พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยา
1
พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยา
• การสถาปนาอาณาจักรอยุธยา
• ปัจจัยที่มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรอยุธยา
• พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของอาณาจักรอยุธยา
• การเสื่อมอ านาจของอาณาจักรอยุธยา
• ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา
2
3
ชุมชนไทยก่อนการสถาปนาอาณาจักรอยุธยา
แคว้นสุพรรณภูมิ (สุพรรณบุร)
ี
• มีพัฒนาการสืบเนื่องมาเป็นเวลาหลาย
ร้อยปี และเคยเป็นที่ตั้งชุมชนโบราณ
หลายแห่ง เช่น เมืองอู่ทอง
• มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการนับถือ
พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทลัทธิ
ลังกาวงศ์ และพระพุทธศาสนานิกาย
มหายาน เช่น พระปรางค์ที่วัดมหาธาตุ
พระปรางค์วัดมหาธาตุ
จังหวัดสุพรรณบุรี
4
แคว้นละโว้ (ลพบุร)
ี
• ได้รับอิทธิพลของทวารวดี มีความ
เจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนานิกาย
เถรวาท
• รับวัฒนธรรมขอมในภายหลัง มีการยอมรับ
นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
และพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
• ได้ตั้งตัวเป็นอิสระหลังจากขอม
เสื่อมอิทธิพลลง และต่อมาลดความส าคัญลง
ท าให้อโยธยาขึ้นมามีอ านาจแทน
พระปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี
5
การสถาปนาอาณาจกรอยุธยา
ั
• อาณาจักรอยุธยาเกิดจากการร่วมมือกันของแคว้นสุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี)
และแคว้นละโว้ (ลพบุรี)
• กรุงศรีอยุธยาตั้งขึ้นในเมืองเก่าเดิมที่มีชื่อว่า อโยธยา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่าง
เมืองสุพรรณบุรีและลพบุรี
แผนที่อยุธยาฉบับเก่าแก่ที่สุด มีชื่อว่า Iudea (ยูเดีย) แผนที่อยุธยาในจดหมายเหตุลาลูแบร ์
6
ขอสันนิษฐานเกยวกับความเปนมาของพระเจาอู่ทออง
้
้
ี
่
็
สมเด็จฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ
• พระเจ้าอู่ทองสืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าชัยศิริที่เคยครองเมืองฝาง (ปัจจุบันอยู่ในเขต
จ.เชียงใหม่) จากนั้นมีเชื้อสายสืบราชสมบัติต่อมาหลายรุ่นจึงได้เกิดพระเจ้าอู่ทอง
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
• พระเจ้าอู่ทองเป็นราชบุตรเขยของพระเจ้าศิริชัยเชียงแสน ต่อมาได้รับราช
สมบัติ ครองราชย์อยู่ 6 ปี จึงเกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) จึงทรงย้ายราชธานี
มาตั้งที่เมืองศรีอยุธยา
7
ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความเป็นมาของพระเจ้าอู่ทอง
พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับฟาน ฟลีต หรือวัน วลิต
• พระเจ้าอู่ทองเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดินจีน แล้วถูกเนรเทศมาอยู่
ที่ปัตตานี และเดินทางผ่านมาทางเมืองละคร (นครศรีธรรมราช) กุยบุรี
ี
(ใน จ.ประจวบฯ) และมาสร้างเมืองพริบพร (เพชรบุรี) ภายหลังมาสร้างเมือง
อยุธยา
จากข้อสันนิษฐานต่างๆ ยังไม่อาจสรุปได้ว่าข้อสันนิษฐานใดน่าจะถูกต้อง
