดวกตอ่ การ
บำ� รงุ รกั ษาใหอ้ ยใู่ หส้ ภาพดี
ส๒ สะดวก หมายถงึ การมสี ตใิ นการจดั การ สติ นบั วา่ เปน็ กญุ แจทส่ี ำ� คญั ทจ่ี ะทำ� ใหก้ ารกระทำ�
ไมเ่ กดิ ความสญู เปลา่ ในทน่ี คี้ อื สามารถรตู้ วั ตลอด รวู้ า่ ไดว้ างสงิ่ ของตรงไหนอยา่ งไร ถา้ จะสามารถรไู้ ดต้ ลอด
เวลากต็ อ้ งมรี ะบบในการจดั เกบ็ ใหส้ ามารถสงั เกตไดโ้ ดยงา่ ย จำ� ไดง้ า่ ย เหน็ ไดง้ า่ ย รเู้ ขา้ ใจไดใ้ นทนั ที รวม
ทง้ั การมสี ตใิ นการเรยี นรแู้ ละการดำ� เนนิ ชวี ติ
ส๓ สะอาด หมายถงึ การดแู ลรกั ษาวดั และชมุ ชนใหม้ คี วามสะอาด สวยงาม รวมไปถงึ สำ� รวจวา่
การดำ� เนนิ ชวี ติ ประจำ� วนั วา่ มอี ะไรผดิ ปกตหิ รอื ไม่ โดยการทำ� ความสะอาด ไมส่ ะสม ทำ� กจิ ใหเ้ สรจ็ ไมเ่ ปน็
ภาระของคนอน่ื หรอื ทเี่ รยี กวา่ สะอาดทงั้ ภายในและภานอก
ส๔ รา้ งมาตรฐาน หมายถงึ การเคารพความถกู ตอ้ งของหมคู่ ณะหรอื ความยตุ ธิ รรมทางสงั คม ใน
ทน่ี คี้ อื การกำ� หนดสง่ิ พงึ ปฏบิ ตั ขิ องวดั โดยสว่ นรวม เปน็ การวางระเบยี บกฎเกณฑ์ เพอ่ื ใหท้ กุ คนสามารถ
ปฏบิ ตั ไิ ดเ้ หมอื นๆ กนั เขา้ ใจตรงกนั ซง่ึ อาจจะเปน็ กฎระเบยี บในการจดั วางสง่ิ ของ การเกบ็ การคน้ หา การ
ใช้ รวมทง้ั การทำ� กจิ กวตั ร ๑๐ ของพระสงฆใ์ หส้ มบรู ณ์ ถา้ เหน็ วา่ มอี ะไรทด่ี กี วา่ กต็ อ้ งแกไ้ ขมาตรฐานให้
เหมาะสม มาตรฐานตอ้ งปรบั ใหท้ นั สมยั เหมาะสมกบั กาลเวลาและงาน
ส๕ สรา้ งวนิ ยั หมายถงึ การรกั ษาพระธรรมวนิ ยั โดยการรกั ษาและประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นเองตามพ
ระธรรมวนิ ยั หรอื ระเบยี บทคี่ ณะสงฆก์ ำ� หนดไว้ เคารพ นบั ถอื สง่ิ ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ ามหลกั พระพทุ ธศาสนา
และนำ� หลกั การนน้ั ไปสง่ เสรมิ ใหส้ งั คมเกดิ ความสงบสขุ มศี ลี มธี รรม มคี วามปรองดองสมานฉนั ท์

34 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

การประยุกตห์ ลักสัปปายะ ๗ และหลัก ๕ส โครงการวัด ประชา รฐั สรา้ งสขุ

ในการพฒั นาพนื้ ทที่ างกายภาพของวดั นน้ั มแี นวคดิ ในการพฒั นาหลายประการ เชน่ หลกั

