48
คาอธบิ ายรายวชิ า พต11001 ภาษาอังกฤษพื้นฐาน จานวน 3 หนว่ ยกติ
ระดับประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคตเิ กย่ี วกับ การฟัง พูด อา่ น เขยี น ภาษาตา่ งประเทศ เพอ่ื การ
ส่ือสารในชีวติ ประจาวนั ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกยี่ วกับเรอื่ งดงั ต่อไปนี้
1.วิธกี ารทกั ทาย (Greeting) การแนะนา (Introduction) ตวั เองและผูอ้ ืน่ และการกล่าวลา (Leave
Taking) รวมท้งั การตอบรับทัง้ อยา่ งเป็นทางการและไม,เป็นทางการท่ถี กู ตอ้ งตามหลกั ภาษาและวัฒนธรรมของ
เจา้ ของภาษา
2.การอา่ น เขยี น และออกเสียงพยญั ชนะ สระ และการประสมคาภาษาอังกฤษทีถ่ กู ตอ้ ง การใช้ จานวน
นับ ลาดบั ท่ี และการใชค้ าศัพท์ รวมทัง้ สญั ลักษณต์ า่ ง ๆ ทีพ่ บในชวี ิตประจาวันโดยท่ัวไป
3.การใชป้ ระโยคขอรอ้ ง คาสงั่ และขอโทษท่ถี กู ต้องตามกาลเทศะ โครงสร้างของประโยคความเดียว
(Simple Sentence) ใน Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Future Simple Tense
การใช้ประโยคคาถามและคาตอบงา่ ยๆ รวมทั้งการใชค้ าสรรพนาม คาบุพบท และคาคุณศพั ท์พืน้ ฐาน
การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้
1.ฝึกฟัง พูด อ่าน เขยี นในการทักทาย แนะนา และ กล่าวลา ทสี่ ามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั
2.ฝึกฟัง พดู อ่าน เขยี น ใหถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสมกับสถานการณ์
3.ฝึกการใช้ประโยคตา่ ง ๆ คาสรรพนาม คาบุพบท และคาคุณศัพทไ์ ดส้ อดคลอ้ งกับชวี ิตประจาวนั และ
การประกอบอาชพี
การวดั และประเมินผล
1.ตรวจสอบด้วยวธิ ีการทเี่ หมาะสมและแสดงใหเ้ ห็นวา่ สามารถนาไปใช้ในชีวิตจริง
2.ตรวจสอบการอา่ นคาศพั ท์ จานวนนบั ลาดับที่ และสัญลกั ษณ์ได้ถูกตอ้ ง และอธบิ ายความหมาย ของ
คาศัพท์ จานวนนบั ลาดับท่ี และสัญลักษณต์ า่ ง ๆ
3.ตรวจสอบการใช้ประโยค คาสรรพนาม คาบพุ บท และคาคณุ ศพั ทใ์ ห้ถกู ต้องตามสถานการณ์
49
รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา พต11001 ภาษาอังกฤษพนื้ ฐาน จานวน 3 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตเิ ก่ยี วกบั การฟัง พูด อา่ น เขยี น ภาษาตา่ งประเทศ เพ่อื การ
สอื่ สารในชวี ติ ประจาวนั ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา
ที่ หวั เร่ือง ตวั ชี้วดั เน้ือหา จานวน
(ชว่ั โมง)
1 การทักทาย และ ทกั ทายและตอบรบั การ การทักทายและตอบรับการทักทายเพ่อื สรา้ ง
การตอบรบั ทักทายเพ่ือสร้าง ความส้มพันธร์ ะหวา่ งบุคคล
การทักทาย ความสมั พันธ์ระหวา่ ง 1.การทักทายช่วงเวลาตา่ ง ๆ 2
(Greeting) บุคคล Good morning.
Good afternoon.
Good evening. 3
2.การทักทายบคุ คลเมื่อพบครั้งแรก
A : How do you do?
B : How do you do?
A : Nice to meet you.
B : Nice to meet you, too.
3.การทกั ทายบุคคลท่ีรจู้ ักมาก่อน 4
A : How are you?
B : Fine, thanks.
And you?
A : I m fine.
2 การแนะนาตนเอง แนะนาตนเองและ แนะนา การแนะนาตนเองและการแนะนาผู้อนื่ ตาม
และการแนะนา ผ้อู ่ืนตามมารยาท ท่ีดีทาง มารยาทท่ดี ที างสังคม
ผู้อน่ื สงั คม 1.การแนะนาตนเองกับผู้อนื่ 4
6
(Introducing) Rose : Hello, I am Rose.
Cherry : Hello, I am Cherry.
2.การแนะนาผู้อื่น ใหร้ ู้จกั กัน
John : Hi Judy.
Judy : Hi John.
John : Judy this is Sandra.
50
ที่ หวั เรื่อง ตัวชี้วัด เนื้อหา จานวน
(ช่วั โมง)
Judy : Hello Sandra, please to meet
3
you. 3
3
Sandra : Hello Judy, I m please to meet
3
3 การกลา่ วลา และ กล่าวลาและตอบรับ การ yกoารuก, ลto่าวoล. าและตอบรบั การกล่าวลาตาม ความ 3
การตอบรับ กล่าวลาตามความ เหมาะสมในโอกาสตา่ ง ๆ
การกล่าวลา เหมาะสมในโอกาส ตา่ ง ๆ 1. การกล่าวลาในโอกาสตา่ ง ๆ ได้แก่
(Leave Taking) 1.1การกล่าวลาหลงั พูดคยุ กันแล้ว
A : Good-bye.
B : Good-bye.
See you later.
1.2การกลา่ วลาก่อนเดนิ ทาง
1.2.1กรณสี ่งชาวต่างชาตเิ ดินทาง กลับบาน
A : Have a safe journey back home.
B : Thank you.
1.2.2อาจพดู ดว้ ยขอความสัน้ ๆ
A : Bon voyage!
B : Thank you.
1.2.3การกลา่ วลาทางโทรศพั ท์
A : 111 have a meeting in five minutes.
Bye now.
B : O.K. Bye. 111 call you later.
1.3การกล่าวลาหลงั งานเลย้ี งเลกิ
A : Thank you for this lovely meal.
B : You re welcome. Bye.
A : Bye!
1.4การกลา่ วลาก่อนเขานอน
A : Good night.
B : Good night.
A : Sleep well. Good night.
B : Thank you. Good night.
51
ที่ หวั เร่ือง ตัวชี้วดั เนอื้ หา จานวน
(ชั่วโมง)
4 การเขียน การ 2. การตอบรบั การกล่าวลาในโอกาสต่างๆ
อา่ น พยญั ชนะ 6
สระ และ การ Good-bye.
ประสมคา 2
Bye. 4
10
See you.
Good night.
See you later.
111 call you later.
เขยี น อ่านพยญั ชนะ สระ พยัญชนะ สระ และการประสมคา
และประสมคา 1.การเขียนพยัญชนะ
ภาษาองั กฤษ 2.การเขียนพยญั ชนะตัวพมิ พใ์ หญ่ และตัวพมิ พ์
เลก็ ตัวเขยี นใหญ่ และตัวเขียนเลก็
การออกเสียงสระแท้และสระประสม
3.วธิ ีการประสมคา
คาประกอบด้วยพยัญชนะและสระแท้ a, e, i,
O, น เช่น
d + o = do g + o = go m + e = me w +
e = we etc.
คาประกอบด้วยพยัญชนะ สระแท้ และตัวสะกด
เชน่
b + a + t = bat ร + i + t = sit s + u + n =
rng g + น + n = gun etc.
คาประกอบด้วยอักษรนา 2 ตัว เชน่ gl + a + d
= glad
pl + a + ท = plan sp + o + t = spot pl +
u +m = plum etc.
52
ท่ี หวั เร่อื ง ตัวชว้ี ดั เน้ือหา จานวน
(ช่วั โมง)
คาประกอบด้วยตัวสะกด 2 ตัว เชน่ 1 + a + ร
+ t = last
1 + a + m + p = lamp f + i + s + h = fish
c + o + 1 + d = cold etc.
คาประกอบดว้ ยสระประสม เชน่ m+e+e + t
= meet
r + o + o + f = roof m + o + o + ท =
moon t + o + o + 1 =
tool
t+e+a + m = team
p + a + i + n = pain
g + o + a + t = goat
r + o + a +d = road
etc.
คาขึน้ ต้นด้วยสระ เชน่
o + r = or a + ทา. = am i + t = it น + ร =
us etc.
คาท่ขี น้ึ ด้นด้วย ch และ sh เช่น ch + a + t =
chat
ch + o + t = chop sh + o + t = shot sh +
u + t = shut etc.
53
ท่ี หัวเรือ่ ง ตัวชีว้ ดั เนื้อหา จานวน
(ชั่วโมง)
5 จานวนนบั และ ใช้จานวนนับและ ลาดบั ที่ จานวนนับและลาดบั ท่ี
ลาดับท่ี 2
ได้ถกู ตอ้ ง 1. การอา่ นและการเซยี นจานวนนบั เชน่
2
one - ten
eleven - twenty
twenty one - ninety nine
one hundred
one thousand
one million
etc.
2. การอ่านและการเซียนลาดบั ท่ี เชน่
first, second, third, fourth, fifth, sixth,
seventh, eighth, ninth, tenth
etc.
3. การเขยี นประโยคท่มี จี านวนนับ หรือลาดับท่ี 3
เช่น 4
I have four pens.
She buys two shirts.
He is the third person.
We are the first group.
etc.
4. การพดู ประโยคทม่ี ีจานวนนบั หรอื ลาดบั ท่ี
เช่น
I am the first child.
We live on the second floor.
He eats two oranges.
She washes four skirts.
etc.
54
ที่ หวั เรอื่ ง ตัวชี้วัด เนอื้ หา จานวน
(ชว่ั โมง)
6 คานาม (Noun) รจู้ ักคานามและวิธีการใช้ ลกั ษณะคานามและวธิ กี ารใช้คานามและ
และคาศพั ท์ รวมทง้ั ใช้คาศพั ท์ คาศัพท์หมวดตา่ ง ๆ 2
หมวดตา่ งๆ เกยี่ วกับวนั เดอื น ปี สี 1.ลกั ษณะและวธิ กี ารใช้คานาม
เครอื ญาติ เครอ่ื งใช้ ใน คานามมี 2 ลกั ษณะ คือ คานาม นบั ได้ 2
ชวี ิตประจาวนั (Countable Noun) และคานาม นับไม,ได้
และสภาพดินฟ้าอากาศ (Uncountable Noun) 1
อย่างง่าย คานามนับได้ เช่น a cat, two sisters, five 2
stars, seven horses เม่นดน้ 2
คานามนบั ไม่ได้ เชน่ milk, sugar, butter,
water เปน็ ดน้
2.คาศพั ทเ์ กย่ี วกับวัน เดอื น ปี
คาศพั ท์เก่ยี วกับวนั เช่น Sunday, Monday,
Tuesday, Wednesday, Thursday, Friday,
Saturday
คาศพั ท์เก่ียวกับเดือน เช่น January,
February, March, April, May, June, July,
August, September, October, November,
December
คาศพั ทเ์ กย่ี วกบั ปี เช่น
2008 = two thousand and eight
1995 = nineteen ninety five
last year, this year, next year
etc.
3.คาศพั ท์เกยี่ วกบั สี เชน่ black, red, purple,
yellow, gray, green, light blue, dark
brown เปน็ ด้น
4.คาศัพท์เก่ยี วกับเครือญาติ เช่น father,
mother, sister, brother, aunt, uncle เมน่
ต้น
คาศพั ทเ์ กี่ยวกับเครือ่ งใช้ในชีวติ ประจาวัน เชน่
plate, fork and spoon, glass, table, chair,
bed, bench, pan, lamp, bottle เป็นตน้
55
ที่ หัวเรอ่ื ง ตวั ช้ีวัด เนอ้ื หา จานวน
7 สญั ลกั ษณ์ (ชั่วโมง)
เขา้ ใจความหมายของ
สญั ลกั ษณ์ท่ีใชท้ ว่ั ไป 6. คาศพั ท์เก่ยี วกบั สภาพดนิ ฟ้าอากาศ เช่น 1
cloudy, windy, rainy, sunny, cold, warm
เป็นตน้
1.สัญลักษณ์
1.1.สญั ลักษณต์ ามทอ้ งถนน เช่น No Parking, 2
No Entry, Turn left. Turn Right, U-Turn
เปน็ ต้น
1.2.สญั ลกั ษณต์ ามโรงพยาบาล เชน่ Danger, 2
In/Out, Entrance, Exit, No Smoking, No
Mobile Phone เป็นตน้
1.3.สัญลกั ษณ์บริเวณโรงเรยี น เชน่ Keep off 2
the grass, Toilet, Roundabout, One-way,
School Zone เป็นต้น
1.4สญั ลักษณ์ตามร้านอาหาร เปน็ ตน้ 2
8 การขอรอ้ ง การ ใช้ประโยคขอร้อง ออก ประโยคขอร้อง ออกคาสั่งและขอโทษ 6
ออกคาสงั่ และ คาส่ังและขอโทษ 1. การพูด ขอรอ้ งและการตอบรบั
การขอโทษ ประโยคขอร้อง เชน่
Please open the window.
Please wash these dishes.
Quiet please.
Speak louder, please.
etc.
การตอบรับ เช่น
Alright.
No problem.
O.K.
etc.
56
ที่ หัวเร่ือง ตัวชว้ี ดั เน้ือหา จานวน
(ช่ัวโมง)
9 ประโยค ความ การออกคาส่ังและการตอบรับ
เดียว 1.ประโยคคาส่ัง เชน่ 12
(Simple -Come here.
Sentence) -Stop. 6
-Sit down.
-Stand up.
etc.
2.การตอบรบั เช่น
-O.K.
-Alright.
etc.
3.ประโยคขอโทษและการตอบรบั
ประโยคขอโทษ เชน่
-Im sorry. I don t know the answer.
-Im sorry. I m late.
-Im sorry. I forget to do my homework.
etc.
4.การตอบรับ เช่น
-That’s alright.
-That’s O.K.
-Don t worry.
etc.
สร้างประโยคความเดียว การใช้ Tense อยา่ งงา่ ยสร้างประโยคความ
และเลา่ เรอ่ื งเกย่ี วกับ เดียว เพื่อเล่าเรอ่ื งเกี่ยวกับตนเอง
ตนเองโดยใช้ 1. ลกั ษณะของประโยคท่ีใช้ Present Simple
Present Simple Tense, Tense เล่าเร่อื งเก่ยี วกบั ตนเอง เช่น
Present Continuous -My name is Sam.
Tense และ -I am Sam.
Future Simple Tense -I am a worker.
-I live in Bangkok.
I will move to my new office.
57
ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวชี้วดั เนื้อหา จานวน
(ช่วั โมง)
-I will work in a Japanese factory.
12
-I will stay near my office.
-I will walk to my office.
etc.
10 ประโยคคาถาม ใช้ประโยคคาถาม ประโยค 1.ประโยคคาถามและประโยคคาตอบ คาสรรพ
ประโยคคาตอบ คาตอบ และใช้คาสรรพ นาม คาบุพบท และคาคณุ ศัพท์
คาสรรพนาม คา นาม คาบพุ บท และ คาสรรพนาม เชน่ I, you, he, she, it, we,
บุพบท และ คาคุณศพั ท์ อยา่ งงา่ ยได้ they, me, her, him, them, our เป็นตน้
คาคณุ ศพั ท์ ถูกตอ้ ง
คาบุพบท เชน่ in, at, on, under, of, by, out
เปน็ ต้น
คาคณุ ศัพท์ เชน่ green, yellow, warm, cool,
fat, small, tall, short, long, good เปน็ ต้น
2.ประโยคคาถามและประโยคคาตอบ เชน่
-What is your name?
-My name is Sally.
-Where is your home?
-My home is on New Road.
-When do you get up?
-I get up at six o clock.
-What time do you go to bed?
-I go to bed at ten.
etc.
58
คาอธบิ ายรายวิชา พค11001 คณติ ศาสตร์ จานวน 3 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับจานวนและการดาเนนิ การ เศษสว่ น ทศนยิ ม และร้อยละ
การวัด เรขาคณิต สถิตแิ ละความนา่ จะเปน็ เบอ้ื งตน้
ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเกยี่ วกบั เรอื่ งดงั ต่อไปนี้
จานวนและการดาเนนิ การ การอา่ นและเขยี นตัวเลขแทนจานวน การเขยี นในรูปการกระจาย การ เปรียบเทยี บ
จานวน การเรยี งลาดบั การประมาณค่า สมบัติของจานวน การบวก ลบ คูณ หาร การแก้โจทย์ ปญั หาตาม
สถานการณแ์ ละตัวประกอบของจานวนนับเศษสว่ น การอา่ นและเขยี นเศษส่วน การเปรียบเทียบเศษส่วน การบวก
ลบ คูณ หาร และการแกโ้ จทย์ ปัญหาตามสถานการณ์
ทศนยิ ม การอา่ นและเขยี นทศนยิ ม การเขียนในรูปการกระจาย การเปรียบเทียบทศนิยม การเรียงลาดบั การ
ประมาณคา่ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งทศนยิ มกบั เศษส่วน การบวก ลบ คณู หาร และการแก้โจทยป์ ัญหา ตาม
สถานการณ์
รอ้ ยละ ความหมายของรอ้ ยละและการใชส้ ญั ลักษณเ์ ปอร์เซ็นต์ (%) ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งเศษส่วน ทศนิยมและ
รอ้ ยละ โจทย์ปัญหา การคณู หาร (บัญญัตไิ ตรยางศ์) และการประยุกต์
การวัด การวดั ความยาวและระยะทาง การช่ัง การตวง การหาพ้ืนที่ ปริมาตรและความจุ ทศิ และ แผนผงั เงิน
เวลา อุณหภูมิ การคาดคะเนทใ่ี ช้ในชีวิตประจาวัน
เรขาคณิต ชนดิ ของรูปเรขาคณิตสามมิติ ลูกบาศก์ การประดษิ ฐ์รูปเรขาคณติ สองมิตหิ รอื สามมิติ
สถิติ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู การจาแนกขอ้ มลู โดยการสังเกตและการสารวจ การอ่านและเขียน แผนภมู ริ ปู ภาพ
แผนภูมิแท่ง เปรียบเทยี บกราฟเส้น และแผนภมู ริ ปู วงกลม
ความนา่ จะเป็นเบอื้ งต้น โอกาสและเหตกุ ารณ์ที่จะเกิดขึน้ แน่นอนหรืออาจจะเกิดขน้ึ หรอื อาจจะ ไม,เกดิ ขึ้นหรือ
เป็นไปไม,ไต้
การชดั ประสบการณ์การเรยี นรู้
จัดประสบการณห์ รอื สถานการณใ์ นชวี ติ ประจาวนั ให้ผ้เู รยี นไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ โดยการปฏบิ ตั ิจริง ทดลอง สรุป
รายงาน เพอ่ื พัฒนาทกั ษะ/กระบวนการในการคิดคานวณ การแกป้ ัญหา การใหเ้ หตุผล การสอื่ ความหมายทาง
คณติ ศาสตรแ์ ละนาประสบการณด์ า้ นความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการทไี่ ด้ไปใชใ้ น การเรยี นรู้ส่ิงตา่ ง ๆ และใช้
ในชีวิตประจาวนั อยา่ งสรา้ งสรรค์ รวมท้งั เห็นคุณคา่ และมเี จตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ
ระเบยี บ มคี วามรอบคอบ มีความรับผดิ ชอบ มวี จิ ารณญาณ และมีความเชื่อมนั่ ในตนเอง
การวดั และประเมนิ ผล
ใช้วธิ กี ารท่หี ลากหลายตามสภาพความเป็นจริงใหส้ อดคล้องกับเนอ้ื หาและทักษะท่ีต้องการวดั
59
รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา พค11001 คณิตศาสตร์ จานวน 3 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จานวนและการดาเนินการ เศษส่วน ทศนยิ ม และ
รอ้ ยละ การวดั เรขาคณิต สถิตแิ ละความนา่ จะเป็ นเบอ้ื งตน้
ที่ หวั เร่ือง ตวั ชวี้ ัด เน้อื หา จานวน
(ชั่วโมง)
1 จานวนและ 1.อ่านและเขยี นตัวเลขแทน จานวน 1.การอ่านและเขยี นตวั เลขแทน จานวน
การดาเนินการ 2.บอกคา่ ประจาหลกั และคา่ ของ 2.ค่าประจาหลกั และค่าของตัวเลข 0.5
0.5
ตวั เลข 3.การเขยี นในรปู การกระจาย 1
1
3.เขียนจานวนในรปู การกระจาย 4.การเรยี งลาดบั จานวน
1
เปรียบเทยี บจานวน การประมาณค่า
2
4.ประมาณคา่ เป็นจานวนเต็ม 5.สมบัตขิ องจานวนนบั และศูนย์ และ
10
5.นาความรู้และสมบตั เิ กยี่ วกบั การนาไปใชใ้ นการแกป้ ญั หา
จานวนนบั และศนู ยไ์ ปใช้ 6.การบวก ลบ คณู หารจานวนนับ และ
บวก ลบ คูณ หาร จานวนนบั และ การแก้ปญั หา
การแก้ปญั หา ตวั ประกอบของจานวนนบั และ การหา
6.หาตวั ประกอบของจานวนนบั ตวั ประกอบ
บอกจานวนเฉพาะและ ตวั ประกอบ 7.จานวนเฉพาะและตวั ประกอบ เฉพาะ
เฉพาะ การแยกตัวประกอบ
7.แยกตัวประกอบของ จานวนนับไต้ ห.ร.ม. และ ค.ร.น.
หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ จานวน
นับทีก่ าหนดให้ไต้
2 เศษสว่ น 1.บอกความหมาย ลักษณะและ อา่ น 1.ความหมาย ลักษณะของเศษส่วน และ 5
เศษสว่ น การอ่านเศษสว่ น
2.เขียนเศษสว่ นใหอ้ ยใู่ นรปู เศษสว่ น 2.การเขียนเศษส่วนใหอ้ ยู่ในรปู เศษส่วน
อยา่ งต่า จานวนคละ และ เศษเกิน อยา่ งต่า จานวนคละ และเศษเกนิ
เปรียบเทยี บและเรียงลาดบั เศษส่วน การเปรยี บเทยี บเศษสว่ น
60
ท่ี หวั เรือ่ ง ตัวช้วี ดั เนอื้ หา จานวน
(ชัว่ โมง)
1.บวก ลบ เศษส่วนและนา ความรู้ 1.การบวก ลบ เศษส่วน และโจทย์ 4
เก่ยี วกับเศษส่วนไปใช้ แก้โจทย์ปญั หา ปัญหา
คณู เศษสว่ นและนาความรู้ เกยี่ วกับ2. 2.การคูณเศษส่วนและโจทยป์ ญั หา 3
การคณู เศษสว่ นไปใช้ แกโ้ จทยป์ ัญหา 3.การหารเศษสว่ นและโจทย์ปัญหา 3
3.หารเศษสว่ นและนาความรู้ 4.การบวก ลบ คูณ หาร เศษสว่ น ระคน 4
เกี่ยวกบั การหารเศษสว่ นไปใช้ แก้ และโจทย์ปญั หา
โจทย์ปญั หา
4.บวก ลบ คณู หาร เศษส่วน และนา
ความรู้ไปใชแ้ ก้โจทย์ ปญั หา
3 ทศนิยม 1.บอกความหมาย และเขยี น อา่ น 1.ความหมายของทศนิยม การเขียน และ 1
4 รอ้ ยละ 1
ทศนยิ ม การอ่าน 1
1
2.บอกคา่ ประจาหลักและคา่ ของ 2.คา่ ประจาหลกั และค่าของตวั เลข ในแต่ 4
2
ตวั เลขในแต่ละหลักของทศนยิ ม ละหลักของทศนยิ ม 3
5
3.เขยี นทศนยิ มในรปู การกระจาย 3.การเขียนทศนยิ ม ในรปู การกระจาย
1
4.เปรยี บเทียบและเรียงลาดบั 4.การเปรยี บเทียบและเรยี งลาดบั
ทศนยิ ม ทศนิยม
5.แปลงทศนิยมใหอ้ ยู่ในรปู เศษสว่ น 5.ความสัมพนั ธร์ ะหว่างทศนยิ มและ
และแปลงเศษสว่ น จานวนนับ ใหอ้ ยู่ เศษส่วน
ในรูปทศนยิ ม 6.การประมาณคา่ ใกลเ้ คียงทศนยิ ม
6.ประมาณคา่ ทศนยิ มหนง่ึ ตาแหนง่ 7.การบวก ลบ ทศนยิ ม และโจทย์
สองตาแหนง่ และสามตาแหน่ง ปญั หา
7.บวก ลบ ทศนยิ ม และนา ความรไู้ ป 8.การคณู หาร ทศนิยมและโจทย์ ปัญหา
ใชแ้ ก้โจทย์ปญั หา
8.คูณ หาร ทศนิยม
1. เขยี นเศษส่วนที่มตี วั สว่ นเปน็ 1. ความหมายของรอ้ ยละ
100 ให้อยูใ่ นรูปร้อยละ และ ใช้
สัญลกั ษณ์เปอร์เซน็ ต์ (%)
61
ที่ หวั เร่ือง ตวั ชี้วดั เนอื้ หา จานวน
(ช่ัวโมง)
2.หาคา่ เศษส่วน และเขียนรอ้ ยละ 2.ความสมั พันธร์ ะหว่างเศษส่วนและ 10
หรอื เปอร์เซน็ ต์ให้อยูใ่ นรูปเศษส่วน รอ้ ยละ
3.แกโ้ จทย์ปญั หาการคณู การหาร 3.โจทยป์ ญั หา การคูณ การหาร
(บญั ญัตไิ ตรยางศ์) ของจานวน นบั (บญั ญัติไตรยางศ์) และการประยกุ ต์
และนาไปประยกุ ต์ใช้
5 การวัด 1.การวัดความยาวและระยะทาง 1.การวดั ความยาว และระยะทาง 1
2.วดั ความยาว ความสงู และ 2.การเลอื กเครอ่ื งวดั และหนว่ ยวัด ความ 1
ระยะทาง โดยใช้เคร่อื งมือที่เปน็ ยาว ความสูง หรอื ระยะทาง ทเี่ หมาะสม
มาตรฐาน 3.การเปล่ยี นหนว่ ยการวดั 1
3.เลือกเครอื่ งวัดและหน่วยวดั ความ มาตราสว่ น
ยาว ความสูง และระยะทาง ที่เปน็ 4.โจทยป์ ญั หาเกีย่ วกับการวดั ความยาว 1
มาตรฐานให้เหมาะสม กบั ส่ิงทจี่ ะวดั ความสงู และระยะทาง
4.เปลี่ยนหน่วยวัดความยาว ความสงู 5.เลือกหน่วยการชั่ง การตวง ท่เี ปน็ 2
หรือระยะทางจากหน่วยใหญ่ เป็น มาตรฐานใหเ้ หมาะสม
หนว่ ยย่อย และจากหนว่ ยย่อย เปน็ 6.เปล่ียนหน่วยการชั่ง การตวง 2
หน่วยใหญ่ หาพ้ืนที่และความยาวรอบรูปของ รูป
5.หาความยาว ความสงู หรือ เรขาคณติ
ระยะทางจริงจากรูปทยี่ อ่ ส่วน เม่ือ 7.โจทย์ปญั หาของการหาพืน้ ที่ของ รปู 9
กาหนดมาตราสว่ นให้ เรขาคณติ
6.แกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั การวดั
ความยาว ความสูง และระยะทาง
การช่ังและการตวง
1.เลือกหน่วยการช่งั การตวง ท่ี เปน็
มาตรฐานให้เหมาะสมกับ สงิ่ ทีจ่ ะชัง่
และตวง
2.เปลี่ยนหนว่ ยการชั่ง การตวง การ
หาพ้นื ท่ี
1.หาพืน้ ทแี่ ละความยาวรอบรปู ของ
รูปเรขาคณติ
2.แกโ้ จทย์ปัญหาเกีย่ วกับการหา
พ้ืนที่ของรูปเรขาคณิต
62
ท่ี หัวเร่ือง ตัวช้ีวัด เนื้อหา จานวน
(ชวั่ โมง)
ปริมาตรและความจุ 1. การหาปริมาตรและความจขุ องทรง
1. หาปริมาตรและความจุของทรง สี่เหลี่ยมมุมฉากและการแกป้ ญั หา 3
ส่เี หลยี่ มมุมฉากและแก้ปัญหา
2. บอกความสัมพันธร์ ะหวา่ ง หนว่ ย 2. ความสัมพนั ธ์ระหว่างหนว่ ยของ 3
ของปริมาตร หรือ หนว่ ย ของ ปริมาตร หรือหนว่ ยของความจุ
ความจุ
ทศิ และแผนผงั
1. บอกช่ือและทิศทางของทศิ ท้ัง 1. การบอกชอ่ื และทศิ ทางของทิศ ทงั้ 1
แปด แปด 2
2. อา่ น เขยี นแผนผงั แสดงตาแหนง่ 2. การอา่ น เขยี นแผนผังแสดงตาแหน่ง
ของสิ่งตา่ ง ๆ และแผนผงั แสดง ของสง่ิ ตา่ ง ๆ และแผนผัง แสดง การ
การเดินทางโดยใชม้ าตราสว่ น เดนิ ทางโดยใชม้ าตราสว่ น
เงนิ 1. การเขยี นและการอา่ นจานวนเงิน 1
1. เขยี นและอา่ นจานวนเงนิ โดยใช้
จดุ ทศนยิ มกาหนดหน่วยจานวน
เตม็ และเศษของหน่วย 2. การเปรยี บเทียบจานวนเงินและ
เปรียบเทยี บจานวนเงินและ แลก 3. แลกเปล่ยี นเงนิ ตรา การแก้โจทย์ 2
2. เงนิ ปญั หาเกี่ยวกับเงนิ 1
3. แก้โจทยป์ ญั หาเกย่ี วกบั เงนิ ได้ 1
4. อ่านและ เขยี นบันทกึ รายรับ- 4. การอ่านและบนั ทกึ รายรบั -รายจ่าย
รายจ่าย
อุณหภูมิ 1. การวดั อุณหภูมิเป็นองศาฟาเรนไฮต์
1. การวัดอุณหภูมิเปน็ องศาฟาเรน 1
1
ไฮตแ์ ละองศาเซลเซียส เปลย่ี นหนว่ ย 2. และองศาเซลเซียส การเปลย่ี นหน่วย
2. การวดั อุณหภมู ิ การวัด
เวลา 1. บอกและเขยี นเวลาจากหน้าปดั
1. บอก เขยี นและอา่ นเวลา จาก นาฬิกา 1
หน้าปัดนาฬิกาได้โดยใช้จดุ ทศนยิ ม
กาหนดหน่วยชั่วโมงและนาที 2. การอ่านตารางเวลา และการบันทกึ 1
2. อ่านบนั ทึกเวลา และบันทึก
กิจกรรมหรือเหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ โดย เหตุการณ์ หรือกจิ กรรม
ระบเุ วลา
63
ท่ี หัวเร่ือง ตัวชวี้ ดั เนื้อหา จานวน
(ช่วั โมง)
3.เปลยี่ นหนว่ ยเวลาจากหนว่ ยใหญ่ 3.ความสัมพนั ธ์ระหว่างหนว่ ยเวลา 5
เปน็ หนว่ ยยอ่ ยและจากหน่วยย่อย การแก้ปญั หาเกีย่ วกบั เวลา
เป็นหนว่ ยใหญ่ไต้
4.แก้โจทยป์ ัญหาเก่ียวกบั เวลา
การคาดคะเน
1. คาดคะเนเก่ยี วกบั ความยาว พน้ื ที่ 1. การคาดคะเนเกย่ี วกบั ความยาว พื้นที่
ปรมิ าตร ความจุ นา้ หนัก และเวลา ปรมิ าตร ความจุ นา้ หนัก และเวลา
6 เรขาคณิต 1.จาแนกชนิดของรปู เรขาคณติ สอง 1.ชนิดของรปู เรขาคณิต สองมิติและ 5
7 สถิติ 10
มติ ิและสามมติ ิ สามมิติ 5
2.เขา้ ใจลักษณะของลกู บาศก์และ 2.ลกู บาศก์
นาไปใช้ 3.การประดษิ ฐ์รูปเรขาคณติ สองมิติ หรอื
3.เขียนรูปเรขาคณติ สองมติ ิ และ สามมติ ิ
ประดิษฐร์ ูปเรขาคณิตสามมิติ
1.เกบ็ รวบรวมข้อมลู เพือ่ ตอบคาถาม 1.การเก็บรวบรวมขอ้ มูล การจาแนก
โดยใช้การสงั เกต การสารวจ และการ ขอ้ มลู โดยการสังเกต และการ
ทดลอง สารวจ
2.และเขยี นแผนภูมริ ปู ภาพ และ 2.การอา่ น การเขียนและเปรยี บเทียบ
แผนภมู ิแทง่ เปรียบเทียบ แผนภมู ิรปู ภาพ และแผนภมู แิ ทง่
3.อา่ นและเขยี นกราฟเส้น 3.การอ่านและการเขยี นกราฟเส้น
4.และเขยี นแผนภมู ริ ูปวงกลม 4.การอา่ นแผนภูมริ ูปวงกลม
8 ความนา่ จะ 1.อภปิ รายเหตกุ ารณ์เพื่อสรา้ งความ 1.โอกาสและเหตกุ ารณท์ ่ีจะเกดิ ข้ึน
เปน็ เบอ้ื งตน้ คนุ้ เคยกบั คาท่มี ีความหมายเช่นเดียว แน่นอนหรอื อาจจะเกดิ ขึน้ หรอื อาจจะ ไม่
กับคาว่า “แน่นอน” “อาจจะเกิดขนึ้ เกดิ ข้นึ หรือเป็นไปไม่ไต้
64
คาอธบิ ายรายวิชา พว11001 วทิ ยาศาสตร์ จานวน 3 หนว่ ยกติ
ระดบั ประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะ และเหน็ คณุ ค่าเกีย่ วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงิ่ มชี ีวิต
ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม ในทอ้ งถิ่น สาร แรง พลังงาน กระบวนการ เปลี่ยนแปลงของโลก
และดาราศาสตร์ มจี ติ วิทยาศาสตร์และนาความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นการดาเนินชีวติ
ศกึ ษาและฟกิ ทักษะเก่ยี วกบั เรอื่ งดงั ตอ่ ไปนี้
1.กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยธี รรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทกั ษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงงาน
วิทยาศาสตร์
2.ส่ิงมีชวี ติ และสง่ิ แวดล้อม สิ่งมีชวี ิต ระบบนเิ วศ ทรพั ยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและการอนรุ กั ษ์
ปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติ
3.สารเพอื่ ชีวิต สมบตั ขิ องสาร การแยกสาร สารในชวี ิตประจาวัน การเลอื กซือ้ และการเลือกใช้ได้อยา่ ง
ถกู ต้อง เหมาะสมและปลอดภัย
4.แรงและพลงั งานเพือ่ ชวี ิต แรงและการเคลอ่ื นท่ีของแรง พลังงานในชีวติ ประจาวนั และการอนุรกั ษ์
พลงั งาน
5.ดาราศาสตรเ์ พอื่ ชวี ิต ความสมั พันธ์ระหว่างดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์ เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นเกิดความรู้
ความเข้าใจ ความคดิ และทักษะ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ นาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั มจี ิต
วทิ ยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมท่ีเหมาะสม
การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้
ใหผ้ เู้ รยี น ศกึ ษา ค้นควา้ สารวจ ตรวจสอบ ทดลอง จาแนก อธบิ าย อภิปราย นาเสนอด้วยการชัด
กระบวนการเรยี นรู้ดว้ ยการพบกล่มุ การสอนเสริม การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การรายงาน การศกึ ษาจากแหล่ง เรียนรู้
ประสบการณต์ รงโดยใช้สถานการณจ์ ริง ปรากฏการณ์ธรรมชาติ และประสบการณจ์ ากผเู้ รยี น
การวดั และประเมนิ ผล
ประเมินจากการสังเกต การอภิปราย การสัมภาษณ์ ทักษะปฏิบตั ิ รายงานการทดลอง การมสี ว่ นร่วม ใน
กจิ กรรมการเรียนรู้ ผลงาน การทดสอบ การประเมินการนาไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน
65
รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา พว11 001 วิทยาศาสตร์ จานวน 3 หนว่ ยกิต
ระดบั ประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเหน็ คุณค่าเกยี่ วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิง่ มีชวี ติ
ระบบนเิ วศทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม ในท้องถิ่น สาร แรง พลงั งาน กระบวนการ เปลีย่ นแปลงของโลก
และดาราศาสตร์ มจี ิตวทิ ยาศาสตร์และนาความร้ไู ปใช้ประโยชนใ์ นการดาเนินชวี ิต
ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวชวี้ ดั เนื้อหา จานวน
(ช่ัวโมง)
1 กระบวนการทาง 1.อธิบายธรรมชาติและความ 1.ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ 3
วิทยาศาสตร์ และ สาคญั ของวทิ ยาศาสตรแ์ ละ ความหมายและความ สาคัญของ
เทคโนโลยี เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์
1.1 กระบวนการทาง 2.อธบิ ายกระบวนการทาง 2.กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ 3.วธิ ีการทาง วทิ ยาศาสตร์
เทคโนโลยี
3.นาความรู้ และกระบวนการ 4.ข้นั ทกั ษะกระบวนการ ทาง
ทางวทิ ยาศาสตร์ไปใช้แกป้ ัญหา วทิ ยาศาสตร์ 13 ทักษะ
ตา่ ง ๆ 5.เจตคติทาง วทิ ยาศาสตร์
4.เกดิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ลักษณะ
มจี ติ วิทยาศาสตร์ จติ วิทยาศาสตร์
5.เลอื กใช้เทคโนโลยไี ด้อย่าง เทคโนโลยี
เหมาะสม 6.ความหมายและความสาคัญ
6.ใชอ้ ปุ กรณท์ างวทิ ยาศาสตร์ บางเทคโนโลยกี ับชีวติ
ชนิด อปุ กรณ์วิทยาศาสตร์
ประเภท
7.วิธีใช้อุปกรณ์
ที่ หวั เร่อื ง ตัวชี้วัด เนอ้ื หา 66
1.2 โครงงาน 1.อธบิ ายประเภท การเลือก 1.ประเภทของโครงงาน จานวน
วิทยาศาสตร์ (ช่วั โมง)
2
หัวข้อ วธิ ดี าเนินการ และ การ -การเลือกหวั ขอ้ โครงงาน
นาเสนอโครงงาน -การเขยี นโครงงาน
2.นาความรเู้ กีย่ วกับกระบวนการ 2.การวางแผน และการทา
ทางวิทยาศาสตร์ และโครงงาน ไปโครงงาน
ใชเ้ กดิ กระบวนการกลุม่ การนาเสนอโครงงาน
2 สิง่ มชี วี ิตและส่ิงแวดล้อม 1.บอกลักษณะและการจดั กลุ่ม 1.ลักษณะและการชดั กลุ่มของ 20
2.1 สิ่งมชี วี ติ ของสิ่งมีชีวิตในท้องถิน่ ส่ิงมชี วี ติ พืช
2.อธิบายเกย่ี วกับประเภทของ พชื 2.ประเภทของพชื
ลกั ษณะภายนอกและ หนา้ ท่ีของ ลกั ษณะภายนอกของ
ราก ลาต้น ใบ ดอก และผลของ ส่วนประกอบต่าง ๆ ของพืช
พืชท้องถ่ิน ทีเ่ หมาะสมตอ่ การ หน้าทีข่ องส่วนประกอบ ของพืช
ดารงชวี ิต ในสง่ิ แวดลอ้ มที่ 3.ปัจจยั ทีจ่ าเป็นตอ่ การ ดารงชีวติ
แตกต่างกนั ของพชื
3.อธิบายเกย่ี วกบั ปจั จยั ท่ีจาเป็น 4.การขยายพันธุพชื
ตอ่ การดารงชวี ิตของพชื พืชในทอ้ งถ่ิน สัตว์
4.อธิบายวธิ กี ารขยายพนั ธพุ ืช 5.การแบ่งประเภทของสตั ว์
ดว้ ยวธิ กี ารต่าง ๆ โครงสรา้ งและหน้าท่ี ของอวยั วะ
จาแนกพืชในทอ้ งถน่ิ ของสตั ว์
5.อธบิ ายเกย่ี วกับประเภท 6.ปัจจัยทจ่ี าเปน็ ตอ่ การ
โครงสร้าง และหนา้ ท่ขี อง สตั ว์ เจรญิ เตบิ โตของสัตว์
ทอ้ งถน่ิ ทเ่ี หมาะสมต่อ การ 7.การขยายพันธุสตั วแ์ ละ การ
ดารงชีวิตในสิง่ แวดลอ้ ม ท่ี นาไปใชป้ ระโยชน์
แตกตา่ งกัน
6.อธบิ ายเกย่ี วกบั ปจั จัยทจี่ าเปน็
ตอ่ การดารงชีวติ ของสัตวแ์ ละ การ
นาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
7.อธบิ ายการขยายพันธุสัตว์ และ
นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
67
ที่ หวั เรือ่ ง ตัวชวี้ ัด เน้อื หา จานวน
2.2 ระบบนเิ วศ (ชวั่ โมง)
1.อธบิ ายความสัมพนั ธข์ อง กลมุ่ 1.ความเปน็ อยขู่ องสิ่งมชี วี ิตใน
10
สิ่งมีชีวิตตา่ ง ๆ กับ ท้องถิน่
สภาพแวดล้อม แหลง่ ทีอ่ ยูอ่ าศยั
2.อธบิ ายความสมั พนั ธข์ อง 2.ความสัมพนั ธ์ของสิง่ มี ชวี ติ กบั
สง่ิ มีชวี ติ ในห่วงโซ่อาหาร สิ่งมชี วี ิต
3.อธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ความสมั พนั ธ์ของ กลุ่มสิ่งมีชีวิต
สภาพแวดลอ้ มในท้องถนิ่ กับการ กับ สภาพแวดลอ้ ม
ดารงชีวติ ของสิ่งมชี วี ติ ห่วงโซอ่ าหาร
3.ความสัมพนั ธข์ องสง่ิ มี ชีวติ ใน
หว่ งโซ่อาหาร
การถ่ายทอดพลงั งาน จากผ้ผู ลิตสู่
ผบู้ รโิ ภค
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง
สภาพแวดล้อมกับการดารง ชวี ิต
ของส่งิ มชี วี ติ
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ของ
สิ่งมีชวี ิตในแต่ละ แหล่งท่ีอยู่
ความสามารถในการ ปรับตัวให้
เข้ากับ สง่ิ แวดลอ้ ม
2.3 ทรพั ยากรธรรมชาติ 1. อธบิ ายความหมาย และ 1. ทรพั ยากรธรรมชาติ 10
สิ่งแวดลอ้ มและ การ ประเภท ของทรพั ยากรธรรมชาติ 1.1ความหมายและประเภท
อนรุ ักษ์ 1.2การใชท้ รัพยากรธรรมชาติ ใน
ท้องถ่ิน
1.3ผลกระทบจากการใช้
ทรพั ยากรธรรมชาตใิ น ท้องถิน่
1.4การดูแลรักษา
68
ที่ หัวเรือ่ ง ตัวชีว้ ัด เนื้อหา จานวน
(ชวั่ โมง)
1.อธิบายเกย่ี วกับการใชท้ รัพยากร 2. สิ่งแวดล้อม
ธรรมชาติ ผลกระทบ และ การ 3.ความหมายและประเภท
ดแู ลรกั ษาทรพั ยากร ธรรมชาติ 3.การเปลย่ี นแปลง
2.อธบิ ายความหมาย และ ส่ิงแวดลอ้ มในท้องถิ่น
ประเภทของส่ิงแวดลอ้ ม การป้องกนั และแก้ไข ปัญหา
3.การเปล่ียนแปลง ส่งิ แวดลอ้ มใน ทอ้ งถิ่น
สง่ิ แวดล้อมในทอ้ งถิน่ และ เสนอ สภาวะโลกรอ้ นสาเหตุ และ
แนวทางปอ้ งกันและ แกไ้ ข ผลกระทบการ ป้องกนั และแก้ไข
ปญั หาโลกรอ้ น
2.4 ปรากฏการณ์ทาง 1.อธิบายการเกิดเมฆ หมอก นา้ 1.การเกดิ ปรากฏการณ์ทาง 5
10
ธรรมชาติ ค้าง ฝน และลกู เหบ็ ธรรมชาติ
2.บอกสภาพอากาศของทอ้ งถิ่น -เมฆ
-หมอก
-นา้ คา้ ง
-ฝน
-ลกู เห็บ
-กรณศี ึกษาน้าค้างแขง็
2.สาเหตแุ ละผลกระทบ
การรายงานสภาพอากาศของ
3 สารเพอื่ ชวี ติ ท้องถ่นิ
1.อธบิ ายความหมายความสาคญั 1.ความหมาย ความสาคญั และ
3.1 สารและสมบัติ ของ และความจาเปน็ ในการใช้สาร ความจาเป็นในการใช้สาร
สาร 2.อธบิ ายสมบัตทิ ่ัวไปของสาร 2.สมบัติทั่วไปของสาร
จาแนกสารโดยใชส้ ถานะ สถานะของสาร
และการจัดเรยี งอนุภาค การจัดเรยี งอนุภาคของสาร
3.อธิบายปจั จยั ท่มี ผี ลตอ่ การ 3.ปจั จยั ทีม่ ีผลตอ่ การเปล่ียน
เปลยี่ นสถานะของสาร สถานะของสาร
69
ที่ หวั เรื่อง ตัวชวี้ ัด เนอื้ หา จานวน
3.2 การแยกสาร (ชว่ั โมง)
1.อธิบายวธิ กี ารและกระบวนการ 1.การแยกสาร
10
แยกสาร 2.การกรองแบบต่าง ๆ
2.เลอื กใชว้ ิธกี ารแยกสารท่ี -การกลัน่
เหมาะสม และนามาใช้ -การระเหย
-การตกตะกอน
-การตกผลึก
-การกล่ันลาดับส่วน
-การระเหดิ หรอื การ ระเหยแห้ง
โครมาโตกราชี
-การแยกสารทีใ่ ชใ้ นชีวิต
ประจาวัน
3.3 สารในชวี ติ ประจาวัน 1.อธิบายสมบัตขิ องสารท่นี า มาใช้ 1.สมบตั ิของสารท่ีใช้ในชวี ิต 15
ในชวี ติ ประจาวนั ประจาวนั
2.อธบิ ายการเขา้ สู่รา่ งกายของ 2.การเขา้ สูร่ า่ งกายของสาร
สาร ประเภทของสารท่ีพบใน
3.จาแนกประเภทของสาร และ ชีวติ ประจาวัน
ผลิตภณั ฑ์ท่ีพบในชวี ติ ประจาวนั 3.สาร และผลิตภัณฑ์ของสาร ท่ีใช้
4.อธิบายวธิ ีการใช้สารใน ในชวี ติ ประจาวัน
ชีวติ ประจาวันบางชนิดและ 4.สารทาความสะอาด
ผลกระทบท่เี กดิ ต่อชวี ิตและ สารทางการเกษตร
สิง่ แวดล้อม ยารักษาโรค
4.เลอื กซื้อและเลอื กใช้สารได้ สารปรุงแต่ง และสาร ปนเข้อน
ถูกตอ้ ง และเหมาะสม ผลติ ภัณฑ์เสรมิ ความงาม
5 ผลกระทบท่ีเกดิ จากการใช้ สาร
ต่อชีวติ และส่งิ แวดลอ้ ม
6. การเลือกซอื้ และการเลือกใช้
สาร
70
ที่ หวั เร่อื ง ตัวช้วี ัด เนอ้ื หา จานวน
(ช่วั โมง)
4 แรงและพลงั งานเพ่ือชีวติ 1.อธิบายความหมาย หนว่ ย 1.ความหมาย หนว่ ย และ
15
4.1 แรงและการ ประเภทของแรง ผลท่เี กิดจาก ประเภทของแรง
เคลอื่ นที่ การกระทาของแรง ความดัน แรง -ผลของแรงท่กี ระทาตอ่ วัตถุ
ของแรง ลอยตัว แรงดงึ ดดู ของโลก และ และประโยชนข์ องแรง
แรงเสยี ดทาน -ความดัน
2.การนาแรงและการเคลอื่ นท่ี -ความหมาย
ของแรงไปใช้ประโยชน์ใน -ความดันของของเหลว
ชีวิตประจาวัน -ความดันของอากาศ
-แรงลอยตวั
-แรงดงึ ดูดของโลกความหมาย
ประโยชน์และโทษของ แรงดึงดดู
ของโลก
-แรงเสียดทาน
-ความหมาย ประโยชน์ และโทษ
ของแรงเสยี ดทาน
2.การนาแรงเสียดทานไปใช้ ใน
ชีวิตประจาวัน
4.2 พลังงานในชวี ิต 1.อธบิ ายประเภทของพลงั งาน ท่ี 1.พลงั งาน และประเภทของ 15
ประจาวัน และ การ
อนุรักษพ์ ลังงาน เกยี่ วขอ้ งในชวี ิตประจาวนั พลงั งานทใ่ี ชใั นชวี ติ ประจาวนั
2.อธิบายวิธกี ารใชไ้ ฟฟ้าในบ้าน -พลังงานไฟฟา้
และตอ่ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย -แหลง่ กาเนดิ
3.อธบิ ายเก่ยี วกับการประหยดั -การเปลีย่ นรปู
และอนุรักษ์พลงั งานไฟฟา้ -ไฟฟา้ ในบา้ น วงจร
-ไฟฟ้าอย่างงา่ ย
-ความปลอดภัยในการใช้
-ไฟฟ้าในครัวเรือน
2.การประหยดั และอนรุ ักษ์
พลังงานไฟฟา้
71
ที่ หวั เรอ่ื ง ตวั ชว้ี ดั เน้ือหา จานวน
(ช่วั โมง)
4.บอกคณุ สมบัตขิ องแสงและ -พลังงานแสง
อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติ -แหล่งกาเนดิ แสง
จากแสง -สมบัตขิ องแสง
5.บอกคณุ สมบัตขิ องเสียงและ 3.ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ของแสง
การป้องกนั มลภาวะของเสยี ง พลังงานเสียง
6.บอกคุณสมบตั แิ ละชนิดของ 4.การเกดิ และสมบัติของ เสยี ง
พลงั งานทดแทนในชีวติ ประจาวนั 5.ความดัง และอันตราย ท่เี กดิ
จากเสียง
5 ดาราศาสตร์เพอ่ื ชีวติ 1.อธบิ ายอิทธิพลของดวงอาทิตย์ 1.การเกิดกลางวนั กลางคนื 5
ความสัมพันธ์ระหว่าง และดวงจนั ทร์ทมี่ ผี ลตอ่ การเกิด การเกดิ ขา้ งข้นึ ขา้ งแรม
ดวงอาทิตย์ โลก และ ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ บน การเกดิ สรุ ยิ ุปราคา และ
ดวงจันทร์ โลก และการนาไปใชป้ ระโยชน์ จันทรปุ ราคา
การเกดิ ฤดูกาล
การเกิดลมบก ลมทะเล
72
สาระการประกอบอาชพี
สาระการประกอบอาชพี เป็นสาระเกย่ี วกบั การมองเห็นชอ่ งทาง และการตดั สินใจประกอบอาชีพ เรียนรู้
ทักษะในอาชพี การจดั การอาชพี อย่างมีคุณธรรม และการพฒั นาอาชีพใหม้ คี วามม่ันคง ประกอบด้วย มาตรฐาน
การเรยี นรู้ ดงั น้ี
สาระทักษะการเรยี นรู้ ประกอบดว้ ย 4 มาตรฐาน ดงั นี้
มาตรฐานท่ี 3.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคตทิ ดี่ ีในงานอาชีพ มองเห็นชอ่ งทาง และตดั สนิ ใจ
ประกอบอาชีพไดต้ ามความตอ้ งการ และศกั ยภาพของตนเอง
มาตรฐานที่ 3.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะในอาชพี ที่ตดั สินใจเลือก
มาตรฐานท่ี 3.3 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในการชดั การอาชพี อยา่ งมคี ุณธรรม
มาตรฐานที่ 3.4 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในการพฒั นาอาชพี ให้มีความม่นั คง
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั และผลการเรยี นรทู้ ค่ี าดหวงั ในแตล่ ะมาตรฐาน
มาตรฐานท่ี 3.1 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคตทิ ่ดี ใี นงานอาชีพ มองเห็นช่องทาง และตัดสินใจ
ประกอบอาชพี ไดต้ ามความต้องการ และศักยภาพของตนเอง
มาตรฐาน การ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติท่ดี ีในงานอาชพี วเิ คราะห์ ลักษณะงาน ขอบขา่ ย งานอาชพี