8
ั
็
ปจจัยสาคัญในการสถาปนากรุงศรอยุธยาเปนราชธานี
ี
ความสัมพันธ์ การเสื่อม
ฉันเครือญาต ิ ท าเลที่ตั้งของ ความสะดวก อ านาจของ
กับแคว้น กรุงศรี ในการค้าขาย อาณาจักร
สุพรรณภูม ิ อยุธยา กับต่างชาติ เขมร
และแคว้น ที่เหมาะสม
ละโว้
9
ปัจจัยที่มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร
แหล่งอารยธรรมดั้งเดิม
อยุธยาได้รับอารยธรรมเดิมก่อน
มีการตั้งอาณาจักรมาปรับใช้เข้ากับ สภาพภูมิประเทศ
อารยธรรมใหม่ ที่อยุธยาสร้างขึ้นมา กรุงศรีอยุธยาตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่ม
มีแม่น้ าไหลผ่าน จึงเหมาะแก่การ
เพาะปลูกและค้าขาย
สภาพภูมิอากาศ
อาณาจักรอยุธยาตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น
มีลมมรสุมพัดผ่าน ท าให้มีฝนตกชุก
ส่งผลให้มีแหล่งน้ าอุดมสมบูรณ์
10
ทรัพยากรธรรมชาติ
อยุธยามีทรัพยากรธรรมชาติอุดม
สมบูรณ์ เช่น ผักผลไม้ ปลาน้ าจืดและ
การตั้งอยู่กึ่งกลางเส้นทางเดินเรือ ปลาทะเล แร่ธาตุ ไม้หายาก ซึ่งเป็นที ่
ระหว่างอินเดียกับจีน ต้องการของพ่อค้าต่างชาติ
อาณาจักรอยุธยาจึงได้ประโยชน์จาก
การ ค้าขายและรับอารยธรรมจากจีน
และอินเดีย พระปรีชาสามารถของ
พระมหากษัตริย์
จากพระปรีชาสามารถของ
พระมหากษัตริย์หลายพระองค์
ท าให้อยุธยารอดพ้นจาก
ภัยคุกคามจากภายนอกได้
11
12
รายพระนามพระมหากษัตริย์อยุธยา
รวม
รายพระนาม ราชวงศ ์ ปีที่ครองราชย์ ระยะเวลา
พ.ศ. 1893-
1. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) อู่ทอง 19
1912
พ.ศ. 1912-
2. สมเด็จพระราเมศวร อู่ทอง 1
1913
3. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 สุพรรณภูมิ พ.ศ. 1913- 18
(ขุนหลวงพงั่ว) 1931
พ.ศ. 1931-
4. สมเด็จพระเจ้าทองลัน สุพรรณภูมิ 7 วัน
1931
พ.ศ. 1931-
สมเด็จพระราเมศวร (ครั้งที่ 2) อู่ทอง 8
1938
พ.ศ. 1938-
5. สมเด็จพระรามราชาธิราช อู่ทอง 15
1952 13
รายพระนาม (ต่อ) ราชวงศ ์ ปีที่ครองราชย์ รวมระยะเวลา
6. สมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) สุพรรณภูมิ พ.ศ. 1952-1967 16
7. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) สุพรรณภูมิ พ.ศ. 1967-1991 24
8. สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สุพรรณภูมิ พ.ศ. 1991-2031 40
9. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 สุพรรณภูมิ พ.ศ. 2031-2034 3
10. สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 สุพรรณภูมิ พ.ศ. 2034-2072 38
11. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4
สุพรรณภูมิ พ.ศ. 2072-2076 4
(หน่อพุทธางกูร)
12. พระรัษฎาธิราช สุพรรณภูมิ พ.ศ. 2076-2077 5 เดือน
13. สมเด็จพระชัยราชาธิราช สุพรรณภูมิ พ.ศ. 2077-2089 12
14. พระยอดฟ้า (พระแก้วฟ้า) สุพรรณภูมิ พ.ศ. 2089-2091 2
15. สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ สุพรรณภูมิ พ.ศ. 2091-2111 20
16. สมเด็จพระมหินทราธิราช สุพรรณภูมิ พ.ศ. 2111-2112 1
14
รายพระนาม (ต่อ) ราชวงศ ์ ปีที่ครองราชย์ รวมระยะเวลา
17. สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช สุโขทัย พ.ศ. 2112-2133 21
18. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สุโขทัย พ.ศ. 2133-2148 15
19. สมเด็จพระเอกาทศรถ สุโขทัย พ.ศ. 2148-2153 5
20. พระศรีเสาวภาคย์ สุโขทัย พ.ศ. 2153-2154 1 ปีเศษ
21. สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม สุโขทัย พ.ศ. 2154-2171 18
22. สมเด็จพระเชษฐาธิราช สุโขทัย พ.ศ. 2171-2172 8 เดือน
23. พระอาทิตยวงศ์ สุโขทัย พ.ศ. 2172-2172 38 วัน
24. สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ปราสาททอง พ.ศ. 2172-2199 25
25. สมเด็จเจ้าฟ้าชัย ปราสาททอง พ.ศ. 2199-2199 3-5 วัน
26. สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา ปราสาททอง พ.ศ. 2199-2199 2 เดือน
27. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปราสาททอง พ.ศ. 2199-2231 32
15
รวม
รายพระนาม (ต่อ) ราชวงศ์ ปีที่ครองราชย์
ระยะเวลา
28. สมเด็จพระเพทราชา บ้านพลูหลวง พ.ศ. 2231-2246 14
29. สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) บ้านพลูหลวง พ.ศ. 2246-2251 6
30. สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์ที่ 9 บ้านพลูหลวง พ.ศ. 2251-2275 23
(พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ)
31. สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 บ้านพลูหลวง พ.ศ. 2275-2301 26
(พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ)
32. สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด) บ้านพลูหลวง พ.ศ. 2301-2301 2 เดือน
33. สมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์ บ้านพลูหลวง พ.ศ. 2301-2310 9
(พระเจ้าเอกทัศ)
16
ลักษณะการเมืองการปกครอง
พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอ านาจสูงสุดในการปกครอง ทรงเป็น
พระประมุขของอาณาจักร เป็นจอมทัพ เป็นเจ้าชีวิต และเป็นเจ้าของศักดิ
นาทั้งปวง เนื่องจากการรับอิทธิพลของหลักความเชื่อในศาสนาพราหมณ์-
ฮินดู ที่เชื่อว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็น สมมติเทพ นอกจากนี้ยังได้รับ
อิทธิพลความเป็นธรรมราชาตามคติความเชื่อในพระพุทธศาสนาด้วย
ภาพวาดกระบวนพยุหยาตรา
ทางชลมารค ฝีมือชาวยุโรป
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช
17
รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้น
ทิศเหนือ
การบริหารราชการแผ่นดินส่วนกลาง
ลพบุรี
โดยมีกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีและ
เป็นศูนย์กลางการปกครองทั้งหมดของ
อาณาจักร มีการก าหนดให้มีเมืองหน้าด่าน
ทั้ง 4 ทิศ เพื่อป้องกันข้าศึกก่อนที่ข้าศึกจะจ ู่ สุพรรณบุรี อยุธยา นครนายก
โจมเข้ามาถึงราชธานี
ทิศตะวันตก ทิศตะวันออก
พระประแดง
ทิศใต้
18
ในเขตราชธานีที่กรุงศรีอยุธยา มีเสนาบดี 4 ต าแหน่ง
เรียกว่า จตุสดมภ์ รับผิดชอบดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน
ตามพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์
จตุสดมภ์แบ่งออกเป็น 4 หน่วยงาน ดังนี ้
จตุสดมภ์
กรมเวียง (เมือง) กรมวัง กรมคลัง กรมนา
19
การบริหารราชการแผ่นดินส่วนหัวเมือง
หัวเมืองชั้นใน อยู่ไม่ไกลจากราชธานี
ทางราชธานีจะแต่งตั้ง “ผู้รั้ง” ไปปกครอง
เช่น เมืองราชบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท
หัวเมืองชั้นนอก (เมืองพระยามหานคร)
อยู่ห่างไกลจากราชธานี มีเจ้าเมืองที่สืบ
ราชธานี ทอดทางสายเลือดเป็นผู้ปกครอง
หัวเมืองประเทศราช มีการปกครองเป็น
อิสระ แก่ตนเอง ต้องส่งเครื่องราช
บรรณาการไปถวายพระมหากษัตริย์
อยุธยา เช่น เมืองนครศรีธรรมราช สุโขทัย
20
รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย
การบริหารราชการแผ่นดินส่วนกลาง
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงแบ่งส่วนราชการที่มีหน้าท ี่
บริหารราชการแผ่นดินและควบคุมก าลังคนออกเป็น 2 ฝ่าย
โดยมีอัครมหาเสนาบดีรับผิดชอบ
ดูแลกิจการฝ่ายทหาร
สมุหพระกลาโหม
ทั่วราชอาณาจักร
พระมหากษัตริย์
ดูแลฝ่ายพลเรือน
สมุหนายก ทั่วราชอาณาจักร
รวมทั้งจตุสดมภ์
21
ื
ั
่
่
ิ
การบรหารราชการแผนดินสวนหวเมอง
หวเมองชนใน ยกเลกเมองลูกหลวง
ิ
ื
ื
ั
้
ั
ิ
ทั้ง 4 ทศ และขยายขอบเขตการปกครอง
ี
ของราชธานให้กว้างออกไป โดยให้รวม
เข้ากับเมองในวงราชธาน เปนเมอง
ี
็
ื
ื
ั
ื
ชั้นจัตวา มผู้ร้งกับกรมการเมองปกครอง
ี
้
ื
ั
ั
ื
หวเมองชนนอก (เมองพระยามหานคร)
ราชธาน ี มการจัดเมองเปนชั้นเอก ชั้นโท ชั้นตร
ื
ี
ี
็
ู
พระมหากษัตรย์จะแต่งตั้งขุนนางชั้นสง
ิ
ื
็
ไปเปนผู้ส าเรจราชการเมอง
็
หวเมองประเทศราช ลักษณะการปกครอง
ื
ั
็
ยังคงเปนแบบเดยวกับสมัยอยุธยาตอนต้น
ี
ื
ี
ี
เช่น เมองทวาย ตะนาวศร เชยงกราน เขมร
22
รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลาย
ื
ั
ดูแลหวเมองฝายใตทังกิจการ
้
้
่
สมุหพระกลาโหม ทหารและพลเรอน
ื
พระมหากษัตริย์ ดูแลหวเมองฝายเหนอทังกิจการ
ื
่
ื
ั
้
ื
ทหารและพลเรอน รวมทัง
้
ั
์
้
สมุหนายก จตุสดมภ และใหกรมคลังดูแลหว
เมองชายทะเลตะวันออกทัง
ื
้
กิจการทหารและพลเรอน และ
ื
กรมคลัง
23
แบบฝกหัดพัฒนาการการเมืองการ
ึ
ปกครองอยุธยา
่
1. กรุงศรีอยุธยา มีการปกครองกีราชวงศ์อะไรบ้าง
็
2. รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนต้นเปนแบบใด
3. ในสมัยอยุธยา พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะใด
4. ในสมัยอยุธยาการบริหารราชการส่วนหัวเมืองแบ่ง
่
ออกเปนกีส่วนอะไรบ้าง
็
5. รูปแบบการปกครองสมัยอยุธยาตอนปลายมี
ลักษณะอย่างไร
24
25
ปัจจัยที่ส่งเสริมความเจริญทางเศรษฐกิจ
ท าเลที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาและหัวเมืองต่างๆ ใกล้เคียง
ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูกโดยเฉพาะการปลูกข้าว
การอยู่ใกล้อ่าวไทย ท าให้พ่อค้าต่างชาติติดต่อค้าขายกับ
อยุธยาได้สะดวก
พระบรมราโชบายของพระมหากษัตริย์ ช่วยดึงดูดให้พ่อค้า
ต่างชาติเข้ามาค้าขายกับอยุธยา
26
ลักษณะทางเศรษฐกิจ
เกษตรกรรม
จากท าเลที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาเหมาะแก่การประกอบอาชีพ
เกษตรกรรม ผลิตผลทางการเกษตรที่ส าคัญ คือ ข้าว นอกจากนี้ยังมีผลิตผล
จากป่า เช่น ไม้ฝาง นอแรด งาช้าง ครั่ง หนังสัตว์ ยางสน ไม้กฤษณา เป็นต้น
27
การค้ากับต่างประเทศ
