๓๗
พระองค์ที่เลียนแบบท่ำทำงกำรเดินของคิริทัต พระโพธิสัตว์ให้เปลี่ยนเอำคนท่ีมีร่ำงกำยบริบูรณ์มำ
เลย้ี งมำ้ แทน ม้ำน้นั ก็ได้กลบั เปน็ มำ้ ดดี ังเดมิ ๔
๔. ในจุลลปทุมชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นปทุมรำชกุมำร พระเทวทัตได้
ถือกำเนิดเป็นโจรผู้อกตัญญู เมื่อพระโพธิสัตว์พร้อมพระชำยำได้ออกไปอยู่ในป่ำ แล้วได้ช่วยเหลือโจร
คนหน่ึงซ่ึงถูกตัดมือ เท้ำ หู และจมูกนำไปรักษำตัว กลับถูกพระชำยำซึ่งร่วมมือกับโจรหลอกผลักตก
เหว แต่พญำเหี้ยได้ช่วยเหลือไวแ้ ลว้ พำกลบั ไปยงั พระนคร ๕
๕. ในมณิโจรชำดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นคหบดีอำศัยอยู่ในหมู่บ้ำนไม่ไกล
จำกกรุงพำรำณสี พระเทวทตั ไดถ้ อื กำเนดิ เป็นพระเจำ้ พำรำณสี เม่ือพระเจ้ำพำรำณสีได้ทอดพระเนตร
เหน็ ภรยิ ำของพระโพธสิ ัตว์ ก็ทรงเกดิ จติ ปฏิพัทธ์ขึ้น ประสงค์จะฆ่ำพระโพธิสัตว์แล้วยึดเอำหญิงน้ันมำ
จงใช้อบุ ำยจับพระโพธิสตั ว์มำเพอื่ จะประหำร แต่ท้ำวสักกะได้เสด็จมำช่วยเหลือไว้ ทำให้พระรำชำถูก
ประหำรชีวติ แทน
. ในวีรกชำดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นกำน้ำชื่อว่ำวีรกะอำศัยอยู่ในป่ำ
หิมพำนต์ พระเทวทัตไดถ้ ือกำเนดิ เปน็ กำช่ือว่ำสวิษฐกะอำศัยอยู่ในกรุงพำรำณสีครำวหน่ึงกำสวิษฐกะ
ได้ไปหำพระโพธิสัตว์ขออำศัยอยู่ด้วย เม่ือเห็นพระโพธิสัตว์ดำลงไปคำบปลำในน้ำ ก็ประสงค์จะจับ
ปลำบ้ำง จึงดำน้ำลงไปจับปลำแต่ถกู สำหรำ่ ยพนั คอตำยในนำ้ น้นั เอง ๗
๗. ในกุรุงคมิคชำดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นกวำงอยู่ท่ีป่ำละเมำะแห่งหน่ึง
พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพรำนเน้ือ พระโพธิสัตว์ได้ติดบ่วงที่พรำนเน้ือน้ันดักไว้ นกสตปัตตะและ
เต่ำซ่ึงเป็นสหำยได้ช่วยเหลือให้รอดพ้น แต่เต่ำถูกนำยพรำนจับได้ พระโพธิสัตว์ก็อำศัยปัญญำ
ช่วยเหลอื เตำ่ ให้รอดพ้นได้ ๘
๘. ในสุงสมุ ำรชำดก พระโพธิสตั วไ์ ด้เสวยพระชำติวำนรอยู่ในป่ำหิมพำนต์ พระเทวทัต
ได้ถือกำเนิดเป็นจระเข้ ซึ่งได้ใช้อุบำยหลอกฆ่ำพระโพธิสัตว์เพ่ือนำเนื้อหัวใจไปให้แก่ภรรยำซึ่งกำลัง
แพท้ ้อง พระโพธิสัตว์ใช้ปญั ญำจนสำมำรถหลดุ พน้ จำกอนั ตรำยได้ ๙
๔ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/ ๙ – ๙๕.
๕ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/ ๙– ๓๘.
ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/ ๓๙– ๔๕.
๗ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/ ๙ – ๙๕.
๘ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๓๐๐–๓๐๓.
๙ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๓ ๐–๓ ๓.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๓๘
๙. ในกักกรชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นรุกขเทวดำอยู่ในป่ำใหญ่
พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพรำนนก ซ่ึงเท่ียวดักไก่ในป่ำใหญ่นั้น แต่ถูกไก่ขันเยำะเย้ยแล้วหนีเข้ำไป
ในป่ำ๓๐
๓๐. ในกันทคลกชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นนกหัวขวำนเที่ยวหำกินในป่ำ
ไม้ตะเคียน พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นนกช่ือว่ำกันทคลกะเท่ียวหำกินในป่ำไม้ทองหลำง วันหนึ่ง
นกกันทคลกะได้ไปหำพระโพธิสัตว์ เห็นพระโพธิสัตว์เจำะไม้ตะเคียนแล้วนำตัวสัตว์ออกมำให้ตนกิน
ก็ประสงค์จะเลียนแบบ จึงใช้จะงอยปำกเคำะท่ีไม้ตะเคียน จะงอยปำกก็หักทันที ตำถลน หัวแตก
ตกจำกต้นตะเคยี นถึงแกค่ วำมตำยในที่น้นั เอง๓
๓ . ในธัมมทั ธชชำดก พระโพธสิ ัตวไ์ ด้เสวยพระชำติเป็นปุโรหิตของพระเจ้ำกรุงพำรำณสี
ช่ือธรรมธัช พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นเสนำบดีช่ือกำฬกะ ซึ่งเกิดควำมอำฆำตประสงค์จะฆ่ำ
พระโพธิสัตว์ ได้ยุยงพระรำชำให้ประหำรชีวิตพระโพธิสัตว์ ท้ำวสักกะได้เสด็จมำช่วยเหลือไว้ ต่อมำ
เมื่อพระรำชำทรงทรำบเรือ่ งท้ังหมด ก็ทรงใหจ้ ับกำฬกเสนำบดีไปประหำรชีวติ ๓
๓ . ในกำสำวชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพญำช้ำงหัวหน้ำโขลงในป่ำหิม
พำนต์ พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นนำยพรำนซึ่งประสงค์จะจับเอำช้ำง จึงนุ่งผ้ำกำสำวะไปน่ังอยู่ใกล้
ทำงผ่ำนของโขลงชำ้ งแล้วฆำ่ ช้ำงตัวอยหู่ ลังสุด พระโพธิสัตว์เกิดควำมสงสัยในนำยพรำนน้ัน จึงเดินอยู่
หลังช้ำงท้ังหมด พอเห็นว่ำนำยพรำนนั้นประสงค์จะฆ่ำตน จึงได้วิ่งร่ีเข้ำใส่แล้วจับนำยพรำนนั้น
ประสงค์จะฟำดลงที่พ้ืนดิน แต่ครั้นเห็นผ้ำกำสำวะก็คิดยำเกรงต่อธงชัยของพระอรหันต์ ก็ได้กล่ำว
ตำหนินำยพรำนแล้วปลอ่ ยไป๓๓
๓๓. ในจุลลนันทิยชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นวำนรช่ือนันทิยะอยู่ท่ีป่ำ
หิมพำนต์ พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นนำยพรำนผู้กักขฬะหยำบช้ำ เขำได้ยิงพระโพธิสัตว์พร้อมท้ัง
น้องชำยและมำรดำให้ถึงแก่ควำมตำย ด้วยบำปกรรมน้ัน เขำจึงถูกแผ่นดินสูบตำยไปบังเกิดใน
อเวจมี หำนรก๓๔
๓๐ พระไตรปฎิ กเป็น กกุ กฏชำดก, ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๓ ๔–๓ .
๓ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๓ ๗–๓ ๐.
๓ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๓ ๕–๓๘ .
๓๓ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๓๘๓–๓๘๘.
๓๔ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๓๘๙–๓๙๔.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๓๙
๓๔. ในอุปำหนชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นนำยหัตถำจำรย์ในกรุงพำรำณสี
พระเทวทัตได้บังเกิดเป็นมำณพในบ้ำนกำสิคำม ซ่ึงได้มำเรียนศิลปะกับพระโพธิสัตว์ แต่เมื่อเรียนจบ
แล้วกลำยเปน็ คนอกตัญญตู ่ออำจำรย์ จึงถูกมหำชนทำรำ้ ยรำ่ งกำยจนส้นิ ชีวติ ๓๕
๓๕. ในมหำปิงคิลชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพระโอรสของพระเจ้ำ
มหำปิงคิละในกรุงพำรำณสี พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพระเจ้ำมหำปิงคิละซึ่งเป็นผู้ครองรำชย์โดย
อธรรม มิได้เป็นที่รักของใคร ๆ เลย เมื่อสิ้นพระชนม์ลง ชำวนครทั้งสิ้นพำกันร่ำเริงยินดี แต่
พระโพธิสัตว์ได้ทอดพระเนตรเห็นยำมเฝ้ำประตูคนหนึ่งร้องไห้ จึงถำมว่ำพระเจ้ำมหำปิงคิละเป็นที่รัก
ยง่ิ หรือ เมื่อยำมประตกู รำบทูลวำ่ พระรำชำนัน้ มิได้เปน็ ท่ีรักเลย แต่ท่ีร้องไห้เพรำะกลัวว่ำพระรำชำนั้น
จะกลบั มำอกี พระโพธสิ ตั วจ์ งึ ตรสั ปลอบยำมประตนู น้ั จนสบำยใจ๓
๓ . ในสัพพทำฐชำดก พระโพธสิ ัตว์ไดเ้ สวยพระชำตเิ ป็นปุโรหติ ของพระเจ้ำพรหมทัตใน
กรุงพำรำณสี พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นสุนัขจิ้งจอกซ่ึงรู้มนต์ที่สำมำรถบังคับสัตว์ทั้งหมดให้อยู่ใน
อำนำจของตนได้ พำสัตว์ทั้งหมดไปเพื่อจะยึดกรุงพำรำณสีโดยได้ข้ึนน่ังบนหลังรำชสีห์แล้วให้รำชสีห์
ข้ึนเหยียบบนหลังช้ำงสองตัว พระโพธิสัตว์ได้ใช้อุบำยให้รำชสีห์นั้นเปล่งสีหนำท ช้ำงท่ีรำชสีห์ตัวนั้น
เหยียบอยู่กไ็ ด้ตกใจกลวั ไดส้ ลดั สนุ ัขจงิ้ จอกนัน้ ให้ตกลงมำ แล้วเหยียบสุนัขจิง้ จอกนนั้ จนส้ินชวี ติ ไป๓๗
๓๗. ในคุตตลิ ชำดก พระโพธสิ ตั ว์ไดเ้ สวยพระชำติเปน็ นกั ขบั ร้องชัน้ ยอดอยู่ในกรุงพำรำณสี
ช่ือว่ำคุตติลกุมำร พระเทวทัตถือกำเนิดเป็นมุสิลมำณพในเมืองอุชเชนี ซึ่งได้มำขอศึกษำศิลปะกับ
พระโพธสิ ัตว์ เมอ่ื เรยี นจนสำเร็จแล้วกลับเปน็ คนอกตัญญู ลบหลู่คุณของอำจำรย์ จึงถูกมหำชนทำร้ำย
เอำจนส้ินชีวิต๓๘
๓๘. ในโรมชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นนกพิรำบอำศัยอยู่ในป่ำใกล้ปัจจันต
คำมพรอ้ มทงั้ บริวำร พระเทวทัตไดถ้ อื กำเนดิ เป็นชฎลิ โกงซ่ึงอยทู่ ี่อำศรมในป่ำใกลป้ จั จันตคำมน้ัน ชฎิล
น้ันประสงค์จะฆ่ำฝงู นกพริ ำบ แต่พระโพธิสัตว์รู้ทันจึงกล่ำวตำหนิชฎิลเป็นอันมำก แล้วพำฝูงนกพิรำบ
บนิ หนีไป๓๙
๓๕ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๔๓ –๔๓๕.
๓ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๔ ๘–๔๗๓.
๓๗ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๔๗๔–๔๗๙.
๓๘ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๔๘๔–๔๙๗.
๓๙ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/ ๕– ๐.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔๐
๓๙. ในชัมพูขำทกชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นรุกขเทวดำอยู่ในป่ำไม้หว้ำ
แห่งหนึ่ง พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวหน่ึงซึ่งได้เห็นกำกำลังกินผลไม้หว้ำอยู่ เกิดควำม
ปรำรถนำจะกินบำ้ ง จงึ ได้กลำ่ วสรรเสรญิ กำนัน้ ด้วยคำไม่จริง ฝ่ำยกำได้เขย่ำก่ิงไม้หว้ำให้ผลหล่นลงมำ
พร้อมท้ังสรรเสริญสนุ ขั จงิ้ จอกด้วยคำไมจ่ ริงเช่นเดียวกัน พระโพธิสัตว์กล่ำวตำหนิทั้งสองน้ันแล้วไล่ให้
หนไี ปทอ่ี ่ืน๔๐
๔๐. ในอันตชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นรุกขเทวดำท่ีต้นละหุ่ง พระเทวทัต
ได้ถือกำเนดิ เปน็ สุนัขจ้ิงจอกซึง่ ไดเ้ คีย้ วกนิ เน้อื ของโคแก่ท่ีคนมำทงิ้ ไว้ใกล้ต้นละหุ่ง กำได้บินผ่ำนมำเห็น
เข้ำ จึงประสงคจ์ ะกินบำ้ ง ได้กลำ่ วชมสนุ ขั จิง้ จอกด้วยคำไมจ่ ริง สุนขั จ้ิงจอกก็กล่ำวชมกำด้วยคำไม่จริง
กอ่ นที่จะแบ่งเนื้อน้นั ให้กำ พระโพธสิ ัตวไ์ ด้ออกมำไล่ทง้ั สองนัน้ ให้หนีไปที่อน่ื ๔
๔ . ในชวสกุณชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นนกหัวขวำน พระเทวทัตได้ถือ
กำเนิดเปน็ รำชสหี ์ ซึง่ ไดก้ นิ เนื้อแล้วกระดกู ติดคอเกดิ ควำมทุกขท์ รมำนเป็นอันมำก พระโพธิสัตว์ได้บิน
ผ่ำนมำพบเข้ำจึงได้ช่วยเหลือ แต่รำชสีห์มิได้มีกตัญญูเลย พระโพธิสัตว์จึงได้กล่ำวตำหนิเป็นอันมำก
แล้วก็บนิ หนไี ป๔
๔ . ในขันติวำทิชำดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นกุณฑลดำบส พระเทวทัตได้ถือ
กำเนิดเป็นพระรำชำพระนำมว่ำกลำปุในกรุงพำรำณสี ซึ่งได้รับสั่งให้รำชบุรุษใช้หวำยเฆี่ยนตี แล้วให้
ตัดมือ เท้ำ หู และจมูกของดำบส เม่ือยังไม่พอพระทัยก็ได้เอำพระบำทกระทืบยอดอกของดำบสจน
มรณภำพ ด้วยผลกรรมนัน้ ทำใหพ้ ระองค์ถูกแผ่นดนิ สบู ไปเกิดในอเวจีมหำนรก๔๓
๔๓. ในกักกำรุชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นเทพบุตรองค์หนึ่งในภพดำวดึงส์
พระเทวทตั ได้ถือกำเนิดเป็นปุโรหิตของพระเจ้ำพรหมทัตในพระนครพำรำณสี ได้กล่ำวโกหกว่ำตนเอง
มีคุณธรรมเพรำะอยำกจะได้เทริดดอกไม้ทิพย์ซึ่งมีกลิ่นหอมของเทพบุตร เม่ือได้รับแล้วก็สวมเทริด
ดอกไม้น้ันบนศีรษะ เกิดทุกขเวทนำข้ึนอย่ำงมำก เทพบุตรจึงได้กล่ำวติเตียนปุโรหิตแล้วได้นำเทริด
ดอกไมอ้ อกจำกศีรษะให้๔๔
๔๐ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๓๓๗–๓๔๐.
๔ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๓๔ –๓๔๓.
๔ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๔ –๔ ๙.
๔๓ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๔๕๗–๔ ๔.
๔๔ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๕๕๕–๕ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔
๔๔. ในกำฬพำหุชำดก พระโพธิสัตว์ไดเ้ สวยพระชำตเิ ปน็ ลิงเผือกช่ือรำธะ พระเทวทัตได้
ถือกำเนิดเป็นลิงดำชื่อกำฬพำหุ พรำนป่ำคนหน่ึงได้จับเอำพระโพธิสัตว์พร้อมกับน้องชำยและ
กำฬพำหุนำไปถวำยพระเจ้ำพำรำณสี พระองค์จึงรับสั่งให้คนเล้ียงดูเป็นอย่ำงดียิ่ง กำฬพำหุนั้นได้
กระดิกหู กลอกหน้ำกลอกตำใส่พระรำชกุมำรทั้งหลำย ทำให้ทรงกลัว พระรำชำจึงรับส่ังให้ไล่
กำฬพำหุนั้นออกจำกวังไป๔๕
๔๕. ในชัมพกุ ชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นรำชสีห์ในป่ำหิมพำนต์ พระเทวทัต
ได้ถือกำเนิดเป็นสุนัขจิ้งจอก ซึ่งประสงค์จับสัตว์เลียนแบบพระโพธิสัตว์ หวังจะจับช้ำงแต่พลำดถูก
ชำ้ งเหยยี บทหี่ วั ถึงแก่ควำมตำย๔
๔ . ในวำนรชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นลิง พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็น
จระเข้ ซึ่งไดใ้ ช้อบุ ำยหลอกฆ่ำพระโพธิสัตว์เพรำะประสงค์จะนำเน้ือหัวใจของพระโพธิสัตว์ไปให้ภริยำ
ของตนซง่ึ กำลงั แพ้ท้อง พระโพธสิ ัตว์จึงใช้ปัญญำจนสำมำรถพ้นจำกอนั ตรำยได้๔๗
๔๗. ในเวนสำขชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นอำจำรย์ผู้ทิศำปำโมกข์ในกรุง
ตักกสิลำ พระเทวทัตเกิดเป็นปุโรหิตของพระเจ้ำพรหมทัตในกรุงพำรำณสี ปุโรหิตน้ันได้ยุยงพระเจ้ำ
พรหมทัตให้ไปยึดรำชสมบัติท่ัวชมพูทวีปเพรำะควำมโลภในยศ พระรำชำก็ทรงยึดรำชสมบัติทั่วชมพู
ทวีปได้ เว้นไว้แต่กรุงตักกสิลำ ต่อมำ พระเนตรท้ังสองข้ำงของพระเจ้ำพรหมทัตได้แตกไป ทำให้ทรง
ได้รับทกุ ขเวทนำเป็นอยำ่ งยง่ิ สนิ้ พระชนมไ์ ปบังเกดิ ในนรก๔๘
๔๘. ในลฏุกิกชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพญำช้ำงซ่ึงมีบริวำรมำก พระ
เทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นช้ำงดุร้ำยซึ่งได้เหยียบลูกนกของนำงนกไส้จนตำยทั้งหมด ทำให้นำงนกไส้ผูก
อำฆำตช้ำงนั้น จึงไปขอควำมช่วยเหลือจำกกำ แมลงวัน และกบให้ช่วยกันทำร้ำยช้ำงจนถึงแก่ควำม
ตำย๔๙
๔๙. ในจุลลธรรมปำลชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพระธรรมปำลกุมำร
พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพระเจ้ำมหำปตำปะในกรุงพำรำณสี ซ่ึงได้เกิดควำมพิโรธต่อพระโพธิสัตว์
จึงรบั สง่ั ให้เพชฌฆำตนำพระโพธิสตั ว์ไปประหำรชีวิต แม้พระเทวีจะอ้อนวอนขอชีวิตของพระโพธิสัตว์
๔๕ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๕๗๗–๕๘ .
๔ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/ – ๗.
๔๗ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/ ๕๗– ๐.
๔๘ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๗ ๐–๗ ๙.
๔๙ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๗๕๗–๗ ๔.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔
ก็ตำมที ก็มทิ รงฟัง พระเทวีทรงร่ำไห้ พระทัยแตกสลำยทิวงคตไป ฝ่ำยพระรำชำเม่ือรับสั่งให้ประหำร
พระกุมำรแล้ว ได้พลัดตกลงไปที่ท้องพระโรง ถูกแผ่นดินสูบลงไปในพื้นดิน สิ้นพระชนม์ไปบังเกิดใน
อเวจีมหำนรก๕๐
๕๐. ในสำลิยชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นทำรกในตระกูลกุฎุมพีในหมู่บ้ำน
แห่งหน่ึง พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นหมอทุรพลซ่ึงได้ผ่ำนไปยังหมู่บ้ำนท่ีพระโพธิสัตว์กับสหำยกำลัง
เล่นกันอยู่ ประสงค์จะให้งูกัดเด็ก เพ่ือท่ีจะได้ค่ำจ้ำงจำกกำรรักษำบ้ำง จึงลวงพระโพธิสัตว์ว่ำในโพรง
ไมม้ ลี กู นกสำลกิ ำอยู่ ให้ข้ึนไปจับเอำ พระโพธิสัตว์จึงขึ้นไปแล้วล้วงเข้ำไปจับที่คองูดึงออกมำ เมื่อเห็น
วำ่ เป็นงูก็รีบขวำ้ งไป งนู ัน้ ปลวิ ไปตกลงที่คอของหมอ ไดก้ ัดหมอนน้ั ให้ลม้ ลงตำยในทน่ี นั้ เอง๕
๕ . ในสุวรรณกักกฏชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพรำหมณ์ พระเทวทัตได้
ถือกำเนิดเป็นกำ ซ่ึงประสงค์จะฆ่ำพระโพธิสัตว์เพื่อนำนัยน์ตำมำให้แก่ภริยำของตนที่กำลังแพ้ท้อง
จงึ ได้เข้ำไปออ้ นวอนใหง้ ูเหำ่ กดั พระโพธิสัตวใ์ ห้ตำยเพ่อื ตนจะจิกนัยน์ตำ งูเห่ำได้กัดพระโพธิสัตว์จนล้ม
ลง กำนั้นจึงเข้ำไปเพ่ือประสงค์จะจิกนัยน์ตำ ปูสีทองซ่ึงเป็นสหำยของพระโพธิสัตว์ได้ใช้ก้ำมหนีบคอ
กำไว้เป็นตัวประกัน และบอกงูให้ดูดพิษกลับคืนจำกร่ำงกำยของพระโพธิสัตว์ให้หมด พระโพธิสัตว์ได้
ฟ้ืนขน้ึ มำ ปไู ดห้ นีบสัตว์ทัง้ สองใหถ้ งึ แก่ควำมตำย๕
๕ . ในมโนชชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นรำชสีห์ พระเทวทัตได้ถือกำเนิด
เป็นสนุ ัขจิง้ จอก ซ่ึงคุ้นเคยกับรำชสีห์ช่ือว่ำมโนชะผู้เป็นลูกของพระโพธิสัตว์ ได้ยุยงให้มโนชะไปฆ่ำม้ำ
ในวังหลวงเพื่อนำมำกิน ฝ่ำยมโนชะแม้พระโพธิสัตว์ห้ำมไว้ก็ไม่ฟัง ได้ไปที่โรงม้ำ ได้ถูกนำยขมังธนูซุ่ม
ยงิ จนถงึ แก่ควำมตำย๕๓
๕๓. ในกปิชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพญำลิงอำศัยอยู่ใกล้กรุงพำรำณสี
พร้อมท้ังบริวำร พระเทวทัตได้บังเกิดเป็นลิงหัวดื้อ ซ่ึงได้ถ่ำยอุจจำระรดหัวปุโรหิต ทำให้ปุโรหิตผูก
อำฆำต จึงให้นักแม่นธนูไปยิงลิงหัวดื้อพร้อมท้ังบริวำรให้ตำยไปทั้งหมด แต่พระโพธิสัตว์พร้อมท้ัง
บริวำรหนีรอดไปได้๕๔
๕๐ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๗ ๕–๗๗๔.
๕ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๘ –๘ ๙.
๕ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/ ๕ – ๐.
๕๓ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/ – ๓.
๕๔ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/ ๙๗–๓๐๔.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔๓
๕๔. ในมหำกปิชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพญำลิงซึ่งอำศัยอยู่ในป่ำหิม
พำนต์พร้อมกับบริวำรเป็นอันมำก พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นลิงบริวำรตัวหนึ่งซ่ึงมีควำมริษยำใน
พระโพธิสัตว์ เมื่อพระโพธิสัตว์ใช้เถำวัลย์ผูกเอวของตนที่ต้นไม้ต้นหนึ่งเข้ำกับต้นไม้อีกต้นหน่ึงทำตน
เปน็ สะพำนเพ่อื ให้บริวำรของตนหลบหนีพระเจำ้ พำรำณสีที่รับส่ังให้เหล่ำรำชบริพำรล้อมต้นไม้เพื่อจะ
ฆ่ำลิงท้ังหลำย บริวำรท้ังหลำยก็หนีไปได้โดยควำมสวัสดี แต่ลิงวำยร้ำยตัวนั้นได้กระโดดเหยียบหลัง
พระโพธิสัตว์อย่ำงแรงทำให้หัวใจของพระโพธิสัตว์แตกแล้วไต่ข้ำมไป พระโพธิสัตว์เกิดมีทุกขเวทนำ
อย่ำงแรงกล้ำจนสิน้ ชีวิตไป๕๕
๕๕. ในปรันตปชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพระโอรสของพระเจ้ำพรหมทัต
ในกรุงพำรำณสี พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพระเจ้ำพรหมทัต ซึ่งมีพระประสงค์จะปลงพระชนม์
พระโพธสิ ตั ว์ เมือ่ ศกึ ประชิดจงึ ได้สง่ พระโพธสิ ตั ว์ออกไปรบ เหล่ำบริวำรได้ติดตำมพระโพธิสัตว์ออกไป
ทง้ั หมดจนพระนครว่ำงเปลำ่ พระเจ้ำพรหมทตั เมอ่ื รู้ว่ำพระนครได้ว่ำงเปล่ำ ก็ทรงกลัวจึงได้หนีออกไป
อยู่ในป่ำและสิ้นพระชนม์อยู่ในป่ำน้ันเอง พระโพธิสัตว์ได้ทำกำรรบขับไล่ข้ำศึกให้หนีไปแล้วทรงขึ้น
ครองรำชย์แทน๕
๕ . ในเจติยรำชชำดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นกปิลปุโรหิต พระเทวทัตได้ถือ
กำเนิดเป็นพระเจ้ำอุปจิรรำชในพระนครชื่อว่ำเจติยรัฐ ซึ่งพระองค์ประกอบด้วยฤทธ์ิเป็นอันมำก
ต่อมำ พระโพธิสัตว์ได้ลำออกบวชเป็นฤๅษี พระรำชำถูกโกรกลัมพกพรำหมณ์ซ่ึงเป็นน้องชำยของ
พระโพธิสัตว์กรำบทูลยุยงให้ต้ังตนเองเป็นปุโรหิต พระรำชำทรงรับปำกว่ำจักตรัสมุสำวำททำ
พระโพธิสัตว์ให้มีร่ำงเป็นพรำหมณ์ผู้เป็นน้องชำย ทำพรำหมณ์ผู้น้องชำยให้เป็นพ่ีชำยแล้วจักต้ัง
พรำหมณ์นั้นให้เป็นปุโรหิตแทน แม้พระโพธิสัตว์จะทูลห้ำมก็ไม่ทรงเชื่อฟัง จึงถูกแผ่นดินสูบจน
สิ้นพระชนมไ์ ปบังเกิดในอเวจีมหำนรก๕๗
๕๗. ในติตติรชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นนกกระทำ พระเทวทัตได้ถือ
กำเนิดเป็นดำบสผู้เลวทรำม ซึ่งได้ฆ่ำพระโพธิสัตว์ตำยแล้ว ตนเองก็ถูกเสือโคร่งซ่ึงเป็นสหำยของ
พระโพธสิ ตั วก์ ดั ตำยเช่นเดียวกนั ๕๘
๕๕ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/๓๓ –๓๔๓.