เรยี นรู้ระดับ ในชุมชน/สังคมประเทศ และโลกที่เหมาะสมกบั ศกั ยภาพของตนเพ่อื การเข้าสู่ อาชพี
ผลการเรยี นรู้ ที่ 1.อธิบายความหมาย ความสาคัญ วิเคราะหล์ กั ษณะงาน ขอบขา่ ยการงานอาชพี ในชุมชน
คาดหวงั สังคม ประเทศ และโลก เพ่ือการเขา้ ส่อู าชีพได้
2.อธบิ ายเหตุปัจจัย ความจาเปน็ ในการสดั สันใจเลือกอาชีพที่เหมาะสมกบั ศักยภาพ
ของตนได้
3.ยอมรบั และเหน็ คณุ ค่าในอาชีพท่ตี ัดสินใจเลอื ก
4.วเิ คราะห์สดั สันใจเลอื กอาชพี ได้
73
มาตรฐานที่ 3.2 มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะในอาชพี ท่ีตัดสนิ ใจเลือก
มาตรฐาน การ มีความรู้ ความเขา้ ใจทกั ษะในอาชีพทต่ี ดั สนิ ใจเลอื กบนพ้นื ฐานความรู้ กระบวนการผลิต
เรยี นรู้ระดบั กระบวนการตลาด ท่ีใช้นวัตกรรม/เทคโนโลยีทีเ่ หมาะสม
ผลการเรยี นรู้ ที่ 1.อธบิ ายทักษะท่ีเก่ียวกับกระบวนการผลิต กระบวนการตลาดที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี ใน
คาดหวงั อาชพี ทตี่ ดั สินใจเลอื กได้
2.ยอมรบั และเห็นคุณคา่ ในการฟิกทักษะการเข้าสอู่ าชพี
3.ปฏบิ ัติการวิเคราะหท์ กั ษะในอาชีพทต่ี ัดสนิ ใจเลอื ก
มาตรฐานที 3.3 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ในการจดั การอาชีพอยา่ งมคี ณุ ธรรม
มาตรฐาน การ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถชัดทาแผนงานและโครงการธรุ กจิ เขา้ สตู่ ลาดการแข่งขนั
เรียนรู้ระดบั ตามแนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอ่ื การมอี ยมู่ ีกิน
ผลการเรียนรู้ ท่ี 1.อธิบายความหมาย ความสาคัญของการจัดการอาชพี ได้
คาดหวงั 2.ดาเนนิ การชดั ทาแผนธรุ กิจด้านการชัดการการผลติ หรือการบรกิ าร และดา้ นการจัดการ
การตลาด และการขบั เคล่ือนธุรกจิ ตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้
3.ยอมรบั และเห็นคณุ คา่ ในการชัดการเข้าส่ธู รุ กิจอย่างมคี ุณธรรม
4.ปฏบิ ตั กิ ารชัดทาแผนและโครงการเขา้ สู่อาชีพได้
มาตรฐานท่ี 3.4 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในการพฒั นาอาชพี ให้มีความมัน่ คง
มาตรฐาน การ มีความรู้ ความเขา้ ใจในการพฒั นาอาชพี ให้มผี ลิตภณั ฑ์ / บริการ สรา้ งรายได้พอเพียง ต่อการ
เรียนรรู้ ะดบั ดารงชวี ติ
ผลการเรยี นรู้ ท่ี 1.อธิบายความหมาย ความสาคัญ ความจาเป็นในการพัฒนาอาชพี ให้มีผลติ ภัณฑ์หรอื งาน
คาดหวัง บริการ สรา้ งรายได้พอเพยี งตอ่ การดารงชวี ิต
2.วิเคราะห์ศกั ยภาพธรุ กิจ การตลาด การผลิตหรอื การบริการ แผนธุรกจิ เพื่อสร้างธุรกิจ ให้มี
อยมู่ ีกิน
3.ยอมรบั และเห็นคุณคา่ ในการพัฒนาอาชพี ให้มีอยมู่ กี นิ
4.ปฏบิ ัติการทาแผนและโครงการพฒั นาอาชพี ให้มอี ยมู่ กี นิ
สาระการประกอบอาชพี 74
รายวชิ าบงั คับ ระดบั ประถมศึกษา หนว่ ยกิต
มาตรฐานท่ี 2
สาระ รหัสรายวิชา รายวชิ าบงั คับ 4
2
3.1 อช11001 ช่องทางการเข้าสอู่ าชพี 8
3.2-3.3 การประกอบอาชีพ อช11002 ทักษะการประกอบอาชพี หน่วยกิต
2
3.4 อช11003 พัฒนาอาชพี ใหม้ ีอยู่มีกนิ 2
รวม
รายวชิ าเลอื ก ระดับประถมศึกษา
มาตรฐานท่ี
สาระ รหัสรายวิชา รายวชิ าเลอื ก
3.1-3.3 การประกอบอาชีพ อช02026 ธรุ กิจขายเคร่ืองดมื่
รวม
75
คาอธิบายรายวชิ าบงั คับ
และรายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวชิ าบงั คบั
76
คาอธบิ ายรายวชิ า อช11001 ช่องทางการเขา้ ส่อู าชีพ จานวน 2 หนว่ ยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคตทิ ด่ี ใี นงานอาชพี วิเคราะห์ลักษณะงาน ขอบขา่ ยงานอาชีพใจชมุ ชน
สังคม ประเทศ และโลกท่เี หมาะสมกับศกั ยภาพของตนเพือ่ การเขา้ สู่อาชีพ
ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเกยี่ วกับเรอื่ งดงั ตอ่ ไปน้ี
ความหมาย ความสาคัญและความจาเปน็ ของการประกอบอาชพี วเิ คราะหล์ กั ษณะของข่ายการงาน
อาชพี กระบวนการทางาน การบรหิ ารจัดการของอาชพี ต่าง ๆ ในชมุ ชน สงั คม ประเทศ และโลกเพือ่ การ เข้าสู่
อาชีพจากการงานอาชีพ ดังนี้
งานบา้ น เป็นการวเิ คราะหเ์ กีย่ วกบั งานบ้านและชีวติ ความเปน็ อยู่ในบา้ น ผา้ และเคร่ืองแตง่ กาย อาหาร
และโภชนาการ โดยเน้นการแกป้ ญั หาในการทางาน มคี วามรับผดิ ชอบ สะอาด มรี ะเบยี บ ประหยัด อดออม
อนุรักษ์พลังงานและสิง่ แวดลอ้ ม เพอื่ นาไปส่กู ารสรา้ งงานอาชีพ
งานเกษตร เป็นการวเิ คราะหเ์ ก่ียวกับการปลกู พืช เลี้ยงสตั ว์ และการประมง ตามกระบวนการผลติ และ
การชัดการผลผลิต มกี ารใชเ้ ทคโนโลยเี พ่ือการเพ่มิ ผลผลติ ปลูกปงความรับผิดชอบ การอนุรกั ษ์พลังงานและ
สิง่ แวดล้อมเพ่ือนาไปส่กู ารสรา้ งงานอาชพี
งานชา่ ง เป็นการวเิ คราะห์เก่ียวกับการทางานตามกระบวนการของงานชา่ ง ซึ่งประกอบด้วยการบารุง
รักษา การติดตงั้ การประกอบ การซอ่ มและการผลิตเพือ่ นาไปสู่การสร้างอาชพี
งานประดิษฐ์ เป็นการวเิ คราะหเ์ กยี่ วกบั การทางานด้านการประดษิ ฐส์ ่ิงของเคร่อื งใช้ที่เน้นความคิด
สร้างสรรค์ โดยเนน้ ความประณีต สวยงามตามกระบวนงานประดิษฐแ์ ละเทคโนโลยี การอนุรักษแ์ ละสืบสาน
ศิลปวฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณไี ทย ตามภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ และสากล เพ่ือนาไปสู่การสรา้ งงานอาชพี
งานธรุ กจิ เปน็ การวเิ คราะหง์ านหรือกิจกรรมท่เี ปน็ การนาเอาทรพั ยากรต่าง ๆ มาใช้ร่วมกันหรอื เปลี่ยน
สภาพเพ่ือท่ีจะกอ่ ใหเ้ กิดคุณค่าทสี่ ูงกว่าเดิม โดยท่ีผ้ซู ึง่ เปน็ เจ้าของหรอื ผูช้ ดั การหวงั วา่ สิง่ ที่ตนทาน้ัน จะยั่งยนื และ
เจรญิ ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต โดยในงานหรอื กิจกรรมทางธุรกจิ จะกล่าวถึงงานการตลาด งานการผลติ หรือบริการ
งานการเงินและบญั ชี และงานทรพั ยากรมนุษย์
ความหมาย ความจาเป็นในการมองเหน็ ช่องทางในการเข้าสู่อาชีพในชมุ ชน สังคม ที่เหมาะสมกบั ตนเอง
วเิ คราะห์ความเปน็ ไปไดต้ า่ ง ๆ ไดแ้ ก่ การลงทุน การตลาด กระบวนการผลติ การขนส่ง การบรรจุ หีบห่อ การแปร
รปู และผลกระทบตอ่ ชมุ ชนและสิ่งแวดล้อม ความรคู้ วามสามารถของตนเองต่ออาชพี นนั้ ๆ การลาดับความสาคญั
ของอาชพี ท่ีมคี วามเป็นไปได้ เพ่ือนาขอ้ มลู ทวี่ ิเคราะหไ์ วน้ าไปปรึกษาผู้รู้ การตัดสนิ ใจ เลือกอาชีพท่เี หมาะสมกับ
ตนเอง โดยวิเคราะห์ความพร้อมของตนเอง ความต้องการของตลาด เทคนคิ ความรู้ ทกั ษะในอาชีพ และความ
รบั ผดิ ชอบต่อสงั คม ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม
การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้
เน้นการสารวจอาชพี ในชุมชน สังคม ประเทศ และโลก แลว้ นามาวเิ คราะห์ จัดกลุม่ อาชพี รวมทง้ั
แลกเปลี่ยนเรียนร้ซู ึ่งกันและกัน แลว้ สรุปเป็นองคค์ วามรดู้ ้านอาชพี ของชุมชน แล้วนาขอ้ มูลมาวิเคราะห์ ตดั สินใจ
เข้าสู่อาชีพทีเ่ หมาะสมกบั ศักยภาพของตนเองได้
77
การวดั และประเมนิ ผล
ประเมินจากสภาพจริง ผลงานปฏบิ ตั ิ สงั เกตความสนใจ ความร่วมมือในกระบวนการเรยี นรู้ ความ
รับผดิ ชอบในการปฏิบตั งิ าน
78
รายละเอยี ดคาอธิบายรายวชิ า อช11001 ชอ่ งทางการเข้าสอู่ าชีพ จานวน 2 หนว่ ยกติ
ระดบั ประถมศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคตทิ ด่ี ใี นงานอาชพี วิเคราะหล์ กั ษณะงาน ขอบข่ายงานอาชีพในชมุ ชน
สังคม ประเทศ และโลกทีเ่ หมาะสมกับศกั ยภาพของตนเพอ่ื การเขา้ ส่อู าชีพ
ที่ หวั เร่อื ง ตัวชี้วดั เนอ้ื หา จานวน
(ช่วั โมง)
1 การงานอาชพี 1.อธบิ ายความสาคญั และ 1.ความสาคญั และความจาเป็น ใน 50
ความจาเปน็ ในการ ประกอบ การประกอบอาชพี
อาชีพได้ 2.งานอาชพี ในชมุ ชน สังคม ประเทศ
2.อธิบาย วิเคราะหล์ ักษณะ และโลก
ขอบข่ายกระบวนการ ผลติ งาน -งานบา้ น
อาชีพในชุมชน สังคม ประเทศ -งานเกษตร
และโลก -งานช่าง
3.อธิบายการจัดการอาชีพ ใน -งานประดิษฐ์
ชมุ ชน สังคม ประเทศ และโลก -งานธรุ กจิ
ฯลฯ
3.การจัดการงานอาชีพในชุมชน
สงั คม ประเทศ และโลก
-การจัดการการผลติ
-การวางแผน
-การจัดทาโครงการ
-การใชว้ ัสดอุ ปุ กรณ์
-การใชแ้ รงงาน
-การใชส้ ถานท่ี
-การใชท้ นุ
ฯลฯ
4.การจัดการการตลาด
5.การกาหนดทิศทางการ
ตลาด
79
ที่ หวั เรอื่ ง ตัวชีว้ ัด เน้ือหา จานวน
(ชวั่ โมง)
4.อธิบายคณุ ธรรม จริยธรรม -การหาความตอ้ งการของตลาด
ในการทางานอาชีพ -การขนส่ง
5.อธิบายการอนรุ ักษ์ พลังงาน -การขาย
และสิ่งแวดล้อมในการทางาน -การกาหนดราคาขาย
อาชพี ในชุมชน สงั คม ประเทศ -การทาบัญชปี ระเภท ต่าง ๆ
และโลก ฯลฯ
4.คณุ ธรรม จริยธรรม ความ
รับผิดชอบ
-การประหยัด
-การอดออม
-ความสะอาด
-ความประณตี
-ความขยัน
-ความซอื่ สัตย์
ฯลฯ
5.การอนรุ ักษ์พลังงาน และ
สง่ิ แวดลอ้ มในการทางานอาชีพ ใน
ชุมชน สงั คม ประเทศ และ โลก
2 ช่องทางเขา้ สูอ่ าชพี 1.ความจาเป็นในการมองเหน็ 1.ความจาเปน็ ในการมองเห็น ช่อง 20
ช่องทางการประกอบอาชีพ ได้ ทางการประกอบอาชพี
อยา่ งเหมาะสมกบั ตนเอง 2.ความเป็นไปไดใ็ นการเขา้ สู่อาชีพ
