The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ฝ้าย เป็นเส้นใยที่ได้จากธรรมชาติ ได้จากส่วนที่ห่อหุ้มเมล็ด เรียกว่า ปุยฝ้าย มีลักษณะเป็นเส้นใย เส้นเล็กๆ นำมาปั่นเป็นเส้นด้ายและทอเป็นผืนผ้า

คุณสมบัติ : ดูดซึมน้ำและความชื้นได้ดี ทนต่อการซักรีด แต่ยับง่าย ทนต่อด่าง นิยมนำมาทำเป็นเสื้อผ้าเพราะสวมใส่สบาย ดูดซับเหงื่อได้ดี ระบายความร้อนได้ดี ติดสีย้อมได้ดี ซักรีดได้ง่ายและราคาถูก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by SACIT, 2023-08-08 23:34:02

กระบวนการย้อมสีธรรมชาติ (เส้นฝ้าย)

ฝ้าย เป็นเส้นใยที่ได้จากธรรมชาติ ได้จากส่วนที่ห่อหุ้มเมล็ด เรียกว่า ปุยฝ้าย มีลักษณะเป็นเส้นใย เส้นเล็กๆ นำมาปั่นเป็นเส้นด้ายและทอเป็นผืนผ้า

คุณสมบัติ : ดูดซึมน้ำและความชื้นได้ดี ทนต่อการซักรีด แต่ยับง่าย ทนต่อด่าง นิยมนำมาทำเป็นเสื้อผ้าเพราะสวมใส่สบาย ดูดซับเหงื่อได้ดี ระบายความร้อนได้ดี ติดสีย้อมได้ดี ซักรีดได้ง่ายและราคาถูก

Keywords: ย้อม,ฝ้าย

1 กระบวนการย้อมสีธรรมชาติ(เส้นฝ้าย) และการพัฒนาเทคนิคการย้อมสีธรรมชาติ โดย คร ู นิทัศน์ จันทร (อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี) คร ู ช่างศล ิปหต ั ถกรรม ประจา ปี 2564


2 กระบวนการย้อมสีธรรมชาติ(เส้นฝ้าย) และการพัฒนาเทคนิคการย้อมสีธรรมชาติ เส้นฝ้าย ฝ้าย เป็นเส้นใยที่ได้จากธรรมชาติ ได้จากส่วนที่ห่อหุ้มเมล็ด เรียกว่า ปุยฝ้าย มีลักษณะเป็นเส้นใย เส้นเล็กๆ น ามาปั่น เป็นเส้นด้ายและทอเป็นผืนผ้า คุณสมบัติ: ดูดซึมน ้าและความชื้นได้ดี ทนต่อการซักรีด แต่ยับง่าย ทนต่อด่าง นิยมน ามาท าเป็นเสื้อผ้าเพราะสวมใส่ สบาย ดูดซับเหงื่อได้ดี ระบายความร้อนได้ดี ติดสีย้อมได้ดี ซักรีดได้ง่ายและราคาถูก การน าไปใช้: นิยมน ามาตัดเย็บชุดนอน ชุดล าลอง กางเกง กระโปรง ชุดเด็กและผ้าอ้อม เส้นฝ้ายจากโรงงาน (สีขาว) มีเส้นที่สม ่าเสมอกัน แข็งแรงทนทาน มีราคาถูก มักจะน ามาใช้เป็นเครือ ในการทอ เส้นฝ้ายพนื้บา้น (สีขาว) มีเส้นที่ไม่สม ่าเสมอ ดูฟูกว่า เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลของงานท ามือ


3 วัสดุอุปกรณ์ ส าหรับการใช้ย้อมสี ล าดับ ภาพ รายละเอียด 1. ภาชนะสแตนเลส ขนาดบรรจุ25 ลิตร 2. เหยือกสแตนเลส ขนาด 2 ลิตร 3. เตาแก๊ส 4. ฝ้ายสีขาว (ฝ้ายโรงงาน)


4 5. กระบวยสแตนเลส ขนาด 1.5 ลิตร 6. กระชอนสแตนเลส 7. มีดสับวัตถุดิบ 8. เขียง


5 9. ไม้พาย 10. ตาข่ายส าหรับกรองเศษไม้ 11. ห่วงย้อมผ้า (วัสดุด้านในเป็ นสแตนเลส) ส าหรับแขวน หรือคล้องผ้า 12. ถังพลาสติก เบอร์ 18 ขนาดบรรจุ 10 ลิตร


6 13. กะละมังพลาสติก 14. นา ้ยาล้างจาน 15. ถุงมือยาง 1 คู่ 16 กระด้ง


7 17. กระดาษลิตมัส ส าหรับวัดค่าความเป็ น กรด-ด่าง 18. ถังพลาสติก 19. ผ้ากรองนา ้คร่ัง 20. ไม้นวดคร่ัง


8 วัตถุดิบจากธรรมชาติ และสารช่วยย้อม (มอร์แดนท์) 1. ใบตะเคยีนหนู5 กิโลกรัม 2 เมล็ดค าแสด 3. ลูกหมากแหง้1 กิโลกรัม 4. คร่ัง 3 กิโลกรัม


9 5. เนือ้คราม 1 กิโลกรัม 6. ใบมะเฟื อง 1 ก ามือ 7. ใบส้มป่ อย 1 ก ามือ 8. มะขามเปี ยกแกะเม็ด 1.5 กิโลกรัม


10 9. นา ้ดา่งจากขเี้ถ้า คุณสมบัติ ช่วยใหส้ีเข้มขึน้มีความมันเงา 10. นา ้ปูนใส คุณสมบัติ ช่วยใหส้ีตดิเส้นดา้ยและช่วยเปลี่ยนเฉดสี 11. สารส้มบดละเอียด คุณสมบัติ ช่วยให้สีจับยึดสีกับเส้นด้าย และช่วยให้สี สด สว่างขึน้ 12. สนิมเหล็ก หรือ เฟอรัสซัลเฟต คุณสมบัติ ช่วยใหส้ีตดิเส้นดา้ยและช่วยเปลี่ยนเฉดสี ธรรมชาติเดิมเป็ นสีโทน เทา-ด า ข้อควรระวังคอื ไม่ควรใช้ในปริมาณที่ เกินไป เพราะเหล็กจะทา ใหเ้ส้นดา้ยเปื่อย ง่าย


11 13. นา ้ถ่ัวเหลือง /นา ้เตา้หู้ คุณสมบัติ ช่วยเสริมโปรตีนในเส้นฝ้าย ท าให้ติดสี


12 กระบวนการและเทคนิคการย้อมร้อน (วัตถุดิบจากธรรมชาติ) การเตรียมเส้นฝ้ายก่อนย้อมสี 1.แช่เส้นฝ้าย 2.บิดหมาด 3.กระตุกเส้นฝ้าย 4. น าเส้นฝ้ายคล้องห่วง 5. ผึ่งเส้นฝ้าย