๕ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/๔๔๐–๔๕ .
๕๗ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/๕๓ –๕๕ .
๕๘ พระไตรปิฎก เปน็ ททั ทรชำดก, ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/๗๔ –๗๕๕.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔๔
๕๘. ในนิโครธชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพระรำชำพระนำมว่ำนิโครธ
พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นสำขเสนำบดี สำขเสนำบดีน้ันกับขุนคลังช่ือโปติกะได้เป็นสหำยกับ
พระรำชำต้ังแต่ยังเยำวว์ ยั แตต่ ่อมำสำขเสนำบดไี ด้ผูกอำฆำตในโปติกะน้ัน เม่ือโปติกะได้ไปหำตน ก็ได้
ใหค้ นทุบตแี ล้วขับไล่โปติกะออกจำกบ้ำน พระรำชำเม่ือทรงทรำบเรื่องนั้นก็ได้ตรัสตำหนิสำขเสนำบดี
เปน็ อันมำก๕๙
๕๙. ในกุกกุฏชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นไก่อยู่ในป่ำแห่งหนึ่งพร้อมไก่
บริวำรหลำยร้อยตัว พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นเหย่ียวคอยจับไก่บริวำรของพระโพธิสัตว์กินท้ังหมด
เหลือแต่พระโพธิสัตว์เท่ำนั้น เหย่ียวไม่อำจจับพระโพธิสัตว์ได้จึงแสร้งกล่ำวถ้อยคำไพเรำะต่ำง ๆ
เพื่อให้ตำยใจ แต่พระโพธิสัตว์ไม่หลงเชื่อและยังได้กล่ำวตำหนิเหยี่ยวน้ันเป็นอย่ำงมำก แล้วขับไล่
เหย่ยี วนัน้ ให้หนีไป ๐
๐. ในมำตุโปสกชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นช้ำงเผือกอำศัยอยู่ที่เชิงเขำ
แห่งหนึ่งในป่ำหิมพำนตก์ ับมำรดำซึ่งตำบอด พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพรำนป่ำผู้เลวทรำม ซ่ึงได้ไป
ล่ำสัตว์ในป่ำเกิดหลงทำง พระโพธิสัตว์ได้ช่วยพำพรำนป่ำนั้นกลับไปยังถิ่นมนุษย์ แต่เขำกลับเป็นคน
อกตัญญูได้พำนำยหัตถำจำรย์มำจับเอำพระโพธิสัตว์ไปถวำยพระเจ้ำพรหมทัตในพระนครพำรำณสี
พระรำชำรับสั่งให้ทำโรงช้ำงอย่ำงดี ให้นำอำหำรอันวิจิตรมีรสโอชำมำให้แก่พระโพธิสัตว์ แต่
พระโพธิสัตว์มิได้บริโภคเพรำะเป็นห่วงมำรดำของตนกลัวจะไม่มีอำหำรกิน เมื่อพระรำชำทรงทรำบ
ควำมประสงค์จึงได้ปล่อยพระโพธสิ ตั วใ์ ห้กลับไปหำมำรดำทเี่ ชงิ เขำน้ัน
. ในธรรมเทวปุตตชำดก พระโพธสิ ตั วเ์ สวยพระชำติเป็นธรรมเทพบตุ ร พระเทวทัตได้
บังเกดิ เปน็ อธรรมเทพบตุ ร ธรรมเทพบตุ รนนั้ ทรงรถทพิ ยเ์ วยี นขวำชมพูทวีปเทย่ี วชักชวนให้มหำชนใน
มนุษยโลกถอื ม่ันในกศุ ล ฝ่ำยอธรรมเทพบุตร ก็ทรงรถทิพย์เวียนซ้ำยชมพูทวีปเท่ียวชักชวนให้มหำชน
ถือมั่นในอกุศล เมื่อเทพบุตรทั้งสองมำพบกันเข้ำ อธรรมเทพบุตรได้ด่ำธรรมเทพบุตร ด้วยผลแห่ง
บำปกรรมน้ัน จงึ ตกจำกรถแลว้ ถูกแผน่ ดนิ สูบตำยไปเกิดในอเวจมี หำนรก
๕๙ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/๘๕ –๘ ๔.
๐ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๙/๘๙๓–๙๐ .
ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/ – .
ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/ ๓–๓๐.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔๕
. ในสมุททวำณิชชำดก พระโพธสิ ตั ว์ได้เสวยพระชำติเปน็ ช่ำงไม้ผู้เป็นบัณฑิตมีบริวำร
อยู่ ๕๐๐ ครอบครัวอยู่ในหมู่บ้ำนในที่ไม่ไกลจำกกรุงพำรำณสี พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นช่ำงไม้ผู้
เป็นพำลมีบริวำร ๕๐๐ ครอบครัวเช่นกัน ครำวหนึ่ง ช่ำงไม้ท้ังหมดได้พำกันต่อเรือไปอำศัยอยู่ท่ีเกำะ
แห่งหน่ึง พระโพธิสัตว์ทำกำรเตรียมกำรไว้โดยให้บริวำรตนต่อเรือให้พร้อม ภำยหลัง เมื่อน้ำกำลังจะ
ท่วมเกำะ ก็ได้พำบริวำรท้ังหมดขึ้นเรือแล้วหนีไปที่อ่ืน ฝ่ำยช่ำงไม้ผู้เป็นพำลพร้อมทั้งบริวำรมิได้
เตรยี มกำรใด ๆ ไวเ้ ลย จงึ ถกู น้ำทะเลทว่ มตำยในทนี่ ัน้ เอง ๓
๓. ในมหำปทุมชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นปทุมกุมำรพระโอรสของ
พระเจ้ำพรหมทัต พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพระเจ้ำพรหมทัตในกรุงพำรำณสี พระอัครมเหสีของ
พระรำชำกรำบทูลใส่ร้ำยพระโพธิสัตว์ พระรำชำจึงรับสั่งให้ประหำรชีวิตพระโพธิสัตว์ แต่เทวดำได้
ช่วยเหลือไว้ พระโพธิสตั ว์จงึ ออกไปบวชเป็นฤำษที ี่ป่ำหมิ พำนต์ ต่อมำเมื่อพระรำชำทรงทรำบเร่ืองรำว
ท้งั หมด จงึ ได้รับสง่ั ใหป้ ระหำรชีวิตพระอคั รมเหสี ๔
๔. ในอัมพชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นบุตรของปุโรหิตหนีภัยจำก
อหิวำตกโรคเข้ำไปกรุงตักกสิลำเรียนไตรเพทและศิลปะเจนจบรู้มนต์ทำให้มะม่วงมีผลนอกฤดูกำลได้
พระเทวทัตได้บังเกิดเป็นมำณพผู้อกตัญญู ซึ่งได้เรียนมนต์กับพระโพธิสัตว์ แล้วเที่ยวร่ำยมนต์เสก
มะม่วงเล้ียงชีพ ต่อมำได้เสกมะม่วงถวำยแด่พระรำชำ เมื่อพระรำชำตรัสถำมว่ำเรียนมนต์กับใคร
ก็กล่ำวเท็จวำ่ เรียนกบั อำจำรยท์ ิศำปำโมกข์ มนต์ได้เสอ่ื มไป เมอ่ื พระรำชำทรงทรำบว่ำมำณพน้ันกล่ำว
คำเทจ็ จึงไดต้ รัสตำหนิเขำแลว้ ไล่ออกไปจำกพระรำชวัง เขำไดก้ ลบั ไปหำพระโพธิสัตว์เพ่ือจะเรียนมนต์
อกี แตถ่ ูกปฏิเสธ จงึ เกดิ ควำมละอำยจึงได้หนเี ขำ้ ไปในปำ่ แล้วสิน้ ชวี ิตในปำ่ นนั้ เอง ๕
๕. ในรุรุมิคชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพญำกวำงช่ือว่ำรุรุผู้มีร่ำงกำยมีสี
ประหนึง่ ทองอำศยั อยู่ในป่ำ พระเทวทตั ได้ถือกำเนดิ เป็นบตุ รของเศรษฐีในกรุงพำรำณสี ซ่ึงไม่รู้กตัญญู
ในพระโพธิสัตว์ที่ได้ช่วยเหลือตนไว้จำกกำรถูกน้ำพัดแล้วพำไปส่งท่ีเมืองเลย กลับได้เข้ำไปเฝ้ำ
พระรำชำแล้วนำทำงไปจับกวำงทองนั้น พระโพธิสัตว์ได้กล่ำวตำหนิเขำเป็นอย่ำงมำก พระรำชำเม่ือ
ทรงทรำบเร่อื งท้งั หมดประสงคจ์ ะประหำรชวี ิตเขำ แตพ่ ระโพธิสัตว์ไดห้ ำ้ มไว้
๓ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/ ๓๐– ๔๓.
๔ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/ ๘ – ๐ .
๕ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/ ๐– ๔.
ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/๓ ๓–๓ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔
. ในจนั ทกนิ รีชำดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นกินนรอยู่ในป่ำหิมพำนต์ พระเทวทัต
ได้ถือกำเนิดเป็นพระเจ้ำพรหมทัตในกรุงพำรำณสี ครำวหน่ึง พระรำชำได้เสด็จไปล่ำสัตว์ที่ป่ำ
หิมพำนต์ ทรงมีจติ ปฏิพัทธ์ในจันทกินนรีซ่ึงเป็นภริยำของพระโพธิสัตว์ ได้ทรงยิงพระโพธิสัตว์จนหมด
สติ จันทกินนรคี ร้ันเห็นดงั นนั้ ก็ได้ร่ำไห้พิลำปรำพันด้วยเสียงอันดัง พระรำชำได้ชวนจันทกินนรีไปเป็น
พระอัครมเหสีของพระองค์ จันทกินนรีไม่ยินยอม พระรำชำจึงได้เสด็จหลีกไป ท้ำวสักกะได้ลงมำ
ชว่ ยเหลอื พระโพธสิ ัตวใ์ ห้ฟ้ืนคนื ชีพดังเดิม ๗
๗. ในตัจฉสกุ รชำดก พระโพธสิ ตั วไ์ ด้เสวยพระชำติเปน็ รกุ ขเทวดำอยู่ในป่ำ พระเทวทัต
ได้ถือกำเนิดเป็นชฎิลโกง ได้ยุให้เสือโคร่งไปฆ่ำฝูงหมูป่ำ หมูป่ำตัวหนึ่งช่ือ ตัจฉกสุกรได้ขวิดเสือโคร่ง
จนขำดใจตำย แลว้ ไดช้ กั ชวนฝูงหมูป่ำไปฆ่ำชฎิลโกงจนถึงแก่ควำมตำย รุกขเทวดำเห็นเหตุดังนั้นจึงได้
กล่ำวชมเชยหมูป่ำเหล่ำนน้ั ๘
๘. ในสัตติคุมพชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นลูกนกแขกเต้ำช่ือ ปุปผกะ
พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นลูกนกแขกเต้ำช่ือสัตติคุมพะ สัตติคุมพะถูกโจรเล้ียงดูทำให้มีนิสัยดุร้ำย
ส่วนปุปผกะได้ฤๅษีเล้ียงดูจึงมีนิสัยอ่อนโยน วันหนึ่ง พระเจ้ำปัญจำลรำชเสด็จไปล่ำเนื้อและได้ไปพัก
บรรทมใกล้บ้ำนโจร นกสัตติคุมพะน้ันเม่ือได้เห็นพระรำชำจึงได้กล่ำวกับพ่อครัวว่ำจะปลงพระชนม์
พระรำชำ พระรำชำจึงได้หลีกหนีไปจนถึงอำศรมของพวกฤำษี นกปุปผกะได้เข้ำไปทำปฏิสันถำรกับ
พระรำชำดว้ ยถ้อยคำอนั ไพเรำะ พระรำชำทรงเลอ่ื มใสในพระโพธิสตั ว์เป็นอย่ำงยิ่ง ๙
๙. ในโสมนัสสชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นโสมนัสสกุมำรผู้เป็นโอรสของ
พระเจ้ำเรณุรำชในอุตตรปัญจำลนคร แคว้นกุรุ พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นชฎิลโกงเป็นที่เล่ือมใสของ
พระเจ้ำเรณุรำช ชฎิลโกงน้ันได้กรำบทูลควำมอันเป็นเท็จว่ำตนถูกพระโพธิสัตว์ทำร้ำยแก่พระรำชำ
พระองค์ทรงกร้ิวจึงรับส่ังให้เพชฌฆำตนำพระโพธิสัตว์ไปประหำรชีวิต แต่พระโพธิสัตว์ได้กรำบทูล
เรอ่ื งทง้ั หมดและได้รบั อภยั ทำน หลงั จำกน้ันก็ไดข้ อพระบรมรำชำนุญำตออกไปบรรพชำท่ีป่ำหิมพำนต์
ฝำ่ ยชฎลิ โกงกไ็ ดถ้ กู มหำชนทำร้ำยจนสิ้นชวี ิต๗๐
๗ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/๓ ๐–๓๗ .
๘ พระบำลี เป็น ตัจฉกสกู รชำดก, ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/๔ ๙–๔๘๓.
๙ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) / ๗– ๔๓.
๗๐ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) / – ๘๔.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔๗
๗๐. ในจัมเปยยชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นจัมเปยยนำครำชในนำคพิภพ
พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นหมองู ซ่ึงได้ร่ำยมนต์แล้วจับพระโพธิสัตว์ผู้ข้ึนไปขนดกำยนอนรักษำศีล
อโุ บสถในถ่ินมนษุ ยท์ ำรำ้ ยใหไ้ ดร้ บั ทกุ ขเวทนำ แลว้ ได้พำไปแสดงท่ีกรุงพำรำณสี ต่อมำ พระนำงสุมนำ
เทวีพระอัครมเหสีของพระโพธิสัตว์ได้ออกไปตำมหำจนพบ แล้วพำพระโพธิสัตว์กลับไปบำเพ็ญศีล
อโุ บสถที่นำคพภิ พตำมเดมิ ๗
๗ . ในฉัททันตชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพญำช้ำงฉัททันต์อำศัยอยู่ใกล้
สระฉัททนั ต์ในปำ่ หมิ พำนต์ พระเทวทตั ได้ถอื กำเนดิ เป็นนำยพรำนช่ือโสณุดรอยู่ในกรุงพำรำณสี ครำว
หน่ึง พระอัครมเหสีของพระเจ้ำพำรำณสีซึ่งชำติก่อนเคยเกิดเป็นมเหสีของพระโพธิสัตว์แต่ได้ผูก
อำฆำตในพระโพธสิ ตั ว์ นำงระลึกชำตไิ ดก้ ็ประสงค์จะทรงแกแ้ คน้ จงึ รับส่งั ให้นำยพรำนโสณุดรไปนำงำ
ของพระโพธิสัตว์มำให้แก่พระนำง เม่ือนำยพรำนน้ันได้ยิงพระโพธิสัตว์จนบำดเจ็บสำหัสแล้วตัดงำมำ
พระโพธิสัตว์ได้ส้ินชีวิตลง เมื่อพระนำงได้เห็นงำน้ัน พร้อมสดับเร่ืองท่ีพระโพธิสัตว์ส้ินชีวิตลงก็เกิด
ควำมโศกำดูรเป็นยง่ิ นกั ดวงหทยั ของพระนำงกแ็ ตกสลำยไป ไดท้ ำกำลกิริยำในวนั นั้นเอง๗
๗ . ในมหำกปิชำดก พระโพธสิ ัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นลิงในป่ำหมิ พำนต์ พระเทวทัตถือ
กำเนิดเป็นพรำหมณ์ผู้อกตัญญู ซึ่งไม่ได้สำนึกบุญคุณของพระโพธิสัตว์ที่ช่วยเหลือตน กลับทำร้ำยให้
ได้รับบำดเจ็บ ด้วยผลกรรมน้ัน ทำให้ฝีข้ึนจนเต็มร่ำงกำยของเขำ เขำได้เป็นมนุษย์เปรตเสวย
ทุกขเวทนำเป็นย่ิงนักถึง ๗ ปี ได้เร่ร่อนไปในท่ีต่ำง ๆ ถูกพวกมนุษย์ทำร้ำยเอำ จนกระท่ังได้ไปถึงมิคำ
ชนิ อทุ ยำน เขตกรงุ พำรำณสี ลำดใบตองลงนอน พระรำชำได้เสด็จมำพบเข้ำตรัสถำมถึงเร่ืองน้ัน เขำก็
ได้ทลู ถงึ เรอ่ื งทัง้ หมดแด่พระรำชำ เม่อื กรำบทลู เสร็จก็ได้ถูกแผน่ ดินสูบตำยไปเกดิ ในอเวจีมหำนรก๗๓
๗๓. ในปัณฑรกชำดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นพญำครุฑในป่ำหิมพำนต์ ฝ่ำย
พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นชีเปลือย ซ่ึงถูกพญำครุฑอ้อนวอนให้หลอกถำมพญำนำคเรื่องกำรท่ีจะจับ
ตัวนำคมำกินโดยท่ีไม่ต้องเสียชีวิต พญำนำคได้บอกไป ชีเปลือยจึงได้บอกแก่พญำครุฑ พญำนำคถูก
พญำครุฑจบั ตัวไดก้ ็รูว้ ำ่ ชีเปลือยบอกควำมลับของตน จงึ อ้อนวอนขอใหพ้ ญำครุฑปล่อยตัวไป ต่อมำไป
๗ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) / ๘๕– ๙.
๗ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) /๓๗๐–๔๐๘.
๗๓ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) /๔๓๔–๔๕๕.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔๘
หำชเี ปลอื ยแล้วสำปแชง่ ศีรษะของชีเปลอื ยได้แตกเป็นเจ็ดเสี่ยง และชีเปลือยน้ันได้ถูกแผ่นดินสูบตำย
ไปบงั เกดิ ในอเวจีมหำนรก๗๔
๗๔. ในมโหสถชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นมโหสถบัณฑิตซ่ึงเป็นปุโรหิตของ
พระเจ้ำวิเทหรำชในกรุงมิถิลำ พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพรำหมณ์เกวัฏปุโรหิตของพระเจ้ำจุลนี
พรหมทัตในอุตตรปัญจำลนคร พรำหมณ์น้ันได้กรำบทูลยุยงพระรำชำให้ยกกองทัพไปตีเมืองมิถิลำ
แต่ไม่สำมำรถยึดได้ เพรำะพระโพธิสัตว์ได้จัดเตรียมพระนครอย่ำงดี พรำหมณ์เกวัฏได้ผูกอำฆำตใน
พระโพธิสัตว์น้ัน จึงได้ทูลยุยงให้พระเจ้ำจุลนีพรหมทัตใช้อุบำยล่อให้พระเจ้ำวิเทหรำชพร้อมท้ัง
พระโพธิสัตว์มำยังเมืองของตนเพื่อปลงพระชนม์ แต่พระโพธิสัตว์ใช้อุบำยพำพระเจ้ำวิเทหรำชให้หนี
กลบั ยงั กรุงมิถิลำได้อย่ำงปลอดภยั และใช้อุบำยผูกสัมพันธไมตรีกับพระเจ้ำจุลนีพรหมทัตจนพระองค์
ทรงพอพระทยั ในพระโพธิสัตวเ์ ป็นยงิ่ นัก ทัง้ สองเมืองจงึ ไดผ้ สำนไมตรกี นั อยำ่ งแน่นแฟ้นตัง้ แต่นั้นมำ๗๕
๗๕. ในภูริทัตชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพญำนำคภูริทัตอำศัยอยู่ใน
นำคพิภพ พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นนำยพรำนอำศัยอยู่ในกรุงพำรำณสี ซึ่งได้พำหมองูไปจับ
พระโพธสิ ตั ว์ซึ่งข้ึนไปขดขนดบนจอมปลวกทำอุโบสถกรรมในถนิ่ มนษุ ย์แลว้ ได้ไปท่ีริมแม่น้ำ ส่วนหมองู
ได้จับพระโพธิสัตว์แล้วพำไปแสดงกำรฟ้อนรำตำมท่ีต่ำง ๆ ภำยหลัง สุทัสสนะผู้เป็นพ่ีชำยของ
พระโพธิสั ตว์ได้ออกตำมหำแล้ว พำพระโพธิสั ตว์กลั บไปยังนำคพิภพ สุโ ภคะผู้เป็นน้องช ำยของ
พระโพธิสัตว์ได้เห็นนำยพรำนที่ริมน้ำจึงได้จับไปยังนำคพิภพ พระโพธิสัตว์ได้ส่ังให้นำนำยพรำนกลับ
ไปสู่มนุษยโ์ ลกโดยมิไดท้ ำอนั ตรำย๗
๗ . ในจันทกุมำรชำดก พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นจันทกุมำรโอรสของพระเจ้ำ
เอกรำชในกรุงปุปผวดี พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นปุโรหิตช่ือว่ำ กัณฑหำละ ซึ่งผูกควำมอำฆำตใน
พระโพธิสัตว์ ได้กล่ำวเท็จกรำบทูลยุยงพระรำชำให้ทำกำรบูชำยัญด้วยพระรำชโอรส พระมเหสี
ชำวนคิ ม โคอสุ ภรำช ม้ำอำชำไนยเพอื่ เป็นเหตุให้ไปบังเกิดในสวรรค์ พระรำชำทรงเชื่อจึงทรงรับสั่งให้
จับพระโพธิสัตว์รวมท้ังคนและสัตว์ทั้งหมดตำมคำของปุโรหิตน้ันนำไปสู่สถำนท่ีบูชำยัญ ท้ำวสักกะได้
๗๔ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) /๔ –๔๘๘.
๗๕ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๓/๓๐๓–๕ ๘.
๗ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๔/ – .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔๙
เสด็จมำช่วยทั้งหมดให้พ้นจำกพิธีบูชำยัญนั้น มหำชนก็ได้ทุบตีปุโรหิตจนถึงแก่ควำมตำย และได้ปลด
พระรำชำออกจำกพระรำชอสิ รยิ ยศ แล้วอภเิ ษกพระโพธิสตั ว์ข้นึ ครองรำชย์แทน๗๗
๗๗. ในมหำนำรทกัสสปชำดก พระโพธิสัตว์เสวยพระชำติเป็นมหำพรหมนำรทอยู่ใน
พรหมโลก พระเทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นเสนำบดีของพระเจ้ำอังคติรำช ชื่ออลำตะ เป็นศิษย์
คุณำชีวกกัสสปโคตร ครำวหน่ึงอลำตเสนำบดีได้พำพระเจ้ำอังคติรำชผู้เป็นสัมมำทิฏฐิและ
ประกอบด้วยทศพิธรำชธรรมไปหำคณุ ำชีวกผู้เป็นมิจฉำทิฏฐิ ได้สดับอธรรมท่ีคุณำชีวกกล่ำวทำให้เกิด
มิจฉำทิฏฐิ ทรงละเลิกกุศลกรรมทุกประกำร ไม่ทรงใส่พระทัยในรำชกิจ ทรงกระทำแต่อกุศลกรรม
พระนำงรุจำรำชกุมำรีได้เสด็จมำหำเพื่อกรำบทูลให้พระองค์ละเลิกมิจฉำทิฏฐิ แต่ไม่สำเร็จ จึงทรง
อธิษฐำนอ้อนวอนให้ท้ำวมหำพรหมมำช่วยปลดเปลื้องมิจฉำทิฏฐิของพระรำชำ นำรทมหำพรหมได้
เห็นดังน้ันเข้ำจึงได้เสด็จลงมำจำกพรหมโลกเนรมิตร่ำงกำยเป็นฤำษี แล้วทรงสั่งสอนให้พระรำชำละ
เลิกจำกมจิ ฉำทฏิ ฐใิ ห้ดำรงอยใู่ นสัมมำทิฏฐิตำมเดิม๗๘
๗๘. ในเวสสนั ตรชำดก พระโพธิสัตวไ์ ด้เสวยพระชำติเป็นพระเวสสันดรอยู่ในกรุงเชตุดร
แควน้ สีพี พระเทวทัตไดถ้ ือกำเนดิ เป็นพรำหมณ์ชูชกอยู่ในแคว้นกำลิงคะ ซ่ึงได้ถูกนำงอมิตตตำปนำให้
ไปหำทำสและทำสีมำทำงำนแทนตนโดยให้ไปขอกัณหำชินำและชำลีซึ่งเป็นพระโอรสและธิดำของ
พระเวสสันดร ชูชกก็ได้เดินทำงไปที่เขำวงกตเพื่อขอพระโอรสและธิดำ เม่ือพระเวสสันดรได้
พระรำชทำนให้แลว้ ก็ได้พำกณั หำชินำและชำลกี ลับไปยงั แคว้นของตน แต่ในระหว่ำงทำงถูกเทวดำดล
ใจให้เดนิ ทำงไปยงั กรุงเชตดุ ร พระเจ้ำสญชัยและพระนำงผุสดที รงไถพ่ ระกุมำรและพระกุมำรีให้เป็นไท
แล้วพระรำชทำนทรพั ยร์ วมทั้งปรำสำท ๗ ช้นั แก่พรำหมณช์ ูชก พรำหมณช์ ูชกนั้นได้บริโภคอำหำรเกิน
ขนำดไมส่ ำมำรถยอ่ ยได้ สนิ้ ชีวิตไปในคืนนน้ั เอง๗๙
สรปุ ชำดกต่ำง ๆ จำกกำรกระทำกรรมและผลกรรมของพระเทวทตั ได้ดังนี้
ลำดบั ชำดก กำเนิดของพระเทวทตั กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ท่ี เสรีวพำล
พระเทวทตั เทวทัต
เสรีววณิชชำดก - หลอกลวง - ไดร้ บั ควำมทกุ ข์ทำง
- ผกู อำฆำต กำย
- ก ร ะ อั ก โ ล หิ ต จ น
๗๗ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๔/ ๓– ๐๔.
๗๘ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๔/ ๐๕– ๙๕.