2.ศกึ ษาอาชีพในชุมชน สังคม -การลงทนุ
ประเทศ และโลก เพ่อื วิเคราะห์ -การตลาด
ความเป็น ไปไดใ้ นการเข้าสู่ -กระบวนการผลิต
อาชีพ ของตน -การขนส่ง
-การบรรจุหบี หอ่
80
ที่ หวั เร่อื ง ตัวชี้วัด เน้ือหา จานวน
(ชั่วโมง)
3. ลาดับอาชีพโดยพิจารณา -การแปรรปู
ความเปน็ ไปไดข้ องอาชีพ -ผลกระทบตอ่ ชุมชน และ
จานวน 3 อาชีพ พรอ้ มทั้ง ให้ สภาพแวดล้อม
เหตผุ ลในการลาดับ อาชพี ที่ -ความรคู้ วามสามารถ
เลือก ฯลฯ
3. การลาดับอาชพี และเหตผุ ล
3 การตดั สนิ ใจเลอื กอาชีพ 1. ตดั สินใจเลือกอาชพี ได้ 1. การตดั สนิ ใจเลอื กอาชีพ 10
เหมาะสมกับตนเอง ความพรอ้ ม
-ความตอ้ งการของตลาด
-ความรู้ ทกั ษะและเทคนคิ ต่าง ๆ
-ทรัพยากรธรรมชาติ และ
สิ่งแวดล้อม
-สถานท่ี
-แรงงาน
-เงนิ ทุน
ฯลฯ
81
คาอธิบายรายวิชา อช11002 ทกั ษะการประกอบอาชีพ จานวน 4 หนว่ ยกติ
ระดับประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะในอาชีพท่ตี ัดสินใจเลอื กบนพนื้ ฐานความรู้ กระบวนการผลติ กระบวนการ
ตลาด ทใี่ ชน้ วตั กรรม เทคโนโลยีทเี่ หมาะสม
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถจดั ทาแผนงานและโครงการธุรกิจ เขา้ สตู่ ลาดการแขง่ ขนั ตาม แนวคดิ
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เพือ่ การมีอยมู่ ีกนิ
ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกยี่ วกับเรอ่ื งดงั ต่อไปนี้
ความจาเป็นในการฟิกทักษะอาชีพ กระบวนการผลติ กระบวนการการตลาด ที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี
ความหมาย ความสาคัญของการชัดการอาชีพ และระบบการชัดการเพื่อการเขา้ สู่อาชพี ทต่ี ัดสินใจเลือก แหล่ง
เรียนร้ใู นการฟกิ การตดั สินใจเลอื กแหลง่ และวธิ กี ารฟกิ การบันทึกรายงานการฟกิ ทกั ษะการประกอบอาชพี การ
ทาแผนธุรกจิ แผนธรุ กจิ เป็นแผนแมบ่ ทในการประกอบอาชีพของทกุ คนในครอบครัว ชุมชน ซึง่ เป็นกระบวนการ
ในการระดมความคิดจากการวิเคราะหช์ ุมชนท่ีกาหนดด้วยวสิ ัยทศั น์ พนั ธกจิ รายได้ ค่านิยม ของชุมชน ตาม
แนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เพอื่ สู่การมีอยมู่ กี นิ เป็นผลสาเรจ็ โดยกาหนดเป้าหมาย และกลยทุ ธ์ การ
ดาเนนิ งานที่จะดาเนินการไปตามแผนธุรกิจ
การจัดการการผลติ หรอื การบริการ เปน็ การชดั การเก่ียวกบั การควบคมุ คุณภาพ การลดดน้ ทุนการผลิต หรือการ
บริการ การจัดการการตลาด เปน็ การนาผลผลติ เข้าสตู่ ลาด ซ่ึงดาเนินการโดยการโฆษณา การประชาสมั พนั ธ์ การ
ชัดทาข้อมลู ฐานลูกคา้ และการกระจายสนิ คา้ ให้ถงึ ลกู คา้ ปฏบิ ตั ิการ ชดั ทาแผนงานและโครงการเขา้ สธู่ ุรกจิ
การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้
สารวจ วเิ คราะห์ทักษะทต่ี อ้ งการฟิก แหล่งฟิกและวิธีการฟิก กระบวนการผลิต กระบวนการการตลาด ท่ี
ใชน้ วัตกรรม เทคโนโลยี การถอดบทเรียน การสร้างความพรอ้ มในการประกอบอาชีพ
เปน็ การศกึ ษาปฏิบตั ิจริงด้วยการทาแผนธรุ กิจของชุมชน หรือของผเู้ รียนตามแนวคิดปรัชญาของ เศรษฐกจิ
พอเพยี ง การชดั การผลติ การชดั การการตลาด อาจสร้างสถานการณจ์ าลองขึน้ มา เพือ่ ฟิกปฏบิ ัตแิ ละ นา
แผนปฏบิ ัติการตา่ งๆ เขา้ ส่วู ถิ ชี ีวิต หรือดาเนนิ การจริงตามวถิ ีชีวิต เพ่ือผู้เรียนจะเกดิ ความรู้ ความสามารถ ในการ
บริหารจัดการธรุ กจิ อยา่ งแทจ้ รงิ
การวดั และประเมินผล
ประเมินจากสภาพจริงจากผลงานการเรยี นรู้ และผลการเรยี นรู้ การชดั ทาแผน และโครงการประกอบ
อาชีพ
82
รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา อช11002 ทกั ษะการประกอบอาชีพ จานวน 4 หนว่ ยกิต
ระดบั ประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มีความรู้ ความเข้าใจทักษะในอาชีพท่ตี ดั สนิ ใจเลือกบนพนื้ ฐานความรู้ กระบวนการผลติ กระบวนการ
ตลาด ท่ใี ชน้ วตั กรรม/เทคโนโลยที ่ีเหมาะสม
มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถจัดทาแผนงานและโครงการธุรกจิ เข้าสตู่ ลาดการแข่งขนั ตาม แนวคิด
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพือ่ การมีอย่มู กี นิ
ที่ หัวเร่ือง ตวั ช้ีวัด เน้ือหา จานวน
1 ทกั ษะในการเข้าสอู่ าชีพ (ช่วั โมง)
1.อธิบาย ความจาเปน็ ใน การ 1.ความจาเป็นในการฝึกทักษะ อาชีพ 80
ฟกิ ทกั ษะอาชพี กระบวนการ กระบวนการผลิต กระบวนการตลาด
ผลิต กระบวนการตลาดท่ใี ช้ ท่ีใช้ นวัตกรรม เทคโนโลยี
นวัตกรรม เทคโนโลยี 2.ความหมาย ความสาคัญของ การ
2.อธบิ าย ความหมาย จดั การอาชพี
ความสาคัญของ การจัดการ 3.แหลง่ เรียนรู้ และสถานท่ี ฝึกอาชีพ
อาชพี และระบบการจัดการ การวางแผนโดยกาหนด ส่ิงตา่ งๆดงั น้ี
เพอื่ การเข้าสูอ่ าชพี ความรู้และทักษะท่ีต้องฝึก
3.สารวจแหลง่ เรยี นรู้ และ 4.วิธกี ารฝึก
สถานทฟ่ี ิกทักษะเพอื่ การ เข้าสู่ -แหลง่ ฝึก
อาชพี -วัน เวลาในการฟกิ
4.วางแผนในการฟิกทกั ษะ ฯลฯ
อาชพี 5.การฝึกทกั ษะอาชพี
5.ฝึกทักษะอาชพี ตาม แผนท่ี -การจดบนั ทึก
กาหนดไว้ได้โดย
83
ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ช้ีวดั เนอ้ื หา จานวน
(ชวั่ โมง)
6.มีการบนั ทกึ ข้ันตอนการ ฝึก 6.ปญั หาและการแก้ปัญหา
ทกุ ขนั้ ตอน ข้อเสนอแนะ
ฯลฯ
2 การทาแผนธรุ กิจ เพอ่ื การ 1.วิเคราะหช์ ุมชนโดยการ 1.การวิเคราะห์ชุมชน 15
เข้าสอู่ าชีพ
ระดมความคดิ เหน็ ของคน ใน -จุดแข็ง
ชุมชน และกาหนด วิสัยทัศน์ -จดุ ออ่ น
พันธกิจ รายได้ คานยิ มของ -โอกาส
ชมุ ชน เป้าหมาย และกลยทุ ธ์ -อุปสรรค
ตามแนวคดิ ปรัชญาของ 2.การกาหนดวสิ ัยทัศน์ พนั ธกจิ
เศรษฐกิจพอเพียง รายได้ คา่ นยิ ม เปา้ หมาย และ กล
2.วางแผนปฏิบตั ิการ ยุทธ์ ในการกาหนดแผน ธรุ กจิ ของ
ชมุ ชน
3.การวางแผนปฏบิ ตั ิการ
3 การจัดการการผลติ หรือ การ จัดการเกย่ี วกบั การควบคมุ การชัดการเกีย่ วกับการควบคมุ 15
บริการ คณุ ภาพ คณุ ภาพ
อธิบายวธิ กี ารใชน้ วัตกรรม การใชน้ วัตกรรมเทคโนโลยี ในการ
เทคโนโลยีในการผลิต ผลติ
อธิบายขนั้ ตอนการลดต้นทนุ การลดด้นทนุ การผลิตหรอื การ
การผลติ หรอื การบริการ บริการ
จัดทาแผนการชัดการการ ผลติ การชัดทาแผนการชดั การ การผลิต
หรือการบริการ หรอื การบริการ
4 การจัดการการตลาด 1. จดั การ 1. การจัดการการตลาด 15
การตลาดเพอ่ื -การโฆษณา
นา ผลผลิต -การประชาสมั พนั ธ์
เขา้ สตู่ ลาด -การวจิ ัยตลาด
-การสง่ เสรมิ การขาย
84
ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ชวี้ ัด เน้อื หา จานวน
(ชว่ั โมง)
2. จดั ทาแผนการจัดการ -การทาข้อมลู ฐานลูกคา้
การตลาด -การกระจายสนิ คา้
2. การจัดทาแผนการชดั การ
การตลาด
5 การขับเคล่อื นสรา้ งธุรกิจ เพือ่ 1.วิเคราะหค์ วามเป็นไปได้ ของ 1.การวิเคราะหค์ วามเปน็ ไปได้ ของ 20
เขา้ ส่อู าชพี แผนปฏิบตั ิการ แผนปฏบิ ัตกิ าร
พัฒนาแผนปฏิบัตกิ าร การพฒั นาแผนปฏบิ ตั ิการ
2.อธิบายข้ันตอนการ 2.ข้ันตอนการขับเคล่อื นการ สรา้ ง
ขับเคล่อื นสร้างธุรกิจ ธุรกิจ
3.อธบิ ายปญั หา อปุ สรรค และ 3.ปญั หา อุปสรรค และแนวทาง
แนวทางแก้ไขทเี่ กิด จากการ แกไ้ ข
ขบั เคลอ่ื นธุรกจิ
6 โครงการเข้าสอู่ าชพี 1.อธิบายความสาคัญของ การ 1.ความสาคัญของการทา โครงการ 15
ทาโครงการ ประกอบอาชีพ ประกอบอาชีพ
2.เขียนโครงการ 2.ขัน้ ตอนการเขียนโครงการ
3.เขียนแผนปฏิบตั กิ าร 3.การเขียนแผนปฏบิ ตั กิ าร
4.ตรวจสอบโครงการ 4.การตรวจสอบโครงการ
ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม
85
คาอธบิ ายรายวิชา อช11003 พัฒนาอาชพี ให้มอี ยู่มกี ิน จานวน 2 หน่วยกิต
ระดับประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มีความรู้ ความเขา้ ใจในการพฒั นาอาชพี ให้มผี ลิตภณั ฑ์ หรอื งานบรกิ าร สรา้ งรายไดพ้ อเพยี งต่อการ
ดารงชวี ิต
ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเกย่ี วกบั เรอ่ื งดงั ต่อไปนี้
ความหมาย ความสาคัญ ความจาเป็นในการพัฒนาอาชีพ
ศักยภาพธุรกจิ ตนเอง ชุมชน ความจาเป็นและคุณคา่ ของการวิเคราะห์ศกั ยภาพธุรกจิ การวิเคราะห์ ตาแหน่งธุรกจิ
(ระยะเรมิ่ ด้น ระยะสร้างตัว ระยะทรงตัว ระยะตกตาหรือสูงข้ึน) การวิเคราะห์ศักยภาพธรุ กิจ บนเส้นทางของเวลา
การจัดทาแผนพฒั นาการตลาด การกาหนดทิศทางการตลาด กาหนดเป้าหมายการตลาด การกาหนด กลยุทธส์ ู่
เปา้ หมายบนพ้ืนฐานศักยภาพธรุ กิจทเี่ ปน็ อยู่ การวิเคราะหก์ ลยุทธก์ าหนดกิจกรรมแผนการพฒั นา การตลาด การ
จดั ทาแผนพฒั นาการผลิตหรอื การบริการ การกาหนดคุณภาพผลผลติ หรอื การบรกิ าร การวิเคราะห์ ทุนปัจจยั การ
ผลิตหรอื การบรกิ าร การกาหนดเป้าหมายการผลติ /บริการ การกาหนดแผนกจิ กรรม พัฒนาระบบ การผลิตหรอื
การบรกิ าร การพัฒนาธุรกิจเชิงรกุ ความจาเปน็ และคุณค่าของธุรกิจเชิงรกุ การแทรกความนยิ มเขา้ ส่คู วามตอ้ งการ
แทจ้ รงิ ของผู้บรโิ ภค รปู ลกั ษณค์ ณุ ภาพใหมเ่ พิ่มชอ่ งทางการเข้าถึงลูกค้า ปฏบิ ัติการ ชดั ทาแผน และโครงการ
พฒั นาอาชีพใหม้ อี ย่มู ีกนิ
การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้
เป็นการศึกษาปฏบิ ตั ิจรงิ ดว้ ยการวเิ คราะห์ศักยภาพธุรกิจ การจัดทาแผนพฒั นาการตลาด การจัดทาแผน
พฒั นาการผลิตหรือการบรกิ าร อาจสร้างสถานการณจ์ าลองข้นึ มาหรือพาไปศกึ ษาของจริง เพื่อฝึกปฏิบัติและ นา
แผนปฏบิ ัติการต่างๆ เข้าสู่วถิ ชี ีวติ หรือดาเนนิ การจรงิ ตามวิถชี วี ิต เพอื่ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สามารถพัฒนา อาชีพ
ให้มอี ยูม่ กี นิ
การวดั และประเมนิ ผล
ประเมินจากสภาพจรงิ จากผลงานการเรียนรู้ และผลการเรียนรู้ การชดั ทาแผน และโครงการพฒั นา
อาชพี ใหม้ ีอยู่มกี ิน
86
รายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชา อช11003 พัฒนาอาชพี ให้มอี ยมู่ ีกิน จานวน 2 หนว่ ยกติ
ระดับประถมศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
มีความรู้ ความเข้าใจในการพัฒนาอาชีพให้มีผลิตภัณฑ์หรืองานบริการ สร้างรายได้พอเพียงตอ่ การ
ดารงชีวิต
ที่ หัวเรือ่ ง ตัวช้วี ดั เนื้อหา จานวน
(ชั่วโมง)
1 ศกั ยภาพธุรกจิ 1.อธบิ ายความหมาย ความ 1.ความหมาย ความสาคญั ความ 20
สาคัญ และความจาเป็น ของ จาเปน็ ในการพัฒนาอาชพี
การพัฒนาอาชพี เพ่ือ การมีอย่มู ี 2.ความจาเปน็ และคณุ ค่าของ การ
กิน วเิ คราะหศ์ ักยภาพธรุ กิจ
2.อธิบายความจาเปน็ และ 3.การวิเคราะห์ตาแหน่งธรุ กิจ
คุณคา่ ของการวเิ คราะห์ -ระยะเริม่ ตน้
ศักยภาพธรุ กจิ -ระยะสร้างตัว
3.วิเคราะหต์ าแหนง่ ธรุ กิจ ใน -ระยะทรงตวั
ระยะต่างๆ -ระยะตกต่าหรือสงู ขน้ึ
4.วเิ คราะหศ์ ักยภาพธุรกิจ บน 4.การวเิ คราะหศ์ ักยภาพธรุ กจิ บน
เส้นทางของเวลา เสน้ ทางของเวลา
2 การจัดทาแผนพัฒนาการ 1.กาหนดทิศทางการตลาด 1.การกาหนดทศิ ทางการตลาด 15
ตลาด
2.กาหนดเปา้ หมาย การตลาด 2.การกาหนดเปา้ หมายการตลาด
3.กาหนดกลยุทธส์ เู่ ป้าหมาย 3.การกาหนดกลยุทธ์สูเ่ ป้าหมาย
4.วเิ คราะห์กลยทุ ธ์ 4.การวเิ คราะห์กลยทุ ธ์
5.กาหนดกิจกรรมและ 5.กิจกรรมและแผนการพัฒนา
แผนการพัฒนาการตลาด การตลาด
3 การจัดทาแผนพฒั นาการ 1.อธิบายการกาหนดคณุ ภาพ 1.การกาหนดคณุ ภาพการผลติ หรอื 15
ผลติ หรอื การบริการ
ผลผลิตหรือการบริการ การบรกิ าร
2.วเิ คราะหท์ ุนปจั จัยการ ผลิต 2.การวเิ คราะห์ทุนปัจจยั การผลิต
หรอื การบริการ หรอื การบริการ
87
ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ชีว้ ดั เนื้อหา จานวน
4 การพฒั นาธรุ กจิ เชิงรุก (ชั่วโมง)
3.กาหนดเป้าหมายการ ผลติ 3.การกาหนดเปา้ หมายการผลติ หรอื
หรอื การบริการ การบรกิ าร
4.กาหนดแผนกจิ กรรมการผลิต 4.การกาหนดแผนกิจกรรมการผลติ
พฒั นาระบบการผลิต หรอื การ การพัฒนาระบบการผลิตหรือ การ
บริการ บริการ
1.อธิบายความจาเปน็ และ 1.ความจาเป็น และคุณคา่ ของ ธุรกิจ 15
คุณค่าของธุรกจิ เชงิ รกุ เชงิ รกุ
2.อธบิ ายการแทรกความนยิ ม 2.การแทรกความนิยมเขา้ สูค่ วาม
เขา้ สคู่ วามตอ้ งการของ ตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภค
ผูบ้ รโิ ภคได้อย่างแทจ้ ริง 3.การสรา้ งรูปลกั ษณค์ ุณภาพ สินค้า
3.อธบิ ายการสร้างรปู ลกั ษณ์ ใหม่
คณุ ภาพสนิ คา้ ใหม่ 4.การพฒั นาอาชีพให้มีความม่นั คง
4.อธิบายการพฒั นาอาชีพ ให้มี (พออยู่ พอกิน มีรายได้)
ความมั่นคง
5 โครงการพัฒนาอาชพี ให้ มอี ยู่ 1.วเิ คราะหค์ วามเป็นไปได้ ของ 1.การวเิ คราะหค์ วามเปน็ ไปได้ ของ 15
มกี นิ แผนต่างๆ แผนต่างๆ
2.เขยี นโครงการการพัฒนา 2.การเขยี นโครงการการพฒั นา
อาชพี อาชพี
3.ตรวจสอบความเป็นไปได้ 3.การตรวจสอบความเป็นไปได้ ของ
ของโครงการพัฒนาอาชีพ โครงการ
4.ปรับปรงุ โครงการพฒั นา 4.การปรบั ปรุงแก้ไขโครงการ พัฒนา
อาชีพ อาชพี
88
สาระทกั ษะการดาเนนิ ชีวิต
สาระทกั ษะการดาเนนิ ชวี ติ เป็นสาระเกย่ี วกบั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง สุขศึกษา พลศึกษา ความ
ปลอดภยั ในการดาเนินชวี ติ การมีศลิ ปะและสนุ ทรยี ภาพ ดา้ นทศั นศลิ ป์ ดนตรี นาฏศลิ ป์พน้ื บา้ น ไทย และสากล
สาระทกั ษะการดาเนนิ ชวี ิต ประกอบดว้ ย 3 มาตรฐาน ดังน้ี
มาตรฐานท่ี 4.1 มีความร้คู วามเขา้ ใจ เจตคตทิ ี่ดีเกย่ี วกับปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง และสามารถ
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ ชีวติ ได้อย่างเหมาะสม
มาตรฐานท่ี 4.2 มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตทิ ี่ดเี กย่ี วกบั การดแู ลสง่ เสรมิ สขุ ภาพอนามยั และ
ความปลอดภยั ในการดาเนินชวี ิต
มาตรฐานที่ 4.3 มีความรู้ความเขา้ ใจ และเจตคติท่ดี ีเก่ยี วกับศิลปะ และสุนทรยี ภาพ มาตรฐานการเรยี นรู้
ระดับ และผลการเรยี นรู้ทคี าดหวัง ในแตล่ ะมาตรฐาน
มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู้ความเข้าใจ เจตคติท่ีดีเกยี่ วกบั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง และสามารถ
ประยกุ ต์ใช้ในการดาเนนิ ชวี ิตไดอ้ ย่างเหมาะสม
มาตรฐาน การ รู้เขา้ ใจ ยอมรบั เหน็ คณุ คา่ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและสามารถประยุกต์ใชใ้ นครอบครัว
เรียนรู้ระดับ และมภี มู คิ มุ้ กันในการดาเนนิ ชวี ติ ของตนเองและครอบครัวอย่างมีความสุข
ผลการเรียนรู้ ท่ี 1.อธิบายแนวคดิ หลักการ ความหมาย ความสาคญั ของปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงได้
คาดหวัง 2.บอกแนวทางในการนาปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งไปประยกุ ตใ์ ช้ในการดาเนนิ ชีวิต
3.เห็นคณุ คา่ และปฏิบตั ิตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง
4.แนะนา ส่งเสริมใหส้ มาชิกในครอบครวั เหน็ คุณคา่ และนาไปปฏบิ ัตใิ นการดาเนนิ ชีวิต
89
มาตรฐานที 4.2 มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะและเจตคตทิ ด่ี เี กยี่ วกบั การดูแล สง่ เสริมสุขภาพพลานามัย และ ความ
ปลอดภัยในการดาเนินชวี ิต
มาตรฐาน การ รู้ เข้าใจ มีคุณธรรม จริยธรรม เจตคตทิ ีด่ ี มีทักษะในการดแู ลและสรา้ งเสริมการมี พฤตกิ รรม
เรยี นรรู้ ะดบั สขุ ภาพท่ีดีปฏบิ ัตเิ ปน็ กจิ นสิ ยั ตลอดจนปอ้ งกันพฤตกิ รรมเสย่ี งตอ่ สุขภาพและ ดารงชวี ิตของ
ตนเองและครอบครัวอย่างมีความสขุ
ผลการเรียนรู้ ที่ 1.อธบิ ายธรรมชาติการเจรญิ เตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ยไ์ ด้อยา่ งถูกต้อง
คาดหวงั 2.บอกหลักการดูแลและสรา้ งเสรมิ พฤติกรรมสุขภาพทดี่ ขี องตนเองและครอบครัว
3.ปฏิบัติตนในการดูแลและสรา้ งเสรมิ พฤตกิ รรมสขุ ภาพทด่ี จี นเป็นกิจนสิ ยั
4.ป้องกันและหลกี เล่ียงพฤตกิ รรมเสยี่ งต่อสุขภาพและความปลอดภัยด้วยกระบวนการ ทักษะ
ชีวติ
มาตรฐานที่ 4.3 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติทด่ี ี เกีย่ วกับศลิ ปะและสนุ ทรียภาพ
มาตรฐาน การ รู้ เข้าใจ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ช่นื ชม เห็นคณุ คา่ ความงาม ความไพเราะ ธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม
เรยี นรรู้ ะดับ ทางทศั นศิลป์ ดนตรี และนาฏศลิ ป์พื้นบ้าน และสามารถวิเคราะหว์ พิ ากษ์ วิจารณไ์ ดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม
ผลการเรียนรู้ ท่ี 1.อธบิ ายความหมายของธรรมชาติ ความงามและความไพเราะของทัศนศิลป์ ดนตรี และ
คาดหวัง นาฏศลิ ป์
2.อธิบายความรพู ื้นฐานของทศั นศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศิลป์พ้นื บ้าน
สร้างสรรคผ์ ลงาน โดยใชค้ วามรู้พ้ืนฐาน ดา้ นทัศนศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศิลป์พนื้ บา้ น
ชื่นชม เห็นคุณคา่ ของทัศนศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศิลป์พน้ื บา้ น
3.วเิ คราะห์ วพิ ากษ์ วิจารณ์ งานดา้ นทัศนศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลป์พนื้ บา้ น
4.อนรุ ักษส์ บื ทอดภูมิปัญญาด้านทัศนศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศิลป์พื้นบา้ น
สาระทกั ษะการดาเนนิ ชวี ิต 90
รายวิชาบงั คบั หนว่ ยกิต
1
มาตรฐานที่ ระดบั ประถมศกึ ษา 2
2
สาระ รหสั รายวชิ า รายวิชาบังคับ 5
4.1 ทช 11001 เศรษฐกิจพอเพยี ง หน่วยกติ
1
4.2 ทกั ษะการดาเนนิ ชวี ิต ทช 11002 สุขศกึ ษา พลศกึ ษา 1
2
4.3 ทช 11003 ศิลปศกึ ษา
รวม
มาตรฐานท่ี รายวชิ าเลอื ก
ระดบั ประถมศึกษา
4.1
4.2 สาระ รหัสรายวิชา รายวชิ าเลอื ก
ทักษะการดาเนินชีวติ
ทช02001 บัญชีชาวบา้ น
ทช02005 ลีลาศเพือ่ สขุ ภาพ
รวม
91
คาอธิบายรายวชิ าบงั คับ
และรายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวชิ าบงั คบั
92
คาอธิบายรายวชิ า ทช11001 เศรษฐกจิ พอเพียง จานวน 1 หนว่ ยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
รู้ เข้าใจ ยอมรับ เห็นคณุ คา่ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถประยุกต์ใช้ในครอบครวั และ
มีภมู ิค้มุ กันในการดาเนนิ ชวี ิตของตนเองและครอบครวั อย่างมีความสุข
ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเกย่ี วกับเรอื่ งดงั ตอ่ ไปนี้
แนวคดิ หลักการ ความหมาย ความสาคญั แนวทางการดาเนนิ ชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
สาหรบั ตนเองและครอบครัว เพ่อื ให้เปน็ คนมเี หตุผล พอประมาณ มีภมู ิคุ้มกัน มีความรู้ และมีคณุ ธรรม
จริยธรรมในการดาเนินชวี ิตของตนเองอย่างมีความสุข
การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้
ศึกษาขอ้ มูลตนเอง ข้อมูลวชิ าการ ขอ้ มูลส่งิ แวดล้อม วิเคราะห์ สังเคราะห์ เชอื่ มโยงเขา้ กับความรู้และ
ประสบการณ์ โดยศกึ ษาจากกรณีตัวอย่าง สภาพจริง สือ่ ทุกประเภท การอภิปรายแลกเปลยี่ นเรยี นรรู้ ะหวา่ ง
ผูเ้ รยี นและภูมิปัญญา นามาทดลอง และฟกิ ปฏบิ ัติ ประเมนิ ผลและวางแผนประยกุ ตใ์ ช้ในชีวติ
การวดั และประเมนิ ผล
ประเมินความรู้ ความเข้าใจ ความคิดเห็น ชิ้นงาน ผลงาน โดยวธิ กี ารทดสอบ สงั เกต สมั ภาษณ์
ตรวจสอบ ประเมนิ การปฏิบตั จิ รงิ และประเมินสภาพจริง
93
รายละเอยี ดคาอธิบายรายวชิ า ทช11001 เศรษฐกจิ พอเพียง จานวน 1 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
รู้ เข้าใจ ยอมรบั เห็นคุณคา่ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งและสามารถประยุกต์ใช้ในครอบครัว และ
มีภูมิคุ้มกนั ในการดาเนนิ ชวี ติ ของตนเองและครอบครวั อยา่ งมคี วามสขุ
ท่ี หัวเร่ือง ตัวช้วี ดั เนอื้ หา จานวน
1 ความพอเพียง (ชว่ั โมง)
รูเ้ ข้าใจประวตั ิ ความเป็นมา ประวตั ิ ความเป็นมา ความหมาย
2 ครอบครัวพอเพียง ความหมาย แนวคิด หลกั การ แนวคดิ หลักการปรัชญาของ 5
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพยี ง
1.อธิบายแนวทางในการ นา 1.แนวทางในการนาปรัชญาของ 35
ปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี งไปประยุกต์ ใช้ใน
ไปประยกุ ตใ์ ช้ ในวิถีชีวติ ของ วิถชี ีวิตของตนเองและ ครอบครวั
ตนเอง ครอบครัว 2.การดาเนนิ ชวี ติ ตามปรัชญา
2.ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพียง
ของเศรษฐกจิ พอเพียง รายรับ - รายจ่ายของตนเองและ
3.วเิ คราะห์สภาพรายรบั ครอบครัว
รายจ่ายของครอบครวั ได้ 3.การวางแผนการใชจ้ า่ ยของ ตนเอง
4.วางแผนการจัดทาบนั ทกึ และครอบครวั
รายรบั รายจ่ายของตนเอง และ 4.การลดรายจา่ ย เพ่ิมรายไดจ้ าก
ครอบครัวอยา่ งเปน็ ระบบ กรณตี า่ ง ๆ เชน่
5.อธบิ ายวิธีการลดรายจา่ ย การประหยัด อดออม
และเพ่มิ รายได้ของ ครอบครัว 5.การใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์
6. ให้คาแนะนา สมาชกิ ใน การปฏบิ ัตติ นเป็นผู้ผลิต และผู้บริโภค
ครอบครวั เห็นคุณคา่ และ นาไป 6. หลกั ในการให้คาแนะนาสมาชกิ
ประยกุ ตใ์ ชก้ าร ดาเนนิ ชีวติ ได้ ในครอบครวั เห็นคณุ ค่าของ การ
นาเอาหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง ไปใช้
ในการดาเนินชวี ติ
94
คาอธิบายรายวิชา ทช11002 สขุ ศึกษา พลศกึ ษา จานวน 2 หนว่ ยกติ
ระดบั ประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
รู้ เขา้ ใจ มีคุณธรรม จริยธรรม เจตคตทิ ่ีดี มที ักษะในการดูแลและสรา้ งเสรมิ การมพี ฤติกรรมสุขภาพท่ี
ดี ปฏบิ ตั ิเปน็ กจิ นสิ ยั ตลอดจนปอ้ งกนั พฤตกิ รรมเสยี่ งต่อสขุ ภาพและดารงชีวติ ของตนเองและครอบครวั อยา่ งมี
ความสขุ
ศึกษา และฝกึ ทกั ษะเกย่ี วกบั เรอื่ งดงั ตอ่ ไปนี้
สุขศึกษา พลศกึ ษา เรื่องเก่ยี วกับ ร่างกายของเรา การวางแผนของคนในครอบครัว และพฒั นาการ
ทางเพศ หลักการดแู ลสขุ ภาพ โรคติดต่อ ยาสามญั ประจาบา้ น สารเสพตดิ อนั ตราย ความปลอดภัยในชีวติ และ
ทรัพย์สิน ทกั ษะชวี ิตเพือ่ การคดิ ตัดสินใจและแก้ปัญหา เพอ่ื ใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจ มคี ุณธรรม จริยธรรม มี
เจตคติที่ดี สามารถดแู ลสุขภาพ พลานามัย สรา้ งเสรมิ พฤติกรรมสขุ ภาพทีด่ ี มสี รรถภาพทางกายและทางจติ
ปอ้ งกันโรคได้ ปฏบิ ตั เิ ป็นกจิ นสิ ยั ดารงสขุ ภาพทีด่ ีและประยุกต์ใช้ในการดาเนินชวี ิตของตนเองและครอบครวั
ไดอ้ ย่างเหมาะสม ปลอดภยั และมีความสขุ
การจดั ประสบการณก์ ารเรยี นรู้
ศกึ ษาเอกสาร ส่ือทกุ ประเภท วเิ คราะห์ อภปิ รายแลกเปลีย่ นเรียนรู้ ศึกษาจากสภาพจรงิ สาธิต
ทดลอง ฟกิ ปฏิบัติ ก้นคว้า สรปุ บันทกึ ตรวจสอบ การประเมินตนเอง จัดทาชิ้นงาน/ผลงาน ชัดแสดง
นิทรรศการ ศึกษาดงู าน กิจกรรมค่าย ฯลฯ
การวดั และประเมนิ ผล
ประเมินความรู้ ความเข้าใจ ช้นิ งาน ผลงาน โดยวิธกี าร ทดสอบ สังเกต สมั ภาษณ์ ตรวจสอบประเมิน
การปฏิบตั จิ รงิ และประเมนิ สภาพจรงิ
95
รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา ทช11002 สุขศึกษา พลศกึ ษา จานวน 2 หนว่ ยกิต
ระดับประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
รู้ เข้าใจ มีคณุ ธรรม จริยธรรม เจตคตทิ ่ีดี มที ักษะในการดแู ลและสรา้ งเสรมิ การมพี ฤติกรรมสขุ ภาพท่ี
ดี ปฏบิ ตั ิเปน็ กจิ นิสยั ตลอดจนป้องกนั พฤตกิ รรมเส่ยี งตอ่ สุขภาพและดารงชีวิตของตนเองและครอบครัวอยา่ งมี
ความสขุ
ที่ หัวเรือ่ ง ตัวชี้วดั เนอ้ื หา จานวน
(ช่ัวโมง)
1 รา่ งกายของเรา 1.อธบิ ายวัฏจกั รของชีวติ 1.วฏั จักรของชวี ติ มนุษย์ 8
มนษุ ยไ์ ดอ้ ย่างถูกตอ้ ง โครงสร้าง หน้าท่ี และ การทางาน
2.อธบิ ายโครงสรา้ ง หน้าที่ และ ของอวยั วะสาคัญ ของรา่ งกาย
การทางานของ อวัยวะ อวัยวะภายนอก ไดแ้ ก่
ภายนอกและ ภายในท่สี าคัญ ผิวหนัง หู ตา คอ จมกู ฟนิ ผม เลบ็
ของ ร่างกายไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ฯลฯ
3.อธิบายวิธกี ารดแู ลรักษา 2.อวยั วะภายใน ไดแ้ ก่ หัวใจ ปอด
ปอ้ งกนั ความผิดปกติ ของ กระเพาะ ลาไสั ตบั ไต ฯลฯ
อวยั วะสาคญั ของ รา่ งกายได้ 3.การดแู ล รกั ษาปอ้ งกันความ
อยา่ งถูกตอ้ ง ผดิ ปกตขิ องอวยั วะสาคญั ของ
รา่ งกาย
2 การวางแผนครอบครัวและ 1.วเิ คราะหต์ นเองและ 1.การวางแผนชีวติ และครอบครวั 16
พฒั นาการทางเพศ
วางแผนการดาเนินชวี ิต ได้ -การวางแผนชวี ิต
อย่างเหมาะสม -การเลอื กคู่ครอง
2.อธบิ ายวธิ สี รา้ ง -การปรับตวั ในชีวติ สมรส
สม้ พันธภาพทีด่ ีระหว่างพอ่ แม่ -การตง้ั ครรภ์ การมีบตุ ร และ การ
ลกู และวิธกี ารส่ือสาร เรือ่ งเพศ เลีย้ งดูบตุ ร
ในครอบครัว 2.ปญั หาและสาเหตคุ วามรนุ แรง ใน
3.บอกพฒั นาการทางเพศ ครอบครัว
ในแตล่ ะช่วงวัย 3.การสร้างสม้ พนั ธภาพท่ีดี ระหวา่ ง
4.บอกวิธปี อ้ งกันโรคตดิ ตอ่ พอ่ แม่ลูก และคสู่ ามีภรรยา (การ
ทางเพศสัมพนั ธ์ ส่อื สารเร่ืองเพศในครอบครวั )
4. พัฒนาการทางเพศในแตล่ ะ
ชว่ งวยั
5. โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์
96
ที่ หวั เรือ่ ง ตัวชว้ี ัด เนื้อหา จานวน
3 การดูแลสขุ ภาพ (ชั่วโมง)
1.วิเคราะหแ์ ละอธบิ าย 1.สารอาหารทจี่ าเป็นต่อรา่ งกาย 22
เกย่ี วกบั สารอาหาร -คาร์โบไฮเดรต
ปฏบิ ัตติ นในการเลือก บริโภค -ไขมนั
อาหารตามหลัก โภชนาการ -โปรตีน
2.อธบิ ายหลกั การดแู ล สุขภาพ -วิตามินและเกลอื แร,
เบือ้ งต้นได้ -นา้
3.อธบิ ายคณุ คา่ และประโยชน์ 2.หลกั โภชนาการ
ของการออกกาลงั กายได้ อยา่ ง -การเลือกบริโภคอาหารให้ ครบ 5
ถูกตอ้ ง หมู,
4.อธิบายหลักและวิธีการ ออก 3.หลกั การดูแลสุขภาพเบอื้ งด้น
กาลังกายเพ่อื สขุ ภาพ ทถ่ี กู ตอ้ ง -การรบั ประทานอาหาร
และปลอดภัย -การพกั ผ่อน
5.ปฏิบตั ิตนใน การออกกาลัง -การออกกาลงั กาย
กาย -การจัดการอารมณ์
รูปแบบต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ ง -การขบั ถ่าย
เหมาะสมและเป็นประจา -การตรวจสขุ ภาพประจาปี
สมาเสมอ คณุ คา่ และประโยชน์ของการ ออก
6.อธิบายประเภทและรปู แบบ กาลังกาย
ของกจิ กรรมนันทนาการ ได้ 4.หลกั และวิธีการออกกาลังกาย เพื่อ
อย่างถูกตอ้ ง สขุ ภาพ
-อบอุ่นรา่ งกายและผ่อนคลาย
-ระยะเวลาในการออกกาลงั กาย
(นานเพยี งพอและตอ่ เน่ือง)
-จานวนครงั้ ตอ่ สัปดาห์
-ความหนักในการออกกาลังกาย
5.. กิจกรรมนันทนาการรูปแบบ
ตา่ งๆ
-กิจกรรมเข้าจงั หวะ
-ลีลาศ
-อา่ นหนงั สือ
-ปลกู ต้นไม้
- ทัศนศกึ ษา
ฯลฯ
97
ที่ หัวเรอ่ื ง ตวั ชวี้ ดั เนือ้ หา จานวน
4 โรคติดต่อ (ชวั่ โมง)
1.อธิบายเกยี่ วกับโรคติดต่อ 1.โรคติดต่อ สาเหตุ อาการ การ
5 ยาสามัญประจาบา้ น สาเหตุอาการ การปอ้ งกัน และ ปอ้ งกันและการรกั ษา 6
การรักษาไดอ้ ย่างถูกต้อง โรคไข้หวดั ใหญ่
6 สารเสพติด
โรคตาแดง
โรคผวิ หนงั
โรคฉ่หี นู
ฯลฯ
1.อธบิ ายถงึ หลักและวธิ กี าร ใช้ 1.หลกั และวธิ ีการใชย้ าสามญั ประจา 6
ยาสามญั ประจาบา้ น ได้อย่าง บา้ น
ถูกตอ้ ง 2.อนั ตรายจากการใชย้ า และ
2.บอกถึงอันตรายจากการ ใช้ ความเชื่อทผี่ ดิ
ยาและความเชอ่ื ที่ผิด เก่ยี วกบั
การใช้ยา
บอกความหมาย ประเภท และ 1. ประเภทของสารเสพติด 6
ลกั ษณะ - ประเภทกดระบบประสาท
2. บอกถึงอันตรายจาก สาร -ประเภทกระตนุ้ ระบบประสาท
เสพตดิ ท้ังตอ่ ตนเอง ครอบครัว -ประเภทหลอนระบบประสาท
และสังคมของสารเสพติด 2. อนั ตราย และการป้องกัน
สารเสพติด