13 วิธีท า เส้นฝ้ายโรงงาน หรือเส้นฝ้ายพื้นบ้าน ก่อนจะน าเส้นฝ้ายมาย้อมต้องน ามาต้มล้างเอาไขมันออกก่อนทุก ครั้ง (เส้นฝ้ายที่ล้างแล้วจะจมน ้า) จากนั้นน าฝ้ายแช่น ้าเพื่อให้ฝ้ายอิ่มตัว น ามาบิดน ้าออกให้หมาด น าฝ้ายมากระตุก เพื่อให้เส้นฝ้ายคลายตัว ยืดเสมอกัน ป้องกันเส้นฝ้ายพันกันเวลาย้อม น าเส้นฝ้ายคล้องไว้ห่วง โดยจะใช้ห่วง 2 ห่วง (เพื่อพลิกกลับสลับฝ้ายเวลาย้อม) จากนั้นน าฝ้ายไปผึ่ง เตรียมน าไปย้อมได้ กรณีย้อมเส้นฝ้ายด้วยสีจากคร่ัง ก่อนย้อมต้องน าเส้นฝ้ายแช่น ้าต้มถั่วเหลือง เพื่อช่วยในการเพิ่มโปรตีนบน เส้นฝ้าย ท าให้สามารถย้อมสีติดได้ดีมากขึ้น โดยแช่ไว้ 1 คืน โปรตีนจากน ้าต้มถั่วเหลือง หรือน ้าเต้าหู้ (ไม่ใส่น ้าตาล) จะ ช่วยให้เส้นฝ้ายย้อมสีติดได้ดีมากขึ้น เทคนิค (ก่อนย้อม) - น าเส้นฝ้ายแช่น ้าก่อนย้อมจะท าให้เส้นฝ้ายอิ่มตัว เส้นฝ้ายจะดูดซับสีได้ดี สีสม ่าเสมอ และพร้อมที่จะ ติดสี - ย้อมครั่ง น าเส้นฝ้ายแช่น ้าต้มถั่วเหลืองเพื่อช่วยในการเพิ่มโปรตีนบนเส้นฝ้าย ท าให้สามารถย้อมสีติด ได้ดีมากขึ้น ข้อควรระวัง ห่วงส าหรับใช้ย้อมผ้าควรเป็นสแตนเลสเพื่อป้องกันสีเพี้ยน กรณีไม่มีห่วงสามารถใช้เชือกฟาง ทดแทนได้ สารช่วยย้อม หรือสารช่วยติดสี(มอร์แดนท์) พืชแต่ละชนิดที่น ามาใช้ย้อมเส้นด้ายมีความสามารถในการติดสี ความคงทนต่อการขัดถูหรือความคงทนต่อ แสงได้ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทางชีวเคมีภายในของพืชและเส้นด้ายที่น ามาใช้ย้อม จึงต้องใช้สารช่วยย้อมมา เป็นตัวช่วยในการท าให้เส้นด้ายดูดซับสีได้ดี มีความคงทนต่อแสงและการขัดถูเพิ่มขึ้น ซึ่งคุณสมบัติสารช่วยย้อม นอกจากจะเป็นสารที่ช่วยในการยึด และจับสีแล้ว บางครั้งสารช่วยย้อมยังท าให้ได้เฉดสีใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม การใช้ สารช่วยย้อมในการย้อมสี มี 3 วิธี คือ


14 วิธีที่1 การใช้สารช่วยย้อมก่อนการย้อมสี เพื่อให้สีติดยึดแน่นกับเส้นด้าย และช่วยเพิ่มความคงทนของสี ท าได้โดยการน าเส้นด้ายที่ผ่านการท าความสะอาด แล้วไปชุบหรือต้มย้อมกับสารช่วยย้อมก่อนน าไปย้อมด้วยน ้าย้อมสี ธรรมชาติ สารช่วยย้อมก่อนการย้อมสีที่นิยมใช้มักเป็นพืชที่ให้สารฝาดหรือสารแทนนิน น ้าถั่วเหลือง เกลือแกง (1) สารแทนนิน ได้จากพืชที่ให้รสฝาดและขม เช่น ใบฝรั่ง ใบยูคาลิปตัส เปลือกสีเสียด เปลือกผลทับทิม เปลือก ประดู่ ใบเหมือดแอ เป็นต้น ซึ่งสารดังกล่าวมีคุณสมบัติช่วยให้สีติดกับเส้นด้ายได้ดีขึ้น โดยการต้มสกัดน ้าฝาด หรือแทน นินจากพืชดังกล่าว แล้วน าเส้นด้ายลงไปต้มย้อมกับน ้าฝาดก่อน จากนั้นจึงน าเส้นด้ายไปย้อมกับน ้าสีย้อมอีกครั้ง (2) โปรตีนจากถั่วเหลือง ก่อนย้อมต้องน าเส้นฝ้ายแช่น ้าถั่วเหลืองเพื่อช่วยในการเพิ่มโปรตีนบนเส้นฝ้าย โดยแช่ ไว้ 1 คืน ยิ่งท าให้สีติดมากขึ้น ข้อเสีย : ถ้าลงมอร์แดนท์ไม่เท่ากัน เวลาย้อมสีติดไม่เสมอกัน วิธีที่2 การใช้สารช่วยย้อมพร้อมกับการย้อมสีวิธีนี้เป็นการใส่สารช่วยย้อมลงไปในน ้าสี ท าให้เกิดเม็ดสี ขึ้น จากนั้นจึงน าเส้นด้ายลงไปย้อม ข้อดี : ท าให้สีเสมอ เท่ากันหมด ข้อเสีย : ก าหนดความเข้มของตัวเนื้อสีไม่ได้ ก าหนดเฉดสียากขึ้น วิธีที่ 3 การใช้สารช่วยย้อมหลังการย้อมสีเป็นการน าเส้นด้ายลงไปย้อมสีก่อน แล้วจึงน าไปชุบหรือย้อม ด้วยสารช่วยย้อมในการภายหลัง วิธีการนี้จะช่วยท าให้เกิดเฉดสีใหม่ขึ้น ตัวอย่างสารช่วยย้อม หรือสารช่วยติดสี ดังนี้ (1) สารส้ม มีคุณสมบัติช่วยจับยึดกับเส้นด้าย และช่วยให้สีสดสว่างขึ้น มักใช้กับการย้อมด้วยพืชที่ให้เฉดสี น ้าตาล-เหลือง-เขียว เช่น แก่นแข ใบหูกวาง เปลือกประดู่ เปลือกมะพร้าว เป็นต้น (2) สนิมเหล็ก ช่วยให้สีติดเส้นด้าย และช่วยเปลี่ยนเฉดสีธรรมชาติเดิมเป็นสีโทน เทา-ด า


15 ข้อควรระวัง - สารส้ม และสนิมเหล็ก ต้องละลายด้วยน ้าอุ่นเท่านั้น ห้ามละลายด้วยน ้าเย็น - สนิมเหล็ก ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะท าให้เส้นด้ายเปื่อยง่าย (3) น ้าปูนใส ได้จากปูนขาวที่ใช้กินกับหมาก หรือท าจากการเผาเปลือกหอย โดยการละลายปูนขาวหรือเปลือก หอยที่ผ่านการเผาในน ้าสะอาด ทิ้งไว้ให้ตกตะกอน จะได้น ้าปูนใสมาใช้เป็นสารช่วยย้อมต่อไป (4) น ้าด่าง หรือน ้าขี้เถ้า ได้จากขี้เถ้าพืชเนื้ออ่อน เช่น ส่วนต่างๆ ของกล้วย เปลือกของผลนุ่น กากมะพร้าว เป็น ต้น ท าได้โดยเลือกพืชชนิดใดชนิดหนึ่งที่ยังสดๆ น ามาผึ่งแดดให้หมาด แล้วเผาให้เป็นขี้เถ้าสีขาว น าขี้เถ้าที่ได้ไปใส่ใน อ่างที่มีน ้าอยู่ กวนให้ทั่วทิ้งไว้ 4-5 ชั่วโมง ขี้เถ้าจะตกตะกอน น าน ้าที่ได้ไปกรองให้สะอาดแล้วจึงน าไปใช้งาน ข้อดี: ก าหนดเฉดได้ว่าจะเอาสีเข้ม สีอ่อนได้ ข้อเสีย : ท าหลายครั้งแล้วสีจะได้ไม่เท่ากันการย้อมแล้วด่าง ข้อควรระวัง - น ้าด่าง หรือน าขี้เถ้า ที่ได้จากถ่านไม้ (เชื้อเพลิงหุงต้ม) ต้องไม่มีปลวก