การค้ากับต่างประเทศเป็นการค้าโดยใช้เรือส าเภา ซึ่งด าเนินการโดย
พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ ขุนนาง และพ่อค้าจีนที่เกี่ยวข้องกับการค้าส าเภา
นอกจากนี้ อยุธยายังติดต่อค้าขายกับชาวตะวันตกด้วย ได้แก่ โปรตุเกส
ฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส
เรือส าเภาจีน
ที่เข้ามาค้าขายกับอยุธยา
28
รายได้ของแผ่นดินในสมัยอยุธยา
จังกอบ
รายได้ที่เก็บตามด่านขนอนทั้งทางบกและทางน้้าโดยเก็บชักส่วนสินค้า
อากร
รายได้ที่เกิดจากการเก็บส่วนผลประโยชน์ในการประกอบอาชีพ
ต่างๆของราษฎร เช่น การท้านา ท้าไร่ ท้าสวน
ส่วย
รายได้จากสิ่งของ เงินทอง ที่ราษฎรน้ามาให้กับทางราชการแทน
การถูกเกณฑ์แรงงาน เช่น ส่วยดีบุก
ฤชา
รายได้จากค่าธรรมเนียมที่ทางราชการเก็บจากราษฎร
29
ึ
แบบฝกหัดพัฒนาการเศรษฐกิจอยุธยา
1. กรุงศรีอยุธยา มีลักษณะท าเลเหมาะแก่การท า
อาชีพใด
่
2. ผลผลิตทีส าคัญสมัยอยุธยาได้แก่อะไร
่
3. ในสมัยอยุธยาการค้ากับพอค้าจีนจะเกียวข้องกับ
่
อะไร
4. ในสมัยอยุธยามีการติดต่อกับชาติตะวันตกชาติ
ใดบ้าง
5. รายได้ของแผนดินสมัยอยุธยามาจากอะไรบ้าง
่
30
31
สังคมศักดินาสมัยอยุธยา
ความหมายของศักดินา
ศักดินา หมายถึง เครื่องก้าหนดสิทธิและหน้าที่ของบุคคลในสังคม
เพื่อจ้าแนกให้เห็นถึงความแตกต่างในเรื่องสิทธิและหน้าที่ของบุคคลตามศักดินา
เช่น ผู้มีศักดินา 400 ขึ้นไปมีสิทธิเข้าเฝ้าได้ แต่ต่้ากว่า 400 ไม่มีสิทธิเข้าเฝ้า
ประโยชน์ของศักดินา
ระบบศักดินามีประโยชน์ในการควบคุมบังคับบัญชาผู้คนตามล้าดับชั้น
และมอบหมายให้คนมีหน้าที่รับผิดชอบตามที่ก้าหนดเอาไว้ และเมื่อบุคคลท้าผิดต่อ
กัน ก็สามารถใช้เป็นหลักในการปรับไหมได้ เช่น ถ้าผู้มีศักดินาสูงท้าความผิดต่อ
ผู้มีศักดินาต่้ากว่า ก็จะปรับไหมตามศักดินาของผู้มีศักดินาสูงกว่า
32
โครงสร้างสังคมไทยสมัยอยุธยา
พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง
• พระประมุขของ • เครือญาติของ • บุคคลที่รับราชการ
ราชอาณาจักร ทรง พระมหากษัตริย์มี แผ่นดิน มีทั้งศักดินา
ได้รับการยกย่องให้เป็น ศักดินาแตกต่างกันไป ยศ ราชทินนาม
สมมติเทพ และทรง ตามฐานะ และต้าแหน่ง
เป็นธรรมราชา
33
ไพร่ ทาส พระภิกษุสงฆ์
• ราษฎรที่ต้องถูกเกณฑ์ • บุคคลที่มิได้มี • บุคคลที่สืบทอด
แรงงานให้กับทาง กรรมสิทธิ์ในแรงงาน พระพุทธศาสนา
ราชการทั้งในยามปกติ และชีวิตของตนเอง ซึ่งได้รับการยกย่อง
และยามสงคราม ต้องตกเป็นของนาย และศรัทธาจากบุคคล
และต้องสังกัดมูลนาย จนกว่าจะได้ไถ่ตัว ทุกชนชั้น
34
ภาพวาดลายเส้นไพร่และพระสงฆ์ในจดหมายเหตุลาลูแบร์
35
แบบฝึกหัดพัฒนาการด้านสังคมสมัยอยุธยา
1. ศักดินา หมายถึง
2. ประโยชน์ของศักดินา
3. โครงสร้างของสังคมไทยในสมัยอยุธยามีอะไรบ้าง
4. ล้าดับที่ต่้าที่สุดของโครงสร้างสังคมสมัยอยุธยา คือ
5. โครงสร้างชั้นพิเศษของสังคมสมัยอยุธยา คือ
36
37
ความสัมพันธ์กับสุโขทัย
• ลักษณะความสัมพันธ์มีทั้งการใช้นโยบายการสร้างไมตรี การเผชิญหน้าทาง
ทหาร และนโยบายการสร้างความสัมพันธ์ทางเครือญาต ิ
• อยุธยาใช้การเผชิญหน้าทางทหารกับสุโขทัยมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดี
ที่ 1 (อู่ทอง) และสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพงั่ว)
• สมัยสมเด็จพระอินทราชา (เจ้านครอินทร์) ทรงแก้ไขปัญหาจลาจลที่สุโขทัย
ท าให้สุโขทัยกลับมาอยู่ใต้อ านาจของอยุธยา และทรงสร้างความสัมพันธ์ทาง
เครือญาติ โดยให้พระราชโอรส คือ เจ้าสามพระยาอภิเษกกับเจ้าหญิงเชื้อสาย
ราชวงศ์พระร่วง
• สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงผนวกรวมสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ
อยุธยา
38
้
์
ั
ความสมพันธกับลานนา
• ลักษณะความสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นการเผชิญหน้า
ทางทหาร
• สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพงั่ว)
เป็นต้นมา อยุธยาได้รบกับล้านนาเพื่อให้มาอยู่ใน
อ านาจแต่ไม่ประสบความส าเร็จ
• สมัยสมเด็จพระชัยราชาธิราช อยุธยาได้ยึดล้านนา
เป็นเมืองประเทศราช แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นเมือง
ประเทศราชของพม่า
• สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อยุธยาได้ล้านนา
กลับมาเป็นเมืองประเทศราช
ภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงสมเด็จพระ
• หลังจากสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช นเรศวรมหาราชทรงยกทัพไปตีค่ายพระ
เป็นต้นไป ล้านนาก็เริ่มแยกตัวเป็นอิสระบ้าง เป็น เจ้าเชียงใหม่ที่บ้านสระเกศ
ประเทศราชของพม่าบ้าง ของอยุธยาบ้าง (จ.อ่างทองในปัจจุบัน) เมื่อ พ.ศ. 2128
39
์
ความสมพันธกับพมา
ั
่
• ลักษณะความสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นการ
เผชิญหน้าทางทหาร โดยเริ่มต้นในสมัย
สมเด็จพระชัยราชาธิราช อยุธยาได้ช่วยเมือง
เชียงกรานของมอญที่ขึ้นกับอยุธยารบกับพม่า
• สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช พระ
นเรศวรทรงประกาศอิสรภาพ
ที่เมืองแครง
• สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงท า
สงครามยุทธหัตถีกับพระมหา-
อุปราชาของพม่า หลังสมัยนี้ไปอยุธยา ภาพจิตรกรรมฝาผนงแสดงการท า
ั
ว่างเว้นสงครามกระทั่งภายหลังพม่ายกทัพมา สงครามยุทธหตถี
ั
อีกจนสามารถยึดครองกรุงศรีอยุธยาได้ใน ระหวางสมเด็จพระนเรศวร
่
พ.ศ. 2310 มหาราชกับพระมหาอุปราชา
40
่
่
้
ั
่
ตัวอยางสงครามระหวางอยุธยากับพมาครงสาคัญ
คราวสมเด็จ สงคราม สงคราม
พระสุริโยทัย ประกาอิสรภาพ ยุทธหัตถี
ขาดคอช้าง พ.ศ. 2127 พ.ศ. 2135
พ.ศ. 2091
41
ั
์
ั
ื
ความสมพันธกับหวเมองมอญ
• ลักษณะความสัมพันธ์มีทั้งการค้า การผูกสัมพันธไมตรี และการเมือง
• ในระยะแรก ผู้น าของอยุธยาได้พยายามจะขยายอิทธิพลเหนือมอญ และเมื่อ
อยุธยา
มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้า ผู้น าอยุธยาได้ขยายอ านาจเข้าครอบครอง
เมืองท่าของมอญแถบชายฝั่งทะเลอันดามันเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า
• นอกจากนี้ อยุธยายังให้ที่พึ่งพิงแก่ชาวมอญที่อพยพหนีภัยสงครามจากพม่า
ด้วย ทั้งนี้เพื่อที่อยุธยาจะได้อาศัยมอญเป็นด่านหน้าปะทะกับพม่าก่อนจะยก
ทัพมาถึงอยุธยา
42
ั
ความสมพันธกับเขมร
์
• ลักษณะความสัมพันธ์มีทั้งการเผชิญหน้าทางทหาร การเมือง และวัฒนธรรม
• สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) ใน พ.ศ. 1895 โปรดให้พระราเมศวรและขุนหลวงพ
งั่วยกทัพไปตีเขมร และกวาดต้อนชาวเขมรบางส่วนมาไว้ในเขตไทย ท าให้อยุธยาได้รับ
อิทธิพลวัฒนธรรมเขมรด้วย
• สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพงั่ว) ยกทัพไปตีเขมร
• สมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ยึดราชธานีเขมรที่นครธม และทรง
แต่งตั้งพระนครอินทร์ พระราชโอรสไปครองเขมร ปกครองไม่นานก็ถูกเขมรลอบปลงพระ
ชนม์
• สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ไทยติดพันสงครามกับพม่า เขมรได้ถือโอกาสยกทัพมาตีไทย
• สมัยสมเด็จพระนเรศมหาราชทรงยกทัพไปตีเมืองละแวก ราชธานีเขมรขณะนั้นได้
และหลังจากสมัยนี้ เขมรเริ่มตั้งตัวเป็นอิสระ และในตอนปลายสมัยอยุธยา เขมรได้อ่อนน้อม
ต่ออยุธยาบ้าง ญวนบ้าง จนกระทั่งเสียกรุงใน พ.ศ. 2310 เขมรจึงเป็นอิสระ
43
ั
ความสมพันธกับลานชาง
์
้
้
• ลักษณะความสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นการผูก
สัมพันธไมตรี
• สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อู่ทอง) ไทยมี
ความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าฟ้างุ้มแห่งล้าน
ช้าง
• สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ไทยกับล้านช้าง
มีความสนิทแนบแน่นมากขึ้น เมื่อพระเจ้าไชย
เชษฐาธิราชแห่งล้านช้างแต่งตั้งทูตมากราบทูล
ขอพระเทพกษัตรีไปเป็นพระอัครมเหสี แต่ถูก
พระเจ้า-บุเรงนองส่งทหารมาชิงตัวไปเสียก่อน พระธาตุศรสองรก จ.เลย เปน
ั
ี
็
อย่างไรก็ดี อยุธยายังคงรักษาสัมพันธไมตรีอันดี หลักฐาน
เอาไว้ จนกระทั่งสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ ที่แสดงใหเหนถึงความสมพันธอันดี
์
ั
้
็
้
่
้
1 ท าให้ความสัมพันธ์ลดน้อยลงไป ระหวางอยุธยากับลานชาง 44
์
ั
ความสมพันธกับญวน
• ความสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดในสมัยอยุธยาตอนปลายโดยลักษณะ
ความสัมพันธ์
จะเป็นการเผชิญหน้าทางทหาร เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือ
เขมร
• สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ เกิดเหตุการณ์แตกแยกภายใน
ราชวงศ์เขมรระหว่างพระธรรมราชากับนักแก้วฟ้าจอกจนถึงขั้นท า
สงครามกัน อยุธยาและญวนต่างสนับสนุนแต่ละฝ่าย ความขัดแย้ง
ภายในท าให้ไทยกับญวนต้องท าสงครามระหว่างกัน ในที่สุดอยุธยา
ชนะและได้เขมรมาอยู่ใต้อ านาจ ไม่นานญวนก็เข้าไป
มีอิทธิพลเหนือเขมรอีก อยุธยาจึงต้องยกทัพไปตีเขมรกลับมา ซึ่ง
สถานการณ์ในเขมรจะเป็นลักษณะเช่นนี้จนกระทั่งสิ้นสุดสมัย
อยุธยา
45
์
ั
ั
ื
ความสมพันธกับหวเมองมลายู
• ลักษณะความสัมพันธ์มีทั้งการค้า การเผชิญหน้าทางทหาร
และการผูกสัมพันธไมตรี
• สมัยอยุธยาตอนต้น อยุธยาส่งกองทัพไปรบกับมะละกาซึ่ง
เป็นศูนย์กลางการค้าส าคัญบริเวณคาบสมุทรมลายู
นอกจากได้มะละกาเป็นเมืองขึ้นแล้ว ยังได้หัวเมืองรายทาง
ด้วย เช่น ปัตตานี ไทรบุรี ซึ่งอยุธยาควบคุมหัวเมืองมลายู
ผ่านทางเมืองนครศรีธรรมราช นอกจากจะได้ผลประโยชน์
ทางเครื่องราชบรรณาการแล้วยังได้ผลประโยชน์ทางการ