พทุ ธธรรม หลกั สปั ปายะ และหลกั ๕ส ซง่ึ ทงั้ หมดเปน็ แนวคดิ ทมี่ งุ่ เนน้ การสรา้ งพนื้ ทสี่ ปั ปายะและการ
เรยี นรใู้ หเ้ กดิ ขน้ึ กบั บคุ คลอนั จะนำ� ไปสกู่ ารเรยี นรวู้ ถิ พี ทุ ธและการปฏบิ ตั ธิ รรม ดงั นนั้ ในทน่ี จี้ ะกลา่ วถงึ
การประยกุ ตห์ ลกั การเพอื่ สรา้ งพน้ื ทวี่ ดั ใหม้ สี ขุ ภาวะทดี่ ี ดงั นี้
๑. หลกั สปั ปายะ ๗ กบั การพฒั นาวดั และชมุ ชน ในทางพระพทุ ธศาสนา เมอื่ นำ� หลกั ของ ๕ส ท่ี
ภาคเอกชนมาใชน้ น้ั จะตรงกบั คำ� วา่ “สปั ปายะ” ในความหมายทร่ี ะบไุ วใ้ นพจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบบั
ประมวลธรรม โดยพระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ.ปยตุ โต) “สปั ปายะ” หมายถงึ สง่ิ ทส่ี บายหรอื สภาพทเ่ี ออื้ ท่ี
เกอ้ื กลู ตอ่ การอยดู่ ี และการทจี่ ะพฒั นาชวี ติ ที่ เกอื้ หนนุ ตอ่ การเจรญิ ภาวนา มดี ว้ ยกนั ๗ ประการ
๑) อาวาสสปั ปายะ ทอ่ี ยอู่ นั เหมาะสมปลอดภยั หมายถงึ การพฒั นาวดั หรอื ปรบั ปรงุ วดั ใหม้ คี วาม
สะอาด รม่ รนื่ ปลอดภยั มสี ภาพแวดลอ้ มทดี่ ี ถกู สขุ ลกั ษณะ มรี ะเบยี บการปฏบิ ตั ทิ เี่ ออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้
๒) โคจรสปั ปายะ สถานทเ่ี ดนิ ทางสะดวกมที เี่ ดนิ บณิ ฑบาตทเี่ หมาะดี หมายถงึ การจดั การเพอ่ื
ใหเ้ กดิ การเดนิ ทางทป่ี ลอดภยั สะดวก เปน็ เสน้ ทางแหง่ การเรยี นรู้ มแี หลง่ ทอ่ี ำ� นวยความสะดวกตอ่ การ
บรโิ ภค รวมถงึ การจดั สถานทภี่ ายในวดั ใหม้ คี วามสะดวกตอ่ การเดนิ ทางและการเรยี นรู้
๓) ภสั สสปั ปายะ การพดู คยุ ทเ่ี หมาะกนั หมายถงึ การสนทนาและการสอ่ื สารทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การเรยี น
รรู้ ะหวา่ งพระสงฆก์ บั ฆราวาส การใหธ้ รรมะเปน็ ธรรมทาน การสง่ เสรมิ การสนทนาธรรมตามกาลเพอ่ื ใหเ้ กดิ
การเรยี นรแู้ ละการปฏบิ ตั ธิ รรม
๔) ปคุ คลสปั ปายะ บคุ คลทถ่ี กู กนั เหมาะกนั หมายถงึ การสง่ เสรมิ ใหม้ กี ลั ยาณมติ รหรอื บคุ คล
คอยชว่ ยเหลอื ดแู ลซงึ่ กนั และภายในวดั และชมุ ชน มกี ารสง่ เสรมิ คณุ ธรรม แนะนำ� พระภกิ ษสุ งฆ์ สามเณร
รวมทงั้ ฆราวาสใหม้ ศี ลี ธรรมอนั ดงี าม
๕) โภชนสปั ปายะ อาหารทเ่ี หมาะกนั เกอ้ื กลู ตอ่ สขุ ภาพ หมายถงึ การจดั การดา้ นโภชนาการ
ภตั ตาหาร ทจี่ ะเปน็ โยชนต์ อ่ สขุ ภาพของพระภกิ ษสุ งฆ์ สามเณรและประชาชน รวมทง้ั ใหม้ กี ารแบง่ ปนั แกผ่ ู้
ทลี่ ำ� บากยากจนใหไ้ ดร้ บั ประโยชนจ์ ากอาหารทไ่ี ดร้ บั มา เปน็ ตน้
๖) อตุ สุ ปั ปายะ ดนิ ฟา้ อากาศธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ้ มทเ่ี หมาะกนั หมายถงึ การจดั ระบบสภาพ
แวดลอ้ มภายในวดั และชมุ ชนใหม้ สี ภาพทเ่ี ออื้ ตอ่ ธรรมชาตแิ ละการเรยี นรู้ใหม้ สี วนพทุ ธธรรมเพอื่ ประโยชน์
ตอ่ การปฏบิ ตั ภิ าวนา เปน็ ตน้
๗) อริ ยิ าปถสปั ปายะ อริ ยิ าบถทเี่ หมาะกนั หมายถงึ การสง่ เสรมิ การออกกำ� ลงั กาย การจดั พน้ื ที่
ภายในวดั และชมุ ชนเปน็ สถานทแ่ี ลกเปลยี่ นเรียนรู้ เพื่อให้เกิดกิจกรรมทางสังคม ส่งเสริมให้มีการ
พัฒนาด้าน อิริยาบถที่สมดุลของพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และฆราวาสท่ัวไป