๗๙ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๔/๔๘๔–๘ ๔.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕๐
ลำดับ ชำดก กำเนิดของพระเทวทตั กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ที่
พ่อค้ำเกวยี นผโู้ ง่เขลำ พระเทวทตั เทวทัต
เน้ือชื่อว่ำกำฬะ
พญำเนื้อสำขะ ส้นิ ชีวติ
ผเี สื้อนำ้
อปัณณกชำดก นำยพรำน - เหน็ แกต่ ัว - ได้รับควำมทุกข์ทำง
- โง่เขลำ กำย
๓ ลักขณชำดก นกกระจำบบรวิ ำร - ถูกอมนษุ ยจ์ บั กิน
๔ นิโครธมคิ ชำดก อำมำตยช์ ั่ว
๕ นฬปำนชำดก - โง่เขลำ - ต้องอยู่โดดเด่ียว
จระเข้
กรุ ุงคมิคชำดก พญำลิง - ทำให้ผูอ้ ืน่ เสยี ชวี ิต ลำพัง
นำยพรำน
ทุฏฐกุมำร - ไม่มเี มตตำกรณุ ำ - ถูกรังเกียจจำกฝูง
ตอ้ งอยโู่ ดดเด่ียวลำพงั
- มุ่งจะทำรำ้ ยผู้อ่ืน - ได้รบั ควำมทุกข์
- ได้รับควำมทุกข์ทำง
- เบียดเบยี นชวี ติ สตั ว์ ใจ ซึ่งจัดเป็นวิบำก
- ผูกพยำบำท ทำงใจ คือ ต้องได้รับ
ควำมผดิ หวงั
- มคี วำมโกรธ - ถูกนำยพรำนจับได้
๗ สัมโมทมำนชำดก - กอ่ กำรทะเลำะ และถูกฆ่ำเพ่ือทำเป็น
๘ มหำสีลวชำดก
วิวำท อำหำร
- ผกู อำฆำต - ถูกลงอำญำอย่ำง
- ยยุ งพระเจำ้ โกศลให้ หนกั
ประพฤตชิ ั่ว
- ได้รับควำมทุกข์ทำง
๙ วำนรนิ ทชำดก - มงุ่ จะทำรำ้ ยผอู้ ื่น ใจ ซึ่งจัดเป็นวิบำก
๐ ตโยธรรมชำดก ทำงใจ คือ ต้องได้รับ
สีลวนำคชำดก ควำมผิดหวงั
สัจจังกริ ชำดก
- มีควำมโลภ - หัวใจได้แตกเจ็ด
- คดิ ฆำ่ ลูกของตน เสยี่ งสนิ้ ชวี ติ
- มีควำมโลภ - ถูกแผ่นดินสูบไป
- ทำลำยมติ ร เกิดในอเวจีมหำนรก
- อกตัญญู
- นิสยั หยำบคำย - ถูกชำวนครปลง
- ผูกอำฆำต พระชนม์
- ทำลำยมิตร
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕
ลำดบั ชำดก กำเนิดของพระเทวทัต กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ที่
สุนขั จง้ิ จอก พระเทวทตั เทวทัต
พระรำชำ
ปิลยิ เศรษฐี - มสุ ำวำท
พรำนเบ็ด
กิง้ ก่ำ - อกตญั ญู
๓ สิคำลชำดก นักเลงสุรำ - มสุ ำวำท - ถู ก พ ร ำ ห ม ณ์
๔ ทมุ เมธชำดก สำปแช่ง
๕ อสัมปทำนชำดก สนุ ขั จงิ้ จอก
นกวินีลกะ - มีควำมริษยำ - ต้ อ ง สู ญ เ สี ย ช้ ำ ง
อภุ โตภตั ถชำดก นกเหยย่ี วเขำ
ลงิ - ประสงคร์ ำ้ ย มงคล
๗ โคธชำดก คิรทิ ตั
- อกตญั ญู - ถกู ยึดสมบัติคนื
- ทำลำยมิตร
- มีควำมโลภ - สูญเสียดวงตำ และ
- สง่ั ภรรยำใหก้ อ่ กำร เสียทรัพย์ ครอบครัว
ทะเลำะกบั พวกคน ไดร้ ับควำมเดือดรอ้ น
ใกลเ้ คียง
- มคี วำมโกรธ - สญู เสียมติ ร ไม่มีผู้ใด
- ทำลำยมิตร คบหำสมำสคม
- ได้รับควำมทุกข์ทำง
๘ สคิ ำลชำดก - ตดิ สรุ ำ ใจ ซึ่งจัดเป็นวิบำก
- เบยี ดเบยี นสตั วอ์ นื่ ทำงใจ คือ ต้องได้รับ
ควำมผิดหวัง และถูก
ตำหนิติเตยี น
๙ วโิ รจนชำดก - ไมร่ ้จู ักประมำณตน - ถู ก ช้ ำ ง เ ห ยี ย บ
๐ วินลี กชำดก
- อยำกเปน็ ใหญ่ จนถงึ แก่ควำมตำย
สกุณัคฆชิ ำดก
- ไมร่ จู้ กั ประมำณตน - ถูกบิดำรังเกียจและ
ทุพภยิ มกั กฏชำดก ขบั ไล่
๓ คริ ทิ ัตตชำดก - ม่งุ จะทำรำ้ ยผ้อู ื่น - เสียชวี ิต
- ถูกตำหนิติเตียนซ่ึง
- อกตัญญู เ ป็ น วิ บ ำ ก จ ำ ก ก ำ ร
- ทำลำยมติ ร ถ่ ำ ย อุ จ จ ำ ร ะ ร ด
ศี ร ษ ะ ข อ ง พ ร ะ
โพธสิ ัตว์
- ประทุษรำ้ ยมำ้ ของ - ถูกปลดจำกตำแหนง่
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕
ลำดับ ชำดก กำเนิดของพระเทวทัต กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ท่ี โจร
พระเจ้ำพำรำณสี พระเทวทตั เทวทัต
กำสวษิ ฐกะ
นำยพรำนเนื้อ พระเจำ้ สำมะ
จระเข้
๔ จลุ ลปทุมชำดก - ประพฤตผิ ิดในกำม - ถูกตัดมือ เท้ำ หู
นำยพรำนนก และจมกู
นกกนั ทคลกะ - ปรำศจำกธรรม
๕ มณิโจรชำดก กำฬกเสนำบดี - ตอ้ งกำรภรรยำผู้อนื่ - ถกู ประหำรชวี ติ
- มงุ่ จะทำรำ้ ยผอู้ ่ืน
วรี กชำดก - ไม่รูจ้ กั ประมำณตน - ถกู สำหรำ่ ยพันคอ
ตำยในนำ้
- ได้รับควำมทุกข์ทำง
๗ กุรงุ คมิคชำดก - มอี ำชีพลำ่ สัตย์ขำย ใจ ซึ่งจัดเป็นวิบำก
ทำงใจ คือ ต้องได้รับ
ควำมผิดหวงั
- ได้รับควำมทุกข์ทำง
๘ สุงสมุ ำรชำดก - มุง่ จะทำรำ้ ยผู้อืน่ ใจ ซ่ึงจัดเป็นวิบำก
ทำงใจ คือ ต้องได้รับ
ควำมผิดหวงั
- ได้รับควำมทุกข์ทำง
ใจ ซึ่งจัดเป็นวิบำก
๙ กักกรชำดก - เบยี ดเบยี นชีวิตสัตย์ ทำงใจ คือ ต้องได้รับ
ควำมผิดหวัง และถูก
เยำะเยย้ จำกไก่
- ไ ด้ รั บ ค ว ำ ม ทุ ก ข์
จ ะ ง อ ย ป ำ ก หั ก ต ำ
๓๐ กันทคลกชำดก - ไมร่ จู้ กั ประมำณตน ถลน หัวแตก ตก
๓ ธมั มัทธชชำดก
จำกต้นตะเคียนถึง
แกค่ วำมตำย
- รับสินบน
- ไมม่ คี ุณธรรม - ถูกประหำรชีวิต
- ยงุ ใหพ้ ระรำชำฆำ่
พระโพธิสตั ว์
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕๓
ลำดบั ชำดก กำเนิดของพระเทวทตั กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ที่ นำยพรำน
พระเทวทตั เทวทัต
นำยพรำน
- มคี วำมโลภ
มำณพ
๓ กำสำวชำดก - ฆำ่ ชำ้ ง - ถูกตำหนิติเตียน
พระเจ้ำมหำปงิ คลิ ะ
สนุ ขั จ้งิ จอก - มงุ่ จะทำรำ้ ยสตั ว์
มสุ ิลมำณพ
- ไม่เชือ่ ฟังอำจำรย์ - ถูกแผ่นดินสูบตำย
ชฎลิ โกง
๓๓ จลุ ลนนั ทยิ ชำดก สุนขั จง้ิ จอก - ไมม่ ีเมตตำกรณุ ำ ไปบังเกิดในอเวจี
สนุ ขั จิง้ จอก
รำชสีห์ - เบยี ดเบยี นชวี ติ สตั ว์ มหำนรก
พระเจ้ำกลำปุ
๓๔ อปุ ำหนชำดก ปุโรหิต - ไม่เกรงกลวั ต่อบำป - ถูกมหำชนทำร้ำย
- ไมร่ ู้จกั ประมำณตน ร่ำงกำยจนสน้ิ ชีวติ
- เปน็ ศษิ ย์คดิ ลำ้ งครู
๓๕ มหำปิงคิลชำดก - มีควำมลำเอียง - ถู ก ป ร ะ ช ำ ช น
๓ สัพพทำฐชำดก - ขดู รดี ทรัพย์สนิ ของ รังเกียจไม่สรรเสริญ
๓๗ คุตตลิ ชำดก ประชำชน
- ไม่รจู้ ักประมำณตน - ถูกช้ำงเหยียบจน
สน้ิ ชวี ิต
- ไมเ่ กรงกลวั ต่อบำป - ถูกมหำชนทำร้ำย
- ไมร่ จู้ กั ประมำณตน จนสิน้ ชีวิต
- เปน็ ศิษย์คิดลำ้ งครู
- ได้รับควำมผิดหวัง
๓๘ โรมชำดก - มุ่งจะทำรำ้ ยสัตว์ แ ล ะ ถู ก ต ำ ห นิ จ ำ ก
๓๙ ชัมพขู ำทกชำดก
๔๐ อนั ตชำดก นกพริ ำบ
๔ ชวสกุณชำดก
- กล่ำวคำไม่เปน็ จริง - ถูกตำหนิและถูกขับ
๔ ขนั ติวำทชิ ำดก ไล่
๔๓ กักกำรชุ ำดก
- กล่ำวคำไม่เปน็ จริง - ถูกตำหนิและถูกขับ
ไล่
- ต้องอยู่ลำพังโดด
- อกตญั ญู เดีย่ วและถกู ตำหนิจำก
นกหัวขวำน
- มีควำมโกรธ - ถูกแผ่นดินสูบไป
- ทำร้ำยรำ่ งกำยผู้อนื่ เกิดในอเวจมี หำนรก
- มคี วำมโลภ - ไ ด้ รั บ ค ว ำ ม ทุ ก ข์
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕๔
ลำดบั ชำดก กำเนดิ ของพระเทวทตั กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ที่
พระเทวทัต เทวทตั
- กลำ่ วมสุ ำวำท เจ็บปวดศีรษะ และ
ถู ก เ ท ว ด ำ ต ำ ห นิ ติ
เตียน
๔๔ กำฬพำหชุ ำดก ลงิ กำฬพำหุ - แสดงท่ำทำงให้พระ - ถูกขับไล่ให้ออกจำก
๔๕ ชัมพุกชำดก สนุ ขั จง้ิ จอก
รำชกุมำรกลัว วังสญู เสียเอกลำภ
- ไมร่ ู้จกั ประมำณตน - ถูกช้ำงเหยียบที่หัว
- มงุ่ จะทำรำ้ ยผู้อ่นื ถงึ แก่ควำมตำย
- ได้รับควำมผิดหวัง
๔ วำนรชำดก จระเข้ - มงุ่ จะทำรำ้ ยผอู้ ื่น จ ำ ก วิ บ ำ ก ข อ ง
อกศุ ลกรรมทำงใจ
- สูญเสียดวงตำได้รับ
๔๗ เวนสำขชำดก ปุโรหติ - มีควำมโลภ ทุกขเวทนำเป็นอย่ำง
- ยใุ ห้ใหผ้ ู้อืน่ ทำชั่ว ยิ่งสิ้นพระชนม์ไป
บงั เกดิ ในนรก
- ได้รับควำมทุกข์ตำ
๔๘ ลฏุกกิ ชำดก ชำ้ งดรุ ำ้ ย - ไมม่ เี มตตำกรณุ ำ บอดถูกหนอนชอนไข
- เบียดเบยี นชีวติ ผ้อู ืน่ ในตำและถูกกบลวง
ใ ห้ ต ก เ ห ว จ น ถึ ง แ ก่
ควำมตำย
- สัง่ ให้เพชฌฆำตตัด - ถูกแผ่นดินสูบไป
๔๙ จลุ ลธรรมปำลชำดก พระเจ้ำมหำปตำปะ มือตัดเท้ำและตัด บังเกิดในอเวจีมหำ
ศรี ษะพระโพธิสตั ว์ นรก
๕๐ สำลยิ ชำดก หมอ - มีควำมโลภ - ถูกงกู ัดเสียชีวิต
- หลอกลวง
๕ สุวรรณกกั กฏชำดก กำ - มุ่งจะทำรำ้ ยผอู้ ื่น - ถูกปูหนีบลำคอทำ
ใหเ้ สยี ชีวิต
- ถูกนำยขมังธนูซุ่ม
๕ มโนชชำดก สนุ ัขจิ้งจอก - ยใุ หผ้ ูอ้ ืน่ ทำชัว่ ยิงจ นถึงแก่คว ำ ม
๕๓ กปิชำดก ลงิ หวั ด้ือ
ตำย
- ถ่ำยอุจจำระรด - ถูกนักแม่นธนูไปยิง
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕๕
ลำดบั ชำดก กำเนดิ ของพระเทวทัต กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ที่
ลิงบริวำร พระเทวทัต เทวทัต
พระเจ้ำพรหมทตั
ศรี ษะของปโุ รหิต เสียชีวติ
พระเจ้ำอุปจริ รำช
๕๔ มหำกปชิ ำดก - ประทษุ ร้ำยผอู้ ืน่ - ไมป่ รำกฏผลกรรม
๕๕ ปรันตปชำดก ดำบสชว่ั
สำขเสนำบดี - ประทษุ รำ้ ย - หนีออกไปอยู่ในป่ำ
เหยีย่ ว
พรำนปำ่ พระโอรส และส้นิ พระชนม์
อธรรมเทพบตุ ร
- ถูกแผ่นดินสูบจน
ชำ่ งไมผ้ เู้ ปน็ พำล
๕ เจตยิ รำชชำดก พระเจ้ำพรหมทัต - กล่ำวมสุ ำวำท สิ้ น พ ร ะ ช น ม์ ไ ป
มำณพ บังเกิดในอเวจีมหำ
บตุ รของเศรษฐี
นรก
พระเจ้ำพรหมทตั
๕๗ ติตติรชำดก ชฎลิ โกง - อกตัญญู - ถูกเสือโคร่งกัดตำย
- เบียดเบียนชวี ติ สัตว์
๕๘ นโิ ครธชำดก
- มคี วำมโลภ - ถูกพระรำชำตำหนิ
๕๙ กกุ กุฏชำดก - อกตัญญู ตเิ ตียน
๐ มำตโุ ปสกชำดก - ทำลำยมิตร
ธรรมเทวปุตตชำดก - เบยี ดเบยี นชีวิตผู้อนื่ - ได้รับควำมผิดหวัง
สมทุ ทวำณชิ ชำดก - มงุ่ จะทำรำ้ ยผอู้ ่ืน และถกู ขับไล่ใหห้ นไี ป
๓ มหำปทมุ ชำดก
๔ อัมพชำดก - มีควำมโลภ - ไม่ปรำกฏผลกรรม
๕ รุรมุ คิ ชำดก
- ชกั ชวนใหห้ มชู่ นถอื - ตกจำกรถแล้วถูก
จนั ทกินนรีชำดก
๗ ตจั ฉสุกรชำดก มน่ั ในอกศุ ลกรรมบถ แผ่นดินสูบตำยไป
๐ ประกำร เกดิ ในอเวจมี หำนรก
- มีควำมประมำท - ถูกน้ำทะเลท่วม
ตำย
- หลงมัวเมำ - ไม่ปรำกฏผลกรรม
- มคี วำมโกรธ
- กลำ่ วคำมสุ ำวำท - สิน้ ชวี ติ ในป่ำ
- มีควำมโลภ - ถู ก พ ร ะ โ พ ธิ สั ต ว์
- อกตญั ญู กล่ำวตำหนิ
- ประทษุ รำ้ ยมติ ร
- ต้องกำรภรรยำผอู้ ่ืน - ถู ก จั น ท กิ น น รี
- เบียดเบียนชีวิตผ้อู ่ืน ตำหนิติเตียน
- มีควำมโลภ - ถูกฝูงหมูป่ำรุมทำ
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕
ลำดับ ชำดก กำเนิดของพระเทวทัต กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ท่ี นกสัตตคิ มุ พะ
ชฎิลโกง พระเทวทตั เทวทตั
หมองู
นำยพรำนชือ่ โสณดุ ร - ยุยงให้ผูอ้ นื่ ทำชวั่ ร้ำยจนเสียชวี ติ
พรำหมณ์
- มีควำมโลภ
ชเี ปลือย
๘ สตั ตคิ ุมพชำดก - ยยุ งโจรปลน้ - ไม่ปรำกฏผลกรรม
เกวฏั ปโุ รหติ
นำยพรำน พระรำชำแลว้ ฆ่ำ
กณั ฑหำลปโุ รหิต - มคี วำมโลภ
๙ โสมนสั สชำดก - โกหกหลอกลวง - ถูกมหำชนทำร้ำย
๗๐ จมั เปยยชำดก - ยยุ งพระรำชำให้ จนส้ินชวี ิต
๗ ฉทั ทนั ตชำดก
๗ มหำกปชิ ำดก ประพฤติชั่ว
- มีควำมโลภ - ไมป่ รำกฏผลกรรม
- ทรมำนสตั ว์
- มคี วำมโลภ - ไม่ปรำกฏผลกรรม
- เบยี ดเบียนชวี ติ สตั ว์
- ถูกแผ่นดินสูบตำย
- มุ่งทำร้ำยสตั วอ์ ่นื ไปเกิดในอเวจีมหำ
นรก
- มคี วำมโลภ
- โกหกหลอกลวง - ถูกแผ่นดินสูบตำย
๗๓ ปัณฑรกชำดก - ไม่รักษำสจั จะ ไปบังเกิดในอเวจี
- ประทุษรำ้ ยผู้ไม่ มหำนรก
ประทุษรำ้ ย
- มคี วำมโลภ
๗๔ มโหสถชำดก - ยุยงใหพ้ ระรำชำ - ไม่ปรำกฏผลกรรม
๗๕ ภูริทัตชำดก
ประพฤติช่วั
- มคี วำมโลภ - ถู ก จั บ ขั ง อ ยู่ วั ง
- ทรมำนสตั ว์ บำดำลและถูกปล่อย
ตัว
- รบั สนิ บน
๗ จันทกมุ ำรชำดก - ไม่มีคุณธรรม - ถูกชำวเมืองทุบตี
- ผูกอำฆำต จนถึงแก่ควำมตำย
- ยุให้พระรำชำ
ประพฤติชวั่
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕๗
ลำดบั ชำดก กำเนิดของพระเทวทตั กำรกระทำกรรมของ ผลกรรมของพระ
ท่ี
พระเทวทตั เทวทตั
- มีควำมโลภ
๗๗ มหำนำรทกัสสปชำดก อลำตเสนำบดี - ชน้ี ำให้พระรำชำ - เสอ่ื มจำกลำภ
หลงผดิ
- มีรำคะ
๗๘ เวสสันดรชำดก พรำหมณ์ชูชก - มีควำมโลภ - บริโภคอำหำรเกิน
- กล่ำวมสุ ำวำท ขน ำด ไ ม่ส ำ มำ ร ถ
- ทบุ ตีกุมำรทั้งสอง ยอ่ ยได้ สน้ิ ชีวติ
- ไม่ประมำณในกำร
บริโภค
จำกกำรศกึ ษำชำดกทง้ั หมด สรุปได้ว่ำพระเทวทตั เกิดเปน็
. เทพบุตร ครงั้
. ผเี สอื้ นำ้ ครัง้
๓. มนุษย์ ๔๗ ครงั้ คอื เปน็ พระรำชำ ๙ ครัง้ , พระกุมำร ครง้ั , ปุโรหิต ๔ ครั้ง, เสนำบดี
๓ คร้ัง, อำมำตย์ ครัง้ , เศรษฐี คร้ัง, บตุ รเศรษฐี ครั้ง, พรำหมณ์ คร้ัง, พ่อค้ำ คร้ัง, มำณพ
๓ ครั้ง, หมอ คร้ัง, หมองู ครั้ง, ช่ำงไม้ คร้ัง, นำยพรำน ๐ คร้ัง, คนเล้ียงม้ำ คร้ัง, นักเลง
สุรำ ครง้ั , โจร ครั้ง, ชฎลิ ๓ ครั้ง และชเี ปลอื ย คร้งั
๔. สัตว์เดรัจฉำน ๙ คร้ัง คือเป็น สุนัขจ้ิงจอก ๗ ครั้ง, นก ๕ คร้ัง, ลิง ๕ ครั้ง, จระเข้ ๓
ครัง้ , เนือ้ คร้ัง, เหยีย่ ว ครัง้ , กำ คร้งั , รำชสีห์ คร้งั , ช้ำง คร้งั และกิ้งก่ำ คร้ัง
โดยในชำดกเหล่ำน้ี พระเทวทัตไดเ้ กยี่ วข้องกบั พระโพธสิ ตั ว์ ดงั นี้
. เป็นบิดำ ๕ ครั้ง คือ ตโยธรรมชำดก, มหำปิงคิลชำดก, จุลลธัมมปำลชำดก, ปรันตปชำดก
และมหำปทุมชำดก
. เป็นบุตร คร้ัง คือ ลักขณชำดก
๓. เปน็ ลกู ศิษย์ ๓ ครัง้ คือ อปุ ำหนชำดก, คตุ ติลชำดก และอมั พชำดก
๔. เป็นบริวำร ครง้ั คือ สัมโมทนชำดก และมหำกปิชำดก
๕. เป็นพีน่ ้องกนั คร้ัง คอื สตั ติคุมพชำดก
ดังนั้น ท้ัง ๗๘ ชำดก พระเทวทัตมีควำมเก่ียวข้องกับพระโพธิสัตว์ คร้ัง ส่วนท่ีเหลือ
จำกนี้ ชำดก พระเทวทตั ไมไ่ ดเ้ กี่ยวขอ้ งกบั พระโพธสิ ตั วโ์ ดยตรงเลย
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕๘
๓.๑.๒ ประวัติในปจั จบุ ันชาติ
พระเทวทัตได้เกิดเป็นโอรสของพระเจ้ำสุปปพุทธะซึ่งเป็นพระรำชบิดำของเจ้ำหญิง
ยโสธรำผูเ้ ปน็ พระชำยำของเจ้ำชำยสิทธัตถะ และได้ต้ังตัวเป็นศัตรูกับเจ้ำชำยสิทธัตถะต้ังแต่ที่ยังไม่ได้
บรรพชำ เปน็ ต้นว่ำ ได้ก่อควำมวิวำทในเร่ืองหงส์ที่ท่ำนยิงตกลงมำ แต่เจ้ำชำยสิทธัตถะได้นำไปรักษำ
จนหำยจำกอำกำรบำดเจ็บ ก่อให้เกิดควำมไม่พอใจข้ึน๘๐ เจ้ำชำยเทวทัตรู้สึกขัดเคืองพระทัยเป็น
อย่ำงยิ่งในกำรท่ีเจ้ำชำยสิทธัตถะมำแย่งหงส์ของเจ้ำชำยเทวทัตไป จึงได้เรียกร้องให้เจ้ำชำยสิทธัตถะ
เอำหงส์คืนใหแ้ ก่เจ้ำชำยเทวทตั ในฐำนะทพ่ี ระองค์เป็นผู้ยิง แต่เจ้ำชำยสิทธัตถะไม่ยอมคืนให้ เร่ืองนี้จึง
ยังไม่ยุติ ในวันนั้น ได้มีประชุมวินิจฉัยปัญหำเกี่ยวกับหงส์ตัวนั้นขึ้น และได้มีกำรถกเถียงกันในที่
ประชุม บำงท่ำน มีควำมเห็นอย่ำงหนึ่ง และบำงท่ำนก็มีควำมเห็นอีกอย่ำงหนึ่ง มีท่ำนหน่ึงกล่ำวว่ำ
หงส์ตัวนี้ควรจะเป็น ของเจ้ำชำยสิทธัตถะ เพรำะท่ำนได้ช่วยชีวิตมันไว้ อีกท่ำนหนึ่งว่ ำหงส์ตัวน้ี
ควรเป็นของเจ้ำชำยเทวทัต เพรำะเจ้ำชำยเทวทัตเป็นผู้ยิงมันตกลงมำได้ เมื่อมีเหตุผลต่ำง ๆ กัน
ดังน้ันกำรประชุมจึงยังไม่เป็นที่ส้ินสุด จึงต้องได้พิจำรณำต่อไป ทุกคนในที่ประชุมได้ลงควำมเห็นเป็น
เอกฉันท์ด้วยถ้อยคำที่มีเหตุผลและเท่ียงธรรมของบุรุษผู้หนึ่ง ซึ่งไม่เคยมีใครในท่ีประชุมนั้นรู้จักมำ
ก่อน ได้ลุกขึ้นยืน และกล่ำวว่ำ “โดยแท้จริง ชีวิตต้องเป็นของผู้ที่พยำยำมจะช่วยชีวิตนั้นไว้ ชีวิตต้อง
ไมเ่ ป็นของบคุ คลทพี่ ยำยำมแตจ่ ะทำลำยมนั นกที่กำลังบำดเจ็บนี้ เมื่อกล่ำวโดยสิทธิอันชอบธรรมแล้ว
ต้องตกเป็นของบุคคลที่พยำยำมช่วยชีวิตมันไว้แต่ฝ่ำยเดียว ดังน้ัน ขอให้นกตัวน้ีตกเป็นของผู้ท่ี
พยำยำมชว่ ยเหลือ คือเจ้ำชำยสทิ ธตั ถะเถิด”๘ กำรตดั สนิ ก็เปน็ อันวำ่ เจ้ำชำยสิทธัตถะก็ได้รับเอำหงส์
ตวั นัน้ ไป ซ่ึงพระองคไ์ ด้ช่วยใหม้ นั พน้ จำกควำมตำย เจ้ำชำยสทิ ธตั ถะไดเ้ อำใจใส่หงส์ตัวน้ันอย่ำงดีท่ีสุด
จนกระท่ังบำดแผลของมันหำยดีและได้ปล่อยมันไปสู่ควำมเป็นอิสระกลับคืนไปยังฝูงของมันท่ีสระน้ำ
กลำงป่ำลึก นับต้งั แต่วนั น้นั เปน็ ตน้ มำ เจำ้ ชำยเทวทตั ก็มคี วำมอำฆำตบำดหมำงผูกใจเจ็บ และจองเวร
กบั เจ้ำชำยสิทธตั ถะเรื่อยมำ
ต่อมำ พระเทวทัตออกบวชพร้อมกับพระรำชำและเจ้ำชำยแห่งศำกยวงศ์รวม พระองค์
คือ พระเจ้ำภัททิยศำกยรำช พระมหำกษัตริย์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์, เจ้ำชำยอนุรุทธะ, เจ้ำชำยอำนันทะ,
๘๐ เซอร์ เอดวนิ อำร์โนลด์, ประทปี แห่งทวีปเอเชยี , (กรงุ เทพมหำนคร : มหำมกฏุ รำชวทิ ยำลยั , ๕๔๐),
หนำ้ ๔- .
