The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตามโครงการการพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนเครื่องปั้นดินเผาต่อการส่งเสริมอัตลักษณ์ และสินค้าเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านด่านเกวียน ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by กลุ่มยุทธศาสตร์, 2023-02-26 09:29:39

จัดกิจกรรม 5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน

ตามโครงการการพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนเครื่องปั้นดินเผาต่อการส่งเสริมอัตลักษณ์ และสินค้าเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านด่านเกวียน ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

ก มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้รับการจัดสรรงบประมาณจาก ส านักงานสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อด าเนินโครงการการพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชน เครื่องปั้นดินเผาต่อการส่งเสริมอัตลักษณ์ และสินค้าเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านด่านเกวียน ยกระดับ ศักยภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1. มุ่งเน้นส่งเสริมอัตลักษณ์ของชุมชนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ 2.มุ่งเน้นพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ และการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับภูมิศาสตร์และวิถีชุมชน 3.มุ่งเน้นพัฒนากลไกการจัดการด้านเครือข่าย ของผู้ประกอบการให้สามารถขับเคลื่อนตามความต้องการของตลาดในปัจจุบัน และ 4. มุ่งเน้นให้เกิดการสร้าง ช่องทางการสื่อสารด้านการตลาด และการท าสื่อประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ต าบลด่านเกวียน จนน ามาสู่การพัฒนา ความรู้ ทักษะ ที่เชื่อมโยงจากภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรมชุมชนอัตลักษณ์ท้องถิ่น ก่อให้เกิดการพัฒนา ด้านโลจิสติกส์การท่องเที่ยวโดยชุมชน อย่างน้อย ๒๐ เครือข่ายอย่างมั่นคง เศรษฐกิจภายใน จังหวัดนครราชสีมาได้รับการกระตุ้น ทั้งในภาคการท่องเที่ยว การผลิต การจัดจ าหน่ายสินค้าสู่ระดับภูมิภาค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีความโดดเด่นในเรื่องเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ซึ่งเป็นหนึ่งในของดี และเป็นความภาคภูมิใจของคนในจังหวัดนครราชสีมา ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดอัตลักษณ์ที่โดดเด่น การจัดการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนสินค้าและบริการ GI “เครื่องปั้นดินเผา” จะช่วยให้เกิดการฟื้นตัว ของวิถีชุมชน สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น มุ่งการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ เทศบาลต าบลด่านเกวียน จึงได้มอบหมายให้คณะผู้จัดท า ด าเนินการก าหนดเส้นทางและจัดกิจกรรม ท่องเที่ยวในพื้นที่ต าบลด่านเกวียน ในกิจกรรม “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน”เพื่อให้เกิดประโยชน์ สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้คณะผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานผลการด าเนินงานเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจเป็นอย่างดี เตวิทพัฒน์ ทุ่งกระโทก นายศตวรรษ หาโชค และคณะ กุมภาพันธ์2566


ข สารบัญ ค าน า ก สารบัญ ข บทสรุปส าหรับผู้บริหาร 1 ส่วนที่ 1 บทน า 5 ส่วนที่ 2 ผลการด าเนินงาน 16 “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์5 มอ” 30 “เส้นทางที่ 2 : เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” 36 “เส้นทางที่ 3 : ดินด่านเกวียน สู่ ธุรกิจชุมชน Production and distribution” 43 “เส้นทางที่ 4 : ทุ่งธรณีสงฆ์ดงคนด่าน ดินแดนพุทธธรรม ศูนย์รวมจิตใจ” 49 “เส้นทางที่ 5 : ศูนย์เรียนรู้บุญส่งทุ่งป่าตาล พระแม่ธรณี ดิน 9 กุด” 55 ส่วนที่ 3 การประเมินผล 65 เอกสารอ้างอิง 73 คณะผู้จัดท า 75


1 บทสรุปส าหรับผู้บริหาร คณะผู้จัดท า ได้รับมอบหมายจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ให้ด าเนินงานตามโครงการ การพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนเครื่องปั้นดินเผาต่อการส่งเสริมอัตลักษณ์ และสินค้า เชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านด่านเกวียน ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภายใต้กิจกรรมหลักที่ 3 : การพัฒนาและขับเคลื่อนกลไกการจัดการเครือข่ายเพื่อเพิ่มมูลค่ารูปแบบการท่องเที่ยว โดยชุมชนและยกระดับศักยภาพชุมชนที่เน้นอัตลักษณ์ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมา ด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเป็นฐาน กิจกรรมย่อย 3.1.3 : การสร้าง Route Trip เส้นทางการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ เช่น เส้นทางบ้านศิลปิน เส้นทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ (Save world) เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวของวิถีชุมชนบ้านด้านเกวียน ท าให้ชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนสามารถสร้างรายได้ ให้กับชุมชนท้องถิ่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น เป็นการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม เป็นจุดเริ่มต้นที่ส าคัญ ของการลดปัญหาความเหลื่อมล้ าในการกระจายรายได้ของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้ด าเนินการจัดท าเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียนไปแล้ว ดังนั้นเพื่อในการความต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม คณะผู้จัดท าจึงได้ด าเนินการจัดกิจกรรมในเส้นทางการท่องเที่ยวขึ้นมา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ชื่อโครงการ : การพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนเครื่องปั้นดินเผาต่อการส่งเสริมอัตลักษณ์ และสินค้าเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านด่านเกวียน ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กิจกรรมหลักที่ 3 : การพัฒนาและขับเคลื่อนกลไกการจัดการเครือข่ายเพื่อเพิ่มมูลค่ารูปแบบ การท่องเที่ยวโดยชุมชนและยกระดับศักยภาพชุมชนที่เน้นอัตลักษณ์ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรม ท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมาด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเป็นฐาน กิจกรรมย่อย 3.1.3 : การสร้าง Route Trip เส้นทางการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ เช่น เส้นทางบ้านศิลปิน เส้นทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ (Save world) เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ 2. วัตถุประสงค์ : เพื่อจัดกิจกรรมในเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ในพื้นที่ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา 3. กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนในต าบลด่านเกวียน นักท่องเที่ยว คณะศึกษาดูงาน ประชาชนทั่วไปที่สนใจการท่องเที่ยว และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการจัดกิจกรรมเส้นทางการท่องเที่ยว จ านวน 5 เส้นทาง จ านวน 640 คน 4. สนองประเด็นยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย : ข้อ ที ่ 4 ก า ร ส ่ง เ ส ริม ย ก ร ะ ดับ เ ศ ร ษ ฐ กิจ สัง ค ม ศิลปวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้มแข็งชุมชน


2 5. ลักษณะกิจกรรม : การจัดกิจกรรมในเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว จ านวน 5 เส้นทาง ในพื้นที่ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา 6. สถานที่ : พื้นที่ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา 7. ตัวชี้วัด : มีการจัดกิจกรรมในเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ในพื้นที่ ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา จ านวน 5 เส้นทางการท่องเที่ยว 8. งบประมาณ : จัดกิจกรรม เส้นทางการท่องเที่ยวละ 100,000 บาท x 5 เส้นทางการท่องเที่ยว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 500,000.- บาท (-ห้าแสนบาทถ้วน-) 9. หน่วยงานที่รับผิดชอบ : คณบดี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (ผู้ว่าจ้าง) นายเตวิทพัฒน์ ทุ่งกระโทก และคณะ (ผู้รับจ้าง) 10. ผลการด าเนินงาน : วันที่ กิจกรรม 7 ก.พ. 2566 ประชุมผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชน ในต าบลด่านเกวียน พร้อมคณะผู้บริหารจากเทศบาลต าบลด่านเกวียน เพื่อชี้แจง วัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม พร้อมทั้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมร่วมกันวิเคราะห์ และร่วมให้ข้อเสนอแนะ ในการจัดกิจกรรม ตามรูปแบบผลการจัดท าเส้นทาง “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” โดยที่ประชุมมีสรุปร่วมกันให้จัดกิจกรรม ตามเส้นทางในช่วงเทศกาลงานวิถีชาวดิน ถิ่นงานปั้น ประจ าปี 2566 ระหว่างวันที่ 10 – 14 ก.พ. 2566 ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมจ านวนมาก ทั้งนี้ ให้ด าเนินการ จัดกิจกรรม วันละ 1 เส้นทางเที่ยว เพื่อให้เห็นความชัดเจนในการจัดกิจกรรมมากยิ่งขึ้น 8 ก.พ. 2566 ลงพื้นที่ส ารวจ“5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” พร้อมกับตัวแทน ผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชนในต าบลด่านเกวียน เพื่อซักซ้อมคณะท างาน วิทยากร ผู้ที่เกี่ยวในการจัดกิจกรรม “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน ด่านเกวียน” 10 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 82 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 112 คน 11 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 2 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 80 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 110 คน 12 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 3 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 84 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 114 คน 13 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 4 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 82 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 112 คน


3 11. สรุปการประเมินผล: การจัดกิจกรรม 5 เส้นทางการท่องเที่ยว โดยใช้วิธีสอบถามความพึงพอใจ (ส ่วนที ่ 1) ผู้เข้าร ่วมกิจกรรมและผู้มีส ่วนเกี ่ยวข้อง จ านวน 580 คน และ (ส ่วนที ่ 2) ตัวแทนผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ ประชาชน พร้อมคณะผู้บริหารจากเทศบาลต าบลด่านเกวียน จ านวน 60 คน รวมทั้งสิ้น จ านวน 640 คน ผ่านแบบประเมินความพึงพอใจ จ านวน 640 ชุด และสามารถเก็บ แบบประเมินความพึงพอใจกลับคืนมาได้ จ านวน 640 คน/ชุด พบว่า 1.) ข้อมูลทั่วไป : ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 640 คน แยกเป็น เพศชาย จ านวน 384 คน คิดเป็นร้อยละ 60 และเพศหญิง จ านวน 256 คน คิดเป็นร้อยละ 40 อายุผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่ อายุ 51 ปีขึ้นไป อาชีพหรือต าแหน่ง ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว คณะศึกษาดูงาน ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการยกระดับสินค้า บริการ การท่องเที่ยวโดยชุมชน การศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในช่วงมัธยมศึกษา 2.) ระดับความพึงพอใจ : เกณฑ์ 5(มากที่สุด), 4(มาก), 3(ปานกลาง) , 2(น้อย) , 1(น้อยที่สุด/ปรับปรุง) และคะแนนค่าเฉลี่ย 4.50-5.00=มากที่สุด , 2.50-3.49=มาก , 1.50-2.49=น้อย , 1.00-1.49=น้อยที่สุด/ปรับปรุง ดังนั้นจากการให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมท าแบบสอบถาม ได้ข้อสรุปดังนี้ ตารางบทสรุปผลการประเมินภาพรวม 14 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 5 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 102 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30คน รวม 132คน 16 ก.พ. 2566 คณะท างานสรุปผลจัดกิจกรรม ทั้ง “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” 17 ก.พ. 2566 ประชุมผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชน ในต าบลด่านเกวียน พร้อมคณะผู้บริหารจากเทศบาลต าบลด่านเกวียน เพื่อถอดบทเรียน วิเคราะห์ศักยภาพ และประเมินผลการจัดกิจกรรมใน “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน ด่านเกวียน” 18 ก.พ. 2566 คณะผู้จัดท า สรุปผลจัดท า “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” พร้อมส่งเล่มรายงาน ผลต่อคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา รายละเอียด ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ของผู้ตอบ แบบประเมิน ที่มีระดับ ความพึงพอใจ เกณฑ์การประเมิน 1. ด้านกระบวนการ ขั้นตอนการด าเนินงาน 4.88 91.01 มากที่สุด 2. ด้านการสร้างความเข้าใจ 4.89 91.20 มากที่สุด 3. ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน/สถานที่ด าเนินงาน /อื่น ๆ 4.94 95.69 มากที่สุด 4. ด้านความต้องการของชุมชน 4.95 96.63 มากที่สุด 5. ด้านคุณภาพการให้บริการ 4.94 95.30 มากที่สุด 6. ด้านความพึงพอใจของท่านต่อภาพรวมของโครงการ 4.99 99.84 มากที่สุด 7. ด้านการน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ 4.89 96.93 มากที่สุด รวมทุกด้าน 4.92 95.22 มากที่สุด