๗ แนวทางการดำ� เนนิ การเพอ่ื สร้างสัปปายะ

แนวทางการดำ� เนนิ งานสรา้ งสัปปายะสวู่ ัดสวยดว้ ยความสุข คือ ๑) ก�ำหนดคณะกรรมการ
โครงการของวดั ๒) การประกาศนโยบาย ๓) การอบรมให้ความรู้ ๔) การส�ำรวจพ้นื ท่ี จัดทำ� แผนผงั
วดั และวเิ คราะห์พ้นื ทีเ่ พ่ือการพัฒนา ๕) จดั ทำ� แผนปรบั ปรุง ๖) ลงมอื ปฏบิ ตั ิ (Big Cleaning Day)
และ๗) สรปุ ผลการดำ� เนนิ งาน

ข้ันตอนดังกล่าว วัดควรท�ำทุกขั้นตอนและควรเรียงล�ำดับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ในการดำ� เนินโครงการฯ เน่ืองจากบางพ้ืนทไ่ี ม่เขา้ ใจ และต้องการเพียงท�ำความสะอาดครัง้ ใหญ่ (Big
Cleaning) ซึ่งไม่มีผลในการท�ำอย่างต่อเนื่อง ดังน้ัน วัด และองค์กรที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถ
ด�ำเนนิ การตาม ๗ ขั้นตอนของโครงการวัด ประชา รัฐ สรา้ งสุข เพอื่ ให้เกดิ ประสทิ ธิภาพ ประสิทธผิ ล
รวมถึงความย่งั ยืนท่ีจะเกดิ ข้นึ ดว้ ย

36 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

๗ แนวทางดำ� เนินงานสรา้ งสปั ปายะสวู่ ดั ดวยวิถี ๕ส
๑ จัดตั้งคณะกรรมการดำ� เนนิ งานฯ (๕ส)
๒ ประกาศนโยบาย
๓ อบรมให้ความรู้
๔ สำ� รวจพน้ื ทดี่ ว้ ยคณะทำ� งานทง้ั หมดและแบง่ พนื้ ทรี่ บั ผดิ ชอบวเิ คราะหจ์ ดั เดน่ จดุ ปรบั ปรงุ
๕ จัดทำ� แผนปรบั ปรงุ
๖ พธิ ี (Kick off) การทำ� ความสะอาดครงั้ ใหญ่ (Big Cleaning Day)
๗ ตรวจประเมนิ พน้ื ที่ และสรุปผลการปฏิบตงิ าน

ขน้ั ตอนที่ ๑ : จดั ตง้ั คณะกรรมการดำ� เนนิ งานโครงการฯ
(คณะกรรมการ ๕ส)

