The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระปลัดกำพล ปญญาวุฒฺโต
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต 2556

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kunnisa sy, 2021-04-30 06:20:41

การวิเคราะห์กรรมของพระเทวทัตที่ปรากฎในพุทธศาสนาเถรวาท

พระปลัดกำพล ปญญาวุฒฺโต
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต 2556

Keywords: กรรม,พระเทวทัต

๘๗

อีกฝ่ำยหนึ่งที่มีศรัทธำ เป็นบัณฑิตก็คิดว่ำจักดูลีลำของพระพุทธองค์ เม่ือช้ำงนำฬำคีรีได้เข้ำมำใกล้
พระอำนนท์ไม่สำมำรถทนน่ิงอยู่ได้จึงสละชีวิตออกมำยืนขวำงข้ำงหน้ำ พระพุทธองค์รับส่ังให้พระ
อำนนท์ถอยกลับมำแล้วทรงแผ่เมตตำไปยังช้ำงนำฬำคีรี ทรงเปล่งพระสุรเสียงอันไพเรำะย่ิงนักดุจ
เสียงพรหม ช้ำงนำฬำคีรีพอได้ยินพระดำรัสของพระพุทธองค์เท่ำนั้น ก็ลืมตำขึ้นดูพระรูปอันเป็นสิริ
ของพระองค์ กลบั ไดค้ วำมสงั เวชใจ หำยเมำสุรำด้วยเดชแห่งพระพุทธองค์ ลดงวงและหูท้ังสองข้ำงไป
หมอบอยแู่ ทบพระบำทของพระองค์ พระองค์จึงได้ตรัสกับช้ำงนำฬำคีรีว่ำ ต้ังแต่น้ีไป เธอจงอย่ำดุร้ำย
อยำ่ หยำบคำย อย่ำฆ่ำมนุษย์ แล้วแผเ่ มตตำจิตทรงเหยียดพระหัตถ์เบ้ืองขวำออกไปลูบท่ีกระพองแล้ว
ตรสั พระคำถำนีว้ ่ำ

กุญชรเอย๋ เจ้ำอย่ำคิดเข้ำมำทำรำ้ ยพระพุทธเจำ้
กุญชรเอ๋ย กำรคิดเข้ำมำทำร้ำยพระพทุ ธเจ้ำทัง้ หลำย
เป็นเหตแุ หง่ ควำมทุกข์
กุญชรเอ๋ย ผฆู้ ่ำพระพุทธเจ้ำ
จำกชำตนิ ไ้ี ปสู่ชำติหน้ำจะไมม่ ีสุคตภิ มู เิ ลย
เจำ้ อยำ่ มัวเมำ อย่ำประมำท
เพรำะคนผ้ปู ระมำทแล้วยอ่ มไมไ่ ปสคุ ติ
เจำ้ นแ่ี หละจกั กระทำเหตใุ ห้เจ้ำเดินทำงไปสคุ ติ ๓๙
เมื่อพระศำสดำรับสั่งดังนี้ ปีติได้แผ่ซ่ำนไปทั่วสรีระท้ังส้ินของช้ำง ถ้ำไม่เป็นสัตว์ดิรัจฉำน
ก็จักได้บรรลุโสดำปัตติผล มนุษย์เห็นปำฏิหำริย์นั้น ต่ำงก็พำกันส่งเสียงปรบมือกันอ้ืออึง โยนอำภรณ์
ต่ำง ๆ ไปปกคลุมสรีระของช้ำง ต้ังแต่นั้นเป็นต้นมำ ช้ำงนำฬำคีรีจึงปรำกฏนำมว่ำ ธนปำลกะ
พระพทุ ธองค์ทรงให้ช้ำงธนปำลกะต้ังอยู่ในศีล ๕ ประกำร ช้ำงน้ันก็เอำงวงดูดละอองธุลีพระบำทของ
พระองค์แล้วเอำโปรยลงบนหัวของตน ย่อตัวถอยหลังออกมำยืนอยู่ในที่พอแลเห็น ถวำยบังคมพระ
พุทธองค์แล้วกลับไปยังโรงช้ำง ตั้งแต่วันน้ันมำ ช้ำงธนปำลกะนั้น ก็กลำยเป็นสัตว์ที่ได้รับกำรฝึกแล้ว
ไม่เบียดเบียนใครให้เดือดร้อนอีกเลย เหล่ำมนุษย์พำกันตำหนิพระเทวทัตว่ำเป็นคนบำป เพรำะ
พยำยำมท่ีจะปลงพระชนม์พระพุทธองค์ผู้มีฤทธิ์และอำนุภำพมำก ท้ังยังไม่ถวำยภัตตำหำรให้แก่ท่ำน
ลำภสกั กำระของพระเทวทัตจงึ เส่ือมสน้ิ ไป สว่ นลำภและสักกำระของพระพุทธองคก์ ลบั เจริญยงิ่ ข้นึ ๔๐

๓๙ ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) /๓๔ .
๔๐ ดรู ำยละเอียดใน วิ.จู. (ไทย) ๗/๓๔ / ๙๕– ๙ , ข.ุ ชำ.อ. (ไทย) /๓๓๗–๓๔๓.

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๘๘

จำกกำรศกึ ษำ ผ้วู จิ ัยได้พบว่ำพระเทวทัตไมว่ ำ่ จะคบใครก็ตำม โดยมำกจะมุ่งเอำประโยชน์
ตนเป็นท่ีต้ัง มีกุสโลบำยในกำรพูดหว่ำนล้อม แต่มักชักชวนไปในทำงอบำย อำจกล่ำวได้ว่ำ
พระเทวทัตมีลักษณะแหง่ มติ รปฏริ ปู ก์ หรอื มติ รเทยี ม (คนเทยี มมติ ร, คนที่พึงทรำบว่ำเป็นศัตรูผู้มำใน
ร่ำงมิตร) ครบทง้ั ๔ ประกำร คือ

. คนปอกลอก (อัญญทตั ถหุ ร)
. คนดีแต่พดู (วจบี รม)
๓. คนหวั ประจบ (อนปุ ปิยภำณ)ี
๔. คนชวนฉบิ หำย (อปำยสหำย) ๔
ซ่งึ เมื่อทำ่ นคบหำสมำคมกับบุคคลใด หำกบุคคลนนั้ มปี ัญญำสำมำรถท่ีจะพินิจพิจำรณำว่ำ
สงิ่ ใดถูก ส่งิ ใดผิด ส่ิงใดสมควร สิ่งใดไม่สมควร ก็หำได้ถูกพระเทวทัตชักจูงไปในทำงเสียหำยไม่ แต่ถ้ำ
บุคคลใด ไม่มีปญั ญำท่ีจะพินิจพิจำรณำรู้เหตุท่ีถูกท่ีควรแล้ว ถูกพระเทวทัตชักจูงไปในทำงเส่ือมทรำม
บคุ คลน้นั ก็มักจะประสบกับควำมฉิบหำยถำ่ ยเดยี ว
สรุปได้ว่ำ ถึงแม้พระเทวทัตจะสำนึกผิดแล้ว ตำมหลักกรรมทำงพระพุทธศำสนำ ผลของ
กรรมท่ีท่ำนก่อไว้น้ันไม่อำจจะหยุดยั้งได้ เพรำะกรรมที่ท่ำนกระทำเป็นกรรมที่ส่งผลให้ได้รับในชำติ
ปัจจุบัน ท่ำนต้องรับผลของกรรมน้ันก่อน แต่ถึงอย่ำงไรก็ตำมเมื่อท่ำนชดใช้ผลกรรมแล้วท่ำนก็จะได้
บรรลุธรรมเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ำ นำมว่ำ อัฏฐิสระในอนำคต กล่ำวอีกในหนึ่ง คือ พระเทวทัตเป็น
พระปจั เจกโพธิสัตว์ผู้ได้รบั พยำกรณ์จำกพระพุทธเจำ้ แลว้ น่ันเอง

๔ ที.ปำ. (ไทย) / ๕๔– ๕๙/ ๐๗– ๐๙, ดูรำยละเอียดใน พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต),
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม, (กรุงเทพมหำนคร : โรงพิมพ์บริษัทธรรมิก จำกัด, ๕๔ ), หน้ำ
๕๔– ๕๕.

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

บทท่ี ๔

วเิ คราะหผ์ ลกรรมของพระเทวทัตทป่ี รากฏในพระพทุ ธศาสนาเถรวาท

การวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตท่ีปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท ผู้วิจัยใช้หลัก
กรรมมาวเิ คราะห์ได้แก่

๑. กรรม ๒ ไดแ้ ก่ กุศลกรรม ๑, อกุศลกรรม ๑
๒. กรรม ๓ ไดแ้ ก่ กายกรรม ๑, วจกี รรม ๑, มโนกรรม ๑
๓. กรรม ๔ ไดแ้ ก่ กรรมดา มวี บิ ากดา ๑, กรรมขาว มวี ิบากขาว ๑, กรรมทั้งดาและขาว
มวี บิ ากทั้งดาและขาว ๑, กรรมท้งั ไมด่ าและไมข่ าว มีวิบากทั้งไม่ดาและไม่ขาว ๑
เพ่ือให้ทราบชัดถึงผลกรรมของพระเทวทัต ผู้วิจัยนาเสนอผลการวิเคราะห์ตามหลัก
กรรมดังตอ่ ไปนี้

๔.๑ วิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตในอดีตชาติ

๔.๑.๑ วเิ คราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตในอดตี ชาติตามหลักกรรม ๒
จากการศึกษากรรมของพระเทวทัตในอดีตชาติท่ีปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา
ผู้วิจัยพบว่า ข้อมูลประวัติของท่านจากชาดกต่าง ๆ ที่พระพุทธองค์ได้ปรารภเหตุเกิดขึ้นแล้วตรัสไว้
โดยมีท่านเกิดร่วมชาติด้วย ทั้งหมด ๗๘ ชาติ เม่ือวิเคราะห์ตามหลักกรรมที่ถูกต้องส่ิงที่จาเป็นนั้นคือ
ความหมายของหลักกรรม ตามพุทธพจน์ที่ว่า เจตนาห ภิกฺขเว กมฺม วทามิ “ภิกษุท้ังหลาย เรากล่าว
เจตนาว่าเป็นกรรม” หมายความว่า เจตนา คือ ตัวความคิดจงใจ เจตจานง ความตั้งจิตคิดมุ่งหมาย
นี่แหละเป็นกรรม เม่ือบุคคลจงใจ มีเจตนาอย่างใดแล้ว ก็แสดงออกมาเป็นการกระทาทางกายบ้าง
และแสดงออกมาทางวาจาบ้าง น่ีก็คือ ความหมายที่แท้จริงของกรรม เมื่อวิเคราะห์กรรมของ
พระเทวทัตตามท่ีปรากฏในชาดกต่าง ๆ ท้ัง ๗๘ ชาดก วิเคราะห์ตามกรรม ๒ ได้แก่ กุศลกรรม คือ
กรรมดี ๑, อกุศลกรรม คือ กรรมชั่ว ๑ จะเห็นได้ว่า พระเทวทัตมีเจตนาท่ีเป็นอกุศลกรรม ทั้ง ๗๘
ชาดก ผู้วิจัยขอนาเสนอการวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัติในอดีตชาติเพ่ือเป็นแนวทาง
เป็นตัวอย่างประกอบ ๓ ชาดกดังต่อไปน้ี

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๐

ในเสรีววณิชชาดก จากการวิเคราะห์ พบว่า เป็นชาติแรกที่พระเทวทัตได้ผูกอาฆาตต่อ
พระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพ่อค้าช่ือว่า เสรีวะ ประกอบกุศลกรรม คือ กรรมดี
ไม่คิดเอาเปรียบ ไม่คิดคดโกง ซื่อตรงในอาชีพการงาน ฝ่ายพระเทวทัตได้ถือกาเนิดเป็นพ่อค้าช่ือว่า
เสรวี ะ เช่นกัน แตม่ ีเจตนาท่ีเป็นอกุศลกรรม คอื กรรมช่วั ชอบเอาเปรียบ คิดคดโกง หลอกลวงซื้อขาย
สนิ ค้าของประชาชน ในวันหนึ่ง หลานสาวของยายคนหนึ่งอากได้เครื่องประดับจึงบอกกับยายแต่ยาย
ไม่มีเงิน ยายนั้นมีแต่เพียงถาดเก่าซึ่งเป็นถาดทองคา วันนั้น พระเทวทัต หรือ พ่อค้านั้นเท่ียวร้องขาย
ของอยู่ มีเคร่ืองประดับ เป็นต้น ร้องขายของไปตามถนน ยายนั้นทนหลานสาวรบเร้าเพราะความ
ต้องการอยากจะได้เครื่องประดับไม่ไหวจึงเรียกพ่อค้ามาและบอกกับพ่อค้าน้ันว่าถาดนี้พอที่จะแลก
ของอะไรได้บ้าง เม่ือพ่อคา้ จับถาดดูและใช้เข็มขีดท่ีถาดปรากฏว่าเป็นทองคา ด้วยความโลภ คิดว่าจะ
ไม่ให้อะไรแก่คนทั้งสอง จึงแกล้งทาทีท่าไม่สนใจกล่าวออกไปว่า ถาดน้ีไม่มีค่าอะไร จึงโยนลงบนพื้น
แล้วกอ็ อกไปจากที่นน้ั ฝา่ ยพ่อค้าชื่อว่า เสรีวะ ผู้ประกอบกุศลกรรม ได้เข้าไปยังถนนท่ียายและหลาน
อยู่ ร้องขายของมีเคร่ืองประดับเป็นต้น ยายนั้นพอได้ยินเสียงพูดจาอ่อนโยนของพ่อค้า จึงให้
หลานสาวเรียกพ่อค้าเข้ามา ยายย่ืนถาดให้พ่อค้าผู้ประกอบกุศลกรรม พ่อค้าพิจารณาถาดนั้นและ
บอกกับยายว่า ถาดใบนี้มีราคา ๑๐๐๐๐๐ กหาปณะ สินค้ามีค่าเท่ากับถาดทองน้ีของพ่อค้าไม่มี ยาย
จึงแลกถาดทองนั้นแก่พ่อค้าผู้ประกอบกุศลกรรม โดยพ่อค้านั้นได้มอบกหาปณะ ๕๐๐ และสินค้ามี
ราคา ๕๐๐ กหาปณะ แก่ยายและหลานแลว้ จึงหลีกไป

ดังนั้น ด้วยผลอกุศลกรรมดังกล่าว ส่งผลให้พระเทวทัต หรือ พ่อค้าผู้ ประกอบ
อกศุ ลกรรม เกิดความทุกขม์ ีความเสียดายอย่างมากในถาดทองนั้นหลังจากทราบว่าถาดทองที่ตนหวัง
อยากจะได้กลับถูกพ่อค้าผู้ประกอบกุศลกรรมได้ถาดทองนั้นไป ถึงกับหมดสติสลบล้มลงกับพ้ืน
พอฟ้นื คืนสตไิ ดท้ งิ้ เงนิ และส่ิงของเดินไปถึงฝ่ังแม่น้าเพ่ือตามหาพ่อค้านั้น เม่ือเดินไปถึงฝ่ังแม่น้าได้เห็น
พ่อค้าอยู่บนเรือกาลังแล่นไปจึงร้องเรียกให้กลับมาแต่พ่อค้าน้ันห้ามไม่ให้คนพายเรือกลับไป เม่ือ
พระเทวทัต หรือ พ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรมเห็นพ่อค้าน้ันไปแล้ว ทาให้เสียใจเป็นอย่างมากจึง
ผกู อาฆาตตอ่ พ่อค้านั้นถึงกบั เลอื ดพ่งุ ออกจากปากส้นิ ชีวิต ณ ทีต่ รงน้นั นนั่ เอง

ในสัจจังกิรชาดก จากการวิเคราะห์ พบว่า พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นฤๅษีอาศัยอยู่
ในป่าแห่งหนึ่ง ฝ่ายพระเทวทัตได้ถือกาเนิดเป็น ทุฏฐกุมาร ประกอบอกุศลกรรม คือ กรรมชั่ว เป็นผู้มี
สันดานกักขฬะหยาบคาย มีจิตผูกอาฆาต จิตใจโหดร้าย เป็นผู้อกตัญญู เมื่อไม่ได้ด่า ไม่ได้ทุบตีบริวาร
จะไม่ทรงยอมตรัสกับผู้ใด วันหน่ึง ทุฏฐกุมารปรารถนาจะทรงเล่นน้าในแม่น้าเม่ือเสด็จไปถึง ทรงรับส่ัง