4 •บทสรุประดับความพึงพอใจโดยรวมของโครงการ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจโดยรวมของโครงการ มีระดับความพึงพอใจ มากที่สุด ค่าเฉลี่ย 4.92 (คิดเป็นร้อยละ 95.22) ความพึงพอใจในรายด้าน สรุปว่า มากที่สุด คือ ด้านความพึงพอใจของท่าน ต่อภาพรวมของโครงการ ค่าเฉลี่ย 4.99 (คิดเป็นร้อยละ 99.84) รองลงมา คือ ด้านความต้องการของชุมชน ค่าเฉลี่ย 4.95 (คิดเป็นร้อยละ 96.63) รองลงมา คือ ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงาน/สถานที่ด าเนินงาน /อื่น ๆ ค่าเฉลี่ย 4.94 (คิดเป็นร้อยละ 95.69) ด้านคุณภาพการให้บริการ ค่าเฉลี่ย 4.94 (คิดเป็นร้อยละ 95.30) รองลงมา คือ ด้านการสร้างความเข้าใจ ค่าเฉลี่ย 4.89 (คิดเป็นร้อยละ 91.20) ด้านการน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ค่าเฉลี่ย 4.89 (คิดเป็นร้อยละ 90.93) และน้อยที่สุด ด้านกระบวนการ ขั้นตอนการให้บริการ มีค่าเฉลี่ย 4.88 (คิดเป็นร้อยละ 91.01) 3.) ความคิดเห็นเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะ : -กระบวนการด าเนินงานดีแล้ว แต่อยากให้มีการเพิ่มฐานเรียนรู้ให้มากขึ้น -อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้ก าลังใจ ติดตาม ต่อยอด ขยายผล สู่ 5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน ให้คงอยู่และเป็นรูปธรรมมากที่สุด -พัฒนาทักษะและเพิ่มศักยภาพในฐานเรียนรู้ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้มาเยี่ยมชม -อยากให้สนับสนุนงบประมาณ และสนับสนุนองค์ความรู้ วัสดุ-อุปกรณ์ สื่อประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับ เส้นทางท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อน าไปถ่ายทอดให้กับผู้ที่สนใจต่อไป


5 ส่วนที่ 1 บทน า • ความเป็นมา การยกระดับเศรษฐกิจให้เชื่อมโยงทุก ๆ ภาคส่วน ระบบโลจิสติกส์ (Logistic System) จึงมีความส าคัญต่อผู้ประกอบการที่ด าเนินธุรกิจและ มีความส าคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างยิ่ง ประเทศไทยเอง ได้ให้ความส าคัญในด้านโลจิสติกส์เป็นอย่างมากเช่นกัน ในส่วนของภาครัฐ พบว่ามีหน่วยงานหลักของประเทศที่ให้ ความส าคัญกับการพัฒนาระบบ โลจิสติกส์หลายองค์กร เช่น กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง ส านักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส านักงบประมาณ กรมศุลกากร การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้จัดสรรงบประมาณและกิจกรรมการด าเนินงานเพื่อท าให้ระบบ โลจิสติกส์ของไทยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ในส่วนของภาคเอกชน พบว่าการด าเนินการตามหลักการของโลจิสติกส์ได้เกิดขึ้นเป็นปกติ ในการด าเนินธุรกิจ ทั้งนี้เพราะโลจิสติกส์เป็นกิจกรรมที่มีความส าคัญ และมีผลกระทบต่อต้นทุน และการให้บริการ ของสินค้ามากที่สุด ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 3 กิจกรรม คือ การขนส่ง สินค้าคงคลัง และกระบวนการสั่งซื้อ โดยกิจกรรมสนับสนุนในกระบวนการไหลของสินค้าตามแนวคิดของโลจิสติกส์ คือ กิจกรรมที่มีส่วนในกระบวนการ กระจายสินค้า และเป็นกิจกรรมที่สนับสนุนให้งานของกิจกรรมหลักด าเนินไปได้สะดวก ได้แก่ การจัดการด้าน โกดัง การเคลื่อนย้ายสินค้า การบรรจุหีบห่อ การจัดซื้อจัดจ้าง การจัดตารางผลิตภัณฑ์ และการจัดการด้านข้อมูล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หน่วยงานภาคเอกชนจ านวนมากยังขาดประสิทธิภาพในการจัดการระบบโลจิสต์ติกส์ ขององค์กร ขณะที่สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications หรือ GI) เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ประเภท หนึ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความเชื่อมโยง (Links) ระหว่างปัจจัยส าคัญสองประการ คือ ธรรมชาติและมนุษย์ กล่าวคือ ชุมชนได้อาศัยลักษณะเฉพาะที่มีอยู่ในแหล่งภูมิศาสตร์ตามธรรมชาติ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ หรือ วัตถุดิบเฉพาะในพื้นที่ มาใช้ประโยชน์ในการผลิตสินค้าในท้องถิ่นของตนขึ้นมา ท าให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะ พิเศษที่มาจากพื้นที่ดังกล่าว คุณลักษณะพิเศษนี้อาจหมายถึง คุณภาพ ชื่อเสียงหรือ คุณลักษณะเฉพาะอื่น ๆ ที่มาจากแหล่งภูมิศาสตร์นั้น ๆ พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีความโดดเด่นในเรื่องเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ซึ่งเป็นหนึ่งในของดี และเป็นความภาคภูมิใจของคนในจังหวัดนครราชสีมา ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดอัตลักษณ์ที่โดดเด่น การจัดการจัดการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนสินค้าและบริการ GI “เครื่องปั้นดินเผา” จะช่วยให้เกิดการฟื้นตัวของ วิถีชุมชน สร้างรายได้ให้ชุมชน เกิดการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้น มุ่งการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และ เทศบาลต าบลด่านเกวียน จึงได้ก าหนดเส้นทางและจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ต าบลด่านเกวียน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่ต่อไป


6 1. ชื่อโครงการ : การพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนเครื่องปั้นดินเผาต่อการส่งเสริมอัตลักษณ์ และสินค้าเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านด่านเกวียน ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กิจกรรมหลักที่ 3 : การพัฒนาและขับเคลื่อนกลไกการจัดการเครือข่ายเพื่อเพิ่มมูลค่ารูปแบบ การท่องเที่ยวโดยชุมชนและยกระดับศักยภาพชุมชนที่เน้นอัตลักษณ์ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรม ท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมาด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเป็นฐาน กิจกรรมย่อย 3.1.3 : การสร้าง Route Trip เส้นทางการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ เช่น เส้นทางบ้านศิลปิน เส้นทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ (Save world) เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ 2. วัตถุประสงค์ : เพื่อจัดกิจกรรมในเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ในพื้นที่ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา 3. กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนในต าบลด่านเกวียน นักท่องเที่ยว คณะศึกษาดูงาน ประชาชนทั่วไปที่สนใจการท่องเที่ยว และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการจัดกิจกรรมเส้นทางการท่องเที่ยว 5 เส้นทางจ านวน 640 คน 4. สนองประเด็นยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย : ข้อ ที ่ 4 ก า ร ส ่ง เ ส ริม ย ก ร ะ ดับ เ ศ ร ษ ฐ กิจ สัง ค ม ศิลปวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น เพื่อสร้างความเข้มแข็งชุมชน 5. ลักษณะกิจกรรม : การจัดกิจกรรมในเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว จ านวน 5 เส้นทาง ในพื้นที่ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา 6. สถานที่ : พื้นที่ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา 7. ตัวชี้วัด : มีการจัดกิจกรรมในเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ในพื้นที่ ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ใน 5 เส้นทางการท่องเที่ยว จ านวน 640 คน 8. งบประมาณ : จัดกิจกรรม เส้นทางการท่องเที่ยวละ 100,000 บาท x 5 เส้นทางการท่องเที่ยว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 500,000.- บาท (-ห้าแสนบาทถ้วน-) 9. ผลที่คาดว่าจะได้รับ : ด าเนินการจัดกิจกรรมในเส้นทางทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ยกระดับศักยภาพ เศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ในพื้นที่ต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา จ านวน 5 เส้นทางการท่องเที่ยว 10. หน่วยงานที่รับผิดชอบ : คณบดี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (ผู้ว่าจ้าง) นายเตวิทพัฒน์ ทุ่งกระโทก และคณะ (ผู้รับจ้าง) นายศตวรรษ หาโชค และคณะ (ผู้รับจ้าง)