ในขน้ั ตอนนี้ เปน็ การประชมุ ปรกึ ษาหารอื เพอื่ ตง้ั คณะกรรมการดำ� เนนิ การโครงการวดั ประชา
รฐั ในระดับวดั ซ่งึ จะต้องมกี ารพูดคยุ ประชมุ ร่วมกนั ท้งั ในสว่ นของคณะสงฆ์ หมบู่ ้าน และองคก์ ร
ปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น โดยดำ� เนินการดงั น้ี
๑) ประชมุ รว่ มกันระหว่างวดั และชุมชน
๒) การช้ีแจงความสำ� คัญของโครงการ
๓) การเสนอแตง่ ตั้งคณะกรรมการโครงการฯ ของวดั

คณะกรรมการฯ ควรประกอบดว้ ย

- เจา้ อาวาส / พระภกิ ษุทไี่ ดร้ ับมอบหมายจากเจ้าอาวาส
- ผู้แทนองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่น (องค์การบรหิ ารส่วนตำ� บล / เทศบาล)
- ผแู้ ทนผนู้ ำ� ชมุ ชน (กำ� นัน / ผใู้ หญบ่ ้าน / คณะกรรมการวดั – ชุมชน)
- ผู้แทนสถานศกึ ษาในชมุ ชนใกลว้ ดั
- ผู้แทนสถานประกอบการ (ทต่ี ้องการเขา้ มามีส่วนรว่ ม เป็นจติ อาสา ทถี่ ือว่าเป็นสว่ นหนึ่ง
ของกจิ กรรมเพ่อื สังคม CSR ของหนว่ ยงาน)
- ผแู้ ทนเครอื ขา่ ย “บวร” และองคก์ รอน่ื ๆ ในชมุ ชนใกลว้ ดั เชน่ กลมุ่ / ชมรม / สมาคมตา่ งๆ

คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข 37

บทบาทหน้าท่ขี องคณะกรรมการฯ

-เปน็ เจา้ ของกระบวนการ มงุ่ มนั่ ทจ่ี ะทำ� ให้ ๕ส เกดิ ผลสำ� เรจ็ ใหค้ วามสำ� คญั การทำ� งานแบบ
มสี ่วนร่วม
- จดั ท�ำแผนโครงการ ๕ส พร้อมก�ำหนดเปา้ หมายผลส�ำเรจ็
- ประสานงานกบั บคุ คล หรอื คณะต่างๆ ทเี่ กยี่ วขอ้ งท่ีมารว่ มกนั ท�ำกิจกรรมติดตามผลการ
ดำ� เนนิ งาน รายงานผลการดำ� เนินงานต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องหรอื ผใู้ ห้การสนบั สนุน

38 คู่มือและแนวปฏิบัติ โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข

ขัน้ ตอนท่ี ๒ : ประกาศนโยบาย

วดั ทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการและคณะกรรมการทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ควรมกี ารประกาศนโยบายเพอื่ แสดงให้
เหน็ ถงึ การเขา้ รว่ มโครงการ ฯ โดยทำ� ปา้ ยประกาศใหส้ าธารณชนไดร้ บั ทราบ เพอื่ แสดงถงึ ความตงั้ ใจ
ในการพัฒนาวัดและชุมชน และแสดงถงึ ความรว่ มมือขององคก์ รในพื้นท่ี ดังนี้

ข้ันตอนท่ี ๓ : การอบรมให้ความรู้

ม่งุ เน้นการอบรมให้ความรเู้ ร่ือง ๕ ส หลักสัปปายะ ๗ และความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม การมี
จติ อาสา รวมถึงการจดั การทรัพยากรวัฒนธรรมภายในวดั ขัน้ ตอนการทำ� งาน การก�ำหนดพ้นื ท่ี การ
ออกแบบผงั บรเิ วณวัด และการสรา้ งความรว่ มมือของฝา่ ยตา่ งๆ รวมทั้งการใหค้ วามรขู้ องคณะสงฆ์
ในการประชมุ ระดับจังหวัด เปน็ ตน้


Click to View FlipBook Version