๘ พุทธทำส อินฺทปญฺโญ, พุทธประวัติ สาหรับยุวชน, (กรุงเทพมหำนคร : สำนักพิมพ์ธรรมสภำ,
๔๙๗), หน้ำ ๙.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕๙
เจ้ำชำยภัคคุ, เจ้ำชำยกิมพิละ และเจ้ำชำยเทวทัต และนำยอุบำลี ช่ำงภูษำมำลำอีกท่ำน รวมเป็น
๗ คน ณ อนุปิยอัมพวันแห่งมัลลกษัตริย์๘ โดยพระพุทธองค์ทรงบวชให้ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทำ
ซ่ึงหลังจำกบวชได้ไม่นำน เจ้ำชำยท้ังหมดและนำยอุบำลีภูษำมำลำก็ได้บรรลุธรรมทั้งหมด ยกเว้น
พระเทวทัตทไี่ ด้แต่เพียงโลกิยสมำบตั ิ (แสดงฤทธไิ์ ด)้ เทำ่ นนั้
หลังจำกพระเทวทัตบวชปรำกฏว่ำ ท่ำนได้ละควำมเพียรในกำรบำเพ็ญสมณธรรม
หลังจำกได้ฤทธิ์แล้ว ท่ำนได้มีควำมมักใหญ่ใฝ่สูง โดยแสดงฤทธ์ิเหำะไปให้เจ้ำชำยอชำตศัตรูเห็น
หลังจำกน้ันเจ้ำชำยอชำตศัตรูจึงเกิดศรัทธำยอมตนเป็นศิษย์และรับบำรุงอุปัฏฐำกพระเทวทัต และ
ด้วยกำรยุยงของพระเทวทัต จึงเป็นสำเหตุให้เจ้ำชำยอชำติศัตรูปลงพระชนม์พระเจ้ำพิมพิสำรผู้เป็น
พระรำชบิดำของพระองค์ เพื่อขึ้นครองรำชย์สมบัติแห่งแคว้นมคธแทน นอกจำกกำรยุยงให้พระเจ้ำ
อชำติศตั รทู ำปิตฆุ ำต (ปลงพระชนม์พระบิดำ) แล้ว ท่ำนยังได้พยำยำมลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้ำ
อีกหลำยคร้ัง เช่น ปล่อยช้ำงตกมันเข้ำทำร้ำยพระพุทธองค์, จ้ำงนำยธนู ๐ ผลัด ไปลอบยิง
พระพทุ ธองค์ แต่ทุกครั้งไม่สำมำรถทำอะไรพระพุทธเจ้ำได้ และกลับเป็นว่ำผู้ท่ีส่งไปทำร้ำยเกิดศรัทธำใน
พระพุทธเจ้ำจนหมดสิ้น ทำให้พระเทวทัตลงมือพยำยำมลอบปลงพระชนม์เองโดยกำรกล้ิงหินให้ตกจำก
หน้ำผำเขำคิชกูฏใส่พระพุทธเจ้ำ แต่หินกลับกระเด็นหนีพระพุทธเจ้ำอย่ำงน่ำอัศจรรย์ แต่สะเก็ดหินก็
ทำให้พระพทุ ธองคท์ รงห้อเลือดเล็กนอ้ ยที่ข้อพระบำท
นอกจำกนี้แลว้ พระเทวทัตยังเปน็ ผู้มักใหญ่ใฝ่สูง อยำกจะเป็นพระศำสดำแทนพระพุทธองค์
โดยพระเทวทตั กระทำกำรถงึ ข้นั ท่ีเสนอให้พระพุทธเจ้ำลำออกจำกตำแหน่งพระศำสดำ แล้วให้พระเทวทัต
เป็นพระศำสดำแทน และพยำยำมทำตัวให้ดูเป็นผู้นำท่ีเคร่งครัดอย่ำงยิ่งยวดเพื่อแบ่งแยกคณะสงฆ์ เช่น
เสนอพระวินัยอย่ำงเคร่งครัด เช่น กินเจตลอดชีวิต อยู่ป่ำตลอดชีวิต แก่พระพุทธเจ้ำเพื่อทรงบัญญัติ
ซ่ึงเม่ือผู้คนเร่ิมทรำบควำมตั้งใจช่ัวของท่ำน ทำให้พระเจ้ำอชำตศัตรูออกห่ำงไม่อุปถัมภ์บำรุงถูกดูหมิ่น
จำกชำวบ้ำนและพระสงฆ์ ทำให้ในภำยหลัง ท่ำนได้สำนึกผิด และเดินทำงไปขอขมำพระพุทธเจ้ำ
แต่ทว่ำด้วยกรรมที่ท่ำนสร้ำงไว้นั้นหนักมำก จึงทำให้ท่ำนต้องถูกธรณีสูบลงสู่อเวจีนรก ณ ริมสระ
โบกขรณหี นำ้ วดั พระเชตวันมหำวหิ ำร
๘ ข.ุ ธ.อ. (ไทย) ๔๐/ ๘ - ๘๕.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๐
๓.๒ การกระทากรรมของพระเทวทัต
๓.๒.๑ ก่อนพระเทวทตั บวช
โดยเริ่มจำกพระเทวทัตยังทรงเป็นเจ้ำชำยแห่งศำกยวงศ์ คร้ังหนึ่ง ขณะที่เจ้ำชำยเทวทัต
นำคันศรและลูกศรติดตวั ไปนอกเมืองเห็นหงส์ตัวหนง่ึ กำลังบินร่อนผ่ำนมำบนศีรษะ จึงใช้ศรยิงหงส์ตัว
น้ัน ลูกศรถูกปีกของหงส์ทำให้มันต้องถลำตกลงมำบนพ้ืนดิน มีแผลใหญ่ได้รับควำมทุกข์ทรมำน
ขณะน้นั เจำ้ ชำยสทิ ธัตถะซง่ึ เสด็จออกจำกพระนครเทีย่ วเลน่ นอกเมืองกับพระญำติทรงพบเห็นหงส์ตัว
ดังกล่ำวได้รับบำดเจ็บจำกลูกศรอยู่บนพ้ืนดินด้ำนหน้ำจึงรีบเสด็จเข้ำไปถึงหงส์ตัวนั้น ทรงช่วยชีวิต
หงส์ดว้ ยกำรนำลูกศรออกจำกปีก ทรงนำใบไม้ชนิดหนึ่งมีสรรพคุณทำให้เย็นยัดใบไม้ชนิดนั้นเข้ำไปใน
บำดแผลเพ่ือให้โลหิตหยุดไหล บรรเทำควำมเจ็บและควำมกลัวของนกน้ัน ฝ่ำยเจ้ำชำยเทวทัตเม่ือยิง
หงส์ตัวนั้นแล้วขณะท่ีมันบินถลำลงมำตกบนพ้ืนจึงเสด็จตำมมำ พบเจ้ำชำยสิทธัตถะกำลังช่วยเหลือ
หงส์ตัวนั้นรู้สึกขัดเคืองพระทัยเป็นอย่ำงยิ่งที่พระญำติของพระองค์มำแย่งเอำหงส์ไป จึงเรียกร้องให้
เจ้ำชำยสิทธัตถะคืนหงส์ให้แก่พระองค์ในฐำนะที่พระองค์เป็นผู้ยิงมันตกด้วยลูกศรของพระองค์เอง
เจ้ำชำยสิทธัตถะทรงปฏิเสธที่จะมอบหงส์ตัวน้ันให้ด้วยเหตุผลว่ำ “ถ้ำหงส์ตำย มันจึงเป็นของผู้ยิง
แต่เมื่อมันยังมชี วี ติ อยูเ่ ชน่ นี้ มนั กต็ อ้ งเปน็ ของผ้ทู ่ีพยำยำมช่วยชวี ิตมันไว้”๘๓ ฝำ่ ยเจ้ำชำยเทวทัตก็ยังคง
ยืนกรำนว่ำมันต้องเป็นของพระองค์ ในท่ีสุด เจ้ำชำยสิทธัตถะเป็นฝ่ำยเสนอข้อพิพำทนี้ให้นักปรำชญ์
ของประเทศเปน็ ผู้ตดั สินช้ีขำด เจ้ำชำยเทวทตั จึงยนิ ยอม
ณ ท่ีประชมุ ในวนั นั้น ปญั หำเร่อื งหงส์จึงได้ข้อยุติอย่ำงเป็นธรรม โดยนักปรำชญ์ทั้งหลำย
ต่ำงลงควำมเห็นด้วยกับถ้อยคำอันมีเหตุผลเที่ยงธรรมจำกบุรุษผู้หน่ึง ซึ่งไม่เคยมีใครในที่ประชุมน้ัน
รู้จักมำก่อน ด้วยถ้อยคำที่กล่ำวว่ำ “โดยแท้จริง ชีวิตต้องเป็นของผู้ที่พยำยำมจะช่วยชีวิตนั้นไว้ ชีวิต
ตอ้ งไม่เปน็ ของผูท้ พี่ ยำยำมแต่จะทำลำยมัน นกท่ีกำลังบำดเจ็บน้ี เมื่อกล่ำวโดยสิทธิอันชอบธรรมแล้ว
ต้องตกเป็นของบุคคลที่พยำยำมช่วยชีวิตมันไว้แต่ฝ่ำยเดียว ดังน้ัน ขอให้นกตัวน้ีตกเป็นของผู้ที่
พยำยำมช่วยเหลอื คอื เจ้ำชำยสทิ ธัตถะเถิด” กำรตัดสินกเ็ ปน็ ว่ำ นกตัวน้ันตกเป็นของเจำ้ ชำยสิทธตั ถะ
หลังจำกที่เจ้ำชำยสิทธัตถะออกผนวชจนบรรลุอนุตรสัมมำสัมโพธิญำณเป็นพระพุทธเจ้ำ
แล้ว พระพุทธองค์ทรงประกำศพระศำสนำได้พระสำวกชุดแรก ประมำณ ๐ รูป ล้วนแต่มีเชื้อชำติ
สกุลดี มีควำมพำกเพียรและปฏิบัติอย่ำงเคร่งครัด ภำยใต้กำรควบคุมส่ังสอนของพระผู้มีพระภำคเจ้ำ
เอง ในเวลำไม่นำน ทุกท่ำนได้รู้และได้บรรลุวิชชำและญำณอันสูงสุดด้วยตนเอง และเป็นพระอรหันต์
๘๓ อ้ำงแล้ว, หนำ้ ๙.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
ด้วยกันทุกท่ำน พระพุทธองค์ได้ส่งพระสำวกชุดแรก จำนวน ๐ รูป ออกไปประกำศพระศำสนำทุก
ทิศทุกทำง ในวันหนึ่ง พระองค์ทรงเสด็จประทับอยู่ที่อนุปิยอัมพวัน แห่งมัลลกษัตริย์ ในวันทำนำย
พระลักษณะของพระพุทธองค์ ตระกูลพระญำติแปดหมื่นทรงมอบพระโอรสแปดหมื่นให้ ด้วยคำว่ำ
“สิทธัตถกุมำร จะเป็นพระรำชำก็ตำม เป็นพระพุทธเจ้ำก็ตำม จะมีกษัตริย์เป็นบริวำรติดตำมไป”๘๔
เมือ่ พระโอรสเหล่ำนั้นออกบวชตดิ ตำมพระองคเ์ ป็นจำนวนมำก เหล่ำพระญำติเห็นศำกยะ พระองค์
คอื ภทั ทิยรำชำ, อนุรุทธะ, อำนันทะ, ภค,ุ กิมพลิ ะ และเทวทัต ยังมิได้บวชจึงสนทนำกันว่ำ “พวกเรำ
ยังให้ลูก ๆ ของตนบวชได้ ศำกยะทั้ง น้ี ชะรอยจะไม่ใช่พระญำติกระมัง” ด้วยเหตุนี้ กษัตริย์ท้ัง
พระองค์ ต่ำงปรึกษำกันตกลงกันว่ำจะบวช แต่น้ัน กษัตริย์ทั้งหกองค์น้ีนับรวมอุบำลีนำยภูษำมำลำ
เป็น ๗ ทรงเสวยมหำสมบัติตลอด ๗ วันแล้ว เสด็จออกเดินทำงไปสำนักของพระศำสดำ ระหว่ำงทำง
นั้นกษัตริย์ทั้ง พระองค์ทรงเปล้ืองอำภรณ์ของตนทำเป็นห่อมอบให้นำยอุบำลีและรับส่ังให้กลับไป
แต่นำยอุบำลีไม่ต้องกลับจึงขอร้องกษัตริย์ทั้งหกองค์แต่ไม่อำจล่วงอำชญำของกษัตริย์ได้ จึงลุกขึ้น
ถือห่อของนน้ั กลับไป นำยอุบำลไี ปได้หนอ่ ยหน่งึ กก็ ลับ คดิ ว่ำพวกศำกยะจะฆ่ำตนด้วยเข้ำใจว่ำตนปลง
พระชนม์กษัตริย์ท้ัง พระองค์ เพรำะเห็นห่อผ้ำของเหล่ำกษัตริย์น้ัน จึงทิ้งอำภรณ์อันหำค่ำมิได้เสีย
แลว้ จะบวช ฝ่ำยกษัตริย์ทัง้ พระองค์เมื่อทรงเห็นนำยอุบำลีกลับมำจึงตรัสถำมสำเหตุ นำยอุบำลีจึง
กรำบทูลตำมที่ตนได้กระทำดังน้ันแล้ว กษัตริย์ทั้ง พระองค์รวมนำยอุบำลีจึงเข้ำไปสู่สำนักของ
พระศำสดำถวำยบังคมแล้ว กรำบทูลว่ำ “ข้ำแต่พระองค์ผู้เจริญข้ำพระองค์ท้ังหลำย ชื่อว่ำเป็นพวก
ศำกยะ มีควำมถือตัวประจำ นำยอุบำลีน้ีเป็นคนรับใช้ของพวกข้ำพระองค์มำเป็นเวลำนำน
ข้ำพระองคท์ ง้ั หลำย จะทำสำมจี ิกรรมมีกำรอภวิ ำทเป็นต้นแกเ่ ขำ ควำมถือตัวของข้ำพระองค์ จะสร่ำง
สนิ้ ไปดว้ ยอำกำรอยำ่ งน้ี”๘๕ ดงั น้แี ลว้ ใหอ้ บุ ำลีบวชก่อน กษัตรยิ ท์ ้ัง พระองค์จงึ ทรงผนวชภำยหลัง
๓.๒.๒ หลงั พระเทวทัตบวช
หลังจำกบรรดำศำกยภิกษุ รูป ทรงผนวชแล้วท่ำนภัททิยะได้บรรลุธรรมเป็นพระ
อรหันต์ในพรรษำน้ันเอง ท่ำนพระอนุรุทธะเป็นผู้มีจักษุเป็นทิพย์ ภำยหลังได้บรรลุพระอรหันต์ ท่ำน
พระอำนนท์ไดต้ ้งั อยใู่ นโสดำปัตตผิ ล พระภคุเถระและพระกมิ พลิ เถระ ภำยหลังเจริญวิปัสสนำได้บรรลุ
พระอรหันต์ พระเทวทตั ได้บรรลุฤทธ์ิอนั เป็นของปถุ ุชน๘
๘๔ ข.ุ ธ.อ. (ไทย) ๔๐/ ๘ .
๘๕ ดูรำยละเอียดใน ขุ.ธ.อ. (ไทย) ๔๐/ ๘ - ๘๗.
๘ ข.ุ ธ.อ. (ไทย) ๔๐/ ๘๗.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๑. ยุยงพระเจ้าอชาตศตั รใู ห้หลงเชอ่ื
ในกำลต่อมำ พระเทวทัตได้ตำมเสด็จพระพุทธองค์ไปยังกรุงโกสัมพี พร้อมกับพระอสีติ
มหำสำวก มีพระสำรีบุตรและพระมหำโมคคัลลำนะเป็นต้น ปรำกฏว่ำประชำชนชำวเมืองพำกันนำ
ภัตตำหำร ผ้ำ และเภสัชไปถวำยพระพุทธองค์และพระอสีติมหำสำวกเป็นอันมำก ประชำชนรู้จักพระ
เถระรปู ใดกเ็ ท่ยี วถำมหำพระเถระรปู นน้ั แต่ไมม่ ใี ครถำมหำพระเทวทตั เลย ทำให้ท่ำนเกิดควำมน้อยใจ
ยิ่งนัก เกิดควำมคิดว่ำ พระเถระรูปอื่นเป็นกษัตริย์ออกบวช ตนก็เป็นกษัตริย์ออกบวช ทำไมหนอ จึง
ไมม่ ใี ครร้จู กั ตนบ้ำง ตนจะหำบคุ คลใดให้มำเลอ่ื มใสเปน็ ผู้อุปฏั ฐำก ถวำยลำภและสักกำระให้ตนดังเช่น
พระเถระรูปอื่นบ้ำงหนอ ท่ำนนึกถึงพระเจ้ำพิมพิสำร แต่รู้ว่ำคงไม่สำเร็จ เพรำะพระเจ้ำพิมพิสำรเป็น
พระโสดำบนั แลว้ จงึ นกึ ไปถงึ อชำตศตั รูกุมำรซ่งึ เป็นพระโอรสของพระเจ้ำพิมพิสำร เห็นว่ำคงจะสำเร็จ
ได้ เพรำะพระกุมำรยังทรงพระเยำว์อยู่ ยังไม่รู้จักพระพุทธศำสนำ จึงได้ออกจำกกรุงโกสัมพีไปยังกรุง
รำชคฤห์ เม่ือไปถึงก็ได้ไปหำอชำตศัตรูกุมำร โดยกำรเนรมิตตนเป็นกุมำรน้อย ให้งูพิษพันท่ีมือท้ัง
ข้ำง ๆ ละ ตัว พันท่ีเท้ำ ข้ำง ๆ ละ ตัว พันท่ีคอ ตัว ทำเป็นเทริดสวมศีรษะ ตัว และทำ
เป็นสร้อยสังวำลเฉวียงบ่ำอีก ตัว แล้วเหำะไปปรำกฏตัวบนพระเพลำของอชำตศัตรูกุมำร เมื่อเห็น
พระกุมำรตกพระทัยกลัวย่ิงนัก จึงกล่ำวปลอบว่ำ ตนเป็นพระภิกษุ อย่ำกลัวเลย แล้วคลำยฤทธ์ิกลับ
เป็นพระภิกษุตำมเดิม พระกุมำรทรงเล่ือมใสในอิทธิฤทธิ์นั้นมำก ถึงกับทรงปวำรณำพระองค์เป็นผู้
อปุ ถัมภพ์ ระเทวทัต และทรงให้สร้ำงวหิ ำรถวำยที่ตำบลคยำสีสะ พระองค์เองได้เสด็จไปหำทั้งเวลำเช้ำ
และเย็นด้วยรำชรถ ๕๐๐ คนั นำภัตตำหำรไปถวำยวนั ละ ๕๐๐ สำรบั เปน็ ประจำ พระเทวทัตจึงเป็นผู้
มีลำภสักกำระมำกสมตำมควำมปรำรถนำ เม่ือมีลำภสักกำระและได้รับคำสรรเสริญมำก ท่ำนก็เหลิง
จนลมื ตวั และเกิดควำมปรำรถนำจะปกครองสงฆ์แทนพระพุทธองค์ พร้อมกับเกิดควำมคิดน้ี ฤทธิ์ของ
ท่ำนก็เส่ือมหำยไปในทันที ขณะนั้น พระพุทธองค์ประทับอยู่ท่ีกรุงโกสัมพี เมื่อทรงทรำบเรื่องน้ีจำก
พระมหำโมคคลั ลำนะ จงึ ตรสั วำ่ กำรกระทำของพระเทวทัต จักปรำกฏผลออกมำเอง แล้วตรัสเทศนำ
เรื่องศำสดำ ๕ จำพวกให้ฟัง เมื่อพระองค์เสด็จไปท่ีพระเวฬุวันมหำวิหำร กรุงรำชคฤห์ เหล่ำภิกษุ
กรำบทูลเรื่องอชำตศัตรูกุมำรบำรุงพระเทวทัตให้ทรงทรำบ จึงตรัสกับภิกษุท้ังหลำยว่ำ ในกำลภำย
หน้ำ พระเทวทัตนั้นจกั เส่ือมจำกลำภสกั กำระและจักเส่ือมจำกกุศลธรรมทั้งหลำย แล้วแสดงพระธรรม
เทศนำให้แก่ภิกษุทงั้ หลำยฟัง๘๗
๘๗ ดรู ำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๓๓–๓๓๕/ ๓๔– ๔๐, ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๘ – ๘๗.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๓
๒. กราบทูลขอปกครองสงฆ์
ต่อมำ พระเทวทัตเข้ำไปเฝ้ำพระพุทธองค์ขณะที่ประทับอยู่ท่ำมกลำงพุทธบริษัทซ่ึงพระ
เจ้ำพิมพิสำรประทับอยู่ด้วย เมื่อได้โอกำสจึงกรำบทูลขอปกครองสงฆ์แทนพระพุทธองค์ถึง ๓ คร้ัง
โดยอำ้ งวำ่ พระพทุ ธองค์ทรงชรำภำพมำกแล้ว สมควรพักผ่อนพระอิริยำบถให้สุขสบำย พระพุทธองค์
ไม่ทรงอนุญำต พระเทวทัตโกรธจัด จึงผูกอำฆำตในพระพุทธเจ้ำเป็นคร้ังแรก และได้ลุกออกไปทันที
เม่ือพระเทวทัตจำกไปแล้ว พระพุทธองค์ได้ตรัสให้สงฆ์ทำปกำสนียกรรมแก่พระเทวทัต โดยรับสั่งให้
พระสำรีบุตรเป็นตัวแทนสงฆ์ไปประกำศในกรุงรำชคฤห์ตำมควำมเป็นจริงว่ำ แต่ก่อนพระเทวทัตเป็น
อย่ำงหน่ึง เด๋ียวนี้กลับเป็นอีกอย่ำงหน่ึง พระเทวทัตทำอย่ำงใด พูดอย่ำงใด ไม่พึงเห็นว่ำ พระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์เปน็ อยำ่ งนนั้ พงึ เห็นเป็นเร่ืองเฉพำะตวั พระเทวทัตเท่ำน้ัน
พระเทวทัตคดิ ว่ำ ทำ่ นถูกพระพทุ ธองค์ทอดทง้ิ แลว้ เป็นแน่ จงึ วำงแผนจะสร้ำงควำมพินำศ
ให้แก่พระพุทธองค์ จึงเข้ำไปหำอชำตศัตรูกุมำร ยุยงให้พระกุมำรปลงพระชนม์พระบิดำแล้วข้ึน
ครองรำชย์เสียเอง ส่วนตนเองก็จะปลงพระชนม์พระพุทธองค์แล้วเป็นพระพุทธเจ้ำแทน อชำตศัตรู
กุมำรซ่ึงยังทรงพระเยำว์อยู่มิได้ไตร่ตรองเลยก็หลงเช่ือ ได้ทำกำรปลงพระชนม์พระเจ้ำพิมพิสำรแล้ว
ข้ึนครองรำชย์แทน๘๘
๓. พยายามเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธองค์
หลังจำกที่พระเจ้ำอชำตศัตรูขึ้นครองรำชย์แล้ว พระเทวทัตก็ถวำยพระพรว่ำ มโนรถของ
พระองค์สำเร็จแล้ว แต่ของตนยังไม่สำเร็จ จึงขอนำยขมังธนูจำนวน ๓ คนเพ่ือให้ไปซุ่มยิงพระพุทธ
องค์ด้วยลูกศรอำบยำพิษให้ส้ินพระชนม์ แต่แผนกำรน้ีไม่สำเร็จ เพรำะนำยขมังธนูทั้งหมดไม่สำมำรถ
ยิงพระพทุ ธองค์ได้ด้วยพุทธำนุภำพ และได้ฟังธรรมจนสำเร็จเป็นพระโสดำบันทุกคน แล้วได้บรรพชำ
อุปสมบทบรรลพุ ระอรหัตทง้ั หมด๘๙
ต่อมำ พระเทวทัตได้ขึ้นไปบนภูเขำคิชฌกูฏ พอเห็นพระพุทธองค์เสด็จจำริกมำถึงท่ีเชิง
ภูเขำ ก็กลิ้งศิลำก้อนใหญ่ให้ตกลงมำประสงค์จะให้ทับ ชะง่อนหินก็รับเอำศิลำที่ตกลงไปน้ันไว้ได้ แต่
สะเก็ดศิลำชิ้นหนึ่งที่กะเทำะจำกศิลำก้อนน้ันกระเด็นไปกระทบพระบำทของพระพุทธองค์เข้ำ ทำให้
พระโลหิตหอ้ ข้ึน พระพุทธองค์ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นตรัสกับพระเทวทัตว่ำ เธอสั่งสมบำปไว้มำนักท่ี
๘๘ ดรู ำยละเอยี ดใน ว.ิ จู. (ไทย) ๗/๓๓ –๓๓๙/ ๔ – ๔๕, ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๘๗– ๘๘.