16 ขัน้ตอนและเทคน ิ คการย ้ อมส ี ธรรมชาตจ ิ ากทอ ้ งถน ิ่ดังนี้ สีเหลือง – ใบตะเคียนหนู ใบตะเคยีนหนูมีชื่อเรียกอื่นอีก หมากเปียก เบน เหียว แหว เอ็นมอญ เอ็นลื่น ลักษณะเป็นไม้ต้น ขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบช่วงสั้นสูง 15-25 เมตร ล าต้นเปล่า ตรง เปลือกสีเทาจนถึงน ้าตาลด า แตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ทั่วไป ใบ เป็นใบเดี่ยวติดเรียงสลับ ทรงใบรูปรีแกมรูปหอก โคนใบสอบแคบปลายใบเรียวแหลม เนื้อใบค่อนข้างบาง ท้องใบ และขอบใบมีขนนุ่มยาว ๆ สีเทาอมเหลือง หรือบางทีออกสีเงิน ดอกออกเป็นช่อเดี่ยวตามง่ามใบ ดอกย่อ มีขนาดเล็กสี เหลือง เป็นดอกสมบูรณ์เพศ โคนกลีบรองดอกติดกันเป็นหลอดเรียว ปลายหลอดแผ่กว้างแยกเป็น 5 แฉก ด้านในมีขน ยาว ๆ ทั่วไป ไม่มีกลีบดอก เกสรผู้ 10 อัน เรียงตัวเป็น 2 วง ผลเล็กรูปรี มีปีกหรือคีบออกทางด้ายข้าง 2 ปีก ส่วนบนเป็น ติ่ง หรือเป็นหางยื่นผลอยู่รวมกันเป็นก้อนกลม วัดผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 มม. ตะเคียนหนูมีเขตการกระจายพันธุ์ที่อินเดีย พม่า จีนตอนใต้ และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบแทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ พบมากทางภาคเหนือและภาคตะวันตกเฉียงใต้ ขึ้นในป่ าเบญจพรรณและป่ าดิบแล้ง ชอบเขาหินปูน จนถึงระดับความสูงประมาณ 750 เมตร ทมี่า : ศูนยว์จิัยและพัฒนาชานา ้มันและพชืนา ้มัน


17 ขัน้ตอนการสกัดสีจากใบตะเคยีนหนู อัตราส่วน : ตะเคียนหนูสับ 5 กิโลกรัม / น ้าเปล่า 20-25 ลิตร 1. สับใบตะเคยีนหนู2. นา ้เปล่าตม้ 3. ใบตะเคยีนหนูตม้ 4. กรองเศษไม้


18 5. แยกนา ้สีสกัด 6 เตรียมนา ้สกัดตม้เตรียมย้อม วิธีท า น าใบตะเคียนหนูมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ และต้มในน ้าสะอาด ให้ค่าเป็นกลาง ไม่ควรมีค่ากรดหรือด่าง (ใช้ กระดาษลิตมัสวัดค่ากรดด่าง) สามารถใช้น ้าประปา หรือน ้าถังส าหรับดื่ม (การใช้น ้าเป็นองค์ประกอบส าคัญ จะมีผลต่อ การให้สีที่ถูกต้อง) ใช้ไม้พายคนกลับสลับบนล่าง เพื่อให้ใบตะเคียนหนูโดนความร้อนอย่างทั่วถึง และคายสีให้ได้มาก ที่สุด หากน ้าที่ต้มมีปริมาณที่ลดลงสามารถเติมน ้าลงไป และเมื่อต้มเคี่ยวจนได้ที่ น าตาข่ายมากรองแยกน ้าสีที่สกัดออก จากกากและเศษไม้ จากนั้นน าน ้าสีที่กรองตั้งไฟแรงต้มเคี่ยวต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง เทคนิค - การสับย่อยวัตถุดิบ จะช่วยให้วัตถุดิบคายสีออกมาได้มาก ช่วยลดระยะเวลาในการต้มจาก 2-3 ชั่วโมง เหลือ 1 ชั่วโมง หรือถ้าใช้เครื่องบด จาก 1 ชั่วโมง ก็จะใช้เวลาเพียง 30-40 นาที - ใช้ไฟแรงในการต้มสกัดสี ควรให้อุณหภูมิน ้าอยู่ที่จุดเดือด หรือ 100 องศาเซลเซียส - ปริมาณน ้าสีที่สกัดลดลงสามารถเติมน ้าได้ ในปริมาณเท่าเดิม 20-25ลิตร น ้าสีต้องท่วมเส้นฝ้ายเพื่อ เวลาน าเส้นฝ้ายลงย้อม สีจะไม่ทับกัน และป้องกันสีเส้นฝ้ายด่าง - ใช้กระดาษลิตมัสวัดค่ากรดด่างของน ้า (ค่า PH ไม่ควรเกิน 7 ไม่ต ากว่า 5)


19 ข้อควรระวัง - อุปกรณ์ที่ใช้ในการต้ม ควรใช้ภาชนะที่ท าจากสแตนเลส เคลือบขาว หรือหม้อดิน (วัสดุควบคุม อุณหภูมิได้ดีที่สุด) ไม่ควรใช้ภาชนะที่ท ามาจากอะลูมิเนียมเนื่องจากมีสารทองแดงจะท าให้สีเพี้ยน ควรใช้เตาแก๊ส เนื่องจากสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ดี - น ้าเป็นปัจจัยส าคัญในการย้อมสี น ้าที่ใช้ในการต้มควรเป็นน ้าประปาที่ไม่มีคอลรีนมากเกินไป ถ้ามีคอ ลรีนมาก ควรรองน ้าและพักทิ้งไว้ 2-3 คืน ก่อนน ามาใช้ ขัน้ตอนการย้อมสีและเทคนิคการย้อมทับ ใบตะเคยีนหนู... อัตราส่วน : น ้าสีสกัดจากใบตะเคียนหนู 20-25 ลิตร /เส้นฝ้าย 1 กิโลกรัม / สารส้ม 1.5 ช้อนโต๊ะ /สนิมเหล็ก (ใส่ตามเฉดสีที่ต้องการ) วิธีท า แบ่งน ้าสีที่สกัดออกเป็น 2 หม้อ (เพื่อเปรียบเทียบสี) หม้อที่1 การย้อมสีเหลืองจากใบตะเคียนหนูโดยไม่ใช้สารช่วยย้อม น าเส้นฝ้ายที่เตรียมไว้ลงย้อมใน หม้อสีที่ต้มไว้ในอุณหภูมิประมาณ 50-70 องศาเซลเซียส โดยให้น ้าสีท่วมเส้นฝ้าย พลิกกลับเส้นฝ้าย เพื่อให้เส้นฝ้าย ดูดสีได้อย่างสม ่าเสมอ ยกเส้นฝ้ายขึ้น (เทียบสีที่ยังไม่ใส่มอร์แดนท์กับที่ใส่มอร์แดนท์) 1.นา ้สกัดสีก่อนใส่สารส้ม 2. เส้นฝ้ายย้อมสี ก่อนใส่สารส้ม


20 หม้อที่2 การย้อมสีเส้นฝ้ายโดยใช้สารช่วยย้อม (สารส้ม) น าน ้าต้มใบตะเคียนหนูมาตั้งไฟให้ร้อน ใส่ สารส้ม 1.5 ช้อนโต๊ะต่อน ้าใบตะเคียนหนู 20-25 ลิตร ส าหรับการย้อมเส้นฝ้าย 1 กิโลกรัม คนสีให้เข้ากัน จะได้สีเหลือง ที่สว่างขึ้น ลดไฟลงเพื่อให้อุณหภูมิของน ้าสีที่ต้ม อยู่ที่ 50-70 องศาเซลเซียส น าเส้นฝ้ายที่ยังไม่ได้ย้อมสีและเส้นฝ้ายที่ ย้อมครามไว้แล้ว (ย้อมทับเฉด พร้อมกับท าเฉดเดียว) ใส่ลงในหม้อย้อมพร้อมกัน กดเส้นฝ้ายให้น ้าสีท่วมเส้นฝ้าย พลิก เส้นฝ้ายกลับไปมา ทุก 10 นาที แช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ครบก าหนดน าเส้นฝ้ายที่ย้อมขึ้นมาเช็ค ฝ้ายที่ย้อมสีเหลืองตั้งต้นจะ ได้ “สีเหลืองที่สว่างขึ้น” ส่วนฝ้ายย้อมคราม เมื่อน ามาย้อมทับสีเหลือง จะเปลี่ยนเป็น “สีเขียว” จากนั้นน าฝ้ายมาบิดให้ หมาด ผึ่งให้เย็นลง กระตุกฝ้ายให้คลายตัวและเรียงเส้น น าเส้นฝ้ายใส่ถังแล้วปิดฝาหมักทิ้งไว้ 1 คืน หรือ 6-12 ชั่วโมง (เส้นฝ้ายมีความคงทนต่อแสง สีจะเข้มและติดทนไม่ซีด) แล้วค่อยน ามาซักล้าง 1.น าสกัดสีหลังใส่สารส้ม 2. ย้อมทับเฉด และย้อมเฉดเดียว 3.พลิกเส้นฝ้ายกลับด้านในด้านนอก 4. แช่เส้นฝ้าย 1 ช่ัวโมง