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๑

ให้บริวารพาพระองค์ไปกลางแม่น้า จากความแค้นเคืองของพวกบริวารจึงปรึกษากันว่า “พระราชาจัก
ทรงทาอะไรพวกเราได้ พวกเราพาทุฏฐกุมารผู้ใจร้ายไปกลางแม่น้าและปล่อยให้จมน้าตายเสียในแม่น้า
น้ีแหละ” พวกบริวารพาทุฏฐกุมารลงไปกลางแม่น้าช่วยกันกดทุฏฐกุมารลงไปในน้าและพากันว่ายน้า
กลับข้ึนไปยืนบนฝ่ังพากันกลับไปกรุงพาราณสี ฝ่ายทุฏฐกุมารลอยไปในแม่น้าเห็นท่อนไม้ท่อนหน่ึงจึง
เกาะไว้ลอยไปตามน้าร้องไห้คร่าครวญอย่างหนัก ท่อนไม้ลอยน้ามา งู หนู และนกแขกเต้าซ่ึงหนีน้าที่
เซาะทาลายท่ีอยู่อาศัยของพวกตนว่ายน้าลอยมาอาศัยท่อนไม้ท่ีทุฏฐกุมารเกาะลอยผ่านมาและลอยผ่าน
ศาลาของฤๅษี ขณะน้ันฤๅษีกาลังเดินจงกรมอยู่ได้ยินเสียงร้องไห้ของทุฏฐกุมารด้วยความเมตตากรุณาจึง
ช่วยเหลือกุมารและบรรดาสัตว์เหล่านั้นข้ึนบนฝั่งก่อไฟและให้ ผิงไฟ ฤๅษี คิดว่า บรรดาสัตว์เหล่าน้ีมี
ความอ่อนแอกว่ากุมารจึงนาอาหารให้แก่งู หนูและนกก่อนแล้วจึงให้ทุฏฐกุมารภายหลัง ฝ่ายทุฏฐกุมาร
คิดว่า ฤๅษีผู้น้ีไม่นับถือเราผู้เป็นพระราชกุมาร กลับยกย่องพวกสัตว์ดิรัจฉาน จึงผูกอาฆาตต่อฤๅษี
ต่อจากน้ันล่วงไปได้ ๒ - ๓ วัน พระกุมารและบรรดาสัตว์เหล่านั้นมีเรี่ยวแรงเป็นปกติแล้ว น้าในแม่น้า
แห้งแล้ว งู หนูและ นกแขกเต้าไหว้ฤๅษีและกล่าวว่า “ข้าแต่พระคุณท่านผู้เจริญ พระคุณท่านได้กระทา
อุปการะอย่างใหญ่หลวงแก่พวกข้าพเจ้า พวกข้าพเจ้ามิใช่เป็นผู้ขัดสน เมื่อพระคุณท่านต้องการใช้สอย
ทรัพย์พวกข้าพเจ้ายินดีถวายทรัพย์ท้ังหมดแด่พระคุณท่าน ขอพระคุณท่านจงเรียกพวกข้าพเจ้าเถิด”
แลว้ กล็ าไป ฝา่ ยพระราชกุมารเป็นผู้ฝังใจในกรรมชว่ั เปน็ สนั ดาน คิดว่า “การท่ีเราจะไม่กล่าวอะไร ๆ บ้าง
ไปเสียเฉย ๆ ไม่เหมาะเลย เราจักฆ่าฤๅษีเสียเวลาท่ีมาหาเรา” จึงกล่าวว่า “ข้าแต่พระคุณท่านผู้เจริญ
เมื่อข้าพเจ้าดารงอยู่ในราชสมบัติ นิมนต์มาเถิด กระผมจะบารุงพระคุณท่านด้วยปัจจัย ๔” แล้วจึง
ลาฤๅษีกลับไป พระราชกุมารนั้นเสด็จไปได้ไม่นานก็ได้ครองราชสมบัติ ฝ่ายฤๅษีจะทดสอบพระราชกุมาร
จงึ ไปในพระนคร ในขณะน้นั ทุฏฐกมุ ารผูค้ รองราชย์ประทับเหนือคอช้างทอดพระเนตรเห็นฤๅษีมาแต่ไกล
ทรงดาริว่า “ฤๅษีผู้น้ี คงประสงค์จะอยู่ในสานักของเราจึงได้มา ต้องให้ราชบุรุษตัดศีรษะเสียทันที”
ทรงตรัสส่ังให้ราชบุรุษจับฤๅษีมัดมือไพร่หลังให้เฆี่ยนทุก ๔ แยก นาออกจากพระนครและตัดศีรษะฤๅษี
เอาตัวเสียบหลาวไว้ ในขณะท่ีราชบุรุษกระทาตามท่ีพระราชาตรัสสั่ง ฤๅษีได้กล่าวไปตลอดหนทางถึง
อปุ การะทตี่ นไดช้ ่วยเหลือพระราชาข้ึนจากในแม่น้าให้รอดชีวิตแต่ตนกลับถูกพระราชาผู้ประทุษร้ายมิตร
สั่งให้ราชบุรษุ จับตนเฆ่ยี นและตรัสส่ังให้ตดั ศรี ษะตน

ดังนั้น เม่ือประชาชนได้ทราบความจริงจากฤๅษีที่กล่าวไปตลอดหนทาง ด้วยผลของ
อกุศลกรรมดังกล่าว ส่งผลให้พระราชาผู้ช่ัวช้าทาร้ายมิตรถูกประชาชนใช้ธนูยิงบ้าง ใช้หอกแทงบ้าง

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๒

ใช้ก้อนหนิ ขว้างปาบ้าง ใช้ไมค้ อ้ นบา้ ง เปน็ ตน้ ทารา้ ยพระราชาและจบั เท้าของพระราชากระชากลงมา
จากคอชา้ งประชาชนจงึ ชว่ ยกันจบั พระราชาโยนทง้ิ ไปบนสันคนู ้า

ในเวสสันตรชาดก จากการวิเคราะห์ พบว่า พระเทวทัตบังเกิดเป็นพราหมณ์ชูชก
ประกอบอกุศลกรรม โดยการพูดโกหก หลอกลวง อีกท้ังยังตกอยู่ในอานาจของราคะ มีความใคร่ต่อ
นางอมิตตตาปนาผูเ้ ป็นภรรยาสาวของตน นางอมิตตตาปนาถูกบรรดาภรรยาของพราหมณ์ในหมู่บ้าน
พากันด่าทอทุบตีนาง เพราะเป็นต้นเหตุทาให้พวกนางถูกบรรดาพราหมณ์ผู้เป็นสามีด่าทอทุบตีพวก
ตน นางอมิตตตาปนาอับอายไม่กล้าออกจากบ้านจึงบอกให้พราหมณ์ชูชกเดินทางไปเขาวงกตเพ่ือขอ
พระโอรสและพระธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นทาสรับใช้ของตน ถ้าพราหมณ์ชูชกไม่ไปนางจะหา
สามีใหม่ พราหมณ์ชูชกเมื่อได้ฟังคานั้นจึงให้นางจัดแจงเสบียงอาหารเพ่ือการเดินทาง พราหมณ์ชูชก
เดินทางไปยังเขาวงกตพบพรานเจตบุตรผู้อารักขา พระเวสสันดร พราหมณ์ชูชกได้กล่าววาจา
หลอกลวงให้พรานหลงเช่ือว่าตนเป็นทูตของพระราชามาเพื่อกราบทูลพระเวสสันดรให้ทรงเสด็จ
กลับไปยังพระนคร พรานเจตบุตรจึงหลงเชื่อยอมให้พราหมณ์ชูชกเข้าไปพบพระเวสสันดร เมื่อ
พราหมณ์ชูชกเข้าไปถงึ ทีอ่ ยขู่ องพระเวสสนั ดรได้กราบทูลขอบุตรธิดาของพระองค์ พระเวสสันดรมอบ
บุตรธิดาให้แก่พราหมณ์ พราหมณ์ชูชกจึงนาเถาวัลย์มาผูกข้อมือพระโอรสและพระธิดาของพระองค์
ฉุดกระชากทุบตกี มุ ารทั้งสองน้ันให้ได้รบั ความทุกข์ ความเจบ็ ปวดทรมานจากเขาวงกตจนถึงพระนคร

ดงั นัน้ ด้วยผลของอกุศลกรรมดังกล่าว ส่งผลให้หลังจากท่ีพราหมณ์ชูชกเดินทางพาสอง
กุมารเข้าพระนคร พระเจ้าสญชัยพระราชบิดาของพระเวสสันดรจึงทรงตรัสส่ังให้บริวารนาทรัพย์สิน
เงินทองไถ่ตัวของพระกุมารท้ังสองพร้อมท้ังจัดเตรียมอาหารหวานคาวเลี้ยงดูแก่พราหมณ์ พราหมณ์
ชูชกไม่ประมาณในการบริโภค บริโภคอาหารเกินพอดีทาให้อาหารที่บริโภคเข้าไปไม่ย่อยเกิดทุกข์
เวทนาทรมานจนท้องแตกส้นิ ชีวิต ณ ที่นน้ั

๔.๑.๒ วิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตในอดีตชาติตามหลกั กรรม ๓
จากการศึกษากรรมของพระเทวทัตในอดีตชาติท่ีปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา
ผู้วิจัยวิเคราะห์ตามหลักกรรม ๓ คือ การกระทาที่ประกอบด้วยเจตนาดีหรือชั่ว สุจริตหรือทุจริต
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ ซ่ึงการกระทาท้ัง ๓ น้ี เป็นช่องทางในการทากรรมท่ีส่งผลให้ได้รับ
ความสุขหรอื ความทกุ ข์ เพอ่ื ใหท้ ราบชดั ถึงผลกรรมของพระเทวทตั ตามกรรม ๓ มดี ังนี้

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๓

จากการวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตตามหลักกรรม ๓ ในเสรีววณิชชาดก พบว่า
พระเทวทัต หรือ พ่อค้าช่ือว่า เสรีวะ ผู้ประกอบอกุศกรรม มีความประพฤติดังนี้

ทางกาย จะพบวา่ พระเทวทัต หรือ พ่อคา้ ผปู้ ระกอบอกุศลกรรม แสดงอาการหยาบคาย
ต่อยายและหลานผู้ซึ่งเป็นเจ้าของถาดเก่านั้น โดยใช้เข็มขีดลงไปบนถาดปรากฏว่าเป็นทองคา เม่ือ
ทราบว่าเปน็ ทองจึงแสรง้ ทาเป็นโยนถาดนน้ั ท้ิงลงไปบนพน้ื และเดินจากไป

ทางวาจา จะพบว่า พระเทวทัต หรือ พ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรม กล่าวคาลวง กล่าว
วาจาไม่ไพเราะ โกหก หลอกลวง ยายและหลานผู้เป็นเจ้าของถาดทอง ว่า ถาดนั้นไม่มีค่าแต่อย่างใด
โดยแทจ้ รงิ ถาดนน้ั เป็นถาดทองมรี าคาถงึ ๑๐๐๐๐๐ กหาปณะ

ทางใจ จะพบว่า พระเทวทัต หรือ พ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรม มีจิตใจละโมบโลภมาก
คิดเอารัดเอาเปรียบ ต้องการถาดทองของยายและหลานนั้น อีกทั้งยังมีจิตผูกอาฆาตต่อพระพุทธเจ้า
หรอื พ่อคา้ ผปู้ ระกอบด้วยกุศลกรรม หลงั จากทถ่ี กู ชิงซ้ือถาดทองจากยายและหลานน้ันไป

ดังน้ัน พระเทวทัต หรือ พ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรมจึงมีความประพฤติทุจริตทางกาย
ทางวาจา และทางใจ ผลกรรมจึงส่งผลให้ผิดหวังจากความโลภอยากได้ถาดทองของยายและหลาน
ถึงกับสลบหมดสติล้มลงบนพ้ืน เมื่อทราบว่ามีพ่อค้าได้ซื้อถาดทองนั้นไป พอฟ้ืนคืนสติได้ท้ิงเงินและ
สิ่งของเดินไปถึงฝั่งแม่น้าเพื่อตามหาพ่อค้าผู้ที่ซ้ือถาดทองไป เมื่อถึงฝ่ังแม่น้าเห็นพ่อค้าน้ันอยู่บนเรือ
กลางน้าจึงร้องเรียกให้เรอื น้นั กลบั มายงั ฝั่งปรากฏว่าเรือนั้นไม่หันกลับมาทาให้เสียใจเป็นอย่างมากผูก
อาฆาตต่อพ่อค้าน้ันถึงกับเลอื ดพุ่งออกจากปากสนิ้ ชีวติ ณ ทีน่ ้ัน

จากการวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตตามหลักกรรม ๓ ในสัจจังกิรชาดก พบว่า
พระเทวทตั หรือ ทุฏฐกุมาร ผูป้ ระกอบอกศุ ลกรรม มีความประพฤตดิ งั น้ี

ทางกาย จะพบว่า พระเทวทัต หรือ ทุฏฐกุมาร มีความประพฤติทางกาย โดยชอบทุบตี
ทาร้ายบริวารให้ได้รับความเจ็บปวดทรมาน เม่ือไม่ได้ทุบตีหรือทาร้ายบริวารก็จะไม่ทรงยอมตรัส
กล่าววาจาแก่ใคร

ทางวาจา จะพบว่า พระเทวทัต หรือ ทุฏฐกุมาร มีความประพฤติทางวาจา โดยกล่าว
วาจาหยาบคาย ชอบดุ ด่า บริวาร กล่าววาจาไม่เป็นจริง

ทางใจ จะพบว่า พระเทวทัต หรอื ทฏุ ฐกมุ าร มีความประพฤติทางใจ โดยมีจิตผูกอาฆาต
มีจิตใจโหดร้าย เป็นผู้อกตัญญู ต่อบริวาร และฤๅษีผู้ท่ีช่วยเหลือพระองค์ที่ถูกบริวารจับกดลงในน้าและ
ลอยนา้ มายงั หน้าอาศรมของฤๅษนี ั้น

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๔

ดงั นนั้ พระเทวทัต หรือ ทุฏฐกุมารจึงมีความประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ผลกรรมจึงส่งผลให้บริวารเกิดความเจ็บแค้นพาพระองค์ลงไปในแม่น้าและจับพระองค์กดลงจมน้า
ปล่อยให้ลอยตามน้าไป ขณะท่ีพระองค์ลอยน้าอยู่มีท่อนไม้ท่อนหน่ึงลอยมาจึงทรงอาศัยท่อนไม้นั้น
เมอื่ ลอยไปมีงู หนู และนกแขกเต้า ซ่ึงหนีน้าท่ีเซาะทาลายท่ีอยู่อาศัยของตนว่ายน้าลอยมาอาศัยท่อน
ไม้ท่ีทุฏฐกุมารเกาะลอยผ่านมาและลอยผ่านอาศรมของฤๅษี ทุฏฐกุมารจึงร้องขอความช่วยเหลือ
ด้วยความเมตตาของ ฤๅษีจึงได้ช่วยพระองค์เอาไว้จากเหตุการณ์นั้น ทุฏฐกุมารทรงไม่พอพระทัยต่อ
ฤๅษีท่ีไม่เห็นว่าพระองค์มีความสาคัญแต่กลับนาอาหารให้แก่งู หนู และนกแขกเต้าก่อนพระองค์ จึงผูก
อาฆาตต่อฤๅษี หลังจากท่ีพระองค์ได้รับการช่วยเหลือจากฤๅษี เวลาล่วงไป ๒ – ๓ วัน ก่อนจะกลับ
พระนครพระองค์ทรงรับตรัสว่า เม่ือพระองค์ดารงค์ตาแหน่งเป็นพระราชา นิมนต์ฤๅษีไปยังพระนคร
เพ่ือบารุงด้วยปัจจัย ๔ แต่ว่า คร้ันฤๅษีไปยังพระนครที่พระองค์ได้ทรงครองราชเป็นพระราชาตามที่ทรง
นิมนต์แล้วกลับถูกพระราชารับส่ังให้ราชบุรุษจับตัวและเฆี่ยนตีไปตลอดหนทางอีกทั้งทรงรับส่ังให้ตัด
ศีรษะฤๅษีน้ัน ผลกรรมจึงส่งผลให้พระราชาผู้ช่ัวช้าทาร้ายมิตรถูกประชาชนใช้ธนูยิง ใช้หอกแทง
ใช้ก้อนหินขว้างปา และไม้ค้อน เป็นต้น ทาร้ายแล้วจับเท้ากระชากลงมาจากคอช้างโยนทิ้งไปบน
สันคูน้า เพราะประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง โดยแท้จริงแล้วฤๅษีได้ช่วยชีวิตพระราชาเอาไว้ในวันที่
พระองค์ถกู บริวารจบั กดลงจมน้าและลอยไปยงั อาศรมทีฤ่ ๅษีอาศัยอยู่

จากวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตตามหลักกรรม ๓ ในเวสสันตรชาดก พบว่าพระ
เทวทตั หรือ พราหมณช์ ชู ก ผูป้ ระกอบอกุศลกรรม มคี วามประพฤตดิ ังน้ี

ทางกาย จะพบว่า พระเทวทตั หรือ พราหมณ์ชูชก มีความประพฤติทางกาย โดยไม่เคย
แบง่ ปันส่ิงของให้แก่ใคร อีกทั้งยังฉุดกระชากเฆี่ยนตีสองกุมาร คือ ชาลี และกัณหา บุตรธิดาของพระ
เวสสนั ดรทัง้ ต่อหนา้ และในระหวา่ งหนทาง รวมถึงไมป่ ระมาณในการบรโิ ภค

ทางวาจา จะพบว่า พระเทวทัต หรอื พราหมณ์ชูชก มีความประพฤติทางวาจา ดุ ด่า ว่า
รา้ ยสองกุมาร กลา่ ววาจาไม่ใช่ความจรงิ ตอ่ เจตบุตรผู้รักษาทางเข้าเขาวงกตสถานพระเวสสันดรพานัก
พักอาศัยอยู่

ทางใจ จะพบว่า พระเทวทัต หรือ พราหมณ์ชูชก มีความประพฤติทางใจ โดยมีความ
ลุม่ หลงตอ่ นางอมติ ตตาปนาภรรยาของตน มคี วามโลภอยากได้

ดังนัน้ พระเทวทัต หรือ พราหมณ์ชชู กจึงมีความประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา และ
ทางใจ ผลกรรมสง่ ผลให้พระเทวทตั หรอื พราหมณ์ชูชกได้รับความเดือดร้อนถูกประชาชนที่ตนเข้าไป