๘๙ ดูรำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔๐/ ๔๗– ๕๐, ขุ.ชำ.อ. (ไทย) ๔/ ๔๙– ๕ , ขุ.ธ.อ. (ไทย)
/ ๘๘.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๔
คิดประทุษร้ำยคิดปลงพระชนม์ ให้พระบำทของพระตถำคตห้อพระโลหิตข้ึน แล้วตรัสกับภิกษุ
ท้ังหลำยท่ีติดตำมว่ำ กำรทำพระวรกำยของพระพุทธเจ้ำให้ห้อพระโลหิตข้ึนนี้จัดเป็นอนันตริยกรรม
คอื บำปอันหนกั ย่ิง หลังจำกน้ัน พระองค์ก็ทรงให้เหล่ำภิกษุนำพระองค์ไปท่ีชีวกัมพวนำรำม หมอชีวก
ได้ทำกำรผ่ำพระบำทของพระองค์ด้วยศำสตรำ เอำเลือดและเนื้อร้ำยออก แล้วรักษำแผลให้พระองค์
จนหำย๙๐
เม่ือไม่สำมำรถปลงพระชนม์พระพุทธองค์ได้ พระเทวทัตจึงคิดหำวิธีอ่ืน เม่ือทรำบว่ำช้ำง
นำฬำคีรีซึ่งเป็นช้ำงทรงของพระเจ้ำอชำตศัตรูกำลังตกมัน ดุร้ำยมำก ท่ำนจึงเข้ำไปหำควำญช้ำงพูด
เกลี้ยกล่อมให้ปล่อยช้ำงนำฬำคีรี ขณะที่พระพุทธองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จออกบิณฑบำตในตอน
เช้ำตรู่ พระเทวทัตก็ส่ังให้ควำญช้ำงมอมเหล้ำพญำช้ำงถึง หม้อ แล้วปล่อยออกจำกโรงช้ำง พระ
อำนนท์เห็นเหตกุ ำรณ์นน้ั จึงไดเ้ อำตวั เข้ำไปขวำงช้ำงไว้ไม่ให้เข้ำถึงพระพุทธองค์ พระองค์ตรัสบอกให้
อำนนทห์ ลีกไปแล้วปรำบพญำช้ำงให้หำยเมำมันและเมำเหล้ำได้ด้วยเมตตำจิต เมื่อชำวเมืองผู้ประสบ
เหตุกำรณ์ต่ำงพำกันแซ่ซ้องสำธุกำร และเล่ือมใสในพุทธำนุภำพนั้น ในขณะเดียวกัน ก็กล่ำวโจษขำน
กันว่ำ เรื่องน้ี พระเทวทัตเป็นผู้บงกำร และวิพำกษ์วิจำรณ์กันต่อไปถึงกำรที่นำยขมังธนูไปลอบยิง
พระพุทธองค์ และกำรกลิ้งหินทำโลหิตุปบำทด้วย และยังได้โจษขำนว่ำ แม้กำรสิ้นพระชนม์ของพระ
เจำ้ พิมพสิ ำรกเ็ พรำะเนอ่ื งมำจำกพระเทวทัตนเ้ี อง เรือ่ งนไ้ี ด้แพร่สะพัดไปอย่ำงรวดเร็ว เหล่ำประชำชน
ท่ัวทั้งพระนครต่ำงพำกันตำหนิพระเจ้ำอชำตศัตรูที่ยังทรงอุปัฏฐำกพระเทวทัตอยู่ พระองค์จึงทรงงด
กำรบำรุงท่ำนตัง้ แต่บดั น้ัน และชำวกรงุ รำชคฤหก์ ไ็ มย่ อมใสบ่ ำตรให้แก่พระเทวทตั ด้วย๙
ภกิ ษุบำงพวกทค่ี นุ้ เคยกับพระเทวทัตได้เข้ำไปพบและพูดจำตักเตือนว่ำ พระพุทธองค์ทรง
มีอุปกำระแก่พระเทวทัตเป็นอย่ำงย่ิง พระเทวทัตได้บวชเรียนพระธรรมวินัย และได้สำเร็จฌำน ๔
ก็เพรำะอำศัยพระองค์ พระเทวทัตกล่ำวตอบว่ำ พระพุทธองค์หำได้มีอุปกำระแก่ท่ำนสักเท่ำปลำย
หญำ้ ไม่ ท่ำนบวชเอง เรยี นพระธรรมวินัยเอง และปฏิบัติธรรมจนได้สำเร็จฌำนเอง พระภิกษุเหล่ำน้ัน
จึงไปกรำบทูลพระพุทธองค์ว่ำ พระเทวทัตเป็นคนอกตัญญู พระพุทธองค์ตรัสว่ำ แม้ในอดีตพระ
เทวทัตกเ็ คยเปน็ คนอกตัญญู จึงได้ตรสั เทศนำชำดกหลำยเรื่อง มคี ตุ ติลชำดก เปน็ ต้น๙
๙๐ ดูรำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔ / ๕๐– ๕๓, ขุ.ชำ.อ. (ไทย) /๓๓ , ขุ.ธ.อ. (ไทย) /
๘๘, ข.ุ ธ.อ. (ไทย) ๔/๘ –๘๕.
๙ ดูรำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔ / ๕๓– ๕ , ขุ.ชำ.อ. (ไทย) /๓๓๗–๓๔๓, ขุ.ธ.อ. (ไทย)
/ ๘๘– ๙๐.
๙ ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๗/๔๘๔–๔๘๕.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๕
๔. ทูลขอวัตถุ ๕ ประการและทาสังฆเภท
เมื่อเสื่อมลำภสักกำระแล้ว พระเทวทัตพร้อมกับบริวำร ซ่ึงมีพระโกกำลิกะ พระกตโมรก
ติสสกะ พระขัณฑเทวีบุตร และพระสมุททัตตะ ต่ำงก็เท่ียวขออำหำรตำมบ้ำนเรือนต่ำง ๆ โดยกล่ำว
อวดอุตริมนุสสธรรมท่ีไม่มีในตนของกันและกัน แต่ถึงกระน้ันประชำชนก็ไม่เลื่อมใส ท่ำนจึงคบคิดกับ
คณะเพ่อื ทำสงั ฆเภท
วนั หน่ึง พระเทวทัตพร้อมกับบริวำรเข้ำไปเฝ้ำพระพุทธองค์ผู้ประทับอยู่ในท่ำมกลำงพุทธ
บริษัท ทูลขอให้ทรงบัญญัติวัตถุ ๕ ประกำร คือ ให้ถือกำรอยู่ป่ำ ถือกำรบิณฑบำต ถือผ้ำบังสุกล ถือ
กำรอยูต่ ำมโคนไม้ และถือมังสวิรัตเิ ปน็ วตั รตลอดชีวิต ผู้ใดไม่ปฏิบัติตำม ผู้นั้นมีโทษ ทั้งน้ี เพื่อส่งเสริม
ใหพ้ ระมีควำมมกั นอ้ ย สันโดษตำมจุดมงุ่ หมำยของพระพทุ ธศำสนำ แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญำต ท่ำนจึง
พำคณะเที่ยวประกำศในกรุงรำชคฤห์ว่ำ วัตถุ ๕ ประกำรเป็นของดี และตนหวังดีต่อพระพุทธศำสนำ
จึงทูลขอ แต่พระสมณโคดมไม่ทรงอนุญำต ส่วนพวกของตนมักน้อยสันโดษ จึงถือปฏิบัติอย่ำง
เคร่งครัด ทำให้มีประชำชนหลงเชื่อเป็นจำนวนไม่น้อย เม่ือพระพุทธองค์ทรงทรำบจึงรับสั่งให้พระ
เทวทตั เข้ำเฝ้ำ และตรัสเตือนไม่ให้พยำยำมทำลำยสงฆ์ อันเป็นบำปหนัก ตกนรกตลอดกัป แต่ท่ำนไม่
ยอมเชื่อ๙๓
เช้ำวันหนึ่ง พระเทวทัตพบพระอำนนท์ขณะบิณฑบำต จึงสั่งให้มำกรำบทูลพระพุทธองค์
วำ่ นับต้ังแต่วันนี้ไป ท่ำนจะทำอุโบสถสังฆกรรม แยกจำกพระพุทธองค์ แยกจำกภิกษุสงฆ์ คร้ันถึงวัน
อุโบสถ พระเทวทัตสำมำรถชักชวนพระบวชใหม่ชำววัชชี ๕๐๐ รูปให้เข้ำร่วมเป็นฝักฝ่ำยของตน ให้
จับสลำกแล้วทำลำยสงฆ์ และพำไปอยู่ท่ีวิหำรคยำสีสะ กล่ำวสอนลัทธิของตนว่ำ ส่ิงที่พระสมณโคดม
ทำ ไมใ่ ช่ธรรม สงิ่ ทต่ี นทำเท่ำนั้น คือธรรม๙๔
เน่ืองจำกพระ ๕๐๐ รูปนั้นเป็นสำนุศิษย์ของพระสำรีบุตร พระพุทธองค์จึงตรัสส่ังให้พระ
สำรีบุตรกับพระมหำโมคคัลลำนะติดตำมไปนำกลับมำ พระเถระท้ังสองจึงไปนำพระเหล่ำนั้นกลับมำ
ได้สำเร็จ
หลังจำกท่ีพระสำรบี ุตรและพระมหำโมคคัลลำนะพำภิกษุเหล่ำนั้นกลับไปแล้ว พระโกกำลิกะ
ได้เข้ำไปปลุกพระเทวทัตผู้นอนหลับอยู่ แล้วกล่ำวว่ำ ตนเตือนไม่ให้ไว้ใจพระอัครสำวกแล้วยังไม่เชื่อ
๙๓ ดูรำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔๓/ ๕ – ๕๙, ขุ.ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/๓๓๘, ขุ.ธ.อ. (ไทย) /
๙๐– ๙ .
๙๔ ดรู ำยละเอยี ดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔๓–๓๔๔/ ๐– , ธ.อ. (ไทย) / ๙๐– ๙ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
จนท่ำนท้ังสองพำพระกลับไปหมดแล้ว ว่ำแล้วก็กระแทกเข่ำเข้ำท่ีอกของท่ำน เลือดสด ๆ ไหลออกทำง
ปำกพระเทวทัต ท่ำนจงึ ลม้ ปว่ ยลงแตน่ ั้นมำ๙๕
สรุปได้ว่ำ กำรกระทำกรรมของพระเทวทัต เริ่มจำกก่อนบวชเจ้ำชำยเทวทัตเป็นพระโอรส
ของพระเจ้ำสุปปพุทธะผู้ครองกรุงเทวทหะแห่งแคว้นโกลิยะ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพ่ีลูกน้องกับเจ้ำชำย
สิทธัตถะ พระเทวทัตเป็นที่รู้จักกันดีจำกเรื่องรำวในคัมภีร์พระพุทธศำสนำ ว่ำเป็นผู้ที่มีควำมริษยำ
ควำมอจิ ฉำ เบียดเบียนชีวิตสัตวอ์ ื่น มีมำนะทฏิ ฐแิ รงกลำ้ หลังจำกบวชพระเทวทัตยังได้เป็นพระสงฆ์ท่ี
ก่ออนันตริยกรรมคือพยำยำมลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้ำและก่อกำรสังฆเภท ทำให้คณะสงฆ์
แตกแยกกัน เดมิ น้นั ท่ำนออกบวชด้วยควำมบริสุทธิ์ใจ
๓.๓ ผลกรรมของพระเทวทตั
๓.๓.๑ ผลกรรมในอดตี ชาติ
ในชำดกท้งั ๗๘ ชำดกนัน้ พระเทวทัตได้ผูกอำฆำตในพระโพธิสัตว์บ้ำง ได้เบียดเบียนพระ
โพธสิ ัตว์ให้ไดร้ บั ควำมทกุ ข์หรือถึงแก่ควำมตำยบ้ำง เม่ือพระเทวทัตเบียดเบียนพระโพธิสัตว์แล้วได้ถูก
แผ่นดนิ สบู บ้ำง ซึง่ พอจะสรปุ เปน็ หวั ขอ้ ท่สี ำคญั ไดด้ ังน้ี
. พระเทวทัตได้ผูกอำฆำตในโพธิสัตว์มีทั้งหมด ครั้ง คือ เสรีววณิชชำดก, มหำสีลว
ชำดก, สัจจังกิรชำดก, ทุมเมธชำดก, ธัมมัทธชชำดก, ขันติวำทิชำดก, มหำกปิชำดก, ปรันตปชำดก,
โสมนสั สชำดก, มโหสถชำดก และจันทกมุ ำรชำดก
. พระเทวทัตได้เบยี ดเบียนพระโพธสิ ัตว์ทำให้ไดร้ ับบำดเจ็บก็มี ส้ินชีวิตไปก็มี ไม่สำมำรถ
ทำอะไรได้ก็มี ซึ่งทำดว้ ยตนเองบำ้ ง ใชค้ นอนื่ บ้ำง ดังนี้
- เบียดเบียนพระโพธิสัตว์แต่ไม่ถึงกับสิ้นชีวิต มี ๓ ครั้ง คือ มหำสีลวชำดก, ตโยธรรม
ชำดก, สีลวนำคชำดก, สจั จงั กริ ชำดก, ทุมเมธชำดก, โคธชำดก, สิคำลชำดก, สกณุ ัคฆิชำดก, ทุพภิกย
มักกฏชำดก, มณิโจรชำดก, กุรุงคมิคชำดก, ธัมมัทธชชำดก, กำสำวชำดก, โรมชำดก, สุวรรณกักกฏ
ชำดก, ปรันตปชำดก, มหำปทุมชำดก, จันทกินรีชำดก, โสมนัสชำดก, จัมเปยยชำดก, ภูริทัตชำดก,
จนั ทกุมำรชำดก และเวสสันดรชำดก
๙๕ ดูรำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔๕/ – ๓, ขุ.ชำ.อ. (ไทย) ๕ /๕ ๙–๕๗๐, ขุ.ธ.อ. (ไทย)
/๙.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗
- เบียดเบียนพระโพธิสัตว์จนถึงแก่ชีวิต มี ๗ คร้ัง คือ จุลลนันทิยชำดก, ขันติวำทิชำดก,
จุลลธรรมปำลชำดก, มหำกปชิ ำดก, ติตตริ ชำดก, ฉทั ทันตชำดก และมหำกปิชำดก
๓. พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบทั้งหมด ๘ คร้ัง คือ สีลวนำคชำดก, จุลลนันทิยชำดก, ขันติ
วำทิชำดก, จุลลธรรมปำลชำดก, เจติยรำชชำดก, ธรรมเทวปุตตชำดก, มหำกปิชำดก และปัณฑรก
ชำดก รวมกบั ชำติสุดทำ้ ยท่เี กดิ มำร่วมกบั พระพุทธองค์นับได้ ๙ ชำติ
๔. ชำดกทมี่ ลี ักษณะคลำ้ ยกัน มีดังน้ี
- พระเทวทัตได้บังเกิดเป็นจระเข้ซ่ึงประสงค์จะจับพระโพธิสัตว์ซึ่งเสวยพระชำติเป็นลิง
มี ๓ ครั้ง คอื วำนรินทชำดก, สุงสมุ ำรชำดก และวำนรชำดก
- พระเทวทัตบังเกิดเป็นสุนัขจิ้งจอก ประสงค์จะเลียนแบบพระโพธิสัตว์ซ่ึงเสวยพระชำติ
เป็นรำชสหี ์ มี ครั้ง คือ วิโรจนชำดก และชัมพุกชำดก
- พระเทวทัตเป็นลูกศิษย์ของพระโพธิสัตว์ และประสงค์จะยกตนทัดเทียมอำจำรย์ มี
ครัง้ คอื อปุ ำหนชำดก และคตุ ตลิ ชำดก
จำกกำรศึกษำ พบว่ำ พระเทวทัตได้เกิดร่วมชำติกับพระโพธิสัตว์ใน ๗๘ ชำดกน้ี ก็มีท้ังที่
ท่ำนได้เกิดมำเพ่ือมุ่งจองเวรพระโพธิสัตว์โดยตรงก็มี และที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันโดยตรงก็มี แต่อย่ำงไรก็
ตำม ก็ถือไดว้ ่ำพระเทวทตั ไดเ้ กิดมำเพ่อื ทำใหพ้ ระโพธิสัตว์ได้สร้ำงสมบำรมีในด้ำนต่ำง ๆ จนกระทั่งใน
ชำติสุดท้ำยที่พระองค์จะอุบัติมำเพื่อตรัสรู้ พระเทวทัตก็ได้เกิดมำร่วมชำติกับพระพุทธองค์อีกเพื่อมำ
เสรมิ คณุ ของพระพุทธองค์ใหป้ รำกฏชดั เจนมำกขึน้
๓.๓.๒ ผลกรรมในปจั จุบนั ชาติ
ผู้วิจัยได้นำเสนอผลกรรมในอดีตชำติของพระเทวทัตและเร่ืองรำวท่ีเกี่ยวข้องแล้ว ก็จะ
กลำ่ วถึงผลกรรมในปัจจบุ ันชำตขิ องพระเทวทัตตำมที่ปรำกฏในคมั ภรี ต์ ำ่ ง ๆ ต่อไป
หลังจำกท่ีพระเทวทัตได้ผูกอำฆำตในพระโพธิสัตว์แล้วตำมจองเวรในชำติต่อ ๆ มำ
จนกระทั่งถึงชำติที่พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชำติเป็นพระเวสสันดรทรงบำเพ็ญทำนบำรมี ฝ่ำยพระ
เทวทัตได้ถือกำเนิดเป็นพรำหมณ์ชูชกนั้นแล้ว ในชำติสุดท้ำยของพระโพธิสัตว์ พระเทวทัตก็ได้มำเกิด
ร่วมชำตเิ พื่อตำมจองเวรอีก
๑. ถกู แผ่นดนิ สูบถึงแก่มรณกรรม
พระเทวทตั ป่วยหนักอยู่ ๙ เดอื น เกดิ รูส้ ึกสำนกึ ตวั ว่ำได้ทำผิดต่อพระพุทธองค์มำมำกแล้ว
กอ่ นมรณภำพประสงคจ์ ะเขำ้ เฝำ้ ทลู ขอขมำโทษ สำรภำพควำมผดิ ดว้ ยตนเอง จงึ เรียกบริวำรให้ช่วยนำ
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๘
ตนไปเฝ้ำพระพุทธองค์ท่ีพระเชตวันมหำวิหำร เหล่ำภิกษุผู้บริวำรได้หำมท่ำนรอนแรมมำจนใกล้ถึง
พระเชตวัน เม่ือพระภิกษุทั้งหลำยได้กรำบทูลเร่ืองกำรมำของพระเทวทัตให้ทรงทรำบ พระองค์ทรง
ยืนยันว่ำ พระเทวทัตจะไม่ได้เห็นพระองค์ด้วยอัตภำพนั้น ครั้นเหล่ำบริวำรพำพระเทวทัตมำถึงสระ
โบกขรณีหน้ำพระเชตวัน แล้ววำงเตียงลงริมสระ ลงไปด่ืมน้ำและชำระร่ำงกำย ขณะนั้น พระเทวทัต
ลุกขึ้นจะลงไปอำบน้ำ แต่พอวำงเท้ำลงถึงพื้นดินเท่ำนั้น แผ่นดินใหญ่ก็ได้แยกออกให้ช่อง เปลวเพลิง
จำกอเวจีมหำนรกก็พวยพุ่งขึ้นโอบอุ้มเอำตัวไป พระเทวทัตได้ถูกแผ่นดินสูบลงไปต้ังแต่ข้อเท้ำ สะเอว
จนถึงคำง ในขณะที่จมลงถึงคำง ท่ำนคิดว่ำ บำปกรรมของท่ำนถึงที่สุดแล้ว ก็หวนระลึกถึงพระคุณ
ของพระพุทธองค์ และได้กล่ำวคำสรรเสริญพระพุทธคณุ ว่ำ
ข้ำพเจำ้ ขอถงึ พระพุทธองค์ ผ้เู ป็นบคุ คลเลิศ
เป็นเทพยิ่งกวำ่ เทพ เป็นสำรถแี หง่ คนทค่ี วรฝกึ
มพี ระจกั ษุเหน็ รอบด้ำน ทรงบุญลักษณะนับร้อยพระองค์นน้ั
ดว้ ยลมปรำณกับกระดกู ทัง้ หลำยเหลำ่ น้ี
ดงั นี้แลว้ ร่ำงของท่ำนกจ็ มหำยเขำ้ ไปในแผน่ ดนิ แล้วไปเกิดในอเวจีมหำนรกส้ิน กัป
พระพุทธองค์ทรงทำนำยให้พุทธบริษัทฟังว่ำ พระเทวทัตเม่ือเสวยทุกข์อยู่ในนรกอเวจี
กปั แลว้ ภำยหลังจักได้กลับมำเกิดเปน็ มนษุ ย์และจะไดต้ รสั รเู้ ป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ำนำมว่ำ อัฏฐิสสระ
ดว้ ยอำนำจผลบญุ ที่ถวำยกระดูกคำงเปน็ พุทธบูชำ๙
๒. ชดใชก้ รรมในอเวจีมหานรก
เม่ือพระเทวทัตได้ถูกแผ่นดินสูบมรณภำพไปเกิดในอเวจีมหำนรก ท่ำนมีร่ำงกำยสูง
ประมำณ ๐๐ โยชน์ เกิดในกน้ อเวจซี ึ่งมีประมำณ ๓๐๐ โยชน์ ศรี ษะตง้ั แตห่ มวกหูสอดเข้ำไปในแผ่น
เหล็กในเบ้ืองบน ข้อเท้ำทั้ง จมแผ่นดินเหล็กลงไปข้ำงล่ำง หลำวเหล็กเท่ำลำตำลขนำดใหญ่ออก
จำกฝำข้ำงหลัง แทงกลำงหลังทะลุหน้ำอกปักฝำด้ำนหน้ำ อีกหลำวหนึ่งออกทำงด้ำนข้ำง แทงสีข้ำง
เบ้ืองขวำทะลุสีข้ำงเบื้องซ้ำยไปปักฝำอีกข้ำง อีกหลำวหนึ่งออกทำงเบ้ืองบน แทงกระหม่อมทะลุออก
ส่วนเบื้องต่ำไปปักลงสู่แผ่นดินเหล็ก ท่ำนยืนนิ่งไหวติงไม่ได้ ถูกไฟไหม้อยู่ในอเวจีมหำนรกนั้นนำน
กัป
๙ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/ ๓๓– ๓๔, ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๙๕– ๙๗.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๙
หลังจำกท่ีพระเทวทัตได้ถูกแผ่นดินสูบ เหล่ำมหำชนต่ำงก็พำกันยินดีปรีดำว่ำ บัดน้ี เสี้ยน
หนำมของพระพุทธองค์และพระพุทธศำสนำได้หมดสิ้นไปแล้ว จึงพำกันประดับธงชำยธงทิวและต้น
กล้วยและเล่นมหรสพกนั อย่ำงรืน่ เรงิ ๙๗
๓. คณุ ทพ่ี ระเทวทตั ได้จากการบวช
ฤทธิ์มที ้ังหมด ๐ อยำ่ ง ดังน้ี คือ
. อธฏิ ฐฺ ำนำอิทฺธิ ฤทธิอ์ ธิษฐำน
. วกิ พุ ฺพนำอิทฺธิ ฤทธิ์บิดเบือน
๓. มโนมยำอทิ ธฺ ิ ฤทธิม์ โนมัย
๔. ญำณวิปผฺ ำรำอทิ ฺธิ ฤทธิญ์ ำณปกแผ่
๕. สมำธวิ ปิ ผฺ ำรำอทิ ฺธิ ฤทธ์ิสมำธปิ กแผ่
. อริยอทิ ฺธิ ฤทธ์ขิ องพระอริยะ
๗. กมฺมวปิ ำกชำอิทธฺ ิ ฤทธเ์ิ กดิ ด้วยวิบำกกรรม
๘. ปญุ ฺญวโต อทิ ฺธิ ฤทธขิ์ องผมู้ บี ุญ
๙. วิชฺชำมยำอิทธฺ ิ ฤทธ์สิ ำเรจ็ ด้วยวิทยำ
๐. ตตฺถ ตตฺถ สมฺมำปโยคปปจฺจยำ อิชฺฌนฏฺเฐน อิทฺธิฤทธิ์โดยควำมหมำยว่ำสำเร็จ
เพรำะควำมประกอบชอบในกจิ นัน้ ๆ เปน็ ปัจจัย๙๘
สำหรับพระเทวทัต หลังจำกที่ท่ำนเข้ำมำบวชแล้ว ในช่วงแรกได้ต้ังใจประพฤติปฏิบัติ
ธรรมของพระพุทธองค์เป็นอย่ำงดี ทำใหท้ ่ำนไดบ้ รรลุฌำนและมีฤทธ์ิมำก ซ่ึงจัดอยู่ในจำพวกวิกุพพนำ
ฤทธ์ิ คือฤทธิ์บิดเบือน สำมำรถที่จะเปล่ียนตนให้เป็นรูปต่ำง ๆ ได้ แต่ก็เป็นคุณที่เส่ือมได้ เพรำะเป็น
คณุ ของปุถุชน๙๙
๔. พระเทวทัตกบั พระพทุ ธองค์
พระเทวทัตมีควำมเกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ในฐำนะเป็นพระญำติ เพรำะท่ำนถือกำเนิด
เป็นเจ้ำชำยในกรุงเทวทหะ ซึ่งระหว่ำงกรุงเทวทหะกับกรุงกบิลพัสด์ุมีควำมเก่ียวพันกันโดยเป็นญำติ
กันมำต้ังแต่บรรพบุรุษ และอีกฐำนะหน่ึง ในสมัยที่ยังเป็นคฤหัสถ์ เจ้ำชำยเทวทัตเป็นเชษฐภำดำของ
๙๗ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๙๘– ๙๙.
๙๘ ข.ุ ป. (ไทย) ๓ /๔๔/๓๙ , ๓ /๙/๕ , วิสุทธฺ .ิ (ไทย) /๙๙– ๐๐.