21 6.กระตุกเส้นฝ้าย 5.บิดหมาด 7.นา มาผึ่ง สีเหลือง เหลืองทับคราม = สีเขียวเข้ม


22 เทคนิคการไล่เฉดสี: โดยใช้สารช่วยย้อม ใช้น ้าย้อมสีที่ใส่สารส้มไปก่อนหน้านี้ ค่อยๆ ใส่สนิมเหล็กลงไปทีละนิด คนให้เข้ากัน สังเกตที่สีน ้า เมื่อได้เฉดสีที่ ต้องการ น าเส้นฝ้ายลงย้อมตามขั้นตอนปกติ การเปรียบเทียบสีก่อน-หลัง : ใส่สนิมเหล็ก ก่อน หลัง สีเหลืองตะเคยีนหนูใส่สารส้ม+สนิมเหล็ก


23 หมักเส้นฝ้ายทยี่อ้มทงั้หมด ทงิ้ไว้1 คนื สีเหลืองตะเคยีนหนู ใส่สารส้ม+สนิมเหล็ก = เขียวตองอ่อน เทคนิค - ใส่สนิมเหล็กในน ้าย้อมสีที่ใส่สารส้มไว้ก่อนหน้า เป็นเทคนิคการไล่เฉดสีที่สามารถก าหนดสีได้ง่าย โดยสังเกตจากสีของน ้าย้อม - การไล่เส้นฝ้ายตอนย้อมเพื่อให้เส้นฝ้ายเรียงตัว ติดสีสม ่าเสมอเวลาย้อมสีและไม่ร้อนมือผู้ย้อม โดยใช้ ห่วงคล้องเพื่อช่วยพลิกกลับเส้นฝ้าย - การควบคุมความร้อนของน ้าสีที่ต้มกรณีไม่มีเครื่องมือชี้วัดอุณหภูมิ ให้สังเกตควันสีขาวลอยอยู่เหนือ หม้อต้ม อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ 50-70 องศาเซลเซียส เหมาะในการย้อมสีด้วยเส้นฝ้าย - หมักฝ้ายที่ย้อมไว้ 1 คืน โดยไม่ต้องล้างออก ข้อควรระวัง - เวลาใส่ฝ้ายลงให้หม้อย้อม ควรลงให้พร้อมกัน เพื่อไม่ให้เส้นฝ้ายสีด่าง - ควบคุมอุณหภูมิของน ้าย้อมสีอุณหภูมิควรจะอยู่ประมาณ 50-70 องศาเซลเซียส - สนิมเหล็กไม่ควรใช้ในปริมาณที่เกินไป เพราะจะท าให้เส้นด้ายเปื่อยง่าย


24 สีส้ม - เมล็ดค าแสด เมล็ดค าแสด “ค าแสด” หรือ ค าเงาะ หรือ ค าไทย เรียกได้แตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น ค าแสดไม่ใช่ไม้ ท้องถิ่นของไทย โดยมีถิ่นก าเนิดเดิมอยู่แถบเขตร้อนของอเมริกากลาง และขยายมาจนถึงเขตร้อนทั่วโลก ส าหรับ ประเทศไทยมีการปลูกทั่วทุกภาคโดยส่วนที่ให้สีมีทั้งดอก ผล และใบ แต่ส่วนที่ถูกน ามาสกัดใช้สีย้อมมากที่สุด คือ“เมล็ดค าแสด” ถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งของผลทรงสามเหลี่ยมปลายแหลม เมื่อผลแก่จะแตกออกเห็นเมล็ดค าแสดที่ ซ่อนอยู่ภายใน ลักษณะเป็นเมล็ดกลมเล็ก ๆ สีน ้าตาลแดงจ านวนมาก เนื้อหุ้มเมล็ดมีสีแดงหรือสีแสด ซึ่งเป็นส่วนที่ให้สี ได้เช่นกัน ค าแสด เป็นพืชที่มีการใช้ประโยชน์จากการสกัดสี สีที่ได้จากเมล็ดค าแสด เรียกว่า สี annatto ซึ่งตรงกับชื่อ สามัญของไม้ชนิดนี้ คือ Annatto tree โดยสีที่ได้จากเมล็ดค าแสดเป็นสีแสดสดหรือสีส้มอมแดง สีที่สกัดจากเมล็ด ค าแสดมีการใช้ประโยชน์ในหลายประเทศ ทั้งในการย้อมผ้าและสีผสมอาหาร องค์ประกอบของสีจากเมล็ดค าแสดประกอบด้วยสาร Bixin (สีแสด) และ Bixol (สีเขียวเข้ม) ในประเทศอินเดีย เองก็ใช้ส่วนของผลที่หุ้มผลสุก เรียกว่า กมลา (kamala) ย้อมผ้าไหมและผ้าขนสัตว์เป็นสีส้มสด และมีการใช้เมล็ด ค าแสดย้อมผ้าฝ้าย รวมถึงในไทยเช่นกัน ปัจจุบันเมล็ดค าแสดมีการพัฒนาเป็งผงสีส าเร็จรูปแล้ว หรือจะน าเมล็ด ค าแสดมาบด เติมน ้า และกรองเอากากออก ปล่อยให้สีตกตะกอน แล้วรินน ้าใส ๆ ทิ้ง น ้าที่เหลือน าไประเหยแห้งจะได้สี เป็นก้อนสีแดงส้ม หลังจากนั้นก็น าก้อนสีที่มาบดและต้ม และย้อมผ้าโดยกรรมวิธีย้อมร้อน อย่างไรก็ตาม กระบวนการ ย้อมและสารช่วยย้อมที่แตกต่างกัน จะให้สีที่หลากหลายถึงแม้จะใช้วัสดุธรรมชาติชนิดเดียวกันก็ตาม ทมี่า : เว็บไซต์มูลนิธิสืบนาคะเสถียร


25 ขัน้ตอนการสกัดสีจากเมล็ดค าแสด อัตราส่วน : เมล็ดค าแสด 70 กรัม หรือ 3 ช้อนโต๊ะ /น ้าด่างขี้เถ้า (แช่ที้งไว้ ประมาณ 6-12 ชั่วโมง) 5 ช้อนโต๊ะ/ น ้าเปล่า 10 ลิตร 1.เมล็ดค าแสด 2. ผสมนา ้ดา่งขีเ้ถ้า 3. ใส่นา ้ร้อน 4.คนผสมให้เข้ากัน 5. กรองแยกนา ้ 6. ตม้นา ้สีผสมกับนา ้เปล่า