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๕

ขอทรพั ย์สินเงินทองต่าง ๆ ดุ ด่า ทุบตีบ้าง อีกทั้งพราหมณ์ชูชกยังมีรูปร่างอัปลักษณ์ ต้องลาบากจาก
การเดินทางไปขอสองกุมารเพ่ือนามาเป็นคนรับให้แก่ภรรยาของตน ถูกสุนักของนายพรานเจตบุตร
ไล่กัด แทบเสียชีวิตจากลูกศรของพรานเจตบุตรผู้รักษาทางไปเขาวงกต โดยในท่ีสุดพราหมณ์ชูชกไม่
ประมาณในการบริโภคจากอาหารหวานคาวที่ถูกจัดเตรียมไว้ในวันที่ได้รับเงินทองค่าไถ่ตัวของสอง
กุมาร พราหมณ์ชูชกบริโภคอาหารจนเกินพอดีทาให้อาหารท่ีบริโภคเข้าไปไม่ย่อยเกิดทุกข์เวทนา
ทรมานจนทอ้ งแตกสน้ิ ชวี ติ

๔.๑.๓ วิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทตั ในอดีตชาติตามหลักกรรม ๔
จากการศึกษากรรมของพระเทวทัตในอดีตชาติที่ปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา
ผู้วิจัยวิเคราะห์ตามหลักกรรม ๔ คือ กรรมที่มีความสัมพันธ์กับวิบาก ตามสาเหตุและทางแห่งการ
กระทา ได้แก่ กรรมดา มีวิบากดา ๑, กรรมขาว มีวิบากขาว ๑, กรรมทั้งดาและขาว มีวิบากทั้งดาและ
ขาว ๑, กรรรมทั้งไม่ดาและไม่ขาว มีวิบากทั้งไม่ดาและไม่ขาว เพ่ือให้ทราบชัดถึงผลกรรมของพระ
เทวทตั ตามหลกั กรรม ๔ มดี ังนี้
จากวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตตามหลักกรรม ๔ ในเสรีววณิชชาดก พบว่า พระ
เทวทัต ได้ถือกาเนิดเป็น พ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรม ประพฤติกรรมดา มีวิบากดา คือ กรรมชั่ว
ใหผ้ ลช่วั กล่าวคอื กรรมชั่วที่พระเทวทัต หรือ พ่อคา้ ผู้ประกอบอกุศลกรรมกระทาทางกาย ทางวาจา
และ ทางใจ ไดแ้ ก่ แสดงอาการหยาบคายต่อยายและหลานผู้ซ่ึงเป็นเจ้าของถาดทอง โดยใช้เข็มขีดลง
บนถาดเพื่อตรวจสอบดูปรากฏวา่ เปน็ ถาดทองคา เกิดความโลภอยากไดถ้ าดทองคานั้น โดยไม่ต้องการ
ลงทุนหรือให้สิ่งของเพ่ือแลกกับถาดทองคานั้นจึงเสแสร้งด้วยการโยนถาดทองน้ันลงบนพื้นและกล่าว
วาจาโกหกหลอกลวงต่อยายและหลานว่า ถาดใบนี้ไม่มีค่าแม้แต่ครึ่งมาสก พ่อค้าผู้ประกอบ
อกุศลกรรมจึงเดินจากไป จากการกระทาขอพ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรมดังกล่าว เป็นกรรมดา คือ
กรรมช่ัว ส่งผลให้มีวิบากดา คือ ให้ผลชั่ว ผลกรรมน้ันส่งผลให้พระเทวทัต หรือ พ่อค้าผู้ประกอบ
อกุศลกรรม ถูกยายผู้เป็นเจ้าของถาดทองตาหนิและนาไปเปรียบเทียบกับพ่อค้าผู้ประกอบกุศลกรรม
ว่า กล่าววาจาไม่สุภาพอ่อนโยน ไม่ซ่ือตรง อีกท้ัง ผลกรรมน้ันส่งผลให้พ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรม
ตอ้ งผดิ หวังจากความโลภอยากได้ถาดทองคาของยาย ซ่ึงถูกพอ่ ค้าผู้ประกอบกุศลกรรมใช้ความซื่อตรง
ไม่คิดคตโกง เอารัดเอาเปรียบจึงได้ถาดทองคานั้นไป เม่ือพ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรมทราบว่าพ่อค้า
อีกผู้หนง่ึ ไดถ้ าดทองคาน้ันไปถึงกับหมดสติสลบล้มลงไปกับพ้ืน พอพ้ืนคืนสติจึงรีบลุกข้ึนเดินไปทิ้งเงิน
และสนิ ค้า เครื่องประดบั เพ่อื ตามหาพ่อคา้ ผู้นั้น พ่อค้าผปู้ ระกอบอกศุ ลกรรมเดินไปถึงฝั่งแม่น้าพบเห็น

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๖

พ่อค้าผู้นน้ั อยู่บนเรอื กลางนา้ จึงรอ้ งเรยี กใหค้ นพายเรือหันหัวเรือกลับมาแต่คนพายเรือไม่ยอมพายเรือ
กลับมาเพราะพ่อค้าผูประกอบกุศลกรรมส่ังไม่ให้กลับ พ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรมเห็นดังน้ันได้ผูก
อาฆาตต่อพอ่ คา้ ผูป้ ระกอบกศุ ลกรรมถึงกบั เลอื ดพงุ่ ออกจากปากจนสน้ิ ชวี ติ

ดังนั้น กรรมดา คือ กรรมช่ัว ที่พระเทวทัต หรือ พ่อค้าผู้ประกอบอกุศลกรรม กระทา
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ ท่ีเป็นอกุศลกรรมบถ ๑๐ มีผลเบียดเบียนท้ังตนเองและผู้อ่ืน วิบากดา
คอื ใหผ้ ลชัว่ ส่งผลให้ผูก้ ระทาไดร้ บั แต่ความทุกข์ฝ่ายเดียว เหมือนกับพระเทวทัต ซ่ึงในชาดกนี้ได้เกิด
เป็น พอ่ คา้ ช่ือ เสรีวะ ผู้ประกอบอกศุ ลกรรมทไ่ี ดร้ บั โทษทัณฑจ์ ากกรรมครัง้ น้ี

จากวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตตามหลักกรรม ๔ ในสัจจังกิรชาดก พบว่า พระ
เทวทัต ได้ถือกาเนิดเป็น ทุฏฐกุมาร ประพฤติกรรมดา มีวิบากดา คือ กรรมชั่ว ให้ผลชั่ว กล่าวคือ
กรรมช่ัวท่ีพระเทวทัต หรือ ทุฏฐกุมารกระทาทางกาย ทางวาจา และทางใจ ได้แก่ ชอบทุบตี ทาร้าย
กล่าววาจาหยาบคาย ดุ ด่า บริวารให้ได้รับความทุกข์ทางกาย และทางใจ ขณะท่ีทรงประทับอยู่ใน
พระราชวัง เมอ่ื พระองคไ์ ม่ได้ทุบตี ดุ ด่า ทาร้ายพวกบริวารก็จะไม่ทรงยอมตรัสกล่าววาจาแก่ผู้ใด คือ
จะไมท่ รงพูดจากับใครเลย เป็นพระกมุ ารที่ชอบเอาแต่ใจตนเอง จากการกระทาดังกล่าว เป็นกรรมดา
คือ กรรมช่ัว ส่งผลให้มีวิบากดา คือ ให้ผลชั่ว ผลกรรมนั้นส่งผลให้พระเทวทัต หรือ ทุฏฐกุมาร ถูก
พวกบริวารจับพระองค์ไปกลางแม่น้ากดลงให้จมน้าและปล่อยให้ลอยไปตามน้า ผลกรรมน้ันยังไม่
สิ้นสุด ขณะท่ีทุฏฐกุมารลอยไปตามแม่น้ามีท่อนไม้ท่อนหน่ึงลอยมาจึงทรงเกาะขอนไม้ไว้ ทุฏฐกุมาร
เกาะขอนไม้ลอยตามน้าไปก่อนท่ีจะถึงอาศรมของฤๅษีมี งู หนู และนกแขกเต้า ซ่ึงหนีน้าท่ีเซาะทาลาย
ที่อยู่อาศัยของพวกตนว่ายน้าลอยมาอาศัยท่อนไม้ท่ีทุฏฐกุมารเกาะลอยผ่านมา ฝ่ายฤๅษีขณะท่ีกาลัง
เดินจงกรมอยู่ได้ยินเสยี งรอ้ งของทฏุ ฐกุมารจึงหยดุ แลดู เม่ือขอนไมท้ ที่ ฏุ ฐกุมารลอยผ่านอาศรมของตน
จึงเมตตาช่วยเหลือกุมาร รวมท้ัง งู หนู และนกแขกเต้าท่ีเกาะอาศัยมาขึ้นฝ่ัง ฤๅษีเห็นว่าท้ังกุมารและ
พวกสัตว์เปียกชุ่มไปด้วยน้าจึงให้เข้าไปผิงไฟเพื่อบรรเทาความหนาว ระหว่างท่ีกุมารและพวกสัตว์ผิงไป
อยู่ฤๅษี จึงนาอาหารมาและพิจารณาเห็นว่า สัตว์พวกน้ีอ่อนแอกว่าพระกุมารจึงนาอาหารให้สัตว์
เหล่านั้นได้ กินก่อนและจึงนาอาหารมาให้แก่กุมาร ทุฏฐกุมารทรงไม่พอพระทัยต่อฤๅษีท่ีไม่เห็นว่า
พระองค์ มีความสาคัญแต่กลับเห็นพวกสัตว์เหล่าน้ันมีความสาคัญกว่าพระองค์จึงผูกอาฆาตต่อฤๅษี
ผา่ นไป ๒ – ๓ วัน กุมารและสัตว์เหล่าน้ันมีเร่ียวแรงเป็นปกติ น้าในแม่น้าก็แห้งแล้ว งู หนู และนกแขก
เต้าไหว้ฤๅษีและกล่าวต่อฤๅษีว่า อุปการะท่ีท่านมีต่อพวกข้าพเจ้านั้นหาที่สุดมิได้ สิ่งท่ีจะตอบแทนท่าน
ได้มแี ตเ่ พียงทรัพย์สมบตั ิของพวกเรา ถ้าท่านขาดเหลือสงิ่ ใดขอใหท้ ่านร้องเรียกพวกเราก็จะมาหาท่าน

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๗

และพร้อมทจี่ ะชว่ ยเหลอื ท่าน งู หนู และนกแขกเต้าบอกท่ีอยู่ของพวกตนจึงลากลับไป ฝ่ายทุฏฐกุมาร
ยังฝังใจในกรรมชั่วเป็นสันดาน คิดว่า “การท่ีไม่กล่าวอะไรบ้าง เสด็จกลับไปเฉย ๆ ไม่เหมาะสมเลย
เราจะฆ่าฤๅษีเสียเวลาที่มาหาเรา” จึงกล่าวว่า “ข้าแต่พระคุณท่านผู้เจริญ เม่ือข้าพเจ้าดารงอยู่ในราช
สมบัติ นมิ นตม์ าเถิด กระผมจะบารุงพระคุณทา่ นด้วยปจั จยั ๔” แล้วจึงลาฤาษีไป พระราชกุมารนั้นเสด็จ
ไปได้ไม่นานก็ได้ครองราชสมบัติ ฝ่ายฤๅษีจะทดสอบพระราชกุมารจึงไปในพระนคร ในขณะน้ัน ทุฏฐ
กุมารผ้คู รองราชย์ประทับเหนือคอช้างทอดพระเนตรเห็นฤๅษีมาแต่ไกล ทรงดาริว่า “ฤๅษีผู้น้ี คงประสงค์
จะอยู่ในสานักของเราจึงได้มา ต้องให้ราชบุรุษตัดศีรษะเสียทันที” ทรงตรัสส่ังให้ราชบุรุษจับฤๅษีมัดมือ
ไพร่หลังให้เฆ่ียนทุก ๔ แยก นาออกจากพระนครและตัดศีรษะฤๅษีเอาตัวเสียบหลาวไว้ ในขณะที่ราช
บรุ ษุ กระทาตามทีพ่ ระราชาตรัสส่งั ฤๅษีได้กล่าวไปตลอดหนทางถึงอุปการะที่ตนได้ช่วยเหลือพระราชาขึ้น
จากในแม่นา้ ใหร้ อดชีวิตแตต่ นกลบั ถกู พระราชาผู้ประทุษร้ายมิตรส่ังให้ราชบุรุษจับตนเฆี่ยนและตรัสสั่ง
ใหต้ ดั ศีรษะตน ดว้ ยเหตนุ ้ี วิบากดา คือ ให้ผลช่วั ส่งผลให้พระราชาผู้ชั่วช้าทาร้ายมิตรถูกประชาชนใช้
ธนยู ิง ใช้หอกแทง ใช้ก้อนหินขว้างปา และไม้ค้อนเป็นต้นทาร้ายแล้วจับเท้ากระชากลงมาจากคอช้าง
โยนทิง้ ไปบนสนั คนู ้าสน้ิ พระชนม์ ณ ที่นัน้

ดังน้ัน กรรมดา คือ กรรมชั่ว ที่พระเทวทัต หรือ ทุฏฐกุมารกระทาทางกาย ทางวาจา
และทางใจ ทเี่ ปน็ อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ มผี ลเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น วิบากดา คือ ให้ผลช่ัว ส่งผล
ใหผ้ ู้กระทาได้รับแต่ความทุกข์ความเดือดร้อนแต่ฝ่ายเดียว เหมือนกับพระเทวทัต ซ่ึงในชาดกน้ีได้เกิด
เป็น ทุฏฐกมุ าร ผปู้ ระกอบอกุศลกรรมจงึ ได้รับโทษทัณฑ์จากกรรมครง้ั นี้

จากวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตตามหลักกรรม ๔ ในเวสสันตรชาดก พบว่า พระ
เทวทัต ได้กาเนิดเป็น พราหมณ์ชูชก ประพฤติกรรมดา มีวิบากดา คือ กรรมชั่ว ให้ผลชั่ว กล่าวคือ
กรรมชัว่ ที่พระเทวทตั หรอื พราหมณ์ชูชกกระทาทางกาย ทางวาจา และทางใจ ได้แก่ มีความตระหนี่
ถ่ีเหนียว ไม่เคยแบ่งปันสิ่งของให้แก่ใคร ลุมหลงต่อนางอมิตตตาปนา มีความโลภ ดุ ด่า ว่าร้าย โกหก
หลอกลวง จากการกระทาดังกล่าว เป็นกรรมดา คอื กรรมช่ัว ส่งผลให้มีวิบากดา คือ ให้ผลชั่ว ผลกรรม
นั้นส่งผลให้พระเทวทัต หรือ พราหมณ์ชูชกต้องออกเดินทางไปเขาวงกตเพื่อขอสองกุมาร คือ ชาลี
และกัณหา จากพระเวสสันดร โดยหนทางมีความยากลาบาก ขณะท่ีไปถึงประตูทางเข้าเขาวงกต
พราหมณ์ชูชกถูกสุนัขของพรานเจตบุตรผู้รัษาประตูทางเข้าเขาวงกตไล่กัดทาให้พราหมณ์ต้องหนีภัย
จากอันตรายคร้ังนี้ขึ้นตนไม้ ฝ่ายพรานเจตบุตรเห็นพราหมณ์ชูชกคิดข้ึนว่า “พราหมณ์ผู้นี้ต้องการเข้า
ไปเขาวงกตเพ่ือไปกราบทูลขอให้พระเวสสันดรบริจากทานเป็นแน่” พรานเจตบุตรหมายจะยิง

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๘

พราหมณ์ชูชกด้วยธนู พราหมณ์ชูชกจึงใช้เลห์อุบายหลอกลวงว่าตนเป็นผู้ถือสารมาจากพระนครสีพี
เพ่อื กราบทูลให้ พระเวสสันดรเสด็จกลับพระนคร ฝ่ายพรานเจตบุตรหลงเชื่อจึงยินยอมให้พราหมณ์ชู
ชกเขาไปยังอาศรมท่ีพระเวสสันดรประทับอยู่ หลังจากพราหมณ์ชูชกลาพรานเจตบุตรจึงได้เดิน
ทางเข้าไปถึงอาศรมของพระเวสสันดรเข้าไปกราบพระบาทของพระองค์และกราบทูลขอสองกุมาร
จากพระองค์ ฝ่ายพระเวสสันดรทรงดาริถึงซึ่งเป็นมหาทานย่ิงใหญ่ทรงตัดสินพระทัยมอบสองกุมาร
ให้แก่พราหมณ์ ชูชกเพื่อเป็นทานบารมี พราหมณ์ชูชกนาเถาวัลย์มาผูกข้อพระหัตของสองกุมารและ
ชุดกระชาก ดุ ดา่ ทุบตี สองกมุ ารใหไ้ ด้รับความทกุ ข์ทรมานตลอดหนทางจนถึงพระนครสีพี ด้วยเหตุนี้
วบิ ากดา คอื ให้ผลชว่ั สง่ ผลให้พราหมณ์ชูชกเดนิ ทางพาสองกุมารเข้าพระนคร พระเจ้าสญชัยพระราช
บิดาของ พระเวสสันดรจึงตรัสสั่งให้บริวารนาทรัพย์สินเงินทองไถ่ตัวพระกุมารทั้งสองพร้อมทั้ง
จดั เตรยี มอาหารหวานคาวเล้ียงดูแก่พราหมณ์ พราหมณ์ชูชกไม่ประมาณในการบริโภคทาให้อาหารท่ี
บรโิ ภคเข้าไปไม่ยอ่ ยเกดิ ทุกขเ์ วทนาทรมานจนทอ้ งแตกสนิ้ ชีวิต ณ ทน่ี น้ั

ดังนั้น กรรมดา คือ กรรมชั่ว ท่ีพระเทวทัต หรือ พราหมณ์ชูชกกระทาทางกาย
ทางวาจา และทางใจ ท่ีเป็นอกุศลกรรมบถ ๑๐ มีผลเบียดเบียนท้ังตนเองและบุคคลอื่น วิบากดา คือ
ใหผ้ ลชั่ว ส่งผลให้ผกู้ ระทาได้รับแต่ความทกุ ข์ความเดือดรอ้ นแตฝ่ ่ายเดียว เหมือนกับพระเทวทัต ซึ่งใน
ชาดกนไี้ ด้เกดิ เป็นพราหมณ์ชชู ก

๔.๒ วิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตในปัจจุบันชาติ

๔.๒.๑ วเิ คราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตในปัจจุบันชาติตามหลักกรรม ๒
จากการศึกษากรรมของพระเทวทัตในปัจจุบันชาติ ผู้วิจัยวิเคราะห์ผลกรรมของ
พระเทวทัตตามหลักกรรม ๒ ได้ดงั นี้
โดยเร่ิมจากก่อนที่พระเทวทัตจะออกบวช จากการศึกษาพบว่า สมัยท่ียังทรงเป็น
เจ้าชายเทวทัตมีเจตนาเป็นอกุศลกรรม อุปนิสัยเย่อหยิ่งถือตัว ชอบเบียดเบียนชีวิตสัตว์อ่ืนให้ได้รับ
ความทกุ ข์ มีจิตผูกอาฆาตตอ่ เจา้ ชายสิทธัตถะ ผลของอกุศลกรรมที่ปรากฏเด่นชัด กล่าวคือ ได้ก่อการ
วิวาทในเรื่องหงส์ท่ีพระองค์ใช้ศรยิงตกลงมา แต่เจ้าชายสิทธัตถะเป็นผู้นาหงส์ตัวดังกล่าวไปรักษา
จึงเกิดการย้ือแย่งหงส์กันระหว่างเจ้าชายสิทธัตถะกับเจ้าชายเทวทัต ด้วยเหตุน้ี ผลของอกุศลกรรม
ส่งผลให้พระเทวทัตเป็นผู้พ่ายแพ้จากการตัดสินคดีความครั้งน้ี นับต้ังแต่วันน้ันเป็นต้นมา เจ้าชาย
เทวทัตจึงผูกความอาฆาตบาดหมางผูกใจเจ็บ และจองเวรกับเจ้าชายสิทธัตถะเรื่อยมา จนเม่ือคร้ังท่ี

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๙๙

เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกบวชและได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าทรงเสด็จมา
ประทับที่อนุปิยอัมพวันแห่งมัลลกษัตริย์ ในช่วงระยะเวลาน้ีเจ้าชายเทวทัตเมื่อทราบข่าวการเสด็จมา
ของพระพุทธเจ้าและได้ทราบข่าวการแสดงพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าให้แก่พระราชา กษัตริย์
ต่าง ๆ รวมถึงประชาชนให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา เจ้าชายเทวทัตเม่ือได้ยินได้ฟังกิตติศัพท์ของพระ
พุทธองค์จึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาลดมานะละทิฏฐิลงทรงออกบวชพร้อมกับเจ้าชายแห่งศากยวงศ์
รวม ๖ พระองค์ สังเกตุได้ว่าช่วงน้ีเจ้าชายเทวทัตมีเจตนาเป็นกุศล ผลของกุศลกรรมส่งผลให้เจ้าชาย
เทวทัตได้รับการบวชด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทาจากพระพุทธเจ้าบาเพ็ญสมณธรรมจนแสดงฤทธ์ิได้
สามารถแสดงฤทธิใ์ นการเหาะได้ จาแลงแปลงกายได้ เป็นต้น

ต่อมา หลังจากที่พระเทวทัตบาเพ็ญสมณธรรมจนสามารถแสดงฤทธ์ิได้เจตนาท่ีเป็นอกุศล
ไดเ้ กดิ แก่พระเทวทตั เกิดความลุ่มหลงในฤทธิ์ที่ท่านได้จนละการบาเพ็ญเพียร มีความโลภ มีความมักใหญ่
ใฝส่ ูง แสดงฤทธใ์ิ ห้เจ้าชายอชาตศตั รูเลอื่ มใสศรทั ธาตนเพื่อหวังการบารุงอุปัฏฐากจากเจ้าชายอชาตศัตรู
เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูเกิดความเลื่อมใสศรัทธาท่านจึงยุยงให้เจ้าชายปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสาร
นอกจากนี้พระเทวทัตพยายามลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าหลายครั้ง เช่น ส่ังให้นายขมังธนูไปลอบยิง
พระพุทธองค์ พยายามลอบปลงพระชนม์โดยกลิ้งหินให้ตกจากหน้าผาเขาคิชกูฏใส่พระพุทธเจ้า
ปล่อยช้างตกมันเข้าทาร้ายพระพุทธองค์ ก่อการสังฆเภท คือ ทาให้คณะสงฆ์แตกแยกกัน โดยท่านจะ
ทาอุโบสถสังฆกรรม แยกจากพระพุทธองค์ แยกจากภิกษุสงฆ์ คร้ันถึงวันอุโบสถ พระเทวทัตสามารถ
ชกั ชวนพระบวชใหมช่ าววัชชี ๕๐๐ รูปให้เขา้ ร่วมเปน็ ฝกั ฝ่ายของตน ให้จับสลากแล้วทาลายสงฆ์ และ
พาไปอยู่ท่ีวิหารคยาสีสะ กล่าวสอนลัทธิของตนว่า ส่ิงที่พระสมณโคดมทา ไม่ใช่ธรรม ส่ิงที่ตนทา
เท่าน้นั คือ ธรรม

ด้วยเหตุนี้ อกุศลกรรมดังกล่าวจึงส่งผลให้พระเทวทัตได้รับ กล่าวคือ ครั้งท่ีท่านสั่งให้
นายขมงั ธนไู ปลอบยงิ พระพทุ ธองค์ พระเทวทัตกลับต้องผิดหวังเพราะนายขมังธนูท่ีส่งไปทุกคนต่างได้ฟัง
พระธรรมเทศนาจนบรรลุเป็นโสดาบันและได้บรรพชาอุปสมบทบรรลุพระอรหัตท้ังหมด ครั้งที่กลิ้งหิน
ให้ตกจากหน้าผาเขาคิชกูฏใส่พระพุทธเจ้า คร้ังน้ีจัดว่าเป็นกรรมหนักแต่ผลปรากฏว่าไม่สามารถปลง
พระชนม์พระพุทธองค์ได้เพียงแต่สะเก็ดศิลาชิ้นหน่ึงท่ีกะเทาะจากศิลาก้อนนั้นกระเด็นไปกระทบ
พระบาทของพระพุทธองค์เข้าทาให้พระโลหิตห้อข้ึน คร้ังที่ปล่อยช้างตกมันเข้าทาร้ายพระพุทธองค์
พระเทวทัตต้องผิดหวังประสบความล้มเหลวด้วยอานุภาพของ พระพุทธองค์ช้างนั้นกลับเชื่องต่อ
พระพุทธองค์ เมื่อชาวเมืองผู้ประสบเหตุการณ์ต่างพากันแซ่ซ้องสาธุการ และเลื่อมใสในพุทธานุภาพ

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๐

น้ัน ในขณะเดียวกัน ก็กล่าวโจษขานกันว่า เรื่องนี้ พระเทวทัตเป็นผู้บงการ และวิพากษ์วิจารณ์กัน
ต่อไปถึงการที่นายธนูไปลอบยิงพระพุทธองค์ และการกลิ้งหินทาโลหิตุปบาทด้วย และยังได้โจษขาน
ว่า แมก้ ารสน้ิ พระชนม์ของพระเจ้าพิมพิสารก็เพราะเนื่องมาจากพระเทวทัตน้ีเอง เร่ืองนี้ได้แพร่สะพัด
ไปอย่างรวดเร็ว เหล่าประชาชนท่ัวท้ังพระนครต่างพากันตาหนิพระเจ้าอชาตศัตรูท่ียังทรงอุปัฏฐาก
พระเทวทัตอยู่ พระองค์จึงทรงงดการบารุงท่านตั้งแต่บัดน้ัน และชาวกรุงราชคฤห์ก็ไม่ยอมใส่บาตร
ให้แก่พระเทวทัตด้วย และในครั้งนี้พระเทวทัตก่อการสังฆเภท คือ ทาให้คณะสงฆ์แตกแยกกัน
พระเทวทตั ชกั ชวนพระบวชใหม่ชาววัชชี ๕๐๐ รูปให้เข้าร่วมเป็นฝ่ายของตนและพาไปอยู่ที่วิหารคยา
สีสะ กลา่ วสอนลทั ธิของตนว่า สิ่งที่พระสมณโคดมทา ไมใ่ ชธ่ รรม สงิ่ ท่ตี นทาเท่านั้น คือธรรม ผลกรรม
ส่งผลให้พระเทวทัตต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างอีกท้ังยังถูกพระโกกาลิกะกระแทกเข่าเข้าที่อกของท่าน
เลือดสด ๆ ไหลออกทางปาก หลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงรับสั่งให้พระสารีบุตรกับพระมหาโมคคัลลา
นะพาพระบวชใหม่ชาววัชชี ๕๐๐ รูปซ่ึงเป็นสานุศิษย์ของพระสารีบุตรกลับมา นับแต่น้ันมาพระ
เทวทตั จึงล้มปว่ ยลง พระเทวทัตปว่ ยหนกั อยู่ ๙ เดือน จงึ ไดค้ ิดทบทวนการกระทาของท่านท่ีผ่านมาได้
ทาผิดต่อพระพุทธองค์มามากรู้สึกสานึกผิดก่อนมรณภาพต้องการเข้าเฝ้าทูลขอขมาโทษ สารภาพ
ความผิดด้วยตนเองจงึ ขอร้องให้บริวารช่วยหามทา่ นไปท่ีพระเชตวันมหาวิหาร บริวารได้หามท่านรอน
แรมมาจนใกล้ถึงพระเชตวัน เหล่าบริวารพาพระเทวทัตมาถึงสระโบกขรณีหน้าพระเชตวัน แล้ววาง
เตียงลงรมิ สระ ลงไปด่มื นา้ และชาระรา่ งกาย ขณะน้ัน พระเทวทัตลุกข้ึนจะลงไปอาบน้าแต่พอวางเท้า
ลงถงึ พนื้ ดนิ เท่าน้นั แผน่ ดนิ ใหญ่กไ็ ด้แยกออกให้ช่อง เปลวเพลิงจากอเวจีมหานรกก็พวยพุ่งขึ้นโอบอุ้ม
เอาตัวไป พระเทวทัตได้ถูกแผ่นดินสูบลงไปตั้งแต่ข้อเท้า สะเอว จนถึงคาง ในขณะที่จมลงถึงคาง
ท่านคิดว่า บาปกรรมของท่านถึงท่ีสุดแล้ว ก็หวนระลึกถึงพระคุณของพระพุทธองค์ และได้กล่าวคา
สรรเสริญพระพุทธคุณว่า ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธองค์ ผู้เป็นบุคคลเลิศ เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ เป็นสารถี
แห่งคนท่ีควรฝึก มีพระจักษุเห็นรอบด้าน ทรงบุญลักษณะนับร้อยพระองค์นั้น ด้วยลมปราณกับ
กระดูกทัง้ หลายเหล่าน้ี ทา่ นได้ถวายกระดกู คางเปน็ พุทธบชู าแกพ่ ระพทุ ธองค์

ดงั นัน้ ผลกรรมจากการทากรรมของพระเทวทัตท่ีเป็นอกุศลกรรมจึงส่งผลให้ได้รับความ
ทุกข์ ความเดือดร้อน แต่มิใช่แต่เพียงอกุศลกรรมอย่างเดียวที่ท่านได้กระทา จากการศึกษายังพบว่า
พระเทวทัตท่านก็ประกอบกุศลกรรม มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าได้รับการบวชจาก
พระพทุ ธองค์บาเพ็ญสมณธรรมจนไดฤ้ ทธ์ิ อีกทง้ั ยังสานึกผิดมีเจตนาที่เป็นกุศลต้องการขอขมาโทษต่อ

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๑

พระพุทธองค์ที่ท่านได้กระทาความผิดเอาไว้มาก แต่เพราะกรรมที่ท่านกระทาเป็นกรรมหนักถูกธรณี
สูบจนถึงกระดูกคาง ทา่ นได้ถวายกระดกู คางเป็นพทุ ธบูชาในพระพุทธศาสนา

๔.๒.๒ วิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทตั ในปัจจุบันชาติตามกรรม ๓
จากการศึกษากรรมของพระเทวทัตในปัจจุบันชาติ ผู้วิจัยวิเคราะห์ผลกรรมของ
พระเทวทัตตามกรรม ๓ ไดด้ งั น้ี
ทางกาย จะพบว่า ก่อนบวชเจ้าชายเทวทัตมีความประพฤติทางกาย ชอบเบียดเบียน
ชีวติ สัตว์ แสดงอาการเย่อหยงิ่ ถอื ตัว หลังจากน้ันเจา้ ชายเทวทัตก็ลดอาการเย่อหยิ่งถือตัวลงในวันท่ีจะ
บวชท่านได้กราบขอขมาโทษต่อนายภูษามาลาซึ่งเป็นคนรับใช้ และงดการเบียดเบียนชีวิตสัตว์
หลังจากบวชก็ตั้งใจบาเพ็ญสมณธรรมจนแสดงฤทธิ์ได้ แต่เพราะความลุ่มหลงในฤทธิ์ท่ีท่านได้ ทาให้
ท่านละความเพียรไม่ประพฤติปฏิบัติสมณธรรม เกิดความริษยาต่อพระพุทธเจ้าจึงแสดงพฤติกรรม
ทางกาย โดยแสดงฤทธิ์ให้แก่เจ้าชายอชาตศัตรูทรงเล่ือมใส หลังจากเจ้าชายอชาตศัตรูเลื่อมใสแล้ว
ทา่ นได้ยยุ งให้เจ้าชายปลงพระชนมพ์ ระเจ้าพิมพสิ ารผู้เปน็ พระราชบิดาจนเป็นผลสาเรจ็ พระเทวทัตยัง
สง่ั ใหน้ ายขมงั ธนูไปลอบยิงพระพทุ ธเจา้ ทา่ นยงั ลอบปลงพระชนมพ์ ระพุทธเจ้าด้วยตัวท่านเองโดยการ
กล้ิงหินให้ตกจากหน้าผาเขาคิชกูฏใส่พระพุทธเจ้า ปล่อยช้างตกมันเข้าทาร้ายพระพุทธองค์ ก่อการ
สงั ฆเภท ทาสงฆ์ใหแ้ ตกแยก โดยทา่ นจะทาอุโบสถสงั ฆกรรม แยกจากพระพุทธองค์ แยกจากภิกษุสงฆ์
ชักชวนพระบวชใหม่ชาววัชชี ๕๐๐ รูปให้เข้าร่วมเป็นฝักฝ่ายของตน อีกทั้งยังแสดงตนเรียนแบบ
พระพทุ ธเจา้
ทางวาจา จะพบว่า ก่อนบวชเจ้าชายเทวทัตมีความประพฤติทางวาจา โดยพูดจาไม่ดี
พูดจาเหน็ แก่ได้ ในกรณเี ร่ืองหงส์ที่ท่านยงิ ตกลงมาบนพ้ืนเกิดข้อพิพาษระหว่างท่านกับเจ้าชายสิทธัตถะ
หลังจากนั้น ในวันท่ีจะบวชเจ้าชายเทวทัตได้กล่าววาจาขอขมาโทษต่อนายอุบาลีภูษามาลาคนรับใช้
ต่อมา เม่ือบาเพ็ญสมณธรรมจนฤทิธ์แสดงได้ ลุ่มหลงในฤทธ์ิของตนพฤติกรรมก็เปล่ียนไป พฤติกรรม
ทางวาจาเปลี่ยนไป โดยกล่าวคาประจบต่อพระเจ้าอชาตศัตรู กล่าวคายุยงพระเจ้าอชาตศัตรูให้ปลง
พระชนมพ์ ระเจ้าพมิ พสิ าร ออกคาส่ังใหน้ ายขมังธนไู ปลอบยงิ พระพุทธเจา้ เปน็ ตน้
ทางใจ จะพบว่า ก่อนบวชเจ้าชายเทวทัตมีจิตริษยาต่อเจ้าชายสิทธัตถะ มีความคิดเห็น
แก่ตัว เห็นแก่ได้ ผูกอาฆาต มิจฉาทิฏฐิ มีมานะ แต่หลังจากน้ัน ในวันบวช เจ้าชายเทวทัตก็ลดมานะ
ละมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นถูก ละความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ หลังจากบวชท่านบาเพ็ญสมณธรรมจน

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๒

แสดงฤทธิ์ได้ เกิดความหลงผิด ลดละความเพียร จนเกิดมานะ มิจฉาทิฏฐิเกิดขึ้น มักใหญ่ใฝ่สูง
ตอ้ งการปกครองคณะสงฆแ์ ทนพระพุทธเจ้า วางแผนคิดปลงพระชนม์พระพทุ ธเจ้า เปน็ นตน้

ดังนั้น ด้วยเจตนาท่ีเป็นอกุศลกรรมจึงส่งผลให้พระเทวทัตแสดงพฤติกรรมทางกาย
ทางวาจา และทางใจเป็นทุจรติ ผลกรรมน้ันส่งผลให้พระเทวทัตได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนตลอด
ระยะเวลาที่ท่านดารงชีวิตอยู่ แต่ถ้าว่าขณะท่ีท่านยังมีชีวิตอยู่พระเทวทัตก็มิได้มีเจตนาที่เป็น
อกุศลกรรมอย่างเดียว จะพบได้ว่า เจตนาที่เป็นกุศลกรรมของท่านรวมถึงพฤติกรรมทางกาย
ทางวาจา และทางใจท่ีเป็นสุจริตก็ยังปรากฏให้ทราบชัดกัน กล่าวคือ ช่วงระยะเวลาในวันที่จะบวช
ท่านได้เกิดความศรัทธาต่อพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ท่านได้ละลายมานะ
และทิฏฐิทง้ั หลายจนหมด ด้วยการแสดงตนขอขมาโทษตอ่ นายอบุ าลีภูษามาลาซ่ึงเป็นคนรับใช้ยอมให้
นายอุบาลีบวชก่อน แสดงให้เห็นว่าขณะนั้นพระเทวทัตเปรียบเหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ ภายหลังถึงแม้
ท่านจะประพฤติทจุ ริตทางกาย ทางวาจา และทางใจ แต่สุดท้ายท่านก็สานึกผิดในกรรมช่ัวที่ได้กระทา
เอาไว้มากก็เกิดเจตนาเป็นกุศลกรรมถึงแม้จะถูกพระแม่ธรณีสูบจนถึงกระดูกคางวาระสุดท้ายของจิต
ทา่ นได้กล่าวคาสรรเสรญิ พระพุทธเจ้าและถวายกระดกู คางของท่านเปน็ พุทธบชู า

๔.๒.๓ วเิ คราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตในปัจจุบันชาติตามกรรม ๔
จากการศึกษากรรมของพระเทวทัตในปัจจุบันชาติ ผู้วิจัยวิเคราะห์ผลกรรมของ
พระเทวทัตตามกรรม ๔ ได้ดงั น้ี
จากการวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตตามกรรม ๔ พบว่า ก่อนบวชเจ้าชายเทวทัต
ประพฤติกรรมทั้งดาและขาว มีวิบากท้ังดาและขาว คือ การกระทากรรมทั้งช่ัวและท้ังดีทางกาย
ทางวาจา และทางใจ มีผลเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นและไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น กล่าวคือ
เจ้าชายเทวทัตได้ยิงหงส์ตัวหนึ่งตกลงบนพ้ืน ได้ก่อการวิวาทกับเจ้าชายสิทธัตถะ ผลกรรมส่งผลทา
ให้เจ้าชายเทวทัตได้รับความทุกข์ทางใจเพราะไม่ได้สมความปรารถนาจากการ ตัดสินคดีข้อพิพาษ
เรื่องหงส์ ผลกรรมนั้นยังส่งผลกระตุ้นให้พระเทวทัตมีจิตคิดผูกอาฆาตต่อเจ้าชายสิทธัตถะ
หลังเหตุการณ์นี้ผ่านไป เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบวชได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็น
พระพุทธเจ้าและเสด็จมาประทับ ณ อนุปิยอัมพวันแห่งมัลลกษัตริย์ เจ้าชายเทวทัตเกิดความ
เลื่อมใสได้ประพฤติกรรมขาว ด้วยการละลายมานะและมิจฉาทิฏฐิจนหมดลงในวันที่จะบวชได้
กราบขอขมาโทษต่อนายอุบาลีภูษามาลาผู้เป็นคนรับใช้และให้นายอุบาลีภูษามาลาบวชก่อนท่าน
พระเทวทัตหลังจากบวชได้บาเพ็ญสมณธรรมจนแสดงฤทธิ์ได้ จะเห็นได้ว่า วิบาก หรือ ผลกรรมนี้

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๓

ส่งผลให้พระเทวทัตได้รับการบรรชาอุปสมบทด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทาพระพุทธเจ้าทรงบวชให้
ผลกรรมยังส่งผลให้ท่านได้ฌานสมาบัติสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ เปน็ ต้น

ต่อมา พระเทวทัตลดละความเพียรได้สร้างกรรม หรือ กระทากรรมท้ังดาและขาว
กล่าวคือ หลังจากที่ท่านเกิดความลุ่มหลงในฤทธ์ิของตน เกิดความโลภ ริษยาผูกอาฆาตต่อพระพุทธเจ้า
ต้องการความเป็นใหญ่ ท่านจึงวางแผนหาบุคคลผู้ที่จะบารุงอุปถัมภ์ท่านจึงคิดขึ้นว่า ถ้าเป็นพระเจ้า
พิมพิสารคงเป็นไปไม่ได้เพราะพระเจ้าพิมพิสารมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าอย่างม่ันคง
จึงพิจารณาคิดข้ึนได้ว่า ถ้าเช่นนั้นท่านต้องแสดงฤทธิ์ต่อเจ้าชายอชาตศัตรูให้เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน
เม่ือแผนการของท่านสาเร็จพระเทวทัตจึงเริ่มประพฤติกรรมดา โดยเริ่มจาก ยุยงพระเจ้าอชาตศัตรูปลง
พระชนม์พระเจ้าพิมพิสารเป็นผลสาเร็จ เหตุนี้เป็นข้อสงสัยขึ้นว่า ทาไมพระเจ้าพิมพิสารจึงถูกเจ้าชาย
อชาตศัตรูปลงพระชนม์ได้สาเร็จจากการยุยงของพระเทวทัต วิเคราะห์ได้ว่า เพราะวิบากกรรมหรือผล
กรรมของพระเจ้าพิมพิสารส่งผลให้ได้รับในชาติน้ี ซ่ึงในอดีตพระเจ้าพิมพิสารน้ีเคยใส่ฉลองพระบาท
(ใส่รองเท้า) เข้าไปในลานพระเจดีย์ ทรงเหยียบอาสนะที่เขาจัดไว้สาหรับน่ัง ผลกรรมจึงส่งผลให้
พระเจ้าอชาตศัตรูรับสั่งให้ทหารใช้ใบมีดกรีดพระบาทของพระองค์จนในที่สุดพระองค์ท รงทนพิษ
บาดแผลไม่ไหวจึงสิ้นพระชนม์ ซึ่งเป็นส่วนเกี่ยวพันกันในคร้ังอดีตระหว่าง พระเจ้าพิมพิสาร เจ้าชาย
อชาตศิ ัตรู และพระเทวทัต

ต่อจากน้ัน พระเทวทัตเม่ือสมความปราถนาจึงเร่ิมแผนการด้วยการทูลขอนายขมังธนูจาก
พระเจา้ อชาตศัตรูและส่ังให้นายขมังธนูไปลอบยิงพระพุทธองค์ วิบากดาส่งผลให้พระเทวทัตผิดหวังทุกข์
ใจจากการลอบปลงพระชนม์พระพุทธองค์ครั้งนี้ เพราะว่านายขมังธนูท้ังหมดท่ีท่านส่งไปกลับได้รับฟัง
พระธรรมเทศนาจนได้บรรลุโสดาบนั และบวชเป็นภิกษุบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ท้ังหมด พระเทวทัตยัง
มิได้เลิกล้มความตั้งใจจึงกระทาการลอบปลงพระชนม์ด้วยตนเอง โดยการกลิ้งหินให้ตกจากหน้าผาท่ี
เขาคิชกูฏใส่พระพุทธเจ้าได้เพียงแต่สะเก็ดหินชิ้นหน่ึงที่กะเทาะจากหินก้อนน้ันกระเด็นไปกระทบ
พระบาทของพระพุทธองค์เข้าทาให้พระโลหิตห้อขึ้นอันเป็นกรรมหนัก ครั้งน้ีพระเทวทัตกลับต้อง
ผิดหวังอีก วิบากดา หรือ ผลกรรมส่งผลให้พระเทวทัตทุกข์ใจซ้าเข้าไปอีก ในครั้งต่อมา พระเทวทัตคิด
หาวธิ อี นื่ เม่อื ทราบวา่ ชา้ งนาฬาครี ซี ่ึงเป็นชา้ งทรงของพระเจา้ อชาตศัตรกู าลงั ตกมัน ดุร้ายมาก ท่านจึง
เข้าไปหาควาญช้างพดู เกลีย้ กล่อมให้ปล่อยช้างนาฬาคีรี ขณะที่พระพุทธองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จ
ออกบิณฑบาตในตอนเช้าตรู่ พระเทวทัตก็สั่งให้ควาญช้างมอมเหล้าพญาช้างแล้วปล่อยออกจากโรง
ช้างหวังว่าช้างน้ีจะเข้าทาร้ายพระองค์ให้สิ้นพระชนม์ ปรากฏว่า พญาช้างหายเมาด้วยอานุภาพของ

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๔

พระพุทธองค์กลับเช่ืองเม่ืออยู่ต่อหน้าพระองค์ ผลกรรมนั้นส่งผลให้พระเทวทัตต้องผิดหวังอยู่อีกความ
ทกุ ขค์ วามผดิ หวังจงึ เกดิ ข้นึ ในใจเปน็ ทวีคูณ ผลกรรมนี้ยังส่งผลให้พระเทวทัตถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์
กันว่า เรื่องนี้ พระเทวทัตเป็นผู้บงการ รวมถึงส่ังให้นายขมังธนูลอบปลงพระชนม์พระพุทธองค์ และกล้ิง
หินหวังให้หินนั้นทับพระพุทธองค์จนส้ินประชนม์ อีกท้ังยังยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระ
เจ้าพิมพิสารผู้เป็นพระราชบิดา เหล่าประชาชนท่ัวท้ังพระนครต่างพากันตาหนิพระเจ้าอชาตศัตรูท่ียัง
ทรงอุปัฏฐากสนับสนุนพระเทวทัตอยู่ ด้วยเหตุนี้ ผลกรรมส่งผลให้พระเจ้าอชาตศัตรูทรงงดการบารุง
ทา่ นตง้ั แต่บดั นั้น และชาวกรุงราชคฤห์ก็ไม่ยอมใส่บาตรให้แก่พระเทวทตั ด้วย

หลังจากท่ีพระเทวทัตไม่ได้รับการอุปัฏฐากสนับสนุนจากพระเจ้าอชาตศัตรู ท่านยังไม่
สานึก ผลกรรมยังส่งผลให้พระเทวทัตเสื่อมจากฌาน เส่ือมจากลาภที่เคยมีอยู่ พระเทวทัตพร้อมกับ
บรวิ ารเทีย่ วกลา่ วอวดอตุ ริมนุสสธรรม (คุณวิเศษ) ท่ีไม่มีในตนเท่ียวขออาหารตามบ้านเรือนต่าง ๆ แต่ถึง
กระน้ันประชาชนก็ไม่เลื่อมใส ท่านจึงคบคิดกับคณะเพื่อทาสังฆเภท ทาคณะสงฆ์ให้แตกแยก
พระเทวทัตพบพระอานนท์ขณะบิณฑบาต จึงส่ังให้มากราบทูลพระพุทธองค์ว่า นับตั้งแต่วันน้ีไป
ท่านจะทาอุโบสถสังฆกรรม แยกจากพระพุทธองค์ แยกจากภิกษุสงฆ์ คร้ันถึงวันอุโบสถ
พระเทวทัตสามารถชักชวนพระบวชใหม่ชาววัชชี ๕๐๐ รูป ซึ่งเป็นสานุศิษย์ของพระสารีบุตรให้เข้า
ร่วมเป็นฝักฝ่ายของตนให้จับสลากแล้วทาลายสงฆ์ และพาไปอยู่ท่ีวิหารคยาสีสะ กล่าวสอนลัทธิของ
ตนว่า ส่ิงท่ีพระสมณโคดมทา ไม่ใช่ธรรม ส่ิงที่ตนทาเท่านั้น คือ ธรรม หลังจากท่ีพระเทวทัตทาลาย
สงฆ์แล้ว พระพทุ ธองค์ตรสั สง่ั ให้พระสารีบุตรกับพระมหาโมคคัลลานะติดตามไปนากลับมา พระเถระ
ท้ังสองจึงไปนาพระเหล่าน้ันกลับมาได้สาเร็จ ด้วยเหตุน้ี วิบากดา หรือ ผลกรรมนี้จึงส่งผลให้พระ
เทวทัตสูญสิ้นทุกอย่าง และถูกพระโกกาลิกะผู้เลื่อมใสศรัทธาตนเกิดโทสะท่ีพระเทวทัตปล่อยให้พระ
สารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะพาภิกษุเหล่านั้นกลับไป จึงกระแทกเข่าเข้าที่อกของท่าน เลือดสด ๆ
ไหลออกทางปากพระเทวทัต ท่านจึงล้มป่วยลงแต่น้ันมา

พระเทวทตั ล้มป่วยได้ ๙ เดอื น ท่านได้สานึกผิดต้องการขอขมาโทษต่อพระพุทธเจ้าด้วย
ตัวท่านเอง จึงขอให้บริวารพาท่านไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพ่ือขอขมาโทษต่อพระองค์ บริวารได้พา
พระเทวทัตไปก่อนถึงพระเชตวันมหาวิหาร เหล่าบริวารพาพระเทวทัตมาถึงสระโบกขรณีหน้า
พระเชตวัน วางเตียงลงริมสระลงไปด่ืมน้าและชาระร่างกาย วิบากดา หรือ ผลกรรมส่งผลให้
พระเทวทัตลุกขึ้นจะลงไปอาบน้าแต่พอวางเท้าลงถึงพ้ืนดินเท่าน้ัน แผ่นดินใหญ่ก็ได้แยกออกเป็น
ช่องเปลวเพลิงจากอเวจีมหานรกก็พวยพุ่งขึ้นโอบอุ้มเอาตัวไป พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบลงไปจน

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๕

ถึงคาง ในขณะท่ีจมลงถึงคาง ท่านคิดว่า บาปกรรมของท่านถึงที่สุดแล้ว ก็หวนระลึกถึงพระคุณของ
พระพุทธองค์ และได้กล่าวคาสรรเสริญพระพุทธคุณว่า ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธองค์ ผู้เป็นบุคคลเลิศ
เป็นเทพย่ิงกว่าเทพ เป็นสารถีแห่งคนท่ีควรฝึก มีพระจักษุเห็นรอบด้าน ทรงบุญลักษณะนับร้อย
พระองค์นั้น ด้วยลมปราณกับกระดูกทั้งหลายเหล่านี้ ท่านได้ถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชาแก่
พระพทุ ธองค์

ดังนั้น กรรมทั้งดาและขาว มีวิบากท้ังดาและขาว คือ กรรมท้ังชั่วและทั้งดี ให้ผลท้ังชั่ว
และทั้งดี กล่าวคือ การที่พระเทวทัตกระทาท้ังกรรมช่ัวและกรรมดี ทางกาย ทางวาจา และทางใจ
ซ่ึงมีผลเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น และไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อ่ืน ส่งผลให้พระเทวทัตได้รับมีท้ัง
ความทุกขแ์ ละความสขุ สลบั กัน

๔.๓ สรุปตารางการกระทากรรมและผลกรรมของพระเทวทัต

สรุป การกระทากรรมและผลกรรมของพระเทวทัตท่ีปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท

มดี งั นี้

อดตี ชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทัต ผลกรรมของพระเทวทัต

๑. ในเสรีววณิชชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพ่อค้า ได้รับความทุกข์ทางใจจนกระอักโลหิตถึงข้ัน
ประกอบอาชพี ทุจริต โดยหลอกลวงซ้ือขายสินค้า เสียชีวติ
จากประชาชน อีกท้งั ผูกอาฆาตต่อพระโพธิสตั ว์
๒. ในอปัณณกชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพ่อค้า ถูกพวกอมนุษย์จับกินต้องสูญเสียสินค้าบริวาร
เกวียนผู้โง่เขลา มีความเห็นแก่ตัว โง่เขลาเช่ือคา รวมถึงตนเองให้ถึงความพนิ าศ
ของพวกอมนษุ ย์
๓. ในลักขณชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นเน้ือช่ือว่า ตอ้ งอย่โู ดดเดี่ยวลาพัง
กาฬะเป็นผู้นาฝูง มีความโง่เขลา เป็นต้นเหตุทา
ใหบ้ ริวารเสยี ชีวิต
๔. ในนิโครธมิคชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพญา ถกู รังเกียจจากฝูงต้องอยู่โดดเดยี่ วลาพงั
เนื้อสาขะ ไมม่ เี มตตากรณุ า

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๖

อดีตชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทตั ผลกรรมของพระเทวทตั

๕. ในนฬปานชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นผีเสื้อน้า ไดร้ บั ความทุกข์

มุ่งจะทารา้ ยผูอ้ ่นื

๖. ในกุรุงคมิคชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ไดร้ บั ความทกุ ข์ทางใจ ซึ่งจัดเป็นวิบากทางใจ คือ
นายพราน เบียดเบยี นชวี ติ สตั ว์ ผกู พยาบาท ต้องไดร้ ับความผดิ หวัง

๗. ในสัมโมทมานชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นนก ถูกนายพรานจับไดแ้ ละถูกฆา่ เพือ่ ทาเป็นอาหาร

กระจาบบริวาร มีความโกรธ ก่อการทะเลาะ

วิวาท

๘. ในมหาสลี วชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นอามาตย์ ถกู ลงอาญาอย่างหนกั
ช่วั ผกู อาฆาต ยุยงพระเจ้าโกศลให้ประพฤติชั่ว

๙. ในวานรินทชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นจระเข้ ไดร้ บั ความทุกข์ทางใจ ซ่ึงจัดเป็นวิบากทางใจ คือ

มุ่งจะทารา้ ยผ้อู ื่น ต้องไดร้ บั ความผิดหวัง

๑๐. ในตโยธรรมชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพญา หัวใจแตกเปน็ เจด็ เส่ียงสนิ้ ชีวิต
ลงิ มีความโลภ คิดฆ่าลกู ของตน

๑๑. ในสีลวนาคชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถูกแผ่นดินสูบไปเกดิ ในอเวจมี หานรก

นายพราน มคี วามโลภ ทาลายมติ ร อกตัญญู

๑๒. ในสัจจังกิรชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นทุฏฐ ถูกประชาชนใช้ธนูยิง ใช้หอกแทง ใช้ก้อนหิน

กุมาร นิสัยหยาบคาย ผูกอาฆาต ทาลายมิตร ขว้างปา และไม้ค้อนเป็นต้นทาร้ายแล้วจับเท้า

มุสาวาท อกตัญญู กระชากลงมาจากคอชา้ งโยนทงิ้ ไปบนสนั คนู า้

๑๓. ในสิคาลชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นสุนัข ถูกพราหมณส์ าปแช่ง

จ้ิงจอก กล่าวมุสาวาท ขโมยปลา และเนื้อกนิ

๑๔. ในทุมเมธชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ตอ้ งสญู เสียชา้ งมงคล

พระราชาครองราชยใ์ นกรุงราชคฤห์ มคี วามริษยา

ประสงค์รา้ ย

๑๕. ในอสมั ปทานชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นปิลิย ถูกพระราชาส่ังยึดสมบัติของปิลิยเศรษฐีคืนแก่

เศรษฐี ผอู้ กตญั ญู ทาลายมติ ร ทา่ นสังขเศรษฐพี รอ้ มทงั้ บริวารทั้งหมด

๑๖. ในอุภโตภัตถชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น สูญเสียดวงตา และเสียทรัพย์ ครอบครัวได้รับ

นายพรานเบ็ด มีความโลภ ส่ังภรรยาให้ก่อการ ความเดือดรอ้ น

ทะเลาะกับพวกคนใกลเ้ คยี ง

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๗

อดตี ชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทัต ผลกรรมของพระเทวทัต

๑๗. ในโคธชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นก้ิงก่า สูญเสยี มิตร ไม่มผี ู้ใดคบหาสมาสคม

มีความโกรธ ทาลายมติ ร

๑๘. ในสิคาลชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นนักเลง ได้รับความทกุ ข์ทางใจ ซ่ึงจัดเป็นวิบากทางใจ คือ

สุรา ตดิ สรุ า เบยี ดเบยี นสตั วอ์ ื่น ต้องไดร้ บั ความผิดหวงั และถกู ตาหนิตเิ ตยี น

๑๙. ในวิโรจนชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นสุนัข ถูกช้างเหยียบหัวกะโหลกศีรษะแตกแหลกเละ

จิง้ จอก ไม่รจู้ กั ประมาณตน อยากเปน็ ใหญ่ สน้ิ ใจตาย

๒๐. ในวินีลกชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นนกวินีล ถูกบดิ ารงั เกียจและขับไล่

กะ ไม่รจู้ ักประมาณตน

๒๑. ในสกุณัคฆิชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นนก บินโฉบนกมูลไถเสียหลักกระแทกเข้ากับก้อนดิน

เหยี่ยวเขา ม่งุ จะทารา้ ยผู้อน่ื อกแตกตาถลนตายทนั ที

๒๒. ในมักกฎชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นลิง ถกู ตาหนิติเตยี นซึง่ เป็นวิบากจากการถ่ายอุจจาระ

อกตัญญู ทาลายมิตร รดศรี ษะของพระโพธสิ ตั ว์

๒๓. ในคิริทัตตชาดก พระเทวัตเกิดเป็นคิริทัต ถูกพระราชาปลดจากตาแหน่งทาให้เส่ือมจากลาภ

ประทุษรา้ ยมา้ ของพระเจา้ สามะ ยศ

๒๔. ในจุลลปทุมชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นโจร พระราชารับส่ังให้ลงอาญาขังไว้ในกระเช้า

ประพฤติผิดในกาม จนกระทั่งตาย

๒๕. ในมณโิ จรชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพระเจ้า ถูกประหารชวี ติ

พาราณสี ปราศจากธรรม ต้องการภรรยาผู้อ่ืน มุ่ง

จะทารา้ ยผูอ้ ื่น

๒๖. ในวีรกชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นกาชื่อว่า ถกู สาหรา่ ยพนั คอตายในน้า

สวิษฐกะ ไมร่ ู้จักประมาณตน

๒๗. ในกุรุงคมิคชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพราน ได้รับความทกุ ข์ทางใจ ซ่ึงจัดเป็นวิบากทางใจ คือ

เน้ือ มอี าชพี ล่าสัตว์ขาย ตอ้ งไดร้ บั ความผดิ หวัง

๒๘. ในสุงสุมารชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นจระเข้ ได้รบั ความทกุ ข์ทางใจ ซึ่งจัดเป็นวิบากทางใจ คือ

มุง่ จะทารา้ ยผอู้ ื่น ต้องไดร้ บั ความผิดหวงั

๒๙. ในกักกรชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพรานนก ได้รับความทกุ ข์ทางใจ ซ่ึงจัดเป็นวิบากทางใจ คือ

เบยี ดเบียนชวี ติ สัตว์ ต้องได้รบั ความผดิ หวงั และถกู เยาะเยย้ จากไก่

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๘

อดีตชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทัต ผลกรรมของพระเทวทตั

๓๐. ในกันทคลกชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นนกชื่อ เอาจะงอยเคาะต้นตะเคียนจะงอยปากหักทันที

วา่ กันทคลกะ ไมร่ ู้จักประมาณตน ตาทะเล้น หัวแตกไม่อาจจับอยู่บนต้นไม้นั้นได้

ตกลงบนพ้นื ดนิ ถงึ แก่ความตาย

๓๑. ในธัมมัทธชชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถูกอามาตย์ พราหมณ์ คหบดที งั้ หลายช่วยกันจับมือ

เสนาบดีชือ่ กาฬกะ รบั สินบน ไม่มีคุณธรรม ยุงให้ และเทา้ พาลงจากพระราชนิเวศน์ ทุบศีรษะดว้ ยกอ้ น

พระราชาฆา่ พระโพธิสัตว์ หินและไมค้ อ้ นคนละไม้ละมือจนถงึ แก่ความตาย

๓๒. ในกาสาวชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถูกตาหนติ ิเตยี น

นายพราน มีความโลภ ฆ่าชา้ ง มุง่ จะทารา้ ยสัตว์

๓๓. ในจุลลนันทิยชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถกู แผน่ ดนิ สูบตายไปบงั เกิดในอเวจีมหานรก

นายพราน ไม่เช่ือฟังอาจารย์ ไม่มีเมตตากรุณา

เบยี ดเบียนชีวิตสตั ว์

๓๔. ในอุปาหนชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นมาณพ ถูกมหาชนต่างเอาก้อนดินและท่อนไม้เป็นต้น

ชาวกาสิคาม ไม่เกรงกลัวต่อบาป ไม่รู้จัก ประหารศิษยผ์ ้ชู ัว่ ร้ายใหถ้ ึงแก่ความตาย

ประมาณตน เป็นศิษย์คดิ ล้างครู

๓๕. ในมหาปิงคิลชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพระ หลังจากสวรรคตแล้วไม่มีผู้ใดกล่าวสรรเสริญ

เจ้ามหาปิงคิละ มีความลาเอียง ขูดรีดทรัพย์สิน ความดีต่อพระมหาปิงคิละเลยเพราะเบียดเบียน

ของประชาชน ประชาชนไว้มาก

๓๖. ในสัพพทาฐชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นสุนัข ถูกชา้ งเหยยี บแหลกละเอยี ดถึงแกค่ วามตาย

จิ้งจอก ไมร่ ู้จกั ประมาณตน

๓๗. ในคุตติลชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นนักขับ ถูกมหาชนต่างทุบตีด้วยก้อนหินต้นไม้เป็นต้น

ร้องช่ือว่า มุสิละ ไม่เกรงกลัวต่อบาป ไม่รู้จัก จนรา่ งของมสุ ิละแหลกเหลวใหถ้ งึ แก่ความตาย

ประมาณตน เป็นศษิ ยค์ ดิ ล้างครู

๓๘. ในโรมชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นชฎิล มุ่งจะ ถูกพญานกพิราบคุกคาม ชฎิลช่ัวไม่อาจอยู่ในที่

ทารา้ ยสัตว์ นน้ั ได้จงึ ไปอยู่ทอ่ี นื่

๓๙. ในชัมพูขาทกชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นสุนัข ถกู เทวดาตาหนิและขบั ไลใ่ หห้ นไี ป

จง้ิ จอก กล่าวคาไมเ่ ปน็ จริง

๔๐. ในอันตชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นสุนัข ถูกเทวดาตาหนิและขบั ไลใ่ ห้หนไี ป

จ้ิงจอก กล่าวคาไมเ่ ปน็ จรงิ

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๐๙

อดตี ชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทตั ผลกรรมของพระเทวทตั

๔๑. ในชวสกุณชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นราชสีห์ ถูกนกตาหนิติเตยี น

มคี วามอกตัญญู

๔๒. ในขันติวาทิชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถกู แผ่นดนิ สูบหมกไหมท้ รมานในอเวจีมหานรก

พระราชาพระนามว่า กลาปุ มีความโกรธ ทาร้าย

ร่างกายผอู้ ่ืน

๔๓. ในกักการุชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นปุโรหิต ปุโรหิตได้รับความทุกข์ทรมานเกิดข้ึนบนศีรษะ

มคี วามโลภ กล่าวมสุ าวาท เป็นเหมือนถูกของแหลมคมท่ิมแทงและเหมือน

ถูกบีบรัดด้วยแผ่นเหล็กนอนกลิ้งไปกล้ิงมาร้อง

เสยี งดงั ลนั่ ถกู เทวดาตเิ ตยี น

๔๔. ในกาฬพาหุชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นลิงชื่อ พระราชาทรงรับสั่งให้บริวารนาตัวลิงกาฬพาหุ

กาฬพาหุ แสดงท่าทางใหพ้ ระราชกมุ ารกลวั นั้นออกไปจากพระราชวัง ลิงกาฬพาหุจึงเส่ือม

จากลาภสักการะ

๔๕. ในชัมพุกชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นสุนัข ถูกช้างเหยียบลงบนกระหม่อมของสุนัขจ้ิงจอก

จง้ิ จอก ไมร่ ้จู กั ประมาณตน ม่งุ จะทารา้ ยผ้อู ืน่ ศีรษะแตกแหลกละเอียดนอนส้ินใจตาย

๔๖. ในวานรชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นจระเข้ มุ่ง ได้รับความผิดหวังจากวิบากของอกุศลกรรมทาง

จะทารา้ ยผู้อนื่ ใจ

๔๗. ในเวนสาขชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นปุโรหิต สูญเสียดวงตาได้รับทุกขเวทนาเป็นอย่างย่ิง

ชอ่ื วา่ ปิงคิยะ มคี วามโลภ ยใุ หใ้ ห้ผู้อนื่ ทาชวั่ สน้ิ พระชนม์ไปบังเกดิ ในนรก

๔๘. ในลฏุกิกชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพญาช้าง ถูกกาทาลายตาทง้ั สอง ถูกแมลงวนั หัวเขียวหยอด
ดรุ ้าย ไม่มีเมตตากรณุ า เบียดเบียนชีวติ ผ้อู น่ื ไข่ลงไปที่นัยน์ตา ถูกตัวหนอนชอนไชได้รับความ

ทกุ ขท์ รมาน ถูกกบส่งเสียงร้องเพื่อล่อลวงให้พลัด

ตกลงไปส้นิ ชวี ิตในเหว

๔๙. ในจุลลธรรมปาลชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถูกแผน่ ดนิ สูบลงในอเวจีมหานรก

พระเจา้ มหาปตาปะ ส่งั ใหเ้ พชฌฆาตตัดมือตัดเท้า

และตัดศีรษะพระโพธิสัตว์

๕๐. ในสาลิยชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นหมอ ถูกงูรัดคอและกัดทาให้หมอน้ันล้มลงนอนด้ิน

ทรุ พล มีความโลภ หลอกลวง สนิ้ ใจตายด้วยฤทธิ์ของพิษงู

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๐

อดตี ชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทตั ผลกรรมของพระเทวทตั

๕๑. ในสุวรรณกักกฎชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถูกปใู ชก้ า้ มหนีบศรี ษะส้ินใจตาย

กา มงุ่ จะทารา้ ยผู้อนื่

๕๒. ในมโนชชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นสุนัข ถูกตาหนิติเตยี นและสูญเสียมิตร

จิ้งจอกชอ่ื วา่ คริ ยิ ะ ยุใหผ้ ู้อ่ืนทาชั่ว

๕๓. ในกปิชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นลิงหัวดื้อ ถกู นกั แมน่ ธนูไปยงิ เสียชีวติ

เกเร ถ่ายอจุ จาระรดศีรษะของปุโรหติ

๕๔. ในมหากปิชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นลิง ไมป่ รากฏผลกรรม

บรวิ าร ประทุษรา้ ยผ้อู น่ื

๕๕. ในปรนั ตปชาดก พระเทวทตั เกิดเป็นพระเจ้า เกิดคว ามกลัวจึง หนีออกไปอยู่ในป่าและ

พรหมทตั ประทุษร้ายพระโอรส สิน้ พระชนม์ในป่าน้นั

๕๖. ในเจติยราชชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพระ ถกู แผ่นดนิ สูบลงไปในนรกอเวจี

เจ้าอปุ จริ ราช กล่าวมุสาวาท

๕๗. ในติตติรชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นดาบส ถูกเสอื โครง่ กดั ตาย

ผู้อกตญั ญู เบียดเบียนชวี ติ สัตว์

๕๘. ในนิโครธชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นสา ถูกพระราชาตาหนิตเิ ตียนและลดทอนอานาจลง

ขเสนาบดี มีความโลภ อกตญั ญู ทาลายมิตร

๕๙. ในกุกกุฏชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นเหยี่ยว ไดร้ ับความผิดหวัง และถกู พญาไกข่ ับไล่

เบยี ดเบียนชวี ติ ผู้อ่นื มงุ่ จะทาร้ายผอู้ น่ื

๖๐. ในมาตโุ ปสกชาดก พระเทวทัตเกดิ เป็นพราน ไม่ปรากฏผลกรรม

ป่า มีความโลภ

๖๑. ในธรรมเทวปุตตชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ตกจากรถแล้วถูกแผ่นดินสูบตายไปเกิดในอเวจี

อธรรมเทพบุตร ชักชวนให้หมู่ชนถือมั่นใน มหานรก

อกศุ ลกรรมบถ ๑๐ ประการ

๖๒. ในสมุททวาณิชชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถกู พวกอมนุษย์โกรธบนั ดาลให้คลื่นจากท้องทะเล

นายช่างไม้ มคี วามประมาท ซัดเข้าไปล้างเกาะ นายช่างไม้และพวกพ้องต่าง

ถูกนา้ ทว่ มพากนั เสียชวี ติ ในเกาะนน้ั

๖๓. ในมหาปทุมชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพระ ไมป่ รากฏผลกรรม

เจ้าพรหมทัต มีความหลงมัวเมา มคี วามโกรธ

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๑

อดตี ชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทตั ผลกรรมของพระเทวทัต

๖๔. ในอัมพชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นมาณพ มาณพไม่สามารถแสดงมนต์นั้นถวายให้แก่

กล่าวคามสุ าวาท พระราชาทรงทอดพระเนตรได้เพราะมนต์น้ัน

เสื่อมไป ถูกอาจารยข์ บั ไล่ เข้าไปอยู่ในป่าเสียชีวิต

อย่างอนาถ

๖๕. ในรุรุมิคชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นบุตรของ ถกู พระโพธิสัตว์กลา่ วตาหนิตเิ ตยี น

เศรษฐีชื่อว่ามหาชนกะ มีความโลภ อกตัญญู

ประทษุ ร้ายมติ ร

๖๖. ในจันทกินรีชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นพระ ถูกจันทกินรีสาปแช่งให้ได้รับความทุกข์ทางใจ

เจ้าพรหมทัต ต้องการภรรยาผู้อ่ืน เบียดเบียน สง่ ผลใหพ้ ระราชาทรงผิดหวัง

ชีวิตผอู้ ่นื

๖๗. ในตัจฉสุกรชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นชฎิล ถูกฝูงหมูป่าลุมกันขวิดจนเสียชีวิตและพากันกิน

มคี วามโลภ ยยุ งใหผ้ ้อู ื่นทาช่วั เน้อื

๖๘. ในสัตติคุมพชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นนก ไมป่ รากฏผลกรรม

แขกเต้าชื่อว่า สัตติคุมพะ มีความโลภ ยุยงโจร

ปลน้ พระราชาแลว้ ฆ่า

๖๙. ในโสมนัสสชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นชฎิล ถูกมหาชนพากันทบุ ตจี นส้ินชีวิต

มีความโลภ โกหกหลอกลวง ยุยงพระราชาให้

ประพฤติชวั่

๗๐. ในจัมเปยยชาดก พระเทวทัตเกิดเป็นหมองู ไม่ปรากฏผลกรรม

มีความโลภ ทรมานสัตว์

๗๑. ในฉัททันตชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ไม่ปรากฏผลกรรม

นายพรานชื่อว่า โสณุดร มีความโลภ เบียดเบียน

ชีวติ สตั ว์

๗๒. ในมหากปิชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น เกิดโรคเร้ือนขึ้นทั่วตัวกลายเป็นมนุษย์เปรตใน

พราหมณ์ ม่งุ ทารา้ ยสัตวอ์ ่นื ปัจจุบัน ถูกความทุกข์เบียดเบียนอยู่ ๗ ปี

ถูกแผน่ ดินสบู ตกลงไปบงั เกิดในอเวจีมหานรก

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๒

อดีตชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทัต ผลกรรมของพระเทวทตั

๗๓. ในปัณฑรกชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ชีเปลือย ถูกพญานาคสาปแช่งศีรษะของชีเปลือยแตก

ชื่อว่า กทัมพิยอเจลกะ มีความโลภ โกหกหลอกลวง ออกเปน็ ๗ เสีย่ ง ถูกแผ่นดินสบู ตกลงไปบังเกิดใน

ไม่รกั ษาสจั จะ ประทุษรา้ ยผู้ไม่ประทษุ รา้ ย อเวจมี หานรก

๗๔. ในมโหสถชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ไมป่ รากฏผลกรรม

พราหมณ์เกวัฏปุโรหิต มีความโลภ ยุยงให้

พระราชาประพฤติชว่ั

๗๕. ในภูริทัตชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถูกจับทรมานและปลอ่ ยไป

นายพราน มีความโลภ ทรมานสตั ว์

๗๖. ในจันทกุมารชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น ถูกมหาชนต่างพากันทุบตีปุโรหิตจนถึงแก่ความ

ปโุ รหิตชื่อวา่ กัณฑหาละ รับสินบน ไม่มีคุณธรรม ตาย

ผูกอาฆาต ยใุ ห้พระราชาประพฤติชั่ว

๗๗. ในมหานารทกัสสปชาดก พระเทวทัตเกิด ไม่ปรากฏผลกรรม

เป็นเสนาบดีชื่อว่า อลาตะ มีความโลภ ช้ีนาให้

พระราชาหลงผิด

๗๘. ในเวสสันตรชาดก พระเทวทัตเกิดเป็น อาหารท่ีบริโภคเข้าไปไม่ย่อยเกิดทุกข์เวทนา

พราหมณช์ ูชก มรี าคะ มีความโลภ กล่าวมุสาวาท ทรมานจนท้องแตกส้ินชีวติ

ทุบตกี ุมารทัง้ สอง ไมป่ ระมาณในการบริโภค

ปัจจุบันชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทตั ผลกรรมของพระเทวทตั

๑. ก่อนบวช

- เจา้ ชายเทวทัต เบียดเบยี นชวี ติ สัตว์ - ต้องผิดหวังจาการครอบครองหงส์

- เจ้าชายเทวทัต มีศรัทธาต้องการบวช ลดมานะ - ไดร้ ับการบวชจากพระพุทธเจ้า

ละทฏิ ฐิ

๒. หลังบวช - บรรลุฤทธิ์อนั เป็นของปถุ ชุ น

- พระเทวทัต บาเพ็ญสมณธรรม - เสือ่ มจากลาภสกั การะ เสื่อมจากกศุ ลธรรม

- ยุยงพระเจ้าอชาตศัตรใู ห้หลงเช่อื - พระพทุ ธองค์ไม่ทรงอนญุ าต

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๓

ปัจจบุ ันชาติ

การกระทากรรมของพระเทวทตั ผลกรรมของพระเทวทัต

- กราบทลู ขอปกครองสงฆ์ตอ่ พระพทุ ธเจา้ - ผิดหวังจากการลอบปลงพระชนม์

- พยายามเพอ่ื ปลงพระชนม์พระพทุ ธองค์ - พระพุทธองค์ไมท่ รงอนุญาต ทรงตรัสเตือนไม่ให้

- ทูลขอวตั ถุ ๕ ประการและทาสังฆเภท อวดอุตริ พยายามทาลายสงฆ์ อันเป็นบาปหนัก ตกนรก

มนสุ สธรรมทีไ่ มม่ ีในตน ตลอดกัป แต่ท่านไม่ยอมเชื่อ พระเทวทัตป่วย

หนักอยู่ ๙ เดือน ถกู แผน่ ดินสูบลงไปตั้งแต่ข้อเท้า

สะเอว จนถงึ คาง

อนาคต

การกระทากรรมของพระเทวทตั ผลกรรมของพระเทวทัต

พระเทวทัตรู้สึกสานึกตัวว่าได้ทาผิดต่อพระพุทธ ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่า พระ

องค์มามากก่อนมรณภาพประสงค์จะเข้าเฝ้าทูล เทวทัตเมื่อเสวยทุกข์อยู่ในนรกอเวจี ๑ กัป

ขอขมาโทษ สารภาพความผิดด้วยตนเอง พระ ภายหลังจักได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์และจะได้
เทวทัตได้ถูกแผ่นดินสูบลงไปต้ังแต่ข้อเท้า สะเอว
จนถึงคาง ในขณะที่จมลงถึงคาง ท่านคิดว่า ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า อัฏฐิสสระ
บาปกรรมของท่านถึงท่ีสุดแล้ว ก็หวนระลึกถึง ด้วยอานาจผลบุญที่ถวายกระดูกคางเป็นพุทธ

พระคุณของพระพุทธองค์ และได้กล่าวคา บูชา

สรรเสริญพระพุทธคุณ ถวายกระดูกคางเป็นพุทธ

บชู า

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๔

๔.๔ องค์ความรทู้ ไี่ ด้จากการวิจยั

จากการศกึ ษาวเิ คราะหก์ รรมของพระเทวทัตที่ปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท ผู้วิจัย
พบว่า องค์ความรู้ที่เกิดข้ึนจากการศึกษาคร้ังนี้เป็นกระบวนการทากรรมและการให้ผลของกรรมของ
พระเทวทตั ดงั นี้

การกระทากรรมของพระเทวทัต

กศุ ลกรรม กรรม ๒ อกุศลกรรม

กรรม ๓

กายสุจรติ กายทุจรติ
วาจาสจุ รติ วาจาทจุ ริต
ใจสุจริต ใจทจุ ริต

ผลกรรม ผลกรรม

สง่ ผลใหต้ รัสรู้เป็นพระปจั เจกพทุ ธ ส่งผลให้ได้รับความทุกข์ท้ังอดีต
เจา้ นามว่า อัฏฐสิ สระ ปจั จุบัน และอนาคต

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๕
จะพบว่ากระบวนการทากรรมและการให้ผลของกรรมของพระเทวทัต จะเร่ิมจาก
มีเจตนาเป็นตัวกรรม กรรมในที่นี้หมายถึง กรรม ๒ ประเภท ได้แก่ กุศลกรรม คือ กรรมดี และ
อกุศลกรรม คือ กรรมชั่วบุคคลจะประพฤติดี หรือ ช่ัว เป็นผลที่เกิดมาจากเจตนาเป็นตัวกาหนด เมื่อ
บคุ คลนนั้ ประพฤตดิ ี เป็นผลมาจากมเี จตนาทด่ี ี หรือ มีเจตนาท่ีเป็นกุศล แต่ถ้าบุคคลนั้นประพฤติช่ัว
เป็นผลมาจากเจตนาช่ัว หรือ มีเจตนาที่เป็นอกุศล ด้วยเหตุนี้ เมื่อบุคคลมีเจตนาท่ีเป็นกุศล หรือ อกุศล
ผลกรรมจึงส่งต่อให้บุคคลประพฤติทางกาย ทางวาจา และทางใจ ซึ่งเป็นช่องทางการทากรรม หรือ
กรรม ๓ ประเภท กล่าวคือ เม่ือบุคคลมีเจตนาเป็นกุศล ผลกรรมจะส่งผลให้บุคคลมีความประพฤติ
ทางกาย ทางวาจา และทางใจเป็นสุจริต แตถ่ า้ บุคคลมีเจตนาเป็นอกศุ ล ผลกรรมจะส่งผลให้บุคคลมีความ
ประพฤติทางกาย ทางวาจา และทางใจเป็นทุจริต ผลจากการกระทากรรมจะส่งผลให้ได้รับท้ังอดีต
ปจั จุบนั และอนาคตเป็นความสุข หรือ ความทุกข์ มีทรัพย์สมบัติมาก หรือ มีทรัพย์สมบัติน้อย มีอายุ
ส้ัน หรือ มีอายุยืน ต่าง ๆ เหล่านี้ จะเกิดขึ้นและเป็นไปตามกระบวนการทากรรมของพระเทวทัตดังท่ี
กลา่ วมา

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

บทที่ ๕

สรปุ ผลการวจิ ัยและขอ้ เสนอแนะ

๕.๑ สรุปผลการวจิ ัย

จากการศึกษาวิเคราะห์กรรมของพระเทวทัตที่ปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท โดยมี
วัตถุประสงค์ดังน้ี คือ (๑) เพ่ือศึกษาหลักกรรมท่ีปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท (๒) เพื่อศึกษาการ
กระทากรรมของพระเทวทัต และ (๓) เพื่อศึกษาวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตที่ปรากฏใน
พระพทุ ธศาสนาเถรวาท สรปุ ผลจากการวิจัยผู้วิจยั พบว่า

๕.๑.๑ หลักกรรมท่ปี รากฏในพระพทุ ธศาสนาเถรวาท
เมอื่ ศกึ ษาทาความเข้าใจเร่ืองกรรมในทางพระพุทธศาสนาเถรวาทผู้วิจัยพบว่า หลักธรรม
คาสอนของพระพุทธเจ้าท่ีทรงตรัสไว้ในพระไตรปิฎก พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างชัดเจนถึง
หลกั กรรมในฐานสตู รและจูฬกัมมวิภังคสูตรว่า สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิตควรพิจารณาเนือง ๆ
วา่ “เรามกี รรมเปน็ ของตน เป็นผู้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกาเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ุ มีกรรมเป็น
ท่ีพ่ึงอาศัย เราทากรรมใดไว้ จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมน้ัน” จาก
พทุ ธพจนน์ ี้ถอื ไดว้ า่ เป็นหลักกรรมท่ีทรงตรัสไว้อย่างครอบคลมุ ชดั เจนที่สุด กล่าวคือ กรรม ๒ กรรม ๓
กรรม ๔ และกรรม ๑๒ กรรมอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ซ่ึงกระทาทางกาย ทางวาจา และทางใจเมื่อเรากระทา
ไปแล้ว กรรมนั้นย่อมให้ผลอย่างแน่นอน กรรมจึงเปรียบเสมือนสมบัติที่ตนเองพึงจะได้รับในอนาคต
มนุษย์จึงมีกรรมเป็นของตน หลังจากท่ีได้ทากรรมไปแล้วจะเกิดผลกรรมนั้นขึ้นมาอาจเกิดทันทีหรือ
อาจใหผ้ ลภายหลงั โดยตรงต่อผ้กู ระทาเอง ไม่มใี ครรบั ผลกรรมแทนกันได้ บุคคลผู้เกิดมามีฐานะร่ารวย
กเ็ พราะกรรมดมี กี ารทาบญุ ให้ทาน บุคคลผู้มีฐานะยากจนก็เพราะทากรรมชั่วตระหนี่ไม่ให้ทาน ไปลัก
ขโมยของ ประกอบอาชีพทุจริต เป็นต้น เพราะฉะน้ันบุคคลจึงมีกรรมเป็นกาเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ุ
มีกรรมเป็นท่ีพึ่งอาศัย กรรมจึงจาแนกให้บุคคลดี เลว ร่ารวยหรือยากจนต่างกัน ในจูฬนันทิยชาดก
พระพุทธเจา้ ทรงยนื ยันว่า ทากรรมอะไรเอาไว้ ย่อมได้ผลเช่นนน้ั ทากรรมดยี อ่ มได้รับผลดี ทากรรมช่ัว
ย่อมได้รับผลชั่วเหมือนกับหว่านเมล็ดพันธ์ุพืชชนิดใด ย่อมได้พันธุ์พืชชนิดน้ันเป็นการตอบแทนอย่าง
แน่นอน

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๗

ดังน้ัน จากการศึกษาวิเคราะห์หลักกรรมท่ีปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรว าท
ตามความหมายของกรรม ประเภทของกรรม ลักษณะของกรรม และแนวคิดทฤษฎีท่ีเก่ียวข้องกับ
กรรมในพระพุทธศาสนาเถรวาทตัวการสาคัญที่กาหนดให้มนุษย์หรือสัตว์กระทาดีหรือเลวน่ันก็คือ
เจตนาน่ันเอง

๕.๑.๒ การกระทากรรมของพระเทวทตั ทปี่ รากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท
การกระทากรรมของพระเทวทัตที่ปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาทถือได้ว่าเป็นต้นแบบ
หรือตัวอย่างท่ีดีทางการศึกษาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ โดยสะท้อนให้เห็นถึงกรรมดีและ
กรรมชั่วอันเป็นสิ่งท่ีบุคคลทุกคนอาศัยกรรม คือ การกระทา หรือพฤติกรรม และอีกนัยหนึ่ง ก็คือ
การปฏิบัตใิ หเ้ ป็นไปตามเปา้ หมายของตน ในการศกึ ษากรรมของพระเทวทัตในอดีตชาติท้ัง ๗๘ ชาดก
พบว่า พระเทวทัตมีเจตนาที่เป็นอกุศลกรรม พระเทวทัตกระทากรรมทางกายทุจริต อาทิเช่น
เบียดเบียนชีวิตสัตว์ ทรมานสตั ว์ ก่อการทะเลาะววิ าท ตดิ สรุ า ประพฤติผิดในกาม ขูดรดี ทรัพย์สินของ
ประชาชน แสดงท่าทางใหผ้ ู้อ่ืนกลัว ในชาตทิ ี่เกดิ เปน็ ลิงถ่ายอุจจาระรดศีรษะของปุโรหิต ในชาติที่เกิด
เป็นพราหมณ์ชูชกไม่ประมาณในการบริโภคทาให้อาหารไม่ย่อยท้องแตกจนเสียชีวิต เป็นต้น
พระเทวทัต กระทากรรมทางวาจาทจุ ริต อาทิเช่น กล่าวมุสาวาท โกหกหลอกลวง ไม่รักษาสัจจะ ยุยง
ผู้อื่นให้ประพฤติช่ัว ชักชวนให้ผู้อ่ืนประพฤติอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ เป็นต้น อีกท้ังพระเทวทัต
กระทากรรมทางใจทุจริต อาทิเช่น ผูกอาฆาตพยาบาท เห็นแก่ตัว โง่เขลา ไม่มีเมตตากรุณา มุ่งจะทา
รา้ ยผู้อนื่ มีความโกรธ มีความโลภ อกตัญญู มีความลาเอียง เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ กรรมหรือการกระทา
ในอดีตชาติดังท่ีกล่าวมาของพระเทวทัตจัดเป็นกรรมชั่ว หรือ อกุศลกรรม และมีพฤติกรรมทางกาย
ทางวาจา และทางใจเปน็ ทุจริต ในทางพระพุทธศาสนา
สาหรับกรรมหรือการกระทาในชาติปัจจุบันของพระเทวทัตโดยเริ่มต้ังแต่ ก่อนบวชและ
หลังจากการบวชของพระเทวทัต ผู้วิจัยพบว่า เจ้าชายเทวทัตมีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า
ประพฤติกรรมดี ด้วยการละลายมานะ และมิจฉาทิฏฐิได้หมด โดยกระทาการขอขมาโทษต่อนาย
อุบาลีภูษามาลาซง่ึ เปน็ ผรู้ ับใช้และให้นายอุบาลีภูษามาลาบวชก่อนท่าน หลังจากบวชแล้วพระเทวทัต
มีความประพฤติดี กล่าวคือ การกระทาดี หรือ กรรมดี เป็นกุศลกรรม ท่านสามารถประพฤติปฏิบัติ
บาเพญ็ สมณะธรรมจนได้ฌาณมีฤทธิ์มาก แต่ไม่สามารถรกั ษาความดีน้ันให้ต้ังอยู่ได้นานถูกอานาจของ
กิเลสครอบงาทาให้ก่อกรรมชั่ว เกิดความโลภ ความหลง ประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา และ
ทางใจ อาทิเช่น ยุยงให้พระเจ้าอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารผู้ทรงเป็นพระราชบิดา

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๘

ลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า กระทาสังฆเภท คือ ทาให้หมู่สงฆ์แตกแยกกัน เป็นต้น จนถึงวาระ
สุดทา้ ยของชวี ิตทาให้พระเทวทัตสานึกผิดในการกระทาของท่าน ท่านได้กระทาความดีด้วยการถวาย
กระดูกคางเปน็ พุทธบชู า ธรรมบชู า สงั ฆบูชา

ดงั น้ัน จึงสรปุ ไดว้ ่า จากอดีตจนถงึ ปัจจบุ ันพระเทวทตั ถึงแม้จะประพฤติตัวไม่ดีทาความชั่ว
เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายแล้วท่านก็มิได้ยึดถือเอาความช่ัวเป็นหลักในการดาเนินชีวิตเพียงอย่าง
เดียวท่านยังมีความสานึกผิดซึ่งเป็นส่ิงท่ีดีสะท้อนให้ปุถุชนทั้งหลายได้เห็นถึงก รรมช่ัวทาอย่างไรก็ไม่
สามารถทาให้ชีวิตมีความสุขสงบได้อย่างยั่งยืนถาวร แต่กรรมดีหรือความดีเป็นส่ิงที่ทาให้ชีวิตมี
ความสขุ สงบไดอ้ ย่างย่ังยนื ถาวรอยา่ งแน่แท้

๕.๑.๓ วิเคราะหผ์ ลกรรมของพระเทวทตั ทีป่ รากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท
จากการศึกษาวิเคราะห์ผลกรรมของพระเทวทัตท่ีปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท ผู้วิจัย
พบว่า ในอดีตชาติท้ัง ๗๘ ชาดก เม่ือวิเคราะห์ตามหลักกรรม ๒ ได้แก่ กุศลกรรม คือ กรรมดี ๑,
อกุศลกรรม คือ กรรมชั่ว ๑ จะเห็นได้ว่า พระเทวทัตมีเจตนาที่เป็นอกุศลกรรมทั้ง ๗๘ ชาดก
ตัวอย่างเช่น ในเสรีววณิชชาดก พบว่า เป็นชาติแรกที่พระเทวทัตผูกอาฆาตต่อพระพุทธเจ้า
พระเทวทัตเกิดเป็นพอ่ คา้ มีเจตนาท่ีเปน็ อกุศลกรรม คือ กรรมช่ัว ชอบเอาเปรียบ คิดคดโกง หลอกลวง
ซ้ือขายสินค้าของประชาชน ผลของอกุศลกรรมส่งผลให้พ่อค้า หรือ พระเทวทัตได้รับความผิดหวัง
มีความทุกข์เกิดขึ้น เกิดความเดือดร้อน ผูกอาฆาตต่อพระพุทธเจ้าซ่ึงได้เสวยพระชาติเป็นพ่อค้า
เช่นเดียวกันกับท่าน เหตุเพราะพระพุทธองค์ได้ถาดทองคาไป ด้วยแรงอาฆาตของพระเทวทัต หรือ
พอ่ ค้าถงึ กับทาให้เลอื ดพุ่งออกจากปากจนส้ินชวี ติ
จากการวิเคราะห์ผลกรรมตามหลักกรรม ๓ จะพบว่า พระเทวทัตมีความประพฤติทุจริต
ทางกาย ทางวาจา และทางใจ ตัวอย่างในเสรีววณิชชาดก ผลกรรมส่งผลให้พระเทวทัต หรือ พ่อค้าผู้
ประกอบอกุศลกรรมต้องผิดหวัง เป็นทุกข์ เดือดร้อน และเสียชีวิต เป็นผลจากกรรม ทางกาย
ทางวาจา และทางใจท่ไี ดก้ ระทา
จากการวเิ คราะห์ผลกรรมตามหลักกรรม ๔ จะพบวา่ พระเทวทัตมีเจตนาเป็นอกุศลกรรม
ส่งผลให้ประพฤตทิ จุ ริตทางกาย ทางวาจา และทางใจ เป็นอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ จัดตามกรรม
๔ อยู่ในประเภทกรรมดา หรือ กรรมช่ัว ตัวอย่างในสัจจังกิรชาดก ผลกรรมจึงส่งผลทาให้พระเทวทัต
หรือ ทฏุ ฐกมุ าร ได้รบั ความทกุ ข์ทางกายและทางใจ จากการประพฤติกรรมดา หรอื กรรมชั่ว

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๑๙

ดงั นน้ั เมอื่ พิจารณาแง่มมุ ในทางกลับกันก็จะทาให้ทราบชัดเป็นอย่างดี ท่านเป็นผู้สะท้อน
ให้เห็นถึงพฤติกรรม หรือ การกระทาท่ีดี และช่ัว ตามหลักกรรมทางพระพุทธศาสนา สะท้อนให้เห็น
หลักกรรมอย่างแจ่มชัดว่าผลจากการกระทากรรมจะส่งผลท้ังอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ให้ได้รับ
ความสุข หรือ ความทุกข์ ตามความประพฤติดังกล่าวของท่านที่สะท้อนให้เห็นจึงเป็นประโยชน์ต่อ
สรรพสัตวอ์ ย่างมากทจี่ ะประพฤตปิ ฏิบัติตนให้ไปในทิศทางใด

๕.๒ ข้อเสนอแนะ

๕.๒.๑ ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย
จากการศึกษาเร่ืองนี้ ผู้วิจัยพิจารณาเห็นความสาคัญของหลักกรรมซึ่งเป็นหลักธรรมใน
พระพุทธศาสนาว่าสามารถช่วยบรรเทาปัญหาของสังคมไทยได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเยาวชนไทยอัน
เป็นอนาคตของชาติทุกระดับช้ัน ส่งเสริมให้ศึกษาหลักกรรมทางพระพุทธศาสนาให้เข้าใจถูกต้อง
เม่ือมีการศึกษาหลักกรรมอย่างถูกต้องก็จะเป็นสิ่งที่กระตุ้นเตือนให้เย าวชนไทยมีความประพฤติดี
ตัดทอนค่านิยมความเห็นแก่ตัวให้ลดน้อยถอยลง ตลอดจนสามารถปรับปรุงพื้นฐานเปลี่ยนแปลง
ระบบค่านิยมทีผ่ ดิ ในสังคมได้ หลกั ธรรมทางพระพุทะศาสนาโดยเฉพาะหลักกรรมเป็นส่วนที่เก่ียวข้อง
โดยตรงกับการดาเนินชีวิตของคนทุกสังคมเน้นย้ากระตุ้นเตือนให้การศึกษาอย่างครบถ้วน อีกท้ังเป็น
การปลูกฝังกระบวนการคิด การกระทา ที่ถูกต้องแกค่ นทกุ ระดบั สามารถเลือกประพฤติปฏิบัติให้ได้รับ
ความสุขอย่างย่ังยืนถาวรตลอดไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวสามารถช่วยลดปัญหาความเห็นแก่ตัวอัน
นาไปสู่ปัญหาต่าง ๆ อาทิเช่น ประกอบอาชีพทุจริต มีการขายของหนีภาษี เปิดบ่อนการพนัน ค้ายา
เสพติด จ้ี ปล้น ลกั ขโมย เป็นตน้ ปญั หาดังกลา่ วก็จะลดนอ้ ยลงทเ่ี กิดข้ึนในสังคมไทยได้

๕.๒.๒ ขอ้ เสนอแนะในการทาวิทยานิพนธ์
ศึกษาวิเคราะห์กรรมของพระเทวทัตที่ปรากฏในพระพุทธศาสนาเถรวาท เป็นการ
ศึกษาวิจัยหลักกรรมและผลกรรมทางพระพุทธศาสนาเถรวาท ถ้าหากผู้ได้รับการศึกษาจะก่อให้เกิด
ประโยชน์แก่ตนเองและสังคม หรือถ้าจะศึกษาวิจัยต่อไป เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจมากย่ิงขึ้น
ผู้วิจัยขอเสนอแนะดงั น้ี

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๒๐
๑) ควรศึกษาทัศนะคติของคนไทยที่มีต่อพฤติกรรมของพระเทวทัต เพ่ือจะได้ทราบถึง
เหตุผลและผลกระทบที่เกิดข้ึนจากการประพฤติของพระเทวทัต
๒) ควรศึกษาอทิ ธิพลของกรรมและผลกรรมที่มีตอ่ การดาเนนิ ชีวติ ของคนไทย
๓) ควรศึกษาวิเคราะห์ความรู้ความเข้าใจตอ่ หลักกรรมทางพระพทุ ธศาสนาของคนไทยกับ
การนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวนั

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๒๑

บรรณานุกรม

๑. ภาษาไทย :

ก. ขอ้ มลู ปฐมภมู ิ
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , พระไตรปฎิ กภาษาไทย ฉบับมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย.

กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๓๕.
มหามกฎุ ราชวิทยาลยั , พระไตรปฎิ กพร้อมอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เลม่ , กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์

มหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั , ๒๕๓๔.

ข. ข้อมลู ทตุ ิยภูมิ

(๑) หนังสือ :

กองทุนการเผยแพรพ่ ุทธธรรม, ปทานกุ รมพระไตรปิฎก ฉบบั บาลี-ไทย เล่ม ๒, กรงุ เทพมหานคร :
โรงพมิ พ์ การศาสนา, ๒๕๓๕.

บรรจบ บรรณรุจิ, ปฏิจจสมปุ บาท, พิมพค์ รง้ั ท่ี ๓, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ พรบญุ การพมิ พ์,
๒๕๓๘.

ปญั ญลกั ษณ์ สุวรรณ, สูตรลับเศรษฐี, กรงุ เทพมหานคร : สานกั พมิ พ์ Organic books, ๒๕๕๑.
ธรรมรกั ษา, พระไตรปฎิ ก และอรรถกถา ฉบับกรรมลขิ ติ , พิมพ์ครั้งที่ ๒, กรุงเทพมหานคร :

มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๓๘.
พระเทพเวที (ประยทุ ธ์ ปยุตโฺ ต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศพั ท,์ พมิ พค์ ร้ังท่ี ๗,

กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖.
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยตุ ฺโต), กรรมและนรกสวรรคส์ าหรบั คนรุน่ ใหม่, พิมพค์ รงั้ ที่ ๓,

กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ สหธรรมิกจากดั , ๒๕๓๗.
.กรรม-นรกสวรรค์สาหรับคนรุ่นใหม่, พิมพ์คร้งั ท่ี ๖, กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์
สหธรรมิกจากดั , ๒๕๔๒.
.พุทธธรรม ฉบับปรบั ปรงุ และขยายความ, พมิ พ์ครง้ั ท่ี ๘, กรงุ เทพมหานคร :
โรงพิมพม์ หาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๔๒.

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๒๒

.พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลศพั ท,์ พมิ พ์ครั้งที่ ๙, กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์ มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๓.
.พจนานุกรมพทุ ธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม, พมิ พค์ รั้งท่ี ๙, กรงุ เทพมหานคร :
โรงพิมพ์ มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๓.
พระธรรมวิสุทธกิ วี (พิจิตร ฐิตวณโฺ ณ), กฎแห่งกรรรม, พิมพค์ รงั้ ท่ี ๗, กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พ์
มหามกุฎราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๖.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต), พจนานกุ รมพทุ ธศาสตร์ ฉบับประมวลศพั ท์, พิมพค์ รั้งที่ ๑๕,
กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ สหธรรมกิ จากดั , ๒๕๕๓.
พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร), กรรมทีปนี เลม๑, พิมพค์ รั้งท่ี ๒, กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์
ดอกหญ้า, ๒๕๔๕.
พระมนตรี สปุ ุตตฺ ิโก, พุทธจริยธรรมทางธุรกจิ เขม็ ทศิ เศรษฐี, กรงุ เทพมหานคร : สานักพิมพ์
สมั ปชญั ญะ, ๒๕๕๑), หน้า ๒๔๙.
พระมหาชัยพร ชยวโร, ธรรมะมหาเศรษฐี, กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์ ไพสิน, ๒๕๔๗.
พระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมฺมจติ โฺ ต), พทุ ธศาสนากับปรชั ญา, กรงุ เทพมหานคร :
อมรินทร์ พร้ินตงิ้ กรุ๊พ จากดั , ๒๕๓๓.
พระศรคี ัมภีรญาณ (ถวลั ย์ ญาณจารี), คู่มอื สรา้ งทานการกุศล, กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สานกั
วัดระฆงั โฆสิตารามวรมหาวิหาร, ๒๕๔๖.
พทุ ธทาสภิกขุ, โอสาเรตัพพธรรม, กรุงเทพมหานคร : ธรรมทานมลู นิธิ, ๒๕๑๗.
. พุทธประวัติ ฉบับสาหรบั ยุวชน, กรุงเทพมหานคร : สานกั พมิ พ์ธรรมสภา, ๒๔๙๗.
ราชบณั ฑติ ยสถาน, พจนานุกรมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๔๙๓, พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๑๓,
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การศาสนา, ๒๕๑๖.
วศิน อินทสระ, หลกั กรรมและการเวียนวา่ ยตายเกดิ , พิมพ์ครั้งท่ี ๑๐, กรุงเทพมหานคร :
เรอื นธรรม, ๒๕๔๖.
สนธิชยั ทวีโชคทรพั ย์สนิ , การอุทิศส่วนกศุ ลตามแนวพระไตรปฎิ ก, กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์
บรษิ ัทแปดสิบเจ็ด (2545) จากดั , ๒๕๕๑.
สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราชสกลมหาสงั ฆปรินายก (เจรญิ สวุ ฑฒฺ โน), หลักกรรมใน
พระพทุ ธศาสนา, กรุงเทพมหานคร : มหามกฎุ ราชวิทยาลัย, ๒๕๕๑.

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๒๓

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร), คัมภรี ว์ สิ ทุ ธิมรรค, พมิ พ์คร้งั ที่ ๔, กรุงเทพมหานคร :
บรษิ ัทประยูรวงศ์พรินติง้ จากัด, ๒๕๔๖

เสฐยี รพงษ์ วรรณปก, เพือ่ ความเข้าใจถูกตอ้ งเกย่ี วกับหลกั กรรม, กรงุ เทพมหานคร : หา้ งห้นุ ส่วน
จากดั หอรัตนชยั การพิมพ์, ๒๕๔๔.

สุนทร ณ รังสี, พทุ ธปรัชญาจากพระไตรปิฎก, กรุงเทพมหานคร : สานกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , ๒๕๔๑.

อนุพงษ์ พันธพุ์ รประสทิ ธิ์, ลขิ ิตแห่งกรรม กบั หนทางแกก้ รรม และตดั กรรม, กรุงเทพมหานคร :
สานักพิมพ์เพทาย, ๒๕๕๑.

(๒) เอกสารอัดสาเนา

บรรจบ บรรณรุจิ, เอกสารประกอบการสอนวชิ าพระไตรปฎกวิเคราะห๑,
กรงุ เทพมหานคร : บณั ฑติ วิทยาลัย มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๕ (อดั สาเนา).

(๓) วทิ ยานิพนธ์

ประสาทชยั สขุ เจรญิ , “ศึกษาการใช้หลกั พทุ ธธรรมเพื่อการแก้ปัญหาความยากจน”,
สารนพิ นธศ์ าสนศาสตรมหาบณั ฑิต, สาขาวชิ าพุทธศาสนศ์ กึ ษา, (กรงุ เทพมหานคร :
บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหามกุฏราชราชวิทยาลัย, ๒๕๔๘), บทคดั ย่อ.

พงศ์พันธ์ จนั ทรวาทติ ย์, “บทบาทของเศรษฐที ปี่ รากฏในพระไตรปฎิ ก”, วิทยานพิ นธอ์ ักษรศาสตร
มหาบณั ฑิต, (กรงุ เทพมหานคร : บัณฑิตวิทยาลยั จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย, ๒๕๒๒),
บทคัดย่อ.

พระมหาไพฑรู ย์ สทุ ฺธวิธุโร, “การวิเคราะห์เชงิ ปรชั ญาเร่อื งบาปในพระพทุ ธศาสนาเถรวาท”,
วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาพุทธศาสตรมหาบัณฑติ สาขาปรัชญา, (บณั ฑติ วิทยาลัย :
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๖),

พระมหาวโิ รจน์ วโิ รจโน (ผาทา), “การศึกษาวิเคราะห์แนวความคิดเรื่องประโยชนใ์ นพทุ ธ
ปรชั ญาเถรวาท”, วิทยานพิ นธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑติ , (บณั ฑิตวิทยาลยั :
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๔๓), บทคัดย่อ.

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๒๔
ไพโรจน์ ศุภทีปมงคล, “การศึกษาวิเคราะห์บทบาทของจิตตคหบดีอบุ าสกท่ีปรากฏในคัมภรี ์

พระพุทธศาสนา”, วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบณั ฑิต, (บัณฑติ วทิ ยาลัย :
มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๔๘).
พระมหาสวุ รรณ สุวณโฺ ณ (จลุ พงษ)์ , “ศกึ ษาเปรียบเทียบบทบาทของเศรษฐีที่ปรากฏในพระไตรปฎิ ก
กบั ในสังคมไทยปจั จุบัน”, วทิ ยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑติ , (บณั ฑติ วทิ ยาลัย :
มหาวทิ ยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๔).
รงั ษี สุทนต์, “การศกึ ษาวเิ คราะหบ์ ทบาทของอนาถบณิ ฑกิ อุบาสกทีปรากฏ ในคัมภรี ์
พระพุทธศาสนา”, วิทยานพิ นธพ์ ทุ ธศาสตรมหาบัณฑติ , (บณั ฑติ วทิ ยาลยั :
มหาวทิ ยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั , ๒๕๔๔).

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั

๑๒๕

ประวัตผิ ู้วิจัย

ช่ือ พระปลัดกำพล ปญฺ ำวุฑโฺ ฒ (กวำงแก้ว)
เกดิ วนั ท่ี ๑๓ กุมภำพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๗
สถานท่ีเกดิ บำ้ นทำ่ ฉนวน ตำบลท่ำฉนวน อำเภอมโนรมย์ จงั หวดั ชัยนำท
การศึกษา นกั ธรรมชนั้ เอก
เปรยี ญธรรม ๑-๒ ประโยค
อุปสมบท พทุ ธศำสตรบัณฑติ (พระพุทธศำสนำ) วัดพิกลุ ทองสิงหบ์ ุรี
ที่อยู่ มหำวทิ ยำลยั มหำจฬุ ำลงกรณรำชวิทยำลยั
๑๖ มีนำคม พ.ศ. ๒๕๒๘
วดั จวน ตำบลทำ่ ฉนวน อำเภอมโนรมย์ จงั หวัดชัยนำท

หอสมุดกลาง มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลยั


Click to View FlipBook Version