๙๙ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ป. (ไทย) ๓ / ๓/๕ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗๐
เจ้ำหญิงพิมพำ และเจ้ำหญิงก็ได้อภิเษกสมรสกับพระพุทธองค์เม่ือครั้งยังเป็นเจ้ำชำยสิทธัตถะ ดังน้ัน
จึงถือว่ำ เจ้ำชำยเทวทัตดำรงอยู่ในตำแหน่งพระเชษฐำของพระชำยำแห่งเจ้ำชำยสิทธัตถะ และอีก
ฐำนะหนึ่ง ท่ำนดำรงอยู่ในตำแหน่งพระสำวกของพระพุทธองค์ เพรำะพระเทวทัตได้ออกบวชเป็น
พระภิกษุในพระพุทธศำสนำ ดังน้ัน จึงถือได้ว่ำ พระเทวทัตมีควำมเกี่ยวข้องในพระพุทธองค์ในหลำย
ฐำนะดงั ท่ีกลำ่ วมำ
เมื่อพระเทวทัตได้ออกบวชแล้ว ถูกลำภสักกำระครอบงำ เกิดโลภจิตขึ้นมำ ประสงค์จะ
เปน็ ใหญ่ จงึ กรำบทูลขอปกครองคณะสงฆ์กับพระพุทธองค์โดยอ้ำงว่ำ พระพุทธองค์ทรงพระชรำภำพ
แก่เฒ่ำสูงอำยุ ล่วงกำลผ่ำนวัยแล้ว ขอให้พระพุทธองค์ทรงปล่อยวำง ประกอบตนอยู่ในธรรมสำหรับ
อย่เู ป็นสุขในปจั จุบนั ขอให้มอบภิกษสุ งฆใ์ หต้ วั ท่ำนเถดิ ท่ำนจะปกครองภิกษสุ งฆ์แทน แต่ถูกพระพุทธ
องคต์ รัสหำ้ มถงึ ๓ ครงั้ แล้วทรงรกุ รำนทำ่ นวำ่ แมแ้ ตส่ ำรีบุตรและโมคคัลลำนะพระองค์ยังไม่มอบภิกษุ
สงฆ์ให้เลย จะมอบภิกษุสงฆ์ให้ตัวท่ำนซ่ึงเป็นคนต่ำช้ำบริโภคปัจจัยดุจกลืนน้ำลำยได้อย่ำงไรเล่ำ
ท่ำนจึงคิดว่ำ พระพุทธองค์ทรงรุกรำนตัวท่ำนในท่ำนกลำงบริษัทด้วยพระดำรัสว่ำเป็นผู้บริโภคปัจจัย
ดจุ กลืนน้ำลำย ทรงยกย่องแตพ่ ระสำรบี ุตรและพระโมคคัลลำนะเทำ่ นั้น จึงโกรธไม่พอใจ ผูกอำฆำตใน
พระพทุ ธองค์ และคอยหำทำงแกแ้ คน้ พระองค์ โดยกำรลอบปลงพระชนม์ถึง ๓ ครงั้ ด้วยกันดงั นี้
. สง่ นำยขมงั ธนูเพอ่ื ให้ไปประหำรพระพุทธองค์
. ขนึ้ ไปบนภูเขำคชิ ฌกฏู แลว้ กล้งิ ศลิ ำหมำยจะปลงพระชนม์พระพทุ ธองค์
๓. ปลอ่ ยชำ้ งนำฬำคีรีซ่ึงกำลงั เมำมันเพือ่ ให้ทำรำ้ ยพระพุทธองค์
แต่ก็ไม่สำมำรถท่ีจะปลงพระชนม์พระพุทธองค์ได้ ทำได้เพียงแต่ยังพระบำทของพระองค์ให้ห้อ
พระโลหติ ขึ้นเทำ่ นัน้
เมื่อเหตุกำรณ์ไม่เป็นไปตำมท่ีตนประสงค์ อีกทั้งพระเจ้ำอชำตศัตรูยกเลิกกำรอุปัฏฐำก
ท้ังหมด ทำให้ท่ำนเสื่อมจำกลำภและสักกำระ ท่ำนจึงได้เข้ำเฝ้ำพระพุทธองค์เพื่อทูลขอวัตถุ ๕
ประกำร แต่เม่ือพระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญำต ท่ำนจึงได้ป่ำวประกำศไปท่ัวกรุงรำชคฤห์ว่ำตนมี
ควำมหวังดีต่อพระศำสนำ แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญำต ดังน้ัน ใครเห็นชอบกับท่ำน ให้เข้ำมำร่วม
เป็นพวกพ้องกับท่ำน ซ่ึงเหตกุ ำรณน์ ้ีมปี ระชำชนเลื่อมใสเป็นอย่ำงมำก และท่ำนยังได้ชักชวนภิกษุชำว
วัชชีจำนวน ๕๐๐ รูปไปอยู่ที่คยำสีสประเทศ พร้อมกับทำสังฆเภท คือ แยกตัวทำสังฆกรรมจำกพระ
พทุ ธองคแ์ ละภิกษสุ งฆ์ตำ่ งหำก เม่อื พระสำรีบุตรและพระมหำโมคคัลลำนะไปที่คยำสีสประเทศเพื่อนำ
พระภิกษุชำววัชชีบุตรกลับมำ ท่ำนประพฤติตนทำกิริยำเลียนแบบพระพุทธองค์ โดยให้พระสำรีบุตร
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗
นั่งด้ำนขวำและพระมหำโมคคัลลำนะน่ังด้ำนซ้ำย ยกตนเองเทียบพระพุทธองค์ เมื่อพระสำรีบุตรและ
พระมหำโมคคัลลำนะพำพระภิกษุเหล่ำนั้นกลับไปแล้ว ท่ำนเกิดควำมทุกข์ใจโศกเศร้ำจนล้มป่วยลง
ภำยหลังเกิดสำนึกผิด ประสงค์จะมำขอขมำโทษพระพุทธองค์ แต่พระองค์ตรัสบอกพระอำนนท์ว่ำ
พระเทวทัตจักไม่ได้เห็นพระองค์อีกในอัตภำพน้ี๑ และท่ำนได้ถูกแผ่นดินสูบมรณภำพไปบังเกิดใน
อเวจมี หำนรก เพรำะโทษหนักทีท่ ำ่ นได้ลว่ งเกินพระพุทธองค์
๕. พระเทวทัตกบั ภกิ ษสุ งฆ์
เนื่องจำกพระเทวทัตเป็นผู้มีควำมทะเยอทะยำนอยำกจะปกครองสงฆ์ และยังเป็นผู้โอ้
อวด ประสงคค์ วำมเปน็ ใหญม่ ชี อื่ เสียง ดังน้ันท่ำนจึงได้เก่ียวข้องกับพระภิกษุหลำยรูปท้ังรูปท่ีเป็นพระ
อรหันต์และรูปท่ีเป็นปุถุชน ซงึ่ พอท่จี ะสรปุ เฉพำะทเ่ี ดน่ ๆ มีดังต่อไปน้ี
. พระสำรบี ุตร
. พระมหำโมคคัลลำนะ
๓. พระอำนนท์
๔. ภิกษชุ ำววชั ชบี ุตร ๕๐๐ รูป
๕. พระโกกำลิกะ
๖. พระเทวทัตกบั พระสารีบุตร
พระสำรีบุตร เดิมชื่ออุปติสสะ เมื่อบวชเข้ำมำแล้วได้เป็นพระอัครสำวกเบื้องขวำของพระ
พุทธองค์ ท่ำนเป็นผู้เลิศในด้ำนเป็นผู้มีปัญญำมำก ดังท่ีพระพุทธองค์ได้แต่งตั้งท่ำนในตำแหน่ง
เอตทัคคะ ๐ ว่ำ “ภิกษุทั้งหลำย พระสำรีบุตร เลิศกว่ำพวกภิกษุสำวกของเรำผู้มีปัญญำมำก” ๐
และดังท่ีพระอรรถกถำจำรย์กล่ำวไว้ในอรรถกถำธรรมบทว่ำ “นอกจำกพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำแล้ว
บุคคลที่สำมำรถเพ่ือจะทันปัญญำของพระสำรีบุตรเถระ หำได้มีไม่๑ ๓ ท่ำนพระสำรีบุตรได้เกี่ยวข้อง
กับพระเทวทตั หลำยเหตกุ ำรณ์ดว้ ยกัน แตท่ ปี่ รำกฏชัดเจน พอจะสรปุ ได้มอี ยู่ ๓ เหตุกำรณ์ ดงั ตอ่ ไปนี้
๐๐ นัยว่ำ ภิกษุท้ังหลำยย่อมไม่ได้เห็นพระพุทธองค์อีก จำเดิมแต่กำลที่ขอวัตถุ ๕ ประกำร - ขุ.ธ.อ.
(ไทย) / ๙ .
๐ เอตทคั คะ หมำยถงึ พระสำวกทีไ่ ด้รบั ยกย่องจำกพระพุทธเจ้ำว่ำเปน็ ผเู้ ยย่ี มยอมในทำงใดทำงหนึ่ง,
อ้ำงใน พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์, (กรุงเทพมหำนคร : โรงพิมพ์
มหำจฬุ ำลงกรณรำชวิทยำลยั , ๕๔๐), หนำ้ ๔๓๘.
๐ อง.ฺ เอกก. (ไทย) ๐/ ๔ / ๘.
๐๓ ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๔ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗
เหตุกำรณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อครำวหน่ึง ประชำชนชำวกรุงรำชคฤห์ได้พำกันถวำยทำนคร้ัง
ใหญ่ กุฎุมพีคนหน่ึงได้บริจำคผ้ำเพ่ือถวำยแก่สงฆ์ ประชำชนจึงได้ประชุมกันเพื่อตกลงว่ำจะถวำยผ้ำ
กำสำวะแกพ่ ระเถระรูปไหน บำงพวกกก็ ล่ำวว่ำ ควรถวำยแกพ่ ระสำรีบุตร บำงพวกกล่ำวว่ำ ควรถวำย
แก่พระเทวทตั เพรำะพระสำรีบุตรมำท่ีกรุงรำชคฤห์น้ีเป็นบำงครั้งบำงครำว ส่วนพระเทวทัตได้อยู่ที่น่ี
ประจำ เมื่อเป็นดังน้ัน ท้ังหมดจึงตกลงใจกันถวำยผ้ำแก่พระเทวทัต แต่ต่อมำ เม่ือเห็นท่ำนนุ่งห่มผ้ำ
ผนื นั้นกก็ ลำ่ วกนั ว่ำ ผ้ำผนื น้ไี มเ่ หมำะสมแกพ่ ระเทวทัตเลย เหมำะสมแก่พระสำรีบตุ รมำกกว่ำ ๐๔
เหตุกำรณ์ท่ีสองเกิดข้ึนเม่ือครำวท่ีพระเทวทัตกรำบทูลขอปกครองสงฆ์แทนพระพุทธองค์
แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญำต และทรงรับส่ังให้พระสำรีบุตรทำปกำสนียกรรมในกรุงรำชคฤห์แก่พระ
เทวทัต พระสำรีบตุ รกรำบทลู พระองค์ว่ำ เม่ือก่อนตัวท่ำนเคยกล่ำวยกย่องพระเทวทัตในกรุงรำชคฤห์
ว่ำมีฤทธ์ิมำกมีอำนุภำพมำก บัดนี้จะให้ทำปกำสนียกรรมอย่ำงไร พระพุทธองค์จึงบอกให้ท่ำนกล่ำว
ตำมควำมเป็นจริงว่ำ เม่ือก่อนพฤติกรรมของพระเทวทัตเป็นอย่ำงหน่ึง บัดน้ี ก็เป็นอีกอย่ำงหนึ่ง พระ
เทวทัตประพฤติสิ่งใดด้วยกำย วำจำ ใจ ก็ไม่พึงเห็นว่ำพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์เป็นอย่ำงนั้น
พึงเห็นว่ำสิ่งนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของพระเทวทัต พระสำรีบุตรจึงทำปกำสนียกรรมในกรุงรำชคฤห์แก่
พระเทวทัตตำมท่ีพระพทุ ธองค์ทรงแนะนำ๑ ๕
อีกเหตุกำรณ์หน่ึง เม่ือพระเทวทัตได้ชักชวนภิกษุชำววัชชีบุตร ๕๐๐ รูปซึ่งเป็นสำนุศิษย์
ของพระสำรีบุตรไปอยู่ท่ีคยำสีสประเทศ พระพุทธองค์ได้รับส่ังให้พระสำรีบุตรกับพระมหำโมคคัลลำ
นะไปนำภิกษเุ หล่ำนัน้ กลบั มำ พระสำรบี ตุ รก็ไดไ้ ปแสดงธรรมสงั่ สอนภกิ ษุเหล่ำน้ันด้วยธรรมีกถำที่เป็น
อนุศำสนีประกอบด้วยอำเทสนำปำฏิหำริย์ ทำให้ภิกษุเหล่ำน้ันมีควำมเห็นชอบแล้วพำกลับมำยังพระ
เวฬุวนั ๐
จำกเหตุกำรณ์ดังกล่ำวน้ี แสดงให้เห็นว่ำ เมื่อก่อนพระเทวทัตเคยเป็นคนดีและมีฤทธ์ิมำก
และคงจะประพฤติในส่ิงท่ีเป็นประโยชน์อยู่บ้ำง ถึงขนำดที่พระสำรีบุตรยังกล่ำวยกย่องท่ำนท่ัวกรุง
รำชคฤห์ว่ำเป็นผู้มีฤทธ์ิและอำนุภำพมำก แต่ท่ำนกลับไม่รักษำควำมดีนั้นไว้ เกิดมิจฉำทิฏฐิคิดร้ำย
ข้นึ มำทำใหส้ ง่ ผลกระทบถึงกำรดำเนนิ ชีวิตของทำ่ นในเวลำต่อมำ
๐๔ ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๐๕– .
๐๕ ดูรำยละเอยี ดใน ว.ิ จู. (ไทย) ๗/๓๓ –๓๓๘/ ๘๐– ๘๕.
๐ ดูรำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔๔–๓๔๕/ ๐๓– ๐๗.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗๓
๗. พระเทวทตั กับพระมหาโมคคลั ลานะ
พระมหำโมคคัลลำนะ เดิมชื่อโกลิตะ เม่ือเข้ำมำบวชแล้วได้เป็นพระอัครสำวกเบ้ืองซ้ำย
ของพระพุทธองค์คู่กับพระสำรีบุตร ท่ำนเป็นผู้เลิศในด้ำนมีฤทธิ์มำก ดังที่พระพุทธองค์ได้แต่งตั้งท่ำน
ในตำแหนง่ เอตทัคคะว่ำ “ภิกษุทั้งหลำย พระมหำโมคคัลลำนะ เลิศกว่ำภิกษุท้ังหลำยสำวกของเรำผู้มี
ฤทธ์ิ”๑ ๗ พระเทวทัตได้เก่ียวข้องกับพระมหำโมคคัลลำนะอยู่หลำยเหตุกำรณ์ แต่เฉพำะท่ีปรำกฏ
ชัดเจน มีเหตุกำรณเ์ ดียวคือ เมอ่ื พระเทวทัตพำภิกษุชำววัชชี ๕๐๐ รูปไปคยำสีสประเทศดังท่ีได้กล่ำว
แล้ว พระพทุ ธองคก์ ร็ บั สง่ั ใหต้ วั ทำ่ นกับพระสำรบี ตุ รไปพำภกิ ษุเหลำ่ น้นั กลับมำ ซึ่งตัวท่ำนก็ได้ไปแสดง
ธรรมสั่งสอนภิกษุเหล่ำน้ันด้วยธรรมีกถำท่ีเป็นอนุศำสนีประกอบด้วยอิทธิปำฏิหำริย์จนภิกษุชำววัชชี
บตุ รท้งั หมดได้ดวงตำเหน็ ธรรมแลว้ ไดพ้ ำกลบั มำพระเวฬุวนั ๐๘
๘. พระเทวทัตกับพระอานนท์
พระอำนนท์ ก่อนออกบวชท่ำนเป็นเจ้ำชำยศำกยะโอรสของพระเจ้ำอมิโตทนะในกรุง
กบิลพัสดุ์ เมื่อบวชเข้ำมำแลว้ ไดเ้ ปน็ พทุ ธอปุ ัฏฐำก ซงึ่ พระเทวทตั ได้เกี่ยวข้องกบั ท่ำนโดยเคยเป็นเพื่อน
เล่นกันต้ังแต่ยังเป็นพระกุมำรพร้อมกับศำกยกุมำรอีก ๔ คือ ภัททิยกุมำร อนุรุทธกุมำร กิมพิลกุมำร
และภคกุ มุ ำร จนกระท่งั เมื่อเติบโตข้ึนมำ ก็ได้ออกบวชพร้อมกันทั้ง รวมกับนำยภูษำมำลำอุบำลีอีก
หน่ึง รวมเปน็ ๗ คน ซ่งึ หลงั จำกทีท่ ้ังหมดได้บวชแล้ว เว้นแต่พระอำนนท์ ก็ไม่ปรำกฏว่ำพระเทวทัตได้
เกี่ยวข้องกับพระเถระรูปอ่ืนโดยตรงเลย ท่ำนได้เกี่ยวข้องกับพระอำนนท์อยู่ เหตุกำรณ์ท่ีปรำกฏ
เด่นชัด คอื
เหตุกำรณ์แรก เป็นเรื่องท่ีพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่พระเวฬุวัน พระเทวทัตออก
บิณฑบำตแล้วได้พบกับพระอำนนท์ ได้บอกว่ำต้ังแต่วันน้ีไป ตัวท่ำนจักทำสังฆเภทโดยทำอุโบสถ
และสังฆกรรมแยกจำกพระพุทธองค์และหมู่แห่งภิกษุ พระอำนนท์ได้นำเรื่องนั้นไปกรำบทูลให้
พระพุทธองค์ทรงทรำบ พระองค์ทรงเปล่งอุทำนว่ำ “กรรมดี คนดีทำได้ง่ำย กรรมดี คนชั่วทำได้ยำก
กรรมช่ัว คนชั่วทำได้ง่ำย กรรมชั่ว พระอริยะท้ังหลำยทำได้ยำก” ๐๙ แล้วทรงแสดงธรรมให้แก่
พระอำนนท์ฟัง ๐
๐๗ องฺ.เอกก. (ไทย) ๐/ ๔ / ๘.
๐๘ ดูรำยละเอยี ดใน ว.ิ จู. (ไทย) ๗/๓๔๔–๓๔๕/ ๐๓– ๐๗.
๐๙ ว.ิ จู. (ไทย) ๗/๓๔๓/ ๐๓, ข.ุ อุ. (ไทย) ๕/ ๔/ ๔ .
๐ ดรู ำยละเอยี ดใน ว.ิ จู. (ไทย) ๗/๓๔๓/ ๐๓, ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๗–๓๔.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗๔
อีกเหตุกำรณห์ นงึ่ พระเทวทตั ได้สมคบกบั พระเจำ้ อชำตศตั รปู ล่อยช้ำงนำฬำคีรีที่กำลังเมำ
สุรำใหว้ ิง่ ไปตำมถนนด้วยประสงคจ์ ะใหช้ ้ำงเหยียบพระพุทธองค์ผู้กำลังเสด็จบิณฑบำตในกรุงรำชคฤห์
กับภิกษุท้ังหลำย เมื่อภิกษุเหล่ำนั้นเห็นดังน้ัน ได้กรำบทูลให้พระพุทธองค์เสด็จกลับ แต่พระองค์ไม่
กลับ พระเถระผู้ใหญ่หลำยรูปกรำบทูลขอโอกำสเพื่อจะปรำบช้ำงนำฬำคีรีให้ละพยศ แต่พระองค์ไม่
ทรงอนญุ ำต พระอำนนทซ์ งึ่ มคี วำมรักในพระพุทธองค์อย่ำงมำกไม่สำมำรถจะทนน่ิงอยู่ได้ จึงยอมสละ
ชีวิตของตนถวำยเป็นพุทธบูชำ โดยออกมำยืนขวำงเบื้องพระพักตร์พระองค์ พระองค์รับส่ังให้ท่ำน
หลีกไปถึง ๓ คร้ัง แต่ท่ำนยังยืนท่ีเดิมอย่ำงแน่วแน่ พระองค์จึงใช้กำลังฤทธ์ิให้พระอำนนท์ถอยกลับ
มำแล้วใช้อำนุภำพแห่งเมตตำปรำบช้ำงให้หำยจำกกำรเมำมัน ภิกษุท้ังหลำยรวมทั้งประชำชน
ชำวเมืองต่ำงก็พำกันกล่ำวสรรเสริญคุณของพระอำนนท์เป็นอย่ำงมำก คุณของท่ำนได้ปรำกฏเด่นชัด
และขจรขจำยไปมำกขึ้น๑๑๑
๙. พระเทวทัตกบั ภิกษุชาววัชชีบุตร
ภิกษุชำววัชชีบุตรมีด้วยกันทั้งหมด ๕๐๐ รูป ครำวเม่ือพระพุทธองค์ได้เสด็จไปท่ีกรุง
เวสำลีแคว้นวัชชี ทรงแสดงธรรมให้ประชำชนได้ฟัง ทำให้มีหลำยคนเกิดควำมเล่ือมใสและออกบวช
ติดตำมเป็นอนั มำก ภิกษุเหล่ำน้ีเป็นอีกพวกหนึ่งที่มีควำมเลื่อมใสได้ออกบวชด้วย โดยได้พระสำรีบุตร
เป็นพระอปุ ัชฌำย์บวชให้
เมอ่ื พระเทวทตั กรำบทลู ขอวตั ถุ ๕ ประกำรแล้วถูกพระพุทธองค์ตรัสห้ำม ท่ำนจึงประกำศ
ให้ภิกษุจับสลำกด้วยกล่ำวว่ำ ตนได้เข้ำเฝ้ำพระสมณโคดมแล้วทูลขอวัตถุ ๕ ประกำรซ่ึงเป็นไปเพ่ือ
ควำมมักน้อยสันโดษ แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญำต ดังน้ัน พวกเรำจงสมำทำนประพฤติตำมวัตถุ ๕
ประกำรนั้นกันเถิด ท่ำนรูปใดเห็นด้วยกับวัตถุ ๕ ประกำรเหล่ำน้ี ท่ำนเหล่ำนั้นจงจับสลำก ภิกษุชำว
วัชชีบุตรเหล่ำนั้นซึ่งเป็นพระบวชใหม่ยังไม่รอบรู้พระธรรมวินัย คิดกันว่ำ พระเทวทัตพูดถูก พวกตน
จักเข้ำเป็นบริวำรของพระเทวทัตน้ัน จึงพำกันจับสลำกเพรำะเข้ำใจว่ำ สิ่งนี้เป็นธรรม สิ่งนี้เป็นวินัย
สิ่งน้เี ปน็ สตั ถสุ ำสน์ พวกทำ่ นจงึ ไดร้ ว่ มกับพระเทวทตั ทำลำยสงฆแ์ ละได้ไปอยคู่ ยำสีสประเทศ ภำยหลัง
พระอัครสำวกได้ไปแสดงธรรมให้ฟังจนได้ดวงตำเห็นธรรมว่ำ “ส่ิงใดส่ิงหน่ึง มีควำมเกิดข้ึนเป็น
ธรรมดำ สิ่งนนั้ ทั้งปวงมีควำมดบั ไปเป็นธรรมดำ”
ต่อจำกน้ันพระอัครสำวกก็ได้พำภิกษุเหล่ำนั้นกลับมำท่ีพระเวฬุวันเพ่ือเข้ำเฝ้ำพระพุทธองค์
เม่ือมำถึง พระสำรีบุตรก็ได้กรำบทูลพระพุทธองค์ให้เหล่ำภิกษุผู้ประพฤติตำมภิกษุผู้ทำลำยสงฆ์
ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) /๓๓ –๓๔๓, ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๘๘– ๘๙.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗๕
อปุ สมบทใหม่ แต่พระพุทธองค์ได้ตรัสห้ำมไว้ ทรงอนุญำตให้ภิกษุชำววัชชีบุตรเหล่ำนั้นเพียงแค่แสดง
อำบัตถิ ลุ ลจั จัย
๑ . พระเทวทัตกับพระโกกาลกิ ะ
พระโกกำลิกะ เป็นภิกษุรูปหน่ึงในพระพุทธศำสนำ ซ่ึงในคัมภีร์ทำงพระพุทธศำสนำ มิได้
กล่ำวไว้ชัดเจนนัก กล่ำวเพียงว่ำ ท่ำนมำจำกตระกูลอุทิจจพรำหมณ์ และมิได้ปรำกฏว่ำใครเป็น
อุปัชฌำย์ของท่ำน ผู้วิจัยสันนิษฐำนว่ำ ท่ำนน่ำจะเป็นชำวเมืองรำชคฤห์ที่มีควำมศรัทธำเล่ือมใสใน
พระพุทธศำสนำได้บวชเข้ำมำอำศัยอยู่ในพระเวฬุวัน แล้วหันไปเล่ือมใสพระเทวทัตเม่ือครำวที่พระ
เทวทัตได้ขอวัตถุ ๕ ประกำร ซ่งึ ในครำวนัน้ มผี ู้ทม่ี ำยอมรบั นับถือพระเทวทัตเป็นจำนวนมำก ซึ่งก็มีตัว
ท่ำนเอง และบริวำรคือ พระกฏโมรกติสสกะ พระขันฑเทวีบุตร และพระสมุททัตต์รวมอยู่ด้วย แต่
เน่ืองจำกบริวำรที่เหลือนั้นไม่ได้มีควำมปรำกฏเด่นชัดนัก จึงไม่ได้กล่ำวไว้ในงำนวิจัยน้ี จะกล่ำวถึง
เฉพำะพระโกกำลกิ ะเทำ่ นน้ั
เมื่อครำวท่ีพระเทวทัตทำสังฆเภท ท่ำนได้ชักจูงภิกษุหลำยรูปเพ่ือมำเป็นบริวำร ซ่ึงพระ
โกกำลิกะมีควำมพอใจและเห็นชอบในกำรทำสังฆเภท ได้กล่ำวโต้ตอบภิกษุท้ังหลำยท่ีติเตียนพระ
เทวทัตโดยพูดว่ำ พระเทวทัตพูดถูกธรรม พูดถูกวินัย กล่ำวคล้อยตำมควำมพอใจและควำมเห็นชอบ
ของพวกตน พวกตนถูกใจ และท่ำนก็ได้เข้ำมำสมคบกับพระเทวทัตตั้งแต่น้ันมำ พระเทวทัตจึงได้
เกี่ยวขอ้ งกับพระโกกำลิกะอย่ำงสนิทแนน่ แฟ้น ซง่ึ กป็ รำกฏมเี หตกุ ำรณท์ เี่ ด่นอยู่หลำยเหตกุ ำรณ์ ดังนี้