26 วิธีท า น าเมล็ดค าแสดใส่ลงในภาชนะสแตนเลส ผสมน ้าด่างขี้เถ้า แช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง จากนั้นใส่น ้าร้อน เขย่า ภาชนะ หรือใช้ไม้คน จะช่วยให้ละลายสีเมล็ดค าแสดเร็วขึ้น น ากระชอนมากรองแยกน ้าสีที่สกัดออกจากเมล็ดค าแสด สี ที่ได้จะเป็น “สีแสดขุ่น” ถ้าน ้าสียังเข้มอยู่ใส่น ้าร้อนและกรองจนกว่าน ้าที่ได้จะเป็นสีใส เมล็ดค าแสดจะเปลี่ยนจากสีส้ม เป็นสีด า จากนั้นตั้งน ้าร้อนในปริมาณ 10 ลิตร ผสมน ้าสีค าแสดที่สกัดไว้ น าตั้งไฟรอเดือด เตรียมย้อมสีได้ เทคนิค - ใช้น ้าด่างขี้เถ้าแช่เมล็ดค าแสด เพื่อช่วยการคายสีออกจากเมล็ดค าแสดมากกว่าและเร็วกว่าการใช้น ้าร้อน ละลายสีจากเมล็ดค าแสดอย่างเดียว - การเช็คค่าน ้าด่างขี้เถ้า ถ้าค่าPHต ่ากว่า 13 ต้องเติมน ้าด่างขี้เถ้าเพิ่ม (ใช้กระดาษลิตมัสวัดค่า PH) ขัน้ตอนการย้อมสีจากเมลด ็ คา แสด อัตราส่วน : น ้าสีกัดจากเมล็ดค าแสด ปริมาณ 10 ลิตร/เส้นฝ้าย 400 กรัม (4 ไจ) /สารส้ม 1.5 ช้อนโต๊ะ 2. ใสสารส้ม 1.เตมินา ้เปล่า 10 ลิตร


27 3. ย้อมเส้นฝ้าย 4.แช่เส้นฝ้าย 1 ช่ัวโมง 5. ยกขึน้บดิหมาด 6. กระตุกเส้นฝ้าย 7. หมักเส้นฝ้ายไว้ 1 คืน


28 สีส้ม = จากเมล็ดค าแสด วิธีท า น าน ้าสีที่ได้จากการสกัดเมล็ดค าแสด ผสมกับน ้าเปล่าปริมาณ 10 ลิตร ส าหรับการย้อมเส้นฝ้าย 400 กรัม น าหม้อสีตั้งไฟรอเดือด จากนั้นใส่สารส้ม ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีในการเคี่ยวเนื้อสีกับสารส้มให้เข้ากัน (ถ้าเป็น ก้อนคนจนกว่าสีละลายเข้ากัน) น ้าสีจากนั้น ลดไฟลงให้อุณหภูมิของน ้าย้อมสี อยู่ที่ 50-70 องศา น าฝ้ายที่เตรียมไว้ลง ย้อมในหม้อสี คอยพลิกกลับเส้นฝ้ายทุก 10 นาที ใช้พายกดเส้นฝ้ายลงเพื่อให้น ้าสีท่วมเส้นฝ้าย แช่ทิ้งไว้ ใช้เวลา ประมาณ 1 ชั่วโมง สังเกตเส้นฝ้ายจะดูดซับสี จนน ้าสีใส ยกเส้นฝ้ายขึ้น บิดหมาด ผึ่งให้เย็น กระตุกฝ้ายให้คลายตัวและ เรียงเส้น น าเส้นฝ้ายใส่ถุงพลาสติก หรือใส่ถังแล้วปิดฝา หมักทิ้งไว้ 1 คืน หรือ 6-12 ชั่วโมง (ท าให้เส้นฝ้ายมีความคงทน ต่อแสง สีจะเข้มและติดทนไม่ซีด) แล้วค่อยน ามาซักล้าง เทคนิค - ใส่สารส้ม ช่วยท าให้สีสว่างขึ้น - วิธีการกลับเส้นฝ้ายเอาข้างนอกไว้ข้างใน ข้างในไว้ด้านนอก ยกห่วงขึ้น 1 ข้าง (ข้างหนึ่งข้างใดก็ได้) แล้วบิดห่วง เส้นฝ้ายจะกลับด้าน ท าให้เส้นฝ้ายด้านในโดนอากาศด้านนอก สีจะได้เสมอ เรียกว่า การ ออกซิไดซ์กับอากาศ - น าฝ้ายที่ย้อมหมักไว้ 1 คืน แล้วค่อยน ามาซักล้าง สีจะเข้ม ติดทนไม่ซีด - หากต้องการย้อมฝ้ายในปริมาณ 1 กิโลกรัม ควรใช้น ้าย้อมสี 20-25 ลิตร ข้อควรระวัง หากใส่สารส้มแล้วสีจับก้อนจะท าให้ย้อมยาก สีจะไม่สม ่าเสมอกัน สาเหตุเกิดจากการท า ปฎิกิริยาต่อการัดตัวเนื้อสี เนื่องจากเนื้อสีจากเมล็ดค าแสดมีฝุ่ นผงเพราะเป็นเมล็ดแห้ง พอใส่สารส้มลงไปท าให้สีจับตัว เป็นก้อนต้องรอให้ละลาย ใช้ไม้พายคนให้สีเข้ากัน และใช้ปริมาณฝ้ายหรือไหมลงย้อมพร้อมกันในปริมาณมากไม่ได้ จะ ท าให้สีด่าง เส้นฝ้ายไม่ติดสี


29 สีแดง – คร่ัง คร่ัง เป็นแมลงสีแดงขนาดเล็กมาก อาศัยอยู่ตามกิ่งของต้นไม้ที่ใช้เลี้ยงเช่น ก้ามปู พุทรา สะแก มีชื่อทาง วิทยาศาสตร์ว่า Lucifer lacca Kerr. ซึ่งอยู่ในวงศ์ Laciferideae ครั่งจะอาศัยอยู่ตามกิ่งไม้และจะใช้ปากซึ่งมีลักษณะ เป็นงวงดูดน ้าเลี้ยงจากต้นไม้เพื่อเป็นอาหารและครั่งจะระบายยางครั่งที่มีลักษณะเหนียวสีเหลืองออกมา เป็นเกราะหุ้ม ตัวเพื่อป้องกันอันตรายจากศัตรู ยางเมื่อสัมผัสกับอากาศจะแข็งตัว เรียกว่า รังคร่ัง แมลงครั่งมีพัฒนาการเป็น 4 ระยะ คือ ไข่ ตัวอ่อน ดักแด้และตัวเต็มวัย ตามล าดับ แมลงครั่งตัวเมียมีอายุประมาณ 6 เดือน หลังจากที่วางไข่และฟักเป็นตัว อ่อนแล้วแม่ครั่งจะตายไป ตัวอ่อนจะออกจากซากรังแม่ ไต่ไปตามกิ่งไม้หาส่วนที่มีเปลือกบางอ่อนนุ่มอาศัยเจาะดูดน ้า เลี้ยงแล้วสร้างเกราะหุ้มตัวเองรอบกิ่งไม้นั้นตลอดช่วงชีวิต ครั่งจะขยายพันธุ์ในระยะที่เป็นตัวอ่อน โดยจะปล่อยตัวอ่อนครั่งให้ไปเกาะกิ่งไม้ใหม่ซึ่งจะท าได้ปีละ 2 ครั้ง คือ รอบฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 1 ครั้ง และรอบฤดูแล้ง ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม อีก 1 ครั้ง เมื่อปล่อยตัวอ่อนครั่งไปแล้ว จะทิ้งให้ขยายพันธุ์เองจนครบวงจรชีวิตของครั่งตัวเมียแล้วจึงตัดกิ่งไม้เก็บผลผลิตครั่ง ถ้า ปล่อยในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน จะเก็บครั่งในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม แล้วถ้าปล่อยครั่งในเดือนพฤศจิกายนธันวาคม ก็ตัดเก็บในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เป็นต้นไป เมื่อผู้เพาะเลี้ยงครั่งตัดกิ่งไม้ที่มีรังครั่งหุ้ม และแกะเอารังครั่ง ออกจากกิ่งไม้แล้ว ครั่งที่ได้เรียกว่า คร่ังดบิ (stick lac)ซึ่งมี 2 ลักษณะ คือ 1. คร่ังสด เป็นครั่งดิบที่เมื่อกะเทาะดูจะพบน ้าเมือกสีแดงหรือที่เรียกว่า เลือดคร่ังซึ่งประกอบด้วยตัวครั่ง และไข่ ที่ยังไม่ฟักตัว ซึ่งครั่งชนิดนี้จะซื้อขายกันในช่วงต้นฤดูกาลผลิต 2. คร่ังแหง้ เป็นครั่งดิบที่ได้ผ่านการตากแห้งหรือเก็บรักษาจนน ้าเมือกสีแดงแห้งแล้ว ทมี่า : เว็บไซต์ สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


30 ขั้นตอนการสกัดสีจากครั่ง อัตราส่วน : ครั่ง 3 กิโลกรัม / เส้นฝ้าย 1 กิโลกรัม / น ้าเปล่า 25 ลิตร / มะขามเปียก 2 ขีด / ใบส้มป่ อย 1 ก ามือ / ใบมะเฟื อง 1 ก ามือ/สารส้ม 1 ช้อนโต๊ะ 1. ตม้นา ้มะขามเปียก 2. เทนา ้มะขามเปียกใส่คร่ัง 3.นวดคร่ัง 4. กรองคร่ัง 5. นา ้สีสกัดตงั้ไฟ 6. ใส่ใบส้มป่ อย กับ ใบมะเฟื อง


31 7.กรองเศษใบไม้ออกจากนา ้คร่ัง 8. บดีนา ้คร่ังออกผ้ากรอง 9.ตม้นา ้คร่ัง + ใส่สารส้ม 10. ไม้พายคนให้เข้ากัน ช้อนยางคร่ัง และฟองออก วิธีการท า น ้าประมาณ 25 ลิตร ตั้งไฟแรง น ้าเริ่มร้อนใส่มะขามเปียกต้มเคี่ยว รอจนเดือด ตักน ้าที่ได้จากการ เคี่ยวมะขามเปียกเทใส่ลงในถังครั่ง ใช้ไม้นวดคลึงให้สีของครั่งออกมาผสมกับน ้า น าน ้าครั่งเทใส่ภาชนะที่กรองด้วยผ้า เพื่อแยกเนื้อครั่งออกให้เหลือแต่น ้าครั่ง ท าซ ้าอีกจนกว่าน ้าที่ได้จะสีจางลงจนเป็นสีใส เพื่อให้ได้น ้าครั่งใช้ส าหรับย้อมได้ มากที่สุด น าน ้าที่สกัดสีจากครั่งไปตั้งไฟ เคี่ยวจนเดือด ใส่ใบส้อมป่ อย และใบมะเฟื อง อย่างละ 1 ก ามือ จะช่วยท าให้สี แดงสดขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการติดสีได้ดีขึ้น เคี่ยวทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นน ้าผ้ามารองใส่ภาชนะ กรองเศษฝุ่ น ใบไม้ ออกจากน ้าครั่ง ขั้นตอนสุดท้าย น าน ้าสีที่สกัดได้จากครั่ง ตั้ง ไฟ อุณหภูมิของน ้าสี อยู่ที่ 50-70 องศาเซลเซียส ใส่สารส้ม 1 ช้อนโตะ ใช้พายคนให้เข้ากัน สังเกตสีน ้าครั่งเริ่มท า ปฏิกิริยากับสารส้ม จากสีแดงขุ่นๆเปลี่ยนเป็นสีแดงชมพู สังเกตได้จากฟองช้อนฟองอากาศขึ้น เตรียมย้อมสีเส้นฝ้ายได้


32 เทคนิค - น ากระชอนช้อนเอาฟองยางจากน ้าครั่งออกให้หมด เพราะถ้าติดเส้นฝ้ายจะซักล้างไม่ออก - ใส่ใบส้มป่ อย และใบมะเฟื อง เพื่อช่วยให้สีน ้าครั่งแดงสด และท าให้สีติดดีขึ้น - ควรใช้ผ้ากรองเศษฝุ่ นและกากใบไม้ออกจากน ้าครั่ง จะช่วยให้กรองเศษฝุ่ นละเอียดได้ดีกว่าตาข่าย - เมื่อใส่สารส้ม ให้สังเกตฟองน ้าครั่งจะเป็นแดงสีชมพู การเตรียมฝ้ายทยี่้อมด้วยคร่ัง (แช่นา ้ถ่ัวเหลือง) อัตราส่วน : น ้าถั่วเหลือง หรือ น ้าเต้าหู้ 30 กรัม ผสม น ้าเปล่า 4 ลิตร 1.เส้นฝ้ายแช่นา ้ถ่ัวเหลือง 1 คืน 2.บิดหมาด 3. กระตุกเส้นฝ้าย 4. ผึ่งเส้นฝ้ายก่อนย้อม


33 เส้นฝ้ายสีขาว สีคราม และสีเหลือง (เตรียมย้อมทับเฉด) แช่น ้าโปรตีนจากถั่วเหลืองทื้งไว้ 1 คืน น าขึ้นมาบิด หมาด กระตุกเส้นฝ้ายให้คลายตัว เรียงเส้น น าไปผึ่งให้เส้นฝ้ายโดนอากาศก่อนน าไปย้อม เทคนิค : ครั่งที่น ามาใช้เป็นครั่งอ่อนมีอายุ 7-8 เดือน ถ้าต้องการได้สีแดงสดต้องใช้ครั่ง 5 กิโลกรัม ต่อ ฝ้าย/ ไหม 1 กิโลกรัม ส่วนเส้นฝ้ายย้อมสีจากครั่งยังไงก็ไม่ได้สีแดง ต้องเพิ่มโปรตีนให้เส้นฝ้ายเพื่อให้สีติด ด้วยการแช่น า ถั่วเหลืองก่อนน าย้อม ขั้นตอนการย้อมสีและเทคนิคการย้อมทับครั่ง 1.เส้นฝ้ายสีขาว + สีครามย้อมทบัคร่ัง 2.สีเหลืองย้อมทับคร่ัง


34 3. พลิกกลับเส้นฝ้าย ทุก 10 นาที 4. แช่เส้นฝ้าย 1 ช่ัวโมง 5 สังเกตเส้นฝ้ายเปลี่ยนสี 6. บิดหมาด 7. ฝึ่งใหเ้ยน็ 8. หมักเส้นฝ้ายไว้1 คืน


35 ....... สีที่ได้จากการย้อมทับครั่ง สีแดงจากคร่ัง ครามย้อมทับสีแดง = ”สีม่วง” สีเหลืองตะเคยีนหนูย้อมทบัสีแดง = “สีแดงอมชมพ”ู วิธีท า น าเส้นฝ้ายสีขาว สีครามและสีเหลือง ที่ลงโปรตีนจากถั่วเหลืองแล้ว ลงย้อมในหม้อสีอุณหภูมิน ้าอยู่ที่ 50-70 องศา พลิกกลับเส้นฝ้ายทุก 10 นาที ใช้พายกดเส้นฝ้ายลงเพื่อให้น ้าสีท่วมเส้นฝ้าย สีเส้นฝ้ายสีขาว จะเริ่ม เปลี่ยนสีเป็น “สีแดง” เส้นฝ้ายสีครามย้อมทับสีแดง เปลี่ยนเป็น “สีม่วง” และสีเหลืองตะเคียนหนูย้อมทับสีแดง เปลี่ยนเป็น “สีแดงอมชมพู” แช่เส้นฝ้ายทิ้งไว้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สังเกตเส้นฝ้ายจะดูดซับสี จนน ้าสีใส ยกเส้น ฝ้ายขึ้น บิดหมาด ผึ่งให้เย็น กระตุกฝ้ายให้คลายตัวและเรียงเส้น น าเส้นฝ้ายใส่ถุงพลาสติก หรือใส่ถังแล้วปิดฝา หมัก ทิ้งไว้ 1 คืน หรือ 6-12 ชั่วโมง (ท าให้เส้นฝ้ายมีความคงทนต่อแสง สีจะเข้มและติดทนไม่ซีด) แล้วค่อยน ามาซักล้าง


36 เทคนิค - สังเกตควันสีขาวลอยอยู่เหนือหม้อต้ม อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ 50-70 องศาเซลเซียส เหมาะส าหรับ การย้อมสี - การย้อมทับเฉดสีในหม้อเดียวกัน สีนา ้ตาล – ลูกหมาก (สีตัง้ต้น) หมาก ผลออกเป็นทะลาย ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม รูปกลมรี รูปไข่ รูปไข่ปลายแหลม หรือเป็นรูป กระสวยขนาดเล็ก ในหนึ่งทะลายจะมีผลอยู่ประมาณ 10-150 ผล ผลดิบหรือผลสดเปลือกผลจะเป็นสีเขียวเข้ม เรียกว่า "หมากดิบ" ผลเมื่อแก่เปลือกผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มทั้งผลหรือสีแดงแกมส้ม เรียกว่า "หมากสุก" หรือ "หมากสง" หมาก เป็นพืชวงศ์เดียวกับ ตาล มะพร้าว จาก และลาน คือ เป็นพวกปาล์ม มีถิ่นก าเนิดดั้งเดิมอยู่แถบเอเชียใต้ ไป จนถึงหมู่เกาะอินเดียตะวันออก รวมทั้งพื้นที่ประเทศไทยด้วย ที่มา https://medthai.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81/


37 ขัน้ตอนการสกัดสีจากลูกหมาก อัตราส่วน : ลูกหมาก 1 กิโลกรัม /น ้าเปล่า 25 ลิตร /เส้นฝ้าย ครึ่งกิโลกรัม 1.ฝัดเอาฝุ่ นออกจากหมากแห้ง 2. ล้างหมาก 3.แช่หมากแหง้ทวิ้ไว้1 คนื 4.ต้มสกัดสีนา ้หมาก 5.กรองหมาก แยกนา ้สีสกัด (สีทไี่ดน้า ้ตาลขุ่น)


38 6.ตม้นา ้สีสกัดเตรียมย้อม วิธีการท า น าลูกหมากแห้งฝัดเอาฝุ่ นออก ล้างท าความสะอาดด้วยน ้าเปล่าอีกครั้ง แช่ทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้สีคาย ออกจากลูกหมากได้ปริมาณมากที่สุด น าลูกหมากที่เตรียมไว้ใส่ในหม้อต้มน ้า ตั้งไฟแรง เคี่ยวจนเดือด ตักน ้าลูกหมาก กรองบนตาข่ายรองด้วยภาชนะ แยกน ้าสีที่สกัดออกจากลูกหมาก น ้าสีที่สกัดได้จะเป็น “สีน ้าตาลขุ่น”จากนั้นน าน ้าสีที่ กรองตั้งไฟแรง ต้มเคี่ยวอีก 1 ชั่วโมง เทคนิค - น าลูกหมากแห้งล้างท าความสะอาดก่อนน ้ามาต้ม เพื่อไม่ให้มีเศษฝุ่ นติดเส้นฝ้ายเวลาย้อม - น าลูกหมากแห้ง แช้น ้าทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้สีออกจากลูกหมากได้ปริมาณมากที่สุด


39 ขัน้ตอนการย้อม จากสีลูกหมาก 1. น าเส้นฝ้ายลงย้อม 2. พลิกกลับเส้นฝ้าย ทุก 10 นาที 3.แช่เส้นฝ้ายทงิ้ไว้1 ช่ัวโมง 4. น าเส้นฝ้ายขึน้บดิหมาด 5. กระตุกเส้นฝ้าย 6. ผึ่งใหเ้ยน็ลง


40 ...... สีทไี่ดจ้ากการย้อมหมาก สีนา ้ตาลโอรส จาก หมาก วิธีท า ลดไฟที่เคี่ยวน ้าสกัดสีลูกหมากไว้ อุณหภูมิของน ้าย้อมสี อยู่ที่ 50-70 องศา น าเส้นฝ้ายที่เตรียมไว้ลง ย้อม คอยพลิกกลับเส้นฝ้ายทุก 10 นาที แช่ทิ้งไว้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สังเกตเส้นฝ้ายจะดูดซับสี จนน ้าสีใส ยก เส้นฝ้ายขึ้น บิดหมาด ผึ่งให้เย็น กระตุกฝ้ายให้คลายตัวและเรียงเส้น สีเส้นฝ้ายที่ได้จากการย้อมน ้าลูกหมากจะเป็น “สี น ้าตาลโอรส” ซึ่งจะเป็นสีตั้งต้นในการย้อมทับมอร์แดนท์ เทคนิคการผสมย้อมทับมอร์แดนท์ (ไล่เฉดสี) โดยใช้สีตั้งต้นจากการย้อมหมาก สีลูกหมาก (นา ้ตาลโอรส)


41 สารช่วยย้อม (มอร์แดนท์) โดยใช้สีตั้งต้น จากการย้อมสีลูกหมาก (น ้าตาลโอรส) 1. สารส้ม สีทไี่ด้= สีเนือ้ อัตราส่วน : สารส้ม 1 ช้อน โต๊ะ / น ้าร้อน 1.5 ลิตร / เส้นฝ้ายที่ย้อมสีลูกหมาก 1 ไจ สารส้มละลายดว้ยนา ้ร้อน หรือสกัดจากสีตงั้ตนั้(ลูกหมาก) นวด/ขย า เส้นฝ้าย 2-3 นาที สีตงั้ตน้จากหมาก = สีนา ้ตาลโอรส สีนา ้หมาก ย้อมทับ สารส้ม = สีเนือ้ วิธีท า น าสารส้มละลายด้วยน ้าร้อน หรือสกัดจากสีตั้งตั้น (ลูกหมาก)เท่านั้น จากนั้นน าเส้นฝ้ายจุ่มลงในถัง นวด หรือ ขย า เส้นฝ้ายประมาณ 2 -3 นาที น าเส้นฝ้ายขึ้น บิดหมาด กระตุกให้เส้นฝ้ายคลายตัวและเรียงเส้นไม่พันกัน เมื่อโดนอากาศเส้นฝ้ายจะเริ่มเปลี่ยนสี น าไปผึ่ง และซักล้าง คุณสมบัติสารส้ม ช่วยให้สีจับยึดสีกับเส้นด้าย และช่วยให้สีสด สว่างขึ้น


42 2. นา ้ดา่งขีเ้ถ้า สีทไี่ด้= สีนา ้ตาล อัตราส่วน : น ้าด่างขี้เถ้า 200 มิลลิลิตร / เส้นฝ้ายที่ย้อมสีลูกหมาก 1 ไจ นา ้ดา่งขีเ้ถ้า นวด/ขยา เส้นฝ้าย 2-3 นาที สีตงั้ตน้จากหมาก = นา ้ตาลโอรส สีหมาก ย้อมทบันา ้ดา่งขีเ้ถ้า =สีนา ้ตาล วิธีท า เทน ้าด่างขี้เถ้า ประมาณ 200 มิลลิลิตร ลงในถัง จากนั้นน าเส้นฝ้ายจุ่มลงในถัง นวด หรือ ขย า เส้นฝ้าย ประมาณ 2 -3 นาที น าเส้นง้ายขึ้น บิดหมาด กระตุกให้ฝ้ายคลายตัว และเรียงเส้นไม่พันกัน น าไปผึ่ง เมื่อโดนอากาศ เส้นฝ้ายจะเริ่มเปลี่ยนสี คุณสมบัตนิา ้ดา่งขีเ้ถ้าช่วยให้สีสว่างเข้มขึ้น มีความมันเงาแตกต่างจากสารส้ม และน ้าปูนใส


43 3. นา ้ปูนใส สีทไี่ด้= สีนา ้ตาลเข้ม อัตราส่วน : อัตราส่วน ปูนใส 3 ขีด / น ้าเปล่า 2 ลิตร /เส้นฝ้ายที่ย้อมสีลูกหมาก 2ไจ ขยา ปูนใสกับนา ้เปล่า ใช้เฉพาะนา ้ปนูใส นวด/ขย า 2-3 นาที สีตงั้ตน้จากหมาก = นา ้ตาลโอรส สีนา ้หมาก ย้อมทบันา ้ปูนใส =สีนา ้ตาลเข้ม