ค้าขายอีกด้วย
46
ความสมพันธกับจีน
ั
์
์
ั
• ลักษณะความสมพันธเปนแบบรฐบรรณาการ
ั
็
ึ่
ซงมีความเกี่ยวของกับการเมองและการคา
ื
้
้
• ในสมยอยุธยา พระมหากษตรยทีทรงขึ้น
ั
ั
์
่
ิ
ื
ั
่
้
่
์
ครองราชยมกจะแตงตังคณะทูตนาเครองราช
บรรณาการไปยังจีน เพอใหจีนรบรองเพอ
ื่
้
ั
ื่
ื่
ผลประโยชนทางการคาและเพอความชอบธรรม
์
้
ในการเสด็จขึ้นครองราชย ซงการติดตอระหวาง
ึ่
่
์
่
่
ื
ิ
้
อยุธยากับจนด าเนนไปอยางราบรน ยกเวน
่
ี
ในชวงทีอยุธยามปญหาการเมองภายในหรอท า ภาพวาดเรอสาเภาจีนที่เขามา
่
ื
ื
ี
่
ั
ื
้
ั
์
สงครามกับภายนอก ความสมพันธจะหยุดชะงัก คาขายกับอยุธยา
้
้
ั
ชวคราว เมอเหตุการณสงบ การติดตอก็เรมตน
่
่
์
ิ่
่
ื
ขึ้นอีก
47
ความสมพันธกับญี่ปุ ่ น
ั
์
• ลักษณะความสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นการค้า
และการเมือง
• สมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ อยุธยามีการ
ติดต่อกับญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ
• สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ได้มีการ
ปราบปรามชาวญี่ปุ่นบางคนที่คิดก่อการร้าย
ท าให้ชาวญี่ปุ่นจ านวนมากพากันอพยพ
ออกจากอยุธยา และแม้ว่าอยุธยาจะส่งทูต
ไปเจรจาสัมพันธไมตรีและค้าขายที่ญี่ปุ่นอีก กองทหารอาสาญปนในกองทัพอยุธยา
ุ
่
ี่
แต่ญี่ปุ่นไม่ยอมรับ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ (ภาพเล็ก)
ี
่
ุ
็
่
ิ
ที่ทรงปราบปรามญี่ปุ่น และญี่ปุ่นด าเนิน เสาหน ภาษาญปน แปลเปนไทยว่า
ี
่
ี
่
ุ
ุ
อนสรณหม่บ้านญปนทอยุธยา
์
่
ู
นโยบายปิดประเทศ
48
์
ความสมพันธกับเปอรเซย
ั
์
ี
• ลักษณะความสัมพันธ์จะเป็นด้านการค้า
• สันนิษฐานว่าอยุธยาเริ่มมีความสัมพันธ์กับ
เปอร์เซีย (ปัจจุบันคืออิหร่าน) ในสมัยสมเด็จ-
พระเอกาทศรถ โดยเป็นเรื่องการค้าขาย
• สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พ่อค้าเปอร์เซีย
ชื่อ เฉกอะหมัด ได้รับราชการจนมีความดี
ความชอบได้เป็นเจ้ากรมท่าขวา
• สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เปอร์เซียส่ง
ทูตมาเข้าเฝ้า แต่หลังรัชกาลสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราชไปแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐาน
ถึงการเดินทางเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างอยุธยา ภาพทหารชาวเปอรเซย จากเรองมโหสถ
ี
ื่
์
ุ
และเปอร์เซียอีก วัดสวรรณาราม
49
ความสมพันธกับโปรตุเกส
ั
์
• ลักษณะความสัมพันธ์มีทั้งการค้า การเมือง
และวัฒนธรรม
• เริ่มต้นในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
เมื่อโปรตุเกสยึดมะละกา แต่มะละกาเป็น
ประเทศราชของอยุธยา โปรตุเกสจึงส่งทูต
มาเจรจาและท าสนธิสัญญาระหว่างกัน
• นอกจากนี้ อยุธยายังซื้อปืนจากโปรตุเกส
และจ้างทหารโปรตุเกสมาเป็นทหารอาสา
ั
่
ู
ี
รวมถึง รับวัฒนธรรมการท าขนมหวานจาก แนวอาคารทได้รบการขุดแต่งในหม่บ้าน
ู
ุ
ุ
โปรตุเกส อันเป็นที่มาของขนมหวานไทย โปรตเกส (ภาพเล็ก) สสานโบราณในหม่บ้าน
ุ
โปรตเกส
ในปัจจุบันด้วย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด
ฝอยทอง
50