เมื่อพระเจ้ำอชำตศัตรูทรงรับส่ังให้เลิกภัตตำหำร ๕๐๐ สำรับแล้ว ลำภสักกำระเสื่อม
หำยไป พระเทวทัตจึงได้ชักชวนพระโกกำลิกะและภิกษุบริวำรเท่ียวขออำหำรกับประชำชนชำวเมือง
โดยกำรกล่ำวอวดอุตริมนุสสธรรมของกันและกันเพ่ือให้คนเล่ือมใส และเม่ือพระเทวทัตทูลขอวัตถุ ๕
ประกำรแล้วพระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญำตจึงได้พำภิกษุชำววัชชี ๕๐๐ รูปไปท่ีคยำสีสประเทศ พระโก
กำลิกะและภิกษุบรวิ ำรของพระเทวทตั ท่ีเหลอื กไ็ ด้ติดตำมไปด้วย ภำยหลังพระพุทธองค์ได้ส่งพระอัคร
สำวกไปเพ่ือให้นำภิกษุชำววัชชีเหล่ำนั้นกลับมำ ฝ่ำยพระเทวทัตเข้ำใจผิดว่ำท่ำนทั้งสองชอบใจธรรม
ของตน แม้พระโกกำลิกะจะได้กล่ำวเตือนพระเทวทัตว่ำไม่ให้ไว้วำงใจพระสำรีบุตรและพระมหำโมค
คัลลำนะ พรอ้ มท้ังกลำ่ วใสร่ ำ้ ยพระสำรบี ตุ รและพระมหำโมคคลั ลำนะว่ำมีควำมปรำรถนำชั่ว ตกอยู่ใน
อำนำจควำมปรำรถนำช่ัว แต่พระเทวทัตไม่ฟัง ได้นิมนต์ให้ท่ำนท้ังสองแสดงธรรมแก่ภิกษุชำววัชชี
เหลำ่ น้ันฟัง ส่วนตนเองได้ปสู งั ฆำฏจิ ำวดั หลบั ไปอยำ่ งเผลอสติ เมอื่ พระอัครสำวกได้แสดงธรรมให้ภิกษุ
ดรู ำยละเอยี ดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔๔–๓๔๕/ ๙๗– ๐๗, ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๙๐– ๙ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗
เหลำ่ นนั้ ฟงั จนไดด้ วงตำเหน็ ธรรมท้งั หมดแล้วพำภกิ ษเุ หล่ำน้ันไปยังพระเวฬุวันแล้ว พระโกกำลิกะก็ได้
ปลกุ พระเทวทตั ให้ต่ืนข้ึนบอกว่ำ พระสำรีบุตรและพระมหำโมคคัลลำนะพำภิกษุไปหมดแล้ว ตนบอก
แลว้ ว่ำมใิ หไ้ วว้ ำงใจพระอคั รสำวกทงั้ สอง เพรำะทำ่ นทงั้ สองมีควำมปรำรถนำชัว่ ตกอยู่ในอำนำจควำม
ปรำรถนำชั่ว ท่ำนก็ไม่เชื่อ เม่ือพูดจบก็เอำเข่ำกระแทกเข้ำที่ทรวงอกของพระเทวทัต โลหิตอุ่น ๆ ได้
พุ่งออกจำกปำกพระเทวทัตในทนี่ ้ันเอง และได้ลม้ ป่วยลงถึง ๙ เดือน ภำยหลังเมื่อพระเทวทัตประสงค์
จะเขำ้ เฝ้ำพระพทุ ธองคเ์ พือ่ กรำบทลู ขอขมำโทษ พระโกกำลกิ ะและภิกษุบริวำรได้กล่ำวห้ำมไว้ว่ำ พระ
เทวทัตเป็นศัตรูคู่เวรกับพระพุทธองค์ พวกตนไม่สำมำรถนำไปได้ แต่ถูกพระเทวทัตรบเร้ำหนัก จึงพำ
กันหำมทำ่ นเดินทำงไปยงั พระเชตวัน ๓
ตอ่ จำกนีไ้ ป ในคัมภีรต์ ำ่ ง ๆ ก็ไม่ปรำกฏเรื่องรำวของพระโกกำลิกะอีกเลย จึงไม่สำมำรถรู้
ได้ว่ำ ชวี ติ ของทำ่ นจะเป็นไปในทำงใด ซงึ่ ถำ้ ให้คำดเดำ กค็ งจะเป็นได้ ทำง คือ
. ทำงท่ีหน่ึง เม่ือท่ำนเห็นพระเทวทัตได้ประสบกับควำมย่อยยับแล้ว ก็เป็นไปได้ว่ำท่ำน
จะหันกลับมำยอมรับนับถือพระพุทธองค์ ประพฤติตนเป็นพระภิกษุท่ีดีและเป็นสำวกที่ดี ประพฤติ
ปฏิบัติธรรมจนได้บรรลมุ รรคผลขน้ั ใดขนั้ หนึง่
. อกี ทำงหนงึ่ เนอื่ งจำกท่ำนเป็นผ้ทู ี่มอี ปุ นิสัยไมด่ ี ทงั้ จติ ใจยังเต็มไปด้วยควำมหลง ทำให้
คำดเดำไปได้ว่ำ ทำ่ นจะยิ่งถลำลกึ ลงไปในควำมชั่ว ประกอบกรรมทำสิ่งอกุศลต่ำง ๆ และประพฤติผิด
ธรรมวินัยท่ีพระพทุ ธองคไ์ ด้บญั ญตั ิและส่งั สอนไว้ ทำให้ได้ประสบกบั ควำมยอ่ ยยับ มีชีวิตท่ีลม่ จมลง
จำกกำรศกึ ษำเรอ่ื งควำมเกยี่ วข้องระหวำ่ งพระเทวทัตกับพระภกิ ษุ ทำใหไ้ ด้ทรำบดังน้ี
. ควำมเกี่ยวข้องระหว่ำงท่ำนกับพระอัครสำวกและพระอำนนท์ซึ่งถือว่ำเป็นพระ
อรยิ บุคคลน้ัน ท่ำนไม่สำมำรถท่จี ะทำอันตรำยหรือควำมมัวหมองใด ๆ ให้เกิดได้เลย มีแต่จะทำให้คุณ
ของทำ่ นเหลำ่ นปี้ รำกฏเด่นชดั ขึน้ อย่ำงเดียวเท่ำนัน้
. ควำมเก่ียวของระหวำ่ งท่ำนกบั ภิกษุชำววชั ชบี ตุ ร ๕๐๐ รปู นั้น ถอื ไดว้ ำ่ ทำ่ นเกอื บจะทำ
ให้ภกิ ษุเหล่ำน้ันไดร้ บั ควำมยอ่ ยยับเพรำะพำให้ถือเอำในทำงที่ผิด แต่ว่ำภิกษุเหล่ำนั้นได้พระอัครสำวก
มำช่วยไว้ ทำให้รอดพ้นจำกควำมฉิบหำยไปได้
๓. ควำมเกย่ี วขอ้ งระหว่ำงท่ำนกับพระโกกำลิกะน้ี ช่วงแรก ท่ำนสำมำรถจูงใจพระโกกำลิ
กะให้มำนบั ถอื ได้ เปน็ ผู้ชน้ี ำพระโกกำลกิ ะในกำรทำกรรมต่ำง ๆ แต่หลังจำกที่ท่ำนสูญเสียภิกษุบริวำร
ไป จนพระโกกำลิกะไม่สำมำรถอดทนได้ จึงได้กล่ำวตำหนิและทำร้ำยท่ำนจนเจ็บป่วย ก็ถือได้ว่ำ ท้ัง
๓ ดูรำยละเอยี ดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔๓–๓๔๕/ ๙๗– ๐๗, ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๙๐– ๙ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗๗
สองฝ่ำยต่ำงก็มีอุปนิสัยไม่ดี เมื่อมำเจอกัน ก็สำมำรถที่มำรวมกันได้ และก่อให้เกิดส่ิงที่ไม่เป็น
ประโยชนข์ ้นึ มำ ดังท่พี ระพุทธองค์ตรสั ไว้วำ่
สัตว์ท้ังหลำยคบค้ำสมำคมกันโดยธำตุอย่ำงเดียวกัน คือสัตว์ท้ังหลำยผู้มีอัธยำศัยเลว คบ
ค้ำสมำคมกับสัตวท์ ัง้ หลำยผมู้ ีอัธยำศัยเลว สัตวท์ งั้ หลำยผูม้ อี ัธยำศยั งำม คบคำ้ สมำคมกับสัตว์ท้ังหลำย
ผ้มู อี ธั ยำศัยงำม
แม้ในอดีต สัตว์ทั้งหลำยคบค้ำสมำคมกันโดยธำตุอย่ำงเดียวกัน คือสัตว์ท้ังหลำยผู้มี
อธั ยำศัยเลว คบค้ำสมำคมกบั สัตวท์ ้ังหลำยผมู้ อี ัธยำศยั เลว สตั ว์ทัง้ หลำยผมู้ อี ธั ยำศัยงำม คบค้ำสมำคม
กบั สตั ว์ท้ังหลำยผูม้ อี ัธยำศัยงำม
แม้ในอนำคต สัตว์ท้ังหลำยคบค้ำสมำคมกันโดยธำตุอย่ำงเดียวกัน คือสัตว์ทั้งหลำยผู้มี
อัธยำศัยเลว คบค้ำสมำคมกับสตั วท์ ง้ั หลำยผู้มีอธั ยำศัยเลว สตั ว์ท้งั หลำยผ้มู ีอธั ยำศัยงำม คบค้ำสมำคม
กับสตั วท์ ้งั หลำยผู้มอี ธั ยำศยั งำม
ภิกษุทั้งหลำย แม้ในปัจจุบันน้ี สัตว์ทั้งหลำยคบค้ำสมำคมกันโดยธำตุอย่ำงเดียวกัน คือ
สัตว์ท้ังหลำยผู้มีอัธยำศัยเลว คบค้ำสมำคมกับสัตว์ทั้งหลำยผู้มีอัธยำศัยเลว สัตว์ท้ังหลำยผู้มีอัธยำศัย
งำม คบคำ้ สมำคมกบั สตั ว์ท้ังหลำยผู้มอี ธั ยำศยั งำม ๔
๑๑. พระเทวทัตกบั ภกิ ษณุ ี
พระเทวทัตได้ตั้งสำนักของท่ำนโดยเฉพำะและได้อุปสมบทให้แก่ภิกษุและภิกษุณีจำนวน
มำก ๕ เพรำะสำนักของท่ำนเพียบพร้อมไปด้วยลำภและสักกำระ ดังน้ันท่ำนจึงมีควำมเกี่ยวข้องกับ
ภิกษุณหี ลำยรูป แต่เฉพำะที่เกย่ี วขอ้ งกบั ภกิ ษุณปี รำกฏเดน่ ชัด มอี ยู่ รปู คือ
. ภกิ ษุณผี เู้ ปน็ มำรดำของพระกมุ ำรกสั สปะ
. ถลุ ลนันทำภิกษณุ ี
๑๒. พระเทวทตั กับภกิ ษุณมี ารดาของพระกุมารกัสสปะ
ภิกษุณีผู้เป็นมำรดำของพระกุมำรกัสสปะนี้ เป็นธิดำของเศรษฐีคนหนึ่งในกรุง รำชคฤห์
ประสงค์จะออกบวชตั้งแต่พอรู้ควำม แต่บิดำมำรดำไม่อนุญำต ภำยหลังได้แต่งงำนและเกิดตั้งครรภ์
๔ ส.นิ. (ไทย) /๙๙/ ๘๗– ๘๙.
๕ หลกั ฐำนปรำกฏในเรือ่ งภกิ ษผุ คู้ บหำบุคคลฝ่ำยผดิ - ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๕/ ๙๙–๓๐ , ข.ุ ธ.อ. (ไทย)
๘/๘๙–๙ , และเร่ืองภกิ ษุณีผู้มำรดำของพระกมุ ำรกัสสปะ - ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๗– ๓.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗๘
ข้ึน แต่นำงยังไม่รู้ อ้อนวอนสำมีขอบวชอยู่เร่ือย ๆ กระท่ังสำมีอนุญำต นำงจึงให้สำมีพำไปบวชใน
สำนักของภกิ ษณุ ีทเ่ี ป็นฝกั ฝ่ำยของพระเทวทตั นำงจงึ ไดเ้ กย่ี วขอ้ งกับพระเทวทตั ต้งั แต่นน้ั มำ
ต่อมำ ภิกษุณีทั้งหลำยทรำบเร่ืองท่ีนำงมีครรภ์จึงได้พำนำงไปหำพระเทวทัต ท่ำนกลัวว่ำ
สำนักของตนจักเส่ือมเสียช่ือเสียงจึงส่ังให้นำงสึกทันทีโดยมิทันได้พิจำรณำควำมอันใดเลย เม่ือนำงได้
ยินเช่นนน้ั กก็ ล่ำวว่ำ นำงบวชอทุ ศิ พระพทุ ธองค์ ไม่ได้บวชอุทิศพระเทวทัต แล้วให้เหล่ำภิกษุณีพำนำง
ไปหำพระพทุ ธองค์ที่กรุงสำวตั ถี พระพทุ ธองค์แม้จะทรงทรำบอยู่ว่ำนำงต้ังครรภ์แต่คร้ังยังเป็นคฤหัสถ์
แตเ่ พ่อื จะปอ้ งกันคำครหำของประชำชนเหล่ำอ่ืน จึงรับสั่งให้เชิญพระเจ้ำปเสนทิโกศล มหำอนำถบิณ
ฑิกเศรษฐี จุลลอนำถบิณฑิกเศรษฐี และนำงวิสำขำมหำอุบำสิกำ พร้อมทั้งสกุลใหญ่อ่ืน ๆ หลำยสกุล
มำเป็นพยำน แล้วรับสั่งให้พระอุบำลีเถระสอบสวนอธิกรณ์ท่ีเกิดข้ึน พระเถระได้เชิญนำงวิสำขำมำ
แล้วให้ตรวจตรำพิจำรณำอธิกรณ์นั้น นำงวิสำขำก็ได้ให้คนล้อมม่ำนแล้ว เข้ำไปตรวจภิกษุณีนั้นใน
ภำยในม่ำน ตรวจดูมือ เท้ำ สะดือ และท้องน้อยของนำง นับเดือนและวันดู ทรำบว่ำนำงต้ังครรภ์
ตั้งแต่ยังเป็นคฤหัสถ์ จึงได้บอกควำมน้ันแก่พระอุบำลีเถระ พระเถระได้ชำระอธิกรณ์น้ันให้สำเร็จใน
ท่ำมกลำงบริษัทนั้น นำงจึงหลุดพ้นจำกอธิกรณ์นั้น เมื่อครบกำหนดนำงได้คลอดลูกชำย แล้วเลี้ยงไว้
ในวัดพระเชตวันนั่นเอง ภำยหลัง พระเจ้ำปเสนทิโกศลได้นำทำรกน้ันไปเลี้ยงในวังจนเติบใหญ่ กุมำร
น้ันมีชื่อว่ำ กุมำรกัสสปะ ต่อมำก็ออกบวชแล้วได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ส่วนภิกษุณีผู้เป็นมำรดำนั้น
มีควำมโศกเศร้ำตั้งแต่พลัดพรำกจำกบุตร แต่ต่อมำสำมำรถหักห้ำมใจได้ ก็ต้ังใจปฏิบัติธรรมแล้วได้
บรรลธุ รรมเป็นพระอรหนั ต์เช่นกนั
ในเหตุกำรณ์น้ี ภิกษุทั้งหลำยได้กล่ำวติเตียนพระเทวทัตและยกย่องพระพุทธองค์ว่ำ
พระเทวทัตเป็นคนพำล ไดท้ ำลำยนำงภกิ ษณุ ใี ห้ฉบิ หำย ส่วนพระพทุ ธองค์ได้เป็นที่พึ่งพิงอำศัยของนำง
ภกิ ษณุ นี นั้ ทำให้ชอ่ื เสียงในดำ้ นลบของพระเทวทัตยิง่ ปรำกฏมำกข้นึ
๑๓. พระเทวทัตกับถุลลนนั ทาภิกษณุ ี
ถุลลนันทำภิกษุณีเป็นภิกษุณีบริวำรของพระเทวทัต ถือได้ว่ำเป็นภิกษุณีรูปหน่ึงที่เป็น
อำทิกัมมิกะ ๗ ให้พระพุทธองค์บัญญัติสิกขำบทหลำยสิกขำบท นำงมีควำมเลื่อมใสในพระเทวทัต
จึงได้เข้ำมำบวชในฝ่ำยพระเทวทัต ดังนั้น เม่ือนำงไปฉันท่ีไหน ๆ ก็จะแนะนำทำยกให้ถวำยทำนแก่
ดรู ำยละเอียดใน ข.ุ ธ.อ. (ไทย) ๓/ ๗– ๓.
๗ อำทิกัมมิกะ : ผู้ทำกรรมทีแรก หมำยถึง ภิกษุหรือภิกษุณีผู้เป็นต้นบัญญัติในสิกขำบทนั้น ๆ, อ้ำง
ในพระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยุตโฺ ต), พจนานุกรมพทุ ธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท,์ หนำ้ ๔๐๗.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๗๙
พระเทวทัตและภิกษุผู้เป็นบริวำร ดังเช่นครำวหนึ่งนำงได้เป็นกุลุปิกำ ๘ ของตระกูลแห่งหน่ึง
เป็นผู้รับภัตตำหำรประจำ เม่ือคหบดีได้ตระเตรียมทำนไว้มำกมำยเพื่อพระมหำเถระมีพระอัครสำวก
เป็นต้น นำงถำมรู้ดังนั้นจึงกล่ำวกับคหบดีว่ำ เมื่อพระเถระผู้ใหญ่มีอยู่ ทำไมจึงนิมนต์พระผู้น้อยเล่ำ
เมื่อถูกถำมว่ำใครคือพระเถระผู้ใหญ่ก็ตอบว่ำ พระเทวทัต พระโกกำลิกะ พระกฏโมรกติสสกะ
พระขัณฑเทวีบุตร พระสมุททัต ในขณะท่ีนำงกำลังพูดอยู่นั้น พระมหำเถระมีพระอัครสำวกเป็นต้น
มำถึง นำงกลับพูดว่ำ ท่ำนได้นิมนต์พระมหำเถระแล้ว คหบดีจึงได้กล่ำวตำหนินำงแล้วขับออกจำก
เรือน และยกเลิกภัตตำหำรท่ีถวำยประจำ ภิกษุทั้งหลำยเม่ือทรำบควำมนั้น ก็ได้กล่ำวติเตียน
พระเทวทตั วำ่ “พระเทวทัต รู้อยู่ ทำไมจึงฉันบิณฑบำตท่ีภิกษุณีแนะนำให้ถวำยเล่ำ” แล้วนำควำมไป
กรำบทูลพระพุทธองค์ พระองค์ทรงบัญญัติสิกขำบทห้ำมไม่ให้ภิกษุฉันบิณฑบำตท่ีภิกษุณีแนะนำ
ถวำย ๙
และอีกครง้ั หนึ่ง ถลุ ลนนั ทำภิกษุณีน้ัน ได้นิมนต์พระเถระทั้งหลำยมำประชุมกันด้วยกล่ำว
วำ่ จักบวชสกิ ขมำนำ ๐ คร้ันเห็นอำหำรมำกมำย กลับบอกว่ำ ดิฉันจักยังไม่บวชสิกขมำนำก่อน และ
ให้พระเถระทั้งหลำยกลับ แล้วนิมนต์พระเทวทัต พระโกกำลิกะ พระกฏโมรกติสสกะ พระขัณฑเทวี
บุตร และพระสมุททัตมำประชุมกันบวชสิกขมำนำ ภิกษุณีท้ังหลำยได้ตำหนินำงแล้วกรำบทูลให้พระ
พุทธองค์ทรงทรำบ พระองค์ทรงบญั ญัตสิ กิ ขำบทห้ำมมใิ ห้ภิกษณุ ีบวชสกิ ขมำนำดว้ ยให้ฉันทะค้ำง
๑๔. พระเทวทัตกบั พระเจ้าสุปปพุทธะ
เจ้ำศำกยะพระนำมว่ำสุปปพุทธะ มีควำมเก่ียวข้องโดยตรงกับพระเทวทัตในฐำนะเป็น
พระบดิ ำ ซง่ึ พระองค์ทรงผกู ควำมอำฆำตตอ่ พระพุทธองค์ดว้ ยเหตุ ประกำรคือ พระพุทธองค์ทรงทิ้ง
๘ กุลุปิกำ : ผู้เข้ำถึงสกุล, ภิกษุณีท่ีคุ้นเคยสนิท ไปมำหำสู่ประจำของตระกูล, ภิกษุณีที่เขำอุปถัมภ์
และเป็นทป่ี รึกษำประจำของครอบครัว, อ้ำงในพระธรรมปฎิ ก (ป.อ.ปยตุ โฺ ต), พจนานุกรมพทุ ธศาสน์ ฉบับประมวล
ศพั ท,์ หน้ำ .
๙ ดูรำยละเอยี ดใน วิ.จู. (ไทย) / ๙ – ๙๗/๔ –๔ ๗.
๐ สิกขมำนำ หมำยถึง นำงผู้กำลังศึกษำ, สำมเณรีผู้มีอำยุถึง ๘ ปีแล้ว อีก ปีจะครบบวชเป็น
ภิกษุณี ภิกษุณีสงฆ์สวดให้สิกขำสมมติ คือ ตกลงให้สมำทำนสิกขำบท ประกำร ตั้งแต่ข้อ ปำณำติปำตำเวรมณี
จนถึงข้อ วิกำลโภชนำ เวรมณี ให้รักษำอย่ำงเคร่งครัดไม่ขำดเลย ตลอดเวลำ ปีเต็ม (ถ้ำล่วงข้อใดข้อหนึ่ง ต้อง
สมำทำนตั้งต้นไปใหม่อีก ปี) ครบ ปี ภิกษุณีสงฆ์จึงทำพิธีอุปสมบทให้ ขณะท่ีสมำทำนสิกขำบท ประกำร
อยำ่ งเคร่งครดั น้ี เรียกวำ่ นำงสกิ ขมำนำ - พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตฺโต), พจนานกุ รมพทุ ธศาสน์ ฉบบั ประมวลศัพท์
, หน้ำ ๓๓๘–๓๓๙.
ดูรำยละเอียดใน ว.ิ จู. (ไทย) ๓/ – ๙/ ๗๐– ๗ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๘๐
พระธิดำของพระองค์ออกบวชประกำร ให้พระโอรสของพระองค์บวชแล้วต้ังไว้ในฐำนะแห่งศัตรู
ประกำร เม่ือสบโอกำสที่พระพุทธองค์จะเสด็จผ่ำนทำงไปยังสถำนที่ที่ทำยกนิมนต์ จึงนั่งเสวย
น้ำจัณฑ์ขวำงทำงเสด็จของพระองค์ แม้รำชบุรุษจะทูลบอกอย่ำงไรก็ไม่ทรงเช่ือฟัง พระพุทธองค์ไม่
สำมำรถเสด็จไปยังที่นิมนต์ได้จึงเสด็จกลับแล้วตรัสกับพระอำนนท์ว่ำ พระเจ้ำสุปปพุทธะนี้ทำกรรม
หนักย่ิง จักถูกแผ่นดินสูบในวันที่ ๗ นับจำกวันน้ี ณ ท่ีใกล้เชิงบันไดภำยใต้ปรำสำท ฝ่ำยพระเจ้ำ
สปุ ปพทุ ธะนน้ั ไดส้ ง่ รำชบรุ ุษไปสอดแนม เมอื่ รำชบรุ ุษมำกรำบทลู เรอ่ื งนั้น จึงดำริว่ำ พระพุทธองค์ตรัส
คำใด คำน้ันจักเป็นจริงแน่แท้ แต่วันนี้ เรื่องจักไม่เป็นดังน้ัน ตนจะได้ช่องจับโกหกพระพุทธองค์น้ัน
จึงเสด็จข้ึนไปบนปรำสำทช้ันเจ็ด ให้ชักบันไดออกทั้งหมด ปิดประตู ต้ังคนดูแลรักษำที่ประตูทุกช้ัน ๆ
ละ คน โดยกำชับว่ำ ถ้ำพระองคท์ รงเผลอจะลงไปขำ้ งลำ่ ง กใ็ ห้ห้ำมไว้ แล้วก็ประทับอยู่บนปรำสำท
น้ัน กระทั่งเวลำผ่ำนไปถึงวันท่ี ๗ เวลำพร้อมกันกับที่พระเจ้ำสุปปพุทธะปิดทำงแก่พระพุทธองค์ ม้ำ
มงคลของพระองค์ซึ่งอยู่ภำยใต้ปรำสำทเกิดคึกคะนองขึ้น พระองค์ได้สดับเสียงจึงทอดพระเนตรมอง
ม้ำน้ัน เม่ือม้ำเห็นพระองค์เข้ำก็หยุดน่ิง พระองค์ประสงค์จะจับม้ำจึงบ่ำยพระพักตร์ไปทำงประตู
ประตูเปิดเอง และบันไดก็กลับตั้งอยู่ตำมเดิม คนดูแลรักษำในทุก ๆ ชั้นก็จับพระองค์ผลักให้ตกลงไป
ในภำยใต้จนถึงพื้นดิน พอสักว่ำพระองค์ทรงเหยียบพ้ืนดินเท่ำน้ัน พระองค์ก็ถูกแผ่นดินสูบจน
สนิ้ พระชนม์ แลว้ ได้บังเกิดในอเวจีมหำนรก
เม่ือกล่ำวถึงผู้ท่ีถูกแผ่นดินสูบ ก็จะได้กล่ำวถึงพอสังเขป ในคัมภีร์พระพุทธศำสนำ ๓ ได้
กล่ำวถึงผู้ที่ถกู แผ่นดินสบู ไว้วำ่ มีด้วยกันท้ังหมด ๕ คน ๔ คือ
. พระเทวทัต
. พระเจ้ำสปุ ปพุทธะ
๓. นำงจิญจมำณวิกำ ๕
๔. นนั ทมำณพ
ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ธ.อ. (ไทย) ๕/ – .
๓ มลิ ินฺท. (ไทย) หน้ำ ๓ .
๔ ในคัมภีร์อรรถกถำได้กล่ำวถึงตระกูลอุปัฏฐำกของพระเทวทัต ๕๐๐ ตระกูลได้ถูกแผ่นดินสูบ แต่
ไม่ไดก้ ลำ่ วเร่ืองรำวไว้ชดั เจน ดงั นั้นจึงไม่ไดน้ บั รวมไว้ในที่น้ี, ดใู นกปชิ ำดก - ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕๘/ ๙๗–๓๐๔, ข.ุ ชำ.อ.
(ไทย) ๐/ ๓๐– ๔๓.
๕ ดูรำยละเอยี ดใน ข.ุ ธ.อ. (ไทย) /๗๔–๘ , ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/ ๘๙– ๙ .