44 วิธีท า น าปูนใส ละลายน ้าเปล่า คนให้เนื้อปูนกับน ้าเปล่าเข้ากัน แช่ทิ้งไว้รอให้น าปูนใส เมื่อน ้าปูนใส เทน ้าที่ใส ใส่ภาชนะที่เตรียมไว้จากนั้นน าเส้นฝ้ายจุ่มลงในถัง นวด หรือ ขย า เส้นฝ้ายประมาณ 2 -3 นาที น าเส้นฝ้ายขึ้น บิด หมาด กระตุกให้ฝ้ายคลายตัว และเรียงเส้นไม่พันกัน น าไปผึ่ง เมื่อโดนอากาศเส้นฝ้ายจะเริ่มเปลี่ยนสี คุณสมบัตนิา ้ปูนใส ช่วยให้สีติดเส้นด้ายและช่วยเปลี่ยนเฉดสี 4. สนิมเหล็ก สีทไี่ด้= สีเทาบลอนด์ อัตราส่วน : สนิมเหล็ก 1 ช้อนชา / น ้าร้อน 1.5 ลิตร /เส้นเส้นฝ้ายที่ย้อมสีลูกหมาก 1 ไจ สนิมเหล็กละลายดว้ยนา ้ร้อน หรือนา ้สกัดจากสีตงั้ตนั้(ลูกหมาก) นวด/ขย า 2-3 นาที


45 สีตงั้ตน้จากหมาก = นา ้ตาลโอรส สีนา ้หมาก ย้อมทับ สนิมเหล็ก = สีเทาบลอนด์ วิธีการท า น าสนิมเหล็ก ละลายด้วยน ้าร้อน จากนั้นน าเส้นฝ้ายจุ่มลงในถัง นวดหรือ ขย า เส้นฝ้ายประมาณ 2 -3 นาที น าเส้นฝ้ายขึ้น บิดหมาด กระตุกให้ฝ้ายคลายตัวและเรียงเส้นไม่พันกัน น าไปผึ่ง เมื่อโดนอากาศเส้นฝ้ายจะเริ่ม เปลี่ยนสี คุณสมบัติสนิมเหล็ก ช่วยให้สีติดเส้นด้ายและช่วยเปลี่ยนเฉดสี 5. น้ าปูนใสทับสนิมเหล็ก (มอร์แดนท์ทับมอร์แดนท์) สีที่ได้ = สีเทาด า นา ้หมาก ย้อมทบันา ้ปูนใส =สีนา ้ตาลเข้ม นา ้ปูนใส ย้อมทับ สนิมเหล็ก (ก่อนย้อมทับสนิมเหล็ก)


46 สีนา ้หมาก ย้อมทบันา ้ปูนใส =สีนา ้ตาลเข้ม นา ้ปูนใส ย้อมทบัสนิมเหล็ก = สีด าเทา (มอร์แดนท์ทับมอร์แดนท์) วิธีท า น าเส้นฝ้ายที่ย้อมด้วยน ้าปูนใส ลงย้อมทับด้วยสนิมเหล็ก นวดหรือ ขย า เส้นฝ้ายประมาณ 2 -3 นาที น า เส้นฝ้ายขึ้น บิดหมาด กระตุกให้ฝ้ายคลายตัวและเรียงเส้นไม่พันกัน น าไปผึ่ง เมื่อโดนอากาศเส้นฝ้ายจะเริ่มเปลี่ยนสี น าไปผึ่ง และซักล้าง 6. สนิมเหล็กทบันา ้ปูนใส (มอร์แดนท์ทับมอรแ์ดนท)์สีทไี่ด้= สีนา ้ตาลไหม้ สีนา ้หมาก ย้อมทบัสนิมเหล็ก = สีเทาบลอนด์สนิมเหล็ก ย้อมทบันา ้ปูนใส (ก่อนย้อมทบัปูนใส)


47 สีนา ้หมาก ย้อมทับสนิมเหล็ก = สีเทาบลอนด์ สนิมเหล็ก ย้อมทับ นา ้ปูนใส = สีนา ้ตาลไหม้ (มอร์แดนท์ทับมอร์แดนท์) วิธีท า น าเส้นฝ้ายที่ย้อมด้วยสนิมเหล็ก ลงย้อมทับด้วยน ้าปูนใส นวดหรือ ขย า เส้นฝ้ายประมาณ 2 -3 นาที น า เส้นฝ้ายขึ้น บิดหมาด กระตุกให้ฝ้ายคลายตัวและเรียงเส้นไม่พันกัน น าไปผึ่ง เมื่อโดนอากาศเส้นฝ้ายจะเริ่มเปลี่ยนสี น าไปผึ่ง และซักล้าง ข้อควรระวัง สารส้ม และสนิมเหล็ก ต้องละลายด้วยน ้าร้อน หรือน ้าสีสกัดจากสารตั้งต้นเท่านั้น ห้ามละลาย ด้วยน ้าเย็น เทคนิคการผสมย้อมทับมอร์แดนท์ (จากซ้ายไปขวา) 1.สารส้ม 2.น ้าด่างขี้เถ้า 3.น ้าปูนใส 4.สนิมเหล็ก 5.น ้าปูนใสทับสนิมเหล็ก 6. สนิมเหล็กทับน ้าปูนใส


48 กระบวนการและเทคนิคการย้อมเย็น (วัตถุดิบจากธรรมชาติ) สีนา ้เงนิ– จากคราม คราม พืชไม้พุ่มที่มีลักษณะของใบคล้ายกับขนนกปลายคี่เรียงสลับกัน ลักษณะของดอก จะออกเป็นช่อ มี กลีบดอกสีชมพูอมแดง สรรพคุณทางยามีมากมายหลายแขนง ทั้งแก้อักเสบ แก้ปวด ดับพิษ รากใช้ขับปัสสาวะ ขับนิ่ว ลดบวม เปลือกต้านพิษงู แก้พิษฝีฯลฯ ในปัจจุบัน ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักกันในระดับประเทศ และมีชื่อเสียงใน ระดับโลก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมที่ได้จากการสกัด หรือย้อมจากสีของต้นคราม ที่มีชื่อเสียงและรู้จักกัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากทางภาคอีสาน เช่น จ.สกลนคร หรือ จ.เลย กลายเป็นสินค้าที่โด่งดังและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด หาก เราไปท่องเที่ยวทางภาคอีสาน เราอาจจะได้ยินชื่อเรียกผ้าย้อมครามที่แตกต่างไป ซึ่งคนท้องถิ่นมักเรียกว่า ผ้าหม้อนิล หากกล่าวถึงผ้าหม้อนิล ในประเทศลาว หรือคนตระกูลไทยทั้ง ไทยลื้อ ไทยแดง ไทยด า ไทยขาว ผู้ไทย ไทยพวน ที่อยู่ใน ลาว กัมพูชา เวียดนาม ก็รู้จักผ้าหม้อนิลกันทั้งสิ้น คนท้องถิ่น/ชนเผ่า นิยมย้อมสีผ้าเอง และเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นผ้า ประจ าชนเผ่า ผ้าหม้อนิลนี้ได้ด ารงอยู่คู่กับเผ่าพันธุ์ไทมายาวนาน เช่นเดียวกับชนชาติที่เก่าแก่ของโลกทั้งอียิปต์ มายา อินเดีย จีน ซึ่งต่างก็ใช้ครามในการย้อมผ้าเช่นเดียวกัน ที่มา https://www.bagindesign.com/charming-thai-indigo- %E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1/


49 ขัน้ตอนและวธิีการก่อหม้อคราม อัตราส่วน : เนื้อคราม 1 กิโลกกรัม น้้าด่างขี้เถ้า 1 ลิตร (ค่าPH 13) น้้ามะขามเปียก 2 ขีด (คั้นน้้า 1 ลิตร) 1. ขยา มะเปียกในนา ้เปล่า 2. ใส่เนือ้ครามลงในถังก่อคราม 3. ผสมนา ้มะขามเปียกกับเนือ้คราม 4. ขยา เนือ้ครามกับนา ้มะขามเปียก


50 5. วัดค่า PH นา ้ดา่งขีเ้ถ้า ด้วยกระดาษลิตมัส (ค่า PH =13) 6.ใส่นา ้ดา่ง 7.โจกคราม ทงิ้ไว้1 คนื 7.ครามทกี่่อขนึ้พร้อมใช้ยอ้ม


Click to View FlipBook Version