7 • แนวคิด/ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง กลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนแบบยั่งยืนในจังหวัดนครราชสีมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้กลายมาเป็นอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ ภาครัฐให้การผลักดันและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาเกิดแนวคิดการพัฒนาการท่องเที่ยว อย่างยั่งยืน ซึ่งมุ่งให้ความส าคัญกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาการขยายตัวของการท่องเที่ยว ที่มิได้มุ่งเน้นเพียง เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว หากแต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาสังคม ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต ภายใต้กระแสการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนั่นเอง จึงเกิดรูปแบบการท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community- based tourism) เป็นการท่องเที่ยวที่มีลักษณะเฉพาะตัว มีลักษณะของการท่องเที่ยวที่ค านึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม สังคมและวัฒนธรรมของชุมชน จัดการโดยชุมชน เพื่อชุมชน และชุมชนมีบทบาทเป็นเจ้าของในการจัดการดู และเพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้มาเยือนนอกจากช่วยสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชนแล้วยังช่วยสร้างความเข้มแข็ง ให้กับชุมชน ให้สมาชิกในชุมชนได้ตระหนักรู้ถึงคุณค่าของทรัพยากรในท้องถิ่น จนอาจกล่าวได้ว่าการท่องเที่ยว ชุมชนี้เป็นส่วนส าคัญในการสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม กระแสการตื่นตัวในการท่องเที่ยวชุมชนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น มีการศึกษาพบว่าหลาย ประเทศในแทบทุกทวีปให้ความส าคัญกับการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน หรือแม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านของไทย เช่นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวหรือกัมพูชา ที่แม้จะมีพัฒนาการทางด้านการท่องเที่ยว ตามหลังประเทศไทยก็ตาม แต่ยังคงให้ความส าคัญกับการจัดการการท่องเที่ยวชุมชนเพิ่มมากขึ้น (มิ่งสรรพ์ ขาว สะอาด และคณะ, 2549) ส าหรับในประเทศไทยที่มีจุดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยว ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว ทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ จึงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสและเรียนรู้ เอกลักษณ์ประจ าถิ่น การท่องเที่ยวโดยชุมชนจึงเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนแต่ถ้าการท่องเที่ยว ขยายตัวเพิ่มขึ้น ชุมชนจะต้องเตรียมรับผลกระทบที่จะตามมาทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมตลอดจนวิถี ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ จากสภาวะการณ์ดังกล่าวผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนทั้งภาครัฐ เอกชน หรือชุมชน ท้องถิ่นเอง จ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความส าคัญกับการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อให้การท่องเที่ยวชุมชน สามารถด ารงอยู่ได้ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่มีคุณภาพ ในขณะที่ ทรัพยากรท่องเที่ยวยังต้องสามารถรักษาความดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวไม่เสื่อมคลาย มีการกระจายผลประโยชน์สู่ ท้องถิ่น แม้จะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการจัดการท่องเที่ยวอยู่เสมอก็ตาม และสุดท้ายแล้วการท่องเที่ยว โดยชุมชนก็จะต้องไม่ท าให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางธรรมชาติ สังคม และวัฒนธรรมการท่องเที่ยวโดย ชุมชนในปัจจุบันที่“ไม่ยั่งยืน” นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนในชุมชนไม่ได้มีส่วนร่วมกับวิถีการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง คนในชุมชนขาดความเข้าใจในการจัดการการท่องเที่ยว ขาดศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวของ ชุมชน อีกทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวก็ไม่ได้ถูกกระจายไปถึงชุมชนผู้เป็นเจ้าของทรัพยากรท่องเที่ยว ดังนั้น การ ท่องเที่ยวโดยชุมชมจึงควรต้องน าองค์ความรู้ต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อให้ชุมชนสามารถจัดการ ท่องเที่ยวได้อย่าง“ยั่งยืน” จากการศึกษาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อการ พึ่งพาตนเองและความยั่งยืนในอนาคต


8 1. ความสามารถในการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา ผู้วิจัยใช้เกณฑ์มาตรฐานการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน 5 ด้าน (ส านักท่องเที่ยวโดยชุมชน, 2557) มาเป็นกรอบในการศึกษาวิจัย ดังนี้ 1.1 ด้านการบริหารจัดการ 1.1.1) กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนทั้ง 5 กลุ่ม มีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ชัดเจนในรูปของคณะกรรมการ ด าเนินงานและคณะกรรมการที่ปรึกษา การก าหนดต าแหน่งหน้าที่มีข้อตกลง กฎระเบียบของกลุ่มที่ชัดเจน การด าเนินการจัดการท่องเที่ยวของกลุ่มด าเนินการผ่านกระบวนการประชุมสมาชิกทุกครั้งก่อนมีนักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาส่วนใหญ่ใช้วิธีการพูดคุยมากกว่าการเขียนนี้เป็นลายลักษณ์อักษร ในการประชุมนี้เป็นโอกาส ของสมาชิกในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสนอปัญหาและแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการท่องเที่ยวของชุมชน โดยอาศัยการอยู่ร่วมกันแบบเครือญาติ 1.1.2) ผู้น ากลุ่มเป็นแกนหลักในการน าพาสมาชิกและคนในชุมชนร่วมด าเนินกิจกรรมการท่องเที่ยว จากการศึกษาพบว่าผู้น ากลุ่มฯส่วนใหญ่ท าหน้าที่ทั้งประธานกลุ่มและผู้ใหญ่บ้าน หรือเคยด ารงต าแหน่งผู้ใหญ่บ้าน มาก่อน เป็นผู้น าที่คนในชุมชนให้ความเคารพนับถือ เพราะเป็นคนในพื้นที่ในการเลือกผู้น ากลุ่มใช้การเลือกจาก เสียงส่วนใหญ่จากสมาชิกในกลุ่มฯส่วนใหญ่ท าหน้าที่ประธานกลุ่มมาตั้งแต่เริ่มด าเนินการกลุ่มฯ อีกทั้งยังพบว่าผู้น า ในหลาย ๆ กลุ่มเป็นผู้เริ่มต้นบุกเบิกการท าโฮมสตย์แล้วชักชวนสมาชิกเข้าร่วม ซึ่งท า เป็นต้นแบบให้คนในชุมชน เห็น้เป็นตัวอย่างมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการจัดการการกลุ่ม ผู้น าทุกกลุ่มท่องเที่ยวมีความรู้ความเข้าใจในการ จัดการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยผ่านการเข้าร่วมประชุมและอบรมเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างสม่ าเสมอ และต่อเนื่อง จากการศึกษาพบว่า ผู้น ากลุ่มชุมชนท่องเที่ยวโฮมสเตย์บ้านปราสาท มีศักยภาพในการเป็นวิทยากร และผู้ทรงคุณวุฒิในคณะท างานของกรมการท่องเที่ยว และยังมีโอกาสได้ศึกษาดูงานด้านการท่องเที่ยวยัง ต่างประเทศ โดยน าประสบการณ์ในการศึกษาดูงานมาปรับใช้กับการท่องเที่ยวชุมชนอีกด้วยซึ่งสอดคล้องกับ มุมมองของกลุ่มนักวิชาการที่ตั้งข้อสังเกตว่า ชุมชนที่มีจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนค่อนข้างดีผู้น าชุมชนก็จะเก่ง คือ เขาถูกพัฒนา สร้างความรู้ความเข้าใจมามาก ท าให้เขามีมุมมองในด้านการจัดการท่องเที่ยว นอกจากนี้มี ข้อเสนอแนะในประเด็นของผู้น า ว่า ผู้น าไม่ควรเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น เพราะจะเกิด อคติกันระหว่างกลุ่มคนในชุมชน ความร่วมมือกันภายในชุมชนจะน้อยลง นอกจากนี้หน่วยงานภาครัฐได้ให้มุมมอง เพิ่มเติมในประเด็นของการพัฒนาผู้น า ว่า ผู้น าชุมชนส่วนใหญ่ยังขาดความสามารถในการเขียนโครงการ เพื่อของบประมาณ ท าให้เสียโอกาสในการรับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ 1.1.3) การมีส่วนร่วมของสมาชิกในการด าเนินการจัดการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระดับปฏิบัติการ เห็นได้จากการเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างพร้อมเพรียง สมาชิกให้ความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง รวมถึงความกระตือรือร้นในการจัดการท่องเที่ยวของกลุ่ม จากการที่โครงสร้างของคณะกรรมการด าเนินงานทั้ง 5 กลุ่ม มาจากสมาชิกและคนในชุมชน และฐานะทางครอบครัวที่ใกล้เคียงกัน ท าให้สมาชิกกล้าที่จะแสดงความ คิดเห็นได้อย่างเสรี กลุ่มเปิดโอกาสให้สามารถเข้าและออกจาการเป็นสมาชิกกลุ่มได้ตลอดเวลา โดยผ่าน กระบวนการพิจารณาและเห็นชอบจากคณะกรรมการด าเนินงาน นอกจากนี้กลุ่มยังให้ความส าคัญกับคนในชุมชน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชนด้วยแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มก็ตาม เช่น การรวมกลุ่ม อาชีพต่าง ๆเพื่อผลิตสินค้าที่ระลึกจ าหน่ายแก่นักท่องเที่ยวหรือขอความร่วมมือจากบ้านพักของคนในชุมชนที่ไม่ได้ เป็นสมาชิกในการรับนักท่องเที่ยวในกรณีที่เดินทางมาจ านวนมาก เป็นต้น การมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายมี 2 ระดับคือ (1) เครือข่ายแนวนอนได้แก่ ความร่วมมือกับชุมชนด้วยกันเองในจังหวัด และภูมิภาค มีการประชุม กลุ่มเครือข่ายช่วยเหลือในการส่งนักท่องเที่ยวให้กันระหว่างกลุ่ม เป็นการสร้างความคุ้นเคยในระดับผู้น า (2) เครือข่ายแนวตั้ง คือความร่วมมือกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งจะให้การช่วยเหลือ


9 และสนับสนุนการด าเนินงานการท่องเที่ยวโดยชุมชน เช่น ให้ความรู้ด้านวิชาการส่งเสริมกิจกรรมด้านการตลาด จากการสัมภาษณ์กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนพบว่าหลายกลุ่มมีความต้องการให้ผู้น าในระดับหน่วยงานท้องถิ่นได้เข้ามามี ส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวของชุมชนอย่างจริงใจ นอกจากนี้ในมุมมองของนักวิชาการท่านหนึ่งได้เสนอว่า น่าจะเป็นหน่วยงานที่ท าหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้ชุมชนได้ดีที่สุดเพราะเข้าถึงชุมชนได้มากที่สุด 1.1.4) การตลาด และการประชาสัมพันธ์ จากการศึกษา พบว่า กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนมีการใช้สื่อที่ หลากหลายในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชน ได้แก่ (1) สื่อออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ เฟสบุ๊ค ซึ่งเป็น สื่อที่แพร่กระจายง่าย และประหยัดที่สุด โดยมีลูกหลานในชุมชนช่วยด าเนินการแต่มีการน าเสนอกิจกรรมการ ท่องเที่ยวที่ไม่ต่อเนื่อง (2) สื่อโทรทัศน์พบว่า กลุ่มที่มีชื่อเสียงหรือเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มการท่องเที่ยวจะได้รับการ สนับจากองคกรเอกชนเข้ามาถ่ายท ารายการโทรทัศน์ บันทึกวีดิโอแนะการท่องเที่ยวของกลุ่ม (3) รายการวิทยุ ซึ่งกลุ่มจะท าการประชาสัมพันธ์ผ่านรายการวิทยุทั้งแบบไม่มีค่าใช้จ่ายและแบบมีค่าใช้จ่าย กลุ่มมีความคิดเห็นว่า การประชาสัมพันธ์ทางวิทยุไม่ค่อยได้ผลเท่าใดเพราะคนที่รับฟังก็เป็นคนในจังหวัดไม่กี่กลุ่ม อย่างไรก็ตามกลุ่ม ท่องเที่ยว กลุ่มท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีข้อจ ากัดเรื่องเงินทุนในการท าประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ จึงต้องการเน้นการ ประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปาก อาศัยการแนะน าจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เคยมาพัก หากเขามีความประทับใจเขาก็ จะพูดต่อหรือใช้การประชาสัมพันธ์ผ่านกลุ่มของภาคีเครือข่าย ในมุมมองของหน่วยงานภาครัฐได้ให้ข้อควรระวัง ในการท าสื่อให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงของชุมชนให้น าเสนอในสิ่งที่มี ตามสภาพความเป็นจริงของชุมชน และ ในมุมมองจากนักวิชาการเสนอแน่ะว่า หากความสามารถของชุมชนมีไม่เพียงพอในการที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาก็ จะต้องอาศัยความร่วมมือจากเครือข่าย 1.2 ด้านเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิต จากการศึกษากลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนทั้ง 5 กลุ่ม พบว่า ส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายในการด าเนินการ ท่องเที่ยวเพื่อต้องการสร้างรายได้เสริมให้แก่คนในชุมชน ซึ่งสมาชิกมีความเข้าใจถึงประเด็นของการจัดการ ท่องเที่ยวชุมชนว่าเป็นการช่วยสร้างรายได้เสริมโดยรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนได้มาจาก 1) รายได้จากค่าที่พัก โฮมสเตย์ 2) รายได้จากบริการของกิจกรรมต่าง ๆในชุมชน เช่นการน าเที่ยวของกลุ่มรถปิคอัพ หรือรถอีแต๊ก 3) รายได้จากการจ าหน่ายผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกของท้องถิ่นแม้ว่ากลุ่มจะได้รับค าแนะน าในเรื่องของการพัฒนา ผลิตภัณฑ์จากหน่วยงานภายนอกแล้วกตาม มีความคิดเห็นจากกลุ่มนักวิชาการในประเด็นของการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ชุมชนว่า ชุมชนขาดการบูรณาการเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์หรือของที่ระลึกในแง่ของการ พัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามความต้องการของนักท่องเที่ยวจากการศึกษากลุ่มท่องเที่ยวทั้ง 5 กลุ่ม พบการ ด าเนินงานที่ค านึงถึงการแบ่งปัน หรือจัดสรรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างเป็นธรรม เช่น มีระบบการจัดล าดับการ เข้าพักโฮมสเตย์ (Queuing) การหักเงินรายได้ค่าบริการเข้ากองกลางประมาณร้อยละ 10 ทั้งนี้กลุ่มมีการจัดท า สมุดบันทึกรายรับ-รายจ่ายโดยมีเลขาฯและเหรัญญิกกลุ่มเป็นผู้ดูแล และมีบุคคลที่น่าเชื่อถือในชุมชน เช่น ครูในโรงเรียนของชุมชนี้เป็นผู้ดูแลและตรวจสอบร่วมกับคณะกรรมการด าเนินงานกลุ่มและแจ้งความเคลื่อนไหว ของงบการเงินให้สมาชิกได้ทราบในการประชุมทุกเดือนในมุมมองของตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและนักวิชาการได้ ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การจัดสรรรายได้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์แก่คนในชุมชนที่ร่วมท ากิจกรรม การท่องเที่ยวเท่านั้น หากแต่การท่องเที่ยวโดยชุมชนจะยั่งยืนได้จะสร้างประโยชน์โดยรวมให้กับทุกคนในชุมชน ซึ่งอาจจะมีผลต่อการเข้ามามีส่วนร่วมของคนกลุ่มที่ยังไม่เคยร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชมได้เข้ามา มีส่วนร่วมในอนาคต และท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นเพียงรายได้เสริมที่ไม่ได้สร้างให้เกิด ความมั่งคั่งแก่ชุมชนก็ตาม หากแต่ท าให้สมาชิกและคนในชุมนที่ได้มีการจัดการท่องเที่ยวมีความภาคภูมิใจในการที่ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวหรือวิถีของชุมชนให้แก่ นักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่มาเยือน และความสุขใจในการได้ต้อนรับ นักท่องเที่ยวในฐานะเจ้าบ้าน อีกทั้งรู้สึกถึงการมีคุณค่าในตนเองเพิ่มขึ้น


10 1.3 ด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม จากการศึกษากลุ่มท่องเที่ยวทั้ง 5 กลุ่ม พบว่า มีการเผยแพร่มรดกวัฒนธรรมผ่านทางการท่องเที่ยว (1) การบายศรี สู่ขวัญ ซึ่งมีพ่อพราหมณ์ หรือกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนี้เป็นผู้ร่วมท าพิธี ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่ก็พบว่า มีบาง กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ ามูลโฮมสเตย์บ้านสุขสมบูรณ์ที่ไม่มีวัฒนธรรมเป็นของตนเองเนื่องจาก คนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนที่มาจากหลากหลายจังหวัดที่อพยพตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ในการท าบายศรีสู่ขวัญจึงเชิญ คนภายนอกที่มีความสามารถในการท าพิธีเข้ามาช่วยดูแลและช่วยแนะน า (2) กิจกรรมน าชมวิถีชีวิตชาวบ้านด้วย การนั่งรถอิแต๊ก หรือปั่นจักรยาน (3) การชมการสาธิตและฝึก หรือทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง กลุ่มฯได้เปิดโอกาสให้ นักท่องเที่ยวเข้าฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง เช่น การท านา หว่านข้าวที่แปลงนาทดลองหรือให้นักท่องเที่ยวประกอบ อาหารทานเองโดยวิธีการก่อฝืนหุงข้าว เป็นต้น (4) การเผยแพร่วัฒนธรรมดานอาหารท้องถิ่น ของกลุ่มชุมชน ท่องเที่ยวผาบุคาโฮมสเตย์ผ่านสื่อออนไลน์ YouTube ในมุมมองของกลุ่มหน่วยงานภาครัฐ มีทัศน่ะว่า ในชุมชนที่ มีวัฒนธรรม ประเพณีหรือเทศกาลที่จัดประจ าทุกปียังขาดการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้การจัดกิจกรรม และชุมชนนิยมที่จะเก็บรวบรวมวัฒนธรรมที่เป็นรูปธรรม เช่น เครื่องใช้ภานะ หม้อชาม ในขณะที่วัฒนธรรมที่เป็น นามธรรมเช่น ความเชื่อความคิด ภูมิปัญญาท้องถิ่น ประวัติเรื่องราวต่าง ๆ มักจะไม่ค่อยได้เก็บรวบรวมเป็น ฐานข้อมูลหรือองค์ความรู้ ส าหรับคนรุ่นหลัง ส าหรับประเด็นแนวทางการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นกลุ่มท่องเที่ยว ด าเนินการผ่านกระบวนการฝึกให้แก่เยาวชนในชุมชน เช่น การฝึกยุวมัคคุเทศก์ การฝึกเยาวชนร้องเพลิงโคราช การฝึกเล่นเครื่องดนตรีไทย และเครื่องดนตรีพื้นบ้านอย่างโปงลาง โดยมีทั้งผู้สูงอายุในชุมชน คนในชุมชนเองเข้า มามีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมและแนะน า แต่พบว่า เยาวชนในชุมชนขาดการสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลการเข้าไปเรียนต่อในตัวเมืองและความสนใจในวัฒนธรรมสมัยใหม่ 1.4 ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากการศึกษากลุ่มท่องเที่ยวทั้ง 5 กลุ่มพบว่า ให้ความส าคัญกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม โดยมีประเด็นดังนี้ 1.4.1) ประเด็นเรื่องขยะที่เกิดจากชุมชนและนักท่องเที่ยว พบว่า ในชุมชนไม่มีที่ ทิ้งขยะชุมชนต้องดูแลในเรื่องของการก าจัดขยะด้วยตนเอง ขยะที่เกิดขึ้นในชุมชนส่วนหนึ่งมาจากครัวเรือน เช่น เศษอาหาร หรือของเหลือใช้ต่าง ๆ ชุมชนมีแนวทางในการให้แต่ละครอบครัวก าจัดขยะเอง ด้วยวิธีต่าง ๆเช่น ขยะ พลาสติกใช้การฝังกลบ เศษอาหารน าไปท าปุ๋ย หรือเชื่อเพลิง เป็นต้น อีกทั้งได้ขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยว ที่มาแวะเที่ยวชุมชนไม่ให้น าขยะมาทิ้ง1.4.2) ประเด็นการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ พบว่า กลุ่มท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ แหล่งธรรมชาติเช่นกลุ่มชุมชนท่องเที่ยวโฮมสเตย์กลุ่มอนุรักษ์ต้นน้ ามูลบ้านบุไทร และกลุ่มชุมชนท่องเที่ยวกลุ่ม อนุรักษ์ต้นน้ ามูลโฮมสเตย์บ้านสุขสมบูรณ์ในพื้นที่ของต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ าเขียว ซึ่งอยู่ใกล้ป่า และต้นน้ าบาง ประกง กลุ่มและชาวบ้านในชุมชนได้มีความร่วมมือกันระหวางหมู่บ้านในการดูแลธรรมชาติของป่าให้คงอยู่ ทั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือและช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐอย่างกรมป่าไม้และหลวงพ่อจากวัดในชุมชนเข้าร่วม กิจกรรมอีกด้วยโดยการกิจกรรมการปลูกป่า พิธีบวชป่า ขึ้นทุก ๆ ปี และป้องกันไฟป่าโดยกลุ่มเยาวชนในหมู่บ้าน 1.4.3) ประเด็นการรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชน พบว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มมีการท าเกษตรแบบปลอดสารพิษ รวมทั้งการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง อาทิเช่น รณรงค์การปลูกผักปลอดสารพิษไว้บริโภคและจ าหน่ายให้แก่ นักท่องเที่ยว การใช้ปุ๋ยชีวภาพ การน ามูลสัตว์มาท าก๊าซชีวภาพในการเป็นพลังงานทดแทน 1.4.4) ประเด็นการ ปรับภูมิทัศน์ในชุมชน พบว่า สมาชิกในกลุ่มมีการดูแลเรื่องความสะอาดของบ้านพักให้พร้อมรับนักท่องเที่ยวอยู่ เสมอ รวมไปถึงคนในชุมชนก็ให้ความร่วมมือในการดูแลความสะอาดบริเวณบ้านและรอบ ๆ ชุมชน โดยใช้การ ปลูกฝังเยาวชน ผ่านกระบวนการของสถาบันการศึกษาในชุมชน


11 1.5 ด้านการบริการและความปลอดภัย จากการศึกษากลุ่มท่องเที่ยวทั้ง 5 กลุ่ม พบว่า ทุกกลุ่มได้รับการรับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยอย่าง ต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มด าเนินการกลุ่มจนถึงปัจจุบันกลุ่มจึงมีความพร้อมในการให้บริการที่พักโฮมสเตย์มีกระบวนการ ในการจัดการที่พักและการบริการนักท่องเที่ยว จะรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่โทรจองมาล่วงหน้าเท่านั้น เพื่อกลุ่ม จะได้เตรียมความพร้อมทั้งในเรื่องบ้านพัก การจัดเตรียมอาหารและการต้อนรับ กลุ่มมีระบบการจัดล าดับการเข้า พักโฮมสเตย์ (Queuing) แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่ความพร้อมของเจ้าของบ้านพักว่าพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวหรือไม่ โดย ก่อนนักท่องเที่ยวเข้าพักคณะกรรมการด าเนินงานจะท าการตรวจสอบความเรียบร้อยตามเกณฑ์มาตรฐานอีกครั้ง แต่ในมุมมองของหน่วยงานภาครัฐและกลุ่มนักวิชาการให้ความคิดเห็นเรื่องของความสะอาดของบ้านพักโฮมเสตย์ ว่ายังมีปัญหาเรื่องของความสะอาดของบ้านพักที่ไม่สม่ าเสมอ นักท่องเที่ยวมาจึงจะท าความสะอาด ปัญหาส่วน ใหญ่เป็นเรื่องความสะอาดของห้องน้ า ห้องสุขาอาจเนื่องด้วยวิถีของชุมชนในการประกอบอาชีพการเกษตร ท าให้ การดูแลท าความสะอาดบ้านนี้อยลง เพราะอาศัยอยู่ตามวิถีส าหรับประเด็นด้านการจัดการความปลอดภัย ทุกกลุ่ม ไม่เคยพบปัญหาด้านความปลอดภัย หรือกี่รณีฉุกเฉินที่มีความรุนแรงมากเนื่องจากชุมชนต่าง ๆ อยู่ร่วมกันแบบ เครือญาติ มีกฎระเบียบของกลุ่ม และมีการดูแลจากกรรมการกลุ่ม อีกทั้งคนในชุมชนมีความร่วมมือกันในเรื่องของ การจัดการท่องเที่ยว มีทุนเดิมของชุมชนที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องมุมมองของกลุ่มหน่วยงานภาครัฐและกลุ่ม นักวิชาการที่มีความเห็นว่า การท่องเที่ยวโดยชุมชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่ค่อยมีปัญหาด้านความปลอดภัย ทั้งในเรื่องคน กิจกรรมและภัยธรรมชาติแต่อย่างไรก็ตามกลุ่มได้มีการจัดการความปลอดภัยและกรณีฉุกเฉิน ทั้งใน ด้านการมีกฎระเบียบมีบุคลากรดูแลความปลอดภัย การประสานงานกับสถานีต ารวจและโรงพยาบาลในพื้นที่และ การดูแลความปลอดภัยจากเจ้าของบ้านพักโฮมสเตย์ นอกจากนี้มีประเด็นที่น่าสนใจจากการสัมภาษณ์กลุ่ม ท่องเที่ยวว่านอกจากความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวแล้วควรค านึงถึงความปลอดภัยของเจ้าของบ้านด้วย 2. กลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมาเพื่อความยั่งยืนในอนาคต จากการศึกษาถึงความสามารถในการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 5 ด้าน ดังกล่าวข้างต้นผู้วิจัยได้น าข้อมูลมาพิจารณาตามกรอบของรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเรียกว่า SEE Model (Adams ,2006; ธนธรณ์ ทองหอม, 2551) ซึ่งเป็นรูปแบบที่เสนอว่า องค์ประกอบของการพัฒนาการท่องเที่ยว แบบยั่งยืนที่มีประสิทธิภาพต้องค านึงถึงปัจจัยหลัก 3 มิติ ได้แก่ (1) มิติด้านสงคม-วัฒนธรรม (Social-cultural) (2) มิติด้านเศรษฐกิจ (Economic)(3) มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) เพื่อวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมและ ความสามารถในการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน ท าให้ทราบจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของกลุ่มแล้ว จับคู่กลยุทธ์จากการวิเคราะห์ ผู้วิจัยจึงเสนอทางเลือกกลยุทธ์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับกลุ่มการท่องเที่ยวโดย ชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา สรุปและอภิปรายผลการวิจัย ความสามารถในการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา ได้พิจารณาใน 5 ประเด็น ได้แก่ 1. ด้านการบริหารจัดการ จากการศึกษาพบว่า ทุกกลุ่มมีการจัดโครงสร้างการบริหารจัดการที่ชัดเจนแต่ยังขาดกระบวนการของการ วางแผนการท่องเที่ยวยงมีความต้องการพึ่งพาหน่วยงานภายนอก ทั้งด้านงบประมาณและความช่วยเหลือต่าง ๆ สอดคล้องกับแนวคิดของ World Tourism Organization (2001) ที่กล่าวว่า การท่องเที่ยวโดยชุมชนว่า การ ท่องเที่ยวโดยชุมชนน ามาซึ่งผลประโยชน์และปัญหาต่าง ๆให้แก่ชุมชน ซึ่งถ้ามีการวางแผน พัฒนาการจัดการที่ดี แล้ว การท่องเที่ยวจะท าให้เกิดอาชีพในชุมชน รายได้ และท าให้เกิดการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะท าให้คุณภาพชีวิต ของคนในชุมชนดีขึ้นแต่อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการกลุ่มก็ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และกลุ่มยังด าเนิน


12 กิจกรรมการท่องเที่ยวอยู่จนถึงปัจจุบัน ด้วยปัจจัยด้านการมีผู้น าที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น และมีความเข้าใจในบริบทการ ท่องเที่ยวชุมชน ผู้น าหลายคน เป็นต้นแบบในการด าเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวให้แก่คนในชุมชนอย่างชัดเจน ท าให้เกิดการสร้างความร่วมมือในการร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชน แม้ว่ากระบวนการกลุ่มจะมีการบริหาร จัดการโดยกรรมการและสมาชิกกลุ่มก็ได้ แต่ด้วยบุคลิกของผู้น าที่กล่าวมานี้อาจจะมีอิทธิพลต่อในการคิดคล้อย ตามผู้น ามากกว่าการเรียนรู้ ผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ด้วยบุคลิกของการเป็นผู้น าเหล่านี้เอง อาจจะเป็นอุปสรรคอย่าง หนึ่งในการสร้างผู้น ารุ่นใหม่ เพื่อที่จะสานต่อการด าเนินงานการท่องเที่ยวโดยชุมชนในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับ แนวคิดของ บัณฑูร อ่อนด า (2536 : 67) ที่ได้ท าการศึกษาเรื่อง” การะบวนการปรับปรุงและพัฒนากลุ่ม /องค์กร ประชาชนเชียงใหม่” ที่กล่าวว่า ถ้าประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆแล้ว ประชาชนจะยินดีให้ความ ร่วมมือหรือมีพันธมิตร (Commitment) ในเรื่องนั้น ๆ ท าให้สามารถด าเนินกิจกรรมส าเร็จลุล่วงไปได้ดังนั้น ผู้น า จึงต้องหาวิธีการในการสร้างการมีส่วนร่วมในกลุ่มเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมที่แท้จริง จากผลการศึกษาในด้านการมี ส่วนร่วม ผู้วิจัยมีความคิดเห็นว่า ความส าเร็จในการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนนั้น ต้องเกิดจากกระบวนการ ของการมีส่วนร่วมของ 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ 1) คนในชุมชนทั้งที่เป็นสมาชิก และไม่เป็นสมาชิก ตลอดจน ความร่วมมือจากเยาวชนในชุมชน 2) ภาคีเครือข่าย และ3) หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษา ของสัจจา บรรจงศิริและคณะ (2556) เรื่องการพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวชุมชนด้านการเกษตรในเขตอีสานใต้ พบว่า การมีส่วนร่วมในการด าเนินการจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรควรมีลักษณะการมีส่วนร่วมแบบพหุภาคี ซึ่งจ าเป็นต้องได้รับความร่วมมือและประสานัการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย ทั้งชุมชน เครือข่าย หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจท่องเที่ยวนอกจากนี้ยังสอดคล้องกับการศึกษาของ เทิดชาย ช่วยบ ารุง และคณะ (2553) เรื่องการท่องเที่ยวเชิงเกษตรสุราษฎร์ธานี : การวิจัยฐานทรัพยากรเกษตรสู่ ก า รท่องเที่ย วอย่ างยั่งยืน พบ ว่ า ก า รบ ริห า รจัดก า รก า รท่องเที่ยวเชิงเกษต รของอ่ า วบ้ านดอน จะประสบความส าเร็จได้ต้องใช้กระบวนการมีส่วนร่วมพหุภาคีจากผลการศึกษาในด้านการตลาด และการประชาสัมพันธ์ พบว่า กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนมีการใช้สื่อที่หลากหลายในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมการ ท่องเที่ยวชุมชน ได้แก่ (1) สื่อออนไลน์ (2) สื่อโทรทัศน์ (3)รายการวิทยุ อย่างไรก็ตามกลุ่มท่องเที่ยวส่วนใหญ่ มีข้อจ ากัดเรื่องเงินทุนในการท าประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ จึงต้องการเน้นการประชาสัมพันธ์แบบปากต่อปาก ในมุมมองของหน่วยงานภาครัฐได้ให้ข้อควรระวังในการท าสื่อให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงของชุมชน ให้น าเสนอ ในสิ่งที่มี ตามสภาพความเป็นจริงของชุมชน และในมุมมอง จากนักวิชาการเสนอแน่ะว่า หากความสามารถ ของชุมชนมีไม่เพียงพอในการที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาก็จะต้องอาศัยความร่วมมือจากเครือข่ายภายนอก ภายนอก สอดคล้องกับการศึกษาของ ฆนรุจ มิ่งเมธาพรและคณะ(2555 : 91 ) เรื่องการศึกษาสถานการณ์ การท่องเที่ยวโดยชุมชนแนวทางในการผลักดันให้มาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชนได้รับการบรรจุเข้าเป็น มาตรฐานระดับชาติ กรณีศึกษาประเทศไทย พบว่า ชุมชนควรมีการท างานใน ลักษะพันธมิตรกับภาคธุรกิจ โดยใช้มาตรฐานนี้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาร่วมกัน จากเดิมเคยมองเพียงการท่องเที่ยวต้องเป็นสินค้าพร้อมขาย อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เล็กน้อยว่าเป็นการร่วมพัฒนาให้ชุมชนมีความพร้อมด้านการตลาด และขณะเดียวกันก็สามารถเอาประเด็นเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม และการ จัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อคนท้องถิ่น เป็นการรณรงค์ให้ สอดคล้องกับกระแสการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบและสร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยวในการสนับสนุน การท่องเที่ยวโดยชุมชน


13 2. ด้านเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิต จากการศึกษา พบว่า ส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายในการด าเนินการท่องเที่ยวเพื่อต้องการสร้างรายได้เสริม ให้แก่คนในชุมชน ซึ่งสมาชิกมีความเข้าใจถึงประเด็นของการจัดการท่องเที่ยวชุมชนว่าเป็นการช่วยสร้างรายได้ เสริมโดยรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนได้มาจาก 1) รายได้จากค่าที่พักโฮมสเตย์ 2) รายได้จากบริการของ กิจกรรมต่าง ๆในชุมชน และ3) รายได้จากการจ าหน่ายผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกของท้องถิ่นสอดคล้องกับแนวคิด ของ พจนา สวนศรี (2546) ที่กล่าวว่า ในด้านกระบวนการท างานเพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดกา ท่องเที่ยวนั้น จะเห็นได้ว่าในมิติของชุมชนไม่ได้มองเรื่องของรายได้เป็นหลัก ผิดกับในระดับนโยบายการท่องเที่ยว มักจะให้ความส าคัญเรื่องรายได้เป็นอันดับแรก หากเอาคุณค่า วิธีคิดที่เป็นพื้นฐานที่ส าคัญในสงคมไทยอันได้แก่ การมีน้ าใจ ความเอื้ออารี ประกอบกับการมีวิถีชีวิตที่สัมพันธ์กับธรรมชาติ ความรักในศิลปวัฒนธรรมอันเป็นทุน ทางสังคมของคนไทยก็จะท าให้เกิดการริเริ่มและมองการท่องเที่ยวได้ถูกทางยิ่งขึ้น จากการศึกษากลุ่มท่องเที่ยว ทั้ง 5 กลุ่ม พบการด าเนินงานที่ค านึงถึงการแบ่งปัน หรือจัดสรรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างเป็นธรรม เช่น มีระบบการจัดล าดับการเข้าพักโฮมสเตย์ (Queuing) การหักเงินรายได้ค่าบริการเข้ากองกลางประมาณร้อยละ 10 ทั้งนี้กลุ่มมีการจัดท าสมุดบันทึกรายรับ-รายจ่ายโดยมีเลขาฯและ เหรัญญิกกลุ่มเป็นผู้ดูแล มีการแจ้งความ เคลื่อนไหวของงบการเงินให้สมาชิกได้ทราบสม่ าเสมอในมุมมองของตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและนักวิชาการได้ให้ ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การจัดสรรรายได้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์แก่คนในชุมชนที่ร่วมท ากิจกรรม การท่องเที่ยวเท่านั้น หากแต่การท่องเที่ยวโดยชุมชนจะยั่งยืนได้จะสร้างประโยชน์โดยรวมให้กับทุกคนในชุมชน ซึ่ง อาจจะมีผลต่อการเข้ามามีส่วนร่วมของคนกลุ่มที่ยังไม่เคยร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวของชุมชมได้เข้ามามีส่วนร่วม ในอนาคตสอดคล้องกับแนวคิดของ พจนา สวนศรี (2541) ที่กล่าวว่า กิจกรรมการท่องเที่ยวเป็นเรื่องของ ผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง หากจัดระบบการจัดการไม่ดี ขาดความโปร่งใส จะก่อให้เกิดการขาดความร่วมมือ ชุมชนขาดความเข้มแข็ง และเกิดผลกระทบ ซึ่งจะเป็นการท าลายตัวเอง 3. ด้านการอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม จากการศึกษาพบว่า กลุ่มท่องเที่ยวได้น าทรัพยากรทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น มาเป็นส่วนหนึ่ง ในการจัดการท่องเที่ยวของชุมชน ไม่ว่าจะเป็น การพักแบบโฮมสเตย์เพื่อสัมผัสวิถีชุมชน การชมการสาธิตและ ทดลองฝึกการท าหัตถกรรม เป็นต้น หากมองในด้านเศรษฐกิจก็จะเกิดผลทางบวกในแง่ของรายได้เสริมของชุมชน แต่ในขณะเดียวกับก็อาจจะเกิดผลกระทบทางลบต่อวิถีชุมชน การเปลี่ยนแปลงวิถีในการด ารงชีวิต เกิดการปะทะ ทางวัฒนธรรม เยาวชนเกิดการลอกเลียนแบบพฤติกรรมจากนักท่องเที่ยว เป็นต้น จากการศึกษาพบปัญหาของ การอนุรักษ์ และสืบทอดมรดกวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การร้องเพลิงโคราช การเล่นเครื่องดนตรีไทย สอดคล้องกับ การศึกษาของ สุจิตรา พันธุ์วิไล (2545)เรื่องรูปแบบการจัดการหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยชุมชนมีส่วนร่วม : กรณีศึกษาบ้านหล่อชา (อาข่า)ต าบลแม่ยาว อ าเภอเมืองจังหวัดเชียงราย ซึ่งพบว่า สมาชิกของชุมชนส่วนใหญ่ที่ เข้าร่วมโครงการต้องการรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อยังชีพ มากกว่าต้องการการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่า ประกอบกับสภาพความเป็นอยู่ที่บีบคั้นท าให้ชาวบ้านต้องหาเงินเพื่อยังชีพ ส่งผลให้วัฒนธรรมเปลี่ยนไปเป็น วัฒนธรรมเพื่อการค้า การถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นมีแนวโน้มที่ก าลังจะหายไปในอนาคต เพราะเยาวชนรุ่นใหม่ ในหมู่บ้านไม่ยอมรับ ดังนั้น ชุมชนที่จัดการท่องเที่ยวจึงควรตระหนักและให้ความส าคัญในการอนุรักษ์และส่งเสริม มรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น


14 4. ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากการศึกษาพบว่า ในหลาย ๆ ชุมชนมีการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ กลุ่มเยาวชน ในการดูแลรักษาต้นน้ า ดูแล ป้องกันการเกิดไฟป่า ส่งเสริมการปลูกป่า เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติยังคงอยู่กับชุมชน เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งทรัพยากรที่ส าคัญในชุมชน ชุมชนมีความเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดจากการท าลายสิ่งแวดล้อม จึงมี แนวทางในการท าการเกษตรแบบปลอดสารพิษมากยิ่งขึ้นแต่ปัญหาที่พบในหลาย ๆ กลุ่มคือปัญหาการก าจัดขยะ ของชุมชนเนื่องจากชุมชนท้อง้ถิ่นไม่มีระบบในการจัดเก็บขยะ จึงเป็นหน้าที่ที่คนในชุมชนจะต้องช่วยกันดูแล ทั้งขยะของครัวเรือนและขยะจากนักท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่าทุกกลุ่มให้ความส าคัญในเรื่องของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม เห็นได้จากการให้ความร่วมมือและช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในชุมชน โดยการสร้างจิตส านึก ให้เกิดขึ้นกับคนในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกจิตส านึกให้เกิดขึ้นตั้งแต่ในระดับเยาวชน โดยใช้กระบวนการ การมีส่วนร่วม รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในชุมนเองก็ตระหนักในการท่องเที่ยวที่ไม่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อม ของชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของบุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา (2548) ได้กล่าวถึงแนวคิดของการพัฒนาการท่องเที่ยว แบบยั่งยืนในมิติการสร้างจิตส านึกการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง ทุกฝ่าย ในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนต้องมีแนวคิดที่จะให้ความรู้ ความเข้าใจและจิตส านึกแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง กับการท่องเที่ยวทุกฝ่ายในการป้องกันรักษาทรัพยากรท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก 5. ด้านการบริการและความปลอดภัย จากการศึกษา พบว่า ทุกกลุ่มได้รับการรับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มด าเนินการ กลุ่มจนถึงปัจจุบันกลุ่มจึงมีความพร้อมในการให้บริการที่พักโฮมสเตย์ มีกระบวนการในการจัดการที่พักและการ บริการนักท่องเที่ยว จะรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่โทรจองมาล่วงหน้าเท่านั้น เพื่อกลุ่มจะได้เตรียมความพร้อมทั้งใน เรื่องบ้านพัก การจัดเตรียมอาหารและการต้อนรับ กลุ่มมีระบบการจัดล าดับการเข้าพักโฮมสเตย์ (Queuing) แต่ ทั้งนี้ก็อยู่ที่ความพร้อมของเจ้าของบ้านพักว่าพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวหรือไม่ โดยก่อนนักท่องเที่ยวเข้าพัก คณะกรรมการด าเนินงานจะท าการตรวจสอบความเรียบร้อยตามเกณฑ์มาตรฐานอีกครั้งแต่ในมุมมองของ หน่วยงานภาครัฐและกลุ่มนักวิชาการให้ความคิดเห็นเรื่องของความสะอาดของบ้านพักโฮมเสตย์ว่ายังมีปัญหาเรื่อง ของความสะอาดของบ้านพักที่ไม่สม่ าเสมอ นักท่องเที่ยวมาจึงจะท าความสะอาด ปัญหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องความ สะอาดของห้องน้ า ห้องสุขาอาจเนื่องด้วยวิถีของชุมชนในการประกอบอาชีพการเกษตร ท าให้การดูแลท า ความสะอาดบ้านนี้อยลง เพราะอาศัยอยู่ตามวิถีสอดคล้องกับการศึกษาของกาญจนา สุคัณธสิริกุล (2558 : 113) เรื่องการพัฒนาศักยภาพการตลาดบริการของโฮมสเตย์ที่ได้รับรองมาตรฐานในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า สมาชิก โฮมสเตย์แต่ละหลังมีลักษณะการจัดบ้านที่สะอาด สะดวกเรียบร้อยู่แต่ยังมีมาตรฐานที่ไม่เท่ากันทุกหลังหรือเวลาที่ ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าพักนานท าให้ที่พักที่นอนยังมีฝุ่นละอองบาง ซึ่งเป็นอุปสรรคกับนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม เช่น นักท่องเที่ยวที่เป็นภูมิแพ้ส าหรับประเด็นด้านการจัดการความปลอดภัย ทุกกลุ่มไม่เคยพบปัญหาด้านความ ปลอดภัย หรือกรณีฉุกเฉินที่มีความรุนแรงมากเนื่องจากชุมชนต่าง ๆ อยู่ร่วมกันแบบเครือญาติ มีกฎระเบียบ ของกลุ่ม และมีการดูแลจากกรรมการกลุ่ม อีกทั้งคนในชุมชนมีความร่วมมือกันในเรื่องของการจัดการท่องเที่ยว มีทุนเดิมของชุมชนที่ดีอยู่แล้ว สอดคล้องกับการศึกษาของกาญจนา สุคัณธสิริกุล (2558 : 113) เรื่องการพัฒนา ศักยภาพการตลาดบริการของโฮมสเตย์ที่ได้รับรองมาตรฐานในจังหวัดนครราชสีมา พบว่า โฮมสเตย์มีการเตรียม ความพร้อมเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น มีตู้ยาสามัญประจ าบ้านและมีการจัดระบบดูแลความปลอดภัย


15 โดยมีต ารวจบ้านในการรักษาความปลอดภัยและมอบหมายให้เจ้าบ้านของที่มีนักท่องเที่ยวเข้าพักเป็นผู้ดูแลความ เรียบร้อยให้แก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎการเข้าพักอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเล่ียง อุบัติเหตุและเหตุร้ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ข้อเสนอแนะส าหรับงานวิจัย 1.กลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมาควรหาเอกลักษณ์ที่ชัดเจนเนื่องจากการมีทรัพยากร ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย เพื่อสร้างให้เกิดความน่าดึงดูดส าหรับนักท่องเที่ยวให้ได้ใช้เวลาเพิ่มมากขึ้น 2. กลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา มีทรัพยากรท่องเที่ยวที่หลากหลาย คือทรัพยากร ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทรัพยากรท่องเที่ยวด้านการเกษตร รวมถึงทรัพยากรท่องเที่ยว ด้านโบราณีสถานและ วัฒนธรรม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ค่อนข้างเปราะบาง ดังนั้นกลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา จึงควรเน้นส่งเสริมและพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอยู่บนพื้นฐานของการบริหารจัดการที่ ยั่งยืน 3. การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนในอนาคตอาจจัดรูปแบบการพักในลักษณะของ Village stay ที่อยู่ในชุมชน เพื่อลดความปะทะทางวัฒนธรรมระหว่างนักท่องเที่ยวและเจ้าของบ้านอีกทั้งช่วยป้องกันปัญหา ความปลอดภัยทั้งนักท่องเที่ยวและเจ้าของบ้าน ข้อเสนอแนะในการท าวิจัยครั้งต่อไป 1. ควรศึกษาในประเด็นเรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในกลุ่มจังหวัดนครชัย บุรินิทรเนื่องจากนโยบายและงบประมาณพัฒนาการท่องเที่ยวได้มุ่งให้ความส าคัญกับ 4จังหวัดได้แก่นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินิทร อีกทั้งเพื่อค้นหากลยุทธ์ในการสร้างศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มส าคัญในภาค ตะวันเฉียงเหนือให้สามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น 2.ควรศึกษาเปรียบเทียบการบริหารจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อใช้เป็นแนวทางในก าหนดกลยุทธ์การพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดแหล่งข้อมูลที่ครบถ้วน ในกลุ่มจังหวัด อื่น ๆ 3. ควรศึกษาในประเด็นเรื่อง การศึกษาศักยภาพการตลาดบริการของการท่องเที่ยวโดยชุมชน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเนื่องจากพบข้อมูลว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังเป็นภาคที่มีการนักท่องเที่ยว ในรูปแบบของการท่องเที่ยวชุมชนน้อยกว่าภาคอื่น ๆ ในขณะที่มีทรัพยากรท่องเที่ยวที่หลากหลาย เพื่อหาแนวทาง หรือกี่ลยุทธด้านการตลาดในการช่วยสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เป็น รู้จักและนิยมท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น


16 ส่วนที่ 2 ผลการด าเนินงาน สืบเนื่องจากคณะผู้จัดท า ได้รับมอบหมายจาก คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา ให้ด าเนินงานตามโครงการการพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ และซัพพลายเชนเครื่องปั้นดินเผา ต่อการส่งเสริมอัตลักษณ์ และสินค้าเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านด่านเกวียน ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก ส านักงานสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติภายใต้กิจกรรมหลักที่ 3 : การพัฒนาและขับเคลื่อนกลไกการจัดการเครือข่าย เพื่อเพิ่มมูลค่ารูปแบบการท่องเที่ยวโดยชุมชนและยกระดับศักยภาพชุมชนที่เน้นอัตลักษณ์ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมาด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเป็นฐาน กิจกรรมย่อย 3.1.3 : การสร้าง Route Trip เส้นทางการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์ เช่น เส้นทางบ้าน ศิลปิน เส้นทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ (Save world) เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดการฟื้นตัวของวิถีชุมชนบ้านด้านเกวียน ท าให้ชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนสามารถสร้างรายได้ให้กับ ชุมชนท้องถิ่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ในพื้นที่มากขึ้น เป็นการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม เป็นจุดเริ่มต้นที่ส าคัญของการลด ปัญหาความเหลื่อมล้ าในการกระจายรายได้ของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดนครราชสีมา คณะผู้จัดท าจึงได้ด าเนินการจัดท าเส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียนขึ้นมา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ • วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2566 ด าเนินการจัดประชุมผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชน ในต าบลด่านเกวียน เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม พร้อมทั้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมร่วมกันวิเคราะห์ และร่วมกันก าหนด “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน”


17 •วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 ด าเนินการลงพื้นที่ส ารวจเส้นทางจริง พร้อมกับตัวแทน ผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชนในต าบลด่านเกวียน เพื่อส ารวจและปักหมุด “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน ด่านเกวียน”


18


19 • วันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 ด าเนินการออกแบบและจัดท า“5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” ตามข้อสรุปที่ประชุม ตามผลการลงพื้นที่ส ารวจเส้นทางจริง และปักหมุด 5 เส้นทางท่องเที่ยวโดยชุมชน • เส้นทางที่ 1 “บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” หมุดที่ 1 : ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน (เทศบาลต าบลด่านเกวียน) หมุดที่ 2 : บ้านครูช่างศิลป์ (นายเมี้ยน สิงห์ทะเล) หมุดที่ 3 : บ้านช่างศิลป์ (นายเสมอ สิงห์ทะเล) หมุดที่ 4 : บ้านช่างศิลป์ (นายมิตร สิงห์ทะเล) หมุดที่ 5 : บ้านช่างศิลป์ (นายแมน สิงห์ทะเล) หมุดที่ 6 : บ้านช่างศิลป์ (นายสมหมาย สิงห์ทะเล) หมุดที่ 7 : ถนนสินค้าด่านเกวียน 2 - ลานยายนกแก้ว


20 • เส้นทางที่ 2 “เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” หมุดที่ 1 : ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน (เทศบาลต าบลด่านเกวียน) หมุดที่ 2 : บ้านช่างศิลป์ สร้อยดินด่านเกวียน (นายปั่น บุญเนตร) หมุดที่ 3 : บ้านช่างศิลป์ โทนดินด่านเกวียน (นายสมัย รอดกลาง) หมุดที่ 4 : บ้านช่างศิลป์ นกฮูกดินด่านเกวียน (นายพะรัตน์ ปีบกระโทก) หมุดที่ 5 : ถนนสินค้าด่านเกวียน 1 - ลานด่านเกวียนพลาซ่า - -


21 • เส้นทางที่ 3 “ดินด่านเกวียน สู่ธุรกิจชุมชน Production and distribution” หมุดที่ 1 : ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน (เทศบาลต าบลด่านเกวียน) หมุดที่ 2 : โรงงานผลิตและจัดจ าหน่ายบ้านมดแดง (นางสุพรรณนา พัสกรภักดี) หมุดที่ 3 : โรงงานผลิตและจัดจ าหน่ายผู้ใหญ่โน (นายสม เปล้ากระโทก) หมุดที่ 4 : ถนนสินค้าด่านเกวียน 1 - ลานด่านเกวียนพลาซ่า


22 • เส้นทางที่ 4 “ทุ่งธรณีสงฆ์ดงคนด่าน ดินแดนพุทธธรรม ศูนย์รวมจิตใจ” หมุดที่ 1 : ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน (เทศบาลต าบลด่านเกวียน) หมุดที่ 2 : ไหว้พระประธานศักดิ์สิทธิ์ ณ พระอุโบสถ วัดด่านเกวียน หมุดที่ 3 : เดินชมสะพานไม้ร้อยใจ วัดด่านเกวียน หมุดที่ 4 : ทุ่งธรณีสงฆ์ ทุ่งนาวัด – ลานปฏิบัติธรรมศูนย์รวมจิตใจ - เตาเผาวัดด่านเกวียน หมุดที่ 5 : ถนนสินค้าด่านเกวียน 2 - ลานยายนกแก้ว


23 • เส้นทางที่ 5 “ศูนย์เรียนรู้บุญส่งทุ่งป่าตาล พระแม่ธรณี 9 กุด” หมุดที่ 1 : ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน (เทศบาลต าบลด่านเกวียน) หมุดที่ 2 : ไหว้พระแม่ธรณีศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ของชาวด่านเกวียน หมุดที่ 3 : เยี่ยมชมฐานการเรียนรู้วิถีคนด่านเกวียน - ภาชนะจากดิน -เสียงดนตรีจากดิน -เครื่องหอมจากดิน -วิถีมวยโคราช สับน้ าย่ าดิน -หาอยู่-หากิน ขนมคนด่าน -ลงไม้-ลงมือ กับคนด่านปั้นดิน หมุดที่ 4 : ถนนสินค้าด่านเกวียน 2 - ลานยายนกแก้ว


24 • แผนที่สรุปรวม 5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน


25 •วันพฤหัสบดีที่2 กุมภาพันธ์2566 ด าเนินการลงพื้นที่ทดสอบเส้นทางจริง พร้อมกับตัวแทน ผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชนในต าบลด่านเกวียน “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน”


26


27 • วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์2566 ด าเนินการจัดประชุมผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชน ในต าบลด่านเกวียน เพื่อถอดบทเรียน สรุปผล พร้อมร่วมกันประเมินผลการจัดท าเส้นทางท่องเที่ยว “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” •วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์2566 คณะผู้จัดท า สรุปผลจัดท า “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” พร้อมส่งเล่มรายงานผล ต่อคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา


28 ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเนื่องจากการด าเนินการจัดท า “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” ทางคณะผู้จัดท าจึงได้น าผลการจัดท า 5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียนดังกล่าว มาด าเนินการ จัดกิจกรรมใน “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” โดยมีรายละเอียด ดังนี้ วันที่ กิจกรรม 7 ก.พ. 2566 ประชุมผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชน ในต าบลด่านเกวียน พร้อมคณะผู้บริหารจากเทศบาลต าบลด่านเกวียน เพื่อชี้แจง วัตถุประสงค์การจัดกิจกรรม พร้อมทั้งให้ผู้เข้าร่วมประชุมร่วมกันวิเคราะห์ และร่วมให้ข้อเสนอแนะ ในการจัดกิจกรรม ตามรูปแบบผลการจัดท าเส้นทาง “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” โดยที่ประชุมมีสรุปร่วมกันให้จัดกิจกรรม ตามเส้นทางในช่วงเทศกาลงานวิถีชาวดิน ถิ่นงานปั้น ประจ าปี 2566 ระหว่างวันที่ 10 – 14 ก.พ. 2566 ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวและผู้เข้าร่วมจ านวนมาก ทั้งนี้ ให้ด าเนินการ จัดกิจกรรม วันละ 1 เส้นทางเที่ยว เพื่อให้เห็นความชัดเจนในการจัดกิจกรรมมากยิ่งขึ้น 8 ก.พ. 2566 ลงพื้นที่ส ารวจ“5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” พร้อมกับตัวแทน ผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชนในต าบลด่านเกวียน เพื่อซักซ้อมคณะท างาน วิทยากร ผู้ที่เกี่ยวในการจัดกิจกรรม “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน ด่านเกวียน” 10 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 82 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 112 คน 11 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 2 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 80 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 110 คน 12 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 3 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 84 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 114 คน 13 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 4 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 82 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 112 คน 14 ก.พ. 2566 จัดกิจกรรม: “เส้นทางที่ 5 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม นั่งรถราง 102 คน คณะท างาน และผู้ที่เกี่ยวข้อง 30 คน รวม 132 คน 16 ก.พ. 2566 คณะท างานสรุปผลจัดกิจกรรม ทั้ง “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” 17 ก.พ. 2566 ประชุมผู้น าชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน ช่างศิลป์ ผู้ประกอบการ และผู้แทนประชาชน ในต าบลด่านเกวียน พร้อมคณะผู้บริหารจากเทศบาลต าบลด่านเกวียน เพื่อถอดบทเรียน วิเคราะห์ศักยภาพ และประเมินผลการจัดกิจกรรมใน “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน ด่านเกวียน” 18 ก.พ. 2566 คณะผู้จัดท า สรุปผลจัดท า “5 เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนด่านเกวียน” พร้อมส่งเล่มรายงาน ผลต่อคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา


30 การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 08.30 – 08.40 น. ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เดินทางถึง ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน (ณ เทศบาลต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา) 08.40 – 09.30 น. หมุดที่ 1 : เดินชมนิทรรศการ และเข้าชมสารคดี แหล่งเรียนรู้ “ด่านเกวียน ถิ่นงานปั้น” ณ ห้องแสดงนิทรรศการ ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน 09.00 – 10.00 น. นั่งรถรางเยี่ยมชมและเรียนรู้ “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์5 มอ” 10.00 – 11.00 น. หมุดที่ 2 : บ้านครูช่างศิลป์ (นายเมี้ยน สิงห์ทะเล) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “ความเป็นมา สิงห์ 5 มอ ด่านเกวียน” (โดย ม. ที่ 1 = นายเมี้ยน สิงห์ทะเล ครูช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การปั้นดินเพื่อใช้เป็นภาชนะ” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 11.00 – 12.00 น. หมุดที่ 3 : บ้านช่างศิลป์ (นายเสมอ สิงห์ทะเล) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “ตุ๊กตาจ้ าม่ า จากดินด่านเกวียน” (โดย ม. ที่ 2 = นายเสมอ สิงห์ทะเล ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การปั้นดินตุ๊กตาจั้มม่ า” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 12.00 – 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน 13.00 – 14.00 น. หมุดที่ 4 : บ้านช่างศิลป์ (นายมิตร สิงห์ทะเล) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “ด่านเกวียนกับงานออเดอร์ตามสั่ง” (โดย ม. ที่ 3 = นายมิตร สิงห์ทะเล ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การปั้นดินรูปปั้นพระพุทธรูป” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 14.00 – 15.00 น. หมุดที่ 5 : บ้านช่างศิลป์ (นายแมน สิงห์ทะเล) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “โอ่ง จากดินด่านเกวียน” (โดย ม. ที่ 4 = นายแมน สิงห์ทะเล ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การปั้นดินรูปปั้นโอ่ง” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 15.00 – 16.00 น. หมุดที่ 6 : บ้านช่างศิลป์ (นายสมหมาย สิงห์ทะเล) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “ปลามงคล จากดินด่านเกวียน” (โดย ม. ที่ 5 = นายสมหมาย สิงห์ทะเล ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การปั้นดินรูปปั้นปลามงคล” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 16.00 – 16.30 น. หมุดที่ 7 : แวะเยี่ยมชมเรียนรู้สินค้าและบริการ พร้อมเลือกซื้อสินค้าด่านเกวียน (ณ ถนนสินค้าด่านเกวียน2 : ลานยายนกแก้ว) 16.30 – 16.40 น. นั่งรถรางกลับมายังศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน สรุปผลการจัดกิจกรรม/เสร็จสิ้นกิจกรรม / เดินทางกลับ


31 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566


32 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566


33 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566


34 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 1 : บ้านช่างศิลป์ดินด่านเกวียน สิงห์ 5 มอ” วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566


36 การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 2 : เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 08.30 – 08.40 น. ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เดินทางถึง ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน (ณ เทศบาลต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา) 08.40 – 09.30 น. หมุดที่ 1 : เดินชมนิทรรศการ และเข้าชมสารคดี แหล่งเรียนรู้ “ด่านเกวียน ถิ่นงานปั้น” ณ ห้องแสดงนิทรรศการ ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน 09.00 – 10.00 น. นั่งรถรางเยี่ยมชมและเรียนรู้ “เส้นทางที่ 2 : เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” 10.00 – 12.00 น. หมุดที่ 2 : บ้านช่างศิลป์ (นายปั่น บุญเนตร) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “สร้อยและเครื่องประดับจากดินด่านเกวียน” (โดย นายปั่น บุญเนตร ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การท าสร้อยและก าไลข้อมือ” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 12.00 – 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน 13.00 – 15.00 น. หมุดที่ 3 : บ้านช่างศิลป์ (นายสมัย รอดกลาง) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “โทนและเครื่องดนตรี จากดินด่านเกวียน” (โดย นายสมัย รอดกลาง ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การปั้นขึ้นรูปโทน” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 15.00 – 16.00 น. หมุดที่ 4 : บ้านช่างศิลป์ (นายพะรัตน์ ปีบกระโทก) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “นกฮูกตาโต จากดินด่านเกวียน” (โดย ม. ที่ 4 = นายพะรัตน์ ปีบกระโทก ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การปั้นขึ้นรูปนกฮูก” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 16.00 – 16.30 น. หมุดที่ 5 : แวะเยี่ยมชมเรียนรู้สินค้าและบริการ พร้อมเลือกซื้อสินค้าด่านเกวียน (ณ ถนนสินค้าด่านเกวียน1 : ลานด่านเกวียนพลาซ่า) 16.30 – 16.40 น. นั่งรถรางกลับมายังศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน สรุปผลการจัดกิจกรรม/เสร็จสิ้นกิจกรรม /ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เดินทางกลับ


37 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 2 : เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566


38 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 2 : เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566


39 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 2 : เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566


40 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 2 : เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566


41 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 2 : เครื่องประดับและดนตรี จากดินถิ่นเครื่องปั้น” วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566


43 การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 3 : ดินด่านเกวียน สู่ธุรกิจชุมชน Production and distribution” วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 08.30 – 08.40 น. ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เดินทางถึง ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน (ณ เทศบาลต าบลด่านเกวียน อ าเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา) 08.40 – 09.30 น. หมุดที่ 1 : เดินชมนิทรรศการ และเข้าชมสารคดี แหล่งเรียนรู้ “ด่านเกวียน ถิ่นงานปั้น” ณ ห้องแสดงนิทรรศการ ศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน 09.00 – 10.00 น. นั่งรถรางเยี่ยมชมและเรียนรู้ “เส้นทางที่ 3 : ดินด่านเกวียน สู่ธุรกิจชุมชน Production and distribution” 10.00 – 12.00 น. หมุดที่ 2 : โรงงานผลิตและจัดจ าหน่ายบ้านมดแดง (นางสุพรรณนา พัสกรภักดี) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “จากครอบครัว สู่ ธุรกิจส่งออก” (โดย นางสุพรรณนา พัสกรภักดี ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การทดลองปั้น และเข้าดูเตาเผาผลิตภัณฑ์จากดินด่านเกวียน” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 12.00 – 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน 13.00 – 15.00 น. หมุดที่ 3 : โรงงานผลิตและจัดจ าหน่ายผู้ใหญ่โน (นายสม เปล้ากระโทก) - กิจกรรม : ฟังบรรยาย “กระบวนการต้นน้ า-กลางน้ า-ปลายน้ า” (โดย นายสม เปล้ากระโทก ช่างศิลป์ด่านเกวียน) - กิจกรรม : ลงฐานเรียนรู้ฝึกปฏิบัติการ “การทดลองปั้นขึ้นรูปสินค้าตามออเดอร์ จากดินด่านเกวียน” - กิจกรรม : การแลกเปลี่ยน/ซักถาม/ข้อสงสัย/เสนอแนะ 15.00 – 16.00 น. หมุดที่ 4 : แวะเยี่ยมชมเรียนรู้สินค้าและบริการ พร้อมเลือกซื้อสินค้าด่านเกวียน (ณ ถนนสินค้าด่านเกวียน1 : ลานด่านเกวียนพลาซ่า) 16.00 – 16.30 น. นั่งรถรางกลับมายังศูนย์เรียนรู้เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน สรุปผลการจัดกิจกรรม/เสร็จสิ้นกิจกรรม /ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เดินทางกลับ


44 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 3 : ดินด่านเกวียน สู่ธุรกิจชุมชน Production and distribution” วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566


45 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 3 : ดินด่านเกวียน สู่ธุรกิจชุมชน Production and distribution” วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566


46 ประมวลภาพกิจกรรม การจัดกิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยว “เส้นทางที่ 3 : ดินด่านเกวียน สู่ธุรกิจชุมชน Production and distribution” วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566


Click to View FlipBook Version