ดูรำยละเอียดใน ข.ุ ธ.อ. (ไทย) / ๔– ๘.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๘
๕. นนั ทยกั ษ์ ๗
๑๕. พระเทวทัตกับอชาตศัตรูกุมาร
อชำตศตั รกู มุ ำร เป็นพระโอรสของพระเจ้ำพิมพิสำรในกรุงรำชคฤห์ พระเทวทัตได้มีควำม
เก่ียวข้องกับอชำตศัตรูในครำวท่ีท่ำนแสวงหำคนผู้ท่ีจะมำเป็นอุปัฏฐำกของตน ครำวแรกนึกถึงพระ
เจ้ำพิมพิสำร เม่ือรู้ว่ำพระองค์เป็นพระโสดำบัน ก็คิดว่ำพระองค์คงจะไม่สำเร็จเป็นแน่ จึงแสวงหำคน
อื่น ก็ไดเ้ ล็งเหน็ อชำตศตั รูกมุ ำร ครั้นเห็นวำ่ คงจกั สำเร็จแน่นอน จึงไปแสดงอิทธิปำฏิหำริย์ให้แก่อชำต
ศตั รกู ุมำรดู พระกุมำรทรงเลื่อมใสในอิทธิปำฏิหำริย์นั้นเป็นอย่ำงย่ิง ได้บริจำคทรัพย์สร้ำงวิหำรที่คยำ
สสี ประเทศ รับสั่งใหน้ ำภตั ตำหำรประจำ ๕๐๐ หำบไปถวำย พร้อมทั้งเสด็จไปอุปัฏฐำกท่ำนทั้งเช้ำท้ัง
เยน็ พร้อมขบวนรถ ๕๐๐ คันทุก ๆ วนั
ต่อมำ พระเทวทัตเม่ือมีลำภและสักกำระมำก ก็ถูกควำมคิดช่ัวครอบงำ จึงได้เข้ำไปเฝ้ำ
พระกุมำรแลว้ ถวำยพระพรวำ่ เมือ่ ก่อนมนษุ ย์มอี ำยุยืน แต่บัดนี้มีอำยุน้อย ดังน้ัน พระองค์จึงควรท่ีจะ
ปลงพระชนม์พระรำชบิดำแล้วข้ึนเป็นพระเจ้ำแผ่นดิน ส่วนตนเองจะปลงพระชนม์พระพุทธองค์แล้ว
เป็นพระพุทธเจ้ำแทน พระกุมำรก็ทรงเช่ือคำของท่ำนจึงได้เหน็บพระแสงกริชเข้ำไปหำพระรำชบิดำ
พวกรำชบรุ ุษจบั ได้ จงึ ทลู ถำมวำ่ ใครเป็นผ้ยู ยุ ง เมอื่ ได้รับคำตอบว่ำ พระเทวทตั ยุยง จึงมำปรึกษำกันว่ำ
จะทำอย่ำงไร มหำอำมำตย์บำงพวกลงมติว่ำ ควรปลงพระชนม์พระกุมำร ฆ่ำพระเทวทัต ฆ่ำภิกษุ
ทั้งหมด บำงพวกลงมติว่ำ ไม่ควรฆ่ำภิกษุท้ังหลำย เพรำะพวกภิกษุไม่มีควำมผิดอะไร ควรปลงพระ
ชนม์พระกุมำรและฆ่ำพระเทวทัตเท่ำน้ัน บำงพวกลงมติว่ำ ไม่ควรจะฆ่ำใครเลย แต่ควรจะกรำบทูล
พระรำชำแล้วปฏิบัติตำมท่ีพระองค์รับสั่ง เมื่อเหล่ำมหำอำมำตย์คุมพระกุมำรไปเฝ้ำพระรำชำแล้ว
กรำบทูลเร่ืองนั้นให้ทรงทรำบ พระองค์จึงได้ตรัสว่ำ ท่ำนทั้งหลำย พระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์
จะเก่ียวอะไร พระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้ทำปกำสนียกรรมแก่พระเทวทัตแล้วมิใช่หรือ แล้วรับสั่งถำม
อชำตศัตรูกุมำรว่ำ ต้องกำรปลงพระชนม์พระองค์เพื่ออะไร เม่ือทรงทรำบว่ำต้องกำรรำชสมบัติจึงได้
พระรำชทำนรำชสมบัติให้ เมื่อพระกุมำรได้เป็นพระรำชำก็นำเร่ืองน้ันไปบอกแก่พระเทวทัต ท่ำนก็
ยยุ งไมใ่ หว้ ำงพระทยั ในพระเจำ้ พิมพสิ ำร เพรำะพระเจ้ำพิมพสิ ำรอำจจะจับพระองค์แล้วขึ้นครองรำชย์
เหมือนดังเดิม สมควรท่ีจะปลงพระชนม์พระเจ้ำพิมพิสำรจึงจะปลอดภัยที่สุด พระองค์ตรัสว่ำ
พระรำชบิดำของพระองค์ไม่สมควรจะถูกปลงพระชนม์ด้วยศำสตรำ ท่ำนจึงถวำยพระพรว่ำ จงให้
๗ ขุ.อุ. (ไทย) ๕/๓๔/ ๔, ขุ.อุ.อ. (ไทย) ๔๔/๔ ๗–๔๓ , ม.อุ.อ. (ไทย) /๓๐, วิสุทธิ. (ไทย)
/ ๐๕.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๘
พระองค์ส้ินพระชนม์ด้วยกำรอดพระกระยำหำร พระเจ้ำอชำตศัตรูจึงตรัสรับสั่งให้ขังพระรำชบิดำไว้
และรับสั่งห้ำมผู้อื่นเข้ำเยี่ยมเว้นแต่พระรำชมำรดำ ฝ่ำยพระรำชเทวีก็ทรงนำพระกระยำหำรเข้ำไปให้
พระเจ้ำพิมพิสำรเสวย เมื่อพระเจ้ำอชำตศัตรูทรงทรำบเข้ำ จึงรับสั่งห้ำมพระรำชมำรดำเข้ำเย่ียม
พระเจ้ำพิมพิสำรทรงอดพระกระยำหำร แต่ยังพระวรกำยให้เป็นไปได้ด้วยกำรเสด็จจงกรม
เมอ่ื พระเจำ้ อชำตศตั รูทรงทรำบ จึงรบั สั่งให้ช่ำงกัลบกใช้มีดโกนกรีดพระบำทของพระรำชบิดำแล้วทำ
ดว้ ยน้ำมนั ผสมเกลือแล้วรมด้วยถ่ำนไม้ตะเคียน ๘ พระเจ้ำพิมพิสำรเกิดเวทนำอันสำหัสทรงระลึกถึง
คุณของพระรัตนตรยั อยำ่ งเดียว แล้วเสด็จจตุ ไิ ปบงั เกิดเปน็ ยักษช์ อ่ื ว่ำชนวสภะ เปน็ ผู้บำรุงท้ำวเวสสุวรรณ
ในเทวโลกชัน้ จำตมุ มหำรำช ๙
ฝ่ำยพระเจ้ำอชำตศัตรูเม่ือได้เสด็จข้ึนครองรำชย์แล้ว ก็ส่งนำยขมังธนูและให้ปล่อยช้ำง
นำฬำคีรีเพื่อไปปลงพระชนม์พระพุทธองค์ตำมคำของพระเทวทัต ข่ำวได้แพร่หลำยไปในพระนคร
พวกมหำชนได้โจษจนั กันวำ่ พระเจำ้ อชำตศัตรูไดเ้ ที่ยวสมคบกับพระเทวทัตซึ่งเป็นคนชั่ว เม่ือพระองค์
ได้สดับถอ้ ยคำของมหำชนแล้ว จงึ ใหเ้ ลกิ ภตั ตำหำรประจำ ๕๐๐ สำรับแล้วก็มิได้เสด็จไปยังท่ีอุปัฏฐำก
ของพระเทวทัตอีกเลย ๓๐
ต่อมำ เมื่อพระองค์ได้สดับว่ำ พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบก็ทรงหวำดกลัวว่ำพระองค์จะ
ได้รับบำปกรรมเช่นเดียวกัน จึงไม่ได้มีควำมสบำยใจในสิริรำชสมบัติเลย ทรงหวำดผวำตลอดเวลำ
ทรงมีประสงค์จะขอขมำโทษพระพุทธองค์ จึงเสด็จไปหำพระองค์พร้อมกับหมอชีวกแล้วกรำบทูลขอ
ขมำโทษพระองค์ พระองค์ได้แสดงธรรมให้ฟังจนพระเจ้ำอชำตศัตรูมีควำมเลื่อมใสแล้วแสดงตนเป็น
พทุ ธมำมกะ แตน่ ัน้ มำ พระองค์ก็ได้เสดจ็ ไปหำพระพุทธองค์อย่ำงสม่ำเสมอ พร้อมทั้งถวำยทำน รักษำ
๘ คมั ภีรม์ งั คลทีปนีได้เล่ำบุพกรรมของพระเจ้ำพิมพิสำรไว้ว่ำ ในกำลก่อน พระรำชำทรงสวมฉลองพระ
บำทในลำนพระเจดยี ์ อนั เป็นสถำนที่บูชำด้วยสักกำระมีของหอมและดอกไม้เป็นต้น อำจำรย์บำงพวกกล่ำวว่ำ พระองค์
เอำพระบำทซ่ึงมิได้ชำระเหยยี บเสอื่ ลำแพนทเี่ ขำปไู ว้เพือ่ ตอ้ งกำรเปน็ ที่นง่ั ของภิกษุสงฆ์ - มงฺคล. (ไทย) /๕๘.
๙ ควำมจริง พระเจ้ำพิมพิสำรเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระโสดำบัน จะเสด็จไปบังเกิดเป็นเทพเจ้ำใน
สรวงสวรรคช์ ้นั สงู กวำ่ นกี้ ไ็ ด้ แต่ที่พระองค์เสด็จมำบงั เกิดในสวรรค์ช้นั ต่ำนี้ กเ็ พรำะพระองค์เคยอยู่ท่ีน่ีมำก่อน และมี
พระทยั ปรำรถนำจะอยทู่ ี่น่ีนัน่ เอง, อำ้ งในพระธรรมธีรรำชมหำมนุ ี, โลกทีปนี, (กรุงเทพมหำนคร : โรงพิมพ์มหำจุฬำ
ลงกรณรำชวิทยำลัย, ๕๓๕), หน้ำ ๕ .
๓๐ ดูรำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๓๙–๓๔ / ๘๕– ๘๗, ที.สี. (ไทย) ๙/ ๕๐– ๕๓/๔๘–๘ ,
มงคฺ ล. (ไทย) /๕๔–๕๙.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๘๓
ศีล และสดับธรรมกถำเนืองนิตย์ และได้เป็นอุบำสกปุถุชนที่ถึงไตรสรณคมน์อย่ำงหนักแน่นที่สุด ๓
ทรงรบั เป็นพระบรมรำชูปถัมภ์ในกำรสังคำยนำพระธรรมวินัยครั้งแรก แต่ด้วยอำนำจแห่งกรรมชั่วคือ
ปิตุฆำต ซ่ึงถือว่ำเป็นอนันตริยกรรม ทำให้พระองค์ต้องไปอุบัติในโลหกุมภีนรกจนครบ ๐,๐๐๐ ปี
จงึ จะไดก้ ลบั มำเกิดเปน็ มนุษย์ ในชำตสิ ุดท้ำยจักได้เปน็ พระปัจเจกพุทธเจ้ำนำมวำ่ ชวี ติ วเิ สส ๓
ในแง่ควำมสงสัยท่ีว่ำ พระเทวทัตยุยงให้พระเจ้ำอชำตศัตรูปลงพระชนม์พระเจ้ำพิมพิสำร
แลว้ ทำไมไมป่ รับปำรำชกิ แก่พระเทวทัตเลำ่
ในเรื่องน้ี ผู้วิจัยมีควำมเห็นว่ำ พระเทวทัตมิได้ต้องอำบัติปำรำชิก เพรำะไม่สมบูรณ์ด้วย
องค์แห่งปำรำชิก เพรำะพระเทวทัตได้ส่ังให้พระเจ้ำอชำตศัตรูปลงพระชนม์พระเจ้ำพิมพิสำรด้วยกำร
ให้อดพระกระยำหำร แตพ่ ระเจ้ำพิมพิสำรสวรรคตดว้ ยกำรถกู รำชบุรษุ ใช้มีดโกนผ่ำฝ่ำพระบำททั้งสอง
ข้ำงทำให้เกิดทุกขเวทนำอย่ำงสำหัสจนทนไม่ได้จึงเสด็จสวรรคต เป็นกำรทำให้เสียกำรนัดหมำยและ
เสยี นมิ ติ ไป ดงั บทมำตกิ ำวิภังค์ ซ่งึ วำ่ ด้วย อำณัตติกประโยค (กำรทำกำรนดั หมำย) ว่ำ
ที่ช่ือว่ำ กำรนัดหมำย ได้แก่ภิกษุทำกำรนัดหมำยว่ำ จงปลงชีวิตเขำเสียตำมคำนัดหมำย
นัน้ ในเวลำเชำ้ หรือในเวลำเย็น ในเวลำกลำงคนื หรือกลำงวัน ดังนี้ ต้องอำบตั ทิ ุกกฎ
เพรำะกำรนัดหมำยนั้น ภิกษุผู้รับคำส่ังปลงชีวิตเขำสำเร็จ ต้องอำบัติปำรำชิกทั้ง รูป
ปลงชีวิตบุคคลน้ันได้ก่อนหรือหลังคำนัดหมำยน้ัน ภิกษุผู้ส่ังเดิม ไม่ต้องอำบัติ ภิกษุผู้ฆ่ำ ต้องอำบัติ
ปำรำชกิ
ท่ีช่ือว่ำ กำรทำนิมิต ได้แก่ภิกษุทำนิมิตว่ำ ผมจักขยิบตำ ยักคิ้ว หรือผงกศีรษะ ท่ำนจง
ปลงชวี ิตบุคคลนนั้ ตำมนิมิตน้ัน ดงั น้ี ตอ้ งอำบตั ทิ ุกกฎ
ภิกษุผู้รับส่ัง ปลงชีวิตบุคคลน้ันสำเร็จตำมนิมิตนั้น ต้องอำบัติปำรำชิกท้ัง รูป ปลงชีวิต
เขำก่อนหรือหลงั นมิ ิตน้นั ภกิ ษุผสู้ ่งั เดิมไม่ต้องอำบัติ ภกิ ษุผูฆ้ ่ำตอ้ งอำบัติปำรำชกิ ๓๓
ดังนั้น ถ้ำยึดตำมหลักมำติกำน้ี พระเทวทัตจึงต้องเพียงอำบัติทุกกฏเท่ำน้ัน ไม่ถึงอำบัติ
ปำรำชกิ เพรำะพระเจำ้ พมิ พสิ ำรมิได้สวรรคตตำมคำสง่ั ของพระเทวทตั
๓ ดรู ำยละเอยี ดใน ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๕ / ๐๗– , ขุ.ชำ. อ. (ไทย) / ๕– ๗, ขุ.ธ.อ. (ไทย)
/ ๘ - ๘๙, มงฺคล. (ไทย) /๕๔–
๓ พระธรรมธีรรำชมหำมุนี, โลกทีปนี, หน้ำ ๕๔–๕๕.
๓๓ วิ.จู. (ไทย) / ๗๙/๓๐๓.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๘๔
เม่ือได้กล่ำวถึงอำณัตติกประโยค ก็จะได้นำมำกล่ำวไว้ตรงนี้เพ่ือเป็นประโยชน์แก่
กำรศกึ ษำดงั น้ี
อำณัตติกประโยค คือกำรใชใ้ ห้คนอืน่ ฆ่ำ มนี ิยม ข้อ เป็นเครื่องวินิจฉัยว่ำ จะล่วงละเมิด
สกิ ขำบทหรือไม่ คำวำ่ นยิ ม คอื วัตถุเครื่องกำหนดมี คือ
. นยิ มวัตถุ หมำยถงึ วัตถทุ ่ีถูกฆ่ำ มมี นุษยแ์ ละสัตวเ์ ป็นต้น
. นยิ มกำล คือ กำหนดเวลำใชฆ้ ำ่ เชน่ เวลำเช้ำ สำย บำ่ ย เย็นเปน็ ตน้
๓. นยิ มโอกำส หมำยเอำกำหนดสถำนท่ี เชน่ ในป่ำ ในบำ้ น เปน็ ต้น
๔. นยิ มเครื่องประหำร หมำยเอำเครอื่ งประหำร มีดำบ หอก เปน็ ต้น
๕. นิยมอริ ิยำบถ หมำยเอำอิริยำบถ มี กำรยนื เดิน น่งั นอน เป็นต้น
. นิยมกิรยิ ำวเิ ศษ หมำยถึง วธิ ใี ช้ฆ่ำ มี ฟนั แทง ยิง เป็นต้น
ในนิยมทัง้ น้ี เมื่อส่ังใหเ้ ขำทำแล้ว ถำ้ เขำทำถกู ตอ้ งตำมนยิ มน้นั จงึ ได้ชื่อว่ำ ลว่ งละเมิด
สกิ ขำบท แต่ถำ้ ผู้รับใช้ทำผดิ จำกนยิ มที่เขำสัง่ ไป ไม่ชอื่ ว่ำล่วงละเมิดสกิ ขำบท ๓๔
๑๖. พระเทวทัตกบั ตระกลู อุปฏั ฐาก ๕ ตระกูล
ในคัมภีร์อรรถกถำชำดกมิได้กล่ำวถึงโดยละเอียด กล่ำวแต่เพียงว่ำ ตระกูลอุปัฏฐำกของ
พระเทวทัตได้มีถึง ๕๐๐ ตระกูล ตระกูลเหล่ำน้ันพำกันเข้ำข้ำงพระเทวทัตด่ำพระพุทธองค์ จึงได้ไป
เกิดในอเวจีท้ังหมด พระเทวทัตชักจูงตระกูล ๕๐๐ ไปไว้ในนรกอเวจีด้วยประกำรฉะนี้ เหล่ำภิกษุได้
กรำบทลู เรอ่ื งนั้นแด่พระพุทธองค์ พระองค์จึงตรัสว่ำ ภิกษุทั้งหลำย มิใช่แต่บัดนี้เท่ำน้ัน ที่พระเทวทัต
หมกมุ่นในลำภและสักกำระ ไม่มองดูภัยในอนำคต แม้ในกำลก่อน ก็ไม่มองดูภัยในอนำคต ถึงควำม
พินำศใหญ่หลวงกับบริวำรเป็นอันมำก เพรำะแสวงหำควำมสุขเฉพำะหน้ำ ดังน้ีแล้วตรัสสมุททวำณิช
ชำดกให้ภิกษุทัง้ หลำยฟงั ๓๕
๑๗. พระเทวทัตกับนายขมงั ธนู
เมื่อพระเจ้ำอชำตศัตรูทรงเล่ือมใสพระเทวทัต ทรงนำลำภและสักกำระมำถวำยเป็นอัน
มำก พระเทวทัตถูกลำภและสักกำระครอบงำ เกิดควำมคิดที่จะปลงพระชนม์พระพุทธองค์ จึงเข้ำไป
เฝ้ำพระรำชำแลว้ ถวำยพระพรว่ำ มโนรถของพระองค์ถึงที่สุดแล้ว ส่วนมโนรถของตนเองยังไม่ถึงท่ีสุด
แล้วขอนำยขมังธนูเพื่อให้ไปปลงพระชนม์พระพุทธองค์ พระรำชำทรงรับสั่งให้ประชุมนำยขมังธนูถึง
๓๔ วิ.อ. (ไทย) /๙๐–๙๔.
๓๕ ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) ๐/ ๓๓– ๓๔.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๘๕
๕๐๐ ตระกูล ทรงเลือกจำกคนเหล่ำนั้นเหลือ ๓ คน ตรัสสั่งให้ทำตำมคำส่ังของพระเทวทัต ท่ำน
เรียกหัวหน้ำนำยขมังธนูมำบอกว่ำ พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่ภูเขำคิชฌกูฏ เสด็จจงกรมอยู่ตรงโน้น
ให้ไปในที่น้ัน ยิงพระองค์ด้วยลูกศรอำบยำพิษให้สิ้นพระชนม์แล้วจงกลับมำทำงโน้น แล้วส่ังให้นำย
ขมังธนูซ่มุ อยู่ในทำงนน้ั คนพรอ้ มสง่ั วำ่ ให้ยงิ หัวหน้ำนำยขมงั ธนนู น้ั ให้ตำยแลว้ กลับมำทำงโน้น แล้ว
ส่ังนำยขมังธนูไปซุ่มยิงกันเป็นทอด ๆ เพ่ือฆ่ำนำยขมังธนูเป็นทอด ๆ เหตุท่ีพระเทวทัตได้จัดนำยขมัง
ธนูไว้เช่นนั้น กเ็ พอื่ ปกปดิ ผลกรรมช่วั ของตนมใิ ห้ซดั ทอดถงึ ตนได้
หัวหน้ำนำยขมังธนูได้เดินทำงไปสำนักของพระพุทธองค์ตำมคำส่ังของพระเทวทัต เม่ือ
เห็นพระองค์แล้วก็ยกธนูข้ึนหมำยจะยิง แต่ไม่สำมำรถปล่อยลูกธนูออกไปได้ เพรำะพระพุทธองค์ทรง
ใช้ปำฏิหำริย์ทำให้นำยขมังธนูน้ันยิงไม่ได้ เม่ือเขำไม่สำมำรถจะปล่อยธนูได้ จะลดมือลงก็ไม่ได้ ทำให้
ทรมำนเป็นอย่ำงย่ิง เกิดควำมกลัวจึงได้ร้องขึ้นมำ พระพุทธองค์ทอดพระเนตรเห็นดังน้ันก็ทรงเปล่ง
วำจำตรัสปลอบให้หำยกลัว และเรียกให้มำหำ นำยขมังธนูจึงท้ิงอำวุธแล้วกรำบลงแทบพระบำทของ
พระพทุ ธองค์ กรำบทูลขอขมำโทษ พระองค์จึงแสดงธรรมให้ฟังจนเขำได้บรรลุโสดำปัตติผล แล้วออก
บวชในเวลำต่อมำ นำยขมังธนูท่ีเหลือ ต่อมำก็ได้เข้ำไปเฝ้ำพระพุทธองค์และฟังธรรมท่ีพระองค์แสดง
ใหฟ้ ังก็มคี วำมเลือ่ มใส จึงเสด็จออกบรรพชำอปุ สมบทแล้วบรรลุอรหตั ผลทุกรปู ๓
นำยขมังธนูเหล่ำน้ี เม่ือเร่ิมแรกท่ีเกี่ยวข้องกับพระเทวทัต ก็ถูกพระเทวทัตชักจูงไปในทำง
เสียหำย แต่ได้พระพุทธองค์เป็นกัลยำณมิตร จึงได้รอดพ้นจำกอันตรำย และท้ำยที่สุดก็ได้บรรลุส่ิง
ประเสรฐิ คือพระอรหัตผล ดงั น้ัน กถ็ ือได้ว่ำ ท่ำนเหล่ำนี้ เปน็ ผู้มตี ้นคดแตป่ ลำยตรง
๑๘. พระเทวทตั กบั นายหตั ถาจารย์
พระเทวทตั ได้ส่งนำยขมังธนูเพื่อปลงพระชนม์พระพุทธองค์แต่ไม่สำเร็จ จึงข้ึนไปบนภูเขำคิชฌกูฏเพื่อ
กล้ิงศิลำก็ไม่สำเร็จอีก จึงได้เข้ำไปขอให้พระรำชำปล่อยช้ำงนำฬำคีรีไปในระหว่ำงหนทำงท่ีพระพุทธ
องค์เสด็จไปบิณฑบำต พระรำชำทรงรับสั่งให้เรียกนำยหัตถำจำรย์ หรือ นำยควำญช้ำง มำเฝ้ำ แล้ว
ทรงบัญชำให้นำยหัตถำจำรย์เหล่ำนั้นมอมเหล้ำช้ำงนำฬำคีรีให้มึนเมำแล้วปล่อยไปบนหนทำงท่ีพระ
พทุ ธองค์เสดจ็ มำแต่เชำ้ ฝ่ำยพระเทวทตั ไปยังโรงช้ำง กล่ำวกับนำยหัตถำจำรย์ว่ำ ตนเองเป็นญำติของ
พระรำชำ สำมำรถท่จี ะแต่งต้ังผู้อยู่ในตำแหน่งต่ำไว้ในตำแหน่งสูง สำมำรถเพิ่มเบี้ยเล้ียงและเงินเดือน
ได้ ถ้ำพวกเธอต้องกำรยศ พร่งุ นี้เชำ้ กจ็ งช่วยกันเอำเหลำ้ อย่ำงแรงมอมช้ำงนำฬำคีรีให้ได้ หม้อจน
๓ ดูรำยละเอียดใน ว.ิ จู. (ไทย) ๗/๓๔๐/ ๔๗– ๕๐, ขุ.ชำ.อ. (ไทย) ๔/ ๔๙– ๕ , ขุ.ธ.อ. (ไทย)
/ ๘๘.
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั
๘
เมำ ถึงเวลำท่ีพระพุทธองค์เสด็จมำ จงช่วยกันแทงช้ำงด้วยปลำยหอกซัด ยั่วยุให้มันอำละวำดให้
ทำลำยโรงช้ำง ช่วยกันล่อให้มุ่งหน้ำตรงไปในหนทำงที่พระพุทธองค์เสด็จมำ แล้วปลงพระชนม์ให้
พระองค์ส้ินพระชนม์ รุ่งขึ้น พระรำชำให้รำชบุรุษเที่ยวตีกลองประกำศไปทั่วพระนครว่ำ พรุ่งนี้ นำย
หัตถำจำรย์จักมอมเหล้ำช้ำงนำฬำคีรีให้มึนเมำแล้วจักปล่อยไปในพระนคร ชำวเมืองท้ังหมดอย่ำเดิน
ออกมำในระหว่ำงหนทำง เมอื่ แลเห็นพระพุทธองค์เสด็จดำเนินถึงถนนน้ัน นำยหัตถำจำรย์เหล่ำนั้นได้
ปฏิบัตติ ำมพระเทวทัตสัง่ แต่ก็ไม่สำมำรถปลงพระชนม์พระพทุ ธองคไ์ ดเ้ ลย ๓๗
๑๙. พระเทวทตั กับสัตวด์ ิรัจฉาน
พระเทวทัตมีควำมเกี่ยวข้องกับสัตว์ดิรัจฉำนอยู่ เหตุกำรณ์คือ เหตุกำรณ์แรก ตอนที่
พระเทวทัตยิงหงส์ และเหตุกำรณ์ที่พระเทวทัตได้ปล่อยช้ำงนำฬำคีรีเพื่อจะให้ปลงพระชนม์
พระพทุ ธองค์ ซึ่งจะกลำ่ วต่อไป
เม่ือพระเทวทัตประสงค์จะปลงพระชนม์พระพุทธองค์จึงได้ส่งนำยขมังธนูไปเพ่ือปลง
พระชนม์แต่ไม่สำเร็จ จึงคิดว่ำ ใคร ๆ เห็นพระรูปโฉมของพระพุทธองค์ซ่ึงเป็นที่น่ำเล่ือมใส ถ้ำเป็น
มนุษย์ก็ไม่อำจท่ีจะเข้ำไปทำร้ำยได้ แต่พระรำชำมีช้ำงทรงชื่อว่ำนำฬำคีรีอยู่ ช้ำงน้ันเป็นช้ำงที่ดุร้ำย
สำมำรถฆ่ำมนุษย์ได้ เมื่อไม่รู้จักคุณพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ ก็จักให้พระพุทธองค์น้ัน
ส้ินพระชนม์ได้ จึงขอให้พระเจ้ำอชำตศัตรูปล่อยช้ำงนำฬำคีรี พระรำชำได้ทรงทำตำมคำพระเทวทัต
ฝ่ำยพระเทวทัตเข้ำไปหำยนำยหัตถำจำรย์ก็ถำมว่ำ ในวันอ่ืน ๆ ช้ำงนำฬำคีรีดื่มสุรำกี่หม้อ เม่ือทรำบ
วำ่ ๘ หมอ้ จึงบอกวำ่ พรุง่ นี้จงให้ช้ำงนั้นด่ืมเพิ่มข้ึนเป็น หม้อแล้วปล่อยให้มุ่งหน้ำไปตำมหนทำงท่ี
พระพุทธองค์เสด็จผ่ำนมำ นำยหัตถำจำรย์น้ันก็รับคำ รุ่งขึ้นก็ได้มอมเหล้ำช้ำงนำฬำคีรีแล้วปล่อยไป
บนถนนท่ีพระพุทธองค์เสด็จมำเพ่ือบิณฑบำตพร้อมกับหมู่ภิกษุ ช้ำงนำฬำคีรีพอเห็นพระพุทธองค์
เสด็จมำเท่ำน้ัน ก็ได้ยกงวงขึ้นชู หูกำงหำงชี้ วิ่งร่ีไปทำงพระพุทธองค์ ประหนึ่งภูเขำเอียงเข้ำทับ
พระองค์ ภิกษุทั้งหลำยเห็นดังน้ัน จึงกรำบทูลให้พระองค์เสด็จกลับ แต่พระองค์ตรัสว่ำ ภิกษุท้ังหลำย
มำเถิด พวกเธออย่ำกลัวไปเลย ภิกษุท้ังหลำย ไม่ใช่ฐำนะ ไม่ใช่โอกำสที่จะปลงชีวิตตถำคตด้วยควำม
พยำยำมของผ้อู ่ืน ภกิ ษทุ ัง้ หลำย พระตถำคตทั้งหลำยจะไม่ปรินิพพำนด้วยควำมพยำยำมของผู้อื่น ๓๘
พระมหำเถระท้ังหลำยทูลขอโอกำสพระองค์ขอทรมำนช้ำงนำฬำคีรี แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญำต เวลำ
นนั้ มนุษย์ทงั้ หลำยมีควำมคิดเป็นสองฝ่ำย ฝ่ำยหน่ึงก็คิดว่ำพระพุทธองค์จะถูกช้ำงปลงพระชนม์ ส่วน
๓๗ ดูรำยละเอียดใน ว.ิ จู. (ไทย) ๗/๓๔ / ๙๕– ๙๗, ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) /๓๓๗–๓๓๙.
๓๘ วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๗ / ๙